xs
xsm
sm
md
lg

รักต้องอุ้ม ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 13
มาลัยกำลังกล่อมตาหนูให้หลับ ลันตาเปิดประตูเข้ามา

"สวัสดีค่ะคุณย่า" ลันตาทัก
"ทำไมกลับมืดนัก" มาลัยถาม
"มีเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อยค่ะ"
"ถ้ามีเรื่องมันเหนื่อยนัก ก็อย่าขยันก่อเรื่องนักสิ"
"ลันอยากอยู่อย่างสงบสุขนะคะคุณย่า แต่เรื่องก็ขยันวิ่งมาหาลันเหลือเกิน"
ลันตาลูบหัวตาหนูด้วยความสงสาร
"คุณย่าคะ...ลันอยากจะดูแลตาหนูแบบถูกต้องตามกฎหมายได้ไหมคะ"
"ทำไม?”
"ลันสงสารตาหนูน่ะค่ะ คนบางคนใจร้าย...ยอมเห็นเด็กเป็นกำพร้าเพื่อความสะใจของตัวเอง"
"ธัญญาเรศน่ะเหรอ"
ลันตาตกใจ "เอ่อ...ทำไม?" ลันตายอมรับ "ใช่ค่ะ...ลันคงไม่มีอะไรที่ปิดบังย่าได้เลย"
"แล้วลันจะทำยังไงต่อ"
"ถ้าตามครอบครัวตาหนูไม่เจอจริงๆ ลันก็อยากจะรับตาหนูมาเลี้ยงให้ถูกต้อง ลันเชื่อว่าเราจะเลี้ยงดูตาหนูได้ดีเหมือนที่คุณย่าเลี้ยงลันมา"
มาลัยมองตาหนูอย่างชั่งใจ
"ถ้าจะทำอย่างนั้นก็แจ้งความให้เป็นเรื่องเป็นราว ให้ตำรวจตามหา ขอให้ช่องข่าวโทรทัศน์ช่วยประกาศ ย่าว่ายังไงก็ต้องตามเจอ"
"แต่ถ้าไม่เจอตาหนูจะถูกส่งเข้าสถานสงเคราะห์นะคะ" ลันตาบอก
"ก็ดีสิ มันจะได้เข้ากระบวนการที่เราจะสามารถขอตาหนูมาเลี้ยงดูได้ตามกฎหมาย" มาลัยบอก
ลันตาดีใจ "รักคุณย่าที่สุดเลยค่ะ"
ลันตาโผเข้ากอดมาลัย
"ย่าก็รักลันนะลูก ย่าจะทำทุกอย่างให้หลานย่ามีความสุข ขอแค่ให้ลันเชื่อย่าได้ไหม?”
ลันตาอึ้งไป เธอมองหน้ามาลัยอย่างลำบากใจ
"ค่ะคุณย่า" ลันตารับคำ
มาลัยกอดลันตาแล้วก็มีสีหน้ายิ้มพอใจ แต่ลันตาลำบากใจมาก

สุวิภาเข้ามาในห้องที่พิธานรออยู่
"ฉันว่าเรื่องระหว่างคุณกับลันตามันชักจะต่อความยาวสาวความยืดไม่สิ้นสุดนะ"
"ผมกำลังจะรีบทำให้มันจบลงอย่างสวยงามสักที ถ้าคุณยอมช่วย" พิธานบอก
"คุณพิธาน ฉันช่วยคุณหลายครั้งแล้วนะคะ"
"ครั้งนี้คุณจะไม่เหนื่อยเปล่าแน่ครับ"
พิธานยื่นแฟ้มเอกสารให้สุวิภา สุวิภาเปิดดูก็พบว่าเป็นข้อเสนอในการโอนหุ้นให้สุวิภาห้าเปอร์เซ็นต์เพื่อตอบแทนในความช่วยเหลือเรื่องลันตา จากสีหน้าหงุดหงิดสุวิภาก็เปลี่ยนเป็นพอใจทันที พิธานยิ้ม

กระดาษปรู๊ฟท์ของนิตยสารดรีม มีลันตา แพท และมิ้งค์กำลังรุมดูเพื่อเช็คงานในส่วนของตัวเองอยู่
ลันตาอ่านคอลัมน์ของมิ้งค์ "คุณพอลนี่ เป็นเชฟสู้ชีวิตเหมือนกันนะ"
"เห็นกวนประสาทแบบนั้น ชีวิตดราม่ามากนะพี่" มิ้งค์บอก
"เล่มหน้าก็ดึงคุณพอลมาเป็น Guest สิ ดีไหม" แพทว่า
"ก็ไม่เลวนะ ใส่กิมมิคได้เยอะด้วย" ลันตาบอก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น สุวิภาเดินเข้ามา
"ตรวจปรู๊ฟเรียบร้อยหรือยัง" สุวิภาถาม
"เหลืออีกนิดหน่อยค่ะ แต่คุณสุไม่ต้องห่วงนะคะ เราวางแผงได้ทันตามกำหนดแน่นอนค่ะ" ลันตาบอก
"แสดงว่าช่วงนี้คงไม่ได้ยุ่งมากแล้วถูกไหม?”
"ค่ะ" ลันตารับ
"หลานสาวฉันจะจัดงานหมั้น ฉันอยากให้พวกเธอช่วย" สุวิภาบอก
ลันตา แพท และมิ้งค์อึ้ง

ภายในห้องจัดเลี้ยงมีการจัดเตรียมสถานที่เอาไว้บางส่วนแล้ว ลันตากับแพทคุยกับพนักงานจัดดอกไม้ของโรงแรม
"เวลาเตรียมงานค่อนข้างน้อย แต่วางใจได้เลยนะคะ เราจัดการได้ทันแน่นอนค่ะ" พนักงานบอก
"ขอบคุณค่ะ" ลันตาพูด
พนักงานเดินแยกออกไป แพทมองไปรอบๆ
"คุณสุนี่เขี้ยวจริงๆ หลานตัวเองจะหมั้นแท้ๆ ยังจะประหยัดงบอีก ไอ้การเตรียมงานหมั้นนี่มันควรจะเป็นหน้าที่เวดดิ้ง แพลนเนอร์หรือเปล่า" แพทว่า
"แค่มาช่วยดูเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เป็นไรหรอกน่า เหนื่อยกายดีกว่าเหนื่อยใจนะแก" ลันตาบอก
"ก็จริง...แล้วจัดงานแบบนี้คนหมั้นเขาไม่ต้องมาเช็คความเรียบร้อยเหรอ ไม่ใช่ถึงวันงานไม่พอใจนั่นนี่แล้วมาเหวี่ยงกับเรานะ"
"มองในแง่ดี เขาคงเชื่อมั่นในตัวฉันมากนะ" ลันตาบอก

พิธานเลื่อนเอกสารให้สุวิภา
"ผมให้ฝ่ายกฎหมายจัดการทำเอกสารโอนหุ้นให้คุณเพิ่มอีกห้าเปอร์เซ็นต์ หลังจากวันงาน หุ้นของคุณสุจะเพิ่มเป็นสามสิบห้าเปอร์เซ็นต์"
"ยินดีค่ะ" สุวิภาบอก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ธัญญาเรศเปิดประตูเข้ามา
ธัญญาเรศเดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารในมือ "รายชื่อของแขกและสื่อมวลชนที่คอนเฟิร์มว่าจะ
มาร่วมงานค่ะ"
"ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือ วันงานผมคงต้องรบกวนคุณสุกับคุณธัญญาเรศด้วยนะครับ"
สุวิภายิ้มรับเพราะพอใจกับผลประโยชน์ ธัญญาเรศยิ้มรับอย่างสอพลอเพราะหวังผลประโยชน์ไม่ต่างกัน
"คุณพิธานค่ะ เรื่องที่ดิฉันเคยขอไว้" ธัญญาเรศบอก
"ส่วนของลาเบล คุณปรึกษากับคุณสุจะดีกว่านะ" พิธานว่า
สุวิภาหันมาหาพิธานว่ามีเรื่องอะไรกัน

ธัญญาเรศเดินตามสุวิภามาตามทางเดิน สุวิภาหงุดหงิดมาก
"ให้สิทธิ์ขาดการบริหารลาเบลเป็นของเธอ เป็นไปไม่ได้" สุวิภาบอก
"พี่นีกลั่นแกล้งญ่านะคะคุณสุ ญ่าเป็นบ.ก.แต่ไม่มีอำนาจบริหารตัดสินใจ แบบนี้มันไม่ถูกต้อง" ธัญญาเรศว่า
"แต่ถ้าฉันปล่อยให้เธอทำแล้วยอดขายตก ลูกค้าไม่ซื้อแอดเพราะหนังสือเราไร้ความน่าเชื่อถือ ใครจะรับผิดชอบ" สุวิภาถาม
"คุณสุเชื่อสิคะว่าญ่าทำได้"
"เธอประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้วธัญญาเรศ"
"แล้วที่คุณสุแสดงตัวว่าอยู่ข้างญ่าไม่ใช่เพราะว่าเชื่อมือญ่าเหรอคะ"
"เธอเก่งที่เป็นหูเป็นตาให้ฉันได้ เก่งที่คอยทำงานตามที่คนอื่นสั่งได้ แต่ความคิดกับรสนิยมเธอยังไม่ดีพอที่จะเป็นผู้บริหาร"
ธัญญาเรศอึ้ง
"เธอทำงานให้มันได้ตามที่คุณนีเขาต้องการ อย่าทำให้งานของลาเบลต้องมีปัญหา"
"แต่ว่าญ่าทำงานกับหัวหน้าที่ลำเอียงไม่ได้นะคะ" ธัญญาเรศบอก
สุวิภาหงุดหงิด "ฉันมีธุรกิจอีกร้อยแปดที่ต้องดูแล อย่ามาจุกจิกสร้างเรื่อง ฉันให้อำนาจคุณรัชนีแล้วเธอมีหน้าที่ทำงานกับเขาให้ได้ เข้าใจไหม! แล้วจำไว้ว่าฉันต้องการคนทำงาน ไม่ใช่ตัวปัญหา"
สุวิภาเดินออกไป ธัญญาเรศมองตามไปด้วยความแค้นมาก

ลันตาเปิดโทรศัพท์แล้วตัดสินใจโทรหาสิปาดัน

สิปาดันนอนหลับอยู่บนเตียงในสภาพที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเครื่องแบบ เสียงโทรศัพท์ดัง สิปาดันพยายามจะตื่นขึ้นมา เขามองเห็นว่าเป็นลันตาโทรมาก็กดรับ
สิปาดันพูดด้วยเสียงงัวเงียมาก "ว่าไง...”
"สิปา...แกทำอะไรอยู่" ลันตาถาม
"นอน...แกเป็นไง"
"ช่วงนี้ก็ยุ่ง ๆ ล่ะแก แต่มีงานนอกที่ต้องช่วยคุณสุด้วย เหนื่อยมาก สิปา แกเหนื่อยมากเหรอ แกต้องพักมาก ๆ นะ"
สิปาดันได้แต่รับคำด้วยเสียงอืออา
"แล้วนี่แกจะกลับมาวันไหนนะสิปา" ลันตาถาม สิปาดันเงียบ "สิปา...”
สิปาดันหลับแบบกรนนิด ๆ ลันตาได้ยินเสียงก็ขำ
"กรนด้วย ไอ้สิปา.." ลันตาพึมพำเบาๆ "ฉันคิดถึงแก....”
ลันตาฟังเสียงกรนของสิปาสีหน้ายิ้ม ๆ มาลัยที่ยืนฟังอยู่ทางด้านหลังมองท่าทีของลันตาอย่างประเมิน

อังถือชุดที่จะใส่ไปงานหมั้น โดยเอามาใส่ในไม้แขวนทั้งสองชุดแล้วเดินเข้ามาหามาลัยที่นั่งเล่นอยู่กับตาหนู
อังแค่มารายงาน "คุณพี่คะ ชุดซักแห้งมาเรียบร้อยแล้วค่ะ"
"ก็เอาไปแขวนในห้องสิ" มาลัยบอก
"นี่จะถึงวันงานแล้ว คุณพี่จะบอกหลานเมื่อไหร่คะ"
"เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม"
อังหงุดหงิดเพราะรู้สึกขัดใจแต่มาลัยไม่สนใจ มาลัยอุ้มตาหนูออกไปด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ

ธัญญาเรศนั่งลงอย่างหงุดหงิด
"ทำไมเจ้านายเธอถึงเลื่อนนัดฉันอีกแล้ว"
"ใจเย็นๆ สิคะพี่ญ่า เจ้านายกิ๊กกำลังยุ่ง ๆ อยู่กับเรื่องเอเจนซี่น่ะค่ะ เขาต้องการกิมมิคสร้างกระแสจะได้เรียกแอคเคาท์ใหม่ ๆ มาซื้อแอดน่ะค่ะ"
"มัวแต่ช้าแบบนี้เมื่อไหร่ฉันจะได้เริ่มงานสักที ฉันอยากจะไปจากลาเบลให้เร็วที่สุด"
"หรือว่าพี่ญ่าจะเข้าไปคุยที่ออฟฟิศกิ๊กล่ะคะ"
"ไม่ได้...ถ้ามีใครเห็น เรื่องมันต้องไปถึงลาเบลแน่"
"เจ้านายกิ๊กบอกนะคะว่าอยากคุยกับพี่ญ่าแต่มันก็ติดปัญหาแบบนี้ พอจะพิจารณาก็ไม่มีข้อมูล เขาก็ลังเลจะหาคนอื่นมาเสียบแทน"
ธัญญาเรศร้อนใจ "เธอก็เอาข้อมูลไปขายงานให้ฉันสิ"
"กิ๊กไม่แน่ใจว่าจะทำได้ดีเท่าพี่ญ่าพรีเซ้นต์เองหรือเปล่า"
"ถ้าตรงไหนที่เธอไม่เข้าใจก็ถามฉันให้เคลียร์"
ธัญญาเรศบรรยายข้อมูลเรื่องที่กาญจนาจะเปิดคอลเลคชั่นใหม่และต้องการพรีเซ็นเตอร์แบบระบุคน กิ๊กฟังอย่างหน้าซื่อตาใสมาก


ลันตากับแพทเดินกลับเข้ามาที่ออฟฟิศก็เจอกับเพชรที่เอาชุดหมั้นของลันตามา เพชรชะงักจะเดินเลี่ยงไปแต่แพทเห็นชุดไทยสวยงามจนต้องออกปากทัก
"พี่เพชร ชุดสวยมากเลย เซ็ทแฟชั่นของลาเบลเหรอพี่" แพทถาม
"ไม่ใช่จ้ะ...ชุดนี้...เอ่อ..” เพชรอ้ำอึ้ง
สุวิภาพูดขึ้น "ของหลานสาวฉันเอง"
สุวิภาเดินเข้ามา
"ขอบใจมากนะเพชรที่จัดการเรื่องชุดให้" สุวิภาบอก
"งั้นเพชรเอาชุดไปเก็บก่อนนะคะ"
เพชรรีบชิ่งออกไป
"ห้องจัดเลี้ยงเป็นยังไงบ้าง" สุวิภาถาม
"ทุกอย่างโอเคค่ะ เสร็จทันวันงานแน่นอน" ลันตาบอก
"ขอบใจนะ แล้วฉันจะมีโบนัสให้" สุวิภาว่า
"ขอบคุณค่ะ" ลันตาบอก
"เธอทำงานดีนะลันตา ต่อไปนี้คงมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับเธออีกเยอะ"
ลันตางง "ค่ะ"
สุวิภายิ้มแล้วเดินออกไป
"เมื่อก่อนเหม็นหน้าแกจะแย่ เดี๋ยวนี้ทำไมซอฟท์จัง" แพทสงสัย
"คนเรามันเปลี่ยนกันได้ ผลงานฉันเข้าตามั้ง" ลันตาบอก
"คนเรามันเปลี่ยนง่ายแบบนี้ ต้องมีอะไรแน่ๆ" แพทว่า
"อย่าหาคำตอบกับทุกเรื่องเลยไอ้แพท มันเหนื่อย สนใจงานกับชีวิตตัวเองก็พอไหม ไปช่วยฉันเคลียร์ม็อคอัพ ดรีมส่งคุณกาญจนาดีกว่า ขายแอดได้รับรองคุณสุจะดีกับเรากว่านี้อีกเป็นร้อยเท่า"
แพทพยักหน้าเห็นด้วย "ลุย!”

มะนาวคุยมือถือ
"ฉันเช็คตารางบินของสิปาแล้ว ตอนนี้สิปาบินไปยุโรป กำหนดจะบินกลับอีกสามวัน"
พิธานฟังข้อมูลจากมะนาวผ่านทางมือถือก็พอใจ
"สามวัน" พิธานคิด "ฉิวเฉียดแต่ก็โอเค"
"ถ้าตามกำหนด วันที่คุณหมั้น สิปาจะแลนดิ้งตอนเที่ยงคืนคุณเร่งให้มันเร็วขึ้นได้ไหม ถ้าสิปากลับมาทุกอย่างจะพัง"
"ถึงมันจะกลับมาก็ไม่มีปัญญาขวางผมได้"
"ฉันเตือนเลยนะ ถ้าสิปารู้เรื่องคนที่ต้องแพ้เกมนี้คือคุณ”
พิธานกดวางสายอย่างไม่พอใจที่โดนมะนาวดูถูก

นวลซักอินทนนท์อย่างร้อนใจ
"ตามเรื่องวันเวลาที่คุณหญิงจะกลับมาได้หรือยัง" นวลถาม
"ยังเลยแม่" อินทนนท์บอก
"จะทำยังไงดีนะให้มาลัยใจอ่อนลงบ้าง"
"พาหนีไงแม่ ตามไม่เจอเดี๋ยวก็ปลง"
นวลตบปากลูกชาย
"พูดแบบนี้ได้ยังไง เราต้องให้เกียรติคนอื่น ไม่อย่างนั้นใครจะให้เกียรติเรา"
"ก็ล้อเล่นน่ะแม่ มีแต่ปาฏิหาริย์เท่านั้นแหล่ะที่จะช่วยได้"
เสียงมือถือนวลดังขึ้น นวลมองด้วยอาการตกใจที่เห็นเป็นเบอร์บ้านมาลัย
"มาลัยโทรมา เอายังไงดี" นวลถาม
"แม่ใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวหนูรับเอง" อินทนนท์จะรับ
นวลคว้ามือถือคืนมา "ไม่เอา เราน่ะปากไม่ดีชอบทำให้เสียเรื่อง แม่จะคุยเอง"
นวลตัดสินใจกดรับสาย "ฮัลโหล"

มาลัยคุยโทรศัพท์ทั้งที่ยังอุ้มตาหนูอยู่ในมือ
"พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญฉันอยากให้เธอกับหลานเธอมา เพื่อยอมรับความจริงสักที"
"เธอคิดจะทำอะไรน่ะมาลัย" นวลถาม
"ทำให้หลานฉันได้อยู่กับผู้ชายที่คู่ควรน่ะสิ"
นวลวางสายอย่างร้อนใจก่อนจะหันมาหาอินทนนท์
"มีเรื่องอะไรแม่" อินทนนท์ถาม
นวลมีสีหน้าเครียดมากแล้วก็ลุกขึ้น
"แม่ต้องทำอะไรสักอย่าง" นวลบอก
อินทนนท์งง "แม่จะทำอะไร"
นวลเดินเข้าไปในห้องแล้วเดินออกไปพร้อมสมุดป็อบอัพ
"แม่จะไปไหนน่ะแม่ แม่!”
อินทนนท์ต้องรีบวิ่งตามนวลไป

ลูกค้าเช็คบิลออกไปจากร้านของพอล พอลเอาเค้กเข้ามาไว้ในตู้ วันช่วยยกเค้กออกมาโดยยังมีลูกค้าบางส่วนนั่งอยู่ในร้านอีกสองสามโต๊ะ เสียงประตูเปิดเข้ามา วันกับพอลหันไปมองทางประตูก็ชะงักที่เห็นพิธานเข้ามาในร้าน
"พีท...แกมาที่นี่ทำไม" วันถาม
"นี่เป็นประโยคที่พี่สาวควรจะทักทายน้องชายงั้นเหรอ? ที่จริงผมก็ไม่อยากมาเหยียบร้านขนมสกปรกนี่ ถ้าไม่จำเป็น" พิธานว่า
"งั้นออกไปเลยครับ ร้านเราไม่บริการลูกค้าปากสกปรกเหมือนกัน" พอลบอก
พิธานมองหน้าพอล ทั้งสองคนมองกันแบบพร้อมจะกระโดดต่อยกันได้ทุกเมื่อ
"พีท...แกคงไม่มาถ้าไม่มีธุระใช่ไหม"
"พรุ่งนี้ผมจะหมั้น" พิธานบอก
พิธานยิ้มร้ายแล้วจะเดินไป
วันกระชากตัวพิธาน "เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมแกมาบอกพี่ตอนนี้”
"บอกแล้วพี่จะช่วยผมหรือเปล่า"
วันอึ้งไป
"พี่ไม่ต้องห่วงนะ ผมเตรียมงานทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่มีพี่ผมก็จัดการทุกอย่างเองได้"
"ถ้าสิ่งที่แกทำมันถูก พี่จะขัดขวางแกไหม" วันว่า
"ผมเคยทำสิ่งที่”ถูก” ในสายตาของพี่ด้วยเหรอ" พิธานถาม
"พีท แกเป็นผู้ชายที่พร้อมทุกอย่าง เป็นเจ้าของบริษัท หน้าตาก็ไม่ได้เป็นรองใคร แกมีโอกาสเจอผู้หญิงดีๆ อีกเป็นร้อย แกมีโอกาสเลือกอีกเยอะ"
"ผมต้องการลันตา"
"ทำไมต้องเป็นลันตา"
พิธานอึ้งเพราะตอบสิ่งที่อยู่ในใจไม่ได้
"แกไม่สมเพชตัวเองบ้างหรือไง วิ่งไล่ตามผู้หญิงที่เขาไม่ได้รัก" วันว่า
พิธานโกรธ "วันนี้ไม่ แต่วันหน้าไม่แน่ ...ของที่เป็นของผม มันก็ต้องเป็นของผมคนเดียว"
"ก็มั่นใจเกินไป..ของ ๆคนอื่น เจ้าของเขาต้องมาทวงคืน" พอลบอก
พิธานยิ้มร้าย "ให้มันมา ฉันจะรอ"
พิธานมองหน้าพอลเป็นการประกาศว่าให้บอกสิปาดันเลย วันสีหน้าเครียดมากจึงมองพอลว่าจะเอายังไงดี

สิปาดันเดินเข้ามาในห้องด้วยความร้อนใจ
"ว่าไงนะพอล...พรุ่งนี้! กี่โมง"
สิปาดันฟังแล้วกดวางสายก่อนจะกดโทรศัพท์อีกครั้ง เขารออย่างกระวนกระวายจนอีกฝ่ายรับสาย) "คุณลุงครับ...ผมมีเรื่องอยากจะขอให้คุณลุงช่วย"
สิปาดันเก็บเสื้อผ้าและข้าวของอย่างรีบเร่ง

อังรวบรวมความกล้าเดินเข้ามาตรงหน้ามาลัย
"น้องไม่เห็นด้วยที่คุณพี่จะบังคับหลานแบบนั้นค่ะ"
มาลัยมองนิ่งจนอังต้องกลืนน้ำลายที่เธออาจหาญพูดกับมาลัยแบบนั้น
"เคยมีสักครั้งไหม ที่สิ่งที่ฉันเลือกมันไม่เป็นผลดีกับยัยลัน" มาลัยถาม
"ไม่เคยค่ะ" อังพยายามเกลี้ยกล่อม "เรื่องเลี้ยงดู ให้การศึกษา ให้คำสอนสั่งมันเป็นสิ่งที่เราเลือกให้หลานได้ แต่การแต่งงาน ความรักเป็นเรื่องที่เราไม่ควรบังคับ หลานต้องตัดสินใจเองนะคะคุณพี่"
"หล่อนกำลังจะบอกฉันว่า อย่ายุ่งกับชีวิตของหลานใช่ไหม?” มาลัยถาม
อังลืมตัว "ใช่ค่ะ!" อังนึกขึ้นได้ "เอ๊ย! คือ น้องไม่อยากให้คุณพี่เอาความรักของหลานมาเป็นเครื่องมือ" อังนึกได้ว่าแบบนี้ไม่ดีแน่ "เอ๊ย...คือ เอาเป็นว่าปล่อยให้หลานตัดสินใจเองเถอะค่ะ"
"ไม่!”
อังระอา "คุณพี่คะ"
"ฉันเลี้ยงหลานฉันมาอย่างดี คนที่จะมาเป็นหลานเขยฉันจะต้องรักและคู่ควรกับหลานของฉันจริง ๆ"
"แล้วถ้าเราตัดสินใจผิด คนที่ตกนรกน่ะหลานนะคะคุณพี่”
มาลัยมองด้วยสายตากร้าวมาก "ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ หล่อนอยู่เฉยๆ"
อังมีสีหน้าเครียดเพราะไม่เห็นด้วยอย่างมาก ทันใดนั้นเสียงกริ่งก็ดังขึ้น
"ไปดูสิว่าใครมา"
อังหงุดหงิดแต่ก็เดินออกไป มาลัยมองตาม

อังเปิดประตูแล้วก็ชะงักที่เห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านคือนวล อังจะปิดประตูแต่นวลไม่ยอมจึงผลักประตูเข้ามา อังไม่ทันตั้งตัวจึงเสียหลัก นวลก้าวเข้ามาในบ้าน
นวลเรียก "มาลัย..มาลัย"
อังรีบวิ่งมาขวางไว้
"นี่... ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ" อังไล่
"อัง พี่ต้องคุยกับมาลัย เรื่องหลานๆ ของเรา"
"ยังไงคุณพี่ก็ไม่ยอมให้สิปากับยัยลันแต่งงานกันแน่"
มาลัยออกมาจากบ้าน "กลับไปซะ"
"มาลัย ฉันขอร้อง ให้โอกาสสิปาได้ไหม สิปารักหนูลันจริงๆ นะ" นวลบอก
"ไม่มีอะไรที่มันจริงหรอก เพราะคนที่เราเชื่อว่าจริงใจที่สุดมันยังหักหลังกันได้" มาลัยว่า
นวลสะเทือนใจ
"ฉันรู้ว่า คนผิดพูดอะไรมันก็ไร้ค่า ฉันถึงอยากให้เธอเห็น"
นวลส่งสมุดป๊อบอัพให้มาลัย
"สิปาดัน ลันตา เขาเกิดมาเป็นคู่กันตามความตั้งใจของเราสองคน สองบ้านรวมเป็นทองแผ่นเดียวกัน เธอจำได้ใช่ไหมมาลัย"
มาลัยเหวี่ยงสมุดทิ้ง "ออกไปจากบ้านฉัน”
นวลหน้าเสียแต่ยังพยายามพูด "ฉันรู้ว่าเธอต้องใช้เวลา ฉันเชื่อว่าเธอรักหลานอยากเห็นเขามีความสุขไม่ต่างจากฉัน ฉันเชื่อว่าเธอจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง"
มาลัยไม่สนใจ "ยัยอัง...ไล่ออกไป หรือไม่ก็แจ้งความซะ"
"ค่ะคุณพี่"
มาลัยเข้าบ้านไปอย่างไม่แยแส นวลอยากจะตามแต่อังมาขวางแบบพร้อมจะใช้กำลัง
"ออกไป!” อังไล่
"อัง...ไม่เห็นแก่พี่ก็เห็นแก่หลานๆ ได้ไหม" นวลไปหยิบสมุดป๊อบอัพขึ้นมาแล้วพยายามยัดเยียดใส่มืออัง "ให้มาลัยเขาดูให้ได้นะ ช่วยหลานๆ ด้วยนะ"
อังลังเลจะเปิดดู แต่เสียงมาลัยที่ยังยืนดูอยู่จากบนบ้านดังขึ้น "แม่อัง!”
อังสะดุ้งแล้วจำใจเดินไปที่ประตู
"ออกไป ไม่งั้นฉันจะฉีกไอ้สมุดบ้านี่เป็นชิ้นๆ เลย” อังว่า
"อย่านะ อัง พี่ไปแล้ว...”
นวลยอมเดินออกไปแต่ยังยืนอยู่หน้าบ้านอย่างอ้อนวอน
อังโยนสมุดออกไป "เอากลับไปด้วย"
"อัง...”
อังปิดประตู นวลร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด อังที่อยู่ในบ้านก็รู้สึกลำบากใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกัน

ลันตานั่งลงอย่างเครียด ๆ แพทกับมิ้งค์ดูงานตัวเองแบบเครียดเช่นกัน
"ถ้าไม่มัวแต่ไปเตรียมงานหมั้นให้หลานคุณสุ ป่านนี้ก็เสร็จไปนานแล้ว เป็นลูกน้องนะไม่ใช่ทาส!” แพทว่า
ลันตาผลักหัวเบาๆ "บ่น ๆ แล้วม็อคอัพของดรีมที่จะส่งให้คุณกาญจนา พี่นีตรวจเรียบร้อยแล้วใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ..." มิ้งค์นึกขึ้นได้ "แต่มิ้งค์ยังไม่ได้เก็บมาจากห้องประชุมเลยค่ะพี่ มัวแต่ยุ่ง ๆ" มิ้งค์จะลุก "เดี๋ยวมิ้งค์ไปหยิบให้นะคะ"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปหยิบเอง ทำงานไปเถอะ"
ลันตาเดินออกไปจากห้อง

พิธานนั่งดื่มอยู่ที่เก้าอี้ บนโต๊ะมีเอกสารบทความเรื่องท่องเที่ยวไทยของกีรติที่อธิปแนบโพสท์-อิทที่เขียนว่า “ผมตรวจทั้งหมดแล้วครับ จะส่งพิมพ์มะรืนนี้ เลยส่งให้คุณพิธานดูรอบสุดท้ายครับ” เอาไว้
พิธานเปิดโดยกรีดให้กระดาษมันกรีดไปโดยไม่ได้ดูเนื้อความในเอกสารเลย เขาโยนมันลงโต๊ะอย่างสิ้นความสนใจด้วยคำพูดของวันที่ยังวนเวียนอยู่ในหัวของเขา
"พีท แกเป็นผู้ชายที่พร้อมทุกอย่าง เป็นเจ้าของบริษัท หน้าตาก็ไม่ได้เป็นรองใคร แกมีโอกาสเจอผู้หญิงดีๆ อีกเป็นร้อย แกมีโอกาสเลือกอีกเยอะ"
"ผมต้องการลันตา"
"ทำไมต้องเป็นลันตา!” วันถาม
พิธานรู้สึกพลุ่งพล่านเพราะไม่อยากตื้อผู้หญิงที่ไม่สนใจตัวเอง แต่เขาก็ตัดใจจากลันตาไม่ได้ พิธานดื่มระงับความพลุ่งพล่านของตัวเอง
เสียงวันก้องอยู่ในหัวของเขา "แกไม่สมเพชตัวเองบ้างหรือไง วิ่งไล่ตามผู้หญิงที่เขาไม่ได้รัก"
พิธานรู้สึกอึดอัดและสมเพชตัวเอง เขาบีบแก้วในมือแตกก่อนจะจับขวดเขวี้ยงกำแพงแตกดังเปรี้ยง!

ลันตาที่กำลังเดินกลับมาพร้อมกับหนังสือม็อคอัพชะงักเพราะได้ยินเสียง เธอมองไปตามเสียง

พิธานทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ เขามองมือขวาที่ถูกบาดจนเลือดอาบอยู่ที่มือ พิธานบีบมือตัวเองแน่นแต่ความเจ็บปวดที่ฝ่ามือยังไม่เท่าความเจ็บปวดในจิตใจ
เสียงน้าวันดังก้องในหัว "ทำไมต้องเป็นลันตา! ทำไมต้องเป็นลันตา"
พิธานโมโห "โธ่เว้ย!”
พิธานปล่อยมือทิ้งลงพื้นให้เลือดหยดไปเหมือนคนไร้ความรู้สึก
ลันตาเข้ามาเคาะประตูห้อง เสียงเคาะประตูดังแต่พิธานยังไม่ขยับ ลันตาตัดสินใจเปิดประตูก็พบว่าประตูไม่ได้ล็อค ลันตาเปิดประตูเข้าไปในห้องก็เห็นเศษขวดที่แตกกระจายกับคราบน้ำที่เลอะพื้นห้อง เธอมองไปทางพนักเก้าอี้ที่หันหลังให้กับประตูเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ ลันตามองเห็นมือที่ปล่อยห้อยจากที่เท้าแขน โดยปลายมือมีน้ำไหลหยด ลันตาขยับเข้าไปใกล้ก็เห็นว่าเป็นเลือด เธอเดินเข้าไปใกล้จนเห็นว่าเป็นพิธานที่นั่งนิ่ง
"คุณพิธาน นี่มันเกิดอะไรขึ้น"
"ลันสนใจด้วยเหรอ?”
ลันตาหน้าตึง เธอหันหลังแล้วเดินออกไป พิธานยิ้มเยาะตัวเองเบาๆ กับความเกลียดชังที่ลันตามีให้เขา

ลันตาเดินเข้ามาในห้องอย่างหงุดหงิด เธอวางหนังสือม็อคอัพลงโต๊ธดังปึ้ง! แพทกับมิ้งค์หันมองลันตาว่าเป็นอะไร ลันตาเปิดลิ้นชักหยิบกล่องพยาบาลเล็กๆ ขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องไป แพทกับมิ้งค์มองตามไปอย่างงงๆ
"เป็นอะไรของมันเนี่ย" แพทงง

พิธานยังนั่งนิ่ง ลันตาเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับกล่องพยาบาล เธอวางกล่องลงบนโต๊ะตรงหน้าพิธาน พิธานมองนิ่งโดยไม่ขยับ ลันตาถอนใจแล้วคว้ากล่องกระดาษทิชชู่ไปลงนั่งข้างพิธานก่อนจะจับมือข้างที่เป็นแผลมาซับเลือดในมือ พิธานเหลือบมองลันตาที่ทำแผลให้เขาอย่างตั้งอกตั้งใจ

เหตุการณ์ในอดีต พิธานต่อยผนังไม้ดังปัง! พิธานมีสีหน้าแค้นมาก
"พีท...ถ้าที่โน่นมันอึดอัดนักก็กลับมาอยู่กับพี่ที่นี่เถอะ" เสียงวันพูด
"ผมจะกลับไปต่อเมื่อพี่ไล่ไอ้กาฝากนั่นออกจากบ้านเรา" พิธานบอก
"พี่ทำแบบนั้นไม่ได้ พีทควรจะมีน้ำใจกับพอลบ้าง"
"เลือกมาระหว่างผมกับไอ้พอล"
"พี่ไม่เลือกใครทั้งนั้น"
"พี่ต้องเลือก!”
"จำไว้ว่าที่นี่เป็นบ้านพีทเสมอ" วันวางสาย เสียงสัญญาณตู๊ดๆ
"พี่วัน พี่วัน!”
พิธานแค้นมาก เขาต่อยอัดกำแพงระบายความโกรธดังปัง! ปัง!
พิธานต่อยหมัดสุดท้ายจนกำแพงไม้ทะลุ เขาทิ้งตัวลงบนพื้นโดยไม่สนใจกับสิ่งรอบข้างนอกจากความเจ็บปวดที่เป็นปมในใจที่วันเห็นว่าพอลดีกว่าตนเองเสมอ พิธานนอนนิ่ง น้ำตาไหล ลันตายื่นหน้าเข้ามามองหน้าพิธาน
"เจ็บจนร้องไห้เลยเหรอพี่" ลันตาถาม
พิธานตกใจแล้วก็จะลุก ลันตาจับมือพิธานขึ้นมาดู
"โอ้โห….”
"อย่ายุ่ง"
พิธานจะดึงมือออก แต่ลันตาไม่ยอมปล่อย เธอคว้าขวดน้ำมาเทล้างแผลให้กับพิธาน
"อยากร้องก็ได้นะ" ลันตาบอก
พิธานกัดฟันนิ่ง
"ไม่เห็นต้องอายเลย ร้องไห้เป็นเรื่องธรรมชาติ ลันยังร้องบ่อยไป เจ็บก็ร้องพี่ เต็มที่เลย"
พิธานมองรอยยิ้มลันตาที่มองมาอย่างปลอบโยน แล้วเขาก็ร้องไห้ด้วยความรู้สึกสบายใจที่จะปลดปล่อยความเศร้า ลันตานั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างๆ โดยมองมือของพิธานที่จากกำแน่นๆ แล้วค่อยๆ คลายออก
มือพิธานกระตุกนิด ๆ เพราะลันตาใส่แอลกอฮอลล์ล้างแผล
ลันตาเงยหน้าขึ้นมองหน้าพิธาน "แสบหน่อยนะ"
ลันตาชะงักที่เห็นสายตาพิธานมองมา เธอมองมือพิธานที่ถูกพันด้วยผ้าเช็ดหน้าของลันตาอย่างพิจารณา
"เรียบร้อยแล้วค่ะ แล้วหายาใส่ด้วยนะพี่" ลันตากำชับ
พิธานยิ้มหล่อ "ขอบคุณนะ"
ลันตาโดนจ้องก็เขิน "ลันไปก่อนนะคะ" ลันตาจะลุกไป
พิธานคว้ามือลันตาไว้ "พรุ่งนี้จะมาดูพี่เตะบอลอีกไหม"
"เอ่อ..." ลันตาตอบไม่ถูก
"มุมข้างสนาม เหมือนทุกเย็นที่น้องมาไงครับ ลันตา"
ลันตาอาย "พี่รู้จักลันเหรอคะ"
พิธานยิ้มรับนิด ๆ
"ตัวแทนแข่งขันทุกงานของโรงเรียน หลานผู้อุปถัมภ์โรงเรียน นักเรียนดีเด่น...” พิธานบอก
"ลันเชื่อแล้วว่าพี่รู้จักลันจริงๆ ปล่อยมือลันเถอะพี่ เดี๋ยวใครมาเห็นมันไม่ดี"
"ปล่อยก็ได้ แต่ลันต้องตอบพี่ก่อน ว่าเป็นแฟนพี่ได้ไหม"
ลันตาตาโตด้วยความตกใจมาก เธออึ้งเพราะไม่อยากจะเชื่อ

อนุชิตเดินออกมาด้านนอก ลันตาเดินตามออกมาแอบฟังอนุชิตคุยอยู่ห่างๆ
"พาลูกกลับมานะอร...” อนุชิตพูด

อรขจีคุยมือถืออย่างใส่อารมณ์ประชดประชันสุดชีวิต
"คุณจะรู้ไปทำไม"
"อร!...”
"ลูกจะเป็นหรือจะตาย คุณก็ไม่เกี่ยว!”
"อย่าเอาชีวิตลูกมาประชดผมนะอร ถ้าคุณเลี้ยงลูกไม่ได้ก็พาเขากลับมา ผมจะเลี้ยงเขาเอง"
"ไม่มีทาง ลูกเป็นของฉัน! ฉันไม่ยกให้ใครทั้งนั้น!”
อรขจีกดตัดสายทิ้งทันที
อนุชิตเรียก "อร!... อร!...อร! โธ่เว้ย!”
อนุชิตหันกลับมาเจอลันตายืนมองอยู่
"ลัน...”
"คุณมีลูกแล้ว?” ลันตาถาม
อนุชิตจำต้องยอมรับ "ครับ...ชื่อเทรย์"
"เทรย์? เด็กผู้ชายใช่ไหม"
อนุชิตพยักหน้ารับ ลันตาสีหน้าเครียด
"ลัน...ผม...”
"ฉันต้องไปแล้ว"
"ลัน!”
ลันตาไม่ฟังแล้วก็รีบเดินออกไป อนุชิตเครียดจนจะบ้าที่อะไรๆ ก็ดูจะไม่เป็นไปอย่างใจสักอย่าง

ลันตาเดินกลับเข้ามา อังรีบเข้ามาหา
"ลัน...ไปไหนมา" อังถาม
"ลันสงสัยน่ะค่ะป้า"
"เรื่องอะไร"
"เทรย์กับตาหนู?
"เทรย์คือใคร?” อังถาม
"ช่างเถอะค่ะ แล้วคุณป้าจะให้ลันดูอะไรเหรอคะ"
อังกำลังจะหยิบสมุดป๊อบอัพจากกระเป๋าให้
เสียงพิธานเรียกดังขึ้น "ลันตา!”
พิธานเข้ามา อังชะงักแล้วไม่ได้ดึงสมุดออกมา
"รีบไปแต่งตัวเถอะครับ จะได้ฤกษ์แล้ว" พิธานจับมือลันตา "ทุกคนกำลังรอเราอยู่นะลัน"
พิธานดึงมือลันตาออกไป อังมองตามอย่างหัวเสีย
"อะไรกันนักกันหนา"

มาลัยมองพิธานที่ดึงลันตาเข้ามาในห้อง
"เพชร ขอชุดให้กับลันตาด้วย" พิธานพูด
ลันตาดึงมือออกจากมือของพิธานด้วยสีหน้านิ่ง
"พี่มีมาให้เลือกสองชุดนะ ลันจะใส่ชุดไหนดีจ๊ะ" เพชรถาม
ลันตายืนนิ่งไม่พูด เพชรเหวอ พิธานชี้ที่ชุดหนึ่ง
"ผมเลือกชุดโน้น ลันไม่มีปัญหาใช่ไหม"
ลันตาไม่ตอบและทำเหมือนพิธานเป็นอากาศ
พิธานโมโหที่ถูกเย็นชาใส่ "จัดการเปลี่ยนชุดได้เลย"
"ค่ะ....ลันทางนี้จ้ะ" เพชรบอก
ลันตายอมเดินตามเพชรไปด้วยสีหน้านิ่งมาก พิธานมองตามอย่างไม่พอใจที่ลันตาต่อต้านด้วยความเงียบ ทันใดนั้นมาลัยก็เดินเข้ามา
"คุณแต่งตัวเสร็จแล้วใช่ไหม" มาลัยถาม
"ครับ"
"ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณนิดหน่อย" มาลัยบอก พิธานมองว่ามีเรื่องอะไร

มาลัยเดินนำเข้ามาด้วยสีหน้าที่นิ่งมาก พิธานตามเข้ามาพลางมองมาลัยอย่างระมัดระวัง เพราะเขารู้สึกว่ามาลัยไม่ธรรมดา
"คุณเก่งนะ ที่ใช้เวลาสั้น ๆ แต่ก็จัดงานได้เกือบสมบูรณ์"
"ถ้าผมตั้งเป้าหมายไว้แล้ว มันจะต้องไม่พลาด" พิธานบอก
"กับทุกเรื่อง?” มาลัยถาม
"ครับ...ถ้าผมลงมือแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จะต้องดีที่สุดเสมอ"
"ลันคงโชคดีนะที่คนอย่างคุณเห็นค่า"
"สิ่งที่ผมมีจะทำให้ชีวิตของลันดีขึ้น เมื่อผมเลือกใคร ผู้หญิงคนนั้นจะกลายเป็นคนพิเศษ"
"ความจริง ลันก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ คนนึง"
"ผมจะทำให้ลันเป็นซัมวันที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก ทุกคนจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าลันคือผู้หญิงที่คู่ควรกับผม"
มาลัยมองพิธานนิ่ง
"ฉันดีใจนะที่ได้ยินความรักของคุณที่มีกับหลานฉัน"
มาลัยเดินกลับเข้าไปในห้อง พิธานยิ้มมองตามโดยไม่รู้ตัวว่าตอบผิดไปซะแล้ว

มาลัยเดินเข้ามามองลันตาที่กำลังนั่งทำผมด้วยสีหน้าที่ดูแย่มาก
มาลัยมองนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าเป็นเวลาแปดโมงครึ่งแล้ว ย่ามาลัยใช้ความคิดอย่างหนัก

สิปาดันมาถึงสุวรรณภูมิแล้วรีบลากกระเป๋าไปที่รถ สิปาดันดูนาฬิกาข้อมือเป็นเวลา 08.50 น.
"บ้าเอ๊ย!”
สิปาดันรีบขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว ที่กระบะรถมีที่คนร้าย 2 คนนั่งอยู่บนรถ รถกระบะแล่นตามสิปาดันไป

มะนาวยืนรออยู่ที่มุมหนึ่ง พิธานเดินเข้ามาหา
"มาที่นี่ทำไม" พิธานถาม
"ฉันอยากเห็นกับตาว่าลันตาหมั้นกับคุณเรียบร้อยแล้ว" มะนาวบอก
"ผมมีหน้าตาของคุณย่าเป็นตัวประกัน ลันไม่กล้าล้มงานนี้แน่"
"ยังไงสิปาก็ต้องมาแน่ๆ"
พิธานยิ้มร้าย "ถ้ามันมีปัญญานะ"
มะนาวมองพิธานว่าเขามีแผนอะไร

สิปาดันขับรถด้วยความเร็วแล้วคว้ามือถือมากดเปิดเครื่อง สิปาดันมองกระจกมองหลังก็เห็นว่ามีรถกระบะขับจี้ท้ายรถของเขา สิปาดันตัดสินใจเหยียบเร่งความเร็วหนี จู่ๆ รถกระบะก็เร่งความเร็วขึ้นมาปาดขวาง สิปาดันเหยียบเบรกสุดตัวดังเอี๊ยด! คนร้ายบนรถกระบะลงมา 2 คน ทั้งสองมีอาวุธติดมือด้วย สิปาดันมองอย่างรู้ว่าทั้งสองไม่ประสงค์ดีแน่
สิปาดันจะถอยรถ แต่ทันทีที่เข้าเกียร์ถอยมาได้นิดเดียว รถตู้ก็พุ่งเข้ามาขวางปิดทาง คนร้ายอีกสองคนลงมา สิปาดันเห็นท่าไม่ดีแน่จึงลงมาจากรถ
"พวกแกต้องการอะไร?” สิปาดันถาม
"เล่นมัน!”
คนร้ายทั้งสี่คนไม่เจรจาเข้าเล่นงานสิปาดันทันที สิปาดันรับมือกับทั้งสี่คนที่เข้ารุมยำเขาแบบไม่ยั้งมือ สิปาดันเพลี่ยงพล้ำถูกรุมเตะไม่ยั้ง

พิธานเข้ามาในงานที่เต็มไปด้วยคนที่มาร่วมงาน นักข่าวต่างพากันถ่ายรูป พิธานไหว้สวัสดีทุกคน เขาหันไปทางสุวิภา วันยืนอยู่โดยมีพอลยืนอยู่เป็นเพื่อน พิธานเดินเข้าไปหา
"สวัสดีครับคุณสุ ขอบคุณมากนะครับที่ให้เกียรติมาเป็นผู้ใหญ่ให้กับผม"
"เราก็คนกันเองนะคะ" สุวิภาบอก
"บางกรณีคนไกลที่ช่วยเหลือ ก็มีน้ำใจมากมายกว่าคนใกล้นะครับ"
วันมองพิธานอย่างสะเทือนใจ
"พวกใจบอดมักจะไม่เห็นความดีหรอกครับ เห็นแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง" พอลว่า
"ฉันไม่ได้เชิญแกมางานนี้" พิธานบอก
"ผมไม่แคร์ครับ อยากมาผมก็มา" พอลพูด
พิธานมองหน้าพอลอย่างไม่พอใจ
วันพูดแทรกกับสุวิภา "ฉันขอตัวไปดูแลแขกท่านอื่นก่อนนะคะ"
วันรีบดึงมือพอลให้ห่างจากพิธานกับสุวิภา
"ทำผม ผมทนได้ แต่มาด่าน้าแบบนี้ ผม......” พอลไม่พอใจ
"น้าไม่เป็นไร ...มีคนอื่นที่น่าห่วงกว่า" วันบอก

ประตูเปิด มาลัยกับอังพาลันตาในชุดไทยสวยงามเดินเข้ามา นักข่าวพากันถ่ายรูป มาลัยกับอังพาลันมาตรงพื้นยกสูงที่มีการจัดวางโซฟายาว โดยมีมาลัยนั่งกับสุวิภา ลันตากับพิธานนั่งที่พื้นตรงหน้ามาลัย ด้านหน้าเป็นโต๊ะเล็กๆ ที่จัดวางสินสอดทองหมั้น
ลันตามองไปรอบๆ เห็นแพท มิ้งค์ นวล อินทนนท์ที่นั่งรวมกับแขกที่มาร่วมงานแต่ไม่มีวี่แววของสิปาดัน ลันตาหันมองมาลัย มองพิธานอย่างรู้สึกสับสนเพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไงดี
มะนาวที่อยู่มุมหนึ่งคอยดูเหตุการณ์เพื่อให้มั่นใจว่าลันตาจะหมั้นกับพิธานเรียบร้อยดี พิธานมองไปทางอนุชิตอย่างยิ้มเยาะ อนุชิตแค้นจึงจะลุกแต่รัชนีดึงปรามเอาไว้

แพทกดมือถือโทรออก มิ้งค์ นวล อินทนนท์ พอล และกีรติเริ่มกระวนกระวาย
"โทรติดแล้วค่ะ"
ทุกคนพากันมองด้วยความหวัง
"รับสิวะ สิปา!” แพทลุ้น

ภายในรถของสิปาดันไม่มีร่างของสิปาดันอยู่ แต่โทรศัพท์กำลังสั่นเพราะสายของแพทที่โทรเข้ามา

งานหมั้นดำเนินไป พิธานยิ้มแย้มแต่ลันตาทำหน้านิ่งมาก สุวิภาเปิดสินสอดของหมั้นที่พิธานให้กับลันตาซึ่งเป็นทองแท่ง เพชร และเงินสดสองล้าน นักข่าวต่างถ่ายรูปด้วยความสนใจ ลันตาไม่แยแสกับสินสอดใด ๆ เลย สุวิภายื่นแหวนให้กับพิธาน
"ได้เวลาสวมแหวนแล้ว" สุวิภาบอก
พิธานจับมือลันตามาเพื่อสวมแหวนหมั้น ลันตาลืมตัวจึงกระตุกจะดึงมือกลับแต่พิธานยึดไว้แน่น
"ทุกคนกำลังมองเราอยู่นะ" พิธานบอก
ลันตามองไปที่แขกที่มาร่วมงานต่างมองมาที่ลันตากับพิธาน ลันตาต้องยอมปล่อยให้พิธานสวมแหวนหมั้นทั้งน้ำตาคลอ มาลัยกับอังเห็นว่าลันตาอยู่ในสภาพที่บีบคั้นและเสียใจมาก ๆ
"คุณพี่คะ...”
มาลัยเริ่มเครียด
แหวนถูกยื่นมาตรงหน้าลันตา
"ลัน...สวมแหวนให้คุณพิธานสิจ๊ะ พิธีจะได้เสร็จสมบูรณ์" สุวิภาบอก
มะนาวมองอย่างรอคอยให้เสร็จพิธี
อ่านต่อหน้าที่ 2


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 13 (ต่อ)
มิ้งค์เริ่มนั่งไม่ติดแล้วหันไปทางพอล

"ทำไมพี่ลันยอมให้สวมแหวน พี่ลันไม่ได้ดูสมุดนั่นแน่ๆ"
มิ้งค์จะเดินไป พอลดึงไว้
"คุณจะไปไหน" พอลถาม
"จะไปถามป้าอัง ถ้าพี่ลันยังไม่เห็น ฉันก็จะทำให้พี่ลันเห็นสมุดนั่น พี่ลันจะต้องรู้ว่าพี่สิปารักเขา"
"มิ้งค์ อย่าวู่วาม คิดถึงหน้าคุณย่าบ้าง" แพทว่า
"แล้วใจพี่ลันล่ะ มิ้งค์ทนไม่ไหวแล้ว" มิ้งค์บอก
พอลกับแพทต้องช่วยรั้งมิ้งค์ที่ดิ้นรนจะไปให้ได้ อินทนนท์กับนวลกระสับกระส่าย ลันตามองแหวนที่ถูกยื่นมาแล้วกำลังจะหยิบแหวน ทันใดนั้น ประตูถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับสิปาดันที่ก้าวเข้ามา
"ลัน!” สิปาดันเรียก
นวล อินทนนท์ กีรติ แพท มิ้งค์ และพอลดีใจมาก ทุกคนหันไปตามเสียงแล้วก็ต้องชะงักที่เห็นสภาพของสิปาดัน มะนาวตกใจที่เห็นสิปาดันมาจนได้
มาลัย อัง และลันตาอึ้งที่เห็นสภาพสิปาดันที่ถูกซ้อมจนหน้าตาเป็นรอยช้ำ สิปาดันตรงเข้าไปดึงลันตาให้ลุกขึ้น พิธานลุกตามทันทีก่อนจะคว้าแขนลันตาไว้ สิปาดันต่อยพิธานดังผัวะ! ทุกคนตกใจ
สิปาดันจะดึงลันตาไปแต่ลันตาขืนไว้ สิปาดันมองลันตาก็เห็นว่าลันตามองไปทางมาลัยด้วยความเกรงใจ
สิปาดันพูดกับมาลัย "ผมขอโทษครับคุณย่า แต่ผมจะไม่ยอมให้ผู้หญิงที่ผมรักหมั้นกับคนอื่นเด็ดขาด"
ฝ่ายของอินทนนท์ดีใจมาก
"มันต้องอย่างนี้สิ ลูกพ่อ!”
สิปาดันจะดึงลันตาออกไป
"เดี๋ยว!” มาลัยเรียกไว้
สิปาดันกับลันตาชะงัก
"ถ้าลันจะออกไปจากห้องนี้ ลันต้องยอมรับทุกอย่างที่จะตามมานะ" มาลัยบอก
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ลันตาปลดมือจากสิปาดัน สิปาดันอึ้ง พิธานกับมะนาวยิ้ม ทุกคนรอดูว่าลันตาจะตัดสินใจยังไง ลันตาเดินกลับไปหามาลัย
ลันตาตัดสินใจ "ย่าสอนลันเสมอว่า ชีวิตเราจะดีขึ้นหรือเลวลงขึ้นอยู่กับเส้นทางที่เราเลือกเอง สามสิ่งในชีวิตที่เราต้องเป็นคนเลือก การเรียน งานและความรัก...ครั้งนี้ลันขอเลือกนะคะคุณย่า"
ในห้องจัดเลี้ยงตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนรอการตัดสินใจของมาลัย
มาลัยยิ้ม "ถ้าวันนี้ถูกต้อง..พรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว"
ลันตาดีใจ "ขอบคุณค่ะคุณย่า”
ลันตาลุกขึ้นหันไปทางพิธาน
ลันตาถอดแหวนหมั้นออก "จบกันแค่นี้"
ลันตาวางแหวนวางลงบนพานใส่แหวน ลันตาจับมือสิปาดันแล้วจะเดินไป พิธานคว้ามือลันตาไว้
"ปล่อยหลานฉันซะ พิธาน! สองคนนี้เขาพิสูจน์แล้วว่าเขารักกันมากแค่ไหน เคารพการตัดสินใจของหลานฉันด้วย" มาลัยประกาศ "ฉันขอยกเลิกงานหมั้นในวันนี้ ต้องขอโทษแขกทุกคนด้วยนะคะ”
"ยกเลิกไม่ได้!” พิธานว่า
ทุกคนชะงัก พิธานมองมาลัยด้วยความโกรธ
"เราไม่ได้ตกลงกันไว้แบบนี้" พิธานบอก
"เธออยากจะจัดงานหมั้น ฉันก็อนุญาตให้จัด แต่เธอเอาชนะใจหลานฉันไม่ได้...เธอก็ควรจะยอมรับว่าเธอแพ้"
"แต่คุณย่าเกลียดไอ้สิปา แล้วทำไมถึงจะปล่อยลันไปกับมัน"
"เพราะหลานฉันเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ เขาต้องอยู่กับคนที่เขารัก ไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัวอย่างเธอ"
ลันตาสะบัดมือจากพิธานแล้วจับมือสิปาดันจะเดินออกไปจากงาน
พิธานเรียก "ไอ้สิปา!”
พิธานจะพุ่งเข้าไปหาแต่สิปาดันหันกลับมาชี้หน้าพิธาน
พิธานมองไปรอบ ๆ อึ้งกับทุกสายตาที่มองมา เห็นได้ชัดว่ามีแต่สายตาที่สมเพชทำให้พิธานแทบคลั่ง สิปาดันกับลันตาเดินออกไปจากห้อง
พิธานหันมาหามาลัย "คุณย่าตั้งใจจะให้ลันไปกับมันตั้งแต่แรก?”
"อย่าหาคำตอบว่าทำไมฉันถึงปล่อยลันไปกับใคร แต่ลองมองตัวเองสิว่าทำไมลันถึงไม่ยอมอยู่กับเธอ"
ทุกคนอึ้งกับคำพูดของมาลัย นวล อินทนนท์ และแก๊งค์เพื่อน ๆมองมาลัยด้วยความนับถือ
มะนาวกับพิธานมองสถานการณ์ที่พลิกผันด้วยความแค้น!

มาลัยเดินออกมาจากโรงแรม อังเดินตามออกมาสีหน้ายังงง ๆ มึน ๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"เดี๋ยวค่ะคุณพี่ คุณพี่ตั้งใจจะปล่อยยัยลันไปกับสิปาจริงๆ เหรอคะ"
"ฉันให้ยัยลันเลือกชีวิตตัวเองต่างหาก"
อังโผเข้าไปกอดมาลัย "คุณพี่น่ารักที่สุดเลยค่ะ สมกับเป็นพี่สาวของน้อง"
มาลัยพยายามดันอังออก "ยัยอัง!...รู้จักอายบ้างไหม คนเขามองกันใหญ่แล้ว"
"แหม...ทีเมื่อกี้หลานสาวตัวดีล้มงานหมั้นไม่เห็นคุณพี่จะอายเลย"
"คำนินทาสายตาของคนนอกไม่ได้สำคัญไปกว่าความสุขของคนในครอบครัว เอาชีวิตไปแขวนกับคำติฉินของคน มีแต่จมลงในปฏิกูล"
อังจะโผเข้ากอดอีกทีแต่มาลัยชี้หน้าทันที
"พอได้แล้ว ไปหยิบกระเป๋ามาจะได้กลับกันสักที"
"ค่ะคุณพี่รออยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวน้องจะรีบไปรีบมา"
อังรีบเดินออกไป มาลัยคิดแล้วถอนหายใจโล่งอก
เสียงนวลดังขึ้น "มาลัย....”
นวลกับอินทนนท์เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทั้งสองต่างก็ดีใจ
"ขอบคุณมากนะครับคุณป้า" อินทนนท์พูด
นวลจับมือมาลัยด้วยความดีใจ "ขอบใจจริง ๆที่เห็นแก่ลูกหลานของเรา"
นวลสบตามาลัยก็เห็นสายตาเย็นชาที่ไม่ได้ยินดีไปด้วยเลย มาลัยมองมือนวลที่จับอยู่ นวลสัมผัสได้ถึงความรังเกียจจึงปล่อยมือจากมาลัย
"ขอโทษนะ ฉันดีใจที่เรา...”
มาลัยตัดบท "ฉันเกลียดเธอ แต่ฉันจะอดทนเพื่อความสุขของยัยลัน ดังนั้นกลับไปยืนที่จุดเดิมของเธอ"
นวลถอยห่างจากมาลัยแบบอึ้ง ๆ กับคำของมาลัย
"คุณป้าครับ...อันที่จริงผมว่า" อินทนนท์พูด
มาลัยแทรก "คิดให้ดีก่อนจะพูดนะ คำพูดของแกอาจทำให้ฉันเปลี่ยนใจ"
อังเดินกลับเข้ามาพร้อมกระเป๋า
"คุณพี่คะ!" อังเห็นอินทนนท์กับนวลอยู่กันพร้อมหน้า "พวกนี้มารบกวนอะไรคุณพี่คะ"
"ถ้าเรียบร้อยก็ไปได้แล้ว" มาลัยพูดกับนวล "ถ้าไม่อยากให้ทุกอย่างพัง อย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก"
มาลัยเดินออกไป อังรีบเดินตาม
นวลสะเทือนใจ อินทนนท์มองตามมาลัยอย่างระอาในความดื้อของมาลัย

พิธานก้าวพรวด ๆ ไปด้วยความแค้น วันรีบตามมาด้วยความเป็นห่วง
"พีท! หยุดก่อน!”
วันคว้าแขนพิธาน พิธานจะกระชากให้หลุดแต่วันไม่ยอมปล่อย พิธานสะบัดสุดแรงโดยจังหวะเหวี่ยงหลังมือสะบัดเข้าหน้าวันจนวันล้มลงไปกับพื้น พิธานชะงักที่ทำร้ายวันโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ยังไม่ทันจะขยับพอลก็เข้ามาชกหน้าพิธานดังผัวะ!
พิธานโกรธ "ไอ้พอล"
พิธานพุ่งเข้าไปต่อย พอลที่เก็บกดมานานก็ใส่ไม่ยั้ง ทั้งสองต่อยกันไม่ยั้ง วันอึ้งเพราะทำอะไรไม่ถูก
พิธานกับพอลต่อยกันไม่ยั้ง วันพยายามจะห้าม แต่ทั้งสองคนเลือดเข้าตาเพราะเก็บกดมานาน จึงไม่มีใครยอมหยุด พิธานได้จังหวะกระชากพอลขึ้นมา
"ไอ้กาฝาก มึงกล้าต่อยกูเหรอ! ไอ้ชั่ว"
พิธานจะต่อย แต่เจอพอลสวนก่อนทำให้พิธานเซหลุดมา
"คุณไม่ได้ให้ชีวิตผมทำไมผมต้องกลัว!” พอลว่า
กีรติ แพท และมิ้งค์ที่เดินเข้ามาตกใจกับเหตุการณ์นี้ พอลเข้ามากระชากคอพิธานแล้วต่อยทันที
"น้าของผม ใครก็รังแกไม่ได้”
"พี่สาวกูไม่ใช่ญาติมึง เขาเป็นพี่กู สายเลือดเดียวกับกู จำใส่กะโหลก...ก้อนสวะอย่างมึงมีก็แค่ชีวิตไร้ค่าที่ไม่มีใครเอา!...คนอย่างมึงมันน่าสมเพช" พิธานว่า
พอลเจ็บปวดแต่ยังไม่ยอมจำนนกับคำเสียดแทงของพิธาน
"แน่ใจเหรอว่าเป็นผมที่ไม่มีใครเอา....แล้วใครที่ถูกผู้หญิงทิ้งกลางงานหมั้น"
"ไอ้พอล!”
"ใช้แผนเลวๆ ทำทุกวิถีทางผู้หญิงเขายังไม่เอา ใครกันแน่ที่มันทำตัวน่าสมเพช"
พิธานจะพุ่งเข้าไปหาพอล แต่กีรติเข้ามาล็อคตัวพิธานไว้ ส่วนมิ้งค์เข้ามาดึงพอลไว้
"พอได้แล้วคุณ" มิ้งค์บอก
"ไอ้เลวนี่มันตีน้าวัน ผมจะฆ่ามัน"
"คิดถึงใจน้าวันบ้างสิคุณ"
พอลชะงักแล้วหันไปมองวันที่แพทเข้าไปดูแล ใบหน้าวันมีรอยแดงจากที่โดนพิธานสะบัดมือใส่
"นั่นก็น้อง นี่ก็หลาน...” มิ้งค์พูด
พอลมองวันที่มองมาด้วยสายตาเสียใจกับสถานการณ์เพราะคนที่รักและห่วงใยทั้งคู่ทะเลาะชกต่อยกันเหมือนจะฆ่ากันให้ตาย พอลค่อย ๆสงบลงเพราะสงสารความรู้สึกของวัน ส่วรพิธานยังไม่ยอมหยุด เขาจะเข้ามาจัดการพอลให้ได้ วันคว้าอ่างแก้วที่ใส่น้ำลอยดอกไม้สวยงามมาสาดใส่พิธาน
"พี่บอกให้หยุด! เลิกบ้าได้แล้ว"
พิธานสะบัดตัวจนหลุดจากการล็อคของกีรติ
"ปล่อย!”
กีรติต้องปล่อยมือจากพิธาน พิธานเป็นอิสระมองหน้าทุกคนอย่างอาฆาต
"พีท...ฟังพี่ก่อนได้ไหม”
พิธานรู้สึกเจ็บแค้นจึงพูดเบาๆ กับวัน "ชีวิตผมไม่มีพี่สาวมานานแล้ว"
วันอึ้ง พิธานเดินออกไป ทุกคนได้แต่เห็นใจวันที่ได้แต่ยืนนิ่งด้วยความเสียใจ

อนุชิตยืนนิ่งอยู่ภายในห้องจัดงานที่ว่างเปล่า ภาพลันตาที่จับมือกับสิปาดันเดินออกไปย้อนกลับมา
อนุชิตได้แต่ถอนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น รัชนีเข้ามาวางมือบนบ่าอนุชิต
"ถ้าเจ้าของงานนี้เป็นผม สภาพก็คงไม่ต่างจากพิธาน" อนุชิตบอก
"ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนที่หัวใจตรงกัน" รัชนีบอก
"ผม....คงไม่มีวันได้ลันกลับมาแล้ว ผมไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนเท่ากับที่รักลัน ผมอยากอยู่กับเขา ผมอยากมีคนที่ผมรักแล้วเขาก็รักผม"
"แกมีลูก...สายเลือดของแก คนที่แกรักเขาโดยไม่มีข้อแม้ แล้วเขาก็พร้อมจะรักแก ยังไม่สายนะตานุที่แกจะกลับไปดูแลครอบครัวที่แกมี"
"แต่อร...”
"อาจะช่วยคุยกับอรอีกที ลองปรับเข้าหาคนในบ้านอีกสักตั้ง เลิกวิ่งไล่ตามคนนอกบ้านเถอะนะ"
อนุชิตเข้ากอดรัชนีโดยไม่มีคำตอบใด ๆ แต่การกระทำของเขาก็เหมือนยอมรับความคิดของรัชนีกลายๆ ธัญญาเรศที่ได้ยินทุกคำพูดโกรธและไม่ยอมให้อนุชิตมีความสุขง่าย ๆ

ใบหน้าพอลมีรอยช้ำ มิ้งค์ทายาให้
"เบาๆ หน่อยสิคุณ มือหรือคากิครับ หนักขนาดนี้"
มิ้งค์หมั่นไส้จึงขยี้เข้าที่แผลของพอลทำให้พอลร้องลั่น
"โอ้ย ๆ" พอลคว้าสองมือของมิ้งค์ไว้แล้วกระชากเข้าหาตัว "มันเจ็บนะคุณ!”
มิ้งค์โดนกระชากใบหน้าเข้ามาใกล้ แล้วทั้งคู่ก็ชะงักกันไปเล็กน้อย ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วต่างก็นิ่งกันไปครู่ใหญ่ แล้วมิ้งค์ก็ยกมือแตะที่รอยช้ำบนหน้าของพอลเบาๆ พอลชะงักไปเล็กๆ เขามองสีหน้ามิ้งค์ที่ดูเป็นห่วงเขามาก
มิ้งค์มองด้วยความรู้สึกเจ็บแทน "เจ็บมากไหม?”
"ตรงนี้มันไม่เจ็บเท่าไหร่....” พอลบอก
มิ้งค์ใช้สองมือประกบหูทั้งสองข้างของพอลแล้วลูบลงหลาย ๆครั้ง พอลงงว่าทำอะไร
มิ้งค์ยิ้ม "ล้างให้หมด ไอ้คำแย่ๆ เรื่องร้ายๆ พวกนั้นล้างให้หมด ดีลีทมันทิ้งซะ แล้วเมมอันใหม่เข้าไปแทน..แบบนี้"
มิ้งค์ดึงหูพอลให้เข้ามาใกล้อย่างอ่อนโยน
มิ้งค์กระซิบข้างๆ หูพอล "คุณมีค่าที่สุดสำหรับฉัน...คุณมีค่าที่สุดสำหรับฉัน"
พอลยิ้ม
"พูดอีกทีได้ไหม จะได้เมมไว้ชัด ๆ" พอลบอก
มิ้งค์ยิ้ม "คุณมีค่าที่สุด...”
มิ้งค์ยังพูดไม่ทันจบ พอลก็เอาแก้มขยับเข้าไปแตะปากมิ้งค์ มิ้งค์ตกใจ
"โอเค...เมมไว้ละ" พอลบอก
"ฉวยโอกาสเหรอ" มิ้งค์ดึงหูด้วยความหมั่นไส้ "นิสัยไม่ดี นี่ๆ ๆ"
"โอ้ยๆ ๆ ๆ ๆ นิดเดียวเอง...ขอโทษคร้าบ ขอโทษ เจ็บๆ ๆ"
พอลโดนดึงหูแต่หน้ายังยิ้มไม่หุบ มิ้งค์ดึงหูพอลไปหน้าตัวเองก็แดงไป

แพทพยายามกดมือถือโทรหาสิปาดัน กีรติถือจานเค้กมาวางไว้ให้
"สิปาไม่รับโทรศัพท์เลย" แพทบอก
"เขาอยู่ด้วยกันแล้ว ไม่ต้องห่วงแล้วล่ะคุณ ให้เวลาเขาอยู่ด้วยกัน" กีรติว่า
"ก็จริง"
"ดีใจไหมที่ลันกับสิปาเขาลงเอยกันสักที คุณก็กองเชียร์สิปานี่ กันท่าผมตังแต่แรก ๆ ด้วยซ้ำ"
"ดีใจสิ เพื่อนที่เรารักทั้งคู่มันรักกัน ฉันลุ้นมันมาเป็นสิบๆ ปีเลยนะ สิปาเป็นคนดีที่คู่ควรกับลันแล้ว"
"อย่างผมคงไม่คู่ควรกับเขาสินะ" กีรติถาม
"คุณก็มีดีแบบของคุณ" แพทบอก
"ไม่มีใครเห็นมันจะดียังไง"
แพทเผลอพูด "แต่ฉันเห็นนะ"
กีรติชะงักแล้วหันไปมองแพท แพทรู้ว่าตัวเองหลุดปากก็เปลี่ยนเรื่องแก้เก้อ
"เอากาแฟมะ" แพทถาม
กีรติยังเอาแต่มองแต่ไม่ตอบ
แพทพูดต่อ "เดี๋ยวฉันสั่งให้นะ"
แพทเขินเพราะทำหน้าไม่ถูกที่หลุดความในใจออกไป แล้วเธอก็ลุกไปเลย แพทรู้สึกเสียฟอร์มที่หลุดปากไป กีรติมองตามแพทแล้วก็เริ่มรู้ตัวว่าแพทสนใจเขา กีรติเริ่มมองแพทด้วยความสนใจ

สิปาดันกับลันตายืนอยู่บนเนินด้านหนึ่งที่เห็นเส้นทางรถไฟจากสองสายมาที่จุดรวมที่จะเปลี่ยนเป็นสายเดียว แล้วสิปาดันกับลันตาต่างก็นั่งข้างกันเงียบ ๆ
"แกพูดจริงเหรอ" ลันตาถาม
"เรื่อง”รัก”น่ะเหรอ" สิปาดันย้อนถาม
ลันตารู้สึกไม่มั่นใจว่าสิ่งที่สิปาดันรู้สึกกับตัวเองคือความรักจริง ๆ หรือเป็นแค่เพื่อนอยากช่วยเพื่อน
"ฉันคิดว่าแกพูดออกไปแบบนั้นเพราะ...แกแค่อยากช่วยฉันจากพี่พิธาน?” ลันตาบอก
สิปาดันขยับเข้าไปใกล้อย่างคาดคั้น "ทำไมแกถึงไม่เชื่อว่าฉันพูดเพราะรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ"
ลันตาโดนรุกก็ถอยด้วยการลุกขึ้นลงเดินไปที่รางรถไฟด้านหนึ่ง สิปาดันเดินบนรางรถไปที่มาจากอีกสาย ทั้งสองคนเดินคุยกันไป
"ก็...แกมีคนที่แกวางเขาไว้บนหิ้ง ผู้หญิงคนที่ทำให้แกไม่อยากจะจริงจังกับใครอีก....แล้วแกจะรักฉันได้ยังไง" ลันตาว่า
"ก็ฉันเพิ่งดึงเขาลงมาจากหิ้งมาเดินอยู่ข้างๆฉันนี่ไง" สิปาดันบอก
ลันตาหันไปมองสิปาดันอึ้งๆ
"ตั้งแต่วันที่เราเจอกัน สายตาของฉันไม่เคยอยากมองใครนอกจากแก" สิปาดันบอก
ลันตายังไม่มั่นใจ "แต่แกก็มีเมมเบอร์ มี...”
"ฉันพยายามจะหาคนมาแทนที่แก เพราะฉันกลัวว่าแกจะเห็นฉันเป็นแค่เพื่อน"
"แล้ว....”
สิปาดันหยุดตรงจุดที่รางรถไฟสองสายมาบรรจบกันเหลือเพียงสายเดียวที่จะไปต่อ
"ลัน...ฉันไม่รู้ว่าจะเอาอะไรการันตีในความรู้สึกที่ฉันมีต่อแก ตลอดเวลาฉันพยายามจะหนีความรู้สึกตัวเอง แต่ยิ่งฉันพยายามฉันถึงได้รู้ว่า...ฉันรักใครไม่ได้อีกแล้ว ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแกถึงจะเชื่อ"
ลันตามองแล้วตัดสินใจ "ฉันเชื่อ...”
สิปาดันมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
"ถ้าแกบอกให้เชื่อ ฉันก็จะเชื่อ" ลันตาว่า
"แล้วแกล่ะลัน"
"หืม...”
"แกรักฉันหรือเปล่า" สิปาดันถาม
ลันตาเขินที่จะพูดจึงบ่ายเบี่ยงเล็กน้อย
"แกรู้แค่ว่า มีแกเพียงคนเดียว ที่จะได้คำนี้ไปจากฉันก็พอ"
สิปาดันยิ้มแล้วยื่นมือให้กับลันตา
"พร้อมจะไปกับฉันไหม" สิปาดันถาม
ลันตามองมือขวาของสิปาดันที่ยื่นมา ลันตาวางมือซ้ายของตัวเองลงบนมือสิปาดัน ทั้งสองคนจูงมือไปด้วยกันบนรางรถไฟสายเดียวกัน

มาลัยกับอังกำลังเตรียมบ้านรอสิปาดันกับลันตาที่เพิ่งมาถึง สิปาดันกับลันตาจูงมือกันเดินเข้ามา
"คุณพี่คะ" อังเรียก
มาลัยเหลือบไปมอง สิปาดันกับลันตาเข้ามานั่งที่พื้นโดยคุกเข่าตรงหน้ามาลัย อังกับมาลัยมองทั้งสองคนว่าจะเอายังไง
สิปาดันพนมมือ "ผมขอโทษนะครับคุณย่า ผมทำให้คุณย่าต้องเสียหน้า ทำให้ลันต้องเสียหาย"
"แล้วจะมาแสดงความรับผิดชอบ" มาลัยถาม
"เปล่าครับ"
ทุกคนมองคิดในใจว่าอ้าว
"ผมไม่ได้เข้ามาหาคุณย่าเพื่อแสดงความรับผิดชอบ แต่ผมมาเพื่อขอโอกาสให้ผมรักและดูแลหลานสาวของคุณย่า ผู้หญิงที่ผมรักที่สุด"
ลันตาอดยิ้มปลื้มไม่ได้ มาลัยมองสิปาดันอย่างพิจารณา
"ทำไมฉันต้องยกหลานฉันให้เธอ" มาลัยถาม
"คำพูดของผมมันคงไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณย่าเชื่อ นอกจากผมขอใช้เวลาทั้งชีวิตของผมพิสูจน์ให้คุณย่าเห็นว่าผมคู่ควรกับลัน ถ้าคุณย่าอนุญาตผมจะขอให้ผู้ใหญ่ของผมมาสู่ขอลันให้ถูกต้อง" สิปาดันบอก
มาลัยนิ่ง สิปาดัน ลันตา และอังมองมาลัยลุ้นๆ แบบรอการตัดสินใจของมาลัย
"ฉันตอบไม่ได้หรอก" มาลัยบอก
ทุกคนเหวอ
"ก็ยัยลันเขาขอเป็นคนตัดสินใจ ก็ถามเจ้าตัวสิว่ายอมแต่งด้วยไหม" มาลัยพูด
สิปาดันหันไปมองลันตา ลันตาเขินแต่ก็พยักหน้า
"เป็นใบ้เลยหลานฉัน" อังว่า
"ไม่ตอบก็ไม่ต้องแต่ง" มาลัยว่า
ลันตาตกใจแต่ก็รีบตอบ "ตกลงค่ะคุณย่า"
สิปาดันยิ้มและยกมือไหว้ "ขอบคุณครับคุณย่า"
มาลัยมองหลานสาวแบบยิ้มนิด ๆ ทุกคนมีความสุข

ตกกลางคืน ลันตาเดินออกมาส่งสิปาดันที่หน้าบ้าน ทั้งสองคนอยู่ในบรรยากาศที่โรแมนติดกุ๊กกิ๊ก มาก ทั้งสองอมยิ้มกันไปมา สิปาดันจับมือลันตา ลันตาสะดุ้งเพราะว่าพอความรู้สึกเปลี่ยนก็เลยคิดและรู้สึกกับทุกสัมผัส ลันตาจะปลดมือสิปาดันออก
"อะไรของแก จะดึงมือหนีทำไม" สิปาดันว่า
"มันแปลก ๆ อ่ะ"
"แปลกตรงไหน เมื่อก่อนเวลาข้ามถนนฉันก็จับมือแกข้ามบ่อยไป"
"ก็เมื่อก่อนมันเพื่อนกัน...ฉันก็ไม่คิด...แต่ตอนนี้แกไม่ใช่เพื่อน"
"ไม่ใช่เพื่อน...แล้วเป็นอะไร" สิปดาันยิ้มกรุ้มกริ่มจะเอาคำตอบ
ลันตาเขิน "ถามแบบนี้แล้วจะตอบยังไงเล่า" ลันตาหันหน้าหนี
สิปาดันขยับเข้าใกล้แล้วจับคางบังคับให้ลันตาหันมา "ตอบสั้นๆ ไม่เห็นยากเลยเราเป็นอะไรกัน"
ลันตาโดนจ้องก็เขินหนัก “....แฟน..”
สิปาดันแกล้ง "อะไรนะ?”
ลันตาชักหมั่นไส้ "สนุกมากไหม แกล้งฉันเนี่ย"
สิปาดันยิ้ม "ฉันไม่ได้แกล้ง แต่ฉันอยากฟังให้ชัด ๆ จะได้มั่นใจว่ามันไม่ใช่ฝัน"
ลันตายิ้ม "แกไม่ได้ฝัน เราเป็นแฟนกันแล้ว"
สิปาดันยิ้มกว้าง ความรู้สึกรัก ความรู้สึกสุขใจฟูเต็มความรู้สึก สิปาดันขยับเข้าไปใกล้ลันตา ทั้งสองคนเคลิ้มจะจูบกัน เสียงกระแอมดังมาจากมาลัย
"นี่มันหน้าบ้านนะ...” มาลัยว่า
สิปาดันถอยห่างทันที ลันตากับสิปาดันมองมาลัยอย่างเขินๆ อังมองยิ้มๆ
"ความรักนี่มันดีนะคะคุณพี่ ถ้าเป็นรักดีๆ ก็ทำให้คนยิ้มได้" อังบอก
"พวกแอบรักมันก็ดีแบบนี้" มาลัยว่า
อังมองว่ามาลัยหมายความว่ายังไง
"แอบ ก็ไม่เปิดเผย ซ่อนตัว และไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบรับ จึงเป็นรักที่ไม่คาดหวัง ไม่ฝันถึงการครอบครอง วันที่ได้รับความรักจากคนที่รัก มันคือปาฏิหาริย์ที่อาจจะมีไม่กี่คนที่จะสมหวังแบบนี้"
"แบบนี้คือ รักแท้ใช่ไหมคะ"
"ถ้าเป็นตอนแรก ฉันคงพูดได้ไม่เต็มปาก เด็กสองคนเห็นกันมาตั้งแต่เล็ก บางทีอาจเป็นแค่ความผูกพัน"
อังนึกได้ "แบบนี้ใช่ไหมคะ คุณพี่ถึงต้องทำตัวกะโหลกกะลา..อุ๊บ!”
มาลัยมองตาเขียวปั้ด
"น้องหมายถึง ทำตัวเป็นปัญหาไม่ให้เขารักกันง่าย ๆ"
"ของที่ได้มาง่ายๆ มันจะมีค่าอะไรล่ะแม่อัง ถึงจะรักกันจริงๆ ก็เถอะ ความยากลำบากในวันนี้จะทำให้เด็กสองคนรักและหวงแหนรักแท้ที่ตัวเองต่อสู้จนได้มา"
"รักที่สมหวังทำให้เกิดสุขนี่มันสวยงามนะคะคุณพี่ แต่คนที่ผิดหวังก็คง...”
"พวกนั้นเป็นพวก “หลง” ...รัก" มาลัยว่า

มะนาวนั่งเหม่ออยู่ในมุมเงียบๆ ของร้านตามลำพัง
เสียงมาลัยพูดดังไปทั่ว "หลง ไปกับภาพมายาของความรัก จนคาดหวังที่จะต้องได้มา เมื่อเราหลงในกับดักของกิเลสในใจตัวเอง ความอยากได้มันจะเร้าให้เราต่อสู้และคิดแต่จะช่วงชิงให้ได้มา"
ภาพสิปาดันจับมือกับลันตาออกไปจากห้องจัดเลี้ยงแวบมาในหัวของมะนาว
มะนาวกำมือแน่นแบบไม่ยอมแพ้

อังหันมองด้วยความสงสัย
"แล้วอย่างตาพิธานล่ะคะคุณพี่"
"รายนั้นเป็นพวก “คลั่ง”รัก คลั่ง คือไม่มีสติ ไม่รับรู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี เห็นแต่ความต้องการของตนเอง"

พิธานยืนอยู่ริมสระว่ายน้ำบนตึกสูง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเคียดแค้น
เสียงมาลัยดังไปทั่ว "ทุรนทุรายกับการเอาชนะ หมกมุ่นกับการครอบครอง เรียกร้องให้ตนเองเป็นที่หนึ่ง รักที่เอาแต่เรียกร้องมีแต่จะผลักให้ความสวยงามของความรักห่างออกไป สุดท้ายก็ต้องทุกข์ทรมานที่ต้องไม่เหลือใคร"
พิธานทิ้งตัวลงในสระว่ายน้ำก่อนจะตะโกนระบายความเจ็บปวดที่ต้องพ่ายแพ้
"ฉันจะต้องไม่แพ้ ไม่!!”

อังพูดกับมาลัย
"แบบนี้ถ้าผิดหวังจะเป็นบ้าเอาง่าย ๆนะคะคุณพี่"
"เราเป็นบ้ากันได้ทุกคนนะ มันอยู่ที่เราจะเลือกรับมือกับความผิดหวังยังไง หยุดเพื่อทำใจยอมรับ หรือบ้าเลือดให้ถึงที่สุด"
"ขอให้พิธานเป็นอย่างแรกเถิด เพี้ยง! น้องล่ะกลัวแทนหลานจริงๆ มารเยอะเหลือเกิน"
"ถ้าฉันยังอยู่ ฉันจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำลายความสุขของหลานฉันแน่นอน"
"น้องจะช่วยด้วยอีกแรงค่ะ"
ทั้งสองมองไปที่สิปาดันกับลันตาที่ยังไม่ยอมห่างจากกันง่ายๆ

"ฉันกลับก่อนนะ" สิปาดันพูดกับมาลัยแบบยังอาลัยอาวรณ์
"เออ...” ลันตารับคำสั้นๆ
สิปาดันจะเดินออกไป ลันตานึกได้ว่าตัวเองพูดห้วนไปด้วยความเคยชินก็ส่งเสียงเรียก
"สิปา!”
สิปาดันชะงักหันกลับมา
"แก..." ลันตาขัดเขินเล็กน้อยที่ต้องพูดหวาน "ขับรถกลับบ้านดี ๆ นะ"
สิปาดันยิ้มก่อนจะวางมือบนหัวลันตาแล้วโยกเบาๆ "พูดทุกอย่างเหมือนเดิมเถอะฉันรักที่แกเป็นแก...ถ้าแกเปลี่ยน..เดี๋ยวฉันเปลี่ยนใจนะ"
ลันตากระชากคอเสื้อสิปาดันทันที
"อยากตายก็ลอง...”
สิปาดันพูดตาหวานมาก "ตาย...คาอกได้ไหม"
ลันตาเหวอ "หืม...ไอ้สัปดน...ไอ้บ้า"
สิปาดันหัวเราะก่อนจะกระเด้งตัวหนีจากมือลันตาที่เหวี่ยงใส่ สิปาดันส่งจูบให้อย่างล้อเลียนแล้วรีบเผ่นออกไป
ลันตาเขินมาก "ไอ้...”
พอสิปาดันเดินออกไป ลันตาก็ยืนยิ้มจนแก้มแทบแตก
ลันตาเดินกลับเข้ามาเห็นมาลัยกับอังมองยิ้มๆ
"ยิ้มอะไรกันอยู่คะคุณย่า คุณป้า"
มาลัยกับอังหันไปมองลันตา ลันตายิ้มกว้าง
"มันคุ้มเหนื่อยใช่ไหม แม่อัง" มาลัยถาม
"ค่ะคุณพี่" อังตอบ
มาลัยกับอังมองหน้ากันยิ้มๆ อย่างมีความสุข ลันตางงนิด ๆ ว่าทั้งสองยิ้มอะไรกัน

มาลัยกล่อมตาหนูที่นอนหลับสนิท ลันตาเปิดประตูเบาๆ เข้ามาหามาลัย มาลัยมองว่าลันตามีอะไร ลันตาขยับเข้ามากราบที่ตักของมาลัยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาในสภาพน้ำตาคลอ
มาลัยยิ้มนิด ๆ ก่อนจะลูบหัวลันตา "มาขี้แยกับย่าแบบนี้จะเอาอะไร..เจ้าตัวยุ่ง"
"ลันขอโทษนะคะคุณย่า เรื่องที่ลันโกหก เรื่องวันนี้ที่ลันทำให้คุณย่าต้องเสียหน้า เลือกสิปาทั้งที่รู้ว่าคุณย่าลำบากใจเรื่องย่านวล...”
"รู้ไหมว่าเพราะอะไรย่าถึงยอม....” มาลัยถาม
ลันตาเงยหน้าอย่างรอฟัง
มาลัยพูดต่อ "เพราะลันเป็นหลานย่า...ถึงจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่วันเวลาที่ย่าเลี้ยงดูลันมา สิ่งเดียวที่ลันจะเป็นได้ในชีวิตของย่าคือ หัวใจของย่า จำไว้ว่าย่ากับป้าอังคือครอบครัวของลัน ใช่ไหมแม่อัง"
อังที่ยืนฟังอยู่หน้าห้องจำต้องเปิดประตูเข้ามา
"แอบฟังจนเป็นนิสัยนะเราน่ะ" มาลัยต่อว่า
"น้องห่วงหลานนี่คะ เห็นมายืนด้อมๆ มองๆ ประตูหน้าห้องคุณพี่ตั้งนาน" อังบอก
ลันตายิ้ม "ลันเข้าใจแล้วค่ะคุณย่า"
มาลัยกับอังมองลันตาว่าหมายความว่ายังไง
"ขอบคุณนะคะที่เลี้ยงดูและยอมให้ลันเป็นครอบครัว ลันรักคุณย่ากับคุณป้าที่สุดเลยค่ะ"
ลันตากอดมาลัยกับอังด้วยความรัก
"ลันสัญญาค่ะว่าลันจะดูแลคุณป้ากับคุณย่าตลอดไป ขอบคุณนะคะ"
มาลัยกับอังกอดลันตาด้วยความรัก

อังเดินมาส่งลันตาที่ห้องนอน
"ขอบคุณนะคะป้าอัง"
อังมอง "มีความสุขมากใช่ไหม"
ลันตายิ้มเขิน "ก็ลันไม่คิดว่าตัวเองจะฟลุ๊คขนาดนี้นี่คะ ลันเคยอยากรู้นะคะว่าความรัก หน้าตามันเป็นยังไง พอลันเริ่มรัก ลันก็ไม่แน่ใจว่าสิปาจะรู้สึกเหมือนกันไหม จนถึงตอนนี้ ลันก็ยังไม่มั่นใจนะคะป้า ว่าที่สิปารู้สึกในวันนี้จะมั่นคงไปอีกนานแค่ไหน แต่ลันก็อยากเสี่ยง"
อังยิ้ม "มันจะเป็นการเสี่ยงที่คุ้มที่สุด"
ลันตามองว่าทำไมอังถึงมั่นใจนัก

ลันตามองสมุดป๊อบอัพในมือ
เสียงอังที่พูดกับเธอก่อนหน้านี้ดังในหัว "คำตอบอยู่ในนี้จ้ะ"
ลันตาเปิดสมุดป๊อบอัพก็เห็นรายละเอียดที่อยู่ในสมุด แต่ละภาพที่สิปาดันเก็บรายละเอียดในแต่ละช่วงชีวิตของเธอกับสิปาดัน หน้าท้ายๆ เป็นภาพลันตากับตาหนู ภาพสิปาดัน ลันตา กับตาหนู เหมือนเป็นครอบครัว ลันตาน้ำตาร่วงด้วยความตื้นตันใจ
เสียงสิปาดันดังในหัวลันตา "แต่ยิ่งฉันพยายามฉันถึงได้รู้ว่า...ฉันรักใครไม่ได้อีกแล้ว"
ลันตานอนลงกอดสมุดแนบตัวด้วยความปลื้มใจ

สิปาดันนั่งยิ้ม อินทนนท์เข้ามาเบิ๊ดกะโหลกสิปาดันจากด้านหลังเบาๆ
"โอ้ย! พ่อตีผมทำไม"
"เรียกสติ ให้รู้ตัวว่าไม่ได้ฝันอยู่" อินทนนท์ดึงแก้มลูกชายแรงมาก "แกตื่นอยู่ มันเป็นความจริง"
สิปาดันนิ่งแล้วเข้ามากอดอินทนนท์ "มันเป็นความจริง จริงๆ ด้วย"
"เฮ้ยๆ ๆ ๆ ไอ้สิปา" อินทนนท์ดันหน้าสิปาดันออกห่าง "คุมสติบ้าง เดี๋ยวเป็นบ้าไปจะไม่ได้แต่งงาน"
สิปาดันหันมาหานวล "ย่าครับ พ่อแช่งผมไม่ให้แต่งงาน"
นวลหยิกอินทนนท์ "พูดแบบนี้ได้ยังไง หลานใจเสียหมด"
"เข้าข้างกันเข้าไป....รักลูกหลานไม่เท่ากัน"
"แน่นอน” นวลบอก "ก็หลานแม่หาสะใภ้ได้ถูกใจ เดี๋ยวสมบัติของเจ้านนท์ย่าจะให้โอนมาเป็นสินสอดให้หมดเลย ย่าทุ่มเต็มที่"
"อ้าว....ของใครของมันสิแม่ ให้มันหมดแล้วหนูล่ะ"
"ก็หาใหม่สิ แค่นี้ให้ลูกไม่ได้หรือไง" นวลว่า
"ให้ทั้งชีวิตยังได้เลย ไอ้ลูกบังเกิดเกล้า!”
สิปาดันยิ้มๆ แล้วนอนตักย่านวล
"ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมกับลัน เราจะรักกัน" สิปาดันบอก
นวลลูบหัวสิปาดันด้วยความสุขที่เห็นสิปาดันสมหวัง อินทนนท์มองยิ้มๆ อย่างมีความสุขมากไม่ต่างกัน

เช้าวันใหม่ ลันตาที่แต่งตัวเรียบร้อยเพื่อจะไปทำงานเจอมาลัยกับอังที่กลับมาจากการตักบาตร
"ลันไปทำงานก่อนนะคะคุณย่า"
"ระวังตัวนะลูก" อังบอก
มาลัยกับลันตาหันมองอัง
"ไม่ได้ลืมกันใช่ไหมคะว่าพิธานน่ะเจ้านายหลานเรา ถ้าเกิดโดนกลั่นแกล้ง" อังเป็นห่วง
"ก็จะได้รู้กันว่าพิธานแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้" มาลัยว่า
"ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ลันก็จะไม่ทน คนมีความสามารถไม่อดตายจริงไหมคะคุณย่า"
"หลานฉันมันต้องแบบนี้ ถ้าวันนี้ถูก พรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว"
ลันตายิ้มขอบคุณสำหรับกำลังใจ

ลันตาเดินเข้ามาที่หน้าออฟฟิศ เธอชะงักคิดเล็กน้อยแล้วก็ก้าวเข้าไปที่หน้าออฟฟิศด้วยความมั่นใจพร้อมที่จะเผชิญกับทุกเรื่อง แต่พอก้าวเข้ามาถึงก็ชะงักที่เจอแพทยืนรออยู่
"มายืนทำอะไร ไม่เข้าออฟฟิศล่ะ" ลันตาถาม
"ฉันเตรียมไอ้นี่มาให้" แพทบอก
แพทส่งหนังสือพิมพ์สมัครงานให้กับลันตา
"เมื่อวานจัดหนักขนาดนั้น วันนี้เดินเข้าไปอาจเจอซองขาวก็ได้นะ" แพทบอก
"เมื่อเราเลือกแล้วก็ต้องยอมรับผลของการตัดสินใจ กลัวที่ไหน"
แพทยิ้ม
"พูดเลยนะว่าถ้าแกไม่อยู่ ฉันตาม"
ลันตายิ้ม "ขอบใจ"
สองสาวตีมือกัน ทั้งสองคนเดินเข้าไปในออฟฟิศ

ติ๊ดตี่เม้าท์เสียงดังมากอยู่กับเพชร และพนักงานคนอื่น ๆ ที่กำลังดูข่าวหนังสือพิมพ์หน้าสังคม
"ตายๆ ๆ คุณพิธานดังกระหึ่มเลยค่ะ คู่หมั้นสาวหนีตามผู้ชายอื่นกลางงานหมั้น"
"คุณพิธานคงเสียใจน่าดู ไม่น่าเลย" เพชรว่า
"งานเมื่อวานเล่นเอาเงิบไปตามๆ กัน คุณสุวิภาเหวี่ยงยันกลับเลยจ้า...”
เสียงสุวิภาดังขึ้น "จับกลุ่มคุยอะไรกัน"
ทุกคนสะดุ้งแล้วหันไปเจอสุวิภาที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าบึ้งตึงมาก
"ยังกล้ามาทำงานอีกเหรอ" สุวิภาว่า
"ลันแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ค่ะ" ลันตาบอก
"เพราะเธอทำเรื่องบ้า ๆ เมื่อวาน ฉันถึงเดือดร้อน" สุวิภาบอก
"คุณสุเดือดร้อนเรื่องอะไรเหรอคะ" ลันตาย้อนถาม
"ก็สัญญา..”
พิธานพูดขัดขึ้น "สวัสดีครับคุณสุ"
สุวิภาชะงัก ทุกคนนิ่งเงียบที่เห็นพิธานเดินเข้ามา
ลันตามองพิธานที่ดูนิ่ง ทุกคนเกร็งว่าพิธานจะว่ายังไง
พิธานยิ้ม "วันนี้ผมขอให้ทางลาเบลกับดรีมมารายงานความคืบหน้าในการทำงานของทั้งสองทีม อีกครึ่งชั่วโมงขอให้พร้อมกันที่ห้องประชุมคุณสุ ผมขอเชิญที่ห้องทำงานผมนะครับ"
พิธานเดินออกไป สุวิภาเดินตามไป ทุกคนมองตามด้วยอาการแปลกใจมาก

แพทกับลันตาเดินไปที่ห้องทำงาน
"ฉันคิดว่าคุณพิธานจะกระโดดกัดคอแก หรือพูดอะไรที่มันเจ็บๆ ถ้าไม่เสียใจจนเพี้ยนก็คงทำใจได้แล้ว หรือแกว่าไงวะลัน" แพทถาม
ลันตากังวลเพราะยิ่งเห็นท่าทีแบบนี้ของพิธานเธอก็รับมือไม่ถูก"ฉัน...”
เสียงอนุชิตดังขึ้น "ไม่ได้พาลูกฉันไปด้วยเหรอ"
ลันตาชะงัก พลอยทำให้แพทต้องหยุดไปด้วย
"มีอะไร" แพทถาม
ลันตาเอามือปิดปากแพทให้เงียบ แล้วขยับไปตามทิศทางเสียงที่ได้ยิน ลันตาเห็นอนุชิตส่งซองเงินให้กับนักสืบแล้วเดินออกไป ลันตาคิดแล้วจะเดินตาม
แพทเอ่ยถาม "จะไปไหน?”
"แกไปเตรียมงานนะ เดี๋ยวฉันตามไปที่ห้องประชุม" ลันตาบอก
ลันตาเดินตามไปทันที แพทมองตามด้วยความสงสัย

อรขจีที่คุยโทรศัพท์ตกใจที่อนุชิตรู้เรื่องแล้ว
"นุพูดอะไรบ้า ๆ ลูกอยู่กับอรที่นี่" อรขจีพูด
อนุชิตหัวเสียมาก
"โกหก! ภาพที่ผมได้มา คุณอยู่คนเดียวตลอดเวลา ไม่ได้มีเด็กอยู่ด้วย"
"คุณจ้างนักสืบ?” อรขจีถาม
"ผมอยากรู้ว่าลูกเป็นอยู่ยังไง คุณเอาลูกไปไว้ที่ไหน ทิ้งลูกไว้กับใคร"
"ฉัน...”
"บอกผมมาเดี๋ยวนี้!”
"อย่ามาสั่งฉันนะ ตาเทรย์อยู่กับคนที่ไว้ใจได้ ลูกฉัน ฉันจัดการเองได้"
อนุชิตคิดในใจว่าในที่สุดก็ยอมรับ "อร! นี่มันลูกของเรานะ คุณทิ้งลูกไว้กับคนอื่นได้ยังไง" อนุชิตโกรธ "คุณมันไม่ควรเป็นแม่คน" อนุชิตพยายามสงบสติ "บอกผมมาลูกอยู่ที่ไหน ผมจะไปรับลูกกลับมา”
"ลูกฉัน ฉันจัดการเองได้ อย่ามายุ่ง" อรขจีว่า
"ไม่เป็นไร ผมจะตามหาลูกให้เจอ คุณเตรียมกลับมาเซ็นใบหย่าก็พอ"
อนุชิตวางสายด้วยความโมโห
อรขจีกรีดร้องด้วยความขัดใจ
"ฉันไม่ยอมให้คุณเอาลูกไป ไม่ยอม!”
ส่วนทางอนุชิตก็หัวเสีย "บ้าเอ๊ย!”
ลันตาที่ยืนอยู่ที่หน้าห้องอึ้งที่รู้เรื่องทุกอย่างและมั่นใจว่าตาหนูเป็นลูกของอนุชิต

สุวิภาเดินมากับพิธานตามทางเดิน โดยที่สีหน้าของสุวิภาดีขึ้น
"ขอบคุณนะคะที่คุณไม่ยกเลิกสัญญาของเรา" สุวิภาบอก
"คุณสุให้ความช่วยเหลือผมมาตลอด ถึงมันจะมีเหตุสุดวิสัยก็ไม่ใช่ความผิดของคุณสุนี่ครับ" พิธานว่า
"ยินดีมากค่ะ น่าเสียดายจริง ๆที่ลันตาหลงผิดไม่เลือกคุณ"
พิธานกับสุวิภาเดินเลี้ยวมาเจอลันตา ทั้งสองฝ่ายต่างก็ชะงักกันไป ลันตามองหน้าสุวิภากับพิธาน
"ฉันมีธุระต้องคุยกับคุณนี แล้วเจอกันที่ห้องประชุมนะคะ" สุวิภาบอก
สุวิภาชิ่งหนีออกไปก่อน ลันตาจะเดินไป
พิธานเรียกไว้ "ลัน...”
ลันตาชะงัก
"ลันอยู่ในใจพี่เสมอ...ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันจนถึงวันนี้"
ลันตามองพิธานที่สายตาบอกถึงความต้องการที่ต้องการหัวใจของลันตาเป็นการตอบสนอง ลันตาอึดอัดจึงไม่ตอบอะไรแล้วเดินจากไป พิธานมองตามด้วยสายตาที่ไม่ยอมแพ้

ธัญญาเรศพยายามกดมือถือโทรหากิ๊ก แต่กิ๊กไม่รับสาย ธัญญาเรศหงุดหงิดมาก ติ๊ดตี่เดินเข้ามา
"ติ๊ดตี่ ได้คุยกับกิ๊กบ้างไหม"
"ไม่ได้คุยเป็นอาทิตย์แล้วค่ะ ไม่รับสายไม่โทรกลับ"
"หายหัวไปไหนนะ แล้วเตรียมงานสำหรับประชุมหรือยัง"
"เรื่องคุณอเล็กซ์ นายแบบงานของคุณกาญจนา ติ๊ดตี่โทรกลับไปคอนเฟิร์มอีกครั้งเพื่อความชัวร์....แต่"
ธัญญาเรศมองว่าทำไม
ติ๊ดตี่มีสีหน้าลำบากใจ

ลันตา พิธาน แพท รัชนี ธัญญาเรศ และติ๊ตตี่อยู่ในห้องประชุม
สุวิภาหัวเสีย "ไหนเธอบอกว่าเขาตกลงที่จะรับงานถ่ายแบบของเราแน่นอน แล้วทำไมตอนนี้ถึงบอกว่าเขาไม่คอนเฟิร์ม"
อนุชิตเดินเข้ามา
ธัญญาเรศแจกแจง "เราติดต่อเขาไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเขายังบอกว่ามีคิวว่าง"
อนุชิตพูดแทรก "ไม่ใช่ว่านายแบบไม่มีคิวว่างหรอกครับ แต่เขารับงานของคุณกาญจนาไปแล้ว"
ทุกคนงงว่าหมายความว่ายังไง
อนุชิตพูดต่อ "คุณวาณีโทรมาแจ้งว่าทางเทรนด์แม็กกาซีนส่งงานเข้าไปเสนอคุณกาญจนา คอนเซ็ปท์เหมือนเราทุกอย่าง แม้กระทั่งตัวนายแบบ"
รัชนีตกใจ "เป็นไปได้ยังไง"
"นี่เป็นเอกสารของทางเทรนด์ที่คุณวาณีส่งมาให้เราดูครับ"
"รายละเอียดมันเหมือนกันเกินไป" รัชนีว่า
อนุชิตพูดต่อ "เราถูกก็อปปี้"
"แล้วทางคุณกาญจนาว่ายังไง" พิธานถาม
"ตอนนี้ทั้งทางเราและทางเทรนด์ต่างก็สูสีกันทั้งคู่ แต่เราส่งคอนเซ็ปท์เข้าไปหลังเทรนด์ มีเปอร์เซ็นต์สูงที่ทางเทรนด์จะได้ไปครับ"
"ข้อมูลของเรารั่วไปได้ยังไง" พิธานถาม
"นอกจากญ่ากับพี่นีที่จะได้เห็นรายละเอียดทั้งหมดก็มีแค่คุณนุ" ธัญญาเรศบอก
อนุชิตหัวเสีย "ผมจะทำไปเพื่ออะไร"
"นั่นสิคะใครจะทำลายหน้าที่การงานของตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องส่วนตัว"
ทุกคนมองอนุชิต อนุชิตโกรธที่จู่ ๆ ก็โดนเขี่ยประเด็นว่าเขาขายข้อมูลเพราะเป็นคู่แข่งกับพิธาน
รัชนีพูดต่อ "ดิฉันว่าที่เราต้องทำเร่งด่วนตอนนี้คือแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด"
"ตอนนี้ญ่าโนไอเดียค่ะ เพราะวิธีแก้ปัญหาของญ่าคงไม่มีความหมาย"
"แต่มันเป็นความรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ของเธอ" สุวิภาว่า
"ถึงญ่าจะมีตำแหน่งเป็นบ.ก. แต่เราก็รู้ดีว่าอำนาจการบริหารทั้งหมดอยู่ในมือพี่นี พี่นีเป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง แต่ถ้าจะให้ญ่าช่วยแก้ปัญหา ญ่าว่าต้องสู้เรื่องค่าตัว ให้นายแบบในราคาที่สูงกว่าอีกฝ่าย เพราะสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ คือการร่วมงานกับนายแบบที่ลูกค้าชื่นชอบ"
"ตื้นเกินไป!” พิธานว่า "ถึงจะได้งานมา แต่เราจะถูกพูดได้ว่าก็อปงานคู่แข่ง ถ้าเราจะได้งานนี้มาต้องเป็นการชนะด้วยไอเดียที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ อนุชิตแจ้งไปทางคุณวาณีว่าเราจะขอพรีเซ้นต์งานกับลูกค้าอีกครั้ง" พิธานมองไปทางรัชนีกับอนุชิต "เราต้องได้ลูกค้ารายนี้มา ไม่อย่างนั้นคุณในฐานะผู้บริหารต้องรับผิดชอบ"
รัชนีกับอนุชิตอึ้งๆ ธัญญาเรศยิ้มสะใจ ลันตากับแพทมองหน้ากันอย่างเป็นห่วงรัชนีที่ตกอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก

ธัญญาเรศนั่งลงด้วยความสะใจ
"พี่ญ่าเริ่ดมากเลยค่ะ โยนภาระทั้งหมดให้พี่นีกับคุณนุแบกรับไปเต็ม ๆ" ติ๊ดตี่ชม
"ติ๊ดตี่ติดต่อกิ๊กให้ได้ วันที่เข้าไปพรีเซ้นต์กับลูกค้ามันต้องไม่ใช่แค่ลาเบล เข้าไปเจ้าเดียว ถึงวันนั้นฉันจะขยี้ให้นังรัชนีมันต้องกระเด็นจากตำแหน่ง" ธัญญาเรศบอก
ธัญญาเรศมีสีหน้ามุ่งมั่นมาก


อนุชิตตบโต๊ะดังปังด้วยอาการหัวเสีย "โธ่เว้ย!”
"ข้อมูลมันรั่วไปได้ยังไง" รัชนีถาม
อนุชิตเครียด "หรือจะเป็นธัญญาเรศครับอา"
รัชนีไม่มั่นใจ "ถ้าธัญญาเรศทำจริง คนที่กระเทือนที่สุดคือธัญญาเรศ เขาจะกล้าทำลายหน้าที่การงานของตัวเองงั้นเหรอ"
อนุชิตเครียด
"แล้วนัดกับทางคุณวาณีได้หรือยัง" รัชนีถาม
"เขาให้เราเข้าไปที่ออฟฟิศคุณวาณี แล้วคุณอามีทางแก้เกมแล้วเหรอครับ อะไรที่มันจะเหนือกว่าไอเดียเดิมของเรา"
รัชนีเครียดหนัก

ที่ร้านของพอล มิ้งค์หันไปหาลันตาอย่างพยายามช่วยกันหาทางแก้ไข แพทกับกีรติเข้ามาช่วยกันสุมหัว
"หรือว่าเราจะหานายแบบใหม่ที่ฮอทกว่าไปสู้คะพี่" มิ้งค์เสนอ
"ตัวนายแบบเราเปลี่ยนไม่ได้แน่นอน เพราะลูกค้าเจาะจงมาก คงต้องกลับมาดูที่คอนเซ็ปท์ของสินค้า Love forever” ลันตาบอก
พอลเอาเครปเค้กมาวางบนโต๊ะ
"มาแล้วครับ เครปเค้กสูตรพิเศษ"
"ว้าว....ซอสล่ะคุณ" มิ้งค์ถาม
"ซอสสตอเบอรี่โฮมเมด ผมเคี่ยวตั้งแต่เมื่อคืน"
"แสดงว่ามีลูกค้าสั่งทำ" ว่าแล้วมิ้งค์ก็ตักกินทันที
"ลูกค้าประจำน่ะ อร่อยไหม" พอลถาม
มิ้งค์ทำหน้าตามีความสุขมาก "มาก"
หน้ามิ้งค์เลอะซอส พอลหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดให้
"กินดีๆ สิคุณ ไม่มีใครแย่งหรอกน่า" พอลว่า
ลันตามองพอลที่เช็ดปากให้มิ้งค์อย่างไม่อ่อนโยนนักแต่ก็น่ารัก
อเล็กซ์เดินเข้ามาในร้าน
"พี่ลัน นั่นนายแบบที่ลูกค้าชอบนี่คะ" มิ้งค์ว่า
พอลหันไปโบกมือให้อเล็กซ์ อเล็กซ์โบกมือตอบ
"คุณพอลรู้จักกับเขาเหรอคะ" ลันตาถาม
"เขากับแฟนเป็นลูกค้าประจำที่ร้านครับ" พอลบอก
"แฟน" ลันตาหันไปหามิ้งค์ "ที่กำลังจะได้เป็นนางเอกละครใช่ไหม?”
"ใช่ค่ะ"
ลันตายิ้ม "ฉันว่าเรามีทางช่วยพี่นีแล้ว"
แพทกับมิ้งค์มองว่าทางไหน

พอลถือกระเป๋าของมิ้งค์แล้วเดินมาส่งมิ้งค์ภายในซอยบ้าน มิ้งค์ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีมาก
"อารมณ์ดีเนอะ" พอลว่า
"แน่นอน ถ้าพรุ่งนี้พี่ลันเคลียร์เรื่องนี้สำเร็จ ลูกค้าก็ต้องมาลงแอดกับเรา ดรีมก็จะรอด แล้วฉันก็จะไม่ตกงาน"
"มาเป็นฉาก ๆ เชียว"
"ก็ไอ้ที่ฉันหวังไว้มันอีกนิดเดียวเอง"
"หวังว่า...”
"ถ้าฉันมีเงินเดือน เตี่ยกับม๊าจะได้ทำงานน้อยลงไงล่ะคุณ นั่งปั้นขนมกุ้ยฉ่ายมันเหนื่อยนะ ไหนจะนึ่ง จะห่ออีก แล้วเขาทำกันมีวันหยุดที่ไหนฉันอยากให้เขาพักบ้าง"
"คิดว่าอยากพิสูจน์ว่าลูกสาวเจ๋งกว่าลูกชายซะอีก"
"มันก็แค่พูดไปเวลาโมโหเท่านั้นเอง ฉันไม่ได้อยากเจ๋งแต่อยากให้เตี่ยภูมิใจในตัวฉันบ้าง" มิ้งค์ว่า
อ่านต่อหน้าที่ 3


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 13 (ต่อ)
ได้ยินมิ้งค์พูดเช่นนั้น พอลก็วางมือบนหัวมิ้งค์แล้วโยกเบาๆ

"ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นแน่นอน" พอลบอก
"นี่....คุณ เล่นของสูงอยู่นะ" มิ้งค์ว่า
"สูง" พอลลากเสียงยาวกวนๆ "กว่ากระถางต้นไม้นิดเดียว"
"ไอ้เครานี่"
เสียงเตี่ยดังขึ้น "อามิ้งค์!”
มิ้งค์กับพอลชะงัก ทั้งคู่หันไปเห็นเตี่ยมองมาอย่างโกรธจัด


ม๊าตกใจที่มิ้งค์โดนเตี่ยลากเข้ามาแล้วเหวี่ยงจนมาชนกับม๊า
"มิ้งค์ไปทำงานจริงๆ นะเตี่ย” มิ้งค์บอก
เตี่ยด่า "ตอแหล! อ้างโน่นอ้างนี้แล้วก็ไปแรด ๆ ๆ กับผู้ชาย สุดท้ายลื้อมันก็เป็นส้วมที่ทำแต่เรื่องเหม็นโฉ่ คิดแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้"
ม๊าปราม "พอได้แล้ว!”
"อั๊วจะพูด! ลื้อเลี้ยงลูกยังไงมันถึงได้มีนิสัยเลวๆ แบบนี้" เตี่ยว่า
"อั๊วบอกให้เงียบ!”
"ขึ้นเสียงเหรอ" เตี่ยว่า
เตี่ยคว้าไม้กวาดหันไปตีม๊าอย่างระบายอารมณ์
มิ้งค์ร้องไห้ "เตี่ย! อย่า! อย่าตีม๊า!”
เตี่ยหวดไม้กวาดไม่ยั้ง
พอลที่ตามมาด้วยความเป็นห่วงเห็นเข้าก็กำลังจะเดินเข้ามา จู่ ๆ เตี่ยที่กำลังเงื้อไม้จะหวดก็มีอาการชะงักค้างแล้วก็หงายหลังวูบหมดสติไปเลย ทุกคนตกใจ
"เตี่ย!”
ม๊า พอลกับมิ้งค์รีบเข้าไปดูอาการของเตี่ยที่แน่นิ่งไป

มิ้งค์กับม๊านั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินโดยรอคอยอย่างกระวนกระวาย
"เตี่ยต้องปลอดภัย ทำใจดีๆ ไว้นะม๊า" มิ้งค์ปลอบใจ
พอลมองมิ้งค์อย่างเป็นห่วง
สักพักหมอก็เดินออกมา มิ้งค์ ม๊า และพอลรีบเข้าไปหา
"เตี่ยเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ" มิ้งค์ถาม
"คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ" หมอรายงาน
"แล้วคนไข้เป็นอะไรครับ ทำไมถึงได้วูบแบบนั้น" พอลถาม
ทุกคนมองหมออย่างรอคำตอบ

เช้าวันต่อมา ลันตากำลังบดไข่ทำอาหารเสริมให้กับตาหนูพลางคุยมือถือไปด้วย
"ความดัน!..ตอนนี้ปลอดภัยแล้วใช่ไหม?....มิ้งค์อยู่ดูแลเตี่ยไปเลยไม่ต้องห่วงงานนะ พี่กับพี่แพทจะจัดการเอง ก็ทำเรื่องลากิจไป พี่อนุมัติ เรื่องอื่นยังไม่ต้องคิด ดูแลเตี่ยดีๆ ล่ะ"
ลันตากดวางสายแล้วเดินเอาอาหารเสริมมานั่งข้างๆ ตาหนูกับอังที่คอยดูอยู่
"อาหารเสริมอร่อยที่สุดในโลกมาแล้ว"
"เดี๋ยวป้าป้อนให้ รีบไปทำงานไม่ใช่เหรอ" อังบอก
"ยังมีเวลาค่ะป้า ลันมัวแต่ยุ่งๆ มาหลายวัน ไม่ค่อยได้ดูแล เดี๋ยวตาหนูจะคิดว่าห่างเหิน เนอะ...”
"ก็อยู่บ้านเดียวกัน" อังบอก
"อยู่แต่ไม่คุย ไม่ดูแล สักวันคงกลายเป็นคนแปลกหน้า แบบนั้นเหงากว่าไม่เจอหน้ากันอีกค่ะ ลันกลัวตาหนูขาดความอบอุ่น เผื่อเวลาห่างกันตาหนูจะจำลันได้บ้าง"
"ยังตามครอบครัวเขาไม่เจอสักหน่อย จะเศร้าล่วงหน้าทำไม"
ลันตาได้แต่ยิ้มเศร้าๆ เพราะเธอรู้ว่าตาหนูเป็นลูกอนุชิตแน่นอนแต่เธอก็ไม่ยอมบอกใครเพราะทั้งรักและผูกพันกับตาหนูไปแล้ว ตาหนูยิ้มน่ารักให้ลันตา

ธัญญาเรศเข้ามาเจอกับรัชนี สุวิภา และอนุชิตที่ยืนรออยู่
"เธอมาช้านะ" สุวิภาว่า
"ญ่าติดต่อติ๊ดตี่ไม่ได้ก็เลยเสียเวลาเข้าไปเอาเอกสารที่ออฟฟิศค่ะ เราจะเข้าไปห้องประชุมเลยไหมคะ"
"เดี๋ยว! เราต้องรอให้ครบคนก่อนแล้วค่อยเข้าไป"
"ยังต้องรอใครอีกคะ" ธัญญาเรศถาม
ลันตารีบวิ่งเข้ามา
"ขอโทษค่ะที่มาช้า"
"ลันตาเกี่ยวอะไรด้วยคะ" ธัญญาเรศถาม
"ในเมื่อบ.ก.ลาเบลโนไอเดีย พี่ก็ต้องหาคนที่มีไอเดียมาช่วย พร้อมไหม?” รัชนีถาม
ลันตาตอบ "ค่ะ...”
รัชนี สุวิภา และอนุชิตเดินนำไป
ธัญญาเรศหันมาว่า "คิดว่าตัวเองเก่งนักหรือไง"
ลันตาชะงักแล้วหันมา "ฉันไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่ง แต่ฉันคิดว่าไม่ควรอยู่เฉยในเวลาที่บริษัทเราเดือดร้อน ก็แค่นั้น...”
ลันตาเดินเข้าไป ธัญญาเรศมองตามอย่างไม่พอใจ

ลันตา ธัญญาเรศ รัชนี อนุชิตเดินเข้ามาในห้องประชุมที่วาณีกับกาญจนารออยู่
"สวัสดีค่ะ วันนี้คุณกาญจนาจะตัดสินใจในการเลือกนิตยสารที่จะเป็นการเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่" วาณีบอก
"เลือกเหรอคะ....หมายความว่า?” รัชนีถาม
วาณีพูดต่อ "ทางเทรนด์ก็ได้ส่งตัวแทนเข้ามาเพื่อพรีเซ้นต์งานเหมือนกันค่ะ"
ประตูถูกเปิดออก กิ๊กในลุคใหม่ที่ดูมั่นใจขึ้นก้าวเข้ามา
"คุณกติยา ผู้บริหารจากเทรนด์แม็กกาซีนค่ะ" วาณีแนะนำ
กิ๊กเดินเข้ามาพร้อมผู้ช่วยอีกสองคน ทุกคนอึ้งที่เห็นกิ๊กในโฉมใหม่ที่คาดไม่ถึง ธัญญาเรศกำมือแน่นเพราะสังหรณ์ใจมาสักพักแล้ว
"ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสทางเรา" กิ๊กบอก
กาญจนาพูดต่อ "ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ดิฉันเลือกที่จะเรียกทั้งสองฝ่ายเข้ามาพรีเซ้นต์พร้อมกัน แต่เป็นเพราะคอนเซ็ปท์ที่ทั้งสองบริษัทส่งมานำเสนอเหมือนกันมาก รวมทั้งตัวนายแบบ ดิฉันจึงต้องการเห็นการพรีเซ้นต์เพื่อตัดสินใจในครั้งสุดท้าย"
"เชิญทางเทรนด์ค่ะ"
กิ๊กนั่งสวย ๆ โดยที่ผู้ช่วยของกิ๊กลุกขึ้นมาเป็นคนพรีเซ้นต์ ในขณะที่ธัญญาเรศนั่งกำมือแน่นแบบอยากจะกรี๊ดกับทุกอย่างซึ่งเป็นสิ่งที่ธัญญาเรศเคยเล่าให้กิ๊กฟังทั้งหมด
"ตอนนี้ทางนายแบบรับปากที่จะให้คิวในการทำงานกับเรา รอแค่การคอนเฟิร์มจากคุณกาญจนาเท่านั้นค่ะ" กิ๊กบอก
"ทางลาเบลมีข้อเสนอที่น่าสนใจกว่านี้ไหมคะ" กาญจนาถาม
รัชนีหันมาทางลันตา
ลันตายิ้ม "ทางเรายังคงคอนเซ็ปท์เดิมค่ะ แต่ที่พิเศษกว่าคือ เราจะมีแฟนสาวของคุณอเล็กซ์มาร่วมเป็นนางแบบด้วย ตอนนี้กระแสคู่รักของทั้งคู่กำลังฮอทมาก และทั้งนายแบบและนางแบบตกลงที่จะรับงานนี้ รอแค่การคอนเฟิร์มเท่านั้นค่ะ"
ทุกคนหันมองไปทางกาญจนาอย่างรอการตัดสินใจ
กาญจนาคิด "ดิฉันตัดสินใจเลือก...”
ทุกคนมองลุ้นๆ ว่ากาญจนาจะว่ายังไง

กิ๊กเดินออกมาอย่างหัวเสีย ผู้ช่วยกิ๊กเดินตามมาถาม
"เอายังไงต่อคะพี่"
กิ๊กหัวเสีย "พลาดแล้วจะทำอะไรได้"
เสียงธัญญาเรศดังขึ้น "นังกิ๊ก!”
กิ๊กชะงักแล้วหันมาก็เจอฝ่ามือของธัญญาเรศตบเต็มแรงดังเพี๊ยะจนกิ๊กเซ ผู้ช่วยกิ๊กตกใจ ลันตา อนุชิต รัชนี และสุวิภาที่เดินตามออกมาอึ้งกับภาพที่เห็น กิ๊กลุกขึ้นมามองหน้าธัญญาเรศ
"แกหักหลังฉัน สารเลว!”
"ก็เหมือนกับที่พี่หักหลังพี่ลัน ขายความลับบริษัท พี่ทำได้ กิ๊กก็ทำได้เหมือนกัน"
ธัญญาเรศโมโหมากจึงเงื้อมือจะตบกิ๊ก แต่กิ๊กคว้าข้อมือไว้แล้วมองด้วยสายตากร้าว
"ตบแรก..ถือว่าชดเชยที่คนฉลาดอย่างพี่ยอมเป็นบันไดให้กิ๊กเหยียบ แต่มันจะไม่มีครั้งที่ 2”
ธัญญาเรศโกรธ "แก!”
"แต่ถ้าอยากลอง...พี่จะได้ทดสอบหนังหน้าตัวเองว่าทนมือกิ๊กแค่ไหน!”
ธัญญาเรศอึ้ง กิ๊กเหวี่ยงมือธัญญาเรศจนธัญญาเรศเซไป
กิ๊กพูด "ถึงจะพลาดงานนี้ แต่งานอื่นที่พี่ญ่าแนะแนวไว้ กิ๊กจะเดินตามไม่ให้พลาดอีกเลย ขอบคุณนะค่ะ ที่ก้มหัวให้น้องเหยียบ"
กิ๊กเดินออกไปอย่างเชิด ๆ ผู้ช่วยกิ๊กเดินตามไป
ธัญญาเรศกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เธอพยายามหายใจเรียกสติ แต่เมื่อเห็นสายตาของสุวิภากับรัชนีที่มองมาก็รู้ว่าอนาคตตัวเองดับสิ้นแล้ว

ทุกคนอึ้งๆ กับการที่ธัญญาเรศหักหลังบริษัท
"ครั้งนี้ไม่รอดแหง ๆ จับได้จะ ๆ สารภาพกันเห็นๆ ขนาดนั้น" แพทว่า
ลันตามีสีหน้าเครียด ๆ
"อย่าบอกนะว่าแกสงสาร ถ้าเจ็บแล้วไม่จำ คราวนี้ฉันจะจับแกไปไถนา" แพทบอก
"ฉันรู้ว่าที่ไอ้ญ่าทำน่ะมันไม่ควรอภัย แต่ฉันกลัวว่าคุณสุจะไม่จบแค่ไล่ออกน่ะสิ" ลันตาบอก

สุวิภาโวยวาย
"ฉันต้องการให้เรื่องนี้ถึงตำรวจ!”
ธัญญาเรศที่หน้าเสียหันไปหารัชนี
รัชนีพูด "เรื่องนี้มันเป็นปัญหาภายใน ถ้าเกิดทำแบบนั้น องค์กรเราจะถูกมองว่ามีปัญหานะคะ แล้วถ้าขุดคุ้ยกันไปมาจนลามไปถึงคุณกาญจนาว่าเป็นสาเหตุ คุณกาญจนาอาจจะไม่พอใจจนไม่ร่วมงานกับเราอีก"
"ผมเห็นด้วยกับคุณรัชนี เราจะไม่แจ้งความ" พิธานบอก
ธัญญาเรศมีสีหน้าดีขึ้น
"คุณรัชนีช่วยจัดการลงประกาศและส่งแฟ๊กซ์แจ้งลูกค้าและทุกสำนักพิมพ์ด้วยว่า คุณธัญญาเรศต้องพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของลาเบลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป"
ธัญญาเรศตะลึง เพราะทั้งที่รู้ชะตากรรมแต่ก็ยังทำใจไม่ได้


ธัญญาเรศเก็บของ อนุชิตเข้ามามองด้วยความสมเพช
ธัญญาเรศมองด้วยความเคียดแค้น "สะใจแล้วใช่ไหมที่ชีวิตฉันต้องเป็นแบบนี้"
"ผมไม่ได้ทำอะไร วันนี้ที่เธอเป็นคือสิ่งที่เธอลงมือทำด้วยตัวเองทั้งนั้น" อนุชิตว่า
"อย่าคิดนะว่าฉันจะปล่อยให้คุณมีความสุข"
อนุชิตระอา "ผมสงสารที่คุณต้องเป็นแบบนี้ แต่ตัวคุณเองที่ทำให้ความน่าสงสารมันหมดไป กลายเป็นความสมเพชเข้ามาแทน"
"คลิปเสียงของคุณ ฉันจะแฉ"
"ตามสบาย...”
ธัญญาเรศอึ้งที่อนุชิตไม่ทุกข์ร้อน
"ไม่มีเรื่องของลันแล้ว ผมก็ไม่รู้จะต้องเดือดร้อนไปทำไม" อนุชิตบอก
ธัญญาเรศอาฆาต "ฉันจะบอกอรขจี ถ้าเขารู้...”
อนุชิตระอา "ขอบคุณนะธัญญาเรศ คุณทำให้ผมเข้าใจแล้วว่าเมียเอาแต่ใจอย่างอรขจีดีกว่าผู้หญิงใจร้ายอย่างคุณมากแค่ไหน โชคดีของผมจริงๆ"
อนุชิตเดินออกไป ธัญญาเรศกรีดร้องด้วยความเจ็บใจ โกรธ และอาฆาตแค้นกับการสูญเสีย

ลันตาเดินคุยโทรศัพท์ออกมาที่ลานจอดรถ
"งานมันจบก็จริงแต่มันเหนื่อยๆ เพลีย ๆ หมดพลัง" ลันตาบอก
สิปาดันคุยมือถือกับลันตา
"อยากได้พลังเพิ่มไหมล่ะ"
"ก็อยาก...แต่วันนี้แกบินไม่ใช่เหรอ" ลันตาถาม
"ใช่...บินมาหาแกไง" สิปาดันบอก
ลันตาชะงักที่เห็นว่าสิปาดันยืนพิงรถอยู่ข้างหน้า
ลันตาเดินเข้าไปหาด้วยความดีใจ "สิปา....”
"หน้าหมดสภาพแบบนี้ เหนื่อยมากเหรอ"
ลันตาพิงกับไหล่ของสิปาดัน "ที่สุด...เหนื่อยใจนะ"
"เรื่องธัญญ่าใช่ไหม?”
"อืม....”
"ไม่เอาน่า ลันตาของฉันจะต้องไม่หงอย ร่าเริงหน่อย"
ลันตาถอนหายใจใส่แล้วเข้าไปกอดแขนสิปาดัน
"ขอชาร์จพลังหน่อย"
"มีที่ชาร์จที่เด็ดกว่านี้นะ รับรองแกเห็นแล้วหายหน้าเหี่ยวเลย" สิปาดันบอก
ลันตามองอย่างสนใจว่าคืออะไร

รถสิปาดันจอดอยู่หน้าบ้านพักติดทะเล ลันตากับสิปาดันนั่งอยู่ที่กระโปรงหน้ารถ
"โอเคขึ้นไหม" สิปาดันถาม
"ฉันไม่เข้าใจไอ้ญ่าเลย ทำไมมันต้องอยากได้ อยากมีขนาดที่ยอมทำร้ายบริษัทตัวเอง ทำร้ายเพื่อน" ลันตาบอก
"ต่างคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง"
"แต่มันไม่ควรทำแบบนี้...”
"แกไม่ได้โกรธที่ญ่าทำไม่ถูกต้อง แกโกรธที่ช่วยเพื่อนไม่ได้ใช่ไหม?”
"แกรู้ได้ยังไง"
"ถ้าฉันไม่รู้จักคนที่ฉันรัก แล้วฉันจะดูแลแกได้ยังไง" สิปาดันบอก
"ฉันขอโทษนะสิปา"
"เรื่องอะไร?”
"ถ้าฉันรู้ตัวเร็วกว่านี้ เราคงไม่เสียเวลาไปตั้งนาน"
"ไม่เสียเวลาเลยลัน...เพราะทุกวันที่ผ่านมา ฉันใช้เวลาทุกวินาทีเพื่อรักแก"
ลันตามองหน้าสิปาดันด้วยความรัก
"ฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกที่มีแก"
สิปาดันจับมือลันตามาจูบเบาๆ
"ฉันอยากเป็นคนที่แกภูมิใจมาตลอดชีวิต"
"ฉันภูมิใจในตัวแกมาก คนเก่งของฉัน....”
สิปาดันยิ้มแล้วโอบลันตามากอดไว้ ทั้งสองมองท้องฟ้าที่เริ่มสว่างรับวันใหม่

ลันตากำลังคุยมือถือ
"เดี๋ยวบ่ายๆ ลันก็กลับแล้วค่ะคุณย่า" ลันตาฟังแล้วรีบแก้ตัว "ไม่มีเรื่องเสียหายแน่นอนค่ะ ค่ะ....สวัสดีค่ะ"
ลันตาวางสายแล้วเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงพลางมองไปที่ทะเล สิปาดันก้าวเข้ามายืนด้านหลังของลันตา
สิปาดันเรียกเบาๆ “...ลัน"
ลันตาหันมามองอึ้งๆ ที่เห็นสิปาดันถือลูกโป่งมาสามลูก
"ลูกโป่ง...เอามาทำไม" ลันตาถาม
สิปาดันไม่ตอบแต่ยื่นลูกโป่งให้ ลันตางง ๆ แต่ก็เอื้อมมือจะไปรับ จังหวะที่มือใกล้ถึง สิปาดันก็ปล่อยเชือกทำให้ลูกโป่งลอยขึ้น ลันตาคว้าเชือกไว้แล้วก็ชะงักเล็กๆ ที่เห็นว่าจังหวะที่ลูกโป่งลอยขึ้นมามีดอกกุหลาบสีสวยถูกพันไว้ตรงกลาง ลันตาหันมองสิปาดันที่กำลังยิ้มๆ
ลันตาถาม "เซอร์ไพร์ส?”
สิปาดันไม่ตอบ แต่ชูกรรไกรขึ้นมา ลันตายิ่งงงหนัก สิปาดันใช้กรรไกรตัดด้ายลูกโป่งที่อยู่ระหว่างดอกกุหลาบกับมือของลันตาที่จับด้ายอยู่ดังฉับ
"เฮ้ย!” ลันตาตกใจ
ลูกโป่งกับดอกกุหลาบลอยขึ้นฟ้า ลันตายกมือข้างที่ยังจับได้จะคว้าเชือกไว้ พอยกมือขึ้นสูงเห็นว่าปลายเส้นเชือกของลูกโป่งมีแหวนเพชรเก๋ ๆ ถูกพันไว้ที่ปลายเชือก ลันตาชะงักมองแหวน พอหันมาหาสิปาดัน สิปาดันก็คุกเข่าลงกับพื้นทราย
"ฉันอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ..แต่ฉันจะเป็นสามีที่สร้างชีวิตคู่ที่สมบูรณ์แบบให้กับแก....แต่งงานกับฉันนะ"
ลันตาน้ำตาร่วงกับความรู้สึกที่สิปาดันมีให้ ลันตาพยักหน้าด้วยความดีใจ สิปาดันลุกขึ้นกอดลันตาด้วยความดีใจ สิปาดันจับแหวนที่ปลายด้าน แล้วใช้มืออีกข้างจับมือซ้ายของลันตาขึ้นมาเพื่อจะสวมแหวนให้

สิปาดันสวมแหวนหมั้นให้ลันตา บรรยากาศภายในบ้านมาลัยแน่นขนัดไปด้วยบรรดาเพื่อน ๆและครอบครัวที่ชื่นมื่น

มิ้งค์ยืนถ่ายรูปอยู่ข้างๆ แพท
"เตี่ยเป็นไงบ้างมิ้งค์" แพทถาม
"ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่มิ้งค์คงต้องช่วยงานที่บ้านอีกสักพัก" มิ้งค์บอก
"ไหวนะ...” แพทถาม
"สบายมากค่ะพี่"
แพทตบไหล่มิ้งค์ให้กำลังใจ
กีรติขยับเข้ามาพูดใกล้ๆ หูแพท
"ถ่ายรูปสิคุณ อู้อยู่นั่นล่ะ"
แพทตกใจที่หันมาแล้วเห็นกีรติอยู่ใกล้มาก
"ไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้"
"ทำไมต้องหน้าแดง" กีรติถามเบาๆ "ชอบผมใช่ไหม"
"เพ้อละ" แพทว่า
แพทพยายามกลบเกลื่อน แต่กีรติกลับยิ้มๆ แล้วหันไปถ่ายรูปต่อ
"ไม่น่าพลาดเลย" แพทบ่น
แพทแอบเสียฟอร์มนิด ๆ ที่พลาดให้กีรติรู้ว่าตัวเองชอบ ทุกคนถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน มิ้งค์ถ่ายรูปการสวมแหวนแล้วอัพไอจีตลอดเวลา เจ้าหน้าที่เขตมาจดทะเบียน สิปาดันกับลันตาจดทะเบียนสมรส


ภาพในไอจีของมิ้งค์เป็นภาพบรรยากาศในงานหมั้น ภาพสิปาดันกับลันตาสวมแหวนหมั้นให้กันและกัน พิธานไล่ดูสีหน้ามีความสุขของทุกคนด้วยความแค้น ภาพสุดท้ายเป็นภาพสิปาดันกับลันตาถือทะเบียนสมรสที่จดแล้วเรียบร้อย พิธานแค้นมาก

สิปาดันในชุดเจ้าบ่าวเดินเข้ามา ลันตายืนหันหลังให้
สิปาดันถาม "แต่งตัวเสร็จหรือ....”
ลันตาหันกลับมาในชุดเจ้าสาวดูสวยมาก สิปาดันมองตะลึงไปชั่วขณะ
ลันตาเห็นสิปาดันยืนนิ่งไปก็โบกมือตรงหน้าเขา "เฮ้ย....สิปา"
ลันตาตีสิปาดันดังพลั่กจนสิปาดันรู้สึกตัว
ลันตาถาม "ที่อึ้งไปเนี่ย เพราะ...”
"สวยมาก" สิปาดันบอก
ลันตาเขิน "เฮ้ย...”
"ฉัน...”
"ไอ้บ้า!”
"พอแล้ว....นี่วันแต่งงานนะ จริงจังหน่อย"
"จริงจังมาก มันทำหน้าไม่ถูก" ลันตาบอก
"ไหนขอดูชัด ๆ หน่อย" สิปาดันบอก
สิปาดันจับลันตาให้หันมา สิปาดันมองแล้วขยับเข้าไปใกล้ลันตามากขึ้นทุกที ลันตารู้ว่าโดนจูบแน่ๆ ก็ไม่ได้ถอยแต่รอรับจูบ จังหวะที่สิปาดันใกล้จะริมฝีปากแตะ เสียงมาลัยกระแอมก็ดังขึ้น สิปาดันเสียจังหวะถึงกับวืด มาลัยอุ้มตาหนูเดินเข้ามา
"ใจเย็นๆ นิดนึง.....เดี๋ยวคืนนี้ก็ได้เข้าหอนะ อดทนหน่อย" มาลัยบอก
สิปาดันยิ้มอายๆ
"ตาหนู" สิปดาันอุ้มตาหนูมากอด "คิดถึงพี่ไหมครับ...”
"ฝากไว้ก่อนนะเดี๋ยวย่ากับป้าอังไปต้อนรับแขก แล้วเดี๋ยวให้มินมาช่วยดูตาหนูแทนนะ"
"ค่ะคุณย่า" ลันตารับ
ลันตาเข้ามาหอมตาหนูด้วยความรักและเอ็นดู
"น่ารักจริงๆ เลยตาหนูของพี่" ลันตาหอมแล้วพูดเสียงเศร้า ๆ "ถ้าเราได้อยู่ด้วยกันตลอดไปก็คงดี"
สิปาดันมองลันตาที่ดูเศร้าๆ แล้วถาม "เรารับตาหนูเป็นลูกดีไหม"
ลันตามองสิปาดันอย่างไม่อยากจะเชื่อ
สิปดาันพูดต่อ "ให้ตาหนูเป็นลูกของเรา เป็นลูกบุญธรรม ถูกต้องตามกฎหมาย"
"แต่แกไม่ชอบเลี้ยงเด็กนี่" ลันตาว่า
"ฉันไม่ชอบเลี้ยงลูกคนอื่น แต่ลูกของเรา.." สิปาดันยิ้มเจ้าชู้ "ยกเว้น"
ลันตาทั้งปลื้มทั้งเขิน
"ขอบคุณมากนะสิปา ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ทำให้ฉัน" ลันตาบอก
"ฉันจะดูแลแกกับตาหนูให้ดีที่สุด ฉันสัญญา"
ลันตาจับมือสิปาขึ้นมาแล้ววางมือตัวเองลงบนมือของสิปาดัน "ฉันฝากชีวิตไว้ในมือแกแล้วนะสิปา"
สิปาดันจูบมือลันตาเบาๆ ทั้งสองคนยิ้มอย่างมีความสุข

อนุชิตคุยโทรศัพท์อย่างหัวเสีย
"ทำไมยังหาลูกฉันไม่เจออีก บ้านญาติของเมียฉันไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ต้องตามไป หาลูกฉันให้เจอ"
รัชนีก้าวเข้ามา
"ยังตามหาไม่เจออีกเหรอ" รัชนีถาม
"ที่ให้ไปตามสืบกับครอบครัวทางฝั่งแม่ของอรไม่มีเทรย์อยู่สักที่ พรุ่งนี้ผมจะบินไปภูเก็ต บางทีเทรย์อาจจะอยู่กับญาติของพ่ออรที่นั่น"
อนุชิตเครียด รัชนีพลอยเครียดไปด้วย

แพทกับอังเดินเข้ามาตาม
"แขกทยอยกันมาเยอะแล้ว ลงไปรับแขกเถอะ" อังรับตาหนูมาจากสิปาดัน "มาอยู่กับป้านะลูก"
"พี่นีกับพวกที่ออฟฟิศมาแล้วนะ" แพทบอก
ลันตานึกได้ "คุณนุมาหรือเปล่า"
"มา" แพทตอบ
ลันตาร้อนใจแล้วเอาตาหนูมาจากอัง
"เราเป็นเจ้าสาวนะวันนี้ เดี๋ยวป้าดูตาหนูเอง จะพาไปไหว้ผู้ใหญ่ด้วย" อังบอก
"ไม่ได้ค่ะ!” ลันตาพูด
ทุกคนชะงัก ลันตาได้สติ
"ลันว่าตาหนูดูไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ ให้ตาหนูอยู่ในนี้มีมินช่วยเฝ้าดีกว่านะคะ"
"ป้าว่าก็ดูปกตินะ"
"เชื่อลันเถอะค่ะป้า เดี๋ยวตาหนูไม่สบายขึ้นมาจะแย่ สิปากับคุณป้าออกไปรับแขกก่อนนะคะ"
มินเดินเข้ามา
"มินมาพอดี สิปาออกไปกับคุณป้าก่อนนะเดี๋ยวฉันตามไป"
สิปาดันกับอังเดินออกไปอย่างไม่เข้าใจอาการของลันตานัก
"มิน ดูแลตาหนูอยู่แต่ในนี้นะ อย่าพาตาหนูออกไปที่งานเด็ดขาด" ลันตากำชับ
แพทงง "ทำไมล่ะลัน ตาหนูน่ารักออก พาเข้าไปในงานต้องฮอท ถ่ายรูปกันกระจายแน่ ๆ ฉันดูให้ก็ได้"
ลันตารีบบอก "ไม่ต้อง แพท! แกอย่ายุ่ง"
แพทชะงัก
"ตาหนูไม่ค่อยสบาย ให้อยู่ในนี้ดีแล้ว รีบออกไปกันเถอะ"
ลันตารีบดึงแพทออกไปทันที

ลันตาดึงแพทออกมา แพทยั้งลันตาไว้
"ไอ้ลัน...แกมีอะไรปิดบังฉันใช่ไหม"
"เรื่องอะไร" ลันตาถาม
"ตาหนู?” แพทบอก
ลันตาอึกอัก
"ไอ้ลัน....”
"ฉัน...”
ลันตายังไม่ทันตอบเธอก็ต้องชะงักที่เห็นมะนาวก้าวเข้ามา
"มะนาว เธอมาทำอะไรที่นี่" แพทถาม
มะนาวไม่สนใจแพทเลย เธอมองหน้าลันตา
"ฉันมาเพราะอยากเห็นความหน้าหนาของเธอชัด ๆ" มะนาวว่า
"อยากพูดอะไรก็พูด อย่าเยอะ!”
"เธอนี่มันซับซ้อนกว่าที่ฉันคิดมากนะ ลงทุนเอาตัวไปอยู่คอนโดสิปา แล้วก็ให้ย่าตัวเองตามไปอาละวาด เป็นแผน “จับ” ผู้ชายที่แนบเนียนมาก"
"ผู้ชายอย่างสิปาไม่ใช่แมว แต่เป็นเสือ ต่อให้ผู้หญิงอยากจับเขามากแค่ไหน ถ้าสิปาไม่ยอมก็ไม่มีใครจับเขาได้ เธอพยายามมาตั้งนาน น่าจะรู้ดีนี่" ลันตาบอก
มะนาวโกรธที่ถูกจี้ใจดำแต่ก็พยายามกดอารมณ์ลง "แน่ใจเหรอว่าสิปาจะหยุดอยู่กับเธอ เธอมั่นใจเหรอว่าที่เขาพูดวันนี้คือความจริงทุกอย่าง"
ลันตามั่นใจ "ฉันเชื่อในตัวสิปา"
"เชื่อใช่ไหม..ว่าเวลาที่เขาก้าวออกจากบ้าน เขาจะซื่อสัตย์ เวลาที่เขาบิน ไปไกลๆ...เขาจะยอมนอนคนเดียวบนเตียง”
"เลิกบ้าเถอะมะนาว สิปากับลันจดทะเบียนสมรสกันแล้ว คนนอกอย่างเธอหมดสิทธิ์" แพทบอก
"ทะเบียนสมรสมันไม่มีความหมายหรอกนะ" มะนาวว่า
ลันตากับแพทอึ้ง
"ลันตา...เสือยังไงก็ไม่มีวันทิ้งเขี้ยวเล็บ ขอให้เธอกอดทะเบียนสมรสไว้กับตัวให้แน่น ๆ ส่วนฉันจะกอดตัวสิปาไว้เอง"
"อย่ามโน! เขากำลังจะเลี้ยงฉลองงานแต่งกัน"
"สิปาเคยบอกเธอไหมว่าเขากับฉัน...ลึกซึ้งกันขนาดไหน" มะนาวถาม
ลันตานิ่งไป
มะนาวยิ้มเยาะ "ไม่เคยสินะ...ฉันกับสิปาทำงานอยู่ด้วยกัน ยังมีโอกาสมากมายที่เราจะได้อยู่ใกล้ชิดกันเหมือนที่ผ่านมา ปากของเขา แผงอก หรือแม้แต่....”
ลันตาหน้าเสีย
แพททนไม่ไหว "ทุเรศ...เรื่องแบบนี้ยังมีหน้าพูดอย่างภูมิใจอีกเหรอ"
มะนาวมองลันตาแบบจิกมาก "ฉันพูดเพราะสงสารหรอกนะ...ถ้าจะมีเขาสวมบนหัว ฉันก็อยากให้เธอรู้ตัวว่ามี เต็มใจโง่ก็ยังดีกว่าโง่เพราะโดนหลอก จริงไหมลัน"
ลันตาพยายามตั้งสติ "เธอชอบแอบกินของคนอื่น สนุกกับการทำตัวไร้ค่าขนาดนั้นเลยเหรอ"
มะนาวจี้ดแต่ยังทำไม่แคร์ "ถ้ามันจะทำให้สิปาอยู่กับฉัน ฉันยอม....คืนนี้เธอมีความสุข แต่อีกไม่นาน ฉันจะทวงความสุขของฉันคืน"
มะนาวยิ้มเขย่าประสาทแล้วเดินออกไป
"ยัยนี่มันบ้าเข้าขั้นแล้วนะฉันว่า..." แพทหันมาเห็นลันตาที่ยืนอึ้ง ๆ "ลัน...แกคงไม่บ้าจี้หนีงานแต่งเพราะยัยมะนาวหรอกนะ"
"ไปกันเถอะ" ลันตาบอก
"ไปไหน?” แพทถาม
"เข้าไปในงานสิ ฉันควรจะเชื่อการกระทำในปัจจุบันของคนที่รักฉันมากกว่าคำพูดลอย ๆ ของคนที่ไม่หวังดีกับเราจริงไหม"
"มันต้องอย่างนี้สิเพื่อน"
แพทจับมือลันตาเดินไป จากที่ยิ้มๆ ลันตาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองทางที่มะนาวเดินไปอย่างเป็นกังวล

ประตูห้องจัดงานถูกเปิดออก ลันตากับสิปาดันเดินเข้ามาในงานท่ามกลางความดีใจขอครอบครัว เพื่อนๆ และแขกที่มาร่วมงาน สิปาดันกับลันตาเดินขึ้นบนเวที กีรติกับแพทขึ้นมาเป็นพิธีกรบนเวที
แพทพูด "เกือบยี่สิบปีที่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเป็นเพื่อนกันมา และเป็นเวลายาวนานที่เพื่อนสนิทอย่างเจ้าบ่าวคิดไม่ซื่อกับเจ้าสาวมาตลอด"
กีรติพูดต่อ "เพื่อนสนิท กลายเป็นเพื่อนรัก และกำลังจะกลายเป็นเพื่อนร่วมชีวิต เป็นคู่คิดในชีวิตคู่ หลายคนอยากรู้ว่าเจ้าบ่าวชอบอะไรในตัวเจ้าสาวที่ทำให้รักยาวนานมาตลอดยี่สิบปี"
สิปาดันมองลันตาด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
"มันยากที่จะตอบว่าผมชอบอะไรในตัวของลัน เพราะทุกสิ่งที่เป็นลันคือสิ่งที่ผมชอบ ไม่ว่าจะยิ้ม บึ้ง หรือแม้กระทั่งตอนงี่เง่า เขาก็ยังน่ารัก" สิปาดันบอก
เสียงฮิ้วดังมาจากกลุ่มแขกที่มาร่วมงาน ลันตาเขินจนผลักสิปาดันเซไป
แพทสะกิด "เอ่อ...เจ้าสาวเขินเยอะไปแล้ว ทีนี้เรามาฟังความรู้สึกเจ้าสาวบ้างนะคะ ว่าไปหลงรักเจ้าบ่าวตอนไหน"
"เราเป็นเพื่อนกันมาตลอด ลันไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกมันเปลี่ยนไปตอนไหน หรือว่าเพราะอะไร พอรู้ตัวอีกที" ลันตามองสิปาดัน "สิปาก็เป็นผู้ชายคนเดียวที่ลันสามารถใช้คำว่า “รัก”ได้อย่างเต็มใจ"
คนในงานส่งเสียงฮิ้วและปรบมือกันอย่างมีความสุข
เสียงอรขจีดังขึ้น "อย่ามาขวางฉันนะ ไอ้พวกบ้า! ถอยไป!”
ทุกคนในงานต่างตกใจกับเสียงโวยวายด้านนอก ประตูห้องจัดงานถูกเปิดออก อรขจีเข้ามาโวยวายเสียงดังลั่น
"ลูกฉันอยู่ไหน! เอาลูกฉันคืนมา"
อนุชิตตกใจ "อร!”
ลันตาก็ตกใจ ทุกคนในงานตกตะลึง
ทุกคนมองอรขจีอย่างตกตะลึง อรขจีมองกราดไปรอบงานจนเห็นอนุชิต
"เอาลูกฉันคืนมา!” อรขจีย้ำ
อรขจีพุ่งเข้าไปหาอนุชิตแล้วกระชากตัวอนุชิตแบบคนสติขาด
"คุณเอาตาเทรย์ไปไหน เอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะ"
"ลูกอยู่กับคุณ" อนุชิตบอก
"ลูกไม่ได้อยู่กับฉัน! ลูกหายไป!”
อนุชิตตกใจยิ่งกว่า "ลูกหาย ! หายไปได้ยังไง!”
อรขจีร้องไห้เพราะเครียดสุดๆ
"คุณเอาลูกไปใช่ไหม บอกฉันว่าคุณเป็นคนเอาไป!”
"ผมไม่ได้เอาลูกไปนะอร ผมไม่รู้ว่าลูกอยู่ที่ไหน" อนุชิตบอก
ลันตามีสีหน้าอึ้งมาก
อรขจีร้องไห้ "ไม่จริง!! คุณต้องรู้สิ ต้องรู้!”
อรขจีร้องไห้ปานใจจะขาด อนุชิตเครียดมาก มิ้งค์กับพอลเห็นว่าสถานการณ์ชักไม่ดี
มิ้งค์รีบเข้าไปหารัชนี "พี่นีคะ แบบนี้งานแต่งพี่ลันจะล่มเอานะคะ"
รัชนีมองสถานการณ์ก็เห็นว่าทุกคนมองมา
รัชนีเดินเข้าไปหาอนุชิต "ตานุ พาอรออกไปคุยข้างนอก ไปสิ"
อนุชิตรู้สึกตัวว่าทุกคนกำลังมองมา
"อร....ไปกับผม"
อนุชิตพาอรขจีออกไป รัชนีตามไป ลันตามองตามทั้งคู่ไปอย่างเป็นกังวล พอลขยับเข้าไปใกล้เวที
"คุณแพท!” พอลเรียก
แพทกับกีรติต่างก็ได้สติ
"ค่ะ...ตอนนี้ก็ขอเชิญผู้ใหญ่ของทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นมากล่าวความรู้สึกที่มีต่องานในค่ำคืนนี้ ขอเชิญคุณย่ามาลัย คุณย่านวล คุณพ่ออินทนนท์นะคะ" แพทพูด
มิ้งค์ช่วยประคองมาลัยกับนวลขึ้นมาบนเวที ลันตาขยับเข้าไปหามิ้งค์แล้วกระซิบเบาๆ กับมิ้งค์ มิ้งค์ทำท่าโอเคแล้วรีบลงจากเวทีไป
สิปาดันพูดกับลันตา "มีอะไรหรือเปล่าลัน"
"ไม่มีอะไร"
ลันตาหันไปสนใจมาลัยกับนวลบนเวที สิปาดันมองลันตาแล้วมองไปทางมิ้งค์ที่เดินออกไปจากงานในทางเดียวกับที่อรขจีกับอนุชิตเดินออกไปด้วยความสงสัย

อนุชิตยืนมองอรขจีที่ยังร้องไห้ไม่หยุด
"อร..ตั้งสติ" อนุชิตบอก
"ฉันรีบกลับมากลัวคุณจะเจอลูก แต่แม่นมที่ฉันเอาลูกฝากไว้บอกว่าลูกหายไปเป็นเดือนแล้ว" อรขจีพยายามมีความหวัง "คุณไม่ได้เอาลูกไปจริงๆ เหรอคุณนุ"
"ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณเอาลูกไปไว้ที่ไหน"
"ถ้าไม่ใช่คุณ แล้วใครเอาลูกไป ป่านนี้ลูกแม่จะเป็นยังไงบ้าง เขาจะยังอยู่ไหม ฉันจะทำยังไงดี"
"อร....”
"ด่าฉันสิ โทษฉันเลย คนอย่างฉันมันไม่ควรเป็นแม่คน"
อนุชิตเห็นความเสียใจของอรขจีทีดูเป็นห่วงลูกจริงๆ
"ใจเย็นๆ นะอร เราจะช่วยกันตามหาลูกให้เจอ"
"คุณไม่เกลียด ไม่โทษฉันเหรอ...” อรขจีถาม
"ผมเห็นแล้วว่าคุณรักลูกแค่ไหน ผมเห็นแล้วอร"
"แม่ขอโทษ...เทรย์...แม่ขอโทษ"
อนุชิตสงสารจึงปลอบโยน รัชนีก้าวเข้ามา
"อร...”
"คุณอา....”
อรขจีกอดรัชนีด้วยอาการปลอบโยน
"เราจะช่วยกันตามหาเทรย์ให้เจอนะ" รัชนีบอก
มิ้งค์ขยับมาเก็บข้อมูลเรื่องราวทั้งหมด

สิปาดันกับลันตามายืนส่งแขกที่มาร่วมในงานแต่งแล้วถ่ายรูปกันจนหยดสุดท้าย สิปาดันมองลันตาที่มีท่าทางกระวนกระวาย
"แกเป็นอะไรหรือเปล่าลัน" สิปาดันถาม
ลันตาฝืนยิ้ม "เปล่านี่"
มิ้งค์เดินกลับเข้ามา ลันตาลืมตัวจึงรีบเข้าไปหามิ้งค์
"มิ้งค์เป็นยังไงบ้าง" ลันตาถาม
สิปาดันมองมิ้งค์ที่เหมือนกำลังเล่าอะไรให้ลันตาฟัง พอล กีรติ และแพทเดินเข้ามาหาเจ้าบ่าว
"ตอนคุณอรขจีเข้ามา คิดว่างานจะล่มซะแล้ว"
"ชีวิตรักแกนี่มันแอดเวนเจอร์จริงๆ นะ มีเรื่องให้ตื่นเต้นตลอด" แพทบอก
"แต่ก็จบด้วยดีนะครับ ยินดีด้วยอีกครั้งนะคุณสิปา คืนนี้สมหวังสักที" พอลว่า
สิปาดันยิ้มรับ "ขอบคุณคุณพอลมากนะครับ สำหรับขนมกับเค้กที่มาร่วมในงานด้วย"
"ยินดีครับจะได้ดูไว้เป็นไกด์ไลน์" พอลบอก
ทุกคนมองพอล แพทได้ทีก็แซวเลย
"คุณพอลเขาฝึกไว้ไง อีกหน่อยจัดงานตัวเอง" แพทแซว
พอลเขินนิดๆ "คงอีกนานครับ"
"คุณพอล รู้ไหมครับว่าสองคนนั้น" สิปาดันมองไปทางลันตากับมิ้งค์ "เขามีเรื่องอะไรกัน"
พอลมองตาม "ช่วงนี้นอกจากเรื่องที่เตี่ยของมิ้งค์เขาป่วยก็ไม่มีเรื่องอื่นนี่ครับ"
"มีอะไรหรือเปล่า" แพทถาม
"นิดหน่อย...แต่คงไม่มีอะไรมั้ง"
สิปาดันมองลันตาด้วยความรู้สึกสงสัยมาก

ห้องนอนของสิปาดันถูกจัดไว้เป็นห้องหอ มาลัยกับอังให้พรคู่บ่าวสาว
มาลัยให้พร "ย่าขอให้เราทั้งสองคนวางตัวต่อกันเหมือนเดิม ก่อนแต่งเป็นอย่างไร หลังแต่งให้เป็นอย่างนั้น อย่าไกลจนห่างเหิน อย่าใกล้จนไม่เห็นหัวกัน" มาลัยพูดกับลันตา "การให้เกียรติกันและกันเป็นเรื่องสำคัญ เกรงใจคนในบ้านให้มากกว่าคนนอกบ้าน เข้าใจไหมลัน"
"ค่ะคุณย่า" ลันตารับคำ
อังพูดกับสิปาดัน "รับหลานป้าไปแล้วต้องดูแลให้ดีนะ"
"ดูแลเท่าชีวิตผมเลยครับคุณป้า" สิปาดันบอก
ลันตายิ้มนิด ๆ
มาลัยกับอังลุกออกไป อินทนนท์กับย่านวลขยับเข้ามาแทนที่
"กว่าจะมีวันนี้ต้องเหนื่อยยากแค่ไหน จำเอาไว้นะ ทุกครั้งที่มีปากเสียง มีใครเข้ามาทำให้ขุ่นข้องหมองใจ จงเอาวันนี้เตือนสติตัวเอง และช่วยกันประคับประคองครอบครัว"
"เป็นสามีต้องดูแลครอบครัวด้วยความซื่อสัตย์ เป็นภรรยาก็ดูแลสามีด้วยความเชื่อใจ ใครก็ทำลายครอบครัวเราไม่ได้"
สิปาดันกับลันตาไหว้ขอบคุณ
"เสร็จสิ้นพิธีการแล้ว ก็ให้เป็นเวลาของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเถอะนะ"
อังอุ้มตาหนูเข้ามา
"บ๊ายบายพี่ๆ เขาสิลูก"
ลันตาลุกขึ้นมาทันทีแล้วรับตาหนูไปอุ้ม
"ดูหน้าสิง่วงเชียว ส่งตาหนูมาเถอะ จะได้พากลับไปนอน" อังบอก
ลันตาไม่ยอมส่งให้ "คืนนี้ให้ตาหนูอยู่กับลันนะคะ"
ทุกคนอึ้ง
"ได้ยังไงล่ะ คืนนี้มันคืนเข้าหอนะ"
"ถ้าคิดถึง กลับมาจากฮันนีมูนค่อยไปหาที่บ้านก็ได้"
"แต่ลันอยากให้ตาหนูอยู่กับลันนะคะคุณย่า คุณป้า"
"ยัยลัน...คิดถึงใจสิปาบ้าง"
สิปาดันตอบทันที "ให้ตาหนูค้างที่นี่เถอะครับ"
ทุกคนหันไปมองสิปาดันแบบอึ้ง ๆ
"แต่พรุ่งนี้ต้องไปฮันนีมูนแต่เช้าไม่ใช่เหรอ" นวลถาม
"ยังไงก็ต้องเอาตาหนูไปไว้ที่บ้านคุณย่าเขาอยู่ดี จะขับรถไปมาทำไม" อินทนนท์ว่า
"ลันจะเอาตาหนูไปทะเลด้วยค่ะ" ลันตาบอก
ทุกคนยิ่งอึ้ง
"เพิ่งแต่งงานก็ไปใช้ชีวิตกันแค่สองคนก่อนเถอะ กลับมายังไงก็ได้เลี้ยงตาหนู เชื่อป้านะ"
ลันตากอดไว้แน่นไม่ยอมส่งคืน
ทุกคนมองด้วยอาการแปลกใจ มาลัยมองไปทางสิปาดันด้วยความลำบากใจ
"ไม่เป็นไรครับ ตาหนูก็เหมือนลูกของเราสองคน ตามใจลันตาเถอะครับ คุณย่า คุณป้ากลับไปพักเถอะครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว" สิปาดันว่า
มาลัย อัง นวล และอินนทนนท์มองท่าทีของลันตาแล้วก็ยอมออกไปตามที่สิปาดันขอ สิปาดันมองลันตาที่กอดตาหนูไว้แน่นด้วยความรู้สึกว่าลันตาต้องมีอะไรปิดไว้แน่ๆ

แม่นมที่เคยเลี้ยงอรขจีร้องไห้เพราะกลัวความผิด
"ป้าไม่รู้จริงๆ ว่าใครเอาตัวน้องเทรย์ไป ป้ากล่อมน้องเทรย์ให้หลับ แล้วป้าก็งีบไป ตื่นมาอีกทีก็ไม่เจอน้องเทรย์แล้ว"
อนุชิตสงสัย "แล้วก่อนหน้านั้นมีใครแปลกหน้ามาที่นี่หรือเปล่า"
"ไม่มีค่ะ" แม่นมตอบ
"คุณรู้เหรอว่าใครเอาลูกไป” อรขจีถาม
"ผมแค่สงสัย....”
"นุสงสัยใคร?” รัชนีถาม

ธัญญาเรศพูดใส่โทรศัพท์นิ่งๆ "ลูกคุณหายจะมาตามอะไรกับฉัน...”
อนุชิตคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเครียด
"มีแค่คุณที่จะคิดทำเรื่องร้ายๆ ได้ขนาดนี้ ลูกผมไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย คืนลูกผมมา!”
ธัญญาเรศมีสีหน้าสะใจแต่ก็ยังปากแข็ง
"นี่คงเป็นกรรมตามสนองคุณสินะ สิ่งที่ฉันต้องสูญเสีย คุณก็ต้องสูญเสียเหมือนกัน!” ธัญญาเรศบอก
"ธัญญาเรศ!”
ธัญญาเรศกดวางสายด้วยสีหน้ากร้าว
อนุชิตหัวเสีย รัชนีกับอรขจีมองท่าทีอนุชิตอย่างใจเสีย
"เป็นธัญญาเรศใช่ไหม?” รัชนีถาม
"แล้วมันจะทำอะไรลูกเราหรือเปล่า แจ้งความจับมันเลยสิคะ" อรขจีเสนอ
"แต่เรายังไม่มีหลักฐาน" อนุชิตบอก
"แล้วเราจะทำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ!” อรขจีถาม
"เราแจ้งความจับตรง ๆ ไม่ได้ ก็ต้องบีบทางอ้อม" รัชนีบอก
อรขจีกับอนุชิตมองรัชนีว่าจะให้ทำยังไง

สิปาดันที่อาบน้ำเสร็จเดินออกมาเห็นลันตากับตาหนูนอนหลับทั้งคู่ ลันตาใช้มือกอดตาหนูไว้ตลอด สิปาดันนั่งมองยิ้มๆ แล้วจะขยับมือลันตาออกเพื่อขยับให้ลันตานอนสบายขึ้น ทันทีที่ถูกขยับลันตาก็สะดุ้งลุกขึ้นมา
"ตาหนู!" ลันตามองสิปาดันอย่างหัวเสีย "แกจะเอาตาหนูไปไหน"
"ฉันแค่จะขยับให้แกนอนสบายขึ้น" สิปาดันบอก
ลันตาไม่ยอมขยับแต่กลับไปกอดตาหนูไว้อย่างหวงแหน
"แบบนี้ฉันสบายสุดแล้ว" ลันตาบอก
"ลัน..แกมีอะไรหรือเปล่า" สิปาดันถาม
ลันตาชะงักแต่พูดกลบเกลื่อน "ไม่มีนี่ ฉันเป็นปกติทุกอย่าง" ลันตาเห็นสิปาดันยังมองก็เปลี่ยนเรื่อง "นอนเถอะ พรุ่งนี้แกต้องขับรถแต่เช้า"
ลันตานอนกอดตาหนู สิปาดันมองลันตาที่กอดตาหนูด้วยความรู้สึกว่าต้องมีอะไรแน่ๆ แต่ก็ยอมล้มตัวลงนอน ลันตาลืมตามองสิปาดันพอเห็นว่าเขายอมนอนก็โล่งใจ ลันตามองตาหนูด้วยความรักและเอ็นดู

พอลกับมิ้งค์เดินมาตามถนนในชุมชนแถวบ้านมิ้งค์
"อึ้งไปเลยนะเนี่ย ที่รู้ว่าคุณนุกับคุณอรมีลูกแล้ว เท่ากับว่าคุณนุโกหกพี่ลันซ้ำซ้อน ทั้งเรื่องเมีย เรื่องลูก พวกผู้ชายนี่มันเชื่อไม่ได้จริงๆ"
พอลทำเสียงดังในลำคอแบบขู่ ๆ มิ้งค์หันมามองแล้วก็นึกได้
"พวกผู้ชาย...บางคน นี่มันเชื่อไม่ได้จริงๆ"
พอลยกนิ้วบอกว่าโอเค
"จะถึงบ้านละ ส่งแค่นี้พอ"
"ผมจะไปส่งให้ถึงบ้านเลย"
"เดี๋ยวเตี่ยเห็นก็เป็นเรื่องอีก อย่าเลย"
"ผมอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าเราคบกันไม่ปิดบัง เป็นการให้เกียรติคุณด้วย"
มิ้งค์อึกอัก "แต่...”
"ทำอึกอัก อย่าบอกนะว่าพอผมติดกับแล้วคุณจะทิ้ง" พอลทำเสียงล้อเลียนละคร "คุณหลอกพอล"
"บ้า...คุณก็ชอบพูดเป็นเล่นตลอด"
"ผมจะเข้าไปส่งคุณที่บ้าน โอเคนะ"
"เจอปังตอบิน อย่าหนีก็แล้วกัน"
พอลยิ้มยืนยัน

เตี่ยกับม๊านั่งปั้นกุ้ยช่ายกันอยู่สองคน ในขณะที่โมนอนเล่นเกมในโทรศัพท์
"โม...มาช่วยปั้นกุ้ยช่ายหน่อย" ม๊าบอก
"โมเรียนมาทั้งวันแล้วเหนื่อย" โมเล่นเกมแบบไม่สนใจอะไร
ม่อเก๊าแต่งตัวลงมาจะออกไปข้างนอก
เตี่ยเห็นก็ถาม "ลื้อจะไปไหน"
"นัดเพื่อนไว้"
"คืนนี้ไม่ไปได้ไหม มาช่วยเตี่ยทำของหน่อย พรุ่งนี้ต้องส่งลูกค้าแต่เช้า"
"อั๊วนัดเพื่อนไว้แล้ว ไม่ไปมันด่าแย่ เตี่ยกับม๊าก็ทำไปเดี๋ยวก็เสร็จ ม๊าขอเงินพันนึง"
มิ้งค์กับพอลเดินเข้ามา
"งานไม่ช่วยขอแต่เงิน!” ม๊าว่า
"ม๊าจะพูดมากทำไมเนี่ย จะให้ไม่ให้!”
"พูดกับม๊าลื้อให้มันดี ๆ นะ!” เตี่ยเตือน
เตี่ยลุกขึ้นแล้วก็หน้ามืดจึงเซ มิ้งค์ตกใจจึงรีบเข้าไปประคองเตี่ย
"เตี่ย!”
ม่อเก๊าเร่ง "ม๊า!”
ม๊าจำต้องหยิบเงินให้ม่อเก๊าเพื่อตัดรำคาญ ม่อเก๊าเดินออกไป
เตี่ยมองตามด้วยความผิดหวัง
"เตี่ย กินยาบ้างหรือเปล่า" มิ้งค์ถาม
"ดื้อจะตาย ยอมกินที่ไหน ให้นอนก็ไม่นอนเอาแต่นั่งปั้นกุ้ยช่าย" ม๊าว่า
"อั๊วไม่ทำแล้วมันจะทันไหม ลูกค้าสั่งเป็นพันลูก ลื้อทำคนเดียวเสร็จหรือไง"
"ก็บอกแล้วอย่ารับเยอะ ลื้อก็ดื้อ"
"พูดมาก ลื้อไม่อยากทำ อั๊วทำเองก็ได้" เตี่ยบอก
"ผมช่วยครับ"
เตี่ยกับม๊าหันไปมองพอล
เตี่ยถาม "ลื้อมาทำไม"
"มาส่งลูกสาวเตี่ยครับ แล้วก็มาแนะนำตัวด้วย ผมชื่อพอลครับ เป็นเจ้าของร้านขนม ผมจะมาขออนุญาตคบกับลูกสาวเตี่ยครับ"
มิ้งค์กับม๊ามองเตี่ยว่าจะเอายังไง
"อั๊วงานยุ่งไม่ว่างอนุญาตใคร" เตี่ยบอก
"ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้" พอลบอก
เตี่ยทำไม่สนใจแล้วจะไปยกของแต่จังหวะลุกเขาก็หน้ามืดอีก
"พอแล้ว ลื้อไปนอนพักเลยเดี๋ยวอั๊วทำเอง" ม๊าประคองเตี่ยไปนอนตรงที่นอนที่อยู่ไม่ห่างนัก
"มิ้งค์ช่วยนะม๊า"
มิ้งค์เดินไปล้างมือแล้วมาลงนั่งจัดแจงช่วยม๊าทำงาน พอลไปล้างมือบ้างแล้วลงนั่งช่วยทำด้วยอีกคน ภาพสุดท้ายที่เตี่ยมองก่อนหลับคือภาพของพอลที่ช่วยมิ้งค์กับม๊าทำงาน ในขณะที่โมไม่ได้สนใจครอบครัวเลยสักนิด
อ่านต่อหน้าที่ 4 


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 13 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ เตี่ยนอนหลับอยู่หลังจากที่หลับลึกไปนาน

เสียงโมดังขึ้น "โมไปเรียนนะม๊า"
เตี่ยค่อย ๆ ขยับเพราะรู้สึกตัว เขาเห็นว่าฟ้าด้านนอกสว่างแล้ว
"เช้าแล้ว!”
เตี่ยรีบลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ เขามองไปรอบๆ ก็เห็นว่าอุปกรณ์ทุกอย่างถูกเก็บเรียบหมดแล้ว
"โวยวายอะไรของลื้อ" ม๊าว่า
เตี่ยหันไป ม๊ายกข้าวต้มกับกับข้าวออกมา
"กุ้ยช่ายล่ะ ต้องส่งเขาแล้ว สายป่านนี้ทำไม่ทันแล้ว" เตี่ยว่า
"อามิ้งค์กับอาพอลอีเอาไปส่งตั้งแต่ตีห้าแล้ว" ม๊าบอก
เตี่ยชะงัก "ส่งแล้ว"
"เมื่อคืนปั้นกันถึงตีสี่กว่า อาพอลอีอาสาไปส่งให้ นี่ก็ช่วยล้างถาดอยู่ข้างในโน่น" ม๊ายื่นเงินให้เตี่ย "นี่เงินที่ลูกค้าจ่าย"
ทันใดนั้นม่อเก๊าก็กลับเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางเมาๆ พอเห็นเงินที่ม๊าจะยื่นให้เตี่ย ม่อเก๊าก็เข้ามาคว้าเงินจะดึงไป
"เฮ้ย! เอาไปไม่ได้" เตี่ยว่า
"ก็อั๊วจะเอา"
ม่อเก๊าจะดึงเงินไปให้ได้จึงเกิดการยื้อแย่ง พอลกับมิ้งค์ที่ได้ยินเสียงโวยวายเดินออกมาเห็น
"ปล่อยนะเฮีย!” มิ้งค์ว่า
ม่อเก๊าผลักมิ้งค์ "อย่ายุ่ง!”
พอลเห็นมิ้งค์โดนผลักไปกระแทกกับโต๊ะก็โมโห พอลไปคว้าข้อมือของม่อเก๊าที่จับเงินแล้วบีบเต็มแรง
"โอ้ย!" ม่อเก๊ามองพอล "ไม่ใช่เรื่องของมึง อย่ายุ่ง"
"ไม่ใช่เรื่องของผม แต่ผมไม่ชอบเห็นลูกรังแกพ่อแม่ น้องสาว ปล่อยมือ"
ม่อเก๊าเห็นพอลเอาจริงก็ไม่กล้าจึงยอมปล่อยมือจากเงิน
"ไม่เอาก็ได้วะ"
ม่อเก๊าเดินออกไป
"เตี่ย ม๊าเป็นยังไงบ้างครับ" พอลถาม
"ไม่เป็นไร ขอบใจมากนะ" ม๊าบอก
ม๊ากับมิ้งค์มองเตี่ย
เตี่ยพูด "ขอบใจ...”
พอลแค่ยิ้มรับนิด ๆ
เตี่ยนั่งลงที่โต๊ะแล้วพูดกับม๊า "ตักข้าวต้มสิ"
ม๊าตักข้าวต้มวางให้เตี่ย
"ตักถ้วยเดียวแล้วอามิ้งค์กับเพื่อนจะได้กินไหม" เตี่ยบอก
"นั่นสินะ" ม๊ารีบตักข้าวต้ม "อาพอล อามิ้งค์นั่งๆ ๆ เจี๊ยะม้วย"
พอลลงนั่ง ม๊าตักกับข้าวให้ พอลพยายามจับตะเกียบเลียนแบบเตี่ยเพื่อจะพุ้ยข้าวต้มบ้าง มิ้งค์มองอาการของพอลแล้วยิ้มนิด ๆ

มาลัยกับอังกลับมาจากการตักบาตร อังเปิดทีวีก็เห็นข่าวในทีวีเป็นภาพอรขจีกับอนุชิตที่ไปออกรายการข่าวตอนเช้า
ผู้ประกาศข่าวพูด "ในวันนี้ทางคุณพ่อคุณแม่ คุณอนุชิตและคุณอรขจีได้ขอร้องให้ทางรายการช่วยประกาศตามหาลูกชายที่หายไป"
"ลูกชายของผมชื่อน้องเทรย์ครับ" อนุชิตพูด "เราหวังว่าผู้ชมที่ชมรายการข่าวในตอนนี้จะช่วยให้เบาะแสกับเราได้บ้าง"
"ถ้าใครพบเห็น ช่วยแจ้งเข้ามานะคะ แม่คิดถึงลูกนะน้องเทรย์" อรขจีบอก
ภาพถ่ายของเทรย์ปรากฏขึ้นในจอ
"คุณพี่คะ นี่มันรูปตาหนูนี่คะ" อังบอก
มาลัยมองอึ้งๆ
"นายคนนี้เป็นพ่อของตาหนูเหรอเนี่ย ต้องโทรบอกยัยลัน" อังว่า
มาลัยเบรคไว้ "อย่าเพิ่ง!”
"ทำไมล่ะคะคุณพี่"
"ฉันคิดว่ายัยลันรู้อยู่แล้วนะว่าตาหนูเป็นลูกของใคร"
อังมองมาลัยอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ลันตายืนดูภาพน้องเทรย์จากรายการข่าวในทีวีด้วยสีหน้าอึ้ง ๆ สิปาดันยืนฟังมือถือโดยใช้สายตามองลันตาเงียบๆ ลันตาเห็นข่าวในทีวีทั้งหมด
สิปาดันเป็นห่วง "ลัน....”
ลันตาตกใจจึงรีบหยิบรีโมทมากดปิดทีวี
สิปาดันทำเนียน "ดูอะไรอยู่เหรอ"
"ก็ข่าวทั่ว ๆ ไปน่ะ"
"ช่วงข่าวก็ดีเลย เผื่อจะมีข่าวพรีเมียร์ลีค"
สิปาดันจะหยิบรีโมทมากด
ลันตาตะปบไว้พร้อมกับพูดเสียงดัง "อย่าเปิด!”
สิปาดันชะงักมองหน้าลันตา ลันตาได้สติ
"โทษที...ฉันปวดหัวนิดหน่อย" ลันตาบอก
"งั้นเรายังไม่ไปทะเลไหม" สิปาดันถาม
"ไม่...รีบไปกันเลยดีกว่า ฉันไม่อยากอยู่กรุงเทพฯ"
สิปาดันมองลันตานิ่ง
"แกมองฉันทำไม" ลันตาถาม
"ฉันว่าแก....น่ารักจังเลยวันนี้..." สิปาดันเปลี่ยนเรื่อง "เดี๋ยวฉันจะเอากระเป๋าลงไปที่รถก่อน แกรีบพาตาหนูไปนะ"
"อืม.. เดี๋ยวฉันตามไป"
ลันตาเดินเข้าไปในห้องหยิบหมวกมาสวมให้ตาหนูเพื่อตั้งใจปิดบังหน้าตา
"ใส่หมวกหน่อยนะครับ จะได้ไม่ร้อนแดดนะ" ลันตาพูด
สิปาดันมองลันตาอย่างใช้ความคิดแล้วหยิบกระเป๋าเดินออกไปนอกห้อง

สิปาดันเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วตรงไปที่ลิฟท์ สิปาดันหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก
สิปาดันฟังจนอีกฝ่ายรับสาย "เป็นอย่างที่คุณย่าคิดเลยครับ ลันรู้เรื่องทั้งหมดแต่ปิดพวกเราไว้ คุณย่าคิดว่ายังไงครับ..." สิปาดันฟัง "ถ้างั้นผมจะจัดการเรื่องนี้เองครับ"
สิปาดันเดินคุยมือถือไป

มินเดินออกมาจากบ้านมาลัยพร้อมตะกร้าสำหรับไปตลาด มินหันหลังไปปิดประตู พอหันกลับมาเธอก็แทบช็อกที่เห็นธัญญาเรศถือมีดยืนอยู่ตรงหน้า
"คุณ!”
ธัญญาเรศทำเสียงโหดมาก "ถ้าแกวิ่ง ฉันจะฆ่าแก"
มินกลัวจนก้าวขาไม่ออก
ธัญญาเรศพูดอย่างโรคจิตมาก "แกอยู่ที่นี่งั้นเหรอ"
มินได้แต่พยักหน้าด้วยความกลัว
"อยู่กับไอ้เด็กนรกนั่นใช่ไหม มันอยู่ข้างในใช่ไหม"
มินกลัว "ไม่อยู่ ตาหนูไม่ได้อยู่ที่นี่"
ธัญญาเรศชะงัก "แล้วมันไปไหน มันอยู่ที่ไหน"
มินอยากจะหนีแต่ธัญญาเรศจิกผมของเธอแล้วกระชากไว้
"บอกมา!”
มินกลัวมาก "บอกแล้ว ฉันจะบอกทุกอย่างเลย"
ธัญญาเรศมีสีหน้าโหดมาก

ตาหนูนอนอยู่ในคาร์ซีทที่อยู่ในรถ ลันตาห่มผ้าให้กับตาหนูก่อนจะหันกลับมาเจอกับสิปาดันที่ยืนถือกาแฟรออยู่
สิปาดันส่งแก้วกาแฟให้ "ของแก..”
"ขอบใจ"
"ตาหนูนี่น่ารักนะ พ่อแม่น่าจะเป็นคนมีฐานะนะแกว่าไหม"
ลันตาระแวง "อยู่ดี ๆ พูดเรื่องนี้ทำไม"
สิปาดันไม่ตอบคำถามแต่พูดเรื่องอื่น "ถ้าวันนึง เราหาครอบครัวตาหนูเจอ แกยังคิดจะส่งตาหนูคืนให้เหมือนที่เคยตั้งใจไหม"
"แกคิดจะเบี้ยวฉัน ไม่รับตาหนูเป็นลูกตามสัญญาใช่ไหม แกนี่มันเชื่อไม่ได้จริงๆ ไม่เป็นไร แกไม่รับฉันรับ ฉันนี่ล่ะจะดูแลตาหนูเอง"
"เด็กควรจะได้อยู่กับครอบครัวของเขา" สิปาดันบอก
"ตาหนูเป็นครอบครัวของฉัน อยู่กับฉันเขาจะปลอดภัย ไม่ถูกทิ้งจากพ่อแม่ใจร้ายแบบนั้น" ลันตาว่า
"พ่อแม่ตาหนูอาจจะเป็นคนดีกว่าที่แกคิด"
"ไม่จริง พวกนั้นนึกถึงแต่ตัวเอง ไม่งั้นตาหนูคงไม่ต้องมาอยู่กับเราหรอก"
สิปาดันนิ่งมองอย่างจับผิด ลันตาชะงักไปเมื่อรู้ว่าหลุดปาก
"แกรู้ใช่ไหมว่าพ่อแม่ของตาหนูเป็นใคร" สิปาดันถาม
"ฉันไม่รู้ ฉันไม่อยากคุยเรื่องนี้" ลันตาบอก
สิปาดันเห็นลันตาเครียดก็ตัดบท
"ก็จริงนะ มาฮันนีมูนแท้ๆ จะทะเลาะกันให้เสียบรรยากาศทำไม เนอะ..”
ลันตารู้สึกตัว "ฉันขอโทษนะสิปา"
"ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าแกน่ะวัยทอง"
"ไอ้สิปา ไอ้บ้า!”
ลันตาหยิกสีข้างสิปาดัน
"โอ้ยๆ ๆ ๆ ยอมแพ้ ๆ ไปเหอะ สายมากแดดร้อน"
สิปาดันกับลันตาขึ้นมานั่งบนรถ ลันตาหันไปเห็นสิปาดันมองลันตานิ่ง
"แกมีอะไรจะพูดกับฉันก็พูดมา" ลันตาว่า
"ฉันรู้ว่าแกรักตาหนูแต่แกก็ต้องนึกถึงความสุขที่แท้จริงของตาหนูด้วย แค่นี้ที่ฉันอยากพูด..”
ลันตาฟังสิปาดันแล้วก็พยายามคิดตาม

เด็กรับใช้กำลังกวาดหน้าบ้านของมะนาว จู่ ๆ ก็มีเสียงโวยวายดังมาจากด้านหนึ่ง ชัยภูมิ พ่อของมะนาวอยู่ในสภาพที่โดนซ้อมมาหนีหัวซุกหัวซุนเข้ามาที่หน้าบ้าน นักเลงสามคนวิ่งเข้ามาคว้าตัวชัยภูมิไว้
"เฮ้ย!” ชัยภูมิเหวี่ยงมือเต็มที่พยายามจะสู้ให้ตัวเองหลุดจากการโดนจับ เด็กรับใช้ตกใจรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน
"ปล่อยกู!” ชัยภูมิว่า
ชัยภูมิถูกล็อคตัวไว้
"ฉันจะปล่อยแก ก็ต่อเมื่อฉันได้เงิน" เจ้าหนี้พูด
"ฉันไม่มีเงินให้ไอ้ขี้โกงอย่างพวกแก" ชัยภูมิบอก
"จะไม่จ่าย....ได้...แกไม่ต้องจ่ายเงินก็ได้" เจ้าหนี้บอกกับลูกน้อง "เอาขาสองข้างของมันมา"
นักเลงจัดการจับชัยภูมิยืดขา ชัยภูมิหวาดกลัวเพราะเห็นว่าพวกมันจะกระทืบที่เข่าของเขาให้หัก
"อย่า! อย่า!”
เสียงเอื้องคำดังขึ้น "หยุดนะ!”
ทุกคนหันไปตามเสียงก็เห็นเอื้องคำกับมะนาวเดินออกมา
"พี่เอื้องคำ"
"พ่อ!” มะนาวเรียก
"พี่ช่วยฉันด้วย" ชัยภูมิบอก
"ปล่อยน้องชายฉัน !” เอื้องคำสั่ง
"ฉันจะปล่อยมันเมื่อฉันได้เงิน" เจ้าหนี้บอก
"ฉันไม่จ่าย!”
เจ้าหนี้หันไปมองนักเลง นักเลงกระทืบที่เข่าของชัยภูมิ
ชัยภูมิร้องลั่น "อ๊าก"
มะนาวตกใจ "พ่อ!”
ชัยภูมิกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด มะนาวจะวิ่งเข้าไปแต่เอื้องคำดึงไว้ไม่ให้เข้าไป
"คุณป้า ช่วยคุณพ่อด้วยสิคะ คุณป้า!”
เอื้องคำมองไปทางเจ้าหนี้ด้วยความเจ็บแค้น เจ้าหนี้แสยะยิ้มด้วยความสะใจ
เอื้องคำเจ็บแค้น "เท่าไหร่?”
เจ้าหนี้ยิ้มว่าเข้าทางแล้ว "ห้าล้าน!”
เอื้องคำอึ้ง
"สามวัน ไม่อย่างนั้น ฉันจะหักขามันทั้งสองข้าง" เจ้าหนี้ขู่
"หนึ่งอาทิตย์! ไม่งั้นก็เอาชีวิตมันไปได้เลย" เอื้องคำยืนคำขาด
เจ้าหนี้มองเอื้องคำที่มีสีหน้าเด็ดขาดมาก
"ได้ อีกอาทิตย์นึงฉันจะกลับมารับเงินทั้งหมด" เจ้าหนี้พูดกับนักเลง "เฮ้ย!”
แล้วเจ้าหนี้ก็เดินนำออกไป
มะนาวรีบเข้าไปประคองชัยภูมิ "พ่อ เป็นยังไงบ้างคะ"
ชัยภูมิร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
มะนาวเรียก "คุณป้าคะ"
"เรียกรถพยาบาลสิ" เอื้องคำบอก
มะนาวรีบหยิบมือถือมากดโทรออก เอื้องคำมองสภาพชัยภูมิด้วยความเจ็บใจ

สิปาดันเล่นของเล่นอยู่กับตาหนู ลันตาเดินเข้ามาพร้อมกับขวดนมที่ชงเรียบร้อยและจานของว่างกับกาแฟ
"ได้เวลากินนมแล้วครับ" ลันตาบอกตาหนู
ลันตาจัดการอุ้มตาหนูมานอนป้อนนม
"ส่วนกาแฟกับขนมของแกนะสิปา"
"ขอบใจนะ"
ลันตาป้อนนมตาหนูสีหน้าดูอ่อนโยนมาก
"ฉันไม่คิดเลยนะ ว่าเซอร์ ๆ อย่างแกจะมีมุมแม่บ้านแม่เรือนแบบนี้ด้วย"
"ฉันมีอีกหลายมุมที่แกคิดไม่ถึง"
"แต่มุมที่ฉันอยากเห็นยังไม่ได้เห็นสักที"
"มุมไหน?”
"มุมภรรยา"
สิปาดันก้มหน้าเข้าหาลันตา ลันตาไม่ได้ขยับหนี สิปาดันก้มจนเกือบจะถึงแล้วแต่มือตาหนูเข้ามาตีหน้าเต็มหน้าสิปาดัน
"อื้อหือ...ตัวแสบ ขัดคอตลอด" สิปาดันว่า
สิปาดันจับตาหนูมาฟัดเล่น ลันตานั่งมองยิ้ม ๆ
"ฉันจะเลี้ยงตาหนูให้มีอนาคตที่ดีเหมือนกับที่ย่าเลี้ยงฉันมา จะให้เขาเรียนให้สูงที่สุด"
"แต่ตาหนูต้องการพ่อกับแม่นะลัน" สิปาดันบอก
ลันตานิ่งไปนิดแล้วฮึดใหม่
"ถ้าอย่างนั้นเราก็เป็นพ่อแม่ให้กับตาหนูสิ แกเป็นพ่อ ฉันเป็นแม่โอเคจะตาย"
"ลัน...”
"ตกลงตามนี้นะ"
ลันตาขยับเข้าไปหาตาหนู
"ไหนเรียกแม่สิคะ แม่"
สิปาดันมองลันตาสอนตาหนูเรียกพ่อแม่อย่างเอาจริงเอาจังด้วยความลำบากใจ


สิปาดันคุยมือถืออยู่ด้านนอกพลางมองลันตาที่กำลังกล่อมตาหนูนอน
"พรุ่งนี้มาได้เลยครับ ผมขอแค่คืนนี้อีกคืนเดียว..ขอบคุณมากครับ พรุ่งนี้พบกันครับ" สิปาดันวางสายด้วยความลำบากใจ
สิปาดันเดินเข้ามา ลันตาหลับมือโดยยังจับมือเล็ก ๆ ของตาหนูไว้ตลอด
"ขอโทษนะลัน" สิปาดันหอมหน้าผากลันตาเบาๆ
สิปาดันนอนมองตาหนูกับลันตาด้วยสีหน้าเครียด ๆ

ธัญญาเรศพยายามจะเสิร์ชหาคำว่าบ้านเกลียวคลื่น
"มันต้องมีคนเคยแชร์ไว้สิ ต้องมี ๆ"
ธัญญาเรศมีสีหน้าไม่ยอมแพ้

เช้าวันใหม่ ลันตานอนอยู่บนที่นอนค่อย ๆขยับตัวตื่นลืมตามองไปข้างๆ ตัวก็เห็นแต่ความว่างเปล่า ไม่มีตาหนูกับสิปาดันนอนอยู่ด้วย ลันตาลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ
"สิปา....”
เงียบไม่มีเสียงตอบ ลันตารู้สึกไม่สบายใจจึงเดินไปเปิดประตูห้องน้ำ
"สิปา...”
ภายในห้องน้ำว่างเปล่าไม่มีใครอยู่ ลันตาเริ่มใจไม่ดี เธอรีบเดินออกไปนอกห้อง

ลันตาเดินลงมาด้านล่างเพื่อตามหาสิปาดัน
"สิปา...แกอยู่ไหนนะสิปา สิปา!”
ลันตาร้อนใจจะวิ่งออกไปที่หน้าบ้าน
เสียงสิปาดันดังขึ้น "ลัน!”
ลันตาชะงักแล้วหันกลับมาเห็นสิปาดันอุ้มตาหนูเดินเข้ามาทางประตูระเบียง
ลันตาดีใจ "ตาหนู!”
ลันตารีบเข้าไปอุ้มตาหนู
"แกพาตาหนูไปไหนมา" ลันตาถาม
"พาไปเดินเล่น เช้าๆ ไม่มีแดดจะได้ไม่ร้อน"
"ฉันไม่เห็นแกกับตาหนู ฉันใจหาย...คิดว่าแกจะพาตาหนูหนีฉันไปซะแล้ว"
สิปาดันนั่งแล้วหยิบมือถือออกจากระเป๋ากางเกงมาวางบนโต๊ะ
สิปาดันแหย่ "คิดถึงฉันล่ะสิ ต้องเห็นหน้าตลอดเวลา"
"เกินไป...อยู่ด้วยกันแบบนี้ทำไมต้องคิดถึง" ลันตาว่า
"อ้าว...ขนาดฉันนั่งใกล้ขนาดนี้ฉันยังคิดถึงแกตลอดเวลาเลยนะ" สิปาดันบอก
ลันตาผลักหน้าสิปาดันด้วยความหมั่นไส้
ลันตายิ้ม "เลี่ยน!”
เสียงมือถือสิปาดันที่วางอยู่ดัง ลันตาที่อยู่ใกล้กว่าหันไปมองเห็นว่าเบอร์ที่โทรมาดูคุ้นๆ
"เบอร์แปลกอ่ะสิปา" ลันตาบอก
สิปาดันรับมาดู "ไอ้ภูมิ มันเปลี่ยนเบอร์น่ะ เลยยังไม่เมม แป๊บนะ"
สิปาดันเดินออกไปคุยที่ระเบียง
สิปาดันพูดโทรศัพท์เบาๆ "หาทางเข้าไม่เจอเหรอครับ"
ลันตามองตามโดยปากก็พึมพำทวนเลขเบอร์ที่โทรเข้ามา
"ทำไมเบอร์มันคุ้นๆ"
สิปาดันเดินกลับเข้ามา
"ลัน เดี๋ยวฉันออกไปซื้อของที่ปากซอยแป๊บนะ แกจะเอาอะไรไหม" สิปาดันต้องขับรถออกไปนำรถของอนุชิตกับอรขจีเข้ามา
"ไม่ดีกว่า" ลันตาบอก
สิปาดันปิดประตูระเบียงแบบไม่สนิทมากนัก
"งั้นเดี๋ยวฉันจะรีบไปรีบมานะ"
"อืม...”
สิปาดันเดินออกไป ลันตาหยิบมือถือขึ้นมาลองกด ๆ เบอร์ที่ท่องจำได้ ระหว่างที่กดยังไม่ถึงเลขสุดท้ายก็มีสายเรียกเข้าจากมิ้งค์ซะก่อน
ลันตากดรับ "ว่ายังไงมิ้งค์"

มิ้งค์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นมาก
"พี่ลันรู้หรือยังว่าตาหนูเป็นลูกของคุณนุที่หายไป ที่จริงเขาออกข่าวตั้งแต่เมื่อวาน แต่มิ้งค์เพิ่งเห็นข่าว"
"พี่รู้แล้ว" ลันตาบอก
"แล้วพี่จะเอายังไงต่อ โทรไปบอกคุณนุเลยไหมพี่ จะได้ส่งตาหนูคืน"
"อย่าเพิ่ง!...อย่าให้ใครรู้นะว่าตาหนูอยู่กับพี่"
"อ้าว...ทำไมต้องปิดด้วยล่ะพี่ ก็เราไปเชียงใหม่ วุ่นวายกันแทบตายเพื่อตามหาครอบครัวตาหนูให้เจอไม่ใช่เหรอพี่"
ลันตาลำบากใจ
"เอาเป็นว่าทำตามที่พี่ขอแล้วกันนะ"
"แต่เมื่อวานนี้พี่สิปาก็โทรมาขอเบอร์คุณนุไปด้วยนะพี่"
ลันตาตกใจ "มิ้งค์ พี่วางสายก่อนนะ"
มิ้งค์งงว่าเกิดอะไรขึ้น
"อ้าว....แล้วจะยังไงล่ะเนี่ย"
ลันตาลองกดเบอร์จนครบก็พบว่าเป็นเบอร์ของอนุชิตที่เมมเอาไว้จริง ๆ ลันตาอึ้งก่อนจะหันไปมองตาหนูที่นอนหลับอยู่

สิปาดันเดินนำอนุชิตกับอรขจีเข้ามาที่หน้าบ้าน
"พวกคุณรอตรงนี้ก่อนนะครับ ผมขอเข้าไปคุยกับลันก่อน ให้ลันได้เตรียมใจ ลันรักตาหนู ผมหมายถึง เทรย์ ลูกของพวกคุณมาก แล้วลันก็ยังไม่รู้เรื่องที่...”
เสียงลันตาดังขึ้น "เรื่องที่แกติดต่อกับคุณนุโดยไม่บอกฉันน่ะเหรอ"
ทุกคนหันไปตกใจที่เห็นลันตาเดินออกมาด้วยสีหน้าเอาเรื่องมาก
"ลัน!”
"แกจัดการเรื่องของฉันโดยที่ฉันไม่ได้ขอร้อง มันถูกต้องแล้วเหรอสิปา!”
"ลัน...ผมขอบคุณจริงๆ นะที่คุณช่วยดูแลลูกเทรย์มาตลอด" อนุชิตพูด
"ลันตา ฉันขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับเธอ ฉันขอรับลูกกลับบ้านนะ" อรขจีบอก
"แล้วพวกคุณจะใส่ใจลูกคุณได้สักกี่วัน กว่าคุณจะรู้ว่าลูกของคุณหายไปมันนานแค่ไหนแล้ว ถ้าตาหนูไม่ได้เจอฉัน เขาจะเป็นยังไง ตาหนูต้องการการดูแลเอาใจใส่จากคนเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่ใช่ทิ้งเขาเพราะคิดถึงแต่เรื่องตัวเอง!....ตาหนูควรจะอยู่กับคนที่รักและดูแลเขาได้" ลันตาว่า
อนุชิตกับอรขจีหน้าเสียจนสิปาดันต้องช่วยปราม
"ลัน...ใจเย็น ๆ นะ"
ลันตาตวัดสายตามองสิปาดันด้วยความโกรธ "แกก็อีกคน!”
สิปาดันรู้สึกว่าซวยแล้ว

เอื้องคำโมโหมากจึงพูดเสียงดังอย่างอารมณ์เสีย
"แล้วทำไมแกไม่บอกฉัน! ว่านังลันตากับไอ้สิปามันแต่งงานกัน"
"บอกแล้วจะมีประโยชน์อะไรคะ" มะนาวว่า "ขนาดลันตาถูกจับหมั้น สิปายังไปแย่งคืนมาแต่งงานกันจนได้"
"ก็แค่แต่งงาน แกจะยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้"
"เขาจดทะเบียนสมรสกันแล้วค่ะ"
เอื้องคำยิ่งโกรธ "นังบ้า! แกยอมให้พวกมันแต่งงานกันได้ยังไง สมบัติของฉัน ถูกหลานนังมาลัยแย่งไปง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้! สมบัติพวกนั้นมันต้องเป็นของฉัน! นังมาลัย นังนวลมันจะมีความสุขไม่ได้"
มะนาวมองความอาฆาตของเอื้องคำด้วยความลำบากใจ

ธัญญาเรศเดินลัดเลาะมาจากทางชายหาดก็เห็นลันตากับสิปาดันคุยกับอนุชิตและอรขจีที่หน้าบ้าน
ธัญญาเรศหาทางเข้าไปที่ระเบียง เธอเห็นประตูระเบียงปิดไม่สนิท ธัญญาเรศมองตาหนูที่นอนหลับอยู่ ด้วยสายตาร้าย

สิปาดันพยายามจะปรามลันตาด้วยการดึงมาพูดกันเบาๆ สองคน
"แกจะเห็นแก่ความสุขของตัวเองฝ่ายเดียวไม่ได้ คิดถึงใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่เขาคิดถึงลูกสิ"
"พวกนั้นไม่" ลันตาจะพูดว่าไม่มีทางรักตาหนูจริง
สิปาดันแทรก "เขามาที่นี่เพราะเขารักลูก ถ้าเขาไม่รัก เขาก็คงปล่อยให้เรื่องของตาหนูเงียบไปแล้ว ลัน... สองคนนั้นอาจจะเคยทำผิด แต่พวกเขาก็อยากแก้ไข"
"ฉันไม่เชื่อ!” ลันตาว่า
"แกเป็นคนนอก ลัน ส่วนตาหนูกับพวกเขาเป็นครอบครัว มันสมควรแล้วเหรอที่คนนอกอย่างเราจะพรากลูกจากพ่อแม่เขา"
ลันตาอึ้งๆ ก่อนจะเดินหนีเข้าบ้าน

ลันตากลับเข้ามาในห้องก็ตกใจที่ไม่เห็นตาหนูนอนหลับอยู่ที่เดิม
"ตาหนู...”
ลันตามองไปรอบๆ ด้วยความตกใจเพราะเห็นประตูระเบียงเปิดอยู่
"เป็นไปไม่ได้....ตาหนู!”
ลันตาวิ่งออกไปนอกระเบียงก็เห็นธัญญาเรศอุ้มตาหนูวิ่งไปตามชายหาด
"ไอ้ญ่า!”
ธัญญาเรศหันมาด้วยอาการตกใจแล้วรีบวิ่งหนีไป ลันตารีบวิ่งตาม
"เอาตาหนูคืนมา! ไอ้ญ่า!”
สิปาดันมองตามธัญญาเรศที่มุ่งไปที่ถนนเลียบชายหาดที่มีรถจอดอยู่ สิปาดันรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน อรขจีกับอนุชิตที่ตามมาเห็นก็พลอยตกใจรีบวิ่งตามลันตาไปด้วย

สิปาดันรีบวิ่งไปขึ้นรถแล้วขับออกไป ลันตาวิ่งไล่ตามธัญญาเรศสุดแรง ธัญญาเรศวิ่งไปที่รถเปิดรถออกแล้วขึ้นรถ ลันตาวิ่งเข้าไปหาแต่ธัญญาเรศปิดประตูรถได้ก่อน
"เปิดประตูนะไอ้ญ่า"
ธัญญาเรศล็อครถ สตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไป
"เอาตาหนูคืนมา ไอ้ญ่า ไอ้ญ่า"
ลันตาวิ่งตามแบบล้มลุกคลุกคลาน อรขจีกับอนุชิตที่วิ่งตามมาเข้ามาประคองลันตาให้ลุกขึ้น
"ทำยังไงดีคะนุ" อรขจีถาม
"แจ้งความ!" อนุชิตรีบโทรแจ้งความ
สิปาดันขับรถเข้ามาจอด
"ขึ้นรถเร็วเข้า!”
ลันตารีบบอก "ไอ้ญ่าเอาตาหนูไป รีบตามไปเร็วเข้า"
ทุกคนตกใจ

รถของสิปาดันขับไล่ตามรถของธัญญาเรศไปตามถนนเลียบชายหาด
"ไอ้ญ่ามันจะไปไหน" ลันตาสงสัย
"สุดทางนี้เป็นเขาแก้วขึ้นจุดชมวิว ไม่มีทางแยกไปที่อื่น ยังไงเราก็ต้องไล่ตามญ่าได้ทันแน่" สิปาดันบอก
รถธัญญาเรศขับขึ้นไปบนเขาตรงขึ้นไปเรื่อยๆ รถของสิปาดันขับตาม ธัญญาเรศที่อยู่ในรถขับไปอย่างไม่ยอมแพ้

ธัญญาเรศขับรถขึ้นมาสุดทางที่จุดชมวิว ธัญญาเรศตัดสินใจจอดรถแล้วอุ้มตาหนูลงจากรถวิ่งไปตรงริมผาที่มีแค่ราวกั้นไว้ สิปาดันจอดรถ ทุกคนลงจากรถ ธัญญาเรศอุ้มตาหนูวิ่งไปตรงราวกั้น
ลันตาตะโกน "ไอ้ญ่า!”
ธัญญาเรศหันกลับมา
"อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันจะโดด!”
"อย่านะไอ้ญ่า ทำไมแกต้องทำแบบนี้"
"ถามพ่อมันสิ ถามว่ามันทำอะไรกับฉันบ้าง มันได้ฉันแล้วมันก็ทิ้งเพื่อไปแต่งงานกับนังอรขจี ทั้งที่ฉันกำลังท้อง"
สิปาดัน ลันตา และอรขจีตกใจ
"ไอ้ญ่า..ทำไมแกไม่บอกฉัน แล้ว...”
"เขาไม่อยู่แล้ว เพราะนุขอให้ฉันเอาออก" ธัญญาเรศบอก
ลันตายิ่งตกใจกับการตัดสินใจของธัญญาเรศ
ธัญญาเรศพูดต่อ "เขาขอให้ฉันเห็นแก่อนาคตของเขา บอกว่าจะแต่งงานเอาเงินมาสร้างครอบครัว จะเลี้ยงฉันให้สุขสบาย ฉันก็โง่ที่เชื่อ เชื่อในคำสัญญาโง่เง่าที่ไม่มีวันเป็นจริง ฉันเฝ้ารอ..รอวันที่เขาจะกลับมา แต่สุดท้ายเมื่อเขาเจอแก เขากลับเลือกที่จะหย่ากับอรขจีเพื่อแต่งงานกับแก แล้วฉันล่ะ
ฉันยอมเสียใจ เสียลูกไปเพื่ออะไร! ทำไมลูกของฉันถึงไม่ได้เกิด ทำไมถึงเป็นลูกนังอร"
ธัญญาเรศดูคลุ้มคลั่งเหมือนกำลังจะเหวี่ยงตาหนูไป
อนุชิตพูดออกมา "ผมขอโทษ!”
อนุชิตคุกเข่าลงตรงหน้าธัญญาเรศ
"ขอโทษที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณเสียใจ ผมผิดก็มาลงกับผม เอาชีวิตผมไปก็ได้ แต่อย่าทำร้ายลูกผมเลย คืนลูกให้ผมเถอะนะ ธัญญาเรศ ผมขอร้อง....”
"แล้ววันที่ฉันขอร้องคุณ เวลาที่ฉันทุกข์ทรมาน คุณเคยเห็นหัวฉันบ้างไหม! ฉันเกลียดเด็กคนนี้ เกลียด ๆ ๆ"
"ฉันจะหย่า!” อรขจีว่า "ธัญญาเรศ..ถ้าเธออยากได้ผู้ชายคนนี้ เธอเอาไปเลย ฉันไม่ต้องการอะไรนอกจากลูก ฉันจะชดเชย ชดใช้สิ่งที่เธอต้องสูญเสีย ฉันยอมทุกอย่าง ขอแค่คืนลูกให้ฉันนะ"
"ญ่า...คืนเด็กมาเถอะนะ หยุดทุกอย่างตอนนี้ยังไม่สายนะญ่า" สิปาดันพูด
"ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว งาน เพื่อน ไม่เหลือ"
"แกยังมีฉันนะญ่า ฉันยังเป็นเพื่อนของแก" ลันตาบอก
ธัญญาเรศมองอย่างไม่มั่นใจ
"แต่ฉันอิจฉาแก ทำร้ายแกนะลัน" ธัญญาเรศบอก
"ฉันเคยโกรธแก แต่นั่นมันก่อนที่ฉันจะรู้เรื่องทุกอย่าง ฉันไม่รู้เลยญ่าว่าแกต้องเป็นทุกข์เสียใจเพราะฉันขนาดไหน ถ้าฉันรู้ ฉันจะไม่ยอมให้แกเสียลูกไป จะไม่ยอมให้แกต้องเจ็บเพราะผู้ชายที่เห็นแก่ตัว ฉันขอโทษนะญ่า ขอโทษ"
ธัญญาเรศยืนร้องไห้กอดตาหนูนิ่ง สิปาดันขยับเข้าไปแตะไหล่ธัญญาเรศเบาๆ แล้วอุ้มตาหนูมาจากธัญญาเรศ ธัญญาเรศยอมปล่อยตาหนูให้กับสิปาดัน ลันตาที่อยู่อีกด้านยื่นมือให้ธัญญาเรศ
“เราจะเริ่มต้นกันใหม่นะญ่า เชื่อฉันนะ" ลันตาพูด
"ลัน....”
ธัญญาเรศกำลังจะส่งมือให้ลันตา แต่จู่ๆ เสียงไซเรนรถตำรวจก็ดังขึ้นพร้อมกับที่รถตำรวจแล่นเข้ามา ตำรวจลงมาจากรถ ธัญญาเรศตกใจจึงก้าวถอยหลังไปชนกับราวกั้น ทุกคนตกใจ ลันตาพุ่งเข้ารวบตัวธัญญาเรศไว้ได้ก่อนที่ธัญญาเรศจะหงายหลังลงไปอย่างเฉียดฉิว สิปาดันรีบส่งตาหนูให้กับอนุชิต แล้วรีบเข้าไปดูลันตาด้วยความเป็นห่วง
อนุชิตกับอรขจีกอดตาหนูด้วยความรู้สึกโล่งใจ ตำรวจเข้ามารวบตัวธัญญาเรศ ธัญญาเรศมองอนุชิตกับอรขจีที่กอดลูกดูเป็นครอบครัว ในขณะที่เธอถูกตำรวจใส่กุญแจมือ ธัญญาเรศมองภาพอนุชิตกับครอบครัวแล้วก็มองตัวเองที่ถูกใส่กุญแจมือ ตำรวจพาธัญญาเรศไปที่รถ ลันตารีบตามธัญญาเรศไปที่รถ
"ญ่า...แกไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะช่วยแกให้ได้..”
"แค่แกยังเป็นเพื่อนฉันก็พอ...” ธัญญาเรศบอก
ธัญญาเรศยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะขึ้นรถตำรวจแล้วรถก็แล่นออกไป ลันตามองตามด้วยความเสียใจ สิปาดันเข้ามาโอบกอดลันตาเพื่อปลอบใจ

มาลัยคุยโทรศัพท์เสียงดังมาก
"แล้วมีใครเป็นอะไรหรือเปล่า"
"หลาน ๆ ปลอดภัยใช่ไหมคะคุณพี่" อังถาม
"ว่าไงล่ะสิปา!” มาลัยเสียงดัง

สิปาดันคุยมือถือ
"ทุกคนปลอดภัยดีครับ คุณย่า แต่ธัญญาเรศถูกจับ"
"เวรกรรม...แล้วจิตใจยัยลันล่ะเป็นยังไง เสียทั้งเพื่อน ทั้งตาหนู" มาลัยเป็นห่วง
สิปาดันหันมองไปทางลันตาที่กำลังอุ้มตาหนูอยู่ โดยที่อนุชิตกับอรขจีกำลังคุยกับลันตา
"ผมสัญญาว่าผมจะดูแล รักและเอาใจใส่เทรย์ให้มากขึ้น ขอให้คุณเชื่อผม" อนุชิตบอก
"ฉันสัญญาว่าจะเป็นแม่ที่ดี ถ้าคุณยอมยกตาหนูให้กับเรา" อรจีว่า
"พวกคุณจะขอร้องฉันทำไม...ในเมื่อคุณเป็นพ่อแม่ของเด็ก ๆ" ลันตาบอก
"เพราะคุณทำให้เทรย์มีชีวิตกลับมาหาพวกเรา สำหรับเราตอนนี้คุณก็ถือว่าเป็นแม่บุญธรรมของตาหนู เราอยากจะให้เกียรติคุณ" อนุชิตพูด
"ฉันขอบคุณที่คุณให้ความรักกับตาเทรย์มากขนาดนี้ ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะตอบแทนได้" อรขจีบอก
"ฉันขอ...แค่ให้คุณรักและดูแลตาหนูให้ดีก็พอค่ะ ฉันอยากให้เขามีความสุขอยู่กับครอบครัว" ลันตาบอก
ลันตาจะส่งตาหนูคืนโดยที่ลันตายังร้องไห้อาลัยอาวรณ์ตาหนู สิปาดันมองด้วยความรู้สึกสงสารลันตา อนุชิตกับอรขจีต่างก็รู้สึกเห็นใจลันตาไม่ต่างกัน
ในที่สุด อนุชิตกับอรขจีก็พาตาหนูขึ้นรถ ลันตากับสิปาดันยืนส่งมองตามจนลับตา

สิปาดันที่อาบน้ำเสร็จเดินเข้ามาเห็นลันตากอดหมอนที่ตาหนูใช้หนุนหนอนด้วยความอาลัยอาวรณ์
"ไม่รู้ว่าป่านนี้ตาหนูจะกินนมหรือยัง แต่ดึกป่านนี้คงจะนอนแล้ว" ลันตาเปรย
ลันตาซุกหน้าลงไปกับหมอนของตาหนูแล้วนิ่งไป
"ลัน...”
"ฉันคิดถึงตาหนู...สิปา...เวลาไม่เท่าไหร่มันสร้างความผูกพันได้ขนาดนี้เลยเหรอ"
"ถ้าคิดถึงเราก็ไปหาตาหนูได้นะลัน"
"อีกไม่นานเขาก็คงลืมเรา สักวันตาหนูกับเราก็เป็นแค่คนอื่นที่ลืมกันไปตามเวลา"
"สำหรับฉัน ตาหนูเป็นกามเทพตัวน้อยที่ทำให้เราได้อยู่ด้วยกันทำให้ฉันได้กอดแกแบบนี้ เขาไม่มีวันเป็นคนอื่นสำหรับเรา"
"ฉันเข้าใจแล้วว่าย่ารักฉันมากแค่ไหน เกือบสามสิบปีที่ย่าเลี้ยงฉันมา มันมากกว่าความรัก มันคือความผูกพัน...แต่มันก็จบลงอย่างรวดเร็ว"
“...ถ้าอย่างนั้นเราก็มีตาหนูของเราเองดีไหม"
ลันตาเงยหน้าขึ้นมองสิปาดันที่มีสีหน้ากรุ้มกริ่มมาก
"แก..ฉัน"
สิปาดันพูดเบาๆ ข้างหูลันตา "ฉันรักแกนะลัน ฉันอยากดูแลแกกับลูกของเรา"
ลันตาเขินอาย สิปาดันค่อย ๆขยับลงไปใกล้ ลันตามีสีหน้าตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิด แล้วลันตาก็ปล่อยให้สิปาดันเป็นคนนำพาเธอไปสู่ความสุขร่วมกัน

วันใหม่ สิปาดันขยับตัวลืมตาตื่นขึ้นมาหันมองข้างตัวแต่ก็ไม่เห็นลันตา สิปาดันมองเห็นลันตายืนคุยมือถืออยู่ที่ระเบียงด้านนอกจึงขยับลุกเดินตามออกไป

สิปาดันตามออกมายืนเงียบ ๆ
"ฉันโอเคแก"ลันตาพูดโทรศัพท์ "คุณนุกับคุณอรก็ดูจะรักตาหนูมากอยู่...แพท...ฉันสงสารไอ้ญ่าว่ะ...ถ้าเราช่วยอะไรมันได้ ฉันก็อยากช่วย"

แพทคุยมือถือโดยมีมีมิ้งค์รอฟังอยู่ข้าง ๆ
"ถ้าตามที่แกเล่ามันก็โดนเรื่องร้ายๆ มาไม่น้อย รู้แล้วโกรธมันไม่ลงเลย" แพทว่า
สิปาดันเข้ามากอดลันตาจากทางด้านหลัง
"คุยอะไรกันอยู่จ้ะ เมียจ๋า"
ลันตาตกใจ "สิปา...ฉันคุยกับไอ้แพทอยู่"
"ก็คุยไปสิ ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย" สิปาดันบอก
"แกเรียกฉันแบบนั้น ไอ้แพทก็ล้อตายเลย"
"ก็แกเป็นเมียฉันจริงๆ จะเขินทำไม"
"ไอ้บ้า!" ลันตาจะคุยโทรศัพท์ต่อ "ไอ้แพท เรื่องงาน"
พิธานเดินมาที่หน้าห้องประชุมและกำลังจะเข้าไปแต่ก็ชะงักที่ได้ยินเสียงแพทคุยโทรศัพท์
แพทแซวสวนทันที "ว่าไงจ๊ะ เมียเพื่อนจ๋า"
"ไอ้แพท ไอ้บ้า!” ลันตาว่า
แพทหัวเราะชอบใจที่ลันตาเขิน "ในที่สุด ไอ้สิปาก็ปราบแกสำเร็จ....”
พิธานยืนฟังด้วยความแค้นมาก
"เงียบเลยไอ้แพท! แกจัดการเช็คงานนะ กลับไปเราจะเตรียมเอาดรีมลงแผงตามกำหนดทันที"
"ได้จ้ะ เพื่อนจ๋า" แพทบอก

ลันตาวางสายหันมาจะเอาเรื่องสิปาดันแต่เจอสิปาดันมองอย่างกรุ้มกริ่ม
"หิว...”
"หิวก็ไปหาอะไรกินสิ"
สิปาดันนิ่ง ลันตามองหน้าสิปาดันที่มองเธอแบบตาหวานมาก
"ไอ้สัปดน" ลันตาว่า
"ยอม!....” สิปาดันบอก
สิปาดันเข้ากอดลันตา ลันตาเกี่ยงเล็กน้อยพอเป็นพิธี

มิ้งค์ยิ้มโล่งอก
"แฮปปี้เอนดิ้งสักทีเนอะพี่" มิ้งค์บอก
"แล้วคู่เราล่ะ แฮปปี้หรือยัง" แพทถาม
"ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ตอนนี้พอลเขาพยายามเอาชนะใจเตี่ยอยู่ คบแบบเปิดเผยมันดีกว่ามากค่ะ"
"พี่ดีใจด้วยนะ ลัคกี้อินเกม แล้วก็ลัคกี้อินเลิฟด้วย คงไม่รีบแต่งแซงหน้าพี่ใช่ไหม"
"ฝ่าด่านเตี่ยมันไม่ง่ายหรอกพี่ เขาขี้ระแวง เชื่อใจใครยาก พอลต้องเหนื่อยอีกนานค่ะพี่"
พิธานฟังอย่างคิดแผนร้ายจะจัดการคู่พอลกับมิ้งค์เพื่อแก้แค้น

ลันตากับสิปาดันวิ่งออกกำลัง แล้วก็หยุดเพื่อยืดเส้น สาวๆ มองสิปาดัน สิปาดันไม่ได้ยิ้มตอบ แต่ลันตาดึงหูสิปาดันด้วยความหึง
สิปาดันเตรียมอาหารเช้า ลันตาชงกาแฟ แล้วทั้งสองคนก็นั่งรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน
เวลาผ่านไป สิปาดันกับลันตานั่งเชียร์บอลตอนกลางคืนโดยแต่งเต็มที่เชียร์เต็มที่ด้วยอาการตื่นเต้น ทั้งสองเฮกอดกัน จนลันตาหลับไปในอ้อมกอดสิปาดันที่โซฟา
สิปาดันกับลันตาช่วยกันจัดบ้าน ทำความสะอาด เสียงกริ่งหน้าห้องดัง ลันตารีบวิ่งไปเปิด สิปาดันมองเห็นแมสเซ็นเจอร์เอาถุงเมี่ยงคำที่แพ็คอย่างดีถุงใหญ่มาให้ ลันตารับแล้วปิดประตู
“อะไรน่ะลัน” สิปาดันถาม
“เมี่ยงคำเจ้าอร่อย คุณย่าให้แมสเซ็นเจอร์มาส่งให้ มีโน้ตด้วยนะ” ลันตาอ่าน “ของโปรดของแก กินแล้วจะไม่จำได้ว่ามีหัวหงอกอยู่อีกสองคน”
“คุณย่าคงคิดถึงหลานเขยมาก ถึงขั้นส่งเมี่ยงคำมาประชดกันเลยทีเดียว” สิปาดันบอก
“ก็หลานรักไม่ได้ไปหาเป็นอาทิตย์ ถึงจะโทรรายงานตัวก็เถอะ” ลันตาบอก
“วีคหน้าวันไหนฉันหยุด ไปนอนค้างบ้านคุณย่าไหมล่ะ”
“จริงเหรอ”
“จริง....แล้วก็แว่บขึ้นไปหาย่ากับพ่อฉันด้วย คงอยากรู้ความคืบหน้า”
“คืบหน้า?...เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องหลานของท่านไง ตั้งแต่หลังแต่งงานจนถึงวันนี้ ที่โทรมาทุกวันก็ถามแต่ท้องยัง ท้องยัง”
ลันตาเขิน “ไอ้บ้า.... สิปา พรุ่งนี้แกหมดวันลาแล้วใช่ไหม พี่นีโทรตามให้ฉันไปทำงาน หยุดนานเกินละ”
“งั้นเย็นนี้เราไปดินเนอร์กัน โอเคไหม”
ลันตายิ้ม “โอเค...กินเมี่ยงคำมะ ฉันห่อให้”
ลันตาห่อเมี่ยงคำป้อนสิปาดันโดยงับทั้งมือ ลันตาเบิ๊ดกะโหลกด้วยความลืมตัว สิปาดันร้องโอ้ย ลันตาขอโทษขอโพยเพราะเคยมือ

พอลกำลังปั้นน้ำตาลเป็นรูปพ่อ แม่ ลูกเพื่อวางบนหน้าเค้กที่เตรียมไว้ มีน้ำตาลเป็นแผ่นเล็ก ๆ เขียนว่า Happy Anniversary วางอยู่ก่อนแล้ว มิ้งค์เข้ามาเห็นพอลกำลังปั้นอย่างมุ่งมั่นมาก ๆ ตามรูปในชุดแต่งงานที่ลูกค้าส่งมาให้ โดยฝ่ายชายใส่ชุดเจ้าบ่าวสีขาว ฝ่ายหญิงใส่ชุดเจ้าสาวที่เป็นผ้าลูกไม้
“โอ้โห...ครบรอบแต่งงานเหรอคุณ” มิ้งค์ถาม
“สามีเขาอยากทำเซอร์ไพร์สน่ะ” พอลบอก
“โรแมนติกจังเลย” มิ้งค์มองตุ๊กตาฝ่ายชายที่พอลปั้นยังไม่เสร็จ “นี่คุณ ฉันปั้นผู้หญิงให้ไหม”
พอลไม่แน่ใจ “ไหวเหรอคุณ? ต้องปั้นให้เหมือนนะ”
“ฉันเป็นมือวางในการห่อกุ้ยช่ายของบ้านเลยนะ เรื่องปั้น ๆ สร้างสรรค์ฉันน่ะ มือวางอันดับหนึ่งนะ”
“งั้นขอดูฝีมือเลย”
มิ้งค์กระตือรือร้นลงมือปั้น ๆ พอลมองมิ้งค์ที่มุ่งมั่นตั้งใจมาก เวลาผ่านไป พอลวางตกแต่งฝ่ายชายและปั้นเด็กทารกเรียบร้อยรอตกแต่ง
“เสร็จหรือยังคุณ อีกครึ่งชั่วโมงลูกค้าจะมารับเค้กแล้ว” พอลบอก
มิ้งค์หันมาด้วยสีหน้าไม่มั่นใจนัก
“ขออีกแป๊บได้ไหม”
“ไหน ขอผมดูหน่อย”
มิ้งค์เอาตัวบังจะไม่ให้ดู แต่พอลก็ดันตัวมิ้งค์ออกไปจนได้ พอลเห็นตุ๊กตาน้ำตาลผู้หญิงของมิ้งค์ ตัวบวม หน้ายาว ลายที่ชุดก็ดูหนาจนชุดดูเทอะทะ
พอลอึ้ง “มือวางอันดับหนึ่ง”
มิ้งค์หน้าเสีย “มันใช้ไม่ได้หรอกเนอะ เดี๋ยวฉันปั้นให้ใหม่”
“ไม่ต้องหรอก ใช้อันนี้ก็ได้”
มิ้งค์หยิบตุ๊กตาขึ้นมามองจ๋อย ๆ “แต่มันไม่สวย”
“ทุกปัญหาแก้ไขได้...แบบนี้”
พอลรับเอาตุ๊กตามาแล้วก็จัดการตัดแต่งแก้ไข มิ้งค์ขยับเข้ามาดูอย่างสนใจทำให้อยู่ใกล้โดยไม่รู้ตัว พอลชะงักไปเล็กๆ แล้วก็เหลือบมองหน้ามิ้งค์ที่อยู่ใกล้มาก
“ใกล้ไปแล้วนะเตี้ย” พอลว่า
มิ้งค์หันไปมองเห็นหน้าพอลที่มองมาแบบตาวิบวับมาก มิ้งค์มองตัวเองที่อยู่ใกล้มากแล้วก็กระเด้งตัวออกมา มิ้งค์เขิน บรรยากาศในครัวเงียบไปชั่วขณะ
มิ้งค์กลบเกลื่อนความเขิน “เออ!....ม๊าโทรมาบอกว่าเย็นนี้ให้คุณไปกินข้าวที่บ้าน”
“ผมว่าเตี่ยคุณหลงผมแล้วล่ะ แต่ยังฟอร์มให้ม๊ามาเรียก” พอลบอก
“ปากดี วันไหนเจอเตี่ยอาละวาดนะคุณ...เละแน่”
พอลเอานิ้วแตะที่ปากมิ้งค์ให้หยุดพูด “ชู่ว์....อย่าพูดไม่เป็นมงคลสิคุณ”
มิ้งค์ชะงักแล้วหยิกที่แขนพอล
“มือไวใหญ่แล้วนะเครา”
“โอ้ยๆ ๆ นี่แฟนกันแล้วนะ”
“แฟนก็ไม่ได้”
พอลร้องโวยวาย ทั้งสองคนมีความสุขกันมาก

เตี่ยกับม๊ากำลังเตรียมกับข้าวเพื่อรอพอลกับมิ้งค์มา
“อั๊วบอกให้ลื้อทำหัวปลาผัดขึ้นฉ่ายให้อาพอลอีลองชิม ลื้อไม่ได้ทำเหรอ”
“ทำแล้ว เดี๋ยวอั๊วยกออกมา”
เตี่ยมีสีหน้าพอใจ “แล้วอามิ้งค์กับอาพอลจะถึงหรือยัง”
“ใกล้แล้ว...” ม๊ามองอาการของเตี่ยอย่างรู้ทันว่าพอใจพอล “อาพอลอีเป็นคนดีนะ”
“อย่างน้อยอีก็เปิดเผย...ตรงไปตรงมา ดูอีเหลาซิก(หมายถึงเป็นคนซื่อ ๆ)ดีนะ”
“อามิ้งค์เจอคนดี อั๊วก็สบายใจ” ม๊าบอก
เตี่ยแค่ยิ้มนิด ๆ ไม่ตอบอะไร
เสียงพิธานดังขึ้น “ขอโทษนะครับ”
เตี่ยกับม๊าหันไปเห็นพิธานที่เดินเข้ามา ทั้งคู่งงว่าพิธานเป็นใคร
“ผมชื่อพิธาน เป็นพี่ชายของพอล”
“อ้อ..แล้วอาพอลกับอามิ้งค์ล่ะ ไม่ได้มาพร้อมกันเหรอ” เตี่ยถาม
“พอลให้ผมมาก่อนเพื่อคุยกับคุณพ่อคุณแม่ของมิ้งค์น่ะครับ” พิธานบอก

ณ ร้านผลไม้ที่มีทั้งส้ม สาลี่ และแอปเปิ้ล พอลเลือกหยิบสาลี่กับแอปเปิ้ลอยู่
“เร็วหน่อยคุณ” มิ้งค์เร่ง “สายแล้วเดี๋ยวก็โดนเม้งพอดี”
“อีกแป๊บเดียว ต้องเลือกที่มันสวย ๆ ว่าที่พ่อตาจะได้ประทับใจ”
มิ้งค์ส่ายหน้ากับความเยอะของพอลแต่ก็อดยิ้มไม่ได้

พิธานมองไปรอบๆ บ้าน
“บ้านนี้เช่าหรือซื้อครับ” พิธานถาม
“เซ้งสิบปี” เตี่ยตอบ
“อืม...ขายกุ้ยช่าย บ้านก็ไม่ใช่ของตัวเอง เป็นพวกหาเช้ากินค่ำจริง ๆ คุณสองคนคงลำบากมากถึงต้องให้ลูกสาวใช้วิธีสิ้นคิดแบบนั้น”
เตี่ยหน้าตึง “ลูกสาวผมทำอะไร คุณถึงมาพูดจาแบบนั้น”
“มิ้งค์ตั้งใจจับน้องชายผมเพราะหวังรวยทางลัด”
เตี่ยกับม๊าอึ้ง
เตี่ยโกรธ “ไม่จริง ลูกสาวผมไม่เคยทำเรื่องน่าอายแบบนั้น น้องชายคุณต่างหากที่มาขอคบกับลูกสาวผม”
“น้องชายผมมีชื่อเสียง มีเงิน มีผู้หญิงหิวเงินหลายคนที่เอาตัวเข้าแลกเพื่อจับพอล พอจับสำเร็จก็เรียกร้องการผูกมัด ผมก็เบื่อนะครับที่ต้องมาจัดการกับผู้หญิงไร้ยางอายพวกนี้ รักสบายแต่ไม่คิดหาเงินด้วยตัวเอง ทำตัวเป็นปลิงเกาะผู้ชายไปวันๆ”
เตี่ยโกรธมาก “หุบปาก!”
พิธานยังกวนตีนเหมือนไม่รับรู้ถึงความโกรธของเตี่ย “พอลมาปรึกษาผมเพราะลูกสาวคุณชักจะเรียกร้องมากขึ้นอ้างว่าจะเอาเงินมาเผื่อแผ่ให้ที่บ้าน ผมสงสารน้องก็เลยต้องออกหน้าเคลียร์เรื่องนี้ให้เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา”
พิธานเลื่อนเงินห้าหมื่นบาทมาตรงหน้าเตี่ย
“เงินสดห้าหมื่นบาท มันอาจจะไม่มากนัก”
“นี่มันเงินค่าอะไร” เตี่ยถาม
“ค่าตัว...ที่ผมก็ไม่แน่ใจว่าจ่ายแล้วคุ้มไหม เพราะน้องผมก็ไม่แน่ใจว่าลูกสาวคุณผ่านผู้ชายมามากแค่ไหน”
“ออกไปจากบ้านอั๊ว!” เตี่ยไล่
พิธานพูดหน้าซื่อมาก “คนระดับพวกคุณคงไม่ได้...เข้าใจอะไรยากนัก จนผมต้องพูดซ้ำซาก ว่าพวกคุณควรจัดการเรื่องนี้แบบไหน”
พิธานจะเดินออกไป
เตี่ยเรียกไว้ “เดี๋ยว!”
พิธานชะงักแล้วหันกลับมา
“เอาเงินของคุณกลับไป”
พิธานกวนตีน “มันน้อยไปเหรอครับ”
เตี่ยโกรธ “ถึงพวกอั๊วจะจนแต่ไม่ชั่ว คนอย่างอั๊วไม่เคยคิดขายลูกกิน”
พิธานเห็นเตี่ยโกรธก็รู้ว่าเข้าทางเต็ม ๆ จึงยิ้มสะใจ
อ่านต่อตอนที่ 14

กำลังโหลดความคิดเห็น