หางเครื่อง ตอนที่ 10
ชูเกียรติเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องประชุม พนักงานคนอื่นๆ เดินเข้านั่งประจำที่ ชูเกียรติแนะนำให้เดือนรู้จักกับทุกคน
“นี่พี่โปรดิวเซอร์นะเดือน จะดูแลเดือนในทุกเรื่องเลย แล้วก็พวกพี่ๆ ทีมเดียวกัน เดี๋ยวเราดูในเอกสารพร้อมๆกันเลย”
ทุกคนเปิดดูเอกสารในแฟ้ม เดือนกับป้อมช่วยกันดู
“เราวางคอนเซปต์ซิงเกิ้ลแรกให้เดือนแล้วนะครับ ส่วนเรื่องเพลงก็เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยววันนี้จะให้เดือนลองร้องดูนะ แล้วถ้าเป็นไว ก็จะได้ลองเข้าห้องอัดเลย”
เดือนยิ้มหน้าบ้านหันมาจับมือกับป้อม
“ช่วงนี้คงต้องปลีกเวลาให้เดือนไปออกงานอีเวนท์บ้าง เพื่อเป็นการโปรโมตไปในตัว”
“ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวยังไงวันนี้ลองให้เดือนปรับลุคใหม่เลย พี่ต้องการให้เน้นความเป็นตัวเองของเดือนแล้วก็ใส่จริตไปนิดหน่อยสไตลิสท์โอเคนะ”
“ค่ะ”
ทุกคนลุกออกไป เดือนกับป้อมทำท่าจะลุกแต่ชูเกียรติเรียกไว้ก่อน
“เอ่อ เดือน เดี๋ยวเซ็นเอกสารให้พี่นิดนึงนะ” เดือนพยักหน้ารับแต่ป้อมดึงมือไว้ “ไม่มีอะไรหรอก เอกสารที่ยังเซ็นไม่ครบน่ะ”
เดือนหันมาพยักหน้ากับป้อม ก่อนจะรับเอกสารมาเซ็นตรงที่ชูเกียรติบอก ชูเกียรติมองเดือนที่เซ็นเอกสารอยู่แล้วยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
รวิกับขำนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ รวินั่งเหม่อลอย ขำแกล้งเอาตะเกียบโบกผ่าน แต่รวิไม่เห็น ขำเลยถือโอกาสคีบลูกชิ้นในชามรวิมากินเอาๆ
“เฮ้อ ป่านนี้เดือนจะทำอะไรอยู่น้า”
“เฮ้อ บ่นเป็นรอบที่ร้อย”
“เฮ้อ ก็ชั้นเป็นห่วงเดือนนี่นา ไปอยู่ตั้งไกล”
“เฮ้อ แค่นี้เองนั่งรถเข้าไปแค่สองสามชั่วโมง”
“เฮ้อ ตั้งสองสามชั่วโมงตะหาก”
ขำวางตะเกียบลงมองหน้ารวิ
“เอาใหญ่นะเราพักเนี้ย ห่วงมากก็ไปหาหรือไม่ก็...”
รวิมองหน้าขำอย่างสงสัย
“ก็ไปอยู่ที่โน่นด้วยกันเลยไง”
“บ้าป่าว ไปอยู่โน่นไปทำไรกินล่ะ”
ขำก้มหน้าก้มตากินต่อ
“นายคิดว่าเราเองจะอยู่อย่างนี้ได้ตลอดเหรอ วงดนตรีตามบ้านนอกแบบนี้จะหาความแน่นอนได้แค่ไหน”
“พูดเหมือนกับรู้อยู่แล้วว่าจะไปทำอะไร”
ขำแกล้งกระแอมหันมามองหน้ารวิจริงจัง รวิลุ้นรอคำตอบ
“ไม่รู้”
“อ๋อ อย่างนี้เอง ถุย! นึกว่ารู้”
“คิดมากเยี่ยวเหลือง เดี๋ยวมันก็มีทางเองล่ะ”
รวิส่ายหน้า มองขำอย่างหมั่นไส้เล็กๆ ก่อนจะลงมือกินก๋วยเตี๋ยวต่อ
เดือนลองชุด ลองแต่งหน้า เช็ครูป ซ้อมร้องเพลง ซ้อมเต้น ป้อมคอยยืนเชียร์อยู่ เดือนเปิดประตูออกมาจากห้องซ้อมร้องเพลง ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ป้อม ป้อมรีบส่งน้ำให้
“เอ้า นี่จ้ะน้ำ”
เดือนรีบคว้าน้ำมาดื่มอย่างกระหายก่อนจะถอนหายใจ
“โอ๊ย พี่ป้อม ทำไมอะไรมันเยอะอย่างนี้ล่ะเข้าห้องนู้น ออกห้องนี้”
“ก็อย่างนี้ล่ะเดือน กว่าเค้าจะเป็นดาราเป็นนักร้องกันได้”
“เฮ้อ มันไม่ง่ายเหมือนที่ชั้นคิดเลยนะพี่ป้อม นี่ขนาดวันแรกนะเนี่ย”
“เอาน่าสู้ๆ เดี๋ยววันนี้ก็จะเสร็จแล้วนี่”
ชูเกียรติเดินเข้ามา สีหน้ายิ้มแย้ม
“เป็นไงมั่งเดือน เหนื่อยมั้ย”
“นิดหน่อยค่ะ แต่เดี๋ยวก็จะเสร็จแล้ว”
“อืม ดีแล้ว เดี๋ยวเสร็จแล้วเราจะได้ไปที่คอนโดกัน”
เดือนกับป้อมหันมามองหน้ากัน ก่อนจะแกล้งหันไปยิ้มกับชูเกียรติ
ชูเกียรติเปิดประตูคอนโดเข้ามา เดือนกับป้อมเดินตามเข้ามาอย่างเกร็งๆ
“เข้ามาเลยจ้ะ นี่ล่ะห้องของเรา เอ๊ย ของพี่”
“สวยดีจังเลยนะคะ คงแพงสินะคะ”
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกจ้ะ ทีแรกก็คิดว่าจะซื้อไว้เล่นๆ นะจ้ะ แต่คิดอีกทีเอาไว้เป็นที่พักเด็กในสังกัดด้วยเลย”
“โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง” ป้อมพูดลอยๆ
“อะไรนะ”
ป้อมกับเดือนรีบส่ายหน้าปฏิเสธ เดือนเดินเข้ามาเท้าไปเหยียบอะไรเข้าเลยก้มลงมองดู เห็นเป็นซองจดหมายสีน้ำตาล เดือนกำลังจะพลิกดู แต่ชูเกียรติหันมาเห็นเข้าก่อนรีบเข้ามาคว้าไปยัดใส่กระเป๋ากางเกง
“ไม่มีอะไรจ้ะ จดหมายพวกเด็กที่อยากเป็นนักร้องน่ะจ้ะ” เดือนยิ้มนิดๆ พยักหน้ารับ “ห้องนอนอยู่ทางนี้นะ เดือนเข้ามาดูกับพี่มา”
ป้อมรีบแทรกเข้าไปแทน
“อุ๊ย ห้องนอนสวยจังเลยฮ่ะ เตียงก็กว๊างกว้าง”
ป้อมแกล้งถลาเข้าไปบนเตียงกลิ้งไปกลิ้งมา ชูเกียรติพยายามกลั้นโมโห
“ที่นอนกู หนอยอีกระเทยควาย” ชูเกียรติกัดฟันพูดเบาๆ
“คะ พี่เกียรติว่าอะไรนะคะ”
“อ่อ พี่บอกว่าเตียงมันนอนสบายน่ะจ้ะ เอ่อ เดี๋ยวพี่ลงไปเอาของที่รถเดี๋ยวนะจ๊ะ”
เดือนยิ้มพยักหน้ารับ ชูเกียรติแกล้งยิ้มตอบรีบเดินออกไป
ชูเกียรติเดินออกมาดึงประตูปิด สีหน้าชูเกียรติเปลี่ยนเป็นหงุดหงิด
“ชั้นต้องหาวิธีจัดการแยกอีกระเทยนั่นออกไปให้ได้ เดือน เธอไม่รอดจากชั้นแน่ คอยดู”
ชูเกียรติทำหน้าหงุดหงิดเดินไป
เดือนกับป้อมช่วยกันจัดของ
“ดูท่าอีตานั่นเค้าคงหาโอกาสอยู่ตลอดเวลา”
“แล้วเกิดวันไหนพี่ป้อมไม่อยู่ชั้นจะทำไงเนี่ย”
ป้อมเอื้อมมือมาตบไหล่เดือนเบาๆ
“ไม่ต้องห่วง เรื่องนั้นพี่หาผู้ช่วยไว้ให้แล้ว”
เดือนมองป้อมอย่างสงสัย
“ใครน่ะพี่ป้อม”
เสียงเปิดประตู
“เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เอง แต่ตอนนี้พึ่งป้าช้อยไปก่อน”
ป้อมจุ๊ปาก แกล้งทำเป็นจัดของกันต่อ ชูเกียรติเดินยิ้มเข้ามา แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นกรอบรูปช้อยแขวนอยู่
ชูเกียรติตาค้างตกใจ ก่อนจะขยี้ตา
“รูปแม่น่ะค่ะ พี่เกียรติ เดือนเอามาแขวนไว้ ได้ใช่มั้ยคะ”
ชูเกียรติกลืนน้ำลาย หน้าตาหวาดๆ แต่ก็จำใจพยักหน้า ป้อมเห็นท่าชูเกียรติแล้วแอบขำ
“ดะ ได้จ้ะ แหะๆ”
“พี่เกียรติลงไปเอาของมาแล้วเหรอจ๊ะ”
“อ่อ จ้ะ เอ่อ เดือนจ๊ะ วันนี้เดี๋ยวพี่กลับก่อนดีกว่านะจ๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับ”
ชูเกียรติเหลือบตาไปมองรูปช้อย
“อ้าว ทำไมเพิ่งกลับ เอ้ย รีบกลับล่ะฮ้า”
“ชั้น ชั้นง่วงน่ะ”
ชูเกียรติรีบหันหลังเดินกลับออกไป เดือนกับป้อมหันมาหัวเราะกัน
เช้าวันใหม่ นภากาศยืนอยู่ที่แผงหนังสือหยิบหนังสือดาราขึ้นมาพลิกไปพลิกมา
รวิเดินอยู่แถวนั้นหันมาเห็นนภากาศพอดี เลยเดินเข้ามาทัก
“พี่นภา ซื้อหนังสือเหรอครับ”
นภากาศหันมามอง เห็นเป็นรวิ พยักหน้ารับ แต่ก็หันมาเปิดหนังสือต่อ
“อือ ก็ดูอะไรเพลินๆ ไปงั้น”
“หนังสือดารานักร้องสินะครับ อืม เห็นแล้วคิดถึงเดือน อีกหน่อยคงได้ลงแบบนี้”
“ก็น่าจะได้อยู่”
“เฮ้อ อีกหน่อยก็คงโด่งดัง อยู่ไกลจากผมไปเรื่อยๆ”
“เค้าคงไม่ทิ้งเธอไปไหนหรอก” รวิหันมามองนภากาศอย่างสงสัย นภากาศปิดหนังสือลงวางลงที่แผงตามเดิม
“อยู่ในจุดนั้นน่ะ มันเหงากว่าที่คิดนะ”
นภากาศจ้องหน้ารวิก่อนจะเดินจากไป
เดือนซ้อมร้องเพลง ซ้อมเต้น ในแต่ละวันๆ อีกด้านหนึ่งรวิฟิตซ้อมมวย วิ่งข้างถนน ต่อยลม
ในห้องอัด เดือนร้องเพลงท่อนสุดท้ายจบลง ทุกคนตบมือพร้อมกัน เดือนยิ้มรับเดินออกมาจากห้องอัด ชูเกียรติกับป้อมเดินเข้ามาหา
“เยี่ยมมากเดือน ซิงเกิ้ลแรกเสร็จซักที”
“เก่งมากเลยเดือน”
เดือนยิ้มรับกับทุกคน
“ขอบคุณมากค่ะ”
“เดี๋ยวเราจะส่งให้ดีเจคลื่นต่างๆ เปิดอาทิตย์หน้าเลยนะ”
“แอร๊ย เดือน เพลงของเดือนจะได้เปิดให้คนฟังทั่วประเทศแล้วนะ”
เดือนกับป้อมดี๊ด๊ากันใหญ่
“เตรียมตัวไว้ได้เลยนะเดือน พอปล่อยซิงเกิ้ลแรกแล้ว พี่จะพาเดินสายสัมภาษณ์ในรายการต่างๆ คราวนี้รับรองดังแน่”
“แต่คนเค้าจะชอบเพลงของเดือนหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย”
“คิดมากน่ะเดือน เชื่อมั่นตัวเองหน่อย”
“ใช่ๆ อย่าคิดมาก เป็นเด็กของพี่ เอ่อ พี่หมายถึงเป็นเด็กในสังกัดของพี่ ไม่ต้องห่วง รับรอง อนาคตซุปตาชัวร์”
เดือนยิ้มโล่งอก หยิบพวงกุญแจตุ๊กตาที่รวิให้มาขึ้นมาดู ยิ้มอย่างมีความสุข
เดือนกับป้อมเดินหัวเราะกันอย่างสนุกสนานเตรียมจะกลับ แก้วเดินสวนมา หยุดมองทั้งคู่ อย่างหมั่นไส้ ป้อมจ้องหน้าตอบเตรียมหาเรื่องเหมือนกัน
“อ้าว มาได้แล้วเหรอ แดนเซอร์กิตติมศักดิ์ ว่าแต่เค้าเรียกมาหรือมาเองล่ะเนี่ย”
“อย่างชั้นเค้าก็ต้องเรียกมาสิยะ”
“อ้าว เหรอ ดังขึ้นมาบ้างหรือยังล่ะ เห็นพยายามเสนอทั้งหน้า เสนอทั้งตัวอยู่บ่อยๆ นี่ ได้เป็นนักร้องสมใจอยากหรือยังล่ะ”
เดือนสะกิดป้อมให้พอ แต่ป้อมลอยหน้าลอยตาใส่แก้วต่อ
“เฮอะ ห่วงตัวเองเถอะ มาก่อนตั้งนานได้อะไรบ้างหรือเปล่าเหอะ เห็นเงียบกริบ ไม่เหมือนตอนเป็นข่าวฉาวเลยนะ”
ป้อมอ้าปากจะย้อน แต่เดือนกันไว้แล้วพูดเอง
“ก็ได้แค่นิดๆ หน่อยๆ น่ะ เพลงของชั้นเตรียมจะปล่อยออกไปแล้วตอนนี้ก็วุ่นๆ อยู่กับการเช็คคิว ว่าจะไปรายการไหนที่เค้าเชิญมาก่อนดี”
แก้วหุบยิ้ม มองเดือนอย่างอิจฉา แต่พยายามจะเถียงต่อ
“ก็แค่นั้นเอง เคยได้ยินมั้ย มาทีหลังดังกว่า”
“โฮะๆๆ อยากจะหัวเราะให้กลับเป็นผู้ชาย ยังไงก็ขอให้ดัง ขอให้ได้ แล้วก็ขอให้โดนด้วยนะ โฮะๆๆ ไปกันเถอะเดือน”
ป้อมจูงมือเดือนเดินผ่านแก้วไป ก่อนจะแกล้งหยุดถอยกลับมาสะบัดบ๊อบใส่ แก้วสีหน้าโกรธจัด เจ็บใจเดือนกับป้อม
อ่านต่อหน้า 2
หางเครื่อง ตอนที่ 10 (ต่อ)
เดือนกับรวิคุยโทรศัพท์กัน เดือนนอนคุยโทรศัพท์อยู่บนเตียง ป้อมนอนกรนอยู่ข้างๆ
“อาทิตย์หน้าเพลงของเดือนจะได้เปิดในรายการวิทยุแล้วนะ พี่รวิ อือ ดีใจสิ พี่ต้องรอฟังด้วยล่ะ”
รวินอนคุยโทรศัพท์อยู่บนฟูกที่นอนบ้านของตัวเอง
“แน่นอนอยู่แล้ว ว่าแต่มันเปิดที่คลื่นไหนบ้างล่ะเนี่ย อะไรนะ อ๋อ เคยฟังอยู่ประจำอยู่แล้ว เอ่อ เดือน โทรศัพท์เป็นไรหรือเปล่าเหมือนมีเสียงคลื่นแทรกเลย”
เดือนทำหน้างง ก่อนจะค่อยๆ หันไปมองทางป้อมเห็นอ้าปากนอนกรนอยู่ เดือนพยักหน้ารู้สาเหตุ
“อ๋อ คลื่นแทรกนิดหน่อยน่ะ ได้ยินชัดหรือยัง” เดือนดึงผ้าห่มขึ้นมาทับหน้าป้อมไว้ เดือนนอนยิ้มคุยต่อ “พี่รวิอย่าลืมบอกขำให้ฟังด้วยล่ะ บอกด้วยว่าพี่ป้อมเหงาปากไม่มีใครให้ด่า ฮ๊าว”
“หมู่นี้ขำหายหน้าหายตาไปไหนไม่รู้ ไม่ค่อยจะโผล่มาเลย ไม่รู้ไปติดสาวที่ไหนหรือเปล่า ฮะๆๆ ของอย่างนี้มันก็ไม่แน่หรอก เอ่อ ว่าเดือนพอจะว่างบ้างหรือยังล่ะ”
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน เห็นพี่เกียรติบอกว่าพอปล่อยซิงเกิ้ลแล้วก็จะไปสัมภาษณ์รายการน่ะ พี่รวิมีอะไรเหรอ ฮ๊าว”
“ก็ที่งาน ช่างเหอะๆ เดือนคงยุ่ง ฮัลโหลๆ เดือน เดือน อ้าว”
เดือนเผลอหลับ โทรศัพท์เลื่อนลงมาอยู่ที่หมอน หน้าตาดูมีความสุข รวิกดวางโทรศัพท์ ก่อนจะถอนหายใจ ดึงผ้าห่มขึ้นมาให้กระชับ มือก่ายหน้าผากยังกำโทรศัพท์อยู่ ทำเหมือนคิดอะไรซักอย่าง
ห้องจัดรายการวิทยุ มือของดีเจกำลังปรับเสียงอยู่
“และวันนี้นะครับ เราก็มีซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุด จากนักร้องนักร้องสาวหน้าใหม่ที่ดังตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำกับเธอคนนี้ เดือน งามพร้อม กับงานเพลงที่มีชื่อว่า... จะติดหู ติดใจแค่ไหน มาฟังกันเลยนะครับ”
ภาพผู้คนในที่ต่างๆ ฟังเพลงของเดือน หลายคนแอบเต้นแล้วโยกตามบ้าง ชวนกันให้ฟังเพลงบ้าง บางคนฟังในโทรศัพท์บ้าง เต้นตามไปบ้าง
รายการวิทยุหลายรายการเปิดเพลงของเดือน เพลงของเดือนเริ่มติดหู
ห้องส่งรายการทีวี พิธีกรนั่งอ่านสคริปต์ ช่างกล้องเช็คแสง ผู้กำกับคุยกับทีมงาน เดือนยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านข้าง ป้อมยืนอยู่ใกล้ๆ
“ตื่นเต้นจังเลยพี่รวิ รายการสดด้วย ใจเต้นตุ้บๆ เลย โอ๊ยเย็นไม่ไหวหรอก ทำไงดีพี่รวิ ถ้าเกิดชั้นทำอะไรเสล่อๆออกไป”
ชูเกียรติเดินเข้ามาพร้อมกับโปรดิวเซอร์
“น้องเดือนครับ แสตนด์บายไว้เลย อีก 5 นาทีนะครับ”
“เดือนไปเตรียมตัวได้แล้ว”
ป้อมหันไปพยักหน้ากับโปรดิวเซอร์ เดินเข้ามาหาเดือน ให้เตรียมตัว
“เท่านี้ก่อนนะพี่รวิ เปิดทีวีรอดูเลยล่ะ”
พิธีกรนั่งคู่อยู่กับเดือน ช่างกล้องและคนอื่นเตรียมพร้อม
“พร้อมนะครับ 5 4 3 2”
“ค่ะ แล้วตอนนี้เราก็มานั่งอยู่กับแขกรับเชิญคนพิเศษ ที่ตอนนี้ผลงานของเธอเป็นที่ติดหูไปทั่วบ้านทั่วเมืองกันแล้ว เรียกว่าไปตรงไหนก็มีแต่คนเปิดเพลง...ของเธอ น้องเดือน งามพร้อมค่ะ” เดือนหันมาสวัสดีทักทายกับพิธีกรกับผู้ชม สีหน้ายิ้มแย้ม “ยังไงกันคะกับผลงานเพลง...นี้ ตอนนี้ไม่ว่าไปตรงไหนก็จะได้ยินแต่คนร้อง คนเปิด”
“ก็ไม่คิดว่าจะได้รับการตอบรับขนาดนี้ ยังไงก็ต้องขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ”
“เห็นว่าเพลง...นี้ ที่มาที่ไปนี่มาจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนเป็นข่าวดังไปพักนึงก่อนหน้านี้”
เดือนยิ้มเจื่อนๆ
“ค่ะ ก็มีส่วน แต่อย่างที่เดือนเคยพูดไว้ เดือนจะทำให้ทุกคนจดจำเดือนในฐานะนักร้องคุณภาพ ไม่ใช่นักร้องที่มีแต่ข่าวฉาว”
“เยี่ยมมากเลยนะคะนักร้องสาวของเราค่ะ แล้วตอนนี้รายการบันเทิงยามเช้าของเรา จะเปิดโอกาสให้ผู้ชมและแฟนเพลงของคุณเดือนโทรกริ๊งกร๊างเข้ามาบอกอะไรก็ได้กับน้องเดือนของเรา ตอนนี้เลยนะคะ ตามเบอร์ที่ขึ้นอยู่หน้าจอค่ะ เราเปิดให้แค่ 3 สามสายเท่านั้นนะคะ”
เดือนหันมายิ้มกับกล้อง
รวิกับขำนั่งอยู่หน้าทีวีรีบคว้าโทรศัพท์ของตัวเองมากด
“ติดทีเหอะ”
“ติดแล้วๆ”
“จริงเหรอ ไหนๆ ขอชั้นคุยเหอะ”
รวิหันขวับมาทางขำรีบถลาเข้ามาคว้าโทรศัพท์ไปทันที
“ครับๆ ผมเป็นแฟนเพลงของเดือน หา ไม่ใช่ ที่ไหนครับ ร้านบะหมี่ เอ่อ ไม่เอาครับ เมื่อเช้ากินมาม่าไปแล้ว ขอบคุณครับ”
รวิกดวางสายหันมามองหน้าขำ ที่ยิ้มแหยๆ
“กดผิด แหะๆ”
“อ้าว มาแล้วสายแรกของเรา”
รวิกับขำหันขวับไปทันที
“ค่ะ สายแรกของเราบอกชื่อ แล้วก็สิ่งที่อยากจะบอกกับน้องเดือนค่ะ”
เสียงที่โทรเข้ามา
“ชื่อแจนนะคะ อยากจะบอกพี่เดือนว่า ตั้งแต่ได้ฟังเพลงพี่เดือน หนูก็คิดว่าจะขอสมัครเป็นแฟนคลับทันทีเลยค่ะ” เดือนยิ้มดีใจ
“ยินดีค่ะ ฝากน้องแจนติดตามผลงานไปเรื่อยๆ ด้วยนะคะ”
“ค่ะ ยังเหลืออีก 2 สายนะคะ โทรกันเข้ามาได้เลยค่ะ”
รวิกดโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะแนบหูฟังลุ้นระทึก ขำกระเถิบเข้ามาเอาหูแนบมาฟังด้วย
“ติด ติด เฮ้ยติดแล้ว”
“ค่ะ มาแล้วนะคะสายที่ 2 ของเรา”
เสียงรวิกับขำ
“เฮ้ย ติด ติดแล้ว ไอ้ขำติดแล้ว เฮ้ยเสียงแทรกๆ”
พิธีกรหน้าเหวอ
“เอ่อ ช่วยปิดเสียงโทรทัศน์ก่อน นะคะ” พิธีกรบอก
เดือนได้ยินเสียงจำได้ว่าเป็นเสียงรวิ ก็ยิ้มขำๆ ออกมา หันไปมองป้อมที่ยืนอยู่ข้างล่าง ป้อมพยักหน้ามาให้รู้กันว่าเป็นรวิกับขำแน่ ชูเกียรติยืนอยู่ข้างๆ ทำหน้าไม่พอใจ
“ปิดๆ ทีวีไอ้ขำ เฮ้ย” เสียงรีโมทตกพื้น เสียงโครมคราม
“อ่า แหะๆ อยากจะบอกอะไรน้องเดือนบ้างคะ”
เสียงรวิพูดตะกุกตะกักเพราะตื่นเต้น
“อยาก อยากบอกว่ารัก เอ้ย ไม่ใช่สิอยากบอกว่าชอบผลงานของน้องเดือน แล้ว แล้วก็จะเป็นกำลังใจให้ตลอดไปครับ”
เดือนยิ้มออกมา แกล้งตอบ
“ขอบคุณมากเลยค่ะ ว่าแต่ชื่ออะไรคะเนี่ย”
“ชะ ชื่อเหรอครับ ชื่อ ชื่อ สเตฟานครับ”
เดือนกลั้นหัวเราะ แทบแย่
“ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณ สเตฟาน”
“โอเค ผ่านไป 2 สายแล้วนะคะ เหลืออีกสายเดียวค่ะ ใครจะเป็นผู้โชคดีได้พูดคุยกับน้องเดือน โทรกันเข้ามาได้เลยค่ะ” เดือนนั่งยิ้มหน้าบาน “อ้าว มาแล้วค่ะ สายที่ 3 สวัสดีค่ะ”
รวินั่งยิ้มเหม่อลอย ขำเขยิบเข้ามาเปิดเสียงทีวีหันไปสะกิดรวิ
“เอ้า จะดูต่อมั้ยเนี่ยพ่อสเตฟาน”
รวิพยักหน้าหันกลับมาจ้องทีวีต่อ
“ค่ะ สวัสดีค่ะ อยากจะบอกอะไรน้องเดือนคะ” เสียงในสายเงียบไปครู่หนึ่ง เดือนนั่งรอฟังอย่างตื่นเต้น “ฮัลโหล อยู่มั้ยเอ่ย”
“ครับ ผมเองก็เป็นแฟนคลับของน้องเดือนครับ”
“อุ๊ย เสียงแบบนี้ท่าทางจะเป็นรุ่นใหญ่ แหม แฟนเพลงของน้องเดือนนี่มีทุกเพศทุกวัยจริงๆ เลยนะคะเนี่ย”
เดือนทำหน้าแปลกใจ รู้สึกเหมือนเสียงคุ้นๆ ป้อมที่ยืนทำหน้าแปลกใจเพราะคุ้นๆ เสียงเหมือนกัน
“อยากจะบอกน้องเดือนว่า คิดถึงมาก ถ้าน้องเดือนว่าง ก็กลับมารำลึกความหลังกันที่วงของเราบ้างนะ”
“เอ๊ะ คนรู้จักของน้องเดือนหรือคะ”
“แต่ถ้าน้องเดือนไม่ว่างก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะไปหาน้องเดือนเร็วๆ นี้”
เดือนหันไปสบตากับป้อมที่ยืนทำหน้าโกรธอยู่ เพราะจำได้แล้วว่าเสียงใคร
“แหม ท่าทางจะเป็นคนรู้จักกันจริงๆ ด้วย ว่าแต่คุณพี่ชื่ออะไรคะเนี่ย”
“หึหึ โรจน์ ครับ”
เดือนมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที อยากรู้ว่าโรจน์ต้องการอะไร
เดือนนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บนรถชูเกียรติ ชูเกียรตินั่งขับรถอยู่หันมาถามเดือนอย่างสงสัย
“ตกลงแล้วนายโรจน์นั่นคือหัวหน้าวงเก่าเหรอเดือน”
เดือนพยักหน้ารับ หันมาสบตากับป้อมที่นั่งอยู่ด้านหลัง
“ค่ะ วงแรกที่เดือนอยู่”
“พี่ว่าคุ้นๆ อยู่นะ รู้สึกจะเป็นลูกหนี้พิมุกด้วยใช่มั๊ย แล้วเค้ามีธุระอะไรเหรอ เห็นพูดแปลกๆ”
“คงอยากได้เดือนคืนไปมั้งฮ๊า” ป้อมบอก
“ไม่ได้นะเดือน เราเป็นศิลปินระดับนี้แล้วจะลดตัวลงไปกับพวกวงกระจอกๆ ไม่ได้นะ” เดือนพยักหน้ารับ ไม่พูดอะไร “วันนี้เดี๋ยวไปอีก 2 ที่นะเดือน”
“นี่สรุปเดือนไม่ได้พักเลยเหรอ คิวเดือนนี่แน่นเอียดทุกวันเลยนะฮ๊า”
“ก็อย่างนี้ล่ะ ช่วงนี้กำลังขึ้น โกยได้ก็ต้องโกยไว้ก่อน” เดือนกับป้อมหันมามองหน้ากัน “งานยิ่งเยอะ เดือนก็จะยิ่งมีเงินเยอะไง ไม่ดีเหรอ”
“ก็คงเยอะอยู่ถ้าไม่โดนหักนู่นหักนี่” ป้อมพูดลอยๆ ชูเกียรติสะอึก แกล้งพูดแก้ตัว
“นี่พี่ก็ไม่ได้อะไรมากมายเลยนะ แบ่งเปอร์เซ็นต์ให้บริษัทแล้วพี่ก็ให้เดือนเต็มๆ เลย”
เดือนยิ้มเจื่อนๆ ไม่พูดอะไร ชูเกียรติแอบชายตามองอย่างระแวง
ช่วงเย็นที่วงดนตรีของโรจน์ คนในวงของโรจน์ ทยอยขนเครื่องดนตรีหลายชิ้นมาขึ้นรถ รวิกับขำนั่งซุ่มถือกิ่งไม้ทำเป็นอำพรางตัวแอบอยู่ด้านนอกวงของโรจน์ ค่อยๆ โผล่หัวกันขึ้นมา สายตาคอยชะเง้อชะแง้มองดูท่าที
“นั่นพวกมันจะขนของไปไหนกัน มีงานเหรอ” รวิถาม
“ดูไม่เหมือนนะ” ขำบอก
“แล้วมันจะขนไปไหน”
“เฮ้ย นั่นมันรถของเถ้าแก่ที่รับซื้อของมือสองนี่หว่า”
รวิกับขำหันมาจ้องหน้ากันเหมือนคิดอะไรออก
“หรือว่า...”
ทั้งคู่ค่อยๆ หันไปมองที่โรจน์อีกครั้ง
ขำกับรวิเดินลากกิ่งไม้ที่ใช้พรางตัว เดินไปคุยกันไป ที่หัวมีแต่เศษใบไม้ติดเต็มไปหมด
“ชั้นว่าแล้ว มันต้องไปไม่รอด นี่มันยังติดค่าตัวชั้นอยู่เลยนะเนี่ย” ขำบอก
“แล้วมันจะมาวุ่นวายอะไรกับเดือน”
“มันคงพาล หาเรื่องเดือนล่ะมั้ง”
“ไม่ก็หวังจะให้เดือนมาช่วยกู้วงของมัน เอาไงดี สงสารเดือนจัง ทำไมต้องเจอแต่คนคอยจ้องเอาเปรียบนะ”
ขำทำท่าคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมาชี้ไปที่รวิ
“ว่าไง คิดออกแล้วเหรอ”
“เปล่า แค่จะบอกว่า วันนี้ไม่ไปซ้อมเหรอ”
รวิทำหน้าตกใจ ยกนาฬิกาขึ้นดู ก่อนจะเลิ่กลั่ก วิ่งตาเหลือกไปทั้งกิ่งไม้ที่ถืออยู่ ขำอ้าปากจะตะโกนเรียกแต่ไม่ทัน
รวิวิ่งพรวดพราดเปิดประตูเข้ามาในมาในห้องซ้อม ทุกคนหันมามองเห็นรวิมอมแมม หัวมีเศษใบไม่ติด มือลากกิ่งไม้ใหญ่เข้ามาด้วย
“รวิ ไปทำอะไรมาน่ะ”
ศิริพรถามแล้วเดินเข้ามาจะช่วยปัดเศษฝุ่นเศษใบไม้ แต่รวิเบี่ยงตัวออก ศิริพรเลยเดินสะบัดกลับมานั่ง
“อะไรน่ะ รวิ เครื่องดนตรีใหม่เหรอ” เทพถาม
“อุ้ย” รวิก้มลงมอง รู้ตัว ยิ้มแก้เก้อ ทำเนียนเปิดประตูโยนกิ่งไม้ทิ้งไป “โทษทีครับ เริ่มซ้อมกันไปยัง”
ก้องเดินสีหน้ายียวนเข้ามาตบไหล่รวิ แล้วพูดเหน็บ
“ยังหรอก เรากำลังคุยกันว่าจะหาใครมาเป่าแซกแทนนักมวยเอก”
รวิปัดมือของก้องออก ไม่สนใจหันคุยกับเทพแทน
“ขอโทษคุณเทพด้วยนะครับ ที่ทำให้วุ่นวาย เอ่อ จริงๆ พอชกเสร็จผมมาเล่นต่อก็ได้นะ”
“ป่านนั้นปากเธอคงเจ่อ เป่าไม่ไหวแล้วล่ะมั้ง” ศิริพรบอก รวิหน้าเสียยิ้มเจื่อนๆ เทพดูท่าทีแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องพูด
“เอาเหอะๆ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาแล้ว ทีนี้ที่ชั้นอยากจะบอกก็คือ งานนี้ช่วยกันให้เต็มที่หน่อยละกัน ถ้าเจ๋ง รับรองมีงานมารออีกยาว”
“เราให้เดือนมาเป็นแขกรับเชิญพิเศษด้วยสิ รับรองช่วยโปรโมตวงเราได้อีกเยอะเลย” ก้องบอก
อ่านต่อหน้า 3
หางเครื่อง ตอนที่ 10 (ต่อ)
นภากาศเดินขึ้นไปประจำที่ หันมาพูดกับก้อง
“เค้าเป็นนักร้องระดับนั้นแล้ว จะมาซี้ซั๊วขึ้นร้องเองตามใจชอบได้ยังไง”
“ไม่เห็นจะเป็นไรนี่ เดือนเค้าก็ต้องมาดู...” ก้องชายตาไปมองรวิ “รวิอยู่แล้วนี่ นายช่วยพูดให้ได้ใช่มั๊ยรวิ ไหนๆก็เบี้ยวงานแล้ว ช่วยวงเราเรื่องแค่นี้คงไม่ยากเกินไปใช่มั๊ย”
รวิมองก้องอย่างไม่พอใจที่โดนพูดประชด หันไปมองคนอื่นๆ ไม่รู้จะพูดอะไร
“มันไม่ใช่เรื่องให้ใครจะมาช่วยพูดให้ แต่มันเป็นเรื่องของสัญญา จะไปร้องเพลง จะไปออกงานไหน ก็ต้องให้ต้นสังกัดเค้าอนุญาตก่อน” นภากาศบอก
ศิริพรเดินลอยหน้าลอยตาขึ้นไปหยิบไมค์ ยืนจ้องหน้านภากาศ
“รู้ดีจังเลยนะคะ เหมือนเคยดังเลยเนอะ!” ศิริพรพูดประชด
รวิเห็นท่าทีแต่ละคนแล้วเลยพูดตัดความรำคาญ
“เอาเหอะๆ เดี๋ยวไงผมจะลองถามเดือนดูให้ละกัน”
ทุกคนเดินไปประจำที่เตรียมซ้อม ศิริพรกับนภากาศถือไมค์ยืนจ้องหน้ากัน
เช้าวันใหม่ที่ห้องอัดค่ายเพลง ชูเกียรติยืนถือแก้วกาแฟอยู่ในห้องอัด อีกมือหยิบเนื้อเพลงขึ้นมาดู แก้วเปิดประตูเข้ามา ค่อยๆ ย่องเดินเข้ามานั่งบนโต๊ะไขว้ห้าง ถลกกระโปรงให้สูงขึ้นทำหน้ายั่วยวนใส่ชูเกียรติ
“แก้ว ทำอะไรเนี่ย” ชูเกียรติถามอย่างตกใจ
“แหม พี่เกียรติ ทำท่าแบบนี้ แก้วจะมาตีแบดมั้งเนี่ย”
“นี่มันที่ทำงานนะ เดี๋ยวเป็นเรื่องหรอก”
แก้วไม่สนใจดึงชูเกียรติเข้ามา พยายามถลกเสื้อชูเกียรติให้ออกนอกกางเกง
ขณะนั้นเดือนกับป้อมเดินคุยกันเปิดประตูเข้ามาเห็นพอดีเลยชะงักไป ป้อมชะโงกหน้าเข้ามาดูตาโต อ้าปากค้าง
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ” เดือนบอก
ชูเกียรติผลักหัวแก้วจนหงายหลัง
“เอ่อ เดือน มาเตรียมซ้อมเหรอ”
“อ๋อ ค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เชิญพี่เกียรติตามสบาย”
“เอ่อ เดือน ไม่ใช่ คือ...”
เดือนหันไปพยักหน้ายิ้มๆ กับป้อมรีบพากันเดินออกไป
“อยู่ห้องอัดแล้วอย่าลืมอัดเสียงไว้ด้วยนะฮ๊า เค้าอยากฟิน” ป้อมแซว ชูเกียรติพูดไม่ออกหันไปจ้องหน้าแก้วที่หลับตายื่นปากยั่วยวนชูเกียรติอยู่
แก้วถลาออกมานอกห้องอัดเหมือนมีใครถีบออกมา กระเป๋าแก้วลอยตามออกมาพร้อมกับมือของชูเกียรติที่ดึงประตูปิดดังโครม
“ไอ้ ไอ้พี่เกียรติ ไอ้บ้า โว๊ยย”
แก้วก้มลงหยิบกระเป๋าเดินกระฟัดกระเฟียดมาเจอเดือนกับป้อมที่ยืนมองอยู่พอดี
“อ้าว เสร็จแล้วเหรอ ไวจัง แหม เร่าร้อนรุนแรง น่าอิจฉา” ป้อมบอก
“เรื่องของผู้หญิง กระเทยควายไม่เกี่ยว” แก้วสวนกลับ
“แอร๊ย แต่กระเทยไม่เคยโดนใครถีบออกมานะคะคุณน้อง”
เดือนกับป้อมเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะ แก้วโกรธจัดกรี๊ดใส่ป้อม ก่อนจะเดินชนทั้งคู่กระฟัดกระเฟียดออกไป
“เฮ้อ แก้วเองจริงๆ ก็เป็นคนสวยนะ ไม่น่าทำอะไรแบบนี้เลย” เดือนบ่นอย่างเสียดาย ป้อมบีบไหล่เดือนทั้ง 2 ข้างเบาๆ
“เดือนเอ๊ย ความสวยมันจะหมดค่าทันทีนะ ถ้าไม่รู้จักคำว่า “ยางอาย”
เดือนส่ายหน้ามองตามแก้วอย่างปลงๆ
แก้วเดินกระฟัดกระเฟียดลงมานั่งที่โต๊ะในร้านกาแฟด้านล่างในค่ายเพลง แดนเซอร์ 2 คนเดินผ่านมาเลยทักแก้ว
“อ้าว แก้ว ไม่ขึ้นไปซ้อมเหรอ”
“ไปพร้อมกันมั๊ย เนี่ย กำลังจะขึ้นเลย”
แก้วหันมามองเบะปากใส่
“ไม่ซ้อม ไม่มีอารมณ์ จะไปไหนก็เชิญ”
แดนเซอร์ 2 คนหันไปซุบซิบกันก่อนจะมองแก้วอย่างหมั่นไส้ แล้วเดินเลี่ยงไป แก้วหน้าบึ้งมองไปทางโน้นทีทางนี้ที สายตาแก้วเห็นผู้ชายคนหนึ่งอยู่นอกร้าน พนักงานและ รปภ.ที่อยู่แถวนั้นต่างทำความเคารพอย่างนอบน้อม
แก้วรีบลุกขึ้นเดินไปดูที่กระจก สงสัยเหมือนเคยเห็นที่ไหน หันไปถามคนที่อยู่ใกล้ๆ
“นี่ๆ ผู้ชายคนนั้น”
“อ๋อ เสี่ยวาทิน เจ้าของค่ายเพลงนี้ไง ทำไมเหรอ”
แก้วทำท่าเหมือนคิดอะไรได้ จัดแจงปลดกระดุมเสื้อออก เดินลอยหน้าออกไปทันที แก้วแกล้งเดินผ่านไปที่เสี่ยวาทิน แล้วแกล้งเป็นลมตรงเสี่ย เสี่ยวาทินตกใจสั่งให้คนอื่นๆ ช่วยพยุงแก้วขึ้นรถแล้วขับออกไป
อีกด้านหนึ่งที่บ้านรวิ รวิซ้อมชกมวยอยู่ที่ลานในบ้าน เหงื่อท่วมตัว รวิเปลี่ยนมาฝึกเต้นฟุตเวิร์คไป พูดคนเดียวไป
“มาๆ เข้ามา”
เท้าของรวิโดดไปโดดมา แต่พลาดเหยียบเชือกผูกรองเท้าตัวเอง รวิล้มคว่ำหน้าคะมำ รวินอนคว่ำหน้าคะมำอยู่ค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้น หน้ามีรอยเต็มไปหมด รวิมองซ้ายมองขวากลัวใครมาเห็น
“ดีนะ ไม่มีใครเห็น” สายตารวิหันไปเห็นเทพยืนหัวเราะ เอามือถือถ่ายอยู่ “คุณเทพ ถ่ายอะไรครับ”
เทพเดินเข้ามา ตรงไปนั่งที่โต๊ะ
“วันนี้ชั้นมีธุระจะคุยกับนายหน่อยน่ะ”
รวิทำหน้าแปลกใจแต่ก็ยิ้มๆ พยักหน้ารับเดินมานั่งกับเทพ
“คุณเทพมีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“เฮ้อ คงต้องพูดกับนายตรงๆ ล่ะนะ วงเราต้องยอมรับว่าตอนนี้งานน้อยลงมาก” เทพถอนหายใจ มองหน้ารวิ “งานวันมะรืนนี้ เป็นงานใหญ่ ชั้นอยากให้มันออกมาเจ๋งที่สุดนะ พูดตรงๆ เลยละกัน ชั้นเห็นด้วยกับก้องนะ ถ้าเผื่อว่าเดือนจะมาช่วยโปรโมตให้เรา”
รวิพยักหน้าเข้าใจทันที
“ผมเองพอจะพูดให้ได้หรอกครับ แต่อย่างที่พี่นภาบอก เรื่องของสัญญากับทางค่าย”
“เรื่องนั้นชั้นก็คิดอยู่ แต่ถ้าเผื่อ ถ้าเผื่อนะ มันเป็นไปได้ มันก็โอเคใช่มั๊ยล่ะ” รวิพยักหน้าเห็นด้วย “ยังไงก็ฝากนายด้วยละกันนะ” เทพเอามือตบไหล่รวิ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป “อ่อ คลิปตะกี๊นี้ เดี๋ยวชั้นส่งไปให้เดือนนะ”
รวิอ้าปากจะพูดแต่เทพเดินหัวเราะโบกมือออกไป
เย็นวันเดียวกันนั้นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เดือนกับป้อมนั่งหัวชนกันดูคลิปรวิซ้อมชกมวยที่เทพส่งมาให้ ทั้งคู่ดูแล้วหัวเราะคิกคัก
“พี่รวินี่ โก๊ะตลอด ชอบทำอะไรเปิ่นๆ ไม่รู้ไปติดมาจากไหน”
“ก็ติดมาจากคนแถวนี้ล่ะ”
เดือนหุบยิ้มหันมามองหน้าป้อม
“พี่ป้อม”
“อะแฮ่ม” ชูเกียรติแกล้งกระแอมแต่ไม่มีใครสนใจ
“นี่ๆ ดูสิ หน้าเลอะเต็มเลยเห็นมั๊ย ฮิๆ”
“อะแฮ่ม!” ชูเกียรติกระแอมอีก แต่ก็ยังไม่มีใครสนใจ
“อุ๊ย ดั้งหักมั๊ยนั่น เสล่อจริงๆ พี่รวิเนี่ย”
“อะแฮ่มๆ แค่กๆ” คราวนี้ชูเกียรติไอจริง
เดือนกับป้อมเงยหน้าขึ้นมองเห็นชูเกียรติตาลีตาเหลือกคว้าน้ำมาดื่ม
“พี่เกียรติ เจ็บคอเหรอคะ”
“เอ๊ะ หรือมีอะไรติดคอ ป้อมช่วยดูให้มั๊ยฮ๊า เอ้าอ้ากว้างๆ เร๊ว”
ชูเกียรติรีบถอยหลังหนี
“หายแล้วจ้ะ ไม่เป็นอะไร ว่าแต่ดูอะไรกันอยู่ล่ะนั่น”
“คลิปพี่รวิซ้อมชกมวยน่ะค่ะ”
ชูเกียรติเบะปาก
“อ้อ นายคนนั้นเอง วันไหนนะ”
“มะรืนนี้แล้วค่ะ เดือนขอไม่รับงานนะคะ”
“ไม่ได้หรอกเดือน งานต้องมาก่อน”
“แต่เรื่องนี้เราเคยตกลงกันไว้แล้วนี่คะ”
ชูเกียรติอ้าปากจะค้าน แต่นึกอะไรขึ้นได้ ยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ แกล้งตกลงกับเดือน
“นั่นสินะ เราเคยตกลงกันไว้นี่ เอ แต่ทำไงดีน้า ลูกค้าเชิญให้ไปร่วมงานด้วย ตั้ง 2 ที่แน่ะ” เดือนมีสีหน้าเริ่มกังวลกลัวจะไม่ได้ไปดูรวิ “เอาอย่างนี้ เธอ” ชูเกียรติชี้มือไปที่ป้อม “พรุ่งนี้ตอนเย็นช่วยเอาเอกสารกับกระเช้าไปให้ลูกค้าที่หนึ่ง ส่วนเดือนกับพี่เดี๋ยวจะไปอีกที่หนึ่ง ตกลงมั๊ย”
ป้อมทำท่าจะค้านแต่เดือนจับมือป้อมไว้
“เอางั้นก็ได้ค่ะ”
“เยี่ยม ถ้างั้นก็ไม่มีปัญหา”
ชูเกียรติยิ้มหน้าบานอย่างมีความหวัง ป้อมหันมาส่งสายตาดุเดือน แต่เดือนส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร
ชูเกียรติเดินผิวปากอารมณ์ดีไปที่รถ ป้อมกับเดือนเดินตามหลังมา
“ทำไมไปยอมมันหาเดือน พี่ว่ามันต้องมีแผนอะไรแน่”
“ก็ชั้นกลัวไม่ได้ไปดูพี่รวินี่นา”
“แล้วนี่จะทำไง คิดไว้ยัง” เดือนหันมายิ้มแหยๆ ส่ายหน้ากับป้อม ป้อมถอนหายใจส่ายหน้า “เดือนเอ๊ย คงต้องใช้แผนนั้นจริงๆ แล้วล่ะ”
ป้อมทำท่าครุ่นคิด
เช้าวันรุ่งขึ้น ชูเกียรติเดินยิ้มแย้มฮึมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีเข้ามาที่ห้องทำงาน
“แหม วันนี้อารมณ์ดีจังเลยนะพี่เกียรติ”
“แน่นอน เรื่องสนุกๆ มันกำลังจะเกิด”
“พูดเหมือนรู้เลยนะ”
ชูเกียรติทำหน้าสงสัย
“รู้อะไร”
“อ้าว นึกว่ารู้แล้ว เสี่ยเค้าโทรมาเมื่อเช้า อยากให้ดันนักร้องใหม่ เห็นว่าจะให้ฟีทเจอริ่งกับเดือนเลยด้วยนะ”
“หือ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย ใครกันล่ะ นักร้องใหม่ที่ว่า”
“จะว่าใหม่ก็ไม่ใหม่หรอกพี่ ก็เด็กพี่อีกคนนั่นล่ะ นั่นไงมาพอดี”
ชูเกียรติหันหลังกับไปมอง เห็นแก้วเดินเชิดหน้า ยิ้มๆ เข้ามาจ้องหน้าชูเกียรติ
“ฝากตัวอีกครั้งนะคะ พี่เกียรติ”
แก้วพูดใส่หน้าชูเกียรติ
ชูเกียรติยืนคุยโทรศัพท์ ยิ้มเจื่อนๆ แก้วยืนมองอยู่ห่างๆ
“จะดีเหรอครับเสี่ย แก้วพื้นฐานยังสู้เดือนไม่ได้เลยนะครับ ฝึกเหรอครับ แต่ว่า ชะอุ๋ย ได้ครับเสี่ย ไม่ครับ ไม่มี๊ ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับเสี่ย ครับๆๆ เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ”
ชูเกียรติกดวางโทรศัพท์ถอนหายใจ แก้วยิ้มเชิดๆ เดินเข้ามาหาชูเกียรติ
“ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั๊ยคะพี่เกียรติ”
ชูเกียรติพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้
“ก็เดี๋ยวแก้วก็ไปคุยรายละเอียดกับทางโปรดิวเซอร์เอานะ”
“อ้าว แล้วพี่เกียรติไม่มาช่วยแก้วจัดการหน่อยเหรอคะ แล้วเดือนอีก เราต้องจอยกันไม่ใช่เหรอคะ”
“ก็เดี๋ยวรอให้พี่กับเดือนกลับมาจากต่างจังหวัดก่อนแล้วกัน”
“ต่างจังหวัด? ไปไหนกัน”
“ก็งานศึกชกมวยของพิมุกไง เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ วันนี้พี่ยุ่ง”
ชูเกียรติรีบเดินเลี่ยงๆ ออกไป
“งานของพี่พิมุกงั้นเหรอ”
แก้วมีสีหน้าอ่อนลงทันทีเมื่อพูดถึงพิมุก
อ่านต่อหน้า 4
หางเครื่อง ตอนที่ 10 (ต่อ)
ตอนเย็น ป้อมแต่งตัวโดดเด่นยืนถือกระเช้าดอกไม้ มือหนึ่งถือที่อยู่ที่ชูเกียรติจดให้
คนที่เดินผ่านไปผ่านมาโดยเฉพาะผู้ชายมองป้อมแล้วยิ้มๆ
“มองอะไรฮ๊า กระเทยนะฮ๊า ไม่ใช่แวมไพร์ ไม่กัดฮ่ะ ว่าแต่ที่อยู่อะไรของมันเนี่ย ไหนล่ะ” ป้อมเอามือปาดเหงื่อก่อนจะก้มลงมองที่อยู่อีกครั้ง “หนอย คิดว่ากระเทยโง่หรือไง” ป้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก “ฮัลโหล ไอ้ขำ ข้าว่าสงสัยเป็นอย่างที่พวกเราคาดการณ์ไว้แล้วล่ะ เอ็งจัดการสั่งเด็กเอ็งได้เลย เออๆ เดี๋ยวข้าจะรีบกลับ ตอนนี้อยู่ตรงไหนเหรอ” ป้อมหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ “ไม่รู้ว่ะ เออๆ คงไม่ไกลกันเท่าไหร่หรอก แค่นี้นะ กระเทยอย่างข้าไม่โง่นะโว้ย ทางแค่นี้จะหลงได้ไง รู้จักอีป้อมน้อยไปซะแล้ว”
ป้อมกดวางโทรศัพท์ก่อนจะเชิดหน้าเดินไป
คืนนั้นที่คอนโดเดือน เดือนเดินไปเดินมา กระวนกระวายอยู่ในห้องรับแขก เสียงกดออดหน้าประตูดังขึ้น เดือนสะดุ้ง กลืนน้ำลายก่อนเดินกล้าๆ กลัวๆ ไปเปิดประตูเห็นชูเกียรติ ยืนยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ เดือนหน้าเสีย พยายามฝืนยิ้ม
“พี่เกียรติ ไปกันเลยมั๊ยคะ”
ชูเกียรติเดินยิ้มเข้ามา เดือนถอยหลังเริ่มระแวง
“ไปไหนกันจ๊ะ”
“อ้าว ก็พี่เกียรติบอกว่า เราจะเอากระเช้าไปให้ลูกค้าก่อนไงคะ เพราะวันพรุ่งนี้”
ชูเกียรติแกล้งพยักหน้ารับ
“อ๋อ พี่แวะเอาไปให้แล้วจ้ะ พอดีผ่านทางนั้นพอดี” ชูเกียรติเดินหน้าเข้าไปหาอีก เดือนพยายามถอยหลังตาม
“เดือนไม่ต้องเขินหรอกน่า พี่ช่วยพูดกับพิมุกไปแล้วนะ คราวนี้ถึงตาเดือนทำตามสัญญาบ้างแล้ว”
เดือนทำหน้าไม่ถูกพยายามหาทางหนีทีไล่
“ใจเย็นค่ะพี่เกียรติ เดือนว่าพี่เกียรติพึ่งมาเนี่ย นั่งพักซักหน่อยดีกว่านะคะ” เดือนแกล้งเอาใจ ดึงแขนชูเกียรติไปนั่ง “เดี๋ยวเดือนไปหาอะไรเย็นๆ ให้พี่เกียรติดื่มก่อนดีกว่าค่ะ”
ชูเกียรติพยักหน้ารับมองเดือนด้วยหน้าตาหื่น
“เอางั้นก็ได้จ้ะ”
เดือนแกล้งยิ้มก่อนจะหันหลังมา เบะปากรีบเดินเลี่ยงเข้าห้องครัวไป ชูเกียรติมองตามยิ้มหื่นๆ ก่อนจะหยิบแผงยาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า
“คืนนี้ล่ะ พ่อจะไม่ให้หลับไม่ให้นอนเลย โอ๊ย คึกโว้ย”
ชูเกียรติจัดแจงฉีกแผงยาออกหยิบใส่ปากเข้าไป ทำท่าคึกคัก
ในห้องครัว เดือนถือโทรศัพท์รอสายทำท่ากระวนกระวาย
“รับซะทีสิพี่ป้อม รับสิ ฮัลโหลพี่ป้อม” เดือนเอามือป้องพูดเบาๆ “เดือนจะแย่อยู่แล้วนะ หา อีก 5 นาที โอ๊ยเดือนจะรอดมั๊ยเนี่ย โอเคๆ จ้ะ เดี๋ยวเดือนถ่วงเวลาไว้ก่อน”
เดือนกดวางสาย สีหน้ายังกังวลอยู่ก่อนจะหันไปเปิดตู้เย็นเทน้ำใส่แก้ว สูดลมหายใจเข้า ตัดสินใจถือแก้วน้ำเดินออกไป
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านของรวิ รวิยังคงฝึกซ้อมอยู่ ทั้งวิดพื้นทั้งฝึกชก ขำขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดก่อนจะเดินเข้ามาหารวิ
“ฟิตเต็มที่เลยนะ”
รวิหยุดซ้อมหนักใจ เอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดก่อนจะเดินมาคุยกับขำ
“ไม่รู้เดือนจะมาแน่หรือเปล่า”
“เฮ้ย มาอยู่แล้ว ถ้าไม่มาใครจะมาเยี่ยมนายที่โรงบาลล่ะ”
“ไม่คิดว่าชั้นจะชนะ”
ขำส่ายหน้าเต็มที่
“ไม่คิด”
“ขอบคุณมาก”
“อย่าได้เกรงใจ”
รวิหันมาจ้องหน้าขำที่ยักคิ้วทำหน้าทะเล้นอยู่
ที่คอนโดเดือน ชูเกียรตินั่งไอค่อกแค่กอยู่ เดือนถือแก้วน้ำเข้ามาชูเกียรติรีบคว้าไปกระดกทันที
“พี่เกียรติเป็นอะไรเหรอคะ”
“อ่อ ไม่เป็นไรจ้ะ แค่กๆ ยา มันติดคอนิดหน่อย แค่กๆ”
“ยา? ไม่สบายเหรอคะ ถ้างั้นกลับไปพักที่บ้านดีมั๊ยคะ” สีหน้าเดือนเริ่มมีความหวัง ชูเกียรติทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้
“อ๋อ ยาอมมันติดคอนิดหน่อยจ้ะ”
“มันน่าจะติดให้ตายไปเลย” เดือนพูดคนเดียว
“เดือนว่าอะไรนะจ๊ะ”
“อ๋อ เปล่าค่ะ เดือนบอกว่าเดี๋ยวมันก็ละลายค่ะ” เดือนแกล้งยิ้ม ชูเกียรติเขยิบเข้ามาใกล้เดือน เดือนก็พยายามถอยหนี
“พี่ว่า ตอนนี้ ถึงเวลาเรามารักษาสัญญากันได้แล้วมั้ง”
ชูเกียรติโน้มตัวลงมายื่นหน้าเข้ามาใกล้
ที่บ้านรวิ รวิกำลังบ่นกับขำเรื่องเดือน
“เฮ้อ ป่านนี้เดือนทำอะไรอยู่น้า”
ขำมีสีหน้ากังวลขึ้นมาทันที
“ผจญภัยอยู่มั้ง” รวิหันมามองหน้าขำอย่างสงสัย ขำแกล้งลุกขึ้นยืน ชวนรวิซ้อม “มา ซ้อมกันดีกว่า เดี๋ยวชั้นเป็นคู่ซ้อมให้”
รวิทำหน้าแปลกใจที่อยู่ๆ ขำก็ดูแปลกๆ แต่ก็ลุกขึ้นมาซ้อมกับขำ
ขำมีสีหน้ากังวลเรื่องเดือน เลยเหม่อไปหน่อย พอดีกับที่รวิเหวี่ยงหมัดมา
ส่วนที่คอนโดเดือน ชูเกียรติหงายหลังจนตกเก้าอี้ไปลงไปกอง
“ว้าย พี่เกียรติ เดือนขอโทษค่ะ” เดือนแอบสะใจ ชูเกียรติโกรธ
“ทำอะไรน่ะเดือน หา”
“เดือนขอโทษ ก็เดือนตื่นเต้นนี่คะ”
ชูเกียรติลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ เดินเข้ามาหาเดือนใหม่ เดือนถอยหนี
“คราวนี้อะไรอีกล่ะ”
“พี่เกียรติ ไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ เดือนไม่ชอบตัวเหนียวๆ น่ะค่ะ นะคะ พี่เกียรติขา” เดือนแกล้งอ้อน “เดี๋ยวเดือนไปรอในห้องนอน เราจะได้มีความสุขกันแบบเต็มที่ไง”
ชูเกียรติถอนหายใจ ลุกขึ้นเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปอย่างไม่เต็มใจ เดือนนั่งกระสับกระส่ายลุ้นระทึก
เดือนยืนถือโทรศัพท์กระสับกระส่ายอยู่หน้าห้อง เสียงโทรศัพท์ดังเดือนรีบกดรับชะโงกมองกลัวชูเกียรติจะได้ยิน
“ฮัลโหล หา อยู่หน้าห้องแล้วโอเคๆ”
เดือนมองเหลียวหลังอย่างระแวง ค่อยๆ เปิดประตู ที่หน้าประตูมีสาวประเภท2 หน้าตาสวยคนหนึ่งยืนอยู่
“อุแม่เจ้า งานนี้ชะนีมีตาย เข้ามาจ้ะ เบาๆ นะจ๊ะ”
“ฮ่ะ” สาวตอบรับเสียงใหญ่ เดือนสะดุ้งหันไปมองสาวประเภท2 คนนั้น ก่อนจะเอามือจุ๊ปาก
“ว่าแต่เธอ เอ่อ...” เดือนทำท่าเหมือนเฉาะ “หรือยัง”
“แล้วฮ่ะ ไม่ต้องห่วงนะฮ๊า ไม่มีทางรู้เด็ดขาดฮ่ะ” สาวบอกเสียงใหญ่ เดือนยิ้มแหยๆ
“จะรู้ก็อีตรงเสียงนี่ล่ะ ห้ามออกเสียงเด็ดขาดเลยนะ”
เดือนพาสาวประเภท2 คนนั้นเข้าไปที่ห้องนอนพยักหน้าให้ สาวประเภท2 เดินเข้าไป จัดแจงปิดไฟปิดประตูเบาๆ เอาหูแนบประตูแอบฟัง
เสียงภายในห้อง ชูเกียรติเดินออกมาจากห้องน้ำ ผิวปากอย่างอารมณ์ดี
“แหม เตรียมพร้อมเลยนะเดือน ไหนมาให้พี่ชื่นใจก่อนซักทีสิ อืม ชื่นใจ เอ๊ะนี่เดือนเล่นกล้ามด้วยเหรอจ๊ะ ไหล่แน่นเชียว มามะ แข็งแรงแบบนี้พี่ชอบ แล้วนี่จะไม่พูดอะไรกับพี่หน่อยเหรอ โอ๊ะ โอ๊ะ ใจเย็นเดือน อุ อย่าบีบตรงนั้น เบา เบา เดือน เดือนน”
เดือนที่ยืนแอบฟังอยู่ทำท่าทำหน้าแบบหยะแหยง ขนลุกก่อนจะรีบเดินเลี่ยงออกไป
เช้าวันรุ่งขึ้นที่ท่ารถ เดือนกับป้อมลงมาจากรถ คนแถวนั้นต่างชี้ไม้ชี้มือมาที่เดือน
เดือนยิ้มตอบแล้วรีบเดินเข้าไปหาขำที่เดินเข้ามาก่อน ส่วนรวิยืนรออยู่
“เป็นไงมั่งเดือน เรียบร้อยมั๊ย” ขำถาม เดือนยิ้มพยักหน้ารับ
“ขอบใจขำมากนะ”
“เยี่ยมเลยแผนเอ็ง” ป้อมบอก
“หุหุ น้องคนนั้นเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่ชั้นคัดสรรมากับมือ” เดือนกับป้อมหันมาจ้องหน้าขำ “ชั้นไม่ได้หมายถึงแบบนั้น อย่าคิดลึก”
“หรา” เดือนกับป้อมบอกพร้อมกัน ขำเอามือขึ้นมาจุ๊ปากกลัวรวิได้ยิน
“ถ้าพ่อนักมวยเรารู้เรื่อง คงห่วงเดือนจนคลั่งตายแน่”
เดือนรีบเดินเข้าไปหารวิ ที่ยืนยิ้มรออยู่
“ไง นักร้องดัง คิดถึงกันมั๊ยนี่”
“ไม่มั้ง พ่อนักมวย คืนนี้อย่าร่วงซะก่อนล่ะ”
“ถ้าไม่ร่วง จะมีรางวัลมั๊ย”
“ดูก่อน อยากได้อะไรล่ะ” รวิก้มหน้าลงมากระซิบกับเดือน เดือนหน้าแดงก่ำยืนบิดไปมา “บ้า”
“โอเคมั้ยอ่ะ”
เดือนไม่ตอบแต่ยิ้มๆ รวิเอามือขึ้นมาขยี้หัวเดือนก่อนจะช่วยถือกระเป๋าแล้วพากันเดินไป
สถานที่จัดงานชกมวย คนกำลังเตรียมงาน เครื่องเสียงทยอยติดตั้ง แม่ค้าพ่อค้าบางคนทยอยเอาของมาลง
บรรดานักมวยจากค่ายต่างๆ มายืนดูเวที บางคนยืนพนมมือปากขมุบขมิบอะไรซักอย่างอยู่ข้างเวที พิมุกยืนกอดอกมองอย่างพออกพอใจ
“และแล้วทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ คูณสี่”
บ่างรีบเดินเข้ามานวดพิมุกทำท่าเลียแผล่บๆ
“อลังการงานสร้างมวากก เหมือนกับที่โบราณเค้าว่า อะไรน้า”
“ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” เตี้ยบอก บ่างหันมาตบมือ
“เออ ใช่ๆ”
พิมุกหันมาจ้องหน้าทั้งคู่ เตี้ยกับบ่างรู้ตัวรีบเอามือขึ้นมาป้อง แต่พิมุกยืนยิ้มไม่พูดอะไร
“วันนี้ข้าจะปล่อยๆ พวกเอ็งซักวัน จะเก็บแรงไว้จัดหนักคืนนี้”
พิมุกเดินหันหลังกลับไป ปล่อยให้เตี้ยกับบ่างหันมามองหน้ากันอย่างประหลาดใจ
รวินั่งอยู่ที่โต๊ะไม้หน้าบ้านรวิ ขำกับป้อมนั่งเช็ดนวมของรวิอยู่
“พี่รวิ ชั้นเป็นห่วงพี่จริงๆ นะ”
“ห่วงอย่างเดียวไม่พอ ต้องรักด้วย”
“ยังจะมาทะเล้นอีก”
“ฮ่าๆ โธ่เอ๊ย เดือนไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก ช่วงที่เดือนไม่อยู่พี่ก็ซ้อมอยู่ทุกวันนะ ไม่เชื่อถามขำดูก็ได้”
“ก็ยังห่วงอยู่ดีนั่นล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงน่า พี่มีของขลัง” เดือนทำหน้าสงสัยมองรวิที่ล้วงกระเป๋าหยิบอะไรออกมา “แต๊แด นี่ไงของขลังของพี่”
เดือนก้มลงมองในมือของรวิ เห็นเป็นพวงกุญแจตุ๊กตาไม้ที่รวิทำให้เดือนเหมือนกัน เดือนเลยหยิบของตัวเองออกมาดูบ้าง รวิเอื้อมมือมากุมมือเดือน มองหน้าสายตาแสดงความรัก
“เชื่อพี่นะ พี่จะไม่เป็นอะไร พี่มีเด็กบ๊องๆ คนนี้ที่ยังต้องดูแลอีก จะเป็นไรได้ไง”
เดือนยิ้มพยักหน้ามองรวิด้วยสายตาที่แสดงความรักเหมือนกัน ขำกับป้อมที่เช็ดนวมไปด้วยมองเดือนกับรวิไปด้วย
“พี่ป้อม ชั้นซึ้งกับเรื่องแบบนี้อ่ะ น้ำตาจะไหล ขอเก้าอี้นะ”
ป้อมหันขวับมามองขำอย่างหมั่นไส้
“ขอแชร์สินะ ถุย! นี่ถ้าไม่โซเชี่ยลนี่ไม่เก็ทนะ”
รวิกับเดือนยังนั่งจับมือมองตากันอยู่
อ่านต่อตอนที่ 11