ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 16
ในขณะที่ปรี้ยว ที่มาเป็นพริตตี้ในงานเดียวกันกับระริน กำลังเก็บของจะกลับ ได้ยินเสียงเอะอะมาจากหน้างาน ก็หันไปมอง
“เสียงอะไร?”
เปรี้ยวรีบเก็บของคว้ากระเป๋าสะพายแล้วรีบตามไปดู
ทางด้านคู่ตบ มีนากับระริน ก็ยังคงม่มีใครยอมรามือ ไทยมุงเริ่มมามุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ นักข่าวตามมาถ่ายรูปรัวไม่หยุด มีนาเห็นท่าไม่ดี ผลักระรินออกไป แล้วรีบหลบไปอีกทาง แจ๊สเข้าไปประคองระริน พลางพยายามกันนักข่าวไว้ ไม่ให้ถ่ายรูป
“อย่าถ่ายค่ะ ออกไปก่อน เดี๋ยวระรินเป็นลม รบกวนด้วยนะคะ”
ระรินดึงแจ๊สไว้ พลางเอียงหน้ากระซิบ
“ฉันไม่เป็นไร ปล่อยเขาถ่ายรูปไป”
แจ๊สตกใจ “หา”
“ฉันบอกว่าปล่อยไปไง”
ระรินปล่อยนักข่าวถ่ายรูปไป พร้อมกับที่มีไมค์ยื่นมาจ่อปาก
“คุณระรินคะบอกหน่อยได้ไหมคะว่าเกิดอะไรขึ้น” นักข่าวคนแรกเริ่มยิงคำถาม นักข่าวอีกคนรีบถามต่อ
.”มีเรื่องอะไรถึงเกิดเรื่องตบตีกันกลางงานแบบนี้ได้”
ระรินหันบอกให้แจ๊สปล่อย แล้วตอบคำถามนักข่าว
“รินบอกได้แค่ตอนนี้มีบางคนแสดงความหึงหวงของเขา ด้วยการทำร้ายริน รินอยากให้เขาหยุด
ซะที” “ผู้หญิงเมื่อกี้เหรอครับ”
“ผู้หญิงเมื่อกี้เป็นแค่เพื่อนของเขาค่ะ” ระรินพยายามปั้นหน้าเศร้า
“คุณรินบอกได้ไหมครับว่าใคร บอกให้รู้กันไปเลย”
“รินบอกไม่ได้จริงๆค่ะ รินไม่อยากใช้สื่อทำร้ายใคร ขอโทษจริงๆ”
นักข่าวส่งเสียงฮือฮา พลางซุบซิบกันว่าเป็นใคร ระรินรีบเดินผละออกมา แจ๊สช่วยกันไว้ นักข่าวรีบเดินตามพยายามจะตามสัมภาษณ์ต่อ
เปรี้ยวยืนแอบดูเหตุการณ์อยู่ ด้วยความตกใจ
เปรี้ยวเปิดประตูพรวดเข้ามาในห้อง จนไอวี่ตกใจ
“เฮ้ย มีอะไรเหรอเปรี้ยว”
-เปรี้ยวพุ่งมานั่งข้างไอวี่ เล่าทั้งๆที่ยังหอบอยู่
“แก ฉันมีเรื่องที่ต้องเล่า แบบมันแซ่บมากจริงๆ ฉันเจอมากับตัวเลย”
“เรื่องอะไร”
“ฉันเห็นยัยระรินตบกับใครไม่รู้ในงานอีเวนท์”
ไอวี่ตกใจ
“ จริงเหรอ แกไม่เห็นหน้าเลยเหรอว่าใคร”
“ไม่เห็น คนมุงกันเพียบเลย ฉันเห็นแค่แว้บๆเอง แต่ได้ยินตอนให้สัมภาษณ์นักข่าวนะ”
“ยัยนั่นว่าไง”
“บอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนของคนที่หึงหวง เลยมาหาเรื่องตบถึงงาน”
ไอวี่นั่งฟังอย่างงงๆ
“งั้นเหรอ โดนตบขนาดนั้นยังมีอารมณ์ให้สัมภาษณ์อีกเหรอ”
“นั่นสิ ฉันรู้สึกแปลกๆไงไม่รู้”
“ระรินกำลังอาศัยข่าวทำอะไรอยู่แน่ ฉันต้องรู้ให้ได้ ถ้าจะอาศัยเรื่องนี้มัดมือชกคุณรบ ฉันไม่ยอมแน่”
ไอวี่พูดหน้าเครียด พลอยทำให้เปรี้ยวเครียดตามไปด้วย
ระรินถ่ายรูปตัวเองโดนตบเป็นแผล โพสต์ลงในอินสตาแกรม มีข้อความว่า “เจ็บตัวไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บใจต้องอดทน ถึงจะถูกทำร้าย แต่เพื่อคนที่เรารักต้องอดทน เกิดเป็นลูกผู้ชายแล้วคุณก็ควรมีความรับผิดชอบ”
ระรินมองโทรศัพท์ เห็นคนเข้ามาคอมเมนต์ใต้รูปมากมาย ก็ยิ้มอย่างพอใจ แจ๊สนั่งมองอยู่
ส่ายหน้าอย่างระอา
“ฉันว่าเธอชักจะบ้าแล้วล่ะริน มองรูปตัวเองโดนตบแล้วยิ้มอย่างนั้นน่ะ”
“ฉันไม่ได้บ้าหรอกเจ๊ โพสต์ไปแค่สองนาที คนกดไลค์เกือบร้อย เมนท์สิบกว่าเมนท์แล้ว พรุ่งนี้เป็นข่าวดังแน่”
“คิดดีแล้วเหรอที่ทำแบบนี้ เธอกำลังเอาชื่อเสียง ความมั่นคงทางอาชีพมาเล่นนะ”
ระริน ยักไหล่
“ฉันทำอะไร ฉันมีเป้าหมายเสมอ ไม่ต้องห่วงหรอก”
“ฉันก็เตือนจนไม่รู้จะเตือนเธอยังไงแล้วเหมือนกัน ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นอีก ดูแลตัวเองด้วย เธอไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วนะ เธอมีลูกเธออยู่ในท้องอีกคน ทำอะไรนึกถึงเด็กคนนี้ไว้มากๆ เข้าใจไหม”
แจ๊สเตือนด้วยความหวังดี
“เข้าใจสิ ที่ฉันทำทุกอย่าง มันก็เพื่อเด็กคนนี้นั่นแหละ ถึงจะต้องกลายเป็นดาราจอมฉาวของสังคม ฉันก็ยอม”
ระรินเอามือจับไปที่ท้องตัวเอง สีหน้ามุ่งมั่น แจ๊สยิ่งเป็นห่วง
ไอวี่มาทำงานตามปกติ พลันเหลือบสายตาไปเห็นสาธรเดินเข้าออฟฟิศมา ก็รีบลุกไปหาทันที
“สวัสดีค่ะคุณสาธร”
สาธรเห็นไอวี่ รีบทักอารมณ์ดี
“หวัดดีครับไอวี่ ทำงานเป็นไงบ้างเนี่ย”
“ก็ดีค่ะ เรื่อยๆ พี่ๆก็โอเคดี”
“ไอ้รบมันคงดีใจนะครับ”
“วี่น่ะตอนนี้โอเค แต่คนให้งานวี่ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเลยนะคะ”
ไอวี่เริ่มปูทางเข้าเรื่อง
“น้องวี่หมายถึง ไอ้รบ?”
“ค่ะ เห็นตอนนี้เขาเป็นข่าวเยอะแยะเลย คงจะเครียด น่าเห็นใจนะคะ”
สาธรถอนหายใจ
“ครับ แต่ช่วยไม่ได้ ผมถือว่ามันเป็นดวง เราก็ประคับประคองกันไป”
“แล้วทำไมคุณรบถึงไปรู้จักกับระรินได้ล่ะคะ”
ไอวี่ถามตรงประเด็น
“เขารู้จักกันตอนคุณระรินมาพักที่นี่ล่ะครับ แต่ฝ่ายนู้นเขาเข้าหาก่อน ไอ้รบมันก็ประเภทใครเข้าหาก็ต้อนรับทำดีด้วยไปหมด ทีนี้เลยคิดมากเลย นึกว่าเล่นด้วย ไอ้รบน่ะมันมีเมียแล้วเล่นด้วยก็ไม่ได้ ระรินเขาตามตื๊อไอ้รบอยู่พักนึง”
เล่ามาถึงตรงนี้สาธรก็สะดุดกึก เหมือนรู้ตัวว่าพูดมากเกินไป พลางรีบตัดบท
“เดี๋ยวผมต้องเข้าประชุมแล้ว ไปก่อนนะครับ”
สาธรเดินออกไป ไอวี่ครุ่นคิดกับข้อมูลที่ได้
ศึกรบเข้ามาในร้านของปองฤทัย ด้วยท่าทางเครียดๆ ปองฤทัย ยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้า ก็รีบเข้ามาต้อนรับด้วยความดีใจ
“สวัสดีค่ะคุณรบ ทานอะไรมารึยังคะ รับกาแฟก่อนไหม เดี๋ยวปองชงให้”
ศึกรบเริ่มยิ้มออก “ถ้าผมมานั่งที่นี่ได้ทุกวันคงจะดีนะ”
“ทำไมคุณรบพูดอย่างนี้ล่ะคะ มีเรื่องเครียดมารึเปล่า?”
ปองฤทัยเริ่มสังเกตเห็นว่าหน้าตาศึกรบเคร่งเครียดกว่าทุกวัน
“นิดหน่อยครับ วันนี้รู้สึกไม่อยากทำงานเลย รู้ตัวอีกทีก็มาที่นี่แล้ว ทำไมไม่รู้เหมือนกัน”
ปองฤทัยมองศึกรบอย่างเห็นใจ พลางพยายามพูดปลอบ
“ถ้าคุณเครียด คุณมาที่นี่ได้ตลอดนะคะ ปองยินดีต้อนรับ ถึงร้านจะปิดแล้ว เพราะยังไงคุณเป็นเจ้าของร้านเหมือนกัน”
ปองฤทัยยิ้มให้ศึกรบ ศึกรบดีใจ
ในขณะที่สู่ขวัญ กำลังฟูมฟายน้ำตา พร้อมกับร่ำระบายความอัดอั้นตันใจให้มีนาฟังอยู่ที่ร้าน
“ฉันทนไม่ไหวจริงแล้วนะมีนา ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย ฉันแต่งงานฉันก็หวังว่าจะใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุข แต่อะไรมันก็ไม่เป็นอย่างที่คิด”
“ฉันรู้ว่าแกพยายามที่สุดแล้วขวัญ ผู้หญิงทุกคนที่แต่งงานก็อยากอยู่กับคนที่เราเลือกไปจนวันตาย ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่แกซะหน่อย ความไม่พอของเขาต่างหากที่ทำให้ทุกอย่างมันแย่แบบนี้”
มีนารู้สึกเจ็บแค้นแทนเพื่อน
“คราวนี้ฉันคงให้อภัยเขาไม่ได้แล้ว…มีคนอื่นยังพอมีโอกาสจะกลับมาได้นะ แต่เรื่องนี้มัน”
“เรื่องเด็กใช่ไหม”
สู่ขวัญพยักหน้า ร้องไห้หนักขึ้นอีก
“ถ้าแกทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทน แกเก่งอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องง้อผู้ชายหรอก ถ้าอยากหย่าก็หย่าเลย”
สู่ขวัญ หน้าเครียด พลางพูดเหมือนตัดสินใจเด็ดขาด
“คราวนี้มันคงถึงเวลาแตกหักจริงๆแล้วล่ะ”
“ดีแล้วขวัญ” มีนาเห็นด้วย “แต่ก่อนแกจะหย่า แกต้องทำให้พวกเขาจำไปยันตายเหมือนกันว่าทำกับแกแบบนี้ไม่ได้ แกต้องเอาคืน โดยเฉพาะยัยระริน ถึงจะได้คุณรบไป ยัยนั่นก็ต้องได้ไปแต่ตัว ทรัพย์สมบัติทั้งหลายอย่าหวังว่าจะได้ไปใช้สบายๆเลย”
สู่ขวัญพยักหน้า สีหน้าเปลี่ยนจากเศร้า มาเป็นเคียดแค้น
“ตอนนี้ผมเหนื่อยยังไงไม่รู้ครับ อะไรก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเลย”
ศึกรบพูดอย่างเหนื่อยใจ หลังจากที่รับแก้วกาแฟจากปองฤทัย
“เรื่องภรรยาคุณเหรอคะ?”
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกครับ ตัวแปรมากกว่านั้น ถ้าผ่านไปไม่ได้ อะไรๆมันคงต้องจบเร็วๆนี้ ผมจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
“คุณรบต้องอดทนนะคะ หนักนิดเบาหน่อยต้องคุยกัน ปองเชื่อว่าคุณทนได้”
ปองฤทัยพูดให้กำลังใจ
“ผมไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้นหรอกครับ”
“คุณรบที่ปองรู้จักเป็นคนใจดี เข้มแข็ง แล้วก็เก่งมากๆ คุณต้องผ่านมันไปได้อยู่แล้วค่ะ”
ปองฤทัยยิ้มให้ ศึกรบรู้สึกสบายใจขึ้น
“ปองเลี้ยงเค้กคุณดีกว่า ถือซะว่าเป็นกำลังใจ นะคะ เดี๋ยวปองหยิบมาให้”
“ ไม่ต้องหรอกครับคุณปอง ผมเกรงใจ”
ปองฤทัยทำท่าจะลุก ศึกรบรีบดึงแขนไว้ ปองฤทัยเซจนศึกรบต้องไปประคองไว้ ทั้งคู่มองหน้ากัน ศึกรบเผลอใจจะจูบ ในขณะที่ปองฤทัยกำลังจะโอนอ่อนตาม
“คุณปอง”
เสียงชโยดมดังขึ้นมาขัดจังหวะ ศึกรบตกใจปล่อยปองฤทัย ปองฤทัยรีบหันไปที่หน้าร้าน เห็นชโยดมเดินเข้ามา ก็พยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“คุณหมอ มา เอ่อ ดื่มกาแฟเหรอคะ”
“ผมมาเยี่ยมคุณป้าครับ ไม่คิดว่าจะเจอพี่เขยตัวเองด้วย”
ชโยดมมองไปที่ศึกรบ รู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่เห็นสนิทสนมกับปองฤทัย
“ฉันแค่แวะมาดื่มกาแฟน่ะ อีกสักพักคงจะกลับแล้ว”
ชโยดมมองศึกรบด้วยความไม่พอใจ
“ดีครับ พี่มีภรรยาแล้ว มาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นสองต่อสองแบบนี้ มันไม่ดีกับทั้งพี่สาวผม ทั้งคุณปองด้วย”
“แต่คุณหมอคะ มันไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณรบเขาแค่แวะมาดื่มกาแฟจริงๆ”
ปองฤทัยช่วยแก้แทน
“จะมาในฐานะลูกค้าหรืออะไร เขาก็ไม่ควรทำท่าสนิทกับคุณมากเกินไป” พลางหันไปพูดกับพี่เขย “ตอนนี้พี่ก็มีข่าวกับดาราอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วยังจะมาทำแบบนี้อีก พี่เอาพี่ขวัญไปไว้ไหน”
“โย พี่ไม่ได้ลืมขวัญนะ เรื่องคุณปองพี่บริสุทธิ์ใจ”
ศึกรบทำหน้าซื่อ
“คนบริสุทธิ์ใจต่อกันเขาไม่ทำแบบเมื่อกี้หรอก”
ศึกรบถึงพูดไม่ออก
“คุณหมออย่าว่าคุณรบเลยนะคะ ถ้าอะไรมันดูแย่ก็โทษปอง ปองผิดเอง ปองจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก คุณรบเขาไม่รู้เรื่อง”
ชโยดมมองปองฤทัยอย่างผิดหวัง
“คุณปกป้องเขางั้นเหรอ”
“คุณหมอคะ” ปองฤทัยหน้าเสีย
“ผมว่าผมกลับดีกว่า อยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะ”
ชโยดมหันหลังเดินออกไป ปองฤทัยขยับตัวจะเรียกไว้ แต่ศึกรบห้ามไว้ ชโยดมหันมาอีกครั้งเดิน พร้อมส่งของเยี่ยมประนอมให้ปองฤทัย
“ฝากนี่ให้คุณป้าด้วยนะครับ เป็นพวกของบำรุง จะได้แข็งแรง ผมคงไม่ได้มาที่นี่บ่อยๆแล้ว”
จากนั้นชโยดมก็หมุนตัว เดินออกจากร้านไป ปองฤทัยมองตาม รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ป้อมกำลังติวหนังสืออยู่กับเพื่อนที่ชื่ออ๊อฟ ที่มหาวิทยาลัย แต่ก็เอาแต่นั่งเหม่อจนอ๊อฟทัก
“เฮ้ย เพื่อนครับ ติวข้อสอบในมโนอยู่เหรอวะ มองหนังสือดิวะ เหม่ออยู่นั่น”
ป้อมสะดุ้ง หันมาสนใจหนังสือต่อ
“เออๆ ว่าไง ถึงไหนละ”
“ต้องให้ทัก ทำไมวะ กำลังใจหายไปเลยไม่มีสมาธิเหรอวะ” อ๊อฟแกล้งแซว
“มึงหมายถึงใคร”
“ก็น้องไอวี่พริตตี้คนสวยของแกไง้”
“ไอ้อ๊อฟ เขาไม่ของกูเว้ย อย่าพูดงี้ เขาเสียหาย”
ป้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“โห ปกป้องออกนอกหน้ามาเลย แหม่ๆ”
“ติวๆ มาซะที พูดมากไร้สาระ”
อ๊อฟ พยักหน้า
“ครับ เพื่อน กูว่ามึงเอาเวลาเหม่อถึงยัยไอวี่นะ มาตั้งใจกะกูแต่แรกก็จบเรื่องละ เพราะว่ามึงนึกถึงเขาไป เขาก็ไม่เอามึ้ง”
“นี่มึงเพื่อนกูป่ะเนี่ย ไม่ให้กำลังใจแถมซ้ำเติมอีก”
“กูพูดจริง” อ๊อฟหยุดพูดเล่น “ ยัยนั่นมันคนทะเยอะทะยาน ไม่ฐานะดี มีรถหรูๆขับเขาไม่เอาหรอก ตัดใจซะ หัวใจจะได้ไม่เป็นแผล”
ป้อมทำทีเป็นก้มลงไปอ่านหนังสือ อ๊อฟมองตามอย่างเป็นห่วง แต่ก็อดหัวเราะขำกับท่าทีของเพื่อนไม่ได้
เสียงโทรศัพท์ป้อมก็ดังขึ้น ป้อมหยิบมาดู เห็นชื่อชโยดมโทรมา ป้อมรีบกดรับสาย
“ครับ คุณหมอ”
“ป้อม กลางวันนี้ว่างไหม”
“ว่างครับ มีอะไรครับ”
“พี่มาแถวมหา’ลัยป้อมพอดี ออกมาเจอกันหน่อยไหม เดี๋ยวเลี้ยงข้าว”
ป้อมแปลกใจ แต่ก็พยักหน้ารับคำ
“ได้ครับ กี่โมงดีครับ”
อ่านต่อหน้า 2
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 16 (ต่อ)
ป้อมออกมาเจอชโยดม ที่ร้านอาหาร นั่งคุยสารทุกข์สุขดิบกันตามประสา
“แล้วที่ร้านเราตอนนี้เป็นไง”
“เหมือนเดิมครับ พอมาเปิดร้านก็ขายได้ปกติ ตอนแรกผมกลัวเหมือนกันว่าจะไม่มีคนเข้า แสดงว่าฝีมือพี่สาวผมใช้ได้อยู่ ลูกค้าติดใจ”
“ดีแล้ว แต่แปลกนะที่จู่ๆพวกนายก็มีเงินมาจ่ายค่ารักษาแม่ได้ พี่จะช่วยก็ไม่เอา”
ชโยดมพยายามโยงเรื่อง
“พวกเราแค่โชคดีน่ะครับ มีคนมาช่วยไว้ ภาวนาอย่าให้มีอะไรอีก แค่นี้ก็เกือบจะเสียร้านไปแล้ว”
“ทำไมถึงจะเสียร้าน?”
ป้อมสะดุ้ง รู้ตัวว่าเผลอหลุดพูดออกไปแล้ว
“บอกพี่มาเถอะ นายก็รู้พี่ไม่ใช่คนปากโป้ง”
ป้อมนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดปากเล่า
“ตอนนั้นเราไม่มีเงิน พี่ปองเลยจะขายร้าน แต่จู่ๆก็มีคนมาช่วยซื้อร้านแล้วให้เราบริหารต่อ เราก็เลยผ่านมันมาได้น่ะครับ”
“พวกนายรักร้านมากไม่ใช่เหรอ”
“เรารักแม่มากกว่าครับ”
ชโยดมยิ้มที่ได้ยินอย่างนั้น
“แล้วใครกันที่ใจดีขนาดลงทุนซื้อทั้งร้าน แต่ให้พวกนายขายต่อไปได้ล่ะ”
“ก็เป็นลูกค้าประจำของร้านคนนึงนะครับ เขาไม่อยากให้เราปิดร้านเลยช่วยเราไว้”
“งี้แสดงว่าอาจจะเป็นคุณศึกรบก็ได้น่ะสิ”
ชโยดมแกล้งโยนหินถามทาง แล้วก็ได้ผล
“พี่โยรู้จักเขาเหรอครับ” ป้อมตกใจ
“เขาเป็นพี่เขยพี่เอง”
“พี่เขย?” ป้อมยิ่งตกใจหนัก “ทำไมมันจุดไต้ตำตอขนาดนี้”
“พี่ก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน ว่าโลกมันจะกลม”
“แต่ที่จริง จะเป็นใครก็ไม่สำคัญหรอกครับ แค่ร้านยังอยู่ก็ขอบคุณมากแล้ว”
ชโยดมจ้องหน้าป้อม สีหน้าจริงจัง
“สำคัญสิ เพราะถ้าเกิดมันเป็นผู้ชายชื่อศึกรบขึ้นมา พี่สาวนายต้องระวังตัวให้มากๆแล้วล่ะ”
“ทำไมพี่ปองต้องระวังครับ?”
“ศึกรบเขาไม่ใช่คนธรรมดา โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ต่อให้สถานะเขาจะถูกระบุว่าแต่งงานแล้ว ก็ไม่น่าไว้ใจ ฉันไม่อยากให้เขาเอาร้านมาเข้าหาพี่สาวนาย”
“มันน่ากลัวอย่างนั้นเลยเหรอครับ”
“ฉันแค่เตือน ฉันไม่อยากให้คุณปองโดนหลอกอีกคน ฝากนายดูแลพี่สาวตัวเองด้วยแล้วกัน”
ป้อมฮึดฮัด ในใจรู้สึกแย้งๆกัน ชโยดมแอบสังเกตอากัปกิริยาอย่างไม่วางตา
ทันทีที่สู่ขวัญกลับมาบ้าน ทรงยศกับภาวดีที่รออยู่ รีบเดินเข้าไปหา
“กลับมาซะทีหนูขวัญ พวกเรามีเรื่องอยากคุยด้วย”
“ถ้าเป็นเรื่องลูกชายคุณพ่อคุณแม่ ขวัญยังไม่พร้อมค่ะ ขอตัว”
สู่ขวัญจะเดินหนี แค่ถูกภาวดีดึงไว้
“เดี๋ยวสิจ๊ะ ฟังพวกเราก่อน”
“ขวัญไม่อยากฟัง ขวัญว่าขวัญฟังมามากพอแล้ว ครั้งนี้เขาทำระรินท้องนะคะ”
“ท้องก็ท้องสิ ยังไงมันต้องมีทางออก” ทรงยศที่ยืนนิ่งอยู่นาน พูดแทรกขึ้นมา
“ทางออกยังไงคะ ทางออกเดียวที่รบควรทำคือ รับผิดชอบเด็กที่จะเกิดมา ซึ่งขวัญก็ยินดีจะหลีกทางให้ ขวัญเหนื่อยแล้วค่ะ”
“โธ่ หนูขวัญ จะมายอมง่ายๆแบบนี้ไม่ได้นะ ยังไงแม่ก็ไม่ยอมให้ระรินมาเป็นสะใภ้แม่เด็ดขาด”
“แล้วจะให้ขวัญทำยังไงคะ” สู่ขวัญย้อนถาม “หน้าด้านอยู่เป็นเมียเขาต่อไป ให้สังคมด่าว่าขวัญใจร้ายไม่รับรู้ปัญหาที่กำลังเกิดเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้น เรื่องเด็กก็เรื่องนึง แต่สะใภ้ที่คู่ควรมีแต่หนูคนเดียวเท่านั้น เราหาทางออกกันได้ แค่หนูเปิดใจคุยกัน”
ทรงยศพยายามพูดเตือนสติ
“แต่ขวัญยอมแพ้แล้วล่ะค่ะ อย่าพยายามเลย”
สู่ขวัญเดินหนีเข้าบ้าน ทรงยศกับภาวดีรีบตามดักหน้าไว้
“หนูขวัญ ยังไงฟังพ่อกับแม่ก่อนเถอะนะ”
“คุณพ่อคุณแม่อย่าพยายามเลยค่ะ มันไม่มีประโยชน์หรอก”
“จะให้เราทำยังไงก็ได้ เราขอโอกาสอีกแค่ครั้งเดียว ครั้งเดียวจริงๆ” ภารดีพยายามอ้อนวอน
“ขวัญให้เขาไปหลายครั้งแล้วค่ะ แล้วมันก็จะไม่มีอีกแล้ว ขอตัวค่ะ”
สู่ขวัญเดินเลี่ยงทั้งคู่ออกไป ภาวดีกับทรงยศหันมามองหน้ากัน ภาวดีดึงทรงยศให้นั่งคุกเข่าลง อ้อนวอนสู่ขวัญ
“เราขอร้องล่ะ เห็นใจตารับด้วยเถอะนะ หนูขวัญ จะให้กราบก็ยอม”
สู่ขวัญหันมาเห็น ก็ตกใจ
“คุณพ่อคุณแม่ทำอะไรคะ ลุกขึ้นเถอะค่ะ”
สู่ขวัญดึงทั้งคู่ให้ลุกขึ้น ภาวดีพยายามขอร้อง
“เราแค่อยากให้หนูให้โอกาสตารบ สักครั้งก็ยังดี นะลูกนะ”
“ไม่ต้องให้อภัยก็ได้ แค่คุยก็ยังดี เราเป็นพ่อเป็นแม่ เราก็ไม่อยากเห็นลูกๆเรามีปัญหากัน หนูก็เหมือนลูกของเรา แค่หันหน้ามาคุยกันก็พอ นะ”
สู่ขวัญลำบากใจ ภาวดีกับทรงยศมองลูกสะใภ้ด้วยสายตาอ้อนวอน
จากนั้นสู่ขวัญ ก็พาภาวดี กับทรงยศ เข้ามานั่งคุยกันต่อที่ห้องรับแขก แต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียด
“คุณพ่อคุณแม่จะช่วยเคลียร์เรื่องนี้ได้ยังไงคะ ขวัญจนปัญญาจริงๆ”
“เราเข้าใจ ถ้าเกิดมีใครมาบอกว่าท้องกับสามีเรา เป็นแม่แม่ก็เครียด จริงไหมคุณ”
ทรงยศถึงกับสะดุ้ง แต่ก็รับช่วงพูดต่อทันที
“ผมน่ะเคยเจ้าชู้ แต่พอแต่งงานแล้วผมก็หาย ไม่เห็นเหรอ เพราะงั้นไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน”
“แต่ตอนนี้มันเกิดกับลูกเราไง ตอนนี้ต้องช่วยกันคิด ว่าจะเอายังไง”
“เชื่อผมไหม คนแบบระริน เขาต้องการแต่เงินเท่านั้นล่ะ แล้วมันแปลกอยู่นะ ท้อง แต่ไม่ยอมตรวจดีเอ็นเอ เอาแต่คร่ำครวญถามความรับผิดชอบ เชื่อได้รึเปล่าก็ไม่รู้”
ภารดีพยักหน้าเห็นด้วยกับสามี
“จริงอย่างที่พอเขาว่านะหนูขวัญ เรารอตรวจดีเอ็นเอกันก่อนได้นี่ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องสนใจแล้ว”
สู่ขวัญเริ่มฉุกคิดะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“แต่นั่นก็เด็กทั้งคนนะคะ”
“แล้วเอายังไงกันดีล่ะ”
“แบบนี้ไหมคะ ถ้าผลออกมาว่าท้องจริง รบก็ควรจะรับผิดชอบตัวเด็ก แต่เราจะไม่รับผิดชอบระรินด้วยใบทะเบียนสมรสเด็ดขาด”
สู่ขวัญเสนอ ทรงยศรีบเสริมต่อ
“รึไม่ก็ เสนอเงินให้เขาไป อยากได้เท่าไหร่ก็เสนอมา เราจะยอมให้ระรินเข้ามามีส่วนในกองมรดกไม่ได้”
สู่ขวัญทำท่าเออออตามน้ำไป
ทันใดนั้นเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น สู่ขวัญหันไปมอง
“เอ๊ะ ใครมา”
สู่ขวัญเดินออกมาหน้าบ้าน เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่
“เธอใช่ไหมคะที่มาหาฉัน”
ไอวี่หันมา พลางยิ้มให้ สู่ขวัญมองหน้าอย่างไม่คุ้น
“ใช่ค่ะ คุณสู่ขวัญ”
“ขอโทษนะคะ แต่ว่าเราคงไม่เคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ อ้อ คงต้องแนะนำตัวก่อน ฉันชื่อไอวี่ค่ะ เป็นพนักงานของเลอวิมาน”
“ที่โรงแรมมีอะไรรึเปล่าถึงต้องส่งคุณมา”
“ไม่มีค่ะ”
“ถ้าไม่มีแล้วจะมาหาฉันทำไม” สู่ขวัญย้อนถาม
“ใจเย็นก่อนสิคะ ที่ฉันมาหาคุณก็เพราะฉันรู้เรื่องสามีคุณ คุณศึกรบน่ะค่ะ ฉันเลยอยากช่วยคุณ”
สู่ขวัญ จ้องหน้าไอวี่ เหมือนจะค้นหาความจริง
“มาตั้งไกลเพราะเรื่องนี้?”
ไอวี่พยักหน้า สู่ขวัญสงสัยมากขึ้นอีก
“เป็นแค่พนักงานธรรมดา แต่รู้สึกเห็นใจจนอยากช่วยฉัน ไม่คิดว่าเป็นการยุ่งเรื่องส่วนตัวกันมากไปหน่อยเหรอคะ”
ไอวี่อึกอัก
“ฉันรู้ค่ะ ว่าเป็นแค่พนักงานธรรมดา แต่ฉันอยากช่วยคุณจริงๆ ถึงมา ทำไมเหรอคะ”
“คนเราถ้าไม่เคยรู้จักกัน แต่จู่ๆเสนอตัวมาช่วย แสดงว่าต้องมีผลประโยชน์อะไรบางอย่าง จริงไหม”
สู่ขวัญมองหน้าไอวี่อย่างรู้ทัน
“แหม คนเราจะมีน้ำใจต่อกันไม่ได้เลยรึไงคะ”
“คงมีได้ แต่ไม่น่าจะกระตือรือร้นขนาดนี้ เธอเป็นอะไรกับรบ”
สู่ขวัญถามออกไปตรงๆ ทำไอวี่ถึงกับตกใจ พลางรีบปฏิเสธ
“ฉันเปล่านะคะ”
“ฉันไม่ได้โง่ ที่จะดูยัยคนแอ๊บแบ๊วเสแสร้งอย่างเธอไม่ออก เธอเป็นผู้หญิงอีกคนของเขาใช่ไหม”
“ถึงฉันจะเป็น แต่ฉันก็หวังดีกับคุณจริงๆนะคะ”
สู่ขวัญไม่ฟังเสียง พลางชี้มือไปที่ประตู
“ออกไปจากบ้านฉัน! เรื่องของครอบครัวฉัน ฉันจะจัดการเอง คนนอกอย่างเธอไม่ต้องแส่เข้ามายุ่ง ฉันไม่มีวันร่วมมือกับคนอย่างเธอ กลับไปซะ ก่อนฉันเรียกคนมาหิ้วเธอออกไป”
สู่ขวัญเดินหนีกลับเข้าบ้านทันที ไอวี่ยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็รีบเดินตาม พลางพูดไล่หลัง
“ฉันอยากช่วยคุณจริงๆนะ ฉันอยากช่วยคุณกำจัดยัยระรินนั่น เรามีผลประโยชน์กัน ก็น่าจะร่วมมือกันได้ไม่ใช่เหรอ”
สู่ขวัญหันมา ยิ้มเยาะไอวี่
“ไม่จำเป็น ฉันไม่จำเป็นต้องใช้วิธีหมาหมู่ต่ำๆ เหมือนที่พวกคนอย่างเธอทำ กลับไปได้แล้ว”
สู่ขวัญไม่สนใจ ไอวี่โกรธ ตะโกนด่ากลับ
“ทำเป็นเชิดไปเถอะ เก่งนักทำไมดึงผัวตัวเองไว้ไม่ได้ล่ะ”
สู่ขวัญหันขวับมทันที “เธอว่ายังไงนะ”
“ชอบทำตัวสูงส่งเหมือนอยู่บนหิ้งทองคำ ใครแตะไม่ได้ ไม่เคยเห็นหัวชาวบ้าน งี้นี่เอง ผัวถึงมีกิ๊กไปทั่ว”
สู่ขวัญโกรธมาก เดินไปคว้าข้าวของในบ้านระดมปาใส่ไอวี่
“ออกไป ออกไปจากบ้านฉัน! ออกไป”
สู่ขวัญปาขว้างของใส่ไม่ยั้ง ไอวี่ร้องกรี๊ดเสียงดัง พลางรีบวิ่งหนีออกจากบ้านไปทันที
ในชณะที่ภาวดีนั่งบ่นกับทรงยศ อย่างขัดใจ
“ทำไมยัยเด็กบ้านั่นต้องโผล่มาตอนนี้ด้วยนะ อะไรมันกำลังจะดีอยู่แล้วเชียว”
“คุณก็ไปถามลูกคุณสิ ว่ามีเล็กมีน้อยหลบไว้อีกกี่คน จะได้รอให้มาครบก่อนแล้วง้อเมียทีเดียว”
“เอ๊ะ คุณ ทำไมพูดแบบนี้” ภารดีหันไปทำสัยงดุใส่สามี
“ก็จริงไหมล่ะ”
“คุณนั่นแหละ ไม่สั่งสอนลูก อะไรดีๆก็ไม่เคยสอน ผู้ชายมันก็แบบนี้ เซ็ง เซ็งชะมัด โอ๊ย”
“ทำไมผมผิดซะงั้นล่ะ โธ่”
ภาวดีส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด ทรงยศพลอยเซ็งตาม
ปองฤทัยกำลังเก็บร้าน ป้อมที่เพิ่งกลับจากมหาวิทยาลัยเข้ามาในร้าน รีบเดินตรงเข้าไปหา
“พี่ปอง ป้อมคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”
“ได้สิ แป๊บนึงนะ จะเสร็จละ ไปนั่งรอก่อนก็ได้”
“ไม่เป็นไร ผมรอตรงนี้ก็ได้”
ปองฤทัย มองหน้าน้องชายอย่างแปลกใจ
“เรื่องด่วนเหรอ คุยเลยก็ได้”
ป้อมอึกอัก แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจพูดออกมา
“พี่ปอง ถ้าผมขออะไรอย่างนึงจะได้ไหม”
“หืม พูดอะไรแบบนั้น ถ้าไม่เกินกำลังพี่ให้เราได้อยู่แล้ว เราก็รู้”
“แล้วถ้าผมขอให้พี่เลิกยุ่งกับคุณรบล่ะ?”
ปองฤทัยอึ้ง ในขณะที่ป้อมรอฟังคำตอบ หน้าเครียด
“ทำไมต้องเป็นเรื่องนี้”
“มันไม่เกินกำลังพี่นี่ พี่ให้ผมได้ไหม เลิกยุ่งกับเขาเถอะนะ”
“แล้วทำไมจู่ๆเรามาพูดแบบนี้ แต่ก่อนก็เห็นคุยกันดีๆนี่ ใครไปพูดอะไรให้เราฟังอีก”
“ใครจะพูดมันไม่เกี่ยวหรอกพี่ แต่เขาไม่ใช่คนที่ควรยุ่งด้วยแต่แรกแล้ว”
“คุณรบเขาทำไมเหรอ เขาช่วยเราไว้ เขามีบุญคุณกับเรา จะให้ไปทำเย็นชาใส่เขามันได้ที่ไหนกัน”
“แต่พี่ปองต้องแยกให้ออกนะว่าบุญคุณกับคุณธรรม มันไม่เหมือนกัน เขามีเมียแล้ว พี่ก็ยังคุยกับเขา สนิทกับเขาเหมือนเขาไม่มีพันธะอะไร มันไม่ถูก”
“พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเขา” ปองฤทัยปฏิเสธทันที
“พี่ปองว่าป้อมดูไม่ออกเหรอ เวลาที่พี่มองเขา คุยกับเขา พี่ชอบเขาชัดๆ ถ้าพี่ไม่ห้ามใจตัวเอง มันจะยิ่งถลำลึกนะ”
ป้อมพูดให้สติพี่สาว
“ไม่ใช่ ที่พี่ทำดีกับเขา เพราะเขาต้องการที่ปรึกษา เราแค่ดีกับคนที่ต้องการที่พึ่ง มันผิดด้วยเหรอป้อม”
“พี่ปองกล้าสาบานไหมล่ะ ว่าที่พี่ทำอยู่ทุกวันนี้ พี่ไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลย พี่จะวางตัวกับเขาเหมือนลูกค้าคนอื่นก็ได้ แต่นี่ไม่เลย”
“ถึงพี่จะชอบเขา พี่ก็ไม่มีวันยอมเป็นเมียน้อยเขาหรอก”
ปองฤทัยยืนยันเสียงแข็ง
“พี่มั่นใจในตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอ ว่าจะไม่ปล่อยให้มันเกินเลยไปมากกว่านี้น่ะ”
ปองฤทัยเถียงไม่ออก ประนอมได้ยินเสียงเอะอะ เดินเข้ามาดู
“ปอง ป้อม เกิดอะไรขึ้น เสียงดังไปหลังบ้านเลย”
ป้อม รีบหันไปพูดกับมารดา เป็นเชิงฟ้อง
“แม่ พี่ปองไม่ยอมฟังป้อม ป้อมเตือนเขาดีๆว่าอย่าไปยุ่งกับคุณรบ เขาก็ไม่เชื่อ”
“ก็พี่ไม่ได้เป็นอย่างที่ป้อมว่าจริงๆนี่”
“ป้อมไม่เชื่อ”
“ป้อมก็เอาแต่ไม่เชื่อ แล้วจะให้พี่พูดยังไงอีก” เสียงปองฤทัยเริ่มสั่น
ประนอมทนไม่ไหว
“หยุดเลยนะทั้งสองคน ทำไมเถียงกันเป็นเด็กๆแบบนี้”
“ป้อมเตือนพี่ปองด้วยเหตุผลนะ คุณรบเขามีเมียแล้ว แถมยังเป็นข่าวเสียหายอีก พี่ปองอยากเป็นข่าวบ้างหรือไง”
ปองฤทัย น้ำตาคลอ
“พอซะทีป้อม ทำไมดูถูกพี่แบบนี้”
ประนอมพยายามตะโกนห้าม “แม่บอกว่าให้หยุดไง หยุด”
พลางพยายามจะเดินเข้าไปหาทั้งคู่ แต่จู่ๆ ก็เกิดหน้ามืด เป็นลมล้มลงไป ปองฤทัยกับป้อมตกใจ
“แม่”
จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันประคองมารดาเข้ามาพักหลังร้าน ป้อมกุลีกุจอหายาดมมาให้ ในขณะที่ปองฤทัยไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้า จนครู่ใหญ่ประนอมก็ยังไม่ฟื้น ป้อมเริ่มร้อนใจ
“ผมจะเรียกหมอ”
ป้อมหยิบโทรศัพท์จะโทร. เรียกหมอ จังหวะเดียวกับที่ประนอมเริ่มขยับตัว ลืมตาขึ้น
“แม่”
ป้อมเข้าไปดูแลประนอมที่เพิ่มฟื้น ด้วยความดีใจ พลางปรายตามองไปที่ปองฤทัย แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
“ฝากดูแม่ด้วยนะ พี่ไปเก็บร้านก่อน”
ปองฤทัยรีบหลบออกไป ป้อมจะเรียกไว้ แต่ก็ไม่ทันแล้ว
อ่านต่อหน้า 3
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 16 (ต่อ)
ปองฤทัย หลบมานั่งอยู่ในร้านคนเดียว พลางนึกถึงตอนทะเลาะกับป้อม และภาพเหตุการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับศึกรบ ปองฤทัยเสียใจจนร้องไห้ออกมา ป้อมแอบตามมาดู นึกอยากเข้าไปขอโทษที่พูดแรงกับพี่สาว แต่ไม่กล้า
ศึกรบถือช่อดอกไม้เข้ามาที่บ้าน เห็นสู่ขวัญนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ จึงรีบเดินเข้าไปนั่งตรงข้าม พลาง ยื่นช่อดอกไม้ให้
“ให้ขวัญเหรอคะ?”
“ผมรู้ว่าทุกครั้งที่ผมให้คุณมันจะแทนคำขอโทษไม่ได้ แต่ผมอยากให้คุณรับมันไว้นะ ผมขอโทษคุณอีกครั้งนะขวัญ”
สู่ขวัญยื่นมือไปรับช่อดอกไม้
“ขวัญจะไปหาแจกันมาใส่นะ”
ศึกรบคิดว่าสู่ขวัญให้อภัยแล้ว ก็เริ่มยิ้มออก พลางลุกเดินตามไป สู่ขวัญปายตาเห็นศึกรบตามมา ก็หันกลับไปหา พลางยิ้มหวานให้ ก่อนที่จะฟาดช่อดอกไม้ใส่ศึกรบเต็มแรง
“ขวัญ”
“คุณคิดว่าดอกไม้ของคุณมันจะแทนคำขอโทษได้ทุกครั้งเหรอ”
“แต่ขวัญ ผม ผมรู้สึกผิดจริงๆนะ”
สู่ขวัญ จ้องหน้าศึกรบเขม็ง
“ถ้าคุณรู้สึกว่ามันผิด แล้วคุณจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งแล้วครั้งเล่าทำไม”
ศึกรบถึงกับเถียงไม่ออก
“วันนี้มีกิ๊กอีกคนของคุณโผล่มาหาฉันถึงที่ คุณดูแลยังไงถึงกล้าปล่อยให้ยัยนั่นถือวิสาสะกับฉันขนาดนี้ ถ้าไม่รักกัน อย่างน้อยคุณน่าจะให้เกียรติฉันบ้าง ไม่ใช่ให้ใครก็ได้มาเหยียบหัวฉัน จนฉันจะไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรอยู่แล้ว”
“ใครมาที่นี่”
“คุณกำลังกิ๊กกับใครอยู่ล่ะ หรือมันมีเยอะ จนนับไม่ถูกว่าใคร”
“ไอวี่งั้นเหรอ?”
“รู้แล้วก็ช่วยกลับไปเตือนยัยนั่นด้วยนะ จะไปไหนก็ไป ฉันไม่อยากเห็นหน้า”
สู่ขวัญเดินหนีไป ศึกรบอึ้งทำอะไรไม่ถูก
ไอวี่กลับจากไปหาหมอ เข้ามาในห้อง เปรี้ยวนั่งรออยู่ รีบถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นไงบ้างแก หมอเขาว่าไง”
“ก็ทำแผล ได้ยาแก้อักเสบมา ไม่มีอะไรแล้ว”
เปรี้ยว ถอนหายใจโล่งอก
“แล้วไป คราวหลังแกต้องระวังตัวให้มากๆรู้ไหม”
“นี่ฉันหลบสุดฤทธิ์เลยนะ ไม่แข้งขาหักก็บุญแล้ว”
“เออ ฉันมีงานน่าสนใจ แกสนใจไหม ว้าย”
เปรี้ยวร้องเสียงดังอย่างตกใจ เมื่อเห็นใบหน้าของไอวี่ ที่เต็มไปด้วยรอยช้ำ
“เนี่ยนะนิดหน่อย แกหน้าแบบนี้แล้วจะทำงานยังไงเนี่ย”
“แล้วงานที่แกว่ามันคืออะไร บอกมาก่อน”
“งานแสดง แต่เป็นตัวประกอบในกองละครนะ เขากำลังถ่าย แต่ว่าขาดคน”
“ดี ฉันทำ วันไหนเมื่อไหร่”
“เดี๋ยวก่อน แล้วหน้าแกล่ะ” เปรี้ยวไม่วายเป็นห่วง
“แต่งหน้ากลบเอาสิ แต่งหน้าออกงานมาเป็นสิบ แค่นี้ฉันทำได้”
“ชัวร์นะ”
ไอวี่ พยักหน้าอย่างมั่นใจ
“ชัวร์สิ บอกว่าได้ก็ได้ไง”
“โอเคๆ ตามนั้น” พลางจับหน้าไอวี่ดู “ยัยคุณสู่ขวัญนั่นร้ายชะมัด แบบนี้เองผัวถึงทนไม่ไหว แอบไปมีกิ๊กเต็มไปหมด เฮ้อ”
ป้อมกำลังแปรงฟันในห้องน้ำ พลันได้ยินเสียงประนอมเรียกจากด้านนอก
“ป้อม อยู่ไหมลูก”
ป้อมบ้วนปาก แล้วรีบออกไปหาประนอม
“ครับแม่”
ประนอมเดินเข้ามาหา ”กำลังจะอาบน้ำเหรอ”
“ครับ แม่มีอะไรรึเปล่า”
“แม่ขอเวลาเดี๋ยวนึงนะ อยากคุยกับเราเรื่องปอง”
“เรื่องพี่ปอง?” ป้อมมองมารดาอย่างแปลกใจ
“ตอนที่แม่ป่วยอยู่ มีเรื่องอะไรที่เราสองคนไม่ได้บอกแม่รึเปล่า?”
ป้อมอึ้งไป แล้วก็ทำเป็นยิ้มเหมือนไม่มีอะไร
“ไม่มีนี่ครับ”
“อย่าโกหกแม่ แม่เลี้ยงเราสองคนมาตั้งแต่เกิด คิดว่าแค่นี้แม่ดูไม่ออกเหรอ เรื่องเงินค่ารักษาแม่ด้วย ปองไม่ได้ขายของในร้านเอาเงินมาจ่ายใช่ไหม มันมีอะไรมากกว่านั้น ใช่ไหมป้อม”
ป้อมหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“ป้อมนี่โกหกไม่เนียนเลย”
“มันเกิดอะไรขึ้นป้อม” ประนอมคาดคั้น
“เรื่องเงินค่ารักษา ตอนนั้นเราไม่มีเงินเลย พี่ปองเลยตัดสินใจจะขายร้านครับ”
ประนอม ตกใจ “ขายร้าน”
“พี่ปองไม่ได้บอกป้อมหรอก แต่ป้อมแอบได้ยินเอง เลยเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณศึกรบ แล้วเขาก็ช่วยเรา คุณศึกรบซื้อร้านไว้ แต่ให้เราทำร้านต่อได้ เราก็เลยมีเงินไปจ่ายค่ารักษา”
“ทำไมทุกคนทำตามใจตัวเอง ไม่มีใครคุยกับแม่ซักคนเรื่องร้าน” ประนอมพูดอย่างน้อยใจ
“เพราะเรายอมให้แม่เป็นอะไรไม่ได้ไงครับ”
“แม่จะไปคุยกับปอง เราต้องเอาเงินไปคืนเขา”
ประนอมขยับตัวจะออกไปหาปองฤทัย ป้อมรีบห้ามไว้
“แม่อย่าเพิ่งคุยกับพี่ปองตอนนี้เลยนะครับ ป้อมขอร้อง”
“ทำไมจะคุยไม่ได้” ประนอมสงสัย
“ถ้าแม่คุยตอนนี้ พี่ปองก็ต้องรู้ว่าป้อมเล่าให้แม่ฟัง เขาต้องโกรธอีกแน่”
“โธ่ ป้อม”
“ป้อมขอ นะครับ ป้อมจะหาทางคุยกับพี่ปองเอง แม่อย่าลำบากเลยครับ ป้อมไม่อยากให้แม่เครียด”
ประนอมพยักหน้าอย่างจำยอม ป้อมถอนหายใจ โล่งอก
ป้อมกำลังจะเข้าห้องสอบ ได้ยินเสียงคนซุบซิบ พลางชี้ไปทางหนึ่ง ป้อมหันตามไปดู เห็นไอวี่ เดินมาที่หน้าห้องพร้อมกับเปรี้ยว ใบหน้ายังเห็นร่องรอยฟกช้ำ แต่เจ้าตัวยังเดินเชิดไม่สนใจเสียงคนอื่น
เมื่อเดินมาเจอป้อม ก็ถามด้วยน้ำเสียงเอาเรื่องทันที
“มีอะไรจะว่าฉันอีกคนไหม ฉันควรไปทำอะไรมาดีล่ะ หน้าถึงได้เยินแบบนี้”
“ผมไม่ถามหรอก ผมอยากให้วี่บอกเราเองมากกว่า”
ไอวี่ ยักไหล่ “ทำไมฉันจะต้องบอกนาย”
“ไม่มีเหตุผลหรอก ผมแค่ เอ่อ เป็นห่วงน่ะ”
“ฉันแค่หกล้ม พอใจรึยัง”
“ถ้าวี่ไม่ไหว ผมช่วยบอกอาจารย์ให้ได้นะ ผมเป็นห่วงจริงๆ”
ไอวี่มองป้อมเหยียดๆ
“ขอบใจ แต่ฉันดูแลตัวเองได้ ไป เปรี้ยว ขี้เกียจฟังเสียงนกเสียงกา”
เปรี้ยวพยักหน้า ไอวี่ดึงเปรี้ยวไปอีกทาง ป้อมมองตามไอวี่ เป็นห่วง
หลังจากสอบเสร็จ ป้อมก็ออกมานั่งคุยกับอ๊อฟ คุยเรื่องสอบได้ครู่หนึ่ง อ๊อฟก็เปลี่ยนหัวข้อ
“กูว่า มึงเลิกยุ่งกับยัยไอวี่อะไรเหอะว่ะ”
อ๊อฟพูดจริงจัง ป้อมถึงกับชะงักไป
“มึงเปลี่ยนเรื่องได้ชนิดแหกโค้งเลยนะครับเพื่อน”
“ไม่ต้องมาพูดติดตลก ตอนนี้กูซีเรียส”
“เออ รู้ แล้วยังไง”
“กูว่าตอนนี่มึงกำลังดันทุรังว่ะ นี่พูดกันตามตรงเลยนะ กูบอกมึงรอบที่ล้าน ยัยนั่นไม่มีทางสนใจคนแบบมึง สิ่งที่เขาสนคือเงิน กับความสบายแค่นั้น”
อ๊อฟเตือนป้อมอย่างเป็นห่วง
“กูรู้ แต่กูแค่อยากทำดีกับเขา”
“โหย คำพูดแบบนี้มีแต่พระเอกละครเว้ย ที่พูดแล้วดูดีได้ผล แต่ไม่ใช่มึง”
ป้อม พยายามเถียงต่อ
“มึงมองเขาในแง่ร้ายเกินไป จริงๆลึกๆเขาก็เป็นคนดี”
“ดียังไงวะ”
“กูรู้มาว่าที่บ้านเขาฐานะไม่ค่อยดี ที่เขาดิ้นรนทำทุกอย่างก็เพราะต้องปากกัดตีนถีบ ให้ครอบครัว ให้ตัวเองสบาย กูเข้าใจเพราะบ้านกูก็เป็นแบบนี้”
“มึงไม่เหมือนเขา ไอวี่เห็นแก่ตัวกว่าที่มึงคิด ถ้ามึงรู้ ว่าปลายทางของสิ่งที่มึงทำมีแต่เสียใจ มึงยังจะทำอยู่อีกเหรอวะ”
ป้อม พยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ
“มึงจะว่าไงก็ช่าง แต่กูเป็นของกูแบบนี้ กูแค่ทำสิ่งที่กูอยากทำแค่นั้น”
อ่านต่อหน้า 4
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 16 (ต่อ)
แสงดาวเปิดประตูห้องพักที่โรงแรมเลอวิมานให้ศึกรบเข้ามา
“ดาวให้คนขนของคุณรบเข้ามาให้แล้วค่ะ”
ศึกรบ ยิ้มรับ “ขอบคุณครับคุณดาว”
“นี่คีย์การ์ดค่ะ”
ศึกรบรับคีย์การ์ดจากแสงดาว ยิ้มให้พอเป็นพิธี แล้วก็หน้าเครียดอีก แสงดาวนั่งลงใกล้ๆ
“คุณรบอย่าเครียดเลยนะคะ ตอนนี้ก็พักผ่อนให้สบายใจ เรื่องงานดาวจะช่วยเองค่ะ”
“ขอบคุณมากคุณดาว รบกวนตลอดเลย”
แสงดาวมองเขินๆ แอบกระเถิบเข้าไปใกล้ศึกรบเรื่อยๆ
“ไม่มีอะไรที่คุณรบบอกให้ดาวทำแล้วมันรบกวนหรอกค่ะ ดาวเต็มใจช่วยคุณ”
“ครับ ถ้าไม่ได้คุณผมคงแย่”
แสงดาวเขยิบตัวเข้าไปจนติดกับศึกรบ พลางพูดเสียงหวาน
“ค่ะ ดาวบอกแล้วว่าดาวช่วยคุณได้ ทุกเรื่อง”
แสงดาวจะจับมือศึกรบ แต่ศึกรบลุกขึ้นก่อน
“เราไปทำงานต่อเถอะครับ”
ศึกรบเดินนำลิ่วออกไป โดยไม่สนใจแสงดาว
แสงดาวกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเองอย่างขัดใจ ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์กดโทรหาสู่ขวัญ
“ว่าไงจ๊ะดาว”
“สวัสดีค่ะคุณขวัญ”
“มีเรื่องอะไรเหรอ” สู่ขวัญถามอย่างแปลกใจ
“คือว่าวันนี้ดาวเห็นคุณรบมาเปิดห้องพักที่โรงแรมเรา มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าคะ”
สู่ขวัญได้ยินชื่อศึกรบ ก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที
“เธออ่านข่าวอยู่ทุกวันก็น่าจะเห็นแล้วนี่”
“เรื่อง เอ่อ ที่คุณรบทำระรินท้องเหรอคะ”
สู่ขวัญได้ยินยิ่งปรี๊ดเข้าไปอีก
“ถ้าจะโทรมาแค่นี้ ฉันคงต้องวางสายแล้ว มีงานต้องทำ”
“เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวๆ คุณขวัญใจเย็นก่อนนะคะ” แสงดาวพยายามยื้อไว้
“คุณรบให้เธอโทรมางั้นเหรอ”
“เปล่าค่ะ ดาวโทรมาเอง ดาวก็แค่อยากให้คุณคุยกับคุณรบดีๆ ดาวเห็นใจคุณทั้งคู่นะคะ ถ้าเป็นไปได้ ดาวก็ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”
“ขอบคุณที่เห็นใจนะ แต่ฉันไม่อยากจะคุยกับเขาอีกแล้ว”
“แต่คุณขวัญคะ”
“อ้อ อีกอย่าง ฉันไม่ได้โกรธแค่เรื่องนี้ แต่โกรธสารพัดเรื่องที่เจ้านายเธอทำไว้รวมทั้งเรื่องยัยเด็กฝึกงานชื่อไอวี่นั่นด้วย”
“ไอวี่?” แสงดาวอุทานอ้วยความตกใจ
“วันก่อนยัยนั่นไปหาฉันถึงบ้าน แถมด่าฉันเสียหายๆ เธอคิดว่าฉันควรใจเย็นอยู่ไหม”
“ยัยไอวี่ทำขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ใช่ แล้วถ้าอยากช่วยล่ะก็ เวลาจะรับคนช่วยดูให้ดีๆก่อน ว่าเข้ามาเพราะจุดประสงค์อะไร โดยเฉพาะเด็กสาวๆ สามีฉัน ใครเสนอให้เขาก็สนองทั้งนั้น”
แสงดาวพูดเบาๆ อย่างเจ็บใจ “ยัยไอวี่”
“อ้อ แล้วถ้าเจออีกช่วยบอกให้สงบเสงี่ยมเจียมตัวอย่าให้ลามปามจนตามไปหาฉันที่บ้านอีก ฉันไม่อยากทำร้ายใคร แค่นี้นะ”
สู่ขวัญตัดสายทิ้งไป ในขณะที่แสงดาวยิ่งเจ็บใจ จิกโทรศัพท์แน่น
ไอวี่มองบรรยากาศกองถ่ายด้วยความตื่นเต้น เปรี้ยวพาไอวี่มาแนะนำให้ต๋อง ผู้กำกับรู้จัก
“สวัสดีค่ะ พี่ต๋อง”
“หวัดดีครับน้องเปรี้ยว แล้วนี่พาใครมาด้วยครับ”
“เพื่อนเปรี้ยวเองค่ะ ชื่อไอวี่ เห็นพี่บอกอยากได้ตัวประกอบเพิ่มเลยพามา”
ไอวี่ไหว้ต๋อง ต๋องรับไหว้ พลางมองไอวี่อย่างพิจารณา
“ชื่อเก๋ หน้าตาดี บุคลิกก็โอนะเนี่ย ใช้ได้เลย”
ไอวี่ยิ้มเป็นปลื้ม พูดเสียงออดอ้อน
“ถ้าพี่ว่าดี พี่ต้องให้บทหนูเล่นเยอะๆนะ”
“คุณภาพอย่างนี้พี่ให้เห็นหน้าออกทีวีเล้ย ตัวประกอบบางคนหน้าก็ไม่ได้เห็นนะครับ พิเศษสุดๆ”
ไอวี่ ตาวาว “จริงนะคะ”
“จริงครับ ระดับพี่แล้ว เดี๋ยวเอาบทไปอ่านเลย”
ต๋องลุกขึ้นเดินไปหาทีมงาน พลางเอาบทมายื่นให้ ไอวี่หันไปมองหน้าเปรี้ยวด้วยความดีใจ
จากนั้นต๋องก็พาไอวี่ กับเปรี้ยวมาตรงหน้ากองถ่าย พลางอธิบายบทให้ทั้งคู่เข้าใจ
“ฉากนี้จะเป็นฉากที่นางร้ายของเรื่องเขามาออกงาน ส่วนน้องเป็นพริตตี้ที่กิ๊กกั๊กกับตัวพระเอก เราก็จิกๆกัดๆเขา จนเขาโมโห แล้วก็เกิดเรื่องตบตีกัน แต่เราสู้เขาไม่ได้ จนเพื่อนของนางร้ายเข้ามาห้าม ก็จบ บทก็ตามที่อ่านไปเลย”
ไอวี่กับเปรี้ยวพยักหน้าเข้าใจ เปรี้ยวถามขึ้นทันที
“แล้วเราต้องเล่นกับใครเหรอคะ?”
“เอ้อ ลืมพาไปแนะนำเลย ต้องเล่นบทแบบนี้ด้วย คุยกันไว้ก่อนดีกว่าเดี๋ยวผิดคิว มาๆ” พลางหันไปตะโกนไปอีกทาง “ระรินครับ”
เปรี้ยวกับไอวี่ หันมามองหน้ากัน
“ระริน?”
“ระรินไหน อย่าบอกนะว่า”
“ ว่าไงคะพี่ต๋อง”
เสีนงระรินดังแทรกขึ้นมา ทั้งคู่รีบหันไปมอง เห็นระรินเดินมาหาต๋อง ไอวี่กับเปรี้ยวตกใจ
“แก ใช่ยัยระรินนี้จริงๆด้วย”
ต๋อง หันมาพูดกับระริน
“น้องสองคนนี้คือคนที่จะเล่นเป็นพริตตี้ ที่น้องต้องตบในฉากนะครับ”
ระรินมองมาทางเปรี้ยวกับไอวี่ พลางพยักหน้าอย่างจำได้
“อ๋อ ได้ค่ะ” พลางแกล้งพูดหวานใส่ทั้ง 2 คน “พี่อาจจะเล่นนอกบทไปบ้างนะ ไม่ต้องตกใจ ถ้าพลาดขึ้นมาก็ขอโทษด้วย” จากนั้นก็หันมาคุยกับต๋อง “เอาเลยไหมคะพี่ต๋อง”
“โห พร้อมขนาดนี้ก็ลุยเลยครับ มา ทุกคนๆ เข้าที่”
ต๋องเดินไปที่หน้ามอนิเตอร์ ระรินยิ้มเย็นใส่ไอวี่ ไอวี่แอบแหยง
“โอเค พร้อม 5 4 3 2 แอ็คชั่น”
ไอวี่กับเปรี้ยวเดินสวนกับระริน ระรินมองอย่างจำได้
“นี่ไง นังเมียน้อยที่คิดจะจับคุณเลอสรรค์” ไอวี่หันมาทางเปรี้ยว พลางพูดไปตามบท
“ต๊าย หน้าด้านชมัด”
“ใช่ ผู้หญิงคนนี้หน้าด้านยิ่งกว่าหนังเท้าซะอีก แกล้งท้องเพราะอยากจะแย่งผัวชาวบ้าน”
ระริน หันกลับมาแหวใส่ตามบททันที
“แกน่ะสินังหน้าหนา วันก่อนฉันเห็นแกไปยั่วคุณเลอสรรค์ที่บ้าน จนโดนเมียเขาตบหน้าเยิน หนีออกมาแทบไม่ทัน”
“แกก็โดนเหมือนกัน นึกว่าจะแย่งเขามาได้ แต่กลับโดนไล่ออกมา สมน้ำหน้า”
“แกอยากโดนอีกใช่ไหม”
-พูดจบระริน ก็ปราดเข้าสตบไอวี่จริงๆ จนไอวี่ทรุดลงไปที่พื้น ระรินขึ้นคร่อมตบไอวี่ไม่ยั้ง เปรี้ยวพยายามจะช่วยดึงไอวี่ออกมา แต่หาจังหวะไม่ได้ซะที
“เฮ้ย พอแล้ว หยุดๆ”
ไอวี่ผลักระรินออกไปได้ ก็รีบขึ้นคร่อมจะตบคืน ต๋องตกใจ รีบสั่งคัท
“คัท”
ไอวี่ชะงัก ต๋องเดินมาตรงหน้ากง โวยวายใส่ไอวี่
“น้องครับ ในบทน้องต้องสู้เขาไม่ได้ แล้วนี่มาจะตบนางร้ายแบบนี้ไม่ได้นะ ต้องแค่กรี๊ดๆ ให้เขาตบก็พอ”
“แต่พี่คะ เมื่อกี้เขาก็ตบหนูเหมือนกันนะ” ไอวี่เถียง
ระรินลอยหน้าลอยตาพูดแบบเชิดๆ
“อ้าว ก็พี่บอกแล้วไงคะ ว่าอาจจะนอกบทบ้าง น้องเจ็บเหรอคะ พี่ขอโทษนะ”..
ระรินแกล้งทำหน้าเศร้า ไอวี่ยิ่งหมั่นไส้
“ไม่รู้ล่ะ แต่เทคหน้าต้องไม่มีการตบสวนแบบนี้อีก นะครับ เข้าใจนะ ไปล้างหน้าล้างตาได้ แล้วกลับมาใหม่”
ต๋องเดินกลับไป ไอวี่เจ็บใจมาก
ไอวี่หลบออกมาคุยกับเปรี้ยว ไม่พอใจมากๆ ที่โดนสั่งคัท
“ยัยนั่นมันเป็นดาราใหญ่มาจากไหน จะเล่นนอกบทตบใครก็ได้ไม่มีใครว่างั้นเหรอ ทุกวันนี้ฉันโดนตบจนจะไม่เหลือที่ให้ตบอยู่แล้วนะ”
“วี่แกอย่าโมโหสิ เรามาทำงานนะ อีกอย่างเราก็แค่ตัวประกอบเล็กๆ ใครเขาจะมาสนใจ ไม่มีหรอก”
“ไม่ยุติธรรม ไม่ยุติธรรมมากๆ เลยเปรี้ยว ต้องให้ดังคับฟ้าแค่ไหนถึงจะมีคนเอาใจ ดาราก็คนเหมือนกัน”
“ใจเย็นๆ วี่ แกกลับไปเล่นตามบทแล้วรับเงินก็จบ อย่ามีเรื่องเลยเดี๋ยวฉันจะพลอยซวยไปด้วย”
ไอวี่ทำท่าจะไม่ยอม เปรี้ยวจับแขนไอวี่เชิงขอร้อง
“ก็ได้ ถือว่าเห็นแก่หน้าแกนะ”
เปรี้ยวโล่งใจ กลับเข้าไปในกอง ไอวี่มองไปที่ระริน พลางคิดหาทางเอาคืน
อ่านต่อตอนที่ 17