xs
xsm
sm
md
lg

ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 8

พงศ์เทพทิ้งบทหลง มาช่วยเจ๋งขายเสื้อยืดที่ตลาดบางไทร และสวมมาดเซลส์ขายน้ำมันมะพร้าวเจ้าเสน่ห์เจ้าเก่า คารมคมคายดีไม่มีตก สาวๆ รุมซื้อกระจาย

“คนสวยใส่แล้วยิ่งสวย ส่วนคนไม่สวย เอ...พูดอย่างนี้ไม่ได้สิ เพราะสาวบางไทรสวยทู้กกกกคน”
สาว ๆ ชอบใจ ยิ้มกันใหญ่
ไกลออกไป จอมนางเดินตามหาหลงสอดตามองหาไปทั่วตลาด
“พี่หลงต้องอยู่แถวนี้แหละ”
ส่วนที่แผงเสื้อยืด พร้อมพงศ์มองไปเห็นจอมนางก่อน ส่วนพงศ์เทพกำลังบันขายเสื้อมันมือ ไม่ได้มองจอมนาง
พร้อมพงศ์ยิ้มกริ่ม “ไอ้เทพเสร็จล่ะงานนี้ โดนจับได้คาแผง”
พร้อมพงศ์เดินไปหาจอมนาง เจ๋งมองตามพร้อมพงศ์ไปแล้วต้องตาโตเป็นไข่ห่าน
“พี่เทพ แย่แล้ว! เด็กพี่มา”
พงศ์เทพกำลังรับเงินลูกค้า “เด็กอะไร”
“เด็กบ้านลิเก”
พงศ์เทพเห็นจอมนางกำลังเดินมาทางแผงเสื้อยืด รีบหลบใต้แผงทันควัน
พร้อมพงศ์อยากให้ลูกโดนจอมนางจับได้ โบกมือเรียกจอมนางให้มาหา
“หนูๆ ลุงกับหลานทำเสื้อยืดขาย อุดหนุนซักตัวนะหนู”
พร้อมพงศ์พาจอมนางเดินมาที่แผงเสื้อ
“นี่ไงสวยๆ ทั้งนั้นเลย”
หยิบเสื้อยืดให้ดู จอมนางชอบมาก
“เข้าใจสกรีนเสื้อยืดนะจ๊ะ คนสวยบางไทร ชั้นไม่ได้พกเงินติดตัว ไว้วันหลังมาอุดหนุนนะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรหนู ดูก่อนเลย ถ้าชอบลุงให้ฟรี”
พร้อมพงศ์มองหาว่าลูกชายหายไปไหน จนเห็นว่าพงศ์เทพแอบอยู่ใต้แผงเสื้อ เลยแกล้งทำเสื้อหล่น
“ช่วยลุงเก็บทีหนู ลุงหลังไม่ค่อยดี ก้มไม่ไหว”
จอมนางกำลังจะก้มเก็บเสื้อ พงศ์เทพลุ้นระทึก เสียงกระแตดังเข้ามา
“อ้าวจอมมาทำอะไรอ่ะ”
กระแตมาจ่ายตลาด สวยผุดผาดมาแต่ไกล เจ๋งตะลึง ปิ๊งกระแตอย่างจัง !
เจ๋งตะโกนเรียกลูกค้าโชว์พาว “สาวบางไทรคนไหนรู้ตัวว่าสวย เชิญมาสอยไปใส่เลยจ้าตัวละ 120 ใครสวยบาดใจพ่อค้า เอาไปเลยตัวละร้อย”
เจ๋งเพ้อ “สาวบางไทร สวยอย่างที่พี่เทพสกรีนเสื้อขาย” แถมทำตาเยิ้มใส่กระแต “ใส่ไซส์อะไรครับ”
กระแตไม่ชอบสายตาเจ๋ง โลมเลียสุดๆ บอกไซส์บาทาไป “38 จ้ะ 37 เล็กไป ส้นมันคับ”
“อืม ผมหมายถึงเสื้อ ไม่ใช่รองเท้าครับ เอ อย่างคุณนี่น่าจะไซส์...” เจ๋งมองตัวกระแตประเมิน ไซส์ “อืม...” แต่ดันเผลอจ้องหน้าอกกระแตจังๆ “ไซส์เล็กสุด”
“ไอ้บ้า” กระแตโกรธหยิบเอาเสื้อยืดปาหน้าเจ๋ง “จอม! กลับเหอะ”
กระแตมาดึงจอมนางฉุดออกไป เจ๋งมองตามกระแตตาละห้อย
“สวยอ่ะ”
พงศ์เทพเป่าปากรอดตัว รอจนจอมนางเดินลับกายไป ถึงโผล่ขึ้นมาเฉ่งพ่อตัวดี
“ล่อเป้าผมนะพ่อ”
“เป้าเอ็งก็อยู่ที่กางเกงเอ็ง พ่อไปเกี่ยวอะไรด้วย”
พงศ์เทพหันไปหาเจ๋งที่กำลังตกอยู่ในภวังค์
“พี่กลับล่ะเจ๋ง อยู่แถวนี้ ตัวอันตรายเยอะ”
พงศ์เทพกับไปรับบทหลงต่อ
พร้อมพงศ์เซ็ง “เสียดาย จอมนางจับไอ้เทพไม่ได้”

ด้านฟ้าประทานขับรถคันหรู เข้าซอยถนนบ้านมิ่ง
“น้ามิ่งใจดีน่าดู ให้ผมขับรถเล่นรอบตัวเมือง”
“นี่ถ้าลูกคณะน้าไม่โทร.ตาม น้าจะให้เอ็งขับวนเล่นอีกซักรอบ บ้านน้าหลังนั้น”
มิ่งชี้บ้านหลังหนึ่ง ฟ้าประทานเห็นบ้านแล้วทึ่ง จอดรถหน้าบ้านหลังใหญ่ของมิ่งเห็นป้ายชื่อคณะลิเก มิ่งขวัญเทวา ใหญ่โตโก้หร่าน ตอนลงจากรถยังตะลึงแลจ้องบ้านไม่วางตา คิดในใจ น้ามิ่งรวยชะมัด

มิ่งพาฟ้าประทานเข้าบ้าน สภาพในบ้านยิ่งทำให้ฟ้าประทานอึ้ง ตกแต่งหรูหรา ฟ้าประทานมองห้องด้านในบ้านอย่างตื่นตาตื่นใจ ที่ห้องโถง ลูกคณะ มิ่งขวัญเทวา หลายคนรออยู่
“นี่ลูกคณะน้า พวกเอ็ง นี่ฟ้าประทาน พระเอกคณะเทียมฟ้า”
ฟ้าประทานกวาดยิ้มทักทายทุกคน แต่ละคนแต่งตัวดี ใส่ทองใส่เพชรกันอู้ฟู่
ฟ้าประทานเห็นชุดลิเกแขวนอยู่ ชุดสวยถูกใจมาก เดินไปดูชุดลิเกใกล้ๆ ชุดลิเกปักคริสตัลระยิบระยับ
“ชุดอลังมากเลยครับน้า”
“นี่ชุดพระเอก”
ฟ้าประทานลูบชุดพระเอกลิเกตาเป็นประกาย อยากใส่จุงเบย
ฟ้าประทานฝันกลางวันว่าได้เองใส่ชุดพระเอกลิเกของมิ่ง ก้มมองตัวเอง สีหน้าปลาบปลื้มกับชุดมาก
ฟ้าประทานดึงตัวเองกลับมา ได้แต่ลูบชุดพระเอกลิเกของมิ่งอย่างชื่นชม
“ชุดลิเกลูกบท สวยกว่าชุดลิเกทรงเครื่องชนิดเทียบกันไม่ได้ ชุดลิเกทรงเครื่อง ใส่ก็ยาก ใส่แล้วดูแก่ อย่างกับหลุดมาจากสมัยอยุธยา”
“น้าว่าชุดลิเกทรงเครื่องสวยออก น้ายังอยากกลับไปใส่”
“น้าชอบ แล้วทำไมน้าไม่ให้ลูกคณะน้าใส่ชุดลิเกทรงเครื่องล่ะ” มิ่งพูดไม่ออก ฟ้าประทานพูดต่อ “ก็เพราะน้ารู้ คนดูชอบชุดลิเกลูกบทมากกว่า มันอลังการ ฟู่ฟ่า ตระการตามีอยู่คนเดียวที่ไม่ยอมรับรู้...ครูเทียม”
ฟ้าประทานนึกถึงครูเทียมแล้วทำหน้าบึ้ง หงุดหงิดครูตกยุคแล้ว ไม่มีใครอยากดูลิเกทรงเครื่อง

ต่อมาฟ้าประทานมานั่งดูคณะมิ่งขวัญเทวาซ้อมลิเก ลูกคณะหญิงที่ซ้อมอยู่หันมาทางมิ่ง
“น้ามิ่ง พอถึงตรงที่นางเอกเจอพระเอก ชั้นร้องเพลงนี้มั้ยจ๊ะ” สาวเจ้าร้องเพลง ขอใจเธอแลกเบอร์โทร ประกอบท่าเต้น
“เออดีๆ คนดูต้องชอบ” มิ่งว่า
“เป็นคณะผม ครูเทียมด่าเปิง จะใส่ลูกเล่นอะไรลงไปก็ไม่ได้ ต้องร้องกลอนลิเกให้ถูกเป๊ะ ลูกคอต้องกี่ชั้น ท่ารำก็ห้ามผิด มือห้ามตก ต้องแตะชายพกไว้ตลอดเวลา ทุกสิ่งทุกอย่าง เยอะไปหมด เยอะจนคนดูเบื่อ”
มิ่งยัวะ ชักไม่ชอบใจฟ้าประทานนินทาแต่ครูเทียม “เฮ้ย น้าว่าเอ็งกลับบ้านเหอะ”

ฟ้าประทานหงุดหงิด เพราะไม่อยากกลับเข้าบ้านครูเทียม

ด้านกระแตวางตะกร้ากับข้าวลงบนโต๊ะในครัว มีหลงช่วยรื้อของในตะกร้าออกมา

“วันนี้ชั้นเจอพ่อค้าหน้าหื่น หน็อย มาบอกว่า น...” กระแตจะพูดว่านม “อืม...ตัวชั้นเล็ก”
“กระแตก็ไปตลาดทุกวัน ไม่เคยเจอพ่อค้าคนนี้มาก่อนเหรอครับ”
“เพิ่งเจอครั้งแรกจ้ะ มาขายเสื้อยืด พี่หลงเตรียมเครื่องทำกับข้าวทีนะจ๊ะ ชั้นต้องไปซ้อม”
กระแตเดินออกไปไปทางโถงกลางบ้าน หลงพึมพำอยู่คนเดียว
“พ่อค้าเสื้อยืดหน้าหื่น ไม่น่าใช่ไอ้เจ๋ง ไอ้เจ๋งมันไม่หื่น”

ฝ่ายตุ้ม ยืนกระวนกระวายรอฟ้าประทานอยู่ จนเห็นฟ้าประทานเดินขึ้นบันไดบ้านมา ตุ้มโกรธจัดเล่นงานทันที
“ไปเสวยสุขกับอีเจ๊ทรงงามถึงสวรรค์ชั้นไหนล่ะ มาส่งซะดึกดื่นค่อนคืน”
“น้ามิ่งมาส่งผม น้ามิ่งที่เคยอยู่คณะเราน่ะ”
“น้ามิ่งอยู่อ่างทอง จะมาได้ยังไง คนโกหก”
ตุ้มทุบฟ้าประทานพัลวัน
“เป็นบ้าไปแล้วรึไง”
“ใช่ ชั้นมันบ้า บ้าที่ไปรักผู้ชายที่ไม่รักชั้นจริง”
ตุ้มร้องไห้โฮ เสียงดัง ฟ้าประทานตกใจกลัวคนในบ้านตื่น รีบง้อตุ้ม “ไม่เอาจ้ะอย่าร้อง ผมรักตุ้มจริง ไม่เคยคิด
หลอกลวง”
ตุ้มสะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น “พิสูจน์ให้ชั้นเห็นสิ รักจริงของฟ้าประทาน หน้าตาเป็นยังไง”
ฟ้าประทานจับมือเรียวสวยของตุ้มมาจูบเอาใจ
“มือเรียวสวยนี้ คู่ควรกับเพชรน้ำงาม แต่...ผมไม่มีปัญญาซื้อแหวนเพชรให้ตุ้ม ตุ้มจ๋า รอผมเก็บเงินอีกหน่อยนะ เราค่อยแต่งงานกันเมื่อพร้อม”
ตุ้มเคลิ้มคำหวาน ฟ้าประทานกอดตุ้มเบาๆ ทำราวกับทะนุถนอม ตุ้มกอดซบอกฟ้าประทานร้องไห้เสียงเบาลง
ฟ้าประทานเอือมระอาตุ้มมาก ใกล้จะหมดความอดทนกับผู้หญิงเจ้าอารมณ์คนนี้

มีสายเข้าโทรศัพท์มือถือฟ้าประทานในตอนเช้า ฟ้าประทานกดรับสาย
“ฟ้าประทานพูดครับ”
“นี่พี่วรรณนะ ชั้นขอยกเลิกงานฉลองตลาดที่เคยคุยกันไว้”
“พรุ่งนี้จะไปเซ็นสัญญาจ้างแล้ว ยกเลิกไม่ได้นะครับ”
“ทำไมจะยกเลิกไม่ได้ พี่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา”
เจ๊วรรณเจ้าของตลาดบอกลาแล้ววางสาย
“อย่าวางสายหนีดิวะ”
ฟ้าประทานโทร.กลับทันที
“พี่วรรณรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะจ้างคณะเทียมฟ้าไปเล่น...” แต่โดนวางสายใส่อีก
ตุ้มที่นอนกกกันทั้งคืนใจเสีย “เจ้าของตลาดโทร.มายกเลิกงานเราเหรอจ๊ะ”
“งานอยู่ในมือแล้ว ผมไม่ปล่อยให้หลุดไปหรอก”
ฟ้าประทานรีบแต่งตัว ตุ้มก็รีบแต่งด้วยจะไปกับฟ้าประทาน

ฟ้าประทานขับรถมาบ้านเจ๊ทรงงาม ตุ้มติดรถมาด้วย เจ๊ทรงงามออกมาหาฟ้าประทานหน้าตาเจื่อนจ๋อย
“ทำไมเพื่อนเจ๊ถึงไม่จ้างเทียมฟ้า”
“ก็เจ๊วรรณเค้ากลัวว่าคณะเทียมฟ้าจะไม่มีคนดู ตลาดจะไม่คึกคักเค้าก็เลยไปจ้างคณะดังจากอ่างทองมาเล่นแทน ชื่อคณะมิ่งขวัญเทวา น่ะจ๊ะ”
“คณะน้ามิ่ง”
ฟ้าประทานโกรธ รีบกลับขึ้นรถตุ้มตามไปด้วย

ฟ้าประทานบึ่งรถมาอย่างเร็ว จอดรถหน้าบ้านมิ่งเอี๊ยด รถเบรกแรง จนตุ้มแทบหัวทิ่มคอนโซลรถ ฟ้าประทานลงรถ เดินลิ่วๆ เข้าบ้านมิ่งไป
“ค่อยๆ คุยกับน้ามิ่งนะฟ้าประทาน” ตุ้มรีบลงตามติดฟ้าประทานไป

ฟ้าประทานบุกเข้าบ้านมิ่ง ตุ้มตามมาดึงแขนฟ้าประทานรั้งไว้ คณะมิ่งขวัญเทวากำลังซ้อมลิเก
“น้ามิ่งเป็นลูกศิษย์คิดล้างครู” ฟ้าประทานพูดขึ้นเสียงดังลั่น
มิ่งเคือง จู่ๆ เจอด่าถึงบ้าน “เรื่องอะไรเอ็งมาด่าข้าในบ้านข้าวะ”
“น้ามิ่งคืนงานเปิดตลาดที่ตัวเมืองอยุธยาให้เทียมฟ้าเถอะนะจ๊ะ เราต้องการงานนี้มาก เราไม่มีงานที่อื่น” ตุ้มบอก
“งานเปิดตลาด 7 วัน 7 คืนในตัวเมือง ทางเจ้าของเค้าติดต่อเทียมฟ้าไว้เหรอ น้าไม่รู้...ถึงไง น้าก็คืนงานไม่ได้ตุ้ม น้าเซ็นสัญญาจ้างแล้ว ก็วันที่น้าไปหาครูเทียมที่บ้าน วันนั้นแหละ เค้านัดน้าไปเซ็นสัญญา”
ฟ้าประทานโกรธสุดๆ “น้ากินบนเรือนแล้วขี้รดบนหลังคา ครูเทียมให้ที่กินที่นอนน้าตอนน้าลำบาก พอน้าดัง น้าก็เหยียบหัวครู อกตัญญู”
ชาย 1 ลูกคณะชายโกรธ “เกินไปแล้วนะเว้ย น้ามิ่งน่ะ เป็นครูข้า”
ชาย 1 จะต่อย แต่โดนฟ้าประทานใส่ก่อน ฟ้าประทานต่อย ชาย 1 ปล้ำกันชุลมุน มิ่งกับชาวคณะมาช่วยห้าม จับแยกกันออกมา
“ฟ้าประทาน เอ็งกลับไปก่อน แล้วข้าจะกลับไปขอโทษครูเทียมเอง”

ฟ้าประทานกับตุ้มกลับมาถึงบ้านครูเทียม โมโหไม่หายที่ถูกคณะลิเกลูกบทครูแย่งงาน
“เอ็งเป็นอะไรของเอ็งวะฟ้าประทาน” ครูเทียมถาม
ฟ้าประทานเงียบ ไม่กล้าบอกครู แต่สุดท้ายต้องบอก
“อืม..งานเปิดตลาด 7 วัน 7 คืน เจ้าของตลาดเค้าเปลี่ยนใจ ไม่จ้างคณะเรา”
ชาวคณะหน้าตาเหรอเหรา
“ได้ไงอ่ะ เราซ้อมเรื่องใหม่กันแล้ว จะเล่นเพื่องานนี้”
กำจายด่าฟ้าประทาน “คุยกับเจ้าของงานไม่เป็น ทีหลังไม่ต้องไปคุย ให้ครูเทียมไป เอ็งทำพวกข้าเหนื่อยฟรี ซ้อมแทบตาย”
ฟ้าประทานโกรธ “น้ากำจายเก่งนัก ก็ไปหางานให้คณะให้ได้สิ”
ครูเทียมตัดบท “เอาน่าพวกเรา ชวดงานนี้ เดี๋ยวก็มีงานหน้า”
ทั้งคณะซึม จอมนางด้วย หลงมอง สีหน้าเห็นใจจอมนางและครูมาก

จอมนางหลบมาทำใจที่ศาลาริมคลอง สักครู่หลงตามออกมาหา แล้วร้องลิเกกลอนที่จอมนางร้องให้ฟังวันก่อน

จอมนางมองงง “มามุกไหนเนี่ยพี่หลง”
“ตอนพี่รู้สึกท้อแท้ จอมร้องกลอนลิเกให้กำลังใจพี่ พี่อยากให้กำลังใจจอมมั่งครับ” หลงร้องลิเกต่อ
จอมนางฟังอย่างลุ้น ว่าจะรอดมั้ย จะลงคำได้เหรอเปล่า จนหลงร้องจบ จอมนางกลั้นหัวเราะ
“พี่หลงร้องอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นเหมือนกลอนลิเก”
“อยากหัวเราะ ก็หัวเราะออกมาเถอะครับจอม พี่ลิเกมือใหม่ ด้นกลอนสดได้เท่านี้แหละ”
“ฟังกลอนพี่แล้ว ได้ทั้งกำลังใจ ได้ทั้ง...ฮา”
เห็นจอมนางระเบิดหัวเราะออกมา หลงยิ้มดีใจ ช่วยให้จอมนางหายซึม

พวกกำจายซึมกระทือ เก็บเครื่องดนตรี เก็บดาบลิเก ไม่มีงานเล่นแล้ว
“เฮ้อ...ไม่มีงานก็ไม่มีเงิน ตอนนี้ จนกรอบ” โก่งบ่นอุบ
“ก็อย่างที่ครูเทียมว่า ชวดงานนี้ เดี๋ยวก็มีงานหน้า เฮ้ย พวกเราอยู่ว่างๆ ก็ไปรับจ้างทำนา หารายได้พิเศษ”
กระแตเข้ามาหน้าตาหาพวกสุดๆ อัดอั้นมานาน
“น้ากำจาย พี่โก่ง โก๊ะ สังเกตไหมช่วงนี้ นังตุ้มมันไปไหนมาไหนกับฟ้าประทาน ตลอดเลยนะ คิดเหมือนชั้นไหม”
โก๊ะย้อน “ไปด้วยกันแล้วไง”
“ชั้นยังไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ เกิดพูดไปแล้วมันไม่ใช่ ชั้นก็เสีย”
กำจายอยากรู้ “มันเรื่องอะไรวะ เอ็งพูดซะข้าคันหู อยากฟัง”
กระแตลังเลชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะยื่นหน้าไปใกล้ๆ พวกกำจายที่ยื่นหน้ามาหา กำลังสุมหัวกัน
“รู้แล้วเหยียบไว้เลยนะ นังตุ้มกับฟ้าประทาน เป็นผัวเมียกัน”
พวกกำจายร้องพร้อมกันว่า “เฮ้ย”

คืนนั้นฟ้าประทานใคร่ครวญถึงอนาคตตัวเองในคณะเทียมฟ้าอยู่ในห้อง ตุ้มเข้ามาหาฟ้าประทาน
“ถ้าจะมาชวนทะเลาะ ผมขอล่ะตุ้ม ไม่ใช่ตอนนี้”
“ชั้นเป็นห่วงฟ้าประทาน”
“ตุ้ม ผมมาคิดดู คณะเทียมฟ้าไม่มีทางกลับมารุ่งเรือง มีแต่จะโรยราลงทุกวัน ถ้าเทียมฟ้าเป็นเรือ ก็เปรียบเหมือนเรือที่กำลังจะจม ซึ่งผม ไม่ยอมจมไปกับเรือลำนี้”
ตุ้มนึกสงสัยในคำพูดของฟ้าประทาน
“แล้วฟ้าประทานจะทำยังไงจ๊ะ”
“ผมอาจ...สละเรือ”

ตุ้มหน้าเหวอ ฟ้าประทานจะทิ้งคณะไป

อ่านต่อหน้า 2

ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 8 (ต่อ)

ในเช้าวันถัดมา ครูเทียมนุ่งชุดขาว ทำ น้ำมนต์ธรณีสาร เพื่อปัดเป่าเสนียดจัญไรให้ชาวคณะเทียมฟ้า กำจาย นุ่งชุดขาวเป็นผู้ช่วยในพิธี พระพุทธรูปถูกอัญเชิญมาตั้งข้างพ่อแก่เรียบร้อยแล้ว

“ข้าพเจ้าขอนมัสการ พระฤาษีทั้ง 108 องค์ พร้อมผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ พระศิวะ พระอิศวร พระอินทร์...” ครูท่องบทสวดยาวเหยียดอย่างคล่องแคล่วไม่มีติดขัด”
พิธีต่อมาครูเทียมจุดเทียนเหนือขันใส่น้ำสะอาด กำจายถือขัน
ครูเทียมหยดน้ำตาเทียนลงในขันน้ำ “โอม นะโมพุทธายะ พระโองการธรณีสาร ครูบาอาจารย์ประทานให้แก่กู ....” ครู่ท่องจนจบ

ต่อมาครูเทียมใช้ หญ้าคา พรมน้ำมนต์ธรณีสารให้ชาวคณะ
“ขอครูบาอาจารย์ พ่อแก่ แลพระฤาษีทั้งมวล ดลบันดาลให้พวกเอ็งเจริญรุ่งเรือง เสนียดจัญไรไม่กล้ำกราย”
ชาวคณะได้รับน้ำมนต์กันถ้วนทั่ว ต่างยกมือไหว้สาธุ ครูเทียมไปพรมน้ำมนต์ตัวบ้าน โดยกำจายถือขันน้ำมนต์ให้ ทั้งสองคนเดินหายไป
หลงสงสัย “ครูเทียมขอน้ำมนต์หลวงพ่อที่วัดไหนมาครับ”
โก่งบอกว่า “น้ำมนต์ที่วัดเป็นน้ำมนต์พุทธคุณ ที่ครูพรมให้เมื่อกี้ เป็นน้ำมนต์ธรณีสาร”
หลงทวนคำ ยังงงอยู่ “น้ำมนต์ธรณีสาร”
“น้ำมนต์ธรณีสารใช้ปัดเป่ารังควาน เสนียดจัญไรน่ะจ้ะพี่ ปู่มีวิชา ทำน้ำมนต์เอง”
“ปู่หวังให้น้ำมนต์ธรณีสาร ปัดเป่าสิ่งไม่ดีไปจากคณะเรา คณะเราได้มีงานเข้ามาเยอะๆ”
ฟ้าประทานพูดบ่นบ้าคนเดียว “ติดอยู่กับกรอบเดิมๆ เล่นลิเกแบบเดิมๆ พรมน้ำมนต์ 10 ขัน ก็ช่วยไม่ได้”
หลง จอมนาง กระแต โก่ง โก๊ะ มองฟ้าประทานด้วยสายตาตำหนิ แม้แต่ตุ้ม ก็ยังไม่ชอบใจที่ฟ้าประทานพูดคำนี้ พระเอกคนดัง ไม่สลด แถมไม่แยแสความรู้สึกชาวคณะสักน้อย

หน้ากระดานบอร์ดงานว่างเปล่าไม่มีคิวงานเลยสักงาน ฟ้าประทานยืนหน้าตาบึ้งตึง มองบอร์ดงานอยู่ พลางคิดใคร่ครวญ
“คณะไม่มีงานจ้าง แทนที่หัวหน้าคณะจะออกไปหางาน กลับทำน้ำมนต์ ขอบคุณมากครับครู ครูทำให้ผมตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะ”
ฟ้าประทานมีแววตาแน่วแน่ ตัดสินใจอนาคตตัวเองได้แล้ว จะอยู่ หรือไป จากเทียมฟ้า

ฟ้าประทานเดินดิ่งมาที่รถ จะไปข้างนอก ตุ้มตามมา
“ชั้นไปด้วย”
“ผมจะไปธุระสำคัญ”
ตุ้มไม่สน ขึ้นรถก่อน ฟ้าประทานหน้าตาเซ็งสุดๆ จำใจขับรถพาตุ้มไปด้วย
ส่วนในบ้าน กระแต กับพวกกำจายแอบดูฟ้าประทานกับตุ้มอยู่ข้างฝาบ้าน ยื่นหน้าเรียงกันสลอนเป็นแนวตั้ง ดูตลกๆ
“ใครได้ยินบ้างว่าฟ้าประทานคุยอะไรกับตุ้ม” โก๊ะถาม
“เอ็งได้ยินว่าอะไรล่ะ” โก่งหันมาทางโก๊ะ
“ได้ยินแล้วชั้นจะถามเหรอ โง่จริงๆ” โก๊ะกวน
“ข้าอยู่ตรงนี้กับเอ็ง แล้วข้าจะได้ยินมั้ย ไอ้โง่กว่าจริงๆ” โก่งตบหัวโก๊ะป้าบ
“อย่ามัวแต่ทะเลาะกัน รีบตามไปเร็ว เผื่อได้เห็นอะไรเด็ดๆ” กระแตเร่ง
“นักสืบแห่งบางไทร เริ่มปฏิบัติการเว้ยเฮ้ย”
พลางกำจายคว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์รีบออกไป โก๊ะและโก่งไปกับกำจายด้วย สามคนท่าทางรื่นเริงกันน่าดู
“ขอให้น้ากำจายได้หลักฐานแฉนังตุ้มทีเถ๊อะ ปกปิดความรักอย่างกับเป็นซุปตาร์ หมั่นไส้ ฮึ” กระแตค้อนควักตามสามคนไป

ฟ้าประทานจอดรถหน้าบ้านเจ๊ทรงงาม โดยไม่รู้ว่าพวกกำจายขี่มอเตอร์ไซค์ตามมา และจอดแอบดู
“อย่าบอกนะเว้ย มาจู๋จี๋กันที่บ้านเจ๊ทรงงาม สามคนผัวคนเมียเลยนะนั่น”

กำจายยิ้มกริ่ม

ฟ้าประทานสั่งตุ้มให้รอในรถ

“ตุ้มรอในรถนะ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจ๊ทรงงาม”
ตุ้มเสียงแข็ง ไม่ยอม “ไม่! ชั้นจะตามไปเฝ้าผัวชั้น”
ฟ้าประทานชั่งใจ ก่อนตัดสินใจบอกตุ้ม
“ฟังผมนะตุ้ม ผมจะเข้าไปขอให้เจ๊ทรงงาม...ลงทุนทำคณะลิเกให้ผม”
ตุ้มหน้าเหวอ ตกใจมาก “ฟ้าประทานจะทิ้งเทียมฟ้าไปจริงๆ เหรอ”
“ครูเทียมส่งผมมาสุดทางแล้ว เจ๊ทรงงามเป็นคนเดียวที่มีกำลังพอ ส่งผมให้ไปถึงฝัน ระหว่างนี้ ตุ้มห้ามให้เจ๊ทรงงามรู้เด็ดขาดว่าเราเป็นอะไรกัน เจ๊รู้ เจ๊ต้องไม่ช่วยผม”
“จะให้ชั้นปิดถึงเมื่อไหร่” ตุ้มหน้างอตาคว่ำ
“ไม่นานหรอก ผมจะรีบตั้งคณะให้เร็วที่สุด”
ตุ้มพยักหน้าตกลง จะปิดความสัมพันธ์เป็นความลับไว้ก่อน ฟ้าประทานยิ้มพอใจ ก้าวลงรถเข้าบ้านเจ๊ทรงงามไป ตุ้มรอในรถ สีหน้าไม่สบายใจเลย
“ครูเทียมรู้จะเป็นยังไงนะ”

เจ๊ทรงงามฟังจบร้องเสียงหลง
“ให้เจ๊ลงทุนทำคณะลิเก เอ่อ...ใช้เงินเป็นล้านนะจ๊ะ”
“เรื่องขาดทุน เจ๊ลืมไปได้เลยครับ ชื่อเสียงระดับผม งานปิดวิก คนดูต้องแย่งกันซื้อตั๋ว เรื่องคิวงานไม่ต้องพูดถึง แน่นเอี๊ยดข้ามปีแน่นอน”
เจ๊ทรงงามก็ยังลังเล ไม่เชื่อมือฟ้าประทาน
ฟ้าประทานรีบใช้คารมหลอกล่อ “ผมคิดเสมอว่า ความรักของเจ๊ เต็มไปด้วยความหวังดี แต่ผม...คิดผิด” ยอดพระเอกลิเกตีหน้าเศร้า
เจ๊ทรงงามใจหล่น สงสาร “พ่อฟ้าประทาน อย่าพูดอย่างนี้ซี่ เหมือนเอาคมมีดกรีดหัวใจเจ๊”
ฟ้าประทานแสร้งตัดพ้อ “เจ๊ไม่อยากเห็นผมก้าวหน้า ไม่อยากเห็นผมมีชื่อเสียง ไม่อยากเห็นผมเป็นขวัญใจแฟนๆ ทั่วประเทศ ไม่อยากเห็นผมเป็นพระเอกลิเกเบอร์หนึ่งในวงการถ้าเจ๊คิดอย่างนี้ เจ๊ก็ไม่ต้องช่วยผมครับ”
“โลกเนี้ย ไม่มีใครอยากเห็นฟ้าประทานโด่งดังเป็นพลุแตกเท่าเจ๊ทรงงามคนนี้อีกแล้ว...ขอเวลาเจ๊คิดหน่อยนะจ๊ะ เงินตั้งหลายล้าน”
“เจ๊จะตัดสินใจยังไง ก็สุดแท้แต่หัวใจเจ๊เถอะครับ ส่วนหัวใจผม วางไว้ในมือเจ๊แล้ว เจ๊เป็นคนเดียวที่ทำให้หัวใจผมแหลกสลายได้”
“โถๆๆๆ ทูนหัวของเจ๊”
เจ๊ทรงงามแทบละลายกอดฟ้าประทาน โดยไม่เห็นยิ้มเจ้าเล่ห์ของพ่อฟ้าประทาน เจ๊ทรงงามติดกับงับเบ็ดหมับ

ไม่นานต่อมาเจ๊ทรงงามออกมาส่งฟ้าประทานที่รถ ฟ้าประทานยังตีหน้าเศร้าให้เจ๊เห็นใจ
“เจ๊อย่าบอกเรื่องผมจะตั้งคณะลิเกกับใครนะครับ เป็นความลับระหว่างเราสองคน”
“จ้ะ เจ๊จะไม่ลืมตัวเม้าท์มอยให้ใครฟัง”
“ไม่ว่าเจ๊ตัดสินใจยังไง ผมก็รักเจ๊เหมือนเดิมครับ”
ฟ้าประทานยิ้มเศร้าให้อีกดอก ทำเอาเจ๊ทรงงามสลดหดหู่ แต่พอขึ้นรถ ฟ้าประทานกลับยิ้มร่า
ตุ้มเห็นฟ้าประทานยิ้มก็เดาออก “กล่อมเจ๊ทรงงามสำเร็จสิ”
“ปลาเพิ่งฮุบเหยื่อ ต้องรอจังหวะ แล้วค่อยตวัดสายเบ็ดขึ้น”
ฟ้าประทานกระหยิ่มยิ้มย่อง ขับรถออกไป
เจ๊ทรงงามมองตามหน้าตากลัดกลุ้ม เดินกลับเข้าบ้าน
“เงินกับผัวเด็ก เงินกับผัวเด็ก เงินกับผัวเด็ก โอ๊ย...เลือกอะไรดี”

พวกกำจายแอบดูอยู่ที่เดิม
“ตามฟ้าประทานไปกันน้า” โก่งเร่ง
“เฮ้ย ยุติภารกิจก่อน ข้ามองอยู่ รู้สึกว่ามันแปลกๆ นังตุ้มปล่อยให้ฟ้าประทานเข้าบ้านเจ๊ทรงงาม ทั้งที่รู้ เจ๊ทรงงามจ้องงาบผัว”
“ไม่เห็นแปลกเลยน้า ฟ้าประทานมันจับแยก ไม่ให้เมียกับแม่ยกตีกัน” โก๊ะว่า
“เจ๊ทรงงามดูกลุ้มอกกลุ้มใจชอบกล ปกติเวลาเจอฟ้าประทาน เจ๊แกระริกระรี้เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ”
โก่งไม่ติดใจ “งอนล่ะมั้ง ฟ้าประทานพาตุ้มมาด้วย”
“เรื่องนี้ต้องมีอะไรซ่อนอยู่ นอกจากเรื่องชู้สาว”
กำจายสงสัยอยู่คนเดียว โก่งกับโก๊ะเฉยๆ ไม่เห็นมีอะไรน่าแปลกใจตรงไหน

พอถึงบ้าน พวกกำจายนำความมาเล่าให้กระแตยอดนักสืบฟัง เรื่องตามฟ้าประทานไปถึงบ้านเจ๊ทรงงาม
“ไม่มีอะไรซ่อนอยู่หรอกน้า ฟ้าประทานกับตุ้มลักลอบเป็นผัวเมียกันก็เท่านั้นแหละ”
“กระแต ถ้าเอ็งมีผัว เอ็งจะยอมให้ผัวเข้าบ้านผู้หญิงที่จ้องงาบผัวเอ็งมั้ย”
“กระแตเคยมีผัวซะที่ไหนเล่าน้า ถามให้ถูกคนหน่อย” โก๊ะกวน
“ให้ถามโก๊ะรึไง” กระแตหมั่นไส้
“เอ้อ...ชั้นไม่เคยมีผัว” โก๊ะยิ้มหัวแหะๆ
จอมนางผ่านมา เห็นกระแตกับพวกกำจายสุมหัวกันอยู่ ก็พูดค่อนแคะเหน็บแนมขึ้นขำๆ
“ตั้งสมาคมนินทาแห่งชาติกันเหรอจ๊ะ”
“พวกเรากำลังตามสืบคดีชู้สาวน่ะจอม” โก่งบอก
“เรื่องฟ้าประทานกับตุ้มสิ สองคนนั่นจะเป็นอะไรกัน ก็ช่างเค้าเหอะ เอาตัวเราให้รอดก่อน” จอมนางหันมาทางกระแต “จัดของเสร็จแล้วจ้ะ ไปกันได้แล้ว”
กระแตกำชับกับพวกกำจาย “สืบต่อนะจ๊ะ แฉนังตุ้มให้ได้”
จอมนางส่ายหน้า ที่กระแตไม่เลิกไม่ราเรื่องตุ้มซะที จอมนางเดินนำออกไป กระแตตาม
“ข้าว่าฟ้าประทานต้องมีความลับอย่างอื่นอีก นอกจากเรื่องตุ้ม” กำจายมั่นใจมาก
“น้าคิดไปเอง” โก๊ะว่า

โก๊ะกับโก่งแยกย้ายส่ายตูดออกไป เหลือกำจายครุ่นคิดติดใจอยู่คนเดียว

อ่านต่อหน้า 3

ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 8 (ต่อ)

ไม่นานต่อมากระแตดูต้นทางให้จอมนาง จนแน่ใจว่าทางสะดวก ไม่มีใครแถวนี้ กระแตโบกมือให้จอมนางมาได้ จอมนางวิ่งจู๊ด มาหยุดตรงมุมเก็บเครื่องทรงลิเก

“รีบหน่อยนะจอม เดี๋ยวปู่มา”
จอมนางมองเครื่องทรงลิเก เลือกไม่ถูก จะเอาอันไหนไปจำนำดี

จอมนางอุ้มลังกระดาษขนาดกลางมาทางหน้าบ้าน อย่างระมัดระวัง กระแตเดินตามมาด้วย สองสาวรีบเดิน กลัวใครมาเห็น
แต่พอจะสาวเท้าก้าวออกประตูรั้ว เสียงครูเทียมก็ดังขึ้น
“พวกเอ็งจะไปไหน”
สองสาวสะดุ้ง หันมาหาครู
จอมนางโกหกว่า “ชั้น...เก็บเสื้อผ้าเก่าๆ ไปบริจาคจ้ะ”
กระแตช่วยโกหกอีกแรง “ทางอำเภอตั้งโต๊ะรับบริจาคหน้าที่ว่าการน่ะจ้ะปู่”
“ให้ใครขับรถไปส่งสิ”
“พี่หลงเอารถตู้ไปถ่ายน้ำมันเครื่องจ้ะ พวกชั้นจะไปรถสองแถว ขี่มอเตอร์ไซค์ไป กลัวทำลังเสื้อผ้าหล่น”
กระแตแถเป็นเรื่องเป็นราว จอมนางตัดบท “พวกชั้นไปนะจ๊ะปู่”
จอมนางกับกระแตรีบไป ครูเทียมมองตาม ไม่ค่อยเชื่อหลานสาวนัก

จอมนางกับกระแตถือลังมา เห็นหลงจอดรถตู้รอถัดจากบ้านมาร้อยกว่าเมตร
“อ้าว ไหนพี่กระแตว่าพี่หลงเอารถไปถ่ายน้ำมันเครื่อง”
“พี่วานให้พี่หลงไปส่งเรา”
“เราคุยกันแล้วนะจ๊ะพี่ เรื่องนี้ห้ามให้ใครรู้” จอมนางฉุนนิดๆ
หลงเอ่ยขึ้น “พี่ไม่บอกพวกน้ากำจายหรอกครับจอม ยิ่งครูเทียม พี่ยิ่งไม่พูด”
“รีบไปเถอะจอม เดี๋ยวใครออกมาเห็น”
จอมนางขึ้นรถวางลังบนตัก กอดไว้อย่างทะนุถนอม กลัวตกหล่น กระแตนั่งหน้า หลงขับรถตู้ไป

ทั้งสามคนมาถึงหน้าโรงรับจำนำแล้ว จอมนางเกิดลังเล ไม่อยากเอาของจำนำ
“เปลี่ยนใจเหรอจอม”
“เอาก็เอา เพื่อปากท้องชาวคณะ”
จอมนางตัดใจ เอาของออกจากลัง ส่งลังให้หลงช่วยถือ ของที่จอมนางเอาออกจากลังคือ “รุ้งใส่ยอดลิเก”
หลงเล็งแล “พี่เห็นตั้งอยู่ในบ้าน ว่าจะถามหลายหนว่าแล้วคืออะไร”
“เค้าเรียก...รุ้งจ้ะ เอาไว้ใส่ยอดลิเก” จอมนางบอก
หลงงง “รุ้ง แบบรุ้งกินน้ำน่ะเหรอครับ”
“จ้ะ ชั้นก็ไม่รู้ทำไมถึงเรียกแบบนี้ ปู่เรียก ชั้นก็เรียกตาม”
“ครูเทียมจะสังเกตมั้ยครับว่ารุ้งหายไป”
“ไม่น่านะจ๊ะ ปู่ไม่ค่อยมาดูตรงที่วางรุ้ง ชั้นเป็นคนดูแลเครื่องทรง” กระแตว่า
“ไปจ้ะ ชั้นพร้อมแล้ว”
จอมนางสูดลมหายใจลึกๆ ทำใจ ก่อนนำเข้าโรงรับจำนำเป็นคนแรก

จอมนางเปิดรุ้ง ในรุ้งเป็น...ยอดลิเก ของเก่าแก่ จอมนางมองอย่างอาลัยอาวรณ์ ใจไม่อยากจำนำ แต่มันจำเป็น เถ้าแก่โรงรับจำนำมองยอดลิเกใกล้ๆ เพื่อตีราคา เห็นโครงเครื่องเงินงดงามวิจิตรบรรจง
เถ้าแก่บอก “3 พัน”
“3 พัน” จอมนางอึ้ง “นี่ของเก่าแก่อายุเกือบร้อยปีนะเถ้าแก่”
“อยากได้ราคาดี ก็เอาไปขายพิพิธภัณฑ์” เถ้าแก่เล่นแง่
กระแตบอก “ดูชัดๆ สิจ๊ะเถ้าแก่ เพชรแท้ทุกเม็ดนะ”
เถ้าแก่ใช้กล้องส่องเพชร “มันเพชรลิเก”
จอมนางกับกระแตหน้าม่อย ได้ราคาจำนำต่ำกว่าที่คิดมาก
หลงมองอยู่ ช่วยโก่งราคา “พี่บอกจอมแล้ว อย่าเอามาจำนำ แกะเพชรขาย ก็ได้ตั้งห้าหกพัน”
จอมนางรับลูกจากหลงทันที “แกะเพชรแล้วใส่ยากจ้ะ ชั้นไม่อยากแกะ”
“เครื่องเงินที่ใช้ทำยอด เอาไปหลอมเป็นก้อนเงิน ก็ขายได้อีกตั้งหลายพัน” หลงว่าราวกับผู้เชี่ยวชาญ
“ต้องไปจ้างช่างเงินหลอม เปลือง”
เถ้าแก่มองสองคนไปมา สุดท้ายบิ้วท์ขึ้นตามแผน “ให้ 5 พันแล้วกัน”
“6 ต่ำกว่านี้” หลงพูดจริงจังมาก “เอาไปแต่รุ้ง ผมจะเอายอดกลับบ้าน”
“อ่ะ 6 พัน ก็ 6 พัน ปั๊มนิ้วมือเลย”
เถ้าแก่ปิดฝารุ้ง จะเอายอดลิเกไปเก็บด้านใน วินาทีนั้นจอมนางเกิดหวงขึ้นมาไม่ยอมให้ จอมนางกับเถ้าแก่ยื้อรุ้งใส่ยอดลิเกกัน ฝ่ายจอมนางไม่ยอมให้ ฝ่ายเถ้าแก่ก็จะเอาให้ได้ หลงกับกระแตกรอกตามองไปมองมา ใครจะได้รุ้งใส่ยอดลิเกไป

หลงกับกระแตเดินหน้าเซ็ง ออกมาจากโรงรับจำนำ จอมนางเดินรั้งท้ายอุ้มยอดลิเกอย่างทะนุถนอม ตกลงเลยไม่ได้จำนำ
“ตากหน้าเข้าโรงรับจำนำ ได้มาร้อยเดียว” กระแตบ่นชูแบงค์ร้อยในมือ “ค่าจำนำรุ้งใส่ยอดลิเก”
“ก็ชั้นตัดใจจำนำยอดลิเกไม่ได้นี่จ๊ะ ไม่อยากเอาของมีค่า ฝากไว้กับคนไม่เห็นค่า เกิดยอดลิเกเสียหายขึ้นมา ไม่มีช่างซ่อมแล้ว”
“พวกร้านตัดชุดลิเกซ่อมไม่ได้เหรอครับ” หลงถาม
“ไม่มีช่างจ้ะ ช่างทำยอดลิเกล้มหายตายจากไปหมดแล้ว”
“วันนี้เราจะเอาเงินที่ไหนซื้อกับข้าวล่ะจอม ข้าวสารก็หมด” กระแตเครียด
“ชั้นยังพอมีเงินในเอทีเอ็ม เดี๋ยวไปกดให้”
หลงควักเงินในกระเป๋าให้กระแตหมดเลย ประมาณสามร้อยกว่าบาท
“พี่ช่วยค่ากับข้าวครับ”
“ขอบใจจ้ะ”
จอมนางมองยอดลิเกที่ถือไว้อย่างหวงแหน ไม่มีวันยอมยกให้ใคร

ฟากเจ๋งกับพร้อมพงศ์ขายเสื้อยืด สกรีนประโยคที่ว่า “คนสวยบางไทร” ขายดิบขายดี เหลือเสื้อไม่กี่ตัว สาว 2 คนกำลังเลือกเสื้อ
สาว 1 ถามขึ้น “ไม่มี Size M เหรอพี่”
เจ๋งบอก “หมดสต็อกครับ”
สาว 2 จ่ายเงินค่าเสื้อให้พร้อมพงศ์ แต่พร้อมพงศ์แอบเก็บเงินใส่กระเป๋ากางเกง
“ฮั่นแน่ลุง เห็นนะ เอาคืนมา ผมจะเอาไปทำทุนต่อ”
“ลุงมาช่วยขาย ต้องได้ค่าจ้างเว้ย”
เจ๋งเห็นกระแตเดินผ่านไป แต่กระแตไม่เห็นเจ๋ง
“เดี๋ยวผมมาเคลียร์กับลุง”

เจ๋งรีบตามกระแต แต่นึกได้ วิ่งย้อนกลับมาหยิบเสื้อยืด คนสวยบางไทร ไปด้วย 1 ตัว

ขณะที่กระแตเดินดูกับข้าวรอตังค์จากจอมนางอยู่นั้น เจ๋งเดินมาแซงหน้า กระแตจำเจ๋งได้แม่น ทำหน้างอใส่

“ไม่ว่าคุณทำหน้ายังไง คุณก็เป็น...” เจ๋งชูเสื้อยืด คนสวยบางไทร ยิ้มร่า
“ชั้นอ่านหนังสือไม่ค่อยออก เขียนว่า...ไอ้ลามก ใช่มั้ย” กระแตกวนกลับ
“อุ๊ย คนสวยหลอกด่า คิดซะว่าเป็นคำชม ฮะๆๆ”
กระแตไม่อยากคุยกับเจ๋ง เดินหนีไปเลย เจ๋งเดินตามตื๊อ
“ชื่ออะไรอ่ะครับ”
กระแตไม่ตอบ
“ผมเรียกคุณว่า...คนสวยบางไทรนะ”
กระแตหันไปทางหนึ่ง เห็นหลงกับจอมนาง รีบกวักมือเรียก เจ๋งอึ้ง พี่เทพรู้จักผู้หญิงสวยคนนี้ด้วย ฝ่ายหลงก็อึ้ง เห็นเจ๋งมาทำรุ่มร่ามยุ่งอะไรกับกระแต
“พี่หลงช่วยไล่ไอ้ลามกนี่ไปที”
จอมนางจำได้ “ไอ้ลามก นี่หลานลุงพงศ์ คนแถวบ้านเราจ้ะพี่กระแต”
“เจ๋ง ผู้หญิงเค้าไม่เล่นด้วย อย่าตื๊อเลยนะ”
หลงใช้สายตาไล่เจ๋งให้ไปซะ เจ๋งหน้าเป็นตูด ยอมไปตามความต้องการพี่เทพที่เคารพ
จอมนางยิ้มขำแซวกระแต “เสน่ห์แรงนะจ๊ะ พี่เจ๋งเพิ่งย้ายมาอยู่ ก็หลงความสวยพี่ซะแล้ว”
กระแตไม่ขำ “อย่าเอาพี่ไปเกลือกกลั้วกับไอ้ลามกนั่น พี่หยะแหยง ค่ากับข้าวล่ะจอม
จอมนางส่งเงินให้กระแต 3 พันกว่าบาท “กดมาหมดบัญชีเลยจ้ะ”
“พี่จะประหยัดใช้ จอมไปช่วยพี่หิ้วกับข้าว”
หลงจะไปหาเจ๋ง “พี่ไปรอที่รถนะครับ”
หลงแยกตัวออกจากตลาดสดไป

พงศ์เทพทิ้งบทหลงไว้ เดินเข้ามาหาเจ๋งที่แผงขายเสื้อยืด เจ๋งหน้าเป็นตูด เคืองพี่เทพมวาก
“ไล่ผมเหมือนผมไม่ใช่น้องใช่นุ่งเลยนะพี่”
“ก็เอ็งไปชอบใครไม่ชอบ ดันไปชอบผู้หญิงบ้านลิเก ห้ามเอ็งจีบกระแต เอ็งจะทำความลับพี่แตก”
พร้อมพงศ์หมั่นไส้ยุส่ง “ลุยบ้านลิเกเลยเจ๋ง ลุงเชียร์”
“วิธีไหนที่ทำให้ผมเสี่ยงความลับแตกนี่ พ่อไม่ทิ้งโอกาสเลยนะครับ” พงศ์เทพเย้า
“ผมชอบผู้หญิงคนนั้น สเป็คผมเลย ผมจะจีบ” เจ๋งยืนกราน
“เอ็งนี่ดื้อชะมัด”
“มันก็ดื้อด้านเหมือนพี่ชายมันไง” พร้อมพงศ์หลอกด่าลูกชาย
พงศ์เทพมองเสื้อยืดที่วางขาย เหลือไม่กี่ตัว “พักเรื่องผู้หญิงไว้ก่อน ไปซื้อของที่กรุงเทพฯ มาทำเสื้อยืดเพิ่ม สั่งทำบล็อกสกรีนอีกอันด้วย ไปเดี๋ยวนี้เลย ได้ทำขายพรุ่งนี้ทัน”
“เร็วลุง ช่วยเก็บร้าน”
“พี่อยู่ช่วยไม่ได้นะ เดี๋ยวจอมมาเห็น”
พงศ์เทพรีบกลับไปเป็นไอ้หลงต่อ พร้อมพงศ์ช่วยเจ๋งเก็บร้าน ปากบ่นไม่หยุด
“ไอ้เทพติดพันสาวบางไทร นี่เอ็งก็เจอดีเข้าอีกคน สาวกรุงเทพฯ สวยสู้สาวบางไทรไม่ได้ตรงไหนวะ พวกเอ็งเล่นลืมสาวกรุงเทพฯ กันเลย”

เย็นนั้นชาวคณะทั้งหมดนั่งล้อมวงกินข้าว มื้อเย็นวันนี้กับข้าวมีแค่สองอย่าง อย่างละนิด แต่ละคนเลยตักกับข้าวนิดเดียว หลงกินแต่ข้าวเปล่า จนข้าวหมด หันไปคดข้าวในหม้อ ข้าวก็หมดหม้ออีก
“ผมอิ่มแล้วครับ”
จอมนางเห็นข้าวหมดหม้อ
“ช่วงนี้ชั้นลดหุ่น พี่หลงแบ่งข้าวไปหน่อยจ้ะ”
จอมนางตักแบ่งข้าวให้ หลงมองจอมนางอย่างซึ้งน้ำใจ รู้ว่าตั้งใจแบ่งข้าวให้
“จอมผอมจะตาย ต้องกินเยอะๆ ครับ” หลงตักข้าวคืนจอมนาง เหลือไว้ให้ตัวเองนิดหน่อย
ครูเทียมเอ่ยขึ้น “หมูชิ้นสุดท้าย ใครตอบปัญหาได้ คนนั้นได้กิน อะไรเอ่ย มีปีกแต่บินไม่ได้”
โก่งตอบว่า “นกปีกหัก”
“ไม่ใช่” ครูเทียมบอก
โก๊ะตอบว่า “กระหัง”
กระแตตอบ “กระหังไม่มีปีก ใช้กระด้งบิน”

“พวกเอ็งแหงนมองท้องฟ้า คำตอบอยู่บนฟ้า”
ทุกคนแหงนมองท้องฟ้า ครูเทียมฉกหมูชิ้นสุดท้ายมากินหน้าตาเฉย
กระแตค้อน “ปู่ขี้โกง”
“ก็ข้าตอบถูกอยู่คนเดียว มีปีกแต่บินไม่ได้ ก็ข้านี่ไง” ครูเทียมเอามือตีปีกพับๆ
“เพื่อหมูชิ้นเดียว ทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ยกให้ครูแกไปเห๊อะ” โก่งว่า

ทุกคนหัวเราะร่า ถึงแม่ในวันที่ท้องกินไม่อิ่ม แต่คนบ้านลิเกก็ยังหัวเราะได้ หลงมองภาพตรงหน้าอย่างสุขใจ

อ่านต่อหน้า 3

ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 8 (ต่อ)

จอมนางแต่งตัวเรียบร้อยกว่าทุกวัน นุ่งกะโปรง ใส่เสื้อสีเรียบร้อย ดูสวยแปลกตา กำลังจัดเอกสาร ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน ใส่แฟ้มเอกสาร กระแตเดินเข้ามาหา

“จอม วันนี้พวกน้ากำจายสะกดรอยตามฟ้าประทานกับตุ้มไป พี่อาจได้ภาพเด็ดมาแฉนังตุ้ม”
“พี่กระแตก็ ไม่วางมือเรื่องนี้ซะที”
กระแตมองการแต่งตัวแปลกตาของจอมนาง “จะไปสมัครเรียนเหรอนั่นน่ะ แต่งตัวซะเรียบร้อยเชียว”
“สมัครงานจ้ะ”
“สมัครงาน? นึกอะไรขึ้นมาน่ะจอม”
“คณะไม่มีงาน เงินเก็บก็ร่อยหรอ ชั้นต้องหาเงินมาจุนเจือคณะ”
“พรุ่งนี้เราอาจมีงานเข้ามา จอมอย่าไปทำงานให้ลำบากเลย”
“ชั้นไม่อยากหวังน้ำบ่อหน้าจ้ะ พี่กระแตเห็นวุฒิการศึกษาชั้นมั้ยจ๊ะ จำไม่ได้เก็บไว้ไหน”
กระแตช่วยหาเอกสารวุฒิการศึกษาของจอมนาง

ไม่นานต่อมาจอมนางแอบย่องมาที่ประตูรั้ว ไม่อยากให้คนในบ้านรู้ว่าวันนี้เธอจะออกไปหางานทำ กระแตวิ่งมาหาน้องสาว
“พี่ทำข้าวกล่องให้เอาไปกิน ร้านข้าวในตัวเมืองแพง”
“ขอบใจจ้ะ พี่กระแตอย่าลืมนะ ถ้าปู่ถาม ให้บอกว่าชั้นนัดดูหนังกับเพื่อนที่ตัวเมือง ปู่รู้ว่าชั้นไปหางานทำ ต้องไม่ยอม ปู่ไม่อยากให้ชั้นลำบาก ชั้นไปนะจ๊ะ เดี๋ยวปู่มาเห็น”
จอมนางรีบเดินออกไป กระแตมองตามน้องสาวอย่างเป็นห่วง
จอมนางเดินหางานทำทั่วเมือง ผ่านบริษัทหนึ่งมีป้ายติด “รับสมัครพนักงานประจำสำนักงาน ”
จอมนางยิ้มร่า “แหม ดวงคนจะได้งาน เจอบริษัทแรก ก็รับคนเลย”
จอมนางอารมณ์ดี กำลังจะเข้าบริษัท ยามเดินออกมา
“มาหาใครครับ”
“สมัครงานจ้ะ”
“รับคนไปแล้วเมื่อวาน ลืมเอาป้ายออก” ยามเดินมาเอาป้ายรับสมัครงานออก
“พี่ก็ มาให้ความหวัง แล้วดับฝันกลางแดดซะอย่างงั้น”
จอมนางไม่ท้อ ยังยิ้มได้ อารมณ์ดี เดินหางานต่อ

จอมนางเดินหางาน มาตามเรือนตึกแถวที่เป็นบริษัทห้างร้านในตัวเมืองอยุธยา กำลังใจเต็มเปี่ยม ไม่มีบริษัทไหนติดป้ายรับสมัครงาน
หลังเดินหางานมาครึ่งค่อนวัน จอมนางเริ่มยิ้มไม่ออก เดินหน้าหงอยมา
จอมนางนั่งพักกินข้าวกล่องที่พี่กระแตทำมาให้จากบ้าน โดยมานั่งพักในสวนสาธารณะ
พระอาทิตย์ตกดินแล้ว
จอมนางเดินหางานมาตั้งแต่เช้าจนเย็นย่ำ ขาสองข้างล้า เดินช้าลงไปมาก หน้าตาอิดโรย เหนื่อยอ่อน

เย็นเดียวกัน ครอบครัวเสี่ยเต๊กกินข้าวเย็นใกล้อิ่มกันแล้ว อาจงเอายามาให้คุณหนูเหมยฮัว
“ไม่สบายเป็นอะไรเหมย”
เหมยฮัวกลัวเตี่ยไม่กล้าตอบ
“ยาบำรุงครรภ์น่ะเสี่ย อั๊วพาเหมยฝากท้องที่โรงพยาบาล คุณหมอมงคลฝากสวัสดีเสี่ยมาด้วยนะ”
“นี่ลื๊อพาเหมยไปฝากท้องโรงพยาบาลประจำของเรา” เสี่ยโวยด่าลูกเมีย “เพื่อนฝูงอั๊วรักษาโรงพยาบาลนี้ทั้งนั้น พวกมันก็ต้องรู้ ลูกสาวอั๊ว ท้องไม่มีพ่อ”
เหมยฮัวหน้าสลด โดนเตี่ยด่าอีกแล้ว
เหลียนฮัวเห็นแล้วสงสารลูก “เลิกว่าลูกซะทีสิเสี่ย ลูกพลาดไปแล้ว จะซ้ำเติมกันถึงไหน”
เสี่ยเต๊กไม่ฟังด่าลูกเป็นชุดอย่างรุนแรง “ตอนเหมยเกิด เตี่ยผิดหวังมากที่เป็นลูกสาว แต่เมื่อเป็นลูก เตี่ยก็รัก ฟูมฟักเลี้ยงดูมา แต่เหมยกลับตอบแทนบุญคุณเตี่ย ด้วยการทำให้เตี่ยอับอายขายขี้หน้า รู้อย่างนี้ เตี่ยยกเหมยให้อาม่าเอาไปเลี้ยงที่ฮ่องกง อาม่ารู้ เตี่ยไม่อยากได้ลูกสาว”
เหมยฮัวสะเทือนใจสุดขีด วิ่งร้องไห้ออกไป เหลียนฮัวโกรธผัวมาก จ้องเสี่ยเต๊กเขม็ง แต่ไม่กล้าด่า

อาจงเข้าห้อง เอายาบำรุงครรภ์มาให้คุณหนู แปลกใจที่พบว่าเหมยฮัวไม่อยู่ในห้อง อาจงเลยเคาะประตูห้องน้ำ
“คุณหนูขา อาจงเอามาบำรุงมาให้กินค่ะ ออกมาเถอะค่ะคุณหนู อย่าร้องไห้คนเดียว ออกมาหาอาจงนะคะ อาจงจะเช็ดน้ำตาให้”
เหมยฮัวไม่ตอบ อาจงลองเปิดประตูห้องน้ำ
“คุณหนูไม่อยู่ ข้างล่างก็ไม่มี”
อาจงสังหรณ์ใจกวาดตามองรอบห้อง จนเห็นจดหมายบนโต๊ะหัวเตียง

อาจงหน้าตาตื่น เอาจดหมายเหมยฮัวมาให้เสี่ยกับคุณนาย
“คุณหนูหนีออกจากบ้านค่ะ”
เสี่ยเต๊กรับจดหมายจากอาจงมากอ่าน “เตี่ย ลูกสาวที่เตี่ยไม่ต้องการคนนี้ จะไม่อยู่รกหูรกตาเตี่ยอีกแล้ว จะคิดถึงเตี่ยเสมอ เหมยฮัว”
เหลียนฮัวตกใจ “เหมยหนีออกไปได้ยังไง อั๊วกับเสี่ยอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหน”
“คุณหนูต้องออกทางประตูหลังบ้านค่ะ”
“อาจงไปช่วยอั๊วตามหาเหมย”
เหลียนฮัวกับอาจงรีบออกไป ส่วนเสี่ยเต๊กยังตั้งสติไม่ได้ นั่งนิ่งๆ เฉยๆ ที่จริงตกใจกว่าเมีย
สักครู่เสี่ยเต๊กสติมา ตะโกนเรียก “ไอ้เบิ้ม ไอ้พล เอารถออกเร็ว”

เสี่ยเต๊กวิ่งไปหน้าบ้าน รีบออกไปตามหาลูกสาว

เหลียนฮัวจะร้องไห้อยู่แล้ว ขับรถช้าๆ มาตามถนนหน้าบ้าน มองหาเหมยฮัวตามริมถนน ป้ายรถเมล์

“เห็นคุณหนูมั้ยอาจง”
“ไม่ค่ะ คุณหนูอาจขึ้นแท็กซี่ไปแล้ว”
“เหมยเพิ่งไปไม่นาน ยังอยู่แถวนี้แหละ”

เบิ้มขับรถมา เสี่ยนั่งเบาะหลัง ชะเง้อมองหาเหมยฮัวบนฟุตบาท
“เหมย อยู่ไหนลูก”
“ให้ขับไปถึงไหนครับเสี่ย” เบิ้มถาม
“ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอเหมย”
เสี่ยเต๊กไม่ต่างกับเหลียนฮัว จะร้องไห้อยู่รอมร่อ ปากร้าย แต่ห่วงลูกสาวจับใจ
เสี่ยเต๊กมาจากในรถหาเหมยฮัว
“คุณหนูอยู่นั่นครับเสี่ย”
พลชี้ให้เสี่ยเต๊กดูเหมยฮัว อยู่อีกฝั่งของถนน หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้ากำลังยืนรอแท๊กซี่ เบิ้มจอดรถให้เสี่ยลง
“เหมย...อย่าไปไหนนะลูก เตี่ยมารับแล้ว”
เหมยฮัวไม่ได้ยินเสียง และไม่เห็นเตี่ย
เสี่ยเต๊กจะข้ามถนนไปหาลูกสาว เหลียนฮัวขับรถมาเจอลูกสาว เหลียนฮัววิ่งมากอดลูกสาว เสี่ยเลยไม่ข้ามถนนไปหาลูก
ส่วนอีกฝั่งของถนน
“เหมย กลับบ้านเถอะลูก”
เหมยฮัวสะอึกสะอื้น “เตี่ยไม่ต้องการเหมย”
“เตี่ยพูดเพราะโมโห” คุณนายบอก
“เวลาโมโห คนเรามักพูดความจริงค่ะหม่าม้า” เหมยฮัวน้อยใจไม่หาย
“เตี่ยเค้าท้าหย่าหม่าม้าเป็นสิบๆ ครั้ง แต่ไม่เคยพาไปหย่าจริงๆ ซักที เตี่ยเค้าพูดด้วยอารมณ์น่ะลูก จริงๆ เค้ารักเหมยมาก”
“เหมยไม่เชื่อ”
“งั้นเหมยเห็นแก่หม่าม้า หม่าม้ารักเหมยมากนะลูก ไม่มีเหมย หม่าม้าก็ไม่รู้จะอยู่เพื่อใคร”
“อาจงเคยเลี้ยงคุณหนู ให้อาจงได้เลี้ยงลูกของคุณหนูด้วยเถอะนะคะ”
“เหมย...เหมยอยากให้ลูกในท้องไม่มีอากงอาม่าเหรอ จะเป็นแม่คนแล้ว อย่าใช้อารมณ์ เหมยต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก กลับบ้านเรานะเหมย”
เหมยฮัวกอดหม่าม้า แม่ลูกร้องไห้สะอึกสะอื้น
เสี่ยเต๊กยืนดูอยู่อีกฝั่งของถนนสงสารทั้งเมียและลูก จนลั้นน้ำตาไม่ไหว ร้องไห้ออกมา พลยื่นทิชชู่ให้เสี่ย พลลูกน้องจอมโหดเองก็น้ำตาคลอ
“ร้องทำไมวะ” เสี่ยงง
“แล้วเสี่ยร้องทำไมล่ะครับ”
“นั่นลูกสาวอั๊ว”
เสี่ยเต๊กเอาทิชชู่เช็ดน้ำตา ที่จริงก็รักลูกมาก แต่ปากแข็ง ไม่แสดงออก

กระแตคอยชะเง้อดูหน้าบ้านเป็นระยะๆ ว่าจอมนางกลับมาหรือยัง เจอหลงเดินเข้าบ้านมา
“รอใครอยู่ครับกระแต”
“เปล่าจ้ะ เห็นแว้บๆ เหมือนมีคนมาบ้าน” กระแตโกหกไม่เนียนเล้ย หน้าตาออกพิรุธเต็มๆ
“จอมหายไปไหนครับ”
“สงสัยไปหาเพื่อนในตัวเมืองน่ะจ้ะ”
กระแตเสไปเรื่องอื่นเดินหนีหลงไป
หลงมองตามกระแต สงสัยว่าต้องมารอใครอยู่แน่ๆ

หลงซ่อมลำโพงของคณะเทียมฟ้าอยู่ในโถง
จอมนางกลับจากหางานทำ เห็นหลงอยู่ในห้องโถง ก็จะแอบเดินอ้อมไปขึ้นบันได ไม่ให้หลงเห็น
“จอม”
จอมนางไม่รอด หลงเห็นเข้า จอมนางปั้นสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนเข้าไปหาหลงในห้องโถง
ขณะจอมนางเข้ามา หลงแปลกตาการแต่งเนื้อแต่งตัวของจอมนาง ที่ดูเรียบร้อยกว่าทุกวัน
“อื้อหือ...แต่งตัวเรียบร้อยอย่างกับผ้ารีดไว้”
“แปลกตาสิจ๊ะ ชั้นนุ่งกะโปรง ชั้นก็อยากเป็นผู้หญิงเต็มตัวเหมือนเค้าบ้างจะให้แต่งตัวเป็นทโมนไพรทุกวันรึไง วันนี้ไปดูหนังกับเพื่อนมา สนู้กก สนุกจ้ะ”
หลงมองจับผิด “หนังเรื่องอะไรครับ”
“อ่า...หนังฝรั่ง จำชื่อเรื่องไม่ได้จ้ะ แปลเป็นชื่อไทยซะย๊าวยาว”
จอมนางยิ้มแป้นให้พี่หลงแล้วรีบชิ่งขึ้นข้างบน หลงมองจอมนางขึ้นบันได เห็นถือแฟ้มติดมือด้วย
“ใครเค้าเอาแฟ้มไปดูหนังด้วย”
หลงส่ายหัวไม่เชื่อจอมนางด้วยประการทั้งปวง

จอมนางบอกกระแตที่ปักสไบหน้าเคร่งรออยู่ในห้อง
“ชั้นตระเวนไปทั่วเมือง ไม่มีบริษัทไหนรับสมัครงานเลยจ้ะ”
“ถือว่าจอมพยายามแล้ว ตอนนี้ก็ได้แต่หวัง จะมีงานเข้ามา ได้มีเงินใช้จ่ายในบ้าน”
จอมนางปวดหัวหนึบ
“อย่าเครียดเลยจอม”
“ไม่ได้เครียดจ้ะ วันนี้เดินตากแดดทั้งวัน แดดก็แร๊ง แรง ทำเอามึนหัวเลย”
“พี่ไปหาข้าวให้กิน เดี๋ยวได้กินยาแก้ปวดหัวหลังอาหาร”
พอกระแตเดินออกมา เจอกับหลง หลงมองไปเห็นจอมนางกำลังเอามือกุมหัว เหมือนกำลังปวดหัว
“จอมไม่สบายเหรอครับ” หลงถามอย่างเป็นห่วง
“ไปโดนแดดมาน่ะจ้ะ กลัวจะเป็นหวัดแดด ชั้นไปหาข้าวหายาให้จอมกิน”

หลงฟัังแล้วใจแป้ว ยืนมองนึกเป็นห่วงจอมนางขึ้นมาจับใจ

อ่านต่อตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น