xs
xsm
sm
md
lg

สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 5

ที่ลานจอดรถ เมษารู้สึกเหมือนมีคนตาม เดินมาหยุดชะงักคิด เดินอีกสองก้าวแล้ววิ่งหลบไปที่รถคันหนึ่ง ขั้นเทพเดินตามหา จนมาหยุดที่มุมหนึ่ง หันมาก็เจอเมษายกปืนจ่อหน้า

“นี่คุณเองหรือ”
“ก็ผมน่ะสิ เรื่องอะไรมาชักปืนจ่อหน้าผม”
“คุณตามฉันมาทำไม”
เมษาลดปืนลง
“ใคร ใครตามคุณ”
“อย่ามาโกหก ฉันรู้นะว่าคุณแอบตามฉันมาตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ผมว่าคุณเนี่ยหลงตัวเองมากเกินไปแล้วนะ อยู่ ๆ ผมจะมาตามคุณทำไม อ้อ นี่คุณคงนึกว่าผมแอบชอบคุณงั้นสิ ไม่ ไม่ ผมไม่ชอบผู้หญิงแนวคุณ”
“พอที อย่ามาบ่ายเบี่ยงพูดเรื่องอื่น ไม่ตามฉันแล้วมาที่นี่ทำไม”
“ผมมาเช่าพระ”
ขั้นเทพจะล้วงเข้าไปในคอเสื้อเพื่อหยิบสร้อยพระออกมาโชว์ เมษามองตกใจ
“อย่านะ”
“อะไร”
“คุณจะทำอะไร”
“ผมจะหยิบพระให้คุณดูไง นี่ผมเพิ่งเช่าองค์นี้มา”
ขั้นเทพหยิบพระในคอออกมาโชว์ให้ดู
“คุณพูดจริงหรือ”
“ก็จริงน่ะสิ”
“ฉันไม่เชื่อคุณหรอก”
“งั้นดูนี่เลยใบเสร็จ”
ขั้นเทพส่งใบเสร็จให้
“พอใจรึยัง”
“แต่ฉันไม่อยากเชื่อนะว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ฉันมาเจอคุณที่นี่”
“ผมว่าคุณคิดอะไรไม่ดีกับผมรึเปล่า”
“ไม่ดีอะไร”
“คุณอาจจะแอบชอบผมแล้วไม่กล้าที่จะพูดตรง ๆ ก็เลยหาเรื่องมาเพื่อจะคุยกับผม”
“เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว”
“ผมไม่ได้เพ้อเจ้อนะ ชอบผมก็บอกมาตรง ๆ เถอะ ผมไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าคุณบอกมาตรง ๆ ผมจะรับคุณไว้พิจารณาอันดับแรก”
เมษาหมดความอดทนหยุดเดินหันมามอง
“ว่าไง ชอบผมใช่มั้ยล่ะ พูดมาเลย”
เมษาโกรธ ขั้นเทพยิ้มให้
“ว่าไง ถ้าไม่กล้าพูด กระซิบก็ได้”
ขั้นเทพเอียงหูให้ เมษาเงื้อมือจะตบหน้า แต่ชะงัก เพราะเห็นใครคนหนึ่งยกปืนยาวเล็งมา เธอโผเข้ากอดขั้นเทพ ล้มลง กระจกรถกระจาย
“นี่มันอะไรกันเนี่ย”
“มีคนจะยิงคุณด้านหลัง”
เมษากระชากปืนลุกจะยิง คนร้ายยิง เมษายิงใส่ มือปืนหลบ ม้วนตัวไปอีกฝั่งของรถแล้วยิงใส่ ขั้นเทพรวบเมษาหลบ แล้วชักปืนยิงใส่ มือปืนหลบ เมษาม้วนตัวหลบหลังรถ
“คุณยิงโต้ไว้นะ ผมจะอ้อมไปด้านหลัง”
“หนึ่ง สอง”
เมษาลุกยิง มือปืนวิ่งหลบ เมษาวิ่งไล่ตาม ขั้นเทพวิ่งกวดด้านข้าง มือปืนหลบ แล้วโผล่ออกมาจากอีกมุมยิงใส่ขั้นเทพ เมษายิงสกัด มือปืนกระหน่ำยิงใส่เมษา แล้วโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ไป ขั้นเทพกับเมษายิงตามหลังจนหมดกระสุน
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
“ฉันไม่เป็นไร”
เมษาขยับเดินก้าวหนึ่ง แล้วชะงัก
“อุ๊ย”
“นี่ขาคุณโดนยิงหรือ”
เมษาจับดูแผล
“นิดหน่อย”
“นิดหน่อยอะไร เลือดไหลขนาดนั้น ผมว่าไปหาหมอก่อน”
“ไม่ต้อง เรื่องแค่นี้ฉันจัดการเองได้”
เมษาขยับจะเดิน
“โอ๊ย”
ขั้นเทพหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้
“อุดเลือดก่อน”
เมษารับผ้าไป ขั้นเทพรวบตัวอุ้ม
“นี่คุณจะทำอะไรเนี่ย”
“ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”
“ไม่ต้อง ปล่อยฉัน”
“ปล่อยคุณก็ตกน่ะสิ ไม่ต้องกลัวหรอก ผมไม่ได้ชอบคุณ ที่ทำเนี่ยไม่อยากให้คุณตาย”

ขั้นเทพอุ้มเมษาเดินไป เมษามองประหม่า

ขั้นเทพพาเมษามาทำแผลที่โรงพยาบาล หมอปิดผ้าพันแผลให้ พลางสั่ง

“เอาล่ะ เรียบร้อย อย่าให้แผลโดนน้ำนะ นี่ผมเอาพลาสเตอร์ใสแปะไว้ให้แล้ว วันสองวันนี่ก็อย่าเพิ่งเดิน แผลจะได้ไม่อักเสบ”
“ขอบคุณค่ะ”
“เดี๋ยวผมจะไปบอกแฟนคุณให้”
“คุณหมอคะ”
“ว่าไง”
“เขาไม่ใช่แฟนฉันค่ะ”
“แต่เมื่อกี้เขาบอกพยาบาลว่าคุณเป็นแฟนเขานะ”
“เขาพูดอย่างนั้นเลยหรือคะ”
“ครับ แล้วตกลงคุณสองคนเป็นแฟนกันมั้ยครับ”
“ไม่ได้เป็นค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้นเขาคงต้องแอบชอบคุณแล้วล่ะ”
หมอบอกยิ้ม ๆ แล้วเดินออกไป
“ตาบ้านี่ เที่ยวไปบอกใคร ๆ ว่าเป็นแฟนเรา”
เมษาขยับจะลงจากเตียง ขั้นเทพเปิดประตูเข้ามา
“คุณเข้ามาทำไม”
“ก็เมื่อกี้หมอบอกผมว่าไม่อยากให้คุณเดิน”
“แล้วทำไม”
“ผมก็จะมาอุ้มคุณไปที่รถไง”
ขั้นเทพทำท่าจะเข้ามาอุ้ม เมษาถอยตัวหลบ
“คุณเสียสติไปแล้วหรือ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ ไม่ต้องมาอุ้มฉัน เดี๋ยวฉันจะให้พยาบาลเข็นวีลแชร์ไปส่ง”
“งั้นเดี๋ยวผมเข็นไปให้”
ขั้นเทพหยิบรถเข็นมาขยับให้
“ไม่ต้อง”
“คุณลืมไปแล้วหรือว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน”
เมษามองหน้าขั้นเทพอย่างหมดความอดทน
“นี่ฉันยังไม่ได้ตบปากคุณนะ”
“ตบปากผมเรื่องอะไร”
“คุณเที่ยวไปบอกหมอบอกพยาบาลว่าฉันเป็นแฟนคุณงั้นหรือ”
“ใครบอก ผมยังไม่ได้พูดเลยนะ อ๋อ ที่แท้ก็คุณนั่นเองที่บอกหมอว่าเป็นแฟนผม มิน่าเมื่อกี้หมอออกไปตำหนิผมว่าทำไมปล่อยให้แฟนโดนยิง”
“หมอพูดอย่างงั้นจริงหรือ”
“ก็จริงสิ ถ้าคุณไม่เชื่อเดี๋ยวถามดูก็ได้ ผมจะไปตามหมอให้”
“ไม่ต้อง พอได้แล้ว คุณจะไปไหนก็ไปเลยไป”
“ถ้าผมไปแล้วใครจะไปส่งคุณ”
“ฉันนั่งแท็กซี่ไปเองได้”
เมษาขยับตัวลงนั่งรถเข็น
“ผมว่าคุณอย่าทำให้เรื่องมันยุ่งเลย ไป”
ขั้นเทพคว้ารถเข็นให้
“นี่”
“ไปเถอะน่า ไม่ต้องพูดมาก”

ขั้นเทพเข็นรถออกไปจากห้อง

ระหว่างที่เข็นรถมาตามทางในโรงพยาบาล ขั้นเทพก็ถามขึ้น

“คุณหิวมั้ย”
“ไม่”
“แต่ผมหิวมากนะ ตั้งแต่เที่ยงยังไม่ได้กินอะไรเลย นี่สองโมงกว่าแล้ว ผมว่าแวะกินอะไรรองท้องก่อนดีมั้ย”
“ไม่ ถ้าคุณหิวคุณก็กินคนเดียว ไปส่งฉันขึ้นแท็กซี่ก็พอแล้ว”
ขั้นเทพหยุดเข็นรถ
“ผมถามคุณจริงๆ คุณกลัวว่าถ้าอยู่ใกล้ผมนาน ๆ จะห้ามใจตัวเองไม่ได้ใช่มั้ย”
เมษาเหลือบมองหน้าขั้นเทพแล้วหันกลับ ไม่อยากโต้ตอบ ขั้นเทพอมยิ้ม เข็นต่อ
“ตั้งแต่ฉันเจอผู้ชายมา ฉันว่าคุณเนี่ยหลงตัวเองมากที่สุด”
“แสดงว่าผมอยู่ในความสนใจของคุณจริง ๆ คุณถึงสามารถแยกแยะผมออกจากผู้ชายคนอื่นได้”
“คุณนี่มัน”
“ทำไม ผมเป็นยังไงหรือ”
“ฉันไม่อยากพูดกับคุณแล้ว”
เมษาเบือนหน้ากลับ ขั้นเทพอมยิ้ม แล้วชะงัก เมื่อเห็นชายชาติเดินเข้ามา
“น้องเม นี่เป็นอะไรมากรึเปล่า”
“แค่กระสุนถากขาไปหน่อยค่ะ”
“แล้วนายรู้ได้ไงว่าผู้กองเมถูกยิง”
“นั่นสิ ทำไมพี่ชายถึงรู้เรื่องนี้”
“อ๋อ พี่มีเพื่อนเป็นหมออยู่ที่นี่ เขาบอกเห็นเมโดนยิงแล้วมารักษาที่นี่ พี่ก็เลยรีบมา ขอบใจมากนะเทพที่ช่วยดูแลน้องเม เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเอง”
ชายชาติเข้าไปคว้ารถเข็น ขั้นเทพปล่อยมือ
“ก็ดีเหมือนกัน”
ชายชาติขยับจะเข็นรถออก
“ผู้กองเม”
“มีอะไรเทพ”
เมษามองหน้าขั้นเทพ
“ถ้าคุณหายดีแล้ว ผมอยากคุยกับคุณเรื่องที่เราถูกลอบยิงวันนี้”
“ได้ แล้วฉันจะโทรหาคุณ”
“แค่นี้ใช่มั้ย”
ชายชาติถามตัดบท ขั้นเทพพยักหน้า ชายชาติเข็นรถไป ขั้นเทพเทพหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร
“ฮัลโหล มีมี่”
“ค่ะผู้กอง”
“ให้คนของเราไปที่ลานจอดรถริเวอร์ซิตี้ ขอเทปกล้องวงจรปิดวันนี้หน่อย”
“ค่ะ”
ขั้นเทพปิดโทรศัพท์เดินออกไป

เมษานั่งอยู่ในที่พัก เหม่อคิดถึงเหตุการณ์ที่ถูกลอบยิง ชายชาติถือถ้วยชาเข้ามาให้
“มาแล้วจ้ะ ชาร้อน”
“ขอบคุณค่ะ”
“พี่ว่าน้องเมน่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ดีกว่ามั้ย ท่านจะได้ดูแลระหว่างที่น้องเมเจ็บ”
“เมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แล้วพี่ชายก็ห้ามเล่าเรื่องนี้ให้แม่กับพ่อเมฟังนะ เมไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง”
“จ้ะ แล้วเมไปทำอะไรที่นั่นกับไอ้เทพ”
“เมบังเอิญเจอกับเขาที่นั่น”
ชายชาติพยักหน้ารับรู้
“พี่ชายพอจะรู้มั้ยคะว่าผู้กองเทพมีเรื่องอะไรกับใคร ทำไมถึงมีคนพยายามตามฆ่าเขา”
“ว่าไม่ได้ ไอ้เทพมันก็ไม่ใช่คนดีนะ”
เมษามองชายชาติ
“มันคงจะไปขัดแย้งอะไรกับใครเขา พี่ว่าเมพยายามอยู่ห่าง ๆ มันไว้ดีกว่า จะได้ไม่โดนลูกหลง”
“เขามีเรื่องอะไร เล่าให้ฟังได้มั้ย”
“พี่เองก็ไม่รู้อะไรมาก แต่เคยได้ยินพรรคพวกคุยกันว่าไอ้เทพมันไปร่วมมือกับพวกลักลอบค้าโบราณวัตถุ แล้วคงหักหลังกันเรื่องเงิน”
“แต่เท่าที่เมเห็น เมว่าเขาดูไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น”
“ก็เพราะเมชอบมองคนในแง่ดี พี่ถึงเป็นห่วงกลัวว่าจะถูกหลอก”
“พี่ชายพูดยังกะเมเป็นเด็กซื่อ เมเป็นตำรวจนะคะ”
“พี่ขอโทษ แต่ถึงยังไงพี่ก็อยากให้เมอยู่ห่างไอ้เทพไว้”
“ค่ะ”
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ชายชาติมองเบอร์แล้วชะงัก ฝืนยิ้ม

“ขอโทษนะจ๊ะ ฮัลโหล”

สถิตย์ยุทธพูดโทรศัพท์อยู่ที่ห้องทำงาน อารมณ์ไม่ดีนัก

“นายพลาดเป็นครั้งที่สองแล้วนะ”
“ผมทราบแล้วครับ”
“ไม่ใช่แค่รับทราบนะ นายต้องรับผิดชอบ แล้วฉันก็หวังว่าครั้งที่สามนายจะไม่พลาดอีก”
“ครับ ผมรับรอง”
ชายชาติปิดโทรศัพท์หน้าเครียดหันมาเห็นเมษามองอยู่
”มีเรื่องอะไรหรือคะ”
“ไม่มีอะไร พี่ต้องกลับไปที่หน่วยก่อนนะ พอดีมีงานสำคัญเข้ามา”
“ไปเถอะค่ะ”
“เมอยากได้อะไรมั้ย เดี๋ยวเย็น ๆ พี่จะซื้อเข้ามาให้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวเมก็จะนอนพักแล้ว”
“ให้พี่มาอยู่เป็นเพื่อนมั้ย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เมอยู่ได้”
ชายชาติเข้ามาจับมือเมษา
“งั้นพี่ไปนะ”
เมษาพยักหน้า ชายชาติเดินออกไป
“ทำไมพี่ชายดูเครียด ๆ”
เมษามองอย่างสงสัย

คืนนั้น ไมค์ โจ๊กเกอร์ นอนมองเพดานก่ายหน้าผาก นึกถึงตอนยืนเบียดหลบฝนอยู่กับปึก
“ทำไมอยู่ ๆ เราคิดแต่เรื่องของหนูปึก ฮื้อ ไม่นะ เราไม่ควรคิดเลยเถิด เพราะหนูปึกมันรักเราเหมือนพี่ชาย เราจะไปรักมันแบบ ไม่ดี ไม่ดี ลืม ลืมได้เลย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ บอกตัวเองเสียงดัง ขั้นเทพเดินเข้าบ้านมาชะงักมอง
“โวยวายอะไร”
“เปล่า แค่พยายามลืมบางเรื่องออกไปจากสมอง”
“เรื่องผู้หญิงล่ะสิ”
“คิดถึงฉันไปในทางที่ดีบ้างเถอะผู้กอง แล้วนี่หายไปไหนมาทั้งวัน”
“วันนี้มีคนพยายามฆ่าฉัน”
“เฮ้ย พูดจริงหรือพูดเล่น”
“จริงสิ เรื่องนี้ล้อเล่นได้หรือ”
“ฝีมือน้องสวยเสมอใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ เธอช่วยชีวิตฉัน ถ้าไม่ได้เธอ วันนี้ฉันไม่ได้กลับมาเจอหน้านายแล้ว”
“นี่มันยังไงกัน ไหนเมื่อเช้าบอกสงสัยเธอ”
“แต่ตอนนี้ฉันว่าไม่ใช่เธอแล้วที่คิดจะฆ่าฉัน”
“แล้วใคร”
“ฉันยังไม่รู้”
“เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่นะ ทำไมอยู่ ๆ ถึงมีคนอยากฆ่าผู้กอง”
ขั้นเทพถอนใจ คิดเช่นกัน
“นี่ผู้กอง”
“อะไร”
“ขอปืนสักกระบอกได้มั้ย”
“นายจะเอาไปทำอะไร”
“ฉันก็ต้องเอาไว้ป้องกันตัวบ้างสิ ถ้ามันพยายามฆ่าผู้กองสองครั้งไม่สำเร็จ มันต้องมีครั้งที่สามแน่”
“แต่นายไม่ใช่ตำรวจ ไม่มีสิทธิ์พกปืน”
“แล้วถ้ามันบุกมาที่บ้านเรา จะให้ทำไง เอาไม้ตำน้ำพริกตีมันหรือ”
ขั้นเทพมองหน้า
“ฉันก็กลัวตายนะ”
ขั้นเทพถลกขากางเกงดึงปืนสั้นที่เหน็บซ่อนไว้ที่ขาส่งให้
“เอา นายใช้เป็นนะ”
“สบายมาก”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ รับปืนมาควงเล่น ปืนลั่นเสียงดังปัง ทั้งสองสะดุ้ง
“ขอโทษ ขอโทษ ไม่คิดว่าไกมันจะอ่อนขนาดนี้”
ขั้นเทพถอนใจเดินขึ้นห้อง
“เที่ยวนี้ล่ะ ได้บู๊เต็มที่หน่อย”

ไมค์ โจ๊กเกอร์ จับปืนซ้อม ยกเหวี่ยงหมุนซ้าย หมุนขวา ทำท่ายิง
 
อ่านต่อหน้า 2

สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 5 (ต่อ)

วัฒนานั่งอยู่ที่บ้านกับประไพพรรณ ดูนาฬิกาแล้วหันมาถามภรรยา

“นี่ได้เวลาไปแล้วนะ แล้วนังปึกล่ะ”
“ฉันให้มันไปเติมหน้าหน่อย เมื่อกี้มันไม่ได้แต่งหน้า หน้าจืดไป”
“หวังว่าเควิน สมิธ คงชอบมันนะ”
“แหมคุณ ปึกมันก็หน้าตาไม่เลวนะ แถมยังหุ่นดีอีก ฉันบอกให้มันใส่ชุดโป๊ ๆ หน่อย”
วัฒนาจะหยิบแก้วน้ำ ก็ชะงัก เมื่อเห็นปึกใส่ชุดเซ็กซี่ เดินเข้ามาหา ยิ้มให้วัฒนาอย่างเขิน ๆ ประไพพรรณมองอย่างพอใจ วัฒนามองตาไม่กระพริบ จนประไพพรรณต้องตีขาให้สติ
“คุณ”
วัฒนาสะดุ้งฝืนยิ้ม
“คุณนายคะ หนูปึกแต่งหน้าแล้วเป็นยังไงบ้างคะ แล้วชุดที่คุณนายให้มามันสั้นไปมั้ยคะ”
“ไม่หรอก ฉันว่าแกใส่แล้วสวย ใช่มั้ยคุณ”
“ใช่จ้ะ”
วัฒนายิ้มให้ ประไพพรรณมองค้อน
“แต่หนูว่ามันดูโหวง ๆ นะคะ”
“ไม่โหวงหรอก สวยแล้ว ฉันว่าเราไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสาย”
ประไพพรรณกับวัฒนาเดินออกไป ปึกมองกระจก
“เจ้าประคู้น ขอให้บักสีดาเห็นข้อยแล้วปิ๊งข้อยทีเถอะ”
ปึกยกมือท่วมหัวด้วยความหวัง

ขั้นเทพพาไมค์ โจ๊กเกอร์ มาที่มูลนิธิอาจารย์คึกฤทธิ์ ทั้งสองเดินขึ้นบันไดตึกไป
“ทำไมเราต้องนัดเจอที่นี่”
“ฉันไม่ต้องการให้ใครรู้น่ะสิว่าเรามาเจอใคร”
ขั้นเทพเดินนำเข้าไปในห้องมูลนิธิ ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินตามเข้ามามองคำเขียนจากป้าย แล้วยกมือไหว้
“คำของอาจารย์คึกฤทธิ์นี่เจ็บได้ใจจริง ๆ”
“นายเกิดทันอาจารย์คึกฤทธิ์หรือ”
“ถึงไม่ทัน แต่ฉันก็อ่านหนังสือออกนะ ท่านเป็นนายกที่เก่งคนหนึ่งของเมืองไทย ถือว่าเป็นปูชนียบุคคล”
“ไม่คิดว่านายจะสนใจเรื่องการเมืองกับเขาเหมือนกัน”
ขั้นเทพเดินเข้าไปด้านใน ดาบยิ้มซึ่งเป็นสายตำรวจยืนอ่านที่ผนัง มีตำรวจนอกเครื่องแบบสองนายยืนอยู่ด้วย ขั้นเทพมองซ้ายขวา ดาบยิ้มหันมาเห็น
“หวัดดีครับผู้กอง”
ขั้นเทพพยักหน้ารับ หันไปบอกลูกน้อง
“นายสองคนไปเฝ้าหน้าประตู ถ้าใครจะเข้ามาโทรบอกด้วย”
“ครับ
ดาบยิ้มมองไมค์ โจ๊กเกอร์
“นี่ไมค์ โจ๊กเกอร์ เขาเป็นสายให้เรา นี่ดาบยิ้ม”
“หวัดดีครับ”
“ที่บอกว่ามีข่าวดีคืออะไร”
“หลวงพ่อคำเกลี้ยงอยู่กับเสี่ยเล็กจริง ๆ ครับ”
“แล้วดาบได้มารึยัง”
“ยังครับ ผมเสนอราคาให้มันสิบห้าล้าน”
“หา เศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงราคาสิบห้าล้านเชียวหรือ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ตกใจ
“ใช่ครับ”
“แล้วมันสนใจมั้ย”
“ผมว่ามันสนใจมาก เพียงแต่มันดึงเวลาไว้ตามฟอร์ม”
“แล้วมันจะให้คำตอบเมื่อไหร่”
“อีกสองวันครับ”
“แต่ดาบยิ้มต้องระวังตัว อย่าให้มันจับได้นะ ครั้งที่แล้วฉันกับผู้กองเทพเกือบไม่รอด”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมเข้าไปทางสายน้องเมียมัน แล้วตอนนี้มันก็เชื่อว่าผมเป็นเสี่ยมาจากกรุงเทพ”
“ถ้ามันเซย์เยสเมื่อไหร่ ดาบรายงานฉันทันทีนะ”
“ครับ”
“งั้นเราแยกกันตรงนี้”
“ครับ”
ขั้นเทพพาไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินออกไปหน้าประตู มองซ้ายขวาไม่มีใคร ก็เดินลงบันไดมา
“ฉันชักชอบการเป็นตำรวจแล้วนะ”
“ทำไม”
“มันดูลึกลับซ่อนปม จะเจอกันทีต้องหาที่ลึกลับปลอดภัยไม่ให้ใครรู้ ยังกะในหนังสายลับ”
“สายลับในหนังเขาตายแล้วฟื้น แต่ของเราตายแล้วต้องลงหลุมเลย”
ขั้นเทพหยิบแว่นดำออกมาใส่ เดินออกไป
“ผู้กองนี่พูดจาขู่เราตลอด นึกว่าเรากลัวตายงั้นหรือ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ หยิบแว่นดำขึ้นมาจะใส่เลียนแบบขั้นเทพ ก้านแว่นแทงลูกตา เขาสะดุ้ง
“อุ๊ย ติดมุกคาเฟ่อยู่เรื่อย”

ไมค์ โจ๊กเกอร์ หัวเราะกับตัวเอง

วัฒนาขับรถเข้ามาจอดที่บ้านเควิน รปภ.ถือเปิดประตูรถให้ วัฒนาก้าวลงมากับ

ประไพพรรณ ปึกนั่งหน้าคู่คนขับเปิดประตูลงมา ปึกมองบ้านอย่างตื่น ๆ รปภ.เดินนำเข้าไป เควินนั่งรออยู่ในห้องรับแขก
“เชิญ ๆ คุณวัฒนา”
“สวัสดีครับ”
“เชิญคุณพรรณ”
“สวัสดีค่ะ”
เควินมองปึก ปึกมองอย่างประหม่า
“แล้วนี่ใครครับ”
“นี่หนูปึกค่ะ หนูปึกสวัสดีคุณเควินสิ”
“สวัสดีค่ะคุณเควิน”
“สวัสดีครับหนูปึก”
เควินยื่นมือให้ ปึกมองงง ๆ วัฒนารีบบอก
“หนูปึกจับมือกับคุณเควินสิ”
“ขอโทษค่ะ”
ปึกยื่นมือจับ เควินบีบมือ ปึกพยายามยิ้มแต่ใจเต้น เควินมองจ้องส่งสายตาเจ้าชู้ ประไพพรรณเหลือบมองวัฒนา วัฒนายิ้มพอใจ

เวลาต่อมา ทั้งหมดนั่งพร้อมกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร เควินยกแก้วเครื่องดื่มขึ้น
“ดื่มให้กับว่าที่เจ้าสาวของผม”
ปึกสะดุ้งอาย
“มาชนแก้วกันหน่อย”
ทั้งกลุ่มชนแก้วกัน ปึกนั่งนิ่ง เควินชวน
“อ้าว หนูปึกมาเร็ว”
“หนูอายน่ะค่ะ”
“ไม่ต้องอาย เดี๋ยวเราก็จะได้เป็นสามีภรรยากัน”
เควินบอกปึกอย่างหื่นกระหาย ปึกยิ่งประหม่า
“คุณนายคะ”
“สมใจเราแล้วไม่ใช่หรือ”
“มา ดื่มให้หมดเลยหนูปึก”
“ค่ะ”
ปึกยกดื่ม เควินมอง ประไพพรรณรีบถาม
“ชอบของขวัญชิ้นนี้มั้ยคะ”
“ชอบมาก”
“ถ้าอย่างงั้น คืนนี้ขอให้มีความสุขนะครับคุณเควิน”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ปึกมอง เควินส่งจูบให้ ปึกเขินอาย

ไมค์ โจ๊กเกอร์ นั่งมองโทรศัพท์ นิ้วเขี่ยโทรศัพท์อย่างเหม่อลอย นึกถึงที่ปึกโทรมาหาเมื่อเช้า

“อ้ายไมค์ วันนี้หนูปึกสิไปเป็นเมียฝรั่งแล้วเด้อ”
“วันนี้หรือ”
“แม่นแล่ว อวยพรหนูปึกหน่อยเด้อ”
“อ้ายก็ขอให้เจ้าโซคดี ได้เงินแสนอย่างที่หวัง”
“ขอบใจอ้ายไมค์หลายๆ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไร
“หรือเราควรจะทัดทานหนูปึก ไม่ให้เธอไปเป็นเมียฝรั่ง”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ตัดสินใจโทรศัพท์หาปึก แต่เสียงปลายสายไม่มีสัญญาณ เขากดซ้ำ แต่ยังไม่มีเสียงสัญญาณเหมือนเดิม ไมค์ โจ๊กเกอร์ ปิดโทรศัพท์ แค้นใจตัวเอง
“ทำไมเราไม่ห้ามเธอตั้งแต่แรกวะ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ทุบโต๊ะโกรธตัวเอง ขั้นเทพเดินเข้ามามอง แปลกใจ
“เป็นอะไร”
“เปล่า ฉันจะออกไปขับรถเล่นหน่อยนะผู้กอง”
ขั้นเทพพยักหน้างง ๆ ไม่รู้ว่าไมค์ โจ๊กเกอร์ เป็นอะไร

ประไพพรรณพาปึกเดินมาส่งที่หน้าบันไดขึ้นห้อง ภายในบ้านเควิน
“ฉันส่งแกแค่นี้นะ”
“แล้วคุณนายจะกลับเลยหรือคะ”
“ก็กลับสิ ฉันจะอยู่ทำไม”
“แต่ว่าหนู เอ่อ”
“อย่าบอกนะว่าแกเปลี่ยนใจ”
“คือ หนูเพียงแต่”
“แกไม่ต้องตื่นเต้นตกใจหรอก ถ้าแกทำให้คุณเควินเขารักและมีความสุข เขาจะให้เงินทองแกมากมาย แกจะได้มีเงินใช้หนี้ไง”
“แต่หนูอายน่ะค่ะ”
“อายเอยอะไรกัน ก็บอกเขาว่าอย่าเปิดไฟ ไป ขึ้นไป ห้องสุดท้ายนั่นล่ะ ไปอาบน้ำอาบท่านอนรอเขาอยู่ข้างบน”
“ค่ะ”
“จำไว้นะ ห้ามขัดใจเขา เข้าใจรึเปล่า”
“ค่ะ”
ปึกเดินขึ้นบันไดไป ประไพพรรณมองตาม ปึกหันกลับมามอง ประไพพรรณพยักหน้าให้ ปึกหันเดินเลี้ยวขึ้นไป ประไพพรรณถอนใจ พลันเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอกดรับสาย
“ฮัลโหล ว่าไงลูก”
“อาทิตย์นี้หนูอยากให้หนูปึกมาทำความสะอาดที่ห้องให้หน่อยน่ะค่ะ”
“เอ่อ คือ ปึกมันไม่อยู่แล้วล่ะลูก”
“อ้าว ไปไหนคะ ลาออกไปแล้วหรือคะ”
“ใช่จ้ะ มันได้งานใหม่น่ะก็เลยลาออกไปเมื่อเช้านี้”
“หรือคะ”
“ใช่จ้ะ แม่บอกแล้วไงว่านังพวกนี้มันเลี้ยงไม่เชื่อง อยากไปก็ไป อยากมาก็มา”
“แต่แปลกนะคะ วันก่อนคุยกันปึกยังบอกว่าชอบอยู่ที่บ้านเรา”
“ไปเชื่อมันลูก มันได้งานใหม่เจอผู้ชายมันก็ไป”
“น่าเสียดายนะคะ หนูว่าเขาดูเป็นเด็กดี”
“ลูกน่ะเชื่อคนง่าย คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจหรอก”
“งั้นแค่นี้นะคะแม่”
“จ้ะ”

เมษาปิดโทรศัพท์อย่างแปลกใจ ว่าทำไมปึกไม่บอกเธอว่าจะลาออก

ปึกนั่งอยู่ในห้องนอนบ้านเควิน มองรอบห้องแล้วลุกเดินไปมองหน้าต่าง เดินไปมามองเตียงอย่างว้าวุ่น

“โอ๊ย ทำไมตื่นเต้นจัง นี่หัวใจจะหลุดออกมาข้างนอกแล้วนะเนี่ย”
ประไพพรรณเดินเข้ามาหาเควินกับวัฒนา
“ฉันส่งหนูปึกขึ้นไปรอบนห้องนอนแล้วนะคะคุณเควิน”
“ต้องขอบคุณคุณพรรณกับคุณวัฒนามากนะ ที่ดูแลเอาใจใส่ผมดีขนาดนี้”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ของเล็ก ๆ น้อย ๆ เราเองก็ทำธุรกิจกันมานาน ขอให้คุณเควินพอใจและซื้อสินค้าจากเราคนเดียวก็พอ”
“มันต้องเป็นอย่างงั้นอยู่แล้ว ผมเองก็ไม่ได้ซื้อของจากใครนอกจากคุณวัฒนากับคุณพรรณ”
“ขอบคุณค่ะ”
“งั้นผมลาล่ะครับ คุณเควินจะได้เข้าหอ”
“อย่าลืมเรื่องหลวงพ่อคำเกลี้ยงล่ะ ผมซีเรียสนะ”
“ไม่ลืมหรอกครับ วันสองวันนี้ได้เรื่องแน่”
“ลาล่ะค่ะ ขอให้มีความสุขนะคะ”
สองสามีภรรยาเดินออกไป เควินมองขึ้นไปบนห้อง แววตาหื่น

ปึกเดินไปเดินมาในห้องอย่างว้าวุ่นใจ ทิ้งตัวลงนั่ง
“หวังว่าเราจะตัดสินใจถูกนะที่ยอมเป็นเมียฝรั่ง เราทำเพื่อพ่อกับแม่”
ปึกหลับตาสูดหายใจ ประตูเปิดแกร๊ก ปึกลืมตา เห็นเควินเดินเข้ามา ยิ้มให้ ปึกสะดุ้งมอง
ยิ้มแหย เควินปิดประตู กดล็อค แล้วเก้าวเดินเข้ามาหา ปึกขยับอย่างประหม่า เควินเดินมาหยุดลงนั่งข้าง ปึกตัวสั่นฝืนยิ้มให้ ขยับตัวถอย เควินคว้ามือไว้
“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก”
“คือ”
เควินเชยคางปึกขึ้นมามอง
“เธอนี่สวยมากนะ”
เควินเคลื่อนหน้าเข้ามาจะจูบ ปึกยกมือจับหน้าเขาไว้
“เอ่อ เดี๋ยวค่ะ”
“มีอะไรจ๊ะ”
“คุณนายบอกว่าคุณเควินรวยมากใช่มั้ยคะ”
“เธอต้องการเงินหรือ”
“ค่ะ”
“ต้องการเท่าไหร่”
“ก็ ห้าแสนค่ะ”
“ห้าแสน เธอพูดจริงหรือว่าล้อฉันเล่น”
“หนูไม่ได้ล้อเล่นค่ะ หนูจะเอาไปไถ่นาให้พ่อแม่ค่ะ”
“หึ หึ หึ”
“คุณหัวเราะทำไมคะ คุณไม่เชื่อหรือ หนูไม่ได้โกหกนะคะ ที่หนูยอมมาเป็นเมียคุณเพราะต้องการเงินไปใช้หนี้จริง ๆ นะคะ”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อ ที่ฉันหัวเราะเพราะขำในความซื่อของเธอ ไม่เคยมีผู้หญิงขอเงินฉันเยอะขนาดนี้”
“หมายความว่าคุณจะไม่ให้หรือคะ”
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ให้ล่ะ”
“ถ้าคุณไม่ให้ หนูปึกก็จะกลับ”
ปึกลุกขึ้น เควินคว้าแขนไว้
“เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหน เรายังคุยกันไม่จบเลย ฉันก็แค่ถามดู”
ปึกมองหน้าเควิน
“ตกลงฉันจะให้เงินเธอห้าแสน”
“คุณพูดจริงหรือคะ”
“จริงสิ แต่มีข้อแม้นะ”
“อะไรหรือคะ”
“เธอจะต้องอยู่กับฉันไปตลอดชีวิตนะ”
“ตลอดชีวิตเลยหรือคะ”
“ใช่ ว่าไงจ๊ะ หนูปึกคนสวย”
เควินจับคางจะจูบ ปึกดึงหน้าถอยหนี
“แต่คุณต้องให้เงินปึกก่อนนะคะ ปึกถึงจะยอมเป็นเมียคุณ”
“ก็ได้”
เควินเดินไปหยิบเงินจากลิ้นชักมาวางที่ตักปึก
“นี่เงินของเธอ”
ปึกกำเงิน ยิ้มดีใจ
“นี่เงินของฉันจริง ๆ หรือ”
“ก็จริงน่ะสิ”
“ฉันมีเงินไปไถ่นาให้พ่อกับแม่แล้ว”
เควินยิ้มพอใจ ปึกยิ้มกอดเงิน
“เอาล่ะ คราวนี้ถึงเวลาที่เธอจะต้องตอบแทนฉันแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปอาบน้ำ”

เควินหยิบเสื้อคลุมนอนผู้หญิงให้ปึก แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ปึกหยิบเสื้อคลุมมา แล้วปลดเสื้อตัวเองออก
 
อ่านต่อหน้า 3

สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 5 (ต่อ)

ปึกใส่เสื้อคลุมทิ้งตัวลงนอน หยิบผ้าห่มมาคลุม พลันนึกถึงคำพูดของไมค์ โจ๊กเกอร์

“แต่อ้ายว่าเอ็งหาซ่องทางเฮ็ดงานให้ได้เงินดีกว่า อย่าไปคิดฮอดเรื่องผัวฝรั่งเล้ย เฮามีมือมีตีน ใซ้สองมือสองตีนออกไปทำกิน อย่าให้คนเขาดูถูกว่าเจ้าต้องเอาความสาวเข้าไปแลกกับเงิน”
ปึกชะงัก มองเหม่อ นึกถึงตอนที่เสี่ยเล็กบอกว่าถ้าไม่มีเงินจะมายึดนา ปึกสูดหายใจ เควินเดินออกมาจากห้องน้ำ ลงนอนบนเตียง ก้มลงหอมที่ไหล่ปึก
“เธอนี่ตัวหอมจริง ๆ นะ”
“ค่ะ”
เควินก้มลงมาจะจูบ ปึกยกมือขวาง
“เอ่อ เดี๋ยวค่ะ”
“อะไรอีกล่ะ อย่าบอกว่าเปลี่ยนใจนะ”
“ปิดไฟได้มั้ยคะ หนูอาย”
เควินยิ้ม ลุกเดินไปปิดไฟ เดินกลับมานั่งข้าง ๆ มองปึก ปึกมองสบตา แต่แล้วคำพูดของไมค์ โจ๊กเกอร์ ก็กลับเข้ามาในความคิดอีก
“ใช้สองมือสองตีนออกไปทำกิน อย่าให้คนเขาดูถูก ว่าเจ้าต้องเอาความสาวไปแลกกับเงิน”
เควินก้มลงจะจูบ ก็ถูกปึกผลักกระเด็นตกเตียง
“โอ๊ย”
“หนูขอโทษ”
“เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย อยู่ ๆ ผลักฉันตกเตียง”
“หนู หนูทำไม่ได้จริง ๆ ค่ะ”
ปึกหันไปคว้าเสื้อผ้าของตัวเอง
“ทำไมอยู่ ๆ ถึงเปลี่ยนใจ”
“หนูขอโทษค่ะ”
“แล้วเงินนี่ล่ะ ไม่อยากได้เงินห้าแสนแล้วหรือ”
“หนูทำไม่ได้จริง ๆ หนูขอโทษ”
ปึกวิ่งออกจากห้องไป
“เฮ้ยเดี๋ยว”
เควินวิ่งตามไป ปึกหอบเสื้อผ้าวิ่งลงบันได การ์ดนั่งอยู่ในบ้าน ออกมาขวาง ปึกผลักการ์ดแล้ววิ่งออกไป เควินตามลงมา
“จะให้ผมตามจับตัวมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง เกิดบ้าอะไรขึ้นมาวะเนี่ย”
เควินงุนงง
ปึกวิ่งมาตามทางหอบเสื้อมองซ้ายขวา เห็นตู้โทรศัพท์วิ่งเข้าไปยกหูจะกดโทร หาเหรียญในตัวไม่มีเงิน
“โธ่เอ๊ย นี่เราไม่มีเงินสักบาท”
ปึกเดินออกมาจากตู้โทรศัพท์ ยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืด

วัฒนาพูดโทรศัพท์ด้วยความตกใจ
“อะไรนะครับ ปึกมันหนีไปหรือครับ แล้วเกิดเรื่องอะไรครับ”
“ผมก็ไม่รู้ อยู่ ๆ เด็กของคุณก็ผลักผมตกเตียงแล้วก็วิ่งหนี”
“ผมต้องขอโทษด้วยครับคุณเควิน สงสัยเด็กมันคงตื่นเต้นน่ะครับ”
“แค่นี้นะ ผมแค่โทรมาบอกให้คุณรู้”
“ผมต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ เดี๋ยวผมจะจัดคนใหม่ไปให้”
“ไม่ต้อง คืนนี้ผมไม่มีอารมณ์แล้ว”
วัฒนาปิดโทรศัพท์ ประไพพรรณถามอย่างร้อนใจ
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“เควินบอกอยู่ ๆ นังหนูปึกมันก็หนีออกมา ไหนคุณบอกว่าคุยกับมันรู้เรื่องแล้วไง”
“ก็คุยแล้วน่ะสิคะ ถึงได้กล้าพามันไป นังนี่ ถ้ากลับมาจะไล่มันออกเลย หนอย ทำเราเสียงาน”

ประไพพรรณหงุดหงิด

คืนนั้น ปึกเดินมาตามถนน น้ำตาไหลริน ส่ายหน้ากับตัวเองอย่างเสียใจ

“นี่เราจะไปไหนดี ถ้ากลับไปบ้านคุณนาย คุณนายคงด่าไม่ให้เราอยู่อีกต่อไป”
ปึกก้มหน้าลงร้องไห้ รถคันหนึ่งเข้ามาจอดระยะประชิด ปึกชะงักตกใจ ลุกขึ้นวิ่งหนี ไมค์ โจ๊กเกอร์ เปิดกระจกรถโผล่หน้าออกมาเรียก
“หนูปึก เดี๋ยวหนูปึก นี่พี่ไมค์”
ปึกชะงักหันมามอง
“พี่เอง”
“อ้ายไมค์”
ปึกยิ้มดีใจ โผเข้ากอดไมค์ โจ๊กเกอร์ แน่น
“อ้ายไมค์ ข้อยดีใจหลาย ๆ เด้อ ที่เจออ้าย ขอบคุณอ้ายเด้อที่มาซ่วยข้อย”
ปึกหอมแก้มไมค์ โจ๊กเกอร์ เขายืนอึ้ง ปึกจะเข้าไปจูบอีก เขารีบยกมือขวาง
“ช้าก่อนหนูปึก เอ็งถูกหวยรางวัลที่หนึ่งหรือไง ถึงดีใจจั๋งซี่”
“ยิ่งกว่าถูกรางวัลที่หนึ่งอีกอ้าย”
ปึกโผเข้าไปกอดไมค์ โจ๊กเกอร์ อีกครั้ง เขายกมือขึ้นกอดตอบ ยิ้มๆ

ไมค์ โจ๊กเกอร์ พาปึกมาพักที่บ้านขั้นเทพ
“พี่ว่าคืนนี้เจ้านอนที่นี่ไปก่อนละกัน แล้วพรุ่งนี้ค่อยคิดกันใหม่ว่าจะเอายังไง”
“ข้อยขอบคุณอ้ายไมค์อีกครั้งเด้อ ถ้าบ่เจออ้าย มื้อนี่ข้อยบ่ฮู้จะไปนอนไส”
“เจ้าขึ้นไปนอนที่ห้องอ้ายก่อนละกัน มีผ้าขนหนูผืนใหม่อยู่ในตู้ เอาไปใช้ได้ แล้วอ้ายมีกางเกงขาสั้นใหม่สองตัวเอาไปใช้ได้เลย”
“ขอบคุณอ้ายคั่กคั่กเด้อ อ้ายดีกับข้อย ข้อยบ่ฮู้ว่าสิตอบแทนอ้ายได้จั๋งใด”
“บ่คิดมากเด้อ ไป ขึ้นไปอาบน้ำนอนไป”
ปึกเดินขึ้นบันไดไป
“อีหล้า”
“อิหยังอ้าย”
“อ้ายดีใจเด้อที่เอ็งยอมทิ้งเงินห้าแสน”
“แต่ข้อยก็เสียดายเด้อ บ่ฮู้ว่าซาตินี้ข้อยสิมีปัญญาหาเงินแสนได้บ่”
“ถ้าอ้ายบ่ตายซะก่อน อ้ายสิช่วยเจ้าหาเงินไปไถ่นา”
“อ้ายไมค์ดีกับข้อยอีกแล้ว ขอบใจเด้อ”
ปึกยิ้มให้แล้วเดินขึ้นข้างบนไป ไมค์ โจ๊กเกอร์ ยิ้มกับตัวเอง บอกไม่ถูกว่าทำไมดีใจกับการที่ปึกกลับมา

ตอนเช้า ปึกแกะของใส่จานอยู่ในครัว ขั้นเทพเดินลงมาจากชั้นบนได้ยินเสียง
“เมื่อคืนเมาหนักหรือไง ไมค์ ถึงนอนข้างล่าง”
ปึกถือจานเดินออกมา ขั้นเทพมองชะงัก
“อ้าว”
“หนูปึกเองค่ะ”
“แล้วนี่มาทำอะไรแต่เช้า”
“เมื่อคืนหนูปึกค้างที่นี่ค่ะ”
“หา ค้างที่นี่”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินออกมาจากห้องน้ำ
“ใช่ ฉันพาน้องเขามานอนที่นี่”
ขั้นเทพกระชากคอเสื้อ
“ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามพาผู้หญิงมานอน”
“อย่าเพิ่งโวยวายสิผู้กอง ฟังฉันเล่าก่อน”
“ใช่ค่ะ เมื่อคืนหนูปึกมีเรื่อง แล้วเจออ้ายไมค์โดยบังเอิญ อ้ายไมค์ก็เลยให้มานอนค้างที่นี่”
“แต่มันไม่ได้ทำอะไรเธอใช่มั้ย”
“บ่ค่ะ อ้ายไมค์เป็นสุภาพบุรุษค่ะ”
“เป็นไง ได้ยินชัดรึยัง คอยคิดแต่ว่าฉันเป็นคนไม่ดี”
“แล้วมีเรื่องอะไร ถึงต้องมาค้างที่นี่”
“นี่แหละเรื่องสำคัญที่ฉันจะบอกให้นายฟัง”
“งั้นก็ว่ามา”
“เมื่อคืนหนูปึกเขาไปเจอไอ้ เควิน สมิธ”
“เควิน สมิธ”
“ผู้กองรู้จักด้วยหรือคะ”
“เคยได้ยินชื่อ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ”

ไมค์ โจ๊กเกอร์ มองหน้าปึก

ขั้นเทพนั่งคุยกับไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึก เรื่องของเควิน สมิธ

“ผู้กองฟังเรื่องทั้งหมดแล้วคิดว่าไง”
“แล้วเจ้านายเธอเขาเป็นใคร”
“คุณผู้ชายชื่อคุณวัฒนา ส่วนคุณนายชื่อคุณพรรณค่ะ”
“แล้วเขาทำอาชีพอะไร”
“หนูก็ไม่รู้นะคะ แต่เห็นมีคนเข้าออกที่บ้านบ่อย ๆ อ้อ นึกออกแล้วค่ะ หนูเคยได้ยินคุณนายพูดว่าเขามีบริษัทส่งสินค้าออกไปต่างประเทศน่ะค่ะ”
“หรือจะเป็นคนที่เรากำลังตามหาอยู่ผู้กอง”
“ตามหาอะไรกันหรือคะอ้าย”
“คืออย่างนี้ พี่กับผู้กองเนี่ย”
“นายไม่ต้องเล่ารายละเอียดหรอก”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ชะงัก ปึกมองขั้นเทพอย่างแปลกใจ
“ไม่มีอะไรมาก ฉันกำลังตามจับผู้ร้าย แล้วเธอจะเอายังไง จะกลับไปบ้านนอกหรือจะกลับไปบ้านเจ้านายเก่า”
“หนูคงไม่กลับไปแล้วล่ะค่ะ ถ้าผู้กองไม่ว่า หนูขออยู่ที่นี่สองสามวันได้มั้ยคะ หนูจะรีบหางาน”
“จะอยู่ที่นี่หรือ”
“ก็ดีนะผู้กอง ระหว่างนี้เราก็จ้างหนูปึกซักผ้าถูบ้าน เก็บกวาดให้เราก่อน”
“ได้ค่ะ หนูทำได้”
“แต่ฉันว่า”
“น้องเขาไม่มีที่ไปนะผู้กอง”
“เอา ก็ได้”
“ขอบคุณค่ะผู้กอง”
“เดี๋ยวฉันจะไปออฟฟิศ นายอยู่บ้านแล้วกัน ถ้ามีอะไรฉันจะโทรมาตาม”
“ได้ ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ออกไปไหนเลย”
“งั้นหนูปึกไปเก็บกวาดบ้านดีกว่า”
ปึกเดินขึ้นข้างบนไป
“ไอ้ไมค์”
“หือ”
“ฉันไม่อยู่บ้าน ห้ามนายทำมิดีมิร้ายกับเธอนะ”
“ปัทโธ่ ผู้กอง นี่เห็นฉันเป็นอะไรเนี่ย ฉันไม่ใช่พวกหื่นกามนะ”
“ฉันเตือนให้นายรู้สติ”
ขั้นเทพเดินออกไป
“ผู้กองนี่ ทำไมชอบมองเรามุมอับอยู่เรื่อย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ หงุดหงิด

บริเวณห้องจัดเลี้ยง มีป้ายบนเวที เขียนข้อความ แสดงความยินดีกับประธานรุ่น วนอ.พล.ต.ต.สถิตย์ยุทธ นักดนตรีเล่นอิเลคโทนคลอ สถิตยุทธคุยกับเพื่อนๆ ที่มาร่วมงาน
“ขอแสดงความยินดีด้วยเพื่อน”
“ขอบใจ ขอบใจ”
“ได้ดีอย่าลืมกันนะโว้ย”
“เออ”
เสวีเดินเข้ามา เพื่อนทัก
“เฮ้ย เสวี”
“เป็นไงป้อม”
“นี่เราไม่เจอกันกี่ปีวะเนี่ย”
“ก็หลายปีนะ ตั้งแต่เอ็งย้ายไปอยู่ภาค 5 มั้ง”
เพื่อนเหลือบไปมองสถิตย์ยุทธที่ยังคุยกับเพื่อน ๆ อยู่
“อิจฉาไอ้ยุทธมัน จะได้ติดพลโทคนแรกของรุ่นเลยนะ”
“คนเราแข่งบุญแข่งวาสนากันไม่ได้”
“แต่ตอนนี้มันรวยมากนะโว้ย”
“ทำอะไรถึงรวย ข้ากับเอ็งก็รับราชการมาพร้อมกับมัน”
“ข้าได้ข่าวมาว่ามันทำกิจการส่งของพวกวัตถุโบราณไปขายเมืองนอก”
เสวีชะงัก หันไปมองสถิตย์ยุทธ
“ถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย”
“เรื่องนั้นไม่รู้ว่ะ”
สถิตย์ยุทธเดินเข้ามาหาเสวี
“คุยอะไรกันอยู่วะ วี”
“ก็คุยถึงเอ็ง”
“เรื่องอะไร”
“ไอ้ป้อมมันบอกว่าเอ็งรวยมากตอนนี้”
“รวยอะไรกัน ก็พอมีพอใช้”
“ถ้ามันเยอะไป ก็แบ่งมาให้ข้าช่วยใช้บ้างได้นะโว้ย” เพื่อนแซว
ลูกน้องสถิตย์ยุทธเดินเข้ามา
“ผู้การครับ ดอกเตอร์สมคิดมาครับ”
“ขอตัวไปรับแขกก่อนนะ”

สถิตย์ยุทธเดินออกไป เสวีมองตาม นึกถึงเรื่องที่ขั้นเทพเคยตั้งข้อสังเกตว่าหน่วยวิหคเวหากำลังสอดแนมพวกเขา ซึ่งอาจจะมีเบื้องลึกอะไรกับเควิน สมิธ ก็ได้ เสวีเริ่มสงสัยว่าตัวการอาจจะเป็นสถิตย์ยุทธ

วันต่อมา เสวีเรียกขั้นเทพมาพบ เพื่อคุยเรื่องสถิตย์ยุทธ

“ผมว่าผู้การสถิตย์ยุทธต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริง ๆ ถึงให้ผู้กองเมษามาสืบความเคลื่อนไหวของเรา”
“เขาคงรู้ว่าเรากำลังตามเรื่องนี้อยู่”
“ถ้าเป็นแบบนี้หัวหน้าคิดว่าไงครับ”
“จะว่าไง เราก็ต้องจับผู้การสถิตยุทธให้ได้”
“แต่ท่านเป็นเพื่อนกับหัวหน้านะครับ”
“จะเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องหรือเป็นตำรวจด้วยกัน ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องจับ”
“ถ้าท่านพูดอย่างนี้ผมก็ค่อยสบายใจ”
“คุณเดินหน้าสืบเรื่องนี้ ถ้าติดขัดอะไรรายงานผม”
“ครับ ขอบคุณครับท่าน”
ขั้นเทพเดินออกมาจากห้องเสวี พอเลี้ยวมาก็เจอชายชาติเดินสวนมา ชายชาติจ้องหน้าขั้นเทพ
“มีอะไรรึเปล่าชาย”
“ไม่มี”
“แล้วทำไมนายจ้องหน้าฉัน”
“เปล่า ฉันแค่จะถามนายว่านายคิดยังไงกับผู้กองเมษา”
“ก็ดูสวยดี”
“แล้วนายชอบเธอมั้ย”
“ไม่”
“จริงหรือ”
“ถ้านายไม่ได้จีบเธออยู่ บางทีฉันอาจจะชอบเธอก็ได้ แต่ในเมื่อนายจีบอยู่ โดยมารยาทฉันก็ไม่ควรจะตีท้ายครัว”
“อย่างน้อยนายก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีนะ”
ขั้นเทพยิ้มให้ ชายชาติเดินออกไป
“เดี๋ยวชาย”
“มีอะไร”
“แต่ถ้าผู้กองเมษาเชาสนใจฉันขึ้นมา ก็ช่วยไม่ได้นะโว้ย”
ขั้นเทพหัวเราะ ชายชาติแสยะ
“ถึงเธอจะชอบเอ็ง แต่เอ็งคงไม่มีวาสนาได้อยู่กับเธอ”
ชายชาติเดินออกไปอีกทาง

เมษามาทำแผลที่โรงพยาบาล แล้วถามผลจากพยาบาล
“แผลเป็นไงบ้างคะ”
“ดีค่ะ อีกไม่กี่วันก็หายดีแล้ว”
เสียงโทรศัพท์มือถือของเมษาดังขึ้น เธอดูเบอร์เห็นเป็นขั้นเทพ ก็กดรับ
“หวัดดีครับ”
“คุณโทรมามีอะไร”
“ดูคุณจะไม่ชอบผมจริง ๆ นะ”
“มีอะไรก็พูดมา”
“ผมมีเรื่องสำคัญที่จะคุยกับคุณ”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องที่เราถูกลอบยิงวันก่อน คุณพอจะสละเวลาอันมีค่าคุยกับผมสักครึ่งชั่วโมงได้มั้ยครับ”
“ที่ไหน”
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนผมไปหาก็ได้”
“ฉันอยู่โรงพยาบาล เอาอย่างนี้ คุณไปเจอฉันที่ร้านกาแฟในสวนสาธารณะตรงข้ามโรงพยาบาลแล้วกัน แต่ต้องรอหน่อยนะเพราะฉันยังไม่เสร็จธุระ”
“ได้ครับ”

เมษาปิดโทรศัพท์ นึกถึงขั้นเทพ
 
อ่านต่อหน้า 4

สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 5 (ต่อ)

ขั้นเทพเปิดประตูออกจากที่ทำงานเดินลงบันได ชายชาติยืนมองจากฝั่งตรงข้าม แล้วเดินตามขั้นเทพออกไป

รถขั้นเทพเลี้ยวเข้ามาจอดภายในสวนสาธารณะ ชายชาติขับรถตามมา ขั้นเทพเดินเข้าไปร้านกาแฟ ชายชาติเปิดประตูลงจากรถเปิดท้ายรถหยิบเสื้อวอร์มมาสวมรูดซิปปิดคอ หยิบหมวกไหมพรมใส่
แล้วหยิบเป้ใส่อุปกรณ์ปืน สะพายขึ้นไหล่ เดินออกไป

ขั้นเทพนั่งรออยู่ในร้านกาแฟ ในขณะที่ชายชาติเดินขึ้นบันไดไปบนตึกร้างใกล้ร้านกาแฟ หยิบอุปกรณ์ปืนยาวมาประกอบ แล้วเล็งผ่านกล้องติดปืน
“อโหสิกรรมให้กูด้วยละกัน”
ชายชาติกระชากสไลด์ปืนขึ้นลูก ขั้นเทพชะโงกหน้ายกมือทักใครบางคน ชายชาติมองชะงัก
“น้องเม”
เมษาลงนั่งตรงข้ามขั้นเทพ
“น้องเมมานัดเจอกับไอ้เทพทำไม”
ชายชาติชะเง้อมอง เมษาลงนั่ง พนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามา
“คุณจะดื่มอะไรดีครับ”
“ขอกาแฟเย็น”
“เอาเค้กหรือแซนวิชมั้ยครับ”
“ไม่ คุณมีอะไรก็ว่ามา ฉันมีงานต้องทำอีกเยอะ”
“ชีวิตคุณนี่มีแต่เรื่องงานหรือไง นี่ถ้าผมเป็นผู้บัญชาการล่ะก็ ผมจะให้คุณปีละสองขั้นเลย”
“ฉันว่าคุณเข้าเรื่องเลยดีกว่า”
“คุณคิดว่าใครที่ลอบยิงเราสองคน”
“แต่ฉันว่าเขาลอบยิงคุณมากกว่า แล้วฉันว่าคุณน่าจะรู้ดีมากกว่าฉันว่าเป็นฝีมือใคร”
“ผมสงสัยหัวหน้าคุณ ผมสืบรู้มาว่าผู้การสถิตย์ยุทธทำธุรกิจลับในการส่งออกวัตถุโบราณไปต่างประเทศ”
“ใคร ๆ ก็มีธุรกิจสำรองได้ ถ้าไม่เบียดบังเวลาราชการ”
“ถูกของคุณ แต่ธุรกิจที่หัวหน้าคุณทำมันเกี่ยวกับการลักลอบตัดเศียรพระ”
“คุณมีหลักฐานหรือ”
“ไม่มี ผมถึงอยากขอความร่วมมือจากคุณ”
“นี่คุณจะให้ฉันเป็นสายให้กับคุณ เพื่อสืบเรื่องหัวหน้าตัวเองงั้นหรือ”
“ถูกต้อง”
“คุณคิดว่าฉันโง่ รู้ไม่ทันคุณหรือไง คุณต่างหากที่อยู่ในขบวนการลักลอบตัดเศียรพระไปขาย”
“นี่คุณพูดเรื่องอะไร”
“คุณไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ ฉันบอกให้คุณรู้ก็ได้ที่ฉันตามสืบคุณก็เพราะจะจับคุณ”
“นี่คุณเอาเรื่องนี้มาจากไหน”
“จากไหนไม่สำคัญ แต่ฉันจะจับคุณให้ได้”
“อ้อ ผมรู้แล้ว คนที่ใส่ความผมคือผู้การสถิตย์ยุทธใช่มั้ย”
เมษานิ่ง
“คุณเม ผมว่าคุณกำลังถูกหัวหน้าตัวเองหลอกใช้อยู่นะ”
“พอได้แล้ว ฉันขี้เกียจฟังนิยายของคุณ”
เมษาขยับลุกจะไป
“เดี๋ยวสิคุณเม ผมยังพูดไม่จบ หัวหน้าคุณกำลังซ้อนแผนผมอยู่ เขาอุปโลกน์เรื่องผมขึ้นมาเพื่อให้คุณมาสอดแนมผม”
“เพื่ออะไร”
“ก็เพื่อจะได้รู้ตัวว่าหน่วยฉก.ของผมจะจับเขาได้เมื่อไหร่ คุณคิดให้ดีนะ ถ้าผมเป็นคนร้ายจริงผมจะมาเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังทำไม”
“เพราะคุณต้องการหลอกให้ฉันไขว้เขว”
“งั้นผมถามคุณหน่อย ตอนที่คุณตามผมไปร้อยเอ็ด คุณคือคนที่เข้ามาช่วยผมกับไอ้ไมค์ใช่มั้ย”
“ฉันไม่ได้เข้าไปช่วยคุณ ฉันจะเข้าไปจับพวกคุณกับเสี่ยเล็ก”
“แล้วคุณก็โทรรายงานหัวหน้าคุณด้วยใช่มั้ย”
“ใช่ โดยตามขั้นตอนฉันต้องรายงาน”
ขั้นเทพนึกถึงตอนที่เสี่ยเล็กรับโทรศัพท์แล้วมองหน้าเขา
“มิน่า ไอ้เสี่ยเล็กถึงรู้ตัวว่าผมเป็นตำรวจ มันถึงจะฆ่าผม”
“คุณจะบอกว่าหัวหน้าฉันโทรกลับไปบอกเสี่ยเล็กงั้นหรือ”
“ถูกต้อง เพราะเสี่ยเล็กกำลังจะถูกผมจับอยู่แล้ว แต่อยู่ ๆ ก็มีโทรศัพท์ลึกลับเข้ามา หลังจากนั้นมันก็ยิง”
เมษามองหน้าขั้นเทพ
“เชื่อผม หัวหน้าคุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด”
จู่ๆ ขั้นเทพก็สะดุ้ง เพราะถูกกระสุนยิงเข้าที่หลังสามนัด หงายหลังตกน้ำ เมษาตกใจ กระชากปืนออกมา มองตามเสียงปืน เห็นคนใส่หมวกไอ้โม่งปิดหน้า อยู่ที่หน้าต่าง
 
เมษากระหน่ำยิงใส่ ชายชาติวิ่งหนีไป เมษาวิ่งตามออกไป

ชายชาติวิ่งหนี เมษาวิ่งมาหยุดเล็งไปที่กลางหลัง ชายชาติวิ่งหลบ เมษาลั่นไกยิง ชายชาติหลบเข้าที่กำบัง มองซ้ายขวาหาทางหนี
 
เมษาย่องเข้ามาใกล้ ชายชาติตัดใจยิงใส่พื้นสกัดไม่ให้เมษาเข้ามา เธอโดดหลบเข้าที่กำบัง ชายชาติวิ่งลงเนิน เมษาวิ่งตามออกมาจะยิง แต่มีคนเดินผ่านไปมา เธอไม่กล้ายิง รีบวิ่งตามลงไป
ชายชาติวิ่งหนีมาหน้าห้องน้ำภายในสวนสาธารณะ เมษาไล่ตามยิงสกัด เขาโดดหลบเข้าห้องน้ำทิ้งปืนยาว เพราะกระสุนหมด แล้วชักปืนสั้นออกมา เมษาวิ่งตามเข้ามาหลบที่กำบัง ปลดแมกกาซีนเปลี่ยน
“ฉันรู้ว่าแกอยู่ข้างใน ออกมาซะดี ๆ แกหนีไม่รอดหรอก”
เมษายกมือตั้งปืนเล็งรอหลังที่กำบัง ชายชาติโผล่หน้าออกมา เมษายิงสกัดสองนัด กระสุนเฉียดหน้าชายชาติ เขาหลบกลับเข้าไปในห้องน้ำ
เมษาได้โอกาสโดดตามเข้ามาหยุดข้างผนังห้องน้ำ ชายชาติโผล่ปืนออกมายิง เมษาคว้ามือชายชาติล็อคแล้วทุบมือจนปืนหล่นพื้น พร้อมกับหมุนตัวเข้าไปในห้องน้ำ จะยิง ชายชาติคว้าจับมือเมษาชูเหนือหัว เธอพยายามฝืนจนปืนลั่น ชายชาติเหวี่ยงเมษาเข้าชนผนัง
ทั้งสองมองหน้ากัน เมษาพยายามจะดึงหมวกไหมพรมออก ชายชาติเอียงหน้าหลบ จับมือเมษากระแทกเข้าผนังจนปืนหล่น แล้วตบหน้า ทุบไหล่ ยกเข่าขึ้นจะกระแทกซ้ำ เมษายกมือบัง ชายชาติชะงัก วิ่งออกไป เธอคว้าปืน วิ่งตามออกไป

ชายชาติวิ่งออกมา คว้ามอเตอร์ไซค์แถวนั้นขี่ออกไป เมษายิงตามหลัง กระสุนเฉี่ยวเข้าที่แขนชายชาติ แต่เขายังขี่รถพุ่งออกไปได้ เมษาทรุดลงด้วยความเจ็บ เธอนึกถึงขั้นเทพ ก็ฮึดวิ่งกลับไปที่ร้านกาแฟ เห็นขั้นเทพนั่งตัวเปียกปอนอยู่ มีเสื้อกันกระสุนอยู่ข้างใน
“คุณเป็นไงบ้าง”
“ผมไม่เป็นไร”
“แต่คุณถูกยิงหลายนัดไม่ใช่หรือ”
“ผมใส่เสื้อกันกระสุน แล้วคุณได้ตัวมือปืนมั้ย”
“ไม่ได้”
ขั้นเทพทิ้งตัวลงนอน เมษามองถอนใจ

เมษาพาขั้นเทพมาที่โรงพยาบาล หมอเอาผ้าพันแผลพันดามรอบอกให้เขา
“โชคดีนะที่ซี่โครงไม่หัก พักสักอาทิตย์จะดีขึ้น เดี๋ยวผมจัดยาแก้ปวดให้”
“ขอบคุณครับหมอ แล้ว”
“แฟนคุณน่ะหรือ พยาบาลกำลังทำเฝือกอ่อนที่ข้อมือให้”
หมอเดินออกไป ขั้นเทพขยับลุกนั่งหยิบเสื้อใส่
พยาบาลพันเฝือกอ่อนที่ข้อมือให้เมษา
“ฉันว่าคุณควรจะย้ายแผนกดีมั้ยคะ”
“ทำไมคะ”
“เมื่อเช้าคุณเพิ่งมาทำแผลที่ถูกยิง อีกไม่กี่ชั่วโมงก็มาใส่เฝือกอ่อนหลังจากบู๊กับคนร้าย ฉันว่างานคุณมันหนักไปสำหรับผู้หญิงอย่างเรานะคะ”
“ไม่ค่ะ ฉันชอบ”
“แต่มันอันตรายนะคะ”
“ทำยังไงได้ ฉันรักอาชีพนี้ค่ะ อย่างมากก็แค่ตาย”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
เมษาลุกขึ้น เปิดประตูออกไป เจอขั้นเทพเดินออกมาจากห้อง เอหันจะเดินไปอีกทาง
“เดี๋ยวสิคุณ”
“มีอะไร”
“คุณนี่ไม่มีเยื่อใยกับผมเลยนะ เอะอะเดินหนีอยู่เรื่อย”
“ทำไม ต้องให้ฉันจ่ายค่ายาให้ด้วยหรือไง”
“ไม่ใช่ ผมแค่อยากจะรบกวนให้คุณไปส่งหน่อยได้มั้ย”
“มากไปแล้ว ฉันมีงานต้องทำ”
“แต่คุณก็รู้นี่ว่ารถผมจอดอยู่ที่สวน”
“แท็กซี่ไง เยอะแยะไป”
“คุณนี่สวยครบสูตรนะ คนสวยใจดำ”
เมษาหันมาจ้องหน้า
“ที่ให้ไปส่งเนี่ย เพราะผมมีเรื่องจะคุย”

ขั้นเทพยืนยันเรื่องงาน

ชายชาติมาหาสถิตย์ยุทธที่บ้าน เขาใส่ที่ห้อยแขนหลังจากถูกยิงเฉี่ยวไหล่ สถิตย์ยุทธจ้องหน้าชายชาติ

“แล้วผู้กองเมษาเขาเห็นหน้านายรึเปล่า”
“คิดว่าไม่นะครับ”
“แน่ใจนะ”
“แน่ครับท่าน”
“แล้วรู้มั้ยเขาไปเจอผู้กองเทพทำไม”
“ไม่ทราบครับ แต่เท่าที่เห็นคุยกัน ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องอะไรสักอย่างที่ดูซีเรียส”
“เดี๋ยวผมเจอเธอผมจะถามเธอเอง”
“หัวหน้าครับ ผมว่ากันน้องเมออกจากงานนี้ดีกว่ามั้ยครับ”
“ทำไม”
“ผมไม่อยากให้เธออยู่ใกล้ผู้กองเทพ”
“นายกำลังหึงหรือ”
“เอ่อ ไม่ใช่ครับ ผมกลัวว่าเธออาจจะโดนลูกหลงที่เราต้องจัดการกับไอ้เทพ”
“ถ้าในสถานการณ์คับขันจริง ๆ ฉันว่านายไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง”
“แต่น้องเมเขาเป็นคนของหัวหน้านะครับ”
“อย่างที่ฉันบอกนาย ใครก็ไม่สำคัญเท่ากับความปลอดภัยของเรา แล้วคราวหน้านายรู้ว่าผู้กองเทพใส่เสื้อเกราะก็อย่ายิงที่ตัวมัน”
สถติย์ยุทธเอามือชี้ที่หัวตัวเองแทนคำพูด
“ครับ คราวหน้ามันต้องตายแน่”
ชายชาติรับคำอย่างมั่นใจ

เมษาขับรถพาขั้นเทพมาเอารถของเขาที่สวนสาธารณะ ขั้นเทพหลับมาตลอดทาง เริ่มขยับตัวตื่น
“นี่ถึงแล้วหรือ”
“ก็ถึงแล้วน่ะสิ”
“ผมยังไม่ได้คุยกับคุณเลย”
“ก็ใช่สิ ฉันเห็นคุณหลับเลยไม่อยากจะเรียก”
“ผมขอโทษ ผมคงระบมแผลน่ะ”
“เอ้า คุณจะคุยอะไรก็ว่ามา”
ขั้นเทพเปิดประตูลงจากรถ
“คุณก็เห็นแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มีคนพยายามฆ่าผมจริง ๆ”
“คุณจะบอกอีกว่าเป็นฝีมือหัวหน้าฉันงั้นสิ”
“ผมคิดว่าใช่”
“แต่คุณไม่มีหลักฐานนะ แล้วฉันเองก็จับมือปืนไม่ได้ แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าคุณทำงานอะไรอยู่”
“เอาล่ะ ผมจะบอกความจริงคุณก็ได้ หน่วยฉก 911 ได้รับภารกิจให้ทลายล้างขบวนการโจรกรรมพระพุทธรูป และผมเองกำลังล่อซื้อเพื่อจับเควิน สมิธ เพื่อขยายผลหาตัวผู้บงการที่เป็นคนไทย”
“เควิน สมิธ ประธานมูลนิธิเควินโฮปน่ะหรือ”
“ถูกต้อง หน้าฉากมันคือฝรั่งใจบุญแต่หลังฉากมันคือมารทำลายศาสนาและวัฒนธรรมของเรา”
“แล้วหัวหน้าฉันเกี่ยวโยงอะไรกับเควิน สมิธ”
“ก็เพราะเขาส่งคุณมาสอดแนมผมไง”
“แต่หัวหน้าฉันบอกว่า”
“คุณเม ผมไม่ใช่วายร้ายอย่างที่หัวหน้าคุณใส่ความผม คุณสัมผัสกับผมแล้ว คุณรู้สึกมั้ยล่ะว่าผมเป็นคนเลว”
“ฉันว่าคุณพูดจาให้มันดีหน่อยนะ”
“คุณนี่คิดลึกจัง ผมไม่ได้หมายถึงสัมผัสร่างกาย หมายถึงว่าเท่าที่คุณได้พูดคุยกับผมคุณว่าผมเป็นคนเลวรึเปล่า”
“ก็ไม่ได้ดีมาก”
“พูดจริง ๆ สิคุณ”
“ฉันพูดจริง”
“เอาล่ะ ถึงผมจะไม่ได้ดีมากในสายตาคุณ แต่ผมก็อยากให้คุณเชื่อผม”
ขั้นเทพก้มลงมาจ้องหน้าใกล้ ๆ เมษาเมินหน้า
“แล้วทำไมฉันต้องเชื่อคุณ”
“ผมพูดขนาดนี้คุณยังไม่เข้าใจความรู้สึกข้างในลึก ๆ ของผมเลยหรือ”
เมษาประหม่า
“นี่คุณกำลังพูดเรื่องอะไร”
“ผมก็กำลังพูดถึงเราสองคน ผมรู้นะว่าจริง ๆ คุณรู้สึกยังไงกับผม”
“ฉันว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว และฉันก็ไม่เคยรู้สึกอะไรกับคุณด้วย”
เมษาสตาร์ทรถจะเข้าเกียร์
“เดี๋ยว ผมรู้ว่าจริง ๆ แล้ว คุณเชื่อผม”
เมษาอึ้ง
“ใช่มั้ย”
เมษาหันกลับเข้าเกียร์ถอยหลังจงใจทับเท้าขั้นเทพ เขาสะดุ้งผงะถอย
“โอ๊ย นี่คุณถอยรถทับขาผมนะ”
“ฉันก็แค่อยากจะบอกให้คุณรู้ว่าที่คุณคิดน่ะผิดหมด”
เมษาขับพุ่งเฉียดขั้นเทพ เขาโดดหลบ
“ร้ายจริง ๆ ผู้หญิงคนนี้”

ขั้นเทพส่ายหน้า เดินขึ้นรถตัวเองไป

ตอนเช้า ปึกอยู่ในครัว ตักข้าวต้มใส่ชามให้ไมค์ โจ๊กเกอร์

“เอ้านี่จ้ะ อ้าย ข้าวต้มร้อน ๆ เอาไปให้ผู้กองกินหน่อย”
“แหม หอมหน้ากินจริง ทำเผื่อพี่รึเปล่า”
“เผื่อสิจ๊ะ อ้ายเอาไปให้ผู้กองก่อน เดี๋ยวอ้ายค่อยลงมากิน”
“ได้จ้ะ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ถือชามเดินออกไป ก่อนหันกลับมามองปึก
“ตั้งแต่หนูปึกมาอยู่ด้วย ทำให้เรามีชีวิตชีวาจริง ๆ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินขึ้นชั้นบนไป ขั้นเทพนอนหลับอยู่ในห้อง ขยับตัวตื่น
“อ้าว ไอ้ไมค์”
“เป็นไงบ้างเนี่ย ท่าทางจะอาการหนักนะผู้กอง ถึงกับนอนซม”
“มันระบมไปทั้งตัว”
“เอานี่ กินข้าวต้มซะหน่อย”
“นายทำเองหรือ”
“ไม่ใช่ฉันหรอก หนูปึกเขาทำให้”
“เอาวางก่อน ยังกินไม่ลง”
“ฉันไม่อยากคิดเลยนะว่าถ้าผู้กองไม่ใส่เสื้อเกราะจะเป็นยังไง แล้วพอจะรู้รึยังว่ามันเป็นฝีมือใคร”
“คงจะเป็นใครสักคนที่ไม่ต้องการให้ฉันเข้าใกล้เควิน สมิธ”
“พูดถึงเควินสมิธ เมื่อวานฉันสืบจากหนูปึก หนูปึกบอกว่าเคยเห็นมีคนเอาเศียรพระพุทธรูปมาที่บ้านเจ้านายด้วยนะ”
“จริงหรือ”
“หนูปึกบอกว่าเห็นแว้บ ๆ ผู้กองว่าเป็นไปได้มั้ยที่เจ้านายหนูปึกอาจจะทำธุรกิจกับเควิน สมิธ”
“ก็อาจจะเป็นไปได้”
“งั้นฉันจะลองสืบเรื่องนี้นะ”
“นายจะไปสืบจากไหน”
“ก็สืบจากหนูปึกไง เห็นบอกว่าเจ้านายมีลูกสาวสวยซะด้วย ฉันลองจีบเธอดูเพื่อเข้าให้ถึงตัวพ่อแม่เธอ”
“นายนี่มันชอบวกเข้าเรื่องนี้ตลอด ไป ออกไปได้แล้ว ฉันจะนอนพักซะหน่อย”
“แล้วเรื่องเจ้านายหนูปึกว่าไง”
“ฉันจะลองสืบดูอีกที”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินออกไป ขั้นเทพถอนใจขยับหยิบชามข้าวต้ม จับหน้าอกรู้สึกว่าแผลระบม

สถิตย์ยุทธนั่งอยู่ในห้องทำงาน เมษาเปิดประตูเข้ามา
“ขออนุญาตค่ะ”
“เชิญผู้กองเมษา
“ท่านเรียกเมมีอะไรหรือคะ”
“เรื่องที่ผมให้คุณไปติดตามสอดแนมผู้กองเทพไปถึงไหนแล้ว”
“ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยค่ะ”
“แต่ผมรู้มาว่าคุณนัดเจอกับเขาบ่อย ๆ ไม่ใช่หรือ”
“ค่ะ แต่เขายังไม่ไว้ใจเม ไม่ยอมบอกอะไรเกี่ยวกับงาน”
“ได้ข่าวว่าเมื่อวานมีคนลอบยิงผู้กองเทพกับคุณ”
“น่าจะลอบยิงผู้กองเทพมากกว่าค่ะ”
“แต่เห็นว่าคุณตามมือปืนไปไม่ใช่หรือ”
“หัวหน้าทราบด้วยหรือคะ”
“อ้าว ก็คุณเรียกกำลังเสริมจากหน่วยเราไปช่วยนี่”
“อ๋อ ค่ะ เสียดายที่จับมือปืนไม่ได้”
“คราวหลังถ้าคุณอยู่กับผู้กองเทพแล้วเกิดเหตุอะไรที่ไม่เกี่ยวกับเรา ผมว่าคุณอย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเลย เกิดถูกยิงขึ้นมามันจะไม่คุ้ม”
เมษามองหน้า
“ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะไม่อยากให้คุณพ่อคุณต้องเป็นห่วง อย่างน้อยท่านก็ฝากฝังให้คุณมาทำงานกับผม”
“ขอบคุณค่ะ ถ้าหัวหน้าไม่มีอะไรแล้ว เมขอตัวนะคะ”
“อ้อ ผู้กองเมษา”
“คะ”
“คุณกับผู้กองเทพไม่มีอะไรกันใช่มั้ย”
“หัวหน้าหมายถึงอะไรคะ”
“ก็สนิทกันหรือชอบกัน”
“ไม่มีค่ะ”

สถิตย์ยุทธพยักหน้า เมษาเดินออกไป
 
อ่านต่อตอนที่ 6
กำลังโหลดความคิดเห็น