นางกลางไฟ ตอนที่ 20
หน้าห้องทำแท้ง วาทินเข้ามาดึงสายป่าน
"ออกไปกับผมเดี๋ยวนี้"
สายป่านนึกดีใจ แต่ยังดื้อไม่ยอม
"ปล่อยชั้นนะ อย่ามายุ่งกับชั้น"
วาทินเสียงเข้ม
"สายป่าน! ผมบอกให้ออกไปไง"
วาทินดึงสายป่านไป
วาทินดึงสายป่านขึ้นรถที่สายป่านขับมา
"คุณทิน ปล่อยชั้นนะ"
วาทินเสียงเข้ม
"ไม่ เรามีเรื่องต้องคุยกัน ขึ้นรถเดี๋ยวนี้"
สายป่านจำต้องขึ้นรถ วาทินสตาร์ทรถขับออกไป
ตะวันกับสุนทรีย์โล่งใจ สุนทรีย์เรียกลูกสาวไว้
"ป่าน…ป่าน"
"คุณป้าคะ ปล่อยให้เขา 2 คนได้ตกลงกันเองเถอะค่ะ เรากลับไปรอที่บ้านดีกว่าค่ะ"
สุนทรีย์ยอมปล่อย ตะวันฉายประคองกลับไปขึ้นรถ สุนทรีย์มองตามสายป่านอย่างกังวล
เย็นต่อเนื่องมา ตะวันฉายยกมือไหว้ขอโทษ กล้วยยกน้ำเข้ามาวาง สุนทรีย์เอนหลังดูเหนื่อย
"ตะวันกราบขอโทษนะคะคุณป้าที่ไม่ได้บอกเรื่องน้องป่าน…ท้อง ตะวันผิดเองค่ะที่คิดว่าจะให้ป่านบอกเรื่องนี้กับคุณป้าเอง จนทำให้ป่านเกือบจะตัดสินใจผิดพลาดไปโดยไม่ทันได้ปรึกษาผู้ใหญ่"
"ถามจริงๆเถอะ ตะวันคิดว่าป้าดูไม่ออกหรอว่ายัยป่านท้องน่ะ"
"นี่แสดงว่าคุณป้า…รู้"
"เด็กพวกนี้นี่คอยจะคิดว่าคนแก่ตามไม่ทันอยู่เรื่อย ชั้นน่ะอาบน้ำร้อนมาก่อนนะจ๊ะ แถมยังอุ้มท้องลูกมาตั้ง 2 คน เรื่องแค่นี้คิดว่าจะรอดสายตาชั้นไปได้หรอ"
ตะวันฉายหัวเราะ
"นั่นสินะคะ ตะวันก็ลืมคิดไป แต่ตอนนี้เราคงได้แต่ช่วยลุ้นให้ป่านกับคุณทินลงเอยกันด้วยดี"
สุนทรีย์ทำนิ่งวางท่า ตะวันเหลือบมองหาจังหวะช่วยพูดให้วาทิน
"ป่านคงมีความสุขมาก ถ้าคุณป้าจะยอมยกโทษและให้โอกาสคุณทินอีกซักครั้ง"
"คนเป็นแม่น่ะย่อมอยากเห็นลูกมีความสุขโดยเฉพาะเมื่อเขาได้มีคู่ชีวิตที่ดี แต่เรื่องนี้ มันขึ้นอยู่กับว่า…หมอนั่นจะแสดงความจริงใจที่มีกับป่านให้ชั้นเห็นแค่ไหน"
สำนักพิมพ์วาทิน วันใหม่ วาทินเดินเข้ามาในออฟฟิศ พนักงานต่างมองแบบรังเกียจ
"ว่าไงจ๊ะนักข่าวหัวเห็ด นี่ชั้นให้ไปทำข่าวนะยะ ไม่ใช่ให้ไปเป็นข่าวซะเอง" บก. บอก
"ผมขอโทษครับ ผม…เอ่อ"
"จะขอโทษทำไม ดีแล้ว หนังสือเราจะได้ไปด้วย ดีมาก"
วาทินมองหาสายป่านที่โต๊ะไม่เจอ
"เขาลาออกไปแล้ว"
"อะไรนะ"
"ถ้าคุณมองหาสายป่านเขาลาออกไปแล้ว"
พนักงานบอก
"เขาคงทนอายไม่ได้ที่ท้องไม่มีพ่อ เอ๊ะ ไม่ใช่สิ พ่อน่ะมี แต่ไม่เป็นลูกผู้ชายพอที่จะรับผิดชอบ"
พนักงานเดินไป
สายป่านปฏิเสธเสียงแข็งใส่โทรศัพท์
"ก็ชั้นบอกว่าไม่ไปไง พูดไม่รู้เรื่องหรอ"
วาทินใส่บลูทูธ กำลังขับรถ
"จ้ะๆๆ ผมก็แค่อยากชวนคุณไปหาอะไรอร่อยๆทานเท่านั้นเอง คนท้องน่ะต้องบำรุงเยอะๆรู้ไหม ลูกออกมาจะได้แข็งแรง"
"ไม่ต้องทำมารู้ดี ชั้นดูแลตัวเองได้"
"ถ้าคุณไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร งั้นผมไม่กวนแล้ว คุณพักผ่อนเถอะ"
วาทินวางหูไป แล้วยิ้มดูมีเลศนัย
สายป่านถือโทรศัพท์ค้าง ยิ่งงอน
"อะไร พูดแค่นี้ก็วางหูใส่ซะละ ถ้าง้อเราอีกนิดนึงก็ยอมไปด้วยแล้ว"
สายป่านวางหู แล้วนอนลงบนเตียงพลิกไปมาอย่างหงุดหงิด
ในห้องรับแขก บ้านธวัช ตะวันฉายนั่งป้อนข้าวสายฟ้า กล้วยช่วยสุนทรีย์จัดแจกันใส่ดอกไม้
วาทินหอบถุงกับข้าวพะรุงพะรังเข้ามาทักทุกคน
"สวัสดีครับทุกคน"
ทุกคนงง สุนทรีย์เหล่มองพร้อมวางท่า
"หอบอะไรมาซะเยอะแยะล่ะพ่อคุณ"
กล้วยเข้าไปช่วยรับของ ตะวันมองสงสัย
"ถามจริงๆเถอะ จะมาไม้ไหนอีกเนี่ยคุณวาทิน"
วาทินยิ้มเขิน
"คือ…เรื่องของเรื่องป่านเขายังงอนผมอยู่น่ะครับ ผมชวนไปทานข้าวด้วยเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมไป วันนี้ผมก็เลยจะขออนุญาติคุณป้าทำหน้าที่เชฟ ทำอาหารให้ทุกคนทานเองนะครับ"
ตะวันฉายช่วยพูดเสริม
"ก็ดีเหมือนกันนะคะ คุณป้ายังไม่ได้เตรียมกับข้าวนี่คะ งั้นให้คุณทินลองแสดงฝีมือดูไหมคะ"
"ก็…ตามใจเถอะ ว่าแต่…เธอน่ะทำเป็นแน่นะ แล้วจะทำอะไรให้ยัยป่านกินล่ะ
ตะวันกับวาทินยิ้มออก วาทินรีบนำเสนอ
"ผมหาข้อมูลมาเรียบร้อยแล้วครับว่าแม่ท้องควรทานอะไรบ้าง ป่านยังแพ้ท้องอยู่ต้องกินข้าวต้มปลาข้าวซ้อมมือแก้ครับ ตามด้วยซดแกงเลียงป้องกันท้องผูก แล้วตบท้ายด้วยยอดฟักทองไฟแดงเสริมสร้างสมองให้ไอ้ตัวเล็กในท้องครับ"
ทุกคนมองอย่างทึ่ง วาทินยิ้มปลื้ม ตะวันฉายยกนิ้วโป้งชม
"เยี่ยม ทำการบ้านมาดีมาก งั้นลงมือเลยไหมคะ กล้วยไปช่วยคุณวาทินหน่อยไป"
"ได้เลยค่ะ"
กล้วยหิ้วของทั้งหมดนำวาทินเดินเข้าครัวไป สุนทรีย์กับตะวันฉายเหลือบมองตามอย่างเป็นห่วง
กล้วยช่วยเตรียมวัตถุดิบ แต่แอบเหล่อย่างระแวง วาทินมองผักที่ซื้อมา แต่ทำอะไรไม่ถูก หยิบมาหั่นแบบเงอะงะ แล้วส่งยิ้มแหยให้
กล้วยยิ้มแหยรับ
"คุณแน่ใจนะคะว่าทำเป็น"
"โอ๊ย สบายอยู่แล้ว ตอนที่ชั้นอยู่เมืองนอกก็ทำกินเองบ่อยๆ"
"แล้ว…กินได้ใช่ไหมคะ"
"อ้าว กล้วย พูดแบบนี้มันดูถูกกันนี่ เดี๋ยวคอยดูฝีมือชั้นก็แล้วกัน"
วาทินทำท่าคล่องแคล่วหยิบผักโยนใส่หม้อ เห็นน้ำเดือดฟู่แทบจะล้น แล้วโดดหลบหลังกล้วย
"เฮ้ย! กล้วยทำไงดี"
กล้วยรีบยกหม้อออกจากเตา น้ำหยุดฟู่ลดลง แล้วมองวาทินแบบไม่มั่นใจสุดๆ วาทินได้แต่ยิ้มเขิน ตะวันกับสุนทรีย์แอบมายืนดูแล้วอดขำไม่ได้
"บางทีความรักก็ทำให้คนเราทำได้ทุกสิ่งจริงๆนะคะ"
"ชั้นจะดูซิว่าจะรอดไหม"
"เรื่องรสชาติตะวันว่าอย่าไปพูดถึงเลยค่ะ แต่คะแนนความตั้งใจเนี่ยต้องให้เต็มนะคะ"
"เธอเชียร์หมอนี่ออกนอกหน้าไปหรือเปล่าจ๊ะ"
สุนทรีย์มองค้อน ตะวันยิ้มเอาใจแล้วเลี่ยงออกไป กระทะตั้งน้ำมันเดือดพล่าน วาทินกล้าๆกลัวๆโยนยอดฟักทองลงไป ไฟลุกพรึ่บขึ้นทันที
กล้วยเตือนไม่ทัน ทั้งคู่ตกใจกระโดดหนี ไฟยังลุกโชนทั้งกระทะ
ทั้งคู่ต่างร้องลั่น "ว้าย! / เฮ้ย!"
"ไฟไหม้ ทำไงดีกล้วย"
"ก็ช่วยกันดับสิคะ เดี๋ยวก็ได้ไหม้จริงหรอกค่ะ"
ทั้ง 2 คนลนลานช่วยกันหาทางดับ วาทินตักน้ำเตรียมจะสาดไปที่กระทะ สุนทรีย์ทนไม่ไหวรีบเข้าไปช่วยปิดแก๊ส แล้วยกกระทะออก
"ตายแล้ว นี่เธอจะทำไฟไหม้บ้านชั้นอยู่แล้วนะ"
วาทินหน้าจ๋อย
"ขอโทษครับคุณป้า พอดีมันผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย คุณป้าอย่าเพิ่งโกรธนะครับ ให้โอกาสผมอีกซักครั้ง รับรองว่าผมจะระวังให้มากกว่านี้ นะครับ"
สุนทรีย์ใจอ่อน
"งั้นก็ระวังด้วยล่ะ"
กล้วยรีบเอากระทะขึ้นมาตั้งให้ใหม่ วาทินยังทำไม่ถูกอยู่ดี สุนทรีย์ช่วยยืนกำกับสอน
สายป่านโผล่เข้ามาแล้วชะงัก วาทินพยายามจะกระดกกระทะแบบเชฟ กล้วยหัวเราะสนุก สุนทรีย์แอบยิ้มขำ สายป่านอดยิ้มดีใจไม่ได้ แล้วเลี่ยงไป
ตัดไป
จานกับข้าวถูกวางบนโต๊ะ กล้วยถอยออกเห็นวาทินยิ้มปลื้ม ทุกคนมอง
"งั้นเดี๋ยวหนูยกขึ้นไปให้คุณป่านนะคะ"
กล้วยจะยก แต่สุนทรีย์ห้ามไว้
"เอ่อ…ชั้นว่าให้คุณวาทินเอาไปให้ดีกว่า จะได้คุยปรับความเข้าใจกับยัยป่านซะ"
ทุกคนหันมองหน้ากันดีใจ สุนทรีย์ยังวางท่านิ่ง
"ขอบคุณมากครับคุณแม่ เอ๊ย คุณป้า งั้นผมยกขึ้นไปเลยนะครับ"
วาทินรีบยกถาดขึ้นไปข้างบน สุนทรีย์ส่ายหัว
ธวัชกับดวงสุดานั่งดูทีวี วัลลภาเดินเข้ามานั่ง สาลี่ยกของว่างกับน้ำเข้ามาวาง
"วันนี้ไม่ออกไปไหนกันหรอจ๊ะ"
"ไม่ล่ะค่ะน้าวัล ข้างนอกรถติดจะตาย สู้อยู่บ้านกับคุณวัชไม่ได้"
ดวงสุดาซบยิ้มอ้อน ธวัชยิ้มรับโอบดวงสุดาไว้ วัลลภายิ้มชื่นใจ ดวงสุดาหยิบมือถือจะถ่ายรูปตัวเองกับวัช เห็นข้อความไม่ได้เปิดอ่าน แล้วแตะจะเปิดดู
"เอ๊ะ ใครส่งคลิปอะไรมาเนี่ย"
หน้าจอทีวีเป็นสกู๊ปข่าวบันเทิง เห็นนักข่าวรุมสัมภาษณ์ตะวันฉายเรื่องถ่ายแบบเครื่องเพชรอย่างสนใจ เธอละจากมือถือรีบหันไปดูทีวี ธวัชเร่งเสียงอย่างสนใจ วัลลภารีบขยับตั้งใจฟัง
ตะวันยิ้มสดใสให้สัมภาษณ์กับนักข่าว เห็นแสงแฟลชวูบวาบ
"ไม่ทราบว่าที่คุณตะวันตัดสินใจรับงานนี้เป็นเพราะคิดจะหวนคืนวงการรึเปล่าคะ"
"ต้องบอกก่อนค่ะว่าที่ตะวันได้มาถ่ายงานนี้ ก็เพราะคุณดำรงให้เกียรติและเห็นว่าลุคของตะวันตรงกับคอนเซ็ปต์เครื่องเพชรคอลเล็กชั่นใหม่พอดี ถ้าพี่ๆสื่อมวลชนและผู้ใหญ่ในวงการยังให้โอกาส แฟนคลับทุกคนยังช่วยสนับสนุน ตะวันก็คงจะกลับมารับงานอย่างต่อเนื่องแน่นอนค่ะ"
วัลลภากับดวงสุดาถึงกับตกใจโวยวายลั่น
"นี่คุณดำรงเอาผู้หญิงพรรค์นั้นมาเป็น Presenter ได้ยังไง ธุรกิจของเราก็เสื่อมเสียชื่อเสียงหมดสิ" วัลลภาบอก
"ทำไมคุณพ่อถึงทำแบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นเสี้ยนหนามชีวิตดา แล้วยังจะไปช่วยมัน
อีก สงสัย…คงจะหลงเสน่ห์มันเข้าอีกคน"
"น้าไม่ยอมเด็ดขาด กลับมาเมื่อไหร่ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง"
วัลลภายังพยายามกดโทร.หาดำรง ธวัชกดรีโมทเปลี่ยนช่อง
"ผมขอเปลี่ยนดูช่องอื่นละกันนะครับ ไม่อยากดูข่าวผู้หญิงคนนี้ มันหดหู่น่ะครับ"
ดวงสุดาแอบยิ้มชอบใจ แล้วแตะมือถือเปิดดูคลิป เห็นสายป่านหมั่นยิงคำถามฉีกหน้าตะวัน
ดวงสุดายิ้มสะใจเต็มที่ รีบเรียกวัลลภากับธวัชมาดู
"น้าวัล คุณวัช ดูอะไรนี่สิคะ"
ทั้ง 3 มุงดูคลิป ดวงสุดาเปิดย้อนอีกครั้ง ก่อนหัวเราะสะใจ
"ดูหน้ามันสิคะถึงกับอึ้งไปเลย แหม น้องคุณนี่ถามได้แซ่บมากเลย ถ้าเป็นชั้นละก็…คงอายแทบแทรกแผ่นดินหนีไปแล้วล่ะค่ะ"
"ก็สมควรแล้วล่ะครับ ผู้หญิงแบบนี้มันต้องโดนสังคมประณามถึงจะรู้สึก" ธวัชบอก
"แต่น้าว่า ต่อให้โดนนักข่าวรุมทึ้ง คนหน้าด้านอย่างมันก็คงไม่รู้สึกหรอกจ้ะ ไม่อย่างนั้น
มันจะหาทางจับคุณดำรงหรอ น้าจะให้คุณดำรงถอนมันออกจากโปรเจ็กท์นี้!"
ดำรงเดินเข้ามาได้ยินพอดี พูดย้อนเสียงเข้ม
"ผมไม่ถอน" ทุกคนหันไปมองตามเสียง วัลลภาจะเถียง "ผมตัดสินใจอนุมัติทุกอย่างไปแล้ว ใครก็ห้ามมายุ่งกับงานของผมเด็ดขาด ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่"
ดำรงพูดอย่างเอาจริงแล้วเดินไป ทุกคนอึ้งนิ่งไม่กล้าหือ
"ผมไม่เข้าใจเลยว่าผู้หญิงคนนั้นมีดีอะไรนัก ผู้ชายทุกคนถึงได้พากันหลงเขาขนาดนี้" ธวัชบอก
"ฮึ ผู้หญิงอย่างมันจะมีดีอะไร๊…นอกจากเรื่องบนเตียง"
ดวงสุดาช่วยเสริม
"ลีลามันคงจะดุเด็ดเผ็ดมัน ผู้ชายถึงได้ติดใจกันทั้งเมือง"
ธวัชเริ่มรู้สึกอึดอัดที่ได้ยินตะวันฉายโดนรุมว่า ขอตัวเลี่ยง
"เอ่อ…ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีนึกได้ว่ามีงานค้างอยู่ ผมขึ้นไปก่อนนะจ๊ะ"
ธวัชหันบอกดวงสุดาแล้วลุกเลี่ยงไป
"ทำยังไงนังนี่มันถึงจะไปพ้นๆจากชีวิตพวกเราซักที"
ดวงสุดานึกอะไรขึ้นได้
"หรือว่า…เราจะขอความช่วยเหลือจากผู้หวังดี บางทีผู้หวังดีคนนี้อาจจะช่วยเรากำจัดนังตะวันก็ได้"
ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างมีแผน
บนคอนโดฯ ดำรง มือถือของมะปรางวางบนโต๊ะ มีเสียงเตือนข้อความเข้า เธอหยิบเปิดออกอ่าน
“ชั้นมีเรื่องสำคัญ ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ สะดวกวันไหน เมื่อไหร่ ที่ไหน คุณนัดมาได้เลย”
มะปรางยิ้มมุมปาก แล้วระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสะใจเต็มที่
ดำรงเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง วัลลภาเดินเข้ามา นึกแล้วใจหาย
"คุณจะไปไหนคะ"
ดำรงอึกอัก พูดเลี่ยง
"ผมต้องไปต่างประเทศหลายวัน มีนัดประชุมงานกับลูกค้าน่ะ ทำไม…คิดว่าผมจะย้ายหนีคุณหรอ ดูละครมากไปหรือเปล่าคุณวัล"
"แหม ก็ชั้นคิดว่าคุณโกรธเรื่องเมื่อกี๊นี่คะ"
"คุณก็รู้นี่ว่าผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องงาน"
ดำรงทำเสียงเข้ม วัลลภาไม่อยากต่อความทำเลียบเคียงเรื่องอื่น
"ที่จริงชั้นก็ไม่ได้ไปเมืองนอกมาตั้งนานแล้ว ชั้นขอตามไปเที่ยวด้วยคนได้ไหมคะ"
ดำรงรีบหาทางเลี่ยง
"นี่คุณจะมาจับผิดอะไรผมอีก ผมไปทำงานนะไม่ได้ไปเที่ยว ผมไม่ไปก็ได้ นอนกระดิกนิ้วอยู่บ้านนี่แหละ ดูซิว่า คุณกับยัยดาจะเอาเงินจากไหนมาถลุงเล่น"
ดำรงเอนนอนลงบนเตียง วัลลภาหน้าเสียรีบเก็บกระเป๋าให้เสียงอ่อนลง
"แหม ชั้นก็แค่อยากไปเที่ยวกับคุณบ้างเท่านั้นเอง ไม่เห็นจะต้องอารมณ์เสียเลย"
ดำรงเหลือบมองแล้วหยิบสมุดเช็คมาเซ็นยื่นให้
"ถ้างั้น คุณไปช้อปแก้ขัดก่อนก็แล้วกัน เอาไว้ผมว่างเมื่อไหร่ค่อยพาคุณไปเที่ยวทีหลัง"
วัลลภารับเช็คมามองตัวเลขแล้วยิ้มออก รีบเก็บเช็คกุลีกุจอเก็บกระเป๋าทำบ่นแก้เก้อ
"แหม ที่จริงชั้นก็ไม่ได้ห่วงเรื่องช้อปปิ้งซักหน่อย แต่กลัวว่าคุณจะแอบควงอีหนูไปสวีตที่ไหนมากกว่า อย่าให้จับได้ก็แล้วกัน ไม่งั้นละก็ ชั้นจะตามไปเล่นงานทั้งคู่เลย"
วัลลภาแกล้งปิดกระเป๋า กดล็อคอย่างใส่อารมณ์ ดำรงถูกดักคอถึงกับอึ้งไปรีบกลบเกลื่อน
"โธ่คุณ แค่เรื่องงานผมก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว มีเมียดีๆอย่างคุณอยู่ทั้งคน จะไปหาเศษหาเลยที่ไหนได้อีก ไปก่อนนะจ๊ะ ต้องบินไฟล์ทกลางคืนน่ะ"
วัลลภายิ้มชื่นใจ ดำรงรีบลากกระเป๋าเดินทางออกไป
อ่านต่อหน้า 2
นางกลางไฟ ตอนที่ 20 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ ภายในโรงแรม 5 ดาว มะปรางในชุดทูพีซสุด sexy โดดลงสระว่ายน้ำส่วนตัว ร้องกรี๊ดกร๊าดดูมีความสุข ดำรงเอนนอนเล่นบนเก้าอี้ริมสระ กระดกไวน์จิบอย่างสบายใจ
มะปรางเดินขึ้นจากสระ สะบัดผมสยายดูยั่วยวน เดินอวดหุ่นเข้ามาเช็ดตัว แล้วนอนข้างดำรง
"เธอเบื่อกรุงเทพเหรอ ถึงได้ชวนฉันมาเที่ยวทะเลน่ะ"
มะปรางยิ้มหวาน
"เปล่าค่ะแต่ชั้นอยากมาสวีตกับคุณ 2 ต่อ 2 น่ะ"
ดำรงเชยคางมะปรางขึ้นมา
"เธอนี่มันขี้อ้อนจริงๆ ใจคอจะทำให้ชั้นหลงจนโงหัวไม่ขึ้นเลยหรือไง"
" ก็ชั้นรักคุณนี่คะ ขอแค่ได้อยู่กับคุณชั้นก็มีความสุขที่สุดแล้ว ว่าแต่…คุณอย่าเบื่อชั้น แล้วก็ทิ้งไปหาผู้หญิงคนใหม่ล่ะ"
ดำรงหยิกจมูกมะปราง
"เธอน่ารักอย่างนี้ ใครจะไปทิ้งได้ลงคอ"
มะปรางซบแขนดำรง
"ได้ยินอย่างนี้แล้ว ชื่นใจจังเลยค่ะ แต่เสียดายจังที่คุณต้องไปต่างประเทศ ชั้นยังอยากนอนเล่นต่ออยู่เลย"
"ไว้วันหลังผมจะพามาเที่ยวใหม่นะ"
มะปรางหน้างอ ดำรงหยิบกระเป๋าเงิน ดึงเงินออกมาปึกนึงส่งให้
"คุณให้ชั้นหรอคะ"
"อืม เป็นค่าทำขวัญที่ทำให้เธอต้องเสียอารมณ์"
มะปรางจูบดำรงอย่างเอาใจ
"คุณเนี่ย น่ารักที่สุดเลย"
ดำรงกับมะปรางจูงมือกันเดินเล่นไปตามชายหาด พลางถ่ายรูปคู่กันอย่างสนุกสนาน เธอถ่ายรูปให้ดำรง แล้วถอยหลังจะเหยียบแมงกะพรุน ดำรงรีบคว้าเธอมากอด กลัวเธอจะโดนแมงกะพรุนต่อย ทั้งคู่สบตากันหวานซึ้ง
มะปรางกับดำรงนั่งทานอาหารริมทะเล เธอป้อนอาหารให้ดำรง แล้วเช็ดปากให้ เห็นทั้งคู่สวีตหวาน
มุมหนึ่งของโรงแรม ใครบางคนสวมหมวกใส่แว่นกันแดดพรางตัวแอบถ่ายรูปมะปรางกับดำรงเอาไว้
วันใหม่ คอนโดหรูของดำรงอีกแห่งหนึ่ง ดวงสุดากับวัลลภาคุยกับโอเปอร์เรเตอร์
"เปิดห้องคุณดำรงให้ชั้น" วัลลภาบอก
โอเปอร์เรเตอร์ถาม
"คุณเป็นใครคะ"
"ชั้นเป็นเมียคุณดำรง"
"เมีย"
"พวกชั้นมาที่นี่ เพื่อจะมาตบสั่งสอนนังเมียน้อยที่ชอบแย่งผัวคนอื่น" ดวงสุดาบอก
"เปิดห้องคุณดำรงให้ชั้นเดี๋ยวนี้"
โอเปอร์เรเตอร์อึกอัก ท่าทางลำบากใจ ดวงสุดาควักเงินมาวางตรงหน้า มะปรางแอบดูอยู่มุมหนึ่ง พร้อมยิ้มร้าย
ดวงสุดากับวัลลภาเข้ามาในห้อง แต่ไม่เห็นใคร วัลลภาดิ่งไปเปิดประตูห้องนอน แล้วชะงักเมื่อเห็นเท้าตัวเองเหยียบยกทรงสีแดงเซ็กซี่ที่พื้น
วัลลภาเห็นเสื้อผ้าผู้ชาย ผู้หญิงพร้อมชุดชั้นในเกลื่อนอยู่บนพื้น คล้ายว่าเพิ่งมีอะไรกัน
ดวงสุดาตามเข้ามา มองชุดชั้นในนั้นอย่างรังเกียจ
"ทุเรศ... ทุเรศที่สุด"
วัลลภามองไปที่เตียง เห็นมีผ้าห่มคลุมเตียงอยู่
"หญิงร้ายชายชั่ว วันนี้พวกแกจะต้องตายคามือฉัน"
วัลลภากระชากผ้าห่มออก ไม่เจอใคร แต่เห็นรูปถ่ายของดำรงกับหญิงสาวสุดสวีตริมทะเลกระจายเกลื่อนเต็มเตียง แต่ภาพเหล่านั้นไม่เห็นหน้ามะปราง
วัลลภายิ่งเดือด หันไปเห็นข้อความบนกระจกที่เขียนด้วยลิปสติกสีแดงว่า “ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า!”
"แกกล้าหยามชั้นขนาดนี้เลยเหรอ"
ดวงสุดาสีหน้าตกใจ
"น้าวัลดูนั่นสิคะ"
ที่ผนังมีรูปถ่ายของวัลลภาถูกมีดปลายแหลมปักอยู่ มีเลือดแดงฉานเปรอะที่มีด วัลลภาดึงรูปมาดูอย่างโมโห
"นังเมียน้อยคนนี้มันร้ายกาจมาก มันคิดที่จะประกาศตัวเป็นศัตรูกับน้าวัล"
วัลลภาเจ็บใจปามีดลงพื้น
"แกเป็นใคร แกเป็นใคร"
วัลลภากรีดร้องอย่างเจ็บใจสุดขีด ก่อนจะเป็นลมหมดสติไป ดวงสุดารีบเข้าไปดูวัลลภา
"น้าวัลเป็นอะไรคะ น้าวัล"
มะปรางยืนฟังอยู่ที่ประตู พร้อมยิ้มสะใจ ในเวลาต่อมา มะปรางยื่นเงินให้โอเปอร์เรเตอร์
"ขอบใจนะที่ช่วยทำให้ละครฉากนี้จบลงอย่างสมบูรณ์แบบ และประทับใจชั้นที่สุด"
โอเปอร์เรเตอร์จูบเงินอย่างดีใจ
"นอกจากจะได้ลาภสองต่อแล้ว ยังได้ดูละครแซ่บถึงใจ ว่าแต่ละครเรื่องนี้จะจบลงยังไงเหรอคะ"
"อยากรู้..ก็ต้องติดตามตอนต่อไป"
มะปรางยิ้ม แววตาร้ายกาจมาก
เวลากลางวันต่อเนื่องมา นิคมเดินเข้าออฟฟิศ เห็นพนักงานยืนเกาะกลุ่มดูทีวี
พนักงานหญิงบอก "เขาสวยจริงๆนะไม่น่าเชื่อว่าจะมีลูกแล้ว"
พนักงานชายบอก "แถมตอนนี้โสดแล้วนะเว้ย"
ทั้งกลุ่มเห็นธวัชกับนิคมเดินมา ก็หันไปทำงาน
"ดูอะไรกันอยู่ ... อ๋อ ดูคุณตะวันอยู่นี่เอง ... ในจอว่าสวยแล้วนะ ตัวจริงสวยยิ่งกว่าในจออีก จริงไหมไอ้วัช"
"จะสวยแค่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับชั้นนี่"
ธวัชเดินหนีไป นิคมเดินตาม
"นี่ถ้าชั้นเป็นแกนะ ชั้นจะรีบรีเซ็ตสมองให้กลับมาเหมือนเดิม แล้วรีบไปหาคุณตะวันนานแล้ว"
"แกหยุดพูดเรื่องนี้ได้ไหมนิคม"
"ได้ หยุดก็ได้ ชั้นแค่เสียดายแทนเพื่อน ที่มีผู้หญิงสวยก็สวย นิสัยก็ดี เพียบพร้อมไปหมดทุกอย่าง แต่…"
ธวัชพูดสวน
"นิคม"
"ชั้นหยุดก็ได้ แต่แกอย่าทำปากแข็งให้มากนักเลย ระวังจะมีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเค้าตัดหน้าแกไปก่อน จะหาว่าชั้นไม่เตือน"
นิคมเดินไป ธวัชมองไปที่หนังสือที่มีหน้าตะวันฉายเป็นแบบอยู่ ก็ยิ่งหงุดหงิดค้าง
ตะวันฉายออกกำลังกายเตรียมฟิตหุ่น วัลลภาเข้ามากอดอกมอง
"แหม เพิ่งได้ออกกำลังกับคุณดำรงไปหยกๆ ยังต้องมาเอาเหงื่อออกอีกหรอ เธอนี่มันฟิตจริงๆเลยนะ"
ตะวันฉายชะงัก
"คุณวัลลภา คุณพูดเรื่องอะไร ชั้นไม่เข้าใจ"
"ฮึ นอนกกอยู่กับสามีชั้นตั้งหลายวัน ยังมีหน้ามาย้อนถามอีก ว่าเรื่องอะไร"
"คุณวัลลภาคะ ชั้นไม่รู้จริงๆว่าคุณพูดถึงอะไร และชั้นไม่เคยไปไหนกับสามีคุณ 2 ต่อ2 ชั้นไม่ปฏิเสธหรอกนะคะว่าคุณดำรงเคยมาที่นี่ แต่เราแค่คุยกันเท่านั้น และชั้นยังรักและมั่นคงกับคุณวัชเพียงคนเดียวค่ะ"
"อย่ามาเล่นลิ้นหน่อยเลย แกมันถนัดเรื่องใช้มารยายั่วผู้ชายอยู่แล้วนี่ ทำไมแกต้องมายุ่งกับคุณดำรงด้วย"
"ก็ถ้าคุณเป็นเมียที่ดี เขาคงไม่ต้องมาตามตื๊อผู้หญิงอื่นแบบนี้หรอกค่ะ"
วัลลภาโกรธ แต่พยายามข่มอารมณ์
"นี่แกกล้าด่าชั้นหรอ แกต้องการเท่าไหร่ว่ามาเลยดีกว่า 5 แสนพอไหม แล้วเลิกยุ่งกับสามีชั้นโดยเด็ดขาด"
วัลลภาเซ็นเช็คแล้วโยนให้ ตะวันมองอย่างไร้ค่า
"คุณคิดว่าเงินแก้ปัญหาได้ทุกอย่างหรอ ต่อให้คุณจ่ายจนหมดตัว ถ้าใจคุณดำรง
ไม่ได้อยู่ที่คุณ มันก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ"
วัลลภาอึ้งไป คิดว่าตะวันยื้อเพื่อต่อรอง
"ชั้นให้แกอีกล้านนึง แล้วเลิกยุ่งกับผัวชั้น"
วัลลภาปาเช็คใส่ ตะวันฉายมองเช็คข้างหน้าแล้วเลื่อนคืน
"แปลกนะคะที่คุณซื้อคนด้วยเงินแทนที่จะซื้อด้วยใจ คุณยอมลงทุนมากขนาดนี้ แสดงว่าคุณต้องรักเขามาก ทำไมคุณถึงไม่เอาความรักและความดีของตัวเองซื้อใจสามีคุณกลับมาล่ะคะ"
วัลลภาถูกพูดแทงใจดำ
"ไม่ต้องมาสั่งสอนชั้น ปากดีนักนะนังตะวัน เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ"
กล้วยออกมาเห็นเข้าพอดี
กล้วยงง
"ยัยป้านี่รู้ได้ยังไงว่าคุณตะวันอยู่ที่นี่"
กล้วยรีบผลุบหายไป วัลลภาจะเข้ามาตบตะวันฉาย แต่ถูกน้ำฉีดใส่เต็มหน้าจนร้องกรี๊ดลั่น
"แอร๊ย อะไรกันเนี่ย"
กล้วยโผล่ออกมา ในมือถือสายยางรดน้ำ ทำตีหน้าซื่อ
"อุ๊ย ขอโทษค่ะคุณ ชั้นไม่ได้ตั้งใจน่ะค่ะ ขอโทษนะคะ"
กล้วยแกล้งยกมือไหว้ สายยางยิ่งฉีดใส่วัลลภาไปกันใหญ่จนเปียกไปทั้งตัว
"ว้าย! นังบ้านี่ ฝากไว้ก่อนเถอะ"
วัลลภาจำต้องถอยหนีไป กล้วยมองตามอย่างสะใจ
"แน่จริงก็เข้ามาเลย ถ้าคิดจะทำอะไรคุณตะวันละก็ ข้ามศพนังกล้วยไปก่อนเถอะ"
"ขอบใจนะกล้วย"
ตะวันฉายมองตามวัลลภาแล้วหันมาหัวเราะขำกับกล้วย
ดำรงเข้าบ้าน สาลี่ถือกระเป๋าเดินทางตามหลังเข้ามา วัลลภารีบยกน้ำส้มเข้ามาให้ทำเอาใจ
"กลับมาแล้วหรอคะคุณ ดื่มน้ำส้มซักหน่อยนะคะจะได้ชื่นใจ"
ดำรงมองแปลกใจรับน้ำส้มมาดื่มอย่างงงๆ วัลลภาพาดำรงมานั่งที่โซฟา แล้วนวดประจบ
"วันนี้ชั้นทำของโปรดไว้ให้คุณทั้งนั้นเลยค่ะ จะทานเลยหรือว่าจะอาบน้ำก่อนดีคะ"
ดำรงมองแปลกใจ ยกมือแตะหน้าผากวัลลภา
"เอ๊ะ ตัวก็ไม่ร้อนนี่ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย ปกติแค่ผมก้าวเข้าบ้านก็ต้องได้ยินเสียงคุณบ่นแล้ว ผมว่ามันแปลกๆอยู่นะ"
"แหม ปกติชั้นก็เอาใจคุณแบบนี้นั่นแหละ แต่คุณไม่สนใจเอง มัวแต่หลงอีหนูคนใหม่จนไม่ลืมหูลืมตาล่ะสิท่า"
"ถ้าจะคุยเรื่องนี้ละก็ ตอบมาก่อนดีกว่าว่าคุณกับยัยดาไปทำอะไรที่คอนโดผม"
วัลลภาจะแก้ตัว
"เอ่อ…ชั้น"
ดำรงรีบดักคอ
"พนักงานที่นั่นเขาโทร.รายงานผมเรียบร้อยแล้ว"
"ก็... เอาเป็นว่าถ้าคุณจะมีอีหนูซุกไว้แก้เหงาแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ชั้นก็จะไม่ว่า" ดำรงมองอย่างไม่อยากเชื่อ "แต่อย่าถึงกับคิดจริงจัง เชิดชูมันขึ้นมาเสนอหน้ากับชั้นก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้น…อย่าหาว่าชั้นไม่เตือน"
วัลลภานวดใส่น้ำหนัก ดำรงรู้ตัวรีบทำเอาใจ
"แหม ยังไงคุณก็เป็นที่ 1 ของผมเสมอ ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ ถ้าใครมันคิดล้ำเส้นคุณละก็ ผมจะจัดการมันก่อนที่จะถึงมือคุณซะอีก ผมขอไปอาบน้ำก่อนนะเหนียวตัวชะมัดเลย"
ดำรงนึกเสียวสันหลังรีบเลี่ยงเดินหลุดไป วัลลภาพูดไล่หลัง
"ฮึ ขอให้มันจริงเถอะ ถ้าชั้นจับได้คาหนังคาเขาเมื่อไหร่ คุณไม่รอดแน่คุณดำรง"
สายป่านกึ่งนั่งอยู่บนเตียงเปิดอ่าน IPAD เรื่องตั้งครรภ์ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
"เชิญค่ะ"
วาทินเปิดยกถาดอาหารเข้ามา สายป่านหันไปเห็นรีบไล่ส่ง
"นี่คุณ! ออกไปจากห้องชั้นเดี๋ยวนี้นะ ชั้นไม่อยากเห็นหน้าคุณ ออกไป"
สายป่านลุกขึ้น วาทินรีบกดล็อกห้อง วางถาดอาหาร แล้วเข้ามากอด
"เดี๋ยวก่อนสิป่าน ก็ผมชวนคุณออกไปหาอะไรทานคุณก็ไม่ยอม ผมก็เลยทำมาให้คุณกินเองไง"
" ไม่ต้องมาแกล้งทำดี เพราะยังไงมันก็ลบล้างความผิดของคุณไม่ได้หรอก ปล่อยชั้นนะ"
"อย่าอารมณ์เสียสิจ๊ะ คุณรู้ไหมว่ามันมีผลต่อลูกในท้องนะ" วาทินดึงสายป่านมาดูอาหาร "ดูสิ ผมทำแต่ของบำรุงครรภ์มาให้คุณทั้งนั้นเลย แถมยังมีดอกไม้จิ้มพริกเกลือของโปรดของคุณด้วยนะ"
"คุณรู้ได้ยังไงว่าชั้นชอบ"
"ตะวันแอบกระซิบบอกน่ะจ้ะ"
สายป่านได้ยินชื่อตะวันฉายแล้วแสยะปาก มองกับข้าวที่ดูน่าทานอย่างไม่อยากเชื่อ ทำปากแข็งไม่สน
"เอาออกไปเถอะ ชั้นยังไม่หิว"
เสียงท้องสายป่านร้องดังลั่น สายป่านอายทำหน้าไม่ถูกแต่ยังทำเก๊ก
วาทินยิ้มขำ
"คุณไม่หิวก็ไม่เป็นไร แต่ลูกเราน่ะร้องหิวข้าวแล้วนะ" วาทินดึงสายป่านมานั่งบน
เตียง "มาครับ เดี๋ยวผมป้อนให้นะ"
วาทินจะป้อนเอาใจ สายป่านยังงอนไม่ยอม
"ไม่ต้อง ชั้นกินเองได้"
สายป่านตักชิม นึกไม่ถึงว่าจะอร่อย
"เป็นไง อร่อยใช่ไหมล่ะ ฝีมือผมทำเองทั้งหมดเลยนะ"
"คุณเนี่ยนะทำเอง"
วาทินยืนยันเสียงสูง
"แน่น๊อน ผมทำเองกับมือทุกจาน คุณป้าแค่มายืนคุมเฉยๆไม่ได้ช่วยเลยแม้แต่นิดเดียว"
วาทินทำแก้ตัว สายป่านรู้ทันแอบยิ้ม วาทินรู้สึกแปลกๆจู่ๆก็ผะอืดผะอมคลื่นไส้ขึ้นมา
"คุณทิน! เป็นอะไรไปคะ"
สายป่านรีบหยิบถังขยะส่งให้ วาทินขย้อนจะอาเจียน สายป่านรีบส่งยาดมให้
วาทินหมดแรง
"โอย ขอบคุณครับ"
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายหรอคะ"
"คงคิดหาทางง้อคุณจนเครียดน่ะ ผมล้อเล่นน่ะ ไม่รู้เป็นอะไร ผมคลื่นไส้แบบนี้มาหลายวันแล้ว"
วาทินหยิบดอกไม้จิ้มพริกเกลือกินหน้าตาเฉย สายป่านถึงกับเผลอหัวเราะออกมา
"ชั้นรู้แล้วว่าคุณเป็นอะไร"
วาทินยังหยิบดอกไม้กิน เริ่มรู้ตัว
"หรือว่า…นี่ผมแพ้ท้องแทนเมียหรอเนี่ย โบราณว่าอาการแบบนี้ แสดงว่าต้องเป็นคู่รักที่รักกันมาก ป่าน ผมขอโทษนะที่ทำให้คุณต้องทุกข์ใจ" สายป่านนิ่งน้ำตาไหล "ต่อไปนี้ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณกับลูกให้ดีที่สุด…ผมรักคุณครับสายป่าน ยกโทษให้ผมนะครับ"
สายป่านยิ้มทั้งน้ำตา
"ค่ะ ชั้นก็รักคุณที่สุดค่ะคุณวาทิน"
ทั้งคู่โผเข้ากอดกัน วาทินก้มลงจูบสายป่านอย่างอ่อนโยน
วาทินแกล้งกระซิบข้างหู
"เรามาทำลูกคนที่ 2 ต่อเลยดีไหมครับ"
"บ้า ลูกคนแรกยังไม่ทันคลอดเลย"
ทั้งคู่หัวเราะขำ วาทินตักอาหารป้อน สายป่านกินอย่างอร่อยแล้วป้อนคืน
อ่านต่อหน้า 3
นางกลางไฟ ตอนที่ 20 (ต่อ)
สตูดิโอ วันใหม่ ดำรงคุมงานด้วยตัวเอง ดูความเรียบร้อย มะปรางเข้ามาเสิร์ฟน้ำเอาใจ
"น้ำค่ะคุณดำรง"
มะปรางยิ้มหวานให้ ดำรงทำเว้นระยะห่างไม่สุงสิงด้วย
"ใครช่วยดูพร็อพในเซ็ตที ผมว่ามันดูโล่งๆไปนะ"
มะปรางยิ้มเก้อ ซูซี่เหล่มองยิ้มเยาะใส่ ขยับปากว่า “สมน้ำหน้า” แล้วเดินหลุดไป
มะปรางมองตามอย่างแค้นใจ
วัลลภากับดวงสุดาเดินเข้ามา ธวัชกับนิคมเดินตามหลัง ธวัชสีหน้าไม่เต็มใจ
"ดา คุณชวนผมมาที่นี่ทำไม"
"ก็ชั้นอยากให้คุณมาดูวาระสุดท้ายในอาชีพของนังตะวันด้วยตาตัวเองนี่คะ อยากจะรู้นักว่ามันจะกลับมาทวงบัลลังก์ในวงการคืนได้อย่างที่ข่าวลงหรือเปล่า"
"ไม่รู้ว่าจะได้นั่งบัลลังก์หรือจะพลาดตกกระป๋องกันแน่"
ทั้งคู่หัวเราะเยาะ นิคมรำคาญขยับมากระซิบธวัช
"แล้วแกลากชั้นมาด้วยทำไมวะเนี่ย ตอนบ่ายเรามีประชุมนะเว้ย"
"ก็มาเป็นเพื่อนชั้นไง"
ดำรงรีบเข้ามากันวัลลภากับดวงสุดาไว้
"คุณวัล…ยัยดา มาที่นี่ทำไม ถ้าคิดจะมาหาเรื่องตะวันละก็ กลับไปเดี๋ยวนี้เลย"
ดำรงดึงทั้งคู่เดินออกไป
"อะไรคะคุณพ่อ ดาแค่แวะมาช่วยดูความเรียบร้อยก็เท่านั้นเอง"
"ทำไมคุณต้องมองชั้นกับยัยดาในแง่ลบอยู่เรื่อย"
"เลิกแก้ตัวได้แล้ว ผมรู้นิสัยพวกคุณดี ผมบอกไว้ก่อนนะว่า ห้ามมาก่อเรื่องที่นี่เด็ดขาด ไม่อย่างงั้นผมจะให้คุณกับยัยดารับผิดชอบค่าโปรดักชั่นทั้งหมด เข้าใจไหม"
วัลลภากับดวงสุดาถึงกับอึ้ง ยอมสงบเสงี่ยม
ดำรงมองปรามแล้วเดินไปตรวจงานอีกทาง ทีมงานทุกคนเตรียมพร้อม
ทีมงานบอก
"ถ้าคุณตะวันพร้อมแล้ว เชิญที่ฉากได้เลยค่ะ"
ทุกคนขยับเข้าไปรอดู วัลลภากับดวงสุดารอเย้ยเต็มที่
"มันทิ้งวงการไปนาน น้าว่างานนี้คงกู่ไม่กลับแน่"
ซูซี่ช่วยจับมือตะวันเดินเข้ามา
"ขอโทษนะคะทุกคนที่ให้รอ"
ตะวันสวมชุดราตรีสุดหรูพร้อมเครื่องเพชรดูอลังการก้าวเข้ามาในฉาก ดูสวยจนทุกคนตะลึงฮือฮาชม
ธวัชถึงกับมองตาค้าง นิคมมองเคลิ้ม ดวงสุดากับวัลลภาผิดคาด ดำรงยืนดูห่างออกไปมองอย่างปลื้มใจ
ซูซี่ยกทิชชู่ซับน้ำตามองอย่างปลื้ม มะปรางมองตะวันยิ่งเจ็บใจที่เห็นทุกคนชื่นชม
"ทำไมมันดูสวยขึ้นกว่าเก่าอีกล่ะยัยดา"
ดวงสุดาหงุดหงิด
"น้าวัล"
ตะวันโพสต์ท่าดูสวยสง่า มองมาที่ตากล้อง เหลือบเห็นธวัชกับดวงสุดาถึงกับชะงัก แต่คุมอารมณ์ไว้
ตากล้องกดยิงชัตเตอร์รัว
"สวยมากครับ…สวยครับตะวัน "
ดวงสุดามองรังเกียจ ตะวันฉายแกล้งโพสต์ท่า sexy เย้ย ธวัชยิ่งมองเพลิน ซูซี่เห็นอาการทุกคนแล้วสะใจ
ดวงสุดาหันไปเห็นธวัชมองจ้องตาไม่กระพริบ ก็รีบเข้าไปควงแขนบอกความเป็นเจ้าของ
"ขนาดเสื้อผ้าหน้าผมเครื่องเพชรจัดเต็มขนาดนี้ มันยังดูไม่มีราศรีเลยจริงไหมคะวัช...วัชคะ"
ธวัชสะดุ้ง เออออตาม
"อ๋อ ครับ…จริงครับ"
ดวงสุดายิ้มออก ธวัชเห็นนิคมมองปลื้มตะวันก็นึกหวง
"ไอ้คมกลับกันได้แล้ว เรามีประชุมไม่ใช่หรอ"
"เออ แต่ยังไม่ถึงเวลานี่"
"ไปได้แล้ว เราต้องกลับไปเตรียมเอกสารอีกตั้งหลายอย่าง ... ผมกลับก่อนนะครับดา พอดีมีประชุมน่ะครับ"
ดวงสุดาพยักหน้ารับนึกโล่งใจ ธวัชลากนิคมเดินออก นิคมยังหันมองตะวันฉายอย่างเสียดาย
"อะไรวะ ก็ชั้นเตรียมครบหมดแล้วนี่"
ทั้งคู่เดินหลุดไป ตะวันอดเหลือบมองตามธวัชไปไม่ได้
ตะวันถ่ายแบบเครื่องเพชรในหลายชุด หลายเซ็ทจนถึงภาพสุดท้าย
"โอเค...เรียบร้อยครับ สวยมากๆเลยครับตะวัน"
"คุณสวยสง่ามากเลยตะวัน ผมมั่นใจว่ายอดจองเครื่องเพชรคอลเล็กชั่นนี้จะต้องพุ่งกระฉูดอย่างแน่นอน"
"ขอบคุณค่ะ"
"คุณดำรงเนี่ย ตาถึงจริงๆเลยนะคะที่เลือกตะวันมาเป็นแบบ" ซูซี่บอก
วัลลภากับดวงสุดาเดินเข้ามา ดำรงเข้ามาขวางไว้
"คุณวัล…ยัยดา เราตกลงกันแล้วไง"
ซูซี่เห็นท่าไม่ดีรีบพาตะวันเลี่ยงไป
"ตะวัน รีบไปเปลี่ยนชุดเตรียมถ่ายเซ็ตต่อไปเถอะ อย่ามัวเสียเวลาตรงนี้เลย"
วัลลภาพูดเสียงเข้ม
"ถ้ามีเรื่องชู้สาวของคุณกับนังนั่นเล็ดลอดออกมาละก็ ชั้นจะล้มโปรเจ็กนี้ซะ ส่วนเรื่องค่า Production ชั้นจะเป็นคนจ่ายเอง"
ดวงสุดาช่วยเสริม
"และดาจะจัดการมันให้อยู่ในวงการไม่ได้อีกต่อไป ไม่เชื่อก็คอยดู ไปค่ะน้าวัล"
ดำรงอึ้ง มองวัลลภากับดวงสุดาที่เดินออกไปแล้วนึกขยาด
ธวัชเหม่อคิดถึงความสวยของตะวัน
"คุณตะวันนี่ขนาดมีลูกแล้วยังสวยไม่สร่างเลยแกว่าไหม"
"อืม…สวย" ธวัชเผลอหลุดปากชม เมื่อรู้สึกตัว แล้วรีบแก้ตัว "เอ่อ…ไม่รู้สิ ชั้นไม่ได้สนใจ"
นิคมหัวเราะขำ พูดย้อน
"แหม…ไม่ได้สนใจ แต่ชั้นเห็นแกจ้องคุณตะวันไม่วางตา ยังจะปากแข็งอีก เฮ้อ คนบางคนมีของดีอยู่กับตัวก็ไม่รู้จักรักษาไว้ พอคนอื่นเขาอยากจะเชยชมบ้างก็ดันหวงก้างซะงั้น อย่างนี้เขาเรียกว่าหมาหวงก้างใช่ไหมวะ"
นิคมได้ทีแอบกัด ธวัชหมั่นไส้เพื่อน
"ใครอยากจะเชยชมก็ช่าง แต่ชั้นฉลาดพอจะรู้ว่าอะไรกรวด อะไรเพชรก็แล้วกัน"
"แต่ที่รู้ๆ มีคนตาถั่วเลือกหยิบเพชรเก๊อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลชั้นนี่แหละว่ะ"
นิคมหัวเราะเย้ย ธวัชรำคาญแกล้งออกรถเอี๊ยดจนนิคมหัวทิ่ม
ตะวันเดินเข้ามาเปลี่ยนชุด ซูซี่เดินตามหลังเข้ามา มะปรางทำทีเข้าไปชื่นชมช่วยปลดเครื่องเพชร
"ตะวันสวยมากๆเลย มะปรางว่างานนี้ตะวันต้องดังระเบิดแน่ๆ"
"อู๊ย คุณน้องคะคนดีน่ะตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้อยู่แล้ว ถึงจะมีบางคนคอยสุมไฟอยู่ก็เถอะ"
ซูซี่เหล่มอง มะปรางทำแอ๊บเป็นคนดี
"ถ้าอย่างนั้นมะปรางขอเป็นน้ำคอยช่วยดับไฟให้เพื่อนรักเองนะจ๊ะ"
ซูซี่หัวเราะเยาะ
"อย่างเธอน่ะหรอ ชั้นว่าเป็นน้ำมันคอยเติมเชื้อมากกว่ามั้ง"
มะปรางทนไม่ไหวจะเอาเรื่อง
"เอ๊ะ พี่ซูซี่ พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงคะ"
"ก็หมายความว่าถ้าเผลอเมื่อไหร่ ทั้งเชื้อไฟและน้ำมันอย่างหล่อนก็พร้อมจะเผาตะวันทั้งเป็นได้ทุกเมื่อน่ะสิ"
มะปรางเดือดเงื้อจะตบ ตะวันฉายต้องรีบแยกทั้งคู่ออก
"มะปราง…พี่ซูซี่ ตะวันขอร้อง อย่ามีเรื่องกันเลย ตะวันเพิ่งกลับมาทำงานวันแรก ไม่อยากให้เสียฤกษ์ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง"
ทั้งคู่ยอมแยก มะปรางทำยอม
"ก็ได้ ชั้นก็ไม่ได้อยากจะมีเรื่องกับใครนักหรอก"
"พี่ก็เหมือนกันค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ตะวันละก็ แกไม่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้หรอก"
ซูซี่สะบัดหน้าเดินเลี่ยงไปช่วยตะวันฉายแต่งตัว มะปรางฝากไว้ก่อน
ทีมงานมาร์คจุดให้ตะวันเดินมาหยุดโพสต์
"เดี๋ยวตะวันเดินมาแล้วหยุดหมุน…โพสต์…แล้วเดินกลับไปนะจ๊ะ"
"ค่ะ"
ตะวันทำตามเดินมาหยุดโพสต์ท่าอย่างสง่า ทีมงานทุกคนมองอย่างถูกใจ
ทีมงานบอกคนอื่นๆ
"เยี่ยมมากเลยค่ะ ทุกคนเตรียมถ่ายเซ็ต ต่อไปได้เลยนะคะ"
มะปรางมองตะวันด้วยความอิจฉา คิดหาทางเล่นงานในใจ
มะปรางเตรียมชุดรองเท้า เครื่องประดับให้ตะวัน แล้วนึกอะไรขึ้นได้ เมื่อหันมองไม่เห็นใคร แอบหักส้นรองเท้าที่จะให้ตะวันใส่ ใครบางคนแอบถ่ายคลิปมะปรางอยู่ข้างหลัง เธอรู้สึกเหมือนมีใครแอบมองอยู่ หันไปมอง แต่ไม่เห็นใคร
ทีมงานพาตะวันเข้ามาเปลี่ยนชุด
"ตะวันเดี๋ยวเปลี่ยนชุดนะจ๊ะ ถ้าเรียบร้อยแล้วก็ออกไปหน้าเซ็ตได้เลยนะ"
ทีมงานเดินออกไป ทีมงาน 2 ถือรองเท้าเข้ามาให้ ซูซี่เข้ามาตรวจเช็คละเอียดยิบกลัวมะปรางเล่นไม่ซื่อ
"เดี๋ยวก่อนค่ะ ต้องปลอดภัยไว้ก่อน"
มะปรางหน้าตื่นรีบซ่อนรองเท้าในมือแล้วเปลี่ยนรองเท้าคู่ใหม่
"ทำไมคะ พี่กลัวจะมีคนกลั่นแกล้งตะวันอย่างนั้นหรอ"
"ใช่ เวลาที่ต้องทำงานกับพวกหน้าไหว้หลังหลอกน่ะ มันต้องระวังตัวให้มาก ไม่อย่างนั้นจะโดนมันลอบกัดไม่รู้ตัว"
มะปรางมองเขม่นทำแอ๊บเสียใจ
มะปรางน้ำตาคลอฃ
"ตะวัน ถ้าแกระแวงชั้นละก็ เปลี่ยนคนมาทำงานแทนชั้นก็ได้นะ"
ตะวันเข้ามาปลอบ
"ไม่เอาน่ามะปราง พี่ซูซี่ก็พูดแซวไปอย่างนั้นเอง ไม่มีอะไรหรอกน่า"
ตะวันมองปราม ซูซี่ยักไหล่ไม่สน มะปรางหน้าจ๋อยปาดน้ำตาหันไปทำงาน แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นแค้นใจกัดกรามแน่น
อ่านต่อหน้า 4
นางกลางไฟ ตอนที่ 20 (ต่อ)
เวลากลางคืน ที่โต๊ะกินข้าว มะปรางยิ่งหงุดหงิด ซูซี่คอยเหลือบมองสังเกตตลอดเวลา มะปรางทำจะเตรียมเครื่องดื่มกับอาหารเอาใจตะวัน ซูซี่คอยกันท่า แย่งเตรียมเอง
"ขอบใจนะจ๊ะ แต่เรื่องอาหารการกินเนี่ย…ไม่ต้อง! ชั้นดูแลเอง กลัวพวกมือดีมันแอบวางยาตะวันน่ะ"
ซูซี่ยิ้มเยาะ มะปรางมองหมั่นไส้ แกล้งถือแก้วน้ำทำหกใส่
"อุ๊ย โทษทีค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ"
มะปรางหัวเราะขำเดินผ่านไป ซูซี่เดือดยื่นขาออกไปขัด มะปรางสะดุดถลาหน้าทิ่มจานอาหารบนโต๊ะ
"ว้าย!"
"อุ๊ปส์ โทษทีจ้ะ พอดีอันนี้พี่ตั้งใจ"
ซูซี่หัวเราะสะใจจะเดินออก มะปรางหมดความอดทนกระชากผมซูซี่
"คิดจะลองดีกับชั้นใช่ไม๊อีซูซี่"
มะปรางตบคว่ำ ซูซี่หันมาทึ้งผมมะปรางแล้วดึงมาตบคืนไม่ยั้ง
"เก่งนักใช่ไหมอีมะปราง อย่างแกมันต้องเจอกับชั้น มันถึงจะเป็นมวยถูกคู่ มา"
มะปรางมึนเกือบเสียท่า แต่อาศัยจังหวะถีบซูซี่ล้มแล้วขึ้นคร่อม คว้าคัตเตอร์จะกรีดหน้าซูซี่
"อีซูซี่ แกปากดีนักใช่ไหม ชั้นจะผ่าลูกแกออกจากปาก จะได้ไม่ต้องเห่าให้หนวกหูอีกต่อไป"
มะปรางบีบปากซูซี่ไว้ มองจ้องเขม็ง ซูซี่เห็นความร้ายของมะปรางแล้วไม่อยากเชื่อ นึกกลัว
"นังมะปราง แกนี่มันแอ๊บอสรพิษจริงๆ "
"อย่าพูดมากน่ะอีคางคก ชั้นขอเตือนไว้ก่อน ถ้าแกยังตามตอแยชั้นอีกละก็ แกจะเจ็บตัวยิ่งกว่านี้"
มะปรางเงื้อคัตเตอร์จะกรีด ซูซี่ร้องจับมือมะปรางดันไว้
มะปรางมองอย่างเหี้ยมพยายามกดคัตเตอร์ลงไปเกือบถึงปากซูซี่
ตะวันกับทีมงานกรูเข้ามาขัดจังหวะ
"มะปราง…พี่ซูซี่"
มะปรางอาศัยความไว รีบพลิกตัวให้ซูซี่ขึ้นคร่อมตัวเองไว้ ยัดคัตเตอร์ใส่มือซูซี่แล้วร้องให้ช่วย
"อย่าค่ะพี่ซูซี่ อย่ากรีดหน้ามะปรางนะ มะปรางกลัวแล้ว"
"หา! หนอย นังตอแหล แกนั่นแหละที่คิดจะกรีดหน้าชั้น"
ซูซี่ดึงมือขืนไว้ มะปรางยิ้มเยาะใส่ แล้วดึงมือซูซี่เข้ามาจนคัตเตอร์กดที่หน้าตัวเองเป็นรอยกรีดเลือดซิบ
ซูซี่มองตกใจช็อกไม่คิดว่ามะปรางจะยอมเจ็บตัวสร้างภาพ
"อ๊าย!! อี…อีโรคจิต แกนี่มันเลวจริงๆ"
มะปรางยิ้มแสยะ แล้วกรีดร้องลั่น
"แอร๊ย!! พี่ซูซี่อย่าค่ะ"
ซูซี่พยายามดึงมือตัวเองออก มะปรางดึงไว้ยังหวีดร้องไม่หยุด ตะวันกับทีมงานรีบเข้ามาดึงทั้งคู่แยกออก
ตะวัน / ทีมงาน "มะปราง!! พี่ซูซี่คะ พอเถอะค่ะ"
มะปรางทำสะอึกสะอื้นฟ้อง
"พี่ซูซี่ ถ้าไม่พอใจอะไรก็น่าจะพูดกันดีๆ ไม่ใช่เอาแต่เหวี่ยงวีนหาเรื่องตบคนอื่น วิธีแบบนี้บอกเลยค่ะว่ามัน ต่ำ"
"หนอย อีงูพิษ แกเลิกแอ๊บตบตาคนอื่นได้แล้ว เพราะชั้นรู้แผนชั่วของแกน่ะสิ ถึงคิดจะกรีดปากให้ชั้นป่าวประกาศไม่ได้น่ะ"
ทุกคนมองมาที่มะปรางเป็นตาเดียว มะปรางปล่อยโฮกอดตะวันฉายไว้
"ขอร้องเถอะค่ะพี่ซูซี่ เลิกใส่ร้ายมะปรางซักที ใครๆเค้าก็รู้ว่าพี่น่ะเจ้าอารมณ์แค่ไหน ไม่พอใจใครก็ด่ากราดเค้าไปทั่ว ขืนพี่คุมตัวเองไม่อยู่แบบนี้ อีกไม่นานลูกค้าคงเอือม ได้ปลดประจำการไปขายของเก่ากินแน่ค่ะ"
ตะวันกับทีมงานหันมองหน้ากัน คิดไม่ถึงว่ามะปรางจะปากร้ายขนาดนี้
"แอร๊ย! ถ้าชั้นไม่แน่จริงก็คงไม่อยู่ในวงการนี้มา 20 กว่าปีหรอก ถ้าวันนี้อีซูซี่ไม่ได้ถลกหนังนังนี่ละก็ อย่ามาเรียกว่าซูซี่อีกเลย"
ซูซี่กับมะปรางจะพุ่งเข้าหากันอีก ทีมงานต้องช่วยกันยื้อแยกไว้ ดำรงเข้ามาเห็นถึงกับตะลึง
"นี่มันอะไรกัน หยุดนะ…มะปราง…ซูซี่"
ตะวันฉายดึงตัวซูซี่ลากออกไป
"ขอโทษด้วยนะคะคุณดำรง"
"ตะวัน ผมว่าพาซูซี่ออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง"
"ขอบคุณมากค่ะ ตะวันขอตัวกลับก่อนนะคะ กลับกันเถอะพี่ซูซี่"
ซูซี่ยังไม่ยอม ตะวันรีบดึงซูซี่ออกไป มะปรางจะตาม แต่ดำรงขวางเอาไว้
"มะปราง! พอได้แล้ว ต่อไปห้ามก่อเรื่องอีก ไม่งั้นชั้นจะไล่เธอออก"
มะปรางชะงัก ยอมอ่อนลง
"ขอโทษค่ะคุณดำรง ต่อไปชั้นจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก"
"เอาละทุกคน หมดเรื่องแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงานได้"
ดำรงส่ายหัว แเหนื่อยใจแล้วเดินออกไป ทีมงานช่วยกันเก็บกวาดข้าวของ มะปรางมองตามซูซี่ไปอย่างแค้น
ซูซี่อารมณ์ค้างยังแค้นมะปราง
"เจ็บใจจริงๆ ถ้าเธอกับคุณดำรงไม่มาห้ามไว้ พี่จะตบมันให้ลืมบ้านเลขที่เลย หนอย แกรู้จักนังซูซี่น้อยไป"
"พี่ซูซี่คะ ขืนพี่กับมะปรางเอาคืนกันอยู่อย่างนี้ มันมีแต่จะยิ่งแรงขึ้น ถ้ามีอะไรเข้าใจผิดกันก็นัดเคลียร์ไปเลยดีกว่าค่ะ จะได้ไม่ต้องคาใจ ที่จริงเราก็เพื่อนกันทั้งนั้น"
"อ๋อ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ รับรองว่าพี่เคลียร์กับมันแน่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ คนอย่างนังมะปรางน่ะมันต้องจับให้มั่น คั้นให้ตาย ต้องมัดตราสังข์มันเอาให้ดิ้นไม่หลุด มันถึงจะหมดฤทธิ์"
ซูซี่ยิ้มเหี้ยมมีแผนในใจ ตะวันได้แต่ถอนใจ
ครัว บนคอนโดดำรง มะปรางกำลังสับเนื้อเตรียมทำอาหาร ดำรงเปิดประตูเข้ามายังดูโกรธ
มะปรางรีบเข้ามากอด หอมแก้มเอาใจ
"มาแล้วหรอคะ คุณนั่งรอแป๊บนึงนะ ชั้นกำลังทำกระเพราเนื้อสับของโปรดคุณอยู่พอดีเลย"
ดำรงเดินเข้ามาหาแล้วโวยใส่
"มะปราง คราวหน้าอย่ามีเรื่องในงานผมอีก ไม่อย่างนั้นผมจะสั่งทีมงานเลิกจ้างคุณซะ แล้วเวลาผมไม่รับสาย แปลว่าผมงานยุ่ง ไม่ต้องโทร.จิก ผมไม่ชอบ"
ดำรงอารมณ์เสีย มะปรางหน้าเจื่อนรีบเข้ามาอ้อนง้อ
"แหม อย่าโมโหเลยนะคะ มะปรางสัญญาว่าต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีก อย่าโกรธมะปรางนะคะ ว่าแต่…เงินเดือนของชั้นล่ะคะ"
"ฮึ คุณมันก็ห่วงแต่เรื่องนี้"
ดำรงหยิบเช็คโยนวางให้ มะปรางมองเริ่มเคืองมองตัวเลขแล้วอ้อน
"ชั้นขอเพิ่มอีกหน่อย"
" ผมว่าคุณชักจะใช้เงินมากเกินไปแล้วนะ จะเอาไหมหรืออยากไปหาที่เกาะที่ใหม่"
มะปรางโมโหกำมีดไว้แน่นเริ่มดูโรคจิต ดำรงเอื้อมมือจะหยิบแก้วน้ำ มะปรางแสยะยิ้มแล้วปักมีดลงระหว่างนิ้ว ดำรงสะดุ้งเฮือกหน้าถอดสี
"เฮ้ย! คุณเล่นอะไรแบบนี้มันอันตรายนะ "
มะปรางมองจ้องเขม็ง
"คนอย่างมะปรางไม่ยอมโดนเขี่ยทิ้งง่ายๆหรอก"
มะปรางเอามีดไล้ตามคอดำรงทำท่าเหมือนจะปาด ดำรงกลัวจนหัวหดตัวนิ่งแข็ง
"เธออยากได้เงินใช่ไหม อ้ะ เอาไปเลย" ดำรงรีบเซ็นเช็คส่งให้
มะปรางยังจ่อมีดที่คอ มองตัวเลขแล้วตาโต เธอมองดำรงแล้วหัวเราะ
"ก็แค่เนี้ย แหม ถึงกับหน้าซีดเลยหรอคะที่รัก ชั้นแค่ล้อคุณเล่นนิดเดียวเอง"
" งั้นชั้นกลับละนะ"
ดำรงขยับจะหนี มะปรางเดินเข้าหายังจ่อมีดไว้ที่คอ
"เดี๋ยวก่อนสิคะ ชั้นน่ะเป็นคนรู้คุณคนนะ ใครทำอะไรให้ก็ต้องรู้จักตอบแทนอย่างสาสม…มันถึงจะถูก"
ดำรงเหงื่อแตกไม่กล้าขยับ มะปรางยิ้มสยองใช้มีดปาดตัดกระดุมจากเม็ดล่างสุดขึ้นไปจ่อคอ
ดำรงตื่นกลัวสุดขีด
ดำรงหน้าซีดเผือดแหกปากร้องลั่นอย่างเจ็บปวด
"อ๊าก"
หน้ามะปรางยิ้มยั่วยวน
"ทนอีกนิดนะคะที่รัก"
ดำรงเหงื่อแตกร้องคราง
"โอ้ว…พอเถอะ…ผมขอร้อง…ผมไม่ไหวแล้ว"
ดำรงโดนมัดแขนขาขึงไว้กับเตียง มะปรางนั่งคร่อมหยดเทียนจนทั่วตัว แสยะยิ้มโรคจิต
"ทำไมล่ะคะ คุณไม่ชอบหรอ"
"ปล่อยผมไปเถอะมะปราง คุณอยากได้เงินเท่าไหร่ผมจะเซ็นเช็คให้"
มะปรางหัวเราะสะใจ
"เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว เพราะคุณต้องเลี้ยงดูชั้นไปตลอดชีวิต แต่ตอนนี้ชั้นจะคืนกำไรให้คุณแบบทบต้นทบดอก เอาให้คุณสำลักความสุขไปทั้งคืน"
"ไม่เอา…พอแล้ว…อย่านะมะปราง…อย่า"
ดำรงอ้าปากร้องลั่นเสียงโหยหวนก้อง
เช้าวันใหม่ ดำรงหน้าซีดเผือด ตาคล้ำในสภาพคางเหลือง เดินเปลี้ยเซแทบคลานหมดแรงเข้ามายังโถงบ้าน
"โอย"
วัลลภาเดินสั่งงานสาลี่
"สาลี่หาแจกันจัดดอกไม้มาวางไว้ตรงนี้ซักอันนึงนะ"
"ค่ะคุณผู้หญิง"
วัลลภาหันมาเห็นสภาพของดำรงแล้วแทบช็อก เธอถลาเข้าไปหา
"ว้าย! คุณดำรง คุณเป็นอะไรไปคะ" ดำรงพยายามจะพูดแต่ปากสั่นพูดอะไรไม่ออก "นี่…คุณไปโดนคุณไสยที่ไหนมา ทำไมถึงได้โทรมแบบนี้ สาลี่รีบโทร.ตามหมอด่วนเลย เร็ว"
"ค่ะๆๆ"
"คุณดำรงทำใจดีๆไว้นะคะ"
วัลลภารีบเข้ามาประคอง ดำรงทรงตัวยืนแทบไม่อยู่
ภายในห้องนอน ดำรงหน้าซีดนอนจับไข้ มีเสาน้ำเกลืออยู่ข้างเตียง หมอฟังหัวใจแล้วดึงปรอทวัดไข้ออกจากปาก
วัลลภาคอยอยู่ข้างๆมองอย่างเป็นห่วง
"อาการคุณดำรงเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ"
"ยังมีไข้สูงอยู่น่ะครับ แต่หมอให้ยาทางสายน้ำเกลือไปแล้ว คนไข้มีอาการเพลียอย่างรุนแรง น่าจะเกิดจากการโหมออกกำลังอย่างหนัก ส่วนรอยแดงตามตัว"
ดำรงแกล้งไอขัดจังหวะสบตาหมอเป็นเชิงห้าม วัลลภานึกสงสัย
"รอยแดง…รอยแดงอะไรคะ"
หมอเดารู้รับมุกทัน
"เอ่อ…เป็นอาการข้างเคียงจากการเป็นไข้น่ะครับ ซักพักก็จะหายไปเอง แต่คนไข้ต้องพักผ่อนให้มากๆและงดเว้นกิจกรรมบนเตียงไปซักระยะ จนกว่าร่างกายจะแข็งแรง ไม่อย่างนั้นอาจเสี่ยงกับภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้นะครับ"
หมอสั่งกำชับแล้วเก็บของลุกออก วัลลภาเหลือบมอง ดำรงไม่กล้าสบตา
วัลลภายกมือไหว้
"ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะ สาลี่ไปส่งคุณหมอที"
"ค่ะคุณผู้หญิง เชิญค่ะคุณหมอ"
สาลี่เดินนำหมอออกไป วัลลภาเข้ามาบิดผ้าแล้วเช็ดหน้าให้ ดำรงจะอธิบาย
"คุณวัล…เอ่อ…ผม"
วัลลภายิ้มเข้าใจ
"พักผ่อนเถอะค่ะคุณ จะได้หายไวๆ"
วัลลภาดึงผ้าห่มคลุมอกให้ ดำรงมองอย่างรู้สึกผิด
ดำรงเพ้อไข้ขึ้น วัลลภาคอยเฝ้าไข้ไม่ห่างจนนอนหลับไปข้างเตียง ดำรงอาการดีขึ้นรู้สึกตัวตื่น เห็นวัลลภานั่งหลับข้างๆ ก็มองอย่างซึ้งใจ
วัลลภาป้อนข้าว เช็ดตัวดูแลอย่างดี ดำรงมองเริ่มคิดได้ แล้วจับมือไว้
"ขอบคุณมากนะคุณวัลที่ช่วยดูแลผม"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณ พักผ่อนเถอะค่ะ"
วัลลภาจับมือดำรงตอบแล้วห่มผ้าให้ ดำรงหลับไป วัลลภานั่งเฝ้าอยู่ข้างมองดำรงด้วยความรัก
วันใหม่ ดำรงกำลังใส่ชุดทำงาน วัลลภาเข้ามาช่วยติดกระดุมเสื้อ
"ที่จริงคุณเพิ่งจะอาการดีขึ้น ไม่น่ารีบกลับไปทำงานเลยค่ะ ชั้นว่าคุณพักต่ออีกซัก 2-3 วันให้หายดีก่อนเถอะค่ะ"
" ทำไม คิดถึงผมหรอ"
"คุณเนี่ย ทำเป็นพูดเล่นอยู่เรื่อยเลย ชั้นเป็นห่วงคุณจริงๆนะคะ"
วัลลภาช่วยจัดปกเสื้อ ดำรงมองอย่างเจ้าชู้ วัลลภาเห็นสายตาแล้วยิ้มแอบเขิน
"ที่จริงถ้าคุณไม่ขี้บ่น ปากร้าย คอยจับผิดผมล่ะก็…คุณเป็นคนอ่อนหวาน น่ารักมากเลยรู้ตัวไหมวัลลภา มิน่าล่ะ…สุดท้ายผมก็ต้องกลับมาตายรังจนได้"
ดำรงไล้นิ้วไปตามหน้าตามตัว วัลลภายิ่งสะเทิ้นอาย
"ชั้นก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว คุณต่างหากล่ะที่มัวแต่ไปหลงพวกของปลอมนอกบ้าน"
ดำรงดึงวัลลภามากอด
"ถ้าอย่างนั้นคุณก็ช่วยทำให้ผมลืมแม่พวกนั้นทีสิ"
" ฮึ เราห่างเหินเรื่องนี้กันมาตั้งหลายปีละ ชั้นลืมไปหมดแล้วค่ะว่าต้องทำยังไงบ้าง"
ดำรงรู้ทันอุ้มวัลลภาตรงไปที่เตียง วัลลภาสะเทิ้นอายแต่อดดีใจไม่ได้
"ว้าย! คุณจะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ"
"ผมก็จะชิมน้ำพริกถ้วยเก่าน่ะสิ ว่ายังแซ่บเหมือนเดิมอยู่ไหม"
ดำรงก้มลงไปหา วัลลภาโอบรอบคอดำรง .....
เช้าต่อเนื่องมา ดำรงกางหนังสือพิมพ์ธุรกิจอ่าน วัลลภาหน้าตาสดชื่นอารมณ์ดียกไข่ลวกมาวางให้
"คุณเพิ่งจะฟื้นไข้ ต้องบำรุงมากๆหน่อยค่ะ"
ดำรงมองยิ้มกรุ้มกริ่ม วัลลภาเดินผ่าน ดำรงแกล้งแอบจับก้น
"แต่เย็นนี้คุณไม่ต้องเตรียมกับข้าวอื่นไว้ให้ผมนะ"
วัลลภาผิดหวัง
"อ้าว คุณไม่กลับมาทานหรอคะ"
"เปล่าจ้ะ ผมขอน้ำพริกแซ่บๆถ้วยเดียวก็พอ"
ดำรงมองเมียตาเป็นมัน วัลลภาหัวเราะเขินชอบใจ ทั้งคู่หยอกล้อกันดูสวีตหวานเหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามัน
วัลลภาเช็ดปากให้ ดำรงจับมือวัลลภามาจูบ ดวงสุดากับวาทินเดินเข้ามาเห็นแล้วชะงัก
"นี่ ผมกับพี่ดามาขัดจังหวะคุณพ่อกับคุณแม่หรือเปล่าครับ"
"ทำไม ชั้นจะสวีตกับแม่แกบ้างไม่ได้หรือไง"
วาทินกับดวงสุดาเข้ามานั่ง ดวงสุดานั่งข้างวัลลภากระซิบถาม
"เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ยน้าวัล"
วัลลภายิ้มเขิน ดำรงตอบแทน
"น้าแกเขามียาดีน่ะ ชั้นก็เลยหายวันหายคืน" ดำรงยกไข่ลวกซด "ผมไปทำงานก่อนนะจ๊ะ"
"แล้วรีบกลับนะคะ ชั้นจะทำของโปรดของคุณไว้รอ"
"จ้ะ"
ดำรงหอมแก้มวัลลภาแล้วเดินออกไป ดวงสุดากับวาทินมองอย่างไม่อยากเชื่อ
"ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้ คุณพ่อหายดีแล้วแน่นะครับแม่"
วัลลภามองค้อน
"ตาทินก็ ทำเป็นแซวแม่"
ดวงสุดากอดเอววัลลภา
"น้าวัลคะ ดาดีใจด้วยจริงๆค่ะที่คุณพ่อกลับมาเอาใจน้าวัลแบบนี้ เห็นไหมคะว่าในที่สุดธรรมะก็ย่อมชนะอธรรม "
"ขอให้คุณพ่อเลิกมั่วอีหนู แล้วรักคุณแม่แบบนี้ตลอดไปเถอะ"
ดวงสุดาแกล้งเหน็บ
"ทำไม เธอกลัวจะมีคู่แข่งไปแย่งนังตะวันหรือไง"
"เปล่านะพี่ดา ผมก็แค่เห็นคุณแม่ทุกข์ใจมาตั้งนาน คุณพ่อก็ปูนนี้แล้วน่าจะถอด
เขี้ยวเล็บอยู่บ้านเลี้ยงหลานมันถึงจะถูก"
"เราเองก็เหมือนกันนั่นแหละ สงสารแม่ก็อย่าทำให้หนูป่านทุกข์ใจล่ะ"
"ผมขอตัวไปทำงานก่อนดีกว่า ขืนอยู่ต่อไปเดี๋ยวจะงานเข้า"
วาทินลุกออกไป ดวงสุดากอดวัลลภาอย่างดีใจไปด้วย
อ่านต่อตอนที่ 21