หางเครื่อง ตอนที่ 9
ไม่นานต่อมา ได้ยินเสียงป้อมแหกปากร้องดังลั่นออกมานอกบ้าน จนคนที่เดินผ่านสะดุ้ง รีบจ้ำเดินหนี
“เลว!” ป้อมกระแทกสากลงครกแรงๆ “เลวมาก! เลวกันทั้งบ้านเลยมั้ง ใช้วิธีแบบนี้มาแลกกับการเข้าใกล้เดือนงั้นเหรอ”
“ใช่ๆ สกปรกที่สุด เดือนอย่าไปยอมมันนะ” ขำเสริม
เดือนยิ้มแหยๆ ก่อนจะบอกขำกับป้อม
“ชั้นตอบตกลงไปแล้วจ้ะ”
“อะไรนะ”
“โธ่ เดือน คิดยังไงนะไปตกลงกับมันน่ะ”
“ชั้นเป็นห่วงพี่รวินี่ แล้วพี่เกียรติเค้าก็สัญญาว่าจะพูดกับพี่พิมุกให้ เค้าอาจจะยอมล้มมวยก็ได้นะ”
“ไม่มีทางหรอกเดือน คนอย่างไอ้พิมุกนะ มันไม่มีทางยอมแพ้คนง่ายๆ หรอก”
“แล้วนี่รวิรู้เรื่องหรือยัง”
“ยังจ้ะ พี่ป้อมกับขำอย่าบอกพี่รวินะ”
“ทำไมล่ะเดือน”
“ถ้าเขารู้เขาต้องไม่ยอมแน่”
“โธ่เอ๊ยเดือน แล้วเดือนจะไปอยู่ได้ยังไง รับรองไอโมเดลลิ่งนั่นมันเข้าหาเดือนแน่”
เดือนส่ายหน้า ไม่รู้จะตอบยังไง ขำทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะดีดนิ้ว เผยอยิ้มออกมามองหน้าทุกคน
“หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง”
“หนามยอกก็ใส่ยาสิวะ เอามาบ่งทำไม” เดือนกับขำหันมาจ้องหน้าป้อมที่เล่นมุขไม่ขำ ป้อมทำหน้าเจื่อนๆ
“โอเค รู้ว่าแป้ก เค้าล้อเล่นน่ะ”
ขำเดินจ้ำเอาๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าค่ายมวยพิมุก ป้อมกับเดือนมองหน้ากันทำท่าลังเล
“จะดีเหรอขำ ชั้นว่ามันยังไงๆ อยู่นะ”
“นั่นสิ ไอ้ขำ ข้าก็ไม่อยากให้เดือนมาเสี่ยงหรอกนะ”
“เอาน่า เชื่อชั้นสิ วิธีนี้น่ะเจ๋งสุด ไปๆ ลุยกันเถอะ”
เดือนกับป้อมทำท่าลังเล จนขำต้องมาดึงทั้งคู่เดินเข้าไป
พิมุกกำลังยืนให้เตี้ยกับบ่างนวดเตรียมชกอยู่ เตี้ยกับบ่างหันมาเห็นพวกเดือนพอดีเลยนวดเพลินเลยขึ้นมาถึงหัวพิมุก
“พี่ๆ”
“อะไรของพวกเอ็งวะ นี่มันหัวข้าน่ะโว้ย”
บ่างสะกิดให้พิมุกหันไปดู
“โน่นๆ พี่ มีแขก VIP มา”
“VIP ที่ไหนของเอ็งอีกวะ” พิมุกหันมามอง พอเห็นเป็นเดือนกับพวกก็ยิ้มกว้างอย่างแปลกใจ “โอ้โห สงสัยวันนี้หิมะจะตก น้องเดือนมาหาพี่เองถึงที่เลยเหรอ มีอะไรจ๊ะ หรือว่าคิดถึงพี่”
เดือนกับป้อมทำหน้าบอกไม่ถูก แต่ขำแกล้งทำท่ากรีดกรายเข้ามาเกาะแกะพิมุกแทน
“แอร๊ย พี่พิ น้องขำคิดถึงพี่พิม๊ากมากเลยค่ะ”
พิมุกทำท่ารังเกียจ เตี้ยกับบ่างยืนมองอย่างงงๆ
“อะไรของแกเนี่ย อยู่กับกระเทยควายมาก เลยติดเชื้อมาหรือไง ปล่อยสิวะ ขนลุก”
ขำแกล้งลูบแขนลูบไหล่พิมุก
“แหม พี่พิอ่ะ วันนี้น้องมีเรื่องจะมาขอรบกวนพี่ซะหน่อย เรื่องของเดือนน่ะ พี่พิไม่สนเหรอ”
พิมุกพยายามแกะมือขำออก แต่พอได้ยินว่าเป็นเรื่องของเดือนก็ชะงัก หันไปจ้องหน้าเดือน ที่ยืนยิ้มแห้งๆ อยู่
“คือ เดือนมีเรื่องจะขอรบกวนพี่พิมุกหน่อยน่ะจ้ะ คิดว่าไม่มีใครช่วยได้นอกจากพี่”
พิมุกสีหน้าภูมิใจขึ้นมาทันที แต่เดือนแอบเบะปาก
“ใช่ๆ เรื่องของญาติพี่พิมุกนั่นล่ะฮ่ะ แมร่งหื่น อุ๊ย ลืมตัว คือว่าจริงๆ แล้วเรื่องมันเป็นแบบนี้”
พิมุกรอฟังอย่างตั้งใจ
เย็นวันนั้นที่บ้านพิมุก
“ล้อกันเล่นหรือเปล่า แบบนี้หมายความว่าไง”
ชูเกียรติพับหนังสือดาราโยนลงโต๊ะ
“ทำไม มีปัญหาอะไรนักเหรอ แค่ฝากคนไปคอยดูแลน้องเดือนแค่เนี้ย”
“ให้อีกระเทยควายนั่นน่ะนะ แล้วทำไมจะต้องมีคนดูแล ชั้นเป็นผู้จัดการอยู่แล้วชั้นจัดการเองได้ เรื่องงานบ้านอะไรก็จ้างเค้าเอา”
พิมุกลุกขึ้นแกล้งยิ้มเดินมานั่งใกล้ๆ ชูเกียรติ เอามือโอบไหล่จ้องหน้า
“นายเคยบอกชั้นว่าเดือนจะไปอยู่กับไอ้รวิไม่ใช่เหรอ แล้วนายยังบอกกับชั้นอีกว่าเด็กที่จะมาอยู่ที่คอนโดนายนั่นน่ะ เป็นเด็กใหม่ไม่ใช่เดือน”
ชูเกียรติหน้าถอดสี ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง
“คือ เอ่อ เกิดการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยน่ะ บริษัท ใช่ๆ ที่บริษัทเค้าอยากให้ชั้นดูแลเดือนให้ใกล้ชิดกว่าเดิมน่ะ ก็เลย...”
พิมุกยิ้มเหี้ยมเกรียม
“งั้นเหรอ ถ้างั้นก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ ชั้นก็แค่ให้คนไปอยู่เป็นเพื่อนเดือนอีกคน ค่าใช้จ่าย ออกให้ก็ได้”
“แต่ว่า...”
“นายไม่ได้คิดอะไรกับเดือนไม่ใช่เหรอ ไม่น่ามีปัญหานะ เอ๊ะหรือว่า คิด!”
พิมุกจ้องหน้าชูเกียรติ สีหน้าเหี้ยม มือที่โอบไหล่บีบแรงขึ้นอีก
“ปะ เปล่า เปล่านี่ จะว่าไปแล้วก็ดีเหมือนกันนะ ดีๆ จะได้มีคนช่วย”
พิมุกยิ้มออก ก่อนจะค่อยๆ คลายมือที่บ่าชูเกียรติออก ตบบ่าเบาๆ แล้วลุกขึ้นเดินออกไป ชูเกียรติมีสีหน้าโกรธขึ้นมาทันที ชกมือตัวเองอย่างเจ็บใจ
เดือน ป้อม ขำเดินกันไปคุยกันไป เดือนดูท่าทางยังเป็นกังวลอยู่
“คิดว่าจะได้ผลมั้ยอ่ะ”
“อยู่แล้ว ขำฟันธง”
“แต่จะว่าไปก็สะใจดีนะ ให้มันตีกันเอง ที่สำคัญ อยู่ๆ ชั้นก็ได้เงินเดือนจากศัตรูอีก”
“แล้วพวกเราก็จะได้ไม่ต้องห่วงเดือนด้วย เห็นมั้ย หัวชั้นดีมั้ยล่ะ”
เดือนมองหน้าป้อมกับขำ ดูคลายกังวลขึ้น
“จ้า เรื่องแบบนี้น่ะยกให้เลย”
“ไอ้เรื่องเจ้าเล่ห์ๆ ขี้โกงๆ เนี่ย เอ็งที่หนึ่ง”
ป้อมชม ขำยืดอกทำท่าภาคภูมิใจ เดือนกับป้อมมองขำแล้วหัวเราะเบาๆ
“แต่แบบนี้ พี่ชูเกียรติเค้าจะไม่โกรธเหรอ ดีไม่ดีเดี๋ยวพาลไม่ช่วยพูดเรื่องชกมวยของพี่รวิล่ะ จะทำยังไง”
“ไม่ต้องห่วง เรื่องนั้นชั้นคิดเอาไว้แล้ว”
เดือนกับป้อมหันมามองหน้ากันงงๆ
“คิดว่าไง”
“เอาน่าๆ ถึงเวลาก็รู้เองแหล่ะ”
“เอ่อ ยังไงชั้นขอร้องนะ อย่าบอกพี่รวินะ ว่าทำไมชั้นถึงยอมไปอยู่คอนโดนั่น”
“เฮ้อ นางเอกอีกแล้วน้องสาวชั้น”
เดือนยิ้มๆ ไม่พูดอะไร ป้อมกับขำพยักหน้ารับอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เดือนจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า”
“เดือนว่าจะไปธุระต่อน่ะจ้ะ งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะ ขำ พี่ป้อม”
เดือนโบกมือลาเสร็จก็เดินแยกออกมา ป้อมกับขำมองตามด้วยความเป็นห่วง
เดือนยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องซ้อมวงของเทพ ทำท่าลังเลว่าจะเข้าไปดีมั้ย
“เอาไงดีๆ บอกวันนี้เลยดีมั้ยเนี่ย พี่รวิคงโกรธน่าดู อืม เอาไว้วันหลังดีกว่า” เดือนหันหลังกลับ แต่ก็ชะงัก
“บอกไปเลยก็ได้มั้ง ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ” เดือนทำท่าจะผลักประตูเดินเข้าไป แต่ก็ชะงักอีก “แล้วถ้าเค้าโกรธมากแล้วมีเรื่องล่ะ จะทำยังไง”
เดือนเขกหัวตัวเองเดินวนไปวนมาอยู่ด้านนอก นภากาศเดินมาพอดี กำลังจะเข้าไปข้างใน เห็นเดือนทำท่าแปลกๆ เลยหยุดถาม
“ทำอะไรของเธอเนี่ย”
เดือนตกใจ แต่แกล้งกลบเกลื่อนเหมือนไม่มีอะไร
“อ๋อ เปล่าค่ะ พี่นภามาซ้อมร้องเพลงเหรอ”
“แล้วเธอคิดว่าชั้นมารำเซิ้งเหรอไง” เดือนหน้าเสีย พูดไม่ออก ยิ้มเจื่อนๆ นภากาศผลักประตูหันมามองเดือน
“จะเข้าหรือไม่เข้า จะทำอะไรก็หัดตัดสินใจให้มันเด็ดขาด นักร้องน่ะต้องกล้าทั้งบนเวทีแล้วก็นอกเวทีด้วย จะมามัวขี้ขลาดอยู่ได้ น่ารำคาญ!”
นภากาศพูดจบก็เดินเข้าไป เดือนยืนงงๆ รู้สึกเหมือนถูกสอน แต่ก็ตัดสินใจเดินเข้าไป
นภาเปิดประตูเดินเชิดเข้ามา เดือนเปิดประตูตามหลังเข้ามาทุกคนหันไปมอง
“อ้าว เดือน มาไงล่ะนี่”
เดือนยกมือไหว้ทักทายทุกคน รวิเดินเข้ามาหาทันที ศิริพรมองมาอย่างไม่พอใจ
“พอดีวันนี้ว่างน่ะค่ะ ก็เลยแวะมา แล้วก็” เดือนหันไปมองรวิ เทพพยักหน้าเข้าใจ
“อ๋อ มีธุระกับสุดหล่อของวงเรานี่เอง เอ้าตามสบาย”
ก้องมองมาที่รวิกับเดือนอย่างไม่พอใจก่อนจะเดินทำเป็นไปซ้อม รวิไม่ได้สนใจมองเพราะมัวแต่จ้องจะคุยกับเดือน ศิริพรแกล้งลุกขยับเข้ามาใกล้
“มีอะไรเหรอ ทนคิดถึงไม่ไหวเหรอ”
เดือนมองค้อนขวับหมั่นไส้รวิ
“ไม่ใช่และ เดือนมีเรื่องจะคุยกับพี่น่ะ”
เดือนมองไปรอบๆ เหมือนกับว่าไม่ต้องการให้ใครรู้ รวิเข้าใจในทันทีเลยชวนเดือนออกไปข้างนอก ศิริพรชะเง้อชะแง้อย่างสอดรู้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรแต่โทรไม่ติดหลายรอบเลยหงุดหงิดกระฟัดกระเฟียด นภากาศมองมาแล้วแอบยิ้มเยาะ
รวิยืนเท้าเอวหันหลังท่าทางเคร่งเครียด เดือนยืนมองด้วยสีหน้าวิตกกังวล
“นี่เดือนไม่ได้ล้อพี่เล่นใช่มั้ย ทำไมล่ะเดือน ทำไม”
“ก็เดือนบอกพี่แล้วไง ว่ามันอยู่ใกล้บริษัท แล้วอีกอย่างพี่ป้อมเค้าก็จะไปอยู่ด้วย เดือนถึงได้ยอมไง”
รวิหันกลับมาจ้องเดือน ท่าทางโมโหอยู่มาก
“เดือนไม่รับความช่วยเหลือจากพี่ ไม่ยอมรับเงินพี่ แต่เดือนกลับยอมไปอยู่กับไอ้หมอนั่น”
“เดือนไม่ได้ไปอยู่กับเค้า ที่นั่นจริงๆ พี่เกียรติเค้าใช้มันเป็นที่พักสำหรับนักร้องนักแสดงในสังกัดอยู่แล้ว แล้วเค้าก็ไม่ได้อยู่ด้วยซะหน่อย”
“แล้วเดือนคิดว่ามันจะไม่แอบย่องมาหาเดือนงั้นเหรอ”
“พี่ป้อมก็อยู่”
“เค้าอยู่กับเดือนได้ตลอด 24 ชม.งั้นเหรอ”
“แต่เดือนจำเป็น”
“พอเหอะเดือน เดือนอย่าอ้างโน่นอ้างนี่เลย จริงๆ แล้วเดือนก็แค่อยากอยู่ที่หรูๆ สบายๆ ก็แค่นั้นเอง”
เดือนนิ่งอึ้งพูดไม่ออก มองรวิอย่างน้อยใจ
“ใช่ เดือนอยากอยู่แบบหรูๆ เดือนไม่อยากไปเช่าห้องกระจอกๆ อยู่หรอก ถ้าเข้าใจแล้วงั้นเดือนขอตัว”
เดือนเดินสะบัดออกไป รวิทำท่าจะรั้งไว้แต่ยังโมโหอยู่เลยไม่ห้ามโมโหกระฟัดกระเฟียด พาลเอามือไปชกกำแพง รวิมีสีหน้าทั้งโกรธทั้งเสียใจ
เดือนนั่งพับเสื้อผ้าทยอยเตรียมของใส่กระเป๋า นั่งร้องไห้ไปด้วยนึกถึงตอนที่เถียงกับรวิ เดือนเอามือปาดน้ำตา ร้องไห้ไป เก็บของไป
“คนบ้า นึกเหรอว่าเค้าอยากไปอยู่น่ะ ที่ทำอยู่เนี่ยก็เพื่อใครล่ะ ตาบ้าเอ๊ย”
เดือนหยิบเสื้อผ้าเขวี้ยงลงกับพื้นด้วยความโมโห
อ่านต่อหน้า 2
หางเครื่อง ตอนที่ 9 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ที่บ้านแก้ว
“ชั้นไปก่อนนะแม่” แก้วหยิบกระเป๋าเดินกรีดกรายเตรียมตัวจะออกไป ศิริพรเดินเข้ามาพอดี “อ้าว นี่เธอมาทำไมแต่เช้าน่ะ ชั้นกำลังรีบ”
ศิริพรสีหน้าบูดบึ้งเสียงดังใส่แก้ว
“ชั้นบอกเธอว่ามีอะไรให้คอยรายงานชั้นไง แล้วเธอปิดโทรศัพท์ทำไมตั้งแต่เมื่อคืน”
“หึ นึกว่าเรื่องอะไร แหม จะให้รายงานตั้งแต่เช้ายันค่ำเลยหรือไง”
แก้วลอยหน้าลอยตาทำไม่สนใจ ศิริพรเชิดหน้าจ้องมองแก้วตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ก็มีศัตรูคนเดียวกันไม่ใช่เหรอ แล้วอีกอย่างชั้นก็ไม่ได้ให้เธอทำฟรีซะหน่อย รับเงินชั้นไปตั้งเท่าไหร่แล้วล่ะ”
แก้วทำท่าเลิ่กลั่ก เหลือบไปมองกิมที่พอได้ยินเรื่องค่าจ้างก็หูผึ่ง มองจ้องมาทันที ก่อนจะหันกลับมาบอกศิริพร
“ก็ โทรศัพท์ชั้นเสียน่ะ จะให้ทำไงได้ล่ะ”
ศิริพรเปิดกระเป๋าหยิบเงินออกมาอีกจำนวนหนึ่ง ยื่นกระแทกใส่มือแก้วที่รีบเก็บอย่างระแวงคอยดูกิมว่าเห็นหรือเปล่า
“เอาไปจัดการซื้อใหม่ซะ แล้วถ้ามีอะไรให้รายงานชั้นอย่าลืมนะ อะไรที่ทำให้นังเดือนมันขายหน้าหรือเสียชื่อได้ ทำไปเลย เอาให้มันหลุดไปจากวงการยิ่งดี”
“รู้แล้วน่ะ ชั้นไปก่อนละกัน ชั้นรีบ”
แก้วรีบจ้ำเดินออกไป ศิริพรเดินตามออกมาเหมือนกัน กิมรีบเดินมาชะเง้อดูทั้งคู่ที่เดินออกไป
“อะไรของมันกัน เห็นเงินแว๊บๆ หนอยนังแก้ว ไวจริงๆ”
ชูเกียรตินั่งขับรถอยู่สีหน้าไม่พอใจ แก้วนั่งเชิดอยู่ด้านหน้าทำวางท่าเป็นคุณนาย ชูเกียรติถอนหายใจหลายครั้ง คอยจะหันกลับไปมองเบาะหลังแล้วก็ส่ายหน้า เดือนนั่งยิ้มแย้มอยู่เบาะหลัง คนที่นั่งข้างๆ เป็นป้อมนั่นเอง ป้อมนั่งเชิดเลียนแบบแก้วหันมายิ้มกับเดือนเป็นระยะๆ
“เฮ้อ จริงๆ วันนี้แค่พาเดือนไปแถลงข่าว ไม่เห็นต้องมากันหมดก็ได้”
“แหม พี่เกียรติคะ แก้วก็เป็นเด็กในสังกัดของพี่นะคะ ให้แก้วมาเปิดตัวมั่งเถอะค่ะ แต่ที่ไม่น่าจะพาไปด้วยน่ะ คือพวกตัวประหลาด” แก้วหันมาแขวะป้อม
“เธอจะตามเดือนมาทำไมน่ะ วันนี้แค่ไปแถลงเสร็จก็กลับ”
ป้อมแกล้งกระแอมเชิดหน้ากว่าเดิม
“ไม่ได้หรอกฮ่ะ คุณพิมุกน่ะเค้าสั่งไว้ ให้คอยดูแลเดือนอย่างดี”
แก้วหูผึ่งทันทีที่ได้ยินชื่อพิมุก
“พี่พิมุก พี่พิมุกน่ะเหรอจะใช้กระเทยควายอย่างพี่ป้อม”
“ก็ใช่สิ รู้แล้วก็หุบปากซะนะนังชะนีปรสิต”
เดือนสะกิดห้ามป้อม แต่ป้อมหันมาโบกมือว่าไม่เป็นไร
“อ๊าย แกด่าชั้นอีกแล้วเหรอ อี อีกระเทยชราภาพ”
“อีชะนีซีม่า”
“อ๊ายยย พี่เกียรติ พี่เกียรติดูมันด่าแก้วสิคะ อี อีกระเทยแต๊บหลุด”
“อีรองพื้นหนีภาษี อีชะนีคลองถม อีนมหมดอายุ”
“อ๊ายยย พี่เกียรติ แก้วไม่ยอมจริงๆ นะ พี่เกียรติต้องจัดการนะคะ”
ชูเกียรติเอามือกุมหัวส่ายหน้าไปมา เดือนแอบขำที่ป้อมด่า แต่พยายามกลั้นไว้ปล่อยให้วุ่นวายกันไป
นักข่าวต่างนั่งรอกันอยู่ที่บริเวณด้านหน้าค่ายเพลงตรงที่จอดรถ
บางคนยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา บางคนนั่งซุบซิบดูคลิปกันอยู่ รถชูเกียรติขับเลี้ยวเข้ามาในที่จอดรถ นักข่าวต่างพากันลุกขึ้น ชูเกียรติและทุกคนปิดประตูรถเดินลงมาตรงไปทางเข้า พวกนักข่าวกรูกันเข้ามาก่อน แย่งกันถามแย่งกันถ่ายรูป
“คุณชูเกียรติครับ ตกลงวันนี้จะแถลงข่าวตามความเป็นจริงทุกเรื่องเลยหรือเปล่าครับ”
“แล้วคนไหนคือคุณเดือนครับ อ้อ คนนี้ใช่มั้ยครับ”
นักข่าวต่างรุมสัมภาษณ์พอเห็นเดือน ต่างก็รีบถ่ายรูปกันมือเป็นระวิง เดือนยิ้มเจื่อนๆ ป้อมพยายามเข้ามาช่วยกันเดือนออกไป ส่วนแก้วพยายามเสนอหน้าเข้ากล้อง
“ชื่อแก้วนะคะ ชื่อแก้วค่ะ เป็นแดนเซอร์และกำลังจะได้เป็นนักร้องค่ะ”
“คุณเดือนครับ ตกลงเรื่องจริงมันเป็นยังไงครับหลุดหรือปล่อยเองครับ”
“เอ่อ ทุกคนครับ เดี๋ยวเราจะแถลงทีเดียวเลยนะครับ ขอเชิญทุกคนไปที่ห้องที่แจ้งไว้เลยนะครับ เดี๋ยวขอทางนี้ไปเตรียมตัวก่อนนะครับ”
ชูเกียรติพยายามแหวกทางเพื่อเข้าไป ป้อมเข้ามาช่วยกันเดือนและพาเข้าไปข้างในจนได้ ส่วนแก้วยังหันมายิ้มโบกไม้โบกมือแนะนำตัวอยู่กับนักข่าวที่พยายามจะถ่ายรูปและตามมา
“ชื่อแก้วค่ะ ชื่อแก้ว เดี๋ยวจะเป็นนักร้องค่ะ ถ่ายเลยค่ะ ถ่ายเยอะๆ เลยค่ะ ว๊ายย”
ป้อมเห็นแก้วแล้วหมั่นไส้เลยแกล้งยันก้นจนแก้วถลาเข้าไปหานักข่าวจนแตกกระเจิง
ชูเกียรติกับเดือนเดินจะเข้าไปในห้องประชุม แก้วจะเดินตามเข้าไปด้วย แต่ชูเกียรติห้ามไว้
“เดี๋ยวเธอ 2 คนรออยู่ข้างนอกนี่ล่ะ”
“ทำไมล่ะคะ พี่เกียรติ”
“เราจะประชุมกันก่อนแถลง เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น”
พูดจบชูเกียรติก็พาเดือนเดินเข้าห้องไป ทิ้งให้แก้วยืนทำท่าจะกรี๊ดอยู่หน้าห้อง
“อ๊ะๆ อย่าดีกว่านะ ตอนนี้นักข่าวเยอะนะ อยากเป็นข่าวเหรอ “แดนเซอร์สาวตกกระป๋องคุ้มคลั่ง อิจฉาเพื่อนได้ดีกว่า” ต๊าย คงดังน่าดูเชียวล่ะ”
ป้อมบอก แก้วเดินกระฟัดกระเฟียดไปมา ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก หันไปมองรอตอนที่ป้อมเผลอค่อยเดินเลี่ยงหายไป
ในห้องประชุมค่ายเพลง ทุกคนนั่งประจำที่กันอยู่ชูเกียรติเปิดเอกสารดูอยู่ครูหนึ่งก่อนจะเริ่มประชุม
“ก็ตกลงกันตามนี้นะครับ เราจะให้เดือนตอบตามสคริปต์ที่เราร่างไว้ให้ และขอให้ทุกคนทำความเข้าใจให้เหมือนกันด้วยนะครับ”
“เอ่อ ขอโทษนะคะ ต้องตอบตามนี้เลยหรือคะ”
“ใช่จ้ะ เดือนมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“คือเดือนอ่านดูแล้ว มันไม่ใช่เลยนะคะ ที่บอกว่าแกล้งถ่ายเล่นกันกับเพื่อน แล้วอาจจะหลุดไปตอนเอาโทรศัพท์ไปซ่อมเนี่ย เดือนว่ามันเป็นข้ออ้างที่เก่ามากนะคะ”
ทุกคนในห้องประชุมต่างหันไปซุบซิบกัน ชูเกียรติเห็นท่าทางของทุกคนแล้วรีบหันมาบอกเดือน
“เดือน บางเรื่องเราก็ต้องสร้างสถานการณ์ขึ้นมานะ ขืนเราบอกไปว่ามีคนแอบถ่าย พวกนักข่าวเค้าก็ต้องโจมตีอีก ว่าระบบเราเป็นยังไงหรือคนของเราเป็นยังไงถึงเกิดเรื่องแบบนี้”
“แต่เดือนว่า...”
“เอาตามนี้ล่ะนะ เดี๋ยวเดือนไปแต่งหน้าแต่งตัวก่อนเลย เดี๋ยวพวกพี่ขอประชุมอะไรกันต่ออีกหน่อย”
เดือนลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจนัก เดินตามช่างแต่งหน้าทำผมออกไป
แก้วยืนแกล้งทำหน้าเศร้าอยู่ด้านหน้า นักข่าวยืนรุมล้อมสัมภาษณ์อยู่
“ค่ะ แก้วกับเดือนน่ะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เล็กๆ ตั้งแต่ตีนเราเท่าฝาหอย จนเดี๋ยวนี้ หอยเรา เอ่อ เปลือกหอย น่ะค่ะ เล็กกว่าเราไปแล้ว เดือนน่ะเค้าอยากเป็นนักร้อง อยากดังมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ”
“อยากดังมาตั้งแต่เด็กเลยเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ เดือนเค้ายังเคยพูดให้แก้วฟังบ่อยๆ เลยนะคะ ว่าถ้าอะไรที่ทำให้เค้าดังได้ เค้าก็จะทำ อุ๊ย ข้างหลังถ่ายเห็นมั้ยคะ ชื่อแก้วนะคะ ชื่อแก้ว”
“หมายความว่าคุณเดือนเคยบอกคุณแก้วว่าจะใช้ทุกวิธีงั้นเหรอครับ”
“ค่ะ อ๊ะ แต่นี่แก้วไม่ได้หมายความว่าเดือนเค้าจงใจถ่ายเองปล่อยเอง อะไรเลยนะคะ ไม่เลยค่ะ แก้วไม่มีทางพูดเยี่ยงนั้นแน่ แก้วรักเพื่อนค่ะ”
“แล้วหลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น คุณเดือนเค้าว่าไงบ้างครับ”
“ก็ไม่เห็นว่าไงนี่คะ อุ๊ย ตรงนั้นขยับหน่อยค่ะ บังกล้องค่ะ อะแฮ่ม ต่อนะคะ แต่ที่น่าสงสารก็คือ ป้าช้อยค่ะ” แก้วแกล้งสะอื้น “ป้าช้อยเป็นแม่ของเดือน หลังจากที่แกรู้เรื่องนี้เข้า แกเสียใจมาก แกทนอายคนอื่นไม่ไหว” นักข่าวต่างลุ้นเขยิบไมค์เข้าไปใกล้แก้วอีก แก้วยิ่งแกล้งตีหน้าเศร้า “แกก็เลยตัดสินใจที่จะ ที่จะฆ่ อุ๊บ!”
ป้อมเอื้อมมาปิดปากแก้วก่อนจะล็อกคอลากเข้าไป แก้วพยายามดิ้นแต่สู้แรงป้อมไม่ไหว
“โฮะๆๆ ขอโทษนะคะ คือคนนี้เค้าเป็นแดนเซอร์น่ะค่ะ แต่พอดีเอ็กซิเดนท์นิดหน่อยระหว่างซ้อม หัวไปฟาดพื้นน่ะค่ะ ตั้งแต่นั้นสติก็ไม่ค่อยดี ชอบมโนสร้างเรื่องเอง อย่าไปสนใจนะคะ หุหุ”
ป้อมรีบลากแก้วเข้าไป ทิ้งให้นักข่าวยืนเกาหัวงงอยู่
เดือน ชูเกียรตินั่งอยู่ที่โต๊ะแถลงข่าวบนเวที
ด้านล่างเป็นนักข่าวจากหลายที่ ที่มารอฟัง พร้อมตากล้องอีกหลายคนที่คอยถ่ายรูปอยู่ตลอดเวลา ชูเกียรติหันไปกระซิบกับเดือน
“อย่าลืมพูดตามสคริปต์นะ”
เดือนมีสีหน้าไม่พอใจ แต่พยายามเก็บอารมณ์ ด้านหลังสุดที่นักข่าวนั่งกันอยู่ นักข่าวภาคพื้นสนามต่างยืนรายงานสดอยู่หน้ากล้อง
“โอเค พร้อม 5 4 3 2 1”
“ค่ะ ขณะนี้นะคะ ดิชั้นก็กำลังยืนอยู่...”
ภาพในจอทีวี นักข่าวกำลังรายงานการแถลงข่าวของเดือน
“ในงานแถลงข่างของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ จากกรณีคลิปหลุดของว่าที่นักร้องสาวคนใหม่นะคะ ซึ่งการแถลงข่าวนี้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วค่ะ”
รวินั่งดูทีวีอยู่ บีบมือตัวเองลุ้นเอาใจช่วยเดือน
ร้านกาแฟในตลาด ร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีคนต่างยืนดูและชี้ไม้ชี้มือซุบซิบกัน เพราะเห็นว่าเป็นเดือน
“ซึ่งในขณะนี้นะคะ คุณชูเกียรติโมเดลลิ่งและผู้จัดการส่วนตัวของน้องเดือน งามพร้อม ว่าที่นักร้องสาวคนใหม่กำลังจะเริ่มแถลงข่าวแล้วค่ะ”
ชูเกียรติขยับตัววางท่าก่อนจะเริ่มแถลง
“ครับ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนทั้งหลายที่ให้ความสนใจนะครับ จากกรณีที่มีคลิปหลุดของนักร้องเราออกไป วันนี้เราก็จะชี้แจงให้ทุกกรณีเลยนะครับแล้วหลังจากนั้น ใครมีคำถามก็เชิญได้เลยนะครับ”
เดือนบีบมือตัวเองแน่น ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย มองมาข้างล่างเห็นป้อมยืนโบกมือให้กำลังใจอยู่เลยค่อยยิ้มออกมาได้หน่อย ส่วนแก้วที่ยืนอยู่ข้างๆ เพราะโดนป้อมคุมไว้ หน้าตาโกรธจัดยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่
“จริงๆ แล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้น เราขอยอมรับว่าเป็นศิลปินของเราจริงๆ แต่สาเหตุมาจากการหยอกล้อเล่นกันโดยไม่ได้ตั้งใจมากกว่า” นักข่าวที่อยู่ด้านล่างเริ่มซุบซิบนินทา “เรื่องรายละเอียด ผมให้ทางคุณเดือนเป็นผู้ตอบคำถามเองเลยดีกว่าครับ”
ชูเกียรติพยักหน้าให้เดือน เดือนมองหน้าชูเกียรติแล้วถอนหายใจก่อนจะขยับตัวให้เหมาะสม พร้อมกับเลื่อนสคริปต์เข้ามาใกล้ตัวด้วย พูดไปด้วยสายตาคอยเหลือบดูสคริปต์ไปด้วย
“สวัสดีค่ะ ดิชั้น เดือน งามพร้อม เป็นนักร้องหน้าใหม่ของที่นี่ค่ะ สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น ก่อนอื่นเดือนขอยอมรับว่า ผู้หญิงที่อยู่ในคลิปนั้น คือตัวเดือนจริงๆ ค่ะ ส่วนที่มีการถ่ายและหลุดออกไปนั้น ก็เพราะ...”
เดือนเงยหน้าจากสคริปต์มองดูทุกคนเงียบกริบรอฟังคำตอบเดือน ชูเกียรติหันมาพยักหน้าให้สัญญาณให้เดือนพูดต่อ
“ก็เพราะ...” เดือนหลับตาลงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกำสคริปต์แน่น แล้วตัดสินใจยกสคริปต์ขึ้นมาและคว่ำปิดหน้ามัน “ก็เพราะมีคนจงใจแอบถ่ายเดือนค่ะ” ชูเกียรติหันขวับมาจ้องเดือนทันที นักข่าวต่างซุบซิบฮือฮากัน “วันนั้นเดือนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจะมาฟิตติ้งค่ะ เดือนไม่รู้ว่าใครเป็นคนถ่าย แต่เชื่อว่าเป็นคนในค่ะ”
กรรมการบริษัทต่างมองกันเลิ่กลั่ก นักข่าวยิ่งฮือฮาขึ้นอีก ป้อมหันไปจ้องหน้าแก้วที่แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ ลอยหน้าลอยตา ชูเกียรติทำหน้าตาบอกไม่ถูก เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อก่อนรีบพูดแทรก
“ผมว่าคงมีการเข้าใจผิดกันน่ะครับ” ชูเกียรติหันมากระซิบกับเดือน “เดือน ทำไมไม่พูดตามสคริปต์”
เดือนไม่สนใจยังคงพูดต่อ
“เดือนคิดว่ามีใครจงใจแกล้งเดือน อาจจะมีคนนอกที่ไม่หวังดีกับเดือนรวมอยู่ด้วยก็ได้ ซึ่งคนพวกนั้นเดือนคิดว่าเดือนพอจะรู้ว่าเป็นใคร แต่ยังไม่มีหลักฐาน เลยไม่ขอพูดชื่อดีกว่าแต่อยากบอกให้เค้ารู้ว่า บาปกรรมมันมีจริง ทำอะไรไว้ก็ได้แบบนั้น”
ศิริพรจ้องเดือนในทีวีเขม็ง มือที่ปอกผลไม้อยู่กำมีดแน่น ก่อนจะวางผลไม้แล้วปักมีดลงไปอย่างแรง
อ่านต่อหน้า 3
หางเครื่อง ตอนที่ 9 (ต่อ)
ชูเกียรติเอามือกุมหัวพูดไม่ออก นักข่าวคนหนึ่งยกมือถาม
“คุณเดือนครับ แล้วที่มันหลุดออกไปล่ะครับ”
“เดือนไม่ทราบค่ะ แต่มั่นใจว่ามีคนจงใจปล่อย”
“ไม่ใช่ปล่อยเองเพื่อโปรโมตหรอครับ สมัยนี้รู้ๆ กันอยู่ ยิ่งมีข่าวแบบนี้ยิ่งดังเร็ว”
บรรดานักข่าวต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“หรือว่าเป็นแผนการตลาดของค่ายหรือเปล่าครับคุณชูเกียรติ”
ชูเกียรติทำหน้าบอกไม่ถูก พยายามตอบไป
“พะ พูดอะไรอย่างนั้นครับ ค่ายเพลงของเรามีงบประมาณในการโปรโมตเหลือเฟือนะครับ เสี่ยเอง ท่านก็ทุ่มไม่อั้นครับถ้าเพื่อการโปรโมต”
“เอาล่ะค่ะ พี่ๆ ทุกคน เดือนไม่ทราบว่าตอนนี้เรื่องของเดือนลือกันไปถึงไหนแล้ว เดือนไม่อยากจะแก้ตัวอะไรมากมาย ตอนนี้ทุกคนอาจจะรู้จักเดือนในฐานะนักร้องคลิปหลุด นักร้องโปรโมต หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่นับจากนี้เป็น
ต้นไป เดือนจะทำให้ทุกคนจำได้แค่ว่า เดือนคือนักร้องคุณภาพ ที่มีความสามารถ ไม่ใช่มีดีแค่หน้าตา”
รวิยิ้มแป้นภูมิใจในตัวเดือน
นภากาศก็กำลังดูข่าวนี้อยู่เหมือนกัน
“เดือนจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเดือนมาอยู่ตรงนี้ได้ด้วยเสียง ด้วยความสามารถและความพยายาม เดือนจะใช้เพลงของเดือนทำให้ทุกคนลืมเรื่องแย่ๆ ให้หมดไป”
นภากาศยักคิ้ว ยิ้มออกมาน้อยๆ นภากาศเลื่อนสายตาไปที่รูปถ่ายของเธอสมัยที่ได้เป็นนักร้องช่วงแรกๆ
“เดือนจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเองค่ะ”
ทุกคนในห้องแถลงข่าวต่างเงียบกริบ ก่อนจะมีนักข่าวคนหนึ่งปรบมือให้แล้วทุกคนก็พร้อมใจกันปรบมือตาม
ป้อมที่ยืนอยู่ช่วยปรบมือเสียงดังและกรี๊ดกร๊าดใหญ่ แก้วเจ็บใจโมโหกว่าเดิม ชูเกียรตินั่งซับเหงื่ออยู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะแกล้งทำเป็นยิ้มปรบมือเนียนๆ ไปด้วย เดือนยิ้มแย้มสีหน้าภาคภูมิใจ
ทุกคนเดินอยู่ที่ทางเดินในตึก เตรียมตัวจะกลับบ้าน ป้อมกระโดดกรี๊ดกร๊าดจับไม้จับมือเดือนดีใจใหญ่ แก้วยืนหมั่นไส้อยู่ข้างๆ
“น้องสาวชั้นเก่งมาก พูดได้ดีมาก แอร๊ย ดีใจจัง”
“ยังไงก็แล้วแต่นะเดือน คราวหน้าคราวหลังอย่านอกบทอีกรู้มั้ย”
“ทำไมล่ะคะพี่เกียรติ เดือนไม่อยากโกหกใครนี่คะ”
“อยากโชว์พาวมากกว่าล่ะสิ เชอะ”
ป้อมจะเดินเข้าไปหาแก้ว แต่เดือนกันไว้ซะก่อน
“ก็นั่นล่ะ ถ้าเกิดมันมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา มันจะเดือดร้อนกันหมดนะเดือน”
“ก็ถ้าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าพูดกัน ทำไมเราต้องกลัวล่ะคะ”
ชูเกียรติอึ้งไป พูดไม่ออก รีบเปลี่ยนเรื่องพูด
“เรารีบกลับกันเถอะ เอ่อ เดือนยังไงก็ทยอยเก็บของไว้ได้แล้วนะ อีกไม่กี่วันเราก็ต้องลงมาอยู่แล้วนะ”
เดือนหันไปสบตากับป้อม สีหน้าจ๋อยลงทันที
เดือนเดินเข้าบ้านมา ท่าทางเหนื่อยอ่อนกำลังจะตรงไปขึ้นบ้าน สายตาเหลือบไปเห็นมีคนนอนอยู่ที่แคร่
เดือนตกใจ รีบถอยออกมา สายตามองหาอะไรที่พอจะเป็นอาวุธได้ก่อนจะเห็นท่อนไม้ท่อนหนึ่งเดือนเลยหยิบขึ้นมาแล้วตัดสินใจ เดินเข้าไปใกล้ๆ
“ใครน่ะ เข้าบ้านชั้นมาได้ยังไง”
รวิที่นอนหลับอยู่สลึมสะลือลุกพรวดขึ้นมา เดือนตกใจสุดขีดง้างไม้ขึ้นฟาด รวิเห็นไม้ฟาดเข้ามาที่ตัว รีบกระเถิบถอยหลัง ไม้เลยฟาดลงบนโต๊ะเฉียดเป้าไปนิดเดียว รวิหันไปจ้องหน้าเดือน
“พี่รวิ! ปัดโธ่ มานอนอะไรอยู่ตรงนี้”
“พี่ว่าก่อนอื่นเดือนเอาไม้ออกไปจากตรงนี้ก่อนได้มั้ย มันเสียวอ่ะ”
เดือนยิ้มแหยๆ ก่อนจะยกไม้ออก โยนทิ้งไปและนั่งลงข้างๆ รวิ
“พี่มีอะไรเหรอ”
“วันนี้เดือนพูดได้เยี่ยมเลยนะ”
เดือนยิ้มแย้มออกมา
“ขอบคุณค่ะ”
“อืม แล้วอีกเรื่องก็ เรื่องที่เดือนจะไปอยู่กับ...”
“เดือนไม่ได้ไปอยู่กับเค้า เดือนแค่อยู่ในความดูแลของเค้า”
“ก็นั่นล่ะ แล้วมันต่างกันตรงไหน เปลี่ยนใจเถอะนะเดือน ไม่ต้องไปอยู่ที่คอนโดมันหรอก พี่ยอมขี่รถไปกลับกรุงเทพเลยเอ้า”
เดือนถอนหายใจ จ้องหน้ารวิ
“เดือนรู้นะว่าพี่เป็นห่วงเดือน แต่ แต่เดือนมีเหตุผลของเดือนจริงๆ”
“เหตุผล เหตุผลอะไรของเดือนนักหนา ให้ไปหาเช่าอยู่เองเดือนก็ไม่เอา เดือนก็จะไปอยู่ในที่ของมันให้ได้”
“เอาเป็นว่า ชั้นตัดสินใจแบบนี้แล้วก็แล้วกัน”
รวิส่ายหน้า สีหน้าน้อยใจเดือน
“เหตุผลของเดือนอย่างเดียวที่พี่พอจะมองเห็นตอนนี้ก็คือ เดือนรักความสบายก็แค่นั้น”
รวิลุกขึ้นเดินคอตกออกจากบ้านเดือนไป เดือนน้ำตาคลอเบ้า มองตามรวิที่เดินออกไป
“เหตุผลอย่างเดียวของเดือนที่สำคัญที่สุด คือเดือนจะไม่ยอมเสียพี่ไปอีกคนตะหาก พี่รวิ”
เช้าวันใหม่ที่แผงขายพวงมาลัยในตลาด แม่ค้าตะโกนเรียกลูกค้า
“เอ้า วันนี้วันพระนะจ๊ะ พวงละสิบบาทๆ”
เดือนใส่บาตรเสร็จนั่งลงพนมมือฟังพระให้พร ป้อมกับขำนั่งอยู่ข้างๆ พอพระเดินไป ทั้งสามคนเอามือลูบหัวก่อนจะลุกขึ้นยืน แม่ค้าตลอดจนคนแถวนั้นต่างซุบซิบชี้ไม้ชี้มือมาที่เดือน
“ไปๆ หาอะไรกินกัน”
“นี่ๆ คนเค้ามองมาทางเรากันใหญ่เลย สงสัยวันนี้ชั้นหล่อผิดปกติมั้ง”
“เค้าไม่ได้มองเอ็ง เสล่ออีกละ นี่ เค้ามองคนสวยของเรานี่”
ป้อมพยักพเยิดมาทางเดือนที่ตอนนี้เริ่มรู้สึกเกร็งที่มีคนมองเยอะ
“นี่เดือน เมื่อวานนี้เห็นออกทีวีแล้ว ดังใหญ่แล้วนะ”
เดือนยิ้มเขินๆ ก่อนจะชวนป้อมกับขำรีบเดินไป ระหว่างทางก็มีแต่คนมองตลอดจนมาถึงใกล้ๆ แผงเดิมของแม่ที่ตอนนี้ว่างอยู่ เดือนมองแผงแม่ที่ว่างอยู่อย่างเศร้าๆ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่ง ป้อมกับขำมองหน้ากันก่อนจะเดินมานั่งตาม แม่ค้าแถวนั้นเห็นเดือนก็ร้องทัก
“อ้าว เดือนเมื่อวานข้าดูเอ็งในทีวีแล้ว จะได้เป็นนักร้องดังแล้วนี่หว่า”
“นั่นสิๆ ทีแรกข้าก็ดูอยู่ตั้งนาน แหม ปิดเงียบไม่บอกกันเลยน้า”
เดือนยิ้มๆ กิมที่มองมาอย่างหมั่นไส้เลยพูดจากระทบเหมือนเคย
“โอ๊ย ปิดง่งปิดเงียบอะไรกัน เค้าออกจะดัง ตั้งแต่มีไอ้ภาพหลุดนั่นออกมาแล้ว” ป้อมกับขำหักนิ้วดังกรอบเตรียมจะลุกขึ้น “เฮ้อ อย่างว่าละ ไม่งั้นจะดังได้ไง แต่ก็น่าสงสารนะเป็นข้าถ้ามีลูกทำตัวแบบนี้ก็คงชิงตายไปก่อนเหมือนกันนั่นล่ะ”
“งั้นคงต้องรีบตายซะตอนนี้เลยนะ” นภากาศบอกขณะเดินผ่านเข้ามา มองกิมอย่างเหยียดๆ ก่อนจะชายตามามองเดือนเล็กน้อย
“เพราะไอ้ที่ลูกสาวสุดที่รักทำน่ะ มันเละเทะยิ่งกว่านี้เป็นร้อยเท่า”
กิมหน้าเสียหันมาจ้องหน้านภากาศ แต่นภากาศจ้องตอบอย่างไม่ยอมเหมือนกัน
“แกอย่ามาพูดซีซั๊วนะ อีนักร้องตกกระป๋อง”
“เอ๊ะ จะเอาเรื่องไหน ตั้งแต่สมัยอยู่ที่วงที่ไปกับเสี่ยอะไรบ้าง”
แม่ค้าแถวนั้นเริ่มซุบซิบกัน กิมหน้าเสียโกรธจัด นภากาศมองอย่างเหยียดๆ ก่อนจะเดินเชิดออกมาจนมาหยุดที่เดือน หันมามองเดือน ป้อมกับขำมองอย่างงงๆ
“เอาเวลาเศร้าไปทำตัวให้ดูดีดีกว่ามั้ย โลกนี้ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอก ถ้าอยากให้แม่ที่จากไปหมดห่วง ก็เลิกทำตัวไม่รู้จักโตซักทีเถอะ”
เดือนมองหน้านภากาศเหมือนกับจะถามอะไรบางอย่าง แต่นภากาศพูดจบก็ทำท่าจะเดินออกไป ก่อนจะหันมาพูดต่อ
“อ่อ ที่ชั้นพูดเนี่ย ก็แค่หมั่นไส้ไม่ชอบเห็นใครมาทำตัวอ่อนแอ แต่ยังไงๆ สำหรับเธอแล้วก็เป็นแค่นักร้องหน้าใหม่ ไม่มีทางมาเทียบกับมืออาชีพอย่างชั้นได้หรอกนะ”
นภากาศเดินสะบัดบ๊อบไป ป้อมกับขำหันมามองหน้ากันอย่างสงสัย
“ตะกี๊ชั้นฟังผิดหรือเปล่าพี่ป้อม เหมือนป้าแกจะแอบสอนเดือนอยู่นะ”
“เออว่ะ ข้าก็คิดแบบนั้น หรือมันไปโดนน้ำมนต์ที่ไหนมาวะ”
เดือนมองตามที่นภากาศเดินไป ก่อนจะยิ้มน้อยๆ ออกมา
นภากาศเดินเข้าบ้านมาเอาข้าวของที่ซื้อมาไปวางก่อนจะเดินไปเปิดเพลงแล้วมานั่งสายตาเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง นภากาศถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นไปที่ตู้ หยิบกล่องเก่าๆ ใบหนึ่งออกมา แล้วกลับมานั่งที่เดิม เปิดกล่องเก่าๆ ใบนั้นออกมา
นภากาศมองสิ่งของที่อยู่ในกล่องมีรูปของนภากาศที่กำลังร้องเพลง กระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษนิตยสารเก่าๆ ที่มีข่าวและรูปของนภากาศในงานต่างๆ รายการต่างๆ ที่ถูกตัดเก็บไว้ นภากาศหยิบมันขึ้นมาดู นึกถึงเรื่องราวสมัยก่อน
ภาพในความคิดของนภากาศเป็นภาพในอดีต หญิงชราคนหนึ่งนั่งตัดข่าวและรูปของนภากาศด้วยมือที่สั่นเทา
แต่สีหน้ายิ้มแย้ม หญิงชราไอออกมาหลายครั้ง เอามือกุมหน้าอก หายใจหอบ แต่พยายามฝืนตัดรูปต่อไป บางครั้งก็เหม่อมองออกไป
นภากาศในอดีตที่ไปร้องเพลง ไปออกรายการต่างๆ หัวเราะรื่นเริงอย่างสนุกสนาน มีแต่คนรุมล้อม
นภากาศวิ่งมาอยู่ที่ประตูหน้าห้องผู้ป่วยในขณะที่หมอเอาผ้าปิดหน้าหญิงชราพอดี นภากาศตกตะลึงอ้าปากค้างน้ำตาร่วง
นภากาศน้ำตาคลอเบ้า เก็บรูปและกระดาษต่างๆลงกล่องเหมือนเดิม ก่อนจะปิดฝา เอามือขึ้นเช็ดน้ำตา ลุกเดินไป
ที่ค่ายเพลง พนักงานเดินเอากระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ชูเกียรติที่นั่งดูเทปบันทึกการแถลงข่าวของเดือน
“อะไรล่ะเนี่ย”
“รายชื่อลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาจะให้เดือนไปออกงานอีเวนท์ด้วย”
“อะไรกันวะ ยังไม่ทันทำเพลง ออกแผ่นเลย มีงานเข้ามาซะละ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปแคนเซิ่ลลูกค้าให้ละกัน”
พนักงานคนนั้นดึงกระดาษกลับมาแต่ชูเกียรติรีบดึงไว้ก่อน
“เดี๋ยว ไม่ต้องหรอก ไหนๆ ก็มีงานแล้ว เดี๋ยวชั้นโทรคุยกับลูกค้าเอง อ้อ ทีนี้ถ้ามีงานของเดือนให้โทรเข้าเบอร์ชั้นโดยตรงเลยนะ”
พนักงานคนนั้นเดินออกไป ชูเกียรติพอเห็นว่าเดินออกไปแล้วก็เปิดลิ้นชักหยิบเอกสารขึ้นมา ชูเกียรติมองไปที่เอกสารนั้นเห็นเป็นสัญญาการเป็นศิลปินของบริษัท ชูเกียรติมองซ้ายมองขวาก่อนจะหยิบเอกสารที่ซ้อนอยู่ด้านหลังขึ้นมา เป็นสัญญาการว่าจ้างผู้จัดการส่วนตัว มีการระบุว่าจะต้องแบ่งจ่ายตามเปอร์เซ็นต์ที่ได้รับจากค่าจ้างอีก 30%
“ขอเป็นผู้จัดการแบ่ง สามสิบนะ กันเอง” ชูเกียรติยิ้มออกมาทันทีก่อนจะค่อยๆ ดึงใบรายชื่อลูกค้ามาขึ้นมาดูอีกครั้ง
“ตัวทำเงินให้จริง หึๆ สาวน้อยของชั้น”
อ่านต่อหน้า 4
หางเครื่อง ตอนที่ 9 (ต่อ)
เดือน ป้อม ขำ เดินเลือกซื้อของอยู่ในร้านต่างๆ ขำเดินหิ้วของตามอย่างเหนื่อย เลยแอบแว่บตอนทั้ง 2 คนเผลอ
“เฮ้อ อีตารังเกียรติเนี่ย นึกจะเปลี่ยนวันก็เปลี่ยนเฉยเลยนะ นี่ยังดีนะที่เราไม่ต้องเตรียมอะไรกันมาก กระเป๋าใบเดียวก็ไปได้แล้ว”
“เห็นบอกว่ามีงานด่วนเข้ามาน่ะจ้ะ โอกาสมาต้องรีบโกย เห็นเค้าว่าอย่างนั้น”
ป้อมส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย พากันเดินเลือกซื้อของกับเดือน เดือนหยิบของต่างๆ ให้ป้อมดู ป้อมคอยพยักหน้าอันที่เห็นด้วย
“แป้ง ครีม น้ำหอม ทาปาก ทาแก้ม ทาตา ที่ขัดผิว” ป้อมคอยพยักหน้ารับทีละอย่าง “แล้วมีอะไรอีกอ่ะพี่ป้อม”
“เอ เดี๋ยวนะ สมัยนี้สวยอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องอึ๋มด้วย เดี๋ยวหาตัวช่วยก่อน” ป้อมเดินไปตรงที่แผนกขายบรา ก่อนจะเลือกดูและหันไปบอกเดือน “นี่ไงเดือน ตัวนี้”
“อุ แม่เจ้า นี่เสื้อในหรือเสื้อเกราะพี่ป้อม เสริมขนาดนี้โดนยิงคงไม่ตาย”
“เอามั้ย”
“2 ตัว”
ป้อมหันมามองหน้าเดือนที่ยิ้มแหยๆ อยู่ ก่อนจะดึงบรามาใส่ลงตะกร้าหิ้ว
เดือนรับถุงใส่ของตรงแคชเชียร์ก่อนจะพากันเดินออกมากับป้อม
“เรียบร้อยซักที เฮ้อ”
“แล้วนึกยังไงล่ะนี่ ถึงได้มาซื้อของพวกนี้ ปกติแป้งกระป๋องยังไม่ค่อยเห็นจะทาเลย ถ้าไม่ได้ออกงาน”
เดือนยิ้มออกมา ก่อนจะหันไปบอกป้อม
“ก็อย่างที่พี่นภาบอกนั่นล่ะ เอาเวลาเศร้ามาดูแลตัวเองดีกว่า ชั้นจะต้องดังให้ได้ไวๆ จะได้มาจัดการเรื่องแม่ให้เรียบร้อยซักที”
ป้อมพยักหน้ารับเข้าใจ เอามือตบไหล่เดือนเบาๆ
“ว่าแต่ไอ้ขำมันหายหัวไปไหนของมันละนี่”
“สงสัยแอบชิ่งซะล่ะมั้ง อ่ะ อยู่ข้างนอกนั่นไง”
เดือนชี้มือไปเห็นขำยืนอ่านหนังสืออยู่ที่แผงหนังสือ เดือนกับป้อมเดินเข้ามาแต่ขำยังไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่ดูรูปในหนังสืออยู่ จนป้อมต้องแกล้งตะโกน
“ไอ้ขำ”
“จ้ะๆๆ ไม่ได้อ่าน ไม่ได้ดูอะไร โธ่พี่ป้อมตกใจหมด คนกำลังมโน มาขัดซะได้”
“มโนหื่นน่ะสิแก หนอย ไอ้นี่กลางวันแสกๆ”
“ขำดูหนังสืออะไรเหรอ”
ขำกระแอมวางท่า ก่อนจะหันมาบอกเดือน
“อะแฮ่ม หนังสือผู้หญิงน่ะ มีข่าวเดือนด้วยน้า นี่ไงชื่อหนังสือ “ทะฮี ไกล”
ป้อมกับเดือนทำหน้างงทันทีที่ได้ยินชื่อหนังสือ
“หนังสืออะไรนะ ดาราเกาหลีเหรอ” เดือนถามอย่างแปลกใจ
“เกาหลีที่ไหน ภาษาปะกิตชัดๆ นี่ไง ทะฮี ไกล”
ขำหันปกหนังสือมาให้ป้อมกับเดือนดู ป้อมเดินเข้าไปใกล้ๆ หยิบหนังสือมาดูชื่อ ก่อนจะหันไปเอาหนังสือเคาะกะโหลกขำ
“โธ่ไอ้บ้า เค้าอ่านว่า เดอะเกิร์ล ทะฮีไกล บ้านเตี่ยแกสิ”
เดือนหัวเราะก๊ากออกมาส่ายหน้า ขำยังเถียงอยู่กับป้อม
“เดอะเกิร์ลได้ไง มันต้องอ่านว่า ทะฮีไกลสิ พี่ป้อมมั่วป่าว”
ป้อมส่ายหน้าก่อนจะเสียบหนังสือคืนแผงแล้วพากันเดินไป ที่แผงหนังสือมีมือผู้ชายคนหนึ่งเอื้อมมาหยิบหนังสือเล่มนั้นก่อนจะเปิดดูหน้าที่มีข่าวเดือนอยู่ ผู้ชายคนนั้นคือโรจน์นั่นเอง
โรจน์สีหน้าโกรธแค้นหันไปมองเดือนที่เดินอยู่ไกลๆ
รวิกับขำนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้านรวิ ลงมือทำอะไรง่วนอยู่ ศิริพรเดินยิ้มร่าเข้ามา แต่พอเห็นว่าขำนั่งอยู่ด้วยก็ชะงักหุบยิ้มลงทันที
ขำเงยหน้าขึ้นมาเห็นก็เลยแกล้งเลียนแบบท่างิ้วแซว
“อารวิอ่า ลื้อมีแขกมาแน่ะ อ๊ายยย แต่ดูหน้าแบบนี้ม่ายช่ายทั้งทายทั้งแขกอ่า”
รวิหันไปมองเห็นศิริพรหน้าบึ้งมองมาทางขำอย่างโกรธๆ
“อ้าว ศิริพร มีอะไรเหรอ”
“ถ้าไม่มีนี่มาหาไม่ได้ใช่ป่ะ”
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น นั่งก่อนสิ”
รวิเขยิบที่ให้ศิริพรนั่ง ศิริพรเดินเข้ามาชายตามองขำ แกล้งหันไปถาม
“วันนี้ทำไมมาอยู่นี่ได้ล่ะ”
“วันนี้เค้าว่างน่ะตัว เลยมานั่งตามผู้ชาย เผื่อเค้าจะหันมามองบ้างไรบ้าง” ขำบอก
ศิริพรกำมือแน่นกลั้นความโกรธ หันไปพูดกับรวิแทน
“ทำอะไรน่ะรวิ อุ๊ย อะไรนี่ น่ารักเชียว”
ศิริพรหยิบตัวตุ๊กตาไม้เล็กๆ รูปผู้หญิงผู้ชายคู่หนึ่งขึ้นมาดูเล่น
“เอ่อ ทำพวงกุญแจให้เดือนน่ะ”
ศิริพรหุบยิ้ม วางตุ๊กตาลงทันที ขำกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่
“แหม ลงทุนกันจังเลยนะ กลัวเค้าจะไปอยู่กรุงเทพแล้วจะลืมเธอหรือไง ไม่ทำป้ายไฟไปเชียร์ซะเลยล่ะ”
ขำกระแอมทีหนึ่งก่อนจะหยิบป้ายไฟที่มีชื่อเดือนขึ้นมาโชว์
“ทำแล้วจ้ะ นี่ไง”
ศิริพรโกรธขึ้นมาทันทีหันไปเห็นรวิยิ้มเจื่อนๆ อยู่ ส่วนขำเอามือปิดปากหัวเราะคิกคัก
“งั้นวันนี้ชั้นคงไม่รบกวนละ เชิญตามสบาย”
ศิริพรลุกขึ้นเดินสะบัดออกไปอย่างโมโห ขำแกล้งถือป้ายไฟโบกตาม
“เอาซักอันมั้ยล่ะตัว เดี๋ยวเค้าทำให้ คิดไม่แพงหรอก”
รวิหันมามองหน้าขำ ขำรู้ตัวเลยหุบปาก ก้มหน้าก้มตาทำต่อ รวิหยิบตุ๊กตาไม้ตัวเล็กขึ้นมามอง แล้วก็ยิ้มออกมา
เดือนนั่งเหม่อลอยอยู่ที่โต๊ะ สายตามองมาที่กระเป๋าที่เก็บวางอยู่ที่พื้นที่มือกอดรูปช้อยอยู่
“แม่จ๋า พรุ่งนี้เดือนต้องเข้าไปอยู่กรุงเทพแล้วนะจ๊ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะมีพี่ป้อมไปอยู่กะเดือนด้วย อีกไม่นานหรอก เดือนจะกลับมาจัดงานของแม่ให้ยิ่งใหญ่เลยจ้ะ”
เดือนดึงกรอบรูปแม่เข้ามากอดแน่น
เช้าวันใหม่ ชูเกียรติยืนรอเดือนกับป้อมอยู่ที่ข้างรถตัวเอง ป้อมกับเดือนมาถึง ชูเกียรติยิ้มหน้าบานรีบเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้เดือน เดือนยกมือไหว้ชูเกียรติ ก่อนจะทำท่าลังเล
“แก้วล่ะคะ”
“แก้วเดี๋ยวตามมาทีหลัง ตอนนี้มีแต่งานของเดือนที่เข้ามาด่วน”
เดือนพยักหน้ารับ เตรียมตัวจะก้าวขึ้นรถ
“เดือน”
ขำนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รวิมา ถือป้ายไฟชูมาด้วย เดือนหันไปเห็นรวิก็ดีใจ แต่แกล้งทำเป็นเมินเพราะยังงอนอยู่
“พี่เกียรติคะ เดือนขอตัวซักครู่นะคะ”
ชูเกียรติพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจ เดือนกับป้อมรีบเดินมาหารวิ
“ขำทำอะไรเนี่ย อายเขา”
“ไม่คิดจะคุยกับพี่หน่อยหรือเดือน”
รวิมองหน้าเดือนอย่างน้อยใจ เดือนทำนิ่งยังงอนอยู่ ป้อมสะกิดขำให้เดินออกมา
“ไอ้ขำ ข้าว่าเรามาชูป้ายไฟกันแถวนี้เถอะ”
“ชั้นก็ว่างั้นล่ะพี่ป้อม อยู่ตรงนี้เดี๋ยวช็อต”
ป้อมกับขำแกล้งเดินเลี่ยงไป รวิเดินมาจ้องหน้าเดือนตรงๆ
“พี่รู้ว่าเดือนโกรธพี่ ที่พี่พูดอย่างนั้น แต่เพราะพี่น้อยใจเดือนจริงๆ นี่”
“ก็ชั้นอธิบายให้พี่ฟังไปแล้วนี่ พี่ไม่เชื่อใจชั้นเอง”
เดือนนิ่งไป รวิจับมือเดือนขึ้นมาหยิบเอาพวงกุญแจตุ๊กตาไม้ที่ทำเองใส่ลงในมือเดือน
“เก็บไว้ดีๆ ล่ะ ถ้ายังรู้สึกดีต่อกัน” เดือนมองพวงกุญแจตุ๊กตาในมือ ก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ ทำท่าเขิน
“ถ้าวันไหนที่ไม่ได้อะไรกับพี่แล้ว เดือนค่อยทิ้งมันนะ”
เดือนหน้าแดงเขิน แกล้งเดินหนี รวิเดินตาม
“จะเอาเข็มมาจิ้มทำคุณไสยซะเลย”
“ฮะๆๆ ก็เอาสิ จะยอมให้จิ้มทุกส่วนเลย”
“พูดอะไรก็ไม่รู้ เดือนไปก่อนละ เดี๋ยวถึงและโทรหา”
เดือนเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ
“เดือน”
เดือนยังเขินรีบเข้าไปนั่งในรถ
“อะไรเล่า พี่รวิก็ บอกเดี๋ยวถึงแล้วโทรหา”
“รถของเดือนน่ะอยู่ทางโน้น”
เดือนนิ่งไปพักนึงก่อนจะค่อยๆ หันไปมองฝั่งคนขับ เห็นเป็นใครไม่รู้มองเดือนตาปริบๆ เดือนยิ้มแหยๆ ก่อนจะยกมือไหว้แล้วก้าวออกมาจากรถ หันมาเห็นรวิกลั้นหัวเราะอยู่ เดือนเลยแกล้งวางฟอร์ม
“อืม เบาะนิ่มดีนะ รถก็สวย เดี๋ยวมีเงินคงซื้อแบบนี้แหล่ะ”
“หรา”
เดือนทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะรีบเดินจ้ำไปที่ขำกับป้อมถือป้ายไฟอยู่ รวิมองตามส่ายหน้ายิ้มอย่างเอ็นดู
สถานที่จัดงานชกมวย พิมุกลองเดินขึ้นไปบนเวทีที่สร้างใหม่ก่อนจะลองกดเชือกแล้วลอดเข้าไป ศิริพรอยู่ด้านล่างเดินเข้ามาที่ข้างเวที แก้วเดินตามหลังมา
“รู้สึกจะทุ่มทุนสร้างกับงานครั้งนี้จังเลยนะ”
พิมุกหันมามอง ยักคิ้วให้
“มันแน่นอนอยู่แล้ว ชั้นจะทำให้คนทั้งอำเภอ ไม่สิ ทั้งจังหวัดรู้จักค่าย พ.พิมุก ว่าไม่เคยแพ้ใคร”
“ด้วยการไปกว้านซื้อแชมป์มา แล้วก็จ้างคู่ต้อสู้ล้มมวยงั้นน่ะเหรอ”
พิมุกหันมาจ้องหน้าศิริพร
“รู้สึกเธอจะรู้ดีไปหมดทุกเรื่องเลยนะ โดยเฉพาะเรื่องของชาวบ้าน เนี่ย”
ศิริพรยักไหล่ไม่แคร์
“แหม จริงๆ มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของชั้นหรอกนะ แต่ชั้นก็แค่อยากมาเตือน กลัวว่ามัวแต่สนมวย จนอดมีเมีย หรือไม่ก็โดนคนอื่น คาบ ไป กิน”
“ถ้าเธอจะมายุเรื่องเดือนน่ะนะ ขอบอกเลยว่าไม่ต้องมาห่วงเลย ชั้นลงทุนจ้างอีนังกระเทยควายให้อยู่เป็นเพื่อนเดือนแล้ว”
ศิริพรพยักหน้าให้แก้วออกมาพูด
“เอ่อ แต่พี่ป้อมเค้าก็ใช่ว่าจะอยู่กับเดือนเค้าได้ตลอดนี่จ๊ะ”
พิมุกเดินมาเกาะขอบเชือกจ้องหน้าแก้ว สลับกับศิริพร
“นี่วันนี้เธอมาแปลกแฮะ ทุกทีเห็นหวงชั้นอย่างกับอะไรดี จู่ๆ จะมาพูดให้เดือนซะงั้น”
แก้วเลิ่กลั่กแกล้งพูด
“ก็ ก็ แก้วรักและหวังดีกับพี่พิมุกจริงๆ นี่จ๊ะ อะไรที่ทำให้พี่พิมุกมีความสุขได้ แก้วก็ยอมจ้ะ”
พิมุกเบะปากไม่เชื่อคำพูดแก้ว ศิริพรเลยรีบตัดบท
“ก็แล้วแต่นะ แต่ระวังไว้เถอะ ฝากปลาย่างไว้กับแมวน่ะ ยังไงก็ไม่รอด”
ศิริพรพูดจบเดินสะบัดออกไปมีแก้วเดินตามอย่างลังเล พิมุกทำท่าคิด เริ่มจะกลัวเหมือนกับที่ศิริพรพูด
อ่านต่อตอนที่ 10