xs
xsm
sm
md
lg

"จิม-โสภณ" เผยแง่มุมจาก ผกก. "ฝากไว้..ในกายเธอ" สู่การฝากแง่คิดไว้ให้คนดู

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"จิม-โสภณ" เผยแง่มุม ผกก.
สู่การฝากแง่คิดไว้ให้คนดู

สร้างชื่อเสียงโด่งดังจากหนังผี ลัดดาแลนด์ จนหลายคนต้องยกนิ้วให้ในความสยองขวัญ ที่แฝงไปด้วยเรื่องราวสะท้อนภาพปัญหาในครอบครัว ล่าสุดผู้กำกับคนเก่ง จิม-โสภณ ศักดาพิศิษฏ์ กลับมาฝากผลงานเรื่องใหม่ “ฝากไว้..ในกายเธอ” ค่าย จีทีเอช ให้คอหนังได้สัมผัสรสชาติใหม่ของหนังผีอารมณ์พลุ่งพล่าน ที่ไม่ได้มีแค่ความน่ากลัว แต่แฝงแง่คิดบางอย่างไว้ให้คนดูได้คิดต่อ และสนุกกับการตีความ ว่าจริงๆ แล้วบางทีคนอาจน่ากลัวกว่าผี! โดยมี 4 นักแสดงสุดฮอต มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล, ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร, เก้า-สุภัสสรา ธนชาต และ วี-วิโอเลต วอเทียร์ ร่วมงาน ด้วยกระแสความแรงทำให้หนังเรื่องนี้ ทำรายได้ 7 วัน 50 ล้าน

ใช้เวลาเขียนบทกันมานานแค่ไหน
“เรื่องนี้ใช้เวลาเขียนนานมาก นานเป็นปี เพื่อให้ได้เรื่องราวที่สนุก ตื่นเต้น นอกจากเขียนบทนานแล้ว การถ่ายทำโปรดักชั่นยาก และโหดมาก เป็นหนังผีเรื่องแรกของผม และจีทีเอช ที่ใช้อุปกรณ์ถ่ายทำใต้น้ำเยอะมาก รวมทั้งเราถ่ายทำกันข้ามวันข้ามคืน โดยเฉพาะฉากว่ายน้ำ ซีนใต้น้ำทั้งหลาย เราควบคุมยากมาก ทั้งสภาพอากาศที่หนาวเย็น ช่วงที่เราถ่ายทำ เป็นช่วงที่กรุงเทพหนาวสุดในรอบ 10 ปี นักแสดงทั้ง 3 คน ต้องทุ่มเท และอดทนสุดๆ ต่อ-เก้า-มาร์ช ต้องเตรียมความพร้อมก่อนถ่ายทำนานถึง 2 เดือน เพื่อไปฝึกว่ายน้ำ ดำน้ำ กับนักกีฬาทีมชาติ เข้าฟิตเนส เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงดูเหมือนนักกีฬาว่ายน้ำจริงๆ“

การทำงานในฝั่งของโปรดักชั่นมีความยากง่ายแค่ไหน
“ผมว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่รวมสุดยอดความยากไว้ในเรื่องเดียวกัน ทั้งโปรดักชั่นใต้น้ำ ความทุ่มเทของ 3 นักแสดงนำ มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล, เก้า-สุภัสสรา ธนชาต และต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร ที่ต้องพยายามเอาชนะอุปสรรค ความหนาว และความกลัวไปให้ได้ ไม่ว่าจะเรื่องความสูง สลิง เอฟเฟค ความเหนื่อยที่ทุกคนต้องใช้ร่างกายอย่างหนักกับการว่ายน้ำ การอยู่ในสระน้ำช่วงที่อากาศเย็น การกลั้นหายใจใต้น้ำเป็นเวลานาน การทรงตัวในน้ำ บางครั้งถ่ายทำถึง 2 วัน แต่ใช้เพียงซีนเดียว ซึ่งผมประทับใจในความทุ่มเท อดทนของนักแสดงวัยรุ่นทั้ง 3 คนมาก ไม่เคยมีใครบ่นเหนื่อย ทุกคนพร้อมเพื่อให้ได้งานที่ดีที่สุด เมื่อทุกหัวใจรวมเป็นหนึ่งเดียว ผมเลยรักและประทับใจการทำหนังเรื่องนี้มากครับ”

หนังเรื่องนี้สอดแทรกแง่คิดอะไรลงไปด้วย
“มุมมองของผมคืออยากให้วัยรุ่นเห็น บางทีไม่ต้องรอให้เด็กเจอปัญหาเอง การดูหนัง เหมือนเป็นการจำลองสถานการณ์ที่ใกล้ตัว สิ่งที่เค้าเป็น และทำให้เห็นผลของมัน โดยที่ไม่ต้องเจอเอง ว่าระหว่างทางเป็นอย่างไรบ้าง มันเครียด มันกดดัน มันเจอปัญหาอะไรมากมาย ผมว่ามันก็ดี ที่ทำให้เค้ารู้สึก และเห็นภาพในสิ่งที่ตัวเอง กำลังจะทำ หรือทำอยู่”

เหมือนการถลำตัวทำความผิดไปแล้วสักครั้งหนึ่ง เราควรจะหาคนที่เป็นที่ปรึกษา จะได้ไม่ทำผิดซ้ำซ้อนใช่ไหม
“ใช่ครับ เรื่องนี้สิ่งที่ชัดเจนมากคือการเล่าเรื่องครับ เรื่องนี้สังเกตุว่าคนดูไม่ได้อยากรู้ความลับ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น คนดูรู้เยอะแล้ว รู้มาตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว ผมเล่าในมุมที่คนทำผิดคนหนึ่ง แล้วเล่าในมุมคนทำผิดมากกว่า ว่าพอทำผิดครั้งที่หนึ่งปุ๊บ แล้วเค้าตัดสินใจเลือกทางที่ผิด มันก็จะยิ่งผิดลงไปเรื่อยๆ อยากให้เห็นถึงผลการกระทำอันนั้น ของการที่ไม่ยอมรับคตวามจริง คือความลับบางอย่าง ความผิดบางอย่างไม่ควรปกปิด ควรที่จะยอมรับ และหาทางแก้ มากกว่าการที่จะรู้สึกอยากจะซ่อน อยากจะเก็บมันไว้”

จริงๆ ในฐานะผู้กำกับ ยิ่งต้องสัมผัสกับตัวละครเยอะ เราได้บทเรียนอะไรจากการทำงานบ้าง ไม่ว่าจะจากการทำข้อมูล ได้ความรู้อะไรจากตรงนี้บ้าง
“ส่วนหนึ่งผมผ่านวัยนั้นมานานมากแล้ว แต่รู้สึกว่ามันมีข้อมูลหลายๆอย่าง ที่บางคนที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ อาจจะไม่ตระหนักถึงมันด้วยความที่เป็นวัยรุ่น แต่เราผ่านมาแล้ว เราจึงตระหนักถึงมัน ก็เลยรู้สึกว่า ข้อมูลเหล่านี้ที่รู้ว่าอยากจะแชร์ต่อ อยากจะบอกต่อ เราไม่อยากทำหนังสารคดี หรือหนังดราม่า เพราะรู้สึกว่าเด็กไม่รับ ส่วนตัวผมคิดว่าการทำหนังให้สนุก แล้วทำให้เด็กเข้ามาดู หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่ที่มีลูกในวัยนี้เข้ามาดู ผมรู้สึกว่ามันน่าจะสนุกและทำให้เค้าเรียนรู้จากหนังเอง เค้าน่าจะจำมากกว่าที่จะบอกว่าอะไรผิดอะไรถูกขนาดนั้น”

อยากให้จิมฝากถึงหนังในฐานะผู้กำกับ
“จริงๆผมว่าหนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่ทุกคนตั้งใจ ทั้งผมเอง ทั้งทีมงานนักแสดง ตั้งใจอยากจะเล่าสิ่งที่ดีๆ สิ่งที่เป็นบทเรียนจากคนดู ก็ไม่อยากให้คนดู ดูแล้วมองผ่าน แค่เป็นหนังผีเรื่องหนึ่ง อยากให้ลองเข้ามาดู แล้วคิดถึงมันดีๆ ผมรู้สึกว่า ถ้าหากว่าการดูหนังหนึ่งเรื่องทำให้เค้าเกิดบทเรียนอะไรบางอย่าง หรือเรียนรู้อะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ผมว่ามันคือสิ่งที่เป็นเป้าหมายกับการทำงานของเราเหมือนกัน มากกว่าการที่จะให้คนดูเข้ามากรี๊ดกร๊าดกันและก็จบแค่นั้น อยากให้เค้านำกลับไปคิด นำกลับไปใช้ เป็นสิ่งที่ภูมิใจในการทำงานของเราและหายเหนื่อย”

เมื่อหนังดีๆซักเรื่อง อาจไม่ได้มีเพียงหน้าที่แค่สร้างความบันเทิงเท่านั้น แต่อาจแทรกแง่คิดให้คนดูนำไปคิดต่อ ผ่านมุมมองที่สะท้อนจากสายตาของผู้กำกับ ที่ต้องการจะสื่อสารกับผู้ชมในมุมมองที่แตกต่างออกไป “ฝากไว้..ในกายเธอ” ฝากไปให้กำลังใจกันวันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์



กำลังโหลดความคิดเห็น