ข่าวละคร "รักคุณเท่าช้าง"
"แม๊กกี้-อาภา" ชวนดูละคร "รักคุณเท่าช้าง"
เผย มีดีมากกว่าความสนุก!
มีโอกาสได้มาร่วมงานกับค่ายดูมันดี เป็นครั้งแรกในละครบิ๊กไซส์อารมณ์ดีเรื่อง “รักคุณเท่าช้าง” ที่มีคิวออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.30 น. ทางช่อง 7 สี ทำเอานางเอกสาว แม๊กกี้-อาภา ภาวิไล ถึงกับเป็นปลื้ม และดีอกดีใจที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับผู้กำกับฯ ไฟแรง วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร รวมทั้งได้มาประกบคู่กับพระเอกหน้าเด็ก เขตต์ ฐานทัพ ซึ่งสาวแม๊กกี้บอกว่าเป็นแฟนละครมาตั้งแต่วัยเด็ก พอมีโอกาสได้มาเป็น “นางเอก” ของหนุ่มเขตต์ ทำเอาเจ้าตัวถึงกับเกร็งเลยทีเดียว
“รักคุณเท่าช้าง” ยังเป็นละครที่สาวแม๊กกี้ต้องสวมบทถึงสองคาแร็กเตอร์ด้วย เรียกได้ว่าเป็นละครเรื่องแรกที่จะตัวทุ่มเทแบบสุดตัว แถมยังต้องเข้าฉากกับ “ช้าง” เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวบอกว่า ทั้งกลัว ทั้งเกร็ง แต่พอได้เข้าฉากด้วยกันจนเกิดความผูกพัน ณ วันนี้สาวแม๊กกี้หลงรัก “ช้าง” แบบหัวปักหัวปำเลยทีเดียว
เรามีโอกาสได้เจอสาว แม๊กกี้-อาภา ในกองถ่ายละคร “รักคุณเท่าช้าง” จึงจับมือเธอมาร่วมพูดคุยถึงละครเรื่องนี้ มาดูกันว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรกับละครเรื่องนี้บ้าง
ทราบมาว่าเรื่องนี้ได้เล่นเป็นสองคาแร็กเตอร์
"ใช่ค่ะ เล่นเป็นเมี๊ยะ กับ ไม้โดยเมี๊ยะจะเป็นเด็กผู้หญิงลูกของหัวหน้าเผ่าที่อยู่ในป่า ส่วนไม้ก็จะเป็นเวอร์ชั่นที่เมี๊ยะปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อปิดบังความลับและรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านของเรา พอเข้ามาในเมือง ทุกคนในเมืองก็เลยเข้าใจว่าเราชื่อ “ไม้” ทั้งนี้บุคลิกตัวละครตัวนี้ความที่อยู่ในป่าไม่ได้เรียนหนังสือ จึงไม่รู้จักพวกเทคโนโลยีใหม่ๆเพราะโตมากับป่าเขา ความที่เราเป็นลูกหัวหน้าเผ่าก็เลยไม่ค่อยจะเกรงกลัวใครลักษณะก็ไม่ค่อยเหมือนผู้หญิง สามารถป้องกันตัวเองและครอบครัวได้ค่ะ
แล้ววันหนึ่ง ช้างต้น (เขตต์ ฐานทัพ) ที่อยู่กรมป่าไม้ เข้ามาสำรวจพื้นที่ก็เลยไปเจอกับกลุ่มโจร ทำให้ได้รับบาดเจ็บแล้วเราก็ไปเห็นพอดีก็เลยเอาเข้ามารักษาที่หมู่บ้าน ความที่เห็นการแต่งตัวที่แปลกๆไม่เคยเห็นก็เลยให้ความสนใจแถมยังมีของแปลกๆพวกนาฬิกา, เข็มทิศพวกเครื่องมือสื่อสาร เราก็เลยยิ่งสนใจถามโน่นถามนี่จากการแต่งตัวทะมัดทะแมงใส่กางเกง โพกผ้าพระเอกก็เลยคิดว่าเราเป็นเด็กผู้ชาย เลยก็ทำกลมกลืนว่าใช่ไปเลยค่ะ
ในขณะเดียวกัน “ท่านผู้เฒ่ามะเด” (ค่อม ชวนชื่น) หมอผีประจำหมู่บ้านที่ทุกคนในหมู่บ้านให้ความเคารพก็บอกว่าให้เราปลอมตัวเป็นผู้ชายไปก่อนเพื่อความปลอดภัยของตัวเราและครอบครัว ในตอนแรกเราก็ยังไม่รู้เหตุผลนะแต่ก็เชื่อพอเข้ามาอยู่ในเมืองก็เลยปลอมเป็นผู้ชายตลอดอีกทั้งตลอดเวลาอยู่ในป่าก็จะเห็นแมงปอยักษ์บินผ่านตลอดเมี๊ยะเลยตั้งความฝันว่าสักวันจะตามไปให้ได้ ซึ่งแมงปอยักษ์ที่ว่าก็คือเฮลิคอปเตอร์ นั่นเอง
แต่ตอนแรกเมี๊ยะก็ไม่อยากออกจากหมู่บ้าน เพราะห่วงหมู่บ้าน แล้วก็ห่วงเพื่อนซึ่งเป็นช้างเผือกที่โตขึ้นมากับเราชื่อ “สีงา” เป็นช้างที่สวยมากในเรื่องมีแต่คนจะอยากได้ พอมาอยู่กรุงเทพฯก็เลยอยากเอามาอยู่ด้วยแต่ก็ไม่ได้แรกๆก็เลยไม่เข้าใจว่าทำไมเอามาไว้ในบ้านไม่ได้ และพอเอามาอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็เลยเป็นห่วง ยิ่งมาตอนหลังได้รับข่าวว่าหาสีงาไม่เจอก็เลยยิ่งห่วงมาก ในขณะเดียวกันการได้มาอยู่บ้านพระเอกได้เจอครอบครัวพระเอกก็มีการปะทะคารมมากมาย อีกอารมณ์หนึ่งก็รู้สึกสนุกสนานตื่นตาตื่นใจตลอดเวลาที่อยู่ในกรุงเทพฯค่ะ"
ครั้งแรกกับบทปลอมตัวเป็นผู้ชาย
“ใช่ค่ะ มันก็เล่นยากเหมือนกันทำยังไงให้ดูเหมือนเด็กผู้ชายเป็นบทที่ ต้องมีการปรับโทนเสียง ท่าทาง เสื้อผ้าหน้าผม แต่ในฉากก็มีต้องเล่นหลุดกรี๊ดออกมาบ้าง แต่ก็ต้องคอยระวังเพราะกลัวเขาจะจับได้ เป็นการแสดงที่เราต้องมีสติอยู่ตลอดเวลาเพราะต้องคุมตัวเองทุกอย่าง จะมาเดินอ้อนแอ้นเป็นผู้หญิงก็ไม่ได้แต่ปกติบุคลิกหนูก็ไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไหร่ติดแก่นๆเวลาแสดงเลยไม่ค่อยยาก นอกจากนี้ในบทเราต้องคอยจินตนาการด้วยเพราะเราทำเป็นของที่อยู่รอบๆตัวเราๆไม่เคยเห็นไม่รู้จัก พอได้เห็นก็จะตื่นเต้นแปลกตาบางครั้งก็จะกลัวหาทางป้องกันตลอด ถือเป็นอีกบทที่ท้าทายต่างจากเรื่องอื่นโดยที่ผ่านมาจะเล่นแนวบู๊ดราม่าจริงจัง แต่เรื่องนี้ก็มีบทแบบนี้แถมมีคอเมดี้เข้ามาร่วมด้วย ถือเป็นตัวละครที่ต้องใช้พลังเยอะค่ะ"
ผู้กำกับฯ มีการแนะนำให้ระวังในจุดตรงไหนมั๊ย
"แรกๆ ก็จะให้คุมเรื่องเสียงเพราะถูกติงว่าพูดออกมาเป็นเสียงโทนเดียวกันหมด เวลาโมโหก็จะออกมาเหมือนตะโคกตลอดเวลาไม่ได้อารมณ์ ก็เลยต้องค่อยๆแก้ทำความเข้าใจกับบทให้มากขึ้นเวลาพูดออกมาก็เลยจะมีเสียงโทนต่ำด้วย นอกเหนือจากเรื่องนี้ก็ไม่ค่อยมีนะ พี่วุธ (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) ผู้กำกับฯ บอกว่าสบายไม่มีอะไรห่วง หนูเลยแซวกลับว่า “ช่วยห่วงหนูหน่อยเถอะ” เพราะบางทีเราก็กลัวว่าคาแรคเตอร์จะหลุด กลัวจะเหมือนผู้หญิงเกินไปตอนที่ปลอมตัวแล้วคนดูจะหาว่าพระเอกทำไมโง่ มองไม่ออกหรือว่านี่คือผู้หญิง ก็เลยอยากให้คอยเตือนถ้าเราหลุดค่ะ ส่วนใหญ่พี่วุธบอกว่าอยากให้ตัวละครทุกตัวดูสนุก จะใส่มุขให้ฮาตลอดเวลา พวกเราคิดว่าเราก็ยิงมุขกันเต็มแล้วนะแต่พี่วุธก็ยังมาได้อีก ยอมรับว่าเป็นผู้กำกับฯ ที่แน่นมาก มีมุขที่ขยี้แล้วขยี้อีกแบบคาดไม่ถึงเยอะจริงๆ สนุกแน่นอนคอเมดี้เยอะค่ะ"
ฉากไหนรู้สึกยากที่สุดตั้งแต่ถ่ายทำมา
"ฉากที่ต้องแสดงกับช้างเป็นครั้งแรกที่ต้องแสดงกับช้าง นเรื่องนี้หนูต้องถ่ายกับช้างเยอะมากซึ่งในฉากจะใกล้ชิดกับเขามากแล้วช้างก็ต้องเล่นกับเราด้วย แรกๆก็เลยกลัวว่ามันจะตกมันมั้ย มันจะหิวมั้ย แล้วอากาศร้อนอีกก็เลยห่วงว่ามันจะทนไหวมั้ย ซึ่งมันก็อยากจะเดินไปไหนมาไหนของมันนะแต่บางทีไม่ได้ต้องกักตัวมันไว้ให้อยู่ตรงจุดนั้น มันก็เลยหงุดหงิดฝาดงวงไปมา เอาทรายขึ้นมาพ่นตัว หรือไม่ก็เอาตัวไปถูต้นไม้เพราะเราไปทาสีที่ตัวเพื่อให้ดูเป็นช้างเผือกมันก็เลยคัน ซึ่งเราก็เข้าใจมันนะ เวลาถ่ายทำเราก็พยายามจะมองตาเค้า แล้วในเรื่องเราจะมีย่ามประจำตัวในย่ามก็จะเอากล้วยใส่ไว้เพื่อให้มันกินจะได้อยู่กับเรา
มีฉากหนึ่งที่เราต้องพรากกับสีงาเราก็ไม่เข้าใจท่านพ่อว่าทำไมต้องให้แยกกับสีงาด้วยจะเอาไปให้ใคร ก็เลยโกรธร้องไห้โวยวายเพราะเราผูกพันกับมันมาก “ข้าไม่ยอม...” ตะโกนเสียงดัง ปรากฏว่ามันตกใจเดินหนี เราก็ต้องวิ่งตามช้างว่า แล้วพูดบทว่า “สีงาเจ้าจะไปไหน เจ้าอย่าไป” แล้วพยายามต้อนให้มันไม่ไปไหนพร้อมกับกอดขากอดงวง เราก็จู่โจมแบบลืมไปว่ามันเป็นช้าง มันก็ตกใจพยายามเบี่ยงตัวหนีหันตูดให้เราก็ไหลไปตามบทดึงหางมันเลยแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปจับงวงจับงา พยายามไม่ไห้เดินหนีแล้วก็ต้องแสดงร้องไห้ไปด้วย...มันเป็นอะไรที่ยากมากเหมือนต้องอยู่ในสถานการณ์ในบทตอนนั้น พูดบทไปด้วยในขณะเดียวกันก็ต้องคอนโทรลช้าง ซึ่งโชคดีหน่อยที่ช้างตัวนี้เป็นช้างแก่ แล้วก็เป็นช้างดาราเล่นมาหลายเรื่องหนูมารู้ตอนหลังก็เลยวางใจ มันเป็นช้างที่น่ารักนะ ในเรื่องหนูต้องขี่ช้างด้วยฉากเปิดเรื่องก็ต้องขี่ออกมาอย่างสง่าเลยเดินๆไปมันมีหลุมใหญ่มากหนูก็กลัวนะแต่มันก็หยุดเดินจำได้ว่าเรียกหาบันไดรีบลงจากหลังช้างเลย"
ฉากไหนที่ประทับใจสุดๆ
"จริงๆ รู้สึกว่าสวยทุกฉาก แต่ถ้าจะให้ระบุก็น่าจะเป็นฉากที่อยู่ในป่ากับธรรมชาติ อยู่กับช้างสีงา อยู่กับท่านพ่อท่านแม่ในเผ่า ความสดใสของเด็กๆผจญภัยอยู่ในป่าออกไปล่าสัตว์ ซึ่งภาพออกมาสวยมาก ตัวละครทุกคนมีคาแรคเตอร์มันน่ารักมากค่ะ ยอมรับว่าชอบมากละครเรื่องนี้เป็นละครที่ช่วงหนึ่งมีอะไรให้เราได้คิดเล่นๆแถมสามารถครีเอทได้ว่าตัวละครตัวนี้ซีนนี้จะเล่นมุขอะไรดี สามารถทำอะไรได้บ้างเหมือนเราได้มีส่วนร่วมนอกเหนือจากการแสดง"
พูดถึงพระเอก เขตต์ ฐานทัพ เป็นอย่างไร เม้าท์ให้ฟังหน่อย
"ไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสมาร่วมงานกัน เพราะดูละครพี่เขาเล่นตั้งแต่สมัยเล่นกับพี่นุ่น (วรนุช) ยังเป็นเด็กนักเรียนไม่เคยคิดเข้าวงการเลยค่ะ แล้วพอได้เข้าวงการมาวันนี้ได้เล่นละครกับพี่เขา ก็ยอมรับว่าพี่เขาเป็นพระเอกที่หน้าเหมือนเดิม หน้าเป๊ะเด็กมากไม่รู้มียาอะไรดี ในความที่พี่เขาเป็นผู้ใหญ่เราเป็นเด็กก็อาจมีระยะห่างจึงทำให้เรามีระยะในการคุยกันบ้าง ตอนเข้าฉากแรกๆก็มีเกร็งเพราะเราไปคิดถึงภาพตอนที่เห็นพี่เขาก็เลยไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมาก็จะคอยถามพี่เขาว่าเล่นเป็นไง เมื่อกี้เล่นเยอะไปมั้ย เพราะบางฉากก็มีทุบพี่เขา ขี่หลังก็มี...พี่เขาก็บอกว่าโอเค.นะ สบายมาก...พอแสดงไปหลังๆ ก็เริ่มสนิทสนมกันทำให้มีความกล้าเล่นกล้าคุยด้วย ซึ่งพี่เขาก็มีมุมตลกๆ คุยกันดีนะ"
สิ่งที่จะได้รับที่คนดูจะได้จากการดูละครเรื่องนี้
"แน่นอนต้องได้รับความบันเทิงเพราะเป็นละครอารมณ์ดี ในขณะเดียวกันก็มีสอดแทรกสาระเรื่องของศีลธรรม เรื่องป่าไม้ คนตัดไม้ทำลายป่า เรื่องของคนขายช้าง ขายชาติสะท้อนสังคมด้วย นอกจากนี้ก็จะได้เห็นวัฒนธรรมใหม่ๆ ในยุคที่ยังไม่มีเทคโนโลยี รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์ด้วย ก็เป็นละครน้ำดีที่อยากให้ทุกคนติดตามกันนะคะ"