ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 2
สถานีตำรวจ...มัทนากับเหมันต์ กอดอกดู ร้อยเวรสอบสวนคามินที่ถูกใส่กุญแจมือ มีจ่าคุมอยู่ข้างหลัง คามินนิ่งๆ ปนแอบเซ็ง ร้อยเวรสอบสวนเสียงเข้ม
“บอกความจริงเถอะว่าพวกที่หลบหนีไปเป็นใครบ้าง”
“ผมขอตอบอีกครั้งว่า ผมไม่รู้จักคนพวกนั้น ผมแค่จะช่วยตามจับตัวพวกมัน แต่ว่า...คุณมัทนาเธอเข้ามาซะก่อน”
ร้อยเวรจะพูด มัทนาแย่งพูด
“นายกำลังจะบอกว่าฉันมาขัดขวางกลายเป็นฮีโร่ของนายงั้นซิ”
“คุณบอกว่าเป็นนักข่าว แต่ไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่าง” เหมันต์เสริม
ร้อยเวรอ้าปาก มัทนาแทรกอีก
“ใช่ ไหนบัตรประชาชน บัตรนักข่าว ใบขับขี่ สิ่งที่จะแสดงว่าเป็นพลเมืองดีน่ะ”
“ผมรีบก็เลยไม่ได้เอาติดตัวมา ถ้าผมได้พบคุณธรรมรัตน์ ท่านจะเป็นพยานยืนยันได้ว่าผมไม่ใช่คนร้ายจริงๆ”
“คงคิดจะหาทางทำร้ายพ่อฉันอีกละซิ ฝันไปเถอะ”
“ถามจริงๆ หน้าตาผมเหมือนคนร้ายเหรอ” คามินถอนใจ
“เหมือน เพราะอาชญากรสมัยนี้ก็หน้าตาดีทั้งนั้น”
“งั้นแสดงว่า ผู้หญิงที่หน้าตาสวยก็ไม่น่าไว้ใจซิครับ” คามินพูดเรียบๆ
“แบบนี้ต้องเพิ่มข้อหาหมิ่นประมาทไปอีกกระทงนะครับ คุณตำรวจ” เหมันต์โกรธ
“ใช่ค่ะ คนคนนี้อันตรายมากทำผิดแล้วยังไม่สะทกสะท้าน แสดงว่าทำบ่อย หรือไม่ก็มีคนหนุนหลังต้องห้ามเยี่ยมห้ามประกัน...ฉันว่า...”
ร้อยเวรเสียงดังขึ้น
“เดี๋ยวครับ หยุดก่อน ผมว่าหน้าที่สอบสวน ผู้ต้องหาน่าจะเป็นของตำรวจนะครับ”
มัทนากับเหมันต์อึ้งไป
มัทนาเดินออกมาจากห้องสอบสวนกับเหมันต์
“เพิ่งรู้ความหมายคำว่าผู้ร้ายปากแข็งวันนี้เอง ท่าทางนายนั่นชิวๆมากแสดงว่าไม่ใช่ผู้ร้ายกระจอกๆ”
“แต่ท่านประธานไม่เคยมีศัตรู พี่นึกไม่ออกจริงๆว่าเค้าจะทำร้ายท่านทำไม”
ธรรมรัตน์เดินมาอย่างร้อนใจ
“มัท”
“คุณพ่อ”
ธรรมรัตน์กอดลูกอย่างเป็นห่วง
“ทำไมทำแบบนี้ ถ้าลูกเป็นอะไรไปพ่อจะทำไง”
“แต่มัทก็ไม่เป็นไร แถมยังจับคนร้ายได้ด้วย”
“ตกลงยังไงเหมันต์ รู้มั้ยใครจ้างมันมา”
“คนร้ายไม่ยอมรับว่าเป็นมือปืน บอกแค่ว่าเป็นนักข่าว ชื่อคามินครับ แล้วก็ตั้งใจไปช่วยจับคนร้ายครับ”
“คามิน...” ธรรมรัตน์ครุ่นคิด
“มัทเจอผู้ชายคนนี้ที่สนามบินด้วยค่ะ เขาสะกดรอยตามมัท ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยว แนบเนียนมาก”
“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
“คงอยู่ในห้องขังแล้วละค่ะ”
“เหมันต์พามัทนากลับบ้านไปก่อนนะ”
“คุณพ่อ...”
ธรรมรัตน์รีบร้อนเดินไป มือถือเหมันต์ดัง เขากดรับ
“ฮัลโหล...ว่าไงมินตรา ฮะ” เหมันต์ตกใจ
มัทนากำลังจะวิ่งตามธรรมรัตน์ เหมันต์เรียกไว้
“เดี๋ยวครับ คุณมัท มินตราบอกว่า คุณท่านเป็นลม เรารีบกลับบ้านดีกว่านะครับ”
“คุณแม่” มัทนาตกใจ
มัทนาวิ่งเข้ามาในบ้าน เหมันต์ตาม มินตราออกมา
“พี่มินตรา คุณแม่ล่ะ คุณแม่เป็นยังไง”
มินตราไม่พูดแต่หันไปมองที่โซฟา เห็นท่านหญิงมาณวิกานั่งตัวตรงมองมานิ่ง
“อ้าว...ไหนว่าคุณแม่เป็นลม มัทตกใจแทบตาย”
มินตราเสียงอ่อย
“ก็ไม่ค่อยดีนักหรอก มัทปลอดภัยใช่มั้ย”
“แน่นอน...คุณแม่คะ คุณพ่อโทรมาบอกแล้วใช่มั้ยคะ ว่ามัทจับคนร้ายได้”
มัทนาเดินหน้าเป็นไปหา ท่านหญิงมาณวิกาเหลืออดยืนขึ้น
“ยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอีก รู้มั้ยว่าทำขายหน้าวงศ์ตระกูลเต้นหน้าม้าบ้าบออะไรนั่นจนพระญาติ กริ้วไปตามๆกัน แล้วนี่ยังทำตัวก๋ากั่นอวดเก่ง เอาชีวิต ไปเสี่ยงไล่ล่าผู้ร้ายอีก”
“ก็คนพวกนั้นมันมาทำร้ายคุณพ่อ จะปล่อยให้มันลอยนวลได้ไงคะ อีกอย่างมัทก็เคยเจอมันแล้วที่สนามบิน แสดงว่ามันต้องสะกดรอยตามครอบครัวมาตลอด แล้วผู้ชายคนนี้แหละที่ทำให้มัทถูกจับกลับมา เสียดายตำรวจไม่น่ามาเร็ว ไม่งั้นจะอัดซะให้น่วมกว่านี้”
ท่านหญิงมาณวิกาตบหน้ามัทนา ทุกคนอึ้ง
“เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ลูกยังไม่สำนึก คิดว่าสนุกนักรึไงที่เอาชีวิตไปเสี่ยงแบบนั้น มันคุ้มกันมั้ย”
มัทนาวิ่งขึ้นบันไดไป ทุกคนทำท่าจะกรูตามไป ท่านหญิงมาณวิกาตวาด
“หยุด”
ทุกคนเบรกเอี๊ยด
“ห้ามทุกคนตามไป”
เหมันต์หน้าเสีย
“ผมขอโทษครับท่าน ผมผิดเองที่ปล่อยให้คนร้ายเล็ดรอดมาในงาน แล้วฟันปลอมนั่น ผมก็เป็นคนเอามาให้คุณมัท”
“รู้ก็ดี ทีหลังอย่าตามใจมัทนาผิดๆอีก แค่ท่านประธานของเธอคนเดียวก็เกินพอแล้ว”
เหมันต์ได้แต่ก้มหน้า
ท่านหญิงมาณวิกาอยู่ในห้องพระนั่งหน้าพระรูป เสด็จและหม่อมแม่
“เสด็จพ่อ หม่อมแม่ ได้โปรดส่งใครสักคนมาจัดการกับหลานจอมดื้ออย่างมัทนาด้วย ลูกหมดปัญญาแล้วจริงๆ”
โรงแรมที่พักคามิน...คามินเปิดตู้เซฟ เอาหีบของพระราชาออกมา วางที่โต๊ะทำงาน เปิดให้ธรรมรัตน์ดู
“นี่เป็นตราประจำพระองค์ขององค์ราชาราชาอินทรา เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า ผมได้รับมอบหมายมาทำภารกิจนี้”
“ถ้าเป็นท่านคามิน ผมก็ไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว...แค่แปลกใจที่เวลามันผ่านไปรวดเร็วมาก พริบตาเดียวก็เกือบสามสิบปี...ท่านกลายเป็นหนุ่มใหญ่ และยังได้มาช่วยชีวิตผมไว้อีก” ธรรมรัตน์มองคามินอย่างชื่นชม
“เป็นเรื่องบังเอิญน่ะครับ ผมต้องขอโทษที่ไม่ได้แจ้งการมาล่วงหน้า เพราะเรื่องนี้เป็นภารกิจลับและต้องขอบคุณที่คุณธรรมรัตน์บอกตำรวจว่าผมเป็นลูกเพื่อนที่มาจากต่างประเทศ”
“แต่ไหวพริบท่านก็สุดยอดนะครับ ที่บอกตำรวจว่าอยากมาเซอรไพรส์ผม ท่านคามินฉลาดหลักแหลมเหมือนตอนเด็กๆไม่มีผิด”
“คุณพูดเหมือนเคยพบผม”
“อ๋อ ผมเคยไปที่รายาตอนท่านยังเด็กมาก ท่านคงจำไม่ได้”
คามินพยักหน้า
“นี่เป็นราชสาสน์ถึงคุณธรรมรัตน์”
ธรรมรัตน์ทำความเคารพรับมา
“ผมมีหน้าที่เตรียมความพร้อมให้กับคุณมัทนาเพื่อเข้าสู่พิธีอภิเษกกับองค์รัชทายาทเหตุผล องค์ราชาคงจะทรงจารึกเอาไว้ในราชสาส์นแล้ว...ลายพระหัตถ์เป็นภาษาไทยครับ”
ธรรมรัตน์เปิดอ่าน
‘เราเชื่อมั่นว่า ธิดาของคุณจะต้องเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมทั้งรูปโฉม และฐานันดรเหมือนกับท่านหญิงท่านหญิงมาณวิกา ขัตติยะนารีที่เรายังประทับใจไม่รู้ลืม’
ธรรมรัตน์กลืนน้ำลายเอื้อก
“เอ่อ คือ...ท่านคามินได้พบกับมัทนาแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
“ครับ”
“แล้วยังคิดว่า ลูกสาวผมจะเป็นราชินีของรายาได้ เหรอครับ...คือบทบู๊ที่เห็นอาจจะแค่น้ำจิ้ม”
“น้ำจิ้ม” คามินชะงัก
“หมายถึง เป็นส่วนน้อยน่ะครับ แต่จริงๆแล้วมันมีมากกว่านั้น จะอธิบายยังไงดี”
“ผมพอทราบเรื่องราวของคุณมัทนามาบ้าง จากข่าวในหนังสือพิมพ์เมืองไทย”
“นั่นก็ยังน้อยครับ” ธรรมรัตน์งึมงำ
“เธอคงได้รับการอบรมมาอย่างผู้หญิงสมัยใหม่ แต่คนที่เฉลียวฉลาดอย่างคุณมัทนาคงจะเรียนรู้ประเพณีของรายาได้ไม่ยาก”
“ผมก็หวังว่าอย่างงั้น”
ธรรมรัตน์กลุ้ม
สโมสรกีฬาของราชวงศ์รายาวันใหม่...
เจ้าชายมาคีกระโดดสปริงบอร์ด ว่ายน้ำ ไปมาสองสามรอบ แล้วโผมาที่ขอบสระ ท้าวตัวขึ้น สินธรเข้ามา หยิบผ้าเช็ดตัวยื่นให้ เจ้าชายมาคีหงุดหงิด กระชาก เดินออกไป สินธรมองตาม
ในห้องซาวน่า..ประตูเปิดออกมา เจ้าชายมาคีนุ่งผ้าเช็ดตัว ชะงัก สินธรยืนอยู่
“นี่ตกลงจะตามกันทุกฝีก้าวเลยเหรอ”
“เป็นหน้าที่ของกระหม่อมที่ต้องถวายอารักขา”
“ที่นี่เป็นที่ออกกำลังกายเฉพาะของพระญาติพระวงศ์ ใครที่ไหนจะมาทำอันตรายเรา”
“ขอประทานอภัย”
เจ้าชายมาคีเซ็งสุดๆ เดินออกไป
เทวีฉุดหฤทัย ที่แต่งชุดกีฬา รัดรูปมา
“เข้าไปสิลูก กล้าๆ หน่อย”
“จะดีเหรอคะ เจ้าชายคงกำลังทรงนุ่งน้อยห่มน้อยอยู่ มันจะไม่เหมาะสม”
“นี่ละเหมาะสมที่สุดแล้ว ไม่ใส่อะไรเลยยิ่งดี เราอยู่ในฐานะพระคู่หมั้นในอนาคตนะ”
“แต่ว่า...ฤทัยกลัวเจ้าชายจะกริ้ว”
“อย่าลืมสิว่าลูกเป็นธิดาของนายพลผู้ทรงอำนาจ เป็นพระญาติของพระมเหสี และอนาคตลูกจะได้เป็นราชินีแห่งเมืองรายา ท่องไว้ ราชินีแห่งรายา”
หฤทัยยืดตาม แต่พอนึกได้ก็จ๋อย เสียงอ่อย
“มันจะเป็นไปได้เหรอค่ะท่านแม่ พี่เจ้าชายมาคีไม่ทรงแลลูกเลย”
“หยุด อย่าพูดจาดูถูกตัวเองอย่างนี้เป็นอันขาด ลูกแม่ทั้งสวย ทั้งเก่ง ต้องพิชิตพระหทัยเจ้าชายได้แน่ ตอนนี้เป็นจังหวะดีที่เจ้าคามินมันไม่อยู่ที่นี่ ไม่ต้องมีใครมาขัดคอ”
หฤทัยสูดลมหายใจเชิดตามคำบรรยาย
“เชื่อแม่ ไปเร็ว แม่จะรออยู่ข้างนอก”
เทวีผลักหฤทัยหน้าคะมำเข้าไปข้างใน ปิดประตู...หฤทัยเข้ามา พยายามยืดตัวสง่ามั่นใจ
“ใครน่ะ เข้ามาในเขตหวงห้ามได้ยังไง”
สินธรเข้ามาเอาอาวุธจ่อ หฤทัยตกใจ
“อ๊าย”
“คุณหฤทัย ขอโทษครับ” สินธรชะงัก
เจ้าชายมาคีเดินใส่เสื้อคลุมมา
“เกิดอะไรขึ้น”
“ฝ่าบาท มะหม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ ยะอย่าทำอะไรหม่อมฉันเลยนะเพคะ มะ มะหม่อมฉัน”
หฤทัยเป็นลมร่วงลงไป สินธร ตกใจเข้าประคอง
ในห้องรับรอง...หฤทัยนอนพักที่โซฟา เจ้าชายมาคีนั่งไขว่ห้างมองเซ็งๆ สินธรอยู่ข้างๆ พยาบาลเอายาดมให้หฤทัยดม
“ฟื้นแล้วเพคะ คงหมดสติเพราะตกใจ”
“เขาขวัญอ่อนแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว ขอบใจนะ ไปได้แล้ว”
พยาบาลทำความเคารพออกไป หฤทัยลืมตา
“นี่หม่อมฉันอยู่ที่ไหน แล้วหม่อมฉันเป็นอะไรไปเนี่ย”
“เธอเป็นลม หฤทัย แต่ที่นี่คือที่ไหน คงไม่ต้องตอบเพราะเธอเป็นคนเดินเข้ามาที่นี่เอง”
“จริงด้วย คุณแม่บอกให้ฤทัยมาเฝ้าฝ่าบาท เพื่อทำความใกล้ชิดสนิทสนม แต่ยังไม่ทันไร” หฤทัยหันไปหาสินธร “เขาก็จะเข้ามาทำร้ายฤทัย”
“ผมไม่ทันมองว่าเป็นคุณหฤทัย ต้องขอโทษด้วยครับ” สินธรจ๋อยๆ
เจ้าชายมาคีมองหฤทัย
“เป็นอันว่า เธอรู้สึกสบายดีแล้ว อย่างนั้นพี่คงไปได้แล้วนะ”
“อย่าเพิ่งเด็จซิเพคะ ฤทัยยังไม่ทันได้ถวายรับใช้เลย คุณแม่บอกว่าให้ฤทัยทูลขอฝ่าบาทให้สอนออกกำลังกายให้ จะได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสอง...” หฤทัยท่าทางแบ๊วมาก
เจ้าชายมาคีขำก็ขำ เซ็งก็เซ็ง แต่มองสินธรแล้วนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“สองต่อสองงั้นเหรอ...จริงด้วย เป็นความคิดที่ดี พี่เองก็ต้องการจะอยู่กับหฤทัยสองต่อสองเหมือนกัน”
เจ้าชายมาคีเดินมาฉุดให้หฤทัยยืนขึ้นแล้วโอบไว้ พูดหวานใส่ หฤทัยนึกไม่ถึงขวยเขิน สินธรก้มหน้าหลบ
“เดี๋ยวพี่จะเป็นเทรนเนอร์ให้ฤทัยเอง...” เจ้าชายมาคีหันไปบอกสินธร “สินธรตอนนี้เราอยากได้ความเป็นส่วนตัว คงไม่รบกวนเกินไปนะ”
สินธรได้แต่ทำความเคารพออกไป เจ้าชายมาคียิ้มเจ้าเล่ห์
ในสวนบ้านนายพลวิฑูร...เทวีทูลความสำเร็จต่อพระนางสาวิตรี ทั้งคู่หัวเราะพอใจกัน
“จริงเหรอ ดีมาก แสดงว่า ตอนนี้เจ้าชายมาคีคงคิดได้แล้วว่าไม่มีผู้หญิงที่ไหน เหมาะสมคู่ควรเท่ากับหฤทัย”
“หม่อมฉันก็ไม่คิดเหมือนกันเพคะ ว่าลูกจะทำสำเร็จ คิดว่าจะไปพูดจาโง่ๆให้ถูกไล่ตะเพิดกลับออกมาซะอีก”
นายพลวิฑูรรีบตัดบทกลัวเมียจะพูดอะไรที่แย่กว่านี้
“แล้วทำไมเธอ ไม่อยู่กับลูก รีบกลับมาทำไม”
“อู๊ย...หนุ่มสาวอยู่ด้วยกันจะไปเป็นก้างขวางคอทำไมละคะ ขนาดเจ้าสินธร ยังโดนเจ้าชายตะเพิดออกมาเลย”
พระนางสาวิตรีแปลกใจ
“อะไร นี่เจ้าสินธรมันตามประกบเจ้าชายมาคีขนาดนี้เชียวหรือ”
“คามินคงต้องการรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าชาย ถึงได้ ส่งคนของตัวเองมาอยู่ใกล้ๆ” นายพลวิฑูรใส่ไฟ
พระนางสาวิตรีไม่พอใจ
“นับวันมันยิ่งเหิมเกริม ที่องค์ราชากับเจ้าชายมาคีต่างก็ทั้งรักทั้งเชื่อฟังมัน”
นายพลวิฑูรรีบยุยง
“กระหม่อมถึงอยากให้ทรงเร่งเรื่องอภิเษก ไม่เช่นนั้นคามินมันคงจะต้องหาสตรีที่ไม่คู่ควรมาให้เจ้าชายอีก เพื่อให้เจ้าชายหมดความชอบธรรมที่จะขึ้นครองราชย์”
พระนางสาวิตรีแววตาแค้น
“ไม่มีวัน เราไม่มีวันจะให้ไอ้ลูกกำพร้านั่นมันสมหวังแน่ เจ้าชายมาคีต้องอภิเษกกับหฤทัยเท่านั้น”
สาวใช้หิ้วปีกหฤทัยเข้ามา ท่าทางโทรมทรุด เหงื่อแตกไปทั้งตัว
“คุณพ่อ คุณแม่ ช่วยหฤทัยด้วย”
“หฤทัย” เทวีตกใจ
พระนางสาวิตรีหน้าตื่น
“ตายแล้ว หฤทัย ใครทำอะไรหลาน”
“ฮือๆ เจ้าชายเพคะ เจ้าชาย...”
หฤทัยร้องไห้ พระนางสาวิตรีอึ้งไป
“เจ้าชายมาคีเหรอ”
เจ้าชายมาคีขับรถออกนอกเมือง ยิ้มกริ่ม
“ขอบใจนะหฤทัย ไม่มีเธอฉันคงไม่มีทางหลุดจากกรงขังแน่”
ในสโมสรก่อนหน้านี้...เจ้าชายมาคีประคองหฤทัยขึ้นบนลู่วิ่ง
“ถ้าไม่เคยออกกำลังกายต้องเริ่มด้วยวิ่งเบาๆก่อน”
หฤทัยเริ่มวิ่ง
“พี่จะไปห้องน้ำสักครู่ แล้วจะกลับมานะจ๊ะ”
เจ้าชายมาคีเดินออกไป
เวลาผ่านไป หฤทัยกำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งเครื่องออกกำลังกายอยู่คนเดียว ไม่มีใครอยู่ เหนื่อยหอบ ปากก็เรียกเจ้าชายมาคี
“เจ้าชายอยู่ไหนเพคะ ช่วยหยุดเครื่องให้ฤทัยด้วยเพคะ ฤทัยเหนื่อยแล้ว โอ้ย”
หฤทัยหอบเหนื่อย
ปัจจุบัน...เจ้าชายมาคีขับรถไปนึกถึงคามิน
“ขอโทษนะคามินที่เราต้องผิดสัญญา”
รถแล่นลงเขาไป
ในห้องรับรองบ้านธรรมรัตน์...คามินเดินดูรูปที่วางไว้เป็นรูปของมัทนาตั้งแต่เด็กจนสาว ในท่าทางทะเล้นๆ ร่าเริง คามินอดหัวเราะไม่ได้ ธรรมรัตน์เดินเข้ามา
“ท่านคามิน”
คามินหันมาเจอท่านหญิงมาณวิกาที่เดินตามธรรมรัตน์เข้ามา
“หม่อมเจ้าหญิงท่านหญิงมาณวิกา ภรรยาของผมครับ”
คามินไหว้ ท่านหญิงมาณวิการับไหว้
“ท่านราชองครักษ์ ดิฉันทราบเรื่องทั้งหมดจากสามีแล้ว ต้องขอโทษที่ทำให้ลำบากเดือดร้อนนะคะ”
“มิได้ครับ ผมต่างหากที่ต้องขออภัยที่มาโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า”
“เพราะท่าน สามีและลูกสาวของดิฉันจึงรอดพ้นจากอันตราย ดิฉันไม่ทราบจะตอบแทนยังไง”
“ก็ถือว่าดินเนอร์มื้อนี้ เป็นการเลี้ยงเพื่อขอโทษและขอบคุณท่านคามินก็แล้วกันนะครับ...”
ท่านหญิงมาณวิกาเสริมน้ำเสียงหนักแน่น
“และมัทนาก็ต้องมาขอโทษท่านด้วยตัวเอง”
ธรรมรัตน์หันมาถามท่านหญิงมาณวิกาเบาๆ
“ลูกมัทคงพร้อมแล้วใช่มั้ยครับคุณ”
“ต้องพร้อมค่ะ”
มัทนาคลุมโปงอยู่บนเตียงในห้องนอน มินตราเปิดประตูเข้ามามองถอนใจเหมือนสงสารแต่จริงๆโคตรหมั่นไส้
“คุณมัท คลุมโปงอย่างงั้นเดี๋ยวหายใจไม่ออกนะคะ”
มัทนานิ่งๆ มินตราเดินเข้ามา
“ลุกขึ้นมาอาบน้ำอาบท่าดีกว่า พี่เตรียมน้ำอุ่น ละลายโฟมอาบน้ำกลิ่นที่คุณมัทชอบไว้ให้แล้ว จะได้สบายเนื้อสบายตัวนะ”
มินตราลงไปนั่งข้างๆ
“คุณมัท ป่านนี้แขกจากรายามารอแล้ว รีบลุกขึ้นแต่งตัวเถอะค่ะ”
มินตราเปิดโปง มัทนาพลิกตัวตะแคง มินตราอ้อมมาอีกฝั่ง มัทตะแคงหนีไปอีกด้าน
“ได้...ถ้าไม่อยากให้พี่ยุ่ง พี่ก็จะไม่ยุ่งกับคุณมัท มีอะไรก็เรียกแล้วกันค่ะ”
มินตราจะเดินออก แต่พอหันไปมองเห็นมัทนาร้องไห้สะอึกสะอื้นแบบเสียใจสุดๆ ต้องเดินกลับมา
“อย่าคิดมาก คุณท่านกำลังโกรธ ไม่นานก็หาย”
“ไม่ คุณแม่ตบมัท คุณแม่เกลียดมัทแล้ว”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ คุณท่านรักคุณมัทมาก ท่านแค่ผิดหวังแล้วก็เสียใจที่คุณมัทไม่เชื่อฟังท่าน”
“แต่คุณแม่ก็ไม่ฟังมัทเหมือนกัน”
“ตอนนี้คุณท่านกำลังโกรธ คุณมัทต้องตามใจท่านไปก่อน แล้วเราก็ค่อยคิดหาทางว่าจะทำไงต่อดีมั้ยคะ”
มัทนากอดมินตรา
“พี่มิน...อย่าทิ้งมัทไปนะ”
“พี่ไม่มีทางทิ้งคุณมัทหรอกค่ะ คนดีของพี่”
มินตรากอดยิ้มแย้ม แต่แววตาที่นิ่ง ยิ้มแต่ปาก ไร้อารมณ์มาก
คามินนั่งรอที่โต๊ะอาหารกับท่านหญิงมาณวิกาและธรรมรัตน์
“ทำไมช้าจริง” ท่านหญิงมาณวิกาเริ่มหงุดหงิด
“นั่นน่ะซิ ผมขึ้นไปดูดีกว่า ท่านคามินหิวแย่แล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ นั่งรอไปคุยไปก็ได้ ผมไม่ได้รีบร้อนอะไร”
คามินรู้สึกว่ามือถือสั่นมีสัญญาณเรียกเข้า คามินดูแล้วลุกขึ้น
“ผมขอตัวสักครู่”
คามินลุกออกไป
มินตราฉุดมัทนาที่แต่งตัวสวยเดินออกมาจากห้อง มัทนางทำเป็นสโหลสะเหล ซบกำแพง
“มัทไม่พร้อม มัทไม่สบาย”
“คุณมัท อย่าทำอย่างซิคะ ผมเผ้าเสื้อผ้ายับเยินหมด”
“แต่มัทไม่สบายจริงๆ คลื่นไส้ด้วย ถ้าไปอ้วกใส่แขกละก็ แย่เลย”
“คุณมัทคะ ผู้แทนพระองค์ของกษัตริย์จากรายาเชียวนะคะที่รออยู่ คุณมัทอยากทำให้คุณแม่โกรธอีกรึไงคะ”
“งั้นพี่มินก็ช่วยผลักมัทตกบันได หรือเอายาถ่ายให้มัทกินได้มั้ยคะ มัทจะได้ป่วยจริงๆ”
“พี่ทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ คุณมัทคงต้องทำเอง”
มินตราเดินนำมัทนาไปที่บันได มัทนาเดินลงมาได้นิดหนึ่ง แล้วเกาะราวหยุดคิดจ
“ทำเอง...จริงซิ แค่สิบขั้น ขาคงไม่หัก ถ้ากลิ้งลงไปอย่างมีเทคนิค อย่างน้อยก็อาจจะรอดไปอีกพักหนึ่ง”
“คุณมัท อย่างอแงค่ะ” มินตราเดินย้อนมาจะดึง
ด้านล่าง คามินพูดมือถือเดินเข้ามาหลบมุม
“อะไรนะ สินธร...ทำไมถึงสะเพร่าขนาดนี้... รีบออกไปตามเจ้าชายโดยด่วน มีที่เดียวที่จะเสด็จไป รู้ใช่มั้ย”
มัทนาตัดสินใจ ส่งเสียงร้องแล้วทิ้งตัวกลิ้งลงไป มินตราตกใจ
“คุณมัท”
คามินหันมาเห็น ตกใจ พุ่งตัวขึ้นไปรับแล้วเสียหลักล้มลงแต่ก็โอบมัทนาไว้กลิ้งหล่นม้วนทับกันลงมาข้างล่างคามินเจ็บมากกว่าเพราะอยู่ข้างล่าง มัทนางง พลิกตัวมองคามินจ้องหน้ากัน เธอตกใจจำได้
“นาย”
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 2 (ต่อ)
มัทนารีบกลิ้งผละไปแล้วลุกขึ้นยืน คามินลุกขึ้นนั่ง มินตราเข้ามาหามัทนา
“เป็นยังไงบ้างคะคุณมัท”
มัทนาจับมินตราเหวี่ยงออกไป
“ระวังพี่มินนายคนนี้เป็นคนร้าย นายเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง”
คามินลุกขึ้นอย่างยากลำบาก มัทนาคว้าไม้เท้าโบราณที่อยู่ในแจกันใหญ่ เป็นเครื่องประดับที่ตีนบันไดเอาปลายจี้อกคามินที่ถอยไปติดผนัง
“นายถูกจับไปแล้วทำไมออกมาได้อีก”
คามินจับปลายไม่เท้าดันออก มัทนาตะคอก
“หยุดอยู่ตรงนั้น อย่าให้ฉันต้องทำอะไรรุนแรง”
คามินยิ้มเพลียๆ
“แค่ปืนเพนท์บอลเมื่อวานก็แรงพอแล้วละครับ”
“ถ้าคิดทำร้ายพ่อฉันอีก นายอาจเจอกระสุนจริง”
ธรรมรัตน์กับท่านหญิงมาณวิกาเข้ามา
“ลูกมัท ทำอะไรน่ะ”
“คุณพ่อคุณแม่หลบไปก่อนค่ะ คนร้ายคนนี้บุกเข้ามาในบ้านเรา”
“หยุดเดี๋ยวนี้ มัทนา เขาไม่ใช่คนร้าย”
“อย่าเข้ามาค่ะ คุณแม่ นายคนนี้อันตรายมาก ขนาดหนีตำรวจออกมาได้ต้องไม่ธรรมดาแน่”
“มันไม่ใช่นะลูก”
คามินเอามือล้วงไปในอกเสื้อ หยิบพาสปอร์ตออกมา มัทนาไม่ทันเห็นตวัดไม้ตีแขนคามิน พาสปอร์ตกระเด็นไป
“คิดจะชักปืนเหรอ รู้จักมัทนาน้อยไป”
มัทนาเข้าฟาด คามินตั้งตัวได้ หลบไปมา ทันใดนั้นเสียงท่านหญิงมาณวิกาดังขึ้น
“หยุดนะ แม่บอกให้หยุด”
ธรรมรัตน์เข้าขวาง ถูกไม้ตีที่ไหล่
“โอ๊ย”
“คุณพ่อ” มัทนาตกใจ
คามินเข้าประคอง
“อย่าแตะต้องคุณพ่อนะ”
มัทนาเงื้อไม้จะฟาด คามินจับมือไว้ ท่านหญิงมาณวิกาตวาด
“พอได้แล้ว ผู้ชายคนนี้เป็นราชองครักษ์จากรายา ไม่ใช่คนร้าย”
“อะไรนะคะ” มัทนาชะงัก
มินตราเห็นพาสปอร์ตกระเด็นอยู่ ก้มลงเก็บเปิดดู
“มิสเตอร์ คามิน”
“นั่นละครับที่ผมอยากให้คุณมัทนาดู”
มินตรายื่นให้มัทนาดู เป็นคามินใส่ชุดทหารองครักษ์ มัทนาหันมองหน้าคามินๆยิ้ม หน้าแตกกระจายค่อยๆปล่อยไม้
ทุกคนนั่งอยู่ในห้องอาหารบรรยากาศมาคุ มัทนานั่งข้างท่านหญิงมาณวิกาก้มหน้านิ่ง ตรงข้ามกับคามิน ธรรมรัตน์นั่งหัวโต๊ะ นวดไหล่ตัวเอง ท่านหญิงมาณวิกาข่มความโกรธ
“มัทนา ลูกจะไม่พูดอะไรบ้างเหรอ”
“คุณแม่จะให้มัทพูดอะไรละคะ มัทก็ขอโทษท่านราชองครักษ์ไปแล้ว”
ท่านหญิงมาณวิกาอยากจะหยิกมาก แต่ต้องฝืนยิ้ม
“ลูกคิดว่าแค่คำสองคำมันเพียงพอเหรอจ้ะ สำหรับการทำร้ายราชองครักษ์ขององค์กษัตริย์ กับพ่อของตัวเอง”
ธรรมรัตน์ตัดบท
“มันเป็นความเข้าใจผิด ผมไม่ได้เจ็บอะไรมาก ท่านคามินก็ไม่ได้บาดเจ็บใช่มั้ยครับ”
คามินกำลังยอกอยู่ แต่รีบตั้งหลังตรง
“อ้อครับ ไม่ต้องกังวล ผมไม่เป็นอะไรเลย คุณมัทนาทำไปเพราะไม่ทราบว่าผมเป็นใคร มันเป็นอุบัติเหตุ”
มัทนารีบเสริม
“ใช่แล้วค่ะ ท่านคามินพูดถูกต้องที่สุด...มันเป็นอุบัติเหตุค่ะ อีกอย่างถ้าท่านคามินเปิดเผยตัวแต่แรก ไม่ทำลับๆล่อๆเหมือนพวกโจรก็คงไม่เกิดเรื่อง”
“ต้องขอโทษคุณมัทนาอีกครั้งครับ”
“ผมว่าเราเลยเวลารับประทานอาหารไปมากแล้ว เริ่มกันเลยดีกว่า เรื่องอื่นเดี๋ยวค่อยคุยกัน”
มัทนาขัดขึ้น
“เดี๋ยวค่ะ มัทมีคำถามจะขอถามท่านราชองครักษ์แห่งรายาข้อหนึ่ง คงไม่เสียเวลามาก”
“ได้ซิ ครับ เชิญ”
“ประเทศของท่านปกครองด้วยระบบเผด็จการเหรอคะ”
ท่านหญิงมาณวิกาปราม
“มัทนา”
คามินอธิบายอย่างใจเย็น
“รายาปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ โดยใช้พระราชอำนาจผ่านราชสภา ที่มี รัฐมนตรีและเจ้าเมืองต่างๆเป็นสมาชิก”
“ประเทศของฉันก็มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่เราปกครองด้วยระบบประชาธิปไตย ที่
ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการเลือกคู่ครอง”
“พ่อว่า ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดเรื่องเครียดๆเลยดีมั้ย” ธรรมรัตน์ปรามๆ
“มัทก็แค่สงสัย แต่ถ้าท่านคามินไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร”
คามินกับมัทนามองหน้ากัน อนงค์แอบมอง
มินตราเตรียมของหวานอยู่กับแม่ครัว เป็นพวกขนมไทย ผลไม้คว้านเม็ด จัดจานสวยงาม
“เดี๋ยวตักลูกตาลลอยแก้วเอาไว้เลยนะจ๊ะ ตอนจะเสิร์ฟค่อยใส่น้ำแข็ง”
อนงค์เข้ามา มินตราหันไปถาม
“ว่าไงอนงค์ ข้างนอกเริ่มรับประทานกันรึยัง ต้องเติมอะไรบ้าง”
“ยังเลยค่ะ ท่าทางจะยาว คุณมัทนาทำท่าจะกินแขกของคุณผู้ชายแทนอาหารแล้ว”
“พูดอะไรของเธอ ไปช่วยป้าทิพย์เร็วเข้า” มินตราดุ
อนงค์เขยิบไปกระซิบทิพย์
“แขกของคุณผู้ชายล้อหล่อนะป้า ได้ยินว่ามาจากเมืองนอก เป็นองครักษ์จากประเทศรายาอะไรนี่แหละ”
“ประเทศอะไรไม่เคยได้ยิน แล้วเขามาทำไม”
“ฉันได้ยินว่าเขาเป็นคนช่วยชีวิตคุณผู้ชายไว้ ดีไม่ดีอาจจะเป็นเจ้าบ่าวในอนาคตของคุณมัทนาก็ได้”
ทิพย์ตาโต หันมาถามมินตรา
“จริงเหรอคะ คุณมินตรา คุณมัทจะแต่งงานเหรอคะ”
“ป้าทิพย์ อนงค์ หน้าที่ของเราคือทำอาหารให้เสร็จ ไม่ใช่วิจารณ์เรื่องของเจ้านาย ฉันจะออกไปดูข้างนอก กลับเข้ามาของหวานต้องเรียบร้อย”
มินตราเดินออกไป อนงค์ส่ายหน้า
“นับวันคุณมินตราจะเหมือนคุณท่านเข้าไปทุกที”
โต๊ะอาหาร...คามินกับมัทนายังคงจ้องหน้ากัน มินตราเดินเข้ามา
“รับข้าวเลยมั้ยคะ”
ท่านหญิงมาณวิกาพยักหน้ารับ
“ดีจ้ะ เชิญรับประทานเถอะค่ะ ท่านคามิน อาหารจะเย็นซะหมด”
“ผมขออนุญาตตอบคุณมัทนาก่อนนะครับชาวรายามีสิทธิเสรีภาพ เต็มที่เช่นเดียวกับชาวไทยแต่เราคำนึงถึงคำว่าหน้าที่ความรับผิดชอบด้วยไม่ว่าจะทำอะไร การกระทำนั้นจะต้องไม่กระทบกระเทือนต่อคนรอบข้าง ไม่ผิดประเพณีและอยู่ในกรอบของกฎหมาย”
ธรรมรัตน์ ท่านหญิงมาณวิกา มองอย่างทึ่ง มินตราที่เข้ามาก็ฟังอย่างปลื้ม
“เท่าที่คุณพูดมาฉันยังไม่ได้ยินคำว่าจิตใจเลย หรือว่าชาวรายาส่วนใหญ่ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความรัก”
ธรรมรัตน์ ท่านหญิงมาณวิกา มินตราหันไปมองคามินโดยไม่ได้นัดหมาย ลุ้นว่าคามินจะตอบยังไง
“เรามีความรู้สึก มีความรักเหมือนมนุษย์ทั่วไปเพียงแต่ รักของเรามาทีหลังหน้าที่และความ
เหมาะสม ไม่ใช่รักเพื่อให้ได้มาโดยไม่คำนึงถึงอะไรเลย”
ท่านหญิงมาณวิกาแอบยิ้มอย่างพอใจ มัทนาจะขัด
“แต่ว่า...”
“แต่ว่าตอนนี่พ่อท้องร้องเป็นกลองรัวแล้ว ทานข้าวกันซะทีดีกว่า นะ เชิญครับ”
ท่านหญิงมาณวิกาสั่ง
“มินตราตักข้าวเลยจ้ะ”
มินตราเข้าไปหยิบโถข้าว ตักให้คามิน
“ขอบคุณครับ อาหารไทยทั้งสวยทั้งน่ารับประทานทั้งนั้นเลย”
“ฝีมือพี่มินตราน่ะค่ะ ส่วนฉันรับประทานเป็นอย่างเดียว”
มินตราเล่า คามินมองมินตราอย่างทึ่ง ท่านหญิงมาณวิกาขัดขึ้น
“มินตราเป็นลูกสาวของแม่ครัวในห้องเครื่องค่ะ มีฝีมือในการทำอาหารไทยทุกอย่าง”
มินตราที่กำลังยืด เจื่อนลง
“อ้อ ครับ”
มัทนายังแค้น แกล้งเลื่อนจานน้ำพริกให้คามิน
“อาหารฝีมือพี่มิน ไม่ได้สวยอย่างเดียวนะคะ ยังอร่อยมากๆด้วย โดยเฉพาะถ้วยนี้ ลองซิคะ”
คามินตักช้อนหนึ่งเข้าปาก คนอื่นๆห้ามไม่ทัน
“เป็นไงคะ รสชาตจัดจ้านถึงใจมั้ยคะ”
“ครับ...” คามินค่อยๆเคี้ยวอย่างเผ็ดมาก
มินตรารีบเลื่อนน้ำให้ คามินจิบ มัทนามองยิ้มๆ
“นี่ละค่ะ อาหารไทย ทั้งเผ็ดทั้งร้อน ชาวรายาคงไม่คุ้น”
คามินตักมาอีกช้อน
“ชาวรายาชอบอาหารรสเผ็ดมาก มันทำให้เลือดไหลเวียนดี อร่อยจริงๆครับ”
คามินเป่าปาก ยิ่งเผ็ดยิ่งมัน มัทนาหน้าง้ำ ธรรมรัตน์กับท่านหญิงมาณวิกา แอบชอบใจ มินตรา รีบรินน้ำให้คามิน
เจ้าชายมาคีกับกรรณิการ์นั่งออเซาะกันที่ระเบียง บ้านไม่กลางป่า ชมธรรมชาติที่สวยงาม
“นึกว่าองค์รัชทายาททรงลืมหม่อมฉันแล้วเสียแล้ว”
“เราจะไปมีใครได้อีก คนเดียวที่เราคิดถึงคือกรรณิการ์เท่านั้น เชื่อเราหรือเปล่า”
เจ้าชายมาคีหอมแก้มกรรณิการ์อย่างหลงไหล
“แต่...เสด็จพ่อ เสด็จแม่ของเจ้าชาย ไม่ทรงยอมรับหม่อมฉันแน่”
“ไม่มีใครบังคับหัวใจเราได้”
เจ้าชายมาคีถอดต่างหูออกมา ยื่นให้
“ทีนี้จะเชื่อเราได้หรือยัง”
กรรณิการ์ปิดปากตื่นเต้นดีใจ เป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต
“หม่อมฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยเพคะ องค์รัชทายาททรง เลือกหม่อมฉันเป็นว่าที่ราชินีแห่งรายาจริงๆ หรือเพคะ”
“ใช่ กรรณิการ์คนเดียวที่จะเป็นราชินีของเรา”
“หม่อมฉันซาบซึ้งเหลือเกินเพคะ”
กรรณิการ์ก้มลงแทบเท้าดีใจ
“ขอบพระทัยเพคะ กระหม่อมจะจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทตลอดชีวิตเพคะ”
เจ้าชายมาคีพยุงกรรณิการ์ขึ้นมากอด
“ตอนนี้เธอต้องเก็บตัวอยู่ที่นี่ อย่าออกไปไหน จนกว่าเราจะมารับเข้าวัง ตกลงตามนี้นะ
เราต้องรีบกลับ”
กรรณิการ์มากอดข้างหลังออดอ้อน
“ประทับอยู่ก่อนเถอะเพคะ หม่อมฉันเหงาเหลือเกินเวลาไม่มีฝ่าบาทประทับอยู่ข้างๆ”
เจ้าชายมาคีใจอ่อน
“ได้ เราจะทำให้เจ้าหายเหงา”
สินธรขับรถจี๊ปไปตามไหล่เขา โทรศัพท์ใช้บลูทุธไปด้วย
“กรรณิการ์หายตัวไปครับ ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน ผมตามหาทุกที่แล้ว ทั้งที่บ้าน ห้องซ้อมดนตรี โรงแรมที่เจ้าชายเคยเสด็จไป ไม่มีวี่แววเลย”
คามินคุยโทรอยู่ที่โรงแรม
“เจ้าชายต้องทรงพากรรณิการ์ไปซ่อนแน่ๆ แต่จะเป็นที่ไหน...หรือว่า...”
ในอดีต...คามิน กับ เจ้าชายมาคีขี่ม้าแข่งกัน เจ้าชายมาคีต้องการแซง ก็กระแทกขาใส่ม้า
จนทำให้ม้าเจ็บ พยศยกขาขึ้น ร้องลั่น
“ฝ่าบาท”
ม้าหมุนตัวแล้วควบทะยานไปอีกทาง คามินตกใจดึงบังเหียนควบตาม
คามินขี่ม้ามามองหา เห็นเจ้าชายมาคีนอนแบ่บอยู่บนพื้นเพราะตกม้า ส่วนม้าเตลิดไปแล้ว
“เจ้าชาย”
คามินกระโดดลงจากหลังม้า เข้าไป
“เราแพ้นายจนได้”
คามินประคองเจ้าชายมาคีที่สะโพกเคล็ดมาที่บ้านเดี่ยวกลางป่า
“แถวนี้ไม่น่ามีบ้านคนเลย” คามินมองอย่างแปลกใจ แล้วตะโกน “มีใครอยู่บ้าง...”
ไม่มีเสียงตอบ คามินหันมาบอกเจ้าชายมาคี
“เจ้าของบ้านคงออกไปหาของป่า”
“เข้าไปก่อนเถอะ เราเดินไม่ไหวแล้ว”
ในบ้าน...เจ้าชายมาคีนั่งพิงอยู่ คามินจับขาตรวจว่าหักมั้ย เจ้าชายมาคีร้องเบาๆ
“ทรงขยับได้มั้ย”
เจ้าชายมาคีลองขยับ แล้วขยับได้
“แสดงว่าไม่หัก อาจจะแค่เส้นเอ็นฉีก”
“เราจะพิการมั้ย” เจ้าชายมาคีกังวล
“ไม่หรอกพะยะค่ะ ใส่เฝือกสักสองสามเดือนก็หาย”
“สองสามเดือน! เพราะไอ้สีนิลตัวเดียว ไอ้ม้าหัวดื้อ มันบังอาจสลัดเราตกจากหลังมัน”
“ถ้าฝ่าบาทไม่ทรงทำให้มันเจ็บมันก็คงไม่พยศ”
“แต่เราเป็นนาย มันไม่ยอมทำตามคำสั่งเรา”
“เป็นนายจะใช้แต่อำนาจไม่ได้หรอกพะยะค่ะ”
“พอๆ เราเถียงไม่เคยชนะนายซักทีคามิน เอาเป็นว่าถ้าเราพิการ นายก็ต้องรับผิดชอบ แบกเราไปไหนมาไหนตลอดไป”
“ถ้าอย่างงั้นคนที่จะพิการคงกลายเป็นกระหม่อมแล้วละพะยะค่ะ”
เจ้าชายมาคีหัวเราะแต่เจ็บ
“กระหม่อมจะออกไปดูว่าสินธรมาถึงรึยัง”
คามินลุกขึ้นเดินออก แล้วต้องถอยกลับเข้ามา ชาวป่าคนหนึ่งเอาปืนยาวจี้อกคามิน ชายอีกคนถือปืนตามเข้ามา
“แกเป็นใครบุกรุกเข้ามาบ้านข้า”
“ใจเย็นพี่ชาย เราแค่มาขออาศัยพัก”
เจ้าชายมาคีไม่พอใจ
“บังอาจ วางอาวุธเดี๋ยวนี้”
ชายคนที่สอง เข้าไปจี้เจ้าชายมาคี
“แกนั่นแหละลุกขึ้น”
“เราเป็นเจ้าชายรัชทายาท เจ้าต้องวางอาวุธ แล้วทำความเคารพเรา”
“เจ้าชายรัชทายาท”
สองคนหัวเราะประสานเสียง
“ไปหลอกเด็กเถอะโว้ย ลุกขึ้น ข้าบอกให้ลุก”
ชายคนที่สองเอาปืนกระแทกขาข้างที่เจ็บ เจ้าชายมาคีร้องโอดโอย
“อย่าแตะต้องเจ้าชาย”
คามินปัดปืนชายคนแรกเอามือจับปลายกระบอกปืน จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น คามินอัดชายคนแรกไปกองที่พื้น ชายคนที่สองจะเล็งยิง
“คามินระวัง” เจ้าชายมาคีร้องบอก
ชายคนที่สองยิง คามินหลบ เจ้าชายมาคี หยิบของใกล้มือขว้างใส่ ชายคนที่สองหันมาจะยิงเจ้าชายมาคี คามินกระโดดบัง เสียงปืนปัง !
“คามิน ๆ นายเป็นอะไรหรือเปล่า”
คามินรู้สึกว่าไม่โดนยิง หันไปมอง ชายคนที่สองปืนกระเด็นหลุดจากมือ กุมมือที่ถูกยิงร้องโอดโอย สินธรยืนเล็งปืนสั้นอยู่
เจ้าชายมาคีขึ้นไปนั่งบนรถจี๊ป ชายสองคนถูกทหารคุมตัว คามิน สินธร ยืนอยู่
“ทำร้ายเจ้าชายรัชทายาท โทษประหารสถานเดียวรู้หรือเปล่า” สินธรตวาด
“ข้าสองพี่น้องมีตาแต่ไม่มีแวว ทรงยกโทษให้ด้วย”
“ตอนนี้มีพวกต่างด้าวเข้ามา ปล้นชาวบ้านบ่อยๆ เราเลยนึกว่าเจ้าชายเป็นโจรป่า เมตตาเราสักครั้งเถอะ”
ทั้งสองคนพยายามอ้อนวอน เจ้าชายมาคีมองไม่พอใจ
“เราบอกเจ้าแล้วว่าเราเป็นใคร เจ้าก็ยังไม่ฟัง เอาตัวมันไป”
สองคนตกใจพยายามขอร้อง
“ฝ่าบาท เราสองคนบุกรุกบ้านของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต สองคนนี่ถึงเข้าใจผิด ทำผิดเพราะไม่รู้ อย่าต้องให้ถึงตายเลยพะยะค่ะ”
“มันจะทำร้ายนายด้วยนะ”
“แต่สุดท้ายกระหม่อมไม่ใช่คนที่บาดเจ็บ”
คามินมองชายที่ยืนกุมมือที่ถูกยิงเลือดยังไหล เจ้าชายตัดสินใจ
“ก็ได้ ถ้าคามินขอ เราจะไม่เอาโทษ”
ชายทั้งสองคน ดีใจสุดขีดก้มหัวลงจดพื้น
“ทรงพระเจริญๆ”
“ต่อไปนี้ชีวิตกระหม่อมสองพี่น้องเป็นของเจ้าชายองค์รัชทายาท ขอถวายรับใช้จนชีวิตหาไม่”
“ได้ แล้วเราจะมาทวงบุญคุณ”
คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา คามินคิดออกทันที ว่าเจ้าชายมาคีต้องไปที่บ้านไม้กลางป่าแน่
“สินธร ฉันนึกออกแล้วว่าเจ้าชายจะเสด็จไปที่ไหน”
เจ้าชายมาคีเดินออกมาจากบ้าน ชายสองคนพี่น้อง ถืออาวุธเฝ้าหน้าบ้านอยู่ มีม้าเจ้าชายยืนอยู่ ทำความเคารพ
“เราฝากเจ้าสองคนดูแลกรรณิการ์จนกว่าเราจะกลับมา และต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”
“เท่าชีวิตข้าพะยะค่ะ” ทั้งสองคนบอกพร้อมกัน
เจ้าชายมาคีเดินขึ้นไปขึ้นรถขับออก สุเทษซึ่งอยู่ในชุดดำทั้งชุดก้าวเข้ามาเงียบๆ
ตำหนักเจ้าชายมาคี...พระนางสาวิตรีโกรธมาก ชวาลคุกเข่าตัวสั่นอยู่ตรงหน้า
“เสียแรง เรามอบหมายให้เจ้าติดตามถวายงานเจ้าชาย แต่กลับปล่อยให้เจ้าชายหายตัวไปอีก ถ้าเจ้าชายเป็นอะไรไปเราจะลงโทษเจ้าให้หนัก”
“ทรงพระกรุณาด้วย เกล้ากระหม่อมเห็นว่ามีท่านสินธรคอยรักขา เจ้าชายน่าจะทรงปลอดภัย”
“อยู่กับเจ้าสินธรนั่นแหละอันตรายที่สุด คราวที่แล้วมันก็ร่วมมือกับคามินจงใจปล่อยให้เจ้าชายมาคีหนีไป”
“คราวก่อน เจ้าชายทรงใช้ให้เกล้ากระหม่อมใส่ยานอนหลับให้ทหารยามเองนะพะยะค่ะ” ชวาลปิดปากตัวเองที่หลุดพูดออกไป
“ที่แท้ก็เป็นฝีมือเจ้า ทหาร คุมตัวชวาลไว้เดี๋ยวนี้”
ทหารเข้ามาคุมตัวชวาล
“เกล้ากระหม่อมผิดไปแล้ว ขอทรงอภัยด้วย”
“ให้เราตามตัวเจ้าชายมาคีพบก่อน เราจะลงโทษเจ้า”
มัทนาเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง หาหนทางไม่ให้ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่รัก
“มันต้องมีวิธีซิ ทำไงดีๆ คิดๆ”
ทีวีที่เปิดทิ้งไว้ มีคอนเสิร์ตพวกพังค์ร็อคอยู่ มัทนารำคาญจะเอารีโมทมากดปิดแล้วชะงัก คิดแผนบางอย่างขึ้นมาได้
คามินเดินไปมาอย่างร้อนใจ ดูมือถือยังไม่มีข่าวคราว ตัดสินใจถอดเสื้อ โยนๆ บนเตียงเตรียมอาบน้ำ เสียงออดหน้าห้องดัง คามินเดินไปเปิดประตู เห็นแม่บ้าน ยืนรออยู่กับรถเข็น
“ขออนุญาตทพความสะอาดห้องค่ะ”
“เอ๊ะ เมื่อเช้าก็ทำไปแล้วนี่ครับ”
“เอ่อ คือในห้องน้ำยังไม่สะอาดค่ะ ขอทำอีกครั้งให้แน่ใจ”
“เอาซิ ผมกำลังจะเข้าห้องน้ำพอดี”
คามินหันหลังเดินกลับไป คว้ามือถือออกไปที่ระเบียง แม่บ้านเข็นรถเข้ามา ในห้อง มัทนาโผล่หัวออกมา ในชุดหนังทะมัดทะแมงค่อยๆปีนออกมา เธอแต่งหน้า ทาขอบตาดำ ปากดำ มีเพ้นท์หน้าแบบพั้งค์ร็อค ยื่นเงินให้แม่บ้านสองพัน คุยกันเบาๆ
“ขอบคุณมากนะจ๊ะ”
“แฟนหล่ออย่างงี้เอง ถึงต้องลงทุนแอบมาจับผิดอย่าลืมนะคะ ถ้าเจอกิ๊ก ตามป้าได้ จะมาช่วยตบให้เสียโฉมเลย”
“โอเคเลยจ้ะ”
แม่บ้านเดินเข็นรถออกไปอย่างรวดเร็วมัทนาปิดประตู…คามิน ได้ยินเสียงประตูปิด เขาเดินกลับเข้าไปในห้อง มัทนา เอาโซ่คล้องเสร็จ หันกลับมาเจอ คามินในชุดกางเกงขายาว เปลือยอก ต่างคนต่างตกใจ
ท่านหญิงมาณวิกาจะเข้าไปคุยเข้ามัทนาในห้อง จับลูกบิดปรากฏว่าล็อค จึงเคาะประตูเรียก
“มัท ยัยมัท”
มินตราเดินมาหา
“คุณมัทบอกว่าปวดหัวขอนอนพักค่ะคุณท่าน”
“ไม่สบายหรือเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ มินวัดไข้แล้ว คงจะยังงอนอยู่ก็เลยประท้วง”
“เธอคิดว่าฉันใจร้าย บังคับจิตใจลูกหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ มินเชื่อว่า คุณท่านเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคุณมัท”
“แม้แต่เรื่องที่บังคับให้ลูกแต่งงาน ขับไสไล่ส่งให้ลูกไปอยู่เมืองที่ไม่มีใครรู้จักอย่างงั้นเหรอ”
“รายาเป็นประเทศที่มีดรรชนีมวลรวมความสุขในระดับต้นๆของโลก คุณมัทต้องมีความสุขแน่นอนค่ะ”
“ขอบใจนะ มินตราที่อยู่ข้างฉันกับยัยมัทมาตลอด เหมือนกับแม่ของเธอ ขอบใจจริงๆ”
ท่านหญิงมาณวิกาเดินออกไป มินตรายิ้มปลื้มซาบซึ้ง แต่พอหันไปมองที่ประตู เปลี่ยนหน้าเป็นยิ้มเยาะ
“ใช่ค่ะ พี่อยู่ข้างคุณมัทเสมอ ไม่ว่าคุณมัทจะอยู่ที่ไหนก็ตาม”
มินตรานั้นรู้ว่ามัทนาแอบออกไปข้างนอกเพื่อไปหาคามิน แต่จงใจให้ไป
คามินจำมัทนาไม่ได้ มองอย่างไม่รู้จัก
“ผมว่าคุณคงเข้าห้องผิดแล้ว ผมไม่รู้จักคุณ”
“เดี๋ยวซิ ใจเย็น ฟังฉันก่อน”
“ถ้าคุณไม่ออกไป ผมจะเรียกยาม”
คามินจะคว้าโทรศัพท์ มัทนาเข้าไปตะปบมือไว้
“ไม่ได้นะ นี่ คุณดูให้ดีดี เราเพิ่งเจอกันเมื่อกลางวัน...ฉันมัทนา”
“มัทนา”
“ใช่ มัทนา เกียรติกำจร ตัวจริงเสียงจริง”
มัทนายื่นหน้าให้คามินดูใกล้ๆ คามินอึ้งไป
“ไง จำได้หรือยัง”
คามินรีบผละออก ค้อมหัวอย่างสุภาพ
“ขอโทษครับ ขอตัวสักครู่”
คามินคว้าเสื้อวิ่งเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว มัทนาถอนใจ
“เขินยังกะ สาวถูกหนุ่มบุกเข้าห้อง หมั่นไส้”
คามินออกมา เอาเสื้อใส่กางเกงเรียบร้อย
“ไม่ทราบคุณมัทนามีธุระด่วนอะไรหรือเปล่าครับ”
“มันก็ไม่เชิง คือ เมื่อกลางวัน ฉันทำไม่ดีกับท่านไว้ ก็เลย อยากจะมาขอโทษอย่างเป็นทางการอีกครั้ง”
“เรื่องนั้น ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมเข้าใจดี แล้วก็อย่าเรียกผมว่าท่านเลยครับ เรียกชื่อก็พอ”
“ค่ะ คุณคามิน แต่สำหรับประเพณีไทย ถ้าจะขอโทษใครแค่เลี้ยงข้าวอย่างเดียวมันไม่พอ มันต้องมีน้ำร้อน น้ำชา”
คามินงง มัทนาจึงอธิบาย
“คือ...ประมาณว่า แขกมาถึงบ้านต้องต้อนรับน่ะ โดยเฉพาะคุณที่เป็นแขกพิเศษสุดๆ”
“เรื่องนั้นยิ่งไม่จำเป็นใหญ่ เพราะว่าผมมาปฎิบัติหน้าที่ตามที่องค์ราชาทรงมอบหมาย”
“นั่น ประเด็นอยู่ตรงนั้นละ คุณมาเพื่อดูตัวฉันซึ่งจะเป็นราชินีของรายาในอนาคต”
“ใช้คำนั้นยังไม่ถูกต้องนัก ผมมาให้คำแนะนำและเตรียมความพร้อม สำหรับการถวายตัวต่อราชสำนักรายา”
“จะใช้คำไหนก็ช่าง แต่ฉันคิดว่าก่อนที่คุณจะทำให้ฉันเป็นผู้หญิงของรายา คุณน่าจะเรียนรู้สังคมไฮโซแบบไทยๆก่อนนะ”
“ผมยังไม่เข้าใจ”
“เมืองไทย มีสุภาษิตว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ฉันจะพาคุณไปดู”
คามินนิ่งไปอย่างสงสัยว่ามัทนาคิดจะทำอะไร
ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 2 (ต่อ)
บ้านกลางป่า...สินธรเห็นชายสองคนนอนจมกองเลือดอยู่ มีร่องรอยถูกฟัน อังจมูกคนหนึ่ง ปรากฎว่าสิ้นลมแล้ว ชายอีกคนยังมีลมหายใจ สินธรประคองขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น ใครทำร้ายเจ้าสองคน”
“ข้าไม่รู้ มันคลุมหน้ามา...ช่วยคุณกรรณิการ์ด้วย”
ชายคนนั้นสิ้นใจ
กลางป่า กรรณิการ์ถูกเหวี่ยงไปกองกับพื้น สุเทษคลุมหน้าก้าวตามแววตาเหี้ยม
“แกจะทำอะไรฉัน”
“ผู้หญิงอย่างหล่อนไม่คู่ควรกับองค์รัชทายาท”
“ออกไปจากเมืองนี้ซะ แล้วอย่ากลับมาให้เห็นหน้าอีก” สุเทษตวาดใส่
“แต่เจ้าชายทรงเลือกฉันเป็นชายาแล้ว”
กรรณิการ์เปิดหูซ้ายให้ดู
“นี่ไงหลักฐาน เจ้าชายประทานกุณฑลของพระองค์ให้ฉัน”
สุเทษอึ้ง กรรณิการ์รู้สึกได้เปรียบ
“ทีนี้คงรู้แล้วนะ ว่าแกกำลังทำผิดมหันต์ คุกเข่าขอขมาฉันเดี๋ยวนี้ เร็วซิ”
“ต้องขออภัย พระชายาจริงๆ”
สุเทษจิกผมกรรณิการ์จนหน้าหงาย ชักมีดออกมา
“แต่เข่ากระหม่อมไม่ค่อยดี คงคุกเข่าไม่ได้”
“ปล่อยนะ ถ้าแกทำร้ายฉัน แกต้องถูกประหารชีวิต”
“กระหม่อม แค่จะขอประทาน พระกรรณข้างนี้จากพระชายาแค่นั้น คงจะทรงพระกรุณา”กรรณิการ์มองมีดวาววับตาเหลือก
เสียงกรี๊ดร้องของกรรณิการ์ดังขึ้นสินธรวิ่งไปทางเสียงทันที
“สุเทษแบมือที่มีต่างหูเฉือนมาจากหูกรรณิการ์อยู่ในมือ มีเลือดนิดหน่อย สุเทษเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดแล้วห่อไว้”
กรรณิการ์กุมหูตัวสั่น ร้องไห้
“ขอบพระทัย พระชายา กระหม่อมคงต้องทูลลา”
สุเทษหันหลังจะไป ก็เจอกับ สินธร
“แกเป็นใคร ใครใช้แกมา”
สุเทษไม่ฟังเสียง จู่โจมเข้าสู้กับสินธร ด้วยอาวุธประจำกาย พอสินธรผงะก็ วิ่งหนี สินธรวิ่งตามควักดาวกระจาย สะบัดไป ถูกแขนสุเทษเซ ห่อต่างหูหลุดมือ สินธรตามเข้าโจมตี สุเทษแขนขวาเจ็บ สู้ไม่ถนัด สู้ไปถอยไป ในที่สุดก็ล้มลง สุเทษแกล้งสลบ
สินธรจะเข้าไปกระชากผ้าคลุมหน้าออก แต่สุเทษเตะตวัด สินธรกลิ้งไปก่อน สุเทษวิ่งหนีไปได้
สินธรเข้าไปดูห่อผ้าเปิดมาเป็นต่างหู ก็ถอนใจโล่งอก ที่ยึดคืนไว้ได้
บ้านนายพลวิฑูร สุเทษยืนกุมแขน มีผ้าพันแผลไว้ นายพลวิฑูรหน้าเครียด พยายามกลั้นโมโห
“กุณฑลของเจ้าชายมาอยู่ในมือแล้วแท้ๆ แกกลับปล่อยให้หลุดมือไปได้”
“ผมขอโทษครับท่านนายพล ผมประมาทเกินไป”
“นี่ไม่ได้เรียกว่าประมาท แต่เรียกว่าโง่บัดซบต่างหาก ถ้ากุณฑลตกไปถึงมือคามินเท่ากับราชบัลลังก์เป็นของมันครึ่งนึงแล้ว”
“ผมจะชิงคืนมาให้ได้”
“ไม่ต้อง! อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น แกไปรักษาแผลให้หาย แล้วก็อย่าเพิ่งโผล่หน้าออกมาให้ใครเห็น จนกว่าฉันจะเรียก”
“ครับ”
สุเทษเดินออกไป นายพลวิฑูรทุบกำปั้นกับโต๊ะ
“แล้วแกจะรู้ว่า แกคิดผิดที่บังอาจต่อกรกับฉัน ไอ้คามิน ไอ้ลูกกำพร้า!”
รถมัทนาแล่นเข้ามาจอดหน้าบาร์ใต้ดิน คามินที่นั่งมาด้วยมองงง เพราะหน้าบาร์เป็นเหมือนตึกเก่าๆ ด้านหน้าก็มืดๆ มัทนาลงจากรถ
“ลงมาซิคุณ”
คามินลงจากรถ
“ที่นี่คือ...”
“สวรรค์ยามราตรีของฉัน”
“ในนั้นน่ะเหรอครับ” คามินชี้ไปในตึก
“ถูก...เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งไป”
มัทนามองคามิน
“แบบนี้เข้าไปไม่ได้ ไม่เข้าพวก”
มัทนากระชากแขนเสื้อคามินขาดออก ทั้งสองข้าง กลายเป็นเสื้อแขนกุด
“คุณ...”
มัทนาเอามีดโกนออกจากกระเป๋า สะบัดออกมา แล้วทำท่าจะกรีดไปตรงกางเกงแถวเป้า
“เฮ้ย” คามินจับข้อมือมัทนาไว้ “คุณมัทนา คุณจะทำอะไรกันแน่”
“ก็ทำให้คุณเป็นร็อคเกอร์ไงเล่า”
มัทนาดึงมือออกมาแล้ว กรีดกางเกงคามิน ฟึ่บๆ กางเกงกลายเป็นริ้วๆ ไปในทันที จากนั้นเธอได้เอาเจลแต่งผมคามินให้ตั้งๆ แล้วใช้มาสคาราทาตา ต่อด้วยเอาแท็ตทู ติดตรงแขน
“เอาละเรียบร้อย”
คามินกลายเป็นเป็นพังค์ร็อคไปในพริบตาและหล่อด้วย มัทนาเองก็ตะลึงๆไป
“คุณมัทนาครับ คุณมัทนา....”
มัทนาหลุดจากภวังค์ กระพริบตาถี่ๆ
“ผมก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมเราต้องแต่งตัวแบบนี้ด้วย”
“เดี๋ยวก็รู้ ตามฉันมา”
มัทนาถอดแจ๊ตเก็ตเอานิ้วเกี่ยวพาดหลัง เหลือแค่เสื้อดำเกาะอก มีรูปลอกรอยสักที่ต้นแขนเปรี้ยวจี๊ด แล้วเดินนำไป เข้าตึกที่เป็นประตูทางเข้า มีป้ายชี้ เขียนว่า “THE UNDERGROUND”คามินตาม
ในบาร์ใต้ดิน ชาวพังค์ที่ถูกจ้างมาส่วนมากหน้าตาลูกครึ่ง หล่อๆ สวยๆ มีแก๊งค์โมฮ็อคสามคน
มัทนาเดินลงบันไดมาเห็นเหมันต์ยืนกดโทรศัพท์อยู่ตรงตีนบันได ทางเข้าบาร์ ใส่แจ็คเก็ตดำ ผมตั้งแต่งหน้าดูประหลาดกว่าทุกวัน
“ทำไมคุณมัทปิดโทรศัพท์นะ”
มัทนาจับบ่า เหมันต์ไปมอง จำไม่ได้ หันกลับไป มัทนาสะกิดอีก
“ไปข้างหน้าเลย ผมมีแฟนแล้ว”
“พี่เหมันต์ มัทเอง”
“คุณมัท! แต่งขนาดนี้เลยเหรอครับ” เหมันต์งง
มัทนาชู้วปาก บุ้ยใบ้ให้มองว่าคามินเดินมาข้างหลัง
“เล่นตามที่บอกไว้” แล้วมัทนาก็แกล้งเสียงดังขึ้น “ไง รอนานมั้ย”
มัทนาตีมือกับเหมันต์ ที่เปลี่ยนท่าเป็นเซอร์ เหมือนเมายาหน่อยๆ
“ก็พอไหว...”
“วันนี้มัทพาเพื่อนมา เทคแคร์ด้วย เขาชื่อคามิน”
คามินมองๆ สังเกตความแปลก
“ไฮ คามิน”
เหมันต์ชูมือมา คามินไม่แปะด้วย เหมันต์เก้อๆ คามินค้อมหัวนิดๆ มัทนาแนะนำ
“พี่เหมันต์ หรือแฮรี่ บอดี้การ์ดของฉัน คุณเคยเจอกันแล้วนี่ ...พวกเรามากันแล้วใช่มั้ย” มัทนาแกล้งถามเหมันต์
“มาแล้วครับ อยู่ข้างใน”
“งั้นก็ไปเหอะ คิดถึงเพื่อนๆจะตายอยู่แล้ว”
ในบาร์ ดีเจเปิดเพลง ควันคลุ้ง มีโต๊ะ เก้าอี้ประปราย ทั้งสามเข้ามาข้างใน เพลงดังมาก มัทนาแปะมือทักทาย พวกเพื่อนชายหญิงที่แต่งตัวกันสุดฤทธิ์
“ไฮ ซูซี่ ไมเคิล”
“ไฮ มินนี่ แฮรี่” ไมเคิลทักทาย
“วันนี้ไอมีน้องใหม่มาแนะนำ มิสเตอร์ คามิน from Raya”
“wow nice to meet you.”
ซูซี่โผเข้ามากอดแนบแก้มซ้ายขวา คามินขืนตัว ยิ้มฝืนๆ ซูซี่หันไปตะโกนบอกคนในผับ
“เพื่อนๆ มาช่วยกันต้อนรับน้องใหม่หน่อยเร็ว”
ทุกคนหันมาโดยเฉพาะสาวๆ กรูกันเข้ามาหา คามินแล้วฉุดไป
“เดี๋ยวครับ...คุณมัทนา”
คามินมองมัทนาอย่างจะขอความช่วยเหลือ มัทนายิ้มสะใจ เหมันต์ไม่ค่อยสบายใจ ดึงมัทไปหลบมุมถาม
“ทำไม คุณมัทต้องแกล้งแขกของท่านประธานขนาดนี้ มันจะดีเหรอครับ ทำจนเขาถูกตำรวจจับไปทีนึงแล้ว”
“แสดงว่า คุณพ่อคงไม่ได้บอกใช่มั้ย ว่าเขามาทำอะไรที่เมืองไทย”
“เปล่าครับ”
“เขาจะเอาตัวมัทไปแต่งงานกับเจ้าชายเมืองเขา คราวนี้เข้าใจรึยังว่าทำไม”
เหมันต์ตะลึง อ้าปากค้าง
ในบาร์ทุกคนแกล้งเมากันเละเทะ ดิ้นกันกระจาย คามินถูกสาวๆรุม ป้อนเหล้า แก้มมีรอยลิปสติก...ตะโกนคุยกัน
“ขอบคุณ ผมไม่ดื่ม”
“งั้นลองนี่ก็ได้ โนแอลกอฮอล์” ซูซี่ส่งอีกแก้วให้
“ขอน้ำเปล่าดีกว่าครับ”
“ประเทศคุณมีแต่นักบวชรึไงคะ”
“อะไรนะครับ”
ซูซี่เข้าไปนักตักคามินโอบคอกระซิบ
“ประเทศคุณมีแต่นักบวชรึไงคะ”
คามินยังไม่ทันตอบ ดีเจประกาศ
“และ ณ บัดนาว ขอเชิญพบกับ ราชนิกูลที่สวย เซี้ยว เปรี้ยว ซ่า ที่สุดในเมืองไทย มัทนา หรือมินนี่ ขวัญใจของพวกเรา”
มัทนากระโดดขึ้นบนเวที ดิ้นแบบต้องการให้คามินเห็นว่า หลุดมากๆ คามินชะเง้อมอง แบบไม่เชื่อสายตา
“คุณมัทนามาเที่ยวที่นี่บ่อยเหรอครับ”
“มินนี่น่ะเหรอ ขาประจำเลยละ มาทีไร เมาเละทุกที”
คามินฟังซูซี่เล่าแล้วอึ้ง มัทนาเห็นคามินมองมา พยักหน้าให้เหมันต์ๆสะกิดหนุ่มหล่อโดดขึ้นไปเต้นกับเธอแบบใกล้ชิด มัทนายั่วยวนเซ็กซี่
ทางเข้าด้านหน้า แก๊งค์ พั้งค์ร็อคตัวจริงสามคน เดินเข้ามา แจ๊คหัวหน้าแก๊งค์เป็นหัวโมฮ็อค สีๆ
ลูกน้อง หัวล้าน เจาะหู เจาะจมูก ผมแปลกๆ เสื้อกั๊กหนัง เครื่องประดับเพียบ แหวนแหลมๆ เป็นอาวุธได้ทั้งสามผลักพวกที่เต้นอยู่ กระเด็นเซไป พอจะหันมาด่า ก็ชะงัก เพราะทั้งสามตัวโต ล่ำ เลยต้องถอยแหวกให้หัวหน้าแก๊งค์
หัวหน้าแก๊งค์ เดินเข้ามา ฉวยแก้วในมือของแขกในนั้นมากินหน้าตาเฉย แต่พอแขกจะเอาเรื่อง
สมุนก็เข้ามาจ้องหน้า แล้วก็มาแย่งโต๊ะติดเวทีหรือฟลอร์อย่างหน้าด้านๆ ทุกคนถอย ไมเคิลเห็นแก็งค์ ตาโต ตกใจ
“บรรลัยแล้ว ไอ้แจ็คมาได้ไงวะ”
แจ๊คมองมัทนาอย่างพอใจ มัทนาเต้นอยู่ จู่ๆ หนุ่มที่เต้นอยู่ด้วยก็ถูกกระชากออกไป
มัทนางง มองไปเห็นแจ็คยืนหิ้วหนุ่มอยู่ หนุ่มตาเหลือก ดิ้นๆก่อนถูกโยนลงไปจากเวที
ข้างล่างที่เต้นกันกรี๊ดกร๊าด หยุดมอง แจ็คกระชากมัทนาเข้าอ้อมกอด มัทนาพยายามผลัก
คามินเห็น เป็นห่วงพยายามจะผลักซูซี่ที่นัวเนียอยู่ ซูซี่ไม่สน คามินอุ้มซูซี่ขึ้น แล้วปล่อยลงพื้น
“ว้าย”
“ซอรี่”
คามินก้าวออกไป มัทนาพยายามผลัก แต่แจ็คไม่ยอมปล่อย
“นี่ ห่างๆก็ได้ ไม่ต้องสมจริงมาก”
แจ๊คไม่ฟังเสียง จะจูบ มัทนากระทืบเท้าผลักเต็มแรง แจ๊คคลายมือนิดหนึ่ง มัทผละออก
แต่พอมัทจะลงจากเวที แจ็คก็กระชาก แขนมัทมากอดอีก
“เอ๊ะ บอกให้ปล่อย”
“ไม่มีผู้หญิงคนไหนหนีพ้นจากอ้อมกอดพี่แจ็คได้”
เหมันต์วิ่งไปบนเวที
“เฮ้ย พอแล้ว ปล่อยคุณมัทเดี๋ยวนี้”
เหมันต์กระชากแจ็คแต่ถูกสมุนแจ็คขึ้นมาลากลงไป ไมเคิลกับพวกเข้ามาช่วย ถูกสมุนอัดกระเด็นล้มลง คามินประคองขึ้นมา แล้วพรวดเข้าไปจับแขนสมุนที่กำลังเงื้อจะต่อยเหมันต์ สมุนหันมาเล่นงานคามิน แต่ก็ถูก มวยรายาที่รวดเร็วเล่นงาน สมุนอีกคนเข้ามาช่วย ถูกอัดกระเด็นไป พวกหนุ่มสาวเข้ามารุมกระทืบสมุน ที่เหลือเชียร์เฮกัน แจ็คได้ยินเสียงชะงักหันไปมอง คามินก้าวมายืนตรงหน้าแล้ว
“ปล่อยผู้หญิง”
แจ็คปล่อย แต่ยังกุมข้อมือมัทนาไว้
“ไม่มีใครเคยสั่ง ไอ้แจ็คได้”
“งั้นไม่เกรงใจนะ”
คามินหมุนตัวเข้ามาศอกเข้าหน้า แจ็คผงะคามินดึงตัวมัทนาหมุนเข้าในอ้อมกอด เหมือนเต้นรำกลายๆ คนข้างล่างเฮกัน แจ็คมึน
“คุณถอยไปก่อน”
มัทนาลงจากเวทีโดยมีเหมันต์ประคองลง
“พวกนี้เป็นใครทำไมเล่นนอกบท”
“มันเป็นแก็งค์ข้างนอกหลงเข้ามา ไม่ใช่พวกเรา”
มัทนาตกใจ แจ็คโผนเข้าเล่นงานคามิน โดยใช้แหวนที่คล้ายสนับแหลมเข้าต่อย คามินหลบแบบว่องไวสุดๆ
“งั้นก็ทำอะไรสักอย่างซิ ไม่งั้นนายนั่นแย่แน่”
คามินต่อยแจ็คสามสี่หมัดรวด แบบไม่ให้ตั้งตัวแจ็คมึน ข้างล่างเชียร์กันลั่น ดีเจเริ่มเปิดแผ่นประกอบบรรยากาศ แบบมันมาก
“ผมว่าคงไม่ต้องช่วยแล้วมั้ง”
แจ็คชักมีด คามินถูกมีดเฉี่ยวเสื้อขาด แต่ก็คามินใช้มวยรายาตอบโต้และจับบิดมือมีดหลุดคามินทุ่มแจ็คลงจากเวที ทุกคนเฮชอบใจกัน เหมันต์ลืมตัวตบมือด้วย มัทนาก็เผลอยิ้ม แล้วหันไปเห็นแจ็คที่สลัดหัว
แจ็คชักปืน เล็งคามิน จะเหนี่ยวไก แต่ชะงักเพราะมีขวดเหล้าฟาดกลางกบาล ขวดแตกกระจาย แจ็คล้มลง มัทนาถือขวดเหล้าแตกเอาไว้ พวกในบาร์เฮกันอีกที ดีเจเปิดแผ่นสนุกสนาน คามินกับมัทนาสบตากัน
คามินฉุดมัทนาออกมาหน้าบาร์
“ปล่อย จะพาฉันไปไหน”
“ขอโทษ แต่ผมต้องพาคุณกลับบ้าน”
“แต่ฉันยังไม่อยากกลับ”
“สถานที่แบบนี้ไม่เหมาะกับคุณ ไม่เห็นเหรอว่ามีแต่คนขาดสติ อันตรายมาก”
“แต่ฉันว่าสนุกดีออก เหมาะกับคนอย่างฉันที่สุด แบบนี้ละชีวิตมันถึงจะมีสีสัน”
“คุณไม่เหมือนที่ผมคิดไว้จริงๆ” คามินถอนใจ
“คราวนี้คุณก็คงเห็นแล้วว่าคนอย่างฉันไม่เหมาะกับการไปเป็นราชินีที่ไหนทั้งสิ้น ฉันไม่ใช่กุลสตรีที่เรียบร้อยเพียบพร้อมอย่างที่พวกคุณหวัง”
“เหตุผลแค่นี้คงจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้”
มัทนาควักเช็คออกมา
“เช็คเงินสด จำนวน สองแสนบาท คุณไปเบิกได้เลยพรุ่งนี้เช้า”
“คุณให้เงินผมทำไมครับ”
“ค่าเสียเวลา ชดเชยที่คุณอุตส่าห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงที่นี่” มัทนายัดใส่มือคามิน “รับไปเถอะ นี่เป็นการตกลงระหว่างเราสองคน ฉันรับรองว่าจะเก็บเป็นความลับ”
“คุณเสียเงินเพื่อเป็นค่าจ้างแบบนี้บ่อยๆเหรอ”
“มันเป็นเรื่องธรรมดามากๆสำหรับเมืองไทย แต่ถ้าคุณยังเห็นว่าน้อยไป พรุ่งนี้คุณไปที่บ้านได้เลย ฉันจะให้เงินสดคุณทันทีอีกสองแสน หลังจากที่คุณบอกยกเลิกการอภิเษกกับคุณพ่อคุณแม่”
คามินมองเช็คในมือ มองหน้ามัทครุ่นคิด เหมันต์ขับรถตัวเองมาจอดเทียบกับรถของมัทนา
“ฉันให้เวลาคุณกลับไปคิดคืนหนึ่ง แล้วพรุ่งนี้พบกัน พี่เหมันต์ ช่วยไปส่งท่านราชองครักษ์ที่โรงแรมทีนะ”
มัทนาเดินไปขึ้นรถตัวเอง ขับออกไป คามินมองตาม เหมันต์ลงมาเปิดประตูรถด้านหลัง
“เชิญครับ”
“ขอบคุณ”
คามินไปเปิดประตูข้างคนขับ ขึ้นไปนั่ง เหมันต์รู้สึกดีกับคามินที่ไม่ถือตัว
มัทนาย่องเข้ามาที่สนามหน้าบ้าน เลาะข้างบ้านมองซ้ายขวาจะเข้าประตูด้านหน้า มินตราเดินออกมาจากเงามืด
“ว้าย...” มัทนาปิดปากตัวเอง “พี่มินตรา ทะ ทำไม ยังไม่นอน มาทำอะไรแถวนี้คะ”
“ยังจะมาถาม แล้วคุณมัทละคะ หนีออกไปไหนมา เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวให้คนอื่นเป็นห่วงซะที”
มัทนามองซ้ายมองขวา
“พี่มินอย่าเพิ่งโกรธ มัทไปทำงานสำคัญมา แล้วมันก็ประสบความสำเร็จเกินคาดด้วย”
มินตราตามมัทนามาที่ห้องนอน เธอแปลกใจมากที่รู้เรื่อง
“ท่านราชองครักษ์น่ะเหรอคะยอมรับเงินคุณมัท”
“มัทก็ไม่คิดว่าเขาจะรับหรอก นึกว่าจะหยิ่งในเกียรติในศักดิ์ศรีที่ไหนได้ แต่มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ เงินแค่นี้แลกกับอิสรภาพคุ้มสุดจะคุ้ม”
มินตราผิดหวังนิดๆ
“แล้วคุณพ่อคุณแม่ท่านจะยอมเหรอคะ”
“นั่นก็เป็นเรื่องของนายคามินที่ต้องมาเจรจา มัทแน่ใจเลยละค่ะ ว่าเขาคงไม่เอาราชินีพั้งค์ร็อคอย่างมัทกลับรายาแน่ มัทเป็นอิสระแล้วค่ะพี่มิน”
มัทนากอดมินตรา ยิ้มแย้มไปด้วย
เช้าวันใหม่ ชวาลเช็ดพระพักต์เจ้าชายมาคี ที่นอนแช่น้ำในอ่าง มีดอกไม้ลอยฟ่อง
“ฝ่าบาทนะฝ่าบาท นึกจะเด็จไปก็ไป นึกจะเด็จมาก็มา ทรงเห็นกระหม่อมเป็นดอกไม้ริมทางเหรอ ถึงไม่สนพระทัยจิตใจกระหม่อมเลย”
“บ่นพอหรือยัง เราก็ขอโทษแล้วไง”
ชวาลค้อนแล้วก็สะดุดที่หูเมื่อไม่เห็นกุณฑล
“อ้าว กุณฑลของฝ่าบาทหายไปไหนแล้ว”
ชวาลมองหาตามพื้น
“เจ้ามาเกี่ยวอะไรกับกุณฑลของเรา ชวาล”
“ก็กระหม่อมเป็นคนถวายน้ำสรง เช็ดพระวรกายให้ทุก วันตั้งแต่พระพักตร์ พระเนตร พระกรรณ จู่ๆ กุณฑลก็หายไปจากพระกรรณ แบบนี้ ต้องมีความผิดแน่ๆ”
เจ้าชายมาคีขึ้นจากน้ำ ชวาลตามไป เอาผ้าเช็ดตัวเช็ดให้ ทำไปบ่นไป
“แค่ปล่อยให้ฝ่าบาทหายองค์ไปเมื่อวาน กระหม่อมเกือบตายแล้ว นับคดีที่ทรงก่อ กระหม่อมมีกี่หัวก็ไม่พอให้ตัด”
เจ้าชายมาคีรำคาญ
“อย่าโวยวายไปหน่อยเลยน่ะ กุณฑลเราไม่ได้หายไปไหนหรอก เรามอบให้กรรณิการ์ไปแล้ว”
“อ้อ อย่างงี้นี่เอง ....ฮ้า....” ชวาลช็อค มือที่ยื่นเสื้อคลุมจะให้เจ้าชายมาคีใส่ค้าง เจ้าชายมาคีรำคาญฉวยไปใส่เอง
เจ้าชายมาคีเดินมานั่งจิบชาสบายใจ ชวาลตามร้อนรน
“ฝ่าบาททรงทำอย่างนั้นได้ยังไง ถ้าองค์ราชาทราบ ต้องกริ้วกว่าเรื่องทรงหนีการประลองอีกนะพะยะค่ะ”
“เราก็ไม่ได้จะทูลเสด็จพ่อตอนนี้ รอให้หายประชวรก่อน”
“แล้วถ้าเรื่องไปถึงพระกรรณองค์ราชินี ไหนจะกรมวัง ข้าราชบริพาร ทหาร ตำรวจ”
“เรามีวิธีของเรา เจ้าไม่ต้องยุ่ง”
“เจ้าชายมาคี” เสียงพระนางสาวิตรีดังมาก่อนตัว
“องค์ราชินีเสด็จ พระชนมายุยิ่งยืนนานจริงๆ ไม่ขาดคำก็เด็จเลย ทำไงดีๆ” ชวาลกังวล
พระนางสาวิตรีเดินเข้ามา ชวาลรีบทำความเคารพ พระนางสาวิตรีชี้หน้าเจ้าชายมาคี
“เจ้าชายมาคี ลูกหายไปไหนมาอีก ทำไมลูกถึงทำแบบนี้ จะให้แม่กลุ้มใจไปถึงไหน”
เจ้าชายมาคีจับมือพระนางสาวิตรีมาจูบคุกเข่า
“ลูกผิดไปแล้ว เสด็จแม่จะลงโทษลูกยังไงก็ตามแต่พระทัย จะฆ่าลูกก็ได้ แต่ลูกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”
พระนางสาวิตรีอึ้งไป
“เจ้าชายมาคี แม่แค่เป็นห่วงที่ลูกหนีไปไม่บอกกล่าว”
“ลูกไม่ได้หนี แต่ลูกอยากจะไปตรวจตราทุกข์สุขของชาวบ้าน อย่างที่เสด็จพ่อเสด็จแม่ทรงต้องการเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องใหญ่”
ชวาลเหลือบมอง ประมาณพูดไปได้ พระนางสาวิตรีอารมณ์เย็นลง
“เอาเถอะ ๆ ลุกขึ้น เจ้าชายมาคี ลูกปลอดภัยกลับมาแม่ก็ดีใจแล้ว ทีหลังอย่าทำอย่างงี้อีกรู้มั้ย”
เจ้าชายมาคีไม่ลุก
“ลูกยังทำผิดมหันต์อีกอย่าง”
“อะไร ลูกก่อเรื่องใหญ่อะไรอีก”
“ลูกทำกุณฑลข้างซ้ายหายไป”
“อะไรนะ ของสำคัญแบบนี้ ลูกทำหายได้ยังไง ชวาลทำไมไม่ดูแลให้ดี”
ชวาลสะดุ้ง โดนอีกแล้ว
“กระหม่อมสมควรตาย”
“อย่าโทษชวาลเลย ลูกสะเพร่าเองที่ไม่ทันสังเกตว่ากุณฑลหลุดหายไปเมื่อไหร่ ทรงลงโทษลูกเถอะ”
“เจ้าชายมาคีนะเจ้าชายมาคี”
พระนางสาวิตรีหลงกลลูกเต็มๆ เจ้าชายมาคีแอบยิ้ม
นายพลวิฑูรเดินเข้ามาในบ้าน เทวีรีบเดินเข้ามาบอก
“องค์ราชินีทรงรออยู่นานแล้ว ไม่รู้ว่ามีเรื่องด่วนอะไร”
นายพลวิฑูรพยักหน้าเดินเข้าไปในห้องโถง เห็นพระนางสาวิตรีเดินไปมาอย่างร้อนใจ
“ขอประทานอภัยที่ให้ทรงรอ กระหม่อมไม่ทราบว่าจะเสด็จมา”
“น้องมีเรื่องร้อนใจ เจ้าชายมาคีก่อเรื่องอีกแล้ว”
เทวีชะเง้อฟังอย่างสนใจ
“เรื่องอะไรเพคะ”
นายพลวิฑูรหันไปมองเมีย
“มีอะไรไปทำก็ไป ไป”
“ไม่มี...ตอนนี้ว่างค่ะ”
“งั้นก็ไปหาอะไรก็ได้ทำ ไม่ให้ว่าง เข้าใจมั้ย”
เทวีเพิ่งเข้าใจความหมายว่าถูกไล่ พระนางสาวิตรีรีบบอก
“เจ้าชายมาคีทำกุลฑลหายไป”
“เกล้ากระหม่อมรู้แล้ว”
พระนางสาวิตรีตกใจว่ารู้ได้ยังไง
พระนางสาวิตรีนั่งลงอย่างหมดแรง
“นี่เจ้าชายมาคีโกหกเราเหรอเนี่ย”
นายพลวิฑูรนิ่งคิด
“ลำพังเจ้าชายเองคงไม่มีความคิดแบบนี้ น่าจะมีคนยุแยง”
พระนางสาวิตรีแค้นใจ
“ไอ้คามิน”
“มันหลอกให้เจ้าชายมอบกุณฑลให้กรรณิการ์เพื่อไม่ให้หฤทัยได้เป็นพระชายา” นายพลวิฑูรใส่ไฟ
“เลว...เลวที่สุด” พระนางสาวิตรีโกรธมาก
“ไม่แค่นั้น มันยังให้คนสนิทของมัน ขโมยกุลฑลไปจากกรรณิการ์อีกต่อหนึ่ง เมื่อเป็นอย่างงี้ก็เท่ากับมันควบคุมชีวิตเจ้าชายได้ทั้งหมด”
“ไม่มีทาง เราไม่ยอมให้แผนของมันสำเร็จ น้องจะไปทูลเสด็จพี่ราชาอินทรา”
“นั่นจะยิ่งทำให้องค์ราชาทรงกริ้วเจ้าชายมากขึ้น”
“แล้วเราจะทำยังไงกันดี”
“เราต้องรู้ให้ได้ว่า คามินมันเอากุณฑลไปไว้ที่ไหนและไปให้ใคร”
ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 2 (ต่อ)
ในห้องหนังสือ วังรายา...สินธรถวายต่างหูในห่อผ้าคืนให้ราชาอินทรา โภคินอยู่ด้วย
“ขอบใจมากสินธร ที่ไม่ปล่อยให้ของมีค่าเช่นนี้ตกอยู่ในมือคนชั่ว”
“โชคดีที่ท่านคามินนึกออกว่า เจ้าชายจะพากรรณิการ์ไปซ่อนไว้ที่ไหนพะยะค่ะ”
“แต่ฝ่ายตรงข้ามก็รู้เหมือนกัน”
“นายแน่ใจเหรอสินธรว่ามันคือ สุเทษ” โภคินสงสัย
“จากฝีมือการต่อสู้ไม่น่าจะเป็นคนอื่นครับ”
“บังอาจมากที่คิดชิงกุณฑลองค์รัชทายาท” โภคินโกรธ
ราชาอินทราหน้าเครียด
“เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้หฤทัยได้อภิเษกกับเจ้าชายมาคี ตอนนี้นายพลวิฑูรรู้แล้วว่ากุณฑลถูกสินธรชิงมา คงไม่อยู่เฉยแน่...”
“ถ้าเจ้าชายทรงทราบคงไม่อยู่เฉยเหมือนกัน” โภคินสวน
“รักษาผู้หญิงคนนั้นให้ดีที่สุด และเก็บตัวเอาไว้อย่าให้เจ้าชายมาคีรู้ว่าผู้หญิงคนนี้อยู่กับเราเด็ดขาด” ราชาอินทรากำชับ
“พะย่ะค่ะ” โภคินรับคำ
“ทางคามินส่งข่าวมาว่ายังไง”
“ยังเงียบอยู่พะยะค่ะ”
“ติดต่อไป ถามซิว่าตกลงมีปัญหาอะไรกันแน่ ไม่อย่างงั้นเราคงต้องเดินทางไปเอง”
คามินโทรศัพท์ที่ระเบียงห้องพักอย่าง ร้อนใจ
“ท่านโภคิน ทูลองค์ราชาขออย่าเพิ่งร้อนพระทัย หากทรงเดินทางมาเอง จะยิ่งไม่ปลอดภัย ผมกำลังจะกลับไปทูลเรื่องทั้งหมดเอง”
คามินกดสาย กลุ้มใจ มองเช็คที่วางบนโต๊ะ สลับกับจอคอมที่มีรูปมัทนา เป็นแก้วหน้าม้าทะเล้นๆ ภาพที่บาร์ใต้ดินแว่บเข้ามา คามินหมดหวัง แต่ก็คิดถึงภาพหนึ่งขึ้นมา เป็นภาพที่มัทนาดิ้นรนจากอ้อมกอดแจ๊ค แล้วเหมันต์พยายามไปช่วยแสดงว่ามัทนาหวงตัวพอควร
คามินนึกถึงอดีตตอนที่เหมันต์ขับรถมาส่งเขาที่หน้าโรงแรมที่พัก
“ขอบคุณมาก”
“ยินดีครับ...”
“คุณมาเที่ยวกลางคืนกับคุณมัทนาบ่อยๆเหรอ”
“อ๋อ ก็เกือบทุกคืนละครับ คุณมัทนาเธอชอบเที่ยวมาก เสเพลสุดๆ คืนนี้ยังน้อย บางทีเมาอ้วกแตกอ้วกแตน”
“แต่เธอเป็นลูกสาวนายจ้างของคุณนะ คุณน่าจะเตือนเธอบ้าง”
“โอ๊ย ไม่มีผลหรอกครับ ใครจะบังคับคุณมัทนาได้ เปล่าประโยชน์ ทั้งแสบ ซ่า บ้าบิ่น เอาแต่ใจตัวเองก็เท่านั้น เชื่อเถอะครับว่าคุณมัทไม่เหมาะจะไปเป็นเจ้าสาวของใครหรอก”
คามินได้แต่ยิ้มๆ
“ตกลง พรุ่งนี้คุณจะกลับเลยมั้ยครับ ผมจะได้จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้”
“ถ้าไม่ลำบากก็ขอบคุณมาก”
“ไม่ครับ ไม่ลำบากเลย ขอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพแล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีกนะครับ”
เหมันต์จับมือคามินเขย่า ปรากฎว่าป้ายราคาเสื้อ ห้อยออกมา คามินสังเกตเห็น
ปัจจุบัน...คามินคิดอะไรได้ จึงนั่งลิมูซีนโรงแรมมาจอดที่หน้าบาร์ คนขับถาม
“ที่นี่หรือเปล่าครับ”
“ใช่ ขอบคุณมาก รอสักครู่นะ”
คามินลงจากรถเดินเข้าไปในบาร์...แล้วได้ยิน เหมันต์พูดกับไมเคิลเจ้าของผับ จึงหลบมุม แล้วชะเง้อหน้าไปดู เห็นเหมันต์ใส่สูทเรียบร้อย ยืนจ่ายเงินให้ไมเคิลที่ตอนนี้แต่งตัวธรรมดา เสื้อกล้าม ยีนส์ชิวๆ
“นี่เป็นค่าข้าวของเสียหาย นี่ค่าตัวของทุกคน”
“ขอบคุณน้องชาย ถ้าจ่ายหนักแบบนี้ ผมปิดบาร์ให้ได้สามวันสามคืนเลย คนก็เอามาได้เพิ่มอีก”
“แค่คืนเดียวก็พอแล้ว ลูกสาวเจ้านายผมเขาแค่อยากจะมีอะไรเล่นแก้เบื่อ แล้วก็อย่าลืม ต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดนะ”
“ได้เลย ยังไงผมฝากขอบคุณเพื่อนของคุณมัทนาด้วย ฝีมือเจ๋งมากๆ เล่นเอาพวกไอ้แจ๊คไม่กล้ามาป่วนอีกเลย”
เหมันต์ยิ้มฝืนๆ
“แล้วจะบอกให้”
คามินเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดทันที
มัทนาพูดโทรศัพท์กับเหมันต์ที่สนามบ้าน
“จริงเหรอ ยอดมากๆ มัทรักพี่เหมันต์ที่สุด รีบไปจองตั๋วเครื่องบินให้ตานั่นด่วนเลยนะ”
มัทนาหันมาเจอคามินยืนไพล่หลังมองยิ้มๆ
“อุ๊ย...เอ่อ งั้นแค่นี้ก่อนนะ ตัวเอง เดินทางโดย สวัสดิภาพนะจ๊ะ...”
มัทนากดตัดสาย ยกมือไหว้คามินสวยงาม
“สวัสดีค่ะ ท่านองครักษ์ มาเงียบๆ เผอิญเพื่อนจะบินไปเมืองนอกเลยล่ำลากัน”
“เหรอครับ คุณมัทนาคงไม่ชอบเพื่อนคนนี้เท่าไหร่ถึงได้ดูดีใจที่เขาจะไปแล้ว”
“เอ่อ โอ๊ย ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ คือไม่ค่อยสนิทกัน อีกอย่างเขาก็ไปเที่ยว ไม่ต้องห่วงอะไร แล้วนี่ตกลง คุณคามินตัดสินใจได้แล้วใช่มั้ยคะ”
“ครับ”
มัทนาดีใจมาก เขย่ามือคามิน
“ขอบคุณจริงๆค่ะ ขอบคุณมาก ฉันดีใจที่เราเข้าใจกันได้ เราสองคนต้องเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแน่ๆ คุณรออยู่ที่นี่นะคะ ฉันจะไปหยิบเงินมาให้”
“เดี๋ยวครับ ยังไม่ต้องดีกว่า ขอคุยกับท่านประธานกับมาดามก่อน”
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา ฉันจะรีบไปบอกท่านว่าคุณมา”
“ไม่เป็นไรครับ คุณพ่อคุณแม่คุณทราบแล้ว”
“งั้นเหรอคะ คุณโทรมาบอกแล้วเหรอ รวดเร็วดีจริงๆ รีบเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ ทุกอย่างจะได้จบๆซะที”
มัทเดินร่าเริงนำไป คามินตามยิ้มๆ
ในห้องรับแขก ธรรมรัตน์กับท่านหญิงมาณวิกานั่งอยู่ คามินนั่งตรงข้าม มัทนานั่งถัดไปยิ้มไม่หุบ มินตราคุมอนงค์เอาน้ำชามาเสิร์ฟ มัทนากุลีกุจอ ยกส่งให้คามิน
“ขอบคุณครับ”
ธรรมกับท่านหญิงมาณวิกามองลูกแปลกใจ มัทนาแอบทำมือว่าสำเร็จกับมินตรา ที่ทำหน้าเฉยๆ เดินนำอนงค์ออกไป
“พูดตรงๆได้เลยค่ะ ท่านราชองครักษ์ ไม่ต้องกลัวมัทจะเสียใจ เพราะมันเป็นความจริง”
ท่านหญิงมาณวิกาแปลกใจ
“ความจริงอะไร ยัยมัท”
“ก็ความจริงที่มัทไม่มีคุณสมบัติที่คู่ควรกับการเป็นคู่หมายของเจ้าชายรัชทายาทน่ะซิคะ...” มัทนามองคามิน “เชิญว่าไปเลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ก่อนที่จะคุยเรื่องนั้น” คามินควักเช็คออกมา “ผมขอคืนเช็คนี้ให้คุณมัทนาก่อน”
มัทนาอ้าปากค้างมองหน้าคามิน ธรรมรัตน์งงๆ
“เอ๊ะ เช็คๆอะไรกันครับ”
มัทนาจะรับมาแต่ท่านหญิงมาณวิกาฉวยไปก่อน
“เช็คเงินสดสองแสนบาท เช็คมัทนาไปอยู่ที่ท่านคามินได้ยังไงกันคะ”
ท่านหญิงมาณวิกามองหน้ามัทนา
“ผมเจอเช็คใบนี้หล่นอยู่ที่พื้นตอนที่เดินเข้ามา”
ท่านหญิงมาณวิกาไม่เชื่อนัก มัทนารีบตามน้ำ
“อ๋อ ใช่จริงๆด้วย มัทกำลังหาอยู่เลย ขอบคุณมากนะคะท่านราชองครักษ์” มัทนากัดฟันแค้นมาก
ธรรมรัตน์ตำหนิ
“แย่จริงๆ ลูก ดีนะที่ตกอยู่ในบ้าน ขอบคุณท่านคามินมาก แล้วเรื่องที่จะคุยละครับ”
“ทางองค์ราชาร้อนพระทัย แล้วก็มีพระประสงค์จะเสด็จมารับคุณมทันาด้วยพระองค์เอง”
มัทนาลุกพรวด
“ไม่...ไม่มีทาง ฉันจะไม่ไปรายา ไม่มีทาง”
ท่านหญิงมาณวิกาปราม
“มัทนา นั่งลง แม่บอกให้นั่งลง”
มัทนาจำต้องนั่ง
“แต่ผมทูลไปแล้วว่า ขอเวลาให้ผมได้อบรมคุณมัทนาให้เข้าใจประเพณีวัฒนธรรมของรายาซะก่อน”
“นี่คุณพูดอะไรของคุณ ก็เมื่อคืนคุณก็เห็นแล้วว่าฉันเป็นยังไง”
ธรรมรัตน์ชะงักไม่เข้าใจ
“เมื่อคืน...”
ท่านหญิงมาณวิกาหันมาถามอย่างสงสัย
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
“ถ้าคุณมัทหมายถึงพวกข่าวต่างๆที่ลงในเวปไซด์ เมื่อคืนผมเปิดดูแล้ว ไม่มีปัญหาครับ ผมอธิบายให้ทางโน้นเข้าใจได้ เอ๊ะ หรือว่าคุณมัทนาหมายถึงเรื่องอื่น” คามินแกล้ง
ทั้งธรรมรัตน์และท่านหญิงมาณวิกามองมัทนาเป็นตาเดียว มัทนาอยากจะด่ามาก แต่ต้องฉีกยิ้ม
“ไม่ค่ะ ไม่มี”
“ถ้าอย่างนั้น เราควรจะมาเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับรายากันเดี๋ยวนี้เลย”
“ได้ครับ ผมเตรียมห้องไว้ให้แล้ว เชิญ”
ธรรมรัตน์เดินนำ คามินผายมือให้มัทนาๆกระซิบ
“คุณหักหลังฉัน”
คามินยิ้มเฉย มัทนาจำใจเดินไป ท่านหญิงมาณวิกาสังเกตความผิดปกติ พอเดินผ่านมินตราที่อยู่หน้าประตูก็ถามทันที
“มินตรา เมื่อคืนมัทนาไปก่อเรื่องอะไรอีกใช่มั้ย”
มินตราทำท่าลำบากใจ
ในห้องโฮมเธียเตอร์...มัทนายืนหน้าง้ำ ธรรมรัตน์โอบลูกปลอบใจ
“ขอบใจลูกมากนะมัทนา สู้ๆ พ่อรู้ว่าลูกต้องทำได้”
มัทนามองคามินแค้นอย่างเดียว เธอตอบเสียงในคอ
“ค่ะ”
ธรรมรัตน์เดินออกไป ประตูปิด คามินเอาซีดีใส่เครื่องเปิด เห็นเป็นภูมิประเทศของรายา
“เรามารู้จักลักษณะทั่วไปของประเทศรายากันก่อนนะครับ ภูมิประเทศของรายาเป็นเทือกเขา อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุหลายชนิด มี 3 ฤดู คือ ร้อน หนาว ฝน”
“ฉันไม่อยากรู้เรื่องภูมิประเทศของรายา ตอนนี้ฉันอยากรู้นิสัยของคนรายามากกว่าว่าเจ้าเล่ห์ เจ้าแผนการแบบคุณทุกคนรึเปล่า”
“เจ้าเล่ห์ เจ้าแผนการ เหมือนที่คุณมัทนาจ้างคนมาแสดงละครที่บาร์เมื่อคืนน่ะเหรอครับ”
“ละครอะไร” มัทนาทำไม่รู้ไม่ชี้
“ชีวิตของคุณมีค่ามากสำหรับชาวรายา อย่าทำแบบนั้นอีก”
“ต้องให้ฉันทำยังไง คุณถึงจะเชื่อว่าฉันไม่ใช่คนที่พวกคุณอยากให้เป็น”
“ผมไม่ใช่คนตัดสิน เจ้าชายรัชทายาทต่างหาก”
“ห้าแสน ถ้ายังไม่พอก็ล้านนึง สำหรับการคืนอิสรภาพให้ฉัน”
“ทำไม คุณไม่คิดว่าถ้าคุณได้พบเจ้าชายคุณอาจจะรักพระองค์ก็ได้”
“ไม่มีทาง”
“พรหมลิขิต ผมชอบคำนี้ในภาษาไทย บางทีเราก็หลีกเลี่ยงสิ่งที่เบื้องบนกำหนดมาไม่ได้”
มัทนาเหมือนถูกสะกดด้วยคำอธิบายที่นุ่มนวลของคามิน นึกคำที่จะเถียงไม่ออก
“ชาวรายาเชื่อว่าเราเกิดมาพร้อมกับคู่ของเรา และเรามีชีวิตอยู่เพื่อตามหาคนคนนั้น ในวันแต่งงาน ผู้ชายรายาจะมอบต่างหูให้กับเจ้าสาวเพื่อยืนยันว่าเธอกับเขาเป็นคู่กันและจะไม่มีวันแยกกันตลอดไป”
มัทนาอึ้งไป บนจอ ฉายภาพวิวสวยๆของรายาไปเรื่อยๆระหว่างที่คามินพูด มีเพลงพื้นเมืองประกอบ ดูโรแมนติค ประตูแง้มอยู่ ธรรมรัตน์ยืนแอบฟัง ลุ้น
“ฉัน ฉัน...”
“ทำไม ไม่คิดว่าเจ้าชายกับคุณอาจเกิดมาเพื่อกันและกันล่ะครับ”
ธรรมรัตน์เงี่ยหูอยากรู้ว่าลูกจะตอบอะไร
“เหลวไหล นั่นมันมีแต่ในนิยายเท่านั้นละ สมัยนี้ไม่มีใครงมงายเชื่ออะไรเชยๆอย่างนั้นแล้ว”
มัทนาจะเดินหนีออกไป
“คุณกลัว...”
มัทนาเบรกเอี๊ยด
“คุณกลัวว่าถ้าคุณพบเจ้าชาย คุณหลงรักพระองค์ คุณกลัวว่าถ้าคุณศึกษาเรื่องราวของรายาแล้วคุณจะอยากไปที่นั่น คุณหนีเพราะคุณขี้ขลาด”
มัทนาหันขวับเดินไปหาคามิน เกือบชิดเงยหน้าจ้องตา
“พูดใหม่อีกทีซิ”
“ผมว่า คุณจำได้ทุกคำพูดนะ”
“ดูปากฉันให้ดีดี ไม่มีวัน”
“งั้นก็พิสูจน์ซิครับ”
คามินยิ้มอย่างท้าทาย ธรรมรัตน์แอบอยู่หน้าห้องยิ้มพอใจ ปิดประตูที่แง้มไว้เบาๆ แล้วจะเดินไป ท่านหญิงมาณวิกาเดินลิ่วมา ธรรมรัตน์รีบขวาง
“เดี๋ยวคุณ อย่าเพิ่งเข้าไป”
“ฉันรู้แล้วว่าเมื่อคืนยัยมัทก่อเรื่องอะไรไว้ ฉันต้องจัดการ”
ธรรมรัตน์ชู้วปาก ฉุดมือท่านหญิงมาณวิกา
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ มานี่ก่อนครับ”
ธรรมรัตน์ฉุดท่านหญิงมาณวิกาไปมุมหนึ่งของบ้าน
“ปล่อยค่ะคราวนี้ฉันไม่ลงโทษลูกไม่ได้ ถึงขนาดแอบหนีออกจากบ้านพาท่านคามิน ไป
เที่ยวบาร์จนมีเรื่องมีราวกับนักเลง” ท่านหญิงมาณวิกาสลัดมือ
ธรรมรัตน์ชะงัก
“มีเรื่องแบบนี้เหรอ แต่ว่าลูกก็ปลอดภัยไม่ใช่เหรอครับ”
“ยังไม่หมด เช็คที่ท่านองครักษ์มาคืน ยัยมัทเป็นคนให้เป็นค่าจ้าง เพื่อจัดการยกเลิกการอภิเษก”
“เออ อันนี้เกินไปจริงๆ” ธรรมรัตน์อึ้งไป
ท่านหญิงมาณวิกาจะไป
“คราวนี้ฉันคงลงโทษลูกได้แล้วใช่มั้ยคะ”
ธรรมรัตน์ฉุดไว้อีก
“ผมไม่ได้ห้ามนะแต่ผมว่าบางทีวิธีเดิมๆของเรา อาจจะใช้ไม่ได้ผลกับยัยมัทแล้วก็ได้ ลองให้คนอื่นจัดการดูบ้าง”
ท่านหญิงมาณวิกาชะงักแปลกใจ
“คุณหมายถึง...”
ธรรมรัตน์พยักหน้า
ในสำนักงานอสิต...ห้องทำงาน เป็นห้องกว้าง มีอุปกรณ์กีฬาหลายอย่างประเภท ลู่วิ่ง ม้านั่ง ลูกเหล็ก บาเบลเพราะอสิตบ้าออกกำลังกาย อสิตกำลังยกลูกเหล็กสลับข้างสองแขนกันไปมา ยักษ์ยืนข้างๆ คุมการทำโทษมือปืนที่ยืนขาเดียว กางแขน บนหัวมีหนังสือหนาๆวาง กับแก้วน้ำเต็มแก้ว มือปืนเหงื่อแตก
“ไอ้ยักษ์ คอยดูนะ ถ้าน้ำหกมาถูกหนังสืออั๊ว เอามันไปยิงทิ้งได้เลย”
“นะ...นายครับ ยกโทษให้ผมด้วย ให้ผมแก้ตัวเถอะครับ” มือปืนตื่นกลัว
“ไอ้ธรรมรัตน์ มันยืนห่างแค่ไม่กี่ฟุต ลื้อยังยิงไม่ถูก แถมยังเกือบถูกจับได้ ลื้อยังคิดจะมีคราวหน้าอีกเหรอ”
“ผมไม่รู้จริงๆว่ามันจ้างบอดี้การ์ดปลอมเป็นนักข่าวอยู่ในงาน ผมขอโทษครับนาย...ถ้านายปล่อยผมไป ผมรับรองว่าจะไม่พลาดอีก...”
“ลองให้มันแก้ตัวอีกสักครั้งเถอะครับนาย ลูกมันยังเล็ก” ยักษ์ช่วยพูด
“นะครับนาย สงสารผมเถอะ” มือปืนอ้อนวอน
“ได้ ถ้าลื้อทนได้จนอั๊วออกกำลังกายเสร็จ”
“ขอบคุณครับนาย ขอบคุณ” มือปืนดีใจ
เสียงอัคนีโวยวายดังมา
“ป๊า ป๊าอยู่ไหน...ฉันจะพบป๊า”
“ใครมาเอะอะโวยวายวะ เสียสมาธิหมด”
อัคนีเดินใส่ปลอกคอเข้ามา สมุนตามประคับประคอง ยักษ์หันมาบอก
“คุณหนูมาครับ”
“เฮ้ย ไอ้หนู” อสิตเห็นลูกตกใจ
อสิตปล่อยดัมเบล ใส่เท้ามือปืน
“จ๊ากกกก”
มือปืนทำแก้วน้ำหกเรี่ยราด แต่อสิตไม่สนใจวิ่งเข้าไปหา อัคนี
“ไอ้หนู ยังไม่หายดี มาทำไม”
“ป๊าต้องช่วยผม ป๊าต้องไปจัดการพวกมันเดี๋ยวนี้เลย”
“ใคร ใครมันบังอาจทำอะไรลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของป๊า หา”
สมุนอัคนียื่นนสพ.ให้ อสิตดู ปกหนังสือพิมพ์วันอาทิตย์ ดาราเซ็กซี่ของช่องเจ็ด เต็มหน้า อสิตชะงัก
“คนนี้เหรอ โห หุ่นไม่ใช่ย่อย”
“ไม่ใช่ ป๊า”
อัคนีชี้ข่าวพาดหัว
“บุกยิงเจ้าของนิคมอุตสาหกรรมใหญ่กลางงานเลี้ยงวันเกิดลูกสาว”
“ไอ้นี่ต่างหาก ป๊าต้องไปลากคอไอ้มือปืนนี่มันมายิงทิ้งนะ มันบังอาจมาทำร้ายพ่อตาในอนาคตของผม”
“อะไรนะ พ่อตาแก” อสิตตะลึง
“ก็ ธรรมรัตน์ไงป๊า เขาเป็นพ่อคุณมัทนา แฟนผม พ่อต้องจัดการให้ผมนะ”
อสิตอ้าปากค้าง
“แปลว่า ผู้หญิงที่ชวนแกไปเล่นพิเรนจนคอเคล็ด คือ...ลูกสาว ไอ้ธรรมรัตน์”
“ใช่ เขาเป็นผู้หญิงที่เจ๋ง เก่ง เท่ห์ โดนมากๆ ผมต้องเอาเขาเป็นเมียให้ได้”
อสิตมองมือปืนที่นั่งเจ็บเท้า เลิ่กลั่ก
“ทำไมลื้อไม่บอกอั๊ววะ”
“ผมไม่รู้จริงๆครับ”
อสิตพยักหน้าให้ยักษ์ลากออกไป มือปืนร้องลั่น
“นาย อย่าทำอะไรผมเลย”
“ไอ้นั่นมันเป็นใครครับ” อัคนีงงๆ
“มันเป็นยามคนใหม่ ทำงานไม่ถูกใจ พ่อเลยไล่มันออก...ทำไมแกไม่บอก ไอ้หนูว่าแกจีบลูกเจ้าของเกียรตินครอยู่...”
“ผมเพิ่งปิ๊งเขาไม่นานมานี้เอง พ่อคนนี้ผมรักจริง พ่อต้องช่วยผมนะ”
“ต้องช่วยอยู่แล้ว ถ้าลูกได้เป็นลูกเขยไอ้ธรรมรัตน์ ก็เท่ากับพ่อไม่ต้องเหนื่อยแรงไปแย่งซื้อที่ดินกับมัน...อภิชาตบุตรจริงๆ” อสิตกอด หอมลูกชาย
อัคนีไม่เข้าใจ
“ที่ดินอะไรครับพ่อ”
“ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางปฎิเสธลูกพ่อได้เด็ดขาด”
จบตอนที่ 2