ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 3
บัญชาสินี คัชพล ยศสรัล นั่งที่โต๊ะอาหารเช้า บัญชาจะยกกาแฟขึ้นดื่มแต่ก็สังเกตเห็นว่าธัญกรไม่อยู่
“อ้าว แล้วไอ้เล็กล่ะ” บัญชาถาม
สินีที่กำลังหยิบเครื่องปรุงใส่อาหารชะงัก
“ยังไม่ตื่นเหมือนเคยใช่มั้ย?” บัญชาหันไปสั่งคนใช้ “ไปปลุกมันลงมา”
คนใช้สบตาสินีด้วยความอึดอัด
“เอ่อ..คือ คุณเล็ก ยังไม่กลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืนค่ะ”
สินีส่งสายตาดุใส่คนใช้ บัญชาวางถ้วยกาแฟอย่างไม่พอใจจนทุกคนตกใจ
“ยังไม่กลับ?! แล้วหายหัวไปไหนทั้งคืน!!”
เสียงบิดมอเตอร์ไซค์ดังเสียดหูเข้ามาในบ้าน ทุกคนหันไปตามที่มาของเสียง
“ไอ้เล็ก!”
บัญชาโกรธจึงลุกขึ้นไม่ยอมกินอะไรแต่เดินออกไปหน้าบ้านทันที ทำให้สินี คัชพล และยศสรัลมองหน้ากันด้วยความอึดอัดใจแล้วก็รีบตามออกไป
ธัญกรที่สวมหมวกกันน้อคขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบท์เข้ามาจอด บัญชาเดินออกมายืนจังก้ามองธัญกรที่ถอดหมวกกันน๊อคออก ธัญกรมองหน้าบัญชา แล้วทำเป็นไม่สนใจพยายามจะเดินเลี่ยงเข้าบ้าน บัญชามองอย่างไม่พอใจแล้วเปิดฉากต่อว่า จังหวะเดียวกับที่กลุ่มของสินีเดินเข้ามาสมทบ
“งานการก็ไม่ทำ แถมยังเที่ยวยันเช้า เมื่อไหร่จะคิดได้ซะที?” บัญชาว่า
“ผมไม่ได้เที่ยว ผมไปลองเครื่องรถมา แล้วเลยไปเปลี่ยนชุดแต่งแต่มันใช้เวลาเลยต้องค้างครับ”
ธัญกรจะเดินไปแต่บัญชายังว่าต่อ
“ฉันเลี้ยงแกให้โตมาเป็นกุ๊ยเหรอไง? รถเก๋งดีๆมีไม่ขับ ดันไปแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์เป็นเด็กข้างถนน เจริญ!”
ธัญกรสูดลมหายใจเข้าเพื่อสะกดอารมณ์ ยศสรัลเห็นท่าไม่ดีก็ช่วยเบี่ยงประเด็น
“เล็ก นายไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยมาทานก็ได้..”
“ตกลงผมต้องอยู่ในโปรแกรมคำสั่งของทุกคนใช่มั้ยครับ?” ธัญกรถาม
“ใช่! แล้วแกก็ควรปฏิบัติตามคำสั่ง เลิกทำตัวลอยไปลอยมาแบบนี้ซะที เมื่อไหร่แกจะมีสามัญสำนึกของตัวแกเองบ้าง ชั้นชักจะหมดความอดทนกับแกแล้วนะ” บัญชาว่า
ธัญกรทันที “ก็พ่อไม่ให้โอกาสผมได้ทำงานเองนี่ครับ!”
“นี่แก...” บัญชาโมโห
“พ่อครับ ใจเย็นๆก่อนเถอะครับ” คัชพลบอก
“ไม่ให้ทำงานก็ดี ผมเที่ยวมันทั้งวันทั้งคืนนี่แหละ” ธัญกรบอก
คัชพลปราม “เล็ก...พูดจาให้เบาๆหน่อย นี่พ่อนะ ไม่ใช่เพื่อน”
“ไม่ต้องไปเตือนมันตาใหญ่ ให้มันปากดีอย่างนี้แหละ” บัญชาพูดกับธัญกร “ฉันจะตัดเงินเดือนแก แล้วดูซิว่าจะปากดีไปได้อีกสักกี่น้ำ”
“คุณคะ..”
“เธอหยุดไปเลยนะสินี เธอน่ะตัวดีเลย ที่ทำให้ไอ้เล็กมันเป็นแบบนี้”
สินีจ๋อยพูดไม่ออก
“พ่อครับ ให้เล็กไปทำงานกับผมมั๊ยครับ ผมจะสอนงานน้องเอง” ยศสรัลเสนอ
“ก็ดีนะ เล็ก แล้วถ้านายมีโปรเจ็คดีๆอะไรจะเสนอ พี่จะผลักดันให้” คัชพลพูด
“ชั้นเคยพูดไปแล้ว ว่ามันต้องไปหัดทำงานจากที่อื่นก่อน จนกว่าชั้นจะไว้ใจ” บัญชาบอก
ธัญกรถาม “พวกพี่ได้ยินกันชัดแล้วใช่มั้ยครับ?”
ธัญกรหมดความอดทนจึงเดินไปขี่มอเตอร์ไซค์แล้วบิดออกไปทันที
สินีเรียก “เล็กลูก! คุณคะ..”
บัญชาตัดบท “ช่างหัวมัน ถ้าแน่จริงบอกมันอย่ากลับมานะ!”
บัญชาเดินหัวเสียเข้าไปในบ้าน สินี คัชพล ยศสรัลมองหน้ากันด้วยความหนักใจ
รถของวีด้าจอดอยู่ริมฟุตบาท วีด้าเปิดประตูลงมาจากรถพร้อมกับคุยโทรศัพท์กับเกรซไปด้วย
วีด้าพูดโทรศัพท์ “ถึงแล้ว แกอยู่ไหนแล้วเนี่ย? ถึงร้านยัง? เออ ให้ไวเลย ฉันจอดรถแล้ว แค่นี้นะ”
วีด้าก้มกดวางสายขณะกำลังข้ามถนน ทันใดนั้น รถมอเตอร์ไซค์ของธัญกรก็วิ่งมาอย่างเร็ว เสียงดังของเครื่องยนต์ทำให้วีด้าเงยหน้าขึ้นมามอง ธัญกรกดแตรไล่ดังสนั่น วีด้าตกใจจนก้าวไม่ออกจึงหยุดอยู่กลางถนนตามองรถมอเตอร์ไซค์ที่พุ่งเข้ามาหา
วีด้าร้องลั่น “กรี๊ดดด!!”
ธัญกรตกใจ “เฮ้ย”
รถมอเตอร์ไซต์ธัญกรเบี่ยงไปอีกทางโดยผ่านวีด้าไปอย่างเฉียดฉิว แล้วก็พุ่งไปล้มอยู่ที่พุ่มไม้ข้างฟุตบาทดังโครม เกรซที่ออกมาจากร้านเห็นเหตุการณ์พอดีก็รีบวิ่งเข้ามาประคองวีด้า
“วีด้า แกเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ฉันไม่เป็นไร...” วีด้าบอก
ธัญกรถอดหมวกกันน๊อคออกแล้วลุกขึ้นมาโวยใส่วีด้า
“เวลาจะข้ามถนนต้องมองซ้ายมองขวาก่อน โรงเรียนไม่ได้สอนเหรอ?”
วีด้าหันมาจะเถียง แต่เห็นว่าเป็นธัญกร เธอก็จำได้ทันทีว่าเป็นลูกคนเล็กของบัญชา วีด้าอึ้งไปแล้วประมวลแผนการณ์ในหัวทันที
“ไง...อึ้ง พูดไม่ออกเพราะรู้ตัวว่าผิดใช่มั้ย?” ธัญกรว่า
เกรซทนไม่ไหวจึงเถียงแทนวีด้า
“นี่คุณ!ขับรถมันก็ต้องระวังคนเดินถนนเหมือนกันนั่นแหละ ถนนนะไม่ใช่สนามแข่งจะได้ซิ่งไม่ต้องแคร์คนอื่น”
“เกรซพอเถอะ...ฉันผิดเองแหละ”
เกรซงง “เห้ย! วีด้า อะไรของแกวะ?”
วีด้าผละจากเกรซแล้วเดินเข้าไปหาธัญกรพร้อมส่งสายตาวิบวับอย่างมีนัยยะ
วีด้าเสียงหวาน “ขอโทษนะคะ ฉันเดินไม่ดีเอง คุณเจ็บตรงไหน แล้วรถคุณเสียหายหรือเปล่า?”
“เอ่อ...ไม่เป็นไร แค่ถลอกนิดหน่อยทั้งรถทั้งคน”
“ถ้าคุณต้องการให้ฉันรับผิดชอบละก็ โทรมาได้เลยนะคะ”
วีด้าหยิบปากกากับกระดาษโน้ตจากกระเป๋าแล้วจดเบอร์โทรของเธอยื่นให้ธัญกร ธัญกรรับมาอย่างกล้าๆกลัว อยู่ๆ ใจของธัญกรก็เต้นผิดจังหวะ วีด้าส่งยิ้มสะท้านใจให้ธัญกรอีกครั้งก่อนจะเดินจากไปธัญกรมองตามวีด้าไปแบบจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เกรซนั่งคุยอยู่กับวีด้า
เกรซโวย “แกไม่สบายหรือเปล่าวีด้า ปกติถ้าเจอพวกผู้ชายทุเรศแบบนี้แกจะต้องซัดกระเจิงไปแล้ว นี่อะไรกลับไปขอโทษ แถมแสดงความรับผิดชอบอีก?”
“แกไม่รู้เหรอเกรซว่าเค้าคือ ธัญกร โชตินุพงศ์” วีด้าบอก
“ธัญกร โชตินุพงศ์...” เกรซทวนคำ
“ลูกชายคนสุดท้องของนายบัญชา โชตินุพงศ์” วีด้าบอก
“จริงดิ? ฉันจำไม่ได้หรอก ใครๆก็รู้ว่าลุกคนเล็กของบ้านนี้ไม่ค่อยออกสื่อ ดูเหมือนพ่อจะไม่ค่อยรัก เพราะไม่เอาถ่าน แต่ก็แปลกนะ ก๊อตซิบเกิร์ล อย่างฉันยังจำไม่ได้เลย แล้วแกเพิ่งกลับจากเมืองนอกแท้ๆ ทำไมรู้จักละ?”
วีด้าตอบเลี่ยงๆ “มันเรื่องความรู้รอบตัว จบเรื่องนายธัญกรนี้ซะที แล้วออกไป ช้อปปิ้งกับฉันเร็ว”
“ช้อปปิ้ง? อารมณ์ไหนของแกวะ?” เกรซถาม
“อารมณ์ดีใจ เพราะฉันได้งานทำแล้ว?” วีด้าบอก
“ได้งาน?! ที่ไหนอ่ะ?!”เกรซงง
วีด้ายิ้มเยือกเย็น
ณ บริษัท Prime Enterprise แท๊กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด วีด้าในคราบสุดธิดา พนักงานสุดเชยก้าวลงมาจากรถ วีด้ายืนมองตึกที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาหมาดหมาย
ภาสุรีกำลังอ่าน Resume ของวีด้า
“นางสาวสุดธิดา ทิพย์ศรี วุฒิการศึกษา ปริญญาโท..จากเมืองนอก” ภาสุรีเงยหน้ามอง “บ้ารึเปล่า ดูจากวุฒิแล้ว มาสมัครงานตำแหน่งนี้ทำไม เป็นหัวหน้าคนอื่นได้เลยนะเนี่ย”
“ตอนนี้งานหายากค่ะ มีอะไรที่ก็ทำๆไป ดีกว่าไม่มีงานทำ” วีด้าบอก
ภาสุรีมองหน้าแล้วพยักหน้าก่อนจะแสยะยิ้ม “แสดงว่าเธอต้องมีจุดอ่อนสินะ ถึงหางานตามวุฒิที่จบมาไม่ได้”
วีด้ามองหน้าภาสุรีนิ่ง ภาสุรีค้อนเพราะหมั่นไส้ท่าทางหยิ่งๆของวีด้า
“เอาล่ะ ชั้นจะลองดู ทดลองงานสามเดือน เงินเดือน หมื่นห้า” ภาสุรียื่นเอกสารให้ “นี่กฎระเบียบบริษัทฯ เอาไปอ่านให้ละเอียด แล้วห้ามมาสายเด็ดขาด”
“ขอบคุณค่ะ” วีด้าลุกแล้วจะออกจากห้อง
“เดี๋ยว รู้จักทำตัวให้มันนอบน้อมหน่อยนะ เชิ่ดเชิดดด แบบเนี้ยน่าหมั่นไส้ ...ระวังจะอยู่ไม่ยาว”
วีด้ามองภาสุรีแล้วยิ้มเหยียดว่าภาสุรีนั่นแหล่ะที่เชิดยิ่งกว่าอีก แล้ววีด้าก็เดินออกไป
ภาสุรีไม่พอใจ “....... ชิ”
เช้าวันต่อมา วีด้านั่งที่โต๊ะทำงานเล็กๆ โดยกำลังพิมพ์งานอย่างคล่องแคล่ว ส่วนพนักงานคนอื่นๆก็ทำงานบ้าง คุยกันบ้าง สักพักกุ้ง พนักงานสาวสวยอีกคนเดินก็ถือกระเป๋าเครื่องสำอางเดินมา พอเห็นวีด้ากุ้งก็ถามเพื่อน
“ใครน่ะแป๋ม”
“น้องใหม่” แป๋มตอบ
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ ทำไมไม่เห็นเลย”
“จะไปเห็นได้ยังไงล่ะ ก็พอหล่อนมาถึง หล่อนก็เข้าห้องน้ำไปโบกเครื่องสำอางอยู่เป็นชั่วโมง”
“เว่อร์ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกย่ะ”
กุ้งค้อนแป๋มแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวเองซึ่งอยู่ใกล้ๆวีด้า
กุ้งเดินไปมองๆวีด้าแล้วเอ่ยถาม “ชื่ออะไรเหรอ”
วีด้าหันมองไปแว้บเดียวก่อนตอบ “สุดธิดาค่ะ” แล้ววีด้าก็ทำงานต่อจนเสร็จแล้วเอาไปส่งให้แป๋ม
“ มีอะไรให้ทำอีกมั้ย งานชั้นหมดแล้ว” วีด้าถาม
กุ้งกับแป๋มเงยหน้ามองวีด้าด้วยวามแปลกใจ แล้วหันมองหน้ากัน แต่กุ้งขำๆ
“ขยันเอาใจเจ้านายเหรอจ๊ะ” กุ้งถาม
“เปล่า ไม่อยากอยู่ว่างๆ” วีด้าตอบ
กุ้งหน้าตึงรู้สึกเหมือนโดนเหน็บ “อยากช่วยเหรอ นี่ไง” กุ้งชี้ที่กองแฟ้มงานบนโต๊ะตัวเอง “หยิบไปทำสิ”
วีด้ามองเอกสารแล้วหยิบไปนั่งทำต่อ สองสาวมองตาม
กุ้งพูดกับแป๋ม “ชั้นไม่ได้ใช้เค้านะ” กุ้งขำ
กุ้งนึกได้ “อุ๊ย ใกล้จะได้เวลาแล้ว” กุ้งหยิบเครื่องสำอางขึ้นมาเติมหน้าแล้วมองนาฬิกาก่อนจะตั้งท่าทำสวย
ครู่หนึ่ง คัชพลก็เดินเข้ามา สาวๆยิ้มแย้มทักทาย
พนักงานสาวๆ ทักพร้อมกัน “สวัสดีค่ะคุณใหญ่”
“สวัสดีครับทุกคน” คัชพลทักตอบ
คัชพลหันมายิ้มโปรยเสน่ห์ให้แล้วเดินผ่านไป โดยไม่สังเกตเห็นวีด้า สาวๆ กรี๊ด
“โอย แค่ประโยคเดียวก็เหนี่ยวหัวใจชั้นไปแล้ว” กุ้งบอก
“เท่เนอะ มองกี่ทีก็ไม่เบื่อ” แป๋มว่า
“เค้ายิ้มให้ฉันด้วยล่ะ” กุ้งทำท่าเคลิ้ม
“แหม เค้าก็ยิ้มให้ทุกคนแหละ” แป๋มว่า
วีด้ามองตามคัชพลด้วยสายตาคมกริบ
คัชพลลงนั่งที่โต๊ะทำงาน โทรศัพท์ดังขึ้น คัชพลรับสาย
“สวัสดีครับ...กำลังทำอะไรอยู่น่ะเหรอ ก็ กำลังคิดถึงคุณอยู่น่ะสิ เย็นนี้ว่างรึเปล่า” คัชพลยิ้ม “ได้ ผมจะไปรับนะ เจอกันครับ” คัชพลวางสาย
คัชพลเปิดคอมพิวเตอรทำงานไปได้นิดนึง โทรศัพท์ก็ดังอีก คัชพลรับ
“สวัสดีครับ” คัชพลเบื่อหน่าย “ผมทายไม่ถูกหรอกว่าใคร ขอโทษนะที่จำไม่ได้..อ๋อ..แอน ว่าไง.....ยุ่งครับ ผมกำลังจะเข้าประชุม แค่นี้ก่อนนะ”คัชพลวางสายด้วยหน้าตาหงุดหงิดก่อนจะกดอินเตอร์คอมฯ “คุณภา เข้ามาพบผมหน่อย”
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ภาสุรีเปิดเข้ามา
“ค่ะ ท่านรอง”
คัชพลคลิกที่คอมฯ ดูหน้าจอไปสั่งงานภาสุรีไปด้วย “คุณช่วยเช็ค เรือ blue pearl ให้หน่อย ทำไมยังซ่อมไม่เสร็จซักที”
“ค่ะ” ภาสุรีรอฟังคำสั่งแต่คัชพลไม่พูดอะไรต่อ “งั้นภาไปจัดการเลยนะคะ” ภาสุรีจะไป
“อีกเรื่องนึง คุณมีรายชื่ออยู่แล้วนี่ ว่าผมไม่รับสายใครบ้าง ทำไมยังโอนเข้ามาอีก”
ภาสุรีงงเป็นไก่ตาแตก “ใครคะ ภาไม่เคยโอนผิดนะคะ”
“ก็แอน แอนนา ที่เป็นนางแบบน่ะ คุณพึ่งโอนเข้ามา”
“อ้าปากค้าง ก็..” ภาสุรีคิด “ตายแล้ว แม่แอนนานี่เอง แล้วมาบอกว่าชื่อ ลาล่ามิน่า ภาว่าเสียงคุ้นๆ ตื๊อจริงๆ แม่นี่ แฮ่ะ ๆ ต่อไปภาจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะ”
“จำไว้ให้ดี ไปได้แล้ว”
“ค่ะ” ภาสุรีเดินออกไป
คัชพลทำงานต่อ
อ่านต่อหน้าที่ 2
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 3 (ต่อ)
พักกลางวัน วีด้ายกถาดใส่อาหารจนเต็มมาให้กุ้งกับแป๋มที่นั่งรออยู่
“เธอนี่มันน่ารักเหมือนกันนะ ถูกใจจัง” กุ้งบอก
“ถูกใจสิ เป็นยายเชยขนาดเนี๊ย คงไม่ใช่คู่แข่งพวกเราหรอก” แป๋มว่า
วีด้างง “คู่แข่ง”
“ก็คู่แข่งแย่งตำแหน่งหวานใจท่านรองน่ะสิ”
“ท่านรอง...” วีด้าทวนคำ
“ก็คุณใหญ่ หรือคุณคัชพล รองประธานฝ่ายบริหารไง” กุ้งบอก
“หวังสูงไปรึเปล่าพวกแก” เพื่อนบอก
“มีความหวัง ดีกว่าไม่มีความหวัง คุณคัชพลน่ะ เจ้าชู้จะตาย ใครจะรู้ พวกเราคนใดคนนึง อาจจะได้ไปเป็นหนึ่งในแฟนเค้า แค่นั้นก็สบายแล้ว โอ๊ย ทั้งหล่อ ทั้งรวย ครบเครื่อง”
วีด้าทำเป็นกินข้าวไม่สนใจ แต่ตั้งใจฟังตลอด
“แต่ว่ารอบคอบอย่างคุณใหญ่ คงให้จับง่ายๆหรอก ไม่งั้นคงสละโสดไปแล้ว”
“ก็จริงเนอะ คุณใหญ่น่ะ ระแวดระวังถอดแบบท่านประธานมาเปี๊ยบเลย แล้วยิ่งเรื่องผู้หญิงนะ พอใครคิดจะจริงจัง ชั้นเห็นคุณใหญ่สลัดทิ้งทุกที”
“จะถอนตัวถอนใจเลยมั้ยล่ะ”
กุ้งกับแป๋มตอบพร้อมกัน “ไม่”
เพื่อนสองคนหัวเราะแล้วคุยกันไปกินกันไป วีด้าเก็บข้อมูลตลอดเวลาแล้วก็คิดไปด้วย
วีด้าเดินเข้ามาในบ้าน เธอถอดแว่นออกแล้วปล่อยผมเป็นวีด้าเวอร์ชั่นปกติ กำธรนั่งคุยกับดนัยอยู่สีหน้าเคร่งเครียด วีด้าเห็นทั้งสองก็ชะงักแล้วรีบยิ้มหวานใส่ทันที
“กลับมาแล้วเหรอยัยหลานตัวแสบ”
วีด้ากอดกำธร “แหม ทำไมคุณอาทักทายวีด้าอย่างนี้ละคะ?”
“อาไม่ดุเราก็ดีแค่ไหนแล้ว ได้งานทำทำไมไม่บอกอากับดนัยสักคำ”
“ดนัยมาฟ้องเหรอ?”
ดนัยส่ายหน้า
“ดนัยมาถามหาเรา อาก็ไม่รู้ ติดต่อเราก็ไม่ได้ เลยโทรถามยัยเกรซ” กำธรว่า
“อ้อ...ยัยเกรซนี่เอง!” วีด้าบ่น
“ไม่ต้องโทษคนอื่นเลย เรานั่นแหละตัวดีต้องโดนทำโทษ”
“ฮื้อ...คุณอาอ่ะ”
“ไม่ต้องมาฮื้อเลย ไปแต่งตัว แล้วออกไปงานปาร์ตี้เป็นเพื่อนดนัยเดี๋ยวนี้”
วีด้าสบตาดนัย “งานปาร์ตี้?”
“คุณพ่อจัดงานเลี้ยงต้อนรับผม ในโอกาสที่ผมเข้าทำงานน่ะ ผมก็เลยอยากให้วีด้าไปด้วย” ดนัยบอก
วีด้าหันมาสบตากำธร
“ห้ามปฏิเสธ เพราะดนัยมารอหนูตั้งแต่บ่ายแล้ว” กำธรว่า
“ก็ได้ค่ะ ดนัยรอวีด้าเปลี่ยนชุดแป๊บนะ”
“จ๊ะ...”
วีด้าเดินขึ้นข้างบน ดนัยสบตากำธร กำธรยักคิ้วให้กำลังใจ
“คิดการณ์ใหญ่ใจต้องกล้า อย่าตื่นเต้นนะ อาเชียร์เราอยู่”
“ขอบคุณครับคุณอา”
ดนัยยิ้มกว้าง สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกกำลังใจ
ที่งานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยพนักงานมากมาย วีด้ากับดนัยนั่งอยู่กับพนักงานคุยกันและกินกันอย่างสนุกสนาน สักพักไฟก็สลัวลง แล้วไฟก็ส่องสว่างขึ้นไปบนเวที ดนตรีเปิดตัวดังขึ้น ทุกคนบอกให้เงียบกันแล้วหันไปทางเวที ทรงยศในฐานะประธาน เดินขึ้นเวทีแล้วเริ่มกล่าว
“สวัสดีครับพนักงานทุกคน เป็นอีกปีที่เราต่างเหนื่อยกันมามาก แต่ผมก็อยากจะบอกว่าเป็นอีกปีที่ความเหนื่อยของพวกเรามันคุ้มค่า เพราะผลประกอบการของบริษัทในปีนี้โตขึ้น เกือบ 100%”
พนักงานทุกคนปรบมือเป่าปากยินดี
“และในปีนี้ ผมหวังว่าบริษัทของเราจะยิ่งเติบโตก้าวหน้าขึ้นไปอีก เพราะมีกำลังเสริมที่เพิ่งนำเข้าจากต่างประทศมาหมาดๆ นั่นก็คือ คุณดนัย โสภณกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด และลูกชายสุดที่รักของผม!”
ทุกคนลุกขึ้นปรบมือ วีด้าปรบมือแล้วส่งยิ้มภูมิใจให้กับดนัย ดนัยเดินขึ้นเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือ
“ผมเองก็คงขอบคุณทุกคนทุกแผนกที่ไว้วางใจ และเชื่อมั่นในตัวผม ผมเองยังต้องอาศัยประสบการณ์ และต้องการคำสอนจากทุกคนอีกมาก ได้โปรดเมตตาเด็กชายดนัยคนนี้ด้วยนะครับ รักผมน้อยๆแต่รักผมนานๆนะครับ...”
ทุกคนในห้องหัวเราะขำกับมุกและปรบมือให้
ดนัยพูดต่อ “ผมเชื่อว่า การทำงานเป็นทีม ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันแก้ไขปัญหา จะนำพาความสำเร็จมาสู่บริษัทได้ไม่ยาก เช่นเดียวกับชีวิตของผม ผมอยู่คนเดียวได้ดี แต่ถ้าผมได้มีคู่ชีวิตอยู่ข้างๆ ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ใช้เวลาอีกครึ่งชีวิตที่เหลือร่วมกัน ผมคงจะมีความสุข เพราะได้อยู่เคียงข้างเธอตลอดไป”
ทุกคนในห้องเริ่มฮือฮาว่าดนัยจะพูดอะไรต่อไป ดนัยก้าวลงจากเวทีแล้วเดินเข้ามาจนใกล้วีด้า ก่อนจะพูดผ่านไมโครโฟน
“ผมไม่รู้ว่าเธอจะคิดเหมือนผมหรือเปล่า? แต่ผมจะลองเสี่ยงถามเธอดูนะครับ” ดนัยเอาไมโครโฟนลง “แต่งงานกับผมนะวีด้า”
พูดจบวีด้าก็ตื่นตะลึง ทุกคนต่างกรี๊ดและปรบมือโห่ฮายินดี วีด้ายิ้มเขิน แล้วเดินออกไปยืนไกลๆ ก่อนพยักหน้าเรียกดนัยให้เดินตามไป
“เอ...ผมชักไม่แน่ใจแล้วล่ะครับว่าจะเป็นข่าวดี เดี๋ยวขอเดินไปฟังใกล้ๆ นะครับ”
ทุกคนเฮฮาปรบมือเชียร์ เมื่อดนัยเข้าไปใกล้วีด้า
“ทำอะไรน่ะดนัย เล่นพิเรนทร์นะ”
“ใครบอกว่าเล่น ผมซีเรียสนะ คุณจะว่าไง”
ดนัยจ้องหน้าวีด้าจริงจัง ทุกคนเงียบกริบเหมือนอยากได้ยินคำตอบด้วย วีด้าตัดสินใจดึงดนัยมาแล้วกระซิบข้างหูก่อนเอนตัวออก พนักงานชะเง้อมองเพราะอยากได้ยิน ดนัยยิ้มให้ วีด้ากางมือออก แล้วทั้งสองก็กอดกัน ทุกคนในห้องเฮลั่นกรี๊ดสนั่น แต่พอวีด้าผละออกแล้วก็ยืนนิ่ง วีด้ายิ้มให้ ดนัยยิ้มตอบแล้วหันไปพูดกับทุกคน
“อย่าเข้าใจผิดครับ เธอปฏิเสธผมครับ”
ทุกคนอึ้งเงียบ วีด้ากอดอกยิ้มมองดนัย ดนัยทำลายความเงียบ
“แต่ไม่เป็นไร แล้วคราวหน้าจะมาลองกันใหม่”
ทุกคนเฮลั่นอีกครั้ง มีเสียงสาวๆแซวเข้ามาว่าผู้จัดการคะ หนูแทนได้ไหม? และหนูก็ได้ค่ะหนูรีบ ไม่ต้องรอ ดนัยกับวีด้ายืนอยู่ท่ามกลางพนักงานอย่างร่าเริงยิ้มแย้ม
วีด้าเดินมาหยุดหน้ารูปครอบครัวแล้วก็คิดถึงตอนที่คุยกับดนัยหลังจากนั้น
วีด้ากอดกับดนัยแล้วพูด “ขอบคุณนะดนัยที่เข้าใจวีด้า”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้นวีด้าก็ถอนใจ แล้วเปิดเพลงฟัง
ทีวีเปิดรายการฟุตบอลทิ้งไว้ ธัญกรนอนมองกระดาษจดเบอร์โทรของวีด้าอย่างเพ้อๆ ยศสรัลที่กำลังจะขึ้นห้องนอนเดินผ่านมาเห็นจึงเข้ามาทัก
“เล็ก...”
ธัญกรไม่ได้ยิน ยศสรัลเข้าไปตะโกนข้างหู
“ไอ้เล็ก!”
ธัญกรสะดุ้งเฮือกหลุดจากภวังค์
“โอ้ย! หูแตกแล้วพี่สรัล เรียกดีๆก็ได้ ตะโกนเพื่อ?”
“ฉันเรียกแล้ว แต่แกหูดับ ไม่ได้ยินเสียงฉันเอง นี่แกเป็นอะไร ทำท่าเหม่อลอย เพ้อฝัน ตาเยิ้มอยู่คนเดียว อย่าบอกนะว่า แกกำลังคิดถึงสาวอยู่”
“เป๊ะ! นี่พี่สรัลเป็นเทพธิดาพยากรณ์หรือเปล่า?”
“ผู้ชายด้วยกันดูออกหรอกน่า สาวที่ไหนละ? สก๊อยส์หรือเปล่า?”
“ไม่ใช่สก๊อยส์ มันเป็นอุบัติเหตุรักครับพี่”
“ฮึ้ย...เสี่ยวนะแก”
“เสี่ยวอะไรพี่สรัล สาวคนนี้อินเตอร์จะตาย ชื่อวีด้าเชียวนะ”
“วีด้าเหรอ?”
“ผมเชื่อเลย ถ้าพี่สรัลได้เจอก็ต้องเพ้อเหมือนผมแหละ”
“ขนาดนั้นเลย?”
“ขนาดนั้นแหละครับ แต่ขอบอกเลยว่า ถ้าผมมีวาสนาได้เจอเธออีก พี่สรัลห้ามแย่งผมจีบนะครับคุณพี่ชาย”
ยศสรัลกวนกลับ “ไม่แย่งหรอกครับคุณน้องชาย ฮ่าๆๆ”
ยศสรับขำๆแล้วเดินกลับขึ้นไปข้างบนทิ้งให้ธัญกรนั่งมองเบอร์โทรวีด้าอย่างเพ้อๆ ต่อไป
วีด้านั่งกอดเข่าครุ่นคิดเรื่องคัชพลอยู่บนเตียง
“คุณใหญ่น่ะ ระแวดระวังถอดแบบท่านประธานมาเปี๊ยบเลย แล้วยิ่งเรื่องผู้หญิงนะ พอใครคิดจะจริงจัง ชั้นเห็นคุณใหญ่สลัดทิ้งทุกที”
วีด้าคิดว่าจะทำยังไงต่อไป โทรศัพท์วีด้ามีสัญญาณเข้าแต่วีด้าไม่ได้ยิน จากใบหน้าอมยิ้มใตอนแรกของดนัยกลายเป็นหงอยเหงาแล้วถอนใจ
วีด้านั่งทำงานอยู่ ภาสุรีเดินเข้ามาแต่ไกลแล้วมาหยุดเรียกวีด้า
“สุดธิดา” ภาสุรีวางเอกสารบนโต๊ะวีด้า “เอาเอกสารนี่ ไปให้คุณยศสรัลที่ฝ่ายการตลาดด้วย ตอนนี้เลย”
วีด้าอึ้งไปนิดที่จะต้องไปหายศสรัล กุ้งกับแป๋มรีบยืนขึ้นเสนอตัวทันที
กุ้งกับแป๋มลึกขึ้นยืนพร้อมกัน “หนูไปให้มั้ยคะ”
“ไม่...ต้อง ชั้นรู้นะว่าพวกหล่อนจะไปส่งสายตาให้คุณยศสรัล วันๆไม่ต้องทำอะไรกันล่ะ กรี๊ดคุณใหญ่ที คุณสรัลที”
“ก็หล่อทั้งคู่นี่คะ เลยเลือกกรี๊ดไม่ถูก กุ้งรู้นะว่าคุณภาก็แอบกรี๊ดเหมือนกัน” กุ้งว่า
“นี่แม่กุ้ง ชั้นเพื่อนเล่นเธอเหรอ แล้วหน้าเนี่ย โบกเข้าไป ที่นี่เขาทำบริษัทเรือนะยะไม่ใช่บริษัทก่อสร้าง” ภาสุรีพูดกับวีด้า “แม่สุดธิดา รีบไปส่งงาน แล้วรีบกลับมา แล้วอย่าใจแตกแบบแม่พวกนี้ล่ะ” ภาสุรีเชิดหน้าเดินออกไป
วีด้ายังคิดหนักแต่ไม่เดินออกไป กุ้งกับแป๋มหันมาคุยกับวีด้า
“อิจฉาจังเลยได้ไปการตลาด ฝากแอบดูคุณยศสรัลด้วยนะ”
“ถ้าเจอตัว ก็ฝากด้วยนะ ว่าพวกชั้นคิดถึง”
วีด้าเครียดแต่ฝืนยิ้ม แล้วเดินออกไป
วีด้าเดินเข้ามาที่หน้าแผนกของยศสรัลแล้วเริ่มก้าวขาไม่ออกเพราะชักไม่มั่นใจ ทั้งกลัว และไม่อยากเจอยศสรัล วีด้าแว้บคิดถึงภาพสมัยก่อน ตอนที่ยศสรัลหัวเราะยิ้มแย้ม
วีด้ามองแฟ้มในมือแล้วมองไปข้างหน้าก่อนจะตัดสินใจเดินต่อไป
วีด้าเดินมาที่เค้าท์เตอร์อย่างใจลอยและพยายามมองๆ เพราะกลัวเจอยศสรัล พนักงานมองอย่างงงๆ ว่าวีด้ามาทำอะไร
“มีอะไรให้ช่วยคะ”
“คุณภาสุรีให้เอาเอกสารมาส่งให้คุณยศสรัลค่ะ” วีด้าบอก
“อ๋อ ได้ค่ะ”
พนักงานรับเอกสารไป
วีด้าจะรีบเดินออกแต่พอหมุนตัวกลับมาก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นสรัลเดินเข้ามาจากอีกทางหนึ่ง และมีลูกน้องเดินเข้ามาทักทาย
“สวัสดีครับคุณสรัล”
วีด้ามองนิ่ง ยศสรัลคุยกับลูกน้องอย่างเป็นกันเองก่อนจะรับแฟ้มมาเปิด ลูกน้องพยักหน้าแล้วเดินออกไป ยศสรัลหันมาเห็นวีด้า วีด้าสะดุ้งแล้วรีบหันหลังกลับมาแล้วยืนค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ยศสรัลชะเง้อมองตามเพราะท่าทางแปลกๆ แต่ด้วยความไม่คุ้นหน้าเลยไม่ได้สนใจ เธอก้าวเดินออกไป
วีด้ากลับมาที่แผนกก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย กุ้งกับแป๋มเห็นวีด้าก็รีบลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ
“ไหน เล่ามาซิ เจอคุณสรัลหรือเปล่า”
วีด้าพยักหน้า สองสาวกรี๊ด
“หล่อบาดใจมั้ยล่ะ” แป๋มถาม
“ปิ๊งเลยมั้ย” กุ้งซักต่อ
วีด้ามัวแต่ครุ่นคิดเรื่องยศสรัลเลยไม่ได้ตอบ กุ้งกับแป๋มมองหน้ากัน
“อึ้งอย่างนี้ ตกหลุมรักเค้าเข้าอีกคนแล้วใช่มั้ยยายเชย” กุ้งว่า
วีด้ารู้สึกตัวเลยรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่สเป็คชั้น”
“โห อย่างนั้นนะไม่ใช่สเป็ค”
แป๋มพูดถึงยศสรัลให้วีด้าฟังด้วยท่าทางเคลิ้มฝัน “ทั้งหล่อ ใจดี มีน้ำใจ...”
แป๋มคิดเสร็จก็เพ้ออย่างมีความสุข
อ่านต่อหน้าที่ 3
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 3 (ต่อ)
ภาพเหตุการณ์ที่แป๋มเล่า แป๋มกำลังถ่ายเอกสารแล้วเอกสารก็ติด แป๋มต้องเปิดเครื่องออกมาดูตรงนั้นตรงนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ จนหงุดหงิด ยศสรัลเดินเข้ามาช่วย
“ผมช่วยครับ”
แป๋มเงยหน้ามามองพอเห็นเป็นยศสรัลก็อึ้งมองยศสรัลจัดการกับเครื่องซีร็อกซ์จนเสร็จ
“ใช้ได้แล้วครับ” ยศสรัลบอก
“ขอบคุณค่ะ”
แป๋มเพ้อ
“ของชั้นก็มี” กุ้งว่า
ยศสรัลรอลิฟท์อยู่ ไม่นานลิฟท์ก็มา ยศสรัลเดินเข้าลิฟท์ไป ลิฟท์กำลังจะปิด กุ้งยกกล่องใส่เอกสารวิ่งมากดลิฟท์ให้เปิดอย่างทุลักทุเล แล้วพรวดพราดเข้าไป โดยไม่เห็นว่ายศสรัลมองอยู่
“จะไปชั้นไหนครับ” ยศสรัลถาม
“..สิบสี่ค่ะ” กุ้งตอบ
ยศสรัลกดลิฟท์ให้
“ฝากถือหน่อยนะคะ”
ยศสรัลรับไว้นิ่งๆ กุ้งขยับกระโปรง
“ขอบคุณค่ะ”
กุ้งรับคืนแล้วเงยหน้ามองก็ถึงกับตาค้าง
“คุณยศสรัล ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
กุ้งเขินจนยิ้มไม่หยุดเพราะปลื้มยศสรัลสุดๆ เธอเอาขาเตะกำแพงลิฟท์เบาๆ
แป๋มตบไหล่กุ้ง จนกุ้งสะดุ้ง
“ตื่นได้แล้วแก ฝันค้างนานเกินไปแล้ว” แป๋มว่า
วีด้ายิ้มๆ
กุ้งยังทำหน้ายังเพ้อก่อนจะหันมาเล่าให้วีด้าฟัง “คุณยศสรัล เป็นลูกชายคนกลาง มีน้ำใจมาก ออกจะรักสันโดษ นิสัยต่างกับพี่น้อง เรียกว่ามาคนละทางเลยล่ะ”
“แต่เสียดาย” แป๋มว่า
“เสียดาย” วีด้างง
“มีคู่หมั้นแล้ว” แป๋มพูดเน้นทีละคำ
วีด้าอึ้งไปเล็กน้อย
กุ้งพูดต่อ “แต่ชั้นก็ได้ยินมาว่าเค้าก็ไม่ได้เต็มใจหมั้น แต่ต้องยอมตามใจท่านประธาน”
“ใครว่าเป็นเศรษฐีจะมีแต่ความสุขเนอะ ก็เห็นเอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้งทั้งนั้น”
“นั่นแหละ ความสุขของตระกูลเค้า แล้วคุณยศสรัล ก็รับภาระไป”
วีด้าฟังแล้วก็สลดลง
“ก็แน่ละ ท่านประธานน่ะรักคุณคัชพลจะตาย ส่วนคุณเล็กธัญกรก็ไม่ลงรอยกัน ไม่อยู่ในโอวาท คนที่ท่านประธานจะบังคับควบคุมได้ ก็เหลือแต่คุณยศสรัลคนเดียว คุณยศสรัลก็เลย” แป๋มกระซิบ “ซวยไป...”
วีด้าพยักหน้ารับรู้พร้อมกับคิดแผนอยู่ในหัว
ป้ายหน้าประตูร้านของเกรซพลิกโชว์ว่า Close เกรซหันหลังเพราะกำลังง่วงกับการจัดดิสเพลหน้าร้านอยู่ เสียงประตูร้านเปิด เกรซนึกว่าเป็นวีด้าจึงพูดออกไป
“มาแล้วเหรอค่ะคุณนายวีด้า? ทำไมเลิกงานไวจัง?”
เกรซหันกลับมาก็ต้องชะงัก เพราะเป็นดนัยที่ยืนอยู่
“อุ้ย! คุณดนัย...เอ่อ...ลมอะไรหอบมาที่นี่เอ่ย?”
“ผมอยากรู้เรื่องงานใหม่ของวีด้า” ดนัยบอก
“ฉันไม่รู้รายละเอียดอะไรมากมายหรอกค่ะ?” เกรซว่า
“ผมก็ไม่ได้อยากรู้อะไร มากไปกว่า วีด้าได้งานทำที่ไหนครับ?”
“อันนั้นเกรซก็ไม่รู้ค่ะ วีด้าไม่เคยบอก”
ดนัยคาดคั้น “จริงเหรอครับ?”
“จริงค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
ดนัยจะเดินออกไป เกรซอึดอัดจึงรีบเอ่ยขึ้น
“แต่ถ้าเกรซรู้เมื่อไหร่ จะรีบส่งข่าวคุณเลยนะคะ”
ดนัยหันมายิ้มเศร้าๆ แล้วเดินจากไป เกรซมองตามไปอย่างห่วงความรู้สึกของดนัย
วีด้าทิ้งตัวลงบนเตียง
“ว่าไงนะ?...ดนัยไปถามแกเรื่องที่ทำงานของฉัน?”
“ก็ใช่น่ะซิ ทำไมแกถึงไม่เล่าให้ดนัยฟังเรื่องงาน มีอะไรหรือเปล่า?”
เกรซทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนของวีด้า วีด้าเงียบ
“มีอะไรอยากเล่าให้ชั้นฟังมั้ย?” เกรซว่า
วีด้ามองเพื่อน แล้วตัดสินใจบอก
“ตอนนี้ชั้นไปทำงานอยู่กับพวกนั้น” วีด้าบอก
“พวกนั้น...พวกไหน?”
“Prime Enterprise บริษัทของ นายบัญชา ศัตรูหมายเลขหนึ่งของชั้น”
เกรซงงๆ พอคิดแล้วก็ถึงบางอ้อ เกรซตกใจมาก
เกรซอ้าปากค้าง “ว่าไงนะ แกจะบ้าเหรอ แกกำลังจะทำอะไร?”
วีด้าไม่ตอบ
“...อย่าบอกนะ ว่าแกคิดจะแก้แค้น!”
วีด้ายังคงเงียบ เกรซเข้าใจทันที
“ชั้นว่าแกไม่ควรทำแบบนี้นะ มันอันตรายเกินไป ถ้าเค้ารู้ว่าแกเป็นใคร เค้าจะปล่อยแกเหรอ นายบัญชา เป็นคนมีอิทธิพลมากนะ”
วีด้ายังเงียบ
“แล้วคุณอาแกรู้เรื่องนี้รึเปล่า?”
วีด้าส่ายหน้า “มีแกรู้เรื่องนี้อยู่คนเดียว ห้ามเล่าให้ใครฟังทั้งนั้น แล้วก็หยุดถามชั้นได้แล้ว”
เกรซอ้าปากค้างอีกรอบ “........ เฮ้อ....”
เกรซถอนใจหมดแรงแล้วล้มลงที่นอน สีหน้าวีด้านิ่งสงบเรียบเฉยเพราะมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำ
วีด้าประคองกำธรเดินออกมา แม่บ้านเข็นกระเป๋าเดินทางออกมาด้วย คนขับรถยืนประจำอยู่ที่รถ
“แน่ใจนะคะว่าจะไม่ให้วีด้าไปส่งที่แอร์พอตร์” วีด้าบอก
“ไปแค่สิงคโปร์นี่เอง อีกอย่างตอนที่เราไม่อยู่ อาก็บินไปบินกลับจนชิน” กำธรว่า
“ดูแลตัวเองดีๆนะคะคุณอา” วีด้า
“ไม่ต้องห่วง เรานั่นแหละต้องรักษาสัญญากับอานะ อากลับจากสิงคโปร์เมื่อไหร่ ต้องกลับมาช่วยงานอาทันที”
วีด้าตะเบ๊ะ “โอเคค่ะ!”
กำธรขยี้หัววีด้าอย่างเอ็นดูแล้วก้าวขึ้นรถไป รถกำธรแล่นออกไป วีด้ามองตาม
วีด้าพูดกับตัวเอง “หวังว่าตอนคุณอากลับมา เรื่องทุกอย่างจะจบแล้วนะคะ”
วีด้าหายใจเข้าอย่างรวบรวมกำลังใจ
วันต่อมา วีด้าเดินไปที่โต๊ะภาสุรี
“คุณภาเรียกเหรอคะ”
“ใช่ บ่ายนี้ชั้นจะไม่อยู่ เธอมานั่งทำงานแทนชั้นที” ภาสุรีบอก
วีด้ามองหน้าภาสุรี
“ไม่ต้องกลัว คุณใหญ่คงไม่เรียกใช้เธอหรอก เพราะคุณใหญ่ออกไปข้างนอก คงไม่กลับมาที่นี่แล้ว ชั้นจะให้เธอมาคอยรับโทรศัพท์พวกสาวๆของคุณใหญ่น่ะ ไม่ต้องอะไรมาก ท่องอย่างเดียว ไม่อยู่ ไม่รู้ ไม่เห็น สามคำ จำได้มั้ย?”
“จำได้ค่ะ”
“ชั้นน่ะ ไว้ใจเธอคนเดียวนะ ยัยผีดิบ”
วีด้ามองหน้าภาสุรีโดยไม่ตอบอะไร
“ก็แข็งทื่อเป็นซอมบี้ ผีดิบขนาดเนี้ย ชั้นถึงไว้ใจ ไปนะ” ภาสุรีเดินออกไป
วีด้ามองตามแล้วนั่งลง
นาฬิกาแขวนผนังบอกเวลาเที่ยง กุ้งกับแป๋มเดินเข้ามายืนหน้าโต๊ะวีด้า
“ไปกินข้าวด้วยกันไหม?” กุ้งชวน
“ไม่ดีกว่า ยังไม่ค่อยหิว” วีด้าบอก
“เดี๋ยวซื้อขนมมาฝาก แต่ถ้าอยากกินอะไรอีกก็โทรมาละกัน” กุ้งบอก
วีด้ายิ้ม “ขอบใจ”
กุ้งกับแป๋มเดินไปทำให้เหลือวีด้าอยู่คนเดียว วีด้ามองจนทั่ว พอไม่เห็นใครเธอก็คว้าแฟ้มเอกสารหนึ่งเล่มเดินเข้าห้องคัชพลก่อนจะหมุนตัวปิดประตู
วีด้าถือแฟ้มในมือสำรวจห้องคัชพลทั้งหมด เธอเดินดูรูป ดูภาพต่างๆ ดูโต๊ะทำงาน วีด้าเห็นภาพกอดคอกับยศสรัลและธัญกร วีด้ามองรูปยศสรัลแล้วสะบัดหัวไล่ความคิดไม่ให้สนใจ เธอดูข้าวของในห้องต่อ และเริ่มลงมือเปิดแฟ้มเอกสาร ลากนิ้วดูอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบแฟ้มอีกเล่มมาเปิด
ยศสรัลเดินออกมาจากห้องแล้วบอกเลขาหน้าห้อง
“ผมจะไปหาพี่ใหญ่ ใครโทรมาให้ฝากเรื่องไว้นะครับ”
“ได้ค่ะ”
วีด้ากำลังอ่านเอกสารอย่างสนใจอยู่ในห้องคัชพล
ยศสรัลเดินมาถึงทางเดินหน้าห้องคัชพล เมื่อยศสรัลเดินมาถึงหน้าห้องไม่เห็นภาสุรีนั่งอยู่ก็เลยเคาะประตู
วีด้าได้ยินเสียงเคาะประตูก็ตกใจแล้วหันไปมอง ยศสรัลเปิดประตูเข้ามาไม่เห็นใครเลย ยศสรัลเดินเข้ามามอง
“พี่ใหญ่ครับ”
วีด้าที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะเห็นขาสรัลเดินเข้ามาใกล้ เธอก็ขยับตัวหลบ ยศสรัลเดินมองลึกเข้าไปพอเห็นว่าไม่อยู่ก็เลยพลิกตัวกลับแล้วเดินออกไป ระหว่างที่ถึงหน้าประตูก็มีเสียงดังปังในห้อง ยศสรัลหันกลับไปมอง วีด้าหัวโขกโต๊ะเมื่อสักครู่กำลังจับหน้าผากด้วยความเจ็บ ยศสรัลจะก้มมอง แต่เสียงคัชพลดังขึ้นก่อน
“สรัล”
ยศสรัลหันกลับมาเห็นคัชพลควงนางแบบมาด้วย
“พี่ใหญ่ ผมนึกว่าพี่ออกไปแล้ว”
“นายมีอะไรเหรอ” คัชพลถาม
“เรื่องงานนิดหน่อยครับ พี่ใหญ่มีแขก ไว้เย็นๆผมแวะมาใหม่”
“ไม่เป็นไร” คัชพลบอกนางแบบ “คอยผมก่อนนะ”
นางแบบยิ้มแล้วเดินเข้าไปนั่งที่โซฟารับแขก
“มีอะไรว่ามา”
“เรื่องสเป็คเรือยอชต์ล็อตใหม่ ที่จะสั่งเข้ามาเพิ่มน่ะครับ ผมว่ามันอาจจะใหญ่เกินความจำเป็น”
“อย่างงั้นเหรอ งั้นไปคุยห้องนายก็แล้วกัน”
คัชพลกับยศสรัลเดินออกไป
นางแบบที่อยู่ในห้องเดินดูห้องคัชพลแล้วมานั่งที่โต๊ะทำงานของคัชพล พร้อมยกขาไขว่ห้าง ผ่านหน้าวีด้าไปอย่างฉิวเฉียด วีด้ามองขานางแบบอย่างเสียวๆ นางแบบเปิดกระเป๋าแต่งหน้า วีด้าเห็นจังหวะก็ค่อยๆ คลานออกจากห้องไป
วีด้ากลับมานั่งโต๊ะภาสุรีแล้วหยิบสมุดนัดขึ้นมาดู วีด้าดีใจที่เจอสมุดนัด เธอเห็นตารางนัดของคัชพล วีด้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วมองไปทั่วๆอย่างระวัง
ตกกลางดึก วีด้าในชุดนอนนั่งดูโทรศัพท์มือถือ
วีด้าพึมพำ “งานวันเกิดท่านประธาน”
โทรศัพท์ดังขึ้น วีด้ามองหน้าจอ
“คุณอา” วีด้ากดรับ “คุณอาคะ...สบายดีค่ะ...งานยุ่งมากมั้ยคะ?...โอ๋ๆอีกไม่กี่เดือน วีด้าก็จะไปช่วยงานคุณอาแล้ว อย่างอแงนะคะ...พูดจริงสิคะ ก็วีด้าสัญญาแล้วนี่นา...ได้ค่ะ...คุณอาก็อย่าทำงานหนักนะคะ เทคแคร์ กู๊ดไนท์ค่ะ”
วีด้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกรอบ
อ่านต่อหน้าที่ 4
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 3 (ต่อ)
วีด้านั่งพิมพ์งานอยู่ ครู่หนึ่งกุ้งก็วิ่งมาหยิบแฟ้มวุ่นวาย วีด้ากับแป๋มมองตามอย่างงุนงง
กุ้งบ่น “ตายแล้วๆๆ”
แป๋มงง “ใครตาย”
“ก็ชั้นน่ะสิ ท่านประธานมาประชุมที่นี่ ชั้นยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย” กุ้งบอก
“มีอะไรให้ช่วยมั้ย?” วีด้าถาม
“สุดธิดา ไปช่วยกันเตรียมเครื่องดื่มหน่อย วันนี้แม่บ้านไม่อยู่”
“ถ้าพลาดล่ะ ตายกันหมดแน่” แป๋มว่า
ในห้องครัว กุ้งชี้ถ้วยกาแฟที่ชงแล้ว “คุณภากำชับไว้แล้ว ท่านประธานต้องถ้วยนี้เท่านั้น ส่วนคนอื่นถาดนั้น ห้ามเอาไปไว้รวมกัน”
กุ้งยกชุดกาแฟท่านประธาน
“แต่ชั้นไม่กล้ายกไปให้ท่านประธานอ่ะ” กุ้งพูดจบก็วางถ้วยลงใหม่
กุ้งหันมองแป๋ม แป๋มส่ายหน้าแล้วคว้าถาดใหญ่ของคนอื่นเดินออกไปทันที กุ้งไม่รู้จะทำยังไงดี
“ไอ้แป๋มเอาตัวรอดไปแล้ว” กุ้งคิดว่าจะทำไงดี
วีด้าที่มองกุ้งอยู่ตัดสินใจ
“ชั้นยกไปให้เอง”
กุ้งดีใจ “ขอบใจนะ”
วีด้าพยักหน้า
“เดี๋ยวชั้นรีบไปหยิบเอกสารก่อน” กุ้งบอก
กุ้งวิ่งปรู๊ดออกไปทันที วีด้ามองตาม แล้วมองกาแฟพร้อมทั้งคิดด้วยสีหน้าจริงจัง
วีด้าถือถ้วยกาแฟเข้ามาในห้องประชุมโดยที่ตาจ้องมองบัญชาตลอด บัญชาพูด คัชพลฟัง ภาสุรีจดยิกๆ วีด้าหยุดนิ่งด้านข้างท่านประธานแล้วค่อยๆ เลื่อนมีดใต้ถาดรองออกมาช้าๆ ก่อนจะตัดสินใจแทงทะลุสีข้างบัญชา บัญชาเจ็บปวดหันมองหน้าวีด้า
เหตุการณ์จริงวีด้าตื่นเต้นจนถ้วยกาแฟหล่น บัญชาก้มมองถ้วยกาแฟที่ตกแล้วเงยหน้าขึ้นมาดุอย่างรุนแรง
“ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้ ไปทำมาใหม่” บัญชาหันไปดุภาสุรี “ภาสุรี”
“ขะ...ค่ะท่าน” ภาสุรีกลัว
“ทีหลังจะรับใครเข้ามาทำงาน ดูใหม่มันดีๆหน่อย”
ภาสุรีจ๋อย “ค่ะท่าน..” ภาสุรีค้อนวีด้าเพราะเจ็บใจ
วีด้าก้มเก็บถ้วยกาแฟเสร็จก็รีบออกไปอย่างรวดเร็ว
วีด้าวิ่งกลับเข้าครัวแล้วเอาทุกอย่างทิ้งลงลงซิ้งค์ล้างจานก่อนจะถอยไปยืนตกใจพร้อมทั้งหอบเล็กน้อย เสียงผู้ชายที่อยู่ด้านหลังดังขึ้น
“เป็นอะไร ไม่สบายเปล่า”
วีด้าหันหลังกลับไปก็เห็นยศสรัล วีด้ารีบก้มหน้าหลบพร้อมทั้งขยับแว่นบังหน้าเพิ่มเติมก่อนจะส่ายหน้า
“เธอดูอาการไม่ค่อยดีนะ แน่ใจว่าไม่ได้เป็นอะไร” ยศสรัลถาม
วีด้าพยักหน้า ยศสรัลเริ่มงงๆ
“แล้วทำไมต้องก้มหน้าแบบนั้น เธอกลัวฉันเหรอ? เงยหน้าหน่อยซิ”
วีด้ายิ่งก้มหน้ามากขึ้น ยศสรัลขำ
“ชั้นบอกให้เงยหน้าหน่อย ไม่ใช่ก้มอีกหน่อย”
วีด้าเงียบ ยศสรัลเลยก้มลงไปจะมองหน้าแต่ก็ไม่เห็น เพราะวีด้าเอาแต่หลบ ยศสรัลพยายามก้มมองอีก ทันใดนั้นเสียงภาสุรีก็ดังขึ้น
“คุณสรัลมาแล้ว ท่านประธานรออยู่แล้วค่ะ”
ยศสรัลผละจากวีด้า
“ครับ” ยศสรัลเดินออกไป
ภาสุรีเดินมามองวีด้าอย่างดุๆ
“เงยหน้าขึ้น” ภาสุรีบอก
วีด้าเงยหน้าแต่โดยดี ภาสุรีสั่งเสียงเฉียบ
“ถ้าหล่อนพลาดแบบนี้ อีกครั้งเดียว เห็นดีกันแน่!”
วีด้าเงียบ
“เห็นเก่งทุกเรื่องมาตลอด แต่ดันมาพลาดกับท่านประธาน”
ภาสุรีสะบัดออกไปด้วยความเจ็บใจ
วันต่อมา โต๊ะทำงานของวีด้าว่างเปล่า กุ้ง แป๋มเข้างานมาพร้อมกันแต่ไม่เห็นวีด้า
แป๋มแปลกใจ “สุดธิดายังไม่มาเหรอเนี่ย”
“แปลกแฮะ ทุกทีมาก่อนใครเพื่อน” กุ้งว่า
กุ้งมองไปที่โต๊ะสุดธิดาก็เห็นจดหมายฉบับนึงวางอยู่
ภาสุรีตัดเปิดซองจดหมายแล้วแกะอ่าน เธอถึงกับตาค้าง
“ชั้นดุแค่นั้น ถึงกับลาออกเลยเหรอยัยผีดิบ”
กุ้งกับแป๋มมองหน้ากันคล้ายจะบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน
วีด้ากำลังใช้นิ้วเลื่อนดูภาพตารางนัดของคัชพลในมือถือที่เธอแอบถ่ายมา วีด้าเลื่อนไปจนถึงภาพหนึ่งแล้วก็หยุด หน้าจอโทรศัพท์ ขึ้นว่า “วันเกิดท่านประธาน” วีด้าครุ่นคิดแล้วก็ลงมือกดโทรศัพท์
“ดนัย ว่างหรือเปล่า? วีด้าอยากเจอ” วีด้าบอก
พนักงานวางถ้วยกาแฟและจานขนมลงตรงหน้าดนัยกับวีด้า
“คุณลาออกจากงานแล้ว? ทำงานยังไม่ถึงเดือนสามอาทิตย์เลยเนี่ยนะ?”
“อืม...” วีด้ายอมรับ
“ผมถามจริงๆคุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่าวีด้า? ตั้งแต่กลับเมืองไทยคุณดูแปลกไป มีอะไรบอกผมได้มั้ย?”
“แค่วีด้าอยากจะเตรียมตัวมาช่วยงานคุณอาก็เท่านั้นเอง”
“แค่นั้นจริงเหรอ?”
“นี่ดนัย วีด้าอยากเจอดนัยไม่ใช่เพื่อให้ดนัยมาสอบสวนวีด้านะ”
“โอเค...ผมขอโทษ...” ดนัยพูดกวนๆ “งั้นมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ คุณวีรดา?”
วีด้าเอาข้อศอกท้าวโต๊ะ
“ดี...งั้นวีด้าก็ไม่อ้อมค้อมนะ คุณพ่อของดนัย ได้รับเชิญไปงานวันเกิดนายบัญชา หรือเปล่า”
ดนัยจิบกาแฟ “อืมใช่ คุณพ่อพึ่งบอกให้ผมไปงานแทนท่านอยู่เลย ถามทำไมเหรอ?”
วีด้ายิ้มแบบสบอารมณ์ “ขอไปด้วยคนนะ”
ดนัยยิ้ม “ขอเหตุผล”
“ขอไม่บอก...ได้ไม๊คะ”
ดนัยยิ้ม “ก็ได้ เพราะผมรู้ว่า ผมคาดคั้นไปก็เท่านั้น ถ้าวีด้าไม่อยากบอก และผมก็ต้องยอมตามคุณ ไม่มีทางปฏิเสธด้วย”
วีด้ายิ้มออก
“ผมไม่รู้หรอกว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ เพียงแต่หวังว่าสักวัน...คุณจะบอกผม...”
วีด้ายิ้มประจบ “ค่ะ สักวันเมื่อถึงเวลา วีด้าจะบอกคุณ ขอบคุณนะคะดนัย”
ดนัยยิ้มฝืนๆ
อ่านต่อตอนที่ 4