xs
xsm
sm
md
lg

ในสวนขวัญ ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในสวนขวัญ ตอนที่ 1

มุมหนึ่งของกรุงเทพฯ ในยามเช้า... บัวบูชา หรือ "เป็ดปุ๊ก" ออกมาหน้าบ้าน พร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบสุดท้าย หญิงสาววัยยี่สิบเจ็ดปีเหลียวมองไปที่ห้องพักของเชียร ผู้เป็นพ่อ พบว่าเปิดไฟสว่างอยู่ เธอจะเดินไปหา แต่ก็ได้เสียงประตูรั้วบ้านเปิดเสียก่อน

พอหันไปมองเห็นเชียรในวัยหกสิบสองปีกลับเข้ามาในบ้าน ในมือถือถาดสแตนเลส หน้าตาเศร้าๆ ซึมๆ
“พ่อไปใส่บาตรมาเหรอ”
เชียรพยักหน้ารับ
“ไปอยู่บ้านใหม่ ไม่รู้ว่าจะได้ใส่บาตรหรือเปล่า หมู่บ้านอย่างนั้นเขาคงไม่ให้พระให้ใครๆเข้าไปง่ายๆหรอกมั้ง”
“ไม่เป็นไรนี่พ่อ เสาร์อาทิตย์เราก็ไปใส่บาตรที่วัดแถวนั้นก็ได้ เห็นมีตั้งหลายวัด”
“พ่อซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาด้วย กินด้วยกันก่อนไปนะ”
“จ้ะพ่อ”
สองคนจะเดินไปที่บ้าน แล้วก็ต้องชะงัก เก็จเกยูร วัยสามสิบปี ภรรยาของไก่กุ๊กลูกชายคนโตของเชียร เดินออกมาจากในบ้านพร้อมกับลูกชายลูกสาว แมวเมี้ยวเด็กชายวัยแปดขวบ และนกจิ้บเด็กหญิงวัยหกขวบ
“แมวเมี้ยว นกจิ้บ ตื่นแต่เช้าเชียวลูก จะไปเที่ยวไหนกัน” เชียรยิ้มให้หลานทั้งสองคน
หลานหยุดทำให้เก็จเกยูร ต้องหยุดด้วย แต่เธอไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าพ่อ และน้องสาวของสามี
“แม่จะพาหายายครับคุณปู่” แมวเมี้ยวตอบ
เชียรอึ้งไป พยักหน้ารับช้าๆ แล้วพยายามยิ้มออกมา
“งั้นมาให้ปู่กอดทีนึงเร้ว”
เชียรอ้าแขนรอหลาน เหมือนที่เคยทำทุกครั้ง แต่เก็จเกยูร กลับจับบ่าของลูกทั้งสองไว้แน่น ไม่ปล่อยให้เด็กๆไปหาปู่ เชียรอ้าแขนรอเก้อ ขณะที่เป็ดปุ๊กก็มองหน้าเก็จเกยูร อย่างชิงชัง
“อย่าไปกวนคุณปู่เลยลูก คุณปู่จะหนีพวกเราไปอยู่บ้านใหม่แล้ว” พูดไปก็ปรายตามองเป็ดปุ๊ก “เฮ้อ ยังโชคดีนะที่ไม่เอาตู้เย็น เตาแก๊ส ไมโครเวฟไปด้วย ไม่งั้นละก็ พวกเราได้อดตายกันแน่เลย”
แมวเมี้ยวแปลกใจ
“อ้าว แล้วคุณปู่กับคุณอาเป็ดปุ๊ก จะเอาตู้เย็นที่ไหนใช้ล่ะแม่”
“เศรษฐี เขาก็ซื้อใหม่หมดน่ะซี คิดดูซีลูก บ้านเก่าเขายังอยู่ไม่ได้เลย เรามันคนจน ก็อยู่กันตามประสาจนไปแหละนะ แมวเมี้ยว นกจิ้บ”
เก็จเกยูรประชด เป็ดปุ๊กทนไม่ไหว
“แล้วใครล่ะพี่เก็จ ที่ทำให้เป็ดกับพ่ออยู่บ้านตัวเองไม่ได้”
“เอ๊ะ อย่ามาโทษกันนะ ไม่มีใครบังคับให้ทำแบบนี้สักหน่อย พ่อกับเป็ดตัดสินใจกันเอง”
“พี่เก็จน่าจะรู้ว่าทำไมพวกเราถึงต้องตัดสินใจอย่างนี้”
“รู้ซิ ทำไมจะไม่รู้ ฉันรู้ว่าพ่อกับเป็ดกำลังหนีปัญหา ทิ้งให้ฉันกับลูกต้องผจญกับความทุกข์ตามลำพัง”
เชียรขัด
“เก็จ พ่อขอโทษที่ไก่ก่อปัญหาให้เก็จไม่รู้จักจบสิ้น แต่พ่อช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ”
“พ่อไม่ได้บังคับให้เขาแต่งงานกันนะพ่อ พ่อไม่ต้องขอโทษหรอก”
เป็ดปุ๊กบอกอย่างไม่พอใจ แล้วจับแขนพ่อ จะพาเดินไปที่ห้องพัก
“คุณปู่จ๋า แล้วคุณปู่จะมาบ้านนี้อีกไหม” นกจิ้บถาม
เชียรหยุดชะงัก ความเจ็บปวดพุ่งพล่านขึ้นมา แล้วหันกลับมามองหลาน เก็จเกยูรพูดทันที
“คุณปู่เขาไม่มาแล้วล่ะนกจิ้บ เขาไปอยู่บ้านใหม่ หลังใหญ่กว่า สวยกว่า แพงกว่าบ้านนี้ เขาไม่สนใจบ้านหลังเก่านี่อีกแล้วล่ะ”
เชียรมองหลาน น้ำตาเริ่มคลอขึ้นมา
“ตั้งใจเรียนนะแมวเมี้ยว นกจิ้บ แล้วปู่จะกลับมา จะซื้อขนมมาฝาก”
เชียรยังพูดไม่ทันจบดี เก็จเกยูร ดึงลูกทั้งสองของเธอไป เชียรได้แต่มองไป
“เป็ดว่า เราไปกันเลยดีกว่านะพ่อ ไปหาอะไรกินข้างหน้า”
เชียรหันมามองลูกสาว แล้วพยักหน้ารับ

ประตูห้องห้องพักเชียรเปิดออกมา เป็ดปุ๊กหิ้วกระเป๋าเดินทางของเชียรออกมาก่อน เชียรตามออกมา แล้วปิดประตู ไก่กุ๊กเดินมาบอก
“ไม่ต้องใส่กุญแจหรอกพ่อ”
ทั้งเชียรและเป็ดปุ๊กชะงักหันมา ไก่กุ๊กยืนอยู่ไม่ห่างนัก
“ผมอาจจะลงมาใช้เป็นห้องทำงาน”
เชียรปล่อยมือจากประตู
“จะไปกันเลยเหรอครับ”
เชียรมองหน้าลูกชาย ไม่ตอบอะไร
“ไก่ไม่ได้บังคับให้พ่อทำแบบนี้นะ พ่อกับเป็ดคิดกันเอง ตัดสินใจกันเอง”
เป็ดปุ๊กตัดบท
“อย่าพูดอะไรอีกเลยพี่ไก่ ยังไงมันก็ย้อนไปแก้อะไรไม่ได้แล้ว”
ไก่กุ๊กพูดแรงทันที
“จะไม่ให้พูดได้ยังไง พ่อก็เป็นพ่อของฉันเหมือนกันนะเป็ด”
“อ๋อ งั้นเหรอพี่ไก่”
เชียรเห็นว่าลูกจะทะเลาะกันอีก รีบขัด
“เป็ดปุ๊ก อย่าทะเลาะกันอีกเลยลูก”
เป็ดปุ๊กหงุดหงิด หันไปทางอื่น เชียรหันไปบอกลูกชาย
“พ่อฝากบ้านด้วย ดูแลบ้านดีๆนะ บ้านนี้อยู่ได้จนแมวเมี้ยวกับ นกจิ้บโตเป็นหนุ่มเป็นสาวเลยล่ะ”
ไก่กุ๊กพยักหน้ารับ รู้สึกอึดอัด
“พ่อไม่อยู่ ไก่โตแล้ว เป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องรับผิดชอบชีวิตลูกเมียให้ดี พ่อเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้น ลูกต้องใช้ความรักประคับประคองครอบครัวของลูกให้มันผ่านไปให้ได้ แล้วมีอะไร ก็โทรหาเป็ดปุ๊ก ยังไงพี่น้อง ก็ต้องช่วยเหลือดูแลกันอยู่แล้วล่ะ”
ไก่กุ๊กนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วยกมือไหว้ เชียรยกมือขึ้นจะลูบหัวจับบ่าลูกชาย แต่ไก่กุ๊กไม่ทันดูหันกลับ แล้วเดินออกจากบ้านไปเลย เชียรยกมือค้างเก้อๆ แล้วลดมือลง
“ไปกันเถอะพ่อ”
เชียรพยักหน้ารับ แล้วนึกอะไรได้
“พระล่ะเป็ดปุ๊ก ไปนิมนต์พระพุทธรูปของพ่อที่หิ้งพระมาด้วย องค์ที่เป็นหินอ่อนน่ะ ที่พ่อกับแม่ได้เป็นของขวัญ
แต่งงานจากหลวงพ่อเจ้าอาวาสน่ะ เข้าบ้านใหม่ ต้องเอาพระเข้าบ้านก่อน จะได้เป็นศิริมงคล”
เป็ดปุ๊กเดินขึ้นบันไดมา แล้วตรงมาที่ห้องพระ แต่พอมาถึงหน้าห้อง เธอก็ต้องชะงัก แล้วเดินไปที่ประตู เอื้อมมือไปที่กลอนประตูที่ประตู มีกุญแจสายยูคล้องล็อคประตูห้องอยู่

เป็ดปุ๊กรู้สึกแย่มากๆ ที่พี่ชายทำแบบนี้

เชียรยืนรออยู่ ครู่หนึ่ง เป็ดปุ๊กเดินออกมาจากในบ้าน เชียรแปลกใจที่เป็ดปุ๊กไม่มีพระพุทธรูปมาด้วย

“พ่อ...พี่ไก่กับพี่เก็จเขาปิดประตูห้องพระใส่กุญแจ”
“อะไรนะ”
“ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำแบบนี้”
เป็ดปุ๊กสงสารพ่อ เชียรนิ่งไปครู่หนึ่งแต่พยายามตัดใจ
“ไม่เป็นไร เรามีพระอยู่ในใจก็พอ”
เป็ดปุ๊กเข้ามากอดพ่อ แล้วร้องไห้
“จ้ะพ่อ...พ่อคือพระของเป็ด บ้านใหม่ของเป็ด ไม่ต้องมีพระพุทธรูปองค์ไหนอีกแล้วก็ได้ ขอแค่มีพ่ออยู่ด้วย ก็เป็นสิริมงคลพอแล้ว”
เชียรลูบหัวเป็ดปุ๊ก แล้วล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้ลูก แล้วพากันไปที่รถ เป็ดปุ๊กขับรถออกไป เชียรนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันกลับไปมองบ้าน รถแล่นห่างจากบ้านไปทุกที
เชียรนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา...แมวเมี้ยว กับนกจิ้บเข้ามาเขย่าแขนเขา
“ปู่จะทิ้งเราไปจริงๆเหรอครับ”
“ปู่ไม่รักเรา เราก็ไม่รักปู่”
เป็ดปุ๊กหันมามองพ่อที่ยังนั่งเหม่อมองไปนอกรถ เธอรู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจที่อยู่ในใจของเขา เชียรหลับตาพยายามหายใจลึกๆ
ภาพในอดีตวาบเข้ามาอีก ไก่กุ๊กยืนพูดอยู่กับเชียรและเป็ดปุ๊ก
“ในเมื่อมันอยู่ร่วมกันไม่ได้ ก็ขายบ้านนี้ไปเลย แยกๆกันไปซะปัญหามันจะได้จบ”
เชียรลืมตาขึ้น น้ำตาเริ่มจะคลอ เป็ดปุ๊กมองพ่อคิดหาทางให้พ่อสบายใจ จึงเปิดเพลงในรถ เสียงเพลง “ชิมิ” ของบลูเบอรี่ดังขึ้น
“ที่เธอตรงเข้ามาทัก เพราะฉันน่ารัก ชิมิชิมิ แล้วที่เข้ามาใกล้ใกล้เธอคิดอะไร ชิมิชิมิ มานั่งหล่อหล่อได้ใจ ฉันแถบละลาย ดูดิดูดิ มันเขินนะเธอ มันเขินนะเธอ งุงิงุงิงุงิ ทำเป็นมาแวะมาเวียน วนเวียนมานั่งมองตา ข้องใจเรื่องไรค่ะ เรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ถ้าชอบก็ลองบอกมา เพื่อว่าฉันจะถูกใจให้ไวให้ไว จะเก็บไปพิจารณา”
ระหว่างที่เพลงดัง โดยเฉพาะช่วงคำว่า “ชิมิ ชิมิ” เชียรหันมามองลูกสาวอึ้งๆ เป็ดปุ๊ก ก็ส่ายตัวเล็กน้อยเป็นจังหวะไปตามเพลง
“ฟังเพลงอะไร”
“หนุกดีใช่ไหมล่ะคะ”
“พ่อว่าฟังอะไรที่สุนทรีย์กว่านี้หน่อยดีกว่า”
“ก็ได้ค่ะ”
แล้วเป็ดปุ๊กก็กดเปลี่ยนเพลง กลายเป็นเพลงหวานๆของอรวี
“อืม แบบนี้ค่อยน่าฟังหน่อย”
“ไม่อยากให้พ่อเครียดน่ะค่ะ”
เชียรยิ้มรับในความปรารถนาดีของลูกสาว แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้งพร้อมกับถอนใจเบาๆ
“ไกลเหมือนกันนะเนี่ย”
“ไกลๆซีคะดี จะได้ไม่มีใครตามมากวน”
เชียรหันมา
“แน่ใจหรือว่าเขาจะไม่ตามมา”
เป็ดปุ๊กอึ้งไปนิดหน่อย
“ลืมไป ระยะทางไม่เป็นอุปสรรคสำหรับพี่เก็จหรอก ใกล้แล้วล่ะค่ะ ลงทางลงข้างหน้านี้แล้ว”
เชียรมองผ่านกระจกหน้ารถออกไป เห็นป้ายทางลงงามวงศ์วาน
“จะถึงแล้วเหรอ”
“ลงไปแล้วก็ไปต่ออีกสัก...สิบกว่าโลค่ะ”
เชียรถอนใจ แล้วส่ายหน้าขำๆ

รถของเป็ดปุ๊กแล่นมาบนถนนที่ค่อนข้างแคบ มีต้นไม้สองข้างทางค่อนข้างมาก เชียรมองไปสองข้างทาง รู้สึกตื่นตาตื่นใจพอสมควร
“ต้นไม้เยอะดีนะคะเป็ดรู้ว่าพ่อชอบแบบนี้ ถึงแล้วล่ะคะ เป็นไง ดูซุ้มหน้าหมู่บ้านเขาซะก่อน”
เชียรมองไปแล้วยิ่งรู้สึกตื่นตาตื่นใจ

รถเป็ดปุ๊กแล่นมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน มีซุ้มประตูหมู่บ้านจัดเป็นซุ้มต้นไม้ ไม้ดอก และไม้ดัด สวยงามเป็นธรรมชาติมาก แล้วเป็ดปุ๊กก็เลี้ยวรถเข้าไปในหมู่บ้านที่เขียนป้ายติดไว้ว่า...
“บ้านเสริมขวัญ”
รถเป็ดปุ๊กแล่นเข้ามาจอดที่ รปภ. หน้าป้อมยามทางเข้ามา เธอส่งใบขับขี่ให้
“ย้ายเข้าบ้านค่ะ”
รปภ.ส่งแผ่นพลาสติกชื่อหมู่บ้านแลกกับบัตร ทำความเคารพ แล้วเปิดเครื่องกั้นให้รถของเป็ดปุ๊กเข้าไป
รถเป็ดปุ๊กแล่นเข้ามาตามถนนในหมู่บ้าน สองข้างทางร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และมีไม้พุ่มกับไม้ดอกปลูกแซมอยู่ตลอด
“สวยไหมพ่อ”
“ต้นไม้เยอะดี”
“มาเห็นครั้งแรก เป็ดปุ๊กก็รู้แล้วว่าพ่อต้องชอบแน่ๆ”
เชียรพยักหน้าเห็นด้วย แต่ในใจกำลังคิดอะไรอยู่
“เป็ดปุ๊ก”
เป็ดปุ๊กหันมา พอเห็นหน้าพ่อ ก็รู้ว่าพ่อกำลังหนักใจบางอย่าง
“แน่ใจนะว่าเราทำถูก”
“พ่อ เราซื้อบ้านแล้วนะคะ จะถูกหรือผิด เราก็กำลังจะย้ายเข้าบ้านแล้ว”
เชียรถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วมองเหม่อไปนอกหน้าต่าง
“อย่าคิดมากเลยค่ะ ดูดอกไม้สวยๆของหมู่บ้าน แล้วทำใจให้สบายดีกว่า”
เชียรมองไปที่พุ่มดอกไม้ตลอดข้างทาง แล้วพยักหน้ารับ เป็ดปุ๊กหันไปมองพ่อ แล้วเอื้อมมือไปกุมมือพ่อไว้ ไม่ทันเห็นรถกระบะเก่าๆคันหนึ่งกำลังถอยออกมาจากซอยข้างหน้า ท้ายรถมีไม้กระถางอยู่เต็ม เชียรหันกลับมาพอดี เห็นรถข้างหน้าก็ตกใจ
“เป็ด ระวัง!”
เป็ดปุ๊กหันไปมองข้างหน้า รถกำลังจะชนรถกระบะ เธอเหยียบเบรกทันที แต่ไม่ทันแล้ว

รถชนเข้ากับรถกระบะ ตึง!

เป็ดปุ๊ก เปิดประตูลงมาจากรถอย่างหงุดหงิด

“ฤกษ์ดีจริงๆวันนี้”
ประตูรถกระบะฝั่งคนขับเปิดออก “ไม้” ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดกางเกงยีนส์เก่าๆมีคราบดินเปื้อนทั่วไป สวมหมวกสาน และมีผ้าขาวม้าพันปิดหน้าอยู่ลงมาจากรถ มองไปที่รถที่เกือบชน
“ถอยออกมาแบบนี้ได้ยังไง” เป็ดปุ๊กโวยวาย
“คุณน่ะขับรถยังไง”
“ว่าไงนะ”
“ก็นายถอยออกมาทำไมไม่ดู ว่ามีรถวิ่งมาน่ะ”
เชียรขัด เพราะดูแล้วเห็นว่ารถไม่เป็นอะไร
“ไม่เป็นไรน่าเป็ด มันไม่ได้ชนนี่ลูก”
“แต่เขาว่าเป็ดขับรถไม่ดูนี่พ่อ ขอโทษสักคำก็ไม่มี”
ไม้ไม่พอใจ
“ขอโทษเหรอ ใครกันแน่ที่ต้องขอโทษ”
เป็ดปุ๊กโวยดังขึ้น
“อะไรนะ จะให้ฉันขอโทษนายเนี่ยนะ”
หทัย เจ้าของโครงการหมู่บ้าน กับพิกุลพนักงานฝ่ายขาย ซึ่งเป็นคนสนิทของหทัย วิ่งออกมาจากในสำนักงาน
“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรรึเปล่า” หทัยถามอย่างตกใจ
“มีอะไรกันรึเปล่าคะ คุณบัวบูชา สวัสดีค่ะ รปภ.เขาโทรมาบอกว่าคุณจะย้ายเข้าบ้าน นี่ก็กำลังจะเข้าไปดู” พิกุลยิ้มให้
หทัยมองไปที่ไม้ซึ่งยืนเฉย เป็ดปุ๊กตัดบท
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พ่อคะ นี่คุณหทัยเจ้าของหมู่บ้าน...นี่คุณพ่อฉันค่ะ” เป็ดปุ๊กแนะนำ
“สวัสดีค่ะ”
เชียรรับไหว้หทัย โอม ลูกชายคนเล็กของหทัย ขับรถมาจอดพอดี รีบลงมา
“มีอะไรกันครับ เฮ้ย ไอ้ไม้ นี่แกขับรถชนรถลูกค้าเหรอ ทำไมแกก่อเรื่องได้ตลอดเวลาเลยวะ”
ไม้มองอย่างรำคาญ
“มีตาดูรึเปล่า รถมันชนรึเปล่า ดูสิ”
“คือเขาถอยออกมา ฉันก็ไม่ทันเห็นน่ะค่ะ แต่ว่าไม่มีอะไรแล้วล่ะค่ะ”
“ยังไงก็ต้องขอโทษแทนคนสวนด้วยนะครับ ผม โอม เป็นผู้จัดการหมู่บ้านครับ”
โอมไหว้ เชียรรับไหว้งงๆ
“อ่อ ครับ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วเชิญคุณบัวบูชากับคุณเชียรเข้าไปในบ้านได้เลยนะคะ ยังไงก็ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ” หทัยยิ้มให้
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เป็ดกับเชียรกลับขึ้นรถ แล้วขับออกไป พิกุลมองตาม
“น่าสงสารนะคะ จะย้ายเข้าบ้านทั้งที เสียฤกษ์หมด”
โอมมองไม้ไม่พอใจ
“แกคิดถึงความรู้สึกลูกค้าบ้างมั้ยวะ”
“เอาเถอะ อย่ามีเรื่องกันเลย แยกย้ายกันไปได้แล้ว” หทัยขัด
“นายไม้จะกลับไปที่ร้านไม่ใช่เหรอ ไปสิ” พิกุลสั่ง
ไม้มองหน้าโอมอย่างไม่ใส่ใจ แล้วขับรถออกไป

รถเป็ดปุ๊กมาจอดที่หน้าบ้านใหม่ เป็ดปุ๊กลงมาจากรถ เชียรตาม
“พ่อยังไม่ต้องลงหรอก เดี๋ยวเป็ดจะถอยรถเข้าบ้าน”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่เดินเข้าบ้าน ไม่เหนื่อยหรอก”
เป็ดปุ๊กเปิดประตูรั้ว เชียรเดินเข้ามาในบ้าน แล้วหยุดมองไปที่สนาม เป็ดปุ๊กมาหยุดยืนข้างพ่อ ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้
“กลิ่นอะไร หอมจัง”
เชียรหันไปมองที่กำแพง มีต้นไม้ที่มาลงไว้ที่ริมกำแพงด้านนอก แต่กิ่งก้านยื่นเข้ามาในบ้าน ดอกสีม่วง
อมชมพูเบ่งบานอยู่
“ดอกชงโค”
เป็ดปุ๊กหันไปมอง
“วันก่อนยังไม่ออกดอก ไม่นึกว่าจะหอมอย่างนี้”
เชียรเดินไปดูสนามหญ้าหน้าบ้าน
“ได้เห็นหญ้าเขียวๆ ทำให้บ้านดูน่าอยู่ขึ้นเยอะเลย”
เชียรเดินมาหยุดที่กลางสนาม แล้วชะงัก
“แต่รู้สึกเขาจะยังทำไม่เสร็จดี”
เป็ดปุ๊กเดินมาหยุดข้างๆเชียร แล้วชะงักไปด้วย เมื่อเห็นว่าที่กลางสนาม มีหลุมกว้างหนึ่งเมตรยาวหนึ่งเมตรลึกหนึ่งเมตรถูกขุดไว้
“คงจะเตรียมไว้เอาต้นไม้มาลง”
“ก็บอกแล้วว่าจะย้ายเข้าบ้านวันนี้ น่าจะจัดการให้เรียบร้อยก่อน” เป็ดปุ๊กบ่น
“เขาอาจจะกำลังเลือกต้นที่ดีที่สุดให้เราก็ได้”
“พ่อรู้ได้ยังไง”
เชียรหันไปดูที่หน้าระเบียงหน้าบ้าน
“เขาตั้งใจทำให้ดีที่สุดเพื่อเรา”
หน้าระเบียงหน้าบ้าน มีอ่างบัวจัดไว้ เชียรเดินไปดูที่อ่างบัว
“เป็ดบนอ่างบัว น่ารักมาก เหมือนกับเขาทำเพื่อเป็นปุ๊กโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย”
เป็ดปุ๊กชะงัก
“ทำไมอย่างนั้นล่ะคะ”
“ก็เขาใช้เป็ดไง ตุ๊กตาที่ประดับอ่างบัวมีตั้งอย่าง เต่าก็มี อาแป๊ะตกปลาก็มี แต่นี่เขาเจาะจงใช้เป็ด”
“มันบังเอิญน่ะพ่อ เขารู้ซะที่ไหนว่าเป็ดชื่อเป็ด”
เชียรยิ้ม มองที่เป็ดบนอ่างบัว
“รู้ไหม ตอนลูกเกิดก็น่ารักแบบนี้แหละ พ่อถึงตั้งชื่อว่าเป็ดปุ๊ก”
เป็ดปุ๊กมองพ่อ เห็นพ่อยิ้มก็รู้สึกดี
“ชื่อเป็ดน่ะพ่อเข้าใจ แต่ตรงปุ๊ก นี่ ไม่เข้าใจ”
“ก็ให้คล้องกับพี่ไก่กุ๊กไง กุ๊ก กับ ปุ๊ก”
แต่พอพูดถึงลูกชาย เชียรก็กลับเงียบลงไปอีก เป็ดปุ๊กหงุดหงิดขึ้นมา พี่ชายทำให้พ่อเป็นแบบนี้อีกแล้ว
“ขนของก่อนเหอะพ่อ เดี๋ยวสายมากจะร้อน เป็ดจะถอยรถเข้ามาเลยนะ”

เชียรพยักหน้ารับ แล้วเดินขึ้นไปบนระเบียงหน้าบ้าน ส่วนเป็ดปุ๊กออกไปถอยรถ

เป็ดปุ๊กเอาเสื้อผ้าชุดสุดท้ายจากกระเป๋าเข้าไปแขวนในตู้ ภายในห้องนอนใหญ่ เธอยังไม่ได้ติดผ้าม่าน มองผ่านหน้าต่างไป เห็นต้นไม้ใหญ่ในสวนนอกกำแพงหมู่บ้าน

จัดของเสร็จแล้วเธอออกมาจากห้องตัวเอง แล้วเดินไปที่ห้องนอนอีกห้อง เคาะประตูเรียก
“พ่อจ้ะ”
“เข้ามาซีลูก”
เป็ดปุ๊กเปิดประตูเข้าไปในห้อง เชียรกำลังลำเลียงของในกระเป๋าออกมาตั้งบนโต๊ะ ส่วนใหญ่เป็นพวกรูปภาพ
มีรูปแม่ของเป็ดปุ๊ก รูปเชียรในเครื่องแบบปกติขาว รูปเป็ดปุ๊กตอนเล็กๆ รูปครอบครัวอื่นๆ และรูปสุดท้ายที่เชียร
วางลง เป็นรูปเชียรถ่ายคู่กับไก่กุ๊กในชุดครุยรับปริญญา เชียรมองนิ่งไปที่รูปนั้นครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจเก็บรูปเข้าไว้ในลิ้นชัก
“มันเต็มโต๊ะไปหมดแล้ว”
เป็ดปุ๊กพอจะเข้าใจความรู้สึกพ่อ เลยพูดสร้างบรรยากาศ
“พ่อมีอะไรให้เป็ดช่วยไหม”
“ไม่มีหรอก ของพ่อมีนิดเดียวเท่านั้นแหละ”
เป็ดปุ๊กเดินไปนั่งที่เก้าอี้แล้วมองไปรอบๆ
“อยู่ได้นะพ่อ”
เชียรพยักหน้ารับ
“มันก็ต้องได้อยู่แล้ว”
“พ่อหิวไหม เมื่อเช้าก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ”
“เป็ดปุ๊กก็เหมือนกัน”
เชียรหันมามองเป็ดปุ๊ก สองคนต่างก็คิดถึงเรื่องเมื่อเช้าแล้วอึ้งกันไปนิดหน่อย
“เช้าๆกาแฟถ้วยเดียว เป็ดก็มีชีวิตรอดไปถึงเที่ยงได้แล้วล่ะจ้ะ”
“พ่อไม่รู้สึกหิวเลยตอนนี้ คงเป็นเพราะ...ตื่นเต้นที่ได้เข้าบ้านใหม่มั้ง”
“แต่มันก็ต้องมีอะไรในท้องบ้าง เอางี้ เป็ดมีนมกล่องอยู่ในรถ ถ้าพ่อหิวเดี๋ยวเป็ดเอามาให้”
“เอามาไว้ในครัวก็ได้ ไว้พ่อจัดการเองละกัน”
“แล้ว..เอ่อ..มื้อเที่ยงล่ะจ้ะ พ่ออยากกินอะไรดี”
“ตามใจเป็ดปุ๊กเถอะ พ่อกินอะไรก็ได้”
เป็ดปุ๊กรู้สึกไม่ดี ที่เห็นพ่อทำเหมือนไร้ชีวิตจิตใจแบบนั้น
“แหม เข้าบ้านใหม่ทั้งที ต้องฉลองกันหน่อยซีคะ เอางี้ เราไปหาซื้ออะไรที่ห้างสรรพสินค้ามากินกันดีกว่า ตุนเผื่อพรุ่งนี้ด้วย”
“เป็ดปุ๊กไปเถอะ พ่อจะอยู่บ้าน”
เป็ดปุ๊กเจอคำตอบไร้ชีวิตอีกแล้ว แต่ก็ต้องยอม
“งั้นเป็ดจะรีบไปรีบกลับก็แล้วกัน พ่อเปิดทีวีดูซี หรือจะลองเดินเล่นไปที่สโมสรก็ได้”
“ร้อนแบบนี้คงไปไม่ไหวหรอก”
เป็ดปุ๊กพยักหน้า ต้องยอม
“งั้นแล้วแต่พ่อละกัน”

ไม้จอดรถกระบะบริเวณสวนหย่อมในหมู่บ้าน แล้วยกกระถางหลังรถลง ห่างออกไป รถกอล์ฟของหทัยมาจอด หทัยกับพิกุลลงจากรถ แล้วเดินมาหา ไม้พูดขึ้นก่อน
“ถ้าจะพูดเรื่องอุบัติเหตุเมื่อกี้...”
“เปล่าหรอก อยากจะมาถามเรื่องบ้านลูกค้าเมื่อกี้”
“คุณเชียรกับคุณเป็ดปุ๊กน่ะค่ะ” พิกุลบอกรายละเอียด
“อ๋อ เป็ดปุ๊กผู้น่าสงสาร”
หทัยไม่เข้าใจ มองพิกุลว่าไม้พูดเรื่องอะไร พิกุลจึงอธิบาย
“พิกุลเห็นเวลาคุณเป็ดมาดูบ้านทีไร ดูหน้าตาแกไม่ค่อยมีความสุขเลยน่ะคะ ผิดกับลูกบ้านคนอื่นๆ เขา เลยเรียกแกว่า เป็ดปุ๊กผู้น่าสงสาร ยิ่งวันนี้เห็นแกย้ายเข้ามาอยู่กับพ่อแค่ 2 คน...”
“อย่าให้เขาได้ยินเชียวนะ” หทัยถอนใจ “แต่จะว่าไป เขาก็น่าสงสารกันจริงๆ นี่แหละที่อยากคุยด้วย อยากให้ดูแลสองพ่อลูกนี่ให้ด้วยรู้สึกเขาจะไม่มีใครแล้ว”
“ก็ทำให้เต็มที่แล้ว นี่กำลังเลือกต้นไม้ให้เขาอยู่ วันสองวันคงเอาไปลง” ไม่บอกเรียบๆ
“งั้นก็ดีแล้ว ฝากด้วยก็แล้วกัน”
พูดแล้วหทัยก็เดินกลับไปที่รถกอล์ฟ พิกุลกำลังจะตามไป ไม้เรียกไว้
“พิกุล...ฉันทำไม่ได้ทุกเรื่องหรอกนะ บางอย่างพิกุลต้องช่วย”
“อะไรเหรอคะ”
“ฉันเห็นเพื่อนบ้านของคุณเป็ดปุ๊กไม่ได้ไปไหน ไปดูหน่อยก็ดี”
พิกุลตกใจ
“เขาอยู่บ้านเหรอคะ”

ไข่มุก สาวใหญ่บ้านตรงข้ามบ้านเป็ดปุ๊ก ออกมาจากบ้านตนเอง แล้วเดินมาที่หน้าบ้านเป็ดปุ๊ก ครู่หนึ่งเป็ดปุ๊กออกมาจากบ้าน แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นไข่มุกก้มๆเงยๆอยู่ที่ประตู
“สวัสดีค่า”
เป็ดปุ๊กงงๆว่าเป็นใคร ยังไม่กล้าเดินเข้าไปหา
“ฉันอยู่บ้านตรงข้ามบ้านคุณน่ะค่ะ”
“อ๋อ”
“สวัสดีค่ะ” เป็ดปุ๊กเปิดประตูเล็ก
“พอดีเห็นรถคุณเข้ามาจอด เลยแวะมาทักทายหน่อย ฉันชื่อไข่มุกค่ะ”
“ยินดีค่ะคุณไข่มุก ฉันบัวบูชา เรียกเป็ดปุ๊กก็ได้ค่ะ”
“คุณเป็ดปุ๊กทำงานอะไรเหรอคะ แล้วนี่จะมาอยู่กันกี่คน บ้านฉันอยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก มาอยู่ได้ปีกว่าๆแล้ว ไม่เคยทำเสียงดังหนวกหูใคร เพราะไม่ชอบให้ใครมาทำเสียงดังโหวกเหวกเหมือนกัน เราชอบอยู่กันอย่างสงบๆน่ะค่ะ”
เป็ดปุ๊กอึ้งๆ
“อ๋อค่ะ ดีค่ะ เอ่อ จะให้ตอบที่ถามเลยไหมคะ”
ไข่มุกพยักหน้ารับ
“ฉันทำงานบริษัทส่งออกจิวเวลรี่ค่ะ อยู่กับพ่อสองคนเท่านั้น แล้วก็...คิดว่าคงไม่ทำเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านด้วย”
“ว่าได้หรือคุณ บ้านซอยยี่สิบสามน่ะ อยู่กันสองคนแม่ลูก แต่แม่ดันหูตึง เปิดโทรทัศน์เสียงดังลั่น แล้วพูดคุยกันทียังกับคนทะเลาะกัน ลมดีๆได้ยินมาถึงซอยเราเลยนะคะ”
เป็ดปุ๊กยิ้มเจื่อนๆ
“พอดีคุณพ่อฉัน หูไม่ตึงค่ะ คงไม่ดังมาก”
ไข่มุกเหมือนจะไม่สนใจคำตอบเป็ดปุ๊กเท่าไหร่ มองซ้ายมองขวาแล้วเข้ามากระซิบ
“บ้านเราอยู่ริมกำแพงหมู่บ้านเหมือนกัน ระวังไว้หน่อยก็ดีนะคะ “
เป็ดปุ๊กชะงักชักหวั่นๆขึ้นมา
“ระวังอะไรคะ คุณหทัยเขาบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรนี่คะ”
ไข่มุกทำเป็นอึดอัด
“เขาจะขายบ้าน ก็ต้องพูดแบบนั้นซิคะ แหม อย่าให้พูดเลย เดี๋ยวอยู่ๆไป คุณก็คงได้รู้ฤทธิ์เดชไอ้พวกโรคจิตนอกกำแพงเองแหละ”
เป็ดปุ๊กหันไปมองที่กำแพงโดยอัตโนมัติ
“ดีใจที่ได้เจอกันนะคะ ฉันไปก่อน ไว้วันหลังค่อยคุยกันใหม่”
แล้วไข่มุกก็เดินกลับเข้าบ้านเธอไป ทิ้งให้เป็ดปุ๊กยืนงงๆอยู่ เป็ดปุ๊กมองไปที่กำแพง
“โรคจิตนอกกำแพง ยังไงกันเนี่ย”
เป็ดปุ๊กยืนคิดสงสัยอยู่ รถกอล์ฟของหมู่บ้านก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้าน พิกุลเป็นคนขับมา พอจอดรถเสร็จ
พิกุลก็รีบลงจากรถมาหา
“คุณบัวบูชา แหม รีบแทบแย่ ทันมั้ยคะเนี่ย”
“สวัสดีค่ะ ทันอะไรคะ”
“ก็ทัน เอ่อ ช่วยขนของน่ะค่ะ”
“ขนเข้าไปหมดแล้วกำลังจะออกไปหาซื้ออาหารเที่ยง”
“เหรอคะ เอ่อ ให้พิกุลพาไปไหมล่ะคะ”

เป็ดปุ๊กฟังแล้วสนใจทันที

อ่านต่อหน้า 2

ในสวนขวัญ ตอนที่ 1 (ต่อ)

เป็ดปุ๊กเดินเลือกอาหารสำเร็จรูปและอาหารแช่แข็งอยู่ในซุปเปอร์มาเก็ตของห้างใกล้ๆหมู่บ้าน พิกุลเดินอยู่ข้างๆ

“ที่นี่ถือว่าอาหารสำเร็จรูปเยอะที่สุดแล้วค่ะ พิกุลเองก็ซื้อไปตุนประจำ”
“วันนี้ดูแค่มื้อเที่ยง มื้อเย็น แล้วก็เช้าพรุ่งนี้ก่อนค่ะ”
“วันนี้แย่หน่อยนะคะ ย้ายเข้าบ้านทั้งที่ก็มาเกิดอุบัติเหตุ”
“ก็ยังโชคดีที่เจอคุณกับคุณหทัย”
“แสดงว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหมคะ...หมายถึง ไม่มีอะไรที่ไม่สบายใจแล้วใช่ไหมคะ”
“เหมือนจะเริ่มมีเหมือนกันนะคะ คือ...กำลังสงสัยเรื่องสวนนอกกำแพงน่ะค่ะ ตกลงมันมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
พิกุลถอนใจ
“ไม่ทันจริงๆด้วย คุณบัวบูชาได้คุยอะไรกับใครมาเหรอคะ”
“คุณไข่มุกบ้านโน้นน่ะค่ะ”
“เป็นจริงอย่างที่คิดไว้จริงๆด้วย”
“แกเตือนฉันเรื่องคนนอกกำแพง แกบอกว่าให้ระวังคนโรคจิต”
“พูดแล้วอย่าหาว่าพิกุลนินทาลูกค้าเลยนะคะ มันไม่จริงอย่างที่คุณไข่มุกเธอพูดหรอกค่ะ เจ้าของที่ดินข้างกำแพงนั่นน่ะ เป็นคนไว้ใจได้ พิกุลเอาหัวเป็นประกันเลยค่ะ”
“ถ้าคุณพิกุลยืนยันอย่างนั้น...”
“เอาหัวคุณหทัยอีกหัวยังได้เลยค่ะ”
พิกุลยืนยันขนาดนั้นเป็ดปุ๊กจึงต้องยอม พยักหน้ายอมรับ
“แล้วเรื่องต้นไม้เป็นยังไงบ้างคะ”
“โอ เยี่ยมเลยค่ะ บ้านน่าอยู่ขึ้นมากเลย”
“บอกแล้วไงคะว่าคนสวนที่นี่เก่ง มือเย็น ถึงแม้จะ...เอ่อ...ใจร้อนไปสักนิดน่ะค่ะ”
“ใช่คนที่ฉันขับรถไปชนรถเขานั่นหรือเปล่าคะ”
“นั่นล่ะค่ะ”
“เป็นลูกจ้างของหมู่บ้านเหรอคะ”
“เอ่อ จะว่างั้นก็ได้ค่ะ คนของเรา ถ้าคุณบัวบูชาอยากได้ต้นอะไรเพิ่มก็บอกได้เลยนะคะ จะให้เขาจัดมาให้”
“แค่นี้ก็เยอะแล้ว เห็นเหลือหลุมกลางสนามไว้อีกหลุม ยังไม่รู้จะลงอะไร ว่าแต่...คิดตังค์เพิ่มไหมคะ”
พิกุลหัวเราะ
“อ๋อ ไม่ค่ะ ต้นไม้ให้พร้อมบ้านค่ะ”
เป็ดปุ๊กหัวเราะโล่งอก
“โล่งอกไป เห็นลงให้เยอะเหลือเกิน สวยๆทั้งนั้น”

สนามหน้าบ้านเป็ดปุ๊ก เชียรยืนอยู่กลางสนามใกล้ๆกับหลุมต้นไม้ ไม้เดินเข้ามาจะกดกริ่ง แล้วชะงัก เมื่อมองเห็นเชียรดูเหงาๆซึมๆ จึงเปลี่ยนใจไม่กด แต่ส่งเสียงทักทาย
“พรุ่งนี้จะเอามาลงครับ”
เชียรรู้ตัว หันไปมองที่ประตูรั้ว เห็นไม้ยืนอยู่
“ไงนะ”
“ผมมาบอกว่า พรุ่งนี้จะเอาต้นไม้มาลงให้ครับ”
เชียรเดินมาที่ประตู
“เธอ...เป็นคนสวนเหรอ”
“ครับ ที่เราเจอกันตอนเช้าไงครับ”
เชียรพยายามเพ่งมองหน้าไม้
“ลูกสาวคุณขับมาชนรถผม”
“อ๋อ ตอนนั้นเธอ ปิดหน้าไว้”
“ครับ แวะมาบอกแค่นี้ล่ะครับ”
ไม้ยิ้มให้เชียร แล้วเดินออกไป เชียรยิ้มรับนิดหน่อย ยกมือเหมือนจะเรียกไว้ แต่ไม้เดินไปแล้ว เลยได้แต่ยกมือค้าง

ค่ำคืนนั้น แม้บ้านจะดูสวยด้วยไฟรอบบ้าน แต่กลับมีแต่ความรู้สึกเงียบเหงา ในครัว เสียงเตือนไมโครเวฟดังขึ้น เป็ดปุ๊กเปิดเตาออก แล้วหยิบอาหารกล่องที่อุ่นแล้วออกมา พร้อมกับหยิบอีกกล่องที่อุ่นเสร็จก่อนแล้วมาด้วย แล้วยกอาหารทั้งสองกล่องมาที่โต๊ะอาหาร เชียรนั่งรออยู่
“ของพ่อเกี้ยวน้ำนะ ส่วนของเป็ดปุ๊กข้าวแกงกะหรี่”
เป็ดปุ๊กเปิดฝากล่องให้พ่อ และเปิดฝาของตัวเอง จากนั้นก็เดินไปหยิบช้อนส้อมมา ส่งให้พ่อคู่หนึ่ง
“ทานกันเลยจ้ะ น่ากินมากๆ พ่อดูซี”
เชียรมองไปที่อาหารของเป็ดปุ๊ก
“อยากเปลี่ยนกันไหมพ่อ”
“ไม่เป็นไรหรอก กินน้ำๆมันคล่องคอกว่า”
“ถ้าพ่อชอบ ยังมีเหลืออีกนะ พรุ่งนี้พ่อทำกินเองก็ได้ เวฟแค่สามนาที หรือไม่ชอบก็มีอย่างอื่นอีกหลายอย่างนะ”
“เห็นแล้วล่ะ ไม่รู้ซื้อมาทำไมเยอะแยะตู้เย็นก็ยังไม่มี มันจะไม่เสียก่อนเหรอ ถ้าเจ้ายักษ์เบิ้มอยู่ด้วย คงต้องเทให้มัน มันคงสบายไปเลย”
พูดแล้วเชียรก็นิ่งไปอีก เป็ดปุ๊กถอนใจ
“พูดถึงบ้านโน้นทีไร พ่อก็เป็นแบบนี้ อย่าไปพูดถึงเลยค่ะ”

“มันเคยชินน่ะ พ่อไม่ควรจะพูดเลย ไม่ควรจะคิดด้วยซ้ำ”

แล้วเชียรก็เริ่มกินอาหาร แต่ตักทีละน้อย กินไปช้าๆ ข้าวในกล่องของเป็ดปุ๊กเกือบหมดแล้ว เป็ดปุ๊กมองไปที่ชามเกี๊ยวของพ่อ ยังเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง

“พ่ออิ่มแล้วล่ะ”
“ที่เหลือเก็บไว้ก่อนก็ได้ค่ะ เผื่อดึกๆพ่อหิว ก็มาอุ่นกินได้”
เชียรพยักหน้ารับ เป็ดปุ๊กลุกขึ้นมาเก็บชามของเชียร พร้อมกับกล่องข้าวของตน
“พ่อไปนั่งดูทีวีย่อยอาหารก่อนก็แล้วกันค่ะ เป็ดล้างเอง”
เป็ดปุ๊กก็ถือทุกอย่างไปที่ครัว เชียรลุกขึ้น แล้วเดินไปนั่งที่ชุดรับแขก หยิบรีโมทมาเปิดทีวีเป็นรายการข่าว เสียงไม่ดังนัก แต่เชียรได้แต่เหม่อไป ไม่ได้สนใจทีวี แต่กลับคิดถึงเรื่องในอดีต...ในห้องอาหารบ้านเก่า เชียรกับเป็ดปุ๊กนั่งกินอาหารอยู่ด้วยกัน เก็จเกยูรเดินลงบันไดปึงปังลงมา แล้วตรงมาหา
“ขอร้องพ่อเป็นร้อยครั้งแล้วมั้งคะ ให้พ่อช่วยพูดกับเขา ทำไมมันไม่มีอะไรดีขึ้นเลยคะ”
เป็ดปุ๊กตอบแทน
“พ่อก็พูดให้พี่ทุกทีนั่นแหละ แต่เขาไม่เชื่อเอง เขาก็โตๆกันแล้ว”
“แต่มันหนักขึ้นทุกวัน วันก่อนไปงานบ้านญาติเก็จ ก็ไปเมาแอ๋ให้เก็จอายญาติพี่น้อง ถ้าอยากเมา ทำไมไม่เมากับญาติพี่น้องตัวเอง”
“พี่ไก่เขาก็เมาทุกงานล่ะค่ะ”
“เก็จทนไม่ไหวแล้ว เก็จจะเลิกกับไก่”
ทั้งเชียรและเป็ดปุ๊กอึ้ง
“เก็จจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว ผู้ชายเลวๆพรรค์อย่างนี้ อยู่ด้วยก็ไม่เห็นชีวิตจะมีอะไรดีขึ้น มีแต่สร้างปัญหาให้ทุกข์ใจทุกวี่วัน”
“ใจเย็นๆเก็จ ค่อยพูดค่อยจากัน ผัวเมียก็เหมือนลิ้นกับฟัน” เชียรพยายามเตือน
“เย็นไม่ไหวแล้วพ่อ พ่อรู้ไหม เดือนนี้ลูกชายพ่อเหลือเงินเดือนกลับมาให้เก็จกับลูกๆใช้กี่บาท แล้วดูซิ มันบอกมันไม่มีเงิน แต่กลับพาเพื่อนพาลูกน้องไปเลี้ยงเหล้าได้ทุกคืน เวรกรรมอะไรของกูวะ ที่ต้องมาอยู่ในนรกแบบนี้ เบื่อ! ทนไม่ไหวแล้วเว๊ย” เก็จเกยูรระเบิดอารมณ์ออกมา
เชียรวางช้อนส้อม แล้วลุกขึ้นทันที
“เก็จ ใจเย็นๆ นั่งลงก่อนดีไหม ค่อยพูดค่อยจากันเถอะ โวยวายแบบนี้ไม่มีประโยชน์หรอก เชื่อพ่อนะ”
เก็จเกยูรมองเชียรตาขวาง
“พ่อนั่นแหละเลี้ยงลูกมายังไง ถึงได้ทั้งเลวทั้งชั่ว ไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ เงินเดือนไม่พอใช้ ลูกเต้าไม่เคยช่วยเลี้ยงดูแล้วดูซิ เมื่อคืนมันกลับบ้านตีอะไร มันบอกว่าไปงานเลี้ยงเกษียณเจ้านาย ทำไมเก็จจะไม่รู้ มันไปกับผู้หญิงที่ทำงานด้วยกัน ไอ้ระยำ”
เป็ดปุ๊กลุกขึ้น
“พี่เก็จคะ ใจเย็นๆก่อนได้ไหม”
“ใครจะเย็นไหว เธอไม่มีครอบครัว ไม่มีวันรู้หรอก ว่าฉันต้องอดทนมากแค่ไหน ฉันเบื่อไอ้ผู้ชายเลวชาตินี่เต็มทนแล้ว”
เก็จเกยูรเดินออกจากห้องอาหารไปที่ห้องรับแขกอย่างโมโห เชียรกับเป็ดปุ๊กตามมา
“ใจเย็นๆเก็จ ทำอะไรต้องนึกถึงลูกเอาไว้ให้มาก” เชียรพยายามเตือนสติ
“ก็เพราะนึกถึงลูกที่แหละพ่อ เก็จถึงยอมอยู่กับลูกชายพ่อมาจนทุกวันนี้ ไม่งั้นเก็จเลิกกับมันไปนานแล้ว แต่วันนี้เก็จไม่ไหวแล้ว เก็จจะไม่ทนอีกต่อไป ลูกเต้าก็เลี้ยงกันไปเองเถอะ เก็จไม่เอาหรอก ก่อนมาแต่งงานกับลูกชายพ่อ เก็จมีชีวิตที่ดีมาตลอด แล้วไงล่ะ พอแต่งงาน ชีวิตก็มีแต่ดิ่งลงเหว ไม่ได้งอกงาม ลืมตาอ้าปากาเหมือนคนอื่นเขาเลย”
“พี่เก็จก็รู้ว่าพี่ไก่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่หนุ่มๆแล้ว ทำไมพอมีปัญหา ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมาลงทีพ่อกับเป็ดด้วย” เป็ดปุ๊กไม่พอใจ
“ก็เราเป็นพ่อลูก เป็นพี่น้องกันนี่”
“แต่พี่ก็เป็นเมียพี่ไก่นะคะ ที่สำคัญ ไม่มีใครบังคับให้พี่เก็จแต่งงานกับพี่ไก่เลย พี่เลือกกันเอง แต่งกันเอง แล้วเวลามีปัญหา ทำไมมันถึงต้องมาลงที่พ่อกับเป็ด พี่โตจนป่านนี้แล้ว จนมีลูกมีเต้าด้วยกัน ทำไมไม่หัดรับผิดชอบชีวิตตัวเอง เวลามีปัญหาก็หาทางแก้กันไปซี จะมาหารือพ่อกับเป็ดก็ไม่ว่า แต่ไม่ใช่มาด่าทอหยาบคายเหมือนคนเสียสติแบบนี้”
“หุบปากเลยนะ! พูดแบบนี้ เดี๋ยวแม่ตบคว่ำเลย”
“เก็จ!”
เชียรตกใจ เป็ดปุ๊กโมโหขึ้นมาเหมือนกัน
“อย่ามาหยาบคายกับเป็ดแบบนี้นะพี่เก็จ”
“ทำไม ลูกผู้ลากมากดีมาจากไหนกันวะ หนอย ทำเป็นฟังไม่ได้ ฟังไม่ได้ก็ออกไปเลย ไม่ต้องมาอยู่ร่วมบ้านกันคนอย่างอีเก็จซีวะ”
เป็ดปุ๊กรู้สึกโกรธมาก ยิ่งเมื่อเห็นพ่อยืนนิ่งอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก ยิ่งรู้สึกสงสาร ไก่กุ๊กยังไม่สร่างเมาเท่าไหร่ เดินลงมาจากชั้นบน พร้อมกับโวยวาย
“อะไรเนี่ย เสียงดังเอะอะ คนจะนอนก็ไม่ได้นอน” ไก่กุ๊กมองไปที่เก็จเกยูร แล้วหันมามองพ่อ “นี่พ่อไปว่าอะไรเก็จอีกเหรอ”
ทั้งเป็ดปุ๊กและเชียรมองไก่กุ๊ก พูดไม่ออก
“พ่อไม่รักผมเหรอ ไม่อยากเห็นผมเติบโต มีครอบครัวที่มั่นคงอบอุ่นหรือไง ทำไมถึงได้จ้องหาเรื่องเก็จนัก...แกก็อีก
คนนึงเป็ด ทำไมชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของฉันกับเก็จนัก ต่างคนต่างอยู่ได้ไหม โตๆกันแล้ว อย่ามาก้าวก่ายกันเลย”
เชียรไม่รู้จะพูดยังไง เก็จเกยูรเดินกลับขึ้นบ้านไป ไก่กุ๊กงงๆ แล้วตามขึ้นไป
“เดี๋ยว ตกลงทะเลาะกันเรื่องอะไร”

เชียรเดินออกมาที่หน้าบ้านอย่างเจ็บปวด แต่พยายามข่มไว้ แล้วนั่งลงที่ม้าหินหน้าบ้าน เป็ดปุ๊กตามออกมา มาหยุดอยู่ข้างหลังพ่อ แล้วเอามือจับทีไหล่พ่อ เพื่อจะปลอบทั้งสองนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“เราหาบ้านใหม่อยู่กันดีไหม เป็ดปุ๊ก”
“แต่บ้านหลังนี้เป็นบ้านของพ่อนะ เป็ดรู้ว่าพ่อรักบ้านหลังนี้มาก ทำไมอยู่ดีๆพ่อถึงได้...”
“เพราะมันไม่ดีแล้วน่ะซิ”
ทั้งสองเงียบกับไปครู่หนึ่ง
“ลองคุยกับพี่ไก่เขาอีกทีดีไหมพ่อ เป็ดว่าพ่ออย่าเพิ่งนึกถึงเรื่องย้าย ออกไปเลย”
“พ่อคิดมานานแล้วเป็ด มันคงถึงเวลาแล้ว”
เป็ดปุ๊กเข้ามานั่งข้างๆพ่อ แล้วกอดเอวของพ่อ ซบที่ไหล่ น้ำตาไหลออกมา เชียรเองก็มีน้ำตาคลอขึ้นมา

ปัจจุบัน...เป็ดปุ๊กล้างถ้วย และช้อนส้อมเสร็จ หันกลับไปมองที่ห้องรับแขก เชียรนั่งเหม่ออยู่ที่ชุดรับแขก ปล่อยให้ทีวีดูเขามากกว่า
“พรุ่งนี้เป็ดไปทำงาน พ่อก็ดูอาหารกล่องในตู้ เลือกว่าจะกินอะไรแล้วอุ่นไมโครเวฟเอานะจ้ะ”
เชียรพยักหน้า แล้วพึมพำอะไรบางอย่างฟังไม่ถนัด เป็ดปุ๊กรู้ว่าพ่อใจไม่อยู่กับตัวแล้ว แล้วครู่หนึ่ง เชียรก็เอารีโมทมากดปิดทีวี แล้วลุกขึ้นเดินขึ้นชั้นบนไปโดยไม่พูดอะไรซักคำ เป็ดปุ๊กมองตามพ่อขึ้นไป ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน

เป็ดปุ๊กเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของตน แล้วเดินมานั่งลงที่เตียง เธอคิดถึงอาการของพ่อ
“ทำไมมันไม่เห็นดีขึ้นเลย ออกมาอยู่กันแบบนี้แล้ว มันต้องดีขึ้นซิ พ่อน่าจะมีความสุขซิ เป็ดทำถูกหรือเปล่าพ่อ เป็ดทำให้พ่อยิ่งเป็นทุกข์มากขึ้นหรือเปล่า ฉันทำถูกหรือเปล่า”

เป็ดปุ๊กนั่งร้องไห้ โดยไม่รู้ว่า นอกหน้าต่างมีเงาลางๆ ของต้นไม้ใหญ่ และมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ที่นั่น

วันต่อมา โอมขับรถมาที่สำนักงาน แต่ก่อนจะถึงสำนักงาน โอมก็ต้องหยุดรถ แล้วลงจากรถมาอาการหงุดหงิด

“อะไรของพวกแกวะเนี่ย”
บนถนนข้างหน้า คนงานของหมู่บ้านกำลังล้างทำความสะอาดถนนกันอยู่
“มาล้างอะไรตอนนี้ ฉันจะเข้าออฟฟิศ”
“ปุ๋ยมันหกน่ะครับ ถ้าไม่ล้างรถวิ่งผ่านจะยิ่งเลอะกันไปใหญ่”
“แล้วไอ้บ้าคนไหนมาทำปุ๋ยหกบนถนนวะ”
“ฉันเอง”
โอมสะดุ้ง หันไปข้างหลัง ไม้ยืนอยู่
“ร้านปุ๋ยเขาเอาปุ๋ยมาลงให้ บางถุงมันแตกเลยหกลงพื้น”
“สะเพร่าแบบนี้ได้ยังไง แล้วไปซื้อจากมันทำไม”
“เขาซื้อกันมาเป็นสิบปี ก่อนมีหมู่บ้านนี้อีก รออีกแป๊บ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
“ฉันมีงานด่วนต้องรีบทำให้แม่”
ไม้ยิ้มเยาะ
“เหรอ ทุกวันเห็นโดดงานประจำ บังเอิญต้องมาเร่งวันนี้ด้วย”
“ใครโดดงาน แกใช่ไหมที่ไปฟ้องแม่ฉัน”
“ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ใครปากพล่อยน่ะ น่าจะรู้ตัวเอง”
โอมโมโห
“แกด่าฉันเหรอ”
“อ้าว นายเป็นเหรอ”
“มากไปแล้ว”
โอมเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ไม้ แต่ไม้ขยับออกนิดเดียว โอมก็พลาด แล้วเซถลาไป จนล้มลงกับพื้น โอมยิ่งโกรธ รีบลุกขึ้นมา พิกุลวิ่งออกมาจากสำนักงานพอดี
“เดี๋ยวค่า เดี๋ยว อย่าเพิ่งตีกัน”
พิกุลวิ่งมาขวางระหว่างโอมกับไม้พอดี
“นายไม้ ไปกับพิกุลเดี๋ยวนี้เลย”
“ทำไมล่ะ กำลังจะสนุก”
“บ้าเหรอ มีงานด่วน มานี่” พิกุลลากตัวไม้ไป หันมาทางโอม “ขอเอาตัวไปทำงานหน่อยนะคะ คุณโอมรีบเข้าออฟฟิศเลยค่ะ คุณนายว่าจะโทรเข้ามา”
พิกุลลากไม้ไปขึ้นรถกอล์ฟ แล้วรีบขับออกไป โอมหงุดหงิด

พิกุลขับรถกอล์ฟไปทางบ้านเป็ดปุ๊ก
“ไหนมีงานด่วนอะไร แล้วจะพาไปไหนเนี่ย”
“จะให้คุณไปดูแลลูกค้าหน่อย”
“มันหน้าที่ของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เฉพาะลูกค้าบ้านนี้น่ะใช่ ก็คุณอาสาคุณนายเขาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ บ้านคุณเป็ดปุ๊กผู้น่าสงสารน่ะ”
“ปัทโธ่ สายๆก็จะเอาต้นไม้ไปลงให้เขาอยู่แล้ว”
“เหรอคะ”
“แวะไปบอกกับเขาตั้งแต่เมื่อวาน”
“คุณเป็ดปุ๊กน่ะเหรอ”
“เปล่า เจอแต่พ่อเขา”
“แหม นึกว่าเจอคุณเป็ดปุ๊ก จะได้ปรับความเข้าใจกัน ที่ถอยรถมาให้เขาชน ทำให้เขาตกใจ”
“เขาต่างหากที่ทำให้ฉันตกใจ”
“แล้วไงคะ จะเอาต้นไม้ไปลงกี่โมง”
“กะว่าล้างถนนเสร็จ ก็จะไปเอาต้นไม้แล้ว พอดีนายนั่นมาหาเรื่องก่อน”
“ป่านนี้แกคงเข้าออฟฟิศแล้ว งั้นพิกุลพากลับไปส่งนะคะ”
แล้วพิกุลก็เลี้ยวรถกอล์ฟกลับไป

หน้าบ้านเป็ดปุ๊กมีรถของบริษัทต่างๆจอดอยู่หลายคัน...ในบ้านบริเวณมุมครัว ช่าง 2 คนกำลังจัดตู้เย็นให้เข้าที่ เป็นตู้เย็นเกือบจะขนาดเล็กสุด เป็ดปุ๊กยุ่งกับเซ็นรับของเข้าบ้าน และคอยบอกตำแหน่งที่วางตู้เย็น เชียรมองท่าทางวุ่นๆของลูกสาวแล้วอมยิ้ม
“อืม..ตรงนี้ดีกว่าค่ะ...เอ..เดี๋ยวนะคะ หรือว่าเป็นตรงนี้”
เป็ดปุ๊กเล็งตำแหน่งที่วางตู้เย็น ช่างเครื่องซักผ้าเดินเข้ามา
“เซ็นเอกสารให้ด้วยครับ”
“ค่า..งั้นเอาตรงนี้แล้วกันค่ะ”
บอกช่างตู้เย็นแล้ววิ่งออกไปหาช่างเครื่องซักผ้า เป็ดเซ็นเอกสารเสร็จ มีโทรศัพท์เข้ามาพอดี
“ค่ะ ฉันบัวบูชาค่ะ อ๋อ เรียบร้อยค่ะ อะไรนะคะ อ๋อ..ค่ะ ได้ค่ะ ถ้ามีปัญหาอะไรแล้วจะโทรกลับไปบอกค่ะ ขอบคุณค่ะ”
เป็ดปุ๊กเหลือบเห็นอะไรบางอย่างรีบเดินไป
“...เอ่อ..เขยิบเข้าไปอีกนิดได้มั้ยคะพี่...โอเคค่ะ เอ๊ะ..ชิดไปรึเปล่าคะพี่ เดี๋ยวความร้อนมันระบายไม่ได้”
ช่างมองค้อน เชียรสังเกตเห็น
“ช่างเขาคงรู้มั้งลูก”
“จริงด้วย ลืมไป พี่เขาเป็นช่าง โทษนะคะ”
ช่างตู้เย็นเดินมาบอก
“เซ็นรับด้วยครับ”
ช่างตู้เย็นเอาเอกสารมาให้เป็ดปุ๊กเซ็น พอเป็ดปุ๊กเซ็นเสร็จช่างก็ลา
“เรียบร้อยแล้วครับ ลาล่ะครับ”
ช่างพากันเดินออกไปพร้อมทั้งลาเชียร เป็ดปุ๊กรีบเข้าไปในครัวหยิบน้ำที่ซื้อเตรียมไว้แล้วเอาไปใส่ในตู้เย็นทันที ทันใดช่างโทรศัพท์ก็เข้ามาหา
“เชื่อมต่อสายโทรศัพท์กับสายในบ้านเรียบร้อยแล้วครับ ใช้งานได้เลยนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ รอน้ำเย็นซักแป๊ปนะคะ...”
“ไม่เป็นไรครับ บ้านนี้ขออินเตอร์เน็ตไว้ด้วยนะครับ ผมติดตั้งและทดลองสัญญาณให้เรียบร้อยแล้วด้วยครับ...เซ็นรับตรงนี้ครับ”
“ค่ะ” เป็ดปุ๊กเซ็นเอกสารให้
ช่างโทรศัพท์พากันลาเป็ดปุ๊กกับเชียร เป็ดปุ๊กเดินออกมาส่งหน้าบ้าน ทันใดนั้นเสียงโหวกเหวกจากหน้าบ้าน
ดังเข้ามา คนงานต้นไม้ร้องบอก
“ถอยมา ถอยมา”

เป็ดปุ๊กมองออกไปนอกรั้วบ้าน รถกระบะทำสวนคันนั้นบรรทุกต้นไม้ใหญ่มา กำลังถอยมาจอดที่หน้าประตูบ้าน
มีคนงาน 2-3 คนช่วยกันบอกทางคนขับ

เป็ดปุ๊กออกมาที่เทอเรสดูพวกคนสวนทำงาน เชียรตามออกมาดูด้วย เห็นรถกระบะจอดเรียบร้อย ไม้ที่ใส่หมวกฟางสาน และใช้ผ้าขาวม้าพาดปิดหน้าไว้ ไม้มองมาทางเป็ดปุ๊กแว่บหนึ่ง เป็ดปุ๊กมองดูไม้ นึกว่าจะได้เห็นหน้าหน่อย แต่ก็ไม่เห็น

ส่วนไม้ก็หันไปสั่งลูกน้องให้ช่วยกันเอาต้นไม้ลง ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่บนกระบะคือต้น บุหงาส่าหรี สูงประมาณสองเมตร ไม้เข้าไปช่วยลูกน้องเอาต้นไม้ลงด้วย เป็ดปุ๊กหันไปถามเชียร
“ต้นอะไรน่ะพ่อ”
“ต้นอะไรสักอย่าง ชื่อมันแปลกๆ”
คนงานช่วยกันประคับประคองต้นไม้ลงจากหลังรถ แล้วช่วยกันยกมายังหลุมกลางสนามที่ขุดเตรียมไว้แล้ว
ไม้ถอยหลังออกมาคอยเล็งให้ลงต้นไม้ได้ตรงสวยงาม
“หมุนขวาอีกหน่อย...ใช่...เอนไปด้านหลังนิดนึง...ใช้ได้แล้ว กลบหลุมได้เลย”
คนงานช่วยกันโกยดินกลบหลุม พร้อมกับตอกไม้เพื่อทำค้ำยันประคองไม่ให้ต้นไม้ล้ม
“เดี๋ยวเอาน้ำมาให้เขาหน่อย”
เป็ดปุ๊กกลับเข้าไปในบ้าน ไม้หันไปมองนิดหน่อย พยักหน้าสวัสดีเชียร เชียรยิ้มรับ ไม้บอกให้คนงานเอาน้ำมารด
ครู่หนึ่ง เป็ดปุ๊กกลับออกมาพร้อมกับถาดใส่แก้วน้ำเย็นหลายใบ
“เขาบอกหรือยังว่าต้นอะไร”
“ยัง ไปถามเขาซิ”
เป็ดปุ๊กถือถาดน้ำเย็นเดินไปหยุดด้านหลังของไม้ที่รูปร่างสูงใหญ่ บึกบึ ไม้หันกลับมา เห็นแค่ดวงตาของไม้ เป็นดวงตาที่คม แต่ดูดุดันเอาเรื่อง ไม้มองเป็ดปุ๊กนิ่งเฉย เหมือนไร้ความรู้สึก
“น้ำเย็นค่ะ”
เป็ดปุ๊กยื่นถาดให้ ไม้หยิบแก้วน้ำขึ้นมา แล้วทยอยส่งให้คนงานลูกน้อง โดยไม่ได้ขอบคุณเป็ดปุ๊กสักคำ เป็ดปุ๊กอึ้งไปเหมือนกัน
“ต้นอะไรคะ”
“ต้นไม้” ไม้บอกห้วนๆ
เป็ดปุ๊กคิดว่าไม้พูดเล่น เลยพูดขำๆ
“รู้ค่ะว่าต้นไม้ แต่มันต้นอะไรล่ะคะ แล้วจะมีดอกไหม ชอบน้ำมากหรือเปล่า แดดด้วย ฉันจะได้ดูแลถูกไง”
“ปลูกอยู่กลางสนามแบบนี้ก็ต้องชอบแดดอยู่แล้วล่ะ ส่วนดอก ถ้าดูแลดีๆก็คงจะออกให้เห็นหรอก”
เป็ดปุ๊กบ่นเบาๆกับตัวเอง
“ตอบแบบนี้ อย่าตอบดีกว่า”
ไม้ได้ยินไม่ถนัด ยื่นหน้าเข้ามา
“ว่าไงนะ”
“คุณคงจะเหนื่อย ไม่เป็นไรหรอก ทำงานให้เสร็จๆซะ จะได้พัก”
เป็ดปุ๊กจะเดินกลับ แล้วนึกขึ้นมาได้
“เกือบลืม คุณเป็นคนปลูกต้นไม้พวกนั้นใช่ไหม...ขอบคุณมากนะ ฉันชอบอ่างบัวกับเป็ดตัวนั้น น่ารักดี”
ไม้พยักหน้ารับ แต่เป็ดปุ๊กดูไม่ออกว่า ใต้ผ้าขาวม้าผืนนั้น มีรอยยิ้มบ้างไหม แต่แค่นั้นก็ทำให้เป็ดปุ๊ก
พอใจ ที่รู้ว่าคุยกันรู้เรื่อง เป็ดปุ๊กเดินกลับจะเข้าบ้าน แต่ก่อนจะเดินขึ้นระเบียงหน้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงไข่มุกดังเข้ามา
“เข้าบ้านเดี๋ยวนี้ แม่บอกแล้วไม่ได้ยินเหรอ ไม่ให้ออกมาตอนนี้”
เป็ดปุ๊กหันไปมอง เห็นไข่มุกกำลังเรียกลูกชายเธอที่ออกมาขี่จักรยานให้เข้าบ้าน เด็กดูท่าทางไม่อยาก
แต่ก็จำเป็นต้องเข้าบ้าน ไข่มุกมองมาทางบ้านเป็ดปุ๊ก แต่สายตามองไปที่ไม้มากกว่า เป็ดปุ๊กมองไปทางไม้บ้าง แล้วก็ต้องแปลกใจ ไม้ยืนกอดอกมองไปทางไข่มุก ท่าทางเหมือนไม่พอใจ อาการของทั้งสองบ่งบอกว่าต้องมีปัญหากันมาก่อนแน่ๆ เป็ดปุ๊กแอบเห็นไข่มุกแยกเขี้ยวใส่ไม้นิดหน่อยด้วย ก่อนที่ไข่มุกจะเข้าไปในบ้านของตน เป็ดปุ๊กงงๆ หันมามองไม้อีกครั้ง แล้วพบว่าไม้กำลังมองเธออยู่ แต่ไม่ได้กอดอกแล้ว เป็ดปุ๊กทำเป็นมองไปทางอื่น แล้วกลับมาหาพ่อ
“เข้าบ้านเหอะพ่อ”
เป็ดปุ๊กกลับเข้าบ้านไป เชียรหันไปมองไม้ โบกมือให้นิดหน่อย แล้วตามลูกสาวไป

เชียรกลับเข้าบ้าน ต้องชะงัก เมื่อเห็นเป็ดปุ๊กถูกรุมล้อมด้วยช่างทั้งหลาย ช่างเครื่องกรองน้ำร้องบอก
“เครื่องกรองน้ำจะให้ติดตั้งตรงไหนครับคุณ ถ้าจะติดในครัวอย่างที่คุณบอกผมต้องเจาะอ้างล้างจานเป็นรูนิดนึง บอกไว้ก่อน คุณจะได้ไม่โวยผมทีหลัง”
ช่างดาวเทียมแทรกเข้ามา
“สัญญาณดาวเทียมจะให้พ่วงไปกี่จุดครับ ห้องไหนบ้าง”
ช่างประปาบอกด้วย
“เครื่องทำน้ำร้อนในห้องนอนใหญ่ จะให้ติดผนัง หรือติดไว้ใต้อ่างล้างหน้าดีครับคุณ”
เป็ดปุ๊กอึ้งไปหมดเมื่อต้องเจอคำถามหลายเรื่องแบบนี้ หันมาขอความเห็นพ่อ
“พ่อว่าไง”
เชียรถามช่างเครื่องกรองน้ำ
“ถ้าเจาะอ่างแล้ว อ่างมันก็รั่วน่ะซิ”
“นั่นซี กระเบื้องผนังจะไม่ล่อนเหรอคะ” เป็ดปุ๊กหันไปหาช่างประปา “เอาเครื่องไฟฟ้า ไว้ใต้อ่างล้างมือ เกิดน้ำหยดลงไป ไม่ไฟดูดเหรอ”
“มันคนละอ่างกันนะครับ ของเขามันซิงค์ล้างจาน ของผมอ่างล้างหน้า”
“อ่างล้างหน้า น้ำมันก็หยดได้” เชียรบอก
เป็ดปุ๊กงงๆ
“เดี๋ยวนะคะ” เป็ดปุ๊กหันไปหาช่างดาวเทียม “เรื่องดาวเทียม ต่อสามจุดค่ะ ห้องรับแขก ห้องนอนใหญ่ แล้วก็ห้องนอนกลาง”
ช่างดาวเทียมรับทราบ แล้วแยกไปก่อน ช่างประปาหันมาอธิบาย
“อ่างล้างหน้าปกติน้ำจะไม่รั่วลงไปหรอกครับ”
“แล้วมันต่างกันยังไงคะ ไว้ใต้อ่างหรือไว้บนผนัง”
“ไว้บนผนัง ก็มองเห็น ไว้ใต้อ่างก็มองไม่เห็นไงครับ ปกติ ถ้าบ้านหรูๆหน่อย เขาจะซ่อนไว้”
“อ๋อ พวกไม่ซ่อนนี่พวกโลโซ” เชียรพยักหน้ารับรู้
“แล้วผมว่าควรจะเดินสายดินเพิ่มด้วยนะครับ เพื่อความปลอดภัย ถ้าจะทำผมมีเครื่องมือมาพร้อมแล้ว จะคิดให้ราคาพิเศษครับ”
“เหรอคะ งั้นก็เอาเลยค่ะ ช่างใจดีจริงๆ”

ช่างยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วรอยยิ้มก็เจื่อนลง เมื่อมองผ่านเป็ดปุ๊กกับเชียรไปทางด้านหลัง

อ่านต่อหน้า 3

ในสวนขวัญ ตอนที่ 1 (ต่อ)

เป็ดปุ๊กแปลกใจ หันมองตาม เชียรก็หันไปมองด้วย ไม้ยืนอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน ยังสวมหมวกและปิดหน้าด้วยผ้าขาวม้าอยู่ ไม้มองเข้ามาในบ้าน

“หมู่บ้านเขาเดินสายดินไว้ให้แล้วนี่”
“ยังไงนะคะ”
ไม้เดินเข้ามาในบ้าน
“ผมบอกว่าหมู่บ้านเขา...”
“ขอโทษนะ นี่มันก็อยู่ในบ้านแล้ว ไม่ต้องใส่หมวก แล้วปิดหน้าไว้ก็ได้มั้ง”
ไม้ชะงัก เหมือนจะอึดอัดนิดหน่อย แล้วยอมถอดหมวก พร้อมกับเปิดผ้าที่คลุมหน้าออก เป็ดปุ๊กถึงกับอึ้ง เพราะไม้มีหน้าตาคมสันหล่อเหลาเลยทีเดียว
“จะบอกว่าไม่ต้องเดินสายดินเพิ่มหรอก ทุกบ้านมีไว้แล้ว”
“มีเหรอ ไม่เห็นนะ” ช่างแสร้งทำเป็นไม่รู้
“ขึ้นไปดูใหม่ไป ถ้าหาไม่เจอลงมาบอก เดี๋ยวจะขึ้นไปชี้ให้ดู”
ท่าทางขมึงทึงของไม้ ทำเอาช่างประปาหงอลงไป
“เดี๋ยวไปดูอีกที”
ช่างประปาขึ้นบนบ้านไป ไม้เดินมาหาช่างกรองน้ำ
“มีปัญหาอะไร”
“ผมมาถามว่า ผมจะเจาะอ่างล้างจาน ใส่สายเครื่องกรองน้ำได้ไหม”
“ไม่ต้องเจาะอ่างหรอก ทิ้งไว้นานๆเดี๋ยวเป็นสนิม น้ำก็รั่วใส่ผนังด้วย ให้เดินสายอย่างนี้”
ไม้เดินผ่านหน้าเป็ดปุ๊กไปที่ครัว แล้วชี้บอกจุดที่จะให้ช่างเจาะเพื่อต่อท่อ ทั้งเป็ดปุ๊กและเชียรมองตามไป
เชียรรู้สึกทึ่ง
“แต่ถ้าเจาะตรงนี้ มันเดินสายยาก ทำงานยาก”
“ทำงานยาก ก็ดีกว่าไม่มีงานให้ทำนะ”
ช่างเครื่องกรองน้ำอึ้งๆ แล้วเลี่ยงไปทำตามที่ไม้บอก เป็ดปุ๊กขำๆ
“คุณเป็นคนสวนหรือว่าเป็นผู้จัดการโครงการกันแน่เนี่ย”
เป็ดปุ๊กคิดว่าจะได้เห็นรอยยิ้มจากไม้บ้าง แต่ไม้ก็ไม่ยิ้ม
“จะเข้ามาบอกว่า เย็นนี้จะเอาต้นไม้มาลงให้อีก”
“คงไม่ค่ำนะ ค่ำแล้วก็อยากจะพักผ่อน”
“ก็เพิ่งบอกว่าเย็น”
เป็ดปุ๊กอึ้งๆ ไม้หันกลับแล้วเดินออกไป

หน้าบ้านเป็ดปุ๊ก บรรดาช่างทั้งหลายทยอยกลับ ไม้ยังดูลูกน้องทำสวนอยู่ ช่างทั้งหลายมองไม้อย่างไม่ค่อยพอใจ ไม้ยกจอบขึ้นมากระแทกกับพื้น พร้อมกับมองช่าง ช่างจึงพากันออกจากบ้านไป เชียรยืนมองทุกอย่างอยู่ที่เทอเรส ไม้หันมามองเห็นเชียรเลยเดินเข้ามาหา
“ท่าทางพวกเขาจะไม่ชอบเธอเท่าไหร่”
“พวกนี้คอยแต่จะต้องเอาเปรียบลูกค้า ต้องรู้ทันหน่อย เอ่อ เรื่องที่ว่าจะเอาต้นไม้มาลงเพิ่มน่ะครับ ขอเป็นพรุ่งนี้ได้ไหมครับ พอดีติดธุระนิดหน่อย”
“ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ ฉันอยู่บ้านทุกวัน”
เป็ดปุ๊กออกมาจากในบ้าน
“ยังไงก็ขอบใจนะที่ช่วยพวกเราไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไร ขอบคุณเขาซิ” เชียรหันไปบอกลูกสาว
“ขอบคุณนะ”
ไม้มองเป็ดปุ๊ก แต่แล้วก็ไม่พูดอะไร หันกลับจะออกไป แล้วหยุดหันกลับมา
“ทำไมไม่จ้างแม่บ้านมาช่วยทำความสะอาดบ้านให้”
“ที่นี่มีแม่บ้านรับจ้างด้วยเหรอ”
“มี มีทุกอย่างแหละ แม่บ้าน คนสวน รับจ้างตัดหญ้า รดน้ำต้นไม้ ส่งหนังสือพิมพ์ รับจ้างซักรีด ผู้จัดการเขาไม่ได้บอกคุณเหรอ”
“ดีจังเลย กำลังจะหาคนซักรีดอยู่ แล้วจะติดต่อได้ยังไง”
ไม้นิ่งไปนิดหน่อย ถอนใจเบื่อๆ
“โทรหาพิกุล พิกุลจัดการได้ทุกอย่างในหมู่บ้านนี้”
นภ เด็กหนุ่มวัย15 ปี เดินมาอยู่หน้าประตู พอเห็นไม้ก็เรียก
“พี่ไม้ พี่ไม้”
ไม้หันมา พอเห็นนภก็ยิ้มให้ แล้วเดินเข้าไปหา สองคนคุยอะไรกันนิดหน่อย ไม้พยักหน้ารับ แล้วเดินกลับมา
หาเชียรกับเป็ดปุ๊ก
“ผมคงต้องกลับก่อนนะครับ”
“เชิญ”
ไม้เดินกลับไปหาพวกลูกน้อง
“เอ้า กลับกันได้แล้ว เดี๋ยวจะไปส่ง”
คนสวนทุกคนต่างทยอยออกจากบ้านไม้ ไม้เดินมาพูดอะไรกับนภนิดหน่อย นภยิ้มรับ แล้วเดินออกไปทางปากซอย

ทุกคนทยอยออกจากบ้าน

เชียรกลับเข้าบ้าน เป็ดปุ๊กตามเข้ามาด้วย

“ถ้าไม่ได้นายไม้ สงสัยจะหมดอีกหลายพัน” เชียรบ่น
“โชคดีจังเลยนะคะ”
เชียรชะงัก หันมามองลูกสาว
“น้ำเสียงเหมือนโกรธอะไรเขา”
“ก็มันน่าไหมล่ะคะ คนอะไรพูดจามะนาวไม่มีน้ำ เราอุตส่าห์พูดดีด้วยเอาน้ำเย็นไปบริการ ขอบคุณสักคำก็ไม่มี”
“นิสัยเขาคงเป็นอย่างนั้น”
“พ่อพูดยังกับรู้จักเขามานาน”
“ก็นานเท่าลูกนั่นแหละ พ่อแค่คิดว่า เขาเป็นคนสวน เป็นชาวบ้าน คิดอะไรก็พูดไปอย่างนั้น จะให้มีพิธีรีตองเลือกสรรถ้อยคำเป็นผู้ดีอย่างเราๆได้ยังไง”
เป็ดปุ๊กนิ่งไปนิดหน่อย
“คล้ายๆประชดยังไงไม่รู้”
เชียรขำ
“ประชดอะไร แค่แปลกใจ ปกติลูกสาวเป็นมิตรกับคนอื่นๆดีออก”
“ก็นายคนนี้เหมือนคนอื่นที่ไหน แต่ดูท่าพ่อจะพอใจเขามากเลย”
“พ่อว่าเขาเป็นคนดี”
“อย่าเชื่อใจคนเร็วนักนะพ่อ”
แล้วเป็ดปุ๊กก็เดินออกไป เชียรยังยิ้มขำอาการของเป็ดปุ๊ก

เป็ดปุ๊กออกจากบ้านช่วงค่ำ ไข่มุกก็โผล่มาที่ประตูบ้านเธอ
“คุณเป็ด”
เป็ดปุ๊กชะงักหันมา
“คะ”
“ไปไหนเหรอคะ”
“จะออกไปหาซื้ออาหารเย็นน่ะค่ะ”
“คิดว่าจะไปหาคุณหทัย ไปต่อว่าเรื่องต้นไม้”
“ต้นไม้”
“ก็ต้นที่มันเอามาลงกลางสนามนั่นไงคะ ต้นอะไรก็ไม่รู้ น่าเกลียด”
เป็ดปุ๊กมองไปในสนาม
“เหรอคะ ฉันว่า...”
“ตอนเอามาลงให้ฉันก็เอาต้นบ้าอะไรมาให้เหมือนกัน ฉันสั่งให้มันถอนทิ้งไปเลย แล้วไม่ต้องไปเชื่อมันนะคะ มันจะอ้างว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ จริงๆ มันก็คงไปเอาต้นที่เขาโละทิ้ง ขายถูกๆ แล้วเอามาขายให้เราแพงๆ ไอ้เนี่ยมันหาโอกาสหลอกเอาเงินเราตลอดแหละ”
“แต่พิกุลเขาบอก ต้นไม้พวกนี้แถมนี่คะ”
“อะไรนะ แถมได้ไง ก็คงจะทำเป็นให้ต้นสองต้น อีกเดี๋ยวมันก็จะมาเก็บเงินคุณ ไอ้คนนี้น่ะ มันไว้ใจไม่ได้หรอก มันโรคจิต”
“โรคจิต? นายไม้น่ะเหรอคะ”
“ก็ที่ฉันบอกคุณไง โรคจิต แล้วยังวิปริตทางเพศด้วย”
“วิปริตทาง...เพศ ยังไงคะ”
“มันชอบ...เด็กผู้ชาย”
เป็ดปุ๊กตกใจ ผงะ
“ฮ่า”
“โน่นไง ปากซอยเรานั่นแหละ มันไปมั่วกับเด็กผู้ชายอยู่ที่นั่น”
เป็ดปุ๊กมองตามไข่มุกไปที่ปากซอย เห็นรถกระบะของไม้จอดอยู่

เป็ดปุ๊กขับรถมาจอดใกล้ๆบ้านที่ปากซอย ซึ่งรถกระบะของไม้จอดอยู่ริมกำแพงบ้านปากซอย เป็ดปุ๊กอดมองเข้าไปในบ้านไม่ได้ แล้วเธอก็เห็นเงาของไม้กับเด็กหนุ่มทาบอยู่บนผ้าม่าน เงาเด็กหนุ่มนั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่ และเห็นเงาของไม้อยู่ทางด้านหลังเด็กหนุ่ม ดูจากเงาแล้วเหมือนสองคนกำลังทำอะไรบางอย่างกัน เป็ดปุ๊กมองที่เงานั้นแล้วอดตกใจไม่ได้ รีบเคลื่อนรถออกไปทันที

ในบ้าน...นภกำลังนั่งคุกเข่าก้มหาของอยู่ นภมองไปใต้ชุดรับแขก
“มองไม่เห็นเลยพี่ไม้”
ไม้คุกเข่าอยู่ข้างโต๊ะชุดรับแขก แต่ห่างจากนภคนละมุมโต๊ะ แต่เพราะเปิดโคมไฟไว้ ทำให้เงาของไม้เหมือนคุกเข่าอยู่ข้างหลังนภ
“หาไม่เจอก็ใช้ดินสอแท่งใหม่ก็ได้”
“ผมเหลืออยู่แท่งเดียว”
“แล้วใช้ปากกาไม่ได้เหรอ”
“มันเขียนแล้วลบไม่ได้น่ะซีพี่....เดี๋ยวพี่ ได้แล้ว”
นภยื่นมือเข้าไปหยิบปากกา แล้วนภก็ถอยออกมา พร้อมกับดินสอในมือ นภชูให้ไม้ดูพร้อมกับยิ้ม
“ถ้าพรุ่งนี้ต้องติวให้นภอีก พี่จะเตรียมดินสอมาเผื่อ”
ไม้หยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นมา
“มา เรามาดูโจทย์ข้อต่อไปกัน”
สองคนนั่งอยู่รอบโต๊ะชุดรับแขก ไม้เริ่มติวคณิตศาสตร์ให้นภไป

เป็ดปุ๊กขับรถอยู่ หน้าตาบูดบึ้ง บ่นพึมพำ

“ไม่นึกเล้ย หน้าตาก็พอดูได้ แต่ดันวิปริตทางเพศ โรคจิตจริงๆ นายไม้”

เก็จเกยูรกับแก้ว น้องสาวซึ่งเป็นเพื่อนกับเป็ดปุ๊ก นั่งกินส้มตำอยู่ด้วยกันในบ้าน พลางคุยถึงเรื่องที่เชียรกับเป็ดปุ๊กย้ายออกไปจากบ้าน

“ตอนแรกยังคิดว่าเขาแค่ขู่พี่เล่นๆ ย้ายไปจริงๆเฉยเลย” เก็จเกยูรยิ้มสะใจ “ยัยนี่มันเพี้ยน”
“ก็พี่เล่นงานพ่อเขาขนาดนั้น”
“ถ้ารู้จักเลี้ยงลูกชายให้ดี ก็ไม่ถูกด่าหรอก"
แก้วหัวเราะ เก็จเกยูรเหล่มอง
“ขำอะไร”
“คนที่ผิดน่าจะเป็นคนที่ไปเลือกเขามาเป็นสามีมากกว่า”
“นี่ อุตส่าห์เลี้ยงส้มตำแล้วยังจะมาซ้ำเติมกันอีกเหรอ”
“ถ้าพี่รู้จักระวังหน่อยก็คงจะไม่ต้องมานั่งเครียด อย่างแก้วเนี่ย ต้องให้ชัวร์ก่อน ถึงจะยอม”
“แล้วตกลงตอนนี้ ชัวร์หรือยัง”
แก้วยิ้มอายๆ
“พี่อ่ะ...เออพี่ แล้วนี่ยัยเป็ดเขาเอาเงินเอาทองจากไหนไปซื้อบ้านเหรอ ทำงานอยู่ด้วยกันกับแก้ว ถึงจะเป็นหัวหน้าแผนก แต่เงินเดือนก็มากกว่ากันนิดเดียว”
“เอาเงินจากไหน ก็เงินเก็บของพ่อเขาไง คงถอนจนหมดแบงค์เลยแหละ ไอ้ผัวเราก็ไม่ขวางสักนิด นี่แหละยิ่งทำให้เจ็บใจ”
เก็จเกยูรลุกขึ้นหงุดหงิด
“แล้วที่แย่หนักขึ้นไปอีกก็คือ พอพ่อมันไม่อยู่ มันก็ไม่ให้เงินเราเพิ่ม รู้ไหมทั้งพี่ ทั้งหลานจะอดตายกันอยู่แล้ว คงไม่นานหรอก พี่จะเลิกกับมัน จะได้จบๆกันสักที”
กะรัต แม่ของเก็จเกยูรแลพแก้ว ซึ่งมาช่วยเลี้ยงหลาน เดินออกมาจากครัว ปรามเบาๆ
“ใจเย็นๆหน่อย รู้จักอดทนบ้าง”
“แม่ก็พูดแต่ให้อดทน” เก็จเกยูรเซ็งๆ
“ก็เพื่อตัวแกเองนั่นแหละ คิดดูซิ ตอนนี้ยัยเป็ดกับพ่อเขาย้ายออกไปแล้ว บ้านนี้จะทั้งหมดเป็นของใคร”
“เป็นของพี่ไก่เหรอคะ” แก้วถาม
“เขาไม่ยกให้ลูกเขาหรอก เขาบอกย่ามันสั่งไว้ ให้โอนให้หลาน” เก็จเกยูรบอก
กะรัตสวน
“แล้วหลานมันลูกใคร”
เก็จเกยูรอึ้งๆไป
“ถ้าแกมีเรื่องทะเลาะกับนายไก่ จนถึงขั้นหย่าขาดกัน แกจะไม่ได้อะไรเลย ทนอยู่ไปแบบนี้แหละ วันนึงพอมันโอนบ้านกับที่ดินให้ลูกแก แกก็ขอเป็นผู้จัดการมรดกแล้วก็ขายบ้านนี้ไป เผลอๆได้เป็นสิบล้าน”
เก็จเกยูรหงุดหงิด แต่ก็เห็นด้วยกับแม่ บ่นเบาๆ
“อย่านานนักก็แล้วกัน”
กะรัตหันไปหาแก้ว
“แก้ว ไปตามหลานมากินข้าวได้แล้ว แม่ทำเสร็จหมดแล้ว”
แก้วเดินมาแตะบ่าเก็จเกยูรอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเดินขึ้นบนบ้านไป

อลงกรณ์สามีของหทัยนั่งพูดโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น บนโต๊ะมีแฟ้มเอกสาร และพิมพ์เขียวผังที่ดินหมู่บ้านจัดสรรเปิดอยู่
“กำลังดูอยู่ครับ คิดว่าน่าจะขยายอีกสักร้อยหลังก่อน...ก็นี่แหละครับที่ทำให้ช้า ต้องเจรจากับเจ้าของที่อีก...ครับ ต้องรอคุณหทัยเขาก่อน แต่ผมว่าไม่น่ามีปัญหานะครับ”
หทัยเดินเข้าบ้านมา พร้อมโอม อลงกรณ์ไม่เห็นหทัย ยังคงพูดโทรศัพท์ต่อไป
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถ้าจะเปิดโครงการ ต้องให้เฮียมาสร้างให้อยู่แล้ว แหม คนมันรู้ฝีมือกัน...ไม่นานหรอกครับ ผมออดอ้อนนิดหน่อย คุณหทัยเขาก็ต้องยอมอยู่แล้ว”
พูดแล้วอลงกรณ์ก็หัวเราะ แล้วหันมาเห็นหทัย อลงกรณ์ชะงักกึกรีบพูดโทรศัพท์
“แค่นี้ก่อนนะเฮีย มีข่าวอะไรแล้วจะโทรไปบอกครับ”
อลงกรณ์กดวางสาย
“เฮียชัยโทรมาคุยน่ะ คุณเข้ามานานแล้วเหรอ”
“นานพอจะได้ยินแผนของคุณก็แล้วกัน”
โอมส่ายหน้าเป็นเชิงตำหนิว่าพ่อไม่น่าพลาดเลย หทัยเดินไปดูที่โต๊ะโซฟา หยิบพิมพ์เขียวแปลนหมู่บ้านใหม่ขึ้นมาดู
“ยังไม่เลิกคิดเรื่องขยายหมู่บ้านอีกเหรอคะ”
“ก็เราขายบ้านได้หมดแล้ว จะให้อยู่เฉยๆได้ไง นี่มันอาชีพเรานะ”
“ฉันก็บอกคุณแล้ว ไม่ต้องไปยุ่งกับที่ดินแปลงติดกันนี่ ถ้าอยากจะทำก็ไปหาซื้อที่ๆอื่น แล้วเปิดหมู่บ้านใหม่ไปเลย”
“มันต้องลงทุนขนาดไหนล่ะ ถ้าเราขยายจากหมู่บ้านเดิมสาธารณูปโภคก็ไม่ต้องเริ่มใหม่ ถนน ประปา ไฟฟ้า มันทำต่อไปได้เลย"
“แต่ฉันว่าที่สำคัญที่สุด คุณไม่ต้องจ่ายเงินค่าที่ดินครั้งเดียวหมดมากกว่า คุณต้องคิดว่าเขาจะยอมให้เรา ขายไปจ่ายไป เหมือนหมู่บ้านเก่า”
“นั่นมัน...ของแถม” อลงกรณ์พูดด้วยท่าทีไม่สนใจ
“แต่ฉันไม่อยากหลอกใคร”
โอมขัดขึ้น
“หลอกอะไรกันล่ะแม่ เราจ่ายเงินค่าที่ดินให้เขานะครับ”
“งั้นก็จ่ายให้หมดครั้งเดียวไหมล่ะ เอากำไรที่ได้จากหมู่บ้านนี้ไปจ่ายเลย”
อลงกรณ์แย้ง
“นี่มันธุรกิจนะคุณ เขาก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น แปลงไหนขายได้ ก็ค่อยทยอยจ่ายไป”
“ก็เอาไปใช้กับคนอื่นก็แล้วกัน แต่ไม่ใช่แปลงนั้น ยังไงฉันก็ไม่ไปเจรจาให้คุณ”
“แม่มัวแต่ลังเลแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนคาบไป...”
หทัยสวนทันที
“ถ้าเขาจะขายที่ให้คนอื่น ก็เป็นสิทธิ์ของเขา อย่างน้อยแม่ก็มีความสุข ที่ไม่มีส่วนทำสิ่งผิดๆ”
พูดเสร็จ หทัยก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไป โอมเซ็งๆ
“เลยอดเลยพ่อ”
“แกคิดว่าพ่อจะยอมง่ายๆเหรอ”

อลงกรณ์ยิ้ม เพราะยังมีแผนอื่นสำรองอยู่

เช้าวันใหม่...รถกระบะของไม้แล่นเข้ามาในซอยเล็กๆ ลัดเลาะไปตามเรือกสวนที่มีทั้งไม้ยืนต้นและไม้ผลขึ้นอยู่หนาแน่น มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด ค่อนข้างรก เพราะเป็นธรรมชาติไม่ได้มีการจัดแต่ง แล้วรถก็มาจอด

ที่ใต้ต้นก้ามปูใหญ่ ไม้ลงจากรถ แล้วเดินข้ามสะพานไม้แคบๆ ที่ทอดข้ามร่องสวนไปยังบ้านไม้ใต้ถุนสูง เป็นบ้านเก่าอายุเกือบจะร้อยปีเสียงหมาเห่าต้อนรับดังลั่น แล้วก็มีเสียงของหญิงชราดังเข้ามา
“เห่าใครไอ้เอ๋ง หยุดเห่าสักที หนวกหู นั่นใครล่ะ”
“ไม้เองจ้ะย่า”
ไอ้เอ๋งหยุดเห่า
“แหม พ่อมาล่ะก็สั่นริกๆ เชียวนะไอ้เอ๋ง” ย่าขวัญประชดหมา
ไม้เดินผ่านพุ่มราตรีเข้าไป หญิงชราร่างท้วมนั่งอยู่ที่ตีนบันไดหน้าบ้าน ใกล้ตุ่มน้ำใบใหญ่ เจ้าเอ๋งหมาไทยสีน้ำตาลวิ่งเข้ามาหาไม้ หางสั่นริกๆ พร้อมกับพันแข้งพันขา
“มันเห่าน่ะดีแล้วย่า ขืนไอ้เอ๋งไปเหมือนหมาฝรั่งก็แย่ ขโมยขึ้นบ้านมันไปเล่นกับเขาเฉย” ไม้ลูบหัวเจ้าเอ๋งด้วยความเอ็นดู
“แถวนี้มีขโมยที่ไหนกัน ย่าอยู่มาจนแก่ไม่เคยเจอ”
“เดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนแต่ก่อนแล้วย่า หมู่บ้านผุดขึ้นมาเยอะแยะ คนแปลกหน้าย้ายเข้ามาเป็นพันเป็นหมื่น เราแทบไม่รู้จักใครเลย”
“ย่ารู้จักอยู่หมู่บ้านเดียวแหละ หมู่บ้านเสริมขวัญข้างหลังเนี่ย”
ไม้ไม่ค่อยเห็นด้วย
“หมู่บ้านขวัญหาย อยู่แล้วขวัญกระเจิง”
ย่าขวัญหัวเราะ ล้างผักบุ้ง แล้วเอามาวางไว้ในกระด้ง
“รวยแย่เลยเนอะ อุตส่าห์เก็บผักบุ้งมากำขาย กำละห้าบาท”
“เงินห้าบาทสิบบาทมันเงินไหมล่ะ รวมๆเข้า มันก็เป็นพันเป็นหมื่นนี่ แล้วค่าหมี่กะทิของย่าล่ะ อย่ามางุบงิบทำเป็นลืม”
ไม้ยิ้มขำๆแล้วล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมาจำนวนหนึ่ง แล้วส่งให้ ย่าขวัญรับเงินนั้นมา แล้วเก็บที่ชายพกผ้าถุง
“ผักบุ้งงามดีจัง น่าจะทำเหมือดกินกับขนมจีนน้ำพริก หัวปลีหลังบ้านก็มี ยายหมอนสวนฝั่งกระนู้นชอบกิน หลวงตาที่วัดก็ชอบ”
ไม้ฟังแล้วคิดอะไรบางอย่าง
“ทำซิย่า พรุ่งนี้จะให้ฝ้ายมารับไปขาย”
“ต้องดูก่อนว่าเจ้าแตนมันอยู่หรือเปล่า ทำคนเดียวไม่ไหว”
ไม้มองซ้ายมองขวาหาตั๊กแตน เด็กสาวกำพร้าที่ย่าขวัญรับมาเลี้ยงไว้
“แล้วมันไปไหนล่ะย่า”
“ไปโรงเรียนแล้วมั้ง เดี๋ยวนี้เลิกเรียนมันก็ไม่ค่อยกลับเข้าบ้าน เด็กมันกำลังสาวก็งี้แหละ เพื่อนเยอะ”
“เอามันมาเลี้ยง ส่งเสียให้เรียน ก็เพื่อให้อยู่ช่วยงานย่า แล้วมาทิ้งให้ย่าอยู่คนเดียวเนี่ยนะ”
“ไม่ได้อยู่คนเดียว ย่าอยู่กับเจ้าเอ๋ง”
“ถ้าย่าลื่นหกล้มหัวแตก ไอ้เอ๋งมันคงโทรบอกไม้ หรืออุ้มย่าไปโรงพยาบาลได้หรอกนะ”
“จะโมโหอะไรนัก เดี๋ยวมันก็กลับมา”
“กลับมาตอนกินข้าวเย็นน่ะซิ” ไม้หงุดหงิด “เดี๋ยวต้องพูดให้รู้เรื่อง”
“มันยังเด็ก ก็ติดเพื่อน ติดเที่ยวไปตามประสา เหมือนอย่างไม้ไง ตอนเป็นเด็ก ก็ชอบหนีโรงเรียนไปเที่ยว ย่าไม่เคยว่าสักคำ”
“มันเหมือนกันที่ไหนย่า”
“ย่ารู้ ไม้ไม่ได้หนีเที่ยวเพราะอยากสนุก แต่อยากให้มีเรื่อง...อยากประชดเขา อยากให้เขาร้อนใจ”
“เพราะไม่รักดี ก็เลยต้องเป็นคนสวนกระจอกๆอยู่อย่างนี้” ไม้ถอนใจ ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก “แล้วเช้านี้ย่าทำอะไรกินเหรอ”
“ต้มกะทิสายบัวเดี๋ยวว่าจะเก็บแตงกวาเอามาผัดไข่อีกอย่าง”
“งั้นไม้อยู่กินด้วยนะ เดี๋ยวจะไปเก็บแตงกวาให้”
ไม้หยิบจานที่วางตากอยู่แถวนั้น แล้วเดินไปที่แปลงผักข้างๆบ้านเจ้าเอ๋งตามไปด้วย
ย่าขวัญหยุดทำงานครู่หนึ่ง
“ไม้”
“ครับ”
“คุณหทัยเขาจะแวะมากินข้าวเช้าด้วย บอกว่าจะเอาหมี่กรอบมาฝากด้วย เขาไปเจอเจ้าอร่อยมา”
ทุกอย่างเงียบไปครู่หนึ่ง ไม้กลับเข้ามาพร้อมกับแตงกวาในจานจำนวนหนึ่ง วางลงข้างๆย่าขวัญ
“งั้นไม้ไปก่อนนะย่า” ไม้พูดเรียบๆ ไร้ความรู้สึก
“เดี๋ยวซิ”
“แล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่ครับ”
ไม้เดินออกจากบ้านไปเลย ย่าขวัญมองตามไป แล้วถอนใจ
“รู้งี้ไม่บอกซะก็ดี”

โอมมาหาแก้วที่บริษัท เมื่อพนักงานบอกว่าเธอยังไม่เข้ามาจึงฝากช่อดอกไม้ไว้
“ถ้าอย่างนั้น ผมคงต้องฝากไว้ที่นี่แล้วล่ะครับ”
“รออีกแป๊บซิคะ เดี๋ยวคุณแก้วคงจะมาถึง”
“พอดีต้องรีบไปทำธุระน่ะครับ ผมเขียนโน้ตบอกไว้แล้ว”
เป็ดปุ๊กเดินเข้ามาในตึกมองมาที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ เห็นด้านหลังของโอม เมื่อเดินมาถึง โอมเดินออกจากตึกไปแล้ว
“ของใครเหรอ” เป็ดปุ๊กมองช่อดอกไม้ แล้วถามพนักงานอย่างสนใจ
“คุณแก้วค่ะ”
“แล้ว...” เป็ดปุ๊กมองไปที่ประตู “นั่นหนุ่มของเขาเหรอ”
“ค่ะ คุณบัวบูชาไม่รู้จักเหรอคะ”
เป็ดปุ๊กส่ายหน้า
“ยังไม่เคยเจอกันเลย รู้แต่ว่า หล่อ และ รวย มาก”
“คุณแก้วโชคดีจังเลยนะคะ”

เป็ดปุ๊กพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

อ่านต่อหน้า 4

ในสวนขวัญ ตอนที่ 1 (ต่อ)

แก้วถือช่อดอกไม้อย่างชื่นชมอยู่หน้าโต๊ะทำงานเป็ดปุ๊ก ซึ่งเป็นหัวหน้า นั่งอยู่โต๊ะตัวในสุด ถัดออกมาเป็นโต๊ะของลูกน้องอีก 3-4 คน รวมทั้งแก้วด้วย

“เขากะเวลาดีจังเลย พอช่อที่แล้วเหี่ยว ก็ส่งช่อใหม่มา”
เป็ดปุ๊กนั่งมองแก้ว รู้สึกดีใจด้วย
“น่าเสียดาย เป็ดไม่ทันได้เห็นหน้า อยากรู้จังเลยว่าหล่อแค่ไหน”
“ก็หน้าบ้านๆแหละ ไว้วันหลังจะพามารู้จัก”
“ไม่ได้ถ่ายรูปไว้บ้างเลยเหรอ ดูหน่อยซิ”
“อุ๊ย ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน จะถ่ายรูปเขาไว้ทำไม ในมือถือนี่ มีแต่รูปของแก้ว”
“คงไม่ใช่...กลัวเป็ดแย่งนะ” เป็ดปุ๊กมองขำๆ
แก้วหันมามองเป็ดปุ๊ก นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะออกมา
“พูดเล่นใช่ไหมเนี่ย อย่างเป็ดเนี่ยนะ แย่งไหวเหรอ”
แก้วหัวเราะเยาะ เป็ดปุ๊กอึ้งไป
“แก้วพูดเล่น ถ้าเป็ดแย่งเขาไปได้นะ แก้วยกให้เลย ถ้าเขาเป็นผู้ชายที่พร้อมจะตีจากแก้วไปหาคนอื่น เราจะมาเก็บเขาไว้ทำไม ตัดขาดมันไปเลย”
“มิน่า ถึงไม่ยอมถ่ายรูปเขาไว้ เผื่อจะตัดขาดนี่เอง”
“เพราะถ้าเขาเป็นคนดีจริงๆ เขาก็จะไม่มีวันทำอย่างนั้น แล้วแก้วก็จะไม่มีวันยอมเสียเขาไปให้ใครด้วย”
“ตกลงเขาดีหรือไม่ดีเนี่ย”
“กำลังอยู่ในระยะดูใจ...เอ หรือจะลองให้เขารู้จักเป็ดดี แล้วดูซิว่าเขาจะสนใจเป็ดไหม จะได้รู้กันไปเลย”
“โอ๋ย...อย่าเลยจ้ะ ยังไม่อยากมีปัญหา อยู่คนเดียวแบบนี้ดีแล้ว”
“เป็ดไม่รู้อะไร ถ้าเราได้เจอใครสักคนที่ดีจริงๆน่ะนะ ชีวิตเราจะไม่เหมือนเดิมอีกเลย เราจะมีใครอีกคนที่คอยอยู่ข้างๆเรา เป็นกำลังใจให้เรา แก้ปัญหาให้เรา ทำให้เรารู้สึกว่ามีค่า โลกนี้จะน่าอยู่ขึ้นอีกมาก”
เป็ดปุ๊กฟังแล้วเคลิ้มไปเหมือนกัน
“พูดแล้วเป็ดก็คงไม่เข้าใจ เพราะยังไม่มีคนๆนั้น เดี๋ยวเอาดอกไม้ใส่แจกันก่อนดีกว่า”
แก้วเดินดมดอกไม้ออกไป เป็ดปุ๊กได้แต่นิ่งคิดไป ใครนะ จะเป็นคนๆนั้นของเธอ เป็ดปุ๊กรำพึง
“คนๆนั้น...ใครล่ะ”
เป็ดปุ๊กถอนใจ

ไม้เดินเข้ามาในสวน หลังร้านต้นไม้ ผ่านสวนที่ดูรกๆ จนมาถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ที่แผ่กิ่งก้านสาขากว้างขวาง ทำให้บริเวณนั้นร่มไปหมด ข้างบนมีบ้านต้นไม้ปลูกไว้กับกิ่งก้านของต้นไม้มีบันไดลิงทอดลงมาจากบ้านต้นไม้ เขาไต่บันไดลิงขึ้นไปยังบ้านต้นไม้
ไม้ปีนขึ้นมาถึงบนบ้านซึ่งเป็นห้องนอนของเขา แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองผ่านกิ่งไม้ไปข้างหน้าเห็นหมู่บ้านเสริมขวัญ และบ้านหลังที่อยู่หลังกำแพงตรงหน้า ไกลออกไปประมาณ 50 เมตร คือบ้านของเป็ดปุ๊กนั่นเอง ห้องที่เห็นชัดที่สุด คือห้องนอนใหญ่ ที่เป็ดปุ๊กใช้เป็นห้องนอนของเธอ ไม้มองไปที่ห้องนอนนั้น แล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อน เขามองห้องนอนของเป็ดปุ๊กจากบ้านต้นไม้ เห็นเป็ดปุ๊กเข้ามาในห้อง แล้วนั่งลงที่เตียง แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม้มองภาพนั้นอยู่นิ่งๆ อย่างอยากจะรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นต้องร้องไห้
ไม้มองไปที่บ้านของเป็ดปุ๊กนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเห็นเชียรออกมาที่ลานซักล้างหลังบ้าน เชียรยืนพิงผนัง มองเหม่อไปท่าทางเหงาๆ

ไม้ขับรถกระบะเข้ามาจอดหน้าบ้านเป็ดปุ๊ก แล้วลงไปกดกริ่งประตู ไม่นานนัก เชียรออกมาจากในบ้าน
“สวัสดีครับ จะมาคุยเรื่องต้นไม้ที่จะมาลงเพิ่มน่ะครับ แล้วจะขอดูต้นไม้ที่เพิ่งเอามาลงด้วย”
“เอาซิพ่อหนุ่ม เข้ามาเลย”
เชียรเปิดประตูเล็กให้ไม้เข้ามา แล้วพากันเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่เพิ่งเอามาลง
“ลูกสาวเขาว่าถามเธอแล้วว่านี่ต้นอะไร เธอบอกว่า ต้นไม้”
ไม้ยิ้มๆ
“ต้นบุหงาส่าหรีครับ”
“เออ ใช่ คิดอยู่ทั้งคืน”
“คุณเชียรเคยเห็นดอกมันไหมครับ ดอกสีขาวเล็กๆเป็นช่อน่ารัก แล้วยังหอมด้วย”
เชียรคิดนิดหน่อย
“อืม เคยเห็น แต่ไม่เคยปลูกเสียที”
“ปลูกไม่ยากหรอกครับ บุหงาส่าหรีเป็นไม้โตเร็ว ออกดอกตลอดปีแล้วก็ชอบแดดจัดๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะเข้ามาดูแลให้บ่อยๆ ต้นไม้เพิ่งเอามาลงดิน ต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ เดี๋ยวจะไม่รอด”
“ต้นไม้ลงดินใหม่ ก็คงคล้ายๆกับฉัน ที่เพิ่งย้ายเข้าบ้านใหม่”
“ต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษเหมือนกัน”
เชียรหัวเราะ
“แต่ไม่ต้องรดน้ำนะ”

ไม้หัวเราะไปด้วย เชียรพยักหน้ารับ ยิ้มรู้สึกดีที่ได้ไม้มาเป็นเพื่อนคุย

ไม้รดน้ำให้ต้นบุหงาส่าหรี ด้วยถังฝักบัว เชียรยืนอยู่ไม่ห่างนัก

“คุณเชียรชอบปลูกต้นไม้ไหมครับ”
“ชอบซิ ที่บ้านเก่าฉันปลูกเอาไว้เยอะแยะเลย”
“งั้นก็ปลูกใหม่ที่บ้านนี้ซิครับ ปลูกให้เยอะๆเลย เหมือนที่บ้านเก่า”
เชียรพยักหน้าเห็นด้วย มองไปทั่วสนามคิดว่าจะลงต้นอะไรดี
“นอกหมู่บ้านฝั่งโน้น มีร้านต้นไม้ขายริมถนนเต็มไปหมด เอาไว้คุณเชียรลองไปเดินดูซิครับ”
“ตอนผ่านมาก็เห็นอยู่เหมือนกัน”
“ถ้าอยากได้ต้นอะไรแต่หาไม่เจอ บอกผมก็ได้นะครับ ผมจะเอามาให้” ไม้ชะงักนิดหน่อย “คือ ผมรู้จักร้านต้นไม้หลายร้านน่ะครับ”
“ขอบใจนะไม้”
ไม้เอาถังฝักบัวไปเก็บ แล้วเดินนำเชียรไปข้างบ้าน มีที่เหลืออยู่ส่วนหนึ่ง
“ผมจะจัดสวนตรงนี้ให้ด้วย คุณเชียรอยากได้สวนแบบไหนครับ”
“ก็น่าจะเป็นแบบมองออกมาจากห้องรับแขกแล้วรู้สึกสบายๆ ไม่อึดอัดมั้ง”
“ถ้าปลูกไม้เลื้อยคลุมกำแพงไว้ทั้งแถบ ก็จะช่วยลดความแข็งลงไปได้ ยิ่งถ้าเป็นไม้เลื้อยแบบมีดอก อย่างพวกเล็บมือนาง มะลิวัลย์ หรือพวงแสด ผมว่าจะยิ่งสวย หรือถ้าอยากได้ต้นไม้ใบใหญ่ๆ ที่บังถึงชั้นบนด้วย ก็ปลูกพวกกล้วยพัด ปาล์ม หรือหมากก็ได้ครับ แต่ถ้าคุณเชียรชอบสวนแบบชื้นๆ ผมหาพวกมอส เฟิน มาลงให้ก็ได้นะครับ ดูแล้วชุ่มชื่นดี แต่ต้องระวังนิดนึง อย่าให้โดนแดดมากนัก พวกนี้ชอบร่มๆ แดดรำไรๆ”
เชียรฟังเพลินๆ พยักหน้ารับเป็นระยะ
“ส่วนทางเดินตรงนี้จะปูอิฐก็ได้นะครับ ปล่อยให้มีมอสขึ้นเขียวๆ แต่ว่าระยะยาวผมเกรงว่าคุณเชียรจะเดินลำบาก เพราะมันจะลื่น หรือไม่อีกที ก็ใช้แผ่นหินทรายวางแล้วโรยกรวดเล็กๆ ให้รอบ ก็โล่งเรียบ สบายตาดี หรือว่าอยากให้ปูหญ้าก็ได้เหมือนกันครับ จะได้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับสนามหน้าบ้าน”
ไม้หันมามองเชียร ที่กำลังฟังเพลิน
“เอาไงดีครับ”
เชียรรู้ตัว คิดนิดหน่อย
“รอถามเป็ดปุ๊กเขาก่อนก็แล้วกัน” เชียรพูดแล้วก็หัวเราะ “เสียเวลาบรรยายซะตั้งนาน”
“แล้วเขา...ไปไหนซะล่ะครับคุณเป็ดปุ๊กน่ะ”
“ไปทำงาน”
“งั้นคุณเชียรก็อยู่บ้านคนเดียว แล้วอาหารการกินซื้อจากไหนครับ”
“เขาซื้อมาเก็บไว้ในตู้เย็นเยอะแยะ”
“จริงๆฝากผมซื้อก็ได้นะครับ แถวนี้มีก๋วยเตี๋ยวซาเล้งอยู่เจ้านึง ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ อร่อยมากๆ เคี่ยวมะระจนนุ่ม ไก่ก็เปื่อย ไม่เหนียวเลยครับ”
เชียรฟังแล้วต้องกลืนน้ำลาย
“ไม่เป็นไรหรอก เกรงใจ”
“ไม่เป็นไรเหมือนกันครับ ไม่ต้องเกรงใจ ก๋วยเตี๋ยวถุงเดียวไม่ได้หนักหนาอะไรเลยครับ”
ไม้ยิ้มอย่างกระตือรือร้น รอคำตอบ เชียรอึดอัดอยู่นิดหน่อย แล้วพึมพำออกมา
“ถ้าเป็ดปุ๊กรู้ จะว่าอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ เขาห่วงนั่นห่วงนี่น่ะโดยเฉพาะเรื่อง...คนแปลกหน้า”
“ก็อย่าบอกให้รู้ซิครับ ผมสัญญาจะไม่บอกลูกสาวคุณเชียรเด็ดขาดเลย”
เชียรยังลังเล
“เส้นอะไรดีครับ”
เชียรตัดสินใจ
“เส้นหมี่ หมี่ขาว”
ระหว่างที่สองคนคุยกัน ไข่มุกแอบอยู่ที่ต้นไม้ริมรั้วบ้านของเธอ แล้วมองมาที่ทั้งสอง

เป็ดปุ๊กนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เกิดอาการสะอึกขึ้นมา
“เป็นอะไรเนี่ย” เป็ดปุ๊กสะอึกอีกครั้ง
แก้วเอาน้ำมาให้
“ดื่มน้ำก่อน”
เป็ดปุ๊กดื่มน้ำ อาการค่อยดีขึ้น
“สงสัยจะมีคนบ่นถึง”
“ใครจะมาบ่นถึงเป็ด ไม่มีหนุ่มเฝ้าส่งดอกไม้ให้เหมือนแก้วนี่”
“อย่างน้อยก็มีหนึ่งหนุ่มกับหนึ่งสาว”
เป็ดปุ๊กหันมามอง สงสัยว่าพูดถึงใคร
“เมื่อวานแก้วไปเยี่ยมพี่เก็จมา หลานบอกคิดถึงคุณปู่กับอาเป็ด”
เป็ดปุ๊กสนใจทันที
“จริงเหรอ แมวเมี้ยวกับนกจิ้บเป็นยังไงบ้าง”
“ก็หงอยๆน่ะนะ บอกคิดถึงเป็ด พี่เก็จก็เอาแต่บ่นเรื่องพี่ไก่ ไม่ได้สนใจลูกเท่าไหร่เลย...เป็ดไม่คิดจะเข้าไป...”
เป็ดปุ๊กขัดขึ้นก่อน
“หลานน่ะฉันก็คิดถึง แต่เรื่องพี่ไก่กับพี่เก็จ มันเรื่องของผัวเมียเขา ฉันทำอะไรไม่ได้หรอก”
“แต่ว่า...”
“ถึงพี่ไก่จะเป็นพี่ชาย แต่ก็โตๆกันแล้ว พ่อก็ช่วยพูดให้หลายครั้งแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมปรับปรุงตัว”
“เป็ดก็เลยพาพ่อหนี”
“ขืนอยู่ต่อไป ทั้งพ่อทั้งเรา คงช้ำใจตายคาบ้าน”
แก้วทำท่าขยิบตาบุ้ยใบ้อะไรสักอย่าง เป็ดปุ๊กหันมองตาสายตาแก้ว แล้วต้องชะงัก ที่ประตูห้อง พิมพา เจ้านายของเป็ดปุ๊กยืนอยู่ หน้าตาไม่ค่อยพอใจ
“ว่าจะสะกิดแล้ว” แก้วจ๋อยๆ
“บัวบูชา มาคุยกันหน่อย” พิมพาเสียงเข้ม
เป็ดปุ๊กรู้ว่าต้องไม่ค่อยดีแน่

ในห้องทำงานพิมพา...เอกสารแผ่นหนึ่งถูกวางลงบนโต๊ะ เป็นเอกสารที่พิมพ์จากอีเมล
“นี่มันอะไร ลูกค้าที่เบลเยี่ยมเขาบอกว่าเขาขอโบรชัวร์มา แต่เราดันส่งของสองเดือนก่อนไปให้เขา”
เป็ดปุ๊กหน้าตื่น
“เหรอคะ คือ แก้วเขาไปเอาจากฝ่ายศิลป์มาให้เป็ดนะคะ”
“แล้วเธอได้ดูก่อนหรือเปล่า”
เป็ดปุ๊กส่ายหน้า
“เรื่องนี้จะไปโทษแก้วเขาไม่ได้ เธอเป็นหัวหน้า เธอต้องเป็นคนรับผิดชอบซิ ดีนะที่ลูกค้าเขาอีเมลมาถึงพี่โดยตรง ถ้าเขาไม่พอใจแล้วตัดสินใจไปสั่งสินค้าจากคนอื่น เราจะเสียหายแค่ไหน เธอก็รู้ว่าเศรษฐกิจยุโรปตอนนี้เป็นยังไง เขาสั่งซื้อสินค้าจากเรา มันบุญแค่ไหนแล้ว”
เป็ดปุ๊กก้มหน้า รู้สึกแย่
“เป็ดขอโทษค่ะ”
“ช่วงนี้มีปัญหาอะไรเหรอ มีปัญหากับใครหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ เป็ดไม่ได้มีปัญหากับใคร คือ เป็ดเพิ่งย้ายบ้านน่ะค่ะ เลยวุ่นๆไปหน่อย”
“แล้วปัญหาครอบครัวล่ะ”
เป็ดปุ๊กสงสัยว่าพิมพารู้ได้ยังไง แล้วตัดสินใจพูด
“ค่ะ เป็ดมีปัญหากับพี่สะใภ้กับพี่ชายค่ะ แล้วมันก็ลามมาถึงพ่อ นี่เลยเป็นเหตุให้เป็ดต้องย้ายบ้าน”
“ได้ยินว่าย้ายไปอยู่ซะตั้งไกล ก็เลยทำให้มาทำงานสายด้วย”
“รถมันติดมากเลยค่ะ เป็ดยังปรับตัวไม่ได้”
“พี่ก็เห็นใจนะ แต่เธอต้องรู้จักแยกแยะ ระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว จะให้เรื่องส่วนตัวทำให้งานเสียไม่ได้ มันจะเสียหายไปกันใหญ่”
“ค่ะ”
“พยายามหน่อย ตั้งใจทำงาน เหมือนอย่างที่เธอเคยเป็นก่อนหน้านี้”
“ค่ะ พี่”

เป็ดปุ๊กรู้สึกแย่จริงๆ

เป็ดปุ๊กกลับเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ในห้องทำงาน แก้วเข้ามานั่งลงใกล้ๆ

“พี่เขาว่ายังไง”
“เขาก็ด่าเป็ดน่ะซิ แก้วน่ะเอาโบรชัวร์เก่าส่งให้ลูกค้าที่เบลเยี่ยม”
“จริงเหรอ ผิดได้ยังไง เป็ด แก้วขอโทษนะ”
“ไม่แน่นะ อีกหน่อยพี่พิมพาอาจจะให้แก้วเป็นหัวหน้า แล้วให้เป็ดไปเป็นลูกน้องแก้วก็ได้”
“เป็ดน่ะ พูดอะไรอย่างนั้น”
เป็ดปุ๊กหัวเราะออกมาเบาๆ
“ทำไม กลัวงานหนักล่ะซิ แค่พูดขำๆ น่ะ ไม่ต้องตกใจ คงไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก”
แก้วเดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะทำงานของตนพึมพำเบาๆกับตัวเอง
“มันก็ไม่แน่”

ค่ำนั้น เป็ดปุ๊กเข็นรถมาที่ตู้อาหารสำเร็จรูปในซูปเปอร์มาร์เก็ตของห้างใกล้ๆหมู่บ้านที่พิกุลเคยพาเธอมา เป็ดปุ๊กหยิบอาหารใส่รถเข็นได้หลายอย่าง แล้วโทรศัพท์ไปหาเชียร
โทรศัพท์บ้านแบบไร้สาย เสียงดังขึ้น ครู่หนึ่ง เชียรเข้ามาหยิบโทรศัพท์ขึ้น
“สวัสดีครับ”
“พ่อเหรอ นี่เป็ดนะ”
“ว่าไงลูก ยังไม่เลิกงานอีกเหรอ”
“เป็ดออกมาตั้งนานแล้ว กำลังแวะซื้อกับข้าวที่ห้าง ได้มาหลายอย่างเลย มีผัดพริกขิง ต้มข่าไก่ ไข่ลูกเขยด้วย เลยโทรมาบอกพ่อ เดี๋ยวจะกลับเข้าบ้านแล้ว”
“โธ่เอ๊ย ก่อนซื้อทำไมไม่โทรมาถามก่อน พ่อมีของกินแล้ว ปลาอินทรีเค็ม ชิ้นเบ้อเร่อ”
“เดี๋ยวๆ พ่อ แล้วพ่อไปซื้อมาจากไหน เขาให้รถกับข้าวเข้าหมู่บ้านด้วยเหรอ”
“เปล่า ไม้เขาเอามาฝาก”
“ไม้” เป็ดปุ๊กชะงัก
“คนสวนของหมู่บ้านที่มาลงต้นไม้ให้เราไงล่ะ”
“รู้ค่ะ แต่ทำไมเขาถึง...”
“เขามาดูต้นไม้วันนี้ เลยติดมาให้พ่อชิม”
“พ่อก็ไม่น่าไปรับของเขา ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกันสักหน่อย...เอาล่ะค่ะ ยังไงเป็ดก็จะซื้อไป ก็เลือกแต่ของที่พ่อชอบๆทั้งนั้นแหละ อีกยี่สิบนาทีคงถึงบ้านนะคะ”

เป็ดปุ๊กเข็นรถเข็นออกมาที่ลานจอดรถของห้าง แล้วเข็นไปที่รถของเธอที่จอดอยู่ ได้ยินเสียงเพลงแดนซ์ดังกระหึ่ม จึงหันไปมองเห็นรถกระบะแต่งซิ่งคันหนึ่ง เปิดประตูทั้งสองไว้ เสียงเพลงดังมาจากรถคันนั้นนั่นเอง ข้างๆรถ มีชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งเต้นกันอยู่ตามจังหวะเพลง เด็กสาวคนนั้นคือตั๊กแตน ส่วนเด็กหนุ่มคือ ภูมิ เป็ดปุ๊กเดินเลี่ยงไปจนถึงรถของเธอ เก็บของที่ซื้อมาใส่ท้ายรถ
ทันใด ไม้ขับรถกระบะเข้ามาจอดไม่ห่างจากรถของเป็ดปุ๊กนัก เขาลงมาจากรถ ท่าทางโมโหมาก เดินผ่านเป็ดปุ๊กตรงไปที่รถของภูมิ
ภูมิเห็นไม้ก็รีบวิ่งไปขึ้นรถ ตั๊กแตนมัวแต่ตกใจทำอะไรไม่ถูก พอหันไปจะขึ้นรถ ภูมิก็ขับรถออกไปแล้ว ไม้รีบวิ่งไปดักหน้ารถแต่ภูมิไม่หยุด ขับรถพุ่งตรงมาหาอย่างเร็ว ไม้กระโดดหลบ กลิ้งไปกับพื้น รถของภูมิวิ่งออกไปทันที ระหว่างที่ไม้ล้มอยู่กับพื้น ตั๊กแตนตัดสินใจวิ่งหนีมาทางเป็ดปุ๊ก
“พี่คะ ช่วยด้วยค่ะ พาหนูหนีที”
เป็ดปุ๊กงงๆ
“อะไร ยังไง”
“พาหนูหนีหน่อย ผู้ชายคนนั้นน่ะค่ะ ร้ายมากๆ เขาเป็นพวกโรคจิตค่ะ”
เป็ดปุ๊กหน้าตื่น
“โรคจิต”
“ค่ะ ช่วยหนูด้วยนะคะ”
ไม้ลุกขึ้นมาได้ หันมาเห็นตั๊กแตนอยู่กับเป็ดปุ๊ก ก็ตะโกนบอก
“จับตัวเขาไว้ให้ด้วย”
เป็ดปุ๊กหันไปมองไม้ ไม่รู้จะทำยังไง ไม้รีบเดินมาหาพร้อมกับตะโกนมาด้วย
“จับตัวไว้หน่อย”
ตั๊กแตนหน้าตื่น
“อย่านะคะ พาฉันหนีหน่อย”
ไม้เดินเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที
“อย่าปล่อยเขาไปนะ”
ไม้ใกล้จะมาถึง ตั๊กแตนตัดสินใจวิ่งหนีไปทันที ไม้พยายามวิ่งเขยกมา แต่ก็มาได้ไม่เร็วนักมาจนถึงตัวเป็ดปุ๊ก
“ทำไมไม่จับตัวไว้ให้ผม”
“เรื่องอะไรฉันต้องทำตามที่นายบอก”
ไม้อึ้ง
“ว่าไงนะ”
“นายมันโรคจิต”
แล้วเป็ดปุ๊กก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งในรถ ไม้งงๆ
“โรคจิตยังไง”
เป็ดปุ๊กไม่ตอบ จะปิดประตู ไม้จับประตูไว้ เป็ดปุ๊กเอากระเป๋าถือทุบลงไปที่มือเขา
“ปล่อยนะ”
ไม้สะดุ้งปล่อยมือออก เป็ดปุ๊กปิดประตูอย่างแรง เกือบจะหนีบมือไม้ แต่เขากระชากมือออกมาก่อน เป็ดปุ๊กติดเครื่อง แล้วถอยรถออกไปทันที ไม้ได้แต่มองตาม รู้สึกหงุดหงิด

จานปลาเค็มทอดมีหอมซอยและพริกซอยโรยหน้าอยู่ เชียรบีบมะนาวใส่
“อืม น่ากินจริงๆ”
เป็ดปุ๊กนั่งรออยู่ บนโต๊ะยังมีกับข้าวของเป็ดปุ๊กอีก 2-3 อย่าง พร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ
“กินเลยลูก”
เชียรเริ่มตักปลาเค็มกินกับข้าว
“พ่อ เป็ดไม่ได้จะห้ามพ่อคบกับคนสวนหรอกนะ แต่พ่อต้องดูให้ดี คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้ เข้ามาทำตีสนิท มีน้ำใจไหว้วานได้ แล้วสุดท้ายก็หลอกลวง สรยุทธก็เคยเอาข่าวมาออก”
“พ่อว่าไม้ไม่ใช่คนเลวอะไรแบบนั้นหรอก ถึงเขาจะเป็นแค่คนสวนแต่เขาก็เป็นคนมีน้ำใจ ไม่น่าจะเป็นคนร้าย คิดไม่ดีกับพ่อ หรือถ้าจะคิดร้าย พ่อก็ยังไม่เห็นว่าเขาจะเอาอะไรไปจากพ่อได้ ทั้งบ้านนี่ก็แทบจะไม่มีสมบัติอะไร”
เป็ดปุ๊กนิ่งไปครู่หนึ่ง
“เขาช่วยให้พ่อมีความสุขขึ้นมากเลยใช่ไหมคะ”
เชียรยิ้ม
“อย่างน้อยก็หายเหงาไปเยอะ”
เป็ดปุ๊กนิ่งไป พ่อดูมีความสุขขึ้นมากจริงๆ
“เออ เป็ดปุ๊ก ไม้เขาถามเรื่องสวนริมกำแพง ตกลงจะให้เขาจัดสวนแบบไหนดี”
“ตามใจพ่อเถอะจ้ะ”

เชียรชะงักไปนิดหน่อยกับน้ำเสียงงอนๆ พอจะรู้นิสัยลูกสาว แต่ไม่อยากจะพูดอะไรต่อ ตักปลาเค็มกินกับข้าวต่อไป...ปลาเค็มหมดเกลี้ยงจาน รวมทั้งข้าวในจานของเชียรด้วย

ขณะที่กับข้าวที่เป็ดปุ๊กซื้อมา พร่องไปเพียงเล็กน้อย ข้าวของเป็ดปุ๊กเหลืออีกครึ่งจาน

“เติมข้าวอีกไหมพ่อ”
“อิ่มแล้วล่ะ ปลาเค็มก็หมดแล้วด้วย เป็ดปุ๊กล่ะ กินน้อยจัง”
“ก็เยอะนะพ่อ คงตักข้าวมากไปหน่อย จานชามพวกนี้เดี๋ยวเป็ดจัดการเองค่ะ”
เป็ดปุ๊กเอาจานที่กินแล้วมาที่ครัวกำลังจะทิ้งเศษอาหารลงในถังขยะ แล้วก็ต้องชะงัก มองไปที่ถังขยะมีถุงใส่ก๋วยเตี๋ยวสองถุงอยู่ในนั้น เป็ดปุ๊กหยิบขึ้นมาดู แปลกใจ มองไปในถังอีกครั้งเห็นเศษถั่วงอก และกระดูกไก่ด้วย
“เมื่อกลางวันพ่อออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวมากินเหรอจ้ะ”
เชียรที่นั่งอยู่ที่ห้องรับแขก หันมามองลูกสาวยังไม่รู้จะตอบยังไง
“แล้วจากบ้านเราออกไปที่หน้าหมู่บ้านตั้งไกล พ่อเดินออกไปหรือติดรถใครไปเหรอ ร้านอยู่แถวไหน ไว้พาเป็ดไปกินบ้างซิ”
เชียรลุกขึ้น แล้วเดินมาที่ครัว
“พ่อฝากเขาซื้อน่ะเป็ดปุ๊ก”
“เขา ใครเหรอพ่อ” เป็ดปุ๊กสงสัย
“ไม้น่ะ...ถ้าเป็ดปุ๊กไม่ชอบ ไม่อยากให้พ่อฝากเขาซื้อก๋วยเตี๋ยว พ่อก็จะไม่ทำอีก”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เป็ดไม่ว่าอะไรพ่อหรอก เพียงแต่...พ่อจะไหว้วานใครก็ต้องดูให้ดี ต้องระวัง คนสมัยนี้ไว้ใจลำบาก ทำเป็นมีน้ำใจ มาตีสนิทด้วย แต่จริงๆ แล้วเป็นประเภทมือไวใจเร็ว คิดจะหยิบฉวยอะไรของเราหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“แหม แล้วบ้านเรามันมีอะไรให้หยิบฉวยนักเหรอ”
“เรารู้ไงค่ะ แต่พวกนั้นไม่รู้ วันนึงมันอาจจะทำร้ายพ่อ เพื่อหาให้เจอว่าเราซ่อนอะไรมีค่าไว้หรือเปล่า”
“เขาไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอกเป็ดปุ๊ก เขาไม่ได้มาตีสนิทกับพ่อ เขามาดูแลต้นบุหงาส่าหรี แล้วเราก็คุยกันเรื่องต้นไม้ เขาช่วยให้พ่อหายเบื่อ”
เป็ดปุ๊กเริ่มดัง
“แต่เขาเป็นใครเราก็ไม่รู้”
“แต่พ่อว่า เขาเป็นคนดี”
เป็ดปุ๊กเผลอโมโห พูดดัง
“เจอกันวันเดียว พ่อรู้แล้วเหรอว่าเขาเป็นคนดี”
เชียรนิ่งอึ้งๆไป ที่ผ่านมาลูกสาวไม่เคยพูดแบบนี้กับเขา เป็ดปุ๊กเองก็รู้ตัวว่าพูดไม่ดี
“เป็ดขอโทษค่ะ เป็ดเป็นห่วงพ่อน่ะ”
“พ่อเข้าใจ เป็ดปุ๊กต้องทำงานเครียด แล้วยังต้องคอยเป็นห่วงพ่ออีก พ่อต่างหากที่ต้องขอโทษลูก”
เป็ดปุ๊กสับสน แล้วตัดสินใจเข้ามากอดพ่อ
“เป็ดเป็นห่วงพ่อจริงๆนะ”
“พ่อไม่ใช่เด็กๆนะลูก พ่อดูคนออก ถึงจะเพิ่งรู้จักแค่วันเดียวก็เถอะ”
“ค่ะ ก็ได้ เลิกพูดเรื่องนี้เหอะ”
“งั้นพ่อขอไปพักผ่อนก่อนนะ”
เชียรเดินขึ้นชั้นบนไป เป็ดปุ๊กมองตามพ่อไปจนพ่อขึ้นชั้นบนไป แล้วหันมากลับมา พึมพำกับตัวเอง
“อะไรกันเนี่ย ฉันทำผิดเหรอ”
เป็ดปุ๊กนั่งลงกับเก้าอี้ สับสนและหงุดหงิด
“เพราะอีตานั่น อีคนสวน”

เป็ดปุ๊กหิ้วถุงขยะออกมาจากในบ้าน เดินไปที่ประตูรั้ว เปิดประตูออก แล้วเอาถุงขยะไปใส่ถังขยะหน้าบ้าน
เสร็จแล้วหันกลับจะเข้าบ้าน แล้วต้องสะดุ้งโหยง เมื่อนภยืนอยู่ข้างหลังของเธอ
“โอ๊ะ...ตกใจหมดเลย”
“ขอโทษฮะ”
“มีอะไรเหรอ”
“ลืมไป” นภไหว้ “สวัสดีฮะ”
“จ้ะ สวัสดี”
“คือ...จะมาถามว่า พรุ่งนี้พี่ไม้ จะมาที่บ้านนี้หรือเปล่าฮะ”
“ไม่รู้ซิ คงจะมามั้ง”
“งั้นผมฝากบอกพี่ไม้ด้วยนะฮะ พรุ่งนี้ช่วงบ่ายผมอยู่บ้านให้พี่ไม้แวะไปหาหน่อย”
เป็ดปุ๊กอึกอัก
“คือ...ฉัน...”
“แค่นี้ล่ะฮะ ขอบคุณมากฮะ”
นภก็เดินออกไปเป็ดปุ๊กยังงงๆอยู่ ไข่มุกโผล่หน้าขึ้นมาที่รั้วบ้าน มองตามนภไปนิดหน่อย แล้วหันมาเรียกเป็ดปุ๊ก
“คุณเป็ด คุณเป็ดคะ”
เป็ดปุ๊กหันมาทางไข่มุก แล้วเดินเข้าไปหา
“คะ”
“เด็กนั่นมาคุยอะไรกับคุณเหรอ”
“ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เขาแค่...”
ไข่มุกขยับชะโงกเข้ามารอฟัง ทำเอาเป็ดปุ๊กขยับถอยไปนิดหน่อย
“เขาฝากให้บอกนายไม้ ถ้าพรุ่งนี้นายไม้มาทำงาน ว่าให้ไปหาเขาตอนบ่าย”
“นั่นไง เห็นไหมล่ะคะ กล้าจริงๆเลย ถึงกับมาฝากบอกให้ไปมั่วกันที่บ้าน ไม่รู้จักอับอาย”
“นั่นซิคะ มันทำให้ฉันสงสัย ถ้าเป็นเรื่องจริง เด็กคนนั้นทำไมถึงกล้ามาบอกฉัน”
“คงไม่คิดว่าคุณเป็ดจะรู้ไงคะ ก็ท่าทางคุณดูซื่อๆ”
“เหรอคะ” เป็ดปุ๊กชะงักว่าเราโง่หรือเปล่า “แต่กับผู้หญิง นายไม้ก็มีท่าทางแปลกๆนะคะ”
“ยังไงนะคะ มันทำอะไรคุณเหรอ แทะโลม หรือถูกเนื้อต้องตัวคุณ”
“ไม่ใช่ฉันหรอกค่ะ คนอื่นน่ะ พอดีเมื่อตอนค่ำ ฉันไปซื้อกับข้าวที่ซุปเปอร์ เห็นเขาไล่ตามเด็กผู้หญิงคนนึง”
ไข่มุกตาลุกอยากรู้มาก
“เหรอคะ”
“เลยไม่รู้ว่า เขาเป็นยังไงแน่ เอ่อ รสนิยมทางเพศน่ะค่ะ”
“แสดงว่ามันชอบมั่วทั้งสองเพศ ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชาย มันเอาหมด โอ๋ย แบบนี้ยิ่งน่ากลัว คุณเป็ดต้องเตือนพ่อคุณด้วยนะคะ”
“ทำไมเหรอคะ”
“ก็เห็นมันมาขลุกอยู่บ้านคุณทั้งวัน นั่งคุยกระจุ๋งกระจิ๋งกับพ่อคุณ”
“กับพ่อน่ะเหรอคะ พ่อแก่แล้ว เขาคงไม่...”
“ไอ้พวกนี้เดาใจมันไม่ออกหรอกค่ะ กับเด็กๆมันยังชอบมั่ว กับคนแก่ก็ไม่แน่หรอกค่ะ” ไข่มุกทำตัวสั่น “อี๋ย์...นึกแล้วขนลุก”
เป็ดปุ๊กอดจะขนลุกตามไปด้วยไม่ได้

เป็ดปุ๊กเดินขึ้นบันไดมาเดินไปดูพ่อที่ห้อง เห็นพ่อนอนหลับอยู่บนเตียง จึงกลับไปที่ห้องของตัวเอง ตรงไปนั่งที่เตียง
“ตกลงนายเป็นยังไงแน่ ชอบผู้หญิง หรือชอบผู้ชาย...ชอบเด็ก หรือชอบ...คนแก่” เป็ดปุ๊กหงุดหงิดขึ้นมา “ทำไมเราต้องมาเจอกับคนแบบนี้ด้วยนะ”
เป็ดปุ๊กก็หันไปทางหน้าต่าง แล้วชะงัก เมื่อเห็นแสงไฟเล็กๆอยู่จุดหนึ่งไกลออกไปพอควร เธออดสงสัยไม่ได้ ลุกขึ้น แล้วเดินไปที่หน้าต่าง พยายามเพ่งมองไปที่แสงนั้น
“แสงอะไร”
แล้วครู่หนึ่ง แสงไฟนั้นก็ดับลง เป็ดปุ๊กพยายามเพ่งมอง แต่ก็ไม่เห็นอะไรแล้ว เธอถอยออกมา แต่ยังมองผ่านหน้าต่างออกไป

“ต้องรีบติดม่านแล้ว”

อ่านต่อตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น