คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 22
ในห้องเปียโน...แพรวพรรณรายกับพริ้มเพราโอบกอดพราวพิลาสไว้
“ฟังพี่บอกเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับคุณศีล แล้วอภัยให้เขานะคะ คุณพราว” พริ้มเพราขอร้อง
“ใครอยากอภัยให้คนซื่อจนเซ่อขนาดนั้น” แพรวพรรณรายแทรกขึ้น
“พราวไม่มีสิทธิ์ให้หรือไม่ให้อภัยเขาหรอกค่ะ มันคือสิทธิ์ของเขาที่จะทำอย่างไรก็ได้”
“คุณศีลตกหลุมพราวของยัยเมขลา เพราะฉะนั้นเราต้องไม่อภัยให้ยัยนั่น แพรวเองค่ะ มันพักที่ไหน แพรวจะไปด่ามันให้อับอายขายหน้า”
พราวพิลาสรีบห้าม
“อย่านะคะคุณแพรว คนที่จะต้องอับอายขายหน้าเสียเองจะกลายเป็นพราวค่ะเขาเป็นสามีภรรยากันแล้ว”
พริ้มเพราเห็นด้วย
“จริงของคุณพราว คุณแพรวอย่าไปด่าว่าเขา เราไม่อาจแก้ไขสิ่งที่เกิดไปแล้วนั่นได้ แต่เรามาช่วยดูแลจิตใจคุณพราวกันเถิด คุณพราวขา คุณศีลไม่ได้หลอกลวงคุณพราว แต่เขาพลาดไปอย่างมหันต์ เมขลาก็เช่นกันโกรธแค้นชิงชังกันไป ก็ไม่ได้ทำให้มีสิ่งใดดีขึ้นมาพยายามทำใจให้สงบนิ่งเข้าไว้นะคะ”
“ตามคุณพริ้มกับหมออุดรไปบวชชีที่สกลนครดีไหมคะ แหม แพรวอยากตบหน้านังเมขลา เห็นความร้ายกาจของมันมาตั้งแต่เด็ก ไม่นึกว่ามันจะกล้าทำร้ายครอบครัวเราจนได้”
พริ้มเพราถอนใจ
“กิเลสทำให้คนทำได้ทุกอย่าง แม้ว่าจะผิด ถ้าจะโทษใครว่าผิดโทษพี่เถิดเพราะพี่ผิดทั้งหมด เมขลาโกหกพี่ว่าคุณศีลลวนลาม”
“ที่แท้มันลวนลามเขาเสียเอง หน้าด้านที่สุด” แพรวพรรณรายพูดอย่างเกลียด
“พราวไม่โทษใครหรอกค่ะ มันคือโชคชะตาของพราวเอง โชคชะตาที่ถูกลิขิตไว้แล้วให้พบเจอกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันคือการทดสอบ ชีวิตของพราว พราวจะยืดหยัดสู้กับหัวใจตัวเองไม่ให้หมกหมุ่นเสียหายไปมากกว่านี้ค่ะ พราวมีทุกคนเป็นกำลังใจ ขอบคุณพี่ๆมากค่ะ”
พริ้มเพรากับแพรวพรรณรายมองหน้ากัน สองคนหอมแก้มน้อง พราวพิลาสจับมือพี่สาวทั้งสอง แล้วพยักหน้ายิ้มให้เศร้าๆ
“คุณพราวเก่งมาก”
คุณหญิงสะบันงาถือพินัยกรรมในมือ มีคุณหญิงศรีนั่งข้างๆ พระประสารนั่งตรงกันข้าม
“ท่านเอกอัครราชทูตอังกฤษ ให้กระผมนำเอกสารจากประเทศอังกฤษมาให้ขอรับ”
พระประสารพูดไป ตาก็จ้องหน้าคุณหญิงสะบันงาไม่วางตา
“จากอังกฤษหรือคะ” คุณหญิงสะบันงาแปลกใจ
คุณหญิงศรีมองคุณพระประสาร
“ขอบใจมากนะคะคุณพระ ที่นำเอกสารมาให้ด้วยตนเองทั้งที่สามารถให้ใครนำมาก็ได้”
“กระผมยินดีและเต็มใจรับใช้ขอรับ”
คุณหญิงศรีสวนทันที
“ขอบใจเช่นกันค่ะ แต่คุณหญิงเธอคงไม่อยากรบกวนคุณพระให้มารับใช้หรอกนะคะ เพราะที่นี่เรามีคนคอยรับใช้เธอล้นบ้านแล้วค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ เออ...คุณหญิงเธอคงอยากทราบว่ามีข้อความใดในซองนี้ที่น่าจะเกี่ยวข้องกับท่านเจ้าคุณนะคะ”
พระประสารรู้ว่าไล่ทางอ้อม
“ครับ ขอบพระคุณครับ ผมกราบลาครับ”
พระประสารถอยไป ออกไปจากห้อง คุณหญิงศรีหันมาส่ายหน้า
“อีตาคุณพระบ้านั่นมันจีบเธอ รู้ตัวไหมคุณหญิงสะบันงา ฉันเลยตัดบทให้ เสียเลย บ้าแท้ๆ”
“ขอบคุณมากค่ะ คุณพี่”
“ไปอ่านกันว่านั่นเอกสารอะไร”
สองคนพากันไป
พินัยกรรมวางแบบนโต๊ะ คุณหญิงศรีกับคุณหญิงสะบันงามองหน้ากัน
“เลดี้ แอนน์ มารี เสียชีวิตแล้ว” คุณหญิงสะบันงาอึ้งๆ
“เธอไม่รู้ว่าคุณเจ้าคุณตายไปก่อนเธอตั้งนาน”
“เลดี้ ท่านยกไร่ชาที่ดาจีลิ่งให้ท่านเจ้าคุณ หรือทายาทของท่าน”
“สมบัติใหญ่มหาศาล ไกลแท้ๆ”
“แล้วเราจะมีปัญญารับหรือคะคุณพี่”
“ต้องมี ต้องรับ นั่นมันสมบัติมหาศาลใหญ่โต ชาที่นั่นหอมวิเศษที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง บรรยากาศที่นั่นก็งดงาม ผู้ดีอังกฤษชอบไปกินชากันที่นั่น เจ้าคุณเขาก็ผู้ดีอังกฤษนี่นา เธอกับลูกก็ตระกูลผู้ดีอังกฤษ ทันสมัยไปกับเขามีไร่ชาดาจิลิ่ง”
“คุณพี่เย้าฉันอีกแล้ว ไม่ไหวละคะ ไม่มีใครไปรับหรอกค่ะ มันไกลมาก”
แพรวพรรณรายเข้ามายืนยิ้มตรงหน้าสองคน
“แพรวค่ะ แพรวไปเองค่ะ ไม่ต้องส่งแพรวงไปลอนดอน แต่ส่งแพรวไปรับมรดก คุณอา เลดี้ แอนน์ มารี ไม่ต้องเสียเงิน แต่ได้เงินค่ะ”
สองคนมองหน้ากัน
“เธอมาแอบฟังผู้ใหญ่พูดกัน เสียมารยาท” คุณหญิงสะบันงาดุ
คุณหญิงศรีเห็นด้วยกับแพรวพรรณราย
“แต่ที่ยัยแพรวพูดนั่นมันก็เข้าท่าเข้าที ดีออกจะตายไปนะคุณหญิงสะบันงา”
“ไชโย” แพรวพรรณรายดีใจ
“คุณพี่”
แพรวพรรณรายผวามากอดกราบคุณหญิงศรี แล้วโผไปกอดคุณหญิงสะบันงา
“เชื่อแพรวเถิดค่ะ แพรวจะไปจัดการไร่ชาดาจิลิ่งให้ครอบครัวเรา ถ้าแพรวทำไม่ได้เราก็ขายสิคะ”
“เด็กนี่พูดถูกอีกแล้ว” คุณหญิงศรีเห็นด้วยอีก
“ไชโย” แพรวพรรณรายดีใจมาก
“คุณพี่...” คุณหญิงสะบันงาจะแย้ง
คุณหญิงศรีพยักหน้าให้คุณหญิงสะบันงา แพรวพรรณรายโผมาหอมแก้มคุณหญิงศรี
ศีลมากับเมขลานั่งอยู่ตรงหน้า คุณหญิงสะบันงาที่กำลังระงับความขมขื่น ยิ้มให้สองคนที่ก้มลงกราบตรงหน้า เมขลายิ้มแป้น ศีลทำหน้าสงบ แต่ก็ฉายแววตาขมขื่นทุกข์ร้อน
“กระผมมากราบขออนุญาตแต่งงาน ขอรับ”
“เมขลาก็มากราบขอความกรุณา หาฤกษ์แต่งงานให้เราค่ะ”
“ไม่ใช่เพียงแค่นั้นหรอกนะศีล นายแม่จะเป็นเจ้าภาพงานแต่งให้ศีลด้วยและจะขอมอบของขวัญเป็นหุ้นส่วนของห้างจำนวนหนึ่งตามคำสั่งของท่านเจ้าคุณให้มอบให้ศีลวันแต่งงาน”
“ต๊าย ขอบพระคุณมากค่ะ” เมขลาดีใจ
“เออ...แต่กระผมไม่สมควรได้รับขอรับ” ศีลแทรกขึ้น
“เอ๊ะ” เมขลาชะงัก
“ฉันจะหาฤกษ์และจัดการทุกอย่างให้ ทั้งสองคนไปจัดการตัวเองที่เป็นเรื่องส่วนตัวเถิดนะ”
“ขอบพระคุณขอรับ”
“ขอบพระคุณมากค่ะ เออ...หนูอยากพบพริ้มเพราค่ะ เขารับปากจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวค่ะ”
“เธออยู่ที่ห้องพระ จะให้คนไปตามมาให้”
ขณะนั้นมีสียงเปียโนดังเศร้ามากขึ้นมา ขัดจังหวะการพูดคุยทุกคนนิ่งไป เมขลาหัวเราะ
“เสียงเปียโนนั่นเศร้าจังเลยนะคะ”
คุณหญิงสะบันงามองเมขลา
“เสียงที่เศร้าโศก ย่อมมีโทษน้อยกว่าเสียงที่ขุ่นเคืองเพราะโกรธแค้นจ้ะ เมขลา ขอตัวก่อน”
“กระผมขอกราบอนุญาตพบคุณพราวขอรับ” ศีลรีบเอ่ยปากทันที
เมขลาหันขวับ คุณหญิงสะบันงามองศีล
“ตามลำพังใช่ไหม”
“ขอรับ”
เมขลาอยากจะกรีดร้อง ได้แต่ปรายตามองศีล ทีส่งสายตาวิงวอนขอร้องไปยังคุณหญิงสะบันงา เมขลาครุ่นคิดในใจ
“มันเปิดโอกาสให้ลูกสาว แต่กีดกันเรา”
คุณหญิงสะบันงายิ้มให้ศีล
“เชิญตามสบาย เมื่อก่อนเคยเป็นเช่นไรก็ขอให้เป็นดังเดิม เธอเป็นคนในครอบครัวของเราคนหนึ่งศีล เธอสามารถพบปะใครพูดจากับใครเดินไปได้ทุกที่ในบ้านหลังนี้ เชิญ”
ศีลก้มลงกราบ ไม่มองมาที่เมขลาที่กลายเป็นคนนอก ศีลลุกเดินออกไป คุณหญิงสะบันงาจ้องหน้าเมขลา
“ส่วนเธอ รอที่นี่”
คุณหญิงสะบันงาพูดจบก็เดินออกไป เมขลานั่งคลั่งแค้นคนเดียว
“คนพวกนี้ไม่มีใครให้เกียรติเรา คอยดูเถิด...”
พราวพิลาสเล่นดนตรี ร้องเพลงไปน้ำตาคลอแล้วชะงักหยุดเล่นเอามือปิดหน้าสะอื้น ศีลมายืนนิ่งด้านหลัง ใจละลายเห็นภาพพราวพิลาสร้องไห้ เขาน้ำตาคลอ พราวพิลาสไม่ได้หันมาแต่พึมพำเรียกชื่อศีลไม่รู้ว่าเขาอยู่ด้านหลัง
“คุณศีล”
ศีลก็เช่นกัน เรียกชื่อพราวพิลาสออกมาเบาๆ
“คุณพราว”
พราวพิลาสหันมาจึงเห็นเขา ศีลคุกเข่าตรงหน้าเธอ
“ไม่นะคะ ไม่นะคะ”
“ผมขอโทษ”
“ไม่ต้องนะคะ ไม่ต้องขอโทษ”
“ผม เลวมาก เลวจนเกินอภัย”
“พราวเข้าใจค่ะ คุณศีลก็จงเข้าใจค่ะ ลืมทุกสิ่งที่เราสองคนเคยคิดเคยพูดเถิดนะคะ”
“ผมจะลืมได้อย่างไร เพราะนั่นคือชีวิตจิตใจของผม”
“นายแม่ คุณพริ้ม คุณแพรว คุณป้า แนะนำว่าให้พราวกับคุณศีลถอยกลับไปสู่ความเกี่ยวข้องเดิมๆของเรา เป็นคุณศีลที่แสนดีต่อไป พราวก็จะเป็นพราวคนเดิมต่อไป ไม่จำเป็นต้องโกรธเคืองต่อกัน เพียงแต่ไม่ทำในสิ่งที่ทำให้เมขลา ระคายเคืองจิตใจค่ะ”
“ผม ผม จะพยายามทำให้ได้ ขอบคุณมากครับคุณพราว”
“ขอบคุณมากเช่นกันค่ะ ลาก่อนค่ะ”
พราวพิลาสเดินออกไปจากห้อง ศีลนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้น
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 22 (ต่อ)
คุณหญิงสะบันงาเรียกทุกคนมาประชุมกัน เพื่อเตรียมงานสองงานในห้องโถง
“ให้ทุกคนมาวันนี้เพื่อจะแจ้งให้ทราบว่า เลดี้แอนน์ มารี ซึ่งเป็นคุณอาของลูกๆ ได้เสียชีวิตลง และท่านได้มอบไร่ชาที่ดาจิลิ่งให้เป็นมรดกแก่ครอบครัวของเรา”
“ดาจิลิ่งอยู่ที่ประเทศอินเดีย อากาศหนาว มีชาวอังกฤษที่นั่นจำนวนหนึ่ง นายแม่ของพวกเธอว่าจะส่ง...”
คุณหญิงศรียังพูดไม่จบ แพรวพรรณรายรีบลุกชี้ตนเอง
“แพรวค่ะ แพรวจะเป็นตัวแทนของครอบครัวเราไปดูแลไร่ชา แพรวอายุยี่สิบสอง แพรวโตมากแล้ว รับผิดชอบเรื่องนี้ได้”
“ค่ะ...โตมาก แล้วอย่าไปหาเรื่องทะเลอะกับใครที่ไร่นะคะ ตัวคนเดียวนะคะ”เมี้ยนประชด
คุณหญิงสะบันงามองแพรวพรรณราย
“แม่อยากให้ไปดูว่าจะขายเสียได้ไหม ไร่นั่นมันคงใหญ่โตเกินกำลังที่ คุณแพรวจะไปจัดการนะลูก”
คุณหญิงศรีขัดขึ้น
“ไฮ้...ก็ถ้ายัยแพรวเขาจัดการได้ก็ทำเถิด ที่นั่นมีผู้จัดการนี่นา นัยว่าเป็นหลานชายของท่านลอร์ด ก็จ้างเขาทำต่อไปสิ”
“เว้นเสียแต่นายพอลอะไรนั่นมันจะไม่ยอมทำ แต่แพรวนี่แหละจะจัดการให้นายนั่นทำงานให้แพรวให้จงได้หาไม่แพรวจะเล่นงานมัน”
“นั่นปะไรคะ ยังไม่ทันไปก็จะเล่นงานเขาแล้ว” เดือนส่ายหน้า
“เรื่องไร่ชาจบแล้ว มาต่อเรื่อง....” คุณหญิงสะบันงาถอนใจ “งานแต่งของศีลกับเมขลา”
“ไฮ้...คุณหญิงขา ยังจะยอมจัดงานให้ยัยนั่นอีกหรือคะ ทำท่าโก้กดหัวคนบ้านเรา ถือว่าเป็นคนรักของคุณศีล” ดาตกใจ
“แต่คุณศีลคือคนในครอบครัวของคุณหญิงนะพี่ดา เธอเป็นลูกบุญธรรมของท่านเจ้าคุณ” เดือนขัดขึ้น
คุณหญิงสะบันงาพยักหน้า
“ดังนั้นฉันจะต้องเป็นเจ้าภาพให้เขา จะจัดงานที่บ้านของเรานี่แหละ”
“ฉันขอไม่มาร่วมงาน แม้ว่าฉันจะโปรดปรานศีลมาก เพราะฉันไม่อาจยอมรับผู้หญิงคนนั้นได้ นี่ขนาดตั้งใจว่าอายุมากแล้วจะสงบ ฉันดีเท่านายแม่ของพวกเธอไม่ได้หรอก สาวๆ” คุณหญิงศรีไม่ชอบใจ
“เมี้ยนขอตัวดูแลคุณท่านค่ะ” เมี้ยนรีบบอก
“พริ้มสัญญากับเขาไว้ว่าจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวค่ะ” พริ้มเพราพูดขึ้นอย่างไม่สบายใจ
ทุกคนปรายตาไปมองที่พราวพิลาส
“เมขลาขอให้พราวเล่นเปียโนให้เขา”
พราวพิลาสพูดเรียบๆ แพรวพรรณรายโกรธมาก
“อีบ้า ยังมีหน้ามาขอ พี่จะไม่ยอม”
“พราวจะเล่นค่ะ เพื่อคุณศีล”
ทุกคนนิ่งไป พราวพิลาสทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ คุณหญิงศรีกระซิบคุณหญิงสะบันงา
“เด็กนี่ดื้อเงียบเหมือนเธอ”
งานแต่งงานของศีลที่บ้านเจ้าคุณ...สนามบ้านติดไฟสว่างไปทั่ว ผู้คนเดินกันขวักไขว่ ทั้งเจ้าบ่าว เจ้าสาว แขกทีมาร่วมงาน มีทั้งไทยและเทศมีเสียงเปียโนเพลงวิวาห์ดังกระหึ่ม พราวพิลาสดีดเปียโนด้วยสีหน้าเศร้าหมองแต่สงบนิ่ง ศีล และเมขลา เดินคู่กันมา เมขลาหน้าตาเบิกบานยิ่งนัก เธอรำพึงในใจ
“ในที่สุดเราก็มีวันนี้ วันแต่งงานที่โก้เก๋ เราเหมือนเทพธิดาในสรวงสวรรค์”
ศีลหน้าสงบนิ่ง มีเพียงแววตาที่ไม่อาจปิดบังว่าหม่นหมอง
“อย่าทำหน้าราวกับกำลังจะเดินทางไปนรกสิคะ นี่มันงานแต่งงานของเรา ทำไมต้องทำร้ายเมให้ผู้คนเห็นด้วยว่าคุณจำใจแต่งงานกับเม”
“ผมขอโทษ ผมพยายามทำดีที่สุดแล้ว”
พริ้มเพราเดินมาหาสองคน
“ได้เวลาขึ้นไปขอบคุณแขก และโยนดอกไม้แล้วค่ะคุณศีล เมขลา”
แพรวพรรณรายยืนใกล้กันนั้นพูดขึ้นลอยๆ
“ดอกไม้แห่งความเศร้า”
เมขลาตาเขียว หันมามองแพรวพรรณรายที่เชิดหน้าไม่มอง เดือนเดินมาหาทั้งหมด
“คุณศีลขา นายแม่ให้เชิญขึ้นไปบนเวทีได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะเสียฤกษ์ค่ะ”
เมขลาหันไปถามเสียงห้วน
“ไหนดอกไม้”
“นี่ค่ะ” เดือนส่งให้
“ไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่ ราวกับเจตนาทำให้ดูไม่สวย” เมขลาเบ้หน้า
แพรวพรรณรายสวนทันที
“แม่เดือนนี้น๊า...แพรวบอกแล้วว่าให้จัดเป็นช่อดอกไม้จันทน์ดอกใหญ่ๆ เท่าหน้าเมขลาเขาก็ไม่ฟังแพรว”
“เอ๊ะ” เมขลาโกรธ
“ไม่เอาน่าคุณแพรว” พริ้มเพราหันไปปรามน้อง
“ขึ้นไปบนเวทีเถิดคุณเม”
ศีลแตะข้อมือเมขลาพากันเดินจากไป เดือนถอนใจเฮือก พริ้มเพราเดินตามสองคนไป
“ดูหน้าคุณศีลสิ ยังกับจะไปสู่หลักประหาร มียัยเมขลาเป็นเพชฌฆาต” แพรวพรรณรายเบ้หน้า
“คุณแพรวน่ะใจร้าย” เดือนต่อว่า
“แพรวร้ายแต่ปากค่ะ แต่ใจแพรวดีงามมาก”
“เตรียมใจไปจัดการนายคุณพอลอะไรคนนั้นเถิดค่ะ เกิดเขาสู้ขึ้นมา”
“ให้มันรู้ไปค่ะ”
เดือนยิ้มขำเอ็นดู
พราวพิลาสดีดเปียโนหน้าสงบนิ่ง เมขลาเดินจูงมือศีลขึ้นมาบนเวที แทนที่จะเดินตรงไปที่ไมโครโฟนกลับเลี้ยวไปหาพราวพิลาส
“คุณเมจะทำอะไร” ศีลแปลกใจ
“จะไปขอบคุณในน้ำใจของพราวพิลาสน่ะสิคะ”
“ผมว่า...อย่าดีกว่า”
“อย่ามาห้ามเมค่ะ อย่ามาขัดใจกันแม้ในวันแต่งงานของเรา”
เมขลาเดินไปหาพราวพิลาสทำน่ารักใส่ ยิ้มหวาน พราวพิลาสยังคงทำหน้าตรงนิ่งมองไปทางตัวโน๊ต
“ขอบใจมากนะจ้ะพราวพิลาส ดีใจนะที่เธอแสดงน้ำใจกับเรา”
เมขลาเดินจากไป พราวพิลาสน้ำตาหยดไหลริน แต่ยังคงดีดเปียโนต่อไป
ด้านล่างเวที คุณหญิงสะบันงาดูแลแขกที่มาร่วมงานอยู่ที่โต๊ะ สาวใช้กำลังเสิร์ฟอาหาร คุณหญิงสะบันงาชนแก้วกับแขก
“เชียร์”
พระประสารเดินเข้ามา ดาที่เดินมาด้วยเข้ามากระซิบคุณหญิงสะบันงา
“คุณหญิงขา คุณพระประสารมีเรื่องด่วนมาขอพบค่ะ”
“เรื่องด่วน”
คุณหญิงสะบันงาแปลกใจ แต่ลุกไปไหว้คุณพระประสาร
“กระผมขอประทานโทษที่มายุ่งย่าม แต่มันสำคัญมากขอรับ”
“ดิฉันก็ขอประทานโทษที่ไมได้เชิญมางานนี้ เพราะเกรงว่าจะรบกวนค่ะ”
“ไม่เป็นไรมิได้ขอรับ เออ...เรื่องสำคัญมาก”
คุณหญิงสะบันงาผายมือ
“เชิญในห้องรับแขกนะคะ”
“ขอรับ”
สองคนเดินตามกันไป
ศีลกับเมขลาอยู่บนเวที ศีลกล่าวกับแขกที่มาในงาน
“ท่านผู้มีเกียรติขอรับ กระผม และเมขลาขอขอบพระคุณทุกท่านที่มาเป็นเกียรติกับผม และภรรยาในวันนี้”
เมขลาแทรกตัวมาพูดบ้าง
“ดิฉันและคุณศีลขอกราบขอบพระคุณ คุณหญิงสะบันงาที่กรุณาเป็นเจ้าภาพจัดงานครั้งนี้ให้แก่เราทั้งสอง ขอขอบคุณคุณพริ้มเพราเพื่อนเจ้าสาว ขอขอบคุณ คุณพราวพิลาสที่เล่นเปียโนให้งานนี้...และลำดับต่อไปนี้จะเป็นการโยนดอกไม้ให้แก่เพื่อนๆ เพื่อจะได้เป็นเจ้าสาวต่อจากดิฉันค่ะ”
เมขลามาจูงมือศีล หันหลังตั้งท่าจะโยนดอกไม้ แพรวพรรณรายพรวดมาบนเวที
“หยุดก่อน”
“เอ๊ะ จะมาก่อกวนอะไรกันอีก” เมขลาไม่พอใจ
แพรวพรรณรายเดินไปกระซิบศีลเบาๆ ศีลตกใจมากพยักหน้ารับคำแพรวพรรณราย แล้วเดินมายังไมโครโฟน
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่านครับ ขณะนี้ได้ประกาศเคอร์ฟิวไม่ให้ประชาชนออกจากเคหะสถานเกินกว่าเวลาสามทุ่ม”
“บ้า” เมขลาหน้าตื่น
“หุบปาก” แพรวพรรณรายตวาด
ศีลประกาศต่อ
“ผมจึงขอโอกาสปิดงานเลี้ยงฉลองตั้งบัดนี้ ขอบคุณมากครับ”
มีเสียงฮือฮาดังกระหึ่ม เมขลาไม่พอใจมาก
“นี่มันบ้าอะไรกันไม่ทราบ”
“ไม่ต้องถาม กลับบ้านเดี๋ยวนี้”
“แล้วการส่งตัวฉันเล่า หรือว่าคุณหญิงสะบันงาเจตนาร้าย มันแกล้งเรา”
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 22 (ต่อ)
แพรวพรรณรายปราดมาตบหน้าเมขลาฉาดใหญ่
“สามหาวเนรคุณ บังอาจมาล่วงเกินแม่ฉัน ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
“คุณศีลปล่อยให้มันทำกับเมขลาถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกันคะ” เมขลาร้องไห้โฮๆ
“บอกให้กลับบ้าน”
ศีลฉวยมือเมขลาออกไป ปรายตาไปมองพราวพิลาสที่นั่งนิ่งเฉยมีแพรวพรรณราย และพริ้มเพราเดินไปพูดอะไรด้วยสามคนพี่น้องกอดกันไว้ แพรวพรรณรายไปด้านล่างในสนาม เห็นผู้คนซุบซิบสีหน้ากังวล และพากันออกจากงาน
ในห้องโถงบ้านเจ้าคุณ...คุณหญิงสะบันงาหันมาหาคุณหญิงศรี
“ทุกคนไม่ต้องวิตกหรือกังวลใดๆ คุณแพรวเตรียมตัวไปอินเดียวันพรุ่งนี้เช่นเดิม”
คุณหญิงศรีบอกทุกคน
“ใช้ชีวิตตามปกติ จะไปไหนมาไหนก็อย่าให้มันเกินที่เขากำหนด แค่นั้นก็ไม่มีปัญหา แยกย้ายกันไปนอนได้แล้ว”
เมี้ยนหันไปหาเดือน
“คุณแพรวเตรียมตัวครบทุกอย่างแล้วใช่ไหมแม่เดือน”
เดือนพยักหน้ารับ
“ไม่มีสิ่งใดขาดตกบนพร่องค่ะ”
“พวกเราต้องปฏิบัติเช่นนี้ไปนานแค่ไหนคะคุณท่าน” ดาถามอย่างสงสัย
“ไม่กี่วันหรอกแม่ดา” คุณหญิงศรีบอกเรียบๆ
“พราวขอตัวก่อนคะ”
พราวพิลาสลุกไป แพรวพรรณรายกระซิบพริ้มเพรา
“แพรวอยากกระโดดขึ้นไปเตะนังเมขลาให้ตกเวทีซ้ำ หลังจากตบหน้ามัน มันแกล้งเดินเฉียดไปเยาะเย้ยคุณพราว สะใจที่งานเลี้ยงของมันต้องหยุดกลางคัน”
“ไม่เอาน่าคุณแพรวมันจบไปแล้ว คุณพราวก็สงบดีออกจะตายไป” พริ้มเพราปราม
“สงบแต่กาย ใจคงทำให้สงบยาก โดยเฉพาะถ้ามีการก่อกวนไม่เลิกไม่รา” เมี้ยนถอนใจ
คุณหญิงสะบันงาหนักใจ
“ให้เวลาที่ผ่านไปเป็นเครื่องช่วยเถิด อย่าได้เอ่ยถึงเมขลาให้คุณพราวได้ยินอีก”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
ศีลพาเมขลามาในห้องหอที่บ้านของเขา เมขลาวี๊ดว๊ายไม่พอใจ
“นังคุณหญิงนั่นมันจงใจแกล้งเราแท้ๆ หาฤกษ์เลวร้ายมาให้เราแต่งงานกัน”
“อย่าพูดจาถึงท่านอย่างนี้สิเมขลา ท่านจะไปทราบได้อย่างไรว่าวันนี้จะมีเหตุการณ์เยี่ยงนี้เกิดขึ้น คิดเสียว่ามันคืออุบัติเหตุ”
“อุบติเหตุบ้า ทำไมต้องมาเกิดในวันแต่งงานของเมขลา เมขลากำลังอยู่ในสวรรค์ แล้วจู่ๆก็ตกลงมาจากสวรรค์”
“คุณอยู่บนสวรรค์มาตั้งแต่เช้ามืดแล้ว ลงมาพบความจริงคือสิ่งที่สมควรยอมรับ”
“อีนังคุณหญิงสะบันงาหาฤกษ์บ้าๆ มันบ้า...โง่”
ศีลโกรธปราดมาบีบแขนทั้งสองของเมขลาโดยแรง
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนะ เมขลา”
“ไม่ค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้น ผมขอตัว”
ศีลหันกลับเดินไปเปิดประตูห้อง เมขลาผวามาเกาะเอวกอดไว้แน่น
“คุณจะหนีเมขลาไปหาพราวพิลาส”
“ประโยคนี้คุณก็ต้องถอนคำพูดเช่นกัน อย่าแตะต้องคุณพราวอีกเด็ดขาด”
“แตะต้องไม่ได้ เทิดทูนบูชากันเหลือเกิน”
“จะว่าใช่ก็ไม่ผิด ดังนั้นอย่าแตะต้องทุกคนที่นั่นอีก หรือแม้แต่เอ่ยถึงชื่อของพวกเขา”
“แม้แต่อีกพวกขี้ข้าที่ลอยหน้าตาเขียวใส่เมขลา”
“ถ้าไม่ไปข้องแวะกับพวกเขา คงไม่เกิดปัญหา ต่างคนต่างอยู่”
“ดี ฟังนะ เมอยากได้คุณศีลเมก็ได้แล้ว ตอนนี้เมขลาอยากได้...”
“ลูกหรือ”
“ปริญญาโท”
“นี่...นี่...” ศีลอึ้ง
“เมไปได้ทุนไปทำปริญญาโท”
“ตามใจคุณเถิดเมขลา ถ้าคุณเห็นว่าปริญญาโทรดีกว่า และรักมันมากกว่ารักผม เราควรหย่าขาดจากกันก่อนคุณไปเรียนต่อ”
“อย่ามาบีบคั้นกันนะ” เมขลาโมโห
“แล้วใครกันเล่าที่เฝ้าวนเวียนบีบคั้นชีวิตผมจนเป็นเช่นนี้ หย่ากันดีที่สุด”
ศีลเดินออกจากห้องไป เมขลากระชากเสื้อชุดแต่งงานโดยแรง
“นังพราวพิลาส แกตามรังควาญความสุขของฉันไม่เลิกรา”
เมขลาร้องไห้โฮๆ
ศีลนั่งปวดร้าวอยู่ในห้องรับแขก นึกถึงภาพที่พราวพิลาสกำลังเล่นเปียโน แล้วเมขลาเข้าไปพูดจาจนพราวพิลาสน้ำตาไหลพราก ศีลเจ็บปวดใจ
“คุณพราว ผมเสียใจ ผมจะไม่ยอมให้เขามาทำร้ายจิตใจคุณได้อีก”
พราวพิลาสอยู่ในห้องนอน นึกถึงภาพที่เมขลาเดินมาหาทำทีขอบใจแล้วเดินไปหาศีล...พราวพิลาสน้ำตาไหลพราก
“คุณศีลขา พราวไม่โทษคุณว่าทำร้ายพราว แต่โชคชะตาต่างหากที่ลิขิตชีวิตของเราทั้งสองให้เป็นเช่นนี้ พราวขอให้คุณมีความสุขด้วยเถิด”
พราวพิลาสเช็ดน้ำตาอย่างเศร้าๆ
เช้าวันใหม่...แพรวพรรณรายใส่ชุดเดินทางยืนยิ้ม ล้อมรอบด้วยคุณหญิงสะบันงา เมี้ยน ดา เดือน ที่กำลังน้ำตาไหล ยกเว้นคุณหญิงศรีที่ยืนมองแพรวพรรณรายยิ้มให้
“ป้าไม่ไปส่งหรอกนะ ไม่อยากเอาหน้าผีไปให้ใครเขามองแล้วซุบซิบนินทา ป้าขออวยพรให้เธอทำดังที่คิดสำเร็จ ป้ามั่นใจว่าเธอเก่ง”
“ขอบพระคุณค่ะ ที่ให้กำลังใจแพรว” แพรวพรรณรายยิ้มรับ
คุณหญิงศรีมองคนอื่นๆ
“อ้าว...สะบันงา แม่ดา แม่เดือน ต่อมน้ำตาแตกเสียแล้ว ดูยัยแพรวสิยิ้มแฉ่ง ราวกับจะไปเที่ยวเมืองสวรรค์ จะไปก็รีบไปกันย่ะ ประเดี๋ยวจะไม่ทันเอา”
พริ้มเพราเดินมาหาพร้อมกับอุดร มากอดแพรวพรรณราย
“พี่ส่งตรงนี้ ขอให้สนุกในการเป็นเจ้าของไร่ที่ดาจิลิ่งนะคุณแพรว”
“คุณพริ้มใส่ชุดขาวอีกแล้ว จะไปแสวงบุญอีกหรือคะ”
“ไปกันหมดเลย เฮ้อ เหลือเพียงคุณพราว ไม่อยากไปไหนบ้างหรอลูก”
คุณหญิงสะบันงาดึงพราวพิลาสมากอด
“พราวไม่ไปไหน พราวอยากอยู่กับนายแม่เท่านั้นค่ะ อ้อ คุณป้าอีกคนค่ะ”
“ปากหวานนะเรา เอารีบไปกันได้แล้ว” คุณหญิงศรียิ้ม
ทุกคนพากันออกไป เหลือเพียงคุณหญิงศรีกับเมี้ยน
“ชีวิตเป็นเช่นนี้เสมอนะคะ มีทุกข์ มีสุข มีผิดหวัง มีสมหวัง”
คุณหญิงศรีหัวเราะแล้วร้องไห้สลับกันไป
“ขึ้นอยู่กับเจ้าของชีวิต จะทำเช่นไรไม่ให้ชีวิตเสียหาย สักวันก็คงถึงวันที่ฉันกับเมี้ยนต้องจากกัน ฉันขอจากก่อนนะเมี้ยน ฉันทนเห็นเมี้ยนจากก่อนไม่ได้ ไม่มีเมี้ยนฉันจะอยู่ได้อย่างไร”
คุณหญิงศรีกอดเมี้ยนไว้ น้ำตาคลอ
“ค่ะ”
เมี้ยนกอดตอบน้ำตาคลอ สองคนกอดกันเอาหัวแนบชิดกัน
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 22 (ต่อ)
ศีลอยู่ในห้องทำงานสงบสติอารมณ์ทำงาน แต่แทบจะไม่ได้ทำ ประตูห้องเปิดออกมา เมขลาร้องไห้กระซิกเข้ามา
“เมผิดหวังเมเสียใจมาก ทำไมชีวิตเมไม่สมหวังดังใจไปเสียทุกอย่าง”
“เกิดอะไรขึ้นไม่ทราบ ไหนว่าจะจัดการเรื่องไปเรียนต่อ” ศีลถามเบื่อๆ
เมขลาชี้ท้องตัวเอง
“เด็กบ้ามันดันมาเกิดน่ะสิคะ เมท้อง”
คราวนี้ศีลลุกพรวดมาถึงตัวเมขลา สีหน้ายินดี
“คุณท้อง”
“เหลือเชื่อจริงๆ แค่คืนนั้นคืนเดียวดันท้องเสียได้ เด็กอะไรมาขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของชีวิตแม่ตัวเอง”
“พูดอะไรอย่างนั้น ใครๆต่างยินดีที่จะมีลูก แต่คุณกลับไม่ยินดี ทำใจให้สงบ แล้วลูกจะทำให้ครอบครัวเราเป็นสุข ผมก็จะไม่ขอหย่ากับเม”
“ฟังแล้วอยากจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด อยากจะหย่ากับเมียไปหาคนอื่นไม่รักเมีย แต่เพราะรักลูกจึงไม่ขอหย่า เมไม่เคยมีค่ามีราคาสำหรับคุณ”
“คุณอยากมีครอบครัวที่เป็นสุขไม่ใช่หรือ ลืมเรื่องที่ผ่านมา แล้วมาช่วยกันดูแลลูกของเรานะเม”
เมขลานิ่งไปน้ำตาคลอ ศีลโอบไว้
“ไม่ต้องมาโอบกอดฉัน แต่ใจไพล่ไปคิดว่าโอบกอดคนอื่น คุณก็อีกคนที่ไม่ต้องการเห็นเมได้ปริญญาโท คุณไม่ต้องการให้สังคมยกย่องว่าเมเก่ง”
ศีลถอนใจปล่อยมือจากการโอบกอดเมขลา
พราวพิลาสนั่งนิ่งเงียบที่ซุ้มดอกไม้น้ำตาคลอ คุณหญิงสะบันงาเดินมาหาลูก มานั่งข้างๆ โอบกอดไว้
“คุณพราวของแม่”
“เบื่อพราวไหมคะ ที่เอาแต่นิ่งเงียบซึมเซาแอบมานั่งคนเดียวบ่อยๆ”
“ไม่หรอกค่ะลูกรัก คนเราบางครั้งและบางคนก็ชอบอยู่กับตัวเองเงียบๆ นายแม่ก็ชอบทำเช่นนี้เสมอ นายแม่ชอบมานั่งที่ซุ้มดอกไม้ที่นี่เงียบๆตามลำพัง แล้วใจนายแม่ก็จะสงบขึ้น มีกำลังใจขึ้นมาเองด้วยหัวใจของตัวเอง ถ้าคุณพราวอยากอยู่ตามลำพัง นายแม่จะไปก่อนนะลูกรัก”
พราวพิลาสกอดแม่ไว้
“ไม่ค่ะ อย่าไปค่ะ นายแม่กอดพราวไว้นะคะ พราวสบายใจอบอุ่นใจ มีความสุขมาก ความรักของนายแม่ก่อหัวใจพราวให้มีพลังที่จะยืนหยัดต่อไปค่ะ พราวรักนายแม่เหลือเกิน”
“นายแม่ก็รักคุณพราวเหลือเกินค่ะลูกรัก รักยิ่งกว่าตัวของแม่เอง”
คุณหญิงสะบันงาหอมแก้มลูกสาว ทั้งสองคนกอดกันอย่างมีความสุข
ประเทศอินเดีย…หน้าผาสูงใหญ่บนเขาสูง...พอลชายหนุ่มรูปหล่อ ยืนซึมเศร้าและโกรธแค้น
“ไร่ชานี้สมควรเป็นของเรา เราอยู่ที่มาตั้งแต่เกิด ทำไมท่านอาของเราจึงใจร้าย ไม่สั่ง เลดี้ แรนดอนให้มอบให้เรา แต่กลับไปมอบให้ตาแก่พี่ชายตนเอง ไร่ชาคือชีวิตเรา เรายอมไม่ได้”
แขกชราเดินมาหาพอล
“นายขอรับได้เวลาไปรับพี่ชาย เลดี้ แรนดอน แล้วขอรับ”
“ใช่สิ แต่...”
“ขอรับ”
“ให้ใครมาทำลายสะพานข้ามเหวให้ขาด แต่อย่าให้เห็นว่าขาด”
“นายหมายความว่า...” แขกชะงัก
“ใช่ หมายความอย่างนั้นแหละ ไปทำตามที่สั่ง แล้วไปเอารถเราจะไปรับเจ้าของไร่ชาคนใหม่”
“ขอรับ”
พอลพึมพำ น้ำตาซึม
“ฉันไม่ได้เป็นเจ้าของไร่ชานี้ แกก็อย่าหวังจะได้เป็นเลยตาแก่”
รถที่พาแพรวมาจากสนามบินเป็นรถรุ่นเก่า แล่นมาโขยกเขยกตามถนนทุรกันดาร แพรวพรรณรายนั่งด้วยความรู้สึกแย่มาก
“ไอ้บ้าพอลทำไมนายไม่มารับฉันผู้เป็นนายคนใหม่ของนาย ไม่มีมารยาท”
รถโขยกเขยกจนแพรวพรรณรายหัวโขก
“โอ๊ยนี่มันถนนหรือนี่ ทำไมมันโขยกเขยกชวนอาเจียนอย่างนี้ ไอ้บ้าพอลเชอะ สงสัยว่าจะแกล้งเรา ดีละฉันจะไม่แสดงให้นายเห็นว่าฉันกำลังแย่ แต่เมื่อไหร่มันจะถึงสักทีหนอ”
แพรวพรรณรายคลื่นไส้ กลั้นอ้วกเต็มที่
พอลกับแขกชรามารอแพรวพรรณรายที่หน้าบ้านไร่ชา แต่คิดว่ารอเจ้าคุณเพราะไม่รู้ว่าตายแล้ว
“ทำไม ทำไมมันแก่แล้วยังอยากบุกบั่นมาดูไรชานี่อีก มันต้องทั้งแก่ทั้งโลภ”
“มาแล้วขอรับ” แขกชราชี้ไป
พอลยิ้มร้ายๆ รถจอดตรงหน้า พอลเปิดประตู เห็นสาวสวยนั่งทำท่ากำลังจะอาเจียนมองมาที่เขาตาลุกวาว
“ไอ้บ้า”
“อะไรกันนี่ ไม่ใช่ตาแก่” พอลงง
แพรวพรรณรายลงมาจากรถแล้วอ้วกก่อนจะเป็นลมในอ้อมกอดของพอล
“โอ มาย ก๊อด”
พอลช้อนตัวแพรวพรรณรายขึ้นมาอุ้ม อลิซาเบธมาถึงพอดี
“โอ มาย ก๊อด ผู้หญิงคนนี่คือใคร”
“ไม่ทราบ” พอลส่ายหน้า
“เหลวไหล พอลโกหก ไหนว่าตาแก่จะมาแล้วทำไมกลายเป็นผู้หญิงสาว”
พอลส่ายหน้าอุ้มแพรวพรรณรายหายเข้าบ้านไป อลิซาเบธตามไปติดๆ หึงหวงไม่พอใจ
ในห้องเปียโน...พราวพิลาสเล่นเปียโนเงียบๆ ร้องเพลงคลอไปด้วย พร้อมกับรำพึงในใจ
“ทำไมทุกคนทำราวกับจงใจหลอกพราวให้มีใจ แล้วทอดทิ้ง”
พราวพิลาส น้ำตาซึม
ฝรั่งเศส...ธรรม์อุ้มลูกของโจแอลไว้กับอก เดินมากับโจแอลอย่างเศร้าๆ เขานึกถึงสัญญาที่ให้ไว้กับพราวพิลาส...โจแอลลอบมองหน้าธรรม์ สองคนทรุดตัวลงนั่งที่ม้าหินปล่อยเด็กลงเดิน
“โซ วอรี่ กับธรรม์จริงๆ Thank you ที่สุดในโลกด้วยที่ยอมรับเป็นพ่อของลูกฉัน”
“เราเป็นเพื่อนกัน ฉันยินดีทำให้เพื่อนเสมอ”
ดาเนียลเดินมาหาสองคน
“ดาเนียล”
สองคนสบตากัน ดาเนียลยื่นมือมาที่เด็ก
“ขออุ้มหน่อย”
“NO” โจแอลรีบห้าม
“YES” ธรรม์เห็นด้วย
โจแอลมองหน้าดาเนียล
“ไม่ใช่ลูกของ YOU นะดาเนียล”
“ฉันเสียใจ ฉันโง่มาก เห็นแก่ตัวที่สุด ที่ทำเช่นนี้กับเธอ และลูก โจแอล ตอนนี้ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันขอกลับมาเป็นพ่อของลูกเราได้ไหมโจแอล Please” ดาเนียลหน้าสลด
“No เด็กคนนี้เป็นลูกของธรรม์” โจแอลส่ายหน้า
แดเนียลหันไปขอร้องธรรม์
“Please ธรรม์ ขอบคุณที่สุดในน้ำใจ ได้โปรดคืนลูกให้ไอนะธรรม์”
“โจแอล ถ้าเธอยังรักดาเนียลอยู่ และถ้าดาเนียลกลับตัวกลับใจได้ ชีวิตของเธอทั้งสามคนพ่อแม่ลูกจะสมบูรณ์มาก ให้อภัยนะโจแอล” ธรรม์แนะ
โจแอลมองหน้าดาเนียลน้ำตาไหลส่งเด็กให้ ดาเนียลรับมา ทั้งสามคนพ่อ แม่ ลูกกอดกัน ธรรม์ลุกขึ้นเบิกบานมากยิ้มครั้งแรกในรอบหลายปี เขาตะโกนก้อง
“คุณพราวพิลาสของผม”
ธรรม์วิ่งร่าเริงออกมาจากสองคนที่กอดลูกอย่างมีความสุข
จบตอนที่ 22