กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 8
ตะวันกับโรสรินในชุดใหม่ แนวชุดคล้ายเจ้าบ่าวเจ้าสาว ทั้งสองหน้าใกล้กัน อีกนิดเดียวจมูกตะวันก็จะแตะโดนแก้มโรสริน โรสรินอึดอัด
“ห่างหน่อยก็ได้มั๊ง” โรสรินบอก
“ไม่ได้ อย่าลืมว่าเราต้องแสดงเป็นคนรักกัน”
ตะวันดึงโรสรินเข้ามาแนบชิดกับตัวเค้าอีก ชาญ แย้ อึ่ง อาทิตย์ยืนมองแล้วก็ยิ้มกรุ่มกริ่ม ชาญตบเข่าฉาด
“บ๊ะ! เหมือนบ่าวสาวไม่มีผิด”
โรสรินสุดทน หันมาจะเอาเรื่องตะวัน แต่จมูกกลับชนกับจมูกตะวัน สองคนนิ่งกันไป แย้เขินมาก เข้ามากอดชาญ เจอชาญตบหัว แย้สะดุ้งรีบปล่อย พีชพอใจมาก
“ว๊าวว ค้างท่านี้ไว้นะคะ” ช่างภาพกดรัวชัตเตอร์ “งามมากก เพอร์เฟ็ค”
ชาญยืนยิ้ม มีแย้ อึ่ง อาทิตย์อยู่ด้วย
“ปู่จ๋าปู่ อึ่งว่าถ้าพี่ตะวันกับพี่โรสถ่ายแบบเสร็จ แต่งงานกันไปเลยดีกว่า” อึ่งบอก ชาญยิ้มน้ำตาคลอ
“พรุ่งนี้ปู่คงได้อุ้มเหลนแล้ว”
“ไม่ใช่ปลากัดนะปู่ ที่จ้องตากันแล้วจะท้องวันนี้พรุ่งนี้” แย้บอกแต่ชาญไม่โกรธแย้เพราะยังอินอยู่
“เห็นอย่างนี้แล้วก็หมดห่วง สบายใจ ข้าไปเอนหลังพักซักหน่อยดีกว่า ไปอึ่ง กลับ”
“โฮ อึ่งอยากดูพี่โรสถ่ายแบบอ่ะ” อึ่งโวย ชาญจึงทำเสียงเข้มขู่
“ฮื่อ”
อึ่งเปลี่ยนเสียงทันที
“จ๊ะจ๊ะ ไปจ๊ะไป ไปจ้ะคุณทิตย์” อาทิตย์ส่ายหน้า “ไม่ไปไม่ได้ ต้องไป ฮื่อ” อึ่งเลียนเสียงแบบชาญ
“ไอ้แย้ เอ็งอยู่ทางนี้ ดูแลอย่าให้มีอะไรขาดตกบกพร่อง” ชาญสั่งแย้
“ครับพ้ม”
อึ่งจับมืออาทิตย์ แล้วเดินออกไปกับชาญ อุษาวดีเห็นภาพตะวันกับโรสรินก็ได้แต่ยืนตาค้าง
ริมทุ่งนาใกล้กับสถานที่ถ่ายแบบ พีระกำลังขี่อยู่บนหลังควาย ฮัมเพลง มีความสุข
“เราชาวนาอยู่กับควาย พอหมดงานไถ ฮุยๆๆ” น้ำค้างมองพีระยิ้มๆ พลันเสียงมือถือพีระดังขึ้น พีระหยิบออกมากดรับสาย “ว่าไงจ๊ะอุษาน้องรัก”
อุษาวดียืนมองตะวันที่ถ่ายแบบคู่กับโรสรินก็แอบมีหวงตะวันนิดๆ
“พี่พีต้องมาที่กองถ่ายแบบเดี๋ยวนี้”
พีระนิ่วหน้า
“ทำไม”
อุษาวดีร้อนใจมาก
“คุณตะวันถ่ายแบบคู่กับโรส”
พีระตกใจมาก หันไปมองน้ำค้างที่มองมาก็รีบพูดต่อ
“ทำไมเป็นแบบนี้” พีระตะโกนถามเสียงเบา
“อุษาไม่รู้ พอเดินมาดู ก็เห็นว่าถ่ายแบบด้วยกันแล้ว” อุษาวดีบอก พีระร้อนใจมาก
“ไม่ได้นะ มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้”
พีระวางสาย แล้วเดินขึ้นจากทุ่งนา น้ำค้างเห็นก็สงสัย
“นายจะไปไหน”
พีระไม่ตอบ รีบจ้ำเดินออกไปทันที น้ำค้างรีบตามไปติดๆ
สถานที่ถ่ายแบบ ช่างภาพกดแชะ โรสรินผละออกจากตะวันทันที
“คุณตะวันถ่ายเสร็จแล้วค่ะ ส่วนคุณโรสเหลือชุดสุดท้ายชุดเดียว” พีชบอก
“โรสขอพักแป๊บนึงนะคะ”
พีชพยักหน้า โรสรินหันไปค้อนตะวันแล้วก็เดินไปนั่งพัก ตะวันมองโรสรินยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินออกไป
ที่มุมเสื้อผ้า แอ๊ดเข้ามาช่วยแต้วจัดของ สักพักแต้วผละออกไปที่มุมหนึ่ง ไม่นานมาลัยกับมาลีย่องมา มาลัยส่งซิกให้มาลีขยิบตาพร้อมยกมือโอเค แล้วเดินไปหยุดด้านหลังแอ๊ด
“โอ๊ยย” แอ๊ดหันไปมองมาลี มาลียกมือกุมท้องร้องเสียงดัง “โอ๊ยย ปวด ปวดท้อง” แอ๊ดมองงงๆ มาลีเข้ามาจับแขนแอ๊ด แอ๊ดตกใจ “ช่วยป้าด้วย ป้าไม่ไหวแล้ว”
“ป้าจะให้ผมช่วยไงครับ”
“ช่วยพาป้าไปห้องน้ำที ป้าปวดอี้”
มาลีหันหน้าไปทางอื่นแล้วแกล้งทำเสียงตด แอ๊ดเบ้หน้ารังเกียจ
“เฮ้ยตายแล้ว อย่ามาทำเรี่ยราดตรงนี้นะป้า”
“ถ้าไม่อยากให้ทำเรี่ยราด ก็พาป้าไปที มันจะถึงปากอ่าวแล้ว” มาลีแกล้งเอามือกุมก้น “อุ๊ยย มันซี๊ดด”
“เฮ้ยๆ อดทนหน่อยนะป้า อดทนอดทน”
แอ๊ดรีบประคองพามาลีเดินออกไปอย่างทุลักทุเล มาลีหันไปทางที่มาลัยซ่อนก่อนจะยิ้มให้ มาลัยรีบเดินออกมา มองไปรอบๆ ไม่มีใคร ก็รีบดึงชุดดิ้นทองออกมา มองหน้าตาร้ายกาจและรีบเดินหลบออกไป คลาดกับตะวันที่เดินเข้ามา เพื่อคืนชุดถ่ายแบบแบบเฉียดฉิว
แอ๊ดประคองมาลีเดินมาด้วยกัน มาลีเหล่มองแอ๊ด แล้วก็...
“อุ๊ย” แอ๊ดหันไปมอง “ป้าหายปวดท้องแล้ว ขอบใจนะพ่อหนุ่ม”
มาลีรีบผละออกจากแอ๊ดแล้วเดินออกไปทันที แอ๊ดมองตามไม่เข้าใจ
พีระกระหืดกระหอบวิ่งมา เห็นโรสรินนั่งเพียงลำพังก็จ้ำเดินเข้าไปหา โดยมีน้ำค้างตามมาติดๆ อุษาวดีเห็นพีระมาก็รีบเดินไปหา
“โรซี่” โรสรินหันไปทางพีระ “ไอ้ตะวันมันอยู่ไหน มันทำอะไรโรซี่รึเปล่า” น้ำค้างฉุน
“เรียกพี่ชายฉันให้มันดีๆ หน่อย”
“พี่ชายเธอฉวยโอกาส”
“พี่ชายฉันทำอะไร”
“หยุดบ้าซักทีเถอะพี โรสกำลังทำงาน ต้องการสมาธิ” โรสรินบอก
“ใช่ พี่โรสต้องทำงาน และนายก็ต้องกลับไปทำงานต่อเหมือนกัน ไปได้แล้ว” น้ำค้างบอก
“ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่ให้กำลังโรซี่ของฉัน”
ทันใดนั้นแต้ววิ่งหน้าตาตื่นมาหาพีช
“คุณพีชแย่แล้วครับ” เสียงของแต้วทำให้โรสริน น้ำค้าง อุษาวดี น้ำค้างหันไปมองเป็นตาเดียว “ชุดดิ้นทองหายไป”
พีชกับคนอื่นพากันหน้าตื่นตกใจมาก
อีกมุมหนึ่งในไร่ตะวัน มาลัยเอาชุดดิ้นทองโยนเข้ากองไฟ มีมาลียืนอยู่ข้างๆ สองแม่ลูกหันมายิ้มร้ายให้กัน
ตะวันเดินมาตามทาง ตะวันเห็นควันไฟก็ตกใจ
“ควันอะไร”
ตะวันรีบวิ่งไปตามที่เห็นทันที
พีชจะเป็นลมเมื่อรู้ว่าชุดหายไป
“ฉันบอกแกแล้วใช่มั๊ยว่าให้เฝ้าให้ดี แล้วชุดมันหายไปได้ยังไง”
“ไม่ทราบค่ะ”
แอ๊ดจ๋อยมาก
“ผมไม่ทราบครับ”
“แสดงว่าที่นี่ต้องมีขโมย”
“น้ำค้างรับประกันได้ว่าไร่ตะวันไม่เคยมีขโมยค่ะ”
“ถ้าไม่มี แล้วชุดมันจะล่องหนหายเองได้งั้นเหรอ”
โรสรินเครียดคิด แล้วก็เอะใจบางอย่าง
“นายตะวันหายไปไหน”
ทุกคนมองหน้ากัน แล้วน้ำค้างก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
“พี่โรสคิดว่าพี่ตะวันเอาไปเหรอคะ”
โรสรินหันไปมองน้ำค้างไม่ตอบ แต่หันไปทางพีช
“โรสไปตามหานายตะวันก่อนนะคะ”
โรสรินรีบเดินออกไป น้ำค้างกับแย้หันมามองหน้ากันหน้าแย่
ตะวันเอากิ่งไม้เขี่ยของในกองไฟที่เพิ่งดับไปขึ้นมาดู สายตาตะวันเห็นเป็นชุดดิ้นทองที่ถูกเผาเสียหายช่วงบน ท่อนล่างถูกเผาเพียงนิดหน่อย
“ชุดของใคร”
ตะวันพึมพำออกมา
อีกด้าน โรสรินจ้ำเดินมองหาตะวันมาตามทาง
“อย่าให้รู้นะว่าเป็นฝีมือนาย”
โรสรินหยุดเดิน เห็นตะวันถือชุดในมือ โรสรินอึ้ง โกรธมาก นึกถึงตอนที่ตะวันขู่
“ถ้าคุณบ่นอีกคำเดียว ผมนี่แหละจะเป็นคนทำลายความฝันของคุณ”
โรสรินกำมือแน่น จ้ำเดินมาหาตะวัน ตะวันหันไปมองโรสริน ยังไม่ทันพูดอะไร โรสรินตบหน้าตะวันเพี๊ยะ
เต็มแรง ตะวันหน้าหัน สีหน้าตะลึงอึ้ง ก่อนจะหันมามองโรสรินอย่างไม่เข้าใจ
“นายเกลียดฉันมากจนถึงขั้นต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ”
ตะวันก้มมองเสื้อในมือ รู้ทันทีว่าโรสรินหมายถึงอะไร
“ผมไม่ได้ทำ”
“โกหก เห็นคาตา ยังจะปฎิเสธ” ตะวันนิ่ง “ตั้งแต่แรกนายก็ไม่ได้เต็มใจจะให้ฉันถ่ายแบบที่นี่ นายพยายามทำลายงานนี้ นายก็เลยแกล้งฉัน โดยการยอมเป็นนายแบบ ทำไมฉันจะไม่รู้ แต่ครั้งนี้นายทำเกินไป คุณพีชจะมองฉันยังไง ความฝันของฉันต้องมาพังทลายเพราะนายคนเดียว”
โรสรินโกรธมากจนน้ำตาคลอ ทำเอาตะวันอึ้งมาก พยายามจะอธิบาย
“โรสริน คุณต้องเชื่อผม ผมไม่ได้ทำจริงๆ”
“ฉันไม่เชื่อนาย ไม่เชื่อ” โรสรินเสียงดังลั่น “ฉันบอกนายแล้วใช่มั๊ยว่าถ้างานนี้พัง ฉันจะไปจากที่นี่ และข้อตกลงทุกอย่างก็เป็นโมฆะ ลาก่อนนายตะวัน”
ตะวันได้แต่ยืนตัวชาอยู่กับที่ โรสรินน้ำตาไหล แล้วหันหลัง ปาดน้ำตา ก่อนจะเดินออกไป ตะวันแทบทรุด
ตะวันเดินกลับมาพร้อมชุดในมือ พีระ น้ำค้าง อุษาวดี แย้ พีช แอ๊ด มองตะวันเป็นตาเดียว ตะวันเดินมาหยุดตรงหน้าพีช ก่อนจะยื่นชุดออกไปให้ พีชก้มมอง พอเห็นชุด น้ำตาแทบร่วง ยื่นมือสั่นเทาออกไปรับชุดมาดู
“ชุดดิ้นทองของฉันนน”
ทุกคนตกใจมาก แล้วพีชก็เป็นลม แอ๊ดกับแย้รีบประคองรับเอาไว้
“คุณพีช”
น้ำค้างหันไปมองตะวันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พีระหันไปมองอุษาวดี
“รีบไปหาโรสกันเถอะอุษา”
อุษาวดีกับพีระเดินออกไปโดยที่ไม่มีใครเห็น
ที่บ้านตะวัน ชาญมองหน้าตะวันที่ก้มหน้าจ๋อยมาก มีอาทิตย์กับอึ่ง ยืนอยู่ด้วย
“ในเมื่อเอ็งไม่ได้เผาชุดนั้น แล้วเอ็งจะปล่อยให้หนูโรสไปแบบนี้งั้นเหรอ”
“ผมไม่ได้อยากให้โรสรินไป แล้วปู่จะให้ผมทำยังไง ในเมื่อโรสรินไม่ฟังผม”
ระหว่างนั้นน้ำค้าง แย้ เดินเข้ามา ตะวัน ชาญ อึ่ง อาทิตย์หันไปมอง
“น้ำค้างให้คุณพีชพักที่บ้านพักรับรองแขกค่ะ ตอนนี้ยังไม่ฟื้น”
ตะวันพยักหน้า ชาญจับไหล่ตะวัน ตะวันหันมา
“เอ็งต้องทำให้หนูโรสฟังแกให้ได้” ชาญจิ้มที่หน้าอกตะวัน “ถ้าไม่อยากเสียหนูโรสไป เอ็งต้องทำให้เขารู้ว่าเอ็งเป็นผู้บริสุทธิ์”
น้ำค้าง แย้ อึ่งเห็นด้วย อาทิตย์เดินมาสะกิดตะวัน ตะวันก้มมอง อาทิตย์ชูสองนิ้วให้ตะวัน ตะวันนิ่วหน้า
“คุณทิตย์บอกให้พี่ตะวันสู้จ้ะ” อึ่งบอก
ตะวันหันไปมองทุกคน สีหน้าคิดหนัก
บ้านพักโรสริน อุษาวดีกับพีระอยู่กับโรสริน หลังจากที่ฟังเรื่องราวทุกอย่างแล้ว
“ไอ้ตะวันมันเลวจริงๆ มันจงใจแกล้งโรซี่ชัดๆ”
“โรสจะกลับกรุงเทพ” โรสรินบอก พีระดีใจมาก
“ใช่จ๊ะใช่ กลับบ้านเราดีที่สุด อุษารีบไปเก็บเสื้อผ้า เราจะกลับพร้อมกับโรซี่”
สิ้นคำพีระ เสียงตะวันก็ดังขึ้น เป็นเสียงที่หนักแน่นและเด็ดขาด
“โรสรินยังกลับกรุงเทพไม่ได้”
โรสริน พีระ อุษาวดีหันไปเห็นตะวันเดินเข้ามา พีระไม่พอใจ เข้ามาขวางทาง
“แกไม่มีสิทธิ์มาห้ามโรส”
ตะวันผลักพีระให้พ้นทาง พีระเซเกือบล้ม จะเข้ามาเอาเรื่อง แต่อุษาวดีจับแขนห้ามเอาไว้ พีระหัวเสีย ตะวันเดินมาหยุดยืนตรงหน้าโรสริน
“ผมไม่ให้คุณไปจากที่นี่ จนกว่าผมจะสามารถพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมเป็นผู้บริสุทธิ์”
“จะพิสูจน์ทำไม ในเมื่อนายเป็นคนทำ อย่างไม่ต้องสงสัย”
“ผมกล้าสาบาน ว่าผมไม่ได้ทำ”
“คำสาบาน ใครก็พูดได้” พีระบอกอย่างรำคาญ
“ถ้าผมโกหก ขอให้ผมตายภายในสามวัน”
ตะวันบอก โรสรินอึ้ง พีระชะงัก อุษาวดีหันไปมองพีระ
“ถ้าเป็นพี่ พี่จะกล้าสาบานแบบนี้มั๊ย” อุษาวดีถามพี่ชาย
พีระพูดไม่ออก โรสรินมองหน้าตะวัน ยังไม่เชื่อ
“ไม่มีประโยชน์ที่จะทำแบบนี้ ยังไงฉันก็จะไป ฉันทนอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไม่ได้” พีระยิ้ม
“มันต้องแบบนี้สิโรซี่ เราไปเก็บของกันดีกว่า” พีระเดินไปหาโรสริน
ตะวันกำมือแน่น โรสรินหันหลัง พีระจะเดินตามไป ตะวันมองโรสรินที่ค่อยๆ เดินห่างเค้าออกไป ตะวันพยายามคิดว่าจะทำยังไงถึงจะรั้งโรสรินเอาไว้ได้ แล้วตะวันก็คิดออก
“เดี๋ยวก่อนโรสริน” โรสรินชะงัก พีระหยุดเดิน อุษาวดีหันไปมองหน้าตะวัน โรสรินกับพีระหันมา “ก่อนที่คุณจะไป ผมขอพูดอะไรซักอย่าง”
“นายมีเวลาห้านาที”
“จำวันแรกที่คุณมาอยู่ไร่ตะวันได้มั๊ย” โรสรินนิ่วหน้า “คุณคือคุณหนูอารมณ์ร้าย ไม่เคยให้โอกาสคนอื่น ไม่มีเหตุผล ทำอะไรก็ไม่เป็น จนคุณแทบจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ แต่พอเวลาผ่านไป ผมกลับได้เห็นมุมดีดีของคุณมากขึ้นทุกวัน จนผมนึกว่าคุณเปลี่ยน แต่ผมคิดผิด!” โรสรินมองหน้าตะวันแววตาไม่พอใจ พีระมองตะวันว่าจะมาไม้ไหน อุษาวดีตั้งใจฟังที่ตะวันพูด “คุณก็ยังเป็นคุณหนูโรสริน เป็นยัยกุหลาบจอมร้ายกาจคนเดิม”
“ไม่จริง ฉันไม่ได้เป็นแบบที่นายพูดอีกแล้ว”
“ถ้างั้นก็ให้โอกาสผมสิ ให้โอกาสผมได้พิสูจน์ ทำให้ผมเห็นว่าคุณเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ”
โรสรินนิ่งมองตะวัน อุษาวดีลุ้น พีระหน้าเสีย
“โรซี่อย่าไปให้โอกาสมัน” โรสรินยังยืนนิ่ง “โรซี่”
โรสรินไม่สนใจพีระยังคงมองหน้าตะวัน
ชาญ น้ำค้าง แย้ อึ่ง อาทิตย์ ดีใจกับตะวันที่โรสรินยังไม่ไป ชาญจับไหล่ตะวัน
“ไอ้ตะวัน เอ็งสมกับเป็นหลานปู่ชาญจริงๆ พูดจนหนูโรสยอมที่จะไม่ไป”
“คิดแล้วก็เจ็บใจนะลูกเพ่ ไม่รู้ไอ้บ้าตัวไหน กล้าทำแบบนี้”
“นั่นสิวะ” ชาญยกมือไหว้ท่วมหัว “เจ้าประคู๊ณ ข้าขอให้ไอ้หรืออีคนนั้น เจอกับวิบากรรมครั้งใหญ่ ถ้ากินข้าวก็ขอให้ข้าวติดคอ”
ที่ตลาด ร้านขายผลไม้ของมาลี มาลัยกับมาลีกินข้าวติดคอพร้อมกัน
“ดื่มน้ำก็ขอให้สำลัก” ชาญแช่งต่อ
มาลัยกับมาลีสำลักน้ำที่ดื่มเข้าไป สำลักอย่างหนัก
“ขอให้โดนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ” ชาญแช่งต่อ
ฟ้าดังเปรี้ยง! มาลัยกับมาลีสะดุ้งตกใจ
“ฟ้าจะผ่าอะไรตอนแดดเปรี้ยงอย่างนี้วะ” มาลีบ่น
“ไปทำอะไรผิดไว้หรือเปล่า” แม่ค้าที่อยู่ข้างๆ บอก มาลัยโวยเลย
“จะบ้าเหรอ หุบปากไปเลยนะ”
“ฉันกับลูกไม่เคยทำอะไรผิดโว๊ย ไม่มีๆๆ” มาลีบอกแต่มีพิรุธสุดๆ
ที่บ้านตะวัน ตะวันยังหน้าเครียดอยู่ น้ำค้าง ชาญ อึ่ง แย้ อาทิตย์มองสงสัย
“พี่โรสไม่ไปจากที่นี่ แล้วพี่ตะวันยังเครียดอะไรอยู่คะ”
น้ำค้างถามอย่างแปลกใจ ตะวันนึกถึงพีช ถอนหายใจ
ที่บ้านพักรับรองแขก พีชฟื้นขึ้นมา แอ๊ดดีใจมาก
“คุณพีชฟื้นแล้ว”
พีชปล่อยโฮออกมาทันที
“หมดแล้ว ฉันไม่เหลือแล้วแอ๊ด โฮๆ”
พีชกอดแอ๊ดแน่น แอ๊ดลูบหลังปลอบใจ ไม่นานตะวันเปิดประตูเข้ามา พีชกับแอ๊ดหันไปมอง
“ความหวังของคุณยังไม่หมดหรอกครับ ผมรับปากว่าจะช่วยคุณเอง”
พีชกับแอ๊ดมองตะวันสงสัย
ตะวันเดินกลับเข้าบ้าน น้ำค้าง ชาญ อึ่ง อาทิตย์ แย้หันไปมอง
“เราต้องซ่อมชุดให้คุณพีชเสร็จก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน”
ตะวันบอก ทุกคนมองตะวันอึ้งมาก
“ชุดเยินขนาดนี้ จะซ่อมได้ไง” น้ำค้างถาม
ตะวันหน้านิ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจ ก่อนจะนึกอะไรออก
น้ำค้างเอาชุดตัวเองออกมา สีดูคล้ายกับท่อนบนของชุดดิ้นทองที่พังไป
“นี่ชุดของน้ำค้าง น้ำค้างเพิ่งใส่ไปไม่กี่ครั้ง”
ชาญยื่นผ้าขาวม้าออกมา
“ผ้าขาวม้าของปู ยังใหม่อยู่”
อึ่งเอาม้วนริบบิ้นยื่นไปตรงหน้าตะวัน
“อึ่งมีแต่ไอ้นี่ ไม่รู้จะช่วยได้หรือเปล่า”
“แย้ไม่มีของ แต่แย้มีแรงจ๊ะ”
อาทิตย์ยื่นกล่องใส่เข็มกับด้ายให้ตะวัน ตะวันรับมาพร้อมลูบหัวอาทิตย์
“ขอบใจทุกคนมาก”
ตะวันพยักหน้า
น้ำค้างกำลังตัดชุดของเธอเพื่อเอามาต่อกับชุดดิ้นทอง ชาญกำลังม้วนผ้าขาวม้าผูกเป็นโบว์ แย้กับอึ่งช่วยกันเอาริบบิ้นมาม้วนเป็นดอกกุหลาบ อาทิตย์กำลังเอาด้ายร้อยใส่เข็ม
ตะวันนั่งเย็บผ้าที่น้ำค้างตัดออกมาให้ติดกับกระโปรงท่อนบนของชุดดิ้นทอง เข็มตำนิ้วตะวันตลอด ระหว่างที่ตะวันเย็บ ตะวันเจ็บแต่อดทนทำต่อไป อึ่ง อาทิตย์ ช่วยกันเอากาวมาทาติดริบบิ้นกุหลาบลงบนชุด แย้หอบกุหลาบสดเอามาตัดใช้เฉพาะดอก ทุกคนช่วยกันทำด้วยความตั้งใจ
โรสรินนั่งซึมอยู่ที่บ้านพัก พีระจะเดินเข้าไปหาแต่อุษาวดีห้ามเอาไว้
“ปล่อยให้โรสอยู่คนเดียวบ้างเถอะพี่พี”
พีระมองโรสินเป็นห่วง ระหว่างนั้นแต้วเดินเข้ามา
“คุณโรสคะ”
โรสริน พีระ อุษาวดีหันไปมองแต้ว แต้วยิ้ม
“ชุดสุดท้ายพร้อมให้คุณโรสใส่ถ่ายแบบแล้วค่ะ”
โรสริน พีระ อุษาวดีอึ้งและสงสัย
แต้วเดินพาโรสริน พีระ อุษาวดีออกมาเจอพีชถือชุดอยู่ มีตะวัน น้ำค้าง ชาญ แย้ อึ่ง อาทิตย์ยืนอยู่ด้วย โรสรินเห็นชุดที่พีชถือก็ตะลึงงัน พีชเดินมาตรงหน้าโรสริน
“คุณพีชไปเอาชุดนี้มาจากไหนคะ” โรสรินถามอย่างแปลกใจ
“ชุดเดิม แต่ได้คุณตะวันช่วยซ่อมให้ค่ะ” พีชบอก โรสรินอึ้ง หันไปมองตะวันที่มองมา “รีบไปเปลี่ยนชุดเถอะค่ะ แสงใกล้หมดแล้ว”
โรสรินจำต้องเดินออกไปกับแต้ว โดยที่ยังไม่ได้พูดอะไรกับตะวัน
โรสถ่ายแบบในชุดดิ้นทองฝีมือตะวัน สวยงามราวกับนางฟ้ากลางทุ่งกุหลาบ ทุกคนยิ้มมองอย่างโล่งใจ ทันใดนั้นแย้ก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“เฮ้ย” ทุกคนหันขวับไปมองแย้
“ไอ้แย้ แหกปากทำไมวะ” ชาญต่อว่า แย้หันไปทางตะวัน
“แย้นึกออกแล้วลูกพี่ว่าใครเป็นคนเผาชุด”
“กว่าจะนึกได้ ตะวันแทบจะตกดิน”
ตะวัน น้ำค้าง ชาญ อึ่ง อาทิตย์มองแย้สงสัย
มุมหนึ่งในไร่ตะวัน แย้ยื่นดอกไม้ติดผมของมาลัยไปตรงหน้าตะวัน
“แย้เจอไอ้นี่หล่นอยู่หลังไร่ มันเป็นของมาลัย”
ตะวันรับดอกไม้มามองสีหน้าเอาจริง
ช่วงเย็น ขณะที่มาลัยกับมาลีกำลังจะปิดร้าน ตะวันเดินมา มาลัยกับมาลีหันไปเห็น มาลัยดีใจมากรีบเข้ามากอดตะวัน
“พี่ตะวัน มาหาเค้าแบบนี้ คิดถึงเค้าใช่ป่ะ”
“ใช่ คิดถึงมากด้วย” ตะวันบอก
มาลัยหันไปมองมาลีสีหน้าดีใจมาก ตะวันผละจากมาลัย หยิบบางอย่างจากกระเป๋ากางเกงด้านหลัง แล้วยื่นไปตรงหน้ามาลัย ของในมือคือ “ดอกไม้ติดผม” มาลัยชะงัก
“ดอกไม้ของฉัน พี่ตะวันเก็บได้ที่ไหนจ๊ะ”
“แย้เป็นคนเก็บได้ ที่หลังไร่”
มาลีกับมาลัยผงะ หน้าซีด สองแม่ลูกหันขวับมามองหน้ากัน มาลัยถอยไปยืนข้างมาลีแล้วพูดเสียงเบา
“ไอ้แย้ ไอ้มารผจญ มันจะทำฉันกับแม่ซวยมั๊ยเนี่ย”
“เลิกด่าแย้ได้แล้ว” ตะวันบอกเสียงนิ่ง
มาลัยกับมาลีหันขวับไปมองตะวัน
“พี่ตะวันได้ยินด้วยเหรอจ๊ะ”
ตะวันไม่ตอบ ขยับมาตรงหน้ามาลัยหน้านิ่งแล้วพูดเสียงเข้ม
“สารภาพมาซะ ว่าเธอเป็นคนเผาชุดของคุณพีชใช่มั๊ย”
มาลัยทำหน้าตาย
“พี่ตะวันพูดอะไร ฉัน ฉันไม่รู้ ไม่เข้าใจ”
“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันจ๊ะ”
ตะวันบอกน้ำเสียงจริงจัง
“โกหกได้หนึ่งครั้ง ก็ต้องมีครั้งที่สอง ครั้งที่สาม และครั้งต่อไปตามมา พี่ไม่อยากนั่งเดาว่าเรื่องไหนมาลัยพูดจริงหรือพูดไม่จริง เพราะฉะนั้นหลังจากวันนี้ อย่ามาเจอพี่อีก ให้คิดว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน” มาลัยหน้าตาตื่น “จำไว้ว่าพี่เกลียดคนโกหก”
มาลัยหน้าเสีย มาลีหน้าแย่ ตะวันหันหลังเดินออกไป มาลัยหันไปทางมาลี ลนลานไปหมด
“ทำไงดีแม่ ฉันขาดพี่ตะวันไม่ได้นะ”
“ข้าไม่รู้เว๊ย”
มาลัยคิดๆ แล้วก็ตัดสินใจวิ่งตามตะวัน
“พี่ตะวัน พี่ตะวันอย่าเพิ่งไป”
ตะวันหยุดเดิน หันมามองมาลัย
โรสรินมองมาลัยด้วยความอึ้งมาก ตะวันยืนอยู่ด้วย
“ฉันเผาชุด เพราะไม่อยากให้แกได้ถ่ายแบบ”
โรสรินนิ่ง. จนตะวันแปลกใจ”
“โรสริน เป็นอะไร”
ตะวันถามอย่างเป็นห่วง โรสรินของขึ้น
“มันจี๊ดดด” โรสรินพุ่งบีบคอมาลัย เพราะโกรธมาก มาลัยหายใจไม่ออก หน้าแดงสุดๆ “อ๊ายย”
ตะวันเห็นท่าไม่ดี พยายามดึงโรสรินออกไป
“พอได้แล้ว เดี๋ยวมาลัยตาย”
“ก็มันจี๊ดส์”
“ถ้าเค้าตาย ติดคุกหัวโตนะคุณ”
โรสรินชะงัก นึกได้ รีบปล่อยมือจากมาลัย มาลัยรีบวิ่งหนีออกไปด้วยความกลัว ตะวันมองหน้าโรสรินที่หน้าแดงก่ำก็หัวเราะออกมา โรสรินหันไป
“หัวเราะอะไร คนกำลังโมโห”
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะ แต่เพราะคุณทำให้ผมเข้าใจคำพูดที่ว่าโกรธจนควันออกหูมันเป็นยังไง หน้าคุณแดงมาก” โรสรินชะงัก
“จริงเหรอ” ตะวันพยักหน้า โรสรินจับหน้าตัวเอง “หน้าร้อนเลยอ่ะ”
ตะวันอมยิ้ม
“กลับบ้าน เอาน้ำเย็นลูบหน้า จะได้รู้สึกดีขึ้น”
โรสรินพยักหน้า มองตะวันครุ่นคิด
“ขอโทษที่เข้าใจนายผิด” ตะวันผงะ “แล้วก็ขอบคุณ สำหรับสิ่งที่นายทำ”
ตะวันนิ่วหน้า
“เรื่องอะไร”
“เรื่องชุดไง” ตะวันนิ่ง “มันสวยมาก”
“เป็นเพราะทุกคนช่วยกันทำ ไม่ใช่ผมคนเดียว”
โรสรินยิ้มๆ แล้วก็เหลือบเห็นนิ้วมือตะวัน
“ทำไมนิ้วแดงแบบนี้”
ตะวันยกมือขึ้นมามอง โรสรินจับมือ
“โอ๊ย” ตะวันเจ็บร้องออกมา
“โดนอะไร”
“เปล่า”
โรสรินจับมือตะวันมาดู แล้วก็ฉุกคิดได้เอง
“นายโดนเข็มทิ่มใช่มั๊ย” ตะวันนิ่ง เป็นการยอมรับ โรสรินซึ้งมาก “แล้วทำไมนายต้องทำขนาดนี้”
“จำได้มั๊ยที่คุณบอกว่าผมเป็นคนที่ไม่เคยมีความฝัน ไม่ใช่หรอกนะ จริงๆ แล้วผมมีความฝัน ฝันอยากเห็นคุณมีความสุข และถ้าคุณมีความสุข คุณก็จะไม่อยากไปจากที่นี่”
โรสรินอึ้ง เพราะตะวันพูดกลายๆ ว่าไม่อยากให้เธอไป ตะวันยิ้มให้โรสรินเป็นยิ้มที่อบอุ่นจนโรสรินรู้สึกเขินนิดๆ
“ฉัน ฉันไม่รู้จะพูดอะไรเลยอ่ะ”
“ก็ไม่ต้องพูดอะไร แค่เห็นคุณยิ้มได้อีกครั้ง ผมก็ดีใจแล้ว”
ตะวันยิ้มกริ่ม แล้วทันใดนั้นเสียงท้องโรสรินดังออกมา ตะวันผงะ โรสรินอึ้ง เอามือจับท้อง ด้วยความอาย
“คือ...” โรสรินยิ้มแหย “ฉันยังไม่ได้กินไรทั้งวันเลย”
ตะวันหัวเราะ ทำให้โรสรินหัวเราะออกมา ทั้งคู่รู้สึกดีดีต่อกัน
คืนนั้นที่บ้านพักโรสริน โรสรินกินข้าวไม่หยุด ตะวันมองโรสริน ยิ้มมีความสุข โรสรินรีบก็เลยสำลัก โรสรินรีบดื่มน้ำ ตะวันรีบเอากระดาษส่งให้
“ค่อยๆ กินก็ได้ ไม่มีใครแย่ง”
โรสรินกลืนอาหารในปาก
“ก็มันหิว ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยหิวมากกกขนาดนี้มาก่อน” ตะวันสังเกตเห็นข้าวติดมุมปากโรสริน ตะวันอมยิ้ม โรสรินแปลกใจ “ยิ้มไร”
ตะวันชี้ที่มุมปากตัวเอง
“ข้าวติด”
โรสรินเอามือปัด แต่ไม่โดน ตะวันส่ายหน้า โรสรินเอามือปัดอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่โดน ตะวันทนไม่ไหว ลุกขึ้น ก้นลอยเหนือเก้าอี้ ยื่นมือไปปัดข้าวออกให้ โรสรินชะงัก มองตะวัน ตะวันเองก็ผงะ สองคนมองหน้ากัน แล้วโรสรินก็รีบตั้งสติ
“ขอบใจ”
ตะวันพยักหน้า เขินๆ จะหย่อนก้นนั่ง แต่นั่งผิดทางเลยล้มก้นจ้ำเบ้าเต็มแรง
“โอ๊ย”
โรสรินตกใจ รีบลุกมาดูตะวัน เห็นตะวันตกเก้าอี้ก็ขำก๊ากออกมา ตะวันมองโรสริน “ขำตรงไหน คนเจ็บจะแย่ อุ๊ยยย”
“ก็มันตลก เก้าอี้ก็อยู่ที่เดิม แต่ดันตกซะได้ ฮ่าๆ”
“ซ้ำเติมเลยนะ” โรสรินอมยิ้ม “ช่วยหน่อยสิ ลุกไม่ขึ้นแล้ว”
ตะวันยื่นมือออกไป โรสรินจับมือตะวัน แล้วดึงขึ้นมา จังหวะที่ดึง โรสรินเสียหลัก ทำให้เซจะล้ม
“เวยยย”
ตะวันก้นจ้ำเบ้ากระแทกที่เดิม ตะวันเจ็บจนพูดไม่ออก โรสรินล้มทับตัวตะวันอีกที หน้าโรสรินเกือบชนกับหน้าตะวัน ทำให้ทั้งคู่ชะงักงันกันไป มองหน้ากันเคลิ้มๆ และไม่นานก็ได้สติ โรสรินกับตะวันลุกขึ้นยืน
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า” ตะวันถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่”
“งั้นก็ทานข้าวกันต่อเถอะ”
ตะวันกับโรสรินนั่งกินข้าวด้วยกัน
ขณะนั้นพีระกับอุษาวดีช่วยกันหิ้วถุงอาหารเดินมาด้วยกันตามทาง
“ซื้อเยอะแยะขนาดนี้ โรสจะกินหมดเหรอ” อุษาวดีถามพี่ชาย
“กินไม่หมดก็ไม่เป็นไร พี่ซื้อมาเผื่อให้โรซี่เลือก รีบเดินเร็วเข้า เดี๋ยวโรซี่หิว”
พีระยิ้มมีความสุข จ้ำเดินออกไป อุษาวดีถอนใจด้วยความเหนื่อย
“ทีกับน้องสาว ไม่เห็นเคยดูแลแบบนี้”
อุษาวดีพูดจบก็เดินตามพีระไป
ตะวันกับโรสรินเดินออกมาจากบ้านด้วยกัน ทั้งคู่ดูเก้อๆ เขินๆ ไม่รู้จะพูดอะไร แล้วตะวันก็พูดขึ้นมาก่อน
“อิ่มมั๊ย”
“ไม่อิ่มก็บ้าแล้ว กินข้าวไปตั้งสองจาน พุงปลิ้นเลยเห็นป่ะ”
โรสรินจับท้องตัวเอง ตะวันยิ้มแล้วก็เก้อๆ
“เออ งั้น ผมกลับล่ะนะ”
“อื้อ”
ตะวันยิ้มๆ ไม่อยากไป ขยับไปอย่างช้าๆ โรสรินยืนมอง
“คุณเข้าบ้านไปเถอะ ไม่ต้องรอส่งผมหรอก ผมเดินไปเอง”
“ฉันไม่ได้รอส่งนาย ฉันจะไปเดินเล่นย่อยอาหาร”
“ผมไปเป็นเพื่อน”
ตะวันรีบพูดแล้วยิ้ม โรสรินพยักหน้า แล้วทั้งคู่ก็เดินออกไปด้วยกัน
คล้อยหลังตะวันกับโรสรินเดินออกไปไม่นาน พีระกับอุษาวดีก็เดินมาถึงบ้านโรสริน
พีระกับอุษาวดีเดินเข้ามาในบ้าน
“โรซี่จ๋า”
พีระกับอุษาวดีก็ชะงัก เพราะบ้านว่างเปล่า
“โรสไม่อยู่”
พีระนิ่งคิด แล้วก็นึกขึ้นมาได้
“ไอ้ตะวัน”
พีระจ้ำเดินออกไป อุษาวดีรีบตามไปติดๆ
“พี่พีจะไปไหน”
พีระ อุษาวดี เดินเข้ามาในบ้านตะวัน
“ไอ้ตะวัน แกอยู่ไหน”
พีระเรียกหาตะวัน
“พี่พีกลับบ้านเหอะ”
อุษาวดีบอกแต่พีระไม่กลับ น้ำค้างเดินออกมา เห็นพีระกับอุษาวดีก็แปลกใจ
“พี่ชายเธอพาโรซี่ไปไหน” พีระถามน้ำค้าง
“ไม่ได้พาไปไหน พี่ตะวันไปทานข้าวกับพี่โรสเสร็จก็เดินไปส่งที่บ้านพี่โรส”
พีระกับอุษาวดีอึ้ง
“ทานข้าว”
น้ำค้างพยักหน้า อุษาวดีมองกับข้าวในมือพีระ
“โอ๊ว แล้วใครจะกินล่ะเนี่ย”
“เธอโกหก ฉันเพิ่งมาจากบ้านโรส ไม่มีใครอยู่”
“งั้นก็แสดงว่าเค้าออกไปที่อื่นด้วยกัน คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง บรรยากาศโรแมนติกซะด้วยสิ เฮ้อ”
น้ำค้างยิ้มพร้อมยักคิ้วกวนๆ พีระหันไปมองอุษาวดีสีหน้ากังวลใจ
ตะวันกับโรสรินเดินมาด้วยกันตามทาง เห็นพระจันทร์เต็มดวง
“คืนนี้พระจันทร์สวยจังเลย”
โรสรินหยุดเดิน ตะวันหยุดเดินตาม หันไปมองหน้าโรสรินแทนที่จะมองพระจันทร์ แล้วก็ยิ้มออกมา
“ใช่ครับ สวย สวยมาก” โรสรินหันมา ตะวันชะงัก รีบหันไปมองพระจันทร์ “ผมหมายถึงพระจันทร์น่ะครับ”
โรสรินงงกับท่าทางของตะวัน “ตอนเด็กๆ เวลาที่ผมร้องไห้ พ่อชอบพาผมออกมาดูพระจันทร์ พ่อบอกว่ามีกระต่ายอยู่บนนั้นให้ผมหาให้เจอ” ตะวันพูดไปยิ้มไป คิดถึงความหลัง “ผมตั้งใจหามาก จนหยุดร้องไห้ไปเลย”
“พ่อนายนี่น่ารักเนอะ”
ตะวันพูดแล้วก็คิดถึงพ่อ
“ครับ พ่อผมท่านเป็นคนดีมาก น่าเสียดายที่ท่านมาด่วนจากไปเร็ว”
“นายบอกได้มั๊ยว่าพ่อนายเสียเพราะอะไร”
“ใครๆ บอกว่าพ่อประสบอุบัติเหตุรถชน แต่ผมมั่นใจว่าไม่ใช่” โรสรินนิ่วหน้า ตะวันหันมา “พ่อผมถูกฆาตกรรม”
โรสรินอึ้ง
“นายรู้รึเปล่าว่าใครเป็นคนทำ”
โรสรินถามออกมา
“พ่อของเดชา” โรสรินอึ้ง ตะลึงงัน “พ่อของเดชาเป็นมาเฟียท้องถิ่น ทุกคนที่นี่ให้ความเกรงใจ ถ้าเค้าไม่พอใจใคร คนๆ นั้นก็จะถูกกำจัดออกไป โดยที่ไม่มีใครกล้าเอาผิด ผมพยายามจะหาหลักฐานเรื่องพ่อของผม แต่จนป่านนี้ผมก็หาไม่เจอ”
“นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้นายกับเดชาไม่ถูกกันใช่มั๊ย”
“เป็นส่วนหนึ่ง แต่ความขัดแย้งของผมกับเดชาเริ่มมาจากการที่พ่อของเดชาเข้าใจว่าพ่อผมโกงที่ดินของพ่อเค้าไป แล้วไม่นาน...” ตะวันพูดแล้วก็เจ็บแค้น “พ่อผมก็เสีย แต่กรรมสมัยนี้มันติดจรวด หลังจากนั้นพ่อเดชาก็ตาย เดชาจึงเข้ามาสานต่องานจากพ่อเค้า”
“ซึ่งก็คือ การค้าไม้เถื่อน”
“และอาจจะมีกิจการที่ผิดกฎหมายอื่นๆ อีก ที่เราไม่รู้ ได้ฟังอย่างนี้แล้ว คุณก็ต้องระวังตัวให้มากขึ้น อย่าอยู่ใกล้ผู้ชายคนนั้น ผมเป็นห่วง”
ตะวันจับแขนโรสรินมองอย่างเป็นห่วงจริงๆ โรสรินรู้สึกดี แล้วก็พยักหน้าให้ตะวัน
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านเดชา เดชานอนก่ายหน้าผากอยู่บนเตียง ตาเบิกโพลง นอนไม่หลับ ก่อนจะลุกขึ้นมานั่ง แล้วก็คิดถึงโรสริน ภาพต่างๆ ของโรสรินผ่านเข้ามา เดชาหงุดหงิดตัวเอง ทิ้งตัวนอนลงอีกครั้ง
“ทำไมผมถึงหยุดคิดถึงคุณไม่ได้”
เดชาหน้าเครียด
เช้าวันรุ่งขึ้น โรสรินเปิดประตูบ้านออกมาเจอพีระยืนหน้าง้ำอยู่ ก็ชะงัก
“เมื่อคืนโรซี่หายไปไหนกับไอ้ตะวัน”
“เรียกเค้าให้ดีๆ หน่อยได้มั๊ย” โรสรินบอก พีระชะงัก โวยลั่น
“โรซี่ปกป้องมันทำไม หรือว่าโรซี่ชอบมันแล้ว”
โรสรินอึ้ง รีบปฏิเสธ
“จะบ้าเหรอ โรส โรสไม่ได้ชอบเค้า” โรสรินปฏิเสธแต่มีพิรุธสุดๆ
“แน่นะ”
“อือ” โรสรินหลบหน้าพีระ
“แล้วตกลงเมื่อคืนไปไหนมา”
“เดินเล่นแถวๆ นี้แหละ โรสไปทำงานก่อนนะ”
โรสรินตัดบทรีบเดินออกไป พีระหันไป
“พีไปด้วย มีโรสที่ไหน ต้องมีพีที่นั่นไม่ใช่เหรอ”
พีระรีบเดินตามโรสรินไปตามทาง
โรสรินเดินมาตามทาง มีพีระตามมาติด
“โรซี่รอพีด้วย” โรสรินไม่สนใจ พีระเร่งฝีเท้า แต่ทันใดนั้นก็ต้องเบรกเอี๊ยดเพราะน้ำค้างเดินมาขวางตรงหน้า
“หลีกไป” พีระมองโรสรินที่เดินไปไกลลิบ
“ไม่หลีก นี่ได้เวลาเริ่มงานของนายแล้ว”
“ฉันไม่ว่าง”
“ไม่ว่างไม่ได้ เพราะนี่คือหน้าที่”
“หน้าที่อะไร”
“พาเฉาก๊วยไปอาบน้ำ ปฏิบัติ”
พีระอ้าปากหวอ พูดไม่ออก น้ำค้างยิ้ม
โรสรินเดินมาตามทางแล้วก็ชะงัก เพราะเห็นเดชายืนอยู่ เดชายิ้มทักทายโรสริน
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณโรส” โรสรินยืนนิ่ง ยิ้มเจื่อนออกมา เดชาเดินมาตรงหน้า “ผมมาชวนคุณโรสไปทานอาหารเช้าน่ะครับ”
โรสรินมองหน้าเดชา
ภายในร้านกาแฟ โรสรินนั่งลงตรงข้ามเดชา ที่ยิ้มให้อย่างแสนดี
“นี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่ผมมีเพื่อนทานข้าวเช้า คุณโรสทานอะไรดีครับ”
“ที่โรสตกลงมากับคุณ เพราะมีเรื่องอยากคุย” เดชานิ่วหน้ามองโรสริน “โรสขอพูดตรงๆ เลยนะคะ โรสไม่อยากให้คุณติดต่อโรสอีก” เดชาอึ้ง
“ตะวันคงบอกคุณหมดแล้วว่าผมทำอาชีพอะไร” โรสรินเงียบ “ผมยอมรับว่าผมทำอย่างที่ตะวันบอก แต่ผมจำเป็นต้องทำ เพราะมันเป็นธุรกิจของครอบครัว” โรสรินชะงัก “และถึงผมจะทำอาชีพที่ผิดกฎหมาย แต่ผมก็ไม่เคยทำร้ายใคร”
“ถึงอย่างนั้น สิ่งที่คุณทำมันก็ไม่ถูกต้อง ฉันขอโทษนะคะ แต่อยู่กับคุณแล้วฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย” เดชาถึงกับผงะ พูดไม่ออก “ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ที่คุณมีให้ฉัน”
โรสรินพูดจบก็ลุกเดินออกไปทันที เดชากำมือแน่นด้วยความโกรธและเสียใจ
อีกด้านหนึ่ง ตรงที่อาบน้ำควาย พีระฟาดน้ำแตกกระจาย อีกมือก็ขัดตัวเฉาก๊วยไปด้วย
“โธ่โว๊ยๆๆ” เฉาก๊วยหันมองพีระ “เฉาก๊วย แกตอบชั้นสิ โรซี่ลืมความรู้สึกดีดีที่ฉันมีให้เค้าแล้วเหรอ?”
เฉาก๊วยถอนใจพรืดและหันหน้าหนี “เฉาก๊วย หันมาตอบฉันสิ ทำไมไม่มีคนรักช้านนน”
ขณะนั้นน้ำค้างแอบมองอยู่
“นายก็น่ารักอยู่หรอกนะ ถ้าไม่ติงต๊องแบบนี้ เฮ้อ”
น้ำค้างถอนใจปนขำเอือมๆ
อีกด้านหนึ่ง ตะวันดูนาฬิกา สีหน้าสงสัย
“ทำไมป่านนี้โรสรินยังไม่มาอีก หรือว่าจะตื่นสาย”
ตะวันกำลังจะเดินออกไป แต่เจออุษาวดีเดินเข้ามาพร้อมถือกล่องอาหารมาด้วย
“มอนิ่งค่ะคุณตะวัน อุษาทำแซนวิชมาให้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ วางไว้ที่โต๊ะก่อนก็ได้”
“ไม่ชอบเหรอคะ”
“ไม่ใช่ครับ”
“ถ้าไม่ใช่ ก็ทานเลยนะคะ อุษาเพิ่งทำครั้งแรก อยากรู้ว่าอร่อยมั๊ย นะคะ” อุษาวดีอ้อนนิดๆ จนตะวัน
เกรงใจ
“ครับ” อุษาวดียิ้มดีใจ วางกล่องอาหารบนโต๊ะ เปิดฝากล่อง หยิบแซนวิชส่งให้ตะวัน ตะวันรับมาทาน
“อร่อยครับ”
“ดีใจจังเลยค่ะ”
ตะวันยิ้ม อุษาวดีเห็นตะวันปากเลอะก็หยิบทิชชู่ออกมาเช็ดให้ทันที ตะวันผงะ
ระหว่างนั้นโรสรินเดินเข้ามาเห็นก็หยุดกึก มองอย่างไม่ค่อยพอใจ ตะวันเห็นโรสรินก็รีบวางแซนวิชที่เหลือไว้ในกล่องแล้วเดินไปหาโรสรินทันที กลัวโรสรินเข้าใจผิด
“คุณอุษาทำแซนวิชมาให้ มาทานด้วยกันสิ”
โรสรินหันไปทางอุษาวดี อุษาวดียิ้มให้โรสริน
“ใช่จ๊ะ โรสทานมั๊ย”
“ไม่ นายกินแซนวิชไปเถอะ ฉันจะไปทำงาน”
โรสรินเดินออกไป ตะวันมองตาม แล้วก็หันไปทางอุษาวดี
“ขอตัวนะครับ”
ตะวันจ้ำเดินตามโรสรินออกไป อุษาวดีเหวอ หันไปมองกล่องแซนวิชที่มีแซนวิชเหลือเต็มไปหมดด้วยความเสียดาย
“เหลือเยอะขนาดนี้ แล้วทำไงล่ะเนี่ย”
ตะวันรีบตามมาจับแขนโรสรินให้หันมา
“โรสริน” โรสรินเมินหน้าไปทางอื่น “โกรธอะไรผม”
“เปล่า”
“เปล่า แล้วทำไมไม่มองหน้า”
โรสรินหันมามองตะวัน
“พอใจยัง จะได้ไปทำงาน”
โรสรินจะหันหลัง แต่ตะวันจับแขนไว้ไม่ให้ไป
“เดี๋ยว ทำไมมาสาย”
“ฉันไปหาเดชา” ตะวันอึ้ง
“ตกลงที่เมื่อคืนผมพูดไปทั้งหมด เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่ได้ฟัง”
โรสรินฉุน ดึงแขนออก
“นี่ ฟังก่อนแล้วค่อยว่าได้ป่ะ ฉันไปหาเค้า เพื่อบอกไม่ให้เค้ามาเจอฉันอีก”
ตะวันดีใจมาก
“จริงเหรอ?”
“อือ”
“เยส ขอบใจมากโรสรินที่เชื่อผม ไปทำงานกันเถอะ”
ตะวันเดินไปอีกทาง
“ทางนี้” โรสรินบอก
ตะวันหันมา นึกได้ว่า “ไปผิดทาง” ก็ยิ้มอายๆ แล้วก็เดินออกไป โรสรินมองตามตะวันแล้วก็ยิ้มส่ายหัวก่อนจะเดินตามตะวันออกไป
ที่โรงพยาบาล กิตติทัตกำลังกินแซนวิชของอุษาวดี สีหน้าปลื้มมาก
“แซนวิชคุณอุษาเป็นแซนวิชที่อร่อยที่สุดในโลกเลยครับ ผมจะทานให้หมดเลย”
“อร่อยจริงนะคะ ไม่ใช่แกล้งยอกัน”
“ไม่ได้ยอครับ พูดจริง อยากทานแบบนี้ทุกวัน”
“อุษาทำมาส่งหมอก็ได้นะคะ”
กิตติทัตดีใจมาก
“ถ้างั้นผมไม่เกรงใจ”
“ค่ะ” อุษาวดีคิดแล้วก็ถอนหายใจ “ทำไมคุณตะวันถึงไม่พูดแบบหมอบ้างก็ไม่รู้นะคะ”
“เกี่ยวอะไรกับคุณตะวันเหรอครับ” อุษาวดีชะงัก
“เออ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หมอทานต่อเถอะ”
กิตติทัตพยักหน้า แล้วก็กินไม่หยุด พลางลอบมองอุษาวดีอย่างสุขหัวใจ
คืนนั้นที่บ้านเดชา ล่ำกับแหลมเดินไปเดินมาที่หน้าบ้าน
“ดึกป่านนี้ทำไมเสี่ยยังไม่กลับมาอีกวะ” ล่ำบ่นอย่างเป็นห่วง
ไม่นานเดชาเดินโซเซเข้ามา ล่ำกับแหลมหันไปเห็น จังหวะที่เดชากำลังจะล้ม ล่ำกับแหลมรีบเข้าประคอง เอาไว้ได้ทัน
“เสี่ยดื่ม หรืออาบครับเนี่ย”
“ไอ้ตะวัน เพราะแก แกคนเดียว” เดชาเมามาก ล่ำกับแหลมมองหน้ากัน “ฉันจะฆ่าแก”
พูดจบ เดชาก็หลับไปเพราะฤทธิ์เหล้า แหลมหันไปมองล่ำที่หน้าเหี้ยม
“ฉันว่ามันถึงเวลาที่เราจะกำจัดไอ้ตะวันแล้ว”
กลางดึกคืนนั้น ล่ำกับแหลมปีนรั้วเข้ามาในไร่ตะวัน ก่อนจะพากันย่องไปตามทาง ล่ำกับแหลมย่องมาตรงที่รถตะวันจอดอยู่ สองคนมองหน้าร้ายให้กัน
วันต่อมา แย้กำลังเช็ดรถตะวัน ร้องเพลงอย่างอารมณ์ดี ตะวันเดินออกมาพร้อมกับจักรยาน แย้มอง
“ไม่ใช้รถเหรอครับลูกพี่”
“ลดภาวะโลกร้อน”
ตะวันยิ้มพร้อมยักคิ้ว แล้วก็ขี่จักรยานออกไป แย้มองตามด้วยความงง
“มาแนวไหนวะเนี่ย”
โรสรินเดินออกมาหน้าบ้านพัก ได้ยินเสียงกระดิ่งจักรยาน โรสรินหันไปเห็นตะวันขี่จักรยานจอดอยู่หน้าบ้าน
“ผมมารับไปทำงาน”
ตะวันยิ้มให้โรสริน โรสรินยิ้มตอบ
ตะวันขี่จักรยานไปตามทางมีโรสรินซ้อนท้าย ตะวันลอบมองโรสริน แล้วก็หันไปยิ้มอย่างมีความสุขมาก โรสรินเองก็เช่นกัน โรสรินหลับตาสูดอากาศที่บริสุทธิ์ ทันใดนั้นจักรยานแล่นตกหลุมบนถนน โรสรินจะหล่น รีบคว้าเอวตะวันกอดเอาไว้
ตะวันชะงัก มองมือโรสรินที่กอดตัวเองแล้วก็อมยิ้ม โรสรินโล่งอกที่ไม่ตก แต่ก็ผงะที่ตัวเองกอดเอวตะวัน โรสรินจะดึงมือออก แต่ตะวันกลับจับมือโรสรินเอาไว้
“ไว้อย่างนี้ จะได้ไม่ตก”
โรสรินเงียบ รู้สึกหน้าแดงซ่าน หันไปลอบยิ้ม ตะวันเองก็ยิ้มเช่นกัน ความรู้สึกดีๆ ก่อตัวขึ้นมาแล้ว
เวลาผ่านไป บนท้องฟ้ามีเมฆดำก้อนใหญ่ลอยมา ฟ้าร้องครืนครืน แล้วฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ตะวันหันไปทางสั่งแย้กับคนงาน
“ช่วยกันยกลังกล้วยไม้เข้าไปเก็บในร่มก่อน”
แย้กับคนงานช่วยกันยก ตะวันเข้ามาช่วย แล้วก็มีมือโรสรินเข้ามาช่วยยกลัง
“ฉันช่วย”
“ตรงนี้ผมจัดการเอง เข้าไปหลบฝน เดี๋ยวจะไม่สบาย”
“ฉันอึด ไม่เป็นไรง่ายๆ หรอก”
ระหว่างนั้นเสียงมือถือตะวันดังขึ้น ตะวันวางลังบนพื้น หยิบมือถือมากดรับสาย
“สวัสดีครับ ได้ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” ตะวันวางสาย
“เกิดอะไรขึ้น” โรสรินถามขึ้นมา
“ฝายกั้นน้ำในป่าแตก น้ำป่าไหลเข้าหมู่บ้านที่อยู่ติดกับไร่ของเรา ตอนนี้ผู้ใหญ่บ้านกำลังระดมคนไปช่วยซ่อมฝายกันอยู่ แย้ แกไปกับฉัน”
“ฉันไปด้วย” โรสรินบอก
“ไม่ได้ มันอันตราย”
“เพราะว่าอันตราย ฉันถึงให้นายไปคนเดียวไม่ได้” ตะวันอึ้ง “มัวแต่มองหน้าอยู่ได้ รีบไปสิ”
โรสรินเดินลิ่วๆ ออกไปเลย ตะวันกับแย้มองหน้ากันเหวอๆ แล้วก็รีบเดินออกไป
ตะวันขับรถฝ่าฝนที่เริ่มตกมาตามทาง แต่ถนนลื่นมาก ตะวันเหยียบเบรก แต่เบรกไม่อยู่ ตะวันตกใจ โรสรินเห็นสีหน้าตะวันก็แปลกใจ
“มีอะไร”
ตะวันหน้าเครียด
“เบรกพัง”
โรสรินตกใจ แย้หน้าตาตื่น
“ห๊ะ เบรกพังก็แปลว่าเบรกไม่อยู่ ตาย ตายแน่ๆ” แย้ยกมือไหว้ “พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย”
“แล้วจะทำไงดี”
“ต้องปล่อยรถให้วิ่งไปเรื่อยๆ ภาวนาว่าอย่าให้เจออะไรขวางทางก็แล้วกัน”
ตะวันบอกแล้วหน้าเสีย
รถแล่นต่อไป มีก้อนหินบนพื้นด้านหน้า แต่ตะวันไม่เห็น ล้อรถแล่นชนก้อนหิน ทำให้รถเหิน ตะวัน โรสริน แย้ตกใจ
“อ๊ายย”
“เวยยย”
แล้วรถก็พุ่งชนเข้ากับต้นไม้ด้านหน้าอย่างแรงเสียงดังโครม! ทุกอย่างสงบนิ่ง มีแต่เสียงฝนที่ตกหนักมากขึ้น
ภายในรถ ตะวันกับโรสรินหน้าอึ้งมาก ไม่นานตะวันก็ได้สติหันมาทางโรสรินสีหน้าเป็นห่วงมาก
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“คอเคล็ดนิดหน่อย แล้วนายล่ะ”
“ไม่ ผมไม่เจ็บ”
โรสรินนึกได้
“แย้” โรสรินหันไปด้านหลังรถ ไม่มีแย้ มีแต่ประตูเปิดทิ้งเอาไว้ “แย้หายไปไหน”
ตะวันหันไปมองตามโรสรินแล้วก็รู้สึกเจ็บที่บั้นเอว ตะวันก้มมอง เปิดเสื้อดูเห็นรอยช้ำสีเขียว แต่นึกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก
“ลงไปตามหาแย้กันเถอะ”
โรสรินพยักหน้า ตะวันกับโรสรินลงจากรถ
ตะวันกับโรสรินมองหาแย้ไปรอบๆ ฝนยังตกหนักอยู่
“ไอ้แย้/แย้ แย้อยู่ไหน แย้”
มีเสียงแย้ตอบกลับมา
“อยู่นี่” ตะวันกับโรสรินเงยหน้าเห็นแย้อยู่บนต้นไม้ ก็หัวเราะออกมา “หัวเราะอะไรกัน รีบพาแย้ลงไปเร็ว แย้กลัวความสูง”
ตะวันกับโรสรินหันมาขำให้กัน
ตะวันก้มมองรถสีหน้าไม่ดี ก่อนจะหันไปทางแย้กับโรสริน
“ขับต่อไม่ได้แล้ว”
“เบรกพังได้ไง”
“ไม่รู้ คงต้องไปเอาเช็ก” ตะวันหันไปทางแย้ “แย้ เดี๋ยวแกพาคุณโรสกลับไปที่ไร่ แล้วตามคนมาลากรถ ฉันจะเข้าไปช่วยชาวบ้าน”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะไปกับนาย” โรสรินบอก
“อย่าเลยครับ คุณกลับไปกับแย้เถอะ ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ แล้ว” ตะวันบอก
“ยังไงฉันก็ไม่กลับ”
“อย่าดื้อสิครับ”
“นายนั่นแหละอย่าดื้อ”
“เออ ขอโทษนะครับ ตกลงกันได้เหรอยังครับ ผมจะได้รีบไป” แย้ขัด
“แย้กลับไปได้เลย ฉันจะไปกับคุณตะวันเอง”
โรสรินบอก แย้พยักหน้า แล้วก็เดินออกไป
“ไอ้แย้”
“ไม่ต้องพูดแล้ว รีบไปกันเถอะ”
ตะวันถอนใจ แล้วทั้งคู่ก็เดินไปด้วยกัน
ทางเดินในป่า ตะวันโรสรินเดินมาด้วยกัน ฝนยังตกไม่หยุด ตะวันเห็นใบไม้ใบใหญ่อยู่บนพื้นก็เดินไปหยิบขึ้นมา บังฝนให้โรสริน
“เอาเป็นร่มชั่วคราวไปก่อน”
“มีแค่ใบเดียวเหรอ” ตะวันพยักหน้า “นายก็เข้ามาด้วยกันสิ”
ตะวันยิ้มแล้วก็ขยับมาใกล้โรสรินถือใบไม้บังตัวเองกับโรสรินเอาไว้ ก่อนจะเดินไปด้วยกัน ท่าทางเก้อเขินกันทั้งคู่ ทันใดนั้นฟ้าผ่าเปรี้ยง โรสรินตกใจมาก
“ว๊ายย”
โรสรินโผกอดตะวันแน่น ตะวันกอดโรสรินตอบแล้วก็รู้สึกดีมาก จึงกอดไม่ปล่อย โรสรินแปลกใจ เงยหน้ามองตะวัน
“ปล่อยได้แล้วมั๊ง”
ตะวันรีบปล่อยมือ ทำหน้าไม่ถูก
“ไปต่อนะครับ”
“อื้อ”
ตะวันขยับตัวจะเดิน เสียงฟ้าร้องครืนๆ โรสรินชักหวาดๆ ก็เลยจับมือตะวัน ตะวันชะงักก้มมองมือโรสรินที่จับมือตัวเอง ก่อนจะหันไปลอบยิ้มอย่างรู้สึกดี ตะวันกับโรสรินเดินไปตามทางด้วยกัน
ตะวันกับโรสรินยังคงเดินฝ่าฝนมาด้วยกัน ตะวันจับมือโรสรินแน่น
“ตรงนี้ค่อยๆเดินนะคุณ ด้านข้างเป็นเหว ตามผมมาช้าๆ”
โรสรินพยักหน้า ก้มมองเห็นเหวที่เต็มไปด้วยต้นไม้หนาทึบ ขาก็เริ่มสั่น ตะวันค่อยๆ พาโรสรินเดินไปตามทาง ทันใดนั้นโรสรินลื่น มือหลุดจากมือตะวันที่จับอยู่ ตะวันหันไป
“โรส”
โรสรินพยายามทรงตัว ตะวันรีบยื่นมือไปจับ แต่จับไม่ทัน โรสรินตกเหว
“อ๊ายยย”
“โรสริน”
ตะวันหน้าแย่ ช็อกสุดๆ ที่ช่วยโรสรินเอาไว้ไม่ทัน
ที่บ้านบ้านเดชา ล่ำเอากาแฟร้อนมาให้เดชาที่นั่งอยู่ หน้าเดชายังแฮ้งค์ๆ แหลมยืนอยู่ข้างๆ
“กาแฟดำแก้แฮงค์ครับเสี่ย”
เดชายกกาแฟขึ้นมาดื่ม แหลมกระซิบล่ำ
“เราจะบอกเรื่องนั้นให้เสี่ยรู้รึเปล่า”
ล่ำยังไม่ทันตอบ เดชาได้ยินก็เลยหันมา
“มีอะไร”
ล่ำกับแหลมหันไปมองเดชา
“พวกเราทำตามที่เสี่ยต้องการแล้วนะครับ” แหลมบอก เดชานิ่วหน้า
“ต่อไปนี้เสี่ยจะไม่มีไอ้ตะวันมาคอยกวนใจอีกแล้ว” ล่ำบอก
เดชามองล่ำกับแหลมอย่างสงสัย
ภายในป่าลึก ตะวันเดินฝ่าสายฝนมองหาโรสรินไปตามทาง หน้าตาวิตกกังวล แย่มาก
“โรส คุณโรส คุณอยู่ไหน โรสริน”
ตะวันตะโกนเรียกหันไปมองรอบๆ ไม่เห็นแม้แต่เงาของโรสรินก็ยิ่งเครียด พอจะเดินต่อก็รู้สึกเจ็บบั้นเอว ตะวันเปิดดูเห็นช้ำมากขึ้นเริ่มเป็นสีม่วง ตะวันไม่สนใจ เดินหาโรสรินต่อไป
โรสรินนอนหมดสติบนพื้น แต่เพราะน้ำฝนที่ตกใส่หน้า ทำให้โรสรินได้สติ ฟื้นขึ้นมา โรสรินค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง รู้สึกเจ็บตามตัว มองไปที่แขนมีรอยช้ำ รอยขีดข่วน โรสรินประคองตัวจนลุกขึ้นมายืนได้สำเร็จ
โรสมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นไม้ ฟ้าร้องดัง โรสรินกลัว ไม่กล้าขยับ
“ตะวัน นายอยู่ไหน ตะวัน”
พลันเสียงเรียกชื่อ “โรสริน” ดังแหวกอากาศมา โรสรินได้ยิน
“ตะวัน” โรสรินหันไปตามที่มาของเสียง “ตะวัน ฉันอยู่นี่ ตะวัน”
โรสรินรวบรวมความกล้าเดินไปตามทางที่เสียงมา ตะวันได้ยินเสียงโรสรินก็ดีใจมาก
“โรสริน โรสริน”
โรสรินเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
“ตะวัน ตะวัน”
ตะวันวิ่งไม่คิดชีวิต
“โรสริน อย่าเป็นอะไรนะ ผมกำลังจะไปหาคุณ” ตะวันวิ่งๆ แล้วก็หยุดเพราะเห็นโรสรินกำลังเดินมา แต่โรสรินยังไม่เห็นตะวัน ตะวันยิ้มดีใจมาก “โรสริน”
โรสรินเห็นตะวัน ก็หยุด มองตะวันยิ้มด้วยความดีใจสุดๆ ทั้งสองคนวิ่งมาหาและโผกอดกันแน่น ตะวันกับโรสรินต่างโล่งใจทั้งคู่ ทั้งคู่กอดกันแน่นไม่ยอมปล่อยจากกัน โรสรินร้องไห้โฮกอดแน่นอย่างหาที่พึ่ง
ส่วนที่บ้านเดชา เดชากระชากล่ำเข้ามาพูดด้วยความโกรธ
“แกทำบ้าอะไรลงไป รู้ตัวรึเปล่า”
ล่ำกับแหลมมองหน้ากันงงๆ ก่อนจะหันไปมองเดชา
“เสี่ยอยากให้ตะวันมันตายไม่ใช่เหรอครับ”
“ใช่ ฉันอยากให้มันตาย แต่ไม่ใช่วิธีนี้” ล่ำกับแหลมก้มหน้าจ๋อย “วิธีที่พวกแกทำ มันทำให้ฉันหมดศักดิ์ศรี”
แหลมกับล่ำจ๋อยมาก
“ละแล้ว แล้วเสี่ยจะให้พวกผมทำไง”
เดชามองหน้าล่ำกับแหลม
ล่ำกับแหลมเดินมาที่หน้าไร่ตะวัน สีหน้ากังวล กระวนกระวาย
“รีบไปดูไอ้ตะวันมันเหอะ เกิดมันตาย. เราสองคนได้ตายตามแน่”
ระหว่างนั้นทั้งคู่เห็นแย้เดินออกมาอย่างร้อนใจกับคนงานสามสี่คน ล่ำกับแหลมหยุดเดินและรีบหาที่หลบ
“ลูกพี่ตะวันกับคุณโรสรินเป็นไรป่าววะ” คนงานถามแย้
“ปาฎิหารย์สุดๆ ขนาดรถอัดกับต้นไม้ ยังไม่เป็นไร ไม่รู้ลูกพี่กับคุณโรสห้อยพระไรเอาไว้”
ล่ำกับแหลมมองหน้ากัน หน้าอย่างซีดที่รู้ว่า “โรสรินไปด้วย”
“รีบไปเว๊ย”
แย้กับคนงานรีบเดินออกไป ล่ำกับแหลมเดินออกมา สองคนกลืนน้ำลายเอื๊อก
ล่ำกับแหลมกลับไปพบเดชา เดชาชกหน้าล่ำกับแหลมคว่ำลงไปกอง
“วิธีโง่ๆ ของพวกแก เกือบทำให้คุณโรสซวยไปด้วย”
ล่ำกับแหลมก้มหน้างุด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามอง
“ขอโทษครับเสี่ย”
เดชายังโมโห
“ออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกสองคนอีก” ล่ำกับแหลมรับคำ แล้วรีบเดินออกไป เดชามีสีหน้าเป็นห่วงโรสริน และรู้สึกผิดที่เกือบทำให้โรสรินแย่ “คุณโรส”
ในป่า ฝนหยุดตกแล้วแต่ตะวันกับโรสรินยังอยู่กันที่เดิม
“ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ตะวันหยิบมือถือออกมาแล้วก็ชะงัก
“ไม่มีสัญญาณ” โรสรินหน้าเสีย
“ทำยังไงดีล่ะ”
“ต้องหาทางออกไปเอง และต้องออกจากป่าให้ได้ก่อนมืด ไม่งั้นอันตรายมาก” โรสรินพยักหน้า แต่หน้าซีด ตะวันจับมือโรสริน จับแบบสอดประสานนิ้วกัน โรสรินมองหน้าตะวัน “มีผมอยู่ตรงนี้ คุณไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”
โรสรินรู้สึกอุ่นใจขึ้นอย่างประหลาด พยักหน้าให้ตะวัน แล้วสองคนก็เดินไปด้วยกัน
แย้พาคนงานมาตรงที่รถตะวันชน
“พวกแกลากรถกลับไปได้เลย ฉันจะไปช่วยลูกพี่กับคุณโรส”
แย้รีบเดินออกไป
ตะวันกับโรสรินยังจับมือกันเดิน โรสรินมองไปรอบๆ เอะใจบางอ่าง
“ตะวัน” ตะวันหยุดเดินหันมา “ฉันรู้สึกเหมือนเรากลับมาที่เดิม”
ตะวันมองไปรอบๆ แล้วก็เห็นด้วย
“นั่นสิ ถ้างั้นทำสัญลักษณ์เอาไว้ จะได้รู้ว่าเรากลับมาที่เดิมจริงรึเปล่า”
โรสรินพยักหน้า ตะวันปล่อยมือโรสริน แล้วเดินไปที่หน้าต้นไม้ต้นหนึ่ง หยิบมีดพกในกระเป๋าออกมาขีดเป็นรอยบนต้นไม้ ตะวันรู้สึกปวดที่บั้นเอว ค่อยๆ เปิดเสื้อขึ้นมาดูเป็นม่วงคล้ำก็เริ่มใจไม่ดี แต่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เก็บมีด แล้วก็เดินไปจับมือโรสรินพากันเดินต่อไป
ส่วนที่ไร่ตะวัน น้ำค้าง พีระ อุษาวดีเดินกลับมาด้วยกัน อุษาวดีประคองพีระที่ทำหน้าเจ็บปวด
“ถ้าหลังฉันหัก เธอต้องรับผิดชอบ” พีระโวยวาย
“กะอีแค่ไถนา ทำเป็นร้องโอดโอยจะเป็นจะตาย พี่ชายคุณอุษาเวอร์แบบนี้เสมอป่ะคะ” น้ำค้างหันไปถามอุษาวดี
“ก็ทำนองนั้นค่ะ” พีระหันขวับ
“ยัยอุษา ไปเห็นด้วยกับยัยโหดนี่ทำไม” อุษาวดีหน้าแหย “จะไม่ให้ฉันบ่นได้ไง เธอเล่นให้ฉันไถตั้งแต่เช้ายันบ่าย คนนะยะ ไม่ใช่ควาย”
น้ำค้างถอนใจเอือม ทันใดนั้นแย้วิ่งมาตามทางหน้าตาย่ำแย่มากกว่าเดิม
“น้ำค้าง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
น้ำค้าง พีระ อุษาวดีหันไปมองแย้สงสัย แย้หยุดวิ่ง หอบเหนื่อย สีหน้าไม่สู้ดี
พีระโวยวายลั่นบ้านหลังจากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นโดยมีน้ำค้าง อุษาวดี แย้ ชาญอยู่ด้วย
“ถ้าโรซี่ของผมเป็นอะไร ผมจะแจ้งความให้ตำรวจจับไอ้ตะวัน ข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว”
“เลิกบ้าได้แล้ว!พี่ชายฉันไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วอีกอย่างพี่โรสก็เต็มใจไปกับพี่ตะวัน”
น้ำค้างกับพีระเถียงข้ามหัวชาญไปมา
“เต็มใจเหรอ ไม่มีทางที่คนอย่างโรซี่จะเข้าป่าเข้าดงแบบนั้น ถ้าพี่ชายเธอไม่บังคับ ไอ้ตะวันมันต้องพาโรซี่ไปทำมิดีมิร้ายในป่าแน่ๆ”
“พี่ชายของฉันไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ถ้าไม่ใช่ แล้วไอ้ตะวันกับโรซี่จะหายไปไหน”
ชาญสุดทน
“หยุดได้แล้ว” พีระกับน้ำค้างเงียบ “หัวข้าไม่ใช่สะพาน จะได้เถียงข้ามไปข้ามมา”
“หรือว่า คุณตะวันกับโรสจะหลงป่า”
อุษาวดีบอก ทุกคนหันไปมองอุษาวดี พีระลนลานขึ้นมาทันที
“จริงด้วย พี่จะไปตามหาโรซี่”
“พี่จะไปตามหาโรสที่ไหน ป่าออกตั้งกว้าง”
“พี่ไม่รู้ พี่รู้แต่ว่าพี่ต้องไปตามโรซี่ ไม่ว่าจะต้องบุกน้ำลุยไฟลุยป่าน่ากลัวแค่ไหน พี่ก็ต้องไป”
พีระเดินออกไปทันที อุษาวดีหันมาทางน้ำค้าง
“น้ำค้างช่วยห้ามพี่พีที พี่ชายฉันชอบทำอะไรไม่คิดอยู่ด้วย”
อุษาวดีอ้อนวอนน้ำค้าง น้ำค้างสีหน้าเครียด
พีระจ้ำเดินมาตามทางสีหน้ามุ่งมั่น น้ำค้างเดินตามมาติดๆ
“นายพีระ หยุดนะ” พีระไม่หยุด เร่งฝีเท้า น้ำค้างรีบวิ่งมาขวางหน้า พีระหยุดกึก “ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงพี่โรส ฉันเองก็ห่วงพี่ชายฉันเหมือนกัน แต่ช่วยใช้สมองหน่อยได้มั๊ย”
“นี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาด่าฉัน”
“ฉันไม่ได้ด่า ฉันพูดความจริง” พีระชะงัก “ถ้านายอยากตามหาพี่โรส ก็ต้องให้คนพื้นที่ช่วยตามหา ไม่ใช่ออกไปตามหาเองสุ่มสี่สุ่มห้า เกิดหลงป่าหายไปอีกคน คนอื่นจะเดือดร้อน”
น้ำค้างพูดจบก็หันหลังเดินกลับไปที่บ้าน พีระนิ่งคิด แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินออกไป น้ำค้างรู้สึกเงียบๆ ก็หันไป เห็นพีระเดินไปแล้ว น้ำค้างตกใจ
“เฮ้ย ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้”
น้ำค้างรีบตามพีระไป อยากจะบ้าตาย
พีระขึ้นรถสตาร์ท ทันใดนั้นน้ำค้างเปิดประตูเข้ามานั่งด้วย พีระหันไปเห็น ตกใจ
“เข้ามาทำไม”
“ในเมื่อห้ามแล้วนายไม่ฟัง ฉันก็จะไปด้วย”
พีระมองน้ำค้างอึ้ง แล้วก็ขับรถออกไป
ในป่า ตะวันยืนอยู่หน้าต้นไม้ที่ทำสัญลักษณ์เอาไว้ หันมาทางโรสรินหน้าเครียด
“กลับมาที่เดิม”
โรสรินใจไม่ดี
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
“ผมว่าเราต้องหาที่พักก่อน นี่พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว เดินทางตอนกลางคืน มันเสี่ยงเกินไป”
“แล้วเราจะพักที่ไหน”
ตะวันนิ่ง แล้วก็ได้ยินเสียงน้ำ ตะวันหันไปทางโรสริน
“ได้ยินมั๊ย”
“เสียงน้ำ”
ตะวันยิ้มให้โรสริน
ตะวันกับโรสรินเดินมาตามทางที่มืดมิด เสียงน้ำฟังชัดมากขึ้น โรสรินเดินสะดุด
“ว้าย” ตะวันรีบประคอง ทำให้ข้อศอกโรสรินกระแทกโดนบั้นเอวตะวัน ตะวันเจ็บ แต่ไม่แสดงออก “มืดจนมองไม่เห็นทาง”
“รอแป๊บ”
ตะวันเอามือถือออกมากดเปิดไฟฉาย โรสรินยิ้ม
“ดีขึ้นเยอะเลย”
แล้วโรสรินก็ชะงักที่เห็นสถานที่ตรงหน้า
“เราถึงแล้ว”
โรสรินกับตะวันมองไปเห็นน้ำตก สองคนหันมายิ้มให้กัน
ตะวันกับโรสนั่งกันอยู่บนพื้น มีเพียงแสงจากไฟโทรศัพท์ ตะวันมองที่หน้าจอ
“อีกไม่กี่นาที แบตต้องหมดแน่”
โรสรินจะร้องไห้
“ตะวัน ฉันกลัว”
ตะวันมองโรสรินแล้วก็คิด
โรสรินถือมือถือส่องไฟไปที่ตะวัน ตะวันใช้มีดสั้นขุดท่อนไม้ให้เป็นร่อง ก่อนจะเหลาปลายท่อนไม้อีกอันให้หัวแหลมๆ เอาใบไม้แห้งมาวางในร่อง แล้วก็ใช้ท่อนไม้ปั่นในร่องนั้น โรสรินมองลุ้น ตะวันปั่นสุดแรง ไม่นานก็เห็นควันขึ้นมา สีหน้าโรสรินมีความหวัง ตะวันเป่าใบไม้แห้ง ไฟติด พรึ่บ
ตะวันกับโรสรินยิ้มให้กันด้วยความดีใจมาก
คืนนั้น ตะวันกับโรสรินนั่งด้วยกันรอบกองไฟ ทุกอย่างสงบนิ่งเงียบ ตะวันเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนจะเป็นไข้
โรสรินหันไปทางตะวัน
“นายหิวมั๊ย”
“คุณหิวเหรอ” โรสรินพยักหน้า “ผมจะลองไปดูว่ามีอะไรที่พอกินได้รึเปล่า”
“ฉันไปด้วย”
“อย่าเลย รอตรงนี้” ตะวันกระชับมือโรสรินแน่น “ไม่นานผมก็กลับมา”
โรสรินพยักหน้า ตะวันดึงท่อนไม้ที่มีไฟติดออกจากกองไฟ แล้วเดินออกไป
ทันทีที่ตะวันเดินออกมาพ้นสายตาโรสรินก็ทนไม่ไหวถึงกับเซไปพิงต้นไม้ เอามือกุมบั้นเอว เพราะปวดมาก ตะวันเหงื่อแตกเต็มหน้า รู้สึกหนาวยะเยือก
“อดทน ไอ้ตะวัน”
ตะวันบอกตัวเองแล้วพยายามฝืนร่างกายแล้วเดินออกไป
พีระขับรถมาตามถนนเร็วมาก น้ำค้างนั่งข้างๆ ชักใจคอไม่ดี
“ช้าหน่อยก็ได้ จะรีบไปไหน”
พีระไม่ตอบ ตั้งหน้าตั้งตาขับ เจอรถคันหน้าขับช้า พีระบีบแตร
“ขับช้าทำไมวะ”
พีระแซงขวา แล้วเร่งเครื่อง ทันใดนั้นมีรถสวนมา บีบแตรไล่พีระดังลั่น พีระกับน้ำค้างตกใจ พีระรีบปาดหน้าคันที่ขับช้า น้ำค้างสุดทน
“จอดเลยจอด ฉันไม่อยากมาตายกับนาย”
พีระเอารถจอดข้างทาง น้ำค้างมองพีระทั้งโกรธทั้งตกใจ กำลังจะเปิดประตู
“ฉันกลัวจะเสียโรซี่” น้ำค้างชะงัก หันมามองพีระ พีระหันมาทางน้ำค้าง หน้าตาเหมือนจะร้องไห้
“ฉันรักโรซี่ ฉันขาดโรซี่ไม่ได้”
แล้วพีระก็ร้องไห้ออกมา น้ำค้างอึ้ง จับแขนพีระปลอบใจ แต่พีระหันมาโผกอดน้ำค้างทันที น้ำค้างอึ้ง
“เชื่อฉันนะว่าพี่ตะวันจะไม่มีวันยอมให้พี่โรสเป็นอะไรเด็ดขาด เค้าสองคนต้องปลอดภัยกลับมา”
พีระกอดน้ำค้างแน่นมากขึ้น น้ำค้างตบหลังพีระปลอบใจ
ในป่า ตะวันกลับมาพร้อมกับกล้วยหนึ่งเครือ โรสรินยิ้มหน้าบาน
“ผมหาได้เท่านี้”
“แค่นี้ก็หรูแล้ว” โรสรินรีบเข้ามาเอากล้วยไปกิน “นายไม่กินเหรอ”
“ไม่หิว”
โรสรินทานกล้วยไม่หยุด ตะวันนั่งลงกอดอก เพราะหนาวมากขึ้น ปากเริ่มสั่น โรสรินกินเสร็จหันมาสังเกตเห็นความผิดปกติของตะวัน
“นายเป็นอะไร ทำไมหน้าซีดแบบนี้”
“เปล่า”
โรสรินสงสัย ลุกเดินมานั่งข้างตะวัน
“ปากนายสั่นด้วย” ตะวันรีบจับปากตัวเอง โรสรินเอะใจเอามือจับหน้าผากตะวันแล้วก็สะดุ้ง “ตัวร้อนจี๋ นายเป็นไข้”
“ผมไม่เป็นไร”
“ยังบอกว่าไม่เป็นไรอีก รอเดี๋ยวนะ”
โรสรินหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกง เดินไปที่ริมน้ำตก เอาผ้าจุ่มลงไปในน้ำ บิดจนแห้ง ก่อนจะเดินมาหาตะวัน โรสรินบรรจงเช็ดหน้าให้ตะวัน ตะวันอึ้ง
“เช็ดซักหน่อย เผื่อไข้จะลด”
ตะวันอึ้งมาก โรสรินบรรจงเช็ดหน้าให้ตะวัน
โรสรินเช็ดแขนของตะวันทั้งสองข้าง ตะวันมองโรสรินอย่างรู้สึกดีมาก
“ถอดเสื้อสิ”
ตะวันตกใจ
“ห๊ะ”
“อย่าคิดลามก ฉันจะเช็ดตัวให้นาย”
“เออ อันนี้ ผมว่า ผมเช็ดเองดีกว่า”
ตะวันนิ่งไปสองวินาที แล้วก็ถอดเสื้อ แต่เจ็บบั้นเอวมาก ทำให้ถอดเสื้อลำบาก โรสรินเห็นรอยช้ำก็ตกใจ
“เฮ้ย โดนอะไรมา”
“ตอนที่รถชน คงจะกระแทกกับอะไรซักอย่าง”
“นายรู้อยู่แล้ว” ตะวันพยักหน้า “แล้วทำไมไม่บอกฉัน”
“ผมคิดว่ามันไม่เป็นอะไร”
“แต่ก็เป็น เป็นมากด้วย ต่อไปนี้ ถ้าเป็นอะไร ต้องบอกฉันรู้มั๊ย ฉันเป็นห่วง” ตะวันยิ้มที่โรสรินแสดงความเป็นห่วง “เจ็บขนาดนี้ยังยิ้มได้อีก”
“มันเป็นเจ็บที่สุขอ่ะ”
โรสรินงงกับสิ่งที่ตะวันพูด ตะวันจะถอดเสื้อต่อแต่ไม่ไหว
“ฉันช่วย” โรสรินช่วยตะวันถอดเสื้อทำให้ใกล้ชิดกัน สองคนเก้อเขิน แล้วตะวันก็จะเช็ดตัวแต่ไม่ถนัด โรสรินทนไม่ไหว “เห็นแล้วขัดใจ”
โรสรินเอาผ้ามาจากมือตะวันแล้วก็เช็ดตัวให้ ตะวันมองโรสรินไม่วางตา แต่สีหน้าอิดโรยมาก โรสรินยังไม่รู้ตัว จนกระทั่งเช็ดตัวเสร็จ โรสรินเงยหน้าขึ้นมาเห็นหน้าตะวันอยู่ใกล้กับหน้าเธอ
ตะวันกับโรสรินมองหน้ากัน ตะวันค่อยๆ เคลื่อนหน้าเข้าไปหาโรสรินเหมือนว่าจะจูบ โรสรินใจสั่น แล้วก็หลับตา ตะวันโถมทั้งตัวเข้ามาหาโรสริน โรสรินรับน้ำหนักไม่ไหวเซล้มไปบนพื้นมีตะวันทับตัวอยู่
“นายตะวัน นายจะทำอะไร ออกไปนะ นี่” โรสรินตกใจ ตะวันนิ่งมาก “นี่” โรสรินเอะใจ ผลักตะวันเต็มแรง ตะวันพลิกตัวนอนหงาย โรสรินเห็นว่าตะวันหมดสติก็ยิ่งตกใจมากขึ้น “ตะวัน”
โรสรินค่อยๆ ประคองตะวันที่ใส่เสื้อเรียบร้อยแล้วให้นอนบนพื้น โรสรินหน้าเสีย จับมือตะวันขึ้นมา
“นายอย่าเป็นอะไรนะนายตะวัน นายห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด นี่เป็นคำสั่ง ได้ยินฉันมั๊ย”
โรสรินกุมมือตะวันแน่น มองตะวันด้วยความเป็นห่วงมาก ตะวันยังเป็นไข้อยู่
“หนาว หนาว”
ตะวันเพ้อ โรสรินไม่รู้จะทำยังไง ตัดสินใจประคองตะวันแล้วกอดเอาไว้ ตะวันตัวสั่น โรสรินหน้าแย่จะร้องไห้
“ฉันจะทำยังไงดี ฉันจะทำยังไงดี นายอย่าตายนะตะวัน อย่าตายนะ”
โรสรินทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กอดตะวันเอาไว้
กลางดึก เมฆลอยมาบดบังดวงจันทร์ เสียงนกกลางคืนร้อง โรสรินกอดตะวันแล้วตัวเองก็หลับเช่นกัน ตะวันมีสีหน้าดีขึ้น ลืมตาขึ้นมาเห็นโรสรินกอดตัวเองก็ชะงักแล้วก็ตามมาด้วยความรู้สึกที่ดี
ตะวันค่อยๆ เอามือโรสรินที่กอดออกอย่างช้าๆ แล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง โรสรินตัวโงนเงนจะล้ม ตะวันรับประคองกอดรับเอาไว้ เหลือบมองโรสรินว่าตื่นรึเปล่า แต่โรสรินไม่ตื่น ตะวันโล่งอก แล้วก็ค่อยๆ วางตัวโรสรินให้นอนบนตักของเค้า
ตะวันก้มมองโรสรินแววตาเต็มไปด้วยความรัก ยิ้มน้อยๆ ออกมา พร้อมกับเอามือปัดผมโรสรินที่ปรกหน้า แต่โรสรินกลับคว้ามือตะวันมากอดหมับ ตะวันชะงัก จะดึงมือออก แต่โรสรินกอดแน่น ตะวันก็เลยปล่อยตามเลย
เช้ารุ่งขึ้น ท้องฟ้าแจ่มใส โรสรินนอนตักตะวัน มือยังกอดมือตะวันแน่น ตะวันเองก็นอนหลับอยู่ ไม่นานโรสรินรู้สึกตัว เห็นตัวเองกอดมือตะวันก็ตกใจ สะดุ้งลุกขึ้นมานั่ง หันไปมองตะวันที่นอนหลับ สีหน้าแปลกใจ
“ทำไมเราถึงมานอนตักนายตะวัน” โรสรินคิด แล้วก็นึกอะไรได้ ยื่นมือไปจับหน้าผากตะวัน โรสรินยิ้มโล่งใจ “ไม่มีไข้แล้ว”
โรสรินหันไปเห็นน้ำตกก็ลุกขึ้นยืนมอง เห็นน้ำตกน่าเล่นมาก โรสรินหันไปมองตะวัน เห็นว่าตะวันยังหลับสนิท ก็ตัดสินใจบางอย่าง
ขาเปลือยเปล่าของโรสรินเดินลงไปในน้ำตก โรสรินแช่น้ำตก สีหน้าแช่มชื่นสดใสมาก โรสรินแหวกว่ายไปรอบๆ อย่างมีความสุข
ตะวันสัปหงกทำให้สะดุ้งตื่น ตะวันลืมตาขึ้นมา เห็นว่าเช้าแล้ว แล้วก็ชะงักเพราะโรสรินหายไป
“โรสริน”
ตะวันรีบลุกขึ้นมองหาโรสรินไปรอบๆ
ตะวันมองหาโรสรินมาตามทาง สีหน้ากังวลใจมาก
“หายไปไหน”
ตะวันมองหา ได้ยินเสียงคนเล่นน้ำ ตะวันชะงัก เดินไปที่ริมน้ำตกแล้วก็เห็นโรสรินกำลังเล่นน้ำ ตะวันผงะ ตาโตเมื่อเห็นโรสรินเอามือลูบแขนสองข้าง แล้วก็เอาน้ำลูบผม ดูเซ็กซี่มาก
ตะวันเผลอมอง ยิ้ม เคลิ้ม ทันใดนั้นโรสรินหันมาเห็นตะวัน โรสรินตกใจ
“อ๊ายยย”
ตะวันตกใจทำอะไรไม่ถูกจะหันหลังเดินหนี แต่กลับลื่นหงายหลังตกน้ำตูม โรสรินตกใจสุดๆ ตะวันหันมา เจอโรสรินเอาน้ำสาดใส่หน้าเต็มๆ โรสรินสาดน้ำไปก็ด่าไป
“ไอ้คนบ้า ไอ้ลามก เสียแรงที่ฉันดูแลนายทั้งคืน ไอ้ทุเรศ”
“เฮ้ย” ตะวันพยายามห้าม “เดี๋ยว ผมไม่ได้ตั้งใจ” ตะวันสำลักน้ำ “แค่กๆ”
โรสรินสาดน้ำใส่หน้าตะวันไม่ยั้ง
“หันหลังไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ฟังผมก่อนได้มั๊ย”
“ก็หันหลังไปก่อนสิ หันไป” ตะวันหันหลัง โรสรินหยุดสาดน้ำ “อย่าหันมาจนกว่าฉันจะบอก”
“คร๊าบบ”
โรสรินรีบว่ายขึ้นไปแต่งตัว ตะวันพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง
ตะวันยืนตัวเปียกตรงหน้าโรสรินไม่ค่อยกล้ามองหน้าโรสริน โรสรินเองก็ทำหน้าไม่ถูก รู้สึกอาย
“บอกมาตามตรง เห็นอะไรรึเปล่า”
ตะวันเผลอตอบ
“เห็น” โรสรินผงะ
“ห๊ะ”
“เอ๊ย ไม่เห็น”
“ตกลงเห็นหรือไม่เห็น”
“เห็น เอ๊ย ไม่เห็น ไม่เห็น เยอะ”
“ก็แสดงว่าเห็นน่ะสิ”
“นิดเดียว ไม่ชัด”
โรสรินอายมาก
“บ้าเอ๊ยย”
“ผมจะไม่บอกใคร”
“ก็ลองบอกใครดูสิ” โรสรินชี้หน้า “นายตายแน่”
โรสรินพูดจบก็หันหลังเดินออกไป ตะวันมองตามแล้วก็อมยิ้ม
ตะวันกับโรสรินเดินมาตามทางด้วยกัน
“นายหาทางออกจากป่าถูกแล้วเหรอ” โรสรินถาม
“คิดว่านะ เมื่อคืนมันมืดก็เลยมองไม่เห็นทาง” ตะวันนิ่งไปซักพัก “ขอบคุณที่ดูแลผมทั้งคืน”
โรสรินหยุดเดินหันไปทางตะวัน
“ฉันว่าฉันยังดูแลนายได้ไม่ดีด้วยซ้ำ ว่าแต่หายเจ็บแผลหรือยัง?”
“ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว” โรสรินยิ้ม “ไปกันต่อเถอะ” โรสรินกับตะวันเดินต่อไป แต่โรสรินเห็นบางอย่าง โรสรินหยุดมอง ตะวันหันไปมองตาม “ดูอะไร”
โรสรินหันไปมองหน้าตะวัน
สิ่งที่โรสรินเห็นคือทุ่งดอกไม้สวยๆ โรสรินเดินมาหยุดมองทุ่งดอกไม้แล้วก็ยิ้มออกมา ตะวันเดินมายืนข้างๆ
“สวยมากเลย” โรสรินเดินเข้าไปในทุ่งดอกไม้ ชื่นชมกับดอกไม้ ยิ้มแย้มสดใส ตะวันมองโรสรินแล้วก็ยิ้มออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปหา โรสรินหันมาทางตะวัน “เสียดายน่าจะมีกล้องถ่ายรูป ฉันอยากถ่ายรูปกับดอกไม้พวกนี้”
“ผมมีกล้อง”
“จริงอ่ะ”
ตะวันทำมือเป็นกล้องถ่ายรูป
“นี่ไง”
โรสรินหัวเราะ
“ถ่ายรูปฉันสวยๆ ล่ะ”
“ครับพ้ม”
โรสรินยิ้ม แล้วก็โพสต์ท่าถ่ายรูป มีตะวันใช้มือเป็นกล้องถ่ายรูปโรสริน สองคนสนุกสนานกันมากๆ
“เข้ามาถ่ายด้วยกันสิ”
ตะวันเดินไปยืนข้างโรสริน แล้วยื่นมือออกไป โรสรินยื่นหน้ามาชิดกับหน้าตะวัน
“ถ่ายล่ะนะ หนึ่ง สอง ส่าม”
โรสรินกับตะวันหัวเราะ แล้วก็หันมา จมูกชนกันเต็มๆ ตะวันค่อยๆ เอามือลง โรสรินกับตะวันใจเต้นรัว ทั้งคู่มองหน้ากัน ไม่มีใครผละออกจากกัน ตะวันห้ามใจตัวเองไว้ไม่ไหวยกมือขึ้นมาจับหน้าโรสรินแผ่วเบา โรสรินหลับตาอย่างยินยอม ตะวันบรรจงจูบปากโรสรินด้วยความนุ่มนวล
ไม่นานทั้งคู่ก็ถอนริมฝีปากออกจากกัน ตะวันกับโรสรินมองหน้ากันประมาณว่า “ทำลงไปได้ยังไง” ตะวันกับโรสรินรีบหันหลัง จับปากตัวเอง หน้าอึ้งๆ แล้วก็ค่อยๆ หันมาพร้อมกัน พอสบตากัน ก็รีบหันขวับไปทางอื่น
“แกทำอะไรลงไปเนี่ย” ตะวันถามตัวเองอยู่ในใจ
“เธอยอมเค้าได้ยังไง” โรสรินถามตัวเองอยู่ในใจเหมือนกัน
โรสรินกับตะวันไม่รู้จะทำยังไง สองคนถอนหายใจพร้อมกันและหันมา ต่างฝ่ายต่างชะงัก
“เออ”
ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรกัน เสียงรถยนต์ดังขึ้น ตะวันกับโรสรินหันไปมองเห็นเป็นรถกะบะ ไม่นานแย้ลงมาจากรถ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ แย้ยิ้มดีใจที่เจอตะวันกับโรสริน แย้โบกมือ
“ลูกพี่ คุณโรส”
ตะวันกับโรสรินเห็นแย้ก็ยิ้มๆ แล้วก็หันมามองหน้ากัน อย่างทำหน้าไม่ถูก
เช้าวันเดียวกันนั้น ที่บ้านตะวัน เสียงพีระดังออกมา
“โอ๊ย อย่ายุ่ง ปล่อยฉัน”
น้ำค้างกำลังยื้อแย่งโทรศัพท์มือถือจากมือพีระ ขณะที่อึ่งกอดเอวพีระไว้แน่น อุษาวดี อาทิตย์ ชะงักทำอะไรไม่ถูก
“เอามา ห้ามโทรเด็ดขาด”
“ปู่ณรงค์ต้องรู้เรื่องนี้ ไอ้ตะวันมันทำโรซี่เดือดร้อนจะเป็นจะตายนับครั้งไม่ถ้วน ยังมีหน้าช่วยกันปกป้องอีกเหรอ”
ชาญเครียด จริงจัง
“ข้าไม่ได้ปกป้อง แต่ข้าเชื่อว่าตะวันไม่มีทางให้หนูโรสต้องเป็นอันตราย อย่าทำให้เรื่องมันใหญ่ เชื่อข้า”
“ผมไม่เชื่อ”
พีระสะบัดตัวหลุดออกจากอึ่งได้ แล้วสะบัดมือน้ำค้างออก อุษาวดีวิ่งเข้าไปกางมือขวางตรงหน้าพีระ ไม่ให้น้ำค้างกับอึ่งห้ามพีระ
“ปู่ณรงค์ต้องรู้เรื่องนี้ค่ะ อย่างน้อยจะได้ช่วยกันแก้ปัญหา” อุษาวดีบอก
“แต่ถ้ารู้ ปู่ณรงค์มารับตัวพี่โรสกลับกรุงเทพฯ แน่ๆ”
“นั่นแหล่ะ ที่ฉันต้องการ”
ก่อนที่พีระจะกดโทรออก เสียงแย้โหวกเหวกเข้ามา ทุกคนชะงักหันไปมองทางเสียงนั้น
“เร่เข้ามาๆ มีข่าวดีมาบอกจ้าทุกโคนนน”
ชาญถามแย้อย่างตื่นเต้น
“เอ็งเจอไอ้ตะวันแล้วใช่ไหม”
แย้ยังไม่ทันตอบ ตะวันกับโรสรินก็ประคองกันเข้ามา
“ปู่ครับ”
“โรส / ตะวัน”
ชาญ น้ำค้าง อึ่ง อาทิตย์ ดีใจสุดๆ รีบวิ่งเข้าไปหา พีระกับอุษาวดีก็เข้าไปหาเหมือนกัน พีระแซงหน้าคนอื่นเข้าชาร์จโรสรินทันที
“โรส เจ็บตรงไหนรึเปล่า พีเป็นห่วงจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ”
“คนที่เจ็บไม่ใช่ฉัน แต่เป็นตะวัน” พีระกับอุษาชะงัก โรสรินหันไปทางคนอื่น “รีบพาตะวันไปหาหมอก่อน ตะวันบาดเจ็บ”
“ผมไม่เป็นอะไร แค่ฟกช้ำ”
“ถ้าแค่นั้นนายไม่ป่วยไข้ขึ้นจนสลบไปหรอก”
“ห๊า!” ทุกคนร้องออกมาพร้อมกัน
“จะเจ็บมากเจ็บน้อยก็ต้องหาหมอ อย่าดื้อ อย่าเถียง”
โรสรินมองตะวันด้วยสายตาที่เป็นห่วง ตะวันรับในความหวังดีนั้น พีระกับอุษาวดีมองอย่างอึ้งๆ สงสัยๆ
“ถ้าไม่ยอมไปหาหมอก็ให้หมอมาหา ไอ้แย้รีบไปตามหมอมา” ชาญบอก
“หมอมาไม่มี มีแต่หมอกิตติทัต ได้ป่ะ” แย้บอกเสียงจริงจัง
“ตลกจนน่าถีบ” ชาญหมั่นไส้ถีบแย้หน้าคะมำ “โทรตามหมอเดี๋ยวนี้”
“เข้าไปพักในห้องก่อน”
น้ำค้าง อึ่ง ช่วยโรสรินประคองตะวันไป พีระ อุษาวดีมองอย่างอึ้ง ที่โรสรินดูเป็นห่วงตะวันมากๆ
“โรสประคองไอ้ตะวัน ตาพี่ไม่ได้ฝาดใช่ไหม”
“ดูห๊วงห่วง”
พีระ อุษาวดี ปรึกษากันหน้าเครียดแถวลานจอดรถไร่ตะวัน
“โรซี่ห่วงแต่ตะวัน จนไม่เห็นความเป็นห่วงเป็นใยของพี่”
“จริง แปลกมาก ปกติยัยโรสไม่เคยสนใจคุณตะวัน แต่นี่ดูห่วงสุดๆ ห่วงมาก ห่วงจนไม่เห็นหัวพี่พีเลย”
“พอแล้ว! ไม่ต้องย้ำ” พีระจิ้มหัวใจ “เฮิร์ตนะเนี่ย”
กิตติทัตขับรถเข้ามา กิตติทัตลงจากรถ กิตติทัตหน้าเครียด พีระกับอุษาวดีปรี่เข้าไปหาทันที
“ได้ข่าวว่าคุณตะวันเจ็บ อาการเป็นยังไงบ้าง”
“ช่างหัวตะวันเถอะหมอ รีบไปตรวจอาการยัยโรสก่อน หลงป่าทั้งวันทั้งคืนอาจจะบาดเจ็บ หรือติดโรคในป่ามาก็ได้ วินิจฉัยละเอียดยิบเลยนะผมจะได้เอาไปรายงานปู่ณรงค์”
“ไม่ต้อง” โรสรินบอกขณะเดินเข้ามาสีหน้าร้อนใจ “ถ้ารายงานปู่ พีกับโรสเป็นเรื่องกันแน่” พีระเหวอ โรสรินหันไปทางกิตติทัต “โรสไม่ได้เป็นอะไร ตะวันต่างหากที่เป็น เอวแดงเป็นจ้ำน่ากลัวมาก กระดูกทิ่มกระดูกหักรึเปล่าก็ไม่
รู้ ไปเร็วทัต”
โรสรินจูงมือลากกิตติทัตไปเลย พีระยืนอึ้ง อ้าปากค้าง อุษาวดีห่วงตะวันเหมือนกัน
“น้องตามไปดูอาการคุณตะวันก่อนนะคะ” อุษาวดีจะเดินไป พีระคว้าข้อมือหมั่บ
“ไม่ต้อง โรซี่นะโรซี่ จะห่วงมันมากเกินไปแล้ว พี่ล่ะอยากรู้จริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในป่า”
อุษาวดีเงียบ อย่างอยากรู้เหมือนกัน
ภายในห้องตะวัน ตะวันนอนที่เตียง กิตติทัตกำลังตรวจอาการให้ตะวันเห็นที่บั้นเอวตะวันมีรอยช้ำมากกว่าเดิม ชาญ น้ำค้าง อึ่ง แย้ อาทิตย์ จ้องมองโรสรินที่มองตะวันอย่างเป็นห่วง ทุกคนจับสังเกตอาการโรสรินอย่างสุดๆ
โรสรินรู้สึกว่ามีคนมองก็หันไปมอง ชาญ อึ่ง แย้ อาทิตย์ น้ำค้าง สะดุ้ง ชาญหันมาพูดกับทุกคน
“น้ำค้าง อึ่ง อาทิตย์ ไอ้แย้ ออกไปได้แล้ว ให้หมอเค้าได้รักษาคนไข้ตามลำพัง”
ชาญดันตัวทุกคนออกไป แต่ทุกคนก็ยังไม่วายหันมามองโรสรินกับตะวัน ทุกคนออกไปจนหมด
“บอกแล้วว่าไม่เป็นอะไรๆ ลำบากหมอแย่” ตำวันบอก
“นี่นายขาโก่ง จ่ายยาแก้ดื้อให้นายตะวันด้วย” โรสรินตีตะวันเบาๆ แล้วหลุดปากบอกออกมา “ดื้อที่สุด ทำเหมือนไม่รู้ว่าคนเค้าเป็นห่วง”
โรสรินชะงักที่พูดคำที่ออกจากใจไป โรสริน ตะวัน ชะงักหันมองหน้ากัน กิตติทัตมองเห็นความสัมพันธ์บางอย่างที่แปรเปลี่ยนไปของคนทั้งคู่ โรสรินรีบเปลี่ยนเรื่องหันไปถามหมอ
“ตกลงนายตะวันเป็นอะไรมากมั้ย”
กิตติทัตแตะเบาๆ ที่รอยช้ำ
“ไม่มาก แค่มีเลือดออกใต้ผิวหนัง แล้วก็มีการฉีกขาดของกล้ามเนื้อเล็กน้อยเลยทำให้อักเสบ ทัตจะให้ยาไว้ แล้วหมั่นประคบเย็นจะช่วยทำให้เลือดไหลซึมออกมาลดลง และยังลดการอักเสบอีกด้วย”
โรสรินหันไปตีตะวันเบาๆ
“ไหนบอกไม่เป็นอะไรไง” ตะวันจ๋อยๆ “ถ้าดื้ออีกจะโดนตี ต่อไปนี้ฉันจะเป็นพยาบาลส่วนตัวให้นายเอง”
ตะวันยิ้มรับ รับรู้ถึงความห่วงใยของโรสริน กิตติทัตมองโรสรินกับตะวันแล้วรู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปแน่ๆ
มุมหนึ่งหน้าบ้านตะวัน กิตติทัตบอกกับโรสรินเรื่องอาการของตะวัน โรสรินฟังอย่างตั้งใจ
“วันนี้ทั้งวันอย่าให้คุณตะวันขยับร่างกายบริเวณที่อักเสบมากนัก พักได้ยิ่งดี”
“ขอบใจมาก ส่งแค่นี้นะ ขอไปดูนายตะวันก่อน”
กิตติทัตรั้งโรสรินไว้
“เดี๋ยว! ยัยเหยิน เธอห่วงคุณตะวันมากเลยนะ รู้ตัวรึเปล่า”
โรสรินชะงักไป รู้สึกวูบวาบขึ้นมา กิตติทัตยิ้มแซวๆ แย้กับอึ่งชะโงกหน้าแอบมองอย่างอยากรู้เรื่องสุดๆ
“เปล่านี่ ก็ดูแลเป็นปกติ”
กิตติทัตมองตาโรสรินจับผิด
“แต่ที่เป็นปกติคือโรสไม่เคยดูแลเค้าเลย หรือว่าที่โรสกับตะวันหลงป่าด้วยกัน มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น”
แย้กับอึ่งหูผึ่งทันที หน้าตาแบบว่าอยากรู้โคตร โรสรินสะอึกรีบบ่ายเบี่ยง
“มีอะไรที่ไหน ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
โรสรินรีบเดินออกไป กิตตัตมองตามสงสัย แย้กับอึ่งที่แอบมองอยู่ หันมองหน้ากันขวับ
“พี่แย้อยากรู้เหมือนที่อึ่งอยากรู้ใช่ไหม?” อึ่งถาม
“คุณโรสมีพิรุธขนาดนั้นน่ะ ใครไม่อยากรู้ก็บ้าแล้ว”
สองคนยิ้มให้กันอย่างเจ้าเล่ห์มีเลศนัย
ในห้องตะวัน โรสรินจะป้อนยาให้ตะวัน ตะวันชะงักมองโรสรินซาบซึ้ง
“ขอบคุณ แต่ผมกินเองได้”
“ไม่ อ้าปาก เร็วเข้า”
ตะวันยิ้มๆ แอบรู้สึกดีมาก แล้วก็ยอมอ้าปาก โรสรินเอายาเม็ดใส่เข้าไป ก่อนจะเอาน้ำให้ตะวันดื่ม ตะวันคืนแก้วน้ำให้โรสริน โรสรินรับมาวาง
“นอนได้แล้ว”
“ยังไม่อยากนอน”
“ดื้อจริงๆ เลย นอนเยอะๆ จะได้หาย”
“ทฤษฎีไหน?”
“ทฤษฏีพยาบาลอย่างฉันเนี่ยแหละ พูดง่ายๆ จะได้โตไวไว” ตะวันหัวเราะ “หัวเราะอะไร นายควรจะสำนึกบุญคุณฉันรู้มั๊ย เพราะตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร”
“แล้วทำไมคุณถึงทำให้ผม”
ตะวันจ้องหน้าโรสรินแววตามีความหมาย โรสรินชะงัก รู้สึกเขินๆ แต่ทำหน้านิ่ง
“ไม่รู้ รู้แต่ว่าฉันอยากตอบแทนนายบ้าง บอกแล้วไงว่าจะเป็นพยาบาลส่วนตัวให้จนกว่าจะหาย นางฟ้าใจดีทำให้ขนาดนี้ยังจะดื้ออีกเหรอ”
ตะวันยิ้มชอบใจ เห็นถึงความปรารถนาดีของโรสริน
“โอเคครับ ผมไม่ดื้อแล้ว นางฟ้าของผม”
ตะวันกับโรสรินมองหน้ากัน โรสรินแก้เก้อเอาน้ำให้ตะวัน
“ดื่มน้ำเข้าไปอีก นายน่ะพูดมากเกินไปแล้ว”
ตะวันเอาน้ำมาดื่ม แต่น้ำหกเลอะปาก โรสรินตกใจเผลอตัวใช้มือเช็ดปากให้ตะวัน โรสรินใช้นิ้วโป้งลูบเช็ดปากให้ตะวัน พลันหนุ่ม-สาว มองตากัน หน้าใกล้ๆ กัน โรสรินและตะวัน ชะงักราวกับต้องมนต์ ภาพเหตุการณ์ตอนตะวันกับโรสรินห้ามใจไม่ไหวจูบกันหวนกลับมา
ปัจจุบัน ทั้งคู่นิ่งอยู่แบบนั้น...
ที่ห้องตะวัน แย้ อึ่ง เอาหูแนบกับประตูแอบฟัง สีหน้าตั้งใจมาก
“ทำไมเงียบไปว่ะ”
“นั่นสิ เงียบมากกก”
พลันมีมือมาสะกิดไหล่แย้ แย้ปัดมือออก
“เดี๋ยวก่อน”
มือมาสะกิดไหล่อึ่ง
“เดี๋ยววว”
น้ำค้างยื่นหน้าเข้ามาตรงกลางระหว่างแย้กับอึ่ง
“จะเดี๋ยวอีกนานมั๊ย” อึ่งกับแย้หันไปเห็นน้ำค้างก็ตกใจ “ทำอะไรกัน”
“ชู่ว์ววว เงียบๆ น้ำค้าง เรากำลังแอบฟังลูกพี่กับคุณโรส”
“การแอบฟัง มันไม่ดีรู้มั๊ย เสียมารยาท”
“แล้วน้ำค้างไม่อยากรู้เหรอว่าในป่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมลูกพี่กับคุณโรสออกมาแล้วถึงดูเป็นห่วงเป็นใยกันนัก”
น้ำค้างนิ่ง แล้วก็ยื่นหูเอาแนบกับประตูทันที แย้กับอึ่งเหวอ
“เอ้า”
“ที่แท้ก็อยากรู้เหมือนกัน”
แย้กับอึ่งกับหูแนบกับประตู สามคนตั้งใจฟัง
ภายในห้อง ตะวัน โรสริน มองหน้ากันตกอยู่ในภวังค์ ตะวันลังเล สับสน อยากพูดเรื่องจูบ
“โรสริน คือ เรื่องในป่า เอ่อ เรื่องจะ..(จูบ)”
แต่โรสรินรู้ทัน โรสรินไม่อยากพูดเพราะยังทำตัวไม่ถูก เลยทำเป็นนึกอะไรขึ้นมาได้
“เออจริงสิ นายต้องประคบแผล ใช่ๆ” โรสรินลุกเดินไปหยิบผ้าห่อน้ำแข็ง พลางพ่นลมหายใจอย่างแรง แล้วก็พึมพำกับตัวเอง
“อีตาบ้า ฉันก็อายเป็นนะ”
ตะวันพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
จบตอนที่ 8