สามใบไม่เถา ตอนที่ 12
อุรวสายืนมองหน้าร้านใหม่ของแสงฉานอย่างภาคภูมิใจในตัวสามี หน้าร้านมีป้ายชื่อร้าน “Time For Us” มีป้ายเขียนว่า งานแถลงข่าวเปิดร้าน
อุรวสายิ้ม มองช่อดอกไม้ในมือ ที่ตั้งใจเอามาแสดงความยินดีกับความสำเร็จของแสงฉาน
ในร้านจัดเป็นเวทีเล็ก ๆ และมีนักข่าวสังคมหลายคนกำลังถ่ายภาพแสงฉานบนเวที อุรวสาเดินเข้ามา
“ผมอยากให้ที่นี่เป็นสถานที่รำลึกถึงเวลาดี ๆ ที่มีความหมายของทุกคนครับ ก็เลยเป็นที่มาของชื่อร้าน Time For Us”
“แต่ได้ยินมาว่าเชฟมีคนพิเศษอยู่เบื้องหลังคอยให้กำลังใจด้วย ขอเชิญพบกับเธอได้เลยครับ”
นักข่าวและผู้ร่วมงานปรบมือ อุรวสายิ้ม ทำท่าจะเดินไปที่เวที แต่กลับชะงัก บุษบาบัณเดินฉับ ๆ ขึ้นไปบนเวทีอย่างมั่นใจ ไปยืนเคียงข้างแสงฉาน อุรวสาหน้าชา เก้อไปทันที
“คุณบุษบาบัณเห็นอะไรในตัวเชฟแสงฉาน ถึงได้เข้าให้การสนับสนุนครับ”
“เห็นความหล่อค่ะ”
แสงฉานยิ้มแหย ๆ แต่ทุกคนในงานหัวเราะ อุรวสาหน้าตึง ไม่พอใจ
“พูดเล่นนะคะ เชฟแสงฉานเป็นคนเก่งมาก เพียงแต่ก่อนหน้านี้ขาดที่ปรึกษาด้านการทำธุรกิจดี ๆ ซึ่งพอบุษเข้ามาช่วย เชฟก็โชว์ความสามารถได้เต็มที่”
บุษบาบัณชำเลืองมองแสงฉาน อุรวสาทนฟังไม่ไหว ต้องเดินออกไป
อุรวสาเดินมาทางห้องน้ำ ที่มีฉากกั้น พลันเสียงของบุษบาบัณกับแสงฉานก็ดังขึ้น
“คุณก็บอกคุณวสาสิคะว่า งานของคุณไม่มีทางก้าวหน้าไปกว่านี้ถ้ายังมีเขาเป็นตัวถ่วง”
“ผมบอกวสาว่าเขาเป็นตัวถ่วงไม่ได้หรอกครับ มันทำร้ายจิตใจวสาเกินไป”
“คุณจะยอมให้อนาคตคุณเสียหายเพราะคน ๆ เดียวเหรอคะ”
“ขอบคุณนะครับที่เตือนสติผม ผมจะหาทางคุยกับวสาให้เร็วที่สุด”
อุรวสาช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน น้อยใจ ไม่คิดว่าแสงฉานจะคิดว่าเธอเป็นตัวถ่วงชีวิต อุรวสาแทบจะร้องไห้ เดินหันหลังกลับไป บุษบาบัณโผล่หน้าออกมา ในมือถือโทรศัพท์ อมยิ้มเจ้าเล่ห์
แสงฉานกำลังดูแลจัดโต๊ะและเสิร์ฟอาหารให้สื่อมวลชนได้ชิม อุรวสาเดินเข้ามายื่นช่อดอกไม้ให้แสงฉาน สีหน้าไม่สู้ดี
“ยินดีด้วยกับก้าวใหม่ในชีวิตนะคะ”
“วสา ผมดีใจที่คุณมา นี่ไง ร้านที่เป็นทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเรา”
“เราไม่มีอนาคตด้วยกัน และปัจจุบันของเราจะสิ้นสุดวันนี้”
“วสาพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ”
“เราจะหย่ากันพรุ่งนี้เช้า เจอกันที่สำนักเขตนะคะ”
อุรวสาหันหลังจะเดินกลับไป แสงฉานดึงเธอไว้
“วสา เรื่องของเรายังไม่จบนะครับ”
อุรวสาแกะมือของแสงฉานออกจากตัว
“อย่าเป็นตัวถ่วงชีวิตของกันเลยค่ะ ปล่อยฉันไปเริ่มต้นใหม่แบบที่ฉันต้องการเถอะ”
แสงฉานเสียใจ สะเทือนใจมากที่อุรวสาพูดว่าเขาเป็นตัวถ่วงชีวิต
“ผมเป็นตัวถ่วงชีวิตของคุณงั้นเหรอ”
อุรวสาแทบน้ำตาร่วง แต่ก็กัดฟันพูดอย่างเข้มแข็ง
“ใช่ค่ะ คุณฉุดรั้งความก้าวหน้าของฉัน ฉันคงไปได้ไกลกว่านี้ ถ้าไม่มีคุณ”
คำพูดของอุรวสาเหมือนมีดกรีดลงกลางหัวใจของแสงฉาน
“เพื่อเห็นแก่ความรักที่เราเคยมีให้กัน พรุ่งนี้กรุณาไปตามนัดด้วย”
อุรวสากับแสงฉานมองตากันด้วยความปวดร้าวทั้งสองฝ่าย
อุรวสานั่งซึมอยู่ที่สนามหน้าบ้านเงียบ ๆ อัษฎาเดินลงมานั่งข้าง ๆ
“ชีวิตคู่ก็เหมือนลิ้นกับฟัน กระทบกระทั่งกันได้ตลอด มีครั้งหนึ่ง แม่เขาเจอกิ๊บติดผมในรถพ่อ โอ้โฮบ้านแทบแตก คืนนั้นพ่อโดนตะเพิดไปนอนนอกห้อง”
“กิ๊บติดผมอยู่ในรถพ่อได้ยังไงคะ”
“ไอ้ศักดิ์ยืมรถพ่อไปรับลูกมันที่โรงเรียนอนุบาล กิ๊บนั่นก็ของลูกมัน พอแม่รู้ความจริงก็มาขอโทษพ่อที่ใจร้อนวู่วาม ซึ่งพ่อไม่โกรธนะ คนเราเข้าใจผิดกันได้ แต่แกล้งแหย่แม่ให้ไปนอนนอกห้องบ้าง”
“แล้วคุณแม่ยอมเหรอคะ”
“ยอมสิ ยอมให้พ่อไปนอนนอกห้องอีกคืน ฮ่ะๆ ๆ”
อัษฎาหัวเราะ แต่ฝืด อุรวสาไม่ขำไปด้วย
“ชีวิตคู่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนในนิทาน แต่มันเต็มไปด้วยขวากหนาม และอุปสรรค ถ้าคนสองคนจูงมือฟันฝ่าไปได้ก็จะได้พบความสุข”
“วสาจำไม่ได้แล้วค่ะว่าเราจูงมือกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”
อุรวสาคิดแล้วเริ่มน้ำตาคลอออกมาอีก
“แล้วจำได้มั้ยว่าจับมือกันครั้งแรกเมื่อไหร่ จำได้มั้ยว่าทำไมลูกถึงรักกัน”
“วสาจำได้ว่าวันที่เจอแสงครั้งแรก คือวันสิ้นสุดการรอคอยของวสา แสงคือคนที่ใช่ เขาทำให้ชีวิตของวสามีความหมาย”
“แสงฉานเป็นคนดี วสาน่าจะคิดดูอีกครั้ง”
“มันสายไปแล้วค่ะพ่อ”
อุรวสาร้องไห้โฮ อัษฎาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ค่อย ๆ ซับน้ำตาให้
“พ่อให้สัญญากับแม่คุณวสาไว้ว่าจะไม่ทำให้คุณวสาร้องไห้ พ่อขอโทษ”
“แต่วสาทำตัวของวสาเอง วสาทำให้พ่อเป็นห่วง”
“คุณวสาเป็นลูกพ่อ ถ้าสุข พ่อก็จะสุขไปด้วย ทุกข์ก็ทุกข์ไปด้วยกัน พ่อจะไม่มีวันทิ้งลูก”
อัษฎากอดอุรวสา ร้องไห้ไปด้วยกัน
บุษบาบัณกับพงษ์ชัยมาพบกันที่ห้องพักโรงแรม เธอกดคลิปเสียงจากโทรศัพท์มือถือให้พงษ์ชัยฟัง
“ผมบอกวสาว่าเขาเป็นตัวถ่วงไม่ได้หรอกครับ มันทำร้ายจิตใจวสาเกินไป”
บุษบาบัณกดหยุดคลิปเสียงแล้วยิ้มอย่างภูมิใจ พงษ์ชัยสงสัย
“คุณไปได้คลิปเสียงแสงฉานมาได้ยังไง”
บุษบาบัณยิ้ม นึกถึงเรื่องเมื่อไม่กี่วันผ่านมา เมื่อแสงฉานกำลังตำหนิผู้ช่วยพ่อครัวซึ่งเป็นชายมีอายุ ทั้งคู่มีสีหน้าเคร่งเครียด บุษบาบัณยืนฟังเงียบๆ
“วัตถุดิบหมดอายุก็ทิ้งไป อย่าเสียดายมัน ไม่คุ้มถ้าลูกค้าท้องเสีย”
แสงฉานเดินคุยกับบุษบาบัณในบริเวณร้าน บุษบาบัณถือโทรศัพท์มือถือ แชทไปด้วย
“ลุงเพิ่มเป็นคนเก่าคนแก่ของคุณอัษ วสาให้มาเป็นผู้ช่วยพ่อครัวตั้งแต่เพิ่งเปิดร้านใหม่ๆ”
“ถ้าลูกค้าท้องเสียขึ้นมาร้านจะโดนฟ้องนะคะ”
“มันเป็นความผิดผมด้วย ร้านใหญ่เกินไปดูแลไม่ทั่วถึง”
“ปัญหาทั้งหมดเกิดจากลุงเพิ่มคนของคุณอัษ.คุณก็ต้องแก้ให้ตรงจุดให้เขาออกไป”
“แต่ว่า”
แสงฉานลำบากใจ ปัญหาหลายอย่างรุมเร้า ทั้งงานทั้งเรื่องส่วนตัวจนปวดหัว บุษบาบัณกดอะไรที่โทรศัพท์ แล้วเงยหน้าพูดกับแสงฉาน
“คุณก็บอกคุณวสาสิคะว่า งานของคุณไม่มีทางก้าวหน้าไปกว่านี้ถ้ายังมีเขาเป็นตัวถ่วง”
“ผมบอกวสาว่าเขาเป็นตัวถ่วงไม่ได้หรอกครับ มันทำร้ายจิตใจวสาเกินไป”
“แต่เรากำลังพยายามช่วยคุณรักษาครอบครัว คุณจะยอมให้อนาคตคุณเสียหายเพราะคน ๆ เดียวเหรอคะ”
แสงฉานครุ่นคิดหนัก
“ขอบคุณนะครับที่เตือนสติผม ผมจะหาทางคุยกับวสาให้เร็วที่สุด”
บุษบาบัณเหลือบมองโทรศัพท์มือถือแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
บุษบาบัณเล่าให้พงษ์ชัยฟังอย่างภูมิใจ
“ก็แค่ตัดต่อ เลือกให้อุรวสาฟังแต่เรื่องบาดใจ ฮึๆ”
“เก่งมาก”
พงษ์ชัยหอมแก้มบุษบาบัณ
“อีกไม่นาน แสงฉานก็เป็นของคุณ อุรวสาก็กลายเป็นของผม เราสองคนจะมีความสุขที่สุด”
พงษ์ชัยกับบุษบาบัณยิ้มกับแผนร้าย
ที่สำนักงานเขต แสงฉานกับอุรวสานั่งอยู่ที่โต๊ะ ตรงหน้านายทะเบียน อุรวสาจรดปากกาเซ็นเอกสารอย่างไม่รีรอ ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองแสงฉาน แสงฉานมองอุรวสาอย่างเสียใจ หมดเรี่ยวหมดแรง ซังกะตาย อุรวสาส่งแผ่นกระดาษให้แสงฉานเซ็นต่อ แต่เขากลับนั่งนิ่ง นึกถึงภาพในอดีตเมื่อครั้งอยู่เมืองนอกด้วยกัน
แสงฉานกับอุรวสาใส่ชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว ถือทะเบียนสมรสคนละใบ หันมายิ้มให้กัน กอดกันยิ้มอย่างมีความสุข เขาหอมแก้มอุรวสา อุ้มภรรยาขึ้น อุรวสาโบกทะเบียนสมรส
“แต่งงานแล้วค่า”
ทั้งสองคนหัวเราะร่าเริง เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังกึกก้อง
แสงฉานยังนั่งมองเอกสารการหย่าเหม่อ ๆ เสียงหัวเราะดังก้องอยู่ในหัว
“แสง”
แสงฉานรู้สึกตัว หยิบปากกาขึ้นมา จรดลงที่ช่องที่กำกับด้วยชื่อของแสงฉาน เขาลังเลใจ อุรวสามองแสงฉาน รู้สึกปวดร้าวเช่นกัน เพราะเธอยังรักเขาอยู่ แต่ไม่อยากเป็นตัวถ่วง เธอปั้นสีหน้าและน้ำเสียงแข็ง กลั้นใจพูด เพื่อกลบความอ่อนแอของตัวเอง
“เซ็นสิคะ อย่าทำให้เสียเวลาไปมากกว่านี้”
แสงฉานตัดสินใจ วางปากกาลง
“ผมไม่หย่า”
แสงฉานลุกออกไปเลย อุรวสากลั้นน้ำตาจนตาแดงก่ำ อันตรากับอินทุอรสงสารพี่สาวมาก
สามพี่น้องเดินออกมาจากสำนักงานเขต อุรวสาพยายามทำหน้าสดชื่น
“อดไปเลี้ยงฉลองความโสดเลย แต่ไม่เป็นไร เก็บไว้คราวหน้าก็ได้”
อุรวสาเดินนำไป อินทุอรกระซิบอันตรา
“ยังพูดเล่นได้ก็ค่อยยังชั่ว อินนึกว่าจะร้องไห้โฮ”
“คุณวสาเป็นคนเข้มแข็งจะตาย”
อุรวสาเดินมาถึงรถ ควานหากุญแจรถ หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ แล้วจู่ ๆ ก็ร้องไห้ออกมา อินทุอรกับอันตราตกใจ รีบเข้าไปกอดอุรวสา
“ร้องเลยค่ะ ร้องออกมาให้หมด”
อุรวสาเกิดรู้สึกหน้ามืด เวียนหัว เป็นลมไปทันที
“คุณวสา”
น้องสาวสองคนช่วยกันอุ้มอุรวสาขึ้นรถ
ที่ห้องตรวจของโรงพยาบาล หน้าจอมอนิเตอร์ของเครื่องอัลตราซาวด์ หมอทำอัลตร้าซาวด์ให้อุรวสา โดยมีอันตรากับอินทุอรยืนจับมือพี่สาวอย่างให้กำลังใจ
“เด็กในครรภ์อายุ 11 สัปดาห์แล้วครับ”
อุรวสา อันตรา และอินทุอรตื่นเต้นมาก ที่เห็นภาพอัลตร้าซาวด์
“เห็นจุดที่หมอชี้มั้ยครับ นั่นคือหัวใจครับ”
หมอเปิดลำโพงดังขึ้น ทั้งสามคนได้ยินเสียงหัวใจของทารกดังไปทั่วห้อง อุรวสาตื้นตัน น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ฉันกำลังจะเป็นแม่”
อันตรากับอินทุอรก็น้ำตาซึมเช่นกัน
ตอนเย็น สามสาวกำลังช่วยกันจัดสำรับอาหารเย็น ต่างคุยกันไป
“มิน่าพักนี้ถึงได้อารมณ์แปรปรวนผิดปกติ” อันตราบอก
“อินก็นึกว่าทำงานหนักจนเครียดเกินไป”
“อย่าบอกใครนะ โดยเฉพาะแสงฉาน”
“แล้วคุณพ่อคุณแม่ล่ะคะ”
“บอกไม่ได้ ถ้ารู้ต้องสั่งให้พี่กับแสงฉานคืนดีกันแน่ ๆ”
อัษฎากับบราลีเดินเข้ามา
“คุณวสากับแสงฉานคืนดีกันแล้วเหรอ”
“งั้นวันนี้ก็ไม่ได้หย่ากันน่ะสิ”
“วันนี้ยังไม่หย่า แต่วันหน้าก็ต้องหย่าค่ะ”
อัษฎากับบราลีผิดหวังไปทันที
“งั้นก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของวันหน้า”
อัษฎาลงนั่งประจำที่ ทุกคนนั่งตาม อัษฎาถือเหยือกไวน์ขึ้นมา
“ไวน์เรียกน้ำย่อยหน่อยมั้ยคุณวสา”
อันตรารีบแย่งเหยือกไวน์จากมืออัษฎาไปทันที
“หมอไม่ให้ดื่มค่ะ”
“หมอไหน คุณวสาไม่สบายเหรอ”
อันตราอึกอัก “เปล่าค่ะ อันหมายถึงหมอคุณพ่อไงคะ แอลกอฮอล์ไม่ดีต่อหัวใจค่ะ”
อัษฎาพยักหน้า
“ผัดโป๊ยเซียนอร่อยจัง พี่ชอบ”
“ไหน อร่อยจริงเหรอ”
อัษฎาจะตัก แต่อินทุอรยกจานผัดโป๊ยเซียนไปวางตรงหน้าอุรวสา
“ชอบก็กินเยอะ ๆ เลยค่ะ มีประโยชน์ทั้งนั้น”
อัษฎาเซ็ง จะตักปลาทอด อันตราก็เลื่อนปลาทอดไปใกล้อุรวสาอีก
“กินปลาด้วยค่ะคุณวสา”
“เฮ้ย อะไรเนี่ย ยกให้คุณวสาหมด แล้วจะไม่ให้พ่อกินอะไรเลยเรอะ”
อัษฎาแกล้งโวยวาย ทุกคนหัวเราะ
“โอ๋ๆๆๆ วสาแบ่งให้คุณพ่อชิ้นหนึ่งนะคะ”
อุรวสาตักกับข้าวชิ้นเล็ก ๆ ให้อัษฎา อัษฎาแกล้งทำหน้างอน
“อ่ะ ๆ เยอะ ๆ”
อุรวสาตักใหม่ให้ช้อนพูน ๆ อัษฎาถึงยิ้มออก ทุกคนหัวเราะ บรรยากาศชื่นมื่น อบอุ่น
ภายในเต็นท์ อุรวสานั่งตรงกลาง อันตรากับอินทุอรนอนตักอุรวสา
“ชื่อน้านาดีมั้ย นานานานา นาน้านา” อันตราเสนอ
“วสา น้านา น่ารักดีนะคะ” อินทุอรเห็นด้วย
อุรวสามองน้องสาวสองคนขำ ๆ เพราะดูตื่นเต้นกันมาก
“แล้วถ้าเป็นเด็กผู้ชายล่ะ” อุรวสาถาม
“ถ้าเป็นผู้ชายก็ดีสิคะ อันจะได้สอนหลานต่อยมวย”
อันตราลุกขึ้นมานั่ง แล้วทำท่าชกลม
“เป็นผู้หญิงก็ดีแล้ว อินอยากสอนบัลเล่ต์ให้หลาน ใส่ชุดฟู ๆ สีชมพู. น่าร้าก”
“ไม่ ๆ ๆ ถึงเป็นหลานสาวพี่ก็จะสอนต่อยมวย”
“พี่วสาดูสิคะ พี่อันจะแย่งหลานไว้คนเดียวเลย”
“นี่หลานยังไม่ทันเกิดก็แย่งกันแล้วเหรอ”
อุรวสาขำน้องทั้งสองคน ทั้งสามก็ช่วยกันนึกชื่อเด็กต่อไป
“ชื่อไก่ย่างมั้ย พอมีลูกคนต่อไปก็ชื่อส้มตำ รับรองไม่ซ้ำใคร” อันตราเสนอ
“บ๊อง ไว้ลูกตัวเองเถอะ ชื่อ ตำปูปลาร้านะ”
“ไก่ย่างส้มตำปูปลาร้า บ้าที่สุด” อินทุอรแซว
ทั้งสามคนหัวเราะ
มุมหนึ่งของร้าน แสงฉานกำลังต้อนรับภิสิตกับเวศม์
“จะทำร้านใหญ่ ขยายสาขาไปทำไม ถ้าไม่มีวสา จริง ๆ แล้ว ผมอยากมีร้านอาหารเล็ก ๆ จะได้มีเวลาเอาใจใส่ลูกค้าและครอบครัว แต่ตอนนี้ผมไม่เหลือใคร แม้แต่ครอบครัว”
“เราน่าจะยังแก้ไขอะไรได้ อย่างน้อยตอนนี้คุณก็ยังไม่ได้หย่า” เวศม์บอก
“มาถึงจุดนี้แล้ว แสงควรเลือกทำตามความฝันของตัวเองให้ดีที่สุด ทำร้านเล็ก ๆ เพื่อมีเวลาให้กับครอบครัว”
แสงฉานคิดตามภิสิต
บุษบาบัณนั่งอ่านข่าวสังคมในหนังสือพิมพ์ออนไลน์ ในแท็บเล็ต
“ภิสิต นักการทูตหนุ่มกำลังจะย้ายไปประจำที่ญี่ปุ่นเร็ว ๆ นี้ สาวคนไหนอยากเป็นมาดามคนใหม่ยกมือขึ้น”
บุษบาบัณอารมณ์เสียทันที
“อย่าหวังเลยว่าจะได้ไปอย่างมีความสุข”
คลิปวิดิโอชื่อ ชะนีน้อยเลื่อยขาเตียงไฮโซ แพร่ไปทั่ว เป็นภาพอินทุอรใส่ชุดสีชมพูสวมนาฬิกาสีขาวสะพายกระเป๋าสีขาวเดินออกมาจากร้านเบเกอรี่ในโรงแรม รถของภิสิตมาจอดที่ลานจอดรถ ภิสิตใส่เชิ้ตขาวกางเกงสแลคสีดำลงมาจากรถ ในล็อบบี้โรงแรมชายคล้ายภิสิตประคองอินทุอร จากนั้นชายคล้ายภิสิตประคองหญิงคล้ายอินทุอรเข้าไปในลิฟต์โรงแรม กอดจูบกันนัวในลิฟต์ แต่เห็นหน้าไม่ชัด
อัษฎา กับบราลีกำลังดูคลิป หน้าเครียดจัด อุรวสากับอันตรากอดอินทุอรซึ่งร้องไห้โฮหลังดูคลิป
“อินไม่ได้ทำนะคะคุณพ่อ อินไม่เจออาสิตตั้งนานแล้ว อินไม่เคยขัดคำสั่งคุณพ่อเลยนะคะ”
“ไม่ได้ทำแล้วมีภาพหลุดแบบนี้ออกมาได้ยังไง”
“หนูอินเคยไปที่โรงแรมนั้นมั้ยลูก”
อินทุอรคิดนิดหนึ่ง
“เคยค่ะ วันนั้นอินไปซื้อขนมให้พี่อัน”
อินทุอรนึก วันนั้นเธอกำลังเลือกซื้อขนมอยู่ในเบเกอรี่ พลางคุยโทรศัพท์
“ขนมที่พี่อันมาซื้อประจำหมดค่ะ เอาอย่างอื่นแทนมั้ยคะ ไม่เอาเหรอคะ พรุ่งนี้อินมาให้ซื้อใหม่นะคะ”
อินทุอรเดินมาทางหน้าร้าน แล้วเก็บโทรศัพท์ เปิดประตูเดินออกมาเกือบถึงหน้าลิฟต์ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาอย่างเร็ว
“อยู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาชนอิน”
ผู้ชายคนนั้นใส่เสื้อเชิ้ตขาว กางเกงสแลคสีดำ รูปร่างและทรงผมเหมือนภิสิต ชนอินทุอรจนล้มลงไปที่พื้น แล้วประคองอินทุอรขึ้นมา
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“ขอบคุณค่ะ ดิฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
อินทุอรเบี่ยงตัวออกห่างผู้ชายคนนั้น เพราะประคองเธอใกล้ชิดเกินปกติ
อินทุอรเล่าต่อทั้งน้ำตา
“ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่อาสิต แล้วอินก็ไม่ได้ไปทำอะไรแบบในคลิปเลยจริง ๆ นะคะ”
“แล้วมันเป็นใคร”
อัษฎาสงสัย
สามใบไม่เถา ตอนที่ 12 (ต่อ)
บุษบาบัณยิ้มสะใจอยู่กับพงษ์ชัย
“ก็เป็นแค่ตัวประกอบคนหนึ่งที่บุษจ้างมา”
“ผู้หญิงในลิฟต์ที่กอดจูบกันนั่นก็ตัวประกอบ”
“ใช่ค่ะ บุษให้คนไปคอยดูอินทุอรกับภิสิตที่หน้าบ้านว่าแต่งตัวยังไง แล้วก็ให้สแตนด์อินแต่งตัวให้เหมือน”
ภิสิตขับรถมาจอดแล้วลงจากรถเหมือนในคลิป ตากล้องกำลังซุ่มถ่าย อินทุอรเดินออกจากร้านเบเกอรี่ ตากล้องแอบถ่าย อินทุอรกำลังเดินไปที่ลิฟต์ ตากล้องกำลังซุ่มอยู่หลังที่กำบัง ส่งสัญญาณให้ชายตัวประกอบวิ่งไปชน
ภาพจากในกล้องวงจรปิด ตัวประกอบสองคนกำลังกอดจูบ บุษบาบัณกอดอกยืนดูอยู่ในห้องฝ่ายรักษาความปลอดภัย อมยิ้มสะใจ
บุษบาบัณเล่าให้พงษ์ชัยฟังอย่างสะใจ
“แค่นี้บุษก็ได้คลิปที่ทำลายชีวิตพวกมันให้ย่อยยับ คนทั้งโลกจะได้ตราหน้ามันว่าแย่งผัวชาวบ้าน”
“คุณนี่มันร้ายจริงๆ”
พงษ์ชัยกดคลิปดูอีกรอบ
อันตราดูคลิปอย่างตั้งใจ
“อันว่าคลิปนี้มีอะไรแปลก ๆ หลายจุด”
อันตรากดเล่นคลิปอีกครั้ง กดฟรีซที่จอดรถที่ภิสิตไปจอด
“จุดแรกเลยคือที่จอดรถไม่ใช่ของโรงแรมนี้ อันจำได้ เพราะอันมาซื้อขนมที่นี่ประจำ”
อันตรากดฟรีซที่ภาพอินทุอรตอนเดินออกจากร้าน
“จุดที่สอง หนูอินใส่นาฬิกาสีขาว”
อันตรากดเร่งภาพไปจนถึงภาพในลิฟต์ อุรวสาตื่นเต้น
“ผู้หญิงในลิฟต์ไม่สวมนาฬิกา”
“เพราะฉะนั้นผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่หนูอินค่ะ”
อัษฎาโกรธ
“ใครทำกับหนูอินแบบนี้”
“คนที่ไม่ชอบหนูอินแล้วก็คอยหาเรื่องว่าหนูอินแย่งอาสิตก็มีอยู่คนเดียว” อันตราบอก
“อาบุษ” อุรวสาอุทาน
อัษฎาโกรธมาก
“หนูอินไปกับพ่อ พ่อจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
“ฉันไปด้วยค่ะ” บราลีบอก
“อินไม่กล้าออกจากบ้าน อินอาย”
อุรวสารีบมาห้าม
“อย่าไปเลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่เป็นผู้ใหญ่จะเสียชื่อ ปล่อยให้เราจัดการดีกว่า”
“คิดว่าทำได้คนเดียวเหรออาบุษ” อันตราแค้น
บุษบาบัณกำลังโพสต์ท่าสวยให้นักข่าวถ่ายรูป เหมือนกำลังให้สัมภาษณ์ชีวิตไฮโซอยู่ สวมชุดเดรสหรูกับนาฬิกาฝังเพชรราคาแพง ด้านหลังบุษบาบัณมีจอวิดิโอวอลล์ กำลังแสดงภาพขนมสวย ๆ ของร้าน
“ชุดนี้มีชุดเดียวในโลก ใช้โชว์ในงานปารีสแฟชั่นวีค บุษชอบใจก็รีบสอยมาเลย”
“แล้วนาฬิกาล่ะคะ” นักข่าวถาม
“เรือนเดียวในโลกอีกเหมือนกันค่ะ บุษชอบอะไรที่ไม่ซ้ำใคร”
ช่างภาพถ่ายรูปนาฬิกา บุษบาบัณภาคภูมิใจมาก ที่เครื่องเล่นวิดิโอวอลล์ มีมือลึกลับเข้ามากดหยุดภาพที่กำลังเล่นอยู่ แล้วใส่แผ่นดีวีดีเข้าไปใหม่ นักข่าวกำลังถ่ายภาพก็ชะงัก มองจอทีวี
“มีอะไรเหรอคะ”
บุษบาบัณหันไปมองภาพในจอวิดิโอวอลล์ก็ตกใจแทบช็อค ภาพในจอ เป็นภาพนิ่ง รูปบุษบาบัณกำลังกอดฟัดนัวเนียกับพงษ์ชัยที่ทางเดินโรงแรม แต่ทำเบลอที่หน้าบุษบาบัณกับหน้าพงษ์ชัย ตัดไปเป็นภาพบุษบาบัณกำลังเต้นกอดกับผู้ชายในผับ ภาพบุษบาบัณกอดคอผู้ชาย บุษบาบัณเมา ยืนโก่งคอหมดสภาพอยู่ข้างรถ ริมถนนตอนกลางคืน ภาพบุษบาบัณกอดกับฝรั่งในรถเปิดประทุน กลางสี่แยกไฟแดง จบด้วยเฟรมภาพพื้นดำ ตัวหนังสือสีแดง ว่า “เอาคืน”
“ใคร คุ้นๆ มากเลย”
นักข่าวต่างซุบซิบคุยกัน บุษบาบัณเหงื่อแตก กลัวโดนจับได้ อุรวสากับอันตราสะใจที่ได้ล้างแค้น บุษบาบัณแค้นใจ หันไปเห็นอุรวสากับอันตรากำลังเดินออกไปจากร้านไว ๆ
“แค่นี้นะคะ บุษมีธุระกับท่านผู้หญิงที่สมาคมค่ะ”
บุษบาบัณรีบลุกเดินออกไปจากร้าน
บุษบาบัณวิ่งตามมากระชากไหล่อุรวสากับอันตรา
“ภาพในร้านนั้นเป็นฝีมือพวกแกใช่มั้ย”
อุรวสากับอันตรายิ้มกวนๆ
“โดนเข้าบ้างเป็นไง แซ่บถึงใจดีมั้ยคะ”
บุษบาบัณโกรธจัด
“รู้รึเปล่าว่าการเผยแพร่คลิปทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียงมันผิดกฎหมาย”
“เอ๊ะๆ ๆ ยอมรับว่าเป็นคนในภาพพวกนั้นเหรอ” อันตรากวน
“ฉันจะแจ้งความจับแกสองคน”
“ก็เอาสิคะ วสาก็จะแจ้งความจับคนที่ตัดต่อคลิปหนูอินเหมือนกัน”
“ชุดในคลิปสวยดีนะคะ”
บุษบาบัณรู้สึกตัว
“ไม่ใช่ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้”
อันตราแกล้งเอาโทรศัพท์มาเปิดดู
“ถ้าอาบุษบอกว่าไม่ใช่ อันจะได้ส่งรูปไปให้บรรดาเมีย ๆ ของผู้ชายพวกนั้น คงสนุกไปเลยตอนเมียน้อยโดนแก๊งเมียหลวงแหกอก”
“แก”
“เลิกตอแยกับอินทุอร ลบคลิปชั่ว ๆ ออกไปให้หมด ไม่งั้นได้เจอดีแน่” อุรวสาขู่
บุษบาบัณโกรธจัด พุ่งเข้าใส่อันตรา แต่อุรวสาเข้ามาผลักบุษบาบัณออกไป บุษบาบัณผลักอุรวสาคืนบ้าง จนอุรวสาล้มลง อันตราตกใจ
“คุณวสา”
อุรวสานิ่วหน้า อันตรารีบประคองอุรวสา
“ไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ”
อันตราพาอุรวสาออกไปทันที บุษบาบัณมองตามสงสัย
อันตราพาอุรวสาเดินออกมาจากแผนกสูตินรีเวช
“โชคดีนะคะที่เด็กในท้องไม่เป็นอะไร อันตกใจแทบแย่”
อุรวสากับอันตราเดินผ่านไป บุษบาบัณแอบตามมา ตื่นเต้นมาก
บุษบาบัณโวยวายเสียงดังกับแสงฉาน
“ขายร้านที่เพิ่งเปิด แสงจะไม่ปรึกษาบุษสักคำเลยเหรอคะ”
“ผมเกรงใจ ก็เลยให้อาสิตติดต่อหาคนซื้อให้”
บุษบาบัณตาวาวด้วยความไม่พอใจ
“ต่อไปผมคงไม่ต้องรบกวนคุณบุษอีก”
“แต่เราเป็นเพื่อนกันนะคะ”
“จริงๆ ผมไม่ค่อยสบายใจกับการกระทำของคุณ หนูอินเป็นน้องของวสา คุณไม่ควรทำกับหนูอินแบบนั้น”
“ฉันไปทำอะไร”
“อย่าปฏิเสธเลยครับ อาสิตเล่าให้ผมฟังหมดแล้ว”
“ทำไมฉันจะทำไม่ได้ หนูอินแย่งสามีฉัน”
“คุณมีปัญหากับอาสิตเรื่องความประพฤติส่วนตัวมานานแล้ว ไม่เกี่ยวกับหนูอิน”
“คุณเองก็ระวังไว้ให้ดีเถอะ ที่เมียเร่ง ๆ ให้หย่าอาจจะมีเรื่องความประพฤติส่วนตัวลับหลังก็ได้”
“ไม่จำเป็นต้องระวัง คุณวสาไม่เคยนอกใจผม ผมรู้จักเขาดี”
“แน่ใจเหรอคะ นับบ้างมั้ยว่าไม่ได้นอนเตียงเดียวกันนานแค่ไหนแล้ว”
บุษบาบัณสะบัดหน้าเดินออกไป
แสงฉานกำลังทำอาหารอยู่ในครัว ภิสิตดื่มเครื่องดื่มกับของกินเล่นพลางคุยกัน
“สถานการณ์เรื่องคลิปเป็นไงบ้างครับอาสิต”
“อาคงไม่แก้ข่าวอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้มันเงียบไปเองจะเป็นประโยชน์กับหนูอินมากกว่า”
“อาสิตทำทุกอย่างเพื่อหนูอินตลอดเลย เคยคิดถึงตัวเองบ้างมั้ยครับ”
“อาขอให้ได้เห็นหนูอินมีความสุขก็พอใจแล้ว”
เสียงกริ่งดัง ภิสิตไปเปิดประตูให้เวศม์เข้ามา
“โอ้โห หอมไปทั้งห้องเลย เลี้ยงอะไรกันครับ”
แสงฉานยกไก่อบออกมาจากเตาอบทั้งตัว
“เลี้ยงขอบคุณอาสิตที่ช่วยหาคนมาซื้อร้าน แล้วก็ถือโอกาสเลี้ยงส่งอาสิตไปประจำสถานทูตที่ญี่ปุ่นด้วยเลย”
“จะย้ายเร็ว ๆ นี้แล้วเหรอครับ”
“ใกล้แล้วล่ะ อยากรีบไปจากเมืองไทยให้เร็วที่สุด จะได้ตัดใจได้สักที”
ภิสิตเศร้า แสงฉานกับเวศม์สงสาร
“แล้วนี่หนูอินรู้ข่าวรึยังครับ” เวศม์ถาม
บนโต๊ะสนามบ้านอัษฎา มีสร้อยข้อมือกับรองเท้าบัลเล่ต์ที่ภิสิตให้ อินทุอรหยิบของทั้งสองอย่างมากอดแล้วร้องไห้ อันตรากับอุรวสายืนมองอย่างเป็นห่วง
“พอรู้ข่าวว่าอาสิตจะย้ายไปญี่ปุ่น หนูอินก็ร้องไห้ไม่หยุด อันชวนไปไหนก็ไม่ไป เพราะอายเรื่องคลิปฉาวบ้าบอนั่น”
“พี่ว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง”
อุรวสามองอินทุอรอย่างสงสาร
บราลีกับอินทุอรไม่สบายใจ เรื่องที่อุรวสากับอันตราเล่าให้ฟัง
“คุณอัปสรป่วยเหรอ”
“ค่ะ ตั้งแต่หนูอินเป็นข่าว ป้าอัปสรก็ล้มป่วย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ” อันตราบอก
“วสาก็เลยจะขออนุญาตพาหนูอินไปเยี่ยมป้าอัปสรค่ะ”
อัษฎามองหน้าบราลีแล้วก็พยักหน้า
“ไปเถอะ พ่อฝากเยี่ยมด้วยแล้วกัน”
อันตรากับอุรวสาหันหน้ามาสบตากัน ดีใจ
อุรวสากับอันตราพาอินทุอรเดินเข้ามาในบริเวณบ้านอัปสร อินทุอรถือกระเช้าของเยี่ยมมาด้วย เสียงเปียโนดังแว่วมาจากในพิพิธภัณฑ์
“เสียงเปียโนของใคร” อินทุอรสงสัย
“เข้าไปดูสิจ๊ะ” อุรวสายุ
“แต่ว่า”
“ไปเถอะน่า”
อุรวสากับอันตราช่วยกันดันตัวอินทุอร คะยั้นคะยอด้วยสีหน้าให้อินทุอรเข้าไปในพิพิธภัณฑ์
ภิสิตกำลังเล่นเปียโน อินทุอรเดินเข้ามาเงียบ ๆ หยุดที่หน้าประตู ภาพในอดีตหลั่งไหลเข้ามาในความทรงจำ ทั้งภาพที่อินทุอรเคยเต้นรำกับภิสิต วันที่ได้เจอกับภิสิตอีกครั้ง หลังกลับมาจากต่างประเทศ วันที่หัดเล่นเปียโนด้วยกันที่นี่
ภิสิตคิดถึงอดีตแล้วก็เศร้า จนหยุดเล่น ลุกขึ้นจากเปียโน หันมาเจออินทุอรยืนน้ำตาคลออยู่ที่หน้าประตู
“หนูอิน มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เพิ่งมาค่ะ ได้ยินว่าป้าอัปสรป่วย”
“อาก็เพิ่งมาเยี่ยม กำลังจะกลับแล้ว”
“อาสิตกำลังจะไปทำงานที่ญี่ปุ่นใช่มั้ยคะ”
“อาทำตามสัญญาที่ให้กับพี่อัษฎา อาจะไม่เจอหนูอินอีก”
อินทุอรน้ำตาไหล
“อาสิตเป็นคนดี ทำตามสัญญาเสมอ”
ภิสิตเห็นอินทุอรร้องไห้ก็สงสาร ยื่นมือไปหา อยากจับตัวมากอด แต่ก็ชะงัก
“อย่าร้องสิครับ”
อินทุอรร้องไห้สะอึกสะอื้นจนน่าสงสาร ภิสิตอดใจไม่ไหว รวบตัวอินทุอรมากอดอย่างปลอบโยน
“ถึงอาจะไม่อยู่ แต่อาจะคอยตามข่าวหนูอินตลอดไป ถ้าหนูอินแต่งงาน อาสัญญาว่าจะมาเล่นเปียโนให้หนูอินเต้นรำกับเจ้าบ่าว”
อินทุอรร้องไห้ ภิสิตก็เศร้าที่สุด
อัปสรนอนอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
“อูย ไม่น่าเลย”
อัปสรจับหน้าตัวเอง หน้าตึงแข็งเหมือนเป็นอัมพาต อุรวสา อันตรามองอัปสรอย่างเป็นห่วง
“เจ็บมั้ยคะคุณป้า” อุรวสาถาม
“ไม่เจ็บจ้ะ แต่มันปวดขยับไม่ได้ เหมือนคนเป็นอัมพาต”
“กินอาหารได้บ้างมั้ยคะ” อันตราถาม
“ไม่ค่อยได้เลยจ้ะ ทรมานมาก”
แต๋วกับต้อยถือเหยือกน้ำผลไม้กับขนมเข้ามา
“ร่ำร้องอยากลองฉีดโบท็อกซ์ พอพาไปทำก็บ่น ร้องโอดโอยไม่หยุด” แต๋วบ่น
“อยากหน้าเด็กก็อย่าบ่น ต้องอดทนเพื่อความงาม จำไว้” ต้อยบอก
อัปสรกระพริบตาปริบ ๆ สาวใช้พาอัษฎากับบราลีเข้ามา
“สวัสดีครับคุณอัปสร”
ทุกคนชะงัก ช็อคที่เห็นอัษฎากับบราลี
“ขอโทษที่มาไม่ได้บอก เห็นเด็ก ๆ บอกว่าคุณอัปสรไม่สบาย ผมผ่านมาก็เลยแวะมาเยี่ยม”
“คุณอัปสรไม่สบายเป็นอะไรเหรอคะ”
“เอ่อ เอ่อ กล้ามเนื้อบนใบหน้าเป็นอัมพาตชั่วคราวค่ะ”
อัปสรพูดหน้าตึง ขยับปากไม่สะดวก
“อันตรายมากเลยนะ หาหมอรึยังครับ ผมรู้จักหมอระบบประสาทเก่งมาก ไปมั้ยครับ ผมพาไป”
อัษฎาทำท่าจะเข้าไปประคองอัปสร แต่อัปสรรีบลุกขึ้นมา หน้ายังตึง
“ไม่ต้องค่า ดิฉันหาหมอแล้วค่ะ”
“หมอบอกว่าไงบ้างคะ” บราลีถาม
“หมอบอกว่าไม่นานก็สวย เต่ง เด้งดึ๋ง”
อัษฎากับบราลีหันมามองหน้ากันงงๆ
“เด้งดึ๋ง ยังไงนะครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ อัปสรเบลอเพราะฤทธิ์ยาค่ะ หมอบอกว่าไม่นานก็หายค่า” แต๋วรีบแก้ตัวให้
อัษฎากับบราลีพยักหน้า อัปสร แต๋วกับต้อยถอนใจโล่งอก อุรวสากับอันตราไม่กล้าสบตากันเพราะกลัวหัวเราะออกมา อินทุอรเดินเข้ามาเงียบ ๆ หน้าตายังมีร่องรอยความเศร้า
“หนูอินมาพอดี เยี่ยมเสร็จแล้วกลับกันดีมั้ย คุณอัปสรจะได้พักผ่อน”
อัษฎาชวน ทุกคนยกเว้นอัษฎากับบราลี หันมามองอินทุอรอย่างสงสารเห็นใจ
สามใบไม่เถา ตอนที่ 12 (ต่อ)
ภายในร้านกาแฟ เวศม์ยื่นรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการคอนโดให้ผู้กำกับโฆษณา
“ฉันต้องทำโฆษณาโครงการคอนโดของบริษัท ก็เลยอยากให้แกช่วย”
“ได้เลยพี่ สมัยผมเรียนฟิล์มที่นิวยอร์ค ขอข้าวพี่กินทุกวัน เรื่องแค่นี้สบายมาก”
“แต่มีข้อแม้พิเศษอยู่เรื่องหนึ่ง”
เวศม์ยิ้มเจ้าเล่ห์
ภิสิตนั่งเศร้า เล่นเปียโนเพลงเศร้า ๆ น้ำตาซึม อัปสรเดินเข้ามา มองหลานชายอย่างสงสารจับใจ ภิสิตรู้สึกตัวว่ามีคนเข้ามาก็รีบเช็ดน้ำตา
“กลับไปกันหมดแล้วเหรอครับ”
อัปสรพยักหน้า
“อยากร้องก็ร้องเถอะ ลูกผู้ชายก็เสียใจเป็น”
“ผมพยายามทำดีที่สุดแล้วครับ เพื่อหนูอิน”
“ป้ารู้ ภิสิตเป็นสุภาพบุรุษ ยอมเสียใจแต่ไม่ยอมให้หนูอินเสียชื่อ คงไม่มีใครรักหนูอินไปมากกว่านี้แล้ว”
ภิสิตเศร้า
ที่คอนโดอัษฎา ริมสระว่ายน้ำ กองถ่ายโฆษณาทุกคนนั่งรออย่างกระสับกระส่าย ทีมงานหญิงคนหนึ่งกำลังโทรศัพท์เดือดร้อนวุ่นวายใจ เวศม์กับผู้กำกับโฆษณา เคร่งเครียด กำลังเล่าเรื่องให้อุรวสากับอันตราฟัง
“เราต้องถ่ายภาพนิ่งให้เสร็จวันนี้ แต่นายแบบนางแบบที่นัดไว้เกิดอุบัติเหตุ ยังหาคนแทนไม่ได้เลยครับ”
“เวศม์อยากได้ประมาณไหน วสาจะช่วยหา”
ผู้กำกับหันไปมองทางอันตรา อันตราเหรอหรา
“ฉันเนี่ยนะ”
“บทสามีก็ไม่ต้องหาไกล”
ผู้กำกับหันขวับมาทางเวศม์ เวศม์หน้าเหรอหราอีกคน
“ฉันเนี่ยนะ เล่นเป็นสามีคุณอัน”
“ไม่มีทาง”
อันตรากับเวศม์พูดพร้อมกัน แล้วหันมามองหน้ากัน
ในที่สุด เวศม์กับอันตราในชุดลำลองยืนอยู่ในสระว่ายน้ำ พร้อมกับเด็กที่เล่นเป็นลูก อันตราหน้าบึ้งแต่เวศม์แอบยิ้ม
“ให้ถ่ายแบบก็แย่แล้ว ต้องมาเล่นเป็นบทสามีภรรยาอีก”
“คิดว่าทำเพื่อบริษัทแล้วกันนะคุณ”
ผู้กำกับเริ่มถ่ายภาพ
“เล่นน้ำกันตามสบายนะครับพ่อแม่ลูก เดี๋ยวเราจะถ่ายไปเรื่อย ๆ”
อันตรายังเซ็งๆ ไม่ยอมเล่นตามบทบาท
“คุณแม่ เล่นหน่อยสิครับ”
เวศม์แกล้งวักน้ำใส่อันตรา อันตราไม่ยอม วักน้ำใส่เวศม์คืน เวศม์หัวเราะ วักน้ำใส่อันตราอีก อันตราหันไปพยักหน้าให้เด็ก
“รุมเลย”
อันตรากับเด็กช่วยกันวักน้ำใส่เวศม์ ทั้งสามคนสนุกสนาน ผู้กำกับถ่ายภาพรัวๆ
อุรวสายืนดูครอบครัวสุขสันต์ด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ เอามือลูบท้องตัวเองอย่างเผลอ ๆ แล้วนึกได้ว่าตัวเองไม่มีโอกาสพร้อมหน้าสามคนพ่อแม่ลูกอีกแล้ว อุรวสาเศร้า
อัษฎากับสมศักดิ์เดินเข้ามาในบริเวณสระว่ายน้ำ
“ที่จริงไม่ต้องจ้างนายแบบก็ได้ ใช้ฉันนี่แหละ”
สมศักดิ์โพสต์ท่าถ่ายแบบให้ดู
“เจมส์จิเรียกพี่ ณเดชน์เรียกเฮีย”
“อย่างแก เขาเรียกปู่แล้ว นี่มันคอนโดสำหรับครอบครัวหนุ่มสาว ไม่ใช่บ้านพักคนชรา”
อัษฎามองไปที่กองถ่าย เห็นเวศม์อุ้มอันตราในน้ำไกล ๆ มองไม่ถนัด
“นักแสดงเล่นดี ดูไกล ๆ ยังรู้เลยว่ารักกัน”
“เอ๊ะ นั่นเวศม์กับเจ้าอันนี่นา”
อัษฎาเพ่งมองชัด ๆ แล้วก็เห็นว่าใช่เวศม์กับอันตรา เขาออกอาการหวงลูกสาวขึ้นมาทันที ตะโกนสั่งเวศม์
“เวศม์ ปล่อยลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้”
คนทั้งกองถ่ายตกใจเสียงอัษฎา อันตรากับเวศม์ก็ตกใจ อันตราผลักเวศม์กระเด็น เวศม์หงายหลังจมน้ำ
ภายในห้องตัวอย่างของคอนโดฯ เวศม์กับอันตราแต่งตัวใหม่ เป็นชุดอยู่บ้าน กำลังโพสต์ท่าให้ผู้กำกับถ่ายภาพในมุมนั่งเล่น อันตรายิ้มหวานให้เวศม์ เวศม์จับมือหญิงสาว อัษฎามองเวศม์ตาดุ เสียงเหี้ยม
“มันจับมือลูกสาวฉัน”
“มันเป็นการแสดง” สมศักดิ์แก้แทน
เวศม์เปลี่ยนท่า โอบไหล่อันตรา
“มันโอบไหล่ลูกสาวฉัน”
“มันเป็นงาน ไม่ใช่เรื่องจริง ท่องไว้เพื่อน”
อัษฎาพยายามระงับความโกรธ
“พ่อแม่พูดคุยกันตามสบายนะครับ ผมจะเก็บภาพไปเรื่อย ๆ”
เวศม์กระซิบอันตรา
“สนุกดีเนอะ ไม่อยากให้วันนี้จบลงเลย”
“ฉันรู้นะว่าเป็นแผนของคุณ ฉันเช็คกับโมเดลลิ่งแล้ว นายแบบนางแบบเกิดอุบัติเหตุ คุณเมคเรื่องขึ้นเองทั้งนั้น”
เวศม์หัวเราะแก้เก้อ
“ว้า โดนจับได้ซะแล้ว”
“คุณทำแบบนี้ไปทำไม”
“ก็แค่อยากให้คุณลองคิดเล่น ๆ ว่าเราจะมีความสุขแค่ไหน ถ้าได้ใช้ชีวิตครอบครัวเล็ก ๆ อย่างสงบสุข ไม่ต้องวิ่งตามกระแสวัตถุนิยม ไม่ให้เงินทองสำคัญกว่าครอบครัว เราจะสอนลูกให้เป็นคนดีของสังคม นี่คือความฝันสูงสุดของผมที่อยากมีคุณร่วมอยู่ในนั้น”
อันตรารู้สึกดีไปกับการขายฝันของเวศม์ แต่ก็พยายามดึงตัวเองกลับมาสู่ความจริง ที่เธอไม่เปิดรับใคร
“เชิญคุณฝันไปคนเดียวเถอะ”
เวศม์จ๋อยแต่ก็พยายามฝืนยิ้ม
อุรวสาโยนลูกบอลเล็ก ๆ เล่นกับเด็กที่สวนหย่อมของคอนโดฯอัษฎา เสียงหัวเราะสดใส
แสงฉานถือกล่องใส่อาหารจะเดินเข้าไปในคอนโดฯ ได้ยินเสียงหัวเราะของอุรวสาก็หันไปดูอุรวสาเล่นกับเด็กอย่างประหลาดใจ เขารู้สึกว่าเป็นภาพที่งดงามและอบอุ่นมาก ลูกบอลกลิ้งมาทางแสงฉาน แสงฉานรับแล้วเอาไปส่งให้เด็ก
“คุณมาทำไม”
“คุณเวศม์ให้ผมทำอาหารมาประกอบฉากโฆษณา”
แม่เด็กเดินออกมาตามลูกพอดี อุรวสาหันไปพูดกับเด็ก
“ไปหาคุณแม่ก่อน เดี๋ยวน้าตามไปเล่นด้วยนะจ๊ะ”
เด็กวิ่งไปหาแม่ อุรวสามองตามเด็กยิ้ม ๆ แสงฉานประหลาดใจมาก
“คุณเคยบอกผมว่าไม่ชอบเด็ก ไม่อยากมีลูก”
“โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เคยไม่ชอบก็เปลี่ยนเป็นชอบได้ จากคนเคยรักก็เปลี่ยนเป็นไม่รักได้”
อุรวสามองแสงฉานด้วยสายตาเหินห่าง หมางเมิน
“แต่ผมรักใคร ผมไม่เคยเปลี่ยน”
แสงฉานมองอุรวสาด้วยสายตาตัดพ้อ เต็มไปด้วยความรักมั่น
“ถ้าไม่เปลี่ยน คุณก็จะเป็นฝ่ายเจ็บเอง ฉันกำลังคุยกับทนาย จะมีการฟ้องหย่าเร็ว ๆ นี้”
อุรวสาพูดเสียงเรียบ ๆ แล้วรีบเดินไป ทุกคำที่เธอพยายามทำร้ายจิตใจแสงฉาน ให้แสงฉานยอมหย่า แต่อุรวสาก็เจ็บปวดกับคำพูดของตัวเองเช่นกัน แสงฉานมองตามอุรวสาด้วยความปวดร้าว
ในร้านกาแฟ เวศม์กับผู้กำกับโฆษณากำลังเลือกรูปที่จะใช้ทำสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณาคอนโดฯ
“เอาภาพที่เลือกส่งทำอาร์ตเวิร์ค แล้วส่งกลับมาให้แอพพรูฟด่วนเลย”
ผู้กำกับเปิดภาพหนึ่ง เป็นภาพเดี่ยวของอันตราที่กำลังยิ้มสดใส น่ารักมาก
“น่ารักดีนะพี่ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าของบริษัทถึงหวงลูกสาวเว่อร์”
เวศม์มองรูปแล้วยิ้ม ภาพในจอคอมพิวเตอร์ เป็นภาพหวาน ๆ ของเวศม์กับอันตราและเด็กที่แสดงเป็นลูก รูปสุดท้ายก็เป็นรูปคู่ เวศม์กับอันตรามองตากันหวานฉ่ำในห้องครัว
ภายในครัว เวศม์กับอันตรามองตากัน
“วันนี้มีอะไรกินบ้างครับที่รัก”
“เยอะแยะเลยค่ะ”
“โอโห้ ของชอบผมทั้งนั้นเลย ขอชิมหน่อยนะครับ”
เวศม์หอมแก้มอันตรา
“อร่อยกว่าเดิมนะเนี่ย”
อันตราเขินอาย
“ลูก ๆ มากินข้าวได้แล้วครับ”
เด็ก 3 คนวิ่งเข้ามานั่งรอบโต๊ะอาหาร อันตรามองลูกสามคนอย่างงง ๆ
“นับซิ หนึ่ง สอง สาม”
เด็กแฝดเดินจูงมือกันเข้ามา อันตราเห็นฝาแฝดก็ยิ่งช็อค
“สี่ ห้า ยังไม่ครบ”
“หา ยังมีอีกเหรอ”
เด็กประมาณสิบขวบอุ้มเด็กไม่ถึงขวบเข้ามา
“คุณแม่ขา น้องฉี่ค่ะ”
“ฉันมีลูกเจ็ดคน”
“กำลังจะมีคนที่แปดต่างหาก”
อันตรากำลังอุ้มท้องอีกคนหนึ่ง เธอช็อคมาก
อันตราสะดุ้งเฮือก ตื่นจากฝัน เหงื่อเต็มหน้า พอได้สติก็นึกได้
“ลืมสวดมนต์ก่อนนอนถึงได้ฝันบ้า ๆ บอๆ”
อันตราลุกขึ้นนั่งพนมมือสวดมนต์
บริเวณหน้างานเปิดตัวคอนโดฯ อัษฏา บราลี และลูกสาวทั้งสาม แต่งตัวสวยสง่างามเดินเข้ามาเกือบถึงบริเวณงานเปิดตัวคอนโดฯ อินทุอรไม่สบายใจ สีหน้าไม่ดีตลอดเวลา จนอันตราแปลกใจ
“เป็นอะไรหนูอิน”
ทุกคนหยุดหันมามอง
“อินไม่ค่อยอยากมางานนี้เลยค่ะ”
“ไม่มาได้ยังไง วันเปิดตัวคอนโดฯใหม่เป็นงานสำคัญของบริษัทคุณพ่อนะจ๊ะ”
“ขาดหนูอินไป ก็ไม่ครบสามใบไม่เถาสิจ๊ะ” บราลีแซว
“รู้สึกไม่ค่อยดีเลยค่ะ ให้อินกลับบ้านนะคะ”
“ที่หนูอินรู้สึกไม่ดีก็เพราะเรื่องคลิปนั่นใช่มั้ย”
อินทุอรอึ้งที่พ่อรู้
“ในโลกนี้ไม่มีใครหนีการนินทาพ้น แต่มีสองอย่างที่เอาชนะได้ทุกสิ่งนั่นคือความดีและความจริง หนูอินต้องกล้าเผชิญหน้ากับทุกคนเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของเรา”
“หนูอินไม่ต้องกลัว ถ้ามีใครว่าอะไรหนูอิน พี่สองคนจะสอยมันให้ร่วงเลย”
อันตราปลอบน้องสาว อุรวสาบีบมืออินทุอรให้กำลังใจ อินทุอรรู้สึกดีขึ้นแต่ก็ยังเป็นกังวลอยู่
ภายในงานเปิดตัวคอนโดฯ ตกแต่งอย่างสวยงาม ประดับด้วยรูปภาพส่วนต่าง ๆ ของคอนโดฯ และรูปเวศม์กับอันตราและเด็กตามคอนเซ็ปต์คอนโดฯ ครอบครัวหนุ่มสาวทำงาน มุมหนึ่งวางโมเดลตึกคอนโดฯ ไว้ แขกเหรื่อทยอยเข้างาน นักข่าวถ่ายรูปอัษฎาคู่กับเวศม์ อัษฎาภูมิใจในตัวเวศม์มาก อุรวสา อันตรา อินทุอร และบราลียืนดูอยู่ไม่ห่าง
“งานนี้เวศม์บอกว่าเชิญแต่นักข่าวสายเศรษฐกิจ คงไม่มีใครกวนใจหนูอิน สบายใจได้”
อุรวสาปลอบน้อง อินทุอรถอนหายใจ ยิ้มให้พี่สาวและแม่อย่างโล่งใจ
“อินขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
อินทุอรเดินออกมาที่หน้างาน นักข่าว 3-4 คน กรูกันเข้ามายื่นไมค์แล้วถ่ายภาพอินทุอร
“คุณอินทุอรคะ คลิปหลุดหนุ่มสาวในลิฟต์ ใช่คุณกับคุณภิสิตรึเปล่าคะ”
นักข่าวอีกคน โชว์ภาพคลิปในไอแพดให้อินทุอรดู อินทุอรตกใจที่โดนคุกคามไม่ทันตั้งตัว แฟลชเข้าตาจนมองทุกคนพร่ามัว
อันตรามองมาจากในงาน เห็นอินทุอรกำลังโดนนักข่าวรุม
“คุณวสา หนูอินแย่แล้ว”
อุรวสากับบราลีหันไปเห็นอินทุอรกำลังยืนหน้าซีดกลางกลุ่มนักข่าว ก็ตกใจ
สามใบไม่เถา ตอนที่ 12 (ต่อ)
อินทุอรหน้าซีด แต่พยายามรวบรวมสติอธิบายปากสั่น
“คนที่อยู่ในลิฟต์นั่นไม่ใช่อินค่ะ ไม่ใช่จริง ๆ นะคะ”
“แต่ตอนที่เดินออกจากร้านเบเกอรี่เห็นหน้าชัดมากนะคะ”
อัษฎา บราลี อุรวสา เวศม์ และอันตราวิ่งมา อุรวสากับอันตราทำท่าจะเข้าไปช่วยอินทุอร แต่อัษฎารั้งไว้
“ไม่ต้อง พ่อเชื่อว่าหนูอินจัดการเองได้”
อินทุอรมองไปด้านหลังนักข่าว แล้วจึงเห็นว่า อัษฎา บราลี อุรวสา อันตรา และ เวศม์ ยืนให้กำลังใจอยู่ เธอค่อย ๆ รู้สึกมีกำลังใจขึ้นเรื่อย ๆ จนกล้าพูดกับนักข่าวได้อย่างคล่องแคล่ว อินทุอรหยิบไอแพดจากมือนักข่าวมาเปิดแล้วฟรีซภาพ
“ดูดี ๆ สิคะเขาตัดต่อภาพอินกับคุณอาภิสิตจากคนละที่ มารวมกัน มันเป็นการกลั่นแกล้งค่ะ”
ทุกคนโดยเฉพาะอัษฎาภูมิใจในมาดใหม่ของอินทุอรที่กล้าและมั่นใจ
“มีหลักฐานมั้ยคะ”
“ตำรวจกำลังขอภาพกล้องวงจรปิดจากโรงแรม คงจะได้เห็นความจริงเร็ว ๆ นี้ หยุดแชร์คลิปเถอะค่ะ เพราะมีความผิดตามกฎหมาย โทษทั้งจำทั้งปรับนะคะ”
อัษฎาพยักหน้าให้อินทุอร อินทุอรจึงเกิดความมั่นใจขึ้นมาก
“อินมาจากครอบครัวที่มีการศึกษา ได้รับการอบรมเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นอินไม่ทำอะไรที่ผิดศีลธรรมหรอกค่ะ”
อุรวสานั่งลงที่โซฟาด้านนอกงานท่าทางเพลีย ๆ เหนื่อยล้า
“ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะครับ”
อุรวสาหันไปเห็นพงษ์ชัยก็ประหลาดใจ
“ผมตั้งใจมาอุดหนุนคอนโดฯของคุณอัษฎา ช่วยผมเลือกหน่อยได้มั้ยครับ”
อุรวสาลุกขึ้น พงษ์ชัยฉวยโอกาสเข้าไปประคอง อุรวสาขยับตัวถอยห่างไม่ให้น่าเกลียด แต่แสงฉานเดินมาเห็นก่อนก็ตรงดิ่งเข้าไปผลักพงษ์ชัยออกห่างอุรวสาทันที พงษ์ชัยโมโห ผลักอกแสงฉานคืนยิ้มกวน ๆ
“คุณแสงฉาน ทักทายรุนแรงจังนะครับ”
“แค่นี้ยังน้อยไป”
เวศม์เดินออกมาเห็นก็แกล้งเข้ามาทักพงษ์ชัยอย่างตื่นเต้น
“สวัสดีคร้าบคุณพงษ์ชัย คุณอัษฎากำลังรออยู่เลยครับ เชิญในงานเลยครับ”
เวศม์รีบลากพงษ์ชัยไปโดยไม่เปิดโอกาสให้ขัดขืน เจตนาอยากให้แสงฉานได้คุยกับอุรวสาตามลำพัง อุรวสาพูดเรียบ ๆ อย่างหมางเมิน เย็นชา
“เลิกทำอย่างนี้สักทีได้มั้ย”
“ผมยังรักคุณนะวสา”
แสงฉานมองอุรวสาอย่างตัดพ้อ อุรวสามองหน้าแสงฉาน ภาพอดีตกลับเข้ามาในความทรงจำของอุรวสา ถ้อยคำที่บุษบาบัณพูดกับแสงฉานเรื่องที่อุรวสาเป็นตัวถ่วง อุรวสาเดินหนีไปเพื่อไม่ให้แสงฉานเห็นว่าเธอเจ็บปวดมาก
พอพ้นมุมที่แสงฉานมองไม่เห็น อุรวสาพิงผนังแล้วร้องไห้เสียใจ ในขณะที่แสงฉานมองตามไป เศร้า
แสงฉานมองแขกในงานที่มาเป็นครอบครัวหรือคู่รักอย่างเหงา ๆ เศร้า ๆ เวศม์เดินผ่านมาเห็นก็รีบเข้ามาหา
“พงษ์ชัยตั้งใจก่อกวนคุณ เพื่อให้ภาพคุณยิ่งติดลบในสายตาคุณวสา คุณต้องระวังและใจเย็นให้มาก”
“ขอบคุณที่เตือน ผมจะพยายาม”
เวศม์พยักหน้าแล้วเดินไปต้อนรับแขกคนอื่น ๆ แสงฉานรู้สึกว่าไม่น่ามางานนี้ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเขาเลย แสงฉานจะกลับ แต่พงษ์ชัยเข้ามาขวางหน้า เขาหน้าตึง เครียด ระแวงใส่พงษ์ชัยทันที พงษ์ชัยรีบยกมือห้าม
“เราไม่ควรมีเรื่องกันในงานของพ่อตาคุณ แต่ผมมีเรื่องอยากจะบอก”
“เรื่องอะไร”
“คุณวสาปรับทุกข์กับผมเรื่องที่คุณไม่ยอมหย่า”
แสงฉานหึงขึ้นมาอีก แต่พยายามทำใจเย็นตามที่เวศม์เตือน
“แล้วไง”
“ผมเป็นห่วงคุณวสาก็เลยอยากขอร้องคุณว่าอย่าสร้างปัญหาอีกเลย ยิ่งคุณวสาเครียดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลร้ายกับเด็กในครรภ์นะครับ”
“เด็กในครรภ์”
แสงฉานช็อค เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมอุรวสาถึงดูแปลกๆ ที่ชอบเล่นกับเด็ก แล้วการที่พงษ์ชัยรู้เรื่องนี้ก่อน และต้องรู้จากปากพงษ์ชัย ทำให้แสงฉานยิ่งไม่พอใจมากขึ้น
“ขอบคุณที่บอก ยิ่งรู้แบบนี้ ผมยิ่งไม่มีวันหย่ากับวสา”
“คิดให้ดีนะครับ ผู้หญิงทุกคนย่อมอยากให้ลูกเกิดมามีพร้อมทั้งพ่อและแม่ แล้วทำไมคุณวสาถึงปฏิเสธความเป็นสามีและพ่อของลูก”
แสงฉานอึ้ง คำถามนี้แทงใจแสงฉานเข้าอย่างจัง
“เพราะคุณวสาไม่เชื่อว่าคุณจะดูแลเธอกับลูกได้ คุณไม่มีความเป็นผู้นำ แค่ธุรกิจเล็ก ๆ ของคุณยังไปไม่รอด แล้วคุณจะดูแลครอบครัวให้สุขสบายได้ยังไง ตัวถ่วงไร้ค่าอย่างคุณ คุณวสาไม่อยากอยู่ด้วยหรอก”
แสงฉานโมโหควันออกหู พุ่งเข้าใส่พงษ์ชัยจนไปชนโมเดลจำลองคอนโดฯ ล้มโครม แขกเหรื่อในงานตกใจ เวศม์รีบวิ่งเข้ามา ล็อคตัวแสงฉานออกจากพงษ์ชัย แสงฉานยังบ้าเลือด สะบัดเวศม์หลุด เวศม์เสียหลักหลังไปกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างที่เป็นเหลี่ยม แต่ยังห่วงแสงฉาน
“แสง หยุด ทุกอย่างพังหมดแล้ว ผมบอกแล้วไงให้ใจเย็น”
แสงฉานชะงักหันมองเวศม์ อัษฎา บราลี อุรวสา อันตรา และอินทุอรรีบวิ่งเข้ามา อันตราวิ่งเข้าไปทางเวศม์ ซึ่งยืนคลำไหล่ตัวเองซี้ดปากด้วยความเจ็บ
“เป็นไงบ้างคุณ เจ็บมากไหม”
“ผมไม่เป็นไร”
แสงฉานฮึดฮัดด้วยความโมโหไม่หาย เวศม์รีบเดินไปดึงแสงฉานออกไปจากงาน อัษฎาประคองพงษ์ชัย ส่งผ้าเช็ดหน้าให้พงษ์ชัยเช็ดเลือดกำเดาที่จมูก และเลือดจากปากที่แตก
“เดี๋ยวผมให้คนพาไปโรงพยาบาลนะครับ”
“วสาขอโทษแทนแสงด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
พงษ์ชัยปั้นหน้าว่าเจ็บปวดมากมาย อัษฎาพยักหน้าให้ทีมงานพาพงษ์ชัยออกไป อุรวสาโมโหแสงฉานมาก รีบตามแสงฉานไปที่ห้องวีไอพี พูดเสียงดังอย่างไม่เชื่อหู
“แค่เขาดูถูกคุณ คุณก็โมโหขาดสติอาละวาด”
อัษฎา บราลี อันตรา อินทุอร และเวศม์ยืนฟังอยู่ด้วยท่าทางไม่สบายใจ เวศม์คลำไหล่ตัวเองเพราะเจ็บ อันตราเหลือบมองอย่างเป็นห่วง แต่ไม่กล้าถามอะไร เพราะสถานการณ์กำลังแย่
“รู้มั้ยว่างานวันนี้สำคัญแค่ไหน บริษัทคุณพ่อเพิ่งจะฟื้นตัว แต่คุณทำให้มันจบไม่สวย”
“ผมรู้สึกว่าศักดิ์ศรีกำลังโดนเหยียบย่ำเพราะคำว่าผมเป็นแค่ตัวถ่วงชีวิตคุณกับลูก”
อัษฎา บราลี ช็อค ตั้งตัวไม่ติดที่แสงฉานพูดถึงลูก เวศม์เองก็งง แสงฉานเจ็บใจมาก
“คุณคิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ”
“ฉันไม่เคยคิด แต่คุณกำลังจะทำให้ฉันคิด”
แสงฉานหน้าซีด
“คนที่ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล เป็นสามีและพ่อที่ดีไม่ได้หรอกค่ะ”
อุรวสาพูดจบก็เดินออกไป อัษฎา บราลี อันตราและอินทุอรรีบเดินตามอุรวสาไป แสงฉานคอตกเวศม์ได้แต่ตบไหล่ปลอบใจ
อุรวสาเดินลิ่ว ๆ อัษฎา บราลี อันตรากับอินทุอรรีบเดินเร็วตาม
“คุณวสากำลังจะมีลูกจริง ๆ เหรอ”
อันตรากับอินทุอรยิ้มแหย ๆ
“ค่ะคุณพ่อ”
อัษฎาหันมามองอันตรากับอินทุอร
“นี่เราสองคนก็รู้”
“ค่ะคุณพ่อ”
-อัษฎาหันมามองบราลี บราลีส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่รู้เหมือนกัน
“มันเรื่องใหญ่ แต่ไม่มีใครคิดจะบอกพ่อกับแม่สักคน”
อัษฎาหงุดหงิด
พยาบาลทำแผลให้พงษ์ชัยเสร็จแล้วเดินออกไป บุษบาบัณยืนมองอยู่ หน้าตาบูดบึ้งด้วยความเจ็บใจ พงษ์ชัยมองอาการของบุษบาบัณ ยิ้มอารมณ์ดี
“ผมเจ็บตัว แต่ยังดูสบายกว่าคุณ”
“ฉันเจ็บใจที่อุตส่าห์ส่งนักข่าวไปฉีกหน้านังอินทุอรกลางงาน แต่ทำอะไรมันไม่ได้”
“คุณต้องฉลาดกว่านี้ ดูอย่างผม ยอมเจ็บตัวหน่อยแต่ได้ใจผู้ชม”
พงษ์ชัยยิ้มสะใจ
ศศิพิมลมารับยาจากเภสัชกรของโรงพยาบาล เสร็จก็สวมผ้าปิดปาก เพราะไอ และอ่อนเพลีย ไม่สบาย พงษ์ชัยจ่ายเงินเสร็จก็โอบเอวบุษบาบัณออกไปอย่างสนิทสนม ศศิพิมลเห็น ตะลึงงัน
พงษ์ชัยกับบุษบาบัณเดินมาตามทางเดินโรงแรม กอดรัดฟัดเหวี่ยง หัวร่อต่อกระซิกกันแบบไม่เกรงใจชาวบ้าน ศศิพิมลแอบมองจากมุมกำแพงด้านหนึ่ง ช็อค แล้วก็เปลี่ยนเป็นเจ็บใจ
เวศม์มาส่งแสงฉานที่คอนโดฯ แสงฉานรู้สึกเศร้ามาก นั่งลงอย่างหมดแรง
“คุณอยู่คนเดียวได้แน่นะ”
แสงฉานฝืนยิ้ม
“สบายมาก ผมอยู่คนเดียวมาตลอดจนได้เจอวสา แต่พอแยกกันอยู่ ผมแทบตายที่ต้องกลับมาใช้ชีวิตตามลำพัง”
แสงฉานน้ำตาคลอ รู้สึกตื้นตันใจ
“แต่วันนี้ ผมไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกแล้ว ผมกำลังจะมีลูก ผมจะได้เป็นพ่อคน”
น้ำตาแห่งความดีใจและความเสียใจประดังประเดมาพร้อมกัน เวศม์มองแสงฉานอย่างเห็นใจ
อุรวสาเดินเล่นเหงา ๆ ที่สนามหน้าบ้าน คิดไม่ตก อัษฎาเดินมาหา
“ป่านนี้แสงฉานคงดีใจ ที่กำลังจะมีอีกหนึ่งชีวิตเพิ่มมาให้รัก ให้ดูแลปกป้อง”
“คุณพ่อคะ ถ้าจะเกลี้ยกล่อมให้วสาคืนดีกับแสง”
“เปล่า พ่อตั้งใจแล้วว่าจะไม่ยุ่ง แค่อยากพูดให้ได้คิดว่าคุณวสากำลังจะเป็นแม่คน เท่ากับเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว จะคิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้”
“วสาก็อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก อยากให้เขาเกิดมาพร้อมกับความรัก”
“พ่อเชื่อว่าลูกของคุณวสาจะเกิดมาท่ามกลางความรักของแม่ ตา ยาย และน้าๆ แต่มันจะดีกว่ามั้ย ถ้ามีพ่อแท้ ๆ ของเขารวมอยู่ด้วย”
อัษฎาจับไหล่อุรวสาแล้วเดินไป ทิ้งให้อุรวสานั่งขบคิดอยู่คนเดียว
อันตราหยิบผ้าขนหนูทำท่าเหมือนจะไปอาบน้ำ แต่ก็หยุดชะงักคิดถึงเวศม์ เห็นเขาจับไหล่ตลอดเวลา เธอเริ่มเป็นห่วง
“เจ็บมากรึเปล่าก็ไม่รู้ ไปดูหน่อยละกัน”
ศศิพิมลเดินเหม่อมาหน้าบ้านเวศม์ ที่ปิดรั้วปิดไฟมืด เธอตาลอยเหมือนคนไม่มีสติ กดกริ่งซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้น ก่อนจะค่อย ๆ ร้องไห้ออกมา จากที่กดกริ่งปกติเธอกดแบบถี่ ๆ กระแทกเหมือนจะระบายอารมณ์ ก่อนจะทรุดนั่งพับเพียบลงกับพื้น ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น คร่ำครวญ
“เวศม์ ๆ ไปไหน เวศม์ช่วยพี่ด้วย พี่ไม่เหลือใครอีกแล้ว”
อันตราเห็นศศิพิมลนั่งก้มหน้านิ่งอยู่กับพื้น หน้าบ้านเวศม์ เธอขับมอเตอร์ไซค์มาจอดแล้วลงมาดูศศิพิมล
“คุณ ๆ เป็นอะไร ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้”
ศศิพิมลเงยหน้าขวับมองอันตรา
“คุณเองเหรอ เกิดอะไรขึ้น”
ศศิพิมลสะเทือนใจมาก ก่อนจะตวาดออกมาเต็มเสียง
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ไปให้พ้น”
“อ้าว เฮ้ย คนเขาถามดี ๆ”
อันตราถอยออกมา หันชะเง้อมองเข้าไปที่บ้านเวศม์ก็เห็นว่าบ้านปิดไม่มีคน เธอทำท่าจะกลับแต่เห็นสภาพศศิพิมลแล้วก็เป็นห่วง เปลี่ยนใจเดินเข้าไปหาใหม่
“นี่คุณ มันดึกแล้วนะมานั่งอยู่คนเดียวมืด ๆ ค่ำ ๆ มันอันตราย”
“ฉันไม่กลัวอันตราย ฉันอยากตาย ได้ยินไหมว่าฉันอยากตาย อยากตายให้มันพ้น ๆ ไป จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้ยังไงล่ะ”
ศศิพิมลร้องไห้โฮออกมา อันตรามองนิ่งเห็นใจ รู้ว่าศศิพิมลต้องมีเรื่องเสียใจมาก สุดท้ายอันตราก็นั่งลงที่พื้นข้าง ๆ ศศิพิมล
“งั้นฉันนั่งเป็นเพื่อน ถ้ามีอะไรอยากระบายฉันก็พร้อมรับฟังนะ”
ศศิพิมลเริ่มหยุดร้องไห้ มองหน้าอันตรา นึกไม่ถึงว่าอันตราจะดีกับเธอ
ศศิพิมลยังสะอื้นอยู่ เดินคู่กันมากับอันตราที่หน้าสำนักงานนักสืบ อันตราเหลือบมองอย่างเห็นใจ
“เธอพาฉันมาที่นี่ทำไม”
อันตราถอนใจเฮือกใหญ่ออกมา มองศศิพิมล ก่อนเปิดลิ้นชักโต๊ะดึงเอาซองเอกสารส่งให้ศศิพิมล “ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เห็นกับตามาแล้ว มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ”
ศศิพิมลดึงเอารูปในซองออกมา เธอตะลึงเมื่อเห็นภาพระหว่างพงษ์ชัยกับบุษบาบัณ ที่อันตราเคยถ่ายไว้ให้ภิสิตฟ้องหย่า ศศิพิมลมองภาพทั้งหมด เริ่มหยุดร้องไห้เสียใจ แววตาเริ่มความเจ็บแค้น
“พวกเขาแทงข้างหลังฉันมานานเท่าไหร่แล้ว”
“อย่างน้อยก็ก่อนที่อาบุษ จะหย่ากับอาสิต”
ศศิพิมลร้องไห้ต่อ รำพันถึงความเจ็บปวดที่เธอกำลังรู้สึก
“ฉันเห็นบุษเป็นเพื่อน ถึงเขาจะเอาแต่ใจปากร้ายไม่เคยแคร์ใคร แต่ฉันคิดมาตลอดว่าเขาก็เห็นฉันเป็นเพื่อน ทำไมเขาถึงทรยศหักหลังฉันได้ลงคอ”
“สามีคุณก็ผิดนะ จะโทษแต่ผู้หญิงไม่ได้หรอกมันก็พอกันแหละ”
“พงษ์ชัยน่ะฉันรู้สันดานเขาดี กับผู้ชายคนนี้ฉันเจ็บจนเลิกเจ็บไปแล้ว”
“ดวงคุณคงไม่ดีนะ มีแฟนกี่คนก็เจอแต่ผู้ชายเจ้าชู้ กะล่อน”
“เธอหมายถึงใคร”
“ก็นายพงษ์ชัย แล้วก็นายเวศม์ไง”
“เวศม์ไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ เวศม์เป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตที่ฉันเคยเจอมา”
อันตราหน้าเหวอ ไม่อยากเชื่อ
“ฉันต่างหากที่เลวเอง ฉันทรยศหักหลังเวศม์ นอกใจเขาไปเลือกไอ้พงษ์ชัย เพราะมันรวยกว่า นี่คงเป็นผลกรรมที่ฉันสมควรได้รับ”
“นายเวศม์นี่นะ ผู้ชายที่ดีที่สุด”
ศศิพิมลสบตาอันตราอย่างแน่วแน่ พูดช้า ๆ ชัด ๆ
“ใช่ ถ้าเวศม์รักใคร ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่โชคดีที่สุด เพราะเธอจะได้ทั้งหัวใจ ชีวิตและความซื่อสัตย์จากเขา”
อันตรานิ่งอึ้ง
จบตอนที่ 12