อย่าลืมฉัน ตอนที่ 4
รถตู้หรูของคุณพจน์แล่นเข้ามาจอดเทียบที่บ้าน 2 พ่อ ลูกลงจากรถ และเดินไปคุยไปตามทาง
“คุณพ่ออนุญาตให้เกนไปเป็นเลขาเขมง่ายๆแบบนั้นได้ยังไงคะ เกนยังไม่ได้รับปากสักหน่อย เขมก็
ฉลาดแกมโกงมาขอกับคุณพ่อ ยังไงก็ต้องได้อยู่แล้ว รู้เห็นเป็นใจกันมากไปแล้วนะคะ”
คุณพจน์ ยิ้มขำๆ
“อ้าว ที่พ่อทำแบบนี้เพราะเกนบอกว่าอยากรู้จักเขมมากขึ้น โอกาสนี้แหละเหมาะที่สุด ลูกจะได้ทำ
ความรู้จักเขาทั้งเรื่องงานเรื่องส่วนตัว เขาก็ได้เลขารู้ใจ วิน-วิน”
“แค่รู้จักค่ะ ยังไม่ถึงขั้นรู้ใจไ ด้เกนไปเป็นเลขา เขมนั่นแหละที่จะปวดหัว คุณพ่อก็รู้ว่าเกนเอาใจคนเป็น
ที่ไหน”
เกนหลงน้ำเสียงงอนๆ
“ก็ดี จะได้รู้กันว่าเขมชาติทนลูกได้หรือเปล่า พ่อคิดว่า ลูกควรใช้โอกาสนี้ศึกษาการทำงานของเขมชาติ
เพื่อเอามาใช้ในการบริหารงานโรงแรมของเรา ระหว่างนั้นลูกก็จะได้ศึกษานิสัยใจคอของเขาไปด้วย ไม่ว่าลูกกับเขมชาติ
จะได้ลงเอยกันหรือไม่ การไปทำงานกับเขาก็เป็นประโยชน์กับลูกอยู่ดี”
เกนหลงฟัง พลางนิ่งคิด
สุริยงนั่งหน้านิ่งๆอยู่ในห้องสมคิด ในขณะที่มาลัยนั่งคุยโทรศัพท์ดังอยู่ข้างๆ ก่อนจะวางสายแล้วหันมารายงาน
“ทางโรงพยาบาลบอกว่าตอนเที่ยงเด็กชายวันจักร รัตนชาติมารับการตรวจจริงๆค่ะ หมอสั่งยาแล้วให้
กลับบ้านได้ค่ะ”
สมคิดพยักหน้า “อืม”
สุริยงจึงรีบชี้แจงต่อ
“หลังจากคุณพ่อโทร.มาบอกว่าจะรีบกลับบ้าน สุไม่ต้องไปโรงพยาบาลแล้ว สุเลยนัดกับญาติทางฝั่ง
สามีเพื่อคุยเรื่องมรดกของลูกๆ ซึ่งเป็นนัดหมายเดิม”
ยังไม่ทันที่สุริยงจะอธิบายต่อ มาลัยก็รีบแทรกขึ้นมา
“มาลัยคิดว่าคุณเขมคงเข้าใจผิด เพราะมาลัยให้ข้อมูลว่าคุณสุไปเยี่ยมลูกที่ป่วยคุณเขมก็ไม่ได้ว่าอะไร
ยังถามถึงอาการลูกคุณสุอยู่เลย”
สุริยงชะงักนิดๆ ที่รู้ว่าเขมชาติเป็นห่วง
“แล้วคุณเขมก็ออกไปทานข้าวข้างนอก “ มาลัยเล่าต่อ
“แล้วก็คงจะไปเจอคุณสุกับญาติอยู่ด้วยกัน” สมคิดสันนิษฐาน
“แล้วก็เลยคิดว่าคุณสุโกหกเรื่องลูก เพื่อไปหาผู้ชาย” มาลัยสรุป พลางหันมาทางสุริยง “คุณสุลอง
อธิบายความจริงกับคุณเขมสิคะ คุณเขมจะได้เข้าใจ”
สุริยงคิด ก่อนจะตัดสินใจตอบกลับไป
“คนเราลองมีอคติต่อกัน ยิ่งพูดจะยิ่งไปกันใหญ่ ถ้าผู้อำนวยการอยากรู้ก็คงจะถามเอง แต่ถ้าไม่อยากรู้
และสรุปทุกอย่างเอง ความจริงเป็นยังไงก็คงไม่สำคัญ”
สุริยงตอบนิ่งๆ ยิ้มๆ ไม่โกรธ แต่เข้าใจ และทำใจได้ สมคิดกับมาลัยได้แต่หันมามองหน้ากันด้วยความ
เสียดาย และอึดอัดใจ
เขมชาตินั่งตรวจดูผ้าตัวอย่างที่ส่งมาจากโรงงาน แต่สมาธิหาได้ดจ่อกับสิ่งที่ทำไม่ หากใจหวนไป
คิดถึงแต่ภาพที่เห็นสุริยงนั่งอยู่กับเอื้อในร้านอาหาร ด้วยท่าทางเปี่ยมสุข
เขมชาติชักสีหน้า พับเก็บตัวอย่างผ้าอย่างหงุดหงิด แล้วก็พยายามจะลืม เปิดแฟ้มผ้ามาดูอีกที แต่ก็
ไม่สำเร็จ พลางหันไปกดโทรศัพท์สายภายในเรียกสุริยง
“เข้ามา”
เขมชาติออกคำสั่งเสียงเข้ม ก่อนที่จะวางสาย และหันมาปั้นหน้าดุ หวังใช้ความดุกลบความรู้สึก
บางอย่างในใจ ชั่วครู่สุริยงก็เปิดประตูเข้ามา พร้อมสมุดโน้ต โทรศัพท์มือถือ แท็บแล็ต และเก้าอี้ ที่หญิงสาวลากเข้า
มาแล้วนั่งที่เดิม
“พร้อมค่ะ”
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” เขมชาติก็ถามขึ้นมาดื้อๆ
สุริยงผงะ หากเขมชาติรีบอธิบาย
“คนที่เอาลูกมาอ้าง แล้วก็แอบไปเจอกัน เป็นใคร?”
“เป็นคนในครอบครัวค่ะ”
สุริยงตอบด้วยน้ำเสียงเสียงเรียบ นิ่ง
“คนในครอบครัว ?” เขมชาติทวนคำ สีหน้าหน้ากวน “หรือว่า...สามีใหม่ ?”
สุริยงมองหน้า แววตาไม่พอใจ เขมชาติลุกขึ้นแล้วก็พูดเสียงกวน
“ที่ผมถาม เพราะผมเป็นห่วงความปลอดภัยของบริษัท”
สุริยงทำหน้าไม่เข้าใจ เขมชาติพูดไป เดินไป เหมือนย่างสามขุมรอบๆตัวสุริยง
“ข้อมูลในบริษัทนี้เป็นความลับมากมาย ถ้าหลุดออกไป หมายถึงความเสียหายมหาศาล”
-จากนั้นก็หมุนตัวกลับมาทางสุริยงแล้วก็ลากมาเข้าเรื่อง
“การที่คุณเอาเรื่องลูกมาโกหกและออกไปพบกับคนแปลกหน้า ทำให้ผมสงสัยหญิงหม้าย ลูกสอง น่า
สงสาร อาจจะร้อนเงิน จนต้องเอาความลับของบริษัทไปขาย” พูดพลางจ้องหน้าสุริยง แววตาคาดคั้น “บอกมา
ผู้ชายคนที่แอบไปเจอเมื่อกลางวัน เป็นใคร?”
สุริยงจ้องหน้าเขมชาติตอบ สีหน้าหน้าเครียด หากเพียงหนึ่งอึดใจต่อมา ก็หัวเราะเบาๆ เขมชาติผงะ
“ขำอะไร ? “ เขมชาติแสร้งทำเสียงเช้มกลบเกลื่อน ในขณะที่ลึกๆ ใจอ่อนยวบ
“ดิฉันเข้าใจในสิ่งที่ผู้อำนวยการกังวล แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ คนที่ดิฉันไปพบไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องงาน
แน่นอน “
“แล้วเป็นเรื่องอะไร ?” เขาติยังไม่หยุดตั้งคำถาม
สุริยงตอบสั้นๆ“เรื่องส่วนตัว”
ครั้นเขมชาติอ้าปากจะถามต่อ สุริยงชิงตอบก่อน “ที่ไม่สามารถบอกคนอื่นได้”
เขมชาติชะงักกึก สุริยงจ้องตากลับอย่างไม่ลดละ ยืนยันคำพูดอย่างหนักแน่น เขมชาติเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที พลางยืดตัวตรง ก่อนจะถามต่อ เสียงแข็ง
“ ตกลงจะไม่บอกใช่มั้ย ?”
สุริยงเงียบ...แทนคำตอบว่า “ใช่”
เขมชาติโกรธจัด
“ ถ้าเมื่อไหร่ที่มีข้อมูลสำคัญของบริษัทหลุดรอดออกไป คนที่ผมจะสงสัยคนแรกก็คือคุณ อย่าพลาดก็
แล้วกัน ผมซ้ำแน่”
เขมชาติกระแทกคำพูดใส่หน้า อย่างไม่เกรงใจ สุริยงได้แต่นั่งนิ่งเชิดหน้ารับอย่างจำใจ
“ออกไปได้แล้ว.”
ครั้นสุริยงตั้งท่าลุก เขมชาติก็พูดต่อ “เดี๋ยว”
สุริยงชะงัก
“พรุ่งนี้คุณเกนหลงจะมาดูที่ทำงาน เตรียมตัวมาต้อนรับตั้งแต่เช้า และจำไว้ด้วย คุณเกนหลงคือคน
สำคัญของผม ต้องดูแลเธออย่างดี ถ้าทำอะไรให้เธอไม่พอใจแม้แต่นิดเดียว ผมไล่คุณออกทันที”
สุริยง นิ่ง ไม่หวั่นไหว
“รับทราบค่ะ”
สุริยงรับคำแล้วก็เดินออกไปพร้อมกับสมบัติที่ถือเข้ามา ไม่มีอาการหึงหวงหรือไม่พอใจแม้แต่น้อย
เขมชาติปรายตามองตาม ครั้นเห็นสุริยงนิ่ง ก็ยิ่งไม่พอใจเป็นทบทวี
“มีเลขาใหม่ก็ดีหนูเล็กลาออกเลย ทำงานหนักขนาดนี้ยังไม่พอใจก็ไม่ต้องง้อ มาช่วยแม่ทำขนมอยู่บ้านสบายใจกว่ากันเยอะ”
นภาที่กำลังนั่งคัดไข่สำหรับทำขนมอยู่ ได้ทีรีบยุสุริยง
“ไม่ต้องลาออก เขาก็คงจะไล่ออกเร็วๆนี้หล่ะค่ะ” สุริยงพูดยิ้มๆ
“แล้วเราจะทนอยู่ให้เขาไล่ออกทำไม ลาออกซะตั้งแต่ตอนนี้ไม่ดีกว่าเหรอ” ผู้เป็นบิดาถามด้วยความ
เป็นห่วง
สุริยงชะงักนิดๆ พลางนิ่งคิด ก่อนจะตอบน้ำเสียง ที่เหมือนมีความรู้สึกผิดแฝงอยู่
“หนูเล็กไม่อยากเป็นฝ่ายหันหลัง หรือทิ้งใครไปอีก นับจากนี้ต่อไปถ้าจะมีการจากลา ขอเป็นฝ่ายโดน
ทิ้ง หรือ โดนปฎิเสธดีกว่าค่ะ หนูเล็กจะพยายามทำงานอย่างเต็มที่ ถ้ามันยังไม่ถูกใจก็ให้เขาเป็นฝ่ายไล่ออ เขาอาจจะมี
ความสุขที่ได้เป็นฝ่ายบอกเลิก”
ทั้งอาทิตย์ และนภา เลิกคิ้วด้วยความฉงน
“คือ บอกเลิกจ้างน่ะค่ะ” สุริยงยิ้มกลบเกลื่อน พลางรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“แล้วนี่คนป่วยเป็นยังไงบ้างคะเนี่ย ?
“กินยาแล้วก็นอนหลับอยู่ข้างบน ส่วนอีกนาย แม่แยกไว้ที่ห้องหนูเล็ก มีแม่ชื่นกล่อมอยู่” มารดา
อธิบาย
สุริยงมองขึ้นไปที่ห้องข้างบน
สุริยงนั่งลงข้างๆ พลางยกมือลูบผมลูกแฝดคนโต และจับหน้าผากเช็คไข้ ไก่รู้สึกตัว ปรือตามองสุริยง
“แม่หนูเล็ก สวัสดีครับ”
“เป็นยังไงบ้างครับคนเก่ง วันนี้ไปเที่ยวโรงพยาบาลสนุกมั้ย”
สุริยงถามลูกชาย
“ ไม่สนุกครับ ปวดหัว แต่พี่พยาบาลใจดี ให้กินขนม คุณหมอไม่ให้ขนมแต่ให้ยาวิเศษมาถุงเบ้อเร่อเลย”
สุริยงยิ้มขำๆ
“ยาวิเศษคืออะไรครับ”
“คุณตาบอกว่า ยาวิเศษ ถ้าไก่กินหมด ไก่จะไปว่ายน้ำได้เหมือนเดิมครับ”
ไก่ตอบประสาซื่อ
“อ๋อ ดีจังงั้นถ้าไก่อยากกลับไปว่ายน้ำต้องทานยาให้หมดนะลูก”
“ครับ แม่หนูเล็กทำงานเหนื่อยมั้ยครับ”
ไก่ถามด้วยความเป็นห่วง ทั้งที่ตาทั้งสองปรือจนแทบจะหลับอยู่รอมร่อ
“เหนื่อยครับ แต่พอนึกถึงไก่กับไข่ก็หายเหนื่อยเลยครับ ไก่กับไข่เป็นยาวิเศษของคุณแม่ไงครับ แค่
คิดถึงก็มีพลังฮึดขึ้นมาเลย”
ไก่ยิ้มกว้าง ตายิ่งปรือหนัก
“แม่หนูเล็กเป็นซูเปอร์มัม”
“ไก่ก็เป็นซูเปอร์คิด (Super kid) ของคุณแม่ครับ”
สุริยงพูด พลางก้มลงหอมหน้าผากลูกชายแฝดคนโต
“ฝันดีครับ”
ไก่ยิ้มแล้วก็หลับไป สุริยงยิ้มนิดๆ มองไก่ด้วยความรัก
จากนั้นสุริยง ก็เดินเข้าเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ที่มีลูกแฝดคนเล็กนอนอยู่บนเตียง และชื่นนั่งอยู่
ข้างๆ พอเห็นสุริยงเดินมาก็ค่อยๆลุกเดินออกไป
สุริยงเดินมาที่เตียงและนอนลงข้างๆ ไข่ขยับตัวนิดๆ สุริยงลูบผมไข่ แล้วก็คิดถึงคำพูดของชวลิต ที่ฝาก
ฝังลูกชายแฝดทั้งสองไว้กับเธอ
“ฉันขอฝากไก่ กับ ไข่ ไว้กับหนูเล็ก ไม่มีฉันสักคนนายสองคนนั้นก็เหมือนไม่มีใคร บอกตรงๆว่าฉันห่วง
เหลือเกิน สัญญากับฉันนะหนูเล็ก”
สุริยงมองหน้าไข่แล้วก็พูดเบาๆ
“คุณพ่อรักไก่กับไข่มากนะลูก”
ไข่งัวเงีย ตอบกลับมา
“ไข่ก็รัก.คุณพ่อกับแม่หนูเล็กครับ”
พูดจบก็ผล็อยหลับไปต่อ สุริยงถึงกับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เอ็นดูในความน่ารักของลูกชายแฝด
คนเล็ก
“รักบ้า รักบออะไร อรไม่เชื่อว่านังนั่น มันจะรักไอ้เด็กแฝดจริงๆ ที่ทำเป็นหวงก้างเพราะหวังจะกินเงิน
ปันผลหล่ะสิ ปีๆนึง ได้ตั้งไม่รู้กี่ล้าน”
อรทัยยืนโวยวายเสียงดังอยู่กลางห้องทำงานของเอื้อ ในขณะที่อัมพิกานั่งวางท่าดุจนางพญาอยู่อีกมุม
ไม่ห่างกัน ส่วนเอื้อนั่งอยู่ที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน สองสาวอยู่ในชุดนอน ส่วนเจ้าของห้อง อยู่ในชุดทำงาน
อรทัยโวยวายต่อ
““ทำมาเป็นเอาคุณพ่อมาอ้าง ไม่ขายเพราะเจ้าสัวสั่งไว้ เชอะ มันจะเก็บไว้กินเองหล่ะสิ”
เอื้อรีบตัดบท
“เขาจะเก็บไว้ทำอะไร มันก็เรื่องของเขา แต่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ขาย เพราะในพินัยกรรม
ระบุไว้ให้เขาเป็นผู้ดูแลไก่กับไข่ พี่อัมกับอรอยากให้ผมไปถาม ผมก็ถามให้ แต่ผมไม่มีอำนาจไปบีบบังคับหนูเล็ก”
“แต่พี่มี”
อัมพิกาประกาศกร้าว ทำเอาทั้งเอื้อ และอรทัย หันขวัย
“ถ้าเอื้อทำไม่ได้ พี่ก็จะทำเอง ไม่ว่ายังไงพี่ก็จะต้องเอาหุ้นของธนาคารคืนมาจากไอ้เด็กสองคน
นั้นให้ได้ นังสุริยง สุริยาวดี หรือนังหนูเล็ก ไม่ว่ามันจะมีสักกี่ชื่อ มันจะต้องถอนชื่อออกไปจากสมบัติของตระกูลเรา”
อัมพิกาเชิดหน้าอย่างดูถูกสุริยง ก่อนที่จะประกาศิตเสียงดัง
“พี่จะต้องเอามันออกไปจากรัตนชาติให้ได้”
อรทัยยิ้มพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ในขณะที่เอื้อมองพี่กับน้องแล้วก็ส่ายหน้า
เกนหลงอยู่ในชุดเปรี้ยวเก๋ และเท่ๆ ในสไตล์ working woman เปิดสปีคเกอร์โฟนในรถ รับสายของ
เขมชาติ
“ว่าไงคะ...เจ้านาย” หญิงสาวแสร้งทำเสียงล้อเลียน
เขมชาติยิ้มกว้างอารมณ์ดี
“วันนี้เรามีนัดกันนะครับ”
เกนหลงพูดมาทางปลายสาย
“ทราบค่ะ เกนไม่ใช่คนขี้ลืมสักหน่อย ใกล้จะถึงแล้วค่ะ เจ้านายใจเย็นๆ รอนิดนึงนะคะ”
เขมชาติยิ้มพอใจ ระหว่างที่เกนหลงพูด เขมชาติก็คิดแผนร้ายบางอย่างแว่บเข้ามา เขาจึงถือแฟ้ม
“เอกสารด่วน” แล้วก็เดินออกไปหน้าห้อง
สุริยง กำลังเตรียมเอกสารชุดอื่นๆที่วิเวียนเอามาให้เข้าแฟ้ม ในจังหวะเดียวกับที่เขมชาติ เดินออกมา
พร้อมกับพูดโทรศัพท์เสียงหวาน
“ผมรอได้อยู่แล้วครับ รอมาตั้งหลายปี รอต่ออีกแค่ไม่กี่นาทีสบายมาก”
สุริยง ที่กำลังก้มหน้าทำงานอยู่ ถึงกับชะงัก พลางเงยหน้าขึ้น เห็นเขมชาติคุยโทรศัพท์อยู่
เขมชาติ จงใจยืนคุยโทรศัพท์ต่อหน้าสุริยง พร้อมตั้งใจทำเสียงหวานอย่างมีความสุข
“คุณเกนไม่ต้องรีบนะครับ เดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุ ค่อยๆขับมานะครับ ตำแหน่งเลขาของผมรอคุณเกน
ได้เสมอ แล้วเจอกันครับ”
เกนหลงยิ้มรับ “ค่ะ” ก่อนที่จะวางสาย และขับรถมุ่งหน้าไปอย่างมีความสุข
เขมชาติเอง ก็ยิ้มมีความสุขไม่แพ้กัน จากนั้นก็กดวางสาย พลางหันมาทางสุริยง แล้ววางหน้านิ่ง เข้ม
ขึ้นมาทันที ต่างจากเมื่อครู่กันคนละขั้ว จากนั้นก็โยนแฟ้มเอกสารลงตรงหน้าสุริยง
“เซ็นแล้ว ส่งให้วิบูลย์ได้เลย”
“ค่ะ”
สุริยงรับคำ เขมชาติออกคำสั่งต่อ
“คุณเกนหลงกำลังมา เตรียมตัวต้อนรับให้ดี ถ้ามีอะไรทำให้คุณเกนหลงต้องอารมณ์เสียแม้แต่นิดเดียว
เก็บของออกไปจากที่นี่ แล้วอย่ากลับมาให้ผมเห็นหน้าอีก”
เขมชาติสั่งแล้วก็เดินกลับเข้าห้องไปอย่างสะใจ สุริยงรับคำไล่หลังไป พร้อมๆ กับที่เขมชาติปิดประตูใส่
สุริยงเสียงดังปัง
เมื่อเข้ามาภายในห้องทำงาน เขมชาติ ก็ยิ้มนิดๆ สะใจแบบร้ายๆ ในขณะที่สุริยงส่ายหน้า พลางจะก้ม
หน้าทำงานต่อ พลันโทรศัพท์ดังขึ้น สุริยงหันไปรับ
“สวัสดีค่ะ..บริษัทเขมชาติค่ะ”
วนิตา ที่อยู่ทางปลายสายพูดห้วนๆ
“ขอสายคุณเขม”
“จะให้เรียนว่า...จากใครคะ?”
อ่านต่อหน้า 2
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 4 (ต่อ)
“วนิตา” ขับรถมาจอดที่หน้าบริษัทขงเขมชาติ ก่อนที่จะก้าวลงจากรถอย่างมั่นใจ ในเครื่องแต่งกายที่เปรี้ยวจัด ทันสมัยจ๋า
“บอกเขมว่า.. “วานิต้า” ต้องการจะพูดด้วย”
-วนิตายิ้มมั่นใจสุริยงชะงักนิดๆกับชื่อ ก่อนจะรับคำ
“สักครู่ค่ะ” พลาง กดต่อเข้าไปในห้องเขมชาติ “ผู้อำนวยการคะ คุณวานิต้าต้องการเรียนสาย”
หากยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียงเขมชาติทางปลายสายก็ตวาดกลับมา น้ำเสียงหงุดหงิดเต็มที่
“บอกเขาว่าผมไม่อยู่ ถ้าเขาโทร.มาอีกก็บอกไปเลยว่าผมหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ผมไม่อยากคุย
ด้วย”
สุริยงงง ในขณะที่เขมชาติ ที่นั่งอยู่ในห้องหงุดหงิด
“เป็นเลขา หัดใช้วิจารณญาณพิจารณาด้วยนะ ว่าผมควรจะพูดกับใคร ไม่พูดกับใคร ไม่ใช่ว่าส่งสาย
มามั่วๆ”
จากนั้นก็กระแทกหูโทรศัพท์อย่างแรง จนสุริยงสะดุ้งนิดๆ
“จะรู้มั้ยเนี่ย ?” จากนั้นก็กดสายกลับไปหาวนิตา “ คุณวานิต้าคะ ตอนนี้ผู้อำนวยการติดประชุม ไม่
สะดวกรับสายค่ะ”
วนิตา ที่กำลังจะเดินเข้ามาในบริษัทยักไหล่นิดๆ ก่อนตอบ
“ไม่เป็นไร ฉันไปนั่งรอในห้องทำงานเขมก็ได้ ฉันอยู่หน้าบริษัทแล้ว กำลังจะเดินเข้าไป”
จากนั้นวางสาย ก่อนที่จะเดินเข้าไปในบริษัทอย่างมั่นใจ
ที่ด้านหลังวนิตา มีรถตู้จอดเรียงกัน 3 คัน เห็นกลุ่มแม่บ้านใส่เสื้อเหมือนกัน มีป้ายติดข้างรถว่า
“กลุ่มแม่บ้านเยี่ยมชมการผลิตผ้า โรงงานเขมชาติ คันที่ 1” ต่อด้วย 2 และ 3 ตามลำดับ
รถของเกนหลงแล่นเข้ามาจอดที่ข้างๆ รถตู้นั่นเอง เธอเดินลงมาจากรถอย่างสวยงาม ความสวย สง่า
ของเกนหลง ดึงดูดสายตาของกลุ่มแม่บ้าน ให้หันมามองด้วยความชื่นชม
เกนหลงอ่านป้ายที่ติดอยู่ข้างรถ
“พากลุ่มแม่บ้านไปเยี่ยมชมโรงงาน อื้อ..กู๊ดไอเดียนะเนี่ย”
เกนหลงหันไปยิ้มให้กับแม่บ้านอย่างเป็นมิตร ก่อนจะหันหน้าเดินเข้าไปในบริษัท
สุริยงนิ่งคิด จากนั้นก็ตัดสินใจกดโทรศัพท์หามาลัยทันที
“สุนะคะพี่มาลัย พี่มาลัยรู้จักแขกผู้อำนวยการที่ชื่อ “วานิต้า” มั้ยคะ “
มาลัยตอบอย่างรวดเร็ว “รู้จักค่ะ”
“เขาเป็นใครคะ ?” สุริยงซักต่อ ในขณะที่คนที่กำลังถูกพูดถึงกำลังเดินเข้ามาในบริษัท พร้อมกับ
วางท่าราวกับเป็นบริษัทของตัวเอง
“เป็นดีไซเนอร์ที่พยายามจะติดต่อขอใช้ผ้าของบริษัทเพื่อเอาไปใช้ในงานออกแบบเสื้อผ้าของร้านเธอ
แต่คุณเขมไม่ค่อยปลื้ม และมาลัยคิดว่าเธอใช้เรื่องงานเป็นข้ออ้างมาตีสนิทคุณเขมค่ะ และที่สำคัญ ยัยวานิต้าเนี่ย ชอบ
ให้ข่าวว่าสนิทกับคุณเขมด้วยนะคะ”
สุริยงพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ขอบคุณค่ะ พี่มาลัยคะ สุจะรบกวนขอความช่วยเหลือจากพี่หน่อยค่ะ”
สุริยงรีบพูดเร็ว ด้วยความร้อนใจ
อีกมุมหนึ่งของบริษัท เกนหลงก็กำลังเดินตรงเข้ามาในบริษัท พลางมองไปรอบๆอย่างพิจารณาและชื่นชม เกนหลงยืนอยู่ไม่ไกลจากวนิตามากนัก ทว่าอยู่กันคนละมุม จึงมองไม่เห็นกัน
ทันใดนั้นเองเสียงมาลัยก็ดังขึ้น
“คุณวานิต้าสวัสดีค่ะ”
เกนหลงชะงักนิดๆ
“วานิต้า”
เกนหลงก็ยิ้มนิดๆ แล้วก็ตั้งท่าจะเดินตรงไปที่ต้นเสียง ในขณะเดียวกัน วนิตา ก็หันมามอง
มาลัยเชิดๆ
“ฉันมาหาคุณเขม”
ในขณะที่ เกนหลงกำลังจะเดินไปหาวนิตา ในทันใดนั้นเสียงสุริยงก็เรียกขึ้นเบาๆ
“คุณเกนหลงคะ”
เกนหลงชะงักหันมามองที่สุริยงยืนอยู่ไม่ไกล เกนหลงแปลกใจ สุริยงยิ้มอย่างเป็นมิตรมองเกนหลง
ด้วยความชื่นชม
“ท่านผู้อำนวยการรออยู่ค่ะ...เชิญทางนี้เลยค่ะ”
“เอ๊ะ ? .. แต่ห้องเขม ... “
เกนหลงยังไม่ทันพูดจบ วนิตา ที่ได้ยินเสียงเหมือนผู้หญิงพูดถึงเขมชาติ ก็ชะงักพลางหันขวับมาทาง
ต้นเสียง พลางตั้งท่าเดินพุ่งไป ทว่ามาลัยรีบเรียกไว้
“คุณวานิต้าคะ...คุณวานิต้า”
ในอีกมุมหนึ่ง สุริยงรีบบอกเกนหลง
“ทางนี้ปลอดภัยกว่าค่ะ” พลางรีบผายมือไปทางบันไดลับ “เชิญค่ะ”
เกนหลงมองหน้าสุริยง ฝ่ายหลังมองตอบด้วยแววตาขอร้อง เกนหลงเหมือนสัมผัสได้ ก็ยิ้มและยอม
เดินไปแต่โดยดี
สุริยงเดินนำไปเปิดประตูทางลับ เกนหลงเดินเข้าไป สุริยงเดินตามและรีบปิดประตู วนิตาที่โผล่หน้ามา
จึงไม่เห็นใคร มาลัยรีบพุ่งเข้ามาประกบ
“คุณวานิต้าคะ....คุ... “ พอเห็นว่าไม่มีใครก็ยิ้มโล่ง
“เมื่อกี๊ฉันได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกัน เสียงเหมือนยัยเกนหลงเลย” วนิตายังข้องใจ
“อู๊ย ไม่มีหรอกค่ะ คุณคงหูฝาด คุณวานิต้าจะมารอพบคุณเขมใช่มั้ยคะ ? พอดี๊พอดี คุณเขมไม่ได้อยู่
ที่นี่ค่ะ มาลัยจะพาไปหาคุณไปรอคุณเขมอีกทีนึงนะคะ เชิญค่ะเชิญทางนี้เลยค่ะ”
มาลัยยิ้มเดินนำไป วนิตาแปลกใจนิดๆ แต่ก็ยอมเดินตามไปแต่โดยดี
สุริยงพาเกนหลงไปทางบันไดลับอย่างชำนาญ เกนหลงเดินตามไปแอบงงนิดๆ จนกระทั่งเดินมาถึง
ที่หน้า ห้องเขมชาติ
“เชิญค่ะ”
สุริยงเดินนำมาถึงที่หน้าห้อง กำลังจะโทร.หาเขมชาติ เพื่อรายงานว่า
“ดิฉันจะเรียนผู้อำนวยการว่าคุณเกนหลงมาถึงแล้วนะคะ”
“เดี๋ยวค่ะ” เกนยิ้ม “เพิ่งรู้ว่าเลขาเขม..นอกจากจะทำงานปกติแล้ว ยังต้องคอยสับรางรถไฟให้อีกด้วย”
“ อย่าเรียกว่าสับรางเลยค่ะ เรียกว่าคัดสรรคนที่เจ้านายอยากพบ หรืออยากให้เข้าพบดีกว่า
ผู้อำนวยการกำชับให้ดิฉันดูแลคุณเกนหลงอย่างดี เพราะคุณคือคนที่สำคัญที่สุด ส่วนคุณวานิต้า ไม่ใช่ ดิฉันแค่ทำ
ตามหน้าที่ค่ะ”
สุริยงตอบตามความจริง เกนหลงยิ้มพอใจในคำตอบที่ชัดเจนแต่สุภาพอยู่ในที สุริยงยิ้มรับนิดๆ อย่าง
ถ่อมตัวก่อนจะหันไปโทรศัทพ์
“ผู้อำนวยการคะ..คุณเกนหลงมาถึงแล้วค่ะ”
เกนหลงมองสุริยงแล้วก็ยิ้มถูกชะตา สุริยงวางสายแล้วก็เดินมาเคาะ ก่อนจะเปิดประตูห้องทำงาน
เขมชาติ
“เชิญค่ะ”
ประตูเปิดออก เขมชาติยืนรออยู่หันมายิ้มให้เกนหลง เกนหลงยิ้มตอบ..แล้วก็เดินเข้าไปในห้อง
เขมชาติ มองเกนหลง พลางเอ่ยชม
“วันนี้คุณสวยมาก อยากเลื่อนตำแหน่งจากเลขาให้มาเป็นภรรยาเร็วๆจัง”
เขมชาติตั้งใจพูดให้สุริยงได้ยิน หากหญิงสาววางหน้านิ่งไม่รู้สึกอะไรกับคำนี้ ทั้งที่ลึกๆ แอบเศร้านิดๆ แต่ไม่แสดงออก ในขณะที่เกนหลงยิ้มเขินๆ ขำๆ
ยามนี้ เขมชาติ เกนหลง และ สุริยง ยืนอยู่ในตำแหน่งที่เป็นสามเหลี่ยมพอดิบพอดี เหมือนความรักที่ซ่อนเร้น พัวพัน ได้เริ่มขึ้นแบบประจัญหน้าเสียที!!!
วิเวียน ทำหน้าที่คอยต้อนรับกลุ่มแม่บ้าน และนำให้ทยอยขึ้นรถตู้อยู่ด้านหน้าบริษัท
“เชิญเลยค่ะ พี่ๆน้าๆ ป้าๆ คะ ขึ้นรถเลยนะคะ ถ้าพร้อมแล้วจะได้รีบไปที่โรงงาน เราใช้เวลาเดินทาง
ประมาณหนึ่งชั่วโมงไม่นานค่ะ เชิญค่ะ”
วนิตา ที่ยืนอยู่กับกลุ่มแม่บ้าน ยืนทำหน้าหงิกงอ พลางหันมาถามมาลัยที่ยืนอยู่ข้างๆ
“นี่ คุณเขมอยู่ที่โรงงานจริงๆเหรอ เมื่อกี๊ฉันโทร.คุยกับยัยเลขา ไม่เห็นบอกสักคำ”
“คุณเขมเพิ่งจะขับรถออกไปเมื่อครู่นี้เองค่ะ ไปรอกลุ่มแม่บ้านอยู่ที่โน่น รับรองว่าถ้าไปถึงโรงงาน เจอ
คุณเขมแน่นอนค่ะ” มาลัยกุเรื่องเป็นตุเป็นตะ
วนิตาลังเล มาลัยลุ้นจนตัวโก่ง
“ไปมั้ยคะ ?”
“ไปก็ได้ ถ้าไปแล้วไม่เจอ ฉันจะกลับมาเล่นงานพวกเธอ”
วนิตาโวยวายแล้วก็กระฟัดกระเฟียดขึ้นรถไป มาลัยกับวิเวียนหันมามองหน้ากันพร้อมกับหัวเราะ
คิกคัก
“ให้ดิฉันสอนงานคุณเกนหลงเหรอคะ ?”
สุริยงถามด้วยความสงสัย ในมือถือถาดที่มาเตรียมเสิร์ฟน้ำและกาแฟด้วย เกนหลงนั่งอยู่ไม่ไกล มอง
สุริยงยิ้มๆ เขมชาติยืนห่างออกไปกอดอก
“ใช่”
“ เอ่อ..แต่ดิฉันก็เพิ่งเริ่มงาน ยังไม่รู้อะไรมาก”
เขมชาติมองหน้าตาดุ สุริยงเห็นแล้วก็จำใจต้องรับปาก
“ ได้ค่ะ ดิฉันจะถ่ายทอดงานทุกอย่างที่ทราบให้คุณได้มากที่สุดค่ะ”
เกนหลงมองเขมชาติแววตาแปลกใจนิดๆ แต่ไม่พูด หันมายิ้มให้สุริยง
“ขอบคุณค่ะ”
“ ไม่ทราบว่าคุณเกนหลงจะมาเริ่มงานเมื่อไหร่คะ ?”
เขมชาติหันมาทางเกนหลง พูดอ้อนๆ กัน 2 คน ราวกับสุริยงเหมือนเป็นคนนอก
“วันนี้ไม่ได้ พรุ่งนี้เลยนะ”
เกนหลง หันขวับมา
“พรุ่งนี้ก็ ไม่ได้ ยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย”
เขมชาติสวนต่อ “อาทิตย์หน้า”
เกนหลงไม่ยอมแพ้ “เร็วไป”
“แล้วเมื่อไหร ?”
“เดือนหน้า” เกนหลงตอบเสียงดังฟังชัด
“โหย ใจร้าย”
“ก็คุณเอาแต่ใจ ต้องโดนขัดใจซะบ้าง จะได้ไม่เคยตัว”
เขมชาติ ถึงกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“โอเคครับ ผมยอมแพ้ คุณเกนอยากมาเริ่มงานเมื่อไหร่ก็ตามสบายครับ ผมไม่เอาแต่ใจแล้ว”
สุริยงมองสองคนคุยกันแล้วก็ยิ้ม พลอยมีความสุขไปด้วย เขมชาติหันมาเห็นตอนสุริยงยิ้ม
พอดี
“ช่วงเดือนแรก เกนคงจะเข้าบ้าง ไม่เข้าบ้าง ถ้าวันไหนมาจะโทรบอกนะคะ”
สุริยงยิ้มรับ “ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ อุ๊ย เขมคะ เกนต้องรีบไปแล้วค่ะ มีนัดสัมภาษณ์ตอนบ่ายโมง เดี๋ยวไม่ทัน” หันมาทาง
สุริยง “แล้วพบกันค่ะคุณสุริยง”
สุริยงยิ้มรับ “สวัสดีค่ะ”
เขมชาติมองท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของสุริยงก็หงุดหงิดใจ โพล่งขึ้น
“ผมไปด้วยนะครับคุณเกน” พลางจับแขนเกนหลงเดินมาที่หน้าห้อง “วันนี้ผมขอเป็นบอดี้การ์ด
ตอบแทนที่แวะมาหา จะให้ผมทำอะไร บัญชามาได้เลยครับ”
“โอเคเลยค่ะ” เกนหลงยิ้มรับ
ทั้งสองคนเดินออกมาที่หน้าห้อง พลันเขมชาติ ก็ทำเป็นนึกได้
“เกนครับ ผมลืมของ รอแป๊บนึงนะครับ”
จากนั้นเขมชาติเดินกลับเข้าไปในห้องอีกที
เขมชาติเปิดประตูเข้ามา ในขณะที่สุริยงกำลังเก็บแก้วใส่ถาด เธอตกใจนิดๆ
“เมื่อกี๊ยิ้มอะไร?”
สุริยง หันมามองงงๆ
“ ผมเห็นว่าคุณยิ้ม บอกมายิ้มทำไม”
“ดิฉันเห็นผู้อำนวยการอยู่กับคุณเกนหลงแล้วมีความสุข แล้วดิฉันก็ยิ้ม”
“ผมไม่เชื่อ จะสร้างภาพเป็นคนดีกับคนอื่นก็ทำไป แต่ไม่ต้องมาทำกับผม ยิ่งมาทำเป็นคนดี ปั้นหน้า
ซื่อ แสนอ่อนหวาน ผมยิ่งอยากจะอาเจียน”
สุริยงมองหน้าเขมชาติ อารมณ์เริ่มจะขึ้น แต่พยายามกลั้นสะกดไว้ ก้มหน้าเงียบไม่ต่อปากต่อคำ
“ถ้าวันนี้ คุณยิ้มเพราะเห็นผมมีความสุข วันนั้น.คุณจะทำแบบนั้นกับผมทำไม”
สุริยงสะดุดกึก เงยหน้ามองเขมชาติ สายตาสองคู่ปะทะกันอย่างจัง..
“เก็บรอยยิ้มเสแสร้งของคุณไว้ใช้กับคนอื่น มันทำอะไรผมไม่ได้ ถ้าอยากให้ผมมีความสุขจริงๆ ง่าย
มาก เมื่อไหร่ที่คุณมีความทุกข์อย่างแสนสาหัส ผมจะมีความสุขที่สุด”
เขมชาติพูดเสียงเหยียด พร้อมกับยิ้มทิ้งท้ายด้วยความสะใจ จากนั้นก็เบือนหน้าเชิดใส่ แล้วหันมาเปิด
ประตูออกไป ทันทีที่ประตูเปิดออก เขมชาติยิ้มกว้างให้เกนหลงอย่างมีความสุข
สุริยงออกมาจากห้อง เห็นเกนหลงเดินคุยกับเขมชาติไปอย่างสดใส ร่าเริง
สุริยง พูดกับตัวเองเบาๆ
“ฉันยิ้ม เพราะฉันดีใจกับคุณจริงๆนะคะเขมชาติ ยินดีด้วยจริงๆ”
สุริยงยิ้มโล่งๆ ราวกับกับหมดห่วง หมดภาระแล้ว หญิงสาวไม่รู้เลยว่าภาระทั้งหมด ยังไม่หมดง่ายๆ
ที่ด้านหน้าโรงงาน วิเวียนเดินนำขบวนแม่บ้าน มุ่งหน้าไปห้องโชว์รูม
“เชิญเลยค่ะ เชิญเข้ามาด้านในเลยค่ะ วันนี้เรามีวิทยากรกิตติมศักดิ์นำชมโรงงาน ตอนนี้ท่านรออยู่
ด้านในแล้วค่ะเชิญค่ะ”
สิ้นเสียง วนิตาก็แหวกกลุ่มแม่บ้านออกมา พร้อมกับส่งเสียงแจ๋น
“คุณเขมใช่หรือเปล่า ?”
“เอ่อ” วิเวียนอึกอัก วนิตาถามย้ำ
“คุณเขมอยู่ข้างในใช่มั้ย..หลบไปเดี๋ยวนี้ “ พลางรีบเดินแหวกกลุ่มแม่บ้านอกมาทันที
“หลบหน่อยสิ. เกะกะจริงๆ หลบๆ โอ้ย หุบร่มหน่อยสิ ทิ่มหน้า ทิ่มหัวฉันหมดแล้ว”
วนิตาโวยวายเสียงดัง ก่อนจะรีบเดินพุ่งตรงไปที่โชว์รูมทันที
“คุณเขมคะ”
วนิตาส่งเสียงนำมา ก่อนจะผลักประตูโชว์รูมอย่างตื่นเต้น
สมคิด ที่ยืนยู่กลางห้องหันขวับมา สองคนเผชิญหน้ากัน
“ ที่นี่ไม่มี “คุณเขม” มีแต่ “คุณคิด” แทนกันได้มั้ยครับ ?”
“ไม่ได้ ! แก่ขนาดนี้ ฉันจะเอาไปทำปุ๋ยหรือไงหะ ?”
วนิตาตะคอกใส่หน้าสมคิด
“ถึงจะเอาไปทำปุ๋ย ก็เป็นปุ๋ยชีวภาพนะครับ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”
สมคิดเล่นมุก ในขณะที่วนิตาหน้าตูม
“ไม่ขำ”
สมคิดสะดุ้ง วนิตา โวยวายต่อ
“บอกมานะว่าเขมอยู่ที่ไหน?”
อ่านต่อหน้า 3
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 4 (ต่อ)
ที่ด้านหลังวนิตา วิเวียน ก็เดินนำกลุ่มแม่บ้านเข้ามา
“เชิญค่ะ เชิญเข้ามาเลยค่ะ คุณสมคิด รองกรรมการผู้จัดการรอต้อนรับทุกท่านอยู่แล้วค่ะ”
วนิตา หันขวับ กลับมามาทางวิเวียน
“ตกลงอีตาลุงเนี่ย เป็นคนรอต้อนรับแล้ว คุณเขมอยู่ที่ไหนหะ ? นี่บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
วิเวียนอึกอักๆ แม่บ้านเริ่มจับกลุ่มกระจายกันไปนั่งตามเก้าอี้ที่เตรียมไว้ สมคิดรีบเดินเข้ามาช่วย
“คุณเขม ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกครับ และก็ไม่ได้แจ้งว่าจะมาด้วย ผมว่าคุณคงจะมาเสียเที่ยวแล้วหล่ะ
ครับ”
วนิตาหันขวับมา
“หะ ? ไม่จริง ก็ยัยเลขาป้าแว่นแล้วก็ยัยเด็ก” พลางหันมา แต่วิเวียนหายวับไปแล้ว “อ้าว เฮ้ย !
หายไปไหนแล้ว ?”
ในขณะเดียวกัน วิเวียนที่วิ่งหนีแน่บออกมาจากห้อง ก็หัวเราะคิกคัก
วนิตาเงยหน้ามาเห็น ก็กรีดร้องเสียงดัง
“อร๊ายยยยย”
สมคิดสะดุ้ง แม่บ้านหันมามอง
“นังเด็กบ้า นี่แกหลอกฉันมาทิ้งที่นี่เหรอหะ ? คอยดูนะ ฉันจะไปฟ้องคุณเขม”
สมคิด แทรกขึ้นทันที
“หาตัวคุณเขมให้เจอก่อนนะครับ แล้วค่อยฟ้อง”
วนิตาอ้าปากจะกรี๊ดอีกรอบ สมคิดรีบยกมือห้าม
“อย่าเพิ่งครับ ที่นี่ต้องการความสงบ” พลางรีบเปิดประตูให้ “เชิญกรี๊ดข้างนอกครับ”
วนิตาหน้าบูดบึ้ง นึกด่าอยู่ในใจ ครั้นเห็นกลุ่มแม่บ้านหันมามองแล้วก็ยิ่งเสียหน้า ก็เลย
ทำกระฟัดกระเฟียดกระทืบเท้าเดินออกไป สมคิดรีบปิดประตูแต่ยังไม่ทันจะปิดสนิทดี เสียงวนิตาก็ดังรอดเข้า
มาอย่างดัง
“อร๊าย”
สมคิดสะดุ้งโหยง
เกนหลงกำลังโพสต์ท่าถ่ายแบบสำหรับโฆษณาเครื่องสำอางแบรนด์เนมยี่ห้อดัง เธอเปลี่ยนชุด
หลายแบบ ทั้งชุดลำลอง ชุดเล่นกีฬาโชว์หุ่นฟิตเปรี้ยะ ชุดราตรีสั้น และชุดราตรีหรูหรา อลังการ จนมาถึงชุดสบายๆ
แอบเซ็กซี่เล็กๆ โพสต์ท่าพร้อมกับให้สัมภาษณ์อยู่ที่มุมหนึ่งของสวน มองออกไปเห็นต้นไม้สดชื่น
เกนหลงนั่งให้สัมภาษณ์ในอยู่ในอิริยาบถสบายๆ คนสัมภาษณ์ไม่รีรอที่จะยิงคำถามทันที
“เครื่องสำอางชุดใหม่ของเราคือ Magic touch ถ้าให้คุณเกนมีพลังวิเศษได้หนึ่งอย่าง คุณเกนอยาก
ได้พลังอะไรคะ?”
เกนหลง นิ่งคิด ก่อนจะตอบยิ้ม
“พลังพิเศษเหรอคะ .... อืม”
พลางหันไปมองด้านหลังคนสัมภาษณ์ เห็นเขมชาตินั่งรออยู่ในห้องกระจกห่างออกไป เขมชาตินั่งเหม่อ
มองออกไปที่สนามอีกด้าน เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“อยากมีพลังในการเข้าไปในจิตใจของคนได้ค่ะ อยากมีสัมผัสพิเศษที่มองเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในความคิด..
ในแววตา ในคำพูดของผู้คน ถ้าเรารู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่จริงๆ มันจะทำให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้นมากๆ”
“ง่ายยังไงคะ ?”
“ก็อย่างเช่น “ มองที่คนสัมภาษณ์ “ถ้าเกนมีพลังพิเศษเข้าไปในใจพี่ เกนก็จะรู้ว่า พี่กำลังคิดว่า อยาก
ให้เกนรีบๆตอบ พี่จะได้รีบกลับไปถอดเทป เลือกรูป ส่งบอกอ . แล้วก็ไปเที่ยวต่อกับเพื่อน”
คนสัมภาษณ์ยิ้ม เกนหลงพูดต่อ
“ถ้าเกนรู้ เกนก็จะได้รีบๆตอบ พี่ก็จะได้ทำในสิ่งที่พี่ต้องการ มันง่ายขึ้นเห็นๆ”
ทีมงานที่ที่ยืนอยู่แถวนั้นพยักหน้าเห็นด้วย เกนหลงพูดต่อยิ้มๆ
“แต่ในเมื่อเราไม่มีพลังวิเศษจริงๆ”
พลางมองผ่านไปที่เขมชาติด้านหลัง “เราก็ไม่มีวันรู้ว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจเขา มันคืออะไรกันแน่”
จากนั้นก็เบนสายตากลับมา “ทำให้คิดว่าการได้อยู่กับคนที่ไม่ซับซ้อน ไม่มีอะไรซ่อนเร้น และ
ตรงไปตรงมา คือสิ่งที่ดีที่สุด แต่ก็ยังหาไม่เจอนะคะ “
เกนหลงจบประโยคพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้วี่แววเศร้ารันทด หรือโหยหา แต่ก็ดไม่ได้ที่
จะคิดถึงใครสักคนที่จะเข้ากับคุณสมบัติที่กล่าวมา
เอื้อเดินเข้ามาในบ้านสุริยง ในมือถือลูกบอลลูนสีๆ รูปซูเปอร์ฮีโร่เข้ามาด้วย โดยมีอาทิตย์เดินตามเข้า
มา
“พี่เอื้อ”
ไข่ตะโกนลั่น พลาง รีบวิ่งลงมาจากข้างบน มาถึงเอื้อก็พุ่งตัวเข้าใส่อย่างเต็มแรง
“โห แรงเยอะนะเนี่ย”
นภา ที่กำลังช่วยกันเรียงขนมใส่กล่อง โดยมีชื่นเป็นผู้ช่วยอยู่ใกล้ๆ เอ็ดหลานชายเบาๆ
“ไข่เบาๆสิลูก พี่เอื้อถือของเต็มไม้เต็มมือจะอุ้มเราได้ยังไง ลงมาๆ”
ไข่คว้าคอเอื้อไม่ปล่อย
“โห คุณยาย ก็ไข่คิดถึงพี่เอื้อนี่ครับ”
พลางหันมาถามเสียงใส “พี่เอื้อครับ ลูกโป่งสวยจัง ของใครครับ “ พลางทำหน้าเจ้าเล่ห์
ชื่นชิง ตอบแทน “ของคุณไก่ค่ะ”
ไข่ ทิ้งตัว จนแทบร่วงจากแขนเอื้อ
“โห ทำไมพี่ไก่ได้ลูกโป่ง รู้งี้ เป็นไข้ตัวร้อนจี๋บ้างดีกว่า”
อาทิตย์ นภา ชื่น พากันขำในความเจ้าเล่ห์ของไข่ แล้วก็ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู
“ไม่ป่วยก็ได้ครับ แต่ไม่ใช่ลูกโป่ง”
เอื้อพูด พลางหยิบลูกบอลในถุงออกมา “เป็นลูกบอลแทน โอเคมั้ย?”
ไข่ตาโต
“เย้ โอเคครับ ขอบคุณครับ” พลางยกมือไหว้อย่างสวย แล้วก็คว้าลูกบอลมา ก่อนจะหันมาทาง
อาทิตย์ “คุณตาครับ ไปเตะบอลกัน”
พูดจบ ไข่ก็กระโดดลงจากเอื้อ แล้วก็วิ่งออกไปเลย
“หะ? ไปเตะบอลตอนนี้เนี่ยนะ? มันร้อนนะลูก” อาทิตย์ตะโกนไล่หลัง
“ไข่ไม่กลัวร้อนครับ”
“ไปก็ไป ตามสบายนะครับคุณเอื้อ”
นภา หันมาสั่งความ
“ชื่นเอาร่ม แล้วตามคุณผู้ชายออกไปดูตาไข่ไป”
“ค่ะ “
เอื้อมองตามยิ้มๆ ก่อนจะหันมาพูดกับนภา
“แล้วนายไก่อยู่ไหนครับ?”
ในขณะที่คนที่ถูกถามถึง กำลังนอนพลิกไปพลิกมาแล้วก็ไอแค่กๆ อยู่ในห้อง ข้างๆ มีเครื่องฟอก
อากาศวางอยู่ พลันประตูห้อง ก็ถูกเปิดออก พร้อมๆ กับที่ลูกโป่งค่อยๆโผล่เข้ามา ไก่ตกใจ ลุกขึ้นนั่ง ตาโตวาว
“พี่เอื้อ”
เอื้อโผล่เข้ามาทำหน้าเซ็ง
“รู้ได้ไงเนี่ย?”
“ก็พี่เอื้อ..ชอบเล่นเป็นเด็กๆ ก็ต้องเป็นพี่เอื้อแน่ๆ”
เอื้อขำ พลางเดินมาหา พร้อมกับส่งลูกโป่งให้
“หายไวๆนะครับ คนเก่ง”
ไก่ยกมือไหว้ เอื้อวางลูกโป่งไว้ข้างเตียง
“ขอบคุณครับ พี่เอื้อครับ คุณยายบอกให้ไก่นอนเยอะๆ จะได้หายไวๆ แต่ไก่นอนไม่หลับอ่ะครับ”
“นอนไม่หลับเหรอ ทำไงดี”
ไก่ตอบสวนขึ้น“ เกาหลัง”
“หะ ?”
ไก่พูดหน้าซื่อๆ “ก็เวลาไก่นอนไม่หลับ แม่หนูเล็กจะเกาหลังให้ แล้วไก่ก็จะหลับ พี่เอื้อเกาหลังให้ไก่
หน่อยนะครับ” พูดจบก็หันหลังให้พี่ชายต่างมารดาทันที
เอื้อมองท่าหันหลังอย่างตั้งใจแล้วก็ยิ้มๆ
“โอเค ได้ครับ”
เอื้อเกาเหลาไก่อย่างอบอุ่น
“ซ้ายหน่อยครับ..ขวาครับ..นะ...นะ...นั่นแหละครับใช่เลย”
ไก่เริ่มๆเคลิ้ม เอื้อยิ้ม แล้วก็มองไก่ด้วยความเอ็นดู
ภาพความทรงจำย้อนกลับมาอักครั้ง
"คุณพ่อมีลูกอีก 2 คน ?”
เอื้อเห็นภาพตัวเองยืนอึ้ง ในขณะที่อรทัยโวยวายเสียงแหลม
“เป็นไปไม่ได้ คุณแม่มีเราแค่สามคน และคุณแม่ก็เสียไปตั้งนานแล้ว คุณพ่อจะมีลูกอีกได้ยังไง
หรือว่า เป็นลูกบุญธรรม คุณพ่อไปรับเด็ก ลูกคนอื่นมาเลี้ยงใช้มั้ยคะ”
เอื้อ อรทัย ยืนอยู่ข้างๆ กัน ในขณะที่อัมพิกานั่งหน้าเครียด หากยังรักษาท่าทีอยู่ ชวลิตยืนอยู่อีกฝั่ง
หนึ่ง พ่อ-ลูกเผชิญหน้ากัน
“ไม่ใช่ ! เด็กสองคนนี้เป็นลูกแท้ๆของพ่อ กับภรรยาอีกคน ภรรยาที่ลูกๆไม่เคยรู้”
อรทัยช็อก ในขณะที่เอื้อกับอัมพิกา ยังสงวนท่าที
ชวลิตพยักหน้ามาที่หน้าห้อง เห็นพยาบาลสองคนอุ้มเด็กเข้ามาคนละคน
“วันจักร กับ แววจักร รัตนชาติ ไก่ กับ ไข่ เป็นฝาแฝด..เป็นน้องชายของเราทั้งสามคน”
สามพี่น้องอึ้งกันภาพที่เห็น อรทัยทนไม่ได้ เพราะความที่เป็นลูกคนเล็กมาตลอด
“ไม่จริง ไม่จริง อรไม่ยอมรับ อรไม่มีวันยอมรับไอ้เด็กสองคนนี้มาเป็นคนในครอบครัวของเรา”
อรทัยน้ำตาร่วง ช็อก
“ อรเป็นลูกคนสุดท้อง อรไม่เคยมีน้อง ไม่เคยมี และจะไม่มีวันมีเด็ดขาด”
อรทัยตั้งใจเดินชนพยาบาลอย่างแรง พยาบาลตกใจกอดเด็กไว้แนบอก
ชวลิต ตกใจ “ยัยอร”
อรทัยไม่สน เดินกระแทกส้นออกไปด้วยความโกรธ ในขณะที่อัมพิกาลุกขึ้นยืน แล้วก็เดินมามองหน้า
เด็กสองคน แววตาเย็นชา แล้วก็หันมาพูดกับชวลิต เสียงร้าย นิ่ง
“คุณพ่อปิดเรื่องนี้มานานแค่ไหนแล้วคะ ?”
ชวลิตคิด พลางตอบลูกสาวคนโต
“ก็ ห้า หก ปี .. พ่อเลี้ยงดูแม่ของนายไก่กับนายไข่มาห้า หก ปีแล้ว แต่เขาเพิ่งจะคลอดนายสองคนนี้
เมื่อไม่นาน”
“คุณพ่อเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไม่ให้พวกเรารู้มาห้า หก ปี. คุณพ่อก็เก็บมันไว้ต่อไปเถอะค่ะ อัมจะ
ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น...ไม่ว่าจะเป็นเมียใหม่ หรือ ลูกใหม่ คนเหล่านั้น ไม่มีตัวตนในสายตาอัม”
อัมพิกาพูดอย่างเย็นชา พร้อมกับปรายตามาทางไก่กับไข่อย่างรังเกียจแล้วก็เชิดใส่เดินออกไปอย่างไม่
ไยดี ชวลิตอึ้ง มองตามลูกไปด้วยความเสียใจ พลางค่อยๆหันมาทางเอื้อ ราวกับเป็นความหวังสุดท้าย
เอื้อยืนเครียดอยู่ที่เดิม มองพ่อและมองเด็กสองคนที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อเห็นว่าน้องชายต่างมารดาหลับไปแล้ว เอื้อก็ค่อยๆหยุดเกาหลัง พลางลูบหัวไก่เบาๆ และยิ้มด้วย
ความรักและเอ็นดู
“หายไวๆนะ ไอ้น้องชาย”
เอื้อยิ้มให้ไก่ ด้วยความรู้สึก ที่ ต่างจากวันแรกที่เจอเด็กสองคนนี้อย่างสิ้นเชิง
เขมชาติ หน้าเข้ม หันมาถามเกนหลงเสียงจริงจัง ทั้งคู่อยู่ภายในห้องตีสควอช
“แน่ใจนะ ว่าจะแข่งกับผม “
เกนหลง ที่มัดผมรวบมวย ในชุดออกกำลังกาย ดูเซ็กซี่ ตอบอย่างมั่นใจ
“แน่ใจค่ะ แล้วก็แน่ใจด้วยว่าต้องชนะ”
-พูดจบ เกนหลงก็โยนลูกสควอชแล้วก็หวดอย่างแรง เขมชาติตกใจ
“เฮ้ย เล่นทีเผลอนี่”
เขมชาติรีบวิ่งไปรับ แต่ไม่ทัน.เกนหลงยักไหล่ชนะ เขมชาติหลิ่วตา
เกนหลงนับคะแนนเสียงดัง
“หนึ่ง - ศูนย์”
จากนั้นก็เสิร์ฟต่อ เขมชาติวิ่งไปรับอย่างแม่นยำ ตีอัดเข้ากำแพงแล้วก็คิดแผนเจ้าเล่ห์ เกนหลงรับได้ตี
อัดเข้ากำแพง เขมชาติยิ้มร้ายนิดๆ แล้ววิ่งไปรับพร้อมกับพูดขึ้น
“เมื่อเช้าคุณพ่อคุณโทร.หาผม”
- ได้ผล เกนหลงตกใจ ตีพลาด ได้ผล เขมชาติหัวเราะออกมาอย่างสะใจ
เกนหลง หันมาทำหน้างอน “ขี้โกง”
“ผมไม่ได้ขี้โกง คุณพ่อคุณโทร.หาผมจริงๆ ท่านบอกว่าพรุ่งนี้ลูกเพื่อนสนิทแต่งงาน แต่ท่านต้อง
เดินทางไปต่างประเทศ ท่านเลยขอให้ผมพาคุณไปร่วมงานแทนท่าน”
“แล้วคุณตอบคุณพ่อไปว่ายังไง ?”
“ผมบอกว่า..ผมไม่ว่าง” พลางก็ยิ้ม แล้วชี้ตัวเอง “ศูนย์” จากนั้นก็ชี้เกนหลง “หนึ่ง ผมเสิร์ฟ”
เขมชาติโยนลูกกำลังจะเสิร์ฟ
เกนหลงหลิ่วตาแล้วก็ตอกกลับ
“ไม่ว่างก็ดีค่ะ เพราะเกนนัดคนอื่นไว้แล้ว”
เขมชาติถึงกับเสิร์ฟพลาด พลางหันขวับมา “ใคร ?ผู้ชายหรือผู้หญิง ?”
เกนหลงหัวเราะ
“ล้อเล่นค่ะ ไม่ได้นัดใครทั้งนั้น ถ้าเขมไม่ว่างเกนก็ไปคนเดียว” พลางชี้ตัวเอง “หนึ่ง” แล้วชี้ที่เขมชาติ
ศูนย์ .... ตกลงว่างหรือเปล่าคะ ?”
เขมชาติ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
“สำหรับคุณ ผมต้อง “ว่าง” อยู่แล้ว”
เกนหลงยิ้มรับแล้วก็หันมาเสิร์ฟเลย เขมชาติวิ่งไปรับแทบไม่ทัน
“ คุณเกนรู้หรือเปล่าครับ ว่าเพื่อนคุณพ่อเป็นใคร ?”
เกนหลงตีไป ตอบไป
“ เกนไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว รู้แค่ว่าเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กๆ ตอนนี้เป็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร
รัตนชาติ”
เขมชาติสะอึกกึกชะงักงันกับคำว่า “รัตนชาติ”
ลูกสควอชกระเด้งจากผนังแล้วพุ่งมาพุ่งเข้าท้องเขมชาติอย่างแรง จนเขมชาติจุก
“โอ๊ย”
เกนหลง ตกใจ ร้องเสียงหลง “เขม”
เขมชาติทรุดลงกับพื้น ทั้งจุก ทั้งค้างคาใจ
... “รัตนชาติ” ??
สุริยงขับรถเข้ามาจอด พอลงจากรถแล้วก็แปลกใจ เมื่อเห็นนภา อาทิตย์ และชื่น นั่งกันอยู่ที่ระเบียง
หน้าบ้าน
“คุณพ่อคุณแม่ ชื่น..มายืนทำอะไรกันอยู่ตรงนี้คะ ? ทำไมไม่เข้าไปในบ้าน มีอะไรหรือเปล่าคะ ? “
อาทิตย์ ตอบลูกสาว ด้วยสีหน้าหนักใจ
“มีคนมารอพบลูกอยู่ที่ห้องรับแขก”
สุริยงแปลกใจ...ใคร?
อรทัยนั่งกระฟัดกระเฟียดหงุดหงิดที่รอนาน ในขณะที่อัมพิกานั่งกอดอกนิ่ง ทันทีที่เห็นสุริยงเดินเข้ามา
อรทัย ก็เชิดหน้า
“มาซักที รอเป็นชาติแล้ว”
สุริยงมองหน้า แต่พยายามไม่ใส่ใจ เดินผ่านอรทัย พลางหันมายกมือไหว้อัมพิกา ตามมารยาท
“สวัสดีค่ะ ขอโทษที่ให้รอ ดิฉันไม่ได้รีบกลับเพราะไม่ทราบว่าคุณสองคนจะมา”
อรทัย หันขวับ
“ที่ฉันไม่บอกล่วงหน้าว่าจะมา เพราะกลัวว่าจะหนี ไม่กล้าเผชิญหน้ากับพวกฉัน ผู้หญิงอย่างเธอถนัดแต่ทำเรื่องลับๆ ล่อๆ ลับหลังคนอื่น”
“ดิฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องหนี คุณสองคนมีธุระอะไรจะคุย เชิญเข้าเรื่องได้เลยค่ะ ดิฉันไม่อยาก
เสียเวลาทำสงครามน้ำลาย”
สุริยงเชือดนิ่งๆ
“นี่ แกประชดฉันเหรอ“
อรทัยขึ้นเสียง อัมพิการีบยกมือห้าม อรทัยชะงัก แล้วก็จำต้องยอม สะบัดหน้าใส่สุริยงด้วยความแค้น
อัมพิกา มองหน้าสุริยงนิ่งๆ เย็นๆ แต่แฝงความร้ายกาจ
“ฉันต้องการซื้อความเป็น “รัตนชาติ” คืน เธอต้องการเงินเท่าไหร่ ...ฉันจะจ่ายให้ ...หลังจากได้เงินแล้วทั้งเธอ ทั้งลูกต้องคืนหุ้นธนาคาร เปลี่ยนนามสกุลและ ไสหัวออกไปจากครอบครัวของฉัน”
อัมพิกายิงตรง สุริยงผงะนิดๆ..แต่ยังตั้งรับไหว อรทัยยิ้มสะใจ
“ดิฉันขอบคุณที่คุณอัมมีน้ำใจ อยากจะให้เงินเราสามคนแม่ลูก..แต่ดิฉันต้องขอโทษที่รับเงินของคุณไม่ได้..ถึงคุณจะเอาเงินทั้งหมดของรัตนชาติมากองตรงหน้า ดิฉันก็รับไว้ไม่ได้”
สุริยงตอบนิ่งๆ
อ่านต่อหน้า 4
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 4 (ต่อ)
อัมพิกาขบกรามแน่น อรทัยทนไม่ไหว
“จองหอง แกคิดว่าแกเป็นใครหะ ? น้ำหน้าอย่างแก ไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับพวกฉัน นี่เป็นคำสั่ง..แกต้อง
ทำตาม”
สุริยง สวนกลับ
“คนที่จะสั่งดิฉันได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นคือ ท่านเจ้าสัวพ่อของคุณ และท่านสั่งไว้ก่อนสิ้นลม ให้ดิฉัน
รักษาหุ้นธนาคารไว้ให้ลูกชายของท่านอย่างดีที่สุด ห้ามขายเด็ดขาด”
สุริยงยืนยันเสียงนิ่ง ทว่าหนักแน่น
อัมพิกาเชิดหน้าถามต่อ
“ฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าเป็นคำสั่งของคุณพ่อจริงๆ เธออาจจะแต่งเรื่องขึ้นมา และหากินกับมันก็ได้ ถนัด
อยู่แล้วนี่ สร้างภาพเป็นคนดี ทำตัวให้น่าสงสาร พ่อฉันหลงเชื่อฉันเธอคนเดียวก็มากพอแล้ว พวกฉันไม่เชื่อ”
“ใช่ ! อย่าเอาคำคุณพ่อมาอ้าง” อรทัยเสริม “เธออยากจะเก็บหุ้นเอาไว้ แล้วก็ล้างสมองไอ้เด็กสองคน
นั้น สุดท้ายคนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือเธอ”
อรทัยชี้หน้าสุริยง อัมพิกาเชิดหน้าใส่ สุริยงอยู่ตรงกลางเหมือนโดนรุม
“คุณจะคิด จะเชื่อยังไง ก็เรื่องของคุณ ดิฉันคงเปลี่ยนมันไม่ได้..เหมือนกับที่พวกคุณก็เปลี่ยนความคิด
ดิฉันไม่ได้เช่นกัน ไม่ว่ายังไง ดิฉันก็ไม่ยอมขายหุ้นธนาคารในส่วนของไก่กับไข่ คืนให้กับคุณ”
อรทัย อัมพิกา โกรธจนตัวสั่น แค้นใจอย่างถึงที่สุด
“แก...แก แกกล้าปฎิเสธพวกฉันเหรอ? ฉันกับพี่อัมอุตส่าห์ลดตัวลงมาคุยกับแกถึงที่นี่...แก..แกยัง
ปฎิเสธอีกเหรอ”
“ดิฉันขอบคุณในความกรุณา “ลดตัว” ของพวกคุณ แต่ดิฉันคงต้องปฎิเสธค่ะ”
อัมพิกามองหน้าสุริยงเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ยังมีความเป็นผู้ดี ต่างดับอรทัย ที่แทบจะลุกขึ้น
เต้นเร่าๆ
“วันนี้ฉันมาพร้อมกับข้อเสนอที่ดีที่สุด..แต่เธอ“โง่”ไม่ยอมรับมัน..นับจากนี้ไป เธอจะไม่ได้อะไรเลย ..
และฉันยังยืนยันที่จะหาทางเอาหุ้นธนาคาร และนามสกุลของฉันกลับคืนมาให้ได้ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอสามคนมาทำ
ให้ “รัตนชาติ” ต้องตกต่ำมากไปกว่านี้ ” พลางปรายตามองมาทางสุริยงแบบเหยียดๆ “เธอพลาด..ที่ปฎิเสธข้อเสนอ
ของฉัน”
อัมพิกาพูดจบก็หยิบกระเป๋าใบหรูเดินเชิดหน้าออกอด้วยท่าทางราวกับนางพญา อรทัยหันมาย้ำใกล้ๆ
หน้าสุริยง
“อีกเรื่อง....อยู่ห่างๆพี่ชายของฉัน ... ผู้หญิงอย่างเธอ ห่างไกลคำว่า “คู่ควร” เอาเวลาไปวิ่งไล่จับผู้ชาย
แก่ๆ อายุรุ่นเดียวกับ “พ่อ” เธอ จะดีกว่า...แบบนั้นมันถึงจะเหมาะสม”
อรทัยเชอะใส่ แล้วก็สะบัดหน้า เดินตามอัมพิกาออกไป ทิ้งให้สุริยงนั่งอยู่ในคนเดียวที่เดิม หญิงสาวทำ
ได้เพียงมองตาลงพื้นอย่างเจียมตัว ยอมรับสภาพ และสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างนิ่งขรึม
คล้อยหลังที่อัมพิกา กับอรทัย เดินออกไป นภา อาทิตย์ และชื่น ก็รีบเดินเข้ามา
“หนูเล็กเป็นไงบ้างลูก”
ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง สุริยงเงยหน้า กลั้นน้ำตาและฝืนยิ้ม
“หนูเล็กขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
พูดจบก็ลุกขึ้นและเดินออกไปทันที ทิ้งให้นภา อาทิตย์ และชื่นมองตาอย่างงงๆ พลันเสียงกริ่ง
โทรศัพท์บ้านดังขึ้น ชื่นเดินไปรับ
“สวัสดีค่ะ ค่ะๆ สักครู่นะคะ คุณนภาคะ..คุณเอื้อโทร.มาค่ะ”
นภายิ้ม ดีใจ
อัมพิกา กับอรทัย เดินเข้ามาในบ้านด้วยอารมณ์ขุ่นมัว พอเดินมาถึงห้องด้านในก็ต้องชะงักกึก ที่เห็น
เอื้อยืนรออยู่ หน้าเคร่งขรึม
“พี่อัมไปคุยอะไรกับหนูเล็ก?”
อัมพิกาตอบนิ่งๆ อย่างไม่รู้สึกผิด หรือหวาดหวั่นใดๆ
“คุยเรื่องที่เราทำไม่สำเร็จ”
“แล้วพี่อัมคุยสำเร็จหรือเปล่า ?”
เอื้อย้อนถาม อัมพิกาสะอึก อรทัยแทรกสวนขึ้นมา
“ถึงวันนี้จะไม่สำเร็จ แต่พี่อัมกับอร ไม่ยอมแพ้ เราสองคนไม่ใช่พี่เอื้อ”
“พี่ไม่ได้ยอมแพ้ แต่พี่ไม่ได้คิดว่านี่คือการต่อสู้ เรื่องมรดกของนายสองคนนั้น เขาได้ไปด้วยความชอบ
ธรรม เราไม่มีสิทธิ์จะไปบังคับหรือเรียกคืน”
เอื้อเสียงขรึม อัมพิกา หันมามองหน้าเอื้อ แล้วเรียกเสียงนิ่งๆแต่มีพลัง
“เอื้อ รู้ตัวหรือเปล่า... ว่าเรากำลังเป็นเหมือนคุณพ่อ หลงเสน่ห์มันจนขาดสติ มันสั่งให้ทำอะไรก็ทำ
เรากำลังโดนนังนั่นมันล้างสมอง”
เอื้อส่ายหน้าระอา
“คนที่พยายามล้างสมองผม...คือพี่ต่างหาก! .. พี่นั่นแหละที่พยายามจะควบคุม และสั่งให้ผมทำใน
สิ่งที่พี่ต้องการ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ ผมคงเชื่อคุณพ่อ แต่งงานกับหนูเล็กตามที่ท่านต้องการไปนานแล้ว ไม่ปล่อย
ให้เขาหลุดมือไปแบบนี้”
อัมพิกากับอรทัยชะงัก ที่ได้ฟังเอื้อระบายความในใจออกมา
“เราพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง...อย่าบอกนะว่า “เสียดาย” นังผู้หญิงเห็นแก่เงินคนนั้น”
เอื้อตอบนิ่งๆ
“ไม่ใช่แค่ “เสียดาย” แต่ “เสียใจ” ที่วันนั้น ผมเชื่อพี่มากกว่าพ่อ”
อรทัยเริ่มรับพี่ชายไม่ไหว
“ที่พี่เอื้อต้องเชื่อพี่อัมมันก็ถูกต้องแล้ว..ผู้หญิงแบบนั้นมันไม่ดีพอสำหรับพี่ มันเข้ามาเพื่อทำให้
ครอบครัวเราแตกแยก เราสามคนทะเลาะกับคุณพ่อก็เพราะมัน วันนี้เราสามคนพี่น้องก็ต้องมาทะเลาะกันเพราะ
มัน ทำไมคะ ทำไมพี่เอื้อยอมให้มันทำแบบนี้กับครอบครัวของเรา”
อรทัยโวยวายเสียงลั่น ในขณะที่อัมพิกาใจเต้นด้วยความโกรธ แต่ยังใช้ความนิ่งสยบไว้
“พี่ก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ ...เมื่อก่อนพี่ถึงได้ยอมทำตามความต้องการของพี่น้องมาตลอด แต่
ตอนนี้ พี่แค่ขอทำตามความต้องการของตัวเองบ้าง...ก็เท่านั้นเอง”
เอื้อพูดจบก็เดินออกไปเลย อัมพิกาชะงักมองหน้าเอื้อ อรทัยอึ้ง
“พี่เอื้อ...พี่เอื้อ พี่เอื้ออย่าเพิ่งไป มาคุยให้รู้เรื่อง พี่เอื้อจะทำอะไร? พี่เอื้อ”
อรทัยตะเบ็งสุดเสียง หากเอื้อไม่สนใจ เดินออกจากบ้านไปเลย
อัมพิกานั่งนิ่ง กัดฟันกรอด...มือกำแน่น คิดแค้นสุริยงมากขึ้นเป็นเท่าตัว
สุริยงอยู่ในชุดนอน เดินมาที่เตียง ที่ไข่กำลังนอนหลับอยู่ พลันโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เป็นโปรแกรมการ
โทรแบบเห็นหน้า สุริยงเดินมาหยิบดู ขึ้นชื่อเอื้อจึงรีบกดรับ
เอื้อ ยกมือทักทายมาทางหน้าจอ
“หนูเล็ก!เรื่องพี่อัมกับน้องอรผมขอโทษด้วย... ถ้าสองคนนั้นพูดอะไรไม่ดีกับคุณ”
สุริยงยิ้มรับ “หนูเล็กเตรียมใจไว้แล้วค่ะ พ่อคุณเตือนอยู่เสมอว่าต้องเจอแบบนี้เข้าสักวัน..แล้วมันก็
มาถึงจริงๆ”
เอื้อมองสุริยง อย่างชื่นชมในความเข้มแข็ง
“ใช่...คำพูดพ่อ มักจะเป็นจริงเสมอ.ผมโง่เองที่ไม่เชื่อ”
สุริยงชะงัก มองหน้าเอื้อ เอื้อมองสุริยงแววตาเสียดาย และเสียใจสุดๆ สุริยงหลบตา ทำเป็นไม่เข้าใจ
“นอกจากเรื่องขอโทษแล้ว..มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ”
“มีครับ” เอื้อตอบ พลางมองหน้าสุริยง เสียงจริงจังขึ้น “พรุ่งนี้คุณว่างหรือเปล่า?”
“ว่างค่ะ วันเสาร์ไม่ต้องไปทำงาน มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“มีครับ คุณต้องไปทำหน้าที่เป็นภรรยาของคุณพ่อผม เป็นตัวแทนของท่านในวันพรุ่งนี้”
“วันพรุ่งนี้...มีอะไรเหรอคะ?”
สุริยงถามด้วยความแปลกใจ
เกนหลงกึ่งนั่งกึ่งนอน อยู่บนเก้าอี้เอนในห้องรับรอง ให้ช่างหน้า บรรจงแต่งหน้า ช่างเล็บทำ
เล็บอยู่ และช่างผมก็มวยผมรอ..ทุกคนรุมเกนหลงราวกับเป็นเจ้าหญิง
เกนหลงพูดขำๆ
“พี่ๆไม่ต้องจัดเต็มมากก็ได้นะคะ เอาแบบสวยเบาๆ สวยแบบเราเป็นแขกน่ะค่ะ จัดหนักมากเดี๋ยว
เจ้าสาวจะเคือง”
ช่างแต่งหน้ารีบบอก
“ไม่ได้ค่ะ คุณเขมชาติสั่งว่าต้องแต่งคุณเกนหลงให้สวยที่สุดในงาน ออร่าต้องกระจาย ใครๆก็ต้องมอง
ต้องสวยสุดๆ สวยแบบไม่ต้องเกรงใจเจ้าภาพค่ะ”
เกนหลงได้แต่หัวเราะแห้งๆ
“ ขนาดนั้นเลยเหรอคะ ?”
ช่างทุกคนพูดพร้อมกัน “ขนาดนั้นเลยค่ะ !”
เกนหลงสะดุ้งนิดๆ แล้วทุกคนก็ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองต่อ เกนหลงจำใจต้องเป็นนั่งเป็น
ตุ๊กตาให้แต่งหน้าแต่งตัวกันต่อไป
สุริยงยืนอยู่กลางร้านเสื้อผ้าสุดหรู มองไปรอบๆหน้าตาไม่มั่นใจ เอื้อเดินเข้ามาหา
“หนูเล็กเชิญชั้นบนได้เลยครับ เพื่อนผมเตรียมห้องสำหรับแต่งหน้า แต่งตัวไว้ให้แล้ว ช่างก็รอพร้อม
แล้ว”
“เอ่อ...คุณเอื้อคะ...งานนี้ หนูเล็กไม่ไปไม่ได้เหรอคะ?” สุริยงอิดออด
เอื้อเสียงเข้ม
“ไม่ได้ครับ งานนี้เป็นงานแต่งงานของลูกสาวคุณธวัช เป็นผู้บริหารเก่าแก่ของธนาคารและก็เป็นบอร์ด
ใหญ่ด้วย คุณต้องไปในฐานะตัวแทนของคุณพ่อ”
สุริยงยังลังเล เอื้อยื่นหน้ามาย้ำ
“และคุณจะต้องสวยที่สุด สวยให้สมกับที่เป็นคุณสุริยง รัตนชาติ” พลางหันตัวสุริยงไปทางบันได
“เชิญครับ”
สุริยงจำใจต้องเดินขึ้นไป เอื้อมองตามแล้วก็ยิ้มๆ
“เชิญคุณเอื้อแต่งตัวทางนี้เลยค่ะ”
พนักงานในร้านเดินนำไปเอื้อไปอีกทางหนึ่ง
เขมชาติเดินออกจากห้องน้ำ นุ่งผ้าเช็ดตัว กำลังเช็ดผม พลันโทรศัพท์มือถือ ก็เตือนว่ามีข้อความจาก
เกนหลงส่งมาทางโปรแกรมไลน์ เขมชาติรีบกดอ่าน
ที่หน้าจอเป็นรูปเกนหลงยังนอนให้แต่งหน้าแต่งตัวอยู่เลย ไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จ... ข้างบนมีข้อความ
“อีกนาน”..
เขมชาติอ่าน “อีกนาน” ยิ้ม พลางคิดเจ้าเล่ห์นิดๆ แล้วก็ยกกล้องขึ้นถ่ายตัวเอง แล้วก็ส่งไป
ในขณะที่เกนหลงกดเปิดดูรูป ช่างแต่งผมสาวประเภทสอง ที่อยู่ข้างหลังเห็นรูปถึงกับกรี๊ดออกมา
“อร๊าย ล่ำมาก”
เกนหลงตกใจ ทุกคนหันมาจะขอดู ดูแล้วก็กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ ที่หน้าจอเป็นรูปเขมชาติในมุมแคบๆ ยืน
เปลือยอกอยู่
เกนหลง อ่านข้อความเบาๆ
“อีกนานเหมือนกัน...เจอกันครับ”
เกนหลงยิ้มๆแล้วก็พิมพ์กลับไป
เขมชาติ ที่กำลังแต่งตัวอยู่ หยิบโทรศัพท์มากดดู
“เดี๋ยวจะส่งนักข่าว” เขมชาติยิ้มขำ แล้วก็กดส่งรูปสติ๊กเกอร์กลับไป
เกนหลงเปิดอ่าน เห็นสติ๊กเกอร์ร้องไห้ จึงหัวเราะอารมณ์ดี
“หลับตาหน่อยค่า”
ช่างแต่งหน้าบอกกับเกนหลงเบาๆ เกนหลงหลับตาแต่โดยดี รอยยิ้มยังพิมพ์อยู่ที่ริมฝีปาก
ในขณะที่สุริยง ก็กำลังถูกช่างแต่งหน้าบรรจงแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าเช่นเดียวกัน เช่นเดียวกับ
เขมชาติ และเอื้อ ก็กำลังแต่งตัวด้วยชุดสูทสากลสุดเนี้ยบ
ทั้งสี่คนแต่งตัวเสร็จในเวลาไล่เลี่ยกัน
สุริยงยืนอยู่หน้ากระจก สวยสง่า ราวกับเจ้าหญิง
เกนหลงยืนอยู่กลางห้อง. สวยสดใส
เอื้อ เดินออกมาจากห้องแต่งตัว เท่สุขุมราวกับคุณชาย
ในขณะที่เขมชาติลงมาจากรถสปอร์ตหรูในชุดสูทเท่ เนี้ยบกริบ ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า
เอื้อยืนรออยู่ที่ชั้นล่าง รอรับที่สุริยงเดินลงมาจากบันได..ราวกับเจ้าหญิง
เขมชาติยืนมองด้วยความตะลึงในความสวยของเกนหลง พลางยื่นมือออกไปรับ และเอ่ยถาม
“พร้อมมั้ยคะ?”
ในขณะที่สุริยง ก็ตอบเอื้อ ที่ถามเดียวกันอย่างสุภาพ เก็บความตื่นเต้นไว้ในใจ
“พร้อมค่ะ”
เอื้อยิ้มรับและควงสุริยงเดินออกจากร้านไป พร้อมๆ กับเขมชาติยิ้มรับและควงเกนหลงเดินออกจาก
บ้านไปเช่นเดียวกัน
ทั้งสองคู่...สี่คน กำลังเดินทางมางานเดียวกัน โดยไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
อ่านต่อตอนที่ 5