xs
xsm
sm
md
lg

กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 4

ที่ซุ้มยิงปืนอัดลม ล่ำกับแหลมยิงปืนลูกซองสั้น แต่ว่ากระสุนพลาดเป้าไปหมด ล่ำกับแหลมส่ายหน้าอย่างหัวเสีย เดชาแทรกตัวเข้าตรงกลางระหว่างล่ำ แหลม แล้วยิงใส่เป้านิ่งจำลองคล้ายรูปคน หลายๆ เป้า ปังๆๆ กระสุนเข้าเป้าทะลุตรงหน้าอกทุกๆ เป้า เดชายิ้มพอใจ ล่ำ แหลมปรบมือเอาใจลูกสุดฤทธิ์

“สุดยอดเลยครับเสี่ยเด”
โรสรินยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าเบื่อโลกสุดๆ เจ้าของร้านเดินไปหยิบตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ๆ ยื่นให้กับเดชา เดชายื่นตุ๊กตาหมีให้โรสรินอีกทอดหนึ่ง แต่โรสรินเบ้หน้า เบือนหน้าหนี
“ทำไมล่ะครับคุณโรส อยู่กับผมแล้วคุณไม่สนุกเหรอ”
โรสรินหันขวับ หน้าบึ้งมากๆ
“มีความสุขที่สุดในโลก” เดชาที่ยิ้มอยู่ถึงกับชะงักรอยยิ้มลง “หวังว่าที่ฉันอยู่เป็นเพื่อนนาย คงตอบแทนนายพอแล้วนะ”
โรสรินหันหลังเดินหนี เดชาเข้าไปขวางไว้ แล้วเขยิบๆ เข้าใกล้โรสริน โรสรินผงะจนตัวติดซุ้ม โรสรินจะเบี่ยงหนี เดาชาค้ำมือกันไว้จนโรสรินขยับไปไหนไม่ได้ คนผ่านไปมาแถวนั้นก็ไม่อยากยุ่ง โรสรินชักหวั่นๆ อาการของเดชาเหมือนคุกคาม แต่เขากลับยิ้มซื่อให้โรสริน
“อย่าทำแบบนี้กับฉัน ฉันไม่ชอบ”
“ผมก็ไม่อยากทำแบบนี้เลยครับ แต่ผมเกลียดคนไม่รักษาสัญญา แล้วถ้าคุณจะตอบแทนผมแค่นี้ ผมว่ามันยังน้อยไปครับ”
โรสรินกลัวนิดๆ แต่พยายามเก็บอาการโรสรินรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยอีกครั้ง
“คนอย่างโรสรินไม่เคยยอมให้ใครขู่”
เดชายิ้มพอใจถอยตัวออกห่างโรสรินนิดหน่อย แล้วยิ้มให้อย่างจริงใจ
“ผมกลัวแล้วครับคุณโรส เอาเป็นว่าผมขอร้องคุณแทนแล้วกัน ให้เกรียติผมได้พาคุณเที่ยวเถอะครับ นะครับ”
โรสรินถอนใจพยักเพยิดหน้าอย่างเสียมิได้
“ฉันหิวน้ำ”
แล้วโรสรินก็เดินออกไปที่ซุ้มขายเครื่องดื่มอย่างสุดเซ็ง ล่ำ แหลมเข้าขนาบลูกพี่
“ใจเย็นเกินไปรึเปล่าครับเสี่ยเด”
“เล่นตัวแบบนี้ ฉุดทีเดียวก็เรียบร้อยเหมือนกับทุกรายนะลูกพี่”
เดชายิ้มให้ล่ำกับแหลม เหมือนว่าจะเห็นด้วย แต่ทว่าเดชาฟาดมือไปที่หน้าล่ำ แหลม ทั้งสองหน้าหงายไป
“อย่าเอาคุณโรสไปเทียบกับผู้หญิงพวกนั้น”
เดชาจะฟาดหน้าล่ำแหลมอีกซักที ล่ำ แหลม ผงะหนีกลัวๆ

เดชาเดินคู่มากับโรสริน ล่ำ แหลมเดินเป็นบอดี้การ์ดอยู่ด้านหลัง ชาวบ้านที่กำลังเดินสวนผ่าน ต่างก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตา และหลีกทางให้เดชากันให้พรึ่บ
“ทุกคนดูกลัวๆ นายนะ นายเป็นมาเฟียที่นี่รึไง” โรสรินหันมาถามอย่างแปลกใจ
“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้น”
“ไม่รู้สิ พูดตรงๆ นะ นายดูไม่เหมือนคนดี”
เดชายิ้มให้โรสรินอย่างถูกใจ
“ถ้าผมไม่ดีกับคนอื่น แต่อยากดีกับคุณคนเดียว ผมจะเป็นคนดีในสายตาคุณมั้ย” โรสรินไม่ตอบ ทำเฉไฉมองไปทางอื่น เดชาเขยิบไปประชิดโรสริน “ผมไม่ใช่คนชอบสร้างภาพ ที่จะต้องทำเป็นว่ามีความสุขกับต้นไม้ใบหญ้าเหมือนนายตะวัน คุณเองก็ยังไม่รู้จักผมดีพอ อย่าเพิ่งรีบตัดสินสิครับ”
โรสรินถอนใจเบื่อๆ
“ฉันต้องทนอยู่กับนายอีกนานแค่ไหน”
“ผมยังไม่ได้คิดครับ แต่บางทีบรรยากาศดีอาจทำให้คุณหายเบื่อก็ได้ ผมรู้แล้วว่าเราจะทำอะไรกันดี”

ตะวันเดินออกตามหาโรสรินหันซ้าย-ขวา เขย่งมอง ที่มุมหนึ่งอุษาวดียืนถือขวดน้ำแอบมองตะวันอยู่
“เฮ้อ ต้องอ่อยนายตะวันจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย” อุษาวดีรวบรวมสมาธิสุดๆ “เกิดมายังไม่เคยจีบใครเลยอ่ะ เอาวะ อุษาสู้ๆ”
อุษาวดีเดินออกจากที่ซ่อน แล้วตัดสินใจเดินก้มหน้าก้มตาแกล้งเดินชนตะวัน แค่นั้นไม่พอ อุษสาวดีจงใจสาดน้ำใส่ตะวัน
“ว๊ายยย”
“คุณอุษา”
“ขอโทษค่ะอุษาไม่ได้ตั้งใจ” อุษาวดีไล้มือตามลำตัวตะวันเช็ดน้ำให้ อุษาวดีมองตาจงใจยั่วยวน “โธ่ เปียกหมดแล้ว อุษาซุ่มซ่ามเอง ขอโทษนะคะ”
“ช่างเถอะครับ”
ตะวันไม่สนใจอุษาวดีเลยสักนิด เดินออกไปทันที อุษาวดีคิดๆ เอาไงดีนะตะวันจะหนีไปแล้วเธอตัดสินใจทิ้งตัวลงกับพื้นทันที
“โอ๊ยยย” ตะวันหันขวับมอง เห็นอุษาวดีล้มอยู่ที่พื้น มือจับข้อเท้าตัวเอง แกล้งทำสีหน้าเจ็บปวด ตะวันรีบเข้าไปประคองอุษาวดีทันที “สงสัยข้อเท้าพลิก” อุษาวดีทำท่าจะล้มลงอีก “โอ๊ยย”
ตะวันปราดไปช้อนร่างอุษาวดีประคองไม่ให้ล้ม แต่อุษาวดีเหนี่ยวรั้งตะวันไว้ ดึงให้ใบหน้าตะวันใกล้ใบหน้าเธอชนิดที่เรียกว่ากระดาษแผ่นบางๆ ก็มิอาจสอดแทรกเข้าไปได้ อุษาวดีสบสายตาตะวันใกล้ๆ รู้สึกวิ้งๆ ใจหวิวๆ ไปเลย สปาร์กขึ้นมานิดๆ

โรสริน เดชาแหงนหน้ามองชิงช้าสวรรค์
“สูงแค่นี้เองเหรอ” โรสรินมองเหยียดๆ “ฉันเคยขึ้นแต่ลอนดอนอายส์”
“มันไม่เหมือนกันหรอกครับ”
“รู้ได้ไงว่ามันไม่เหมือนกัน อย่าบอกนะว่านายรู้จักลอนดอนอายส์กะเค้าด้วย”
“ไม่อยากบอกแต่ก็คงต้องบอกว่าผมเรียนจบจากอังกฤษ”
“ห๊า มาเฟียอย่างนายเนี้ยนะ”
“ครับ มาเฟียอย่างผมนี่แหละ” โรสรินอึ้ง “ลองขึ้นชิงช้าสวรรค์บ้านเราดูบ้าง รับรองลอนดอนอายส์กระเด็น”
โรสรินแอบเบ้หน้าแบบว่าไม่อยากขึ้นไปกับอีตานี่เลย ล่ำ แหลมเดินถือบัตรชิงช้าสวรรค์เข้ามา ยื่นให้คนตรวจบัตร เดชาถือวิสาสะจับมือโรสริน
“ไปครับคุณโรส”
โรสรินแกะมือเดชาออก แล้วเดินไปนั่งรอในชิงช้าสวรรค์ เดชาเดินไปขึ้นกรงชิงช้าสวรรค์นั่งตรงข้ามโรสริน ล่ำ แหลม ขึ้นอีกกรงหนึ่ง เดชาจ้องมองโรสรินตลอดเวลา สายตาแทบจะกลืนกินเธอทั้งตัวไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่น ในขณะที่โรสรินสีหน้าเซ็งสุดขีดเบือนหน้าหนี แต่แล้วก็พลันคิดอะไรบางอย่างได้ แอบยิ้มร้าย ชิงช้าสวรรค์กำลังหมุนขึ้น โรสรินฉวยจังหวะรีบถีบประตูออก แล้วโดดลงทันที เดชาอึ้ง ผลักประตูลงตาม
“ทำอะไรของคุณ คุณโรส”
โรสรินดันประตูกรงไว้ หันไปบอกคนคุมชิงช้าสวรรค์
“อย่าหยุด เอาขึ้นเดี๋ยวนี้ เร็วเข้าสิ เร็วสิ ฉันจะให้เงินนาย”
คนคุมเครื่องอึกอักเอาไงดี ตัดสินใจเอาชิงช้าสวรรค์ขึ้น กรงของเดชาและกรงของล่ำ แหลมลอยขึ้นสูงเรื่อยๆ

“คุณโรส โรส คุณทำกับผมแบบนี้ไม่ได้นะ”

โรสรินไม่สน เดินไปหาคนคุมเครื่อง เปิดกระเป๋าสตางค์หยิบเงินยื่นให้หลายพันบาท
“หมุนหลายๆ รอบนะ ทำให้ค้างอยู่บนฟ้าเลยยิ่งดี เข้าใจมั้ย”
คนคุมเครื่องรับเงิน แล้วทำมือโอเคให้โรสริน โรสรินแหงนหน้าโบกมือบ๊าย บายให้เดชาที่ลอยขึ้นฟ้าไปแล้ว โรสรินยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฉันอาจรู้จักนายไม่ดีพอ แต่นายก็รู้จักฉันน้อยไปนายเดชา”

โรสรินเดินเข้ามายิ้มร้ายๆ สะใจที่กำจัดเดชาออกไปได้…
“คิดจะจีบคนอย่างโรสริน ไม่เจียมตัว”
สาวน้อยตกน้ำรูปร่างตุ้ยนุ้ยแต่งหน้าจัดจ้านเดินกินลูกชิ้นปิ้งเข้ามา โรสรินเดินมา เด็กคู่หนึ่งเล่นจุดประทัดกัน ปังๆๆๆ โรสรินตกใจ สะดุ้งตกใจ
“ว๊ายยย”
โรสรินผงะอย่างตกใจไปชนกับสาวน้อยตกน้ำที่กินลูกชิ้นปิ้งอยู่ เธอโดนชนล้มคว่ำลง
“ว๊ายยยย”
สาวน้อยตกน้ำล้มคว่ำหน้าที่พื้น
“เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
โรสรินจะเดินหนีออกไป
“เดี๋ยว” สาวน้อยตกน้ำเงยหน้าขึ้นเห็นว่าไม้เสียบลูกชิ้นจิ้มทะลุปาก โรสรินช็อก “พาไปหาหมอด้วย นังบ้า”
โรสรินอึ้งไปเลย
“ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉัน ขอโทษ”
โรสรินเหวอทำอะไรไม่ถูกจะเดินหนีออกไป ทว่ามือหนึ่งคว้ามือโรสรินไว้หมั่บ โรสรินหันไปก็เห็นชายหน้าโหดหนวดเฟิ้ม จับมือเธออยู่
“เดี๋ยวสิคุณ ไม่คิดรับผิดชอบเลยเหรอ”
โรสรินหน้าเหวอสุดๆ

บริเวณซุ้มขายผลไม้ของมาลี มาลีกำลังร้องตะโกนขายผลไม้มีผลไม้หลายอย่างวางบนแผง
“ผลไม้จ้า ผลไม้ แอปเปิ้ล มะละกอ กล้วย ส้ม ลดแลกแจกแถมไปเลยจ้า ถ้าหน้าตาดีซื้อผลไม้แถมแม่ค้าฟรีๆ ด้วยจ้า เร่เข้ามาจ้า” ตะวันเดินประคองอุษาวดีเข้ามา อุษาวดีแกล้งเดินกะเผลกๆ มาลีอึ้งไปที่เห็นตะวันประคองผู้หญิงเข้ามา “คุณตะวันพาใครมาวะน่ะ นังมาลัยอยู่ไหนวะ โอ๊ย เดี๋ยวก็โดนแมวคาบไปกินหรอก”
ตะวันประคองอุษาวดีอย่างเป็นห่วง
“ทางโน้นหมอกิตติทัตตั้งเต็นท์พยาบาลอยู่ คุณพอจะเดินไหวนะครับ”
อุษาวดีครุ่นคิด จะอ่อยตะวันยังไงอีกดี
“ดีขึ้นแล้วค่ะ ที่นี่น่าสนุกดีนะคะ ถ้ามีคนพาเที่ยวก็คงดี”
“แต่ ถ้าคุณไม่เป็นอะไร ผมขอไปตามตัวยัยโรสนะครับ”
ตะวันจะเดินเลี่ยงไปอีกทางทันที อุษาวดีเหวอ เอาไงดีๆ ตะวันจะหนีไปแล้ว อุษาวดีแกล้งทรุด ทำทีว่าข้อเท้าที่พลิกกำเริบขึ้นมาอีก อุษาวดีร้องลั่น ตะวันเข้าไปประคอง
“คุณอุษา เมื่อกี๊ยังโอเคอยู่เลย”
“โอ๊ยย หักรึเปล่าเนี่ย”
มาลีเห็นมาลัยเดินเข้ามาทางหนึ่งก็รีบปรี่ไปหาลูก
“แม่จ๋า แม่เห็นว่าที่ผัวหนูมั้ย”
มาลีจับตัวมาลัยหมุนให้มองไปทางตะวัน
“แหกตาดูโน่นๆๆ ปล่อยให้แฟนแกควงคนอื่นได้ไง วะ ไปๆ ไปจัดการเลย”
มาลัยเห็นก็กรี๊ดแตก มาลัยและมาลีปรี่ไปหาตะวันและอุษาวดีทันที
“แอ๊คติ้งชนะเลิศนะยะ แก” มาลัยชี้หน้าอุษาวดี “แกอ่อยพี่ตะวันเหรอ”
อุษาวดีเนียนต่อ แกล้งเจ็บ
“เปล่านะ ฉันเจ็บจริงๆ”
“หน๊อย แกล้งเจ็บเท้าให้พี่ตะวันประคอง อี๋ น้ำเน่า พี่ตะวันอย่าไปเชื่อยัยนี่นะ”
“ไม่จริงนะ เธอรู้ได้ยังว่าฉันโกหก” อุษาวดีแกล้งทรุดลงไปอีก “โอ๊ย”
ตะวันประคองอุษาวดีอีกที มองอย่างห่วงๆ
“อ๊าย ปล่อยยัยนี่เดี๋ยวนี้พี่ตะวัน อย่าไปช่วยมัน”
อุษาวดีหันไปมองทางมาลัยแล้วยิ้มเยาะอย่างเย้ยๆ พลันเสียงร้องของโรสรินก็ดังก้องขึ้นจากทางหนึ่ง
“อย่านะ ปล่อยฉัน ช่วยด้วยยย”
ตะวันอึ้ง หันมองทางเสียง
“คุณโรส” ตะวันประคองอุษาวดีส่งให้มาลัยดูแลต่อทันที “ฝากดูแลคุณอุษาด้วย”
“อ้าววว”
อุษาวดี มาลัย มาลีร้องออกมาพร้อมกัน แล้วตะวันก็รีบเดินออกไปเลยอย่างร้อนใจสุดๆ อุษาวดี มาลัย มาลี มองหน้ากันอย่างเหวอๆ

ที่ซุ้มสาวน้อยตกน้ำ ทีมงานช่วยกันหามสาวน้อยตกน้ำที่โดนไม้เสียบลูกชิ้นจิ้มทะลุปากผ่านออกไป โรสรินพยายามแกะมือเจ้าของซุ้มหน้าโหดออก แต่เจ้าของซุ้มไม่ยอมปล่อยมือ
“หูตึงรึไงห๊ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำคนของนายเจ็บ”
“แต่ว่าคนของผมต้องเจ็บเพราะคุณ คุณต้องรับผิดชอบ”
ตะวันเดินเข้ามาสีหน้าขึงขัง คว้าหมั่บที่มือเจ้าของซุ้ม โรสรินอึ้ง
“ตะวัน”
“ปล่อยผู้หญิงก่อนเถอะ มีเรื่องอะไรคุยกันด้วยเหตุผลดีกว่า”
“คุณตะวัน มาก็ดีแล้วเพื่อนคุณทำสาวน้อยของผมเจ็บ ผมเสียหายนะครับ” เจ้าของซุ้มบอก
“จะเอาเงินเท่าไหร่”
“ไม่อยากได้เงิน แต่อยากได้สาวน้อยตกน้ำคนใหม่”
“แล้วฉันจะหาจากไหนมาให้”
“ผมจะรู้มั้ยล่ะ มันเป็นปัญหาของคุณ คุณต้องหามาให้ผม”
เจ้าของซุ้มกับโรสรินทำท่าจะทะเลาะกันอีกรอบ
“เอาล่ะๆ พอทั้งคู่เลย ผมรับผิดชอบให้เอง” ตะวันบอกกับเจ้าของซุ้ม
“ผมให้เวลาคุณหาคนใหม่ไม่เกินสิบนาที”
แล้วเจ้าของซุ้มกับทีมงานก็เดินออกไป ตะวันถอนใจอย่างเหนื่อยใจกับโรสริน
“ขยันก่อเรื่องจริงๆ นะ รู้ไว้ซะด้วย ครั้งนี้คุณเป็นหนี้บุญคุณผม”
“แน๊ ช่วยแล้วยังจะมาคิดเป็นบุญคุณอีก แล้วนายจะหาใครมาเป็นสาวน้อยตกน้ำเหรอ”

โรสรินถามด้วยความสงสัย

เสียงโรสรินปรี๊ดงานวัดสั่นสะเทือนกันเลยทีเดียว
“ว๊าย!”
โรสรินกลายเป็นสาวน้อยตกน้ำไปซะแล้ว เธอนั่งอยู่บนไม้ ถ้าใครปาลูกบอลโดนเป้าโรสรินตกน้ำป๋อมแป๋ม
แน่นอน
“ไอ้บ้าตะวัน ฉันเกลียดแก”
ตะวันขำกลิ้งที่เห็นโรสรินเป็นสาวน้อยตกน้ำ
“เอาน่า ทนหน่อย ถ้าคุณไม่ทำแบบนี้ รับรองคุณไม่ได้ออกไปจากงานวัดแน่”
“ไอ้บ้า แล้วถ้าฉันตกน้ำล่ะ”
“ก็เปียกไง”
“ถ้าฉันออกไปได้ นายตาย”
เจ้าของซุ้มประกาศเชิญชวนชาวบ้านมาเล่นปาสาวน้อยตกน้ำ ตะวันปราดเข้าไปยื่นเงินให้เจ้าของซุ้มเป็นคนแรก
“ผมขอเป็นคนประเดิมเอง”
“นายตะวัน อยากตายจริงๆ รึไง”
ตะวันยิ้มให้กวนๆ ถือลูกบอลไว้ในมือเล็งไปที่เป้า
“พร้อมรึยังคุณ นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วไว้นะ”
“ไม่ ไอ้บ้าไม่พร้อม ขอทำใจก่อน”
“หมดเวลาทำใจ ได้เวลาทำโทษ”
ตะวันปาลูกบอลทันทีแม่นมากลูกบอลโดนเป้า ทำให้โรสรินร่วงลงถังทันที น้ำกระจาย โรสรินโผล่หน้าออกมาจากน้ำ มองตะวันอย่างแค้นสุดๆ ชาวบ้านที่ออกันอยู่หัวเราะกันสนุกสนาน ตะวันหันไปตะโกนถามวัยรุ่นชายที่มาออกันแน่นขนัด
“มีใครอยากทำให้สาวน้อยจากกรุงเทพคนนี้ตกน้ำบ้าง เข้าคิวรอได้เลย”
วัยรุ่นชายชูมือส่งเสียงกันคึกคัก ต่อแถวกันเป็นพรวน เจ้าของซุ้มเดินเก็บเงินสบายใจ
“ห๊ะ อีตาบ้า อีตาตะวันบ้า จำไว้เลย”
ตะวันยิ้มสะใจ
“ผมจะจำไว้ ไม่ลืมเลยครับ คุณโรสริน”
โรสรินมองตะวันอย่างแค้นสุดๆ ในขณะที่ตะวันยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี

โรสรินในชุดสาวน้อยตกน้ำตัวเปียกม่อล่อกม่อแลก เดินออกจากกรงในสภาพหน้าหงิกสุดขีด ตะวันเดินเข้ามาพร้อมผ้าขนหนูผืนใหญ่ ยื่นให้โรสริน โรสรินหน้าหงิกไม่ยอมรับ สะบัดหน้าไม่อยากมองหน้าตะวัน ตะวันตัดสินใจเอาผ้าขนหนูห่มตัวให้โรสริน ดูใกล้ชิดๆ โรสรินหันมองหน้าอึ้งๆ
“อากาศเย็นแล้ว ตัวเปียกแบบนี้เดี๋ยวไม่สบาย”
“เป็นสาวน้อยตกน้ำจะให้ตัวแห้งเหรอยะ” ตะวันขำกิ๊ก “นายแกล้งฉัน”
“เปล่าซะหน่อย”
ตะวันจะเดินหนีออกไป โรสรินเดินไปขวาง
“คิดจะหนีเหรอ นายตั้งใจจะทำให้ฉันขายหน้า สะใจมากใช่มั้ย”
“ไม่เลย ผมกลับดีใจซะอีกที่คุณเริ่มรู้จักการรับผิดชอบ คนอย่างคุณไม่ใช่จะยอมใครง่ายๆ คุณไม่ต้องยอมทำแบบนี้ก็ได้ ผมถือว่าคนนิสัยไม่ดีอย่างคุณ เริ่มดีขึ้นมานิดหน่อย”
“หลอกด่าฉันอีกแล้ว” โรสรินทำท่าจะชก ตะวันจับมือโรสริน มองตา
“ผมชมคุณต่างหาก ไปเปลี่ยนชุดได้แล้วไป”
แล้วตะวันก็เดินออกไป โรสรินเหวอๆ เฮ้ย นี่นายตะวันชมฉันเหรอเนี่ย จากที่กำลังปรี๊ดก็คลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ

ที่เต็นท์พยาบาล กิตติทัตวัดความดันให้กับน้ำค้าง
“ก็ดูปกติทุกอย่างนะ”
“บอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้เพี้ยนด้วย”
น้ำค้างลุกขึ้น หน้างอนๆ น่ารักๆ กิตติทัตลุกขึ้นตาม
“เดี๋ยว”
กิตติทัตจับมือน้ำค้างไว้ น้าค้างรู้สึกหวิวๆ ขึ้นมาทันที กิตติทัตเปิดกระเป๋ายา หยิบซองยาวางลงบนมือน้ำค้าง
“เอายาคลายเครียดไปหน่อยดีกว่านะ” กิตติทัตมองน้ำค้างอย่างเอ็นดู แล้วขยี้หัวน้ำค้างเบาๆ “รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว เพิ่งรู้ว่าบ๊องก็วันนี้”
น้ำค้างมองตากิตติทัตใกล้ๆ ยิ้มออกมาน้อยๆ รู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก น้ำค้างนึกถึงคำพูดของพีระ
“จ้องตาหมอเข้าไว้ แล้วเธอจะพบคำตอบว่าหมอเค้าชอบเธอรึเปล่า”
น้ำค้างจ้องตากิตติทัต กระพริบตาสักครั้งก็ไม่มีรู้สึกวิ้งๆ มองใกล้ๆ หล่อเหมือนกันนะเนี่ย กิตติทัตมองตาน้ำค้างอย่างสงสัย
“มองอะไรเหรอน้ำค้าง”
น้ำค้างยิ้มๆ ตกในภวังค์
“เปล่านี่คะ”
“หมอว่า น้ำค้างอาการแปลกๆ จริงๆ นะ”
อึ่งวิ่งจูงมืออาทิตย์ หน้าตาตื่น กลัวๆ เข้ามา กิตติทัต น้ำค้าง หันมามองอย่างตกใจ
“ช่วยด้วยๆ ช่วยด้วยจ้า ช่วยอึ่งด้วย”
น้ำค้างเข้าไปกอดอึ่งและอาทิตย์อย่างห่วง และตกใจ
“อึ่ง อาทิตย์เป็นอะไร เจ็บตรงไหน ใครรังแกพวกเธอ”
อาทิตย์และอึ่ง ชี้มือไปทางหนึ่งเห็นพีระเดินเข้ามาหน้าตาโกรธๆ เข้ามา
“จะหนีไปไหนไอ้เด็กแสบ”
“นายพีระ” น้ำค้างนึกว่าพีระแกล้งอึ่งก็ตรงเข้าไปผลักอก “ไหนบอกจะดูแลเด็กๆ ไง นายแกล้งเค้าทำไม”
“จัดให้หนักๆ เลยค่ะพี่น้ำค้าง”
“แกล้งเหรอ ใครแกล้งใครกันแน่ ซี๊ดดด”
พีระหันหลังให้ เห็นว่าลูกดอกปักที่ก้นอยู่สามดอก
“เฮ้ย” น้ำค้าง กิตติทัตร้องออกมาพร้อมกัน
“สอนไอ้ตัวแสบสองตัวปาลูกดอกให้มันแม่นๆ หน่อยได้มั้ย ซี๊ดดด เจ็บจนชาไปหมดแล้ว”
“ผมทำแผลให้นะครับ”
กิตติทัตกับพยาบาลรีบเตรียมอุปกรณ์ทำแผล พีระเดินเข้าไปกระซิบน้ำค้าง
“ไง หมอมีท่าทีว่าชอบเธอบ้างมั้ย”

น้ำค้างหันไปมองทางกิตติทัต ไม่รู้ว่าทำไมรู้เพียงว่าสุขใจเหลือเกิน

เดชา ล่ำ แหลม ลงจากชิงช้าสวรรค์มาได้ก็ปรี่เข้าไปอัดคนคุมเครื่องล้มกอง
“กล้าดียังไงวะ ทำไมไม่เอาฉันลงซะทีวะ เห็นแก่เงิน แต่ไม่เห็นแก่ชีวิตใช่มั้ย ห๊ะ ห๊ะ” เดชาเหวี่ยงคนคุมชิงช้าสวรรค์ล้มคว่ำ ล่ำ แหลม ตามไปอัดซ้ำอีก “เฮ้ย พอ ออกไปตามหาตัวคุณโรสได้แล้ว” เดชาเคืองๆ ที่โรสรินเล่นตัวและแผนสูงกว่าที่คิด ถ้าเจอตัวเมื่อไหร่ล่ะก็สวยแน่ “โรสริน”

โรสรินเปลี่ยนชุดเรียบร้อย สวยเหมือนเดินแต่สีหน้าบูดๆ บึ้งๆ ตะวันยิ้มแซว
“ดูทำหน้าเข้า อยากกลับไปเป็นสาวน้อยตกน้ำอีกเหรอคุณ”
โรสรินหันขวับ มองหน้าตะวัน
“อยากฆ่าคน”
โรสรินพุ่งหมัดชกตะวันหลายครั้ง แต่ตะวันหลบได้หมด ยิ้มขำๆ ตะวันจับมือทั้งสองข้างของโรสรินที่เหวี่ยงหมัดมั่วซั่วไว้แน่น แล้วกระชากเข้าหาตัว โรสรินตะวันอยู่ใกล้กันมากๆ ตะวันยื่นหน้าไปใกล้ๆ
“ฉันจะฆ่านาย นายตะวัน”
“บาปกรรมเปล่าๆ น่า เกิดชาติหน้าผมไม่อยากตามไปเป็นเจ้ากรรนายเวรคุณ เออ ไหนๆ คืนนี้ผมคงไม่ได้สอนคุณเพาะกล้วยไม้แล้ว อยากเที่ยวเล่นที่นี่อีกมั้ย พาเที่ยวได้นะ”
“ฉันจะกลับ เดี๋ยวนี้”
โรสรินสะบัดมือออกเดินนำออกไปเลย ตะวันส่ายหน้าเหนื่อยๆ ก่อนเดินตามไป

โรสรินเดินลิ่วๆ เข้ามา พลันก็ต้องชะงักที่เห็นเดชา ล่ำ แหลมพรวดเข้ามาขวางหน้า
“จะรีบไปไหนล่ะครับคุณโรส” โรสรินชะงัก
“เลิกตื๊อซะทีได้มั้ย”
“อย่าใจร้ายกันนักสิครับคุณโรส”
เดชาจับมือโรสรินจะพาออกไป โรสรินสะบัดแต่ก็ไม่หลุด ตะวันพรวดเข้ามาแกะมือเดชาออก
“อย่าระรานกันดีกว่าเดชา” เดชาแค่นยิ้ม
“ฉันแค่มาทวงคำสัญญากับคุณโรส” เดชาจ้องหน้าตะวัน “เธอใช้ให้ฉันเอายาฆ่าหญ้ามาทำลายโรงกล้วยไม้นาย เธอต้องตอบแทนฉันคืนบ้าง”
ตะวันหันมามองหน้าโรสรินอย่างไม่พอใจอีกครั้ง อุตส่าห์ลืมไปแล้ว ตะวันโกรธขึ้นมา
“ร่วมมือกันนี่เอง ดี ทำอะไรไว้ก็รับผิดชอบเองแล้วกัน”
ตะวันจะเดินหนีออกไป โรสรินคว้าแขนตะวันไว้
“เดี๋ยว ฉันอยากกลับ” เดชายิ้มพอใจ
“แต่ตะวันยอมให้คุณอยู่กับผมแล้วนะครับคุณโรส”
โรสรินมองตาตะวันอย่างขอร้อง ตะวันชักใจอ่อน
“ฉันว่าผู้หญิงเค้าคงไม่อยากไปกับนายว่ะ”
เดชากระชากคอเสื้อตะวัน
“แฟนก็ไม่ใช่ อย่าหวงก้างเลยดีกว่า”
ตะวันปัดมือเดชาออกอย่างแรง เดชา ล่ำ แหลม ฮึดฮัดขึ้นมาทันที
“อย่ายุ่งกับคนของฉัน”
ตะวัน เดชา จ้องหน้ากันราวกับพร้อมตะบันหน้ากันได้ทุกเมื่อ ล่ำ แหลม ใจร้อน พรวดเข้าไปขว้างหมัดใส่ตะวัน ตะวันหลบได้สวนหมัดออกไปเต็มหน้าล่ำและถีบแหลม เดชาล้มคว่ำลง โรสรินมองตะวันที่ปกป้องตัวเธออย่างทึ่ง เดชาปรี่เข้าไปจะเอาเรื่องตะวัน ตอนนี้ไทยมุงมาเต็มกันหมด เดชาชี้หน้าตะวัน
“ไม่ตายดีแน่ไอ้ตะวัน”
“อย่าดีแต่เห่า”
โรสรินเข้าไปหลบหลังตะวันอย่างกลัวๆ เดชาจะเข้าไปชกตะวัน แต่กิตติทัตเข้ามาพอดี
“มีเรื่องอะไรกัน” กิตติทัตเข้าไปห้าม เดชากำลังชกตะวันอยู่แล้ว ยั้งหมัดไว้ได้พอดี “เดชา ผมขอเถอะ เลิกแล้วต่อกันซะ”
เดชาเจ็บใจ จ้องหน้าตะวันอย่างอาฆาตมาดร้ายแล้วเดินออกไป ล่ำ แหลมตามลูกพี่ออกไปทันที กิตติทัตถอนใจอย่างโล่งอก ขณะที่โรสรินยังเกาะแขนและหลบหลังตะวันอย่างกลัวๆ

ตะวัน โรสริน กิตติทัตเดินมาแถวๆ รถกระบะของตะวัน โรสรินมองหน้าตะวันกับกิตติทัตอย่างอยากได้คำตอบ
“ทำไมตอนนายห้ามเดชา เค้าถึงเชื่องได้ขนาดนั้น” โรสรินถามกิตติทัต
“คงเพราะบุญคุณที่ติดค้างกันอยู่น่ะ”
โรสริน ตะวันมองหน้ากิตติทัตอย่างสงสัย กิตติทัตถอนใจ เล่าเรื่องในอดีตให้ฟัง
อดีต เดชาขับรถผ่านเข้ามาในถนนเปลี่ยวปลอดคน ระหว่างนั้นมีรถจักรยานยนต์ขี่ตามมาแล้วเบิ้ลเครื่องประกบที่ข้างรถ เดชาเอะใจมองกระจกข้างเห็นคนนั่งซ้อนท้ายชักปืนขึ้นมา เดชารีบผลักประตูรถออกอย่างแรง รถจักรยานยนต์ล้มคว่ำทันที เดชารีบลงจากรถชักปืนที่เหน็บไว้ออกมา มือปืน1 จะยิงเดชา เดชายิงสวน ปัง ปัง ปัง มือปืน1 ขาดใจตาย เดชาไม่ทันระวังมือปืน2 ยิงปืนเข้าใส่เดชา ปัง ปัง เดชาทรุดฮวบ แต่ก็ยิงสวนออกไปเข้าจุดตายของมือปืน2 แล้วเดชาก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ทำปืนหลุดจากมือ แล้วทรุดลงหน้าคว่ำพื้น
กิตติทัตขับรถผ่านมาเห็นสามร่างนอนจมกองเลือดที่พื้น กิตติทัตรีบลงจากรถทันที กิตติทัตรีบเข้าไปเช็กชีพจรของมือปืนสองคนปรากฏว่าขาดใจตายแล้ว กิตติทัตส่ายหน้าที่ช่วยไม่ได้ กิตติทันปราดเข้าไปเช็กชีพจรของเดชาเป็นรายสุดท้าย
“คุณ คุณ แข็งใจไว้ก่อนนะ”

กิตติทัตรีบประคองเดชาขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที

กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 4 (ต่อ)

ตะวันส่ายหน้าหลังจากได้ยินเรื่องราวจากกิตติทัต ตะวันปรบมือประชด

“ยินดีด้วยที่หมอช่วยให้คนเลวๆ ยังมีชีวิตอยู่ต่อ”
“ดูท่าจะเกลียดเดชามากนะนายเนี่ย”
“ถ้าอำเภอเราไม่มีนายเดชา ป่านนี้เป็นอำเภอตัวอย่างไปแล้ว รู้ไว้ซะด้วย”
“ตราบใดที่เค้ายังไม่ร้ายกับฉัน เค้าก็ไม่ใช่คนเลวอย่างที่นายว่าหรอก”
ตะวันถอนใจอย่างเซ็งๆ
“เดี๋ยวนะยัยเหยิน เธอไปสนิทกับเดชาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เปล่าซะหน่อย เค้ามาตื๊อฉันเอง”
ตะวันมองหน้าโรสรินอย่างห่วงๆ
“ผมขอเตือนว่า อย่าไปยุ่งกับคนอันตรายอย่างนายเดชา”
“ไม่ต้องมาสั่งสอน ฉันเอาตัวรอดได้”
แย้ น้ำค้าง อึ่ง อาทิตย์ เดินเข้ามารวมกลุ่ม ตะวันลูบหัวอาทิตย์
“ขอโทษนะที่ไม่ได้พาเที่ยวเลย สนุกมั้ย”
อึ่งกับอาทิตย์มองหน้ากัน แล้วยิ้มๆ ให้กัน
“สนุกเว่อร์ ตอนปาลูกดอกใส่ก้นคุณพีระ สนุกที่ซู๊ด” อึ่งบอก
“ห๊า เด็กแสบเอ๊ย”
“กลับกันได้แล้ว ฉันอยากกลับบ้าน”
ตะวัน โรสรินลากิตติทัตแล้วเปิดประตูขึ้นรถไป อึ่ง อาทิตย์เข้าไปในรถอีกคน แย้กระโดดขึ้นกระบะท้ายรถ
แต่น้ำค้างยังไม่ขึ้นรถยิ้มอายๆ แล้วยื่นตุ๊กตาตัวเล็กน่ารักๆ ให้กิตติทัต น้ำค้างกระซิบเบาๆ ข้างหูกิตติทัต
“ถือว่าแทนคำขอบคุณที่ช่วยทำแผลให้แขกของไร่ตะวันนะคะ”
กิตติทัตมองอมยิ้มในมือ แล้วมองหน้าน้ำค้างที่ยิ้มอายๆ หลบหน้าหลบตาแล้วเดินขึ้นรถไปเลย รถขับออกไป กิตติทัตมองตามแล้วครุ่นคิด
“น้ำค้างเพี้ยนจริงๆ ด้วย กินอะไรเข้าไป”

ตะวันเดินจับบ่าอึ่งกับอาทิตย์เข้าบ้านมา
“คราวหน้าอย่าทำแสบแบบนี้อีกนะ ดีที่นายพีระเค้าเห็นว่าเราเป็นเด็กเลยไม่เอาเรื่อง”
“เอ๊า นึกว่าจะชม อึ่งอุตส่าห์ช่วย เห็นว่าคุณพีระไม่ชอบพี่ตะวัน”
“ยังจะเอาคำชมอีก ไม่ตีก้นลายก็บุญแล้ว อ้อ พี่ขอโทษอีกครั้งนะ มัวแต่ยุ่งเรื่องที่ยัยโรสทำป่วน เลยไม่ได้พาเราสองคนเที่ยวเลย”
“พี่ตะวันอยู่กับพี่นางฟ้าก็ดีแล้ว อึ่งกับอาทิตย์ชอบ จริงมั้ยอาทิตย์”
อาทิตย์พยักหน้าแรงๆ สองสามครั้ง
“ไม่ต้องเลย ไปเลย ไปอาบน้ำ แปรงฟันนอนได้แล้ว”
ตะวันดันตัวอึ่งกับอาทิตย์ออกไป ส่ายหัวอย่างเอ็นดู แล้วตะวันก็จะเดินกลับห้องตัวเองแต่ทว่าชาญเดินเข้ามาขวาง ตะวันถอนใจ
“เอ็งกะหนูโรสคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว แหม วันนี้อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนเลยนะ” ชาญยิ้มแย้ม
“ไม่ฆ่ากันตายก็บุญแล้ว อ้อ ขอบคุณนะครับที่ช่วยให้ผมได้ไปสอนชาวบ้านเพาะกล้วยไม้” ตะวันประชด
ชาญสะดุ้งนิดหนึ่ง แต่มีฟอร์มแก้ตัวไป
“ข้าจองที่ให้แล้วจริงๆ นะเว้ย ใครจะไปรู้ว่าเขายกเลิกกะทันหัน อ้อ แล้วตกลงเที่ยวกับว่าที่เจ้าสาวของแกน่ะ สนุกมั้ยล่ะ”
“หึ ว่าที่เจ้าสาว แต่งกะยัยโรส หึ ผมยอมเป็นหมัน”
แล้วตะวันก็เดินหนีออกไป ชาญมองตามอย่างเคืองๆ
“ดูมันๆ เออ หยิ่งได้หยิ่งไป ยังไงข้ามีน้ำค้างเป็นตัวช่วยโว้ย” พอชาญหันกลับมาน้ำค้างก็เดินเข้ามาพอดี น้ำค้างอมยิ้มค้างๆ เข้ามาเลย “ไง ยิ้มมาเลย ที่งานวัดเอ็งได้ช่วยทำให้ตะวันกับหนูโรสเค้ารักกันมั้ย” น้ำค้างไม่ตอบอมยิ้มอายๆ เขินๆ เดินผ่านหน้าชาญไปเลยซะงั้น “อ้าว น้ำค้าง เขินอะไรของมันวะ”

หน้าบ้านพักพีระ อุษาวดีนั่งอมยิ้มอยู่ที่ชิงช้าหน้าบ้าน ยิ้มเหม่อนึกถึงตะวันตอนที่ตะวันรีบเข้าไปประคองอุษาวดีทันทีเมื่อเห็นเธอเจ็บขา
“สงสัยข้อเท้าพลิก” อุษาวดีทำท่าจะล้มลงอีก “โอ๊ยยย”
ตะวันปราดไปช้อนร่างอุษาวดีประคองไม่ให้ล้ม แต่อุษาวดีเหนี่ยวรั้งตะวันไว้ ดึงให้ใบหน้าตะวันใกล้ใบหน้าเธอชนิดที่เรียกว่ากระดาษแผ่นบางๆ ก็มิอาจสอดแทรกเข้าไปได้ อุษาวดีสบสายตาตะวันใกล้ๆ รู้สึกวิ้งๆ ใจหวิวๆ ไปเลย รู้สึกสปาร์กขึ้นมานิดๆ
พีระเดินเข้ามาหาเห็นอุษาวดีอมยิ้มเคลิ้มๆ ก็สงสัย
“ยังไม่นอนอีกเหรอเรา” อุษาวดีตกอยู่ในภวังค์ไม่สนใจสิ่งมีชีวิตใดๆ ทั้งสิ้น พีระดีดหูอุษาวดี อุษาวดีหันมาโวย
“เคลิ้มเชียวนะ เป็นอะไร แล้วตกลงทำให้ตะวันชอบน้องได้รึยัง”
“บ้าเหรอ” อุษาวดีอาย “เพิ่งเริ่มจะให้ปุ๊บปั๊บได้ไง”
“อะไร อายทำไม ให้แกล้งอ่อยไม่ได้ให้คิดจริงๆ ไม่ต้องอิน”
อุษาวดีรู้สึกตัว ทำเป็นวางฟอร์ม
“ใครอิน บ้าสิ ฝืนความรู้สึกตัวเองจะตาย อี๋”
“น้องต้องอดทนเพื่อพี่นะ”
“แมนได้อีกนะคะพี่ชาย”
“เหอะน่า อย่าให้นายตะวันมีโอกาสปลูกต้นรักกับโรซี่เด็ดขาด แค่ปลูกกล้วยไม้ด้วยกันพี่ก็หึงจะตายอยู่แล้ว”
“แล้วน้ำค้างล่ะพี่พี เค้าจะไม่มาขัดอุษาเหรอ”
“หึหึหึ อย่าห่วงเลย ยัยนั่นพี่เอาอยู่ ไม่ทันเกมพี่หรอก”
“พีระ”
พีระ อุษาวดีสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นน้ำค้างกำลังเดินเข้ามา น้ำค้างไม่ได้ยินที่พีระกับอุษาวดีคุยกัน
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” พีระถามอย่างตกใจ
“เมื่อวานล่ะมั้ง พีระ ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”

แล้วน้ำค้างก็เดินออกไปทันที พีระมองตามน้ำค้างอย่างสงสัย มีเรื่องอะไร

พีระตกใจระคนกับดีใจมากๆ ขณะที่น้ำค้างอายม้วน
“ห๊า ชัวร์แล้วเหรอว่า หมอทัตเค้าชอบเธออย่างที่ฉันบอกจริงๆ”
“มั้ง ไม่น่าเชื่อว่าวิธี” อุษาวดีทำหน้าแบ๊วใส่พีระ “ทำหน้าแบ๊ว ของนายจะได้ผล หมอเค้าดูสนใจฉันเหมือนกันนะ”
“แล้วเธอล่ะรู้สึกยังไงกับหมอ”
“ไม่รู้สิ แต่อยู่ใกล้ๆ หมอแล้ว” น้ำค้างอายกว่าเดิม “มีความสุขอ่ะ”
พีระสะใจสุดๆ
“เยสสส”
น้ำค้างหันขวับ
“ดีใจไปรึเปล่า เป็นอะไร”
“ก็ดีใจกับเธอด้วยไง เธออาจจะได้เจอกับความรักจริงๆ แล้วนะ ต่อจากนี้เธอต้องหาทางไปเจอหมอบ่อยๆ เดินหน้าจีบเลย”
“ไม่ดีมั้ง แล้วที่สำคัญปู่สั่งให้ฉันช่วยให้พี่ตะวันรักกับพี่โรสนะ”
“ฉันว่าเอาเวลาช่วยให้คนรักกัน ไปหาความรักของเธอไม่ดีกว่าเหรอ ระวังเหอะถ้าไม่รีบทำอะไรแล้วหมอเปลี่ยนใจชอบคนอื่นจะหาว่าไม่เตือน”
น้ำค้างคิดไม่ตก ขณะที่พีระแอบยิ้มร้ายสมหวังเจ้าเล่ห์สุดๆ

เช้าวันรุ่งขึ้นที่โรงเก็บน้ำหมักชีวภาพ แย้กำลังตักน้ำหมักชีวภาพในถังใหญ่ใส่ในถังเล็กสำหรับสะพายเพื่อฉีดพ่น ตะวัน โรสรินยืนมองอยู่ห่างๆ
“เรียบร้อยจ้ะลูกพี่ มีอะไรให้แย้ช่วยอีกป่ะ”
“ไปทำงานที่ค้างคาอยู่ของแกได้แล้วไป”
“รู้นะ ว่าไม่อยากมีกว้างขวางคอ อ่ะกิ๊วๆๆ”
“กิ๊วๆ เหรอ ไปได้แล้ว”
ตะวันเตะแย้ไปป๊าบนึง แย้กลัวร้องลั่นวิ่งหนีไป ตะวันหยิบถังเล็กเอาไปสะพายให้โรสริน โรสรินหลังแอ่นเพราะถังหนักมาก
“โอ๊ย หนักอย่างกับแบกช้าง ถ้าหลังหักขึ้นมาจะว่าไง”
“หลังหักก็ไปหาหมอ เลิกบ่น แล้วไปฉีดล้างสารพิษที่โรงกล้วยไม้ เดี๋ยวนี้”
“งานแค่นี้ให้ใครทำก็ได้”
“โรสรินวางถังลง แล้วกลับกรุงเทพไปซะ” ตะวันบอกเสียงเฉียบ โรสรินอึ้ง
“นาย”
“ปากก็บอกอยากแก้ไขแต่ไม่ทันไรก็งอแง ถ้าไม่อยากทำจริงๆ ก็ไม่ต้องทน” โรสรินโมโหสุดๆ แต่ก็เถียงอะไรไม่ออก เดินแบกถังออกไปเลย “เดี๋ยว” โรสรินชะงัก “นั่นมันทางกลับที่พัก โรงกล้วยไม้อยู่ทางโน้น”
โรสรินหันมาค้อนทีหนึ่งแล้วเดินไปอีกทาง ตะวันส่ายหน้ามองแล้วเดินตามไป

โรสรินกำลังพ่นน้ำยาชีวภาพทำความสะอาดทั่วโรงเรือนกล้วยไม้แสนหวงของตะวัน โรสรินฉีดพ่นน้ำยาไม่ค่อยเป็นดูเงอะๆ งะๆ ตะวันยืนกำกับการมาดเข้มสุดๆ
“ฉีดให้มันทั่วๆ ไม่ใช่พ่นมันกระจุกเดียวตรงนั้น” โรสรินพ่นน้ำยาส่ายไปส่ายมา “ฉีดให้มันใกล้ๆ หน่อย ฉีดให้ทั่วๆ” โรสรินชักปรี๊ด เดินไปฉีดพ่นใกล้ๆ โรงเรือน “ไม่ได้เรื่อง ทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง”
โรสรินปรี๊ดจนทนไม่ไหว เดินไปหาตะวันแล้วพ่นน้ำยาชีวภาพใส่หน้าซะเลย
“คุณ เล่นบ้าอะไร” โรสรินไม่ตอบ ฉีดน้ำยาใส่หน้าตะวันอีก ฟู่ววว ตะวันปัดน้ำออกจากหน้า “โรสริน”
โรสรินกวนๆ ไม่สนใจ ฉีดน้ำใส่หน้าตะวันอีก ฟู่ววว
“ไม่หยุดใช่มั้ย”
โรสรินไม่พูดอะไรทั้งสิ้นเอาแต่ฉีดน้ำยาใส่หน้าตะวัน ตะวันปราดเข้าไปจับตัวล็อกจากด้านหลัง
“อ๊ายย ปล่อยนะ ปล่อยจะทำอะไรฉัน”
“สนุกมากใช่มั้ย สิ้นฤทธิ์ได้รึยัง”
“ไม่ ฉันไม่ยอมนายแน่ ปล่อยนะ ปล๊อยย”
“ไม่ยอมก็จะกอดไว้แบบนี้แหล่ะ ดูซิจะยอมมั้ย”
ตะวันกอดโรสรินแน่นขึ้น โรสรินมือไม้อ่อนทำที่ฉีดหลุดมือ หน้าตะวันกับโรสรินใกล้กันมากๆ สองคนมองตากันเกิดเคมีขึ้นมาเล็กๆ
ชาญ อึ่ง อาทิตย์เดินผ่านมาที่หน้าโรงกล้วยไม้ ชาญคุมอึ่งกับอาทิตย์กวาดพื้นหน้าโรงอยู่ โรสรินกับตะวันเห็น ทั้งสามคนมองเป็นสายตาเดียว ตะวันยังกอดโรสรินอยู่
“อ๊ายย เลิฟซีน อาทิตย์ปิดตา”
อึ่งกับอาทิตย์ปิดตา แต่ก็แอบแง้มช่องไว้นึดหนึ่ง อิอิ ตะวันกับโรสรินรีบเด้งตัวออกจากกันทันที
“อย่าตกใจ ปู่แค่ใช้ให้ไอ้สองตัวนี้ทำความสะอาดไร่ อยากทำอะไรก็แล้วแต่สะดวกนะ”
“อย่า ไม่ใช่อย่างที่ปู่คิดแม้แต่นิดเดียว” ตะวันส่ายหน้า
“ใช่ค่ะ แค่คิดก็ผิดแล้ว โรสไม่มีวันเอ่อ ทำอะไรกับนายตะวันเด็ดขาด”
“แหม ปากไม่ตรงกับใจ แล้วเมื่อกี๊อะไรล่ะค๊าพี่นางฟ้า”

โรสรินเคืองตะวันสุดๆ กระทืบเท้าตะวัน เข่าเข้าให้อีกที ถอดถังออกจากหลัง แล้วเดินหนีออกไปเลย ตะวันนอนจุกแอ่กอยู่ที่พื้น

ตะวันเดินตัวงอออกตามหาโรสริน เขายังจุกไม่หาย ชาญ อาทิตย์ อึ่ง เดินตามติดตะวัน
“ยัยโรส เตลิดไปไหนแล้วเนี่ย”
“อั๊นแน๊ จะตามตัวมาหวานกันอีกล่ะซี้” ชาญแซว
“หวานเหวินอะไร จะลากตัวกลับมาทำงานต่อ”
แล้วตะวันก็เดินออกไปทางหนึ่งทันที ชาญยิ้มมองอย่างพอใจ
“กอดกันกลมเลยเมื่อกี๊ มีลุ้นเว้ยเฮ้ย” ชาญยิ้มอยู่ดีๆ พลันก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ “เออ นังน้ำค้างหายไปไหนของมัน ทำไมไม่ช่วยมาทำให้คนเค้ารักกันวะ”

พีระดันตัวน้ำค้างมาถึงที่รถ น้ำค้างถือปิ่นโตมาด้วย พีระเปิดประตูรถให้เสร็จสรรพ
“เร็วรีบไปได้แล้ว”
“ไม่ดีกว่า เหมือนฉันไปจีบหมอเลย ไม่ดีมั้ง”
“เดี๋ยวตีตายเลย อุตส่าห์ทำปิ่นโตให้หมอแล้วไม่ใช่เหรอ เธอชอบหมอ หมอชอบเธอ ไม่มีอะไรน่าเกลียด กุ๊กกิ๊กน่ารักดีออก”
“แต่ฉันกลัวปู่ ถ้าปู่รู้ บ้านบึ้ม”
“แล้วไม่กลัวหมอทัตจะเปลี่ยนใจจากเธอเหรอ ถ้าไม่รีบทำอะไรสักอย่าง ระวังจะเสียใจอกหักไม่รู้ตัว” น้ำค้างครุ่นคิดตัดสินใจเอาไงดี “เลิกคิดเรื่องอื่น แล้วเชื่อฉัน เดินตามแผนนี้แหล่ะ ไป ไปซี้” พีระดันตัวน้ำค้างเข้าไปในรถ แล้วบอกให้น้ำค้างสบายใจ “เดี๋ยวฉันเคลียร์เรื่องปู่ให้เธอเอง เชื่อฉันสิ ฉันไม่ทำให้เธองานเข้าหรอกน่ะ” น้ำค้างพยักหน้าให้แล้วก็ขับรถออกไป พีระมองตามแล้วยิ้มและหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ “หึหึหึ เรียบร้อย แค่นี้หมอทัตก็แว่บมาหาโรซี่ไม่ได้ แถมยัยน้ำค้างก็ไม่อยู่ช่วยให้ตะวันจีบโรส แหม เรานี่มันฉล๊าดฉลาด”
พีระหันหลังกลับก็ต้องสะดุ้งตกใจที่เห็นชาญเดินมาใกล้ๆ ชาญมองไปทางรถน้ำค้างที่ขับออกไป
“รถนังน้ำค้าง มันขับออกไปไหนคุณรู้มั้ย”
พีระคิด จะตอบไงดี
“เอ่อ ไป…” ชาญใจร้อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดหาน้ำค้าง พีระรีบจับมือชาญไว้ “ไม่ต้องโทรตามหรอกครับ ผมรู้ว่าน้ำค้างไปไหน”
ชาญสนใจขึ้นมาทันที ในขณะที่พีระเบือนหน้าไปทางหนึ่งแล้วแอบยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

ตะวันเดินเข้ามาตามหาโรสรินเห็นแย้และคนงานกำลังทำงานแถวแปลงดอกไม้
“มีใครเห็นโรสรินมั้ย”
แย้และคนงานมองหน้ากัน แล้วแย้ก็เดินเข้ามาหาตะวันใกล้ๆ
“ไม่เห็นครับลูกพี่”
“หายตัวบ่อยแบบนี้ต้องติดGPSไว้ที่ตัวแล้ว”
“แม๊ พออยู่ต่อหน้าก็ไล่ให้กลับ แต่พอเค้าหายไปหน่อยล่ะก็ใจจะขาด” แย้แซว
“ไอ้แย้ เขยิบไปนิดนึง”
แย้เขยิบห่างไปนิด
“ทำไมอ่ะ”
“ฉันเตะไม่ถนัด” ตะวันเตะป๊าบเต็มก้นแย้ แย้กระเด็นหัวทิ่มไป “ฉันแค่จะตามตัวกลับไปทำงานเว้ย”
แล้วตะวันก็เดินออกไปทางหนึ่ง อุษาวดีเดินยิ้มเข้ามาหาพอดี ตะวันชะงักไปนิดหน่อย
“อุษาขอรบกวนเวลาคุณตะวันสักนิดนึงได้มั้ยคะ”
ตะวันพยักหน้าให้คำตอบ อุษาวดียิ้มพอใจ

หลังไร่ตะวันเป็นที่ดินเปล่าหลายไร่ มีแม่น้ำพาดผ่าน สวยงามมากๆ ตะวันและอุษาวดียืนมองอยู่
“เสียดายนะคะ คุณน่าจะหาทางทำให้พื้นที่ตรงนี้สร้างมูลค่าได้”
“เช่น”
“ทำรีสอร์ทก็น่าสนใจนะคะ พอดีว่าอุษากับพี่พีก็ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย แล้วทำเลนี้ก็สวยมาก อุษาอยากร่วมลงทุนด้วยถ้าคุณสนใจ”
“อย่าบอกนะครับว่าติดใจที่นี่เข้าแล้ว”
“แรกๆ ก็ไม่คิดว่าจะอยู่ได้ แต่พอนานเข้าที่นี่น่าอยู่มากนะคะ”
“แต่ว่ามันแตกต่างกับกรุงเทพมากนะครับ”
“เห็นด้วยค่ะ โดยเฉพาะคนที่นี่” อุษาวดีมองหน้าตะวัน “น่ารักกว่าตั้งเยอะ”
อุษาวดียิ้มให้ตะวัน วาจาสื่อความหมายทางอ้อม แต่สายตาเล่นกันตรงๆ เลย
“เอาเป็นว่าถ้าผมสนใจ ผมจะบอกนะครับ แต่ผมต้องขอตัวพายัยโรสกลับไปทำงานก่อน”
ตะวันจะเดินหนีไป อุษาดีรีบคว้าข้อมือไว้ มองตาตะวันอ้อนๆ
“ยัยโรสไม่หายไปไหนหรอกค่ะ คุณตะวันคะอุษาก็อยู่ที่สักพักแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครพาชมไร่ดอกไม้เลย ขอรบกวนคุณอีกตะวันอีกครั้งได้มั้ยคะ” ตะวันครุ่นคิด อยากไปตามตัวโรสรินมากกว่า “นะคะ นะ”
ในที่สุดตะวันก็พยักหน้ายิ้มน้อยๆ ให้แทนคำตอบ แล้วตะวันกับอุษาวดีก็เดินออกไป อุษาวดีหันหน้าไปทางหนึ่งแล้วทำมือ “โอเค” ตามแผน พีระแอบอยู่มุมหนึ่ง ทำมือ “โอเค” คืนให้อุษาวดี แล้วยิ้มอย่างพอใจ

โรสรินปาหินลงสระน้ำอย่างโมโหตะวันแล้วนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่อยู่ในโรงกล้วยไมเ
“ไม่หยุดใช่มั้ย”
โรสรินไม่พูดอะไรทั้งสิ้นเอาแต่ฉีดน้ำยาใส่หน้าตะวัน ตะวันปราดเข้าไปจับตัวล็อกจากด้านหลัง
“อ๊ายย ปล่อยนะ ปล่อยจะทำอะไรฉัน”
“สนุกมากใช่มั้ย สิ้นฤทธิ์ได้รึยัง”
“ไม่ ฉันไม่ยอมนายแน่ ปล่อยนะ ปล๊อยย”

“ไม่ยอมก็จะกอดไว้แบบนี้แหล่ะ ดูซิจะยอมมั้ย”

ตะวันกอดโรสรินแน่นขึ้น โรสรินมือไม้อ่อนทำที่ฉีดหลุดมือ หน้าตะวันกับโรสรินใกล้กันมากๆ สองคนมองตากันเกิดเคมีขึ้นมาเล็กๆ

โรสรินโยนหินลงสระอีก ปรี๊ดสุดๆ
“ตะวันบ้า ฉวยโอกาส คนทุเรศ”
โรสรินปาหินอีกครั้งอย่างโมโห แต่พีระดันพรวดหน้าเข้ามา
“ต๊ะเอ๋” พีระโดนหินปาใส่หัว “โอ๊ยยยย”
พีระทรุดไปกุมหัวที่พื้น
“อะไรของพี ตามโรสมาทำไม”
“โอ๊ยย จะชวนโรซี่กลับอีกน่ะสิ เลิกดื้อเถอะ อยู่ต่อไปก็จะโดนแต่นายตะวันแกล้ง มันเกลียดโรซี่จะตายไป อย่าทนเลย กลับเถอะนะ”
“โรสจะกลับ” พีระดีใจมากๆๆ
“ฮาเลรูย่า สุดยอด ไปเลยโรซี่ เดี๋ยวช่วยเก็บของ”
“โรสจะกลับไปทำงานต่อให้เสร็จ” โรสรินชี้หน้าพีระ “ไม่ต้องตามมา”
โรสรินเดินลิ่วออกไปเลย พีระอึ้งไป มองตามอย่างเซ็งสุดๆ

โรสรินเดินกลับเข้ามาในโรงกล้วยไม้ แล้วหยิบถังพ่นน้ำยาชีวภาพเอามาสะพายหลัง
“มีสติไว้โรสริน รีบทำให้เสร็จจะได้รีบกลับ” โรสรินพ่นน้ำหมักชีวภาพฆ่าเชื้อตามทุกมุม ทุกพื้นที่ของโรงกล้วยไม้ ในที่สุดก็เสร็จจนได้ “เรียบร้อย เหลือก็แค่ปลูกกล้วยไม้ทดแทน” โรสรินเดินออกมานอกโรงเรือน แล้วหันซ้าย ขวา มองหาตะวัน “หายหัวไปไหนอีกล่ะเนี่ย! ห๊า นายตะวัน”

ตะวันเดินพาอุษาวดีชมแปลงกุหลาบ อุษาวดีเดินใกล้ตะวันมากๆ แอบมองตะวันแล้วอมยิ้ม
“ไร่ตะวันส่งดอกกุหลาบมากที่สุดในจังหวัด นี่แค่ส่วนหนึ่งนะครับ”
อุษาวดีไม่สนใจในสิ่งที่ตะวันพูด เอาแต่มองหน้าตะวัน อุษาวดีเดินเหม่อๆ ดันสะดุดคันดินล้มลง ว๊ายยย อุษาวดีคะมำไป แล้วเจองูตัวหนึ่งเลื้อยผ่านเข้ามาใกล้ๆ หน้า
“ว๊ายยย” ตะวันรีบฉุดอุษาวดีให้ลุกขึ้น อุษาวดีกลัวมากกอดตะวันแน่น “ว๊ายยย มันไปรึยัง”
ตะวันหยิบไม้ที่ปักแปลงกุหลาบ เขี่ยๆ ออกไป งูเลื้อยหนีออกไป
“ปลอดภัยแล้วครับ มันไปแล้ว” อุษาวดียังกอดตะวันไว้แน่น หลับตาปี๋กลัวๆ ตะวันลูบหลังปลอบเบาๆ “ใจเย็นๆ ไม่ต้องกลัวนะครับ”
“นายตะวัน”
ตะวัน อุษาวดีหันขวับมองเห็นโรสรินเดินหน้ามุ่ยเข้ามา ตะวัน อุษาวดีอึ้ง ผละออกจากกัน
“โรส / ยัยโรส”
“อุษาอธิบายได้นะคะ”
“ไม่จำเป็น ฉันไม่อยากฟัง ฉันฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อที่โรงเรือนเสร็จแล้วรีบมาสอนฉันปลูกกล้วยไม้ซะที”
โรสรินมองตะวันอย่างเหวี่ยงๆ แล้วเดินหนีไป ตะวันทิ้งอุษาวดีแล้วรีบเดินตามโรสรินไปทันที อุษาวดียืนเหวอๆ อึ้งๆ งงๆ อยู่ตรงนั้น

โรสรินเดินลิ่วๆ ออกไป ตะวันเดินแซวแล้วไปขวางหน้าไว้
“ถ้าคุณโกรธที่ผมกอดคุณในโรงกล้วยไม้ ผมขอโทษ ก็แค่อยากให้คุณหยุดเกเร”
“หึ นายไปประกวดแข่งกอดผู้หญิงชิงแชมป์โลกเลยดีกว่ามั้ง”
โรสรินเดินหนีออกไปอีก ตะวันเดินขวางหน้าอีก
“แล้วเมื่อกี้ผมก็ไม่ได้ตั้งใจกอดคุณอุษาด้วย”
“มันก็เรื่องของนาย บอกฉันทำไม”
“อ้าว ก็แล้วคุณโกรธอะไรผม”
“ไม่ได้โกรธ”
“นี่ขนาดไม่โกรธ คุณคิดอะไรกับผมรึเปล่าเนี่ย” โรสรินอึ้งไปเลยกับคำถามนี้ “ว่าไง หรือว่าลึกๆ แล้วคุณคิดอะไรกับผม”
“ไอ้บ้า ใครจะไปคิดอะไรแบบนั้นกับนาย รีบไปสอนฉันปลูกกล้วยไม้ได้แล้ว”
“ปรี๊ดแตกขนาดนี้ สอนไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก ไปทำอารมณ์ให้เย็นก่อนมั้ย”
“ฮึ่ย”
โรสรินหงุดหงิดเดินไปที่รถ หยิบรีโมตกดเปิดแล้วจะเข้าไปในรถ ตะวันจับประตูขวางไว้
“อ้าวๆๆ จะไปไหน” ตะวันจับประตูขวางไว้ “หยุดความคิดไว้ตรงนี้เลย”
“เข้าเมือง ไปนวดสปาคลายเครียด”
“สปา คุณอย่ามาทำตัวไร้สาระ ผมไม่ชอบ”
“นายบอกให้ฉันทำอารมณ์ให้เย็นไม่ใช่เหรอ ถ้าฉันยังอยู่ ฉันได้ฆ่าคนแน่ๆ”
โรสรินผลักอกตะวันออกอย่างแรง แล้วรีบขึ้นไปในรถแล้วขับออกไปเลย ตะวันวิ่งตาม แต่ก็ได้แค่วิ่งตาม
“เดี๋ยวโรส โรส โธ่เว้ย จี๊ดอะไรของเค้าวะ”

รถโรสรินพุ่งมาตามถนนอย่างเร็ว โรสรินยังไม่หายโมโห
“อยู่ๆ มาหาว่าฉันคิดอะไรกับนาย ไอ้บ้า” โรสรินปรี๊ดสุดๆ เหยียบคันเร่งเต็มที่ พลันโรสรินก็เบรกเอี๊ยด “อ้าว แล้วเราจะจี๊ดส์เค้าทำไม ไม่ได้คิดอะไรก็ไม่เห็นจะต้องจี้ดส์นี่ โอ๊ย ยิ่งคิดยิ่งจี๊ดส์”

ที่บ้านตะวัน ชาญแทบจะเป็นลม แย้รีบรมยาดมยาหม่องให้
“หนูโรสจะหนีกลับกรุงเทพรึเปล่าวะเนี่ย”
“แล้วปู่จะกลุ้มทำไม ถ้าหนีกลับก็เข้าทางเลยนะ จะได้จัดงานแต่งงานเลยไง”
“เออว่ะ”
“นึกอยากจะนวดสปาอาบน้ำแร่แช่น้ำนมอะไรขึ้นมาตอนนี้ ช่างเหอะปู่ ไม่อยู่บ้างก็ดีเหมือนกัน ไร่ตะวันจะได้สงบสุขได้อีกหน่อย”
แล้วตะวันก็เดินเข้าบ้านไปเลย
“เฮ้ยๆๆ ไอ้ตะวัน ไปตามหนูโรสเค้ากลับมาสิวะ เว้ย ไอ้หลานบ้า”

ตะวันมีสีหน้าห่วงๆ หวั่นใจว่าโรสรินไปแล้วจะไม่กลับมาเหมือนกัน

กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 4 (ต่อ)

โรสรินขับรถในถนนเปลี่ยวละแวกป่า แต่แล้วจู่ๆ รถก็กระตุกๆ เหมือนยางรถมีปัญหา
 
“อะไรอีกเนี่ย”
โรสรินลงจากรถแล้วก็ต้องอึ้งที่เห็นยางรถเต็มไปด้วยตะปูเรือใบ โรสรินมองที่พื้นถนนก็เห็นตะปูเต็มไปหมด พลันมีรถมอเตอร์ไซค์สองคันพุ่งออกมาจากป่าข้างทาง โจรสามคนใส่หมวกไหมพรม ลงจากรถชักมีดขึ้นมาขู่ และล้อมรอบโรสรินไว้
“แก แก อย่านะ อย่า ช่วยด้วย”
“เฮ้ย อย่าร้อง อยากตายรึไง”
โรสรินเห็นพวกโจรเอาจริงก็ชักกลัวๆ
“ฟลุ๊กว่ะ รถหรูเว้ย ท่าจะรวยนี่น้องสาว”
“ใครน้องแก ฉันไม่มีพี่ชั่วๆ ช่วยด้วยยยย”
“บอกว่าอย่าร้อง ถ้ายังไม่ยอมเงียบ” โจรชูมีด “ฉันจะทำให้แกเงียบเอง”
โรสรินเงียบเสียงทันที ผงะถอยติดรถอย่างกลัวๆ โจรสามคนเขยิบเข้ามาประชิดใกล้ โรสรินไร้ทางรอด โรสรินหวาดกลัวที่ตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ

อาทิตย์กำลังวาดรูปดอกไม้อยู่ ชาญนอนให้อึ่งบีบนวด สายตาเหลือบมองไปทางตะวัน ตะวันถอนใจมองออกหน้าต่างอย่างเป็นกังวลขึ้นมา ชาญเดินเข้ามาสีหน้าร้อนใจไม่ต่างกัน
“นี่ตะวันจะตกดินแล้วนะเว้ย โทรไปถามสิวะว่าหนูโรสเค้าอยู่ไหน ทำอะไร”
“ผมยึดมือถือยัยโรสไว้น่ะสิปู่”
“นั่นไง เฮ้อ”
“พี่นางฟ้าไม่คุ้นถนนหนทาง จะตกเขาลงห้วยที่ไหนก็ไม่รู้ ถ้าเป็นห่วงก็ออกไปตามสิคะ เนอะ อาทิตย์ เนอะ”
อึ่งบอก อาทิตย์พยักหน้าให้หงึกๆ
“ใครว่าพี่ห่วง”
“ลูกผู้ชาย หลานไอ้ชาญ แน่จริงมันต้องปากกะใจตรงกันหน่อยสิว้า”
“อะไรปู่ แน่จริงก็พูดตรงๆ อย่าพูดลอยๆ สิ”
“หนอย ไอ้ข้าน่ะกล้าพูดอยู่แล้ว ว่าแต่เอ็งเหอะ กล้าฟังรึเปล่า” ตะวันอึ้งไป “หลอกคนอื่นน่ะไม่เท่าไหร่ แต่หลอกใจตัวเองน่ะ มันเจ็บปวดกว่ากันเยอะ เหอๆๆ”
ตะวันอึ้ง ก่อนจะปากแข็ง
“ปีนี้ปู่ท่าจะแก่ลงไปเยอะ ด้วยความเคารพ เริ่มพูดจาเลอะเทอะนะครับ”
“ไอ้เวร เดี๋ยวจะโดน” อาทิตย์เดินไปหาตะวัน แล้วจิ้มลงที่หัวใจของตะวัน อาทิตย์มองตาตะวันอย่างสื่อความหมาย “ว่าไง ตอบอาทิตย์มันสิว่าหัวใจเอ็งกำลังหลอกตัวเองอยู่รึเปล่า”
ตะวันอึ้งๆ ไป ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าลึกๆ แล้วห่วงโรสรินอยู่

ทางด้านโรสริน เธอคิดหาทางรอดขณะที่พวกโจรล้อมรอบอยู่
“น้องทั้งขาว ทั้งสวย แถมรวยอย่างนี้ ถ้าปล่อยไปพี่ก็คงเสียดายแย่”
“เฮ้ย อย่านะเว๊ย” โจรอีกคนบอก
“ดีมาก นับว่าโจรอย่างนายยังพอมีจรรยาบรรณอยู่บ้าง จะเอารถเอาเงินไปก็ตามใจ แต่อย่าทำอะไรฉันนะ”
“ใครไม่ทำก็โง่ดิ ฮ่าๆๆ”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่า พี่ห้ามไม่ให้ใครแอ้มน้องเพราะพี่ต้องการแอ้มเป็นคนแรกยังไงล่ะจ๊ะ”
โจรพุ่งเข้าฉุดโรสรินเลย โรสรินร้องลั่น
“บ้า ไอ้พวกบ้า ปล่อยฉัน ปล่อยช้านนน”
โรสรินพยายามดิ้นให้หลุดเงื้อมมือพวกโจรจอมหื่น

รถกระบะของตะวันพุ่งเร็วเข้ามาตามทาง ภายในรถเห็นว่าแย้นั่งข้างตะวันสีหน้าหวาดเสียวสุดๆ
“เบาๆๆ หน่อยลูกพี่ ไส้ติ่งไอ้แย้จะแตกแล้ว”
“เงียบ”
ตะวันตวาด แย้หุบปากสนิทก่อนจะบ่นอุบ
“โห เนี่ยนะไม่ห่วง” ตะวันตวัดสายตามองดุ แย้สะดุ้ง “แฮ่ ไม่พูด เงียบ”
ตะวันหันไปเหยียบมิด แย้หวาดเสียวต่อไป

โจรจับแขนโรสรินมองหื่นๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“ไอ้ทุเรศ ออกไป๊”
โรสรินตกใจชกสวนไปทันที แต่โจรคว้าหมัดโรสรินไว้ได้ พวกโจรหัวเราะสะใจ โรสรินตีเข่าเข้าช้างน้อยโจรแล้วถีบกระเด็น โจรล้มจุกแอ่ก โจรอีกสองคนปรี่เข้าหาโรสริน โรสรินตั้งท่าเตรียมพร้อมแบบเทควนโด
“หยุดตรงนั้นแหล่ะ” โรสรินอึกอักๆ แล้วโกหกแบบเนียนๆ “ฉันเป็นเทควนโดสายดำ”
โรสรินตัวสั่นๆ เพราะกลัวมาก โจรลุกขึ้นไปรวมกับพวก ทุกคนชักมีดขึ้นมา
“แต่พวกกูเป็นโจร”
พลันรถกระบะคันหนึ่งก็วิ่งเร็วเข้ามา ทุกคนหันไปมอง โรสรินได้จังหวะจะหนี โรสรินเตะดินใส่หน้าพวกโจรแล้วจะวิ่งหนี โจรคว้าแขนโรสรินไว้ได้ โรสรินตบๆๆ โจร โจรโมโหเหวี่ยงมือที่กำมีดออกไป โรสรินหลบไม่พ้นโดนที่แขน เลือดไหลออกมา
“โอ๊ยยย”
เดชา ล่ำ แหลม ลงมาจากรถกระบะ
“เดชา ช่วยฉันด้วย”
เดชา ล่ำ แหลม ปรี่ไปถีบพวกโจร เกิดการตะลุมบอนกัน แต่พวกโจรสู้ไม่ได้ โดนอัดยับ ไม่นานนักพวกโจรทั้งสามคนก็นอนสลบอยู่ที่พื้น
“พวกโจรกระจอกต่างถิ่นน่ะครับ” เดชาบอกแล้วเห็นเลือดที่แขนโรสริน ก็จับแขนดูบาดแผล “คุณโรส ไปหาหมอนะครับ”
พลันรถตะวันพุ่งเข้ามาพอดี ตะวัน แย้ รีบลงจากรถ ตะวันอึ้งไปที่เห็นเดชาจับแขนโรสรินและเห็นเลือดไหลออกจากแขนโรสริน ตะวันอึ้ง ห่วงมาก
“แกทำอะไรคุณโรส ไอ้เดชา”
ด้วยความตกใจและห่วงโรสรินจนขาดสติยับยั้ง ตะวันปราดเข้าไปถีบและชกเดชาล้มคว่ำ ล่ำ แหลม ตกใจที่เห็นลูกพี่โดนทำร้ายก็ปรี่เข้าไปจะอัดตะวัน แต่โรสรินรีบเข้าไปขวางห้ามไว้
“หยุดนะ จะบ้ารึไง เดชาเค้าช่วยฉันไว้”
ตะวันกับแย้ถึงกับอึ้ง โรสรินเข้าไปประคองเดชา เห็นว่าเดชาเลือดกบปาก
“อยู่ๆ ก็คลั่งเป็นหมาบ้า แหกตาดูซะ โน่น”
ตะวันกับแย้หันไปมองเห็นโจรสามคนนอนสลบเหมือดอยู่ โรสรินเห็นเดชาเจ็บก็ดูแลอย่างเป็นห่วง
“นายมันบ้า ยุ่งไม่เขาเรื่อง”

โรสรินต่อว่าตะวัน เดชาแอบหันมายิ้มเยาะเย้ยตะวัน ตะวันกำหมัดแน่นอย่างโกรธๆ

โรสรินเดินมาส่งเดชาที่ทำเป็นเจ็บถึงที่รถ ตะวัน แย้มองอย่างหมั่นไส้
“แม๊ มันสมบทบาทจริงๆ ยกตุ๊กตาทองดารานำฝ่ายชายให้เลย” แย้กระซิบกับตะวัน
“ขอบใจอีกครั้งที่ช่วยฉัน แล้วก็...” โรสรินปรายตามองตะวัน “ขอโทษแทนคนบางคนด้วยที่ทำตัวเป็นหมาบ้า”
“หวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ คุณคงมองผมดีขึ้นบ้างนะครับ” โรสรินอึ้งๆ ตะวันมองไม่พอใจ เดชามองตะวัน “อาจจะมีใครบางคนไม่ชอบหน้าผม ใส่ร้ายผม แต่ผมไม่เคยคิดร้ายกับใคร โดยเฉพาะคุณ” เดชากำลังจะเข้าไปในรถ แต่พลันนึกอะไรขึ้นได้ “คุณติดหนี้ผมอีกครั้งแล้ว ไม่ต้องชดใช้ ผมขอแค่คุณยอมให้ความเป็นเพื่อนกับผม ได้มั้ยครับ”
โรสรินอึ้ง ตะวันอึ้ง โรสรินนิ่งคิดครู่หนึ่ง หันไปเหล่ตะวันเห็นตะวันจ้องอยู่แล้วทำเฉไฉเมินไปก็เลยหมั่นไส้ หันไปยิ้มน้อยๆ พยักหน้าให้เดชา เดชายิ้มพอใจแล้วขึ้นรถ ล่ำขับรถออกไป ตะวันปราดไปใกล้โรสริน
“คุณจะหาเรื่องไปถึงไหน อยู่ดีไม่ว่าดี นึกยังไงจะไปเป็นเพื่อนกับมาเฟีย”
“ก็ถ้าฉันไม่ได้มาเฟียคนนี้มาช่วย มัวแต่รอพระเอกอย่างนาย ป่านนี้ฉันคงตายเป็นผีเฝ้าป่าไปแล้วล่ะยะ พ่อพระเอก”
“แต่ว่า”
“โอ๊ย”
โรสรินเจ็บแผล ตะวันเลิกตอแยเป็นห่วงโรสรินมากว่า เข้าไปจับแขนโรสรินที่เลือดโชก ดูบาดแผล
“เจ็บมากมั้ย” ตะวันถามอย่างเป็นห่วง
“ยังจะถาม ก็ลองเอามีดมากรีดแขนนายดูสิ จะได้รู้ว่าเจ็บรึเปล่า”
ตะวันส่ายหน้าขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง
“ฉันจะพาคุณโรสรินไปหาหมอ ขับรถคุณโรสกลับไร่ด้วย” ตะวันหันไปสั่งแย้
“จัดให้คร๊าบ เป็นวาสนาบั้นท้ายไอ้แย้แท้ๆ ได้นั่งรถหรูๆ แล้วเว้ย”
“ไม่ต้อง ฉันขับเองได้”
“เจ็บขนาดนี้ยังอวดเก่งอีก ดูสารรูปตัวเองซะบ้าง” ตะวันลากแขนโรสรินไปที่รถกระบะของตัวเอง เปิดประตูแล้วดันโรสรินขึ้นรถไป โรสรินขืนไว้ ตะวันดันเข้าไปในรถ “ขึ้นไป หรือจะให้อุ้ม”
โรสรินโดดขึ้นรถทันทีแถมด่า
“ไอ้บ้า”
ตะวันส่ายหน้าอย่างเหนื่อยแล้วก็ขึ้นฝั่งคนขับแล้วขับออกไปทันที

ที่โรงพยาบาล โรสรินร้องลั่น
“ไม่นะ ฉันไม่เย็บ” โรสรินเบะปากจะร้องไห้ “ไม่นะๆๆ”
ตะวันยืนอยู่กับหมอกิตติทัต
“ไม่เย็บได้ไง แผลลึกอยู่นะ เหยินนะ”
“ไม่เย็บ จะเป็นจะตายยังไงฉันก็ไม่เย็บ” โรสรินร้องไห้ออกมา “แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าเหยินได้แล้ว โฮๆ”
กิตติทัตปลอบโรสรินลูบแขนขึ้นลงเบาๆ โรสรินเองก็ไม่ถือตัวเอาแต่ปล่อยโฮฮั่กๆ
“โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะเหยินนะ”
ตะวันเห็นความสนิทและใกล้ชิดระหว่างโรสรินกับกิตติทัตก็ถึงกับหน้าสลดไป โรสรินพาลใส่ตะวัน
“เพราะนาย เพราะนายคนเดียวพาฉันมาหาหมอทำไม ถ้าไม่พามาฉันก็ไม่ต้องโดนเย็บแล้ว อีตาบ้า โฮๆ”
“เอ๊า ซวยอีก แล้วไง ไม่พามาแล้วจะปล่อยให้แผลเหวะอยู่งี้เหรอ”
“เออ เหวอะก็เหวอะ”
ตะวันจะเถียงต่อ แต่กิตติทัตแทรกขึ้นเซ็งๆ
“เอ้า จะเถียงกันก่อนมั้ย จะได้ไปดูคนไข้คนอื่นก่อน” ตะวัน โรสริน มองหน้ากันเคืองๆ “เอาไง”
“เย็บ / ไม่” ตะวันกับโรสรินพูดพร้อมกัน
“เอ๊ะ นี่”
ทั้งคู่พูดพร้อมกันอีกและทำท่าจะเถียงกันอีก กิตติทัตรีบห้ามศึก
“หยุด ในฐานะที่ผมเป็นกรรมการ เอ๊ย เป็นหมอ ขอตัดสินว่าต้องเย็บ”
ตะวันยิ้มแฉ่ง ส่วนโรสรินปล่อยโฮ

กิตติทัตใส่ถุงมือเตรียมตัว โรสรินนอนตะแคงอยู่บนเตียง ตะวันยืนอยู่ข้างๆ มีพยาบาลผู้ช่วยคนนึง
“ทำไม ทำไมชีวิตฉันมันถึงโชคร้ายต้องมาเจออะไรอย่างนี้ ฮือๆ คุณปู่ขา โรสอยากกลับบ้าน”
โรสรินร้องไห้ ตะวันเห็นโรสรินเหมือนเด็กอดสงสารไม่ได้
“เจ็บมั้ยอ่ะหมอ” กิตติทัตขำ
“โธ่ ทำยังกะไม่เคยหัวแตกนะคุณตะวัน”
“ก็ เรามันผู้ชาย แต่ผู้หญิงเค้าจะเจ็บมั้ย”
“เจ็บสิยะ ตาบ้า เข็มนะยะ ไม่ใช่สำลีปั่นหู”
โรสรินแหวขึ้นมา สองหนุ่มมองหน้ากัน
“สบายๆ นะครับ นิดเดียว รับรองแผลสวย” กิตติทัตบอก โรสรินจ้องหน้าตะวัน
“โฮ นาย เพราะนายคนเดียว”
ตะวันถอนใจเซ็ง
“เย็บปากด้วยได้มั้ยหมอ”
โรสลินผลุดจะลุกขึ้น
“ไอ้บ้า”
พยาบาลจับดันตัวโรสรินลง
“อยู่เฉยๆ นะคะ”
โรสรินชี้หน้าอาฆาตตะวัน ตะวันอมยิ้ม
“เอานะ นิ่งๆ นะ”
กิตติทัตลงมือเย็บแผล
“โอ๊ยยยย”
โรสรินร้องลั่น ตะวันโผเข้าจับมือโรสริน โรสรินคว้ามือตะวันบีบแน่น ตะวันมองอย่างห่วง โรสรินหลับหูหลับตาร้อง กิตติทัตเหลือบมองสองคน

หลังจากเย็บแผลเสร็จกิตติทัตนั่งลงคุยกับโรสริน
“ไง คนเก่ง ไม่เจ็บเลยเห็นมะ”
“มาก ไม่เจ็บมากกกก” โรสรินประชดหน้าเซียว กิตติทัตเซ็นสั่งยา
“เอายาแก้ปวด, แก้อักเสบไปทานแล้วก็ล้างแผล รักษาความสะอาดให้ดี ไม่กี่วันก็โอเคแล้ว”
“ขอบคุณมากนะครับหมอ”
“ด้วยความยินดี”
“ไป กลับบ้าน ไหวมั๊ย” ตะวันจะประคอง โรสรินสะบัดตัว
“ไม่ต้องยุ่ง โอ๊ย”
“ไงล่ะ เก่งเหลือเกิน”
“ไหนๆ ก็มาแล้ว เย็บปากอีตานี่ให้หน่อยได้มั้ยคุณหมอ”
“ไม่ได้หรอก ขืนเย็บปากคุณตะวันแล้วจะเหลือใครไว้คอยเถียงกับโรสล่ะ จริงมั้ย”
กิตติทัตมองสองคนแบบแซวๆ สองคนกลบเกลื่อน
“เอ้า จะกลับก็รีบกลับสิยะ จะรอให้แก่รึยังไง” โรสรินแว๊ดใส่ตะวัน
“เนี่ย ปาก ไปๆๆ”
โรสิรนกับตะวันพากันเดินออกไป กิตติทัตยิ้มมองตามไป
“อิฉันว่าคู่นี้มีกลิ่นนะคะคุณหมอ” พยาบาลบอก
“ไปทำงาน”
“แฮ่! ค่ะ” กิตติทัตอมยิ้ม แล้วสะดุ้งเพราะพยาบาลโผล่มา “ก๊อกๆๆ”
“อะไรอีกล่ะ มีเคสด่วนเหรอ”
“ก็คิดว่านะคะ น่าจะด่วนพิเศษซะด้วย”

กิตติทัตงงๆ

เย็นวันนั้นที่บ้านตะวัน ชาญตกใจมาก
“ห๊า หนูโรสถูกโจรแทง”
ชาญจะเป็นลมล้มพับ ตะวันประคองไว้ได้ทัน อึ่งรีบพัดวีให้ชาญ อาทิตย์กำลังวาดรูประบายสีไร่ตะวันอยู่ มีบ้าน มีตะวัน ปู่ชาญ น้ำค้าง อาทิตย์มองชาญแบบห่วงๆ
“แผลใหญ่กว่าแมวข่วนนิดเดียวเอง ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”
“ลางสังหรณ์ปู่เป็นแม่นจริงๆ หนึ่งปีนับแต่นี้ แกอย่าให้หนูโรสคลาดสายตาอีกนะเว้ยปู่เสียว”
ชาญสั่งเฉียบขาด ตะวันส่ายหน้ายิ้มๆ กับอาการของชาญ อึ่งคิดแล้วนึกออก
“เอ๊ะ เดี๋ยวๆๆ แต่ถ้าพี่นางฟ้าชดใช้แปลงกล้วยไม้ให้พี่ตะวันเสร็จแล้ว พี่นางฟ้าเค้าจะยอมอยู่ต่อเหรอคะ”
ตะวันที่ยิ้มๆ อยู่ถึงกับคลายรอยยิ้มลง
“จะยอมหรือไม่ยอม ก็ต้องอยู่” ชาญบอก
“แต่ถ้าเค้าไม่มีใจที่จะอยู่ ผมว่าถึงรั้งไว้ได้ก็คงอีกไม่นาน”
“ถ้าแกกับหนูโรสไม่เชื่อในคำสัญญาศักดิ์สิทธิ์ของปู่ก็ให้มันรู้ไปสิเว้ยเฮ้ย”
“สัญญาศักดิ์สิทธิ์ หรือบังคับใจกันแน่ครับปู่”
ชาญตบบ่าตะวันยิ้มให้
“ไม่ได้บังคับ เค้าเรียกว่าความหวังดี”
ตะวันรู้สึกหวั่นๆ ใจไปเหมือนกัน เพราะรู้ว่าโรสรินคงอยู่อีกไม่นานแน่

ในสวนของโรงพยาบาล กิตติทัตนั่งที่โต๊ะม้าหินเปิดปิ่นโต น้ำค้างนั่งเขินๆ อายๆ อยู่ข้างๆ กับข้าวที่น้ำค้างทำให้อยู่ในปิ่นโตดูน่ากิ๊นน่ากิน น้ำค้างยิ้มให้กิตติทัตอย่างอายๆ
“สุดฝีมือน้ำค้างเลยนะคะ”
กิตติทัตหันมองน้ำค้าง ยังไม่หายสงสัย
“น้ำค้าง หมอเป็นคนตรงไปตรงมา รู้ใช่มั้ย” น้ำค้างพยักหน้าให้แทนคำตอบ แต่ก็ไม่รู้ว่ากิตติทัตจะสื่ออะไรอีก
กิตติทัตมองตาน้ำค้าง อยากรู้ “น้ำค้างคิดอะไรกับหมอรึเปล่า”
น้ำค้างกำลังปอกส้มอยู่ถึงกับทำส้มหลุดมือ น้ำค้างอึ้ง อึกอัก หลบตา
“ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะคะ”
“อยู่ๆ มีผู้หญิงทำปิ่นโตมาให้ บอกว่าตั้งใจสุดฝีมือ ถ้าถามใครๆ เค้าก็คงคิดว่าผู้หญิงคนนี้ทำมาให้แฟน” กิตติทัตมองตาอย่างอยากรู้
“เปล่านะ ก็แค่ แค่ น้ำค้างอยากตอบแทนหมออีกครั้ง ที่หมอช่วยทำแผลนายพีระ แขกของไร่ตะวันไงคะ หมอคิดอะไรก็ไม่รู้ ไม่อยากทานก็ไม่เป็นไรค่ะ”
น้ำค้างทำท่าจะเก็บปิ่นโต แต่กิตติทัตรั้งจับมือไว้ก่อน
“เดี๋ยว” กิตติทัตรู้สึกตัวก็ปล่อยมือ “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมาก ไม่เกรงใจแล้วนะ” กิตติทัตกินกับข้าวที่น้ำค้างทำมาให้ “อร่อยมาก มาเป็นแม่ครัวที่นี่เลยดีกว่ามั้ง”
กิตติทัตกินอย่างอร่อย น้ำค้างแอบมองเขินๆ มีความสุข

ตะวันเดินเข้ามาที่หลังบ้านเห็นน้ำค้างล้างปิ่นโต หน้าตาน้ำค้างมีความสุขเหลือเกิน ตะวันมองอยู่ครู่หนึ่ง สงสัยที่เห็นน้ำค้างยิ้มเคลิ้มๆ ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“หายไปไหนมาทั้งวัน”
ตะวันทักขึ้นมา น้ำค้างชะงักไป แต่พยายามกลบเกลื่อน
“ไปธุระน่ะ”
“ธุระอะไร”
“โอ๊ย จะจับผิดอะไรกันเนี่ยพี่ตะวัน”
น้ำค้างรีบเช็ดทำความสะอาดปิ่นโต เก็บเข้าที่แล้วเดินหนีไปแต่ตะวันรั้งไว้
“เดี๋ยว ทำปิ่นโตไปให้ใคร” ตะวันถามเพราะสงสัย น้ำค้างอึกอัก
“แล้วอยากรู้ไปทำไม”
“ตอบให้ตรงคำถาม” น้ำค้างอึกอักไม่รู้จะตอบยังไง ตะวันยิ่งเร่งเร้า เข้าประชิดตัวกดดันไม่ให้น้ำค้างหนี “ว่าไง? ทำปิ่นโตไปให้ใคร”
น้ำค้างอึกอัก บอกไม่ได้
“น้ำค้าง ไป ไป เอ่อ ไป”
ตะวันยิ่งมองอย่างกดดัน
“น้ำค้างมันทำปิ่นโตไปให้หมอทัต”
ชาญบอก สองพี่น้องหันไปมองชาญ น้ำค่างถึงกับช็อก
“ปู่รู้ได้ไงคะ”
“หมอกิตติทัต” ตะวันพึมพำ
น้ำค้างอึกอัก กลัวๆ
“น้ำค้างขอโทษ”
“ขอโทษทำไม ก็แค่ทำกับข้าวไปให้หมอลองชิม ถ้าอร่อยจะได้รับจ๊อบทำปิ่นโตส่งหมอกับพยาบาล เจ้าพีระมันบอกปู่หมดแล้ว”
น้ำค้างอึ้งที่เรื่องกับตาลปัตรแบบนี้ เข้าทางก็เลยเนียนไป
“น้ำค้างกลัวปู่กับพี่ตะวันดุเอาที่แอบไปทำแบบนี้ ก็แค่อยากลองทำธุรกิจเล็กๆ ดูบ้าง”
“ใครจะไปดุเล๊า ไม่ได้แอบไปทำเรื่องไม่ดีซะหน่อย”
“แล้วไป นึกว่า...” ตะวันบีบจมูกน้อง “น้องสาวพี่บุกไปจีบหมอทัตซะอีก”
“บ้าเหรอพี่ตะวัน ใครจะทำแบบนั้น”
น้ำค้างสะบัดหน้าเดินงอนๆ ออกไป ตะวันส่ายหัวมองเอ็นดู น้ำค้างเดินห่างออกไป หยุดลอบถอนใจอย่างโล่งอก

พีระโวยวาย อารมณ์พุ่งปรี๊ดเพราะเป็นห่วงโรสรินมากๆ
“นี่ถ้าคุณปู่ณรงค์รู้เรื่องนี้ล่ะก็ ไร่ตะวันต้องพังราบเป็นหน้ากลองแน่ๆ” พีระหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “โทรเลย”
พีระจะกดโทรออก โรสรินสั่งเสียงเฉียบขาด
“อย่า ถ้าฟ้องปู่ ก็ไม่ต้องอยู่ให้โรสเห็นหน้าอีก ไปเลย”
พีระอึ้งไปเลย
“โรซี่ โรซี่เกือบต้องตายเพราะไอ้ตะวันไม่ดูแลนะ”
“โรสมีแผลแค่นิดเดียวเอง พีห้ามฟ้องคุณปู่นะ โรสไม่อยากให้ปู่ห่วง”
ตะวันเดินผ่านมาได้ยินเสียงดังก็หลบมุม แอบมอง
“แต่พี่ต้องฟ้อง ฟ้องให้ท่านรู้ความจริงว่าท่านจะฝากชีวิตโรซี่ไว้กับนายตะวันไม่ได้” ตะวันอึ้งๆ ไป พีระหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ “อย่าห้ามพีเลย พีขอร้อง” คราวนี้โรสรินกระชากโทรศัพท์ของพีระมาถือไว้ ไม่ยอมให้โทร “ทำไมล่ะโรซี่ ทำเหมือนไม่อยากกลับบ้านอย่างนั้นแหล่ะ หรือว่าโรซี่รักนายตะวันเข้าแล้วรึไง”
ตะวันชะงักลุ้น โรสรินเองก็ชะงักไป
“งี่เง่าแล้วนะ พูดอะไรบ้าๆ ชาตินี้ชาติหน้า โรสก็ไม่หน้ามืดรักอีกตาตะวันขี้เต๊ะนั่นหรอก”
ตะวันจ๋อย พีระเดินเข้าใกล้โรสริน กดดัน
“ถ้างั้นสัญญาได้มั้ยว่าทำแปลงกล้วยไม้ของนายตะวันเสร็จโรซี่จะกลับทันที ไม่มีข้อยกเว้น กล้าสัญญารึเปล่า”
โรสรินอึกอักครุ่นคิด ตะวันมองอย่างลุ้น
“สาบานเลยก็ได้ ชัดแล้วใช่มั้ย พอใจรึยัง”

โรสรินเดินหงุดหงิดออกไป สีหน้าตะวันเศร้าๆ ไป ใจหายบอกไม่ถูก

ตะวันเดินถือถาดน้ำยาล้างแผล ผ้าก๊อซและครีมสมุนไพรเข้ามาที่หน้าประตูห้องโรสริน ตะวันตัดสินใจวางถาดลงที่หน้าห้อง
“หายไวๆ นะโรสริน” ตะวันเดินออกไป แต่ก็ชะงัก “วางไว้หน้าห้องแล้วยัยโรสจะรู้มั้ยเนี่ย” ตะวันเดินกลับเข้าไปที่หน้าห้องอีกครั้ง กำลังจะเคาะประตูห้องแต่ชะงัก “ถ้ารู้ว่าเอามาให้ เดี๋ยวเกิดคิดว่าเราชอบจะทำไงวะ” ตะวันตัดสินใจเคาะประตูห้อง ก็อกๆ แล้วรีบวิ่งหลบมุมแอบมอง “มัวทำอะไร ทำไมไม่ออกมา”
โรสรินกอดอกมองอยู่มุมหนึ่ง เดินเข้ามาหาจากด้านหลังตะวันแล้วสะกิด ตะวันเอะใจหันมา ก็ตกใจ เสียอาการเล็กน้อย
“มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่ที่นายถือถาดใส่ยาทำแผลมาให้ฉัน ไม่เห็นต้องทำฟอร์มเป็นอะไรมากมั้ย” ตะวันทำตัวทำหน้าไม่ถูก แกล้งหาวจะเดินออกไป “เดี๋ยว”
ตะวันชะงักหันมา
“มีอะไรอีก”
โรสรินทำเชิ่ด ทั้งที่ในใจอยากจะบอกขอบคุณ
“เก๊าะ ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยต้องทำแผลเองซักครั้ง”
ตะวันส่ายหน้า แต่อดดีใจไม่ได้

ตะวันกับโรสรินนั่งที่แคร่หน้าบ้าน ตะวันใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์กำลังจะเช็ดแผลให้โรสริน โรสรินร้องลั่น
“เดี๋ยววว”
ตะวันชะงักมือ
“อะไรเล่า ตกใจหมด”
“ขอเวลาฉันทำใจก่อน”
“มัวแต่ลีลา”
“ขอตั้งสตินิดนึงสิ คนมันไม่เคย”
โรสรินยังพูดไม่ทันจบคำ ตะวันรำคาญแปะสำลีลงที่แผลโรสริน โรสรินร้องจ๊ากลั่นบ้าน
“อ๊ายยย ไอ้ตะวันบ้า บอกว่าขอทำใจก่อนไงเล่า โอ๊ยยย แสบๆๆ”
โรสรินตีตะวันยกใหญ่ เพี๊ยะๆๆๆ
“โอ๊ยยย คุณนี่ อดทนหน่อยสิ”
ตะวันจับมือทั้งสองข้างของโรสรินไว้มองตาใกล้ๆ สองคนจ้องตากัน หน้าเริ่มใกล้ๆๆ แต่แล้วโรสรินได้สติก่อน
“อ่ะ ฉัน ฉันทำใจได้แล้ว พร้อมแล้ว”
ตะวันได้สติล้างแผลและทำแผลให้โรสรินต่อ โรสรินเบ้หน้าแสบแผล ตะวันเป่าให้ แล้วตะวันก็เห็นโรสรินน้ำตาไหล
“แค่นี้ก็ร้องไห้” ตะวันเช็ดน้ำตาให้ “ขี้แยไปได้ ร้องไห้ไม่สวยนะ รู้เปล่า”
โรสรินแอบอึ้ง อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ตะวันทำแผลให้โรสรินอย่างตั้งใจและทาครีมสมุนไพรให้และติดผ้าก๊อซให้ โรสรินมองตะวันที่ช่วยดูแลอย่างตั้งอกตั้งใจ รู้สึกหวิวๆ ยอมให้ทำแผลไม่พยศอีกเลย

คืนนั้นขณะที่ตะวันนอนอยู่บนเตียง ตะวันคิดถึงตอนที่ทำแผลจ้องตากับโรสรินแล้วอมยิ้มจากนั้นหน้าจ๋อยเมื่อคิดถึงตอนที่โรสรินคุยกับพีระ
“ชาตินี้ชาติหน้าโรสก็ไม่หน้ามืดรักอีตาตะวันขี้เต๊ะนั่นหรอก”
พีระเดินเข้าใกล้โรสริน กดดัน
“ถ้างั้นสัญญาได้มั้ยว่าทำแปลงกล้วยของนายตะวันเสร็จโรสจะกลับทันที ไม่มีข้อยกเว้น กล้าสัญญารึเปล่า”
โรสรินอึกอักครุ่นคิด ตะวันมองอย่างลุ้น
“สาบานเลยก็ได้ ชัดแล้วใช่มั้ย พอใจรึยัง”
ตะวันถอนหายใจเฮือก ลุกขึ้นนั่ง
“เค้าจะอยู่หรือว่าไป มันก็เรื่องของเค้า จะคิดทำไมวะ”

โรสรินนั่งเปลยวนแหงนมองดาวอย่างเหงาๆ ครุ่นคิดอะไรๆ ตามลำพัง ตะวันเดินเข้ามาพอดีก็ชะงักจะเดินหนี แต่โรสรินเห็นตะวันเข้าพอดี โรสรินหันไปเห็นตะวันก็รีบปาดน้ำตา
“มีธุระอะไร”
“เปล่า ผมนอนไม่หลับ อ้อ แล้วไอ้ที่ที่คุณนั่งอยู่น่ะ มันก็เป็นที่ดูดาวส่วนตัวของผม” โรสรินขยับจะลุก “ไม่ต้องหรอก ผมไปเอง”
ตะวันจะเดินออกไป โรสรินถามโดยไม่มองหน้า
“นานแค่ไหนฉันถึงจะได้กลับ”
ตะวันชะงัก หันมา
“ถ้าคุณเพาะกล้วยไม้กว่าจะโต ก็ไม่ต่ำกว่าหกเดือน”
โรสรินหันมองหน้าขวับ
“หกเดือน”
ตะวันเห็นโรสรินตกใจเหมือนไม่อยากอยู่ก็แอบน้อยใจ เลยพูดประชด
“ไม่ต้องรอขนาดนั้นก็ได้ แค่เพาะเมล็ดในขวดเสร็จก็เชิญคุณไปได้เลย” โรสรินของขึ้น
“ไม่ต้องไล่ฉันหรอกย่ะ ทำยังกะอยากจะอยู่ตายล่ะ ใครจะอยากอยู่ แหวะ”
“ก็เออสิ ใครเค้าอยากให้อยู่ คุณหนูจอมจี๊ดขนาดนี้”
“แล้วตัวเองล่ะ ไอ้ ไอ้ ไอ้ผู้ชายปากจัด กัดยังกะหมาบ้า คอยดูนะ ถ้าฉันเพาะกล้วยไม้ให้นายเสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะรีบไปจากที่นี่ทันที คอยดู๊”
โรสรินวิ่งออกไป ตะวันใจหายวาบ นึกเจ็บใจ ตบปากตัวเอง
“นี่แน่ะ ไอ้ตะวัน จะปากจัดทำไมวะ”

ตะวันเซ็งสุดๆ

กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 4 (ต่อ)

อาทิตย์นั่งระบายสีอยู่เป็นรูปบ้านและเขียนว่า “ไร่ตะวัน” มีโคมไฟส่องสว่าง โรสรินเดินจี๊ดส์เข้ามาเห็นอาทิตย์นั่งระบายสีก็มองๆ แล้วเดินเข้าไปหา

“นายติสต์ มานั่งทำอะไรตรงนี้ มืดจะตายเดี๋ยวสายตาก็เสียหรอก” โรสรินนั่งลงข้างๆ “วาดรูปอะไรน่ะ อ๋อ ไร่ตะวัน สวยเหมือนกันนี่” โรสรินเห็นอาทิตย์ระบายสีท้องฟ้าสีหม่นๆ “นายติสต์ฉันว่าท้องฟ้าสีมันเศร้าไปนะ เติมสีให้สดใสกว่านี้ดีกว่า นี่ ฉันช่วย”
โรสรินบีบหลอดสีฟ้าใส่ในจานสี ผสมน้ำ แล้วช่วยระบาย อาทิตย์มองๆ แต่ไม่ได้แสดงความรู้สึก
“เป็นไง สดใสกว่าเดิมตั้งเยอะ สวยเนอะ”
อาทิตย์ก็ยังไม่แสดงความรู้สึกอยู่ดี อาทิตย์หันไประบายสีต่อ
“นี่ชีวิตนี้จะยิ้มกับเค้าบ้างเป็นมั้ย นี่ ฉันพอรู้มานะว่านายเป็นเด็กกำพร้า” โรสรินตัดสินใจพูด อาทิตย์ชะงักหยุดระบายสี “ฉันไม่รู้ว่าที่นายเศร้าจนไม่พูดไม่จาเพราะเรื่องนี้รึเปล่า แต่ฉันอยากบอกว่าฉันก็กำพร้าทั้งพ่อทั้งแม่เหมือนกัน”
อาทิตย์หันมองหน้าโรสรินอย่างสนใจ
“แต่ฉันก็ยังมีความสุข ฉันยังยิ้มได้ เพราะฉันมีคุณปู่ที่รักฉันมาก ฉันไม่เคยรู้สึกว่าฉันขาดครอบครัวเลย นายก็เหมือนกัน มีทั้งปู่ชาญ น้ำค้าง อึ่ง แย้ แล้วก็อีตาบ้าตะวัน ครอบครัวนายอบอุ่นจะตายไป ยิ้มหน่อยน่า”
อาทิตย์สีหน้ายังนิ่งๆ แต่รู้สึกผ่อนคลาย
“ฉันบอกให้ยิ้มไง ยิ้ม ยิ้มเดี๋ยวนี้”
อาทิตย์กลัวๆ ยิ้มแหยๆ ให้ โรสรินยิ้มออก
“ก็แค่เนี้ย เล่นตัวอยู่ได้ ไปแล้วนะ แล้วอย่าวาดรูปตรงนี้นานนักล่ะ เดี๋ยวสายตาเสียเข้าใจมั้ย”
แล้วโรสรินก็เดินออกไป อาทิตย์มองตาม สีหน้าและแววตามองโรสรินอย่างเริ่มประทับใจ

เช้าวันใหม่ น้ำค้าง อาทิตย์ อึ่ง แย้ วางของไหว้ศาลพระภูมิ ชาญพนมมือกับธูปสีหน้ามุ่งมั่นเอาจริงมากๆ ทุกคนหันมามอง
“พระภูมิเจ้าที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้โปรดช่วยอวยชัยอำนวยพรปัดเป่าภัยพาลทั้งหลายทั้งปวงและดลบันดาลให้หนูโรสและไอ้ตะวันหลานกระผม เลิกโกรธเกลียดชังให้แปรเปลี่ยนเป็นความรักด้วยเถิ๊ดดด พ้วงงง”
ชาญปักธูปลงกระถาง น้ำค้าง อาทิตย์ อึ่ง แย้ ส่ายหน้ามองขำๆ
“โห ถึงกับต้องพึ่งไสยศาสตร์แล้วเหรอปู่”
“โอ๊ย! พระภูมิท่านไม่ว่างมาจับคู่รักให้หร๊อก”
“มันก็ไม่แน่หรอกเว้ย”
พลันเสียงพีระดังโวยวายขึ้นจากทางหนึ่ง
“ห๊ะ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลยเหรอ โธ่เว้ย”
ทุกคนหันขวับไปมองทางเสียงนั้นเป็นสายตาเดียว

พีระคุยโทรศัพท์สีหน้าอยากตายสุดๆ อุษาวดีเองก็เครียดไม่ต่างกัน
“เลื่อนแผนงานออกไปก่อน ไม่เกินเดือนนี้ผมก็จะกลับอยู่แล้ว โธ่ ยังไงก็ไม่ได้เลยใช่มั้ย” พีระถอนใจเครียด “เดี๋ยวผมจะให้คำตอบ”
“ไม่ต้องคิดแล้วพี่พี ถ้าเราปล่อยงานนี้ไป เราเสียหายหลายล้านนะ ตอนนี้เอาธุรกิจไว้ก่อน เรื่องยัยโรสคงต้องเอาไว้ทีหลัง”
“แต่ถ้าโรซี่เพาะกล้วยไม้เสร็จพี่จะได้หาเรื่องพาตัวกลับเลย เดี๋ยวก็มีใครถ่วงเวลาอีก โรซี่จะอยู่ที่นี่นานๆ ไม่ได้ พี่กลัว ถ้าเกิดชอบตะวันขึ้นมาล่ะ”
ชาญกับน้ำค้างเดินเข้ามา ชาญยิ้มร่าเริงมาเลย
“คนรักกันชอบกันก็แต่งงานกันสิคร๊าบ”
“แค่ฝันมันยังไม่เป็นจริงเลย รู้ไว้ซะด้วย”
อุษาวดีดึงแขนพีระ
“เราต้องไปเดี๋ยวนี้แล้ว”
“ยังไม่ได้ลาโรซี่เลย”
“โอ๊ยย ไม่ต้องๆ รีบไปทำธุระเถอะพ่อคู๊นนน เดี๋ยวบอกให้ก็ได้” ชาญบอก อุษาวดีลากพีระไป
“ไม่มีเวลาแล้ว รีบไปเร็ว เดี๋ยวบริษัทเราก็เจ๊งพอดี ไปสิ”
อุษาวดีออกแรงลากพีระออกไป พีระฝืนอย่างสุดๆ
“เจ้าที่บ้านเราศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ไล่สองตัวยุ่งออกไปแล้ว น้ำค้างรีบหาหัวหมูมาถวายสองหัว ด่วนเลย”
“เอาจริงเหรอปู่”
“เออสิวะ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะเว้ย ฮ่าๆๆ”
ชาญหัวเราะอย่างชอบใจ น้ำค้างมองๆ ชักจะเกิดไอเดีย

ห้องแล็ปเพาะกล้วยไม้ ภายในห้องมีอุปกรณ์การเพาะกล้วยไม้และตัวอย่างกล้วยไม้ที่ถูกเพาะในขวดแก้ววางอยู่เต็มไปหมด ตะวันพาโรสรินดูภาพกล้วยไม้หายากนานาชนิดที่ใส่กรอบแขวนไว้บนผนัง
“เราจะเพาะพันธ์กล้วยไม้แวนด้า รองเท้านารี กลุ่มสกุลออนซิเดียม แล้วก็…”
ตะวันหันไปเห็นโรสรินไม่ได้ฟัง เพราะสนใจกับรูปภาพที่แขวนบนผนังอีกด้าน โรสรินมองภาพเก่าๆ เป็นภาพชาย-หญิงคู่หนึ่งกำลังเพาะกล้วยไม้/ปลูกกล้วยไม้/ดูแลกล้วยไม้ โรสรินหันมองหน้าตะวันอย่างสงสัยว่าใคร
“พ่อกับแม่ของผม ท่านรักกล้วยไม้มาก”
โรสรินเศร้าลงไป
“แต่ฉันก็เป็นคนทำลายมัน”
“ใช่ คุณทำลายสิ่งที่พวกเค้าทุ่มเทและพัฒนามาทั้งชีวิต”
“นายคงโกรธฉันมาก”
“คุณเอาเวลาสงสัย มาตั้งใจเพาะกล้วยไม้จะดีกว่า”
ตะวันเดินไปนั่งที่ตู้เพาะกล้วยไม้ เห็นฝักกล้วยไม้และอุปกรณ์วางอยู่ โรสรินยังคงมองภาพพ่อและแม่ของตะวัน สีหน้าบอกเลยว่ารู้สึกผิด
“มาเร็วสิ จะมาดราม่าอะไรตอนนี้”

โรสรินจี๊ดส์ ท้าวเอว ตีหน้ายักษ์ทันที ก่อนจะเดินมานั่งกระแทกข้างๆ ตะวัน ตะวันเหล่อมยิ้ม

ตะวันกำลังสาธิตการเพาะกล้วยไม้ให้โรสรินดูเป็นตัวอย่าง โรสรินดูอย่างตั้งใจ ตะวันทำความสะอาดฝักกล้วยไม้ด้วยสารฟอกฆ่าเชื้อ / ตะวันสอนโรสรินเอาฝักกล้วยไม้จุ่มในแอลกอฮอล์ เผาไฟและฆ่าเชื้อโรค / ระหว่างที่ช่วยกันทำ มีจังหวะที่หน้าตะวันเกือบชนแก้มโรสริน ตะวันมองหน้าโรสรินใกล้ๆ สวยจัง แต่พอรู้สึกตัวรีบทำงานตรงหน้าต่อ / ตะวันสอนโรสรินผ่าฝักกล้วยไม้ตัดหัวตัดท้าย แล้วผ่าตรงกลางฝักกล้วยไม้ / ตะวันและโรสรินขูดเอาเมล็ดออกให้หมด แล้วคีบเมล็ดใส่ขวดแก้วอาหาร
ตะวันเขียนชื่อกล้วยไม้และวันที่ลงบนขวดแก้ว
“ก็ไม่เห็นจะยากเลย”
“ขั้นตอนไม่ยากหรอก ที่ยากคือการดูแลประคบประหงมกว่าจะเมล็ดจะงอกแล้วขึ้นเป็นต้น แต่คุณไม่ต้องรอจนถึงตอนนั้นหรอก”
โรสรินของขึ้น นึกว่าตะวันขับไล่ไสส่ง
“ไม่ต้องย้ำ ฉันเพาะเสร็จเมื่อไหร่ ฉันไปแน่”
“ถ้าอย่างนั้น เย็นนี้ก็น่าจะเสร็จ”
โรสรินอึ้งหันมองหน้าตะวัน ตะวันมองหน้าโรสริน ชาญแอบมองอยู่ที่หน้าต่าง สีหน้าไม่สบายใจ เครียดสุดๆ

ตะวันเดินออกจากห้องแล็ป ชาญเดินไปขวางสีหน้าเครียดจัด
“มีอะไรเหรอครับปู่”
“นี่แกแอบไปตกลงกับหนูโรสตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครอนุญาตให้แกล้มเลิกสัญญาใจของปู่ หนูโรสต้องอยู่ที่นี่หนึ่งปี ไม่ใช่อยู่ถึงแค่เย็นนี้”
ตะวันเห็นชาญมีอารมณ์ขึ้นมา พยายามอธิบายด้วยความใจเย็น
“ผมรั้งเธอไว้ไม่ได้จริงๆ ถ้ามีคนพูดกรอกหูปู่อยู่ทุกวันว่าจะจากไป เป็นปู่ ปู่จะทำยังไง”
“ปู่ก็จะทำตามความต้องการของหัวใจตัวเอง”
“ปู่หมายความว่ายังไง”
“ถามตัวเองให้แน่ใจเถอะ แกกล้าพูดความจริงมั้ยว่าตั้งแต่วันแรกที่แกได้เจอหนูโรส จนถึงวันนี้ แกไม่มีความรู้สึกดีๆ บ้างเลย”
ตะวันอึ้งไปถึงกับพูดไม่ออก
“ปู่ครับ ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ”
“ทำไมจะไม่มี ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกโว้ย ถ้าอีกคนมันไม่เต็มใจ”
ชาญพูดให้คิดแล้วก็เดินจากไป ตะวันถอนใจระบายความอึดอัด

อาทิตย์ อึ่ง เดินถือถาดหัวหมูมาคนละหัว น้ำค้างตามเข้ามา
“ปู่เราชักจะเยอะแล้วเนอะ” แย้บ่นกับอึ่งและอาทิตย์ อึ่งหันมอง
“อายุเหรอ”
“อายุน่ะเยอะอยู่แล้ว แต่ที่เยอะเกินน่ะ! คืออยากได้คุณโรสเป็นหลานสะใภ้ไม่เลิก”
ชาญเดินเครียดผ่านเข้ามาพอดี
“เอาหัวหมูไปไหน”
“ก็ปู่สั่งให้เอาไปไหว้เจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ของปู่ไง”
ชาญดึงถาดหัวหมูของอาทิตย์กับอึ่งมาถือไว้
“ไม่ต้องแล้ว”
“อ้าวววว”
“เย็นนี้ไอ้ตะวันมันยอมให้หนูโรสกลับกรุงเทพฯแล้ว”
น้ำค้าง อึ่ง แย้ตกใจ
“ห๊า เย็นนี้”
ชาญถือหัวหมูเดินหนีออกไป อย่างหงุดหงิดสุดๆ อาทิตย์ น้ำค้าง มองชาญอย่างลุ้นๆ

ภายในห้องแล็ปเพาะกล้วยไม้ ตะวันเขียนชื่อพันธุ์กล้วยไม้และวันที่ลงที่ขวด ตะวันหยิบฝักกล้วยไม้วางลงในตู้ปลอดเชื้อ
“ฝักกล้วยไม้สกุลออนซิเดียม ถ้าเพาะเมล็ดของฝักนี้เสร็จ คุณก็กลับได้แล้ว”
ในจริงไม่อยากพูดเลย โรสรินอึ้ง แอบน้อยใจ
“แล้วนายมีวิธีทำให้ปู่นายยอมเปลี่ยนแปลงคำสัญญาแล้วเหรอ”
“คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมจะพยายามยาม”
“ดี ฉันก็จะพยายามกับปู่ฉันเหมือนกัน”
ตะวันใจหาย ที่เวลางวดขึ้นมาทุกที
“คุณอยากจะพักก่อนรึเปล่า”
โรสรินส่ายหน้าให้
“เสียเวลา ทำต่อเลยดีกว่า จะได้จบๆ ฉันจะได้ไปจากที่นี่ซะที”

ตะวันหันขวับจ้องตาโรสริน โรสรินจ้องตอบ พยายามแสดงออกทางสายตาว่าพูดจริง แล้วหันไปลงมือต่อตะวันสายตาแอบวูบ

ตะวันนั่งเหม่อมองสวนดอกไม้สวยๆ ครุ่นคิดอะไรเงียบๆ คนเดียว ชาญเข้ามานั่งลงข้างๆ ตะวัน
“แกจะยอมให้หนูโรสไปจากไร่ตะวันจริงๆ เหรอ”
ชาญถามจี้ใจดำ ตะวันทำเฉไฉ
“ทำไมปู่ไม่เลิกเชียร์ซะที โรสรินมีดีอะไร”
ชาญยิ้มนิดหนึ่ง จริงใจ
“หนูโรสเหมือนแม่แกมาก” ตะวันหันมองชาญอย่างสนใจ “แม่แกก็ยัยคุณหนูตัวแสบเหมือนกัน แต่ก่อนพ่อแกทนซะที่ไหน แต่เวลาผ่านไปไม่นานปู่กับพ่อของแกก็ได้รู้ว่า ยังมีนางฟ้าอยู่ในร่างของยัยตัวร้ายจริงๆ”
“โรสรินไม่เหมือนแม่ผมหรอกครับปู่ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งแน่ใจว่ายัยกุหลาบร้ายคนนี้ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นนางฟ้าไปได้หรอก และที่สำคัญโรสรินก็กำลังจะไปจากที่นี่แล้ว ผมขอโทษจริงๆ นะครับปู่”
แล้วตะวันก็ลุกขึ้นเดินออกไป ชาญถอนใจมองอยากให้หลานเปลี่ยนใจรั้งให้โรสรินอยู่
“แต่หนูโรสยังไปไม่ได้ ปู่ไม่ยอมให้มันจบลงแบบนี้หรอก”

โรสรินเพาะกล้วยไม้พันธ์สุดท้ายลงในขวดแก้วอาหารเสร็จแล้ว เขียนชื่อพันธุ์และวันที่ลงไป
“เย้ เสร็จๆๆ สำเร็จแล้ว เย้ๆๆ”
แย้เข้ามาช่วยหยิบเอาไปเก็บไว้
“คุณโรสจะกลับเย็นนี้เลยจริงๆ เหรอครับ”
โรสรินนิ่งไปนิดหนึ่ง
“เดี๋ยวนี้ ช่วยบอกให้พีระเตรียมตัวด้วย”
“คุณพีระกับคุณอุษา กลับกรุงเทพไปแล้วนะครับ เห็นว่ามีธุระด่วน”
“ห๊า อะไรเนี่ย ทิ้งกันงี้เลยเหรอ ไม่เป็นไร ถ้างั้นฉันขับรถกลับเองก็ได้”
“คุณโรสจะไปจริงๆ เหรอครับ”
“แล้วจะให้ฉันอยู่เพื่อ” แย้ใจหาย
“ไม่รู้สิครับ แต่เวลาที่คุณโรสอยู่ที่นี่ ลูกพี่ตะวันของผมมีสีสัน มีชีวิตชีวายังไงบอกไม่ถูก ถ้าคุณโรสไปจริงๆ ลูกพี่ผมคงคิดถึงคุณโรสมากนะครับ”
โรสรินนิ่งคิดครู่หนึ่ง
“คิดถึงเหรอ ถ้าฉันไปคงจะจัดปาร์ตี้ฉลองมากกว่ามั๊ง”

ตะวันและทุกคนยืนอยู่หน้าห้องพักโรสริน
“ไม่ ไม่มีการเลี้ยงส่งอะไรทั้งนั้น”
“พี่โรสก็อยู่ที่นี่ตั้งหลายวัน น่าจะมีอะไรพิเศษให้กันบ้าง”
“ช่วยกันเก็บของโรสรินออกมาทั้งหมด แล้วทำความสะอาดห้องให้เหมือนกับว่าเธอไม่เคยมาอยู่ที่นี่”
ตะวันไขประตูห้องให้ เพื่อขนของและทำความสะอาด ตะวันเดินออกไป น้ำค้างเดินเข้าไปขวางแล้วมองหน้าตะวัน
“พี่ตะวันดูเครียดๆ ไปนะ เป็นอะไรรึเปล่า” ตะวันหลบตา ไม่ตอบคำถาม “ใจหายที่พี่โรสต้องไปจริงๆ ใช่มั้ย”
ตะวันไม่ตอบคำถามเดินหนีออกไปเลย น้ำค้างมองตามอย่างอยากรู้

อึ่งเบ้หน้าจะร้องไห้กับโรสริน ขณะที่อาทิตย์สีหน้าเศร้าซึมก้มหน้าก้มตาวาดรูประบายสีอยู่
“พี่นางฟ้าไม่ไปไม่ได้เหรอ พี่ทิ้งน้องสาวคนนี้จริงๆ เหรอ”
โรสรินอึ้งไปที่เห็นอึ่งน้ำตาซึมออกมา
“นี่ ฉันก็แค่กลับบ้าน ไม่ได้ไปตายเข้าใจมั้ย จะร้องไห้ทำไม”
“ก็ไม่อยากให้ไปนี่คะ อึ่งรักพี่ตะวัน อึ่งรักพี่นางฟ้า พี่สองคนเหมาะสมกันจะตาย” อึ่งปาดน้ำตา “ยิ่งเวลาตีกัน ยิ่งดูเหมือนรักกัน พี่นางฟ้าอยู่ พี่ตะวันคงมีความสุข จริงมั้ยคุณทิตย์”
อาทิตย์ไม่ตอบเอาแต่ก้มหน้าวาดรูป โรสรินนึกถึงตะวันขึ้นมา
“ถ้าฉันอยู่แล้วนายตะวันมีความสุข คงไม่รีบไล่ฉันกลับบ้านหรอก เลิกเพ้อเจ้อเถอะ” โรสรินเดินไปหาอาทิตย์ “นายติสต์ ฉันกลับแล้วนะ” อาทิตย์หันหลังวาดรูปไม่หันมามอง “นายติสต์ ตกลงนายจะไม่คุยกับฉันสักคำเหรอ จะไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะ” โรสรินทนไม่ไหวเดินเข้าไปหา “นี่ สนใจกันหน่อยทำอะไรอยู่”
โรสรินดึงกระดาษที่อาทิตย์กำลังระบายสีมาดู โรสรินถึงกับอึ้งเมื่อเห็นภาพที่อาทิตย์วาดเป็นภาพไร่ตะวัน และสมาชิกไร่ตะวันครบทุกคน มีตัวอักษรเขียนบนหัวกระดาษว่า “ครอบครัวของผม” ในภาพมีปู่ชาญ ตะวัน น้ำค้าง แย้ อึ่ง และโรสริน ยืนจับมือตะวันอยู่ โรสรินถึงกับคาดไม่ถึงว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไร่ตะวันจริงๆ
อาทิตย์ อึ่ง มองโรสรินอย่างอ้อนวอน ไม่อยากให้ไป อึ่งเช็ดน้ำตาป้อยๆ โรสรินมองภาพวาดของอาทิตย์อีกที ใจหาย แต่ก็ยังยืนยันในความคิด วางภาพลง
“นายติสท์ อึ่ง ฉันจะคิดถึงพวกเธอนะ”
อึ่งกับอาทิตย์มองโรสรินอย่างสีหน้าเศร้ากันมากๆ

โรสรินยืนมองแปลงดอกกุหลาบ แววตาครุ่นคิด ตะวันเดินเข้ามาจากด้านหลัง
“ผมให้น้ำค้างเก็บของให้คุณเรียบร้อยแล้ว”
โรสรินสะอึกนิดนึง
“ขอบใจ” โรสรินทำลั้นลาเว่อร์จนผิดสังเกต “เฮ้อ ในที่สุด ฉันก็จะได้ออกไปจากขุมนรกนี้ซะที”
“ขุมนรก ไร่ตะวันของผมมันเลวร้ายขนาดนั้นเลยเชียวเหรอ”
“ไร่น่ะไม่ แต่คนสิ ใช่”
ตะวันอึ้งไป จ้องตาโรสริน
“ผมมันเลวนรกขนาดนั้นจริงๆ เหรอโรสริน”
โรสรินอึ้ง หลบตา
“ก็ คิดเอาเองละกัน”
ตะวันเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ
“ไหนๆ คุณก็จะไปแล้ว ถามจริงคุณรู้สึกยังไงกับที่นี่”
“ชีวิตที่นี่แตกต่างจากที่ฉันเคยอยู่ ไม่มีห้างหรูๆ ให้เดิน ไม่มีคนคอยรับใช้เอาใจ ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต แต่มันก็น่าแปลกนะที่ฉันพอจะอยู่ได้ไม่ทุรนทุราย”
“เคยแอบคิดมั้ย ว่าคุณอาจชอบที่นี่”
โรสรินหันมามองหน้าตะวัน
“เคย แต่คงไม่ชอบหรอก เพราะถึงยังไง ที่นี่ไม่ใช่ที่ของฉันหรอก นายว่ามั้ยล่ะ”

แล้วโรสรินก็เดินออกไป ตะวันมองโรสรินอย่างทำใจยอมรับ

ชาญนั่งหน้านิ่งเครียดที่โซฟามองโรสริน ตะวัน อาทิตย์ น้ำค้าง แย้ อึ่ง ยืนอยู่ข้างกระเป๋าเสื้อผ้าของโรสริน โรสรินไหว้ลาชาญ
“โรสไปแล้วนะคะ ตะวันคงบอกปู่ชาญแล้ว โรสจะคุยกับปู่ณรงค์ให้เข้าใจ”
โรสรินหันหลังจะเดินออกไป อึ่งกับอาทิตย์เดินไปขวางหน้าไว้หน้าซึมๆ
“พี่นางฟ้าอยู่ต่อเถอะนะ”
โรสรินมองเด็กสองคนเหมือนจะใจอ่อน อาทิตย์มองโรสรินเศร้าๆ โรสรินหันหลังจะเดินออกไป
“เดี๋ยว” ชาญยื่นโทรศัพท์มือถือให้โรสริน “ถ้าจะคุยกับไอ้ณรงค์ ก็คุยมันต่อหน้าปู่นี่แหล่ะ ปู่ก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะว่ายังไง” โรสรินยังไม่ยื่นมือรับโทรศัพท์ “ปู่จะเตือนเป็นครั้งสุดท้าย หนูคงรู้ว่าถ้าละเมิดข้อตกลงที่ปู่ทำไว้กับปู่ของหนู รู้ใช่มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นครับ ปู่จะหาว่าผมเป็นหลานอกตัญญูผมก็ยอม ครั้งนี้ผมขอที่จะไม่เชื่อปู่ หวังว่าปู่คงเข้าใจเหตุผลของเรานะครับ”
“แล้วแกกับหนูโรส เคยเข้าใจเหตุผลของปู่บ้างมั้ยว่ารักและหวังดีมากแค่ไหน นี่มันไม่ใช่เล่นขายของนะ นึกอยากจะเลิกข้อตกลงเมื่อไหร่ก็งุบงิบเอาเองสองคน”
โรสรินชะงักไป ตะวันรีบตัดบททันที หันไปพูดกับโรสริน
“คุณไปได้แล้ว ที่เหลือผมจัดการเอง”
โรสรินยิ่งน้อยใจ เหมือนตะวันอยากให้เธอไปซะเหลือเกิน
“โรสลาจริงๆ แล้วนะคะ”
แล้วโรสรินก็เดินออกไป ทุกคนเดินตามออกไปส่งโรสริน ยกเว้นชาญกับตะวัน
“พี่ตะวัน ปู่คะ ไม่ไปส่งคุณโรสเหรอ”
“ไม่ มีธุระต้องทำ”
ตะวัน โรสรินหันสบตากันแว่บนึง แล้วโรสรินก็เดินออกไป ไม่ได้ล่ำรากันสักคำ ชาญเดินไปจ้องหน้าตะวันอย่างไม่ค่อยพอใจ แล้วชาญก็เดินหนีออกไปเลย

ตะวันหันมองหน้าชาญอย่างสงสัย
“ไม่ไปส่งว่าที่หลานสะใภ้ในฝันจริงๆ เหรอ”
“แล้วแกล่ะ เชอะ ทำใจแข็งอยู่ได้ แต่ประทานโทษจะต้องไปส่งทำไมไม่ทราบ ในเมื่อเดี๋ยวหนูโรสก็ต้องกลับมา”
ชาญยิ้มอย่างมั่นใจ ตะวันมองอย่างแปลกใจ
“ไม่มีทาง เธอไม่มาเหยียบที่นี่อีกแน่”
ชาญมองนาฬิกา
“พนันกันมั้ยล่ะ ไม่เกินห้านาทีต้องกลับมาแน่ๆ”
“ทำไมมั่นใจขนาดนั้น” ตะวันสงสัย ชาญยิ้ม
“ไม่เชื่อปู่ ก็คอยดูแล้วกัน”
ตะวันมองชาญ ชาญยิ้มเหมือนมีแผนอะไรบางอย่าง

ที่ลานจอดรถ โรสรินสตาร์ทรถแต่เครื่องยนต์ไม่ติด โรสรินลองอีกหลายครั้งก็ไม่ติด โรสรินลงจากรถ ทุกคนมองอย่างสงสัย
“รถเป็นอะไรก็ไม่รู้ นายดูให้ฉันหน่อยซิ” โรสรินบอกแย้
“เอ่อ ถ้าจะให้ชัวร์ ผมว่าให้ช่างเครื่องที่เก่งที่สุดในไร่ตะวันดูให้ดีกว่า”
“ก็รีบๆ ไปตามมาให้ฉันสิ”
แย้ น้ำค้าง อาทิตย์ อึ่ง หันมองหน้ากันแบบว่าเอาไงดีล่ะ
“พี่โรสไปตามเองจะดีกว่านะคะ”
“แล้วช่างที่เก่งที่สุดน่ะ เค้าเป็นใคร”

ชาญยิ้มอย่างมั่นใจ ตะวันยังมองอย่างสงสัย
“มีพิรุธ ปู่มีแผนอะไร”
“อะไรของแก จับผิดคนแก่มันบาปนะเว้ย”
สักพักโรสรินเดินหน้ามุ่ยๆ เข้ามา ตะวันหันมองอย่างแปลกใจ
“รถสตาร์ทไม่ติดค่ะ ทุกคนบอกว่าปู่ชาญคนเดียวที่ซ่อมได้”
“ถูก ปู่นี่แหล่ะช่างนัมเบอร์วันประจำไร่”
ตะวันหันขวับมองปู่ ชาญยิ้มอย่างมีพิรุธ
“ปู่ นี่ปู่”
“เฮ้ยๆๆ อะไรๆ จะพูดอะไรไอ้ตะวัน”
โรสรินแทรกขึ้นมา
“คุณปู่ขาาา ช่วยดูรถให้โรสหน่อยนะคะ”
ตะวันมองหน้าชาญรู้สึกตะหงิดๆ ชาญยังยิ้มให้อย่างกวนๆ

ทุกคนมองชาญกำลังง่วนอยู่กับการซ่อมเครื่องยนต์ เห็นหยิบนั่นถอดนี่ยุกยิกๆ โรสรินเดินเข้าไปดู
“เป็นยังไงบ้าง โรสจะได้กลับก่อนค่ำรึเปล่า”
ชาญซ่อมอยู่ หันมา
“สบาย ใกล้ล่ะ อีกนิดเดียว”
น้ำค้างเข้าไปดึงตะวันมาถามอย่างสงสัย
“ที่รถพี่โรสเสียเนี่ย ฝีมือปู่เราใช่มั้ย” น้ำค้างถามเบาๆ ตะวันถอนใจ
“ถ้าไม่ใช่ปู่แล้วจะใคร อยู่ๆ รถมาเสียวันยัยโรสกลับเนี่ยนะ”
“โอเค เรียบร้อย”
โรสรินยิ้มโล่งใจ
“เสร็จเรียบร้อย”
“พังเรียบร้อย”
“ห๊า”
ชาญหันมาหยิบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ชูให้ดู
“ต้องเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ สงสัยวันนี้หนูคงไม่ได้กลับแล้วล่ะ”
อึ่งกอดอาทิตย์กระโดดโลดเต้นดีใจ
“ไชโย๊ เย้ๆๆ”
“แต่”
ชาญทำหน้าน้อยใจ
“รังเกียจที่นี่มากรึไง อยู่ต่ออีกสักวันสองวันไม่ได้เหรอ ปู่เสียใจนะ”
“ไม่ต้องหรอก ถ้าอยากกลับผมจะไปส่งเอง”
อึ่งกับอาทิตย์มองตะวันอย่างเหวอๆ
“เฮ้ยๆๆ ไม่ได้นะเว้ย” ชาญรีบบอกแต่ตะวันไม่สนใจ พูดกับโรสริน
“ว่าไงจะกลับมั้ย”
“กลับ ฉันอยากกลับใจจะขาด”
“ถ้างั้นรอผมแป๊บนึง คุณรออยู่นี่แหล่ะ”

ตะวันเดินออกไป ชาญเซ็งทำไงดีๆ ถึงจะรั้งโรสรินไว้ได้
 
จบตอนที่ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น