xs
xsm
sm
md
lg

สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 1

ดึกสงัด ชายฉกรรจ์ 4 คน พร้อมอุปกรณ์ครบมือ อาศัยความมืดเดินเข้ามาในวัด จนมาหยุดที่หน้าโบสถ์หลังนี้ด้วยทีท่าระแวดระวังดูออกว่าเป็นคนร้าย และไม่ได้มาดีแน่ ชาย 1 ในนั้นเปิดประตูโบสถ์ แสงจันทร์จากภายนอกสาดส่องมาที่พระพุทธรูปสุกสว่างทั้งองค์

ชายแต่ละคนหยิบของออกมาจากลังเหล็ก และลงมือตัดเศียรพระพุทธรูปอย่างเชี่ยวชาญ ไม่กี่นาทีงานก็เสร็จสิ้น ชายทั้งสี่นำเศียรพระพุทธรูปใส่กล่องเหล็กที่เตรียมมา ดับตะเกียง แล้วพากันออกไปจากโบสถ์อย่างรวดเร็ว

เช้าวันใหม่ ลิฟต์ตรงบริเวณทางเดินหน่วยฉก.911 เปิดออก ขั้นเทพ ผู้กองมือปราบจากหน่วยเฉพาะกิจ 911 อายุราว 28 ปี เดินหน้าตาเครียดจริงจังออกมาจากลิฟต์ แล้วเลี้ยวมาเปิดประตูห้อง พล.ต.อ.เสวี ผู้บังคับการหน่วยฉก.911

อีกฟาก เมษาในชุดกระโปรงสั้น เดินมาตามทางเดินในหน่วยวิหคเวหา เมษา เป็นผู้กองสาวสวยวัยเบญจเพส ผู้มีแววตาอันมุ่งมั่นดุดันจริงจัง เธอเดินเลี้ยวมาเปิดประตูห้อง พล.ต.อ.สถิตย์ยุทธ ผู้บังคับการหน่วยวิหคเวหา แล้วก้าวเข้าไปในนั้น 

ขั้นเทพยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานผู้การเสวี
“นั่งสิ ผู้กองเทพ”
“ขอบคุณครับ”
“ที่ผมเรียกคุณมาเพราะมีเรื่องสำคัญจะให้คุณทำ”
“ขอบคุณมากครับที่หัวหน้าไว้วางใจในตัวผม”
ผู้การเสวีหยิบรูปเควิน สมิธ ส่งให้ขั้นเทพ
“นี่คือเควิน สมิธ เอเย่นต์ใหญ่ที่รับซื้อพระพุทธรูปและเศียรพระ ที่ถูกลักขโมยในเอเชีย”
“แต่เท่าที่ผมรู้ เขาเป็นประธานมูลนิธิเควินโฮป ที่ช่วยเหลือคนด้อยโอกาสในเอเชียไม่ใช่หรือครับ”
“ใช่ หน้าฉากมันคือพ่อพระผู้เสียสละ แต่จริง ๆ แล้วมันคือบุคคลอันตราย ทำลายศิลปวัฒนธรรม”
“ผมจะลากคอมันมาเข้าคุกให้ได้ครับ”
“ไม่ใช่แค่ไอ้เควิน สมิธ คนเดียว ผมอยากให้คุณสืบจากมันว่ามีใครในเมืองไทยที่ร่วมอยู่ในขบวนการทำลายชาตินี้ด้วย”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับ”
ขั้นเทพบอกอย่างมั่นใจในความสามารถของตัวเอง
“ช้าก่อนผู้กองเทพ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะที่ผมรู้มา คนที่ร่วมขบวนการกับไอ้เควิน มันไม่ใช่บุคคลธรรมดา”
“แล้วมันเป็นใครหรือครับ”
“มันเป็นพวกเดียวกับเรา”
“ตำรวจด้วยหรือครับ”
“ใช่ สืบให้รู้ว่าตำรวจที่อยู่เบื้องหลังคือใคร ผมต้องการขุดรากถอนโคนพวกมันให้หมด”
“ครับผม ผมให้สัญญา ผมจะไม่ทำให้ผู้การผิดหวังครับ”

ขั้นเทพบอกอย่างหนักแน่น ผู้การเสวีพยักหน้าอย่างพอใจ

ส่วนที่ห้องทำงานผู้การสถิตย์ตอนนี้ เมษา มองรูปไมค์ โจ๊กเกอร์ ในชุดสูทมาดนักธุรกิจ แล้วพลิกดูด้านหลัง เห็นชื่อ เมษาวางรูปลง

“ไมค์ โจ๊กเกอร์”
“ใช่ คุณมีหน้าที่ติดตามมัน สืบให้รู้ว่ามันไปไหนติดต่ออะไรกับใคร”
“แล้วมันเป็นใครหรือคะ”
“มันเป็นนายหน้ารับซื้อเศียรพระพุทธรูปที่ถูกลักลอบนำมาขาย แล้วส่งให้กับเอเย่นต์ต่างประเทศ ผมอยากให้คุณเฝ้าติดตามดูพฤติกรรมมันตลอดเวลา”
“แต่ท่านคะ เมต้องขอโทษด้วยค่ะ พอดีเมได้รับมอบหมายงานจากท่านผู้บัญชาการ ให้ไปอารักขาคุณเควิน สมิธ ประธานมูลนิธิเควินโฮปที่จะมาเดือนหน้าค่ะ”
“อ๋อ เรื่องนั้นผมทราบดี เดี๋ยวผมจะทำเรื่องขอตัวคุณมาจากท่านผู้บัญชาการ ให้คุณมาทำภารกิจนี้ ส่วนงานอารักขาผมจะส่งพิสิฐไปแทน”
“ถ้าอย่างงั้นก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
“ที่ผมเรียกคุณมารับงานนี้เพราะผมเห็นว่าคุณเป็นคนเก่งและมีความสามารถ เหมาะกับงานสำคัญชิ้นนี้มากกว่า”
“ขอบคุณท่านมากค่ะที่เห็นความสามารถของเม”
ผู้การสถิตย์ยิ้มให้ เมษายิ้มตอบปลื้มใจ

ที่ห้องทำงานผู้การเสวี ขั้นเทพดูรูปไมค์ โจ๊กเกอร์ ในชุดสูทรูปเหมือนกับที่เมษาดู แล้วพลิกอ่านชื่อด้านหลัง
“บุญเลิศ แหล่ทั่วคิง นี่มันตลกคาเฟ่นี่ครับ”
“ใช่ เราจะอุปโลกน์ มันขึ้นมาเป็นไมค์ โจ๊กเกอร์ นายหน้าค้าของเถื่อนคนสำคัญ”
“ผมไม่เข้าใจครับ คนในหน่วยเรามีเยอะแยะทำไมเราต้องเอาตลกคาเฟ่มาทำงานนี้”
“แต่ไอ้ไมค์ โจ๊กเกอร์ คนนี้มันไม่ธรรมดา มันมีความกระล่อนปลิ้นปล้อน และที่สำคัญมันพูดได้หลายภาษา อังกฤษ ฝรั่งเศส ดัชท์ เยอรมัน ลาว พม่า เขมร”
“มันเก่งขนาดนั้นเลยหรือครับ”
“นั่นล่ะ เราถึงได้เลือกมัน”
“แล้วผมจะไปกับมันในฐานะอะไรครับ”
“คนขับรถ”
ขั้นเทพพยักหน้ารับรู้

ที่ห้องทำงานผู้การสถิตย์ยุทธ เมษาพยักหน้ารับรู้
“สรุปว่าเมจะต้องปลอมตัวไปในฐานะเซลล์ขายโบราณวัตถุ”
“ถูกต้อง คุณจะต้องพยายามตีสนิทให้มันไว้ใจ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
“แต่คุณระวังตัวหน่อยนะ ไอ้ไมค์ โจ๊กเกอร์ มันเจ้าชู้”
“หัวหน้าไม่ต้องห่วงค่ะ ไอ้ไมค์ โจ๊กเกอร์ ไม่มีทางได้แอ้มเมแน่”
“ดี หวังว่างานนี้ผมคงจะไม่ผิดหวังนะ”
“รับรองค่ะ แค่นี้ใช่มั้ยคะ เมจะได้ไปเตรียมตัว”
“เชิญ”
เมษายกมือตะเบ๊ะให้แล้วเดินออกไป ประตูห้องอีกฝั่งเปิดออก วัฒนาเดินเข้ามามองตามประตูที่เมษาออกไป
“ผมค่อยโล่งอกหน่อยที่คุณจัดการให้ลูกสาวผมออกไปอยู่ห่างจากเควิน สมิธ ได้”
“คุณไม่ต้องห่วงหรอก ถึงคุณจะไม่ขอให้ผมดึงเมษาออกมาจากงานนี้ ผมก็ต้องเอาเธอออกมาจากงานของเรา”
“ผู้การก็กลัวลูกสาวผมเหมือนกันหรือครับ”
“เมษาเป็นคนเก่งและเป็นคนฉลาด ผมไม่อยากให้เธอต้องมาจับเราสองคน”
“ถึงยังไงผมก็เชื่อว่าลูกสาวผมไม่กล้าจับผมแน่ แล้วผู้การก็เป็นหัวหน้าเธอ ให้การสนับสนุนในหน้าที่การงาน ยัยเมไม่มีทางทำอย่างงั้นหรอกครับ”
“ก็ขอให้เป็นอย่างงั้นแล้วกัน”

ทั้งสองยิ้มให้กัน

อีกฟากหนึ่ง บริเวณกลางท้องทุ่งนา ยอดข้าวปลิวไสว ปึก สาวอีสานวัย19 กำลังโรยหว่านปุ๋ย พลางร้องเพลงหมอลำอีสานลั่นทุ่ง ระหว่างนั้น เสี่ยเล็ก นายทุน เดินนำชายชุดดำ 4 คนมาตามแนวคันนา หน้าตาดุดัน เอาเรื่อง

ปึกกำลังโรยปุ๋ย หันมามอง เห็นกลุ่มคนเดินไปที่บ้าน
“อีพ่อ อีแม่”
ปึกเริ่มหวั่นใจ รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี โยนกระบุงทิ้ง วิ่งออกไป
ที่บ้านปึก ฟักกับคิง พ่อแม่ของปึก นั่งอยู่ที่พื้น เสี่ยเล็กยืนคร่อมหัวทั้งสอง
“วันนี้ถึงกำหนดที่พวกแกต้องคืนเงินให้ฉันแล้ว”
“เสี่ยก็รู้นี่ว่าตอนนี้เงินที่เราเอาข้าวไปจำนำยังไม่ได้เลย” ฟักรีบบอก
“ใช่จ้ะ ทางการเขาบอกว่าเดือนหน้าถึงจะได้เงิน” คิงช่วยพูดอีกแรง
“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับฉัน พวกแกยืมไปก็ต้องคืนตามกำหนด”
“เสี่ยเล็กจะให้ฉันทำยังไง ทางการเขาไม่จ่ายมา จะเอาเงินที่ไหนมาคืน” ฟักอ้อนวอน
“งั้นฉันก็ต้องยึดที่นาของแกนะตาฟัก”
ฟักคุกเข่าพนมมือ
“ฉันกราบล่ะเสี่ยเล็ก ถือว่าช่วยเราซะหน่อยเถอะ เรายังไม่มีเงินจริง ๆ ฉันสัญญา ถ้าได้เงินมาจะเอาไปคืนเสี่ยเล็กทันที”
“ไม่ได้ แกผลัดผ่อนฉันมาครั้งหนึ่งแล้วนะ ถ้าแกไม่เอาเงินมาให้ฉัน ฉันก็ต้องยึดที่นาแก”
“โธ่ เสี่ยเล็ก ฉันกราบเท้าล่ะจ้ะ ถือว่าเห็นใจคนจนเถอะนะ”
คิงก้มลงกราบเท้า เสี่ยเล็กสะบัดขา
“เฮ้ย เห็นจงเห็นใจอะไร แล้วพวกแกเห็นใจฉันรึเปล่า พวกแกไม่มีเงิน ฉันก็ต้องยึดโฉนดแกล่ะ”
ปึกวิ่งขึ้นมาบนบ้าน
“ทำไมพูดหมา ๆ อย่างงั้นล่ะเสี่ยเล็ก เราแค่กู้เงินมาห้าแสน ที่นาเราขายได้เป็นล้าน อยู่ ๆ จะมายึดกันง่าย ๆ งั้นหรือ”
“อีนี่ปากดี เดี๋ยวก็ตบซะเลย ถ้ามึงขายได้ก็เอาเงินมาคืนกูสิวะ”
“ก็ตอนนี้มันยังขายไม่ได้นี่ แล้วเราก็กำลังรอเงินค่าจำนำข้าวจากทางการอยู่”
“นั่นมันก็รื่องของพวกเอ็ง ไม่เกี่ยวกับข้า”
“แต่เสี่ยก็ควรจะมีจิตใจเป็นมนุษย์บ้างนะ เห็นใจพวกเราหน่อย เราเป็นชาวนา เราไม่ได้มีเงินมากมายเหมือนอย่างเสี่ยนี่”
เสี่ยเล็กตบหน้าปึก
“โอ๊ย”
ปึกเซไป คิงถลาเข้ามารับ
“อีหนูปึก”
“ก็ได้ ข้าจะให้เวลาอีกเดือนนึง แต่ต้องเพิ่มดอกเบี้ยนะ เป็นร้อยละสามสิบ ถ้าถึงเวลานั้นเอ็งยังหาเงินมาคืนข้าไม่ได้ล่ะก็ ข้าจะไม่ใจดีกับพวกเอ็งอีกแล้วนะ”
เสี่ยเล็กเดินออกไป ลูกน้องตาม ปึกตะโกนด่า จะถลาเข้าไปหา ฟักกับคิงดึงตัวไว้
“ไอ้เสี่ยหน้าเลือด ไอ้อำมหิต แน่จริงอย่าหนีไปไหนสิ มาต่อยกะกู”
“หนูปึกอย่าลูก อย่ามีเรื่อง” ฟักร้องห้าม
“หนูปึกอย่าลูก” คิงช่วยห้ามอีกแรง
“ฉันไม่กลัวมันหรอกพ่อ เราก็มีมือมีตีนเหมือนมันนะ”
“เอ็งเป็นผู้หญิงนะ จะเอาอะไรไปสู้กับมัน”
“เสียนาไปแม่ยังไม่ว่า อย่าให้แม่ต้องมาเสียเอ็งไปเลยลูก”
“ไม่แม่ ฉันจะไม่ยอมให้มันยึดที่นาของเรา”
“แล้วเอ็งจะทำยังไง อีหนูปึก”
“เอาน่ะ ฉันจะต้องหาเงินมาใช้หนี้มันให้ได้”
“ไม่มีทางหรอกลูก อีกเดือนหนึ่ง เอ็งจะไปหาที่ไหน เราคงต้องเสียที่นาให้เขาไปจริง ๆ แล้วพ่อ”

คิงร้องไห้กอดฟัก ปึกมองพ่อกับแม่อย่างคับแค้นใจ

ที่ห้างริเวอร์ไซด์ ไมค์ โจ๊กเกอร์ ในชุดนักธุรกิจสีสันจัดจ้าน ขึ้นบันไดเลื่อนมา ตามมาด้วยขั้นเทพ ในชุดซาฟารีคนขับรถ ถือกระเป๋าเจมส์บอนด์เดินตาม จนไปถึงร้านขายของเก่า เฮียฮงเจ้าของร้านออกมาต้อนรับ

“สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ กำลังมองหาพระหรือแจกัน ตู้ตั่งเตียงบอกผมได้ ทางเรามีหมดทุกอย่าง”
“ผมไมค์ โจ๊กเกอร์ เป็นนายหน้าหาของเก่าส่งต่างประเทศ”
“ยินดีมากครับ เรียกผมว่าเฮียฮง วันนี้ท่านอยากได้อะไรครับ ผมจะจัดให้ราคาพิเศษสุดๆ เลยครับ เด็กๆ เอากาแฟน้ำเย็นมาเสิร์ฟท่านเร็ว”
เฮียฮงเดินเข้าไปหลังร้าน ไมค์ โจ๊กเกอร์ หยิบของเก่าที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ขึ้นมาโยนเล่น ขั้น
เทพเข้ามาคว้าหยิบของไปจากมือ ไมค์ โจ๊กเกอร์ แล้วกระซิบบอก
“นายควรจะระมัดระวังหน่อยนะ นี่ไม่ใช่ของอันละบาทสองบาท ถ้าตกขึ้นมาฉันจะซวยนะ”
“ฉันรู้แล้วน่ะ นี่มันเป็นลีลาของฉัน ฉันก็ต้องวางมาดให้ดูเป็นเซียนหน่อยสิ”
ขั้นเทพไม่ค่อยชอบใจนัก เฮียฮงเดินเข้ามาพร้อมเด็กเสิร์ฟ
“มาแล้วครับ นี่ครับกาแฟ แล้วอีกท่านจะดื่มอะไรดีครับ”
“ไม่ต้องหรอก นี่มันคนขับรถฉัน”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ พูดข่ม ๆ แล้วหันมายักคิ้วให้ขั้นเทพ แล้วยกกาแฟขึ้นมาซด
“แล้วท่านตัดสินใจรึยังครับ ว่าจะออเดอร์อะไรดี”
“ลูกค้าฉันที่ต่างประเทศเขาอยากจะได้พระพุทธรูปเชียงแสน สิงห์หยก”
“สิงห์หยกหรือครับ” เฮียฮงงง ๆ
“เออ ก็สิงห์หยกน่ะสิ”
“หมายถึงท่านอยากได้สิงห์ที่เป็นหยกหรือครับ”
“เฮียฮงขายของเก่าได้ไง ไม่รู้จักหรือ สิงห์หยกน่ะ ที่เขาเล่นกันน่ะ”
“อ๋อ คุณไมค์หมายถึงสิงห์หนึ่งน่ะครับ รูปแบบแบบสิงห์หนึ่ง แต่เป็นหยกมีมั้ยครับ” ขั้นเทพช่วยพูดให้
“อ๋อ เขาไม่เรียกสิงห์หยกครับ เขาเรียกเชียงแสนที่ทำด้วยหยกครับ”
“เออนั่นล่ะ มันก็คือ ๆ กัน”
เฮียฮงหยิบพระขึ้นมาให้ดู
“นี่ใช่มั้ยครับ”
“เออนี่ล่ะ เท่าไหร่”
“ผมคิดห้าแสน”
“ห้าแสนเลยหรือ”
“ครับ”
“ฉันอยากรู้ว่ามีของแบบที่ไม่เสียภาษีมั้ย”
“ท่านหมายถึงอะไรครับ”
“เฮียอย่าทำเป็นไม่รู้เลย ที่แอบขายหลังร้านน่ะ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ กระซิบ
เฮียฮงชะงักมองไม่ชอบใจ
“อ๋อ ผมไม่มีหรอกครับ”
“แล้วเฮียพอจะรู้มั้ยว่ามีร้านไหนขาย”
“ไม่มีหรอกครับ ที่นี่เราขายแต่ของถูกกฎหมาย เด็ก ๆ ส่งแขกด้วย”
“เฮ้ย นี่ไล่เลยหรือ”
“ผมว่าเราไปดูร้านอื่นเถอะครับคุณไมค์”
ขั้นเทพเดินออกไปเลย ไมค์ โจ๊กเกอร์ หันไปต่อว่าเฮียฮง
“แหม พอไม่ซื้อไล่เลยนะ”
“ก็ใช่สิครับ คุณไม่ซื้อจะอยู่ทำไม เด็ก ๆ เอากาแฟไปเก็บ”
เฮียฮงหยิบแก้วกาแฟหันหลังให้ ไมค์ โจ๊กเกอร์ หมุนตัวแอบหยิบของใส่กระเป๋า พนักงานในร้านเห็นภาพนั้น จากกล้องวงจรปิด รีบวิทยุเรียกรปภ.
“รปภ. มีคนขโมยของออกไปจากร้าน ผู้ชายใส่สูท”
รปภ.ยืนอยู่หน้าร้านยกวอตอบรับทราบ

ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินลงบันได ขั้นเทพเดินตามมากระชากแขนทันที
“นี่ ไอ้ไมค์ ฉันว่านายอย่าพูดให้มันมากนัก”
“ทำไม ฉันพูดมากอะไร”
“ก็นายพูดจาเลอะเทอะ เขาจะจับได้ว่านายไม่ใช่นายหน้าค้าของเก่า แล้วอย่าไปซี้ซั้วถามเรื่องของเถื่อนแบบนี้”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ สะบัดแขนไม่พอใจ
“ก็เรากำลังตามหาไอ้พวกค้าของเถื่อนอยู่ไม่ใช่หรือ”
“แต่มันไม่ใช่วิธีถามโง่ ๆ แบบนี้”
“นี่นายว่าฉันโง่หรือ”
“เอาล่ะ ฉันไม่อยากทะเลาะกับนาย ไปได้แล้ว”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินออกไป ขั้นเทพมองไม่พอใจ ขยับเดินตาม รปภ.วิ่งเข้ามากระชากแขนไมค์ โจ๊กเกอร์ ทันที
“เดี๋ยวคุณ”
“เรื่องอะไรมากระชากแขนฉันเนี่ย”
“ผมขอค้นตัวคุณหน่อย”
“มีเรื่องอะไรหรือลูกพี่”
ขั้นเทพรีบเข้ามา
“มี ผู้ชายคนนี้หยิบของออกจากร้านเฮียฮง”
“เฮ้ย เฮ้ย ลื้อพูดให้ดีนะโว้ย พูดไม่ดีอั๊วจะตบปากลื้อนะ อย่ามาพูดจาซี้ซั้ว”
“ผมไม่ได้ซี้ซั้ว พนักงานที่ร้านเฮียฮงเขาเห็นคุณหยิบของออกมาจากร้าน”
รปภ.อีกคนเข้ามา
“ใช่ครับ ผมว่าเอาคืนมาดีกว่าอย่าให้มีเรื่องกันเลย ผมไม่อยากแจ้งตำรวจนะ”
ขั้นเทพมองหน้าไมค์ โจ๊กเกอร์
“นายหยิบของเขามาจริง ๆ หรือ”
“บ้าหรือ คนอย่างฉันน่ะหรือเป็นขโมย”
“ถ้าคุณไม่ใช่ขโมยผมขอค้นตัว”
“เอ็งเอาสิทธิ์อะไรมาค้นตัวกู คนอย่างกูมีเงินเป็นสิบ ๆ ล้าน จะให้คนอย่างเอ็งมาค้นตัวงั้นหรือ”
“แต่ยังไงเราก็ต้องค้นครับ”
รปภ.จะเข้าไปล็อคตัว ไมค์ โจ๊กเกอร์ ขั้นเทพเข้ามาขวาง
“เดี๋ยวลูกพี่”
รปภ.ชักกระบองออกมาจะตีขั้นเทพ ขั้นเทพยกมือรับกระบองไว้แล้วบิดมือรปภ.จนกระบองหล่นแล้วตบรปภ.กระเด็นไป
รปภ.อีกคนตีกระบองเข้าที่ท้อง ไมค์ โจ๊กเกอร์ จนตัวงอ แล้วเงื้อกระบองจะฟาดหัว ขั้นเทพเข้ามาดึงกระบองจากมือรปภ.ไว้ รปภ.สะบัดมือขั้นเทพออกแล้วเหวี่ยงกระบองใส่ขั้นเทพ ขั้นเทพหลบ รับกระบองไว้ได้ ก่อนจะต่อยใส่หน้ารปภ.จนหงายไป
รปภ.เข้ามาล็อคคอขั้นเทพ แล้วตะโกนบอกเพื่อนที่มาใหม่อีก 2 คนให้ช่วยกันจับ ขั้นเทพกระชากคอเสื้อ ไมค์ โจ๊กเกอร์ ให้ลุกขึ้น
“หนีเร็ว”
“โอ๊ย ฉันไปไม่ไหว”
“เร็ว”
ขั้นเทพกระชากลากไมค์ โจ๊กเกอร์ วิ่งออกไปหน้าประตูห้าง รปภ.วิ่งเข้ามาขวาง เหวี่ยงกระบองตีใส่ทั้งคู่ แต่ทั้งคู่หลบได้ และตอบโต้กลับ ทำให้รปภ.กระเด็นหงายไป

ไมค์ โจ๊กเกอร์ เรียกให้ขั้นเทพวิ่งตามเขาไป ทั้งสองโดดขึ้นรถขับออกไป รปภ.วิ่งตามมาไม่ทัน

อ่านต่อหน้า 2

สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 1 (ต่อ)

ผู้กองขั้นเทพขับรถไป แล้วหันมาถาม ไมค์ โจ๊กเกอร์ ซึ่งนั่งข้างๆ

“นายขโมยอะไรเขา เอาคืนมาเดี๋ยวนี้”
“นี่ผู้กองให้เกียรติกันบ้างนะ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ขโมย”
ขั้นเทพล้วงเข้าไปในเสื้อของ ไมค์ โจ๊กเกอร์ เจอของจากร้านขายของเก่า
“แล้วนี่อะไร”
“เอ่อ”
ขั้นเทพเอาสันมือตบเข้าไปที่หน้าไมค์
“โอ๊ย”
ขั้นเทพเบรกรถ แล้วกระชาก ไมค์ โจ๊กเกอร์ ลงจากรถมาเหวี่ยงเข้ากำแพง
“โอ๊ย”
“ฉันจะบอกให้นายรู้นะ ถ้านายยังทำแบบนี้อีกล่ะก็ ฉันนี่แหละจะจับนายยัดเข้าตะราง ฉันจ้างนายมาทำงาน นายมีหน้าที่ทำตามที่ฉันสั่ง เข้าใจรึเปล่า”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ สะบัดมือขั้นเทพออก
“ฉันก็จะบอกให้นายรู้นะ ฉันไม่ทำแล้วไอ้งานปลอมตัวบ้าบออะไรเนี่ย”
“ถ้านายไม่ทำก็เอาเงินที่เบิกล่วงหน้าคืนมา”
“ฉันคืนแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินหนี ขั้นเทพกระชากคอเสื้อกลับมา
“ไม่ได้ ถ้านายไม่คืนเงินก็ต้องทำงานฉันต่อไป”
“ก็บอกว่าไม่ทำ”
“นายต้องทำ”
“บอกว่าไม่”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เตะผ่าหมากขั้นเทพ จนร้องลั่นตัวงอกุมเป้า
“โอ๊ย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ง้างหมัดต่อยเข้าที่หน้าขั้นเทพจนล้มลง แล้วเดินหนีไป ขั้นเทพลุกขึ้นกระชากคอไมค์ โจ๊กเกอร์
“จะไปไหน”
ขั้นเทพต่อยผัวะ
“โอ๊ย”
ทั้งสองผลัดกันต่อไปมา ขั้นเทพต่อยสวน ไมค์ โจ๊กเกอร์ เซถลาไปลงที่กองไม้ ขั้นเทพตามเข้าไปจะซ้ำ ไมค์ โจ๊กเกอร์ คว้าไม้กระทุ้งเข้าที่ท้องขั้นเทพจนตัวงอ ก่อนจะเอาไม้ฟาด จนขั้นเทพทรุด
“หนอย ถือว่าตัวใหญ่กว่าเราหรือ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เงื้อไม้จะตีหัวขั้นเทพ ขั้นเทพต่อยสวน ไมค์ โจ๊กเกอร์ ร่วงลงกองหงายสลบเหมือด
“ไอ้นี่ ท่าทางจะร่วมงานด้วยไม่ได้จริง ๆ”

ขั้นเทพเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วเดินออกไป ปล่อยให้ไมค์ โจ๊กเกอร์ นอนสลบอยู่ตรงนั้น

คืนนั้น เมษานั่งกินข้าวกับวัฒนาและประไพพรรณที่บ้าน ประไพพรรณตักหมูอบใส่จานให้ลูกสาว

“เอานี่จ๊ะลูกเม หมูอบ”
“แล้วนี่ก็ซุปข้าวโพดร้อนๆ ลูก”
วัฒนาส่งถ้วยซุปข้าวโพดให้ลูกสาว
“พ่อขา แม่ขา นี่หนูทานไม่ได้หยุดปากเลยนะคะ”
“นั่นล่ะกินเยอะ ๆ นาน ๆ จะกลับมากินข้าวกับแม่ซะที”
“นั่นสิลูก เมื่อไหร่จะย้ายกลับมาอยู่บ้านซะที รู้มั้ยแม่เขาบ่นคิดถึงลูกทุกวัน”
“เอาไว้อีกสักพักนะคะ ช่วงนี้มันเป็นช่วงที่หนูต้องพิสูจน์ผลงาน”
“เฮ้อ แม่พูดจริง ๆ นะ แม่ไม่อยากให้ลูกเป็นตำรวจเลย”
“ใช่ พ่ออยากให้ลูกออกมาช่วยทำงานที่บริษัทของเรามากกว่านะ”
“ไม่เอาหรอกค่ะ หนูไม่ชอบทำงานชิปปิ้ง อิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ต เอาของเข้าออกน่าเบื่อจะตาย ไม่สนุกตื่นเต้นเหมือนจับผู้ร้าย”
“แต่ลูกเป็นผู้หญิงนะ งานแบบนั้นมันเหมาะกับผู้ชายมากกว่า”
“นี่ไงคะ หนูจะพิสูจน์ให้รู้ว่าผู้หญิงก็มีความสามารถไม่น้อยไปกว่าผู้ชายหรอกค่ะ”
วัฒนากับประไพพรรณมองหน้ากัน อ่อนใจกับความคิดของลูกสาว สาวใช้เดินเข้ามาบอกวัฒนา
“คุณท่านคะ มีแขกมาหาค่ะ”
“ใคร”
“ที่เคยมาบ่อย ๆ น่ะค่ะ ชื่อคุณโตอะไรเนี่ยค่ะ”
วัฒนาชะงัก ประไพพรรณเหลือบมองหน้าสามี
“จะมาทำไมไม่โทรมาบอกก่อนคุณ”
“ผมก็ไม่รู้”
“ใครหรือคะพ่อ”
“คนเขาจะมาติดต่อเรื่องส่งของน่ะลูก กินกับแม่ไปก่อนนะ พ่อไปรับแขกก่อน”
วัฒนาเดินออกไป เมษามองตาม เห็น โต ชายวัยไล่เลี่ยกับวัฒนาเดินเข้ามายกมือไหว้
“สวัสดีครับ พี่วัฒ”
“หวัดดี เชิญ เชิญ”
เมษาเห็นโตมองมา ก็ชะงัก
“มีอะไรหรือลูก”
“หนูว่าหนูเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหนนะ”
“ทำไมหรือ”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร แค่รู้สึกเหมือนเคยเห็นหน้าผู้ชายคนนี้”
เมษาหันกลับมาตักอาหารกิน
“กินต่อเถอะลูก ลูกเป็นตำรวจ วันๆ เจอคนเยอะแยะ คงจำผิดจำถูกมากกว่า”
“ก็เป็นไปได้นะคะ”
“แล้วจะมาค้างกับแม่กี่คืนเนี่ย”
“คืนเดียวค่ะ หนูกะว่าจะมาเอาของที่ห้องด้วย”
“เฮ้อ แม่ว่ามาอยู่บ้านซะก็หมดเรื่อง”
“บอกแล้วไงคะว่าอีกไม่นาน”
ประไพพรรณมองลูกสาวด้วยความเอ็นดู สาวใช้เข้ามา
“คุณนายคะ”
“อ้าว มีอะไรอีกล่ะ”
“หนูจะมาบอกคุณนายว่ามะรืนนี้หนูจะขอกลับบ้านค่ะ”
“กลับทำไม”
“พ่อหนูไม่สบายมากค่ะ ที่บ้านอยากให้กลับไปดูพ่อหน่อย”
“แล้วจะไปสักกี่วัน”
“ยังไม่รู้เลยค่ะ”
“แกไม่อยู่แล้วใครจะทำงานทางนี้ล่ะ”
“แม่ พ่อเขาป่วยนะคะ ให้เขาไปเถอะค่ะ”
“แกก็รีบไปรีบมาแล้วกัน ถ้าพ่อไม่เป็นอะไรก็รีบกลับมานะ”
“ค่ะ” สาวใช้เดินออกไป
“นังพวกนี้ นึกจะอยู่ก็อยู่ นึกจะกลับก็กลับ นี่มาอยู่ไม่ถึงสองเดือนเลยนะ ท่าทางจะไม่มาแล้วล่ะ”
“พ่อเขาไม่สบายนี่คะแม่”
“เชื่อมัน แม่ว่ามันโกหก คนก่อนบอกจะไปต่อพาสปอร์ตสองวัน มันยังไม่กลับมาเลย”
“เอาเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูจะลองถามแม่บ้านที่คอนโดดูให้ว่าเขามีเด็กบ้างมั้ย”

ประไพพรรณถอนใจเซ็งกับเรื่องคนใช้

วัฒนาเลื่อนสไลด์ดูภาพเศียรพระพุทธรูปที่โตนำมาให้ดู โตถามขึ้น

“ว่าไงพี่วัฒ ชอบมั้ยครับ”
“อืม”
“ถ้าพี่วัฒชอบต้องเร็วหน่อยนะ เพราะนี่มันของร้อนผมไม่กล้าถือไว้นาน”
“แล้วจะเอาเท่าไหร่”
“ผมขอองค์ล่ะสามล้าน”
“แพงไป”
“ไม่แพงนะครับพี่วัฒ นี่พระเก่าทั้งนั้นเลยนะ”
“แต่ฉันก็เสี่ยงถือไว้นะ ตอนนี้ตำรวจยิ่งตามจี้กันอยู่ด้วย”
“แหม ระดับพี่วัฒ ตำรวจที่ไหนจะกล้ามายุ่ง”
“ฉันให้ล้านห้า”
“โธ่พี่วัฒ ผมขอสองเถอะครับ”
“ล้านห้าน่ะดีแล้ว”
“เอา ก็ได้ครับ”
“พรุ่งนี้ก็เอาของมาดู”
“ครับ”
“อ้อ แต่ก่อนจะมา โทรมาก่อนนะ อย่าพรวดพราดมาแบบคืนนี้อีกล่ะ”
“ผมขอโทษด้วย ไม่รู้ว่าลูกสาวพี่อยู่”
“อยู่ไม่ว่า ลื้อรู้มั้ยเขาเป็นตำรวจ”
“หรือครับ งั้นผมไปล่ะ”
โตเดินออกไป วัฒนาเดินตามไปส่ง

ที่หน่วยฉก.911 ผู้การเสวีวางแก้วกาแฟลง ก่อนหันมาพูดกับขั้นเทพ
“คุณจะไม่ทำงานกับไอ้ไมค์ โจ๊กเกอร์ งั้นหรือ”
“ใช่ครับ ผมว่ามันเป็นพวกโจร เราไม่ควรจะเอามันมาร่วมงาน”
“แต่คุณอย่าลืมสิ มันมีคุณสมบัติครบที่จะมาเป็นสายให้เรานะ”
“แต่ผมว่าหัวหน้าหาใหม่เถอะครับ ผมว่าไอ้หมอนี่จะทำให้งานเราเสียหายมากกว่า”
“แต่ถึงยังไงผมก็อยากให้คุณอดทนกับมันอีกสักหน่อย เพราะตอนนี้ถ้าจะเปลี่ยนตัวกะทันหัน ผมเกรงว่าจะไม่ทันกับภารกิจของเรา เพราะไอ้เควิน สมิธก็กำลังจะมาแล้ว ผมไม่อยากให้เราพลาดโอกาสนี้”
ขั้นเทพถอนใจ ไม่เห็นด้วย เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายชาติ นายตำรวจวัยเดียวกับขั้นเทพเดินเข้ามา
“ขออนุญาตครับท่าน ผมไม่ทราบว่าท่านกำลังคุยเรื่องงานอยู่”
“เข้ามาเถอะกันเองทั้งนั้น”
“เป็นไงเทพ งานหนักหรือ ดูหน้าเครียดเชียว”
“ผู้กองเทพกำลังเอือมกับสายของเรา”
“ถ้าผู้กองเทพทำไม่ไหว ผมอาสาทำแทนได้นะครับ”
ชายชาติบอกกับผู้การเสวีเหมือนจริงใจ
“ขอบใจนายมาก แต่ฉันจะขอลองอีกสักที ถ้าคราวหน้าไม่ไหว คงต้องให้นายแทนแล้ว”
“มันต้องอย่างงั้นสิผู้กองเทพ แล้วคุณมีอะไรชายชาติ”
“สายเรารายงานมาว่า เควิน สมิธ มันคอนเฟิร์มมาเมืองไทยอาทิตย์หน้าแน่นอนครับ”
“งั้นคุณต้องรีบนะผู้กองเทพ”
“ครับท่าน”
“ผมว่าคุณใช้น้ำเย็นเข้าลูบไอ้ไมค์ โจ๊กเกอร์ ซะหน่อยเดี๋ยวมันก็ยอมคุณเอง”
“ครับ ไปแล้วชาย”

“สู้ๆ โว้ยเพื่อน”

ขั้นเทพลุกออกไป ชายชาติหันมาพูดกับผู้การเสวี

“หัวหน้าครับ ตอนนี้ผมเคลียร์ฝ่ายต่างประเทศเรื่องไอ้เควินแล้ว พอจะมีเวลาว่าง หัวหน้าจะให้ผมเข้าไปช่วยงานผู้กองเทพก็ได้นะครับ”
“ตอนนี้ยังก่อน ผมไม่อยากให้พวกไอ้เควินมันไหวตัว ผมอยากให้คุณประสานกับฝ่ายต่างประเทศไปก่อน”
“ได้ครับ แต่ถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้บอกได้นะครับ”
“ขอบใจมาก”
ผู้การเสวีพยักหน้าให้
ชายชาติเดินออกมาจากห้องผู้การเสวี มองซ้ายขวาเห็นว่าปลอดคน จึงยกโทรศัพท์กด รอเสียงปลายสายสักพัก
“สวัสดีครับท่าน”
ผู้การสถิตย์ยุทธนั่งอยู่ที่ห้องทำงาน และกำลังพูดโทรศัพท์กับชายชาติ
“หวัดดี มีอะไร ชายชาติ”
“ผมจะโทรมาเรียนให้ท่านทราบว่า”
ชายชาติพูดรายงานความเคลื่อนไหวของหน่วยฉก.911

ยามเย็น ปึกนั่งมองเหม่อเครียด เพื่อนเดินมาจากนา เข้ามาหา
“ข้อยว่าเจ้าไปกรุงเทพแล้วรีบไปหาผัวฝรั่งเถอะ ถ้าเจ้ายังนั่งอยู่ที่นี่ เจ้าบ่มีทางหาเงินไปใช้หนี้เสี่ยเล็กได้เด้ออีหนูปึก”
“ข้อยก็คิดเหมือนเจ้า”
“เอ้า ถ้าคิดแล้วก็ไปเลยสิ”
“แต่ข้อยกำลังคิดอยู่ว่าข้อยสิไปหาผัวฝรั่งได้ที่ใด๋”
“เจ้าก็ไปแถวบาร์พัฒน์พงษ์ สุขุมวิทนู่น ข้อยเคยดูทีวีเห็นฝรั่งหลายเด้อ”
“เฮ้อ แต่ข้อยบ่แน่ใจว่าสิหาได้”
“เอาจั่งซี่ เจ้าก็ไปที่วัดหลวงพ่อคำเกลี้ยง ไปบนกับหลวงพ่อคำเกลี้ยง ขอให้ได้ผัวฝรั่งแล้วสิกลับมาแก้บนให้หลวงพ่อ”
“แล้วมันจะได้จริงหรือวะ อีดอกอ้ม”
“อีนี่ บ่เซื่อแต่อย่าลบหลู่นะ หลวงพ่อคำเกลี้ยงนี่ศักดิ์สิทธิ์นะโว้ย ใครขออิหยังก็ได้หมด”
“เอา งั้นข้อยสิเชื่อสู”
“ถ้ารวยแล้วอย่าลืมข้อยเด้อ”
“เออ ข้าบ่ลืมเอ็งแน่อีดอกอ้ม”
ปึกวิ่งไปที่โบสถ์หลวงพ่อคำเกลี้ยง ก้มลงกราบพระ แล้วอธิษฐาน
“ข้าแต่หลวงพ่อคำเกลี้ยง ข้อยซื่อหนูปึก ข้อยสิมาบนหัวหมู บายศรีขนมนมเนยชุดใหญ่ ข้อยสิไปหางานเฮ็ดที่กรุงเทพ ขอให้ข้อยได้ผัวฝรั่งรวย ๆ และเป็นคนดีด้วยเด้อค่ะ หลวงพ่อ”
ปึกก้มลงกราบ เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยง ไฟในอุโบสถดับ ปึกสะดุ้ง ลมกรรโชกเข้ามาที่หน้าต่าง
“หรือว่าหลวงพ่อสิได้ยินคำขอของข้อย เจ้าประคู้น ขอให้หนูปึกได้ผัวฝรั่งด้วยเด้อ”
ปึกมองพระ ฟ้าแลบ เมฆครึ้มดำ ปึกเดินออกไปหน้าโบสถ์ ฝนตกกระหน่ำ
“ว้า ฝนตกซะอีก รอหน่อยแล้วกันเรา”
ปึกเดินกลับเข้าไปในโบสถ์ นั่งรอเหม่อมองพระ จนหลับไป ก่อนจะสดุ้งตื่น เห็นรอบตัวมืด
“เราเผลอหลับไปได้จั๋งใดวะ นี่มืดแล้วหรือเนี่ย ข้อยไปเด้อหลวงพ่อ อย่าลืมเด้อค่ะ ขอให้หนูปึกได้ผัวฝรั่งกลับมาด้วย”
ปึกก้มลงกราบพระแล้วลุกเดินออกไป

ปึกเดินเลี้ยวออกไปจากโบสถ์ ชายชุดดำ 4 คนเดินแหวกพุ่มไม้ออกมา ทั้งสี่มองสำรวจรอบตัวซ้ายขวาอีกครั้งแล้วพยักหน้าให้กัน ก่อนเดินตรงไปที่โบสถ์ ลงมือตัดเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยง

จากนั้นยกเศียรพระลงใส่ลัง แล้วเดินออกจากโบสถ์ไป

อ่านต่อหน้า 3

สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 1 (ต่อ)

ตอนเช้าวันนี้ ชาวบ้านเกือบ 20 คน ถือมีด จอบ เสียม ไม้ เดินเป็นแถวมาตามคันนา หน้าตาแต่ละคนบึ้งตึงโกรธแค้น คิงวิ่งขึ้นบ้านมาตะโกนเรียกฟัก

“พ่อ พ่อฟัก เกิดเรื่องอิหยังบ่ฮู้ ซาวบ้านเดินมาบ้านเรากันใหญ่”
ปึกนุ่งกระโจมอกผ้าถุงออกมาจากห้องน้ำ
“มีอิหยังแม่”
“แม่ก็บ่ฮู้ ซาวบ้านยกโขยงมาบ้านเฮา”
กลุ่มชาวบ้านเดินมาถึงหน้าบ้าน ตะโกนเรียก
“แม่คิง ตาฟัก ออกมานี่เดี๋ยวนี้เลย”
ฟักออกมาจากห้อง
“เสียงเอะอะอะไรบ้านเรา”
“ลงไปดูซิพ่อ”
คิงกับฟักลงบันไดไป ปึกแปลกใจ
“มีเรื่องอิหยังกัน”
ปึกเดินเข้าห้องนอนไปใส่เสื้อผ้า

ฟักกับคิงลงบันไดมา ชาวบ้านยืนล้อมทั้งสองคน เอาเรื่อง
“มีเรื่องอะหยังกันผู้ใหญ่”
“มีสิ อีหนูปึกลูกเอ็งอยู่ไส”
“มันอาบน้ำอยู่ในบ้าน”
“เรียกมันออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” แม่ผันพูดขึ้น
“ใช่ ให้มันออกมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นเราจะไปลากตัวมันออกมา” เฟืองย้ำบอก
“ใจเย็นก่อนพ่อเฟือง แม่ผัน นี่มันเรื่องอะไรกัน อยู่ๆ จะมาเล่นงานไอ้ปึกมัน”
“พ่อฟักกับแม่คิงรู้มั้ย เมื่อคืนมีคนไปลักลอบตัดเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยง” ผู้ใหญ่บ้านรีบเล่า
“หา อีหลีบ่”
คิงกับฟักตกใจ
“ยังมีหน้ามาทำตกใจ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ทำบ่ฮู้เรื่อง”
“นี่แม่นง ข้าว่าเอ็งพูดจาอะไรให้ระวังปากบ้างนะ พูดยังกะว่าข้ากะแม่คิงเป็นคนตัดเศียรพระ”
“บ่ใซ่ พ่อฟักกับแม่คิงดอก แต่มันเป็นอีหนูปึก”
ปึกใส่เสื้อผ้าเดินลงมา
“ผู้ใดเรียกข้อย เรียกข้อยทำหยัง”
“นั่นไง นั่นไง มันออกมาแล้ว จับเลยพี่ผู้ใหญ่ มันอยู่นั่น”
“มีเรื่องอิหยังกัน อยู่ ๆ จะมาจับข้อย”
“เอ็งยังมีหน้ามาโกหกอีกหรืออีหนูปึก เอ็งเป็นคนวางแผนให้คนไปตัดเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงแม่นบ่”
ผู้ใหญ่บ้านรีบปราม
“เอาล่ะ ๆ ใจเย็นก่อนพวกเรา เดี๋ยวข้าสิเป็นคนสอบถามอีหนูปึกมันเอง”
“ข้อยเปล่าเด้อลุงผู้ใหญ่ ข้อยสาบานได้ ข้อยบ่ได้เป็นคนทำอีหลี”
“ตอแหล เอ็งออกจากโบสถ์ตอนทุ่มหนึ่งแม่นบ่ มีคนเขาเห็นเอ็งออกจากโบสถ์เป็นคนสุดท้าย” แม่นงเค้นถาม
“ว่าไงหนูปึก เอ็งไปที่โบสถ์มาหรือลูก”
“แม่นจ้ะอีแม่ เมื่อวานข้อยไปที่โบสถ์”
“เห็นมั้ย เห็นมั้ย ในที่สุดมันก็ยอมรับแล้ว จับมันเลยผู้ใหญ่”
“ทำไมเอ็งถึงทำอย่างนี้อีหนูปึก”
“ข้อยบ่ได้ทำเด้ออีพ่อ”
“แล้วเอ็งไปเฮ็ดอีหยังที่โบสถ์” ผู้ใหญ่บ้านซัก
“ข้อยไปกราบพระ”
“มันโกหก กราบพระทำไมอยู่ดึกๆ ดื่นๆ”
“ก็ฝนมันตก ข้อยก็เลยหลบฝนอยู่ในนั้น”
“อย่าไปฟังมัน จับมัน”
ชาวบ้านกรูกันเข้ามา ปึกถอยหนี พ่อแม่ร้องห้าม
“อย่า อย่าทำอะไรลูกข้อย ใจเย็นก่อนเด้อ”
“ข้อยขอร้องล่ะ อย่าทำอิหยังมันเลย”
“ข้อยบ่ฮู้เฮื่องเด้อ ข้อยบ่ได้เฮ็ดจริง ๆ ข้อยสาบานได้”

ชาวบ้านไม่ฟังกรูจะเข้าไปจับ

หลวงตาเดินเข้ามากับพระอีกสองรูปและลูกศิษย์

“ช้าก่อนพวกเรา”
ทุกคนชะงัก
“หลวงตา”
“หลวงตาครับ เฮาได้ตัวมันแล้วครับ ไอ้คนที่ตัดเศียรพระ”
ปึกแหวกคนเข้ามาคุกเข่าพนมมือไหว้หลวงตา
“หลวงตา หนูปึกบ่ได้ทำเด้อค่ะ ข้อยบ่ฮู้เฮื่องจริงๆ สิให้ข้อยสาบานก็ได้ ถ้าข้อยทำ ขอให้ข้อยตกนรกหมกไหม้ บ่ได้ผุดได้เกิดเป็นคนอีกต่อไป”
“อีนี่ ต่อหน้าพระยังสิโกหกอีก”
ชาวบ้านเซ็งแซ่ หลวงตาปราม
“เอาล่ะ เอาล่ะ ทุกคนเงียบแล้วฟังข้าก่อน นังหนูปึก เอ็งบ่ได้เป็นคนเฮ็ด แม่นบ่”
“แม่นแล่ว หลวงตา ข้อยเกิดและเติบโตที่นี่ ข้อยบ่มีวันเฮ็ดเรื่องจั่งซี่เด็ดขาด”
“ข้าเชื่อเจ้า”
“แต่หลวงตาครับ” ชาวบ้านคนหนึ่งขัดขึ้น
“พอได้แล้วพวกเรา ข้าเชื่อนังหนูปึก ข้าเห็นมันมาตั้งแต่เด็ก รู้จักตาฟักกับยายคิงมาตั้งนมนาน ครอบครัวนี้บ่มีวันเฮ็ดเรื่องอัปมงคลจั่งซี่หรอก ขอให้ทุกคนเชื่ออาตมา คนร้ายมันต้องเป็นคนถิ่นอื่นมันถึงเฮ็ดเรื่องนี้”
ชาวบ้านมองหลวงตา มองปึก เริ่มลังเล
“ทุกคนฟังนะ ข้อยให้สัญญาและขอสาบานว่าข้อยจะตามหาเศียรพระหลวงพ่อคำเกลี้ยงกลับมาคืนหมู่บ้านเราให้จงได้”
ชาวบ้านมองปึก มีทั้งเชื่อและไม่เชื่อ ต่างทยอยกันกลับไป ปึกยืนอยู่ลำพัง พ่อกับแม่เดินเข้ามาหา
“แล้วเอ็งจะไปตามหาพระที่ไหนลูก”
“ข้อยก็บ่ฮู้ แต่ถ้าข้อยบ่ตาย ข้อยสิต้องเอาเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงกลับมาให้จงได้”
ฟักดึงปึกเข้ามากอด เห็นใจลูกสาว

ยามค่ำคืน ภายในคาเฟ่แห่งหนึ่ง ตลก 5 คนยืนเรียงบนเวที มี ไมค์ โจ๊กเกอร์ เป็นหัวหน้าทีม หลังจากแสดงเสร็จ ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินลงจากเวที สาวนั่งดริงค์เข้ามาเรียก
“พี่บุญเลิศ แขกเขาเรียกอยากคุยด้วย”
“ใคร”
“นู่น”
สาวชี้ไปที่โต๊ะมุมหนึ่ง ไมค์ โจ๊กเกอร์ มองตาม เห็นขั้นเทพนั่งอยู่ที่โต๊ะ
“บอกว่าพี่ไม่ว่าง”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินเลี้ยวออกไปห้องแต่งตัว สาวเดินไปหาขั้นเทพ

ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินเลี้ยวเข้ามาในห้อง ฟูกับเหยินลูกน้องตลกนั่งรออยู่
“พี่บุญเลิศ ขอเงินค่าตัวฉันด้วย”
“ใช่ ฉันกะไอ้ฟูไม่มีเงินใช้แล้วนะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าเสี่ยเขายังไม่จ่าย”
“แต่ฉันถามเสี่ยแล้ว เสี่ยเขาบอกว่าพี่เบิกล่วงหน้ามาแล้วสองเดือน”
“เสี่ยบอกงั้นหรือ”
“ใช่ ฉันบอกก่อนนะถ้าวันนี้พี่ไม่จ่ายให้ฉัน เราแยกทางกัน” เหยินยืนยันหนักแน่น
“อ๋อ เดี๋ยวนี้พวกเอ็งปีกกล้าขาแข็งแล้วหรือ”
“ใช่ เราไม่จะทนให้พี่โกงแล้ว”
ฟูกับเหยินเดินออกไป ไมค์ โจ๊กเกอร์ ด่าตามหลัง
“ไอ้พวกอกตัญญู กูก็อยากรู้ว่าถ้าไม่มีกู มึงจะเล่นตลกได้มั้ย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ หันหลังไปหยิบเครื่องดื่ม ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดเข้ามา
“ในที่สุดพวกมึงก็คิดได้ใช่มั้ย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ หันกลับมา เห็นขั้นเทพยืนมองอยู่
“ถ้าจะมาทวงหนี้ล่ะก็ บอกแล้วไงว่ายังไม่มี ถ้ามีจะคืนให้”
“ฉันไม่ได้มาทวงหนี้ แต่ฉันจะให้นายกลับไปทำงานต่อ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าไอ้งานสายลับบ้าบออะไรนั่นฉันไม่ทำ”
“แต่นายเป็นหนี้ฉัน”
“ก็บอกแล้วไงว่าถ้ามีจะคืนให้”
“ไม่ ถ้านายไม่ทำ ฉันจะจับนายเข้าคุกข้อหาโกงเงิน”
ฟูกับเหยินเปิดประตูเข้ามา
“พี่บุญเลิศ”
“มึงสองคนก็เหมือนกัน กูบอกแล้วไงว่ากูยังไม่มี”
“พี่อย่าเพิ่งพล่ามเลย ตอนนี้เฮียหมงมันให้ลูกน้องมานั่งรออยู่ข้างนอก มันบอกว่าถ้าวันนี้ไม่ได้เงินจากพี่ มันจะอัดพี่ให้เละเลย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ อึ้ง ขั้นเทพยิ้มเยาะ
“ฉันว่าตอนนี้นายดวงตกมากนะ”
“ไอ้ฟู มึงไปบอกมันเลยว่าอย่ามาขู่กูซะให้ยาก”
“พี่บุญเลิศ ฉันว่าครั้งนี้มันไม่ได้ขู่นะ นักเลงมาตั้งห้าหกคน ฉันว่าพี่รีบหนีก่อนเถอะ”
ขั้นเทพแสยะยิ้มอย่างเป็นต่อ
“นายต้องเลือกแล้วล่ะ ว่าจะไปกับฉันหรือจะตายอยู่ที่นี่”

ไมค์ โจ๊กเกอร์ หน้าแหยคิดหนัก

เช้าวันรุ่งขึ้น ขั้นเทพ กับ ไมค์ โจ๊กเกอร์ นัดเจอกันที่ร้านกาแฟกลางเมือง

“เอาล่ะ เรามาทวนกันอีกครั้ง ตอนนี้นายคือ”
“นี่ ถึงฉันจะไม่มีเงิน แต่ฉันก็ไม่ได้ปัญญาอ่อนหรอกนะ ฉันรู้น่ะว่าฉันคือ ไมค์ โจ๊กเกอร์”
“จำได้ก็ดีแล้ว แต่ฉันบอกก่อนเลยนะ ถ้านายก่อเรื่องหรือทำให้ฉันเสียเรื่องล่ะก็ คราวนี้นายลงโลงแน่”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ มองหน้าขั้นเทพอย่างไม่กลัวเกรง
“ฉันไม่ได้ขู่นะ เพราะเรื่องงานฉันสำคัญที่สุด”
ขั้นเทพจ้องหน้า ไมค์ โจ๊กเกอร์มองอย่างหงุดหงิด หยิบแก้วกาแฟขึ้นดื่มแต่ต้องชะงักกับเสียงของเมษา
“คุณไมค์ โจ๊กเกอร์ ใช่มั้ยคะ”
ขั้นเทพเงยหน้ามอง ไมค์ โจ๊กเกอร์ ชะงักมอง เห็นเมษายิ้มให้ก็รีบลุกขึ้นยิ้มกระล่อน
“ใช่ครับ ผมไมค์ โจ๊กเกอร์”
“ดิฉัน สวยเสมอ ค่ะ”
“สวยเสมอหรือครับ”
“ขอโทษด้วยนะคะ ที่ไม่สวยสมชื่อ”
“ใครบอกล่ะครับ ผมว่าคุณแม่คุณตั้งชื่อให้ถูกต้องแล้วครับ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ทำเจ้าชู้ใส่ ขั้นเทพมองเมษาอย่างระแวง
“ไม่ทราบคุณมาจากไหนหรือครับ”
“ดิฉันเป็นเซลล์จากร้านอาร์ตแอนทีคค่ะ”
“แล้วมาพบคุณไมค์ต้องการอะไรหรือครับ”
“มีคนเขาแนะนำมาว่าคุณไมค์ โจ๊กเกอร์ กำลังอยากได้เศียรพระพุทธรูปหยกใช่มั้ยคะ”
“ถูกต้องแล้วครับคุณสวยเสมอ” ไมค์ โจ๊กเกอร์ รีบบอก
“แล้วคุณทราบได้ยังไงว่า”
“คุณเป็นเลขาคุณไมค์หรือคะ”
“ไม่ใช่หรอกครับ เขาเป็นแค่เด็กขับรถให้ผมน่ะครับ บักเคน นายไม่ต้องสะเออะมาสอบถาม ฉันว่านายไปสั่งกาแฟหรือชามาให้คุณสวยเสมอดีกว่า”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ถลึงตาใส่ขั้นเทพ ก่อนดึงเก้าอี้ให้เมษานั่ง ขั้นเทพยืนมองนิ่ง
“อ้าว แล้วมายืนเซ่ออยู่ทำไม ไปสิ”
“ผมจะถามคุณสวยเสมอว่าจะเอาชาหรือกาแฟครับ”
“ขอคาปูชิโน่ร้อนดีกว่าค่ะ”
“รีบไปเลย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ทำเป็นออกคำสั่ง ขั้นเทพเดินออกมา ไม่ค่อยพอใจนัก
“ขอโทษด้วยครับ ไอ้นี่มันเป็นคนขับรถที่ชอบสอดเรื่องเจ้านายน่ะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ นี่ค่ะ ดิฉันอยากให้คุณดูแคตตาล็อครูปภาพก่อนค่ะ”
เมษาหยิบไอแพดมาเปิดให้ดู
ขั้นเทพยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์สั่งกาแฟ มองไปที่โต๊ะ เห็นเมษาเสนอขายของ ไมค์ โจ๊กเกอร์ ทำท่าเข้ามาใกล้สูดดมผมเมษา จนหญิงสาวต้องขยับหลบ ขั้นเทพมองเมษา ไม่ไว้ใจ

ที่สถานีขนส่ง ปึกถือกระเป๋าเสื้อผ้า เดินเลี้ยวออกมา มองซ้ายขวาอย่างงงๆ คนขับแท็กซี่เข้ามาคว้ากระเป๋า
“ไปไหนน้อง พี่ไปส่ง”
“เอ่อ บ่ไปจ้ะ ข้อยนัดกับญาติไว้เดี๋ยวเขาสิมารับ”
“บอกมาเถอะน่า เดี๋ยวพี่ไปส่งให้”
“บ่เป็นหยังดอกจ้ะ”
“พี่ไม่คิดเงินหรอกน่า ไป”
คนขับรถคว้ามือปึก หญิงสาวตกใจอึกอัก แหล่ คนบ้านเดียวกันกับปึก ซึ่งเป็นคนขับแท็กซี่เดินเข้ามาหา
“เฮ้ย ไอ้ต๋อง นั่นน้องสาวข้าโว้ย”
“อ้าว พี่แหล่ น้องพี่แหล่เองหรือ ฉันนึกว่าไม่มีใคร จะพาไปส่งให้”
ต๋องปล่อยมือปึก แล้วหันมายิ้มให้ก่อนจะแยกเดินออกไป
“หวัดดีจ้ะอ้ายแหล่ อ้ายมาทันพอดี ข้อยตกใจหมดเลย อยู่ๆ เพิ่นสิมาคว้ามือข้อย”
“ไม่มีอะไรหรอก ไอ้นี่มันคนดี มันชอบช่วยคนบ้านเดียวกัน ไป แล้วเอ็งมีของมาแค่นี้หรือ”
“จ้ะ”
“มาพี่ถือให้”
“บ่เป็นหยังดอกจ้ะ ข้อยถือไหว”
“งั้นก็ไปขึ้นรถ รถพี่จอดอยู่นู่น”
แหล่เดินนำไปที่รถแท็กซี่

เวลาต่อมา แหล่พาปึกมาที่ห้องเช่าของเขา ซึ่งภายในมีห้องเดียว
“ห้องอ้ายมีห้องเดียวเองหรือ”
“เออ ก็พี่อยู่คนเดียวนี่หว่า”
“อ้าวเหรอ ข้อยก็นึกว่ามีสองห้อง ข้อยเลยมาด้วย”
“เอ็งไม่ต้องห่วงหรอก เอ็งนอนห้องนี้ไปเลย พี่ขับรถกว่าจะกลับก็เกือบสว่าง พี่นอนในรถได้”
“ข้อยเกรงใจอ้ายหลาย ๆ เด้อ”
“ไม่ต้องเกรงใจ เรามันคนบ้านเดียวกัน พอเอ็งได้งานมีเงินก็ค่อยย้ายออก”
“ข้อยกราบขอบคุณอ้ายแหล่เด้อ อ้ายแหล่ดีกับหนูปึกคั่กคั่ก”
“เออ เอ็งอย่าคิดอะไรมากเลย จะไปไหนก็ล็อคห้องด้วยแล้วกัน”
แหล่ส่งกุญแจห้องให้
“จ้ะ”
“พี่ไปขับรถก่อนล่ะ เอ็งหิวก็ออกไปซื้ออะไรกินปากซอย พี่ให้ร้อยหนึ่ง”
แหล่ส่งเงินให้
“บ่ต้องจ้ะอ้าย ข้อยมี”
“เออ เอาไปเถอะ”
“ขอบคุณเด้ออ้าย”
แหล่เดินออกไป
“อ้ายแหล่เป็นคนดีหลาย ๆ เด้อ บ่เสียแรงที่เฮาเป็นคนบ้านเดียวกัน”
ปึกมองด้วยความเชื่อใจ
แหล่เดินออกมาหน้าห้องเช่า หันกลับไปมองที่ห้องด้วยแววตาชั่วร้าย
“จะว่าไป อีหนูมันโตเป็นสาวแล้วสวยโว้ย ตอนเด็ก ๆ ดูไม่ได้เลย”
ชาย 2 คน นั่งอยู่บริเวณหน้าห้องเช่า ก็เอ่ยปากแซวแหล่
“พี่แหล่ ได้เด็กใหม่มาอีกแล้วหรือ”
“เฮ้ย คนนี้พวกเอ็งห้ามยุ่งนะ ข้าหวง”
“ก็น่าจะหวงล่ะ สาวและสวยออกอย่างนี้”
“ถ้าเบื่อก็ให้ฉันละกัน”

แหล่หัวเราะ ก่อนขึ้นรถขับออกไป

เมษาเดินมากับ ไมค์ โจ๊กเกอร์ ตรงบริเวณทางเดินใกล้ร้านกาแฟ ขั้นเทพเดินตามมาข้างหลัง

“ถ้าคุณไมค์ตัดสินใจยังไงโทรหาสวยเสมอได้ตลอดเวลานะคะ”
“แล้วถ้าผมโทรตอนเที่ยงคืนได้มั้ยครับ”
“ได้ค่ะ”
“จริงหรือครับ”
“ก็บอกแล้วไงคะว่าสำหรับคุณไมค์ โจ๊กเกอร์ โทรได้ตลอด 24 ชั่วโมงค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้นพรุ่งนี้ผมอยากคุยกับคุณอีกสักครั้งได้มั้ยครับ”
“ได้เลยค่ะ”
“งั้นทุ่มหนึ่ง ไปทานข้าวกับผมดีมั้ยครับ จะได้คุยกัน”
“ที่ไหนคะ”
“อืม ที่”
ขั้นเทพเตะขาหลัง ไมค์ โจ๊กเกอร์ เต็มแรง ทำให้หน้าคะมำกระแทกลงพื้น
“ว้าย คุณไมค์”
“โอ๊ย”
“เป็นยังไงบ้างคะ อุ๊ยปากแตกเลยค่ะ เลือดออกด้วย นี่ค่ะ เอาผ้าเช็ดหน้านี่เช็ดเลือดก่อนค่ะ”
เมษาส่งผ้าเช็ดหน้าให้
“ขอบคุณครับ”
“นี่เดินยังไงคะเนี่ย”
“มีคนเตะขาผมครับ ไอ้เคน แกเตะขาฉันใช่มั้ย”
“โธ่ เจ้านายครับ ผมจะไปเตะขาเจ้านายได้ไงล่ะครับ ผมเป็นลูกน้องเจ้านายนะครับ”
“ถ้าแกไม่เตะ แล้วใครเตะ มีแกคนเดียวที่เดินตามหลังฉัน”
“ผมว่าเจ้านายเดินสะดุดขาตัวเองมากกว่า”
“ฉันน่ะหรือเดินสะดุดขาตัวเอง”
“ใช่ครับ ระหว่างที่เจ้านายกำลังพล่าม เจ้านายไม่ได้มองทาง”
ขั้นเทพบอกด้วยน้ำเสียงตำหนิ เมษามองชายหนุ่ม รู้สึกแปลกใจกับคำพูด
“ขอโทษครับ ตอนที่เจ้านายพูดกับคุณสวยเสมอน่ะครับ เจ้านายมัวแต่พูดเลยไม่ได้มองทาง”
“เป็นไปไม่ได้”
“ช่างเถอะค่ะ ฉันว่าไปหาหมอให้หมอดูแผลก่อนดีมั้ยคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ เล็กน้อย”
“ไม่เล็กน้อยนะคะ ปากเจ่อขนาดนั้น”
“ผมว่าพรุ่งนี้คุณไมค์คงไปทานข้าวกับคุณสวยเสมอไม่ได้แล้วล่ะครับ”
“ทำไมจะไปไม่ได้”
“ดูจากปากแล้วผมว่าเดี๋ยวกลับไปมันคงระบมแล้วจะเจ่อมากกว่านี้นะครับ”
“งั้นก็เลื่อนไปก่อนอีกวันสองวันก็ได้ค่ะ แต่ถ้าคุณไมค์มีอะไรสงสัยก็โทรหาสวยเสมอได้นะคะ”
“ครับ”
“งั้นลาตรงนี้นะคะ”
“ครับ”
“ฝากดูคุณไมค์ด้วยนะ นายเคน”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลเจ้านายอย่างดีเลยครับ”
เมษาเดินออกไป ไมค์ โจ๊กเกอร์ หันมาเอาเรื่องขั้นเทพ
“ฉันรู้นะว่านายเตะขาฉัน”
“ใช่ ฉันแค่เตือนให้นายรู้ตัวว่านายมีงานต้องทำ”
“แต่ที่ฉันคุยนี่ก็เรื่องงานนะ นายจะให้ฉันเป็นนายหน้าค้าพระไม่ใช่หรือ น้องสวยเสมอเขากำลังเอาของมาเสนอให้เรานะ”
“แต่ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธออาจจะเป็นสายให้กับไอ้พวกผู้ร้ายเข้ามาสอดแนมเรา”
“ฮึ่ย ฉันว่านายคิดมากไปน่ะ ผู้หญิงสวยขนาดนั้นจะเป็นสายได้ไง”
“แล้วเขาเดินมาหานาย เขารู้จักนายได้ไง”
“นี่ ไอ้ผู้กองหัวทึบ ลืมไปแล้วหรือว่าสองสามวันมานี่เราแจกนามบัตรไปตามร้านขายของเก่าจนเกือบทั่วกรุงเทพแล้ว พวกร้านค้ามันก็เลยส่งเซลล์มา”
ขั้นเทพรับฟัง
“ฉันว่านายไม่น่าเป็นตำรวจสายสืบเลยนะ เรื่องแค่นี้ยังวิเคราะห์ไม่ออก”
“แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่อยากให้นายให้ความสนิทสนมกับใคร แล้วเรื่องการนัดหมายอะไร นายต้องรอฟังคำสั่งจากฉัน ไม่ใช่นัดเอง”
“ฉันรับบทหัวหน้า แต่ต้องรอฟังคำสั่งจากนายงั้นหรือ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ย้อนถามอย่างไม่พอใจ
“ใช่”
“เฮ่ย เซ็งจริง ๆ โว้ย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ คับแค้นใจ จะเดินออกไป ขั้นเทพคว้าแขนไว้
“เดี๋ยว แล้วนายก็อย่าใช้ความกระล่อนปลิ้นปล้อนกับผู้หญิง”
“ทำไม นี่มันเรื่องส่วนตัวฉัน”
“แต่มันจะทำให้งานฉันพัง เข้าใจรึเปล่า”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ สะบัดแขนออกด้วยความโกรธ แล้วเดินออกไป
“ไอ้นี่ เห็นผู้หญิงไม่ได้”

ขั้นเทพมองอย่างไม่พอใจ

อ่านต่อหน้า 4 /09.30 น.

สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 1 (ต่อ)

ตกตอนค่ำ ปึกใส่เสื้อยืดนุ่งผ้าถุง เดินออกจากห้องน้ำมาลงนั่งหน้ากระจก หวีผม หยิบแป้งฝุ่นขึ้นมาทาตัว

“เฮ้อ เกรงใจอ้ายแหล่หลายๆ เด้อ อ้ายเลยต้องไปนอนในรถ”
ปึกถอนใจอีกครั้ง ลุกไปปิดไฟ ล้มตัวลงนอน
“ขอให้ข้อยได้งาน ได้เจอผัวฝรั่งเร็ว ๆ ทีเถอะ สิได้มีเงินไปตามหาหลวงพ่อคำเกลี้ยง”
ปึกพนมมืออธิษฐานแล้วลูบหัว ก่อนหลับตาลง

ดึกสงัด แหล่เสียบกุญแจปลดล็อคประตูห้องเช่าเข้าไป เห็นปึกนอนหลับสนิท ผ้าถุงเลิกขึ้นเหนือเข่า เขาค่อย ๆ เดินมาลงนั่งข้างๆ ใช้นิ้วมือคีบชายผ้าถุงเลิกขึ้นให้สูงกว่าเดิม จนเห็นขาอ่อน ปึกบิดตัวพลิกไปอีกฝั่งเอามือปิดขา แหล่ดึงมือออก แอบขำสนุก แลบลิ้นเลียปาก
ปึกนอนหันหลังให้ แหล่เอามือเขี่ยผมปึกออกจากซอกคอ ปึกเอามือขึ้นมาเกาต้นคอ แหล่มองซอกคอ ก้มลงจะจูบ ปึกเอามือตบหน้าแหล่ดังเพียะนึกว่ายุง แหล่สะดุ้งเจ็บ
“อุ้ย”
ปึกสะดุ้งตื่น เห็นแหล่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“อ้ายแหล่”
“จ้ะพี่เอง”
ปึกถอยตัวลุกขึ้น
“นี่อ้ายแหล่เข้ามาได้จั๋งใดเนี่ย”
“พี่ก็มีกุญแจนี่ไง”
แหล่ยกกุญแจให้ดู
“เออ อีหลี ข้อยลืมไปว่าอ้ายเป็นเจ้าของห้อง แล้วอ้ายแหล่สิเข้ามาเอาอิหยัง”
“เอ่อ”
“แล้วทำไมอ้ายบ่เปิดไฟ”
“พี่กลัวว่าเอ็งจะตื่นน่ะ”
“ข้อยว่าอ้ายไปเปิดไฟเถอะ มืด ๆ จะมองบ่เห็นเด้อ”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่มองเห็น”
ปึกชักเอะใจ
“แล้วตกลงอ้ายแหล่จะมาเอาอิหยัง”
“พี่ก็จะมาเอาเอ็งเป็นเมียไง”
แหล่โถมเข้าปิดปากปึกแล้วจับปึกกดลงพื้น
“อยู่เฉย ๆ นะน้องปึก จะได้ไม่เจ็บตัว”
ปึกดิ้นอึกอัก พยายามร้องให้ปล่อย แหล่ชักมีดพกออกมา
“ถ้าเอ็งไม่อยู่เฉย พี่ต้องแทงเอ็งนะ”
ปึกมองมีดด้วยความกลัว
“อย่าร้องนะ ถ้าเอ็งร้อง พี่ต้องฆ่าเอ็งทิ้งแน่”
ปึกพยักหน้า
“เออ มันต้องว่าง่าย ๆ อย่างนี้สิ ถึงจะอยู่ด้วยกันได้”
แหล่ปล่อยมือที่ปิดปากปึก
“อ้ายแหล่ อย่าทำอะไรข้อยเลยเด้อ”
“พี่รักเอ็งมานานแล้วตั้งแต่เด็ก ๆ มาเป็นเมียพี่เถอะนะ เอ็งจะได้ไม่ลำบาก พี่จะเลี้ยงเอ็งไปตลอดชีวิตเลยนะ เป็นเมียพี่เถอะนะ”
แหล่คว้าผ้าถุงปึกจะถลกขึ้น ปึกคว้าจับมือแหล่ไว้
“อ้ายแหล่ อย่าทำข้อย”
“ถ้าเอ็งขัดขืน มันจะไม่เป็นผลดีกับเอ็งนะ ปล่อยมือพี่”
แหล่ชูมีดขู่ ปึกจำใจปล่อยมือ
“อ้ายแหล่ ข้อยยังบ่เคยมีผัวเด้อ”
“เอ็งไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่จะสอนให้”
แหล่ขยับลุกขึ้นถอดกางเกงตัวนอกออก ปึกคิดหาทาง แหล่จะดึงกางเกงในออก ปึกตัดสินใจถีบใส่ แหล่ร้องลั่น ปึกถีบเข้าที่หน้าอีกที แหล่หงายหลัง กระเด็นไปชนฝา ปึกเปิดประตูวิ่งหนีออกไป
“ซ่วยข้อยแน้ ไผก็ได้ ซ่วยข้อยด้วย”
แหล่ถือมีดวิ่งเซตามออกมา ชาวบ้านหลังหนึ่งเปิดห้องออกมามอง แหล่ตะโกนใส่
“เรื่องของผัวเมีย ไม่เกี่ยวกับใครโว้ย ไปนอน”

ชาวบ้านปิดห้องกลับไป แหล่วิ่งตามปึกออกไป

ปึกวิ่งออกมาที่ถนนเปลี่ยว ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ

“ซ่วยด้วย ใครก็ได้ซ่วยข้อยแน้ มันสิข่มขืนข้อย”
แหล่ถือมีดวิ่งตามมา
“อีปึก ไม่มีใครช่วยมึงได้หรอก กลับมาเดี๋ยวนี้ อย่าให้กูโมโหนะ”
ปึกวิ่งมาตามทาง ล้มลุกคลุกคลาน แหล่วิ่งตามมาทันเตะท้องปึก จนล้มลงตัวงอกองอยู่ข้างถนน
“กูบอกมึงแล้วไงว่าให้อยู่เฉย ๆ จะได้ไม่เจ็บตัว มึงไม่เชื่อก็ต้องเจอแบบนี้ ไป ลุกขึ้น”
“บ่ ข้อยบ่ไป ซ่วยด้วย ซ่วยข้อยด้วย”
แหล่เอามีดจ่อคอปึก
“ถ้ามึงร้องอีกคำเดียวล่ะก็ กูจะปาดคอมึงให้ขาดเดี๋ยวนี้”
ปึกร้องไห้พนมมือไหว้
“อ้ายแหล่ หนูปึกไหว้เจ้าล่ะ อย่าทำข้อย”
“เงียบ ลุกขึ้น”
แหล่กระชากปึกให้ลุก แสงไฟจากรถสาดเข้ามา ปึกและแหล่ชะงักมอง รถพุ่งเข้ามาเบรคอย่างแรง เมษาก้าวลงมาจากรถ
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”
“ไม่มีอะไรเรื่องของผัวเมีย คุณไม่เกี่ยว”
“ซ่วยข้อยด้วย มันสิข่มขืนข้อย”
แหล่กระชากหัวปึก
“เงียบ”
“โอ๊ย”
“ไป กลับบ้าน”
แหล่กระชากจะพาปึกเดินออกไป
“เดี๋ยว ปล่อยผู้หญิงซะ”
“บอกแล้วไงว่าเรื่องของผัวเมียทะเลาะกัน ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“แต่ผู้หญิงเขาบอกว่าแกจะข่มขืนเขา ทิ้งมีดแล้วปล่อยผู้หญิงซะ”
“แน่ะอีนี่ ปากดี วอนหาที่ตายแล้วมึง”
แหล่ผลักปึกออกไปแล้วเดินเข้าหาเมษา เมษากระชากปืนออกมา
“อย่าเข้ามานะ ฉันเป็นตำรวจ”
แหล่ชะงัก
“ถ้าแกเข้ามาอีกก้าวล่ะก็ ฉันยิงจริง ๆ”
แหล่ชะงัก เห็นเมษากระชับปืนเตรียมลั่นไก เขารีบยกมือ
“เอ่อ อย่า อย่า ผมยอมแล้วครับ”
“ทิ้งมีด”
แหล่ทิ้งมีดลงพื้น
“หันหลังแล้วคุกเข่าลง”
แหล่คุกเข่า เมษาหยิบกุญแจมือมาใส่ล็อคข้อมือ แล้วถีบแหล่ลงนอน หยิบวอที่เหน็บเอวขึ้นมาพูด
“วิหคเวหา เรียกสถานีตำรวจ”
“วอสอง”
“เกิดเหตุ ส่งเจ้าหน้าที่มารับตัวผู้ต้องหาริมทางเท้าทางรถไฟด้วย”
“รับทราบ”
เมษาเดินเข้าไปหาปึก ซึ่งยืนตัวงอเจ็บท้องอยู่หลังกองดิน
“เธอเป็นยังไงบ้าง ได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“บ่ค่ะ ข้อยบ่เป็นอิหยัง แค่ขาถลอกนิดหน่อย”
“ต้องไปทำแผลมั้ย”
“บ่ต้องหรอกจ้ะ”
“แล้วบ้านเธออยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ข้อย ข้อยเพิ่งมาจากร้อยเอ็ดจ้ะ”
“ร้อยเอ็ดงั้นหรือ”
“จ้ะ”
แหล่ตอบด้วยแววตากังวล หวาดกลัว

คืนนั้น เมษาพาปึกมาที่ห้องพักของเธอ
“คืนนี้เธอนอนที่นี่ไปก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปทำงานที่บ้านแม่ฉันแล้วกัน”
“ขอบคุณคุณเมหลาย ๆ เด้อค่ะ ถ้าบ่ได้คุณเมมาซ่วยไว้ ปึกคง”
ปึกก้มลงกราบ เมษาดึงตัวปึกขึ้นมา
“ไม่ต้องกราบฉันหรอก ที่ฉันทำไปเพราะมันเป็นหน้าที่ฉัน เอาล่ะ เธอไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวฉันจะหาเสื้อผ้าของฉันให้เธอใส่”
“ขอบคุณเด้อค่ะ”
“นู่น ห้องน้ำอยู่ตรงนั้น”

ปึกเดินไปเข้าห้องน้ำ เมษานึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วถอนใจ

ตอนเช้า ขั้นเทพนั่งดื่มกาแฟอยู่ในร้าน พลางกดโทรศัพท์ แต่ไม่มีคนรับสาย เขาปิดโทรศัพท์ด้วยความโมโห

“มันหายหัวไปไหนวะ ไม่รับสายอีก ท่าทางเราจะร่วมงานกับมันไม่ได้จริง ๆ”
ขั้นเทพเดินออกไปหน้าร้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่ ไมค์ โจ๊กเกอร์ ลงมาจากรถแท็กซี่ ขั้นเทพมอง อย่างไม่พอใจ
“ขอโทษครับหัวหน้าที่มาสาย”
ขั้นเทพเดินเข้ามากระชากคอ ไมค์ โจ๊กเกอร์ แล้วชะงัก
“อื้อหือ นี่กลิ่นเหล้าฟุ้งเลย”
“ก็ใช่ดิ ฉันเพิ่งมาจากร้านเหล้า”
ขั้นเทพกระชากตัวไมค์ โจ๊กเกอร์ เข้ามากระแทกเข้ากับรถ
“อย่าบอกนะว่านายไปกินเหล้าถึงสว่างนะ”
“ใช่”
“ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่หรือว่าวันนี้เรามีงานสำคัญ”
“ฉันแค่เพลินไปหน่อย มันเป็นงานวันเกิดเพื่อน เอาน่า ถึงยังไงฉันก็มานะ ไม่ได้เบี้ยว ไปกันเถอะ จะขอหลับในรถหน่อย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เปิดรถด้านหน้าข้างคนขับโดดขึ้น ขั้นเทพส่ายหน้าก่อนขึ้นรถขับออกไป ระหว่างทางเขาเหลือบมองด้านหลัง เห็นไมค์ โจ๊กเกอร์ หลับ
“เราจะทนกับไอ้นี่ไปได้อีกนานแค่ไหนวะ”
ขั้นเทพเซ็งจัด

เมษาพาปึกมาพบประไพพรรณที่บ้าน
“สวัสดีค่ะคุณนาย”
“ชื่ออะไร”
“ซื่อหนูปึกค่ะ”
“เป็นคนไทยรึเปล่า”
“คนไทยค่ะแม่”
“เออ ค่อยยังชั่ว แม่ล่ะไม่ค่อยอยากได้คนต่างด้าว พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แล้วลูกไปเอาเด็กนี่มาจากไหน”
“เรื่องมันยาวค่ะ ว่าง ๆ ค่อยให้ปึกเล่าให้แม่ฟังแล้วกัน”
“เอ้า แล้วแกทำอะไรเป็นบ้าง”
“ข้อยเฮ็ดได้หลายสิ่งเด้อค่ะคุณนาย”
“ดี แล้วเสื้อผ้าล่ะ”
“เสื้อผ้าเขาไม่มีหรอกค่ะ พอดีมันฉุกเฉิน ฝากแม่จัดการให้หน่อยแล้วกันค่ะ หนูจะไปทำงานก่อนล่ะ”
“ไปเถอะลูก ขับรถดี ๆ นะ ระวังหน่อย”
“ค่ะ ฉันไปล่ะนะ หนูปึก ตั้งใจทำงานนะ”
“รับรองค่ะ หนูปึกสิบ่ทำให้คุณเมผิดหวังเด้อค่ะ”
“ดีมาก แล้วฉันจะมาเยี่ยม”
เมษาเดินออกไป ปึกมองอย่างซึ้งใจ
“แกอยู่ที่นี่ก็พยายามพูดภาษากลางนะ อย่าพูดภาษาอีสาน ฉันฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง”
“ค่ะ”
“ไป ตามฉันมา”
ปึกลุกเดินตามประไพพรรณไป

เมษาเดินออกมาหน้าบ้าน กดโทรศัพท์ ขั้นเทพกำลังขับรถ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขาหันไปมอง เห็นไมค์ โจ๊กเกอร์ หลับ เสียงโทรศัพท์ยังดัง ขั้นเทพจึงหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย
“ฮัลโหล”
“คุณไมค์หรือคะ”
“ไม่ใช่ครับ จากไหนหรือครับ”
“นายเคนหรือ”
“ใช่ครับ”
“ฉันสวยเสมอนะ”
“อ๋อ มีอะไรหรือครับ”
“ขอพูดกับคุณไมค์หน่อยสิ”
“คุณไมค์เขาไม่อยู่ครับ”
“อ้าว เขาไปไหนหรือ”
“คุณไมค์กำลังประชุมอยู่ครับ เดี๋ยวประชุมเสร็จผมจะบอกให้นะครับ”
ขั้นเทพกดปิดโทรศัพท์

“แม่นี่สงสัยจะเป็นเซลส์จริง ตื๊อไม่เลิก”

ขั้นเทพขับรถต่อไป จนไปถึงปั๊มน้ำมัน ก็เลี้ยวเข้าไปจอด ไมค์ โจ๊กเกอร์ ยังหลับไม่รู้เรื่อง จึงทุบท้องปลุก

“ตื่นมากินข้าวได้แล้ว”
“โอ๊ย ปวดหัวจัง นี่เราอยู่ไหนเนี่ย”
“ขอนแก่น”
“หา อะไรนะ ขอนแก่น เราจะไปไหนกัน”
“นายหุบปาก ลงไปล้างหน้าล้างตา แล้วไปกินข้าวได้แล้ว”
ขั้นเทพเดินลงจากรถ ไมค์ โจ๊กเกอร์ หยิบโทรศัพท์ที่วางข้างตัวเปิดประตู วิ่งตามไปกระชากแขนขั้นเทพ
“เดี๋ยวผู้กอง นายต้องบอกฉันก่อนว่าเราจะไปไหนกัน ฉันหลับไปแป๊บเดียวถึงขอนแก่นได้ยังไง”
เด็กปั๊มเดินผ่านมา ไมค์ โจ๊กเกอร์ รีบถาม
“น้อง ปั๊มนี้อยู่จังหวัดอะไร”
“ขอนแก่นเด้ออ้าย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ งง มองหน้าขั้นเทพ
“เราจะไปร้อยเอ็ด”
“ร้อยเอ็ด”
“ใช่ พอใจรึยัง”
ขั้นเทพเดินไปที่ร้านอาหาร
“เวรกรรมของเราจริง ๆ ที่ต้องมาทำงานกับไอ้ผู้กองบ้านี่”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินไปทางห้องน้ำ หยิบโทรศัพท์มือถือมาดู เห็นเบอร์เมษาที่โทรเข้ามา
“ใครวะโทรมา สงสัยไอ้ผู้กองสาระแนรับแทนเรา อ๋อ นี่มันเบอร์คุณสวยเสมอนี่หว่า หนอย ไม่เรียกเราพูดซะด้วย”
“เร็ว ๆ”
ขั้นเทพทำปากเร่ง แต่ไม่มีเสียง
“ไอ้ผู้กองนี่คอยกันเราตลอด”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินเข้าห้องน้ำไป

ภายในห้องน้ำชาย ไมค์ โจ๊กเกอร์ กดโทรศัพท์ เสียงโทรศัพท์ดัง เมษาเดินขึ้นบันไดหยิบโทรศัพท์มองเบอร์แล้วกดรับ
“หวัดดีค่ะ”
“เมื่อกี้คุณสวยโทรหาผมหรือครับ”
“ใช่ค่ะ เห็นนายเคนบอกว่าคุณประชุมอยู่”
“อ๋อ ประชุมลับกับพวกต่างชาติน่ะครับ”
“ประชุมลับหรือคะ” เมษาสนใจ
“ใช่ครับ ประชุมเรื่องสั่งของน่ะครับ เรื่องแบบนี้ให้ใครรู้ไม่ได้หรอกครับ แล้วคุณสวยโทรหาผมมีอะไรรึเปล่าครับ”
“สวยจะถามว่าเย็นนี้ทานข้าวด้วยกันมั้ยคะ”
“เย็นนี้หรือครับ โธ่เอ๊ย”
“ทำไมหรือคะ”
“คือ เผอิญผมมีธุระสำคัญกำลังไปร้อยเอ็ดครับ”
“ธุระสำคัญ”
“ใช่ครับ ผมต้องไปติดต่อดูของที่ร้อยเอ็ดน่ะครับ”
“แต่เมื่อกี้คุณบอกว่าประชุมอยู่ไม่ใช่หรือคะ”
“อ๋อ ใช่ครับ ผมประชุมอยู่บนเครื่องบินน่ะครับ”
“แล้วคุณไมค์จะกลับเมื่อไหร่คะ”
“ผมยังไม่ทราบเลยครับ เอาเป็นว่าถ้าผมถึงกรุงเทพเมื่อไหร่ผมจะโทรหาคุณทันทีเลย”
“แหม เสียดายจัง นึกว่าจะได้เจอคุณไมค์อีก”
“ถ้าคิดถึงจริง ๆ ก็บินมาหาสิครับ ผมพูดเล่นน่ะครับ เดี๋ยวผมต้องประชุมต่อแล้วครับ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่โทรกลับมา”
“ด้วยความยินดีครับ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ กดปิดโทรศัพท์
“เฮ่ย เสียดายจริง ๆ ไม่งั้นคืนนี้น้องสวยเสมอต้องเป็นของเราแน่”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินเข้าห้องน้ำไป

หลังออกจากห้องน้ำ ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินไปสมทบกับขั้นเทพที่โต๊ะอาหาร
“แล้วเราต้องไปอยู่ที่ร้อยเอ็ดกี่วัน”
“จนกว่าจะได้เรื่อง”
“แล้วเมื่อไหร่นายจะบอกซะทีว่าเรื่องอะไรที่เราจะไปเนี่ย”
“เอาไว้ให้ถึงร้อยเอ็ดแล้วฉันจะบอกนาย”
“นายจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับทำไม”
“ก็เพราะนายเป็นคนปากสว่าง นายจะทำให้งานของเราเสียหาย”
“นี่ผู้กอง”
“แล้วฉันก็จะเตือนนายอีกอย่าง งานที่เรากำลังทำมันอันตรายมาก นายกับฉันอาจจะตายพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้หรือมะเรื่องนี้ก็ได้ ไม่มีใครรู้ ฉะนั้นนายจะต้องฟัง แล้วต้องทำตามที่ฉันบอก เข้าใจรึเปล่า รีบกินซะ ฉันจะไปรอที่รถ”
ขั้นเทพหยิบแบงค์ร้อยวางให้สี่ใบแล้วเดินออกไป ไมค์ โจ๊กเกอร์ ยกน้ำดื่ม
“ทำมาเป็นขู่เรา นึกว่าเรากลัวตายงั้นสิ ฮี่โธ่ อย่าหวังเลยไอ้ผู้กอง มุกนี่ใช้กับคาเฟ่ไม่ได้โว้ย ต้องไปใช้ที่งานวัด”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ หยิบไม้จิ้มฟัน ลุกเดินไปขึ้นรถ เห็นขั้นเทพจ้องอยู่ เขาทำเป็นสะดุ้ง
“อุ๊ย ผมกลัวแล้วครับผู้กอง”

ขั้นเทพมองอย่างไม่พอใจ ไมค์ โจ๊กเกอร์ หัวเราะแล้วขึ้นรถ ขั้นเทพถอยรถ ขับออกไป

อ่านต่อตอนที่ 2/09.30 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น