ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 7
วุธที่กำลังขับรถกลับบ้านใส่บลูธูทโทรหาซันไปด้วย
"นี่เธออยู่ไหนแล้วซัน ถึงบ้านหรือยัง"
ซันยืนรอรถแท็กซี่อยู่บริเวณหน้าร้านอาหารร้านเดิมตามลำพัง
"ยัง" ซันตอบสั้นๆ
"ทำไมไม่รีบกลับบ้าน นี่มันจะสี่ทุ่มแล้วนะ"
"ฉันอยู่แถวหน้าร้านอาหาร กำลังรอแท็กซี่อยู่"
"รอแท็กซี่ ไม่มีคนไปส่งเธอเหรอ... เกิดอะไรขึ้น... นี่ร้านอยู่ที่ไหน... รออยู่ตรงนั้นนะ เราอยู่ไม่ไกลจากเธอ เดี๋ยวจะไปรับ อย่าเพิ่งไปไหนล่ะ"
วุธหักพวงมาลัยกลับรถตรงที่กลับรถทันที
ซันยืนรออยู่ริมถนน วุธขับรถเข้ามาจอดเทียบเพื่อรับซันขึ้นรถ ซันก้าวขึ้นมานั่งในรถ
"จะไปไหน กลับบ้านเลยหรือเปล่า" วุธถาม
"ไปหาอะไรกินก่อนได้ไหม"
วุธกับซันมานั่งอยู่ที่ร้านหมูกระทะ ซันกินด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยและสบายใจกว่าเดิม
"อะไรของเธอ ทำยังกับไม่ได้กินอะไรมา" วุธงง
"ก็ไม่ได้กินน่ะสิ อึดอัดน่ะ กินไม่ค่อยลง" ซันบอก
"คู่เดทของเธอนี่เป็นผู้ชายประสาอะไร ทำไมไม่พาเธอไปส่งบ้าน"
"ไม่ใช่ว่าเขาไม่พาไป แต่ฉันไม่ไปกับเขาเอง"
"ก็ดีแล้ว"
"ดีอะไร"
"ก็ดีที่ยังไม่ถลำตัวคบกับเขาไง เขาอาจจะไม่เหมาะกับเธอก็ได้"
"แล้วที่นายโทรหาฉัน ตกลงมีเรื่องอะไร"
"อ๋อ พอดีเรามีไอเดียเรื่องพรีเซ็นเตอร์ของสยามสมาร์ทโฟนได้ ก็เลยจะโทรปรึกษาเธอ"
"ทำไม ยอมให้ฉันเรียกแดนนี่มาแล้วเหรอ"
"ไม่ใช่แดนนี่ แต่เราว่าต้องใช้พรีเซ็นเตอร์ผู้หญิง" วุธบอก
"ไม่ใช่ละ อิมเมจของโทรศัพท์มือถือมันควรจะเป็นอะไรที่แสดงถึงความเข้มแข็ง การติดต่อสื่อสารทางธุกิจที่ฉลาด ทันสมัย ใช้พรีเซ็นเตอร์ผู้หญิงไม่เหมาะหรอก ต้องเป็นผู้ชาย มาดนักธุรกิจ" ซันบอก
"แต่โทรศัพท์ของบริษัทนี้เขาเป็นแบรนด์ไทยระดับกลางๆ คอนเซ็ปมันไม่ควรเป็นเรื่องธุรกิจ แต่ต้องเน้นที่ภาพลักษณ์ดูดี เพื่อสังคม ประมาณว่ามือถือทำให้คนรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น แล้วเราว่าผู้หญิงก็สื่อถึงอารมณ์แบบนี้ได้ดีกว่า"
"ไม่ ฉันอยากได้ผู้ชายมากว่า" ซันบอก
"นี่ฟังเหตุผลกันบ้างไหมเนี่ย" วุธว่า
"แล้วนายจะเห็นตรงกันกับฉันสักเรื่องได้บ้างไหมล่ะ" ซันบอกวุธ
วุธขับรถมาส่งซันที่หน้าคอนโด พอรถจอดซันก็เตรียมตัวจะลง
"ขอบใจที่มาส่ง"
วุธพูดล้อๆ "ด้วยความยินดีครับ คุณผู้หญิง"
ซันกำลังจะลงจากรถ แล้วเธอก็นึกได้ว่าควรพูดอะไรบางอย่าง
"วุธ ส่วนเรื่องงานแต่งของนายกับจ๋า ฉันตกลงเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้"
"อือ จ๋าคงดีใจ"
ซันลงจากรถแล้วมองตามรถของวุธที่แล่นห่างออกไป
"นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดจริงๆนะวุธ ฉันควรจะรักษามิตรภาพของเราเอาไว้แบบนี้... นี่แหละดีที่สุด"
วินกับอ้อมอยู่ในรถเตรียมกลับคอนโด
"ไปนะครับป๊า ม๊า" วินบอก
"เออ ขับรถดีๆล่ะ" ป๊าพูด
วิภากับสุพงษ์ยืนมองรถของวินที่เคลื่อนออกไป วิภายิ้มปลื้ม
"คราวนี้เราต้องได้หลานชายคนแรกของตระกูลแน่ๆเฮีย ฉันมั่นใจ"
เจนยื่นแฟ้มงานให้ปุ๊กกี้
"ข้อมูลการประชาสัมพันธ์ของสกินแคร์แบรนด์อื่นๆในตลาดค่ะ ที่พี่ปุ๊กกี้ให้เจนไปทำเปรียบเทียบกันมา"
ปุ๊กกี้พูดห้วนๆ "ขอบใจ"
เจนหันหลังจะเดินออกไป แต่ปุ๊กกี้ยังไม่จบเรื่อง
"เออ เดี๋ยวก่อนเจน ฉันมีเรื่องจะถาม"
"อะไรคะ"
"นี่เธอไปทำอะไรเข้า ทิชาเขาถึงได้อาละวาดเสียงลั่นออฟฟิศได้ทุกวัน"
"ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่คะ ทิชาเขาก็เหวี่ยงได้ตลอดล่ะค่ะ ขนาดเจนแค่นั่งแคะเล็บอยู่ที่โต๊ะเฉยๆ ก็โดนเหวี่ยงแล้ว" เจนบอก
"แต่ฉันรู้ว่าเรื่องอะไร เรื่องคุณจ๊อดใช่ไหม ที่เขาเหวี่ยงวีนไปทั่วแบบนั้นเพราะเขาหึงคุณจ๊อดน่ะสิ"
"เจนกับคุณจ๊อดยังไม่ได้มีอะไรสักหน่อย"
"ไม่มีก็ดีแล้ว คนอย่างคุณจ๊อดน่ะมองคุณสมบัติของผู้หญิงอยู่แค่สามอย่าง" ปุ๊กกี้ชี้นิ้วไปที่หน้าของเจน "หน้า..." ปุ๊กกี้เลื่อนนิ้วลงมาที่หน้าอกของเจน "นม..." ปุ๊กกี้เลื่อนนิ้วลงมาอีก "แล้วก็ ก้น! แต่เธอ ไม่เห็นมีอะไรสักอย่าง นามสกุลไม่ดัง ผลงานก็ยังไม่มี อย่าไปหวังอะไรให้มันมากนัก ฉันไม่ชอบให้พนักงานตีกันในออฟฟิศ ปวดหัว"
ปุ๊กกี้บ่นอย่างเซ็งๆ แล้วก็ก้มหน้าทำงานต่อ ส่วนเจนหน้ามุ่ยเพราะเซ็งยิ่งกว่า
จูดี้ทุบโต๊ะเพราะของขึ้นเล็กน้อยหลังจากคุยกับเจน
"แหม...เจ้านายน้องเจนพูดแบบนี้ มันจะดูถูกกันเกินไปหน่อยนะคะ"
"ก็นั่นน่ะสิ พี่ปุ๊กกี้เขามาหาว่าเจนไม่มีอะไรดีเลยได้ยังไง บอกน้องมาเลยพี่จูดี้ หน้าตาเจน" เจนยื่นหน้าให้จูดี้ดูชัดๆ "เป็นไง"
"ดีค่ะ" จูดี้ตอบ
เจนถามต่อ "หน้าอก"
จูดี้มองอกเจนก่อนตอบ "แบนราบ"
"ก้นล่ะ"
จูดี้มองก้นเจน "นั่นก้นเหรอคะ นึกว่าแผ่นหลัง"
"พี่จูดี้! นี่จะปลอบใจหรือซ้ำเติมกันแน่คะเนี่ย"
"โอเคๆ ปลอบก็ปลอบ เอางี้ พี่จูดี้ว่า น้องเจนลืมคำพูดของคนอื่นๆไปให้หมด แล้วหันกลับมาพัฒนาตัวเองดีกว่า"
"ยังไงอ่ะคะ"
"จะมัดใจชายผู้ชายมันก็ต้องมีเทคนิค ต้องสร้างบทบาทให้ตัวเองดูน่าประทับใจ"
"อือ แล้วอย่างเจนจะเล่นบทแบบไหนดีล่ะพี่จูดี้"
"แบบ...นางร้ายกลัดมันไล่จับผู้ชายดีไหม"
"ไม่เอาเด็ดขาด บทนั้นน่ะยัยทิชาเขารับไปแล้ว" เจนว่า
"อืม..ก็นั่นสินะ ลุคเริ่ดๆอย่างพวกเราน่ะ เป็นได้แต่นางเอกเท่านั้น งั้นเล่นบทนางเอก เกาหลีไหม สวย ซึ้ง ไร้เดียงสา"
"น่าเบื่อ...” เจนว่า
"งั้นนางเอกไทย ชีวิตรันทด ยากจนแล้วถูกกลั่นแกล้ง" จูดี้เสนออีก
เจนส่ายหน้าไม่ชอบใจ
"โอเค งั้นเล่นบทแม่พระ สวยเลอค่าทั้งกายใจ งามมาจากภายในสู่ภายนอก"
"โอเค เอาอันนี้แหละ ฟังดูดีเชียว"
ศศิเดินเข้ามาในร้านพร้อมลูกๆ ทั้งสองคน
"จะไปไหนกันคะคุณศิ"
"จะไปซุปเปอร์มาร์เก็ตค่ะ ก็เลยแวะมาถามยัยเจนว่าจะเอาอะไรหรือเปล่า" ศศิบอก
"เดี๋ยวข้าวหอมซื้อไอศครีมมาฝากดีไหมน้าเจน" ข้าวหอมถาม
"ไม่ต้องหรอกค่ะ ช่วงนี้น้าเจนต้องรักษาหุ่นให้สวยเลอค่าทั้งกายใจ ไม่ควรกินไอศครีม" เจนบอก
"น้าเจนก็หุ่นดีอยู่แล้วนี่ครับ" ต้นกล้าพูด
"ว้าย พูดแบบนี้น้าเจนเขินแย่ งั้นซื้อมาให้น้าเจนกล่องนึงนะ" เจนยิ้ม
ศศิพาลูกๆ ทั้งสองคนออกมาจากคอนโดแล้วพาเดินไปที่จอดรถตรงหน้าทางเข้าอาคาร โจยืนรออยู่แล้วที่หน้าประตูพร้อมช่อดอกไม้ลิลลี่ในมือ พอเห็นศศิกับลูกๆเดินมาโจก็ยิ้มออกทันที ศศิทำเสียงห้วนใส่
"มาทำไม"
"มารับศิกับลูกกลับบ้าน" โจบอก
"ใครบอกว่าจะกลับ"
ศศิมองช่อดอกไม้ในมือของโจ
"นี่เราแต่งงานกันมากี่ปีแล้ว ยังไม่รู้อีกหรือไงว่าศิเกลียดดอกลิลลี่"
"ก็พอดีดอกกุหลาบที่ร้านมันหมด" โจหันไปพึ่งลูก "ต้นกล้า ข้าวหอม อยากกลับบ้านเราไหมลูก"
"ก็อยากครับ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณแม่" ต้นกล้าบอก
"ข้าวหอมล่ะ" โจถามต่อ
ข้าวหอมลังเลมองหน้าแม่ ศศิส่ายหน้า
"ก็ถ้าคุณพ่อหายดื้อแล้ว กลับก็ได้" ข้าวหอมบอก
"ใครจะกลับกับพ่อก็ตามใจนะ" ศศิพูด "แต่เดี๋ยวแม่จะออกไปซื้อร้านหนังสือ กับกินไอศครีม อร่อยๆ ถ้าใครไม่อยากได้หนังสือใหม่ ไม่อยากกินไอศครีม ก็ไปกับพ่อก็ได้จ้ะ"
ข้าวหอมทำเป็นถอนหายใจ "เฮ้อ ไม่เข้าใจ รถคันใหญ่เบ้อเริ่ม ทำไมต้องแยกกันด้วย เราไปด้วยกันหมดเลยก็ได้นี่คะคุณแม่"
"ไปได้ แต่แม่อยากไปกันแค่สามคน ไป ขึ้นรถได้แล้ว"
ศศิพาลูกๆไปขึ้นรถที่จอดอยู่ โจหน้าจ๋อยลงยิ่งกว่าเดิม ต้นกล้าหันมาบอกโจก่อนขึ้นรถ
"เราจะไปซุปเปอร์มาร์เก็ตกันครับ คุณพ่อขับรถตามไปก็ได้"
โจยิ้มออก
ศศิเดินซื้อของอยู่กับต้นกล้าและข้าวหอมในซูเปอร์มาเก็ต ทั้ง3คนเดินมาถึงชั้นวางของที่มุมหนึ่ง ศศิพยายามจะเอื้อมหยิบของบางอย่างที่วางอยู่ชั้นบนสูงสุด เธอเอื้อมสุดมือแต่ก็ไม่ถึง จู่ๆ โจก็ยื่นมือเข้ามาหยิบของชิ้นนั้นให้ ศศิหันไปมองโจ โจยิ้ม
"เห็นไหม เวลาที่มีพ่ออยู่ในครอบครัวด้วย มันก็มีประโยชน์นะ"
ศศิทำเมินไม่สนใจไม่พูดด้วย เธอเข็นรถเข็นเดินไปข้างหน้า โจเดินตามแล้วรีบเข้าไปช่วยศศิเข็นรถ ทั้งสองเดินอยู่ข้างๆกัน
"มาซื้อของที่ซุปเปอร์แบบนี้ นึกถึงตอนที่เราเพิ่งแต่งงานกันเลยเนอะ"
ศศิเหล่มองด้วยความหมั่นไส้
ทั้งคู่เข็นรถผ่านหญิงสาวสองคนที่กำลังเลือกซื้อของ สองสาวสะกิดกันมองตามครอบครัวศศิกับโจ
"ครอบครัวนั้นน่ารักดีนะเธอ มีลูกสองแล้วยังมาช้อปปิ้งด้วยกันอีกอ่ะ"
โจได้ยินแล้วหันไปยิ้มขอบคุณก่อนจะกระซิบกับศศิ
"ได้ยินไหม คนอื่นเขายังชมเลย เห็นหรือยังว่าโจเป็นสามีที่ดีขนาดไหน"
ศศิถอนหายใจแบบเบื่อๆ
"ศิรู้ไหม ตอนศิกับลูกไม่อยู่บ้านน่ะ โจเหงามากเลย กลับบ้านเราเถอะนะ ตอนนี้โจรู้แล้วว่า ศิกับลูกสำคัญที่สุด"
ศศิทำเหมือนรำคาญโจเต็มทีจึงปล่อยมือจากรถเข็นแล้วเดินหนีไป
"ต้นกล้า ข้าวหอม ไปกันเถอะลูกไป ไปกินไอศครีมกัน"
"แล้วของนี่ล่ะ" โจถาม
"ก็โจไง... อยากเป็นสามีที่ดีไม่ใช่หรือ งั้นก็เอาของไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ซะ เสร็จแล้วก็เอาไปส่งให้ซันที่คอนโดด้วย"
"แล้วจะไม่ให้โจไปกินไอศครีมด้วยเหรอ นี่จะไปร้านไหนกัน จะได้ตามไป"
"ไม่บอก"
โจมองหน้าต้นกล้าเพื่อหาคำตอบ ต้นกล้าส่ายหน้าเพราะไม่รู้เหมือนกัน ศศิพาลูกเดินจากไป โจจ๋อยที่รู้ว่าโดนเล่นงานอีกแล้ว
เวลาผ่านไป สาวๆ มานั่งคุยกันในร้านกาแฟของจูดี้
"ทำไมใจแข็งนักล่ะคะคุณศิ" จูดี้ถาม
"แค่นี้ยังน้อยไปนะคุณจูดี้ เป็นบ้านอื่นน่ะเขาขอเลิกไปแล้ว นี่ถือว่าศิยังปราณีอยู่" ศศิว่า
"เห็นด้วยนะ ทำกันขนาดนี้ก็ไม่ควรจะคืนดีง่ายๆ พี่โจควรได้รับบทเรียนซะบ้าง" ซันบอก
"แกนี่ก็เด็ดขาดตลอด เรื่องคุณเจตน์ก็เหมือนกัน ผู้ชายเพอร์เฟ็คขนาดนั้นมานั่งอยู่ตรงหน้า ปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไง" อ้อมว่า
"ปล่อยให้หลุดมือ ยังดีกว่าคบกันไปแล้วฉันถูกบีบตายคามือนะอ้อม ผู้ชายอะไรเป๊ะเวอร์ เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์สุดติ่ง ดื่มไวน์ก็ต้องให้อุณหภูมิสิบห้าองศา จะกินสเต็กเนื้อต้องดิบห้าสิบเปอร์เซ็นต์"
"นั่นก็เว่อร์ไปจริงๆนะ" ศศิบอก
"แต่นั่นน่ะเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ร้อยล้านนะ เราควรจะมองข้ามข้อเสียเล็กๆไปบ้าง" จูดี้ว่า
ซันพูดต่อ "แถมยังดูถูกลูกน้องตัวเองต่อหน้าคนอื่น ขืนคบกับคนแบบนี้ ซันนี่แหละจะเป็นโรคประสาท"
"แล้วคืนนั้นบอกว่าออกจากร้านตอนสามทุ่ม เจนไปหาพี่ซันที่ห้องตอนสี่ทุ่มกว่า แต่พี่ซันยังไม่กลับ หายไปไหนมา" เจนถาม
"ไปกินหมูกระทะมา" ซันบอก
อ้อมถามทันที "ไปกับใคร"
"วุธ"
ทุกคนหันขวับมองซันเป็นตาเดียว
"นั่นไง ว่าแล้วเชียว" ศศิว่า
"เอากะนางสิ ทิ้งสเต็กเนื้อจานละสามพันไปหาหมูกระทะหัวละสามร้อย" จูดี้ไม่เข้าใจ
"สามร้อยแต่อร่อยกว่า" ซันบอก
"แถมคนพาไปก็ถูกใจกว่าด้วยใช่มะ" เจนแซว
"ซัน ไหนว่าจะตัดใจจากเขาแล้ว ยิ่งทำแบบนี้มันยิ่งไปกันใหญ่นะ" อ้อมบอก
"มันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดหรอกน่า ฉันสัญญากับตัวเองแล้วว่าต่อจากนี้ไป ฉันกับวุธก็จะเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น นี่ฉันก็เต็มใจรับปากเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้จ๋าเขาแล้วด้วย"
เพื่อนๆมองหน้ากันอย่างไม่ค่อยเชื่อคำของซัน
อาร์ทยืนรีๆรอๆอยู่บริเวณหน้าลิฟท์ เมื่อประตูลิฟท์เปิดแล้ว ผู้คนที่รออยู่ก็พากันเข้าไปในลิฟท์ แต่อาร์ทยังยืนเฉยยังไม่ยอมเข้าลิฟท์ ประตูลิฟท์ปิด เหลืออาร์ทอยู่คนเดียว อาร์ทหันไปหันมาเหมือนพยายามมองหาใครบางคน
สักพัก มือของเจนก็เอื้อมมาสะกิดที่ไหล่อาร์ท อาร์ทหันขวับมามอง
"รอใครอ่ะ" เจนถาม
อาร์ทปรับท่าทีเหมือนกำลังรอลิฟท์ก่อนตอบ
"รอลิฟท์"
"อ้าว ลิฟท์มาเมื่อกี๊ไง ทำไมไม่ไป" เจนถาม
"อ๋อ" อาร์ทแก้ตัว "คนมันเยอะน่ะ"
"นายมาสายเหมือนกันล่ะสิ อาทิตย์นี้ฉันสายมาสามวันแล้ว ต้องโดนพี่ปุ๊กกี้ด่าแน่เลย"
อาร์ทกับเจนยืนรอลิฟท์อยู่ด้วยกัน อาร์ทอยากชวนเจนไปกินข้าวแต่ยังไม่กล้าเอ่ยปาก เขายืนกระสับกระส่าย
"เป็นไรของนายเนี่ย ท่าทางแปลกๆ" เจนงง
"เปล่า"
เจนไม่สนใจ เธอเล่นโทรศัพท์ในมือไปตลอด
อาร์ทพูดขึ้น "เย็นนี้ไปกินข้าวกันไหม"
"นายถามฉันหรือ"
"ตรงนี้มีคนอื่นอยู่ด้วยหรือไงล่ะ"
"ก๋วยเตี๋ยวอีกล่ะสิ"
"ไม่ใช่หรอกน่า คราวนี้เป็นอาหารเกาหลี"
"ฟังดูดี ก็ได้ เออ แต่ก่อนไปร้าน เย็นนี้นายต้องไปเป็นเพื่อนฉันทำอะไรบางอย่างก่อน"
อาร์ทมองเจนด้วยความสงสัยว่าอะไรของเธอ
เจนเดินนำอาร์ทมาตามทางในห้างสรรพสินค้า
"นี่คุณ ไอ้ที่บอกให้มาเป็นเพื่อนเนี่ย คือมาเป็นเพื่อนคุณช้อปปิ้งเนี่ยนะ" อาร์ทว่า
"ก็ใช่น่ะสิ วันนี้เงินเดือนออก ก็เป็นวันช้อปแห่งชาติ" เจนบอก
เจนลอยหน้าลอยตาตอบก่อนจะเดินมองดูสินค้าแฟชั่นสวยงามที่โชว์อยู่ตามหน้าร้านค้าไปเรื่อยๆ อาร์ททำท่าเซ็ง เจนเจอร้านรองเท้าที่ถูกใจจึงเดินเลี้ยวเข้าไปทันที อาร์ทยืนรออยู่ด้านหน้าเพราะไม่อยากเข้าไป เจนต้องหันไปเรียก
"นี่ เข้ามาสิ มาช่วยเลือกรองเท้าหน่อย"
อาร์ทจำต้องเดินตามเข้าไป
เจนเดินดูรองเท้าบนชั้นวาง อาร์ทยืนคอย เจนเลือกรองเท้ามาคู่หนึ่งแล้วโชว์ให้อาร์ทดูก่อนจะถามความเห็น
"คู่นี้ สวยไหม"
อาร์ทส่ายหน้า เขาแทบไม่ได้มองรองเท้าแต่ส่ายหน้าไว้ก่อน เจนหยิบคู่ใหม่มาให้ดู
"คู่นี้ล่ะ"
อาร์ทส่ายหน้าอีก เจนวางรองเท้าเก็บที่ชั้น
เจนบ่น "นี่ ออกความเห็นบ้างก็ไม่มีใครเขาว่าหรอกนะ"
"ก็ผมเป็นผู้ชาย ให้มาช่วยเลือกรองเท้าผู้หญิง ผมจะไปรู้ได้ไงว่าแบบไหนสวย แล้วนี่ถามจริงๆนะเมื่อไหร่คุณจะเลิกซื้อของฟุ่มเฟือยแบบนี้ซะที"
เจนหยิบรองเท้าที่ถูกใจมาคู่หนึ่งแล้วนั่งลองรองเท้าพลางคุยกับอาร์ทไปด้วย
"ก็วันนี้เงินเดือนออก เงินฉันฉันมีสิทธิ์จะใช้ยังไงก้ได้ แล้วจะบอกให้นะว่า การที่ฉันซื้อของพวกนี้เนี่ยนะ มันไม่ใช่แค่การช้อปปิ้ง แต่...มันคือการแสดงถึงความรักและภูมิใจในตัวเองย่ะ เข้าใจไหม"
"ไม่เข้าใจ คนที่เขาภูมิใจในตัวเอง เขาไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยรองเท้าส้นสูงแหลมปรี๊ดขนาดนั้นหรอกคุณ"
เจนสวมรองเท้าใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงยืนขึ้น
"แล้วผู้ชายชอบหรือเปล่าล่ะ"
เจนโพสต์ท่าโชว์เรียวขาให้ดู อาร์ทมองไล่ขาเจนขึ้นมาแล้วก็อดหวั่นไหวไม่ได้
"โอเค มันก็ดูดี" อาร์ทตอบ
"เห็นไหม ขนาดซอมบี้อย่างนายยังบอกว่าดูดี คนอื่นจะไปเหลืออะไร"
เจนถอดรองเท้าออกแล้วส่งรองเท้าให้พนักงาน
"เอาคู่นี้ค่ะ"
อาร์ทกับเจนเดินด้วยกันมาตามทางในห้างสรรพสินค้า อาร์ทถือถุงหลายใบให้เจน ส่วนเจนเดินตัวปลิว
เจนยิ้มก่อนจะตบไหล่อาร์ทขอบใจที่มาเป็นเพื่อน แต่อาร์ททำหน้าเซ็ง
เวลาผ่านไป อาร์ทกับเจนนั่งอยู่ในร้านหมูกระทะ
"เนี่ยนะ อาหารเกาหลีของนาย นี่มันหมูกระทะชัดๆ" เจนว่า
"หมูกระทะ ก็คือหมูย่างเกาหลี ไม่ใช่หรือไง" อาร์ทบอก
"ย่ะ! นี่เห็นว่าอร่อยหรอกนะ ถึงได้ยอมน่ะ เดี๋ยวมื้อนี้ฉันเลี้ยงนายเอง"
"ไม่ต้องหรอก ผมเป็นคนชวนคุณมา"
"แต่ฉันต้องตอบแทนนาย ที่ไปเป็นเพื่อนฉันซื้อของ"
"งั้นก็แล้วแต่คุณแล้วกัน"
เด็กน้อยคนนึงเดินขายพวงมาลัยตามโต๊ะจนมาถึงโต๊ะที่เจนนั่ง เจนควักกระเป๋าออกมาจะช่วยซื้อ
"เท่าไหร่อ่ะน้อง" เจนถาม
"พวงละยี่สิบครับ สามพวงห้าสิบบาท"
"เอามาสามพวง แล้วไม่ต้องทอนนะ"
"ช่วยซื้อของจากเด็กแบบนี้ มันไม่ถูกนะคุณ" อาร์ทท้วง "มันเท่ากับสนับสนุนให้เด็กออกมาขายของตามข้างถนน แล้วเดี๋ยวนี้มีแกงค์ที่บังคับเด็กมาขายของด้วย เคยได้ยินหรือเปล่า"
"เคย แต่เด็กก็เป็นเด็ก จะถูกหลอกมา หรือถูกแกงค์บังคับมา หรือจะจนจริง ฉันว่าก็น่าสงสารพอๆกัน ถูกหรือเปล่าฉนไม่สนหรอก แต่ถ้าเงินหกสิบบทของฉันช่วยให้เขาได้กินข้าวอิ่มสักมื้อ ฉันก็พอใจที่จะให้"
อาร์ทได้เห็นเจนในมุมที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นมากนักก็รู้สึกประทับใจ
ต้นกล้านั่งอ่านนิยายอย่างเพลิดเพลินอยู่นโต๊ะอาหาร อ้อมสอนข้าวหอมวาดรูปครอบครัวอยู่ใกล้ๆกัน สักพักศศิก็เอาจานอาหารมาวาง
"หยุดกิจกรรมทุกอย่าง แล้วกินข้าวได้แล้วจ้ะ"
"แป๊บนึงค่ะคุณแม่ ใกล้เสร็จแล้ว คุณแม่ดูสิภาพวาดข้าวหอมสวยไหม มีพ่อ แม่ นี่พี่ต้นกล้า แล้วก็ข้าวหอม"
ศศิก้มลงมองภาพวาดของลูกที่เป็นรูปบ้านและครอบครัว สี่คนพ่อ แม่ ลูก มีนางฟ้าตัวเล็กๆอยู่เหนือหลังคาบ้าน ศศิชี้ไปที่ภาพผู้หญิงตัวเล็กๆเหนือหลังคาบ้าน
"แล้วข้างบนนี่อะไร" ศศิถาม
"นี่รูปน้าอ้อม" ข้าวหอมบอก
"แล้วทำไมน้าอ้อมขึ้นไปอยู่ข้างบน" ศศิถาม
"เพราะน้าอ้อมเป็นเหมือนนางฟ้าที่มาอยู่กับพวกเรา"
"โอ้โห วาดน้าอ้อมเป็นนางฟ้า แต่วาดหน้าแม่เหมือนยักษ์เลยนะ ถ้ารักน้าอ้อมขนาดนั้น แม่ยกให้เป็นลูกน้าอ้อมเลยดีไหม"
"นี่จะยกลูกตัวเองให้คนอื่นง่ายๆเลยเหรอคะ" ข้าวหอมถาม
อ้อมหัวเราะ "ขืนมาเป็นลูกน้าอ้อม แม่ศิกับพ่อโจ คิดถึงข้าวหอมแย่เลย เดี๋ยวอีกหน่อยน้าอ้อมอ้อมก็จะมีลูกของน้าเอง เป็นน้องตัวเล็กๆมาเล่นกับข้าวหอมไง ดีไหม"
ข้าวหอมยิ้ม
"มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ" ศศิถาม
"ใช่ เดือนนี้ต้องติดแน่ๆ" อ้อมบอก
เจนกับอาร์ทนั่งกินหมูกระทะกันไป คุยกันไป
"ถึงผู้ชายจะชอบมองผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าแค่รองเท้าส้นสูง จะทำให้ผู้ชายคนนึงชอบผู้หญิงคนนึงได้"
"งั้นผู้ชายชอบผู้หญิงที่ตรงไหน" เจนอยากรู้
"เรื่องแบบนี้มันไม่มีเหตุผลหรอกคุณ ผู้หญิงบางคนอาจไม่ตรงสเป็คผมสักนิด ทั้งเซ่อซ่า ซุ่มซ่าม พูดมาก หลงตัวเอง วันๆชอบถามแต่เรื่องไร้สาระ แต่บางทีผมอาจจะนึกชอบขึ้นมาก็ได้"
อาร์ทหมายถึงเจน แต่เจนกลับไม่รู้ตัวสักนิด
"ไม่มีเหตุผล แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง ว่าต้องทำตัวแบบไหนผู้ชายถึงชอบอ่ะ" เจนงง
"แล้วทำไมคุณต้องทำอะไรๆทุกอย่างให้ผู้ชายชอบด้วยล่ะ ผู้หญิงเนี่ยนะสร้างบทบาทให้ตัวเองเป็นนั่นเป็นนี่ได้หมด ยกเว้นอย่างเดียวที่เป็นไม่ได้"
"อะไร"
"เป็นตัวของตัวเอง" อาร์ทตอบ
"คุยกับนายนี่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเล๊ย"
"แล้วคุณล่ะ ถ้าจะชอบผู้ชายสักคน คุณดูที่อะไร"
"ตอบได้ง่ายๆเลย ต้องหล่อ ฉลาด ใจดี สุภาพ อ่อนโยน พูดจากับผู้หญิงเพราะๆ ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ ไม่ใช่พวกที่ชอบเอาแต่ทำหน้าหงิกเหมือนมนุษย์ค้างคาวตอนปวดฟัน"
"มนุษย์ค้างคาวตอนปวดฟัน นี่หมายถึงผมเหรอ" อาร์ทถาม
"ก็นายน่ะสิ แวบไปแวบมาไม่เป็นเวลา แล้วก็ชอบทำหน้าหงิกเหมือนกำลังปวดฟัน"
อาร์ทส่ายหน้าเพราะไม่อยากใส่ใจ เขาใช้ตะเกียบคีบหมูชิ้นหนึ่งมาจากกระทะ
เจนรีบบอก "อ๊ะๆๆ ชิ้นนั้นฉันเป็นคนปิ้ง เอามานี่เลย"
เจนเอาตะเกียบคีบแย่งหมูชิ้นนั้นมาทันที อาร์ทเซ็ง
อ่านต่อหน้าที่ 2
ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 7 (ต่อ)
จ๋ากำลังจัดดอกไม้อยู่ที่ร้านโดยคุยโทรศัพท์กับซันไปด้วย
"ขอบใจมากนะซัน ที่ตอบรับเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้จ๋า ที่จริงจ๋าก็ไม่อยากรบกวนซันเลย แต่จ๋าไม่มีใครจริงๆ"
ซันนั่งคุยกับจ๋าอยู่ที่โต๊ะทำงาน
"แล้วที่โทรมานี่ มีอะไรหรือเปล่า" ซันถาม
จ๋าเดินมาเปิดนิตยสารชุดแต่งงานดูไปด้วย
"จ๋าอยากชวนซันไปดูชุดแต่งงานน่ะจ้ะ ที่จริงจ๋าบอกวุธเขาไว้ตั้งนานแล้ว แต่งานวุธเขายุ่งมากก็เลยยังไม่มีเวลาไปซะที ซันไปเป็นเพื่อนจ๋านะ ช่วยดูชุดให้จ๋าหน่อย"
"ได้สิ"
"งั้นเดี๋ยวจ๋าโทรบอกชื่อร้านกับวันเวลาที่แน่นอนอีกทีนะ"
จ๋ากดวางสาย เสียงใครบางคนดังขึ้นที่หน้าร้าน
"เอาดอกไม้มาส่งครับ"
จ๋าหันไปมองก็เห็นชายคนหนึ่งหอบลังใส่ดอกกล้วยไม้เต็มลังเข้ามาในร้าน ชายคนนั้นลดกล่องลงแล้วยิ้มให้จ๋า จ๋าเห็นก็ยิ้มให้
"อ้าว ตี๋น้อย"
จ๋าเอาเครื่องดื่มมาวางให้ตี๋น้อยตรงมุมรับแขกแล้วนั่งคุยด้วย
"วันนี้ได้รับเกียรติจากเจ้าของฟาร์ม อุตส่าห์เอาดอกไม้มาส่งด้วยตัวเองเลยเชียวนะ" จ๋าแซว
"พอดีเราต้องมาทำธุระแถวนี้ ก็เลยบอกพนักงานว่า จะเอาดอกไม้มาให้จ๋าเอง" ตี๋น้อยบอก
"ที่ฟาร์มเป็นยังไงบ้าง"
"ก็ยุ่งๆน่ะ ช่วงนี้มีออร์เดอร์จากต่างประเทศเยอะ ก็เลยต้องขยายพื้นที่ปลูกกล้วยไม้ไปอีก แล้วจ๋าล่ะ ได้ข่าวว่าจ๋ากำลังจะแต่งงาน"
"ใช่จ้ะ ตอนนี้กำลังเตรียมงานอยู่"
"จะแต่งเมื่อไหร่"
"จริงๆก็ยังไม่ได้ไปดูฤกษ์ที่แน่นอนเลย วุธเขายุ่งน่ะ"
"งั้นเราก็แสดงความยินดีล่วงหน้าไว้ก่อนนะ"
"จ้า แล้วตี๋น้อยล่ะมีแฟนกับเขาหรือยัง"
ตี๋น้อยตอบสั้นๆ "ยัง"
"ตั้งแต่เรารู้จักกันมานี่ก็จะยี่สิบปีแล้ว จ๋ายังไม่เคยเห็นตี๋น้อยคบกับใครเลยนะ นี่ไม่นึกชอบใครบ้างเลยเหรอ"
ตี๋น้อยเขิน "ที่จริงคนที่ชอบน่ะมีแล้ว แต่ว่า..." ตี๋น้อยมองจ๋าด้วยสายตาที่มีความหมาย "ช่างมันเถอะ อยู่แบบนี้เราก็มีความสุขดี"
ตี๋น้อยทำเป็นจิบน้ำเพราะไม่อยากให้จ๋าเห็นความลับในดวงตาของเขา
อ้อมเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องน้ำด้วยความร้อนรุ่มกังวลใจ วินมองนาฬิกา
"ห้านาทีแล้วอ้อม น่าจะรู้ผลแล้วนะ" วินบอก
"อ้อมตื่นเต้นน่ะวิน"
"งั้นเดี๋ยววินดูเอง"
อ้อมพยักหน้า แต่พอวินจะเข้าไปในห้องน้ำ อ้อมกลับดึงแขนเขาไว้
"เดี๋ยววิน จะดูจริงเหรอ แล้วถ้าผลออกมาว่ายังไม่ท้องล่ะ"
"ถ้าไม่ดูจะรู้ได้ยังไงล่ะอ้อม ถ้าทิ้งไว้นานเกินไป เครื่องมันอาจจะอ่านผลไม่ได้นะ"
วิภาเดินไปเดินมาราวกับหนูติดจั่นเพราะร้อนใจพอๆ กับอ้อม สุพงษ์เงยหน้ามองภรรยา
"นี่ หยุดนั่งซะมั่งก็ได้เธอ นี่เดินมาจะห้านาทีแล้วนะ"
"ก็มันร้อนใจนี่เฮีย ตอนสองคนนั้นโทรมาบอกว่าจะตรวจครรภ์ ฉันก็ไม่กะจิตกะใจทำอย่างอื่นแล้ว แล้วนี่ทำไมไม่โทรมาบอกซะทีว่ามันขึ้นกี่ขีด"
วินหายเข้าไปในห้องน้ำ อ้อมรอลุ้นด้วยใจที่เต้นตุ๊มๆต่อมๆ วินกลับออกมาพร้อมแบบทดสอบ
"เป็นไงบ้างวิน"
สีหน้าวินไม่ดีนัก
"เนกาทีฟจ้ะ"
วิภาโวยใส่โทรศัพท์ที่วินโทรมาแจ้งผล
"ขึ้นขีดเดียว! ไม่ท้อง"
วิภาทรุดลงนั่งที่โซฟาอย่างคนหมดแรง มือของเธอยังถือโทรศัพท์ค้าง
"โอย ฉันอยากจะเป็นลม เฮียเอายาดมมาให้หน่อย"
สุพงษ์ลุกขึ้นไปหายาดมมาให้แล้วมองภรรยาพร้อมทั้งส่ายหัว
"ลุ้นมากไปก็แบบนี้ล่ะน้า"
วินที่เพิ่งกดวางสายโทรศัพท์ถอนหายใจก่อนจะลงมานั่งข้างๆอ้อมที่โซฟา
"ม๊าว่าไงบ้างจ๊ะวิน โดนบ่นไหม" อ้อมถาม
วินส่ายหน้าก่อนตอบ "ม๊าคงบ่นไม่ไหว ป๊าบอกว่าอาม๊าลุ้นมากจนเป็นลมไปแล้ว"
อ้อมหน้าเสียเพราะรู้สึกผิด
ซันขับรถมาจอดที่บริเวณ wedding studio ซันลงจากรถก็เห็นจ๋ากับวุธยืนคอยอยู่ที่ประตู จ๋าโบกมือให้ ซันตรงเข้ามาหาจ๋ากับวุธ
"ซันมาพอดีเลย เราสองคนก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน เข้าไปในร้านกันเถอะ"
ซันพยักหน้าทักวุธเล็กน้อยแล้วตามจ๋าเข้าไปในร้าน พนักงานเดินเข้ามาทัก
"มาลองชุดแต่งงานที่สั่งตัดไว้น่ะค่ะ" จ๋าบอก
จ๋าเตรียมลองชุดเจ้าสาวอยู่ในห้องลองชุด ซันนั่งรอวุธกับจ๋าอยู่ด้านนอก สักพักวุธก็ออกมาในชุดเจ้าบ่าว
"เป็นไงบ้าง" วุธถามซัน
"นายนี่เวลาแต่งตัวดีๆก็ดูดีเหมือนกันนะ" ซันบอก
ซันเห็นปกเสื้อสูทของวุธทับลงด้านหนึ่ง
"ปกเสื้อนายน่ะ"
ซันเข้ามาช่วยจับให้เข้าที่ วุธลอบมองซันที่มายืนอยู่ใกล้ๆ
"ขอบใจนะ"
"ไม่เป็นไร นายเป็นเพื่อนรักของฉันนี่" ซันบอก
ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วยิ้มให้กัน จ๋าออกมาจากห้องลองเห็นซันติดกระดุมเสื้อให้วุธ เห็นสายตาวุธที่มองซันอย่างเปี่ยมด้วยความรัก จ๋ามองแล้วก็หน้าถอดสี พนักงานอีกคนเดินเข้ามาจะช่วยวุธดูเสื้อผ้า พอเห็นวุธกับซันแล้วพนักงานคนนั้นก็ทัก
"อ้าว... นี่เจ้าสาวไม่ลองชุดหรือคะ"
ซันจะตอบ "อ๋อ ไม่...”
พนักงานพูดต่อ "คุณสองคนดูดีสมกันมากเลย เดี๋ยวขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกของร้านหน่อยนะคะ"
พนักงานหยิบโทรศัพท์ออกมาจะขอถ่ายรูป ซันรีบปฏิเสธ
"ไม่ใช่ค่ะ เจ้าสาวลองชุดอยู่ข้างในค่ะ ดิฉันเป็นเพื่อนเจ้าสาว"
"อุ้ย ขอโทษค่ะ"
จ๋ามองด้วยความกังวลใจ
จ๋านั่งครุ่นคิดอยู่ที่ร้านพลางบ่นกับตัวเองไปมาเพราะพยายามหาทางออก
"สองคนนั้นเขาจะชอบกันจริงๆเหรอ ไม่มั้ง ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ถ้าเขาชอบกันขึ้นมาจริงๆล่ะ ไม่ได้ๆ เรื่องนี้ต้องถามใครสักคน"
จ๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไล่หารายชื่อจนมาหยุดที่ชื่อ "อ้อม"
"นี่ไงล่ะ"
จ๋ากดโทรออก รอสักพักก็มีเสียงรับสาย
"ฮัลโหล อ้อมเหรอจ๊ะ"
จ๋ายื่นกระถางต้นพุดซ้อนเล็กๆไปให้อ้อมที่อยู่ในร้านของจูดี้
"นี่จ้ะ ของฝาก ต้นพุดซ้อน เอาไปปลูกที่ระเบียงก็ได้นะ แต่ระวังอย่าให้โดนแดดมากเวลาออกดอกกลิ่นจะหอมมากเลย" จ๋าบอก
"ขอบใจมากนะจ๋า"
"พอดีจ๋านึกขึ้นมาได้ว่า เราสองคนไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่งานแต่งงานอ้อม จ๋าก็เลยมาเยี่ยม แล้วนี่เป็นไงบ้าง ใกล้มีข่าวดีหรือยัง"
"กำลังพยายามอยู่จ้ะ" อ้อมบอก
จูดี้กับแมนกำลังช่วยกันทำงานอยู่ที่เคาน์เตอร์ โดยที่จูดี้คอยเหลือบมองที่โต๊ะอ้อมกับจ๋าอย่างอยากรู้อยากเห็น
แพทเปิดประตูเข้าในห้องทำงานโจ เธอหเ็นโจกำลังกินอาหารฟาสต์ฟู้ดอยู่ที่โต๊ะพร้อมกับทำงานไปด้วย
แพทร้องถามอย่างแปลกใจ
"พี่โจ ทำอะไรคะเนี่ย" แพทหัวเราะ
"อ้าวแพท เข้ามาก่อนสิ" โจเชิญ
"ทำไมถึงมานั่งกินอยู่เดียวล่ะคะ"
โจยิ้มจืดๆ แพทเริ่มเข้าใจสถานการณ์
"อ๋อ... นี่พี่ศิยังไม่กลับบ้านล่ะสิ"
"ใช่ พี่เลยไม่อยากกลับไปกินข้าวที่บ้านคนเดียว"
"แสดงว่าเหงานะคะเนี่ย งั้นไปค่ะ แพทกินข้าวเป็นเพื่อนเอง"
แพทเข้าไปดึงมือโจขึ้นมาเหมือนไม่ได้คิดอะไร
อ้อมกับจ๋าจิบกาแฟ จ๋ากำลังลังเลว่าจะถามดีไหม ส่วนอ้อมก็กำลังกลัวว่าจ๋าจะถามเรื่องซัน และแล้วจ๋าก็ตัดสินใจเอ่ยปาก
"เออ อ้อม ช่วงนี้ซันเขาเป็นไงบ้าง"
อ้อมชะงักพร้อมกับคิดในใจว่านั่นไง ว่าแล้วเชียว แต่อ้อมก็ยังทำใจเย็นเหมือนไม่มีอะไร
"เป็นไงนี่ หมายถึงเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องงาน รายนั้นเขายุ่งตลอดนั่นแหละ"
"แล้วเรื่องแฟนล่ะ" จ๋าถามต่อ
อ้อมที่กำลังจะดื่มน้ำเพื่อกลบเกลื่อนได้ยินคำถามก็แทบจะลำลัก
จ๋าถามต่อ "ช่วงนี้ซันเขาคบกับใครอยู่หรือเปล่า หรือว่า ชอบใครอยู่บ้างไหม"
อ้อมร้อนตัวแทนเพื่อนขึ้นมาทันที
"ไม่มี๊ ไม่มีหรอก อย่างยัยซันไปสนใจใครได้"
"จริงเหรอ"
ทั้งคู่เริ่มคุยกันแบบกั๊กๆ และระวังตัว ระวังคำพูด
"อ้อ แต่จริงๆก็มีผู้ชายเข้ามาตลอดนะ ซันเขาก็กำลังดูๆอยู่ๆ หมายถึงพวกลูกค้าอะไรอย่างเงี้ยจ้ะ แล้วเขาก็ลองไปเดทกับหนุ่มๆมาสองสามคนด้วยนะ แต่ยังไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ ไม่ต้องห่วงหรอกนะจ๋า คือที่บอกไม่ต้องห่วงนี่ หมายถึงไม่ต้องห่วงซันเขาหรอก เขาสบายดี" อ้อมบอก
"งั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย"
"แล้วซันน่ะ เขาสนใจแต่คนโสดเท่านั้น พวกที่มีแฟนหรือมีครอบครัวแล้วเนี่ย ยังไงยัยซันก็ไม่เล่นด้วยเด็ดขาด"
"ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย หมายถึง สบายใจแทนซันเขาน่ะ จะได้ไม่มียุ่งยากตามมาทีหลัง"
โจกับแพทเดินคุยกันมาเรื่อยๆ
"ผู้หญิงเนี่ยนะคะพี่โจ บางทีก็ทำใจแข็งไปอย่างนั้นเอง ที่จริงพี่ศิอาจจะหายโกรธแล้วก็ได้" แพทบอก
"แต่พี่ก็ง้อเขาหายครั้งแล้วนะ ป่านนี้ยังไม่ยอมพูดกับพี่ดีๆสักครั้ง" โจกลุ้มใจ
"ก็อาจจะยังทิฐิอยู่น่ะค่ะ เขาว่ากันว่า ถ้าจะง้อผู้หญิงอย่าไปมือเปล่า ต้องมีของกำนัลไปด้วย"
"อืม.. แพทมีอะไรแนะนำพี่บ้างไหม"
"มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกค่ะ ที่จะทำให้ผู้หญิงใจอ่อน"
แพทยิ้มอย่างมีคำตอบในใจอยู่แล้ว
โจกับแพทช่วยกันเลือกสร้อยคอให้ศศิอยู่ในร้านเพชร แพทชี้ไปที่เว้นหนึ่งในตู้โชว์กระจก
"เส้นนี้เป็นไงคะ น่าจะเข้ากับพี่ศิ เท่ๆ เก่ๆ เรียบแต่หรู" แพทบอก
"ก็สวยดีนะ แพงเหมือนกันนะเนี่ย" โจว่า
"ก็เพชรนี่คะ เพชรเป็นสัญลักษณ์ที่หมายถึงความรักที่ยั่งยืน มีคุณค่าทางจิตใจ พี่ศิเห็นแล้วต้องใจอ่อนแน่นอน"
"เพื่อภรรยาที่เป็นที่รัก พี่ยอมทุ่มขาดใจเลย" โจบอกพนักงาน "งั้นเอาเส้นนี้ครับ"
พนักงานจัดการให้ตามคำสั่ง
โจหันมาบอกแพท "ขอบคุณมากนะแพท"
"ไม่ต้องขอบคุณแพทหรอกค่ะ เราเพื่อนกันนะคะ อย่าลืมสิ"
อ้อมนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ในร้านกับจูดี้ด้วยท่าทางไม่สบายใจ
"ตกลงคุณจ๋าเขามาสืบเรื่องน้องซันจริงๆใช่ไหม" จูดี้ถาม
"น่าจะใช่" อ้อมบอก
"แล้วน้องอ้อมบอกหรือเปล่า"
"จะบอกได้ยังไงล่ะคะพี่จูดี้"
"ค่อยยังชั่วหน่อย พี่จูดี้ล่ะกลัวความจะแตก น้องอ้อมก็ยิ่งเป็นพวกแม่พระ ขี้สงสารคนอยู่ด้วย"
"เราอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับซันดีกว่านะคะพี่จูดี้ เดี๋ยวเขาจะยิ่งไม่สบายใจ โดยเฉพาะช่วงนี้ซันกับวุธเข้าช่วยงานกันอยู่ อ้อมไม่อยากให้งานเขามีปัญหา"
จูดี้พยักหน้ารับ
ตี๋น้อยเดินดูกล้วยไม้หลากหลายพันธุ์อยู่ในโรงเรือนเพาะกล้วยไม้ขนาดใหญ่พร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย
"จ๋า พอดีเราจะโทรมาบอกว่า กล้วยไม้แคทลียาสีขาวที่จ๋าชอบออกดอกเยอะเลย จ๋าอยากได้ไปไว้ที่ร้านหรือเปล่า"
จ๋าที่อยู่ในร้านดอกไม้คุยโทรศัพท์กับตี๋น้อย
"ก็ดีสิ จ๋าอยากได้แคทลียามาตั้งนานแล้ว"
"งั้นเดี๋ยวเราให้คนงานเขาตัดไว้ให้นะ เลือกดอกสวยที่สุดให้ร้านจ๋าก่อนเลย" ตี๋น้อยบอก
"ขอบใจมากนะตี๋น้อย เออ เดี๋ยวก่อนตี๋น้อย วันก่อนเธอบอกว่ายังไม่มีแฟนใช่ไหม"
"ใช่ ทำไมเหรอ"
"วันอาทิตย์นี้ว่างไหม" จ๋าถาม
จ๋ายิ้มกับตัวเองเบาๆ แบบมีแผนในใจ
อ้อมกับวินนอนอยู่ข้างๆ กันบนเตียง อ้อมอ่านตำราเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมตั้งครรภ์อยู่
"วิน ในหนังสือเขาบอกว่า สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อเตรียมตัวตั้งครรภ์ก็คือปรึกษาแพทย์ และตรวจร่างกายทั้งสามีและภรรยา ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า นี่เรายังไม่เคยตรวจร่างกายกันเลยนะ"
"ก็ไม่ยากนี่จ๊ะ อ้อมพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน เดี๋ยววินนัดหมอไว้ให้"
หลายวันต่อมา อ้อมที่สวมชุดสำหรับตรวจเรียบร้อยแล้วอยู่ในห้องตรวจ พยาบาลเดินนำไปที่เตียงตรวจ อ้อมนอนลงที่เตียง
อ้อมนั่งอยู่ตรงข้ามหมอผู้หญิงที่กำลังแจ้งผลการตรวจให้อ้อมฟัง
"ข้อมูลทางสุขภาพอื่นๆของคุณกับคุณหมอวินก็ปกติดี น้ำเชื้อของหมอวินก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่วนผลอัลตร้าซาวน์มดลูกกับรังไข่ของคุณอ้อม ทุกอย่างก็ปกติ"
อ้อมยิ้มอย่างสบายใจ
หมอพูดต่อ "แต่มีนิดเดียวเท่านั้นเอง"
หมอหยิบฟิล์มอัลตร้าซาวน์แผ่นเล็กๆให้อ้อมดูพลางอธิบาย
"ที่บริเวณมดลูกมีพังผืดเกาะตัวอยู่ ตรงนี้อาจจะเป็นปัญหานิดนึง"
"ยังไงคะ"
"พังผืดอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการฝังตัวของไข่ ปกติถ้าคนที่มีมาก หมดจะใช้วิธีผ่าออก แต่ของคุณอ้อมไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นเพราะดูจากฟิล์มแล้วไม่ได้เยอะจนเป็นปัญหาร้ายแรง"
"แล้วจะมีลูกได้ไหมคะ" อ้อมถาม
"ได้สิคะ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพียงแต่คุณต้องใจเย็นๆ ช่วงนี้ก็ลองปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ทำใจสบายๆ ถ้าหกเดือนแล้วยังไม่ตั้งครรภ์ ค่อยกลับมาหาหมออีกครั้งนึง แล้วมาดูกันว่าจะจัดการยังไงต่อไป"
อ้อมพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
ศศิขับรถเข้ามาในบริเวณบ้าน หลังจากจอดรถที่หน้าบ้านแล้วต้นกล้ากับข้าวหอมก็ลงจากรถ โจออกมาจากตัวบ้านก็เห็นศศิกับลูกๆ ต้นกล้ากับข้าวหอมวิงเข้ามากอดโจ
"คุณพ่อ...”
"คิดถึงจังเลยลูก" โจดีใจ "ศิ! นี่ศิจะกลับมาอยู่บ้านแล้วเหรอจ๊ะ"
ศศิมึนตึงเพราะยังงอนอยู่ "เปล่า"
"ไม่เป็นไร แค่มาหาโจก็ดีใจแล้้วล่ะ วันอาทิตย์เป็นวันครอบครัว พวกเราควรจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก" โจถามลูก "ใช่ไหมลูก"
ศศิปรายตามองด้วยความหมั่นไส้
"วันครอบครัว? แต่ก่อนไม่เห็นโจจะสนใจเลย ถึงวันอาทิตย์ทีไรก็ไปขลุกอยู่ที่พัทยาตลอด"
"ศิครับ.. อย่ารื้อฟื้นเรื่องเก่าเลยน่า โจเลิกแล้วจริงๆสาบานก็ได้ จะให้ไปเอาธูปมาจุดสาบานตรงนี้เลยไหม ศิจะได้สบายใจ"
"ไม่ต้อง! ที่ศิมาเนี่ยไม่ได้อยากมาฟังคำสาบาน แต่มาเพราะลูกๆร้องอยากจะมาหาโจ เพราะฉะนั้นวันนี้ก็เป็นหน้าที่โจไปแล้วกันนะ"
"หน้าที่ ทำอะไร” โจสงสัย
"ก็ไม่มีอะไรมาก ก่อนอื่นเลยก็หาข้าวกลางวันให้ลูกกิน พอตอนบ่ายก็พาข้าวหอมไปเรียนบัลเล่ต์ ต้นกล้าต้องไปเรียนเทควันโด ต้องอยู่รอรับจนกว่าลูกจะเรียนเสร็จ จากนั้นก็พาลูกๆไปกินข้าวเย็น หลังข้าวเย็นก็พาลูกไปส่งให้ศิที่ร้านพี่จูดี้ เข้าใจนะ"
"แล้วศิจะไปไหน" โจถาม
"ก็ไปช้อปปิ้ง นวดหน้า ทำเล็บ แล้วก็หาของอร่อยๆกิน เห็นไหม เวลาที่ไม่ต้องดูแลโจน่ะ ศิมีความสุขขนาดไหน" ศศิหันไปลาลูก "แม่ไปนะเด็กๆ"
"ศิ เดี๋ยวก่อนสิ โจมีของจะให้ศิอยู่พอดีเลย....”
"เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน"
ศศิเดินไปที่รถอย่างใส่ใจโดยไม่เปิดโอกาสให้โจพูดเลย เด็กๆสองคนโบกมือลาศศิที่เดินกลับไปขึ้นรถ โจได้แต่มองตามศศิไปอย่างผิดหวัง พอหันกลับมามองลูก ลูกทั้งสองคนก็ทำตาปริบๆ
"มองอะไรกัน" โจถาม
"หาข้าวกลางวันให้เราสองคนกินด้วยค่ะ คุณแม่สั่งไว้" ข้าวหอมบอก
"โอเคๆ งั้นก็เข้าบ้านไป"
โจพาลูกทั้งสองเข้าบ้าน
วุธเข็นรถเข็นใส่ของเดินมากับจ๋าในซุปเปอร์มาร์เก็ต จ๋าเลือกซื้อของที่ต้องการใส่ลงในรถเข็นที่มีของอยู่จำนวนหนึ่ง
"นึกยังไงถึงจะไปทำกับข้าวที่บ้านวุธ" วุธถาม
"ก็จ๋าไม่ได้ทำกับข้าวให้วุธกินนานแล้วนี่นา" จ๋าบอก
"แล้วทำไมถึงต้องซื้อของเยอะแบบนี้"
จ๋ายิ้มๆ "มีเซอร์ไพรส์น่ะ"
วุธมองจ๋าด้วยความสงสัย
"อ้ะ บอกก็ได้ จ๋ากำลังจัดนัดบอดให้ซัน"
"นัดบอด! ให้ซัน" วุธงง
"อื้อ"
"กับใคร" วุธถาม
"กับตี๋น้อย"
"ตี๋น้อยไหน"
"ก็เพื่อนสมัยเด็กของจ๋าไง ที่มีฟาร์มกล้วยไม้ส่งออก มาส่งดอกไม้ให้จ๋าที่ร้านบ่อยๆ"
"แล้วทำไมต้องติดต่อให้ซันด้วย"
"พอดีจ๋าไปเจออ้อมมา อ้อมเขาเล่าให้ฟังว่าซันกำลังหาแฟนอยู่ จ๋าก็เลยนึกถึงตี๋น้อยขึ้นมาว่าตี๋น้อยเขาก็ยังโสดแถมเป็นคนดีด้วย เพื่อนเราสองคนนี้เป็นคนดีทั้งคู่เลย นะวุธ ถ้าให้เขาได้ทำความรู้จักกันไว้ก็น่าจะเป็นเรื่องดี" จ๋าว่า
วุธอึ้งๆ งงๆ
จ๋าถาม "หรือวุธคิดว่าไง"
"อ๋อ ก็..ก็ดี"
"เห็นไหม วุธยังว่าดีเลย วุธก็ต้องช่วยให้เขาสองคนสนิทกันเร็วๆด้วย รู้หรือเปล่า"
"แล้วนี่จ๋าโทรชวนซันแล้วเหรอ เขาคงไม่มาหรอกมั้ง"
"ชวนแล้วจ้ะ ซันบอกว่าไม่ติดอะไร จะไปเจอที่บ้านวุธตอนเย็นๆ"
วุธรู้สึกหนักใจ
โจกำลังรับมือกับลูกๆ ทั้งสองคน ต้นกล้านั่งอ่านหนังสือไป กินข้าวไปอยู่ที่โต๊ะ
"ต้นกล้า กินข้าวดีๆสิลูก แล้วก็ไม่ควรอ่านหนังสือไปกินไปนะ"
"ผมไม่ชอบข้าวกล่องแบบนี้อ่ะครับพ่อ อาหารแช่แข็งไม่ดีกับสุขภาพเท่าอาหารทำเองนะครับ" ต้นกล้าบอก
"ตอนนี้บ้านเรามีแต่อาหารแบบนี้ กินไปก่อนเถอะ"
"แต่มีไข่อยู่ในตู้เย็นไม่ใช่เหรอครับ งั้นเดี๋ยวผมไปเจียวไข่เองแล้วกัน" ต้นกล้าบอก
"เออ ไป จัดการช่วยตัวเองเลยลูก ทำเผื่อพ่อด้วยก็ดีนะ" โจบอกลูก
"นี่ถ้าคุณพ่อไม่มีพวกเราอยู่ด้วย จะทำยังไงครับเนี่ย"
ต้นกล้าถอนหายใจและส่ายหน้าราวกับเป็นผู้ใหญ่ซะเองก่อนจะลุกเดินเข้าครัว ข้าวหอมลงมาจากชั้นบน แล้วก็ตรงเข้ามากระตุกเสื้อโจ
"พ่อคะ... เห็นเสื้อสีชมพูของข้าวหอมไหม" ข้าวหอมถาม
"ตัวไหนล่ะลูก ในตู้เสื้อผ้าลูกมีสีชมพูตั้งหลายตัวนะ"
"ตัวใหม่ที่แม่เพิ่งซื้อให้เมื่อสองอาทิตย์ก่อนโน้นน่ะค่ะ ข้าวหอมอยากใส่ตัวนั้น"
"พ่อไม่รู้หรอกว่าตัวไหน ใส่ตัวอื่นไปก่อนได้ไหม"
"ไม่ค่ะ ถ้าไม่ได้ใส่เสื้อสีชมพูตัวใหม่ ข้าวหอมก็จะไม่ไปเรียนบัลเล่ต์"
ข้าวหอมสะบัดหน้างอนๆ โจเหนื่อยใจ
โจบ่นกับตัวเอง "เฮ่อ ทำไมเลี้ยงลูกมันถึงได้ยุ่งแบบนี้"
อ่านต่อหน้าที่ 3
ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 7 (ต่อ)
จ๋ากับวุธเข็นรถมาถึงโซนขายอาหารทะเลที่วางขายวัตถุดิบอยู่อย่างหลากหลาย จ๋าหยุดมองที่กุ้งตัวใหญ่แล้วเธอก็ใช้ที่คีบคีบขึ้นมา
"วันนี้จ๋าว่าจะทำกุ้งอบเกลือด้วย ดีไหม"
"ซันเขาไม่กินกุ้งนะจ๋า" วุธบอก
"อ้าวเหรอ จ๋าไม่เห็นรู้เลย"
"เขาแพ้มาตั้งนานแล้วล่ะ กินแล้วผื่นขึ้นตลอดเลย"
"แหม.. วุธนี่รู้เรื่องซันดีเกือบทุกเรื่องเลยนะ แล้วจ๋าล่ะ วุธรู้หรือเปล่าว่าจ๋าไม่ชอบกินอะไร"
วุธอึ้งไปสักพักเพราะไม่รู้ แล้วเขาก็ทำเป็นแซว "ของที่จ๋าไม่ชอบกิน มีด้วยเหรอ วุธพาไปกินอะไร ก็เห็นจ๋ากินได้ทุกอย่าง กินเยอะซะด้วย"
จ๋าพยายามฝืนยิ้มแต่ในใจกลับเศร้า
เวลาผ่านไป จ๋านั่งอยู่ข้างวุธ ส่วนฝั่งตรงข้ามคือซันที่นั่งอยู่ข้างๆ ตี๋น้อย ในจานข้าวของจ๋ามีต้นหอมถูกเขี่ยไว้ข้างจานเพราะจ๋าไม่กิน ตี๋น้อยกำลังตักอาหารที่มีต้นหอมมาใส่จานตัวเองแทนก่อนจะพูด
"จ๋าเขาไม่ชอบกินต้นหอมครับ แต่ผมชอบ ตอนเด็กๆเวลาไปกินข้าวหมูแดงกันที่ร้านประจำ คนทำเขาจะวางต้นหอมมาให้ข้างจาน พอจ๋าไม่กิน ผมก็จะแย่งเขากินทุกครั้งเลย"
"ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่มาก็ได้นี่" วุธบอก
"เผื่อคนอื่นจะชอบกินไง" จ๋าพูด
"นี่คุณตี๋น้อยกับจ๋ารู้จักกันมานานแล้วเหรอ" ซันถาม
"ตี๋น้อยเป็นเพื่อนจ๋ามาตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้ว พ่อแม่เราสองคนรู้จักกัน" จ๋าเล่า
"ผมกับจ๋าเป็นพวกชอบดอกไม้มาตั้งแต่เด็กแล้วครับ พอโตขึ้นจ๋าเขาก็เลยเปิดร้านดอกไม้ ส่วนผมก็ทำฟาร์มกล้วยไม้ส่งออก คุณซันชอบดอกไม้ไหมครับ"
"เป็นผู้หญิงก็ต้องชอบดอกไม้อยู่แล้วค่ะ" ซันตอบ
"ชอบดอกอะไรครับ" ตี๋น้อยถาม
วุธตอบแทนแบบแซวๆ
"อ๋อ รายนี้เขาชอบดอกไม้เหล็กครับ"
ซันมองค้อน แต่สองหนุ่มหัวเราะสนุก จ๋าเห็นอาการวุธกับซันแล้วก็ยิ่งไม่สบายใจ เธอจึงรีบชงให้ตี๋น้อย
"ว่างๆ ซันน่าจะไปเที่ยวฟาร์ทของตี๋น้อยเขาบ้างนะ จ๋าเคยไปครั้งนึง สวยมากเลย"
"ถ้าอยากไปก็บอกเลยนะครับ ยินดีต้อนรับ" ตี๋น้อยบอก
"จ๋ารับรองว่าตี๋น้อยจะดูแลซันเป็นอย่างดี"
วุธรู้ว่าจ๋ากำลังพยายามจับคู่ ส่วนซันก็ตอบไปตามมารยาท
"ถ้าว่างแล้วจะลองคิดดูนะ"
ศศิ อ้อม เจน และจูดี้กำลังนวดหน้าอยู่ที่ร้าน
"แล้วหมอเขาว่ายังไงอีกอ้อม" ซันถาม
"เขาก็บอกว่าให้ดูแลสุขภาพ ให้ออกกำลังกายให้มากขึ้น ถ้าผ่านไป6เดือนแล้วยังไม่ท้อง ก็อาจจะมีปัญหา ต้องไปให้หมอดูอีกที" อ้อมบอก
"เรื่องพังผืดในมดลูก พี่ก็เคยได้ยินมาเหมือนกันนะ" ศศิบอก
"ทำใจร่มๆอย่างที่หมอว่าเถอะค่ะ ฟังดูแล้วก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก ว่าแต่ทำไมวันนี้น้องซันไม่ได้มาด้วยกันน้า เสียดายจัง" จูดี้บ่น
"วันนี้ซันเขามีนัดกินข้าวน่ะค่ะพี่จูดี้" อ้อมบอก
"กับใคร นี่จัดนัดบอดให้ซันอีกแล้วเหรออ้อม" ศศิถาม
"ไม่ใช่นะพี่ศิ วันนี้จ๋าเขาชวนซันไปกินข้าวที่บ้านวุธ"
พอได้ยินคำตอบจากอ้อม สามสาวที่กำลังนวดหน้าถึงกับต้องยกตัวขึ้นมามอง
"หืม...”
"งั้นมื้อนี้คงไม่ใช่แค่กินข้าวธรรมดา" ศศิว่า
"ไม่น่าจะมีอะไรนะเจ๊ ปกติจ๋าเขาเป็นคนดี เขาซื่อๆ ไม่คิดร้ายอะไรกับใครคงไม่มีแผนอะไรหรอก" อ้อมบอก
"เธอนี่ไม่รู้อะไร ผู้หญิงที่กำลังกลัวว่าจะสูญเสียของรักน่ะ เหมือนเสือแม่ลูกอ่อนที่กำลังหวงลูก อาจจะทำอะไรแผลงๆขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้" ศศิบอก
จูดี้รีบพูด "ใช่ค่ะ ดูคุณศิเป็นตัวอย่างได้"
ศศิหันไปมองจูดี้ จูดี้จึงทำไม่รู้ไม่ชี้
"ป่านนี้พี่ซันคงเครียดแย่แล้ว ทำอะไรให้พี่ซันหายเครียดหน่อยดีกว่า" เจนบอกพนักงานนวดคนหนึ่ง "พี่คะช่วยถ่ายรูปให้หน่อยนะคะ"
เจนส่งโทรศัพท์ให้พนักงานแล้วก็เตรียมถ่ายรูป สี่สาวยื่นหน้าออกมาเข้าเฟรมพร้อมกับทำนิ้วเป็นรูปหัวใจเพื่อให้กำลังใจ
ภาพแก๊งค์สี่สาวซึ่งอยู่ที่สปาโชว์อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของซัน ซันได้รับภาพถ่ายแล้วก็หัวเราะเบาๆ
ตี๋น้อยเห็นซันยิ้มจึงทักออกมา
"แฟนส่งข้อความมาหรือครับคุณซัน ยิ้มใหญ่เชียว"
"เพื่อนน่ะค่ะ" ซันบอก
จ๋าย้ำ "ซันเขายังไม่มีแฟนหรอกจ้ะตี๋น้อย"
"อ้าวเหรอ คุณซันดูเพอร์เฟ็คขนาดนี้ผมเลยไม่คิดว่าคุณซันจะโสด"
"ที่ซันเขายังโสดเพราะจิตใจเขาเหมือนแม่น้ำครับ" วุธบอก
"หมายถึงลื่นไหล" ตี๋น้อยถาม
"ไม่ใช่" วุธบอก
"เยือกเย็น" ตี๋น้อยทายอีก
"เชี่ยวกรากครับ ผู้ชายคนไหนพลัดหลงเข้ามาจีบ เป็นอันต้องโดนกระแสน้ำเชี่ยวพัดให้จมน้ำตายกันหมด"
"นี่ ล้อกันเข้าไป" ซันว่า
จ๋าพยายามตัดบท
"เออ ตี๋น้อยมีธุระอะไรต้องรีบกลับหรือเปล่า ถ้าไม่รีบอยู่กินของหวานด้วยกันก่อนนะ"
"เราไม่รีบหรอก โทรสั่งงานลูกน้องไว้หมดแล้ว เดี๋ยวนี้ที่คนงานที่ฟาร์มเรามีโทรศัพท์ทุกคน ตั้งแต่ผู้จัดการไปถึงคนสวน"
"ดีนะครับ ที่โทรศัพท์เดี๋ยวนี้ราคาไม่แพง ไม่ว่าจะระดับไหนก็ซื้อมาใช้กันได้" วุธพูดแล้วก็นึกได้ "เออ ซัน เรานึกออกแล้ว เรื่องพรีเซ็นเตอร์โทรศัพท์ของสยามสมาร์ทโฟน"
"มีอะไรเหรอ" ซันถาม
"เราได้ไอเดียแล้ว"
ซันมองด้วยความสงสัย จ๋ามองวุธกับซันพลางคิดในใจว่าชักไม่ได้การแล้ว
ศศิ อ้อม เจน และจูดี้เดินออกมาจากสปาพร้อมกับคุยกันไปด้วย
"เดี๋ยวกินอะไรกันต่อดีคะ อาหารญี่ปุ่นดีไหม" จูดี้ถามชาวแก๊งค์
"ดีเหมือนกัน" ศศิตอบ
"งั้นเดี๋ยวอ้อมแวะไปร้านหนังสือแป๊บนึง แล้วจะตามไปที่ร้านนะ"
ทุกคนพยักหน้า อ้อมเดินแยกไปทางหนึง
ซันกับวุธนั่งเสิร์ชภาพจากโน้ตบุ๊คตรงมุมหนึ่งของบ้าน ทั้งคู่กำลังโฟกัสไปที่เรื่องงาน
"เออ จริงด้วย นายนี่ไอเดียไม่เลวนะวุธ ไหนลองเสิร์ชดูภาพอื่นๆซิ" ซันบอก
จ๋ายืนมองภาพซันกับวุธอยู่ห่างๆ ด้วยความรู้สึกว่าเหมือนสองคนนั้นลืมเรื่องอื่นไปหมด ตี๋น้อยที่ช่วยเก็บจาน เช็ดโต๊ะอาหารอยู่มองมาที่จ๋าอีกต่อหนึ่ง
จ๋าล้างจาน ตี๋น้อยเข้ามาช่วย ทั้งคู่ยืนล้างจานอยู่ข้างๆกัน
"สองคนนั้นเขาเป็นแบบนี้กันตลอดแหละ ถ้าไม่ทำงานด้วยกันก็ต้องมีเรื่องทะเลาะกัน" จ๋าถอนใจยาวเหมือนหนักใจ
"แต่ท่าทางจ๋าไม่ค่อยสบายใจนะ มีอะไรหรือเปล่า" ตี๋น้อยถาม
จ๋ามองตี๋น้อยแล้วก็เห็นสายตาที่จริงใจและเชื่อใจได้
"นี่ความลับนะตี๋น้อย จ๋าไม่เคยบอกใครเลย"
ตี๋น้อยพยักหน้ารับ
"จ๋ากำลังกลัวว่า วุธเขาจะชอบซัน"
"เป็นไปได้ยังไง"
"อาจจะชอบมานานแล้วด้วย"
"แต่เขากำลังจะแต่งงานกับจ๋านะ"
"เพราะแบบนี้แหละ จ๋าถึงไม่สบายใจ"
"แล้วคุณซันล่ะ"
"จ๋ายังดูไม่ออก เราไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ จ๋าถึงได้เรียกตี๋น้อยมาวันนี้ไง มีตี๋น้อยคนเดียวเท่านั้น ที่จะช่วยจ๋าได้" จ๋าพูด
อ้อมกำลังเดินดูหนังสืออยู่ในร้านหนังสือที่อยู่ในบริเวณเดียวกับสปา สายตาอ้อมมัวแต่มองหนังสือบนชั้นวาง จนเดินเข้าไปชนกับใครบางคน
"อุ้ย ขอโทษค่ะ"
ชายหนุ่มคนนั้นหันหน้ามา ทำให้เห็นว่าคือ ศรัณย์
อ้อมตาโตด้วยความรู้สึกทั้งตกใจและแปลกใจเพราะรู้จักศรัณย์มาก่อน
"คุณศรัณย์ บังเอิญจังเลย"
"อ้าว คุณอ้อม มาทำอะไรครับ" ศรัณย์ถาม
"ซื้อหนังสือน่ะค่ะ คุณศรัณย์ล่ะคะ มาทำอะไรแถวนี้"
"ผมมาสำรวจตลาดน่ะ มาเดินดูหนังสือ นิตยสารว่าช่วงนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง"
"แหม..สมกับเป็นบก.สำนักพิมพ์ใหญ่นะคะ"
"ใหญ่อะไรกัน มันก็เล็กท่าเดิม เหมือนสมัยที่คุณอ้อมทำงานเป็นกองบก.กับผมนั่นแหละครับ"
อ้อมกับศรัณย์เดินคุยกันมาเรื่อยๆ
"นี่เราไม่เจอกันตั้งแต่คุณอ้อมลาออกจากสำนักพิมพ์แล้วนะ ได้ยินว่าคุณอ้อมแต่งงานแล้วด้วย"
"ค่ะ" อ้อมตอบ
"เป็นภรรยาหมอสบายแล้วสิ ไม่ต้องทำงาน"
"ไม่ทำได้ยังไงล่ะคะ งานไม่ใช่แค่เงินนะ แต่มันคือคุณค่าของชีวิตคนเราด้วย อ้อมเป็นฟรีแลนซ์เขียนคอลัมน์ให้แมกกาซีนอยู่สองสามฉบับน่ะค่ะ"
"คอลัมน์เกี่ยวกับอะไร"
"เรื่องผู้หญิงน่ะค่ะ อาหาร สุขภาพ ความงาม ไลฟ์สไตล์ อะไรพวกนี้"
"ดีเลย ผมกำลังอยากได้นักเขียนอยู่พอดี เอาไว้ผมจะติดต่อคุณอ้อมไปนะ จะได้คุยรายละเอียดกัน"
"ได้ค่ะ งั้นอ้อมขอตัวก่อนนะคะ พอดีนัดเพื่อนกินข้าวไว้"
"ครับ แล้วเจอกัน"
อ้อมกับศรัณย์เดินแยกจากกัน
วุธออกมาส่งแขกที่หน้าบ้านซึ่งรถของซันกับตี๋น้อยจอดอยู่บริเวณนั้น
"ไม่ต้องให้วุธไปส่งแน่นะจ๋า" วุธถาม
"ไม่ต้องหรอกวุธ จ๋ากลับกับซันน่ะดีแล้ว วุธจะได้ไม่ลำบาก" จ๋าบอก
"เราไปส่งจ๋าได้ ยังไงเราก็ผ่านแถวบ้านจ๋าอยู่แล้ว" ซันบอก
"งั้นขับรถดีๆล่ะ คุณตี๋น้อยด้วยนะครับ" วุธพูด
ตี๋น้อยลา "ผมไปนะครับ"
ทุกคนแยกย้ายกันขึ้นรถโดยที่จ๋าไปกับซัน
วุธกลับเข้ามาในบ้าน เขาเดินเข้าไปในห้องครัวก็เห็นภาชนะจานชามได้รับการล้างเก็บเรียบร้อยแล้ว ทำให้วุธนึกถึงจ๋าขึ้นมา
วุธนึกถึงตอนจ๋ากับเขาคุยกันขณะอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ต
"แหม.. วุธนี่รู้เรื่องซันดีเกือบทุกเรื่องเลยนะ แล้วจ๋าล่ะ วุธรู้หรือเปล่าว่าจ๋าไม่ชอบกินอะไร"
วุธอึ้งไปสักพัก เพราะไม่รู้ แล้วเขาก็ทำเป็นแซว "ของที่จ๋าไม่ชอบกิน มีด้วยเหรอ วุธพาไปกินอะไร ก็เห็นจ๋ากินได้ทุกอย่าง กินเยอะซะด้วย"
จ๋าพยายามฝืนยิ้มแต่ในใจรู้สึกเศร้า
วุธนึกถึงตอนที่ทั้งสี่คนกินข้าวด้วยกัน
ตี๋น้อยกำลังตักอาหารที่มีต้นหอมมาใส่จานตัวเองแทนพร้อมกัยพูด
"จ๋าเขาไม่ชอบกินต้นหอมครับ แต่ผมชอบ ตอนเด็กๆเวลาไปกินข้าวหมูแดงกันที่ร้านประจำ คนทำเขาจะวางต้นหอมมาให้ข้างจาน พอจ๋าไม่กิน ผมก็จะแย่งเขากินทุกครั้งเลย"
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น วุธรู้สึกผิดจึงพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆ
"ขอโทษนะจ๋า"
ซันขับรถโดยมีจ๋านั่งมาด้วย ซันไม่พูดอะไร ส่วนจ๋าเหลือบมองซันเป็นระยะๆ เพื่อหาจังหวะพูด
"เออ ซัน ซันสังเกตบ้างหรือเปล่าว่าวุธเขามีอะไรแปลกๆไป"
"แปลกยังไง" ซันถาม
"ไม่รู้สิ จ๋าก็บอกไม่ถูก เหมือนวุธเขามีเรื่องในใจที่ไม่ยอมบอกใคร ตั้งแต่ตัดสินใจจะแต่งงานกันเขาก็เป็นแบบนี้ตลอดเลย จ๋าขอคำปรึกษาอะไรก็ไม่มีความเห็นอะไรสักอย่าง"
"อาจเป็นอาการกังวลก่อนแต่งงานก็ได้ หรือไม่ก็เพราะช่วงนี้เขากำลังจะเปิดบริษัทอาจมีเรื่องเครียดหลายเรื่อง"
"เขาคุยอะไรให้ซันฟังมั่งหรือเปล่า" จ๋าถาม
"ก็ไม่นะ"
"หรือว่าเขาไม่อยากแต่งงานกับจ๋า"
"ไม่เอาน่า อย่าคิดอะไรแบบนั้น"
"หรือว่า เขาอาจจะมีผู้หญิงคนอื่น"
"อย่างวุธเนี่ยนะ ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้ เขาคบกับจ๋ามาห้าปีแล้วนะ เราไม่เห็นเขาเคยสนใจผู้หญิงคนอื่นนอกจากจ๋าเลย"
"ถ้าซันพูดแบบนี้ จ๋าก็ค่อยสบายใจหน่อย ถ้าวุธมีคนอื่นจริงๆ จ๋าคงทำใจไม่ได้ ซันเข้าใจจ๋าใช่ไหม"
ซันพยักหน้าด้วยความลำบากใจเพราะเธอแอบชอบวุธ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าวุธจะชอบเธอ
ตี๋น้อยขับรถกลับบ้านตามลำพัง จิตใจของเขาล่องลอยเมื่อนึกถึงตอนที่จ๋าพูดกับเขาในครัวขณะช่วยกันล้างจาน
ตี๋น้อยทวนคำ "จ๋าจะให้เราจีบคุณซัน"
"ถูกต้อง" จ๋าบอก
"เพื่อจะได้กันคุณซันออกจากวุธ"
จ๋าจุ๊ปากไม่ให้ตี๋น้อยพูดเสียงดังเพราะกลัววุธกับซันที่อยู่ด้านนอกจะได้ยิน
"ใช่ ถ้าซันเขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว วุธเขาก็คงไม่หวั่นไหวอีก" จ๋าบอก
ตี๋น้อยอ้ำอึ้ง "แต่ว่าเรา...”
"ตี๋น้อย... ซันน่ะทั้งสวย ทั้งเก่ง คุณสมบัติเพียบพร้อม ไม่มีอะไรด้อยเลย เราว่าถ้าตี๋น้อยได้ซันเป็นแฟนก็ถือว่าโชคดีมากรู้ไหม ลองดูก็ไม่เสียหายนี่"
"ถ้าเราทำอย่างที่ต้องการ จ๋าจะมีความสุขใช่ไหม" ตี๋น้อยถาม
"อืม...ก็ถ้าเพื่อนที่ดีของจ๋าทั้งสองคน ได้คบกันขึ้นมาจริงๆ จ๋าก็ต้องมีความสุขอยู่แล้ว"
"งั้นเราจะลองดู"
ตี๋น้อยขับรถไปถอนหายใจไป
"ตี๋น้อยเอ๊ย อยู่ดีไม่ว่าดี ไปใจอ่อนรับปากเขาจนได้"
ซันกับพิสมัยกำลังช่วยกันเตรียมเอกสาร โน๊ตบุค แผ่นซีดี ทุกอย่างสำหรับการพรีเซ็นท์
"โน้ตบุ๊คพร้อมค่ะ เอกสารก็ครบแล้ว" พิสมัยบอก
MD. เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางตื่นเต้นเล็กน้อยกับการพรีเซ็นท์งานครั้งนี้
"วันนี้แล้วใช่ไหมคุณซัน ที่จะไปพรีเซ็นท์งานสยามสมาร์ทโฟน"
"ค่ะ" ซันตอบ
"เต็มที่นะ ความหวังของเราอยู่ในมือคุณ" MD. มีท่าทางมุ่งมั่นเต็มที่
บนจอโปรเจคเตอร์ที่ผนังห้องประชุมกำลังโชว์ภาพโทรศัพท์มือถือหลายแบบ แพทกับสุธีร์กำลังเสนอไอเดียต่อลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทโทรศัพท์มือถือ แพทอธิบายแผนงานด้วยความมั่นใจ
"เพราะว่าโทรศัพท์มือถือของสยามสมาร์ทโฟนเป็นแบรนด์น้องใหม่ คอนเซ็ปต์ที่ทางแพทวางแผนไว้ก็คือ ทำให้โทรศัพท์มือถือของบริษัทคุณมีอิมเมจเป็นเหมือนสินค้าแฟชั่น นอกจากใช้งานได้แล้ว ยังต้องเก๋ ต้องดูดี ต้องเทรนดี้ เป็นโทรศัพท์ที่หนุ่มสาวรุ่นใหม่ทุกคนต้องมี"
ประธานบริษัทและบรรดาพนักงานบริษัทโทรศัพท์มือถือนั่งล้อมรอบโต๊ะประชุมเพื่อฟังการพรีเซ็นท์ของแพท
"ส่วนพรีเซ็นเตอร์ของสินค้า ที่ทางผมมองไว้ ก็น่าจะประมาณนี้นะครับ" สุธีร์พูด
สุธีร์กดรีโมทไปที่จอโปรเจคเตอร์ ภาพที่หน้าจอถูกเปลี่ยนเป็นภาพนายแบบหล่อล่ำในชุดสูทแบบนักธุรกิจกำลังถือโทรศัพท์มือถือ
"เมื่อมือถือของเราคือแฟชั่น กลุ่มผู้บริโภคที่ชอบแฟชั่นก็ต้องเป็นกลุ่มผู้หญิง ถูกไหมครับ เพราะฉะนั้น...”
สุธีร์กดรีโมทอีกครั้ง ภาพนายแบบยังเป็นภาพเดิมแต่คราวนี้ชุดสูทที่สวมอยู่หายไปกลายเป็นนายแบบเปลือยท่อนบนโดยยังสวมเนคไทด์และยังถือโทรศัพท์ ทุกคนในห้องฮือฮา
"ถ้าเปิดตัวสินค้าด้วยพรีเซ็นเตอร์ลุคแบบนี้ จะเรียกความสนใจของลูกค้าที่เป็นผู้หญิงและเพศที่สามได้มากขึ้น ผมคิดว่ามันใหม่ มันท้าทาย ไม่มีใครกล้าคิดมาก่อน รับรองว่าเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์แน่นอน"
"ส่วนแผนมาร์เก็ตติ้งและมีเดียแพลนนิ่งทั้งหมด ทุกท่านสามารถดูได้จากเอกสารที่ให้ไปได้เลยค่ะ"
แพทยิ้มให้ทุกคนในห้องด้วยความมั่นใจ
พนักงานเปิดประตูห้องประชุมโดยเดินนำแพทกับสุธีร์ออกมา
"คิดว่าบริษัทแพทมีสิทธิจะได้งานนี้ไหมคะ" แพทถาม
"ที่จริงไอเดียคุณแพทก็ใหม่ดีนะคะ แต่อย่างที่บอกล่ะค่ะ นี่เป็นงานพิชชิ่ง มีเอเจนซี่อีกสองสามแห่งที่เราเรียกมาเสนอไอเดียด้วย ตอนนี้คงยังบอกอะไรชัดเจนไม่ได้" พนักงานตอบ
"แหม...อยากรู้จังว่าคู่แข่งของพวกเราเป็นใครกันน๊า พอจะบอกได้ไหมครับ" สุธีร์ถาม
ซันเดินหอบเอกสารมาตามทางเดินตรงสู่หน้าห้องประชุมของบริษัทโทรศัพท์มือถือ พิสมัยกับลูกน้อง2 คน เดินตามหลังมา ก่อนที่พนักงานจะตอบอะไรแพทกับสุธีร์ก็เห็นพวกซันเดินตรงมาพอดี
"อ้าวคุณซัน มาแล้วหรือคะ" พนักงานทัก
ซันเห็น "แพท"
"นี่เธอมาพิชงานนี้เหมือนกันเหรอ" แพทถาม
"ใช่"
"กะแล้วเชียว"
"แต่จริงๆแล้วทางเธอไม่ต้องขายงานก็ได้นะ เสียเวลาเปล่า เพราะยังไงงานนี้...พวกฉันก็ต้องได้อยู่แล้ว"
"ไม่ลองก็ไม่รู้ จริงไหม"
"ทางคุณแพทเพิ่งจะพรีเซ็นท์เสร็จค่ะ ตอนนี้ข้างในพร้อมแล้ว คุณซันเข้าพรีเซ็นท์ต่อได้เลยค่ะ"
ซันเดินนำลูกน้องเข้าไปในห้องประชุมไป แพทกับสุธีร์มองหน้ากันอย่างไม่พอใจที่ต้องมาเจอซันในงานเดียวกัน
ซันกำลังพรีเซ็นท์ไอเดียต่อหน้าลูกค้ากลุ่มเดิมในห้องประชุม
"สำหรับโทรศัพท์มือถือแบรนด์น้องใหม่ จุดเด่นอย่างหนึ่งที่เรามีเหนือกว่าคู่แข่งยักษ์ใหญ่อื่นๆก็คือ ราคา...”
ซันกดเปลี่ยนภาพที่หน้าจอโปรเจคเตอร์โดยเป็นภาพคนทั่วไปใช้โทรศัพท์มือถือ
"มือถือของสยามสมาร์ทโฟนเป็นโทรศัพท์ที่ราคาไม่แพง คนท่ี่มีรายได้น้อยก็สามารถซื้อใช้ได้ สิ่งสำคัญก็คือ...คนรายได้น้อยถึงปานกลางเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของประเทศ ถ้าเราจับลูกค้ากลุ่มนี้ได้ก็หมายความว่า เราจะมีกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุดอยู่ในมือ แล้วใครกันที่เป็นฮีโร่ของกลุ่มเป้าหมายเรา"
ซันกดรีโมทเพื่อเปลี่ยนภาพที่หน้าจออีกครั้ง บนจอโปรเจคเตอร์ปรากฏภาพของดาราตลกชื่อดัง
"ดาราตลก"
ทุกคนในห้องเงียบและอึ้งไปเพราะคิดไม่ถึง จู่ๆ ท่านประธานก็ส่งเสียงออกมา
"เยี่ยมมาก"
ซันยิ้ม
เจนมายืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของอาร์ทโดยพยายามโชว์รองเท้าคู่ใหม่ด้วยการยืดขาบ้าง ยกขาบ้าง เดินไปเดินมาเรียกร้องความสนใจจากอาร์ท แต่อาร์ทกลับเงยหน้ามองเนือยๆ
"อะไรของคุณ" อาร์ทถาม
"เป็นไงมั่ง" เจนถาม
"เป็นไงอะไร"
"ก็รองเท้าคู่ใหม่ฉันไง"
เจนยื่นเท้าออกมาเพื่อให้อาร์ทดูรองเท้าชัดๆ
"นี่คุณ ไอ้ที่ผมพูดไปเมื่อวันก่อนไม่ได้ฟังบ้างเลยเลยหรือไง"
"นายนี่น่าเบื่อจริงๆเลย"
เจนทำเชิดหน้า ไม่แคร์ จ๊อดเดินเข้ามาหาอาร์ทพอดี
"อาร์ท ว่างอยู่หรือเปล่า ฉันว่าจะปรึกษานายเรื่องแก้แบบเว็บไซต์เราหน่อย" จ๊อดบอก
"ครับ"
เจนยิ้มหวานให้จ๊อดแล้วจะเลี่ยงออกไป จ๊อดเหลือบไปเห็นรองเท้าของเจนพอดี
"รองเท้าสวยดีนะเจน" จ๊อดชม
เจนยิ้มหวาน "ขอบคุณค่ะ"
เจนยักคิ้วให้อาร์ทคล้ายจะบอกว่าเห็นไหมยะ แล้วเธอก็เดินออกไป อาร์ทกับจ๊อดดูเว็บไซต์คุยงานกัน เจนเดินกลับโต๊ะตัวเองกดส่งข้อความ ข้อความเด้งขึ้นที่โทรศัพท์อาร์ท อาร์ทกดอ่านในใจ
"เห็นไหมยะ พี่จ๊อดเขายังตาแหลมกว่านายเลย" ตามด้วยสติ๊กเกอร์ เชอะ
อาร์ทแอบอมยิ้ม
อ่านต่อหน้าที่ 4
ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 7 (ต่อ)
ในที่ประชุมทีมพีอาร์ของบริษัท สาวทีมพีอาร์อยู่กันพร้อมหน้า ปุ๊กกี้หยิบครีมตัวใหม่ของthe wisdom ขึ้นมาแล้วพูด
"ทุกคนคงได้เห็นผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งไลน์ใหม่ของบริษัทแล้ว ไลน์นี้ราคาจะอัพสูงขึ้นกว่าไลน์อื่นๆ ส่วนกลุ่มเป้าหมายก็เป็นผู้หญิงวัยทำงานสามสิบอัพ แผนกเราต้องเริ่มเขียนแผนงานพีอาร์กันได้แล้ว ว่าควรจะลงโฆษณาในสื่อไหน หรือนิตยสารเล่มไหนบ้าง ทิชา ทีมของเธอรับผิดชอบเรื่องงานถ่ายแคมเปญโฆษณาไปก็แล้วกัน"
"ค่ะ แล้วโพรดักส์ตัวนี้จะใช้ใครเป็นนางแบบล่ะคะ" ทิชาถาม
"นั่นก็อีกประเด็นนึงที่อยากคุยวันนี้ ที่ฉันคิดไว้คือ... คุณอรสา" ปุ๊กกี้บอก
ปุ๊กกี้กางนิตยสารในมือให้ทุกคนดู ภาพของอรสาโชว์เด่นเต็มหน้ากระดาษ
พีอาร์ตกใจ "ว้าย"
"ตกใจอะไร" ปุ๊กกี้ถาม "คุณอรสาไม่ได้เป็นแค่เป็นเซเลบริตี้นะยะ แต่ในวงการเขารู้กันว่าเธอเป็นกูรูด้านความงามหมายเลขหนึ่งที่ใครๆ ก็เชื่อถือ"
"เรื่องนั้นน่ะพวกเรารู้ค่ะ แต่ที่ตกใจเพราะเรารู้ว่าคุณอรสาน่ะเรื่องเยอะจะตาย ขนาดเชิญไปออกงาน ยังไม่เคยตอบรับคำเชิญบริษัทเราเลย" ทิชาบอก
"แล้วก็ไม่เคยมีสกินแคร์แบรนด์ไหนเชิญคุณอรสามาถ่ายแบบโฆษณาให้มาก่อนเลยนะคะ" พีอาร์คนหนึ่งเสริม
"ไม่ว่าจะให้ค่าตัวแพงแค่ไหน เธอก็ไม่สนทั้งนั้น" พีอาร์อีกคนบอก
"ต่อให้พีอาร์ แบรนด์ไหนคลานเข่าไปเชิญ หรือเอาช้างมาฉุด เธอก็คงไม่มาหรอกค่ะ แล้วก็ได้ข่าวว่านางเริ่ด เชิด หยิ่งสุดๆ ขนาดเจอคุณหญิงแม่ของทิชาตามงานเลี้ยงยังไม่ค่อยอยากจะทักเลย"
"ก่อนจะบ่นกันเนี่ย ลองดูหรือยัง" ปุ๊กกี้ถามกลับ
ทิชาเสียงอ่อย "ยังค่ะ"
"พวกเธอรู้กันบ้างไหม ว่าคุณอรสามีอิทธิพลในวงการความงามบ้านเราขนาดไหน ครีมตัวไหนที่เธอจับ จะดังเปรี้ยงภายในชั่วข้ามคืน น้ำหอมตัวไหนที่เธอพูดถึง ยอดขายจะพุ่งกระฉูดทะลุเพดาน" ปุ๊กกี้มองทุกคนหน้าเข้ม "เพราะฉะนั้น..ไปเชิญคุณอรสามาให้ได้"
ทิชาเดินงุ่นง่านอยู่ในออฟฟิศขณะพยายามโทรศัพท์ติดต่ออรสา
"สวัสดีค่ะ คุณอรสาใช่ไหมคะ นี่ทิชานะคะ โทรมาจากเครื่องสำอางthe wisdomค่ะ …..เอ่อ..ทิชาเป็นลูกสาวของคุณหญิงทิพย์เพื่อนคุณอรสาน่ะค่ะ อยากจะโทรมาเรียนเชิญคุณอรสา"
จู่ๆทิชาก็ชะงักเพราะโดนวางหูใส่ เธอมองโทรศัพท์แล้วโวย
"ต๊าย วางหูใส่ฉันเลยเหรอยะ ไม่มีมารยาท"
เจนแอบชำเลืองมองสถานการณ์ของทิชาอยู่ถึงกับหัวเราะคิกคัก แล้วรอยยิ้มของเจนก็สะดุดลงเมื่อเห็นอาร์ทมายืนอยู่ข้างๆ โต๊ะของเธอ
"คุณเป็นคนเขียนคอนเทนท์ที่จะลงในเว็บไซต์ของเราใช่ไหม" อาร์ทถาม
"ใช่" เจนตอบ
"งั้นก็เอางานมาซะทีสิ ผมรอทำงานอยู่ มัวแต่หัวเราะคนอื่นอยู่นั่นแหละ"
"รู้แล้วๆ รอแป๊บนึง กำลังทำอยู่"
เจนหันกลับมานั่งพิมพ์งานของเธอต่อ
วิภาพาอ้อมเข้ามาในบริเวณศาลเจ้าประจำของวิภา
"ไม่เป็นไรหรอกนะอาอ้อม ยังไงปัญหาเรื่องนี้ แป๊ะกงต้องช่วยได้แน่ๆ เชื่อหม่าม๊าสิ" วิภาบอก
ทั้งคู่พากันเข้าไปในศาล
วิภากับอ้อมนั่งอยู่เบื้องหน้าของชายร่างทรงแป๊ะกงคนเดิม วิภาจับมืออ้อมเพื่อให้กำลังใจ ผู้ช่วยแป๊ะกงเพิ่งฟังข้อความบางอย่างจากแป๊ะกงจึงเอ่ยถามวิภา
"แป๊ะกงถามว่า ที่บ้านมีใครมีลูกหรือยัง"
"มีแล้ว ลูกสาวกำลังท้องอยู่" วิภาบอก
"ดีมาก แล้ววันนี้จะถามเรื่องอะไรอีก"
"อยากถามแป๊ะกงหน่อยว่า" วิภาแตะไหล่อ้อม "ลูกสะใภ้คนนี้ จะมีโอกาสมีลูกไหม"
แป๊ะกงมองหน้าอ้อมเขม็งแล้วชี้แส้มาที่อ้อม อ้อมสะดุ้ง
แป๊ะกงทำท่าราวกับเห็นภาพนิมิตบางอย่างแล้วเขาก็เหมือนจะพูดอะไรออกมา อ้อมกับวิภารอลุ้น แล้วจู่ๆแป๊ะกงก็ทรุดฮวบไปแบบหมดเรี่ยวหมดแรงเหมือนเจ้าออกจากร่างแล้ว
วิภากับอ้อมงง "อ้าว...”
"แป๊ะกงไปแล้ว" ผู้ช่วยบอก
"ไปไหน" วิภาถาม
"แป๊ะกงมีงานเลี้ยงบนสวรรค์ ต้องรีบไป วันนี้ดูให้ไม่ได้แล้ว ไว้มาดูวันอื่นแล้วกัน"
อ้อมผิดหวังที่ไม่ได้รับคำตอบ
จูดี้นั่งกินขนมกับอ้อมหลังจากเพิ่งฟังเรื่องแป๊ะกงจบ
"ขนาดเทพเจ้าอย่างท่านแป๊ะกงยังให้คำตอบกับน้องอ้อมไม่ได้ งั้นก็คงไม่มีอะไรช่วยได้แล้วล่ะค่ะ"
"อ้อมก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน"
"ตอนนี้ สิ่งที่น้องอ้อมทำได้คือรอ...บางอย่าง"
"รออะไรคะ"
"รอโชคช่วยไงล่ะคะ"
อ้อมถอนหายใจแบบเซ็งๆ แต่ก็ต้องยอมรับความจริง
"แล้วนี่คุณศิไปไหนคะ วันนี้ไม่เห็นลงมาเมาท์มอยเลย" จูดี้ถาม
"เห็นบอกว่ามีนัดน่ะค่ะ วานให้อ้อมจะไปรับเด็กๆที่โรงเรียนแทน" อ้อมบอก
จิตสมรเข้ามาในร้านก่อนจะสอดส่ายสายตาแล้วก็เห็นอ้อม จิตสมรยิ้มร่าขณะเดินเข้ามาหาทันที
"น้องอ้อม เป็นไงบ้างคะ มีข่าวดีเรื่องเจ้าตัวเล็กหรือยัง"
"ยังค่ะ"
"อะไรกัน ยังอีกเหรอ"
"ก็ยังน่ะสิ ส่วนเครื่องเชคโดมิไนเซอร์ของหล่อน ตอนนี้กลายเป็นชั้นวางรองเท้าอยู่ในห้องน้องอ้อมเขาไปแล้ว"
"อันนั้นมันเก่าแล้ว ลืมไปซะเถอะค่ะ อันที่จิตหมอนจะนำเสนอวันนี้เด็ดกว่า" จิตสมรหยิบสร้อยหินสีขึ้นมาโชว์ให้ทุกคนดู "เคยได้ยินไหมคะว่าพลังจากอัญมณี จะช่วยแก้ปัญหาในชีวิตคนเราได้ นี่ไม่ใช่อัญมณีธรรมดานะคะทุกคน แต่เป็นสร้อยอัญมณีเจ็ดสีเจ็ดแสง ถ้ามีติดตัวไว้จะนำมาซึ่งโชคลาภ ขอพรอะไรก็จะสมหวังดังใจ"
"มหัศจรรย์เว่อร์ละ นังจิตหมอน" จูดี้ว่า
"พูดแบบนี้อยากพิสูจน์ล่ะสิ ซื้อไว้สักเส้นไหม"
จูดี้เมินหน้าหนี อ้อมหาทางชิ่ง
"อ้อมต้องไปก่อนนะคะ เดี๋ยวไปรับเด็กๆไม่ทัน"
"ฉันก็ต้องไปชงกาแฟเหมือนกัน" จูดี้บอก
อ้อมลุกขึ้นเดินออกจากร้าน จูดี้ก็เดินเลี่ยงไปเหมือนกัน แมนเก็บแก้วจากโต๊ะอื่นเสร็จเดินผ่านโต๊ะจิตสมรพอดี จิตสมรเห็นก็คว้าแขนแมนไว้หมับ
"น้องแมนจ๊ะ สนใจสร้อยอัญมณีเจ็ดสีเจ็ดแสงไหม"
จูดี้ปร๊ีดขึ้น "นี่ หยุด! ดูแต่ตามืออย่าต้อง เดี๋ยวของจะเสีย"
จูดี้ลากมือแมนไปหลังร้าน จิตสมรจึงเบะหน้าใส่
ศศินั่งอยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ส่วนคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามศศิคือแพท
"นี่แพทคงไม่ได้เป็นต้นเหตุทำให้พี่ศิกับพี่โจมีปัญหากันใช่ไหมคะ รู้สึกผิดจังเลย" แพทบอก
"มันไม่ใช่ความผิดของคุณแพทหรอกค่ะ คนผิดคือโจกับผู้หญิงคนนั้นต่างหาก พี่ต้องขอบคุณคุณแพทด้วยซ้ำที่เอาความจริงมาบอกพี่ ไม่อย่างนั้นพี่คงโดนโจหลอกไปอีกนาน"
"ถ้าพี่โจรู้ว่าแพทเป็นผู้ช่วยพี่ศิล่ะก็ พี่โจคงรู้สึกไม่ดีกับแพทแน่ๆเลย อาจจะพาให้เสียงานไปเลยก็ได้"
"ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ พี่ไม่พูดหรอกว่าพี่ได้ภาพถ่ายมาจากไหน"
"ค่อยยังชั่วหน่อย ต่อไปแพทก็ยังคอยเป็นหูเป็นตาให้พี่ศิได้บ้าง ที่จริงพี่โจเขาก็รู้สึกผิดมากเลยนะคะ แพทเจอเขาตอนประชุมงานด้วยกัน ท่าทางเหมือนคนอมทุกข์ สีหน้าไม่มีความสุขเลย" แพทว่า
"ก็ดีแล้วค่ะ ปล่อยให้เขารู้สึกไป"
"แล้วพี่ศิไม่คิดจะคุยกับพี่โจดีๆเลยหรือคะ"
"ก็คิดค่ะ แต่มันยังไม่ถึงเวลา สามีภรรยากันยังไงก็ตัดกันไม่ขาด แล้วเราสองคนก็ยังรักกันอยู่ ที่ทำนี่ก็แค่ให้บทเรียนเบาะๆเท่านั้น"
"งั้นแสดงว่าแพทตัดสินใจถูกแล้ว ที่นัดพี่ศิออกมา"
แพทมองไปที่หน้าร้านก็เห็นโจเดินเข้ามาในร้าน ศศิหันไปเห็นโจแล้วก็แปลกใจ
"โจ นี่คุณแพทนัดโจมาด้วยหรือคะ" ศศิถาม
"ขอโทษนะคะที่ต้องเซอร์ไพรส์พี่ศิแบบนี้ แต่เพราะแพทอยากให้พี่สองได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกัน"
เมื่อโจเดินมาถึงโต๊ะ แพทก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินไป เธอยิ้มให้ศศิและขยิบตาให้โจอย่างรู้กัน
"แพทขอตัวก่อนนะคะ ขอให้ปรับความเข้าใจกันด้วยดี"
แพทออกไปจากร้านโดยปล่อยโจกับศศิไว้ด้วยกัน โจยื่นดอกกุหลาบสีขาวดอกนึงที่ซ่อนไว้ข้างหลังให้ศศิ
แพทออกมาจากร้านกาแฟ สุธีร์ขับรถเข้ามาจอดรับแพทพอดี แพทก้าวขึ้นรถ
"ไงยะ ภารกิจเพื่อนสนิทของหล่อน เรียบร้อยแล้วเหรอ" สุธีร์ถาม
แพทยิ้มมุมปากแทนคำตอบ แล้วสุธีร์ก็ออกรถไป
ศศิเดินหนีโจออกมาจากร้านกาแฟแห่งนั้นโดยไม่พูดอะไร โจรีบเดินตาม
"ศิ เดี๋ยวสิ นี่ใจคอจะหนีโจไปแบบนี้ตลอดหรือไง"
แพทกับสุธีร์คุยกันมาในรถขณะที่ขับรถออกมา
"นึกยังไงถึงมาช่วยให้เขาคืนดีกัน" สุธีร์ถาม
"พี่โจเขาโทรขอให้ช่วยน่ะสิ แต่ถึงไม่ช่วย สักวันเขาก็ต้องคืนดีกันอยู่ดี แล้วฉันจะไปป่วนให้เหนื่อยทำไม สู้ทำคะแนนเอาไว้ดีกว่า" แพทบอก
"อ๋อ ทำตัวเป็นเพื่อนที่แสนดีเพื่อซื้อใจกันว่างั้นเถอะ"
"ถูก"
"แล้วแกจะตีสนิทครอบครัวนี้ไปเพื่ออะไร เพราะเขาเป็นเพื่อนยัยซันเหรอ"
"นั่นก็เหตุผลนึง ตอนนี้ฉันคิดว่า... กับครอบครัวนี้มันน่าจะยังมีอะไรสนุกๆรออยู่อีกเยอะ"
ศศิเข้ามาในร้านจูดี้โดยมีโจเดินตามไม่ห่าง อ้อมกับต้นกล้า ข้าวหอม นั่งอยู่ในร้านแล้ว เด็กๆมองพ่อกับแม่ที่เพิ่งตามกันเข้ามา
โจพูดเศร้าๆ "เอาแต่หนีไปมาแบบนี้ โจเหนื่อยนะ"
"แล้วที่ผ่านมาคิดว่าศิไม่เหนื่อยหรือไง ตอนที่ศิคอยตามโจน่ะ มันเหนื่อยกว่านี้หลายเท่า รู้ไว้ซะด้วย" ศศิว่า
"โจเข็ดแล้ว ศิยกโทษให้โจเถอะนะ"
จูดี้อออกมาสมทบ
"ใช่ค่ะคุณศิ คุณโจเขาก็สำนึกผิดแล้ว ให้โอกาสคุณโจเขาเถอะ"
ศศิทำเป็นไม่ฟัง เธอหันหลังจะเดินออกจากร้าน แต่ซันกับเจนที่เพิ่งกลับมาจากทำงานพอดีช่วยกันยืนดักหน้าร้านไว้
"คุยกันให้รู้เรื่องก่อนเถอะพี่ศิ" ซันบอก
ซันกับเจนเข้ามาในร้าน เจนปิดประตูร้านแล้วแขวนป้าย “Close”ทันที
"ถ้าไม่เห็นแก่โจก็เห็นแก่ลูกๆเถอะนะศิ"
อ้อมกับข้าวหอมมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบาๆ อย่างมีแผน อ้อมนับเบาๆ
“5 4 3 2 action”
ข้าวหอมเริ่มร้องไห้กระซิกๆ "ฮือๆ"
ทุกคนในร้านหันไปมองข้าวหอม
ข้าวหอมแสดงทันที "คุณแม่ขา ข้าวหอมสงสารคุณพ่อ คุณแม่อยู่ที่นี่ยังมีป้าจูดี้กับน้าๆคนอื่นเป็น เพื่อน แต่คุณพ่อไม่มีใครอยู่ด้วยเลย"
ข้าวหอมเข้ามากอดศศิ
ศศิใจอ่อน "ข้าวหอมลูก"
ข้าวหอมพูดต่อ "ยกโทษให้คุณพ่อเถอะนะคะ ถ้าคุณแม่ไม่กลับ ข้าวหอมจะกลับไปอยู่กับคุณพ่อเอง"
"ผมก็จะไปกับคุณพ่อด้วย คุณแม่ครับเราอยู่ห้องน้าซันมาอาทิตย์นึงแล้วนะผมไม่อยากรบกวนน้าซันแล้ว ถึงน้าซันจะใจดี แต่เราก็ต้องเกรงใจน้าซันเขาด้วย" ต้นกล้าบอก
"เอาน่าพี่ศิ ให้โอกาสพี่โจเขาอีกสักครั้ง ถ้ายังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก คราวหน้าก็จัดการขั้นเด็ดขาดไปเลย" ซันเสนอ
"โจรู้ว่าดอกกุหลาบแค่ดอกเดียวทำให้ศิหายโกรธไม่ได้ วันนี้โจก็เลยเตรียมดอกกุหลาบช่อใหญ่ไว้ให้ศิแล้ว" โจบอก
แมนเข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีขาวออกมาจากหลังร้าน ศศิตะลึงเพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อน โจหยิบกล่องสร้อยเพชรออกมาให้ศศิ
"แล้วโจมีของขวัญมาขอโทษศิด้วยนะ"
ศศิเปิดกล่องออกดูก็เห็นสร้อยเพชรสวยหรู
ทุกคนตื่นเต้นแทน "ว้าว...”
ศศิใจอ่อน "โอเค ในเมื่อทำถึงขนาดนี้แล้ว กลับก็กลับ"
"จริงนะศิ" โจดีใจ
ศศิพยักหน้า ทุกคนพากันดีใจและโล่งใจ
ต้นกล้ากับข้าวหอมดีใจ "เฮ...”
"ขอแสดงความยินดีให้กับการคืนดีกันของพี่โจและพี่ศิด้วยจ้า" อ้อมพูด
ทุกคนพากันปรบมือ เจนเอนตัวไปกระซิบถามซันแบบแซวศศิ
"นี่พี่ศิเขาแพ้ใจพี่โจ หรือแพ้ประกายสร้อยเพชรเนี่ย"
"คงทั้งสองอย่าง" ซันบอก
ข้าวหอมหมดแววเศร้าจึงหันไปถามจูดี้
"เนียนป่ะ"
จูดี้ตีมือกับข้าวหอม "เอาตุ๊กตาทองไปเลยลูก"
"อ้าว.. นี่เตรียมวางแผนกันไว้แล้ว ใช่ไหมเนี่ย" ศศิเพิ่งรู้
ทุกคนยิ้มอย่างรู้กัน
หม้อ กระทะ ตะหลิว วางสุมกันระเกะระกะอยู่ในห้องครัวบ้านศศิราวกับเพิ่งผ่านศึกสงครามมา แต่โจกลับอารมณ์ดี เขาเพิ่งทำอาหารเสร็จจึงถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วยกถาดอาหารออกไป
โจยกอาหารมาวางที่กลางโต๊ะกินข้าวที่ตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีขาวดูพิเศษกว่าปกติ อาหารสองสามอย่างวางอยู่ก่อนแล้ว ศศิ ต้นกล้า และข้าวหอมมองอาหารแล้วมองหน้ากันอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ข้าวหอมโพล่งออกมา "ไม่อยากจะเชื่อ..”
"โจทำเองหมดนี่จริงๆเหรอ" ศศิถาม
"แน่นอนอยู่แล้ว ต้อนรับคุณแม่กับลูกๆกลับบ้านเราไง"
"ผมไปเห็นครัวมาแล้วครับคุณแม่ คุณพ่อคงทำกับข้าวเองจริงๆ เพราะตอนนี้ครัวคุณแม่เละยังกับโดนกองทัพมนุษย์ต่างดาวถล่ม" ต้นกล้าบอก
"หา จริงหรือโจ" ศศิตกใจ
โจยิ้มแหยๆ
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวศิเก็บครัวเอง"
"เดี๋ยวโจช่วยศินะ"
ทั้งคู่หันมาหวานใส่กันเหมือนเดิม
"งั้นมา กินข้าว กินเยอะๆเลยลูก" โจบอกลูกๆ
สี่คนพ่อ แม่ ลูก กินข้าวกันอย่างอบอุ่นและมีความสุข โจมองศศิด้วยความรัก
โจเตรียมส่งต้นกล้ากับข้าวหอมเข้าห้อง ศศิเดินตามมาด้วย
"พ่อไม่ได้ส่งต้นกล้ากับข้าวหอมเข้านอนมาตั้งอาทิตย์นึงแน่ะ พ่อคิดถึงเราสองคนมากรู้ไหมลูก"
"ถ้างั้น คืนนี้เรานอนด้วยกันสี่คนเลยดีไหมคะ" ข้าวหอมเสนอ
"เออ ก็ดีนะ" โจบอก
"ไม่เอาอ่ะ ผมโตแล้วนะ จะให้นอนเตียงเดียวกับพ่อแม่ได้ยังไง" ต้นกล้าบอก
"แน่ใจนะ ว่าไม่อยากนอนด้วยกัน"
ศศิมองลูกยิ้มๆ
สี่คนพ่อแม่ลูกนอนเบียดกันอยู่บนเตียง ต้นกล้ากับข้าวหอมนอนหลับอยู่ตรงกลางระหว่างโจกับศศิ โจกับศศิเอื้อมมือผ่านตัวลูกๆ มากุมมือกัน
"ต่อไปนี้ โจจะไม่ทำอะไรให้ศิโกรธอีกแล้ว โจสัญญา" โจพูด
ศศิยิ้ม ทุกคนหลับไปด้วยความอบอุ่น
วินนั่งอ่านหนังสือรออ้อมอยู่บนเตียง อ้อมขึ้นมานั่งข้างๆ เตรียมจะนอน วินหันไปมองอ้อม
"ท่าทางอารมณ์ดีนะจ๊ะ นี่ดีใจเรื่องพี่โจกับพี่ศิจนลืมปัญหาของตัวเองไปเลยใช่ไหม" วินรู้ทัน
"ก็ไม่ได้ลืมหรอกนะวิน แต่ไม่รู้ว่าจะไปคิดมากทำไม ในเมื่อหมอเขาให้รอ เราก็ต้องรอ ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้" อ้อมบอก
"วินก็ว่าอย่างนั้น ยังไงหม่าม๊าคงยังไม่ลากเราสองคนกลับบ้านกันเร็วๆนี้หรอก"
อ้อมซบไหล่วินด้วยความรัก
"อ้อมจะได้เอาเวลามาอยู่กับงานให้มากขึ้น อ้อมอยากออกหนังสือของตัวเองมานานแล้ว คราวนี้จะได้ตั้งใจกับมันอย่างเต็มที่ซะที"
"ดีแล้วจ้ะ" วินยิ้ม
อ่านต่อตอนที่ 8