พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 4
มัทนีเงื้อหมัดรอ
“นี่ นังหนู เป็นผู้หญิงอย่างอนมาก ผู้ชายสมัยนี้หายากนะ อยากขึ้นคานแบบป้าเหรอ”
“ใช่ค่ะพี่ แฟนพี่ออกจะหล่อ”
มัทนีลุกยืนบ้าง
“ทุกคนคะ ตานี่ไม่ได้เป็นอะไรกับชั้น เค้าหลอกทุกคนว่าชั้นเป็นเมีย จะได้ไม่มีใครกล้ามายุ่ง แต่จริงๆ แล้ว เค้าเป็นโรคจิต ที่คอยตามรังควานชั้น ทำตัวหื่นกามใส่ชั้น ทุกคนดูสิคะ คนเลวๆ พรรค์นี้ ต้องสั่งสอน”
“อ้าว นี่เป็นโรคจิตเหรอ” ผู้โดยสารหญิงฮึมฮัมพึมพำกัน ตำหนิๆ อาทิตย์
“คิดว่าผัวอยากทำแบบนี้เหรอ ก็ผัวทนไม่ได้ที่เมียจ๋าแอบมากินอาหารทะเลกับกิ๊ก แล้วเมียจ๋ายังหาว่าผัวโรคจิตอีกเหรอ”
“อ้าว นี่มีกิ๊กเหรอ โหวว” คราวนี้ผู้โดยสารชายฮึมฮัมพึมพำกัน ตำหนิๆ มัทนี
“กิ๊กอะไร๊ ชั้นมากับแฟนชั้น นายนั่นแหละคนอื่น แล้วก็หยุดเรียกชั้นว่าเมียสักที”
“เมียจ๋า พูดแบบนี้ คิดถึงหัวอกผัวมั่งมั้ยเมียจ๋า”
“โว้ย ชั้นไม่นั่งกับนายแล้ว หลบไป”
มัทนีจะลุก ย้ายที่นั่ง อาทิตย์พยายามรั้งไว้
“จะไปไหนล่ะ นั่งก่อนสิ นั่งๆ”
อยู่ๆ รถเบรกกะทันหัน มัทนีเสียหลัก ล้มนั่งลงมาบนตักอาทิตย์ ใกล้ชิดกัน มัทนีจะลุก แต่อาทิตย์กอดมัทนีเอาไว้ ไม่ให้ไป ทุกคนในรถโห่เชียร์ จูบเลยๆ
“สักทีม๊ะ” อาทิตย์แกล้งถาม
“ออกไป๊”
มัทนีผลักหน้าอาทิตย์จนหน้าหงายไป แล้วกลับไปนั่งตำแหน่งเดิม อาทิตย์นั่งปิดทางออกมิดชิด มัทนีกอดอกนั่งชิดกระจก อารมณ์เสีย
ส่วนที่บ้านอเนก รถอเนกแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน นรีเดินออกมาจากในบ้าน ยืนรอ พวกอเนกทยอยลงจากรถ กำลังหัวเราะกันอย่างเฮฮา
“ฮ่าๆๆ วันนี้ชั้นนอนหลับฝันดีแล้ว ได้แก้แค้นยัยมัทนี ขนาดยังไม่รู้ผล ชั้นก็มั่นใจว่า ยัยมัทนีต้องสาหัสสากรรจ์แน่ๆ” โทนี่บอกอย่างชอบใจ
“ไม่เคยมีหญิงคนไหนที่อยู่ใกล้ไอ้อาทิตย์เกินชั่วโมงแล้วจะไม่หลงรัก แต่นี่ยัยมัทอยู่ทั้งคืน อะไรจะเกิด ไม่อยากเดา ฮ่าๆ” โมกข์หัวเราะอย่างชอบใจ
“งานนี้เรียกได้ว่า ตกนรกยังทรมานน้อยกว่า ฮ่าๆ” อเนกบอก
“แผนนี้เป็นการยิงครั้งเดียวได้นกหลายตัว ได้เล่นยัยมัทนี ได้แก้แค้นไอ้นักข่าวแล้วยังได้ช่วยไอ้โมกข์” แท่นบอก โมกข์ชะงัก
“ช่วยชั้น”
“คือ มันหมายถึง ช่วยล้างแค้นที่ยัยมัทนีทำกับแกกับไอ้โทนี่ด้วยไง ใช่มั้ย” อเนกรีบแก้สถานการณ์หันมาถามทุกคน
“ใช่ๆ” เพื่อนๆ ชอบพร้อมกัน
“อเนกคะ”
อเนกเพิ่งหันมาเห็นว่านรียืนอยู่
“อ้าว นรี เอ้า ไปๆๆ แยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาฟังผลงานไอ้อาทิตย์ ไปๆๆ” ทุกคนแยกย้ายกันกลับ “ทำไมยังไม่นอนอีกจ๊ะ”
“ยัยมัทอยู่กับนายอาทิตย์เหรอ ไปอยู่ด้วยกันได้ยังไง คุณรู้มั้ยว่าเมื่อสักพัก คุณป้าจำเนียรโทรมา แกห่วงยัยมัทมาก พวกคุณทำอะไรกับยัยมัทคะ”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ มันไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก”
“ไม่ร้ายยังไง นายอาทิตย์เพื่อนคุณคบใครแต่ละคน ไม่เคยจริงจัง แค่คบสนุกเพลินๆ แก้เหงาไปวันๆ แล้วยัยมัทเป็นญาตินรีนะคะ พวกเพื่อนๆ คุณจะสนุกสนานกับใคร นรีไม่เคยยุ่งแต่ขอญาตินรีไว้สักคนได้มั้ยคะ”
“นรีจ๋า อย่ามองว่าเพื่อนผมร้ายกาจฝ่ายเดียวสิจ๊ะ ใครจะไปรู้ คนร้ายกาจอย่างนายนรีอาทิตย์ อาจจะเจอญาติคุณที่ร้ายกว่า กำราบจนอยู่หมัดก็ได้ ญาติคุณธรรมดาที่ไหน”
“มันก็ใช่ แต่”
“เพื่อนผมตัวพ่อ ญาติคุณตัวแม่ ออกจะสูสีกัน ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกเข้าบ้านเถอะ”
บนรถทัวร์ มัทนีรังเกียจนั่งชิดกระจก ออกห่างอาทิตย์ให้มากที่สุด อาทิตย์แอบมองมัทนี แล้วขำๆ เลยคิดแกล้ง ทำเป็นนอนหลับ อ้าปากค้าง กรน
“คร่อก ฟรี้”
อาทิตย์แกล้งไถลหัว ไปซบบ่ามัทนี
“นี่”
มัทนีผลักหัวอาทิตย์ออก แต่อาทิตย์ก็หลับ เอาหัวมาซบอีก มัทนีผลักหัวอาทิตย์ออกไปอีก อาทิตย์แอบมอง ยิ้มๆ คิดจะแกล้งอีก ไถลหัวไปแต่คราวนี้กลับไม่เจอบ่ามัทนี ไถลเลยไปจนหัวกระแทกกับกระจกรถ...ปั๊ก เพราะมัทนีลุกยืนอยู่
“โอ๊ย นี่ แกล้งผมเหรอ แสบนักนะ”
“คิดว่าแน่คนเดียวหรือไง ฮ่าๆ สมน้ำหน้า”
มือถืออาทิตย์ดังขึ้น
อาทิตย์หยิบมาดูเบอร์โทรเห็นว่าเป็นเบอร์หาญ เลยกดตัดสาย ไม่รับ แล้วเก็บมือถือตามเดิม แต่แล้วมือถือก็ดังอีก อาทิตย์กดตัดสายอีก
“ทำไมไม่รับสายล่ะพ่อหนุ่ม” ป้าที่นั่งข้างๆ ถาม
“จะอะไรคะป้า ที่ไม่รับก็เพราะกิ๊กโทรมาไงคะ คนๆ นี้เป็นแฟนใครไม่ได้ เพราะเค้าเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น ไม่รู้จักพอ แล้วก็บ้ากาม” มัทนีต่อว่าเป็นชุด
“เมียจ๋า ที่ผัวทำเพราะผัวไม่อยากให้เมียจ๋าคิดมาก ผัวรักเมียจ๋าคนเดียว บ้าเมียจ๋าคนเดียว ไม่อย่างนั้นผัวจะอยากมีลูกกับเมียจ๋าเหรอ”
“หา” มัทนีตกใจ
“คือ ผมอยากมีลูกครับ แต่เมียจ๋าไม่อยากมี เพราะกลัวมีแล้วหุ่นจะไม่เช้งอย่างเก่า พอผมตื๊อมากๆ เมียจ๋าก็งอน พอไม่ตื๊อก็หาว่าไม่รัก พอผมคุยกับเพื่อนผู้หญิงก็หาว่าผมจะมีกิ๊ก แต่ผัวก็ไม่เคยเลิกรักเมียจ๋าเลย”
“โหย หนู มีผัวประเสริฐขนาดนี้ จะเล่นตัวอะไรอีก”
“รีบๆ มีลูกเถอะ”
“เห็นมั้ยว่าใครๆ ก็เชียร์เรา” อาทิตย์โอบมัทนีทันที “กลับไปวันนี้เลยดีมั้ยเมียจ๋า”
“เฮ้ย ปล่อยชั้นนะ”
“เขิน ไม่ต้องเขินหรอก เรารักกัน ทุกคนจะได้รู้ไง”
“อี๋ ออกไป” มัทนีผลักอาทิตย์ออก “บ้า บ้ากันทุกคนเลย ชั้นไม่ใช่เมียนาย เลิกเรียกชั้นว่าเมียได้แล้ว ขับรถเร็วๆ หน่อยได้มั้ย ชั้นไม่ไหวแล้ว”
มัทนีอารมณ์เสียมากๆ อาทิตย์ขำๆ ยิ้มๆ
“คู่ที่ทะเลาะๆ กันอย่างนี้ มีลูกเป็นฝูงทั้งนั้น อิอิ” ป้าบอกพร้อมกับหัวเราะชอบใจ
รถทัวร์แล่นเข้ามาจอดที่ขนส่ง พอประตูเปิดปุ๊บ มัทนีก็รีบแทรกตัวผ่านประตูออกมาเป็นคนแรก แล้วก็รีบเดินเหมือนเดินหนี ให้ไกลห่างจากอาทิตย์ที่สุด จ้ำๆ อาทิตย์รีบลงรถตามมา
“เมียจ๋า รอผัวด้วย” อาทิตย์หันไปลาคนอื่นๆ ที่ลงรถมา “บ๊ายบายนะครับทุกคน แล้วเจอกันใหม่นะครับ อ้าว เมียจ๋า เมียจ๋า รอผัวจ๋าก่อนสิจ๊ะเมียจ๋า”
“บ้าๆ คนโรคจิต ประสาท” มัทนีเดินบ่นอย่างหงุดหงิด
“เมียจ๋า”
“ถ้านายเรียกชั้นว่าเมียอีกคำ ชั้น” มัทนีคว้าไม้ที่หล่นแถวนั้น “ชั้นตีนายปากแตกแน่”
“เมียจ๋าเล่นเดินหนีไม่รอเลย ผัวจ๋าก็ต้องเรียกสิ”
“นาย” อาทิตย์โดดหนี มัทนีจะตีแต่สะดุดเสียเอง เสียหลัก หลุดโก๊ะ อาทิตย์หัวเราะๆ มัทนีแค้น ทิ้งไม้ หงุดหงิด โบกมือเรียกแท็กซี่ “แท็กซี่”
มัทนีขึ้นแท็กซี่ รถออกไป อาทิตย์ยืนมอง ขำๆ ยิ้มๆ มีความสุข
กลางดึกคืนนั้นที่บ้านอาทิตย์ ลิ้นจี่กำลังเอนหลังเอกเขนกอยู่ที่ชานบ้าน สักพักอาทิตย์เดินเข้าบ้านมาแต่ไกล อมยิ้ม ขำๆ คนเดียว ลิ้นจี่มองอาทิตย์จนอาทิตย์จะเดินผ่านไป
“อะแฮ่มๆ” อาทิตย์ชะงัก
“อ้าว คุณแม่ ยังไม่นอนเหรอครับ”
“นี่ถ้าไม่เรียกไว้ คงจะมองไม่เห็นหัวแม่เลยใช่มั้ย”
“แหม ลูกเหรอจะมองไม่เห็นหัวแม่ พอดีผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่น่ะครับ เลยไม่ทันสังเกต”
“ไปไหนมา”
“ไป เจอเพื่อนๆ มาครับ”
“แปลว่าไปทำตัวกะล่อนเสเพลมาอีกแล้วใช่มั้ย ไปกับสาวที่ไหนมาล่ะ ถึงได้กลับบ้าน หน้ายิ้มไม่หุบแบบนี้”
“แม่ก็พูดเว่อร์ไป ผมแค่ตลกผู้หญิงคนนึง ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ฟอร์มเยอะเหลือเกิน จะว่าเก่งก็เก่ง ฉลาดก็ใช่ แต่แบบนี้แหละ แหย่สนุกมากกก เวลาเธอโวยวายๆ ทำหน้าทำตาแบบอวดดี ตลกสุดๆ หึๆ”
“เออ แกนี่ก็แปลก ชอบแกล้งผู้หญิง”
“แหม ผมแกล้งเฉพาะคนน่าแกล้งนะครับ แบบคนนี้ไง” อาทิตย์จั๊กจี๋เอวแม่ “ฮะๆๆ”
“ว้ายๆ หยุดๆ”
“ผมไปนอนก่อนนะคร้าบบบ” อาทิตย์จะเดินไป ลิ้นจี่รีบเรียกไว้
“เดี๋ยวสิๆ ผู้หญิงคนนั้นใคร? แม่รู้จักหรือเปล่า?”
อาทิตย์อมยิ้มๆ ไม่ตอบ เดินแยกไป ลิ้นจี่มองตาม อมยิ้ม แล้วคิกคักๆ
แท็กซี่แล่นมาจอดบ้านมัทนี จำเนียรเดินออกมามองที่ชานบ้าน มีท่วมทุ่งมาด้วย ส่วนหาญวิ่งออกมา พอเห็นว่าเป็นมัทนีก็รีบปรี่วิ่งไปหา
“ยัยมัท”
มัทนีลงจากแท็กซี่ หาญวิ่งมาถึงตัวมัทนีก่อนใครเพื่อน
“ยัยมัท” หาญมองสำรวจร่างกายลูกสาว “เป็นอะไรหรือเปล่า บาดเจ็บตรงไหน บอกพ่อมา มันทำอะไรลูกหรือเปล่า ทำใช่มั้ย”
“เดี๋ยวค่ะๆ อะไรคะพ่อ”
“ไม่ต้องอาย พ่อรู้แล้วว่าลูกไปกับไอ้อาทิตย์ มันทำอะไรลูก”
“พ่อรู้”
จำเนียรเดินเข้ามา
“พ่อเอกโทรมาบอกแน่ะ พ่ออาทิตย์ดูแลลูกดีใช่มั้ย”
“มันข่มเหงลูกหรือเปล่า แล้วใช่มั้ย บอกพ่อมา หรือว่ามันย่ำยีลูก ให้เจ็บช้ำ จนพูดไม่ออกเลย หน็อย ไอ้อาทิตย์มันเลวมาก พ่อจะไปจัดการมันให้เอง”
“พ่อคะ มัทไม่เป็นอะไร”
“ไม่จริง พ่อรู้คนอย่างไอ้อาทิตย์ มันต้องมีอะไรแน่ๆ ใช่มั้ย มา พ่อจะพาลูกไปตรวจดีเอ็นเอ”
“อย่าเว่อร์ได้มั้ยคุณหาญ ลูกบอกไม่ได้เป็นอะไรก็เชื่อลูกสิ” จำเนียรขัด ท่วมทุ่งเห่าหาญ “ดูสิ หมามันยังรู้เลย ว่าคุณน่ะ ไร้สาระ”
“เอาเป็นว่า มัทปลอดภัยดี ไม่มีอะไรสึกหรอค่ะ อย่าเพิ่งถามมากกว่านี้นะคะ มัทเหนื่อยมาก มีอะไร ค่อยว่ากันพรุ่งนี้นะคะ” มัทนีจะดินไป
“คุณมัทนีขา คุณเอกชเยศร์สั่งไว้ให้คุณมัทโทรหาด้วยค่ะ” เหน่งรีบบอก
“คุณเอก แกตามหาคุณมัทอยู่ แกเป็นห่วงคุณมัทมากเลยนะคะ” โหน่งบอก
“ฝากโทรไปบอกให้ทีแล้วกัน”
มัทนีเดินเข้าห้องไป เหน่ง โหน่งงงๆ
ขณะนั้นเอกเยศร์นั่งอยู่ในสถานีตำรวจที่ชะอำ พยายามแจ้งความ
“ขืนรอให้ครบยี่สิบสี่ชั่วโมง มัทนีก็หมดสภาพพอดี สั่งคนตามหาเดี๋ยวนี้เถอะคุณตำรวจ ผมบอกแล้วไงว่าพวกนายอาทิตย์มันฉุดมัทนีไป มันล่อลวงมัทนีไปทำมิดีมิร้าย”
“แฟนคุณไม่ใช่เด็กๆ แล้ว คุณแน่ใจได้ไงว่าเค้าไม่ได้ไปด้วยความสมัครใจ”
“อ้าว นี่หาว่าแฟนผมใจง่ายเหรอ แฟนผมกำลังอยู่ในอันตราย ผมมาแจ้งความ คุณมีหน้าที่ช่วยเหลือผมก็ช่วยไปตามหาสิครับ คุณรู้มั้ยว่าผมทำอาชีพอะไร ผมเป็นนักข่าว ผมมีสื่ออยู่ในมือนะคุณ ผมเขียวข่าวโจมตีคุณได้นะ” สักพักตำรวจอีกนายก็เข้ามาล็อกตัวเอกชเยศร์ “คุณตำรวจ จะทำอะไรผม”
“คุณเข้าไปสงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่า แล้วถ้าจะให้ดี ช่วยหุบปากด้วย เพราะถ้าผมอารมณ์ไม่ดีบ้าง คุณจะถูกฟ้องข้อหาข่มขู่เจ้าพนักงาน และยังหมิ่นเกียรติเจ้าหน้าที่อีกด้วย”
ตำรวจกลับไปทำงานต่อ เอกชเยศร์โวยวาย
“ชั้นเป็นสื่อนะ ทำยังงี้กับชั้นได้ยังไง” มือถือเอกชเยศร์ดัง เขารับสาย “ฮัลโหล ยัยเหน่งเหรอ โทรมาทำไม ชั้นบอกแล้วไงว่าเจอมัทนีแล้วค่อยโทรมา ไม่งั้นก็ไม่ต้องโทร เข้าใจมั้ย”
เอกชเยศร์กดตัดสายทันที แล้วโวยวายกับตำรวจให้ปล่อยๆ เหน่ง โหน่งยืนงง
“อ้าว วางไปแระ ไม่ให้เวลาเหน่งพูดมั่งเลย”
เช้าวันใหม่ที่บ้านอเนก อาทิตย์รับกระเป๋าเงินคืนจากอเนก
“จำเอาไว้เลยนะพวกแก เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง กว่าชั้นจะหาทางกลับมาได้ เหนื่อยนะโว้ย อย่าเล่นอะไรยังงี้อีก”
“อะไรๆ พวกชั้นอุตส่าห์เปิดทางให้แกได้อยู่กับสาวสวยสองต่อสอง ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แกได้โชว์แมนเอาใจสาว ไม่ชอบเหรอวะ”
“สถานการณ์แบบนั้น ถ้าในละครเรียกว่าสถานการณ์เสียสาวนะเว้ย”
“เสียอารมณ์น่ะสิ อยู่กับยัยมัทนี ใครจะคิดอะไรได้ พวกแกไม่รู้หรอกว่าตัวจริงๆ ของยัยมัทนี เพี้ยนแค่ไหน” อาทิตย์พูดไปยิ้มไป “ขี้งอน ขี้เหวี่ยง ทิฐิ ฟอร์มจัด ทำอวดเก่งยังกับเด็กๆ เมื่อคืนชั้นเลยแกล้งไปซะหลายดอก หึๆ”
เพื่อนๆ เห็นอาการอาทิตย์ หันมาพยักเพยิดแบบรู้กัน อาทิตย์จึงเปลี่ยนเรื่อง
“ไอ้โมกข์อยู่ไหน”
“อยู่ข้างบน เฟซไทม์คุยกับน้องเชอร์รี่อยู่” อเนกบอกแล้ววกกลับเรื่องเดิม “แล้วสรุปว่าเมื่อวาน แกกับยัยมัทนี มีการเฮโร้เรกี๊ปๆ ป่าววะ”
“ไม่มี บอกแล้วไงว่ายัยนั่นเพี้ยน ใครจะไปมีอารมณ์ คิดอะไรพรรค์นั้นได้วะ”
“หึๆ ปากบอกไม่มีอะไร แต่อาการแกมันฟ้องว่ะ”
“อาการอะไร”
“ท่าทางไอ้อาทิตย์จะตกหลุมรักยัยมัทนีแล้วว่ะ”
“เฮๆ” โทนี่กับแท่นร้องออกมาพร้อมกัน
“เฮ้ย ตกหลุมรัก ชั้นเนี่ยนะ ไม่มีทาง”
“แกไม่รู้ตัวเหรอว่าแกเป็นยังไง ตอนที่พูดถึงยัยมัทนี”
“เป็นยังไง”
“เรื่องอะไรต้องบอก เฮๆ”
พวกเพื่อนๆ เฮแซว อาทิตย์เสียอารมณ์
“ชั้นไม่ได้คิดอะไรกับยัยมัทนีเว้ย ก็แค่สะใจที่ได้แกล้ง โอ๊ย พอๆ ช่วงนี้ชั้นหมกมุ่นกับการจัดการยัยคนนี้ มากเกินไปแล้ว พอๆ เลิกคิด เลิกพูดถึง เรามาพูดเรื่องของไอ้โมกข์กับเมียมันดีกว่า” มือถืออาทิตย์ดัง อาทิตย์ดูเบอร์เห็นเป็นแพรวาโทรเข้ามา “แพรวา เดี๋ยวชั้นมา เลิกเฮฮาเรื่องชั้นได้แล้ว คิดว่าจะจัดการเรื่องไอ้โมกข์ยังไง เข้าใจมั้ย” เพื่อนๆ ยังเฮฮาไม่หยุด “หน็อย”
อาทิตย์จะไล่เตะ เพื่อนๆ โดดหลบกัน อาทิตย์ชี้หน้าก่อนจะเดินออกไปรับสาย
อาทิตย์เดินแยกออกมารับสายแพรวา
“สวัสดีครับแพรวาคนสวย”
แพรวากำลังพูดสายอยู่ที่ร้านอาหารในห้าง
“อาทิตย์ เกิดอะไรขึ้น อาทิตย์เป็นอะไรหรือเปล่า โทรไปก็ไม่รับ ติดต่อไม่ได้ จะโทรกลับก็ไม่เคย เล่นหายไปเลยอาทิตย์ไม่คิดถึงแพรวาแล้วเหรอ”
นรีเดินผ่านมา เห็นอาทิตย์คุยโทรอยู่จึงหยุดฟัง
“คิดสิครับ แต่ที่ผมเงียบไปเพราะ เพราะผมกำลังทดสอบตัวเองอยู่”
“ทดสอบอะไร”
“ก็ทดสอบว่า ผมจะทนมีชีวิตอยู่โดยไม่มีแพรวาได้นานแค่ไหน แล้วผมก็พบคำตอบว่า แค่นาทีเดียว ผมก็จะขาดใจตายแล้ว”
“อาทิตย์อ้ะ บ้าๆ งั้นวันนี้แพรวาไปหานะคะ จะได้ไม่ขาดใจตายเสียก่อน”
“วันนี้ เอ่อ ไม่ค่อยสะดวกจ้ะ ธุระเยอะมากเลย เอิ่ม พรุ่งนี้ดีกว่านะ พรุ่งนี้ผมต้องไปตรวจงานที่ร้านคุณนายลิ้นจี่อยู่แล้ว”
“ก็ได้ค่ะ เจอกันพรุ่งนี้เที่ยงนะคะ อย่าขาดใจตายไปก่อนล่ะ บ๊ายบาย จุ๊ฟๆ”
“โอ๊ะๆ ใจจะขาดๆ ผมจะอดทน รอวันพรุ่งนี้นะครับ โอ๊ะๆ”
อาทิตย์พูดไปแอคติ้งไปจนวางสาย แล้วก็เลิกแอคติ้ง ถอนใจโล่งอก กำลังจะเดินกลับเข้าไป แต่แล้วมือถือดังอีก อาทิตย์ดูเบอร์
“อายูมิ แหม โทรมาได้จังหวะจริ๊งจริง” อาทิตย์รับสาย “ฮัลโหล อายูมิคนสวย”
อายูมิอยู่ที่ร้านทำผมแนวญี่ปุ่นๆ
“ไฮ้ อาทิตย์ซัง ลืมอายูมิจังแล้วหรือก๊ะ”
“ไม่ได้ลืม ไม่เคยลืมเลยครับ ผมแค่กำลังทดสอบตัวเองอยู่”
“ทดสอบ อาทิตย์ยังเรียนไม่จบอีกเหรอก๊ะ”
“ไม่ใช่ๆ ทดสอบ ไม่ใช่สอบ ผมทดสอบตัวเองดูว่าจะทนคิดถึงอายูมิได้นานแค่ไหน แล้วผมก็พบว่า ไม่ได้สักนาทีเดียว ใจจะขาดแล้ว”
“อาทิตย์ซัง ปากหวานทุกทีเลยก๊ะ งั้นอายูมิไปหาได้มั้ยก๊ะ เดี๋ยวนี้เลย ไม่ได้เหรอก๊ะ”
“พรุ่งนี้ เอ่อ ไม่ได้ๆ ต้องนัดเป็นวันถัดไปเลย เอิ่ม วันพุธนี้แล้วกัน ตกลงมั้ย”
“ตกลงก๊ะ”
“งั้นผมต้องวางสายก่อนนะครับ แล้วเจอกัน โอ๊ะๆ คิดถึงจนใจจะขาดรอนๆ”
นรีแอบมองอยู่ ไม่ชอบใจนัก อึดอัดที่มัทนีต้องคบคนแบบนี้
อาทิตย์วางสาย ส่ายหัว แล้วเดินกลับเข้าไป ทันใดมีเสียงดังวุ่นวายมาเป็นเสียงพวกเพื่อนๆ พยายามห้ามโมกข์ไม่ให้ออกจากบ้าน
อาทิตย์ตกใจ รีบไป
โมกข์กำลังรีบร้อนจะออกไปข้างนอก พวกเพื่อนๆ รีบตามขวางเอาไว้
“เดี๋ยวๆ ไอ้โมกข์ แกอย่าเพิ่งไป เดี๋ยวก่อน”
“พวกแกจะมาขวางทำไมวะ ตอนนี้น้องเชอร์รี่กำลังลำบาก ตกงาน ไม่สบาย ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ชั้นต้องรับผิดชอบ”
“ชั้นว่าแกอย่าเสียเวลากับน้องเชอร์รี่เลย เด็กคนนี้ไม่จริงใจกับแกหรอก”
“แกไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่าไอ้แท่น”
“ชั้นทำงานกับเด็กๆ นะเว้ย ชั้นเห็นมาหมดแล้วว่าเด็กผู้หญิงสมัยนี้ทำอะไรได้บ้างเพื่อความสำเร็จ”
“งั้นแกคงไม่รู้ว่า ชั้นทำอะไรได้บ้างเพื่อจะไปหาน้องเชอร์รี่ หลบ”
อาทิตย์เข้ามาขวาง
“ไอ้โมกข์ แกไปตอนนี้ไม่ได้ พวกชั้นมีคนๆ นึงอยากเจอแกมาก ชั้นนัดเค้าไว้ให้แล้ว”
“ใคร? นัดอะไร”
“เอ่อ คือคุณปะการัง”
“ห๊า”
“แกฟังก่อนนะเว้ย ชั้นได้คุยกับคุณปะการังแล้ว คุณปะการังเองก็เสียใจที่เรื่องมันเป็นแบบนี้” อาทิตย์บอก
“ไม่ ชั้นไม่ฟัง พวกแก...”
โทนี่เข้ามาปิดปากโมกข์ไว้ ไม่ให้พูด
“อย่าเพิ่งพูดได้มั้ย ฟังให้จบก่อนสิวะ”
“ไอ้โมกข์ คุณปะการังเค้ายังรักแก เค้าไม่อยากเลิกกับแก แต่ทั้งหมดมันเป็นเพราะ ยัยมัทนีกับมูลนิธิเข้ามายุ่ง ปั่นจนเป็นเรื่อง”
“ตอนนี้ยัยมัทนีคิดว่าแกป่วยใกล้ตาย คงจะไม่มายุ่งอะไรอีก แกกลับไปคุยกับเมียแกเถอะนะไอ้โมกข์”
“มีใครจะพูดอะไรอีกมั้ย ไม่มีนะ” โทนี่ปล่อยโมกข์ “เอ้า ตาแก”
“ที่พวกแกให้ชั้นแกล้งป่วย เพราะเรื่องนี้ ใช่มั้ย นี่ พวกแกแอบติดต่อยัยแม่มด รวมหัวกันหลอกชั้น ไอ้เพื่อนเลว เพื่อนทรยศ ชั้นกับปะการังจบแล้ว ชั้นไม่มีวันกลับไปตกนรกอีก ชั้นจะไปหาน้องเชอร์รี่ พวกแกไม่ต้องมายุ่ง คนหลอกลวง เสียแรงที่รัก เสียแรงที่ไว้ใจ ชั้นเจ็บปวดมาก”
โมกข์วิ่งออกไป เพื่อนๆ จะตามแต่อาทิตย์ห้ามไว้
“ช่างมัน เรื่องแบบนี้ เราก็ทำได้แค่นี้แหละวะ นอกนั้นก็ขึ้นอยู่ที่ตัวมันเองแล้ว”
นรีเดินเข้ามาหาอเนก
“อเนกคะ ขอคุยด้วยหน่อย”
นรีแยกมาคุยกับอเนกตามลำพัง
“อย่าหาว่าชั้นคิดมากเลยนะคะ แต่คุณช่วยไปพูดกับอาทิตย์ให้เลิกยุ่งกับยัยมัทได้มั้ยคะ”
“ทำไม”
“เพื่อนคุณ นิสัยเป็นยังไง คุณก็น่าจะรู้ดี คนแบบนี้ ใครคบด้วย มีแต่ช้ำใจ ชั้นไม่อยากให้ญาติชั้นต้องมาเจอคนแบบนี้ ยัยมัทควรจะได้เจอผู้ชายดีๆ กว่านี้”
“นรี เรื่องมันยังไม่เกิดเลย คุณจะคิดมากไปทำไม”
“คิดเอาไว้ ก่อนที่มันจะเกิดไงคะ เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้น คนเสียหายก็คือยัยมัท ไม่ใช่เพื่อนคุณ”
“แล้วคุณจะให้ผมไปพูดยังไง ถ้าคนไม่คิดอะไร แล้วผมไปพูด ผมก็เป็นสุนัขสิ แล้วอีกอย่าง มันก็ไม่ใช่เรื่องของเรา สองคนนั้นโตๆ กันแล้ว ถ้าเพื่อนผมชอบ แล้วญาติคุณก็ชอบตอบ มันก็เรื่องของเค้าสองคน เราไม่เกี่ยว”
“คุณจะหาว่าชั้นจุ้น”
“ไม่ใช่”
“สรุปว่าคุณจะไม่ช่วยพูดให้ใช่มั้ยคะ”
“คุณไม่เข้าใจอ่ะ”
นรีไม่พอใจ อดกลั้นอารมณ์ไว้ เดินหนีไปเลย อเนกเซ็ง
โมกข์เดินเข้ามาในห้างที่เป็นจุดนัดเจกับเชอรี่
“น้องเชอร์รี่อยู่ไหน นัดไว้ตรงนี้ หรือว่าจะไปแล้ว ไม่รอเราแล้ว โธ่ แค่มาสาย สิบกว่านาทีเองนะ” โมกข์มองหา กำลังจะกดโทรศัพท์ตาม แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นเชอร์รี่เดินออกมาจากร้านเสื้อผ้าหรูๆ “น้องเชอร์รี่ๆ”
“พี่โมกข์ ไม่คิดว่าพี่จะมา”
“โถๆ เชอร์รี่ดูซูบไปนะ ไม่ค่อยได้กินอะไรเหรอ แล้วซื้ออะไร โอ้ว ซื้อเสื้อร้านนี้เหรอ”
“เอ่อ ไม่ได้ซื้อค่ะ เชอร์รี่เอาชุดเก่ามาขาย แต่เค้าไม่รับซื้อ ไหนล่ะคะเงินที่จะให้เชอร์รี่”
“อ้ะๆ” โมกข์หยิบเงินออกมา “พี่โมกข์เอามาให้สองหมื่นห้าก่อนนะ”
เชอร์รี่รับเงินมาเก็บทันที
“ไหนบอกจะเอามาให้ห้าหมื่นไง พี่โมกข์แบบนี้ทุกที พอแล้วพี่ไม่ต้องมาให้เจอเชอร์รี่อีกแล้ว เชอร์รี่เบื่อ คนดีแต่ปาก ทำไม่ได้จริงสักอย่าง ตั้งแต่นี้ไป เราเลิกคบกัน”
“เฮ้ย! เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ สิจ๊ะ เรื่องแค่นี้ ถึงกับบอกเลิกเลยเหรอ เราไปหาที่สบายๆ คุยกันก่อนเถอะนะ” โมกข์ตามง้อ
“ไม่คุยแล้ว หลบไป”
โมกข์พยายามตื๊อๆ รั้งๆ เชอร์รี่จะไปให้ได้ อยู่ๆ มีชายหนุ่มเข้ามากระชากโมกข์ออก
“เฮ้ย ไอ้น้อง มายุ่งอะไรด้วย คนรักกันเค้าจะคุยกัน” โมกข์บอก
“ใครรักพี่ไม่ทราบ” เชอรี่ถามพร้อมกับซบชายหนุ่ม “พี่ป๋อ ตาเนี่ย เจ้านายเก่ามาตื๊อเชอร์รี่อยู่ได้ แต่เชอร์รี่ไม่เคยนอกใจพี่เลยนะ” โมกข์อึ้ง
“เชอร์รี่ ทำไม อย่าบอกนะว่าเชอร์รี่มี แฟนอยู่แล้ว”
“ผัว ชั้นเป็นผัว จะทำไม”
“นี่ เชอร์รี่มีแฟนแล้ว แล้วมาหลอกพี่ทำไม”
“โอ๊ย หลอกเหลิกอะไร ถ้าพี่ไม่หื่นจะเกิดอะไรขึ้นมั้ย เห็นเป็นถึงสามีเจ้าของบริษัทก็นึกว่าจะมีอำนาจ ช่วยเลื่อนตำแหน่ง หรือขึ้นเงินเดือนให้ได้ ที่ไหนได้กระจอกง่อกง่อยสุดๆ ไม่มีพาวเวอร์อะไรเลย เสียเวลาจริงๆ”
“เชอร์รี่ทำยังงี้กับพี่ไม่ได้ พี่ลาออกจากบริษัท เลิกกับเมีย เพราะพี่รักเชอร์รี่ พี่อยากจะเริ่มต้นใหม่กับเชอร์รี่”
“เพ้อเจ้อว่ะพี่โมกข์ ผู้ชายโง่ๆ อย่างพี่ ถ้าไม่มีเงินใครจะเอา คุณปะการังคิดไงเอาพี่มาแต่งงานด้วยเนี่ย ไม่หน้ามืดมาก ก็ต้องประเสริฐมากเลยนะเนี่ย ไป แล้วก็ไม่ต้องติดต่อมาอีก”
“ไม่จริง เชอร์รี่อย่าทิ้งพี่”
โมกข์จะตาม แต่ถูกชายหนุ่มผลักออก แล้วชกพลั่ก โมกข์หน้าหงายคว่ำไปกองกับพื้น
อ่านต่อหน้า 2
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 4 (ต่อ)
บนท้องฟ้ามีเมฆครึ้มๆ เหมือนฝนจะตก
โมกข์เดินเตร็ดเตร่มาตามทางเดินข้างถนน ท่าทางโมกข์ดูล่องลอย เสียอกเสียใจ มีผู้คนที่เดินรีบๆ หนีฝน สวนมาชนไหล่โมกข์จังๆ โมกข์เซๆ ไปตามแรง ถอยไปชนคนอีกคน ก็ถูกผลักออกมาอีก โมกข์หมดแรงนั่งทรุดที่ขอบทางฟุตบาท
“ทำไม ทำไมต้องหลอกกันด้วย ฮือๆ มีแต่คนใจร้าย หลอกลวง เพื่อนก็หลอก น้องเชอรี่ก็หลอก ไม่มีใครจริงจังเลย ไม่มีเลยสักคน”
ปะการังกำลังขับรถกลับถึงบ้านขณะคุยโทรศัพท์กับอาทิตย์
“ถ้าโมกข์เค้าไม่อยากมา ก็ไม่ต้องฝืนใจเค้าหรอกคุณอาทิตย์ ไม่ต้องนัดใหม่แล้ว เสียเวลา แค่นี้นะ ชั้นถึงบ้านแล้ว” ปะการังวางสาย กำลังรอประตูบ้านเปิด อยู่ๆ มีคนเดินตากฝนออกมายืนขวางหน้าประตู “ใครน่ะ”
ปะการังพยายามมอง คนๆ นั้นเดินมาใกล้รถ พบว่าเป็นโมกข์
“โมกข์”
“ปะการัง”
แล้วโมกข์ที่ท่าทางอ่อนเพลียมาก ตากฝนเปียกโชก ก็หมดแรงทรุดไปกับพื้น ปะการังตกใจ รีบออกจากรถไปดู ประคอง เรียกโมกข์ๆๆๆ
โมกข์นอนอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกไม่ได้สติ ปะการังยืนมองอยู่ ท่าทางห่วงใย ปนขัดเคืองใจ
“คิดอะไรอยู่ เดินตากฝนทำไม เสียสติแล้วหรือไง” คนรับใช้ ถือผ้าขนหนูกับชุดใหม่มา “เดี๋ยวชั้นจัดการเอง”
ปะการังเอาผ้าขนหนูซับเนื้อตัวโมกข์ โมกข์ได้สติ สลึมสลือ
“ปะการัง ปะการัง ยัยแม่มด”
“นี่! คุณเรียกชั้นว่าแม่มดเหรอ คุณมันทุเรศ ทั้งดื้อ ทั้งบ้า ชั้นไม่รู้จะพูดยังไงดี คิดว่าชั้นอยากบงการชีวิตคุณนักเหรอ ก็ดูคุณสิ ทำตัวแบบนี้ แล้วชั้นก็ต้องมาคอยตามล้างตามเช็ดแบบนี้ คิดว่าสนุกเหรอ”
“ยัยแม่มดร้าย ที่ผม...รัก” ปะการังอึ้งๆ สักพักโมกข์ลืมตา ได้สติ “คุณ”
“แม่มดร้าย”
“ปะการัง ผมขอโทษนะ ผมผิดไปแล้ว คุณให้อภัยผมนะ”
“อยู่เฉยๆ ชั้นจะเช็ดตัวให้ นอนไป”
“แต่”
“อยู่เฉยๆ”
โมกข์นอนให้ปะการังเช็ดตัว
วันต่อมา มัทนีเดินฉับๆ มาที่หน้าห้องทำงานของปะการัง
“สวัสดีค่ะ มัทนี จากมูลนิธิหญิงเพื่อหญิงค่ะ”
“อ๋อ คุณปะการังท่านรออยู่ค่ะ เชิญเลยค่ะ”
เลขานำพามัทนีเข้าไปในห้องทำงาน ปะการังนั่งทำงานอยู่
“สวัสดีค่ะคุณปะการัง ไม่ทราบว่าที่เรียกดิชั้นมาพบด่วน เป็นเรื่องอะไรคะ”
“เรื่อง คุณโมกข์ สามีดิชั้นน่ะ”
“อ้อ คุณคงทราบเรื่องอาการป่วยคุณโมกข์แล้วใช่มั้ยคะ ถึงได้โทรเรียกดิชั้นมาพบด่วน”
“ป่วย? ใครป่วย?” ปะการังทำหน้างงๆ
“ก็คุณโมกข์ไงคะ จริงๆ แล้วดิชั้นก็กำลังจะมาเรียนบอกคุณพอดี คือคุณโมกข์ ตอนนี้แกป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายค่ะ อาการหนักมาก แพทย์บอกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินเดือน”
“เธอเอาที่ไหนมาพูด โมกข์ไปป่วยอะไรเมื่อไหร่”
“ก็เมื่อวันก่อน ดิชั้นเพิ่งไปพบเค้าที่โรงพยาบาลมาค่ะ”
อยู่ๆ โมกข์ผลักประตูเปิดเข้ามา
“ที่รักจ๊ะ ผมเอาเอกสาร...” โมกข์ชะงักที่เจอมัทนี “อ้าว คุณ...”
“คุณโมกข์ อ้าว ทำไม...หรือว่า คุณสองคน อยากจะใช้เวลาสุดท้ายด้วยกัน แหม งั้นก็น่าจะไปพักผ่อนนะคะ ไม่น่ามาทำงาน”
“โมกข์ป่วยอะไร ตรงไหน มะเร็งอะไร ทำไมชั้นไม่เห็นรู้เรื่อง”
“เอ่อ คือว่า...”
“อ้าว นี่คุณปะการังยังไม่ทราบเหรอ”
“โมกข์ป่วยเป็นอะไร โมกข์อึกอัก ลำบากใจที่จะตอบ ก้มหน้า “โมกข์ ตอบมา ว่าป่วยหรือไม่ได้ป่วย”
โมกข์ส่ายหัวแทนคำตอบ
“ป่าววว”
“อ้าว แล้วที่ชั้นไปเจอที่โรงพยาบาลล่ะ หมายความว่าไง นี่พวกคุณหลอกชั้นเหรอ นายอาทิตย์”
มัทนีแค้นมาก
มัทนีเดินออกจากลิฟต์ไปตามทางเดินจะไปที่รถ มัทนีแทบจะชนทุกคนที่ขวางหน้า หน้าตาโกรธจัด เหี้ยมมาก พร้อมฆ่าคนทุกเมื่อ ผู้คนแหวกๆ ออก กลัวๆ ระหว่างนั้นเอกชเยศร์มาดักรอพบมัทนีอยู่ เอกชเยศร์ตามหามัทนีเห็น รีบวิ่งมาหา
“มัท มัทๆ”
“เอก”
มัทนีเดินต่อไป เอกชเยศร์เดินตามพูด
“เอกอาจจะผิดที่ทิ้งมัทไว้ที่ชะอำ แต่มัทก็ต้องเข้าใจด้วยว่ามัทก็ผิดเหมือนกัน เอกจะให้โอกาสมัทมาเคลียร์ปรับความเข้าใจกับเอก”
“มัทไม่ว่าง”
“โกหก เอกเช็คจากตารางคิวงานที่มูลนิธิแล้ว พอเสร็จนัดนี้ มัทจะมีนัดอีกทีก็เย็นๆ”
“มัทมีเรื่องด่วนต้องไปเคลียร์กับนายอาทิตย์ เอกหลบไปก่อน”
“นายอาทิตย์อีกแล้ว สรุปมัทกับมันมีอะไรกันแน่ๆ ใช่มั้ย มัทจะเลิกคบกับเอกแล้วไปคบกับมันใช่มั้ย เพราะอะไร เพราะเอกไมล่ำหรือเพราะเอกไม่ได้สักชินจัง”
“สักชินจัง อะไร”
มัทนีทำหน้าแปลกใจ
“มัทก็น่าจะรู้ว่า ใครที่สักชินจัง คนที่มัทไปกอดนัวเนียด้วยไง”
“เอกพูดเรื่องอะไร มัทชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ”
“เอกสิต้องพูดว่าทนไม่ไหวแล้ว ต่อหน้าเอก มัทก็ทำซื่อใสไร้พิษภัย แต่ลับหลัง มัทก็ไปนัวเนียกับพวกนายอาทิตย์ พอถูกจับได้ก็ไม่ยอมรับ จะต้องให้เอาหลักฐานมาตีหน้าใช่มั้ย เอ้า ดูเลย ทั้งภาพและคลิป ดูซะ”
เอกชเยศร์ยื่นมือถือตัวเองส่งให้มัทนีดู มัทนีดูภาพและคลิปทั้งหมด ตกใจ ช็อก ปรี๊ดแตก
“นี่มันอะไรเนี่ย ภาพพวกนี้มาจากไหน ภาพนี้ ท่าทางนี้ คลิปนี้ นี่มันฝีมือนายอาทิตย์นี่ นี่มันทำขนาดนี้เลยเหรอ นายอาทิตย์”
มัทนีฉุนขาด ผลักเอกชเยศร์ที่ขวางทางออก แล้วไปขึ้นรถออกไปทันที
“จะไปไหน กลับมาง้อเอกเดี๋ยวนี้นะ มัทนี”
มัทนีขับรถมา ออกอาการบ้าคลั่งมากๆๆ
“นายอาทิตย์ วันนี้นายต้องตายๆ”
มัทนีขับซิ่งสุดๆ บีบแตรไล่ตลอดทาง
ขณะนั้นอาทิตย์กำลังตรวจงานอยู่ที่ร้านคุณนายลิ้นจี่
“อาทิตย์ แพรวามารายงานตัวแล้วค่ะ เสร็จงานยังคะ”
แพรวาบอกขณะเดินเข้ามา
“ต่อให้ไม่เสร็จก็จะหยุดทุกอย่างเอาไว้ก่อน เพื่อแพรวา ดีมั้ยครับ”
“แหม ปากหวาน ค่อยหายคิดถึงหน่อย”
อาทิตย์กำลังควงกับแพรวา จะพากันออกไปหาอะไรทาน แต่อยู่ๆ อายูมิก็เดินเข้ามา
“อาทิตย์ซัง”
อาทิตย์อึ้ง ช็อก
“อายูมิ มาได้ไง”
“อาทิตย์นัดยัยปลาดิบมาด้วยเหรอคะ” แพรวาถามอย่างไม่พอใจ
“เปล่านัด”
“นัดสิก๊ะ ก็เมื่อวานเราโทรศัพท์คุยกัน นัดว่าวันพรุ่งนี้จะไปทานข้าวเที่ยงกัน วันพรุ่งนี้ ก็วันนี้ไง ถูกมั้ยก๊ะ”
“ไม่ใช่ ผมบอกว่าวันพุธนี้ พุธนี้ ไม่ใช่พรุ่งนี้ โถ”
“ว้า แย่จัง ภาษาไทยไม่แข็งแรง” อายูมิเข้ามากอดแขนอาทิตย์ “แต่ไม่เป็นไรก่ะ อายูมิไม่คิดมาก ไปวันนี้แทนก็ได้”
“ไม่ได้ วันนี้อาทิตย์นัดชั้นไว้ อาทิตย์ต้องไปกับชั้น”
“เป็นคนไทย ขัดใจคนต่างชาติได้ไงก่ะ ต้องเสียสละสิก่ะ คนต่างชาติจะได้ประทับใจ”
“เธอ เอาเวลาไปหัดพูดไทยให้ชัดก่อนเถอะ”
“ใจเย็นๆ เอาเป็นว่า เพื่อให้ทุกคนพอใจสูงสุด เราไปด้วยกันทั้งสามคนเลยดีมั้ย”
“ไม่”
อายูมิกับแพรวาพูดออกมาพร้อมกัน
“อาทิตย์ต้องเลือกมา ว่าจะไปกับใคร แต่ถ้าอาทิตย์เลือกไม่ถูกใจ แพรวาไม่ยอมแน่ๆ”
“อาทิตย์ซังเลือกอูมาหมิ อายูมิใช่มั้ยก่ะ”
แพรวากับอายูมิกำลังแย่งกัน อยู่ๆ มัทนีเดินจ้ำเข้ามาถึงชี้หน้าอาทิตย์ด้วยความโกรธจัด
“นายอาทิตย์”
มัทนีไม่พูดพร่ำทำเพลง ทิ้งของที่ถือมาด้วยลง พุ่งตรงไป ฝ่าอายูมิกับแพรวา โดดถีบอาทิตย์จังๆ จนอาทิตย์ถลาเสียหลัก หน้าคว่ำทะลุชั้นดิสเพลย์ยาว่านสูตรคุณนายลิ้นจี่ทันที
ทุกคนตกใจ อาทิตย์โอดครวญคาชั้นดิสเพลย์ มัทนีแค้นมาก
แพรวากับอายูมิตกใจ ร้องลั่น
“อาทิตย์ซัง / อาทิตย์”
ทั้งสองรีบเข้าไป พยายามจะช่วยอาทิตย์ออกจากกองดิสเพลย์
“แค่นี้ยังน้อยไป กับสิ่งที่นายทำกับชั้น” มัทนีบอกอย่างโมโห
“ทำอะไร อย่าบอกนะว่าอาทิตย์ทำอย่างว่า” แพรวาหันมาโวยอาทิตย์ “ไม่จริงใช่มั้ย อาทิตย์ไม่ได้ทำอย่างที่แพรวาคิดใช่มั้ย”
“อายูมิไม่ยอมนะก๊ะ อาทิตย์เจ้าชู้ๆ” อายูมิหยิกอาดทิตย์
“เดี๋ยวๆ เบาๆๆ ช่วยดึงผมขึ้นไปก่อนได้มั้ย”
อาทิตย์บอก ผู้คนทยอยมามุงดูเหตุการณ์
“นายมันสกปรก ต่ำ น่ารังเกียจ น่าขยะแขยงยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ เกิดมาเป็นคนอย่างนาย เกิดเป็นตะกวดดีกว่า” มัทนีด่าเป็นชุด
“โห ด่าแรงมากกก”
มัทนีกระชากคอเสื้ออาทิตย์ขึ้นมา
“ตั้งแต่นี้ต่อไป ชั้นจะจองล้างจองผลาญนาย และแก๊งของนายอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะความผิดเล็กหรือใหญ่ ชั้นจะล้วงลับกระชากตับไตไส้เน่าๆ ของพวกนายออกมาแฉ อย่าหวังจะได้รับความเมตตาจากชั้นอีกเลย พวกนายต้องสิ้นซาก”
พวกผู้หญิงที่มุงดูอยู่ ปรบมือ เฮ สะใจในสิ่งที่มัทนีทำ ลิ้นจี่ปะปนเข้ามาในหมู่คนด้วย
“มันจะมากไปแล้ว” แพรวาผลักมัทนีออก “มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย ไม่งั้น...” แพรวาเงื้อมือ มัทนีสวนขึ้นทันที
“ไม่งั้นทำไม”
แพรวาจ๋อย เพราะมัทนีแรงกว่า แพรวาไม่กล้าพูดต่อให้จบ
“ไม่งั้นจะโดนตบ” อายูมิยุแล้วพูดกับแพรวา “ใช่มั้ยก๊ะ เธอจะพูดแบบนี้ใช่มั้ย เอาเลยสิก๊ะ ตบสั่งสอนเลยก๊ะ”
“ไม่ต้องมายุ หล่อนก็ตบเองสิ”
“พวกเธอไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าพวกเธอเป็นแค่ของเล่น เป็นแค่เครื่องประดับให้เขาควงไปอวดเพื่อน เลิกโง่ซะทีผู้ชายคนนี้ รักใครไม่เป็น นอกจากรักตัวเอง”
พวกไทยมุงผู้หญิงปรบมือเฮอีก
“ชั้นเหลืออดแล้วนะ” แพรวาบอกอย่างโมโห
“ทำตัวเป็นหมาเห่าไม่กัดอยู่ได้ หลบไป อายูมิจะสาธิตวิธีการตบแบบญี่ปุ่นให้ดู ไฮ้”
แพรวากับอายูมิจะเข้าเล่นงานมัทนี แต่อยู่ๆ ลิ้นจี่แผดเสียงดังเข้ามา
“หยุดนะ ร้านชั้นพินาศหมดแล้ว”
“ฝีมือยัยคนนี้”
แพรวาและอายูมิ ชี้มัทนีทันที
“คุณน้า เอ่อ คือ...”
มัทนีจะอธิบาย ลิ้นจี่ทำมือบอกให้มัทนีไม่ต้องพูดอะไร
“พวกเธอออกไปจากร้านชั้นเดี๋ยวนี้” ลิ้นจี่บอก
“ชิ่วๆ ไปๆ” อายูมิไล่มัทนี
“พวกเธอนั่นแหละ เธอสองคนออกไป แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก” ลิ้นจี่ไล่อายูมิกับแพรวา
“ทำไมคุณแม่ไล่พวกเรา” แพรวาถามอย่างแปลกใจ
“พวกเธอไม่มีวันได้ตัวลูกชายชั้นไปนอนกอดแน่ ตาอาทิตย์มีคนรักตัวจริงหวังแต่งแล้ว คือหนูมัทนีคนนี้”
“ห๊า” แพรวากับอายูมิร้องเสียงหลงพร้อมกัน
“หา”
“ฮา”
มัทนีกับอาทิตย์เองก็ตกใจ
“มะ ไม่ ไม่ใช่นะคะ ไม่” มัทนีจะปฏิเสธ
“โถ หนูมัทนีคงจะหึงมากเลยใช่มั้ย ตาอาทิตย์แย่จริงๆ น้าขอโทษแทนด้วยนะ”
ลิ้นจี่โอ๋มัทนี พาแยกออกไป แพรวากับอายูมิยืนช็อก
“อาทิตย์มีตัวจริงแล้ว”
“มี ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
อาทิตย์เองก็ช็อก งงๆ ไม่เข้าใจที่แม่ทำ
ลิ้นจี่พามัทนีแยกออกมาอีกมุมหนึ่ง
“ตาอาทิตย์ไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงสองคนนั้นแน่นอน ถ้าคิดน้าก็ไม่ยอม นายอาทิตย์จะต้องมีหนูคนเดียว หนูมัทไม่ต้องหึงนะ”
“หนูไม่ได้หึง”
“แหมๆ ไม่ต้องเขิน ป้ารู้ ป้าดูออก”
“คุณป้าขา หนูไม่ได้คิดอะไรกับลูกชายป้าเลย”
“จริงอ้ะ”
“จริงค่ะ ถ้าจะคิด ก็คือคิดจะฆ่าเขาให้ตายคามือซะมากกว่า”
“อ๊าย ฟังแล้วหวิวจัง เป็นประโยคเดียวกะที่ป้าเคยพูดให้พ่อของนายอาทิตย์ฟังเลย ชั้นอยากจะฆ่าคุณให้ตายคามือนัก ฮิบฮิ้วววๆ มันช่างกริ๊บกริ๊วหัวใจที่สุด”
“คุณป้าคะ มันไม่ใช่อย่างนั้น หนูมี...เอ้อ มี คนที่หนูคุยด้วยแล้วค่ะ”
“โอ๊ว” ลิ้นจี่นิ่งไปนิด แล้วก็หัวเราะออกมา “มีแฟนแล้วก็ไม่เป็นไร แต่หนูอย่าเพิ่งด่วนสรุป ของยังงี้ต้องดูกันนานๆ เอางี้ เดี๋ยวป้าไปพาตาอาทิตย์มาขอโทษหนูดีมั้ย หนูสองคนจะได้เข้าใจกัน”
“ไม่ต้องค่ะคุณป้า หนูไม่อยากเจอหน้าเค้าอีก”
“แหมๆ ป้าเข้าใจ เห็นความเจ้าชู้ตำตาสดๆ ร้อนๆ แบบนี้ คงต้องใช้เวลาให้ใจเย็นลงนะจ๊ะ”
มัทนีเหนื่อยที่จะพูด
“งั้นก็ แล้วแต่คุณป้าจะคิดก็แล้วกันค่ะ แต่หนูขอฝากคุณป้าไปบอกเค้าด้วยแล้วกันว่าอย่ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตหนูอีก หนูลานะคะ” มัทนียกมือไหว้ลาลิ้นจี่แล้วเดินแยกออกไปเลย ลิ้นจี่เสียดาย แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นแค้นอาทิตย์ที่เหลวไหล
“ไอ้ลูกตัวดี”
ขณะนั้นแพรวากับอายูมินั่งร้องไห้อยู่แถวๆ หน้าร้าน
“ไอ้เรามันตัวสำรองคนหนึ่ง”
แพรวากอดกับอายูมิ ฮือๆ
“อายูมิ แพรวา คือ คือ ทุกคนเข้าใจผิดกันหมดแล้ว” อาทิตย์พยายามจะอธิบาย
“อาทิตย์ซัง อายูมิมีอะไรไม่ดีก๊ะ อาทิตย์ไม่คิดว่าอายูมิคาวาอิ๊แล้วเหรอ” อายูมิทำแก้มป่องน่ารักๆ
“ที่ผ่านมาระหว่างเรา คืออะไร ถ้าอาทิตย์มีตัวจริงอยู่แล้ว แล้วสิ่งที่อาทิตย์พูด สิ่งที่อาทิตย์ทำ มันคืออะไร” แพรวาทวงถาม
“ใช่ มันคืออะไรก๊ะ”
“ผม ผมก็ไม่รู้”
“ไม่รู้ได้ยังไง” แพรวากับอายูมิถามพร้อมกัน
“ก็ไม่รู้จริงๆ แพรวา อายูมิ อย่าถาม อย่ากดดันผมเลย ผมเพิ่งโดนถีบมา สงสารผมเถอะ”
แพรวาตบหน้าอาทิตย์ เพี๊ยะ!
“คนหลอกลวง แพรวาจะฟ้องพ่อ คอยดู” แพรวาสะบัดหน้าออกไป
“แพรวา เดี๋ยวก่อน”
“อาทิตย์ซัง” พออาทิตย์หันมา อายูมิก็ตบหน้าอาทิตย์ เพี๊ยะ! “อายูมิไม่ใช่วาซาบิ ที่เอาไว้จิ้มๆ ให้ซี้ดขึ้นจมูกนะก๊ะ”
แพรวา อายูมิสะบัดก้นเดินออกไปหมด อาทิตย์งุนงง
ลิ้นจี่เดินกลับเข้ามา อาทิตย์จึงถามทันที
“แม่ทำอะไร แกล้งผมทำ...ไม...”
อาทิตย์พูดไม่ทันจบ ลิ้นจี่ก็ปราดเข้ามาดึงหู
“ชั้นช่วยแก ไม่ได้แกล้งแกซะหน่อย ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ หือ กะล่อนดีนัก สมน้ำหน้า”
“โอ๊ยๆ แม่ เจ็บๆ แม่ ปล่อยก่อน อายพนักงาน”
“ไม่ต้องร้อง ชั้นจะปล่อยแก แต่แกต้องไปขอโทษหนูมัทนี เข้าใจมั้ย”
“ขอโทษอะไร เค้าถีบผมนะแม่”
“อย่าคิดว่าชั้นไม่รู้จักนิสัยแก ที่หนูมัทโมโหขนาดนี้ ก็เพราะแกต้องไปทำเค้าก่อน แกต้องไปง้อ ขอโทษหนูมัท”
“ไม่” ลิ้นจี่ดึงหูมากขึ้น “โอ๊ยยย”
“จะไปมั้ย”
“โอเคๆ ไปๆ ปล่อยผมเถอะ”
ลิ้นจี่ปล่อยมือ
“ไป ไปเดี๋ยวนี้เลย”
อาทิตย์ทำเป็นไม่ได้ยิน
“หือ อะไรนะ แม่พูดอะไร ผมไม่ได้ยินเลย หรือว่า ผมจะหูตึงแล้ว แม่ทำผมหูตึง แย่แล้วๆ งั้นผมไปหาหมอก่อนนะ”
อาทิตย์รีบชิ่งวิ่งหนีไป
“อาทิตย์ หน็อยๆ ไอ้ลูกคนนี้ ไหลได้ไหลไป ชั้นจะทำให้แกไหลไม่ออก คอยดู”
อีกด้านหนึ่งที่สถานีวิทยุ จำเนียรอยู่ในห้องออกอากาศ
“ผู้ชายที่ไม่เจ้าชู้ก็เหมือนงูไม่มีพิษ มันก็แค่คำพูดสวยๆ ที่พวกผู้ชายหน้าภาชนะหุงต้ม สร้างขึ้นมากล่อมให้ผู้หญิงเรายอมรับสันดานของมัน ถามจริง ถ้ามีงูพิษในบ้าน เราจะเก็บไว้เหรอ เราต้องตี ตีๆ อิชั้นไม่ได้สนับสนุนความรุนแรง แต่อิชั้นจะไม่มีชีวิตคู่อยู่กับความหวาดระแวง นอนกระสับกระส่าย เพราะไม่รู้ว่าไอ้งูพิษมันจะมาแว้งกัดเราเมื่อไหร่ สำหรับคุณผู้ฟังที่หลงผิดใช้ชีวิตคู่อยู่กับงูพิษอยู่ เชื่อดิชั้นเถอะ แล้วคุณจะมีความสุข”
“วันนี้ต้องขอบคุณคำตอบแรงๆ จากกูรูความรัก คุณจำเนียรมากครับ สัปดาห์หน้าพบกันใหม่ ช่วงนี้ไปฟังเพลงกันครับ”
ดีเจตัดไปเข้าช่วงเพลง จำเนียรถอดหูฟัง จะลุกออกจากห้องส่ง
“คุณจำเนียรค่ะ มีคนมาขอพบค่ะ” ทีมงานบอก
“ใครคะ”
ลิ้นจี่เดินเข้ามา
“อิชั้นเองค่ะ”
จำเนียรอึ้งๆ ลิ้นจี่ยิ้มตาวาว
ที่มุมรับรองในสถานีวิทยุ ลิ้นจี่หยิบซองการ์ดเชิญให้จำเนียร
“การ์ดเชิญงานเปิดร้านสปาของอิชั้นค่ะ”
“โถ คุณนายลิ้นจี่มาเอง เพื่อเชิญอิชั้นเลยเหรอคะ ไม่น่าต้องลำบากเลยโทรศัพท์มาบอกก็ได้”
“เชิญกูรูความรักทั้งที ต้องมาด้วยตัวเองสิคะ ยังไงคุณจำเนียรต้องมาเป็นเกียรติด้วยนะคะ”
“ถ้าลูกค้าผู้ชายเห็นหน้าอิชั้น แล้วเตลิดหนีไปหมด อิชั้นไม่รับผิดชอบนะคะ ฮะๆ”
“เอ้อ แล้วไม่ทราบว่า หนูมัทนีจะไปร่วมงานด้วยหรือเปล่าคะ”
“ไปสิคะ ทำไมจะไม่ไป”
“ก็ วันก่อน อิชั้นเห็นตาอาทิตย์กับหนูมัทนี มีปัญหาอะไรกันก็ไม่ทราบ แต่ท่าทางหนูมัทดูจะไม่พอใจมาก”
“เหรอคะ อิชั้นไม่ทราบเรื่องนี้เลย”
“พูดตรงๆ นะคะ อิชั้นปลื้มในตัวคุณจำเนียรมากๆ แต่พอเห็นเด็กๆ มีปัญหา อิชั้นไม่สบายใจเลย เราสองคนเป็นมิตรที่ดีต่อกันขนาดนี้ อิชั้นก็อยากให้เด็กๆ ปรองดอง เข้าอกเข้าใจ และรู้สึกดีๆ ต่อกัน เหมือนเราสองคน”
“เหมือนเราสองคน?”
“ค่ะ เหมือนเราสองคน แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี”
“วันเปิดสปา อิชั้นขอรับรองว่า ยัยมัทนีจะไปด้วยแน่ๆ ค่ะ แล้วเด็กๆ สองคน จะได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกัน เรียนรู้กันและกัน ดีมั้ยคะ” จำเนียรบอก
“ดีที่สุดค่ะ”
ลิ้นจี่กับจำเนียรยิ้มแย้ม ตาแวววาวให้แก่กัน ต่างคนต่างรู้กัน
เมื่อเสร็จงานจำเนียรเดินดูเวลา ออกมาที่หน้าตึกจะตรงไปโบกเรียกแท็กซี่ แต่สักพักมัทนีก็ขับรถเข้ามาจอดเทียบ มัทนีรีบร้อนลงมา
“คุณแม่ มัทมาแล้วค่ะ”
“แม่กำลังจะไปเรียกแท็กซี่กลับบ้านเองอยู่แล้ว ทำไมมาสาย รถติดเหรอ”
“เปล่าค่ะ คือ”
เอกชเยศร์ก้าวลงจากรถมาอีกคน
“สวัสดีครับคุณน้า”
“มัทแวะไปรับเอกที่บ้านมาน่ะค่ะ”
“มัทๆ แดดแรงขนาดนี้ ถือร่มให้ที” เอกชเยศร์กางร่มและส่งให้มัทนี “เราสองคนเข้าใจกันดีแล้วครับคุณน้า ต่อไปนี้จะไม่มีอะไรมาทำให้แตกแยกกันได้อีก ไอ้พวกลูกเศรษฐีหนักแผ่นดิน ที่มันเห็นคนจนเป็นของเล่น พวกมันคงไม่รู้ ว่าสิ่งนึงที่คนจนมี แต่พวกมันไม่มีก็คือ คนจนๆ มีรักแท้ ที่อะไรก็ทำลายไม่ได้”
จำเนียรนึกระอาเอกชเยศร์
“ยัยมัท พาแม่กลับบ้าน แม่เวียนหัว อยากอ้วก”
“ค่ะๆ”
มัทนีจะเปิดประตูให้จำเนียร เอกชเยศร์รีบบอก
“มัทต้องไปส่งเอกที่ทำงานก่อนนะ แล้วค่อยไปส่งคุณแม่ที่บ้าน”
“ค่ะๆ”
“ทำไมต้องไปส่ง ไม่ต้องไป นั่งแท็กซี่ไปเอง” จำเนียรบอก
“แต่มัทรับปากแล้ว” เอกชเยศร์บอก
“เอ่อ” มัทนีอึกอัก ไม่รู้ยังไงดี “แม่คะ คิดว่านั่งรถเล่นแล้วกันนะคะ แป๊บเดียวเองนะคะ”
“งั้นชั้นกลับแท็กซี่ เชิญไปสวีทกันให้เต็มที่เถอะ”
“คุณแม่คะ”
จำเนียรไม่สนใจ เดินไปโบกเรียกแท็กซี่
“คุณแม่มัทแจ๋วมากเลย แมน เก่ง ดูแลตัวเองได้ ไม่เหมือนคนแก่ๆ ทั่วไป เอกชอบมากผู้หญิงแบบนี้” เอกชเยศร์บอก มัทนีมองตามแม่อย่างไม่สบายใจ
ที่บ้านมัทนี เหน่ง โหน่งกำลังทำงานบ้านไป เปิดฟังวิทยุไป ฮัมเพลงตาม อารมณ์ดี
“ช่วงนี้เรามีสายรออยู่แล้ว สวัสดีครับ คุณอะไรครับ” เสียงดีเจดังอยู่ในวิทยุ
“สวัสดีครับ เรียกผมว่า ชายที่ถูกลืมแล้วกันครับ” เสียงหาญดัง เหน่งกับโหน่งชะงัก คุ้นๆเสียง หันมาเงี่ยฟัง
“คุณชายที่ถูกลืม วันนี้มีอะไรจะเล่าสู่กันฟังครับ” ดีเจถาม เหน่งกับโหน่งขยับมาฟังใกล้ๆ ขณะนั้นหาญกำลังโทรมือถืออยู่ ใกล้ๆ ศาลพระภูมิ
“สวัสดีครับพี่ดีเจ ผมไม่รู้จะปรึกษาใครแล้ว ฝากพี่ดีเจตามหาแฟนผมที เธอชื่อนก เธอหายไป ไม่รับสาย ไม่โทรกลับ ผมได้แต่หวังว่าเธอจะฟังพี่ดีเจบ้าง”
“แกว่า เสียงคุ้นๆ มั้ย” เหน่งถามโหน่ง
“คุ้นมาก เหมือนได้ยินอยู่บ่อยๆ”
“ผมอยากบอกเธอว่า...” หาญร้องเพลง ฝุ่น ของบิ๊กแอส “ยังคิดถึงเธอเหลือเกิน ได้ยินมั้ย เธอยังอยู่ในหัวใจ ของฉัน ข่มตานอนทุกคืน ยังฝันยังเห็นว่าเรารักกัน”
“ชั้นว่าชั้นต้องรู้จักคนๆ นี้แน่ๆ มันติดอยู่ตรงนี้ๆ ใครนะๆ” เหน่งบอก
“คิดเหมือนกันเลย ใครนะๆ” โหน่งบอกแล้วมองไปไกลอีกด้านนึง เห็นหาญ ถึงกับตาโต “หรือว่าจะเป็น...”
หาญยังร้องเพลงต่อ
“เธออยู่ที่ไหน คิดถึงเธอ ชาตินี้ไม่มีสิทธิ์เจอ หมดแล้วชั้นเข้าใจ”
อยู่ๆ จำเนียรเดินจูงท่วมมุ่งเข้ามาด้านหลังหาญ
“คุณหาญ”
อ่านต่อหน้า 3
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 4 (ต่อ)
หาญได้ยินเสียง ค่อยๆ เปลี่ยนจากการร้องเพลง กลายเป็นการสวดมนต์ เนียนๆ ไป
“อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง วัจจะโส ภะคะวา อิติปิ โส ภะคะวา สัมมาสัมพุทโธ วัจจะโส ภะคะวา อิติปิ โส ภะคะวา วิชชาจะระณะสัมปันโน วัจจะโส ภะคะวา เอ่อ สักครู่นะขอรับหลวงพี่” หาญหันมาหาจำเนียร “กลับมาแล้วเหรอพอดีว่าหลวงพี่ท่าน จำบทสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏกไม่ได้ เลยโทรมาให้ช่วยทวนน่ะ ขอตัวก่อนนะ”
“คุณก้าวหน้าถึงขนาดสอนพระเชียวเหรอคะ” จำเนียรยกมือไหว้ “อิชั้นอนุโมทนาบุญด้วย สาธุ” หาญเดินสวดมนต์แยกออกไป ท่วมทุ่งมองตามหาญ หอนโหยหวน “หอนทำไม หยุดนะ ท่วมทุ่ง ทำยังกะเจอผีไปได้”
เหน่งกับโหน่งวิ่งออกมา มองตามหาญไปตลอด
“คุณผู้ชายสวดมนต์เหรอ สวดมนต์จริงๆ เหรอ”
“นังเหน่ง นังโหน่ง ทำอะไรของแก ไม่มีงานการทำเหรอ”
เหน่ง โหน่งงงๆ รีบไปทำงานต่อ
สักพักมีรถมาจอด นรีลงจากรถมา
“สวัสดีค่ะคุณป้า นรีขอคุยด้วยได้มั้ยคะ”
นรีกำลังพูดกับจำเนียรอยู่ในห้องรับแขก
“นรีไม่อยากให้ยัยมัทนีไปสนิทสนมกับคุณอาทิตย์ค่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“คุณป้าคะ คุณอาทิตย์ เค้าเป็นเพื่อนแก๊งเดียวกับอเนก นรีเห็นเค้ามาที่บ้านบ่อยๆ แล้วนรีก็ได้เห็นพฤติกรรมของเค้า และคนอื่นๆ ด้วย นรีกลัวยัยมัทจะพลาดท่า แล้วจะต้องมาเสียใจทีหลัง เลยมาเตือนไว้”
ท่วมทุ่งเอียงคอ ตั้งใจฟัง จำเนียรอึ้งไปนาน
“ขอบใจเธอนะที่หวังดี มีน้ำใจมาบอกกล่าวกัน”
“คุณป้าต้องปรามยัยมัทด้วยนะคะ คนพวกนี้เจ้าชู้ กะล่อน เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น ไม่มีใครมีดี ไม่มีใครน่าคบเลยสักคนเดียว”
“เหรอ เอิ่ม งั้นพ่ออเนกล่ะ อยู่แก๊งเดียวกัน ก็คงจะไม่น่าคบเหมือนกันสิ ใช่มั้ย” จำเนียรย้อนถาม นรีอึ้ง
“เอ่อ”
จำเนียรมองนรีอย่างหยั่งลึก
“คบคนเช่นไร ก็ย่อมเป็นคนเช่นนั้นใช่ไหม หรือเธอคิดว่าพ่ออเนกของเธอ เป็นข้อยกเว้นล่ะ” นรีอึ้ง จำเนียรกอดจูบท่วมทุ่ง “เฮ้อ แกโชคดีแค่ไหน ที่เกิดเป็นหมานะ ท่วมทุ่ง คบเจ้านาย คือชั้นแค่คนเดียว สบายใจ ไม่ต้องคิดมาก”
คืนนั้นเมื่อนรีกลับมาที่บ้าน เปิดไฟ พบว่าบ้านเงียบสนิท อเนกยังไม่กลับมา
“ยังไม่กลับอีก ช่างเถอะ เรื่องของเค้า”
นรีพยายามทำตัวปกติ วางข้าวของ ทิ้งตัวลงนั่ง สักพักมือถือดัง นรีหยิบมาดูเบอร์ เป็นอเนก นรีชั่งใจว่าจะรับหรือไม่ แล้วก็วางมือถือลง แล้วลุกไปหยิบน้ำมาดื่ม ปล่อยให้มือถือดังอย่างนั้น สักพักโทรศัพท์ที่บ้านดัง นรีชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจรับสาย
“ฮัลโหล”
อเนกอยู่ที่โรงงานกระเป๋าแบรนด์เนมของตัวเอง
“นรี ทำไมไม่ยอมรับสายผม ทั้งวันเลย”
“ก็ ไม่อยากรับ ไม่มีอารมณ์”
“เพิ่งถึงบ้านเหรอ สอนนักศึกษาน้อยๆ ลงบ้างเถอะคุณ พักบ้าง เอ้อ ผมจะโทรมาบอกว่า เจ้าอาทิตย์มันส่งการ์ดมาเชิญไปงานเปิดสปาคุณนายลิ้นจี่ พรุ่งนี้เช้าไปด้วยกันนะ”
“มีอะไรอีกมั้ยคะ”
“วันนี้ผมคงกลับดึก มีออเดอร์กระเป๋าเยอะมาก คุณไม่ต้องรอผมนะ”
“ถ้าลำบากมาก ไม่ต้องกลับก็ได้”
“ได้ๆ ผมก็คิดอยู่ว่าอาจจะต้องค้างที่นี่ งั้นแค่นี้นะ”
นรีสุดทน กับความไม่รู้ร้อนรู้หนาวของอเนก
“ไม่รู้ตัวเลยใช่มั้ย” อเนกชะงัก งง
“อะไร”
“ยังจะมาพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อีก ที่ชั้นไม่รับสาย ไม่โทรกลับทั้งวัน ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าชั้นโกรธคุณอยู่”
“โกรธผม? อ้าวเหรอ เรื่องอะไร”
“ชั้นงี่เง่าเองคนเดียว งอนเอง แล้วก็ต้องหายเองอีกแล้วใช่มั้ย คุณไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไรด้วยเลย ถ้าชั้นหอบข้าวของหนีออกจากบ้านไป คุณก็คงคิดว่าชั้นไปพักร้อนสินะ เคยห่วงใย ใส่ใจ แคร์กันบ้างมั้ย ทีกับก๊วนเพื่อนๆ ชั้นไม่เคยเห็นคุณเย็นชาด้วย เหมือนที่ทำกับชั้นเลย”
“โอเคๆ ผมผิดเอง ผมขอโทษแล้วกัน”
“รำคาญใช่มั้ย ขอโทษส่งๆ ไปให้มันเลิกบ้า ใช่มั้ย ถ้าพูดแค่นี้รำคาญ ต่อไปชั้นจะไม่พูดอีก”
“ผมไม่ได้รำคาญ ก็คุณอยากให้ผมขอโทษ”
“ชั้นพูดเหรอ”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง ก็บอกผมมาสิ ผมยังมีงานต้องทำอีกนะ”
“งั้นก็เชิญไปทำงานให้สนุกเถอะ”
นรีวางสายกระแทกทันที ปัง
“อะไรของเค้าวะ” อเนกมองโทรศัพท์อย่างงๆ
นรีทรุดตัวนั่ง อารมณ์เสีย
เช้าวันใหม่ที่สปาของลิ้นจี่ ลิ้นจี่อยู่ในชุดผ้าไหมเข้ารูปทันสมัยสีเข้าโทนกันกับสีชุดพนักงานสปาที่เป็นชุดไทยผ้าซิ่น มีดอกไม้เสียบที่มวยผม กำลังยกมือไหว้ต้อนรับแขกที่มาในสปา
“สวัสดีค่ะ นี่ค่ะ ของที่ระลึก เชิญด้านในเลยนะคะ” ลิ้นจี่แจกชุดแพ็กเกจผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของตน
แท่น โทนี่ โมกข์เข้ามาในงานพร้อมกัน
“สวัสดีครับคุณแม่”
ลิ้นจี่หันมา พอเห็นหน้าเพื่อนๆ ลูกก็หุบยิ้ม รับไหว้อย่างเย็นชา หน้าบึ้ง
“อาทิตย์ชวนมาเหรอ”
“ใช่ครับ” โมกข์ยื่นกระเช้าดอกไม้ให้ “คุณปะการังฝากมาครับ เธอฝากมาขอโทษด้วยที่มาไม่ได้ พอดีเธอต้องประชุมกับหุ้นส่วนต่างชาติน่ะครับ”
“หึๆ คุณแม่ค้าบบ พวกเราไปทดลองนวดเลยได้มั้ยอ่ะค้าบบ” โทนี่ถาม
“รอท่านประธานมาเปิดงานก่อน คนอื่นถึงจะใช้บริการได้”
“งั้น มีแคตตาล็อกรูปภาพน้องๆ มั้ยครับ” โทนี่ถามต่อ
“ผู้จัดการร้านอยู่ไหน ทำไมไม่มาคอยเชียร์แขก จะได้รู้ว่าน้องคนไหน รูปร่างหน้าตาเนื้อตัวเป็นไง เก่งแบบไหน งานเป็นยังไง ทำอะไรได้หรือไม่ได้” แท่นบอก
“ชั้นไม่มีของพรรค์นั้นหรอก ชั้นเปิดสปาเพื่อสุขภาพ ไม่ได้เปิดอาบอบนวด” ลิ้นจี่บอก
“เราทราบครับ แต่ก็มีน้องเบอร์ตองใช่มั้ยครับ” โมกข์บอก
“ไม่มี” ลิ้นจี่บอกเสียงเข้มอย่างไม่พอใจ อาทิตย์วิ่งปราดเข้ามาห้าม
“คุณแม่ครับๆ อย่าๆ วันนี้เป็นวันดี เป็นมงคล เราต้องไม่ด่า ไม่โมโห อารมณ์ดี ยิ้มไว้นะครับ กิจการจะได้รุ่งเรืองๆ” อาทิตย์หันไปทางเพื่อน “พวกแก มานี่เลย”
อาทิตย์รีบลากเพื่อนๆ แยกออกไป ลิ้นจี่สูดลมหายใจยาวๆ แล้วก็ยิ้มแย้มรับแขกต่อไป
อาทิตย์ลากพวกเพื่อนๆ มาอีกด้าน
“พวกแกอย่าเล่นของสูงได้มั้ยวะ เดี๋ยวแม่ชั้นของขึ้น จะซวยกันยกแก๊ง”
“พวกเราก็แค่ช่วยแนะนำระบบจัดการแบบมืออาชีพให้”
“ระบบอาบอบนวดเนี่ยนะ ที่นี่สปาเพื่อสุขภาพ เราขายการนวด ขายการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพร”
“เด็กที่นี่ แหล่มมั้ย” โทนี่ถาม
“แหล่ม เฮ้ย ให้เกียรติพนักงานร้านชั้นหน่อย หยุดๆๆ แล้วไอ้อาจารย์ใหญ่ไม่มาอีกเหรอ” อาทิตย์ถามหาอเนกอยู่ๆ พวกพนักงานสปาที่เป็นสาวสวย ในชุดพนักงาน เดินถือถาดเครื่องหอม ลูกประคบ เรียงขบวนผ่านไป ประหนึ่งขบวนแห่ แท่น โทนี่ โมกข์ รวมถึงอาทิตย์ ตะลึง
“แหล่มตั้งแต่หัวขบวน ยันท้ายขบวนเลย” โมกข์บอก
“ชั้นจะกินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว” แท่นบอก ขณะที่โทนี่กำลังถ่ายคลิปสาวๆ อยู่
“ขอตัวไปจองคิวนวดก่อนนะ”
โทนี่บอก พวกเพื่อนๆ รีบตามขบวนพนักงานสาวไป อาทิตย์เซ็ง
ด้านหน้าร้านสปา มัทนีถือกระเช้าดอกไม้ตามจำเนียรและหาญเข้ามา
“ต่อไป เวลาปวดหลัง คุณแม่ก็สบายแล้วสิคะ เพื่อนคุณแม่คนไหนคะ มัทรู้จักหรือเปล่า”
“เข้าไปด้านในเถอะ” จำเนียรหันมองข้างๆ ไม่เห็นหาญ จึงมองหาเห็นหาญยืนกดมือถืออยู่ด้านหลัง “คุณหาญ”
“มาแล้วๆ”
ลิ้นจี่เดินออกมาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะคุณจำเนียร คุณหาญ หนูมัทนี นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”
“คุณนายลิ้นจี่เปิดสปาทั้งที ไม่มาได้ยังไงคะ ยินดีด้วยนะคะ” จำเนียรบอก
“สปาของคุณนายลิ้นจี่เหรอคะ แม่?” มัทนีถาม
“เอาดอกไม้ให้สิจ๊ะ” จำเนียรบอก มัทนียื่นดอกไม้ให้ลิ้นจี่
“อีกเดี๋ยวท่านประธานของงานจะมาถึงแล้ว จะได้ลองใช้บริการกันทุกคนเลยนะคะ อ้ะ ของที่ระลึกวันเปิดร้านค่ะ”
“ยาว่านชักมดลูกสูตรคุณนายลิ้นจี่ ว้าว กำลังอยากได้อยู่พอดี”
“แม่คะ มัทขอตัว”
จำเนียรจับมือมัทนีแน่น ไม่ให้หนี
“จะไปไหน”
“จะไปห้องน้ำใช่มั้ย เชิญด้านในเลย ห้องน้ำ ของว่าง แล้วก็” ลิ้นจี่สบตากับจำเนียร รู้กัน “อะไรๆ ใครๆ ก็อยู่ด้านในหมดเลยค่ะ”
“เหรอคะ งั้นไปๆ พวกเรารีบๆ เข้าไปด้านในกันเร็วๆ ยัยมัท”
จำเนียรลากมัทนีเข้าไป
หาญมาด้อมๆ มองๆ ถามลิ้นจี่
“เอ่อ คุณนายลิ้นจี่ครับ ของที่ระลึกเนี่ย สำหรับผู้ชายก็แจกยาว่านชักมดลูกเหมือนกันหมดเหรอครับ”
“อ๋อ ยาว่านของผู้ชายไม่ได้เตรียมมาค่ะ คุณหาญอยากได้เหรอคะ”
“เปล่าๆ ผมแค่ถาม ไม่ได้อยากได้เลยสักนิด ไม่รู้จะเอาไปทำไม”
ลิ้นจี่มองผ่านหาญไป
“ท่านประธาน”
ลิ้นจี่ผละจากหาญ ออกไปต้อนรับประธาน
ประธานของงาน ในมาดนักการเมือง เดินหัวเราะเฮฮาเข้ามา โดยมีพวกสาวๆ 3-4คน เดินห้อมล้อมเป็นบาเรีย
หาญมองตามไป แต่แล้วก็ตะลึง ตาโต เพราะหนึ่งในสาวๆ เหล่านั้น มีน้องนก ปนอยู่ด้วย
“น้องนก”
น้องนกหันมาสบตาหาญ ไม่แสดงอาการผิดปกติอะไร ยิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ควงกับท่านประธานเดินผ่านหน้าหาญไป หาญยืนช็อก
“นก นก นก”
หาญเดินตามเข้ามาแอบมองบริเวณหน้าห้องสปาวีไอพี เห็นลิ้นจี่เชื้อเชิญท่านประธานเข้าไป พร้อมพวกผู้ติดตาม และพนักงานสปา
“พวกเรารอด้านนอกนะคะป๋า”
พวกสาวๆ ยืนรอด้านนอก สักพัก น้องนกเดินแยกจากกลุ่มไป น้องนกเดินลับมุมไปตามทางเดิน จะไปที่ห้องน้ำ อยู่ๆ หาญก็ผวามาดึงตัวเอาไว้
“ทำไมนกทำกับหานนี้ยังงี้”
“หานนี้ ปล่อยนะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” น้องนกผลักหาญออก
“นกใจร้าย ย่ำยีหัวใจหานนี้ ไม่สงสารหานนี้บ้างเหรอ ทำไมอ้ะ หานนี้ไม่ดียังไง หรือหานนี้มีอะไรสู้ใครๆ ไม่ได้”
“หานนี้แก่กว่า อ้วนกว่า แล้วก็จนกว่า”
“เห็นมั้ยว่าหานนี้อยู่ขั้นกว่าทุกอย่าง”
“เรื่องแก่ อ้วน หรือจน นกรับได้ แต่เรื่องความแข็งแรง นกขอบาย นกไม่ใช่พยาบาล นกไม่ชอบปรนนิบัติใคร เข้าใจมั้ย นกต้องการผู้ชายที่แข็งแรงแกร่งกำยำ ทำให้นกอะเมซซิ่ง แล้วป๋าของนกคนนี้ก็ใช่เลย แค่คิดก็...โอ้มายก็อด เยส”
“ตอนนี้หานนี้แข็งแรงมาก ฟิตปั๋ง” หาญเบ่งกล้ามแขน “คืนนี้ให้โอกาสหานนี้พิสูจน์ความฟิตนะ”
“หานนี้ ฟังนะ คนปกติทั่วไป กินข้าวมื้อละหนึ่งหรือสองจาน แต่ป๋าของนกคนนั้น เค้ากินทีเดียว” น้องนกยกมือขึ้นมา ค่อยๆ ไล่นิ้วเพิ่มทีละนิ้วๆ “เจ็ด”
“หา”
“แล้วหานนี้ล่ะ จานเดียวยังกินไม่ไหวเลย เชอะ”
น้องนกเดินจากไป หาญอึ้งๆ แต่ไม่ยอมแพ้
อเนกขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถหน้าสปาแล้วรีบร้อนลงจากรถ
“งานเริ่มไปแล้ว” อเนกหันไปมอง นรียังไม่ลงจากรถ “เอ้า คุณ ทำอะไรอยู่ เรามาสายแล้วนะ ลงมา”
“ถ้ารีบ ก็เข้าไปก่อนสิ”
“เป็นอะไรของคุณอีก”
“ไม่ได้เป็นอะไร”
“เหรอ นั่งหน้าบึ้ง ไม่พูดไม่จามาตลอดทาง ไม่เป็นอะไรเลยยย”
“ก็ชั้นไม่ได้อยากมา”
“จะต้องพูดเรื่องนี้อีกกี่รอบ คุณไม่ชอบนายอาทิตย์ แต่นี่มันสปาคุณนายลิ้นจี่ ไม่เกี่ยวกัน เค้าเชิญมา เราก็ต้องมา เป็นมารยาท”
“อ้อ หาว่าชั้นไม่มีมารยาทเหรอ แล้วสิ่งที่พวกเพื่อนๆ คุณชอบทำ มีมารยาทมากนักสิ”
“ขอร้อง อย่าทำตัวมีปัญหาสักวันได้มั้ย”
“ถ้าชั้นเป็นตัวปัญหา แล้วจะพาชั้นมาทำไม อยากจะสนุกสนานกับเพื่อนฝูงของคุณก็เชิญ ชั้นจะกลับ”
“อ้าว นรีอย่างอนน่า”
นรีเดินจะกลับ แต่แล้วก็ชะงักอยู่ตรงหน้ารถของมัทนี
“รถ นี่มันรถยัยมัท ยัยมัทมาด้วยเหรอ” นรีหันขวับมาจ้องอเนก
“ผมไม่รู้เรื่อง”
“ยัยมัท คิดจะเล่นกะไฟรึไง”
นรีไม่ไว้ใจ รีบเดินพุ่งเข้างานไปทันที
“อาร์ตตัวแม่ของแม่จริงๆ เลยวุ้ย”
ในห้องนวด แท่น โทนี่ โมกข์อยู่ในชุดเสื้อคลุม พร้อมขึ้นนวด
“ห้องรวมก็ดี เป็นบอยแบนด์ปะทะเกิร์ลแก็ง ชั้นถนัด อิๆ”
“ไปตามน้องๆ มาเร็ว เอาแก๊งที่เดินขบวนตะกี้นี้”
แท่น โทนี่ โมกข์ถอดเสื้อคลุมออกทันที เห็นว่าเปลือยแล้วโดดขึ้นไปนอนคว่ำบนเตียงนวด อาทิตย์เดินตามมาหาเข้ามา
“เฮ้ย พวกแก”
“ชั้นกำลังรายงานสดออนไลน์ ให้สมาชิกในเวบบอร์ดห้องนวดอยู่ด้วย สดทุกวินาที รับรองพรุ่งนี้คนมานวดตรึมแน่”
โทนี่บอกขณะถือโทรศัพท์ ถ่ายคลิป แพนส่องไปรอบๆ เพื่อนๆพากันชูสองนิ้ว ยิ้มให้กล้อง แม้แต่อาทิตย์ พอโทรศัพท์แพนมา ก็ยิ้มยิงฟัน แล้วชู 2 นิ้วด้วย พวกพนักงานสปาสาวๆ เข้ามา
“เราพร้อมแล้ว”
แท่น โทนี่ โมกข์บอกพร้อมกัน อาทิตย์ยืนมองพวกเพื่อนๆ ที่ดี๊ด๊าอย่างระอา
ลิ้นจี่เดินตามหาอาทิตย์ผ่านมา ทีแรกจะเดินผ่านห้องไป แต่แล้วก็ชะงัก วกกลับมา
“อาทิตย์ มาทำอะไรอยู่นี่” ลิ้นจี่หันไปเห็นพวกแท่น “แล้วนี่ หน็อย ไอ้พวกนี้” ลิ้นจี่ชี้นิ้วสั่งให้พวกสาวๆ ออกไปให้หมดแบบไม่ออกเสียง ลิ้นจี่กระซิบพนักงานสาวคนนึง ก่อนที่พนักงานจะออกไป
“แม่จะทำอะไร”
“ไม่ต้องถาม แกมากับแม่”
ลิ้นจี่ลากอาทิตย์ออกไป
สักพัก พนักงานชายหนุ่มเข้ามาแทนพนักงานสาว พนักงานชายทั้งล่ำๆ บิดข้อมือดังกร๊อบๆ พร้อมฆ่า พวกแท่นดี๊ด๊า ไม่รู้ชะตากรรม พวกพนักงานชายเข้าไปนวด บีบอย่างแรง
เสียงพวกแท่นร้องกันระงมโวยวาย โอ๊ย อ๊าก เจ็บปวดทรมาน
อีกมุมหนึ่งของสปา มัทนีเดินจ้ำๆ จำเนียรรีบวิ่งมาตาม
“ยัยมัทๆ อยู่ทำสปาก่อนสักคอร์สสองคอร์ส จะได้ไม่เสียมารยาท”
“มัทอยู่จนงานเริ่มขนาดนี้แล้ว ไม่มีใครหาว่าเสียมารยาทแล้วค่ะ ถ้าคุณแม่อยากทำสปาก็ตามสบาย มัทกลับก่อนแล้วกัน”
“กลับก็กลับ งั้น ไปลาคุณนายลิ้นจี่ก่อน คนมีมารยาท ต้องไปลามาไหว้ ไป”
ลิ้นจี่ลากอาทิตย์ออกมา
“แม่ จะพาผมไปไหน”
“เดี๋ยวแกก็รู้”
จำเนียรคว้ามือจะลากมัทนีกลับเข้าไปเจอะกับลิ้นจี่พอดี จำเนียรกับลิ้นจี่รู้กัน แต่ทำเป็นใสซื่อ เหมือนไม่ได้เตี๊ยมกันมาก่อน
“อ้าว คุณนายลิ้นจี่ อิชั้นกับยัยมัทกำลังจะไปลากลับพอดี”
มัทนีเจอหน้าอาทิตย์ ไม่มองหน้าด้วย หันหน้าหนีไป
“มัทขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” มัทนีบอกแล้วจะเดินไป
“เดี๋ยวสิๆ คุณจำเนียร อิชั้นขอเวลาห้านาทีได้มั้ย พอดีอิชั้นเพิ่งทำน้ำยาว่านสูตรใหม่ออกมา อยากให้เอากลับไปชิมดู แต่ว่ามันอยู่ที่ห้องด้านใน” ลิ้นจี่บอก
“อ้าว งั้นดิฉันก็ควรเข้าไปดูของกับคุณ”
“โอ้ว ใช่เลยๆ มาๆ ไปๆ เราไปกันสองคนดีกว่า ดีไหมคะ” ลิ้นจี่หลิ่วตาให้ จำเนียรหลิ่วตอบ
“ดีค่า”
“แม่”
อาทิตย์กับมัทนีพูดพร้อมกัน แล้วทั้งคู่ต่างอึ้งที่พูดพร้อมกัน
“รอแม่ตรงนี้ ห้านาที เดี๋ยวมา” จำเนียรบอก
“แต่...”
“ทำไม หรือว่าไม่กล้าอยู่กับอาทิตย์สองคน”
“ไม่ใช่ค่ะ แต่...”
“ดูแลหนูมัทด้วย เข้าใจมั้ย” ลิ้นจี่สั่งอาทิตย์เสียงเข้ม แล้วลิ้นจี่กับจำเนียรก็รีบจูงกันเข้าไป
“แม่คะ แม่”
“กลัวต้องอยู่กับผมเหรอ หึๆ”
มัทนีไม่ยอมมองหน้าอาทิตย์
ลิ้นจี่กับจำเนียรมาหลบมุม
“หึๆ เด็กๆพวกนี้ ชอบคิดว่าตัวเองแน่ แต่หารู้ไม่ว่าแก่ๆ อย่างเรา เก๋าเกมกว่าเยอะ หึๆ”
“อิชั้นว่า เราไปแอบดูกันดีกว่าค่ะ หุๆ”
ลิ้นจี่กับจำเนียรรีบกลับไปแอบดู
มัทนีพูดมือถืออยู่ มองออกไปทางอื่นตลอด ไม่ยอมหันมองหน้าอาทิตย์เลย
“เอก มัทกำลังรอคุณแม่อยู่ มัทไม่ลืมว่าต้องไปซื้อของเป็นเพื่อนเอกหรอก แล้วมัทจะรีบไป” มัทนีวางสาย
อาทิตย์แกล้งเดินไปเสนอหน้า มัทนีก็หันหน้าไปอีกทาง อาทิตย์แกล้งๆ เดินผ่านไปขวางสายตาอีก มัทนีก็หันหน้าหลบอีก อาทิตย์จะเข้าไปอีก แต่คราวหน้ามัทนีหันขวับมาจ้องพิฆาตทำให้อาทิตย์ตกใจ
“เฮ้ย”
มัทนีลุก ชี้หน้า
“ชั้นขอพูดกับนายครั้งสุดท้าย ถ้าไม่อยากตายหรือคางเหลือง ก็อย่ามายุ่งกับชั้น ไม่งั้น อย่าหาว่าชั้นโหดเหี้ยม”
“โหย กัวจังเรยยย”
“ไปไหนก็ไป”
“เวร ย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ผมแกล้งคุณ คุณถีบผม เจ๊ากันแล้ว” มัทนีหันขวับ
“เจ๊าเหรอ เจ๊ากันเหรอ” มัทนีกำหมัด ท่าเตรียมพร้อมยังกับราชินีนักบู๊ อาทิตย์ถอยกรูด
“ไม่ๆ ไม่เจ๊าก็ได้”
“เมื่อไหร่ผู้ชายอย่างนายจะหมดไปจากโลกนี้ ทั้งหนักแผ่นดิน ทั้งเป็นภาระ ถ่วงความเจริญของประเทศ”
“ถามจริงคุณ มีสักวินาทีมั้ยที่คิดจะสร้างความปรองดองสมานฉันท์ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย”
“มี แต่เฉพาะกับคนดีๆ เท่านั้น”
“คุณรู้ได้ไงว่าผมไม่ดี”
“ยังกล้าถามอีก”
“กล้าตอบมั้ยล่ะ คุณยังไม่ทันรู้จักผมเลยก็ฟันธงซะแล้ว” อาทิตย์คว้ามือมัทนีดึงไว้ “ก่อนจะตัดสินผม เรามาทำความรู้จักกันสักนิดดีมั้ย แล้วคุณจะรู้ว่าผมน่ะ ไม่ได้มีดีที่ความหล่อของร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีความหล่อของจิตใจอีกด้วย”
อาทิตย์เข้ามาใกล้ชิดมัทนี
“แหวะ”
ทันใดนั้นนรีเข้ามา
“ยัยมัท” นรีรีบไปขวาง แยกมัทนีออก “คุณคิดจะทำอะไรยัยมัท”
“ผม เปล่า นะครับ”
“อาทิตย์คะ คุณจะทำอะไรกับผู้หญิงนานาชาติไปจนถึงผู้หญิงจากดาวดวงไหนทั้งจักรวาลก็ได้ แต่อย่ายุ่งกับญาตินรี” นรีกันมัทนีออก “มัท พี่ขอเตือน ถ้ามัทไม่อยากเสียใจ อย่าอยู่ใกล้กับคุณอาทิตย์ เข้าใจมั้ย”
“ผมแค่เห่า แต่ไม่กัดนะคร้าบ”
“พี่นรีไม่ต้องเตือน มัทก็ไม่อยากเข้าใกล้อยู่แล้วค่ะ แค่เห็นหน้าก็อยากจะเอาน้ำมนต์ 9 วัดมาหยอดตาแล้ว”
“นี่อะไร ชมรมคนเกลียดผมงั้นเหรอ”
“ไม่มีใครเกลียดคุณหรอก แต่ต่างคนต่างอยู่ อย่ามาเบียดเบียนกันและกัน”
อเนกวิ่งเข้ามา
“นรี”
“ไอ้อเนก แกก็อยู่ชมรมคนเกลียดอาทิตย์ด้วยหรือเปล่าวะ” อาทิตย์ถามเพื่อน จำเนียรกับลิ้นจี่วิ่งตามออกมา
“ยัยนรี มาทำอะไร” จำเนียรถาม
“คุณแม่ กลับบ้านค่ะ”
มัทนีคว้ามือจำเนียรลากออกไป
“นรี คุณออกมานี่”
อเนกลากนรีออกไป
“จะให้ผมออกไปไหนหรือเปล่าครับมือ อ้ะ” อาทิตย์ยื่นมือให้ ลิ้นจี่มองอาทิตย์แบบไม่สบอารมณ์ อยากเขกกบาลซักโป๊ก
อเนกดึงแขนนรีออกมาที่รถ
“คุณข้ามเส้นมากไปแล้ว คุณเที่ยวเอาวิจารณญาณของตัวเองไปตัดสินคนนั้นคนนี้ไม่ได้ ถ้าคุณยังไม่ได้รู้จักเค้าดีพอ” อเนกต่อว่าอย่างไม่พอใจ
“ทำไมชั้นจะไม่รู้ ชั้นรู้ ชั้นรู้หมดว่าเพื่อนคุณแต่ละคนเป็นยังไง”
“ถึงรู้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะเอาไปเที่ยวโพนทะนา”
“เพราะคุณไม่ยอมพูด ชั้นถึงต้องแฉ”
“แฉเหรอ คุณนึกว่าตัวเองเป็นใคร พี่ติ๋มทีวีพูลเหรอ”
“ชั้นพูดเรื่องจริง ฉันมีหน้าที่ต้องปกป้องญาติชั้น ปกป้องคนบริสุทธิ์ไม่ให้แปดเปื้อน ไม่เหมือนคุณ คุณไม่เคยแคร์อะไรทั้งนั้น”
“ผมว่าคุณพูดจาเว่อร์ไปแล้วล่ะ นรี”
“ใช่สิ ชั้นมันเว่อร์ ชั้นมันพูดมาก น่าเบื่อ น่ารำคาญ”
“ชวนทะเลาะอีกแล้ว”
“ชั้นงี่เง่าใช่มั้ย คุณถึงไม่แคร์ชั้น อยู่กะชั้นแล้วมันไม่สนุก ไม่มันเมาเหมือนเวลาอยู่กับพวกเพื่อนๆ คุณ ถ้าให้คุณเลือกใส่ใจ ชั้นก็คงมาเป็นอันดับสุดท้าย”
“แล้วคุณต้องการให้ผมใส่ใจแค่ไหนคุณถึงจะพอใจล่ะ ผมต้องเลิกคบเพื่อน เลิกทุกสิ่งทุกอย่าง ให้เหลือแต่คุณคนเดียวในชีวิตนี้งั้นเหรอ”
จำเนียรวิ่งเข้ามา
“อะไรๆ ทะเลาะอะไรกัน นรี พ่ออเนก”
อเนกไม่ตอบ เดินพุ่งออกไปทันที นรีร้องไห้ กอดจำเนียร จำเนียรมึน
อ่านต่อหน้า 4
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 4 (ต่อ)
เวลาผ่านไป นรีร้องไห้อยู่ที่บ้านมัทนี
“คุณลุง คุณป้า ยัยมัท นรีจะเลิกกับอเนกค่ะ”
จำเนียรกับมัทนีตกใจ
“คิดดีแล้วเหรอนรี ใจเย็นๆ ค่อยๆ คุยกันก่อนดีมั้ย” จำเนียรปลอบ
“ไม่มีประโยชน์แล้ว ไม่เลิกวันนี้ สักวันอเนกก็เลิกกับนรีอยู่ดี”
“แล้ว พี่นรี ทำใจได้เหรอ”
นรีร้องไห้อีก ทำใจไม่ได้ หาญเดินออกมา ท่าทางเลื่อนลอย เครียด หัวใจสลาย
“คุณหาญ คุณช่วยพูดกับยัยนรีที”
“นรี กัมมุนา วัตตะตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมนะหลาน” หาญเข้าไปมานั่งด้วย ตบบ่าปลอบๆ แล้วตัวเองก็น้ำตาไหล “ฮือๆ ลุงรู้ ลุงเข้าใจ เค้าไม่รักเราแล้ว มันเจ็บปวด”
“คุณพ่อ”
“อะไรของเค้าเนี่ย”
จำเนียรกับมัทนีงง
เอกชเยศร์กำลังเข็นรถเข็นซื้อของอยู่ในห้าง กำลังเลือกซื้อพวกเครื่องครัวใหม่อยู่ มีเตาไมโครเวฟ เครื่องปั่น กระทะไฟฟ้า มัทนีวิ่งกระหืดกระหอบมา
“เอก มาแล้วๆ”
“มัทมาสายมากเลยนะ ไม่รู้ล่ะ เอกต้องปรับ เย็นนี้มัทเลี้ยงข้าวด้วยแหละ”
“ได้ๆ ขอโทษทีนะเอก พอดีว่าเกิดเรื่องวุ่นๆ ที่บ้าน”
“หยุด ไม่ต้องเล่า แค่นี้เอกก็เครียดมากพอแล้ว มัทห้ามทำหน้าเครียด ต้องยิ้มแย้ม ทำให้เอกร่าเริง เข้าใจมั้ย”
“รู้”
“ยิ้มสิ”
มัทนียิ้ม เอกชเยศร์เข็นรถเข็นไปที่ช่องจ่ายเงิน
“เอกจะแต่งห้องครัวใหม่เหรอ”
“ใช่ เอกจะทำบ้านใหม่ทั้งหมด เริ่มจากห้องครัวก่อนจะไม่ให้น้อยหน้าไอ้พวกคนรวยๆ ที่มันคิดแกล้งเราหรอก มัทจะได้รู้ว่า ถึงเอกจะไม่ได้รวยมากมาย แต่เอกก็มีครบ”
“บัตรเครดิตหรือเงินสดคะ” พนักงานถาม
“เงินสด ผมไม่ชอบใช้บัตรเครดิต ไม่ใช่ไม่มีแต่ไม่ชอบเอาเงินอนาคตมาใช้ มันจะทำให้เรามีชีวิตที่ไม่หลุดพ้นทางการเงิน เท่าไหร่?” เอกชเยศร์ควักเงินแบงก์พันออกมา แต่หันไปเห็นป้ายโปรโมชั่น “ใช้บัตร ลดสิบเปอร์เซ็นต์เหรอ”
“แต่ต้องจ่ายด้วยบัตรเครดิตนี้เท่านั้นค่ะ”
“มัท มัทมีบัตรนี้ไม่ใช่เหรอ แหม เงียบเลย รูดให้หน่อยสิ จะได้ลด”
“อ๋อ ค่ะๆ”
มัทนีส่งบัตรเครดิตให้พนักงาน
“โห ได้ลดตั้งหลายร้อยแน่ะ คุ้มๆ” แล้วเอกชเยศร์ก็เก็บแบงก์พันใส่กระเป๋าซะงั้น มัทนีมอง อึ้งๆ พนักงานเคาน์เตอร์ก็มองอึ้งๆ “เอ้อ ไหนๆ ก็ได้ลดแล้ว เอกมีของที่อยากได้อีก เดี๋ยวมานะ”
เอกชเยศร์วิ่งไป มัทนียิ้มๆ ให้พนักงานเคาน์เตอร์
เอกชเยศร์เดินมาที่แผนกขายสุขภัณฑ์ กำลังเลือกดูฝาชักโครก คู่รักชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามา ฝ่ายหญิงอี๋อ๋อติดฝ่ายชายมาก
“ตัวเอง สัญญาได้มั้ยว่า จะไม่ทิ้งเค้า”
“ตัวเองเป็นอะไรอ่ะวันนี้”
“แหม ก็ เมื่อคืนอ่ะสนุกมาก ตัวเองเก่ง น่ารักด้วย แหม พูดแล้วก็กลับบ้านกันเถอะ เค้าอยากให้รางวัลตัวเองอีกแล้ว งั่ม”
“งั่มๆ ไปสิ”
เอกชเยศร์มองคู่รัก เคลิ้ม เผลอคิดไปบ้างภาพความคิดเอกชเยศร์เด้งขึ้นมาเป็นจุดไข่ปลาแบบในการ์ตูน เป็นภาพมัทนีกอดซบแขนเอกชเยศร์คลอเคลีย อี๋อ๋อ แบบเดียวกับคู่รักคู่นั้น
“ตัวเอง เก่งมาก น่ารักมาก เค้าอยากให้รางวัลตัวเองแล้วอ่ะ งั่ม”
“งั่มๆ”
เอกชเยศร์ยืนถือฝาชักโครก หน้าตาเยิ้มฉ่ำ
“ถ้าเรารวบหัวรวบหางมัทนีซะ มัทนีก็ต้องติดเราหนึบ เหมือนคู่นั้น หึๆ หุๆ”
คืนนั้นมัทนีขับรถ เอกชเยศร์ที่นั่งข้างๆ ตาเยิ้มๆ เคลิ้มๆ ยิ้มหุๆ คนเดียว
“เอก ทำไมอยู่ๆ ก็รีบจะกลับบ้าน” มัทนีถามอย่างแปลกใจ
“เอกแค่อยากใช้เวลาอยู่กับมัทสองต่อสอง”
อยู่ๆ ฝนตกลงมา
“เอ้า ตกหนักอย่างนี้ ซอยบ้านเอกจะน้ำท่วมอีกมั้ยเนี่ย”
เอกชเยศร์กำลังเคลิ้ม
“แบบนี้ใช่มั้ย ที่เค้าเรียกว่า บรรยากาศเป็นใจ หึๆ” หันมากุมมือมัทนี “มัทไม่ต้องกลัวนะ เอกจะอยู่ข้างๆ มัทเสมอ”
“หือ”
เอกชเยศร์ยิ้มมีเลศนัย มัทนีงงๆ
ฝนยังตกอยู่เมื่อมัทนีขับรถมาจอดที่หน้าบ้านเอกชเยศร์ เอกชเยศร์รีบโดดลงจากรถ
“มัท ของทั้งหมด เอาไปไว้ในครัวนะ เอกขอเวลาสิบนาที มีเซอร์ไพร้ส์”
“เดี๋ยวเอก”
“อย่าเพิ่งถามๆ ไปยกของๆ”
เอกชเยศร์รีบวิ่งเข้าบ้านไป มัทนีได้แต่เซ็ง เดินไปเปิดท้ายรถ มีกล่องของเต็มไปหมด
“จะยกไงหมดเนี่ย เฮ้อ”
มัทนีอุ้มกล่องไมโครเวฟเข้ามาในครัวอย่างทุลักทุเล
เธอยกไปวางตั้งไว้บนโต๊ะอาหารในครัว พลางปาดเหงื่อที่แตกพลั่ก ยืนพัก อยู่ๆ ไฟดับ
“อ้าว” อยู่ๆ มีเพลงดังมา เป็นเพลง ณ บัดนาวของบี้ “เอก เอกใช่มั้ย” เอกชเยศร์เข้ามาโอบกอดมัทนีจากด้านหลัง “เอก เล่นอะไร ปล่อย”
“อยู่เฉยๆ เถอะมัท”
“ไม่เอา ไม่กอด มัทเพิ่งยกของเสร็จ สกปรก เหงื่อเต็มตัว”
“เอกอาบน้ำแล้ว ยังไม่รังเกียจมัทเลย”
“เอกไปอาบน้ำมาเหรอ ไหนบอกมีเซอร์ไพร้ส์”
“นี่ไง เซอร์ไพร้ส์ มัท” แล้วเอกชเยศร์ก็ร้องเพลงออกมา “สวยเกินบรรยาย สวยเกินบรรยาย ละลาย จะซ้ายทีขวาที มุมเงยมุมช้อนมันวอนให้เผลอตัว จะเฉยอยู่ก็กลัว เดี๋ยวใครมาซิวไปซะ”
เอกชเยศร์พยายามโอบ จะพาเต้นไปกับดนตรี
“เอก ปล่อยมัทเถอะ” มัทนีบอกอย่างตกใจ
“ชู่ว์” เอกชเยศร์ร้องต่อ ดึงมัทนีมากอด ใกล้ชิด “แจ่มจะแดมแจ่ม wow ณ บัด now นั้นโดนใจ เล่นสวยไม่ยอมฟังใคร มีปุ่มกดlike ไหมเธอ นี่ก็ดึกแล้วหนอ อยากขอเป็นเพื่อนไม่ว่ายังไงจะไม่ยอมลาเลือนให้กลับบ้านเป็นเพื่อน เอาไหม” แล้วเอกชเยศร์ก็ซุกหน้าที่ซอกคอมัทนี มัทนีตกใจ ผละออก
“เอกจะทำอะไร”
“เอกแค่จะโรแมนติกด้วย มัทเป็นอะไร เราก็คบกันมานานแล้ว เอกแค่กอดแค่ซบ ทำไมต้องเล่นตัวด้วย”
“มันไม่ถูกต้อง เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“นี่ไง เอกกำลังจะทำให้เราเป็นอะไรกัน นะ เชื่อเถอะว่า มันจะทำให้เรารักกันยิ่งขึ้น แล้วเราสองคนจะมีความสุข”
“ไม่นะเอก ถ้าเอกรักมัท เอกต้องรอได้”
“รอก็ได้ ห้องน้ำอยู่นั่น”
“หือ”
“จะให้เอกรอมัทอาบน้ำก่อนไม่ใช่เหรอ ไปสิ”
“มัทหมายถึง รอให้เราแต่งงานเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องก่อน”
“เฮ้ย มัท นี่มันยุคไหนแล้ว”
“เรื่องบางเรื่อง มัทก็ยอมเชย ยอมล้าหลัง ดีกว่าทันสมัยแล้วต้องมาเสียใจทีหลัง” มัทนีคว้ากระเป๋า จะกลับ “มัทจะกลับแล้ว”
เอกชเยศร์ขวางหน้าไว้
“เดี๋ยวสิมัท”
“เอก มัทรู้สึกดีกับเอกมาตลอด อย่าให้เรื่องนี้ทำลายความรู้สึกดีๆ ที่มัทมีกับเอกเลย”
“แต่ ขอจูบทีก็ได้” มัทนีผิดหวัง ผลักเอกชเยศร์เดินออกไปทันที “มัท”
มัทนีวิ่งออกจากบ้านมา ตรงไปขึ้นรถทั้งที่ฝนยังตกอยู่ เอกชเยศร์วิ่งตามออกมา
“มัท กลับมาก่อน มัท” มัทนีขับรถออกไปทันที “โธ่ ผู้หญิงอะไร ไม่โรแมนติกเลย เรื่องมากแบบนี้ ผู้ชายถึงหนีไปหาเกย์หมด” เอกชเยศร์บ่นอย่างไม่พอใจแล้วชะงัก “ไม่ๆ เราต้องไม่หนีไปหาเกย์ ไม่ๆ”
รถของมัทนีแล่นฝ่าน้ำที่ท่วมขังซอย ฝนก็ยังตก มัทนีขับรถฝ่าฝนออกมา
“เอกบ้า เอกทำไมเป็นคนอย่างนี้” มัทนีมองออกไป ถนนซอยมีน้ำเจิ่งนอง “ซอยนี้ก็ระบายน้ำได้แย่จริงๆ ฝนตกนิดตกหน่อย เป็นต้องท่วมตลอดๆ” อยู่ๆ รถมัทนีก็กระตุกๆ แล้วดับไป “ไม่ๆ อย่านะๆ” รถดับสนิท “โธ่ คนก็บ้า รถก็ห่วย เสียแล้วเสียอีกอยู่ได้ คอยดู พรุ่งนี้ชั้นจะขายแกทิ้ง” มัทนีพยายามสตาร์ท แต่ไม่ติด สิ้นหวัง มองฝนที่ตกหนัก “ โหย ฝนก็ตกหนัก ซอยก็เปลี่ยวขนาดนี้ แล้วจะทำไงเนี่ย” มัทนีกลุ้มใจ คิดหาทางแก้ปัญหา แล้วก็หยิบมือถือขึ้นมา กดโทรออก “ฮัลโหล เอก”
เอกชเยศร์รับสาย พูดสายไป แกะกล่องพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าไป
“มัท เปลี่ยนใจจะกลับมาหาเอกใช่มั้ย”
มัทนีถึงกับเซ็ง
“มัทรถเสีย อยู่กลางซอยบ้านเอก สงสัยน้ำมันจะเข้าไปในเครื่อง”
“แล้วมัทโทรหาเอกทำไม เอกไม่มีความรู้เรื่องรถเลย จะช่วยอะไรได้..ทำไมมัทไม่โทรไปแจ้งจส.ร้อยล่ะ”
“ก็ มัทเห็นว่าเอกอยู่ใกล้”
“มัทจะให้เอกเดินฝ่าฝนออกไปหาเหรอ เอกไปไม่ได้หรอก เอกไม่ว่าง ต้องมานั่งแกะกล่องไมโครเวฟอยู่ ยกของมาให้ แทนที่จะแกะให้ด้วย ไม่มีน้ำใจเลย” มัทนีอึ้ง เซ็ง กดวางสายเลย “มัท”
มัทนีเซ็ง เอนหลังพิงเบาะ เครียดๆ
อีกด้านหนึ่งหาญนั่งอยู่ในรถ ที่จอดรอใครบางคนอยู่ริมถนนใต้เสาไฟที่สาดแสงเหลืองๆ ฝนตกรอบข้าง
แล้วใครคนหนึ่งเปิดประตูด้านข้าง ก้าวมานั่งเคียง
“เอาของมาแล้วใช่มั้ย” มือคนนั้นส่งถุงใส่ของยื่นให้ หาญรับมาตรวจดู “ดี เยี่ยมมาก” หาญหยิบขวดน้ำยาว่านโด่ฯขึ้นมา “ของจริง ของแท้ ต้องคุณนายลิ้นจี่ คอยดู ชั้นจะกินข้าวมื้อละเจ็ดจานให้ดู หึๆ”
หาญตบบ่าขอบใจ จึงเห็นว่าเป็นอาทิตย์ที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างๆ
“จะบำรุงตัวเอง ไปใช้กับใครครับ”
“ไม่ต้องยุ่ง”
“โทรหาผมกลางดึก ให้ฝ่าฝนเอาของมาให้กะทันหันด่วนจี๋แบบนี้ มันต้องเรื่องสำคัญมากแน่ น้องพริตตี้ หรือโคโยตี้ที่ไหนเหรอครับ”
“เรื่องของชั้น แกอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครก็พอ”
“ไม่บอกแน่ครับ แต่คุณพ่อติดหนี้บุญคุณผมครั้งนึงนะครับ”
“ผมไม่ใช่พ่อคุณ ให้คุณคิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน ได้ไหม”
“ได้ครับ”
“แต๊งกิ้ว มายเฟรนด์”
“ยูอาร์เวลคั่ม”
อาทิตย์จะลงรถ ทันใดมือถือหาญดัง หาญดูเบอร์ เห็นเป็นมัทนี รีบรับ
“ชู่ว์” หาญโบกมือไล่อาทิตย์ พลางกดรับสาย “ว่ายังไงยัยมัท”
อาทิตย์ชะงัก จับที่เปิดประตู แต่ยังไม่เปิด
มัทนีนั่งในรถที่ดับสนิท มองไปรอบๆ ฝนยังตกจั้กๆๆ
“มัทรถเสียอยู่ในซอยบ้านเอก ฝนก็ตก น้ำก็ท่วม พ่ออย่าบอกให้แม่รู้นะ คือรถเป็นอะไรก็ไม่รู้ มัทดูไม่เป็น พ่อว่างมั้ย มาช่วยมัทได้มั้ยคะ”
“สงสัยน้ำเข้าจานจ่ายแน่ๆ เลยลูก ได้ๆ พ่อจะไปเดี๋ยวนี้”
หาญวางสาย
“คุณมัทนีรถเสียเหรอครับ”
มัทนีนั่งอยู่ในรถ ซึมเซ็ง ไม่รู้จะทำยังไงดี อยู่ๆ ฟ้าผ่า เปรี้ยง!
“ว้าย”
มีแสงไฟสว่างโร่รถโฟร์วีลยกสูงสาดเข้ามาที่หน้า มัทนีมองออกไป เห็นแต่แสงไฟดวงโตๆ แล้วรถสูงใหญ่คันนั้นก็จอด มีร่างชายคนหนึ่งโดดลงจากรถ เป็นภาพย้อนแสงสวยๆ จนกระทั่งชายคนนั้น ในชุดกันฝนดำทะมึน แถมใส่บูทยางสูง ในมือถือกล่องเครื่องมือช่าง เดินมาข้างรถ เคาะกระจกเรียก ซึ่งก็คืออาทิตย์นั่นเอง
“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ”
มัทนีอึ้งๆ อึกอักๆ
อาทิตย์กำลังพยายามจั๊มพ์แบตเตอร์รี่ให้ มัทนีนั่งประจำพวงมาลัย ชะโงก ลุ้นๆ
“สตาร์ทเครื่องสิ” มัทนีสตาร์ทรถ แต่ไม่ติด อาทิตย์วางมือจากการซ่อมรถ เดินมาหา “ผมว่า เครื่องยนต์รถคุณมีปัญหาแล้วล่ะ”
“ซ่อมไม่เป็นแล้วมาโทษรถชั้นอีก”
“คุณมาดูนี่ ข้างใต้ฝากระโปรงรถฝุ่นหนาเตอะขนาดนี้ ตั้งแต่ออกรถมา เคยเปิดดูบ้างหรือเปล่า เคยเข้าอู่เช็คระยะบ้างมั้ย”
“ก็มันไม่เคยมีปัญหาอะไร จะเปิดดูหรือเอาเข้าอู่ทำไม”
“ผู้หญิงก็เงี้ย”
“ผู้หญิงเป็นไง”
“ไม่สนใจเรื่องที่ควรสนใจ ชอบไปสนเรื่องไร้สาระ ผมจนปัญญา ซ่อมไม่ได้แล้วล่ะ ต้องเรียกรถลากสถานเดียว”
“ไม่ได้เรื่อง” อาทิตย์เดินเปิดประตูรถมัทนี เข้ามานั่งข้างๆ ยื่นมือมา “จะทำอะไร จะทำอะไร”
“เอามือถือมา”
“เอ้า” มัทนีส่งมือถือให้ “ออกไปโทรไกลๆ สิ”
“จะให้ออกไปตากฝนโทรหรือไง” อาทิตย์กดมือถือโทรหาช่าง “โหลๆ ช่างหนิดเหรอ ช่างครับ รถเพื่อนผมเสีย ตอนนี้รถจอดอยู่ที่ซอย...เข้ามาประมาณ 300 เมตร แล้วเลี้ยวซ้ายแรก แล้วมาอีก 500 เมตร แล้วเลี้ยวขวา ครับๆ ใช่ครับ” มัทนีมองอาทิตย์ที่ดูอบอุ่น พึ่งพาได้ แบบไม่น่าเชื่อ “มองไร” อาทิตย์ถามเมื่อหันมาเห็น มัทนีสติคืนมา “เดี๋ยวช่างประจำผมมา ไม่เกินครึ่งชั่วโมง แล้วเค้าจะลากรถคุณไปซ่อมที่อู่ให้ ไป” อาทิตย์คว้ามือมัทนี
“ไปไหน” มัทนีถามอย่างแปลกใจ
“บ้านไง”
มัทนีมอง สายตาตัดสินใจ
มัทนีนั่งรถมากับอาทิตย์
“แน่ใจนะว่าเค้าจะลากรถชั้นไปซ่อม ไม่ใช่เอาไปชำแหละขาย ถ้าเป็นงั้น นายต้องรับผิดชอบ”
“มองโลกในแง่ร้ายตลอด”
“ก็”
“ก็อะไร ผมพูดผิดตรงไหน แทนที่จะขอบคุณผมสักคำที่มาช่วย ไม่มี”
“แล้ว นายรู้ได้ไงว่าชั้นอยู่นี่”
“ผม บังเอิญผ่านมา”
“ไม่ได้สะกดรอยตามหาเรื่องชั้นนะ”
“แล้วคุณ มาทำอะไรแถวนั้น ดึกๆ ดื่นๆ”
“ชั้นมาบ้านแฟนชั้น แปลกตรงไหน”
“มาบ้านแฟน กลางดึก ตอนฝนตก โอ้วว ไม่อยากจะคิดต่อเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แรงจนรถเสียเลย ฮ่าๆ”
“อย่ามาทะลึ่ง ใครจะสกปรกเหมือนนาย”
“ผมสกปรกยังไง”
“วันๆ ในสมองคิดแต่เรื่องลามก จีบคนนั้นคนนี้มั่วไปหมด นายมันขาดผู้หญิงไม่ได้ บ้ากาม”
“ผมเนี่ยนะบ้ากาม”
“ใช่” อยู่ๆ อาทิตย์ก็หักรถเลี้ยวเข้าไปที่บ้านหลังหนึ่งแล้วจอดรถ “นี่ นี่นายพาชั้นมาบ้านใครเนี่ย”
อาทิตย์ไม่ตอบทำท่าลูบหนวด ลูบคาง
“หุๆ”
อาทิตย์ยิ้มกรุ่มกริ่ม มัทนีอึ้ง ระแวงๆ
คืนเดียวกันนั้นที่บ้านอเนก อเนกกำลังเมาได้ที่ร่ายยาว ชี้หน้าเพื่อนไปทีละคน
“พวกผู้หญิงทุกคน น่าเบื่อ น่ารำคาญ น่าเกลียด น่าชัง น่าเซ็งเปรตเป็นที่สุด ใครจะไปแคร์พวกผู้หญิงวะ แกแคร์ไหม ไอ้โมกข์ ไอ้แท่น แคร์ป่าววะ ไอ้โทนี่ แกก็ไม่แคร์ชิมิ แล้วไอ้อาทิตย์” อเนกชะงัก มองรอบๆ “อาทิตย์หายไปไหนวะ”
“อาทิตย์มันไม่ได้มา” แท่นบอก
“ทำไมมันไม่มา ชั้นโทรชวนมันกะมือ มันก็รับปากว่าจะมา แล้วทำไมมันไม่มา”
“ไม่รู้เว้ย” โทนี่บอก
“ไอ้เพื่อนทรยศ เพื่อนไม่รักชั้นๆ”
“เอ๊า เมาแล้ว ไอ้อาจารย์ใหญ่ อะไรวะ แค่ทะเลาะกะแฟนแค่นี้ ทำเมา อ่อนนี่หว่า” โมกข์บอก
“ใครว่าชั้นเมาเพราะทะเลาะกะยัยนรี เชอะ! ยัยป้าพูดไม่รู้เรื่อง ชอบแจ๋นกับเรื่องของชาวบ้าน เชิญเลย อยากไปไหนก็ไป ชั้นไม่สน แต่ที่มันเสียใจ เสียใจอย่างนี้ก็เพราะเพื่อนตังหาก ไอ้อาทิตย์มันเบี้ยวช้าน ช้านเสียใจ น้อยใจ เจ็บปวดใจ อาทิตย์ อาทิตย์ไปอยู่กะนังชะนีที่ไหน อเนกไม่ย้อมมม”
อเนกแหกปาก เพื่อนๆ ส่ายหัว
บ้านที่อาทิตย์พามัทนีมาเป็นบ้านกึ่งร้านอาหาร อาทิตย์ยืนอยู่ข้างรถ มือดึงประตูรถข้างมัทนีเปิดอ้าอยู่
ไม่ให้มัทนีดึงกลับได้
“เชิญครับผม เชิญลงมาก่อนสักครู่ คงจะไม่ทำให้คุณกลับบ้านดึกจนเกินงามหรอก”
มัทนีมองอย่างระแวง
“ที่นี่ที่ไหน”
อาทิตย์ผายมือกวาดไปรอบๆ
“ร้านอาหารร้านนึง”
“ร้านอาหารอะไรกัน ทำไมมันเงียบๆ เหมือนบ้านคน บ้านใคร”
“ก็มันเป็นร้านอาหารที่เป็นบ้าน ดึกป่านนี้แล้ว มันก็เงียบแล้ว เพราะเค้าปิดรับคนทั่วไปแล้ว แต่เปิดเสมอสำหรับเรา”
มัทนีล้วงกระเป๋า หยิบโทรศัพท์ออกมา มือมัทนีกด 19 ยังไม่ทันจะกด1 อีกตัว มืออาทิตย์มาแย่งดึงไป
“อ๊าย เอาคืนมานะ”
อาทิตย์เอาโทรศัพท์มาดู
“หนึ่ง เก้า โห นี่คิดจะโทรเรียกตำรวจ191เลยเหรอ คุณมัทนี คุณจะตอบแทนน้ำใจคนที่ทำดีกับคุณแบบนี้เหรอ ได้ มา ลงมาเลย” อาทิตย์ดึงแขนมัทนีลงมา มัทนีปลิวตามมือมา
“ไม่นะ อย่านะ บ้า คุณจะทำอะไร”
“จะทำอะไร” อาทิตย์โยนโทรศัพท์กลับเข้าไปในเบาะรถ แล้วผลักประตูรถปิด “เดี๋ยวก็รู้ มา ตามมาซะดีๆ ผมไม่ไหวแล้วนะ ไม่ไหวแล้ว”
“อ๊าย ปล่อยชั้นนะ ปล่อย ชั้นไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่คุณคิดนะ ปล่อย ชั้นสู้คนนะ สู้แค่ตายเลยด้วย ช่วยดั้ว...”
เสียงใสหวานดังมาขัด
“อาทิตย์ อะไรกันจ๊ะน่ะ”
ทั้งสองชะงัก หันไป เห็นพลอยซึ่งเป็นหญิงสาวสวยมาก แต่งตัวลำลอง แต่ดูมีสไตล์ สง่า เซ็กซี่ ยืนมองยิ้มๆ ขำๆ อาทิตย์ปล่อยมัทนี มัทนีมองพลอยตะลึง อึ้ง งง
“หิวข้าวมาอีกล่ะสิ ชอบกินอาหารผิดเวลาเสมอนะเรา มา เข้ามาจ้ะ” พลอยหันมายิ้มกับมัทนีอย่างเป็นมิตร “สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ อาหารพร้อมแล้ว” พลอยยิ้ม ก่อนหันกลับ เดินสวยๆ นำเข้าบ้านไป มัทนีหันมามองหน้าอาทิตย์งงๆ
“อาหารพร้อมแล้ว เหรอ” มัทนีกระซิบถาม
“ก็ใช้สิ นึกว่าจะพามาปล้ำรึไง” อาทิตย์กระซิบตอบ ยิ้มขำ แล้วคว้าข้อมือมัทนี “มา ก็หิวเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
มัทนีดึงมือออกจากมืออาทิตย์ แต่ก็ตามเข้าไปบ้านไปแบบอยากรู้อยากเห็น
ในครัว พลอยกำลังใช้ที่จับพาสต้า คีบด้วย 2 มือ มาใส่ในจานก้นลึกที่อาทิตย์ถือรอ 2 จาน มัทนีมองรอบตัว ดูครัวแบบโปร ขนาดกลาง สะอาด หรู อย่างร้านอาหารชั้นดี แล้วพอมองไปที่จานที่อาทิตย์ถือรอหน้าเตาก็อดตาโต อ้าปากค้าง ไม่ได้
พลอยใช้ส้อมจัดวางกุ้งแม่น้ำไซส์ใหญ่ ผ่าโชว์ความอวบและมันกุ้ง วางแต่งมาบนพาสต้าดำในจานทั้ง 2 นั้น จานละตัว พลอยหันมายิ้มให้มัทนี
“คุณน้องไม่แพ้กุ้งใช่ไหมคะ รับประทานได้นะคะ”
“เอ้อ ค่ะ คือไม่แพ้ค่ะ”
อาทิตย์เดินถือจานทั้งสองนั้นนำออกไป พลางหันมาคุยกับพลอย
“คุณน้องเค้าชื่อมัทนีครับ พี่พลอย”
พลอยหันไปหยิบชามแก้วใส่สลัดชามใหญ่ เห็นผักหลากสีสวยน่ากินขึ้นมา ส่งให้มัทนี
“น้องมัทนี ช่วยยกหน่อยค่ะ พี่ชื่อพลอยนะคะ”
อาทิตย์หันมาแซว
“พลอย...เชอรีล”
“ใช่ พลอย เชอรีล” พลอยหัวเราะ “อาทิตย์บ้า! อาทิตย์ พาน้องมัทนีไปที่โต๊ะเลย เดี๋ยวพี่หาเครื่องดื่มตามไป”
“ได้เลยจ้า คนสวย” อาทิตย์หันมาพยักหน้าเรียกมัทนี “ตามมาครับ”
อาทิตย์เดินออกประตูครัวอีกด้าน นำไปอย่างคล่องสถานที่ มัทนีมองชามสลัดในมือ หันไปเห็นพลอยไปง่วนตรงตู้เย็นขนาดใหญ่ มองไปอีกทาง อาทิตย์นำไปไกลแล้ว มัทนีรีบตามไป
อีกด้านหนึ่งที่คอนโดนรี นรีนอนพลิกกระสับกระส่ายไปมา แล้วในที่สุดก็ลุกขึ้นมา หยิบโทรศัพท์มากด โทรศัพท์ของมัทนีซึ่งถูกทิ้งไง้ในรถอาทิตย์มีแสงและดังๆ นรีรอๆ แต่ไม่มีคนรับ นรีไม่สบายใจ
สักพักโทรศัพท์บ้านมัทนีดัง จำเนียรเดินมารับ
“ฮัลโหล บ้านคุณนายจำเนียรค่ะ จะพูดกับใครคะ ดึกป่านนี้”
“คุณป้า นรีเองนะคะ”
“แม่นรี จะโทรมาคร่ำครวญเรื่องผู้ชายอีกเหรอ”
“เปล่าค่ะ แต่อยากรู้ว่ายัยมัทนีอยู่บ้านหรือเปล่าคะ”
“อ๋อ ยังไม่กลับล่ะสิ ไปกะนายเอกชเยศร์ ทำไมเหรอ”
“อ่า เปล่าๆ ค่ะ ดีแล้วล่ะค่ะ คุณป้า”
“ดียังไงยะ แม่คุณ”
“เพราะเอกชเยศร์เป็นคนดี ไว้ใจได้ และให้เกียรติผู้หญิงเสมอ ไม่เหมือนกับพวก...ช่างเถอะค่ะ แค่นี้นะคะ” นรีน้ำตาไหล ค่อยๆ วางโทรศัพท์ลง
จำเนียรส่ายหัว ระอาใจ ทำหน้าไม่เห็นด้วย
อ่านต่อตอนที่ 5