xs
xsm
sm
md
lg

เนตรนาคราช ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เนตรนาคราช ตอนที่ 8

ชายสูงอายุเดินนำชายสองคนผ่านดงไม้ทึบ เห็นอัศวินซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ ชายสามคนค่อยๆ ย่องเข้าไป

ในที่สุดก็พรวดเข้าไป อัศวินหันมาก็เจอปืนสามกระบอกจ้องมา
“ขยับเอ็งตาย”
อัศวินค่อยๆ ยกมือขึ้น
“อีกคนอยู่ไหน”
“อยู่นี่”
ทั้งสามหันไปก็พบรัตนากรส่องปืนจ้องมา ในมือมีปืนสองกระบอก กราดไปมาที่สามคน
“ปืน ลง”
ชายสามคนลดปืนลง รัตนากรโยนปืนไปให้อัศวิน ต่างจ้องที่ชายสูงอายุ เห็นปิดตาข้างหนึ่ง ต่างตื่นเต้นนึกได้
“เนตรนาคราช”
“พวกเอ็งรู้เรื่องเนตรนาคราชได้ยังไง”
อัศวินกับรัตนากรคาดไม่ถึงเช่นกัน

เวลาต่อมา อัศวินกับรัตนากร เดินทางมาที่บ้านชายสูงวัยคนนั้น ชายสูงอายุถือกระบอกแผนที่
อยู่ในมือ อย่างตื่นเต้น
“ข้าชื่อ หิน บรรพบุรุษของเราติดตามหาเนตรนาคราชชั่วอายุคน”
“บรรพบุรุษของลุงเป็นฝ่ายที่เอามาครอบครอง”
หินพยักหน้า จ้องมองอัศวินกับรัตนากรอย่างพิจารณา
“ใช่ ขโมยมา”
อัศวินกับรัตนากรกลั้นยิ้ม
“เองเปิดกระบอกแผนที่ได้ยังไง”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ อยู่ๆ ก็เปิดออกมาเอง”
“ลุงไม่ทราบเหรอคะ”
หินจ้องมองกระบอกแผนที่อย่างพิจารณา
“กระบอกแผนที่ลือว่าใช้เลือดของสองพี่น้องซึ่งเกิดวันเดือนเดียวกัน แต่คนละปี”
หินนึกถึงเรื่องในอดีต กระบอกแผนที่ตั้งอยู่บนแท่น แล้วมีเลือดหยดลงมาบนกระบอก เกิดเป็นแสงวาบขึ้นมา หยดเลือดหายไป มีเสียงสวดมนตร์พึมพำ
“ทั้งสองใช้เลือดผสานกันลงวิชาปลุกเสกไว้อย่างซับซ้อน อย่าคิดแม้แต่จะเปิดได้ ใครไม่คู่ควรครอบครอง ย่อมมีอันเป็นไป”
อัศวินกับรัตนากรต่างมองกันอย่างตื่นเต้นสงสัย
“พวกเอ็ง ใครคนใดคนหนึ่งต้องมีบางอย่างที่ทำให้กระบอกแผนที่เปิดออก”
อัศวินกับรัตนากรได้แต่มองหน้ากัน ไม่น่าเชื่อ หินตรวจดูกระบอกอย่างละเอียดอีกครั้ง
“แต่พวกเอ็งจงระวัง ลือกันว่า กระบอกนี้เปิดได้เองแล้วก็ปิดได้เองเหมือนกัน”
อัศวินกับรัตนากรได้แต่อึ้งคาดไม่ถึง
“เป็นไปได้ยังไง”
“ตำนานบอกว่าสองพี่น้องลงคาถา เหยียบดาวโจรไว้ อยู่ในมือพวกโจรกระบอกจะปิดทันที”
อัศวินกับรัตนากรยิ่งมึนหนัก สายตาจ้องที่กระบอกแผนที่ ไม่อยากเชื่อ หินส่งกระบอกแผนที่ให้รัตนากร รัตนากรรับมาสะพายอย่างเดิม
“กระบอกเปิดอยู่ในมือของพวกเอ็ง อย่างน้อยพวกเอ็งไม่ใช่โจร”
“ลุงทำให้หนูเริ่มเชื่อว่าเนตรนาคราชมีจริง”
อัศวินมองรัตนากรแปลกใจ เพราะรัตนากรไม่เคยยอมรับ
“ถ้าไม่เอาไปคืน ครบ 500 ปี พญานาค ตื่นจากจำศีล จะมาทวงคืน ภัยพิบัติจะตกอยู่กับมวลมนุษย์ ซึ่งตรงกับ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของปีนี้พอดี”
“ค่ะ มีคนเคยบอกหนูแบบนั้นเหมือนกัน”
อัศวินมองรัตนากรอย่างเห็นใจ เพราะรู้ว่าหมายถึง ดร. มานพ
“ข้าหวังว่าพวกเอ็งทำสำเร็จ”
ชายฉกรรจ์สองคนวิ่งเข้ามาใกล้หิน กระซิบรายงานแล้วออกไป
“พวกที่ตามเอ็งสองคนมา ตั้งค่ายอยู่หลังเนินห่างจากที่นี่ไปห้ากิโล”
“คงเป็นพวกชุมโจรที่ฉันเล่าให้ฟัง”
“ไม่น่าใช่ มันมีแค่สามคน”

อัศวินกับรัตนากรต่างมองหน้ากัน คาดไม่ถึง

เวจาง มองออกไปตรงหน้า เคร่งเครียด บอกกับเพื่อน

“พรุ่งนี้เราจะหาทางเล่นงานพวกมัน”

โรสเดินนำเส้นทาง อิทธิสังเกตรอบด้าน
“เอ ผมว่าเราจะห่างจากขบวนมากไปแล้วนะครับ”
“ไม่ห่างหรอกค่ะ เราต้องให้พ้นสายตาของทุกกลุ่ม”
“ผมกลัวว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้น จะเข้าไปช่วยไม่ทัน”
“งั้นคุณก็ต้องเร็วกว่านี้”
โรสพูดจบก็เดินออกไป
“กวนน่าดู”
อิทธิเริ่มหงุดหงิด รีบตามไป คว้าแขนโรสไว้
“เดี๋ยวก่อน”
โรสสะบัดแขน แล้วยันกระแทกอกอิทธิเซไป
“นี่ อย่า”
“เฮ่ ขอโทษครับ แค่จะให้คุณหยุดเท่านั้นเอง”
“ว่ามา”
“คือผมรู้ว่าคุณชำนาญป่านี้ แต่ผมยังยืนยันว่าเราออกห่างจากขบวนมากไป”
โรสเฉย
“ผมว่าผมนำทางดีกว่า”
“ฉันไม่ชอบตามใคร”
“อุตะ”
โรสขมวดคิ้วไม่ขำด้วย
“เอางี้ นายโค่นฉันได้ ฉันจะให้นายนำ”
“คือผมไม่อยา...”
ทันใดนั้นโรสเตะโครม อิทธิตาเหลือกรับไว้ทัน โรสไม่ฟังเสียง บุกลุย ต่างสู้กันอยู่พักหนึ่ง
อิทธิปัดป้องคว้าตัวโรสแล้วรวบไว้ได้
“นี่”
อิทธิเอามือปิดปากโรส พลางกระซิบ
“มีคนมา”
โรสพยักหน้ารับรู้อิทธิปล่อยมือ
“รู้แล้ว”
โรสอดไม่ได้กระทุ้งท้องอิทธิ แล้วพุ่งตัวไปหลังต้นไม้ ตวัดปืนขึ้นมาพร้อม อิทธิเข้าไปใกล้
ถือปืนเช่นกัน ต่างกราดสายตาไปข้างหน้า เห็นโจรกลุ่มหนึ่งนับสิบ
“พวกชุมโจร”
“บ้าที่สุด มันแยกกันตามขบวนมาด้วย”
“ให้มันผ่านไม่ได้”
“ดักหน้า เก็บให้หมด”
โรสพุ่งออกไป อิทธิได้แต่ส่ายหน้าทำเสียงล้อโรส แล้วรีบออกไป

โรสพุ่งเข้ามาข้างหน้าพวกโจร ซุ่มตัวรออยู่หลังต้นไม้ อึดใจ อิทธิก็โผล่อีกด้านหนึ่งของป่า โบกมือ
ให้ โรสโบกตอบ ณ เวลานี้ เหลือทางเดินตรงกลางให้พวกโจรได้ผ่านเท่านั้น ทั้งสองซุ่มอึดใจก็เห็นกลุ่มพวกโจรโผล่มาจากราวป่า ต่างยกมือส่งซิกกัน แต่แล้วกลุ่มโจรกลับเลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง โรสกับอิทธิคาดไม่ถึง ทั้งสองรอจนพวกโจรลับตา จึงเดินมาหากัน
“ถือว่าพวกมันโชคดีรอดไป” อิทธิพูดขึ้น
“อืม พวกมันจะไปไหนของมัน”
“อย่าบอกนะ ว่าคุณจะตามไปดู”
“ไม่จำเป็น”
โรสเดินออกไป อิทธิเดินตามทัน ต่างเดินกันไป ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยงๆ ขึ้น โรสกับอิทธิ
หยุดฟัง
“พวกมันกำลังเล่นงานใคร”
“ลองไปดูซิ”
โรสรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
“เชื่อเลย”

อิทธิรีบพุ่งตามไป

โรสกับอิทธิลัดเลาะมาตามเส้นทาง คาดไม่ถึงมีกระท่อมของชาวบ้านอยู่สองสามหลัง เห็นชาวบ้านสี่ห้าคนนั่งล้อมร่างของชาวบ้านสองสามคนที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น ร้องห่มร้องไห้
 
โรสรีบออกไปก่อน อิทธิยังอยู่ที่เดิมมองไปมาอย่างระมัดระวัง โรสเข้าไปถึง พวกชาวบ้านต่างตกใจกลัว
“ฉันไม่ทำอะไรพวกเราหรอก เกิดอะไรขึ้น”
“ไอ้พวกโจรมันมาปล้นข้าวปลาอาหารของเรา ฆ่าพวกเรา”
อิทธิแค้นใจ
“แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้”
โรสพุ่งออกไป
“พวกมันจะไม่กลับมาอีก”
อิทธิบอกชาวบ้าน แล้วรีบออกไปเช่นกัน

พวกโจรเดินลุยป่าออกมาแต่แล้วก็หยุดกึก เมื่อเห็นโรสยืนขวางอยู่
“พวกแกมันเลว เก่งกับคนไม่มีทางสู้ นรกรอพวกแกอยู่”
พวกโจรหัวเราะ ต่างตวัดปืนขึ้นยิงสาดใส่โรส โรสพุ่งตัวหลบเข้าไปหลังพุ่มไม้ แต่อิทธิโผล่มาอีกด้านหนึ่ง
“เฮ้ย”
พวกโจรหันมาทางอิทธิ แต่ช้าไปอิทธิสาดกระสุนเข้าใส่พวกมันล้มไปสองสามคน พวกโจรยิงสาดสู้
แต่แล้วโรสโผล่มาอีกทางหนึ่ง สาดกระสุนเข้าใส่ โจรล้มระเนระนาด พวกมันระส่ำระสาย ในที่สุด
ตายจนหมด โรส กับ อิทธิ ยืนมองศพพวกมัน
“อยู่ไปก็เปลืองทรัพยากรโลกเปล่าๆ โหสิด้วยเพื่อน”
ทั้งสองต่างมองศพพวกโจรอย่างสมเพช

พรานอองข่านกราดตารอบ บอกเฮนรี่ และทุกคน
“เสียงปืนมาจากทิศเหนือ”
เฮนรี่ โจซิง กับ อังโซะ ต่างมองหน้ากัน
“ขบวนไปทางนี้ ผมสนใจแต่ขบวนใหญ่ คงเป็นพวกมันพยายามทำให้พวกเราสับสน”
“หรือว่าท่านพรานเริ่มสับสน”
พรานอองข่านมองหน้าโจซิงยิ้มเยาะ
“ถ้าข้าสับสนขึ้นมา พวกเอ็งคงติดอยู่ในป่านี้ ไม่ได้ออกไปไหน”
พรานเดินออกไป โจซิงหุบยิ้ม เฮนรี่มองหน้าโจซิง
“ให้ทีมงานทำเครื่องหมายไว้ด้วย”
เฮนรี่เดินออกไป โจซิงมองตาม สบตากับอังโซะ ต่างพยักหน้าให้อย่างรู้กัน

พรานเมิงนำทุกคนเดินทางมา ชาติสังเกตเห็นกาญจนาเริ่มเหนื่อย แต่ไม่บ่น ยังคงกัดฟันเดิน วีรกิจไม่กล้าบ่นอีกต่อไป ชาติเร่งฝีเท้าผ่าน วีรกิจและกาญจนาไปหาพรานเมิง
“วันนี้น่าจะพอก่อนนะพราน”
“ครับ ผมกำลังหาที่เหมาะๆ อยู่น่ะครับ”
“อีกสิบห้านาที ได้ตรงไหนเอาตรงนั้น”
“ครับ”
พรานเมิงเดินลิ่วออกไป ชาติหยุด ปล่อยให้นายองเดินผ่านไป มองกาญจนาซึ่งกำลังเร่งฝีเท้าขึ้นมา ชาติดึงกระติกน้ำออกจากเอว ยกขึ้นจิบ จนกาญจนาเดินมาถึง นพดล พรานโก๊ะ ทุกคนต่างหยุด ทีมงานส่งซิกกัน กระจายออกไป ระวังตามจุดต่างๆ
“ผมไม่ไหวแล้วครับ พักจิบน้ำหน่อยดีกว่า”
กาญจนาหยุด คิดว่าชาติอาจเจ็บแผล วีรกิจหยุดหอบแต่วางท่า
“พรานเมิงกับนายองล่ะคะ”
“ออกไปสำรวจหาที่พักน่ะครับ”
“นึกว่าจะเดินข้ามคืนกันซะอีก”
“ถ้าคุณวีรกิจยังไม่เหนื่อย ผมให้พรานโก๊ะนำทางล่วงหน้าไปก่อนได้นะครับ”
“ความยินดีครับ”
พรานโก๊ะขานรับล้อๆ วีรกิจเงียบ เหล่ทุกคนแล้วเดินออกไป นพดลตบบ่าพรานโก๊ะ แล้วเดินออกไปอีกทาง แต่พรานโก๊ะไม่รู้เรื่องยืนอยู่ที่เดิม นพดลคว้าไหล่ของพรานโก๊ะลากออกไป เหลือแต่กาญจนากับชาติยืนอยู่ด้วยกัน
“แผลเป็นยังไงมั่งคะ”
“อ้อ ผมไม่รู้สึกอะไรเลย สงสัยหายสนิท ต้องเป็นฝีมือคุณกาญแน่ๆ”
“ดิฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่ไปดูเฉยๆ”
“แค่ดูมาเฉยๆ ก็พอแล้วครับ”
ทั้งสองต่างยิ้มสบตากัน วีรกิจหันมามองพอดี เริ่มสังเกตจับพิรุธ นายองเดินเข้ามา
“พ่อให้มาตามทุกคนไปทางโน้นจ้ะ”
ชาติกับกาญจนาต่างหันไปทางนายอง
“เชิญครับคุณวีรกิจ”
วีรกิจขยับตัวลุกขึ้น มองแต่ไม่ตอบ เดินออกไป กาญจนามองชาติอึดอัดใจ แต่ก็มีมารยาทไม่ตำหนิวีรกิจกับชาติ
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“เชิญครับ”

กาญจนาเดินออกไป ชาติเดินตาม

อัศวินกับรัตนากรยังคงอยู่ที่ลานหน้าบ้านของหิน

“พวกเราจะรีบไปแต่เช้า ฉันไม่อยากให้หมู่บ้านลุงต้องเดือดร้อน”
“ข้าจะส่งพวกเอ็งไปอีกเส้นทางหนึ่ง คืนนี้พักให้สบาย พวกข้าคอยระวังอยู่แล้ว”
อัศวินกับรัตนากรพยักหน้ารับ
“ขอบคุณนะครับคุณลุง”
“ข้าต้องขอบใจพวกเอ็งมากกว่า พวกเอ็งอาจจะทำให้ลูกหลานของข้าพ้นจากคำสาปเคราะห์กรรม”
อัศวินกับรัตนากรมองด้วยความเห็นใจ

ตอนค่ำ หินพาอัศวินกับรัตนากรมาที่กระท่อมหลังหนึ่ง
“เอ็งสองคนพักที่นี่ ข้าให้คนเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว พักให้สบายไม่ต้องห่วง”
อัศวินกับรัตนากรต่างพยักหน้ารับ แล้วพากันเข้าไปในกระท่อม
“ไม่น่าเชื่อ เราได้รับการยืนยันว่าเนตรนาคราชมีจริง”
“ยัยกาญคงดีใจ”
อัศวินยิ้ม รัตนากรพิงที่อกของชายหนุ่ม
“นอนพักให้สบายเลย พี่จะระวังเอง”
“เอ ลุงแกดูให้แล้วนี่”
“นอนไปไม่ต้องพูดมาก”
อัศวินขยับแขนให้เข้าที่ รัตนากรขยับตัวพิงอัศวินให้ถนัดขึ้น
“กู๊ดไนท์”
“กู๊ดไนท์”

อิทธิกับโรสก่อกองไฟ พักการเดินทางในป่า แต่โรสยังระแวดระวังตลอด
“คุณ ไม่ต้องระวังถึงขนาดนั้น พวกมันเดี้ยงหมดแล้ว”
“ไอ้พวกนี้ตายยากตายเย็น อาจจะโผล่มาอีกก็ได้ คุณพักตามสบาย”
“ตามใจ”
อิทธิหันไปกราดสายตาระวังด้านนอก โรสมองคิดอึดใจ
“พรุ่งนี้คุณจะนำก็ได้”
อิทธิยิ้มยกมือขึ้นโดยไม่หันไป โรสยิ้มแล้วเอนตัวพิงต้นไม้หลับตาลง

กลางดึก ท้องฟ้ามืด เมฆบดบังดวงจันทร์ อิทธิยืนกราดสายตามองรอบได้ยินเสียงฝีเท้า
“นอนไม่หลับหรือจะมาหาเรื่องผม”
โรสเดินเข้ามา
“มีอะไรผิดปรกติหรือเปล่า”
“เปล่า ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
“ก็ฉันบอกคุณแล้วไง ว่าพวกมันเดี้ยงหมดแล้ว”
“หาเรื่องผมจนได้”
“ฉันว่าคุณมานอนพักดีกว่า ถ้าพวกมันมา ระดับคุณยังไงก็ต้องรู้สึกตัว”
“อย่าบอกนะว่าคุณห่วงผม”
“ฉันกลัวว่าพรุ่งนี้คนจะหมดแรงตะหาก”
อิทธิยิ้ม
“อย่าลืมนะว่าพรุ่งนี้คุณต้องนำ”
อิทธิเฉย
“ตามใจ ถ้าหมดแรง ฉันไม่รอนะจะบอกให้”
โรสเดินกลับไปนั่งตามเดิม อิทธิเดินมานั่งข้างๆ
“ก็ได้ ผมไม่อยากให้คุณต้องคอยตื่นมาเรียกผมอีก”
“อืม คิดได้ก็ดี”
โรสหลับตาลง อิทธิลอบมองใบหน้าเกเรมีเสน่ห์อยู่ตรงหน้า
“จะกินฉันเหรอไง”

อิทธิสะดุ้ง ยิ้มเขิน แต่ทำไม่รู้ไม่ชี้ ตบเป้ของตนแล้วพิงนอน โรสอดลอบยิ้มไม่ได้
 
อ่านต่อหน้า 2

เนตรนาคราช ตอนที่ 8 (ต่อ)

ชาติเดินมาทักทีมงานสองคนที่เฝ้าระวังอยู่ เสียงนกประหลาดร้องเข้ามาติดๆ กัน กาญจนาขยับตัวเงี่ยหูฟัง เสียงนกประหลาดดังขึ้นอีก
 
กาญจนาขยับตัวขึ้นนั่ง กราดสายตามองรอบ วีรกิจนอนอยู่ข้างๆ แต่ห่างออกไป ทุกคนนอนหมดแล้ว เห็นชาติยืนอยู่กับทีมงานสองคน จึงลุกขึ้นเดิน
ไปหาชาติ
“คุณกาญ มีอะไรเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ รำคาญเสียงนกบ้านั่น”
“อย่าไปรำคาญมันเลยครับ มันคอยระวังให้เรา”
“มีด้วยเหรอคะนกแบบนี้”
“มีครับ”
“แล้วมันทำไมถึงมาระวังให้เราคะ”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ มันคงบ้าหรือเมานี่แหละครับ”
กาญจนายิ้ม “คุณชาติล้อเล่น”
ชาติมองรอยยิ้มสวยจนเพลิน เสียงนกประหลาดดังขึ้นมาอีก กาญจนาฟังแล้วขำ ชาติยิ้ม
“จริงๆ นะครับ มันไม่สนว่าใครจะรำคาญ มันอยากจะทำของมันนี่แหละครับ”
“วันหลังต้องให้คุณชาติชี้ให้ดูซะหน่อย ว่าตัวมันเป็นยังไง”
“ผมว่าคุณกาญเคยเห็นแล้วนะครับ”
“จริงเหรอคะ”
“ครับ”
“มีชื่อมั้ยคะ นกชนิดนี้”
“มีครับ”
“เหรอคะ อะไรคะ”
“นกซามูครับ ไอ้ซามูอยู่ข้างนอกคอยระวังให้พวกเราอยู่ครับ”
กาญจนาเหล่ แต่แล้วก็ยิ้มจนได้ ทั้งสองต่างขำ ทั้งนี้ไม่พ้นสายตาของวีรกิจที่ลอบมองอยู่อย่างไม่พอใจ

กลางดึก เฮนรี่เดินมาหาพรานอองข่านซึ่งมองกราดฝ่าความมืดออกไป
“พวกเอ็งกำลังค้นหาสิ่งที่มีอาณุภาพยิ่งใหญ่”
“หวังว่าเป็นยังงั้นนะพราน ไม่ยังงั้นคงไม่คุ้ม ฉันลงไปเยอะ ไม่อยากขาดทุน”
เฮนรี่หัวเราะชอบใจ พรานอองข่านเครียด
“พวกเอ็งกำลังเดินเข้าสู่ไฟนรก”
“พรานพูดซะน่ากลัวเลย มันก็แค่ของโบราณชิ้นหนึ่งเท่านั้นเอง”
พรานอองข่านไม่ตอบ สีหน้าเคร่ง
“ฉันถามหน่อย ถ้าพรานคิดว่ากำลังเดินเข้าสู่ไฟนรก ทำไมพรานถึงจะไปล่ะ ไม่กลัวเหรอ”
“ข้าแค่ต้องการเห็นให้เป็นบุญตา ไม่ได้มาขโมยเหมือนพวกเอ็ง”
พรานอองข่านเดินออกไป เฮนรี่มองตาม สุดท้ายเห็นเป็นเรื่องขำ

ตอนเช้า กาญจนาเก็บของใส่เป้เสร็จก็ลุกขึ้น วีรกิจเดินเข้ามาใกล้
“ผมเห็นคุณตื่นคุยกับหมอนั่นทั้งคืน”
กาญจนาหงุดหงิด
“คุณถามหรือว่าคุณจะพูดอะไร”
“ผมแค่คิดนะ ที่คุณหงุดหงิดใส่ผมก็เพราะเจ้าหมอนั่น”
“คุณวี คุณพูดอะไรของคุณ”
“ผมมองตั้งแต่แรกแล้ว ว่ามันสนใจคุณ”
“คุณวีรกิจ ฉันนึกไม่ถึงว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ ไอ้หมอนั่นที่คุณเอ่ยถึง ออกไปต่อสู้กับพวกโจร ช่วยชีวิตคุณไว้ คุณน่าจะสำนึกได้มากกว่านี้”
“เพราะมันชอบคุณน่ะซิ”

วีรกิจเดินออกไป กาญจนามองตามระงับโทสะ เห็นชาติกำลังสั่งการทีมงานอยู่ เธอจ้องอย่างพิจารณา

หินกับชายสองคนนำอัศวินกับรัตนากรมาถึงหุบเหวแห่งหนึ่ง มีต้นไม้ใหญ่ ตรงข้ามกันมีเชือกโยงตรงยอดไม้ฝั่งตรงข้าม

“ต้องเป็นเจนกับทาร์ซานโหนข้ามไปเหรอคะ”
หินพยักหน้า ชายสองคนเดินไปที่ข้างต้นไม้ ดึงเชือกที่ผูกไว้ออกมา
“ข้ามเหวนี่ไป แล้วตัดขึ้นทางทิศตะวันออก จะเข้าใกล้ทิศทางของขบวนเดินทางตามที่เอ็งบอกข้า”
“เอ ทำไมมีเชือกโหนไป แต่ไม่มีเชือกโหนกลับล่ะลุง”
“นี่คือหุบผาไปไม่กลับ”
“อ้าว” รัตนากรงง
“คนที่เดินทางไป จะไม่ย้อนกลับมาทางนี้ แต่จะอ้อมกลับมายังหมู่บ้านอีกด้านหนึ่ง โหนไปแล้วจะส่งเชือกกลับมาให้คนที่มาส่ง เพื่อให้คนต่อไปใช้ข้ามอีก”
รัตนากรกับอัศวินต่างพยักหน้าด้วยความทึ่ง
“ขอบใจมากนะลุง”
“ค่ะ ขอบใจทุกคน”
“ข้าขอให้พวกเอ็งทำสำเร็จ”
ชายถือเชือกส่งให้อัศวิน อัศวินรับมา
“พี่จะไปก่อน จะได้คอยรับ”
รัตนากรคว้าเชือก
“เหรอคะ”
รัตนากรดีดตัวถอยหลังลอยตัวขึ้น แล้วปล่อยโหนไปยืนตรงฝั่งตรงข้ามอย่างง่ายดาย
“นางนี่มันเก่ง”
“แบบนี้ล่ะลุง โชว์ฟอร์มประจำ”
อัศวินยิ้มมอง ขณะที่รัตนากรปล่อยเชือกให้เหวี่ยงกลับมา ชายฉกรรจ์รับเชือกไว้ แล้วส่งให้อัศวิน
“ระวังอย่าให้ขายหน้าล่ะ”
หินเตือน อัศวินยิ้ม แล้วดีดตัวข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างง่ายดาย ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยงๆ ชายสองคนร่วงลง เวจางกับพวกมันสองคนโผล่ออกมา ปืนจ่อที่หิน คนหนึ่งพรวดเข้ามาล็อคคอหินแล้วเอามีดจ่อไว้ที่เอว รัตนากรตวัดปืนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว อัศวินถือเชือกไว้ไม่ปล่อยกลับไป สายตาจ้องพวกมันเยือกเย็น...
“ส่งแผนที่มา ไม่ยังงั้นไอ้แก่นี่ตาย”
รัตนากรกับอัศวินจ้องหาจังหวะจัดการ
“เก็บมันได้มั้ย” อัศวินกระซิบถาม
“ยากมาก”
“ข้าจะข้ามเอาไปให้” อัศวินตะโกนบอก
“ไม่ต้อง ผูกเชือกแล้วส่งมา”
“อย่า” หินร้องห้าม
เวจางพยักหน้า ลูกน้องแทงซี่โครงหิน หินร้อง
“ไอ้” อัศวินแค้น
“ส่งมาเร็วเข้า” เวจางตะคอก
อัศวินนิ่งไม่ตอบ ส่งซิกถามรัตนากร รัตนากรตอบเบาๆ
“ไม่เห็นเป็าหมาย ดับมือมีดได้ แต่ดับมันไม่ทัน”
“แผนที่” เวจางตะโกนย้ำ
“ได้” อัศวินตะโกนกลับ
“ฆ่ามัน”
หินตะโกนบอกพวกอัศวิน แล้วคว้าแขนของชายฉกรรจ์ที่มาด้วย พุ่งลงเหวไปด้วยกัน ชายฉกรรจ์ร้องไม่เป็นภาษา อัศวินตกใจมาก รัตนากรเหนี่ยวไกใส่ เวจางยิงต่อสู้ รัตนากรกราดปืนตาม
“ชีวิตต่อชีวิต”
อัศวินแค้น โหนเชือกข้ามไป มือข้างหนึ่งถือปืนยิงกราดเวจาง กิ่งไม้กระจุย เวจางพุ่งตัวหนีออกไปในแนวป่าอย่างรวดเร็ว อัศวินร่อนตัวลงกับพื้น
“พี่อัศวิน”
“รัตน์ออกเดินทางไปตามที่ลุงหินบอก ทำเครื่องหมายไว้ พี่จะรีบตามไป”
รัตนากรขยับปากจะพูด แต่เข้าใจสายตาของอัศวิน
“เพื่อวิญญาณของลุง”

อัศวินไม่ปล่อยเวจางแน่นอน รัตนากรพยักหน้าไม่พูดอะไร อัศวินเอาเชือกผูกกลับไว้ที่ต้นไม้เหมือนเดิม หันมองรัตนากรอึดใจ แล้วพุ่งตามเวจางไป

อัศวินแกะรอยเวจางเข้ามาในราวป่า ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นรอยเลือดตามพื้น

“ที่แท้รัตน์ยิงถูกมันเหมือนกัน”
อัศวินแกะรอยตามรอยเลือด แล้วหยุดตรงจุดหนึ่ง จ้องหยดเลือดที่เป็นดวงอยู่บนพื้น
แต่หยุดอยู่แค่นั้น ไม่มีต่อ อัศวินกราดสายตารอบอย่างระมัดระวัง ไม่เห็นอะไร สุดท้ายหันกลับมาตรวจ
รอยเลือดอีกครั้งหนึ่ง แต่แล้วสีหน้าเคร่ง รอยเลือดกลายเป็นเพิ่มมาอีกหนึ่งหยดใหญ่ ทันใดนั้นอัศวินพุ่งตัวออกไปจากตำแหน่งเดิม เสียงกระสุนปืนดังสนั่นหวั่นไหว พื้นดินกระจุยกระจาย อัศวินกลิ้งหงายตัวขึ้น ตวัดปืนขึ้นไปก็เจอเวจางโดดลงมาพร้อมปืนในมือ เหนี่ยวไกยิง อัศวินยิงสวน แล้วกลิ้งหลบ เวจางหล่นโครมลงมาที่พื้นดิ้นครวญคราง กระสุนของอัศวินเข้าที่อกเต็มๆ ทุกนัด เลือดนอง อัศวินจ้องอย่างสมเพช
“ช่วยจบ ด้วย”
อัศวินหยิบปืนของเวจางที่ตกอยู่ แล้วโยนไว้ใกล้ๆ ตัวมัน
“อโหสิด้วย”
เวจางฝืนยิ้มหน้ากระตุก อัศวินหันหลังเดินออกไป สักครู่ก็ได้ยินเสียงปืนดังเปรี้ยง เขา
หยุด ยกมือตัวเองขึ้นดู เห็นเลือดเปรอะอยู่ อัศวินก้มมอง แล้วเอามือสัมผัสดู
“ฮื้อ มันยิงโดนเหมือนกัน”
มือของอัศวินจับตรงแผลที่ชายโครงขวา กดตรวจดู
“คอยยังชั่ว กระสุนทะลุออกไป”
ทันใดนั้น เงาวูบวาบมาในแนวป่าด้านนอก อัศวินรีบเข้าไปหลบอยู่ในพุ่มไม้ สายตาสอดส่ายกราดมอง ก็เห็นหัวหน้าชุมโจรกับสมุนรายล้อมเข้ามารวมทั้งญาติของคนตายที่วีรกิจยิงด้วย “ไอ้พวกนี้ไม่ยอมเลิก”
“เสียงปืนมาจาก ด้านโน้น”
อัศวินทรุดตัวหลบ พวกมันต่างพากันลุยผ่านอัศวินเข้าไปยังจุดที่อัศวินดวลกับเวจาง พวกมันพ้นไปจนหมด อัศวินค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป

หัวหน้ากับพวกโจรต่างถือปืนพรวดเข้ามาล้อมพื้นที่ ก็เห็นเวจางนอนดับอยู่ ในมือถือปืนสั้นจ่ออยู่ที่หัว
ของมันเอง เลือดอาบหน้าจนจำไม่ได้
“ดูซิใช่มันหรือเปล่า”
ลูกน้องพรวดเข้าไปตรวจดู
“ไม่ใช่พี่ ฉันไม่เคยเห็นไอ้นี่”
“แล้วไอ้มันเป็นใครวะ”
“หรือมันตามล่าไอ้นั่นเหมือนกัน”
“พี่ มีรอยเลือดไปทางด้านโน้น”
“มันแน่ๆ พี่”
“เร็วเว้ย”
ทุกคนรีบออกไป

อัศวินกัดฟันวิ่งอย่างรวดเร็วกลับมาทางหุบเหว พวกโจรวิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว เพราะพวกมันชำนาญทางกว่า อัศวินวิ่งสุดฤทธิ์เป้าหมายคือต้นไม้ที่ผูกเชือกไว้ เห็นหุบเหวอยู่ข้างหน้า ทันใดนั้น
เสียงปืนดังสนั่นขึ้นมาเฉี่ยวอัศวินไปถูกใบไม้กระจุย เขาพุ่งตัวหลบบังหลังต้นไม้อย่างรวดเร็ว พวกมันวิ่ง
ล้อมเข้ามา อัศวินสาดกระสุนใส่ ร่วงไปสอง พวกมันลุยกันเข้ามาอีก อัศวินยิงพลาง กราดตามองไปที่ต้นไม้
ที่มีเชือกข้ามไปยังอีกด้านหนึ่ง ตรวจกระสุนดู เห็นกระสุนเหลืออยู่แค่ครึ่งแมก
“เฮ้ย ไอ้หัวหน้า ออกมาดวล กันเลยดีกว่า ตัวต่อตัว”
“ข้าไม่ได้มีเรื่องกับเอ็ง เอ็งถามญาติไอ้คนตายดู”
ญาติคนตายสีหน้าเครียด อัศวินกราดสายตาไปมองพวกมัน พลางกะระยะทางจากที่ตนซ่อนถึงต้นไม้
พวกมันแยกย้ายกันบุก อัศวินโผล่ไปกราดปืนยิงพวกมัน พวกมันล้มไปสองสามคน อัศวินออกวิ่ง
ไปยังต้นไม้ที่อยู่ตรงหุบเหวอย่างรวดเร็ว พวกมันวิ่งตามมาพร้อมยิงไล่หลังเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

อัศวินวิ่งซิกแซกตรงไปที่ต้นไม้ คว้าเชือกไว้ในมือ พวกมันโผล่ออกมายิงสาด อัศวินยิงกราดพวกมันล้มคว่ำไปสาม แล้วตวัดปืนใส่หัวหน้า เหนี่ยวไก แต่กระสุนหมด หัวหน้าโจรยิ้มเยือกเย็น ชักปืนเล็งเดินเข้าหา อัศวินเก็บปืน แล้วคว้าเชือกวิ่งโหนไปยังหุบเขาฝั่ง
ตรงข้าม หัวหน้าวิ่งตรงเข้ามาหยุดพร้อมส่องปืนไปที่อัศวิน ซึ่งกำลังลอยไปยังฝั่งตรงข้าม เป็นเป้านิ่ง
 
หัวหน้าโจรยิ้มเยือกเย็น กวาดปืนตามร่างของอัศวินที่ลอยไป

รัตนากรออกมาจากหลังต้นไม้สาดกระสุนใส่หัวหน้าโจร ในขณะที่อัศวินลอยข้ามมาปะทะ รัตนากร ต่างม้วนตัวกลิ้งไปหลบหลังต้นพุ่มไม้ รัตนากรทับอยู่บนตัวอัศวิน

“รัตน์”
“เดี๋ยวค่อยคุย”
รัตนากรพลิกตัวกลับหันปืนไปยังพวกโจรที่อยู่ฝั่งตรงข้าม คนหนึ่งคว้าเชือกไว้ได้ พวกมันจ้องรัตนากรอย่างแค้นใจ รัตนากรยิ้มเครียด ตวัดปืนยิงเปรี้ยง เชือกขาดกระจุยลงมา หมดทางที่พวกโจรจะข้ามมาได้

รัตนากรปฐมพยาบาลขั้นต้นให้อัศวิน ซึ่งอัศวินนั่งพิงต้นไม้อยู่
“พี่นึกว่ารัตน์ไปแล้วซะอีก”
“ว่าจะไปแล้วเหมือนกัน แต่กลัวหลง”
อัศวินขำ “นึกว่าเป็นห่วงพี่”
“อย่าพูดมาก ตัวเองนั่นแหละที่ทิ้งเราเฉย”
“ถ้าพี่ให้ไปด้วย ป่านนี้ก็วิ่งตับแล่บเหมือนพี่แล้ว”
“หรืออาจจะไม่ต้องวิ่งก็ได้”
อัศวินได้แต่ยิ้ม ตอบไม่ถูก รัตนากรยืนขึ้น ส่งมือให้ อัศวินคว้าเหนี่ยวตัวยืนขึ้นมา
“อูว์ เจ็บเหมือนกันแฮะ”
“สมน้ำหน้า”
อัศวินยิ้ม รัตนากรเดินเข้ามาประคอง
“หนักเราจนได้”
อัศวินยิ้มโอบไหล่หญิงสาว เดินไปด้วยกัน

รัตนากรกับอัศวินเดินทางมาถึงแคมป์แห่งหนึ่ง มีชาวบ้านชายวัยกลางคน สองสามคนนั่งรอบกองไฟกินเสบียงกันอยู่ ทั้งสองเดินเข้าไปใกล้ ชายสามคนมองอย่างแปลกใจ
“ป่าลึกขนาดนี้เอ็งสองคนหลงมาได้ยังไง”
“ถ้าพวกเอ็งเป็นโจร พวกข้าไม่มีอะไรให้ปล้น”
“แค่ผ่านมาเฉยๆ ค่ะ”
“เราจะตัดผ่านไปทางป่าทิศเหนือครับ”
“งั้นก็เข้ามาพักด้วยกัน”
อัศวินกับรัตนากรเข้าไปนั่งรอบกองไฟ แต่แล้วชายคนหนึ่งคว้าปืนขึ้นมาส่อง ทั้งคู่
ตกใจ
“บอกข้าหน่อย เอ็งได้เลือดมาเพราะอะไร”
อัศวินกับรัตนากรโล่งอก
“อ๋อ ถูกพวกโจรมันปล้นน่ะ หนีมาได้” รัตนากรตอบ
ชายสามคนต่างมองหน้ากัน
“พวกเอ็งผ่านชุมโจรมา”
“ครับ”
“กำลังจะหาทางตัดไปสมทบกับเพื่อน”
“ผมกับน้องสาวเป็นคนของทางการน่ะลุง ไม่ใช่โจรแน่นอน”

ชายสามคนมองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษา สุดท้ายชายคนนั้นก็ลดปืนลง อัศวินกับรัตนากร ผ่อนลมหายใจ
 
อ่านต่อหน้า 3

เนตรนาคราช ตอนที่ 8 (ต่อ)

ชายคนหนึ่งมัดแผลให้อัศวินจนเสร็จ

“เจอสมุนไพรของข้า พรุ่งนี้หายเดินตัวปลิว”
“ขอบคุณครับ”
“มาหาสมุนไพรลึกขนาดนี้เลยเหรอจ๊ะ”
“โอย ข้างนอกถูกเก็บกันไปหมดแล้ว เข้ามาลึกถึงนี่ยังไม่ค่อยเจอเลย”
“สมุนไพรที่พวกข้าต้องการ หายาก มีขึ้นในป่าที่ลึกชุ่มชื้นเท่านั้น”
“นี่ยังลึกไม่พอซะด้วยซ้ำ ต้องเข้าไปกันอีก”
“นานมั้ยกว่าจะหาได้พอ”
“บางทีครึ่งปีเลยล่ะนางหนู”
อัศวินกับรัตนากรนึกไม่ถึง

อิทธินำทางตรวจสภาพรอบๆ โรสเดินตาม จนมาถึงจุดหนึ่ง อิทธิหยุดตรวจ โรสยิ้มเยาะ
“ไปไม่ถูกก็บอกนะ ฉันนำเอง”
อิทธิหันมาเหล่แล้วตรวจอีก
“น่าจะเป็นทิศนี้ อ้อมไปดักขบวนเป๊ะ”
โรสยิ้มรู้ว่าอิทธิบอกถูกทาง แต่แกล้งทดสอบ
“ฉันว่าทางนี้”
อิทธิกรมองรอบๆ อีกครั้ง
“ผมว่าทางนี้น่าจะถูกแล้ว”
“โน ทางนี้ ฉันคนที่นี่ ฉันต้องรู้ดีกว่า”
“โน ไม่จำเป็น อีกอย่าง คุณให้ผมนำ จะมาเบี้ยวไม่ได้”
“เอางี้ เรามาสู้กัน ใครชนะ ไปทางนั้น”
“ชนะ ยังไง แบบไหน ซัดกันให้หมอบไปข้างหนึ่งเลยเหรอ”
โรสยิ้ม ตวัดมีดสั้นขึ้นมา
“เฮ้ ใจเย็นคุณ”
โรสสะบัดมือ มีดสั้นไปปักต้นไม้ ห่างออกไปร่วมสิบเมตร
“ใครได้มีดสั้นก่อน คนนั้นชนะ”
“ด๊าย”
โรสพุ่งที่ต้นไม้อย่างรวดเร็ว นำออกไปก่อน
“เฮ้”
อิทธิตามไปอย่างรวดเร็ว คว้าโรสไว้ได้ โรสหันมาชกโครม อิทธิรับไว้ ทั้งสองต่อสู้กัน อิทธิยั้งไม่ทันชกโรสปากแตก ในที่สุดเขาได้มีดไป ก่อนจะโยนมีดคืนให้โรส
“ผมชนะ”
“ได้ คุณนำ”
อิทธิเห็นโรสปากแตก
“คุณ ปาก”
โรสเอาลิ้นดุนตรงที่แตกเช็คความเจ็บ
“ชิล น่า”
โรสเดินออกไป อิทธิมองตามใจเสีย

โรสนั่งลงที่โคนต้นไม้ เปิดเป้ของตนหยิบผ้าขาวออกมาผืนหนึ่ง เอาน้ำจากกระติกเทใส่ผ้าเล็กน้อย แล้วแตะที่ปาก อิทธิรีบเข้ามานั่งตรงหน้า
“sorry”
โรสเห็นอิทธิเสียใจจริง ก็กลั้นขำ ไม่พูด แต่ส่งผ้าให้แทน อิทธิยิ้มรับมา แล้วค่อยบรรจงเช็ดปากให้ ทั้งสองต่างสบตากัน
“อย่าแกล้งเช็ดแรงล่ะ”
อิทธิยิ้มไม่ตอบ บรรจงเช็ดอย่างเบามือ โรสลอบมองยิ้มชอบใจ

หยกกับปิง ร่อนลงมากลางลาน แล้วเดินมาหาหลิน ซึ่งยืนหันหลังให้รออยู่ หยกรายงาน
“พวกมันอยู่กับคนแก่สามคน เป็นชาวบ้านธรรมดาหาสมุนไพร”

“ถ้าพวกชาวบ้านเกะกะนัก ก็สังหารให้หมด”

ยามค่ำคืน รัตนากร อัศวิน และชายสามคนนั่งคุยกันอยู่

“เอ็งสองคนพักให้สบาย พวกข้าตั้งค่ายอยู่นี่มาหลายคืนแล้ว ไม่มีอะไรหรอก เงียบสนิท”
“ขอบคุณครับ”
“ที่สำคัญเอ็งสองคนอย่าเสียงดังก็แล้วกัน”
ชายสามคนต่างหัวเราะกัน แล้วเดินออกไป อัศวินกับรัตนากรยิ้มกับมุกของชายสามคน อัศวินแกล้งพยักหน้าชวน รัตนากรตีเข้าให้

กลางดึก อัศวินกับรัตนากรนั่งพิงกันหลับอยู่ ทันใดนั้น ได้ยินเสียงปืนดังตูม ทั้งสองสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกัน ชายสามคนต่างถือลูกซอง มองออกไปด้านนอก ระมัดระวัง อัศวินกับรัตนากรเข้าไปหา
“ตัวอะไรเหรอคะ”
“ข้าคิดว่าเป็นคน”
“เอ็งตาฟาดมั้ง”
“คืนนี้ฟ้าสว่าง ข้าไม่พลาดหรอก”
“แปลกมาก หรือว่าพวกโจรตามพวกเอ็งมา”
อัศวินกับรัตนากรต่างมองหน้ากัน
“พี่อัศวินไปพักก่อน เดี๋ยวฉันไปดูเอง”
รัตนากรพูดจบก็วิ่งออกไป อัศวินได้แต่ส่ายหน้า
“เอ็งจะปล่อยให้มันไปยังงั้นเหรอ”
“ครับลุง”
“เอ็งนี่ ท่าทางจะกลัวเมีย”
“ยังกะเอ็งไม่กลัว”
ชายทั้งสามหยอกกัน อัศวินได้แต่ยิ้ม จ้องมองไปข้างหน้า

รัตนากรพุ่งมาตรงกองไฟ ยิ้มให้หลิน
“คงไม่มีใครจับตัวเธอมาเหมือนคราวก่อนนะ มิเชล”
หลิน ปิง และหยก ยืนประจันหน้ากับรัตนากร
“เรื่องเก่าแล้วก็ให้ผ่านไป”
“มีอะไรคุยกันที่นี่ ลุงสามคนนั่นไม่เกี่ยว”
“ได้ ดูเหมือนเธอมีความมั่นใจสูง หรือไม่ก็ประมาท ที่มีแผนที่ติดตัวมาด้วย”
“ก็ต้องถามตัวเองดู”
“คาดไม่ถึง คุณอัศวินปล่อยให้เธอมาคนเดียว”
“น่าจะยิ่งเข้าใจว่าทำไม”
หลินยิ้ม “พวกเจ้าสองคนถอยไป”
“แน่ใจนะ”
“เจ้าสองคนห้ามยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด”
รัตนากรยิ้ม หลินพุ่งเข้าใส่ ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างรุกรับกันอย่างเข้มข้น หยก ปิง ยืนดูลุ้นอยู่ สองฝ่ายสูสีกัน ต่างเริ่มเหนื่อย ที่มุมปากต่างมีแผลเลือดซึม ทั้งสองตั้งท่าจะลุยกันอีก แต่แล้วมีดเล่มหนึ่งพุ่งมาปักที่พื้นตรงหน้าสองสาว ทั้งคู่หันมาก็เห็นอัศวินยืนอยู่
“คุณอัศวิน มาได้เวลาพอดี”
“เพราะคุณกำลังจะกลับ”
รัตนากรยังคงจ้องระวัง หลินจ้องอัศวินอึดใจ หยกกับปิงต่างไม่พอใจ แต่ไม่กล้าขัดคำสั่ง หลินยิ้มให้อัศวิน แล้วหันมาทางรัตนากร
“เรากลับ”
หลินเดินออกไป หยกกับปิงฮึดฮัด แล้วตามหลินหายเข้าไปในป่า
“ใครบอกให้ตามมาคะ เรื่องกำลังจะจบ”
อัศวินเดินมาดึงมีดออกจากพื้นดิน ยิ้มให้รัตนากร
“ลุงสามคนไล่ให้มาตาม”
รัตนากรผ่อนลมหายใจ
“เป็นยังไงบ้าง”
“พอตึงมือ แต่จบได้แน่นอน”
“กลับเถอะ”

รัตนากรพยักหน้า

ตอนเช้า ท้องฟ้าสดใส อัศวินกับรัตนากรจะเดินทางต่อ จึงหันไปบอกลุงทั้งสาม

“ขอบใจทุกคนนะครับ”
“เออ ระวังตัวนะ”
ทั้งคู่หันหลังเดินจากไป ชายสามคนมองตาม
“เอ็งคิดว่าพวกมันจะหาเนตรนาคราชเจอมั้ย”
“หวังว่าคงเจอ”

พรานเมิงนำขบวนทุกกคนเดินมาตามเส้นทาง เขายกมือเป็นสัญญาณให้หยุด ทีมงานกระจายกันออกไประวัง ชาติกราดสายตารอบ พรานเมิงเดินเข้ามากระซิบกับชาติ ชาติพยักหน้า พรานเมิงเดินออกไป
“เราจะพักกินข้าวกันที่นี่”
พรานเมิงหันไปเรียกลูกสาว
“นายอง”
“ได้พ่อ”
“เงียบได้เป็นดี”
“ได้เลย”
นายองเดินย้อนเส้นทางเดิมกลับไป กาญจนาเห็นพอดี เดินเข้ามาถามพรานเมิง
“นั่นนายองจะไปไหน”
“ไปหาเสบียงครับ”
“คนเดียวเนี่ยนะ”
“ครับ”
“เกิดหลงไปจะว่ายังไง”
“อย่าห่วงเลยครับ ผมเอามันไปทิ้งในป่าบ่อยๆ มันกลับมาหาผมเจอทุกที”
กาญจนาฝืนยิ้ม หงุดหงิด ชาติเดินเข้ามา
“มีอะไรเหรอครับ”
“ผมล้อคุณกาญจนาแกเล่นนะครับ ระหว่างทางผมเห็นนกกับไก่ป่าชุกชุม เลยส่งนายองย้อนกลับไปหามาเป็นเสบียงน่ะครับ ทางเคยผ่าน นายองไม่หลงหรอกครับ”
“บอกตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง”
ชาติยิ้ม แต่แล้วสีหน้าเคร่ง พร้อมส่งสัญญาณให้ทีมงานระวัง ทีมงานต่างแยกย้ายเคลื่อนไหวรัดกุม
ระวังโดยรอบ
“อะไรคะ”
“มีความเคลื่อนไหวด้านนอก เดี๋ยวผมมา”
ชาติพุ่งออกไปในป่า พรานเมิงกับกาญจนาต่างมองตามด้วยความตื่นเต้น

ชาติวิ่งเข้ามาในป่า หยุดที่ลานเล็กๆ กราดสายตารอบ ก็เห็นซามูยืนยิ้มอยู่ ชาติเหล่เก็บปืน ซามูเข้ามาใกล้ส่งสัญญาณมือไปมา ชาติพยักหน้ารับ
“ข้าอยากให้เอ็งอยู่ใกล้ๆ ขบวนหน่อย โดยเฉพาะคุณกาญ”
ซามูยิ้มทำมือโค้งเป็นรูปหัวใจ ชาติเหล่ ซามูตะเบ๊ะ แล้วหันหลังวิ่งออกไป

ที่กองไฟมีไก่ป่าย่างอยู่สองตัว ทุกคนต่างกินข้าวกลางวัน ชาติเดินเข้าไปนั่งที่กองไฟใกล้ๆ นพดล พรานโก๊ะนั่งใกล้ๆ นายองกับพรานเมิง ทั้งหมดนั่งล้อมกองไฟอยู่ พรานเมิงตัดไก่ส่งให้ชาติ ชาติชำเลืองไปยังกาญจนากับวีรกิจซึ่งนั่งอยู่ด้วยกัน แต่ไม่ใกล้กันเหมือนก่อน กาญจนาชำเลืองมาพยักหน้าให้ ชาติยิ้มตอบ แล้วหันมาสนใจไก่
“อืม น่าอร่อย”
ชาติกินไก่ แล้วพยักหน้า พรานโก๊ะคุยโว
“ฝีมือผม”
“นายองล่ามา”
“เก่งนี่ ไม่เห็นได้ยินเสียงปืนเลย”
“นายองใช้ลูกดอก”
“ลูกสาวผมไม่ใช่ย่อยนะครับ”
ชาติยิ้ม ยกไก่ชูขึ้นให้กับความเก่งของนายอง
“ออกไปข้างนอกไม่เจอพวกมันเหรอ” นพดลถามชาติ
“ซามูบอกว่าพวกมันไม่คิดทำอะไร นอกจากตาม มันคงรู้ว่าแผนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่”
“หรือไม่ก็ส่งคนตามอัศวินกับรัตนากรไปแล้ว”
“อัศวินวางแผนไว้เนียนมาก ถือว่าเป็นผลดีต่อขบวน เราเดินทางได้อย่างสบายๆ”

ทั้งสองยกไก่ชนกัน

ขบวนของเฮนรี่เดินทางมา นำโดยพรานอองข่าน แต่แล้วก็ต้องหยุดเมื่อเห็นหลิน หยก ปิง ยืนขวางเส้นทางอยู่ โจซิงกับอังโซะออกมาเผชิญหน้า แต่เฮนรี่เรียกไว้

“เดี๋ยวก่อน”
โจซิงกับอังโซะหยุด
“นึกว่าจะเงียบได้นานแค่ไหน สุดท้ายแก๊งมังกรทองก็ออกมาจนได้”
“แค่อยากจะลองเจรจาต่อรองดู เผื่อว่าเราจะร่วมงานกันได้”
“ไม่มีความจำเป็น ผมจัดการทุกอย่างได้หมด ไม่มีใครขวางผมได้”
“ถ้ายังงั้นก็จบแค่นี้”
หลินมองเฮนรี่ พรานอองข่าน อังโซะกับโจซิง อย่างยั่วโมโห
“เราไปกัน”
หลินหันตัวกลับ หยกกับปิง ถอยหลังระวัง
“คราวหน้าพบกันอีกอาจจะไม่ได้เดินออกไป”
เฮนรี่ตะโกนไล่หลัง หลินหันมายิ้ม
“อ้อ คนที่ท่านให้ไปชิงแผนที่น่ะ คงไม่กลับมาแล้ว”
โจซิงกับอังโซะ โดดตีลังกาข้ามไปขวางหลินไว้
“ไม่ใช่ฝีมือเรา” หลินบอก
“โจซิง อังโซะ”
เฮนรี่ปราม โจซิงกับอังโซะนิ่ง พร้อมลุย แต่ต้องเปิดทางให้หลินกับหยกและปิงเดินผ่านไป เฮนรี่หันมาพูดกับทีมงาน
“ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็ต้องไม่ใช่ฝีมือของพวกมัน นายอัศวินเท่านั้น ที่มีฝีมือพอ ที่จะเล่นงานเวจางได้”
เฮนรี่มั่นใจ

ที่ค่ายพัก นายองเดินมาหาพรานเมิง
“พ่อ ฉันเจอแหล่งน้ำ ฉันจะชวนพี่กาญไปอาบน้ำ”
“พ่อไปด้วย”
“เฮ้ย ได้ไง”
“เอ็งมันชอบประมาท อันตรายรอบด้าน ข้าจะไประวังให้”
“คนจะอาบน้ำนะพ่อ”
“เอ็งก็ลงไปทั้งชุดเลย จะได้ซักไปด้วย ขึ้นมาผึ่งไฟเดี๋ยวก็แห้ง”
“โอ๊ยพ่อเนี่ย”
“เอางี้ เอ็งไปถามคุณชาติโน่น อย่ามายุ่งกับข้า”
พรานเมิงเดินหนีออกไป นายองหน้ามุ่ย หันไปเห็นกาญจนานั่งอยู่เพียงลำพัง จึงเดินยิ้มหน้าบานเข้าไปหา
“มีอะไร นายอง”
“ไปอาบน้ำมั้ย พี่กาญ”

กาญจนาตาโต ตื่นเต้น
 
อ่านต่อหน้า 4

เนตรนาคราช ตอนที่ 8 (ต่อ)

วีรกิจนั่งพิงต้นไม้มองทุกคน ครุ่นคิด เห็นกาญจนากับนายองเดินไปหาชาติ วีรกิจจ้องมองสงสัย

“ได้ครับ แต่ควรจะต้องมีคนไปด้วย”
ชาติบอกสองสาว
“เราสองคนดูแลตัวเองได้ นายองเก่งสารพัด ฉันเองก็พอยิงปืนได้แม่นอยู่”
“ผมไม่อยากเสี่ยงเลยครับ คุณสองคนเป็นอะไรไป ผมคงไม่รอด ทั้งไอ้อัศวิน ทั้งคุณรัตนากร แล้วพรานเมิงต้องเล่นงานผมชัวร์”
“เอางี้ ฉันเฝ้านายองอาบ ฉันอาบ นายองเฝ้า”
“ใช่เลย” นายองเห็นด้วย
“มีอะไรเกิดขึ้นยิงปืนส่งสัญญาณ” ชาติกำชับ
“ฉันนึกว่าเราไม่ต้องการให้ใครได้ยินเสียงปืน”
“ความปลอดภัยของพวกคุณสำคัญกว่า”
“ก็ได้ค่ะ”
“งั้นก็โอเค”
ทั้งสามต่างยิ้ม กาญจนากับนายองเดินออกไป ชาติถอนใจ แล้วเห็นประกายแดดสะท้อนแว่บหนึ่ง
ชาติเพ่งมองตาไม่กระพริบ นพดลเดินเข้ามาบอก
“แสงสะท้อนจากกล้องส่องทางไกล”
“อืมไม่ใกล้ไม่ไกล”
ชาติจ้องเขม็ง วีรกิจเดินเข้ามา
“คุณปล่อยให้คู่หมั้นผมออกไปไหน”
ชาติยังคงจ้องที่มาของแสง ตอบไปเรียบๆ
“อาบน้ำมั้ง”
“อ้าวคุณ อันตรายไม่ใช่เหรอ”
“ครับ”
“บ้าที่สุด ผมจะไปตาม”
วีรกิจเดินออกไป ชาติจ้องที่มาของแสงอยู่ พลางพูดไล่หลัง
“ระวังหลงด้วย”
วีรกิจเบรคกึก หันซ้ายหันขวา
“กาญยิงปืนแม่น นายองฝีมือไม่ย่อย ผู้หญิงจะอาบน้ำ คุณจะไปแอบดูเขาเหรอไง”
นพดลดักคอ วีรกิจฮึดฮัด ในที่สุดก็เดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง ชาติกับนพดลต่างยิ้มกัน ทันใดนั้น แสงแว่บออกมาอีกวูบหนึ่ง
“ว่าไง”
“ยังอยู่ตำแหน่งเดิม อืม ไว้ใจไม่ได้ ฝากพี่หมอช่วยดูรอบๆ ด้วย”
“โอเค”
นพดลเดินออกไป ชาติจ้องที่มาของแสง

บนเนินสูงแห่งหนึ่ง เฮนรี่กับโจซิง ต่างใช้กล้องส่องทางไกล มองขบวนเดินทางของชาติ

บริเวณแอ่งน้ำ ล้อมด้วยพุ่มไม้ นายองยืนเฝ้ากราดสายตา สักครู่ กาญจนาก็แต่งตัวเรียบร้อยออกมาหลังพุ่มไม้
“นายองจะไปส่งพี่กาญที่ค่าย แล้วนายองจะไปหาเสบียงเพิ่มอีกหน่อย”
“อย่าซนจนเกิดเรื่องล่ะ”
“รับรองค่ะ”

ทั้งสองพากันเดินออกไป

นายองพากาญจนามาถึงค่าย พบชาติยืนระวังอยู่รอบนอก

“พาพี่กาญมาส่งค่ะ นายองจะไปหาเสบียงเพิ่ม”
“ระวังจะกินไม่หมดนะ”
“โห แค่พรานโก๊ะกับพ่อ ก็ไม่พอแล้ว”
นายองหันหลังมุ่งเข้าไปในป่า กาญจนากับชาติต่างมองนายองยิ้มให้กัน
“ขอบคุณนะคะที่ให้ไปอาบน้ำ”
“ครับ เดี๋ยวตาพวกผู้ชายมั่ง”
กาญจนายิ้ม แล้วเดินออกไป

เฮนรี่ใช้กล้องส่องทางไกลมองค่ายพักของชาติอยู่ พลางหันมาพูดกับโจซิง
“ถ้าเวจางตายอย่างที่พวกมันบอก เราก็ต้องหาทางชิงแผนที่”
เฮนรี่ยังคงส่องกล้องไปที่ค่ายของชาติ

กาญจนาเดินมายังจุดของตน หยิบเป้ที่วางอยู่หันมา ก็เผชิญหน้ากับวีรกิจ
“เดี๋ยวนี้คุณดูสนิทกับนายชาติอะไรนั่น”
“คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ”
กาญจนาจ้องไม่พอใจ วีรกิจยิ่งอารมณ์เสีย

เฮนรี่กับโจซิงยังใช้กล้องส่องมาที่ค่ายพักของชาติ เห็นกาญจนาคุยกับวีรกิจ
“แต่แผนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่” โจซิงท้วง
“นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะเอามาไม่ได้ และผมคิดว่า โอกาสของเรากำลังมาถึง”
เฮนรี่เห็นวีรกิจกับกาญจนา กำลังเถียงกัน
“คุณบอกผมมาดีกว่า ว่าคุณก็สนเจ้าหมอนั่น” วีรกิจไม่พอใจ
“คุณวีรกิจ เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว”
เฮนรี่ เห็นกาญจนาเดินออกไป วีรกิจแค้นเดินเข้าไปในป่า
“ดี ออกมาไกลๆ หน่อย โจซิง ไปลากตัวไอ้หมอนั่นมา มันอาจจะทำให้เราได้แผนที่แบบไม่ต้องลงทุน”
โจซิงหันมาทางอังโซะ ทั้งสองพุ่งเข้าไปในป่า เฮนรี่ยิ้มพอใจ

นายองเดินกลับมาจากการล่าสัตว์ ได้เสบียงมาสองสามตัว แต่แล้วเห็นเงาวูบวาบอยู่ในพุ่มไม้ เธอหยุดกึก หลบวูบ

อังโซะจู่โจมเข้าหาวีรกิจ วีรกิจถอย อังโซะพรวดเข้ามาจับ ล็อคแขนไว้ เอามีดจ่อ
“ขืนร้องลิ้นขาดแน่”
วีรกิจหน้าซีด พยายามดิ้น อังโซะบิดแขนจนวีรกิจดิ้นไม่ออก
“ฉันไม่มีแผนที่อะไรจะให้แก”
“หุบปาก แกนี่แหละคือแผนที่”
อังโซะเอามีดแทงสวบที่แขนเสื้อตรงหัวไหล่ วีรกิจตาเหลือก แต่แล้วอังโซะก็ดึงแขนเสื้อขาดออกมา แล้วโยนลงพื้น โจซิงเข้ามาอีกด้าน หิ้วปีกวีรกิจลากเข้าไปในป่า
 
นายองรอจนมั่นใจว่าพวกมันไปหมดแล้ว จึงออกมา แล้วรีบคว้าเศาเสื้อของวีรกิจวิ่งออกไป

กาญจนาเดินมาหานพดล ซึ่งนั่งอยู่กับพรานโก๊ะ

“พี่หมอ เห็นคุณวีรกิจหรือเปล่า”
“เห็นเดินออกไปทางด้านโน้น”
กาญจนามองรอบๆ
“เดี๋ยวหายโกรธก็กลับมาเองนั่นแหละ”
กาญจนาพยักหน้า เดินไปนั่งที่พักของตัวเอง นายองวิ่งเข้ามา ร้องเรียก
“พี่กาญ พี่กาญ”
ทุกคนหันไปมอง เห็นนายองวิ่งเข้ามาพร้อมถือแขนเสื้อของวีรกิจเข้ามาด้วย
“พวกมันจับคุณวีรกิจไปแล้ว”
กาญจนาตกใจ ชาติรีบปลอบ
“ไม่ต้องห่วงครับ เราจะตามรอยเอาตัวคุณวีรกิจกลับมาให้ได้”
“แต่นายองบอกว่า พวกมันต้องการแผนที่”
“ผมเชื่อว่า คุณอัศวินกับคุณรัตนากรจะต้องมาถึงอย่างช้าไม่เกินวันนี้พรุ่งนี้ ผมกับพรานเมิง จะตามไปก่อน”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน เงียบ เป็นการยอมรับ ชาติกับพรานเมิงเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง
“ไม่ต้องห่วงนะครับ มีทีมงานอยู่ครบ อีกทั้งเจ้านกระวังภัยซามู ไม่มีอะไรต้องกังวล”
“ระวังตัวด้วยนะคะ”
“ครับ พี่หมอฝากด้วย”
“แน่นอน”
“นายอง”
นายองมองชาติตั้งใจฟัง
“นายองชำนาญป่า ถ้ามีอะไร นำทุกคนไปหลบในที่ปลอดภัย”
“จ้ะ”
“เอ็งอย่ามัวแต่เล่นล่ะ”
นายองเหล่พรานเมิง ชาติมองกาญจนาอีกครั้ง แล้วเดินออกไป พรานเมิงตามติด

ทีมงานเดินระวังรอบค่ายอย่างเข้มข้น นพดลเดินตรวจไปมา มีพรานโก๊ะคอยอยู่ข้างๆ
“พรานเมิงไม่อยู่ ฉันต้องพึ่งพรานโก๊ะแล้วนา”
“สบาย”
นพดลยิ้ม เห็นกาญจนานั่งอยู่กับนายอง..
“นังหนูนายองนั่นมันเก่ง ดูแลคุณกาญได้”
นพดลพยักหน้าเห็นด้วย แต่ไม่วายกังวลใจ ในขณะที่นายองปลอบกาญจนาอยู่
“หนูว่าเดี๋ยวพวกผู้ร้ายมันก็ต้องปล่อยคุณวีรกลับมาเอง”
“นายองรู้ได้ยังไง”
“คุณวีน่ารำคาญ ไม่มีใครอยากอยู่ด้วยหรอก”
กาญจนากลั้นยิ้ม
“โอ้ แย่แล้ว”
“อะไร”
“ถ้าพวกมันไม่ชอบคุณวี อาจจะยิงทิ้งเลยก็ได้”
“อ้าว”
นายองเริ่มกังวล กาญจนากลั้นยิ้มเอาไว้สุดฤทธิ์ นายองซื่อ คิดอะไรก็พูดออกมา แต่กาญจนา
ก็เริ่มกังวลใจ ว่าจะเป็นอย่างที่นายองพูด ทันใดนั้น เสียงนกประหลาดดังขึ้น เร็วถี่ กาญจนาผุดลุกขึ้น
“นกซามู”
“ทุกคนระวัง” นพดลตะโกนบอก
ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยง ทีมงานล้มทรุดไปหนึ่งคน จากนั้นเสียงปืนดังสนั่นเข้ามา ทีมงานที่เหลือกระจายกำลังเข้าสกัดยิงตอบโต้ นพดลหันไปสั่ง

“นายอง คอยดูพี่กาญ”

นายองลากกาญจนาเข้าไปหลังพุ่มไม้ ตวัดปืนลูกซองที่สะพายไว้ขึ้นมา กาญจนาชักปืนขึ้นมาเช่นกัน นพดลยิงสาดออกไปพลางลากพรานโก๊ะหลบเข้าหลังพุ่มไม้ด้วย

“พวกไหนอีกวะเนี่ย พรานโก๊ะ รีบพานายองกับคุณกาญหลบไปก่อน ผมจะยิงคุ้มกันให้”
นพดลกราดยิงออกไป
“ไปได้”
พรานโก๊ะวิ่งพรวดออกไป นพดลยิงกราดไปอีกชุดหนึ่ง พรานโก๊ะวิ่งเข้ามาหานายองกับ กาญจนาที่ซุ่มอยู่
“นายอง หมอสั่งให้พาคุณกาญหลบไป”
“แต่ว่าพี่หมอ”
“มาก่อน พี่กาญ”
นายองลากกาญจนาออกไป พรานโก๊ะหันมามองนพดล เห็นส่งสัญญาณมือให้รีบไป พรานโก๊ะรีบตามนายองกับกาญจนาออกไป

นายองนำกาญจนาลุยป่าออกมาอย่างรวดเร็ว ตามด้วยพรานโก๊ะ แต่แล้วก็เห็นพวกมันมาทางด้านข้าง นายองกดลูกซองตูม พวกมันกระเด็น กาญจนายิงไปยังอีกด้านหนึ่ง พวกมันคว่ำไป พรานโก๊ะยิงปืนโบราณตูม ตัวเองหงายหลังโครมลงไปในพุ่มไม้แต่ก็ยังถูกพวกมันคว่ำไปอีกคน นายองลากกาญจนาวิ่งออกไป แต่แล้วพวกมันก็เข้ามาล้อมไว้ได้ นายองกับกาญจนามองพวกมันห้าคน
“ทิ้งปืน”
กาญจนากับนายองต้องทิ้งปืนลง
“แผนที่”
กาญจนามองพวกมันอย่างพิจารณา จำได้ว่าเป็นพวกชุมโจรนั่นเอง
“แผนที่อะไร ไม่มี” นายองร้องบอก
“พวกข้ารู้หมดแล้ว ว่าพวกเอ็งมีแผนที่ที่ซ่อนของเนตรนาคราช”
“พวกโจรอย่างเอ็งบุญไม่ถึง จะตายกันหมด”
“พูดมาก จับตัวพวกมัน”
พวกโจรปราดเข้ามา แต่แล้วซามูก็ลอยลงมาจากต้นไม้ลงใส่กลุ่มพวกมันแตกกระจาย ซามู ลุยใส่พวกมันอย่างรวดเร็ว ทั้งปืน มีดป่า นายองพากาญจนาหลบไปอีกทาง ซามูจัดการพวก
มันจนหมด ทันใดนั้นมีเสียงเคลื่อนไหว ซามูหันปืนไป พรานโก๊ะโผล่มาจากพุ่มไม้ เสียงปืนดังสนั่น ทั้งสามคนโดดหลบกันอย่างชุลมุน พวกโจรอีกกลุ่มหนึ่งโผล่มาจากป่า กราดกระสุนยิงใส่สามคน สามคนต่างถูกล้อม แต่แล้วเสียงปืนสนั่นมา อัศวินกับรัตนากรเข้ามากราดยิงพวกโจรคว่ำ ที่เหลือต่างสลายตัวออกไปหมด
“ยัยกาญล่ะ”
รัตนากรร้องถามอย่างเป็นห่วง
“พี่อัศวิน”

ทั้งหมดหันไปก็เห็นกาญจนา นายอง พรานโก๊ะ ซามูเดินกันเข้ามา รัตนากรโล่งอก นายองวิ่งเข้ามาหารัตนากร ในขณะที่กาญจนาเข้าไปหาอัศวิน
 
อ่านต่อตอนที่ 9
เนตรนาคราช ตอนที่ 6
เนตรนาคราช ตอนที่ 6
รัตนากรหลับอยู่ ฝันเห็นภาพเหตุการณ์เมื่อ 500 ปีก่อนอีก เธอสะดุ้งตื่น ขยับตัวมองรอบๆ เห็นทุกคนหลับ เธอลุกออกไปที่ลานระเบียงบ้าน เห็นอัศวินยืนอยู่กับอิทธิและชาติ เธอจึงบเดินไปหา ขณะนั้นอิทธิกำลังบ่นอัศวินอยู่ “ฉันบอกนายแล้วไงว่านอนให้สบาย” “ฉันรู้ แต่มันตื่นขึ้นมาเอง” “นั่นก็อีกราย” ชาติโบ้ยไปทางรัตนากร “เชิญครับคุณรัตนากร ตื่นขึ้นมาเองใช่มั้ยครับ” รัตนากรยิ้ม “มีใครบุกเข้ามาเหรอคะ” “ยังครับ” “แต่ใหนๆ คุณสองคนก็ตื่นกันแล้วนี่ ผมขอตัวไปนอนก่อน” ชาติบอก “ผมด้วยเหมือนกัน” ชาติกับอิทธิต่างยิ้ม รีบชิ่งกันออกไปด้านในค่าย “เพื่อนพี่อัศวินสองคนนี่ร้ายจริงๆ มั่วนิ่มเลย”
กำลังโหลดความคิดเห็น