คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 5
สังวรอิจฉาตาร้อนไม่พอใจที่ท่านเจ้าคุณพาคุณหญิงศรีหายไปทั้งคืนที่ตึกใหญ่ มาเลียบเคียงมองมีเสียงหัวเราะของสองคนลอดออกมา
“หนอยแน่ะ ทิ้งกูให้นั่งน้ำตาตกทั้งคืน แล้วพวกมึงมานั่งหัวเราะมีความสุขกันจนเช้า จะเอายังไงก็เอา กูจะบุกเข้าไปดู”
สังวรขยับจะเข้าไปในตึก เมี้ยนก้าวออกมาประจันหน้า
“ทำอะไรตกหล่นไว้แถวนี้หรือสังวร”
“ทำผัวตกมั้ง”
“พูดจาไม่ละอายปากไม่กระดากใจบ้างเลยหรือ”
“หรือจะบอกว่าท่านเจ้าคุณไม่ใช่ผัว ไม่ใช่พ่อของลูกในท้องของฉัน”
“หรือจะบอกว่าท่านเจ้าคุณไม่ใช่สามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณหญิง สงบเสงี่ยมเจียมตัวบ้าง สังวรได้ไปมากแล้ว อย่าเรียกร้องไม่จบสิ้น”
“ฉันต้องการพบท่านเจ้าคุณ ฉันมีเรื่องจะคุยกับท่าน”
“อยากพบอยากคุยกับท่านก็ต้องรอ เพราะตอนนี้ท่านอยู่กับคุณหญิง”
สังวรจะก้าวเข้าไปในตึก
“ฉันจะเข้าไปรอในตึก”
“ไปรอที่เรือนคุณหญิง ที่นี่ใครจะเข้าจะออกเองไม่ได้ ยกเว้นคุณหญิง ยกเว้นท่านเจ้าคุณเรียกหา กลับไปนะสังวร ไปเอาหัวแม่ตีนตรองดู เถอะว่า อยู่นิ่งๆ ดีกว่าพล่านเป็นหมาโดนน้ำร้อนลวกจะดีกว่าไหม”
สังวรยืนนิ่ง เพราะเมี้ยนจ้องเอาจริง ตาดุมาก
คุณหญิงศรีกับเจ้าคุณชะโงกหน้ามามองจากระเบียงตึกข้างบน
“เมี้ยนเสียงใครมารบกวนท่านเจ้าคุณแต่เช้า อ้าว...สังวร”
เจ้าคุณมองสังวร
“สังวรมาที่นี่ทำไม กลับไปที่เรือนโน้นสิ ฉันกับคุณหญิงกำลังพักผ่อน”
ทั้งสองกลับหายไปในห้อง...สังวรโกรธจนสั่น เสียหน้ามาก เธอพึมพำ
“อะไรกันวะ”
เมี้ยนยิ้มเย้ย
“ชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วใช่ไหม ว่าท่านสั่งอย่างไร”
สังวรหันกลับ สะบัดแรงเท้าไปเตะเอากระถางต้นไม้ล้มมาทับเท้า
“โอ๊ย ไอ้ต้นไม้บ้า ดันมาขวางทางเดิน”
“คนบ้ามากกว่า ต้นไม้อยู่เฉยๆดันไปขวางทางต้นไม้เอง” เมี้ยนหัวเราะ
สังเวียนมาดักรอสะบันงาหลังโรงครัว น้อยมาแอบมองสังเวียนอีกทีหนึ่ง สังเวียนคิดๆ
“จะเล่นงานมันอย่างไรดีหนอ ไม่ให้มากีดขวางความก้าวหน้าของเรา”
น้อยแอบมอง
“นังสังเวียนมาดักรอจัดการนังสะบันงา ดีแท้ๆเราไม่ต้องลงมือเองให้แปดเปื้อน ยืมมือนังโง่นี่จัดการแทนเรา”
น้อยทำทีเดินผ่านมา แล้วทำมองเห็นสังเวียน
“อ้าว นังสังเวียน มารอใครหรือ”
“เรื่องของฉัน เรามีเรื่องเคืองกันหลายครั้งหลายหน ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด”
“อันที่จริง ฉันไม่อยากจะมีเรื่องกับแกสักหน่อย และเราต่างรู้ตื้นลึกหนาบางของกันและกัน แถมแกกับฉันมีคู่แข่งคนเดียวกัน”
“นังสะบันงา”
“ใช่แล้ว แกกับฉันจะมานั่งกัดกันเป็นหมาไปเพื่ออะไร เพื่อให้นังสะบันงาเอาพุงปลาไปกินหรือ”
“ก็จริงของแก”
“ฉันว่าแกกับพี่แกต้องอยากกำจัดมัน หรือว่าพวกแกไม่เคยคิด”
“ก็คิดๆกันอยู่หรอกนะ แต่ยังคิดไม่ออก แล้วก็ไม่อยากให้มันถึงตาย”
“ใช่ ไม่ต้องให้มันตาย แต่เอาแค่ตายทั้งเป็น มันก็หมดปัญญามาแข่งกับเรา”
“ไม่เลวนะ จะทำอย่างไรกับมันดี”
“จะชี้แนะให้แกไปคิด แกไม่อยากให้มันเสียโฉมหรือ”
“ถ้ามันเสียโฉมได้ก็ดี แล้วมันจะเสียโฉมได้อย่างไรหรือ”
น้อยยื่นหน้ามากระซิบเบามาก
“มีหลายวิธี ง่ายๆก็น้ำกรด”
สังเวียนหน้าตื่น
“สาดหน้ามันหรือ”
“ถ้าแกไม่กลัวใครเห็นใครจับแกไปเข้าตาราง โง่จริงหาทางทำให้มันแนบเนียน เช่น เอาอะไรใส่ในน้ำกรด”
สังเวียน ตาโต น้อยเดินยิ้มออกไปสังเวียนคิดตาม
“น้ำกรด น้ำกรด”
สังเวียนเดินออกไปบ้างยังพึมพำว่าจะทำอย่างไรดี
หน้าห้องน้ำคนรับใช้ สะบันงานุ่งซิ่น ถือขันน้ำใส่สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟันเดินมาจากห้องน้ำ มีผ้าเช็ดตัวคลุมไหล่ มีขวดแชมพูสระผมขวดเล็กในมืออีกข้าง สังเวียนมองสะบันงา มองขัน มองขวดแชมพูของสะบันงาขวดขาวๆธรรมดาไม่มียี่ห้อ สังเวียนแอบมองพลางท่อง
“น้ำกรด น้ำกรด”
สะบันงารู้สึกว่ามีคนมามองเห็นสังเวียนยืนพึมพำ
“จะมาอาบน้ำหรือจ้ะ พี่สังเวียน”
“เอ้อ...ใช่ ใช้แชมพูอะไรสระหัวน่ะ”
“มะกรูดจ้ะ”
“ซื้อที่ไหนขวดดูแปลกๆ”
“ไม่ได้ซื้อแต่ทำเองจ้ะ แม่สอนให้ทำ”
“เก่งนะ วันหลังสอนทำบ้างสิ”
“ได้จ้ะ วันหลังจะทำเผื่อพี่สังเวียน ไปก่อนนะจ้ะ”
สะบันงาเดินแยกไป สังเวียนมองตามสะบันงา
“แชมพูมะกรูด...แชมพูมะกรูดผสมน้ำกรด สระแล้วหนังหัวหลุดผมร่วง ลามมาถึงหน้า หน้าตาเสียโฉม แนบเนียนจริงๆ”
สังเวียนยิ้มร้ายๆ
เมี้ยนนั่งหน้าง้ำ คุณหญิงศรียิ้มยังขำไม่หาย
“คุณหญิงเจ้าขา เมี้ยนเสียสาวไปครึ่งหนึ่งแล้วนะเจ้าคะ ทั้งโดนกอดโดนจูบ แถมเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น”
“คิดซะว่าเมี้ยนโชคดีกว่าฉันที่เกิดมายังไม่เคยเห็นอะไร ที่ว่าไม่ควรเห็นนั่นเลย”
“คุณหญิงอย่ามัวแต่สนุกจะทุกข์ถนัดนะเจ้าคะ คืนนี้ยังไม่มีการวางแผน ที่ดี เรื่องหนีเอาตัวรอด ไอ้ครั้นจะไปทำอุบายเดิมๆเจ้าคุณอาจจะจับได้ ท่านหลักแหลมจะตายไป เมี้ยนเองยังสงสัยว่าบางทีท่านเจ้าคุณอาจรู้ทันคุณหญิง แต่ท่านแสร้งทำไขสือ”
“หรือว่าท่านรอจังหวะจู่โจม ฉันหาเหตุว่าฉันป่วยก็ทำไปแล้ว แต่เจ้าคุณยังไม่เคยป่วยนะเมี้ยน”
“คุณหญิงเจ้าขา ท่านแข็งแรงยังกับอะไรดี เราจะไปทำให้ท่านป่วยได้อย่างไรเจ้าคะ”
“ปวดหัวตัวร้อนทำไม่ได้แน่ แต่ไหนเมี้ยนว่าสะบันงาไปกินมะขามเปียกให้ท้องเสีย แล้วทำไมเราจะทำให้ท่านท้องเสียไม่ได้”
“ไม่ได้นะเจ้าคะ เจ้าคุณไม่มีวันกินมะขามเปียกหรอกเจ้าค่ะ”
“มันต้องมีอะไรที่กินแล้วท้องร่วงท้องเสียได้อีกสิ”
ขณะเดียวกันนั้น เสียงคุณหญิงลออศรีตะโกนโหวกเหวก ดังมาถึงในห้อง
“คุณหญิงศรี คุณหญิงลออศรีมาหาน่ะ เงียบเชียบกันไปหมดอีกแล้ว เดี๋ยวก็มีพวกขี้ข้าประดาหน้าออกมาต้อนรับฉันแทนเธออีกหรอก”
“ลออศรีมา เมี้ยนรีบลงไปรับหน้าก่อน ฉันมัวแต่ขำเมี้ยน ยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง เรียนท่านว่าเดี๋ยวจะลงไป”
“เจ้าค่ะ”
เมี้ยนออกไป คุณหญิงศรีลุกไปแล้วมองเห็น เครื่องเพชรที่วางไว้ย้ายที่
“เอ๊ะ เราไม่ได้วางไว้ที่นี่นี่นา แล้วทำไมถึงย้ายมาอยู่ตรงนี้”
คุณหญิงศรีจับขึ้นมาดู ครุ่นคิด ขณะเดียวกันนั้นเมี้ยนก็พูดขึ้น
“เหมือนมีใครปิดประตูห้องคุณหญิงนะเจ้าคะ”
“สังวร สังเวียนเข้ามาค้นห้องเราเมื่อคืน”
คุณหญิงศรีตรวจข้าวของ ไม่มีอะไรหาย
“ไม่มีอะไรหาย มันไม่ได้ขโมยอะไรไป ทำไมมันไม่ขโมยไปสักอย่างสองอย่างนะ”
คุณหญิงศรีอยากให้ขโมย หันไปจัดการตัวเองต่อไป แต่ไม่เก็บของ
ในห้องนั่งเล่น...คุณหญิงลออศรีปรี๊ดใส่คุณหญิงศรีทันทีที่พบหน้าแล้วด่าสังวร
“ทำไมถึงทำอย่างนี้มีผัวยังไม่ทันข้ามปี ปล่อยปละละเลยให้ผัวมีเมียบ่าวแถมท้องไส้ ให้มันมาทำนั่งชูคอกินข้าวมูมมามบนโต๊ะนั่น”
“เก้าอี้ที่เธอนั่งมันก็นอนเอกเขนก ไขว่ห้างกระดิกเท้าเล่นไปแล้ว” คุณหญิงศรีบอก
คุณหญิงลออศรีหน้าตื่น
“ต๊าย...ยัยเมี้ยน แกนี่ไม่สั่งสอนนายแก ปล่อยให้นายแกยอมให้นังน้ำใต้ศอก มาศอกกลับใส่จนมีท้องมีไส้ โอย...เจ้าคุณนี่ช่างกระไร ทำเสียชื่อแม่สื่อหมดเลย”
ปานวาดหันมาหาแม่
“คุณหญิงแม่ขา หนูอยากไปหาสะบันงาค่ะ”
“นี่ก็อีกคน เอาอย่างคุณหญิงน้าทุกประการ ชอบเล่นหัวกับคนรับใช้”
“คุณหญิงแม่จะให้หนูไปเล่นกับคนสวนหรือคะ ผู้ชายนะคะ”
“ฟังมัน มันย้อนแม่ ไม่ไหวไม่เป็นกุลสตรี นี่ก็เลยปรึกษาเจ้าคุณเกษมว่าจะพาไปส่งเรียนดัดนิสัยให้เป็นกุลสตรีที่สวิสเซอร์แลนด์”
“หนูจะไปหาสะบันงา หนูจะไปลาสะบันงาค่ะ ยัยเมี้ยนพาไปทีนะ”
คุณหญิงลออศรีมองหน้า คุณหญิงศรีพยักหน้า
“อย่าตึงให้มันมากเกินไปลออ มันจะขาดผึง แล้วเธอจะทุกข์ใจ”
“ใครจะยอม ปะเดี๋ยวก็หย่อนยานเหมือนเธอน่ะสิ ดูดู๋ ปล่อยให้มันมาอยู่บนเรือนเดียวกันอีกด้วย”
“เมี้ยน พาคุณปานวาดไปหาสะบันงาสิ”
คุณหญิงศรีพยักหน้าทำมือโบกให้เมี้ยนพาปานวาดไปหาสะบันงา
“ไล่มันกลับไปอยู่เรือนแถวคนรับใช้ให้ไวๆ เลยนะศรี”
สังวรเดินนวยนาดแต่งหน้าแต่งตาเข้ามา ในมือถือผลไม้กินแก้แพ้ท้องเคี้ยวจั๊บๆ
“เห็นจะไม่ได้หรอก เพราะท่านเจ้าคุณให้ฉันมาอยู่ที่นี่ ใครก็ไล่ฉันไปจากเรือนนี้ไม่ได้”
“ไม่มีใครไล่หล่อนหรอกนะ แต่ตอนนี้ฉันกำลังมีแขก ช่วยไปนั่งที่อื่นก่อน” คุณหญิงศรีไล่นิ่มๆ
“แต่ฉันนั่งที่อื่นแล้วคลื่นไส้ นอกจากนั่งตรงนี้” สังวรยืนยัน
คุณหญิงลออศรีโมโห
“ต๊าย นังขี้ข้ามาทำกำแหง เป็นบ้านฉันจะถีบให้ตกเก้าอี้ ศรีทนเฉยได้ยังไง”
“ทนไมได้ก็ต้องทน ทำอย่างไรได้สังวรกำลังท้อง เด็กในท้องลูกของเจ้าคุณ”
สังวรยิ้มเย้ย
“เห็นหรือยัง คุณหญิงลออศรี”
คุณหญิงลออศรีมองอย่างเกลียดชัง
“สายบัววัดตื้นลึกชลธาร กำพืดกมลสันดาน วัดตื้นลึกจิตใจคน กุ๊ยมาก”
“ไปนั่งที่อื่นกันนะลออ”
คุณหญิงศรีดึงคุณหญิงลออศรีให้เดินไปด้วยกัน สังวรยิ่งผยอง ขึ้นไปนอนไขว่ห้างกระดิกเท้ากินของที่เอามา คุณหญิงลออศรีขัดใจสุดๆ
“มีลูกแล้วมันหงอกับกูแบบนี้ ประเดี๋ยวเถิดจะมีสักสิบคน ยึดบ้านนี้มันให้หมดทีเดียว”
คุณหญิงศรียิ้มๆ รู้ว่าความคิดหลงตัวเองของสังวรเหลิงลมไปแล้ว
เมี้ยนพาปานวาดมาหาสะบันงาที่กำลังทำแชมพูมะกรูด
“สะบันงา ดูสิมีใครมาหา”
สะบันงาเงยหน้ามอง ปานวาดเดินปรี่มานั่งยองๆตรงหน้า
“ฉันเอง”
“คุณปานวาด”
สะบันงายกมือจะไหว้ ปานวาดตะครุบไว้
“เราเป็นเพื่อนกันห้ามไหว้ สะบันงาทำอะไรน่าสนุกจัง”
“ทำแชมพูมะกรูดเจ้าค่ะ”
“ห้ามพูดเจ้าค่ะ ฉันอยากทำแชมพูมะกรูดบ้าง ขอทำด้วยคนนะ”
“ได้ค่ะ แต่ว่ามัน เอ้อ...มันจะเลอะเทอะเอาเสื้อผ้าสวยๆของคุณปานวาดนะคะ”
“ไม่เลอะเทอะหรอก ถึงเลอะเทอะ ก็ซักได้น่า แล้วทำอย่างไรสอนฉันบ้าง”
เมี้ยนยิ้มเอ็นดู สองคนนั่งลงทำแชมพูด้วยกัน
คุณหญิงศรีกับคุณหญิงลออศรี มาคุยกันอีกมุมของเรือน
“แล้วจะปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนี้เรื่อยๆหรือศรี” คุณหญิงลออศรียังไม่เลิกซักไซ้
“คงอย่างนั้นแหละ”
“ฉันโกรธ ฉันเสียใจแทนเธอมากนะ อยากจะไปต่อว่าเจ้าคุณจริงๆ”
“บางเรื่องพูดไป ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเฉยเสียยังดีกว่า”
“แหม ก็เขามันน่า...ถ้าเป็นเจ้าคุณเกษมล่ะก็เธอเอ๊ย หัวแบะ”
“ปล่อยให้เขา มีอะไรในบ้านให้รู้เห็น ดีกว่าไปทำอะไรเลอะเทอะนอกบ้าน โดยที่เราไม่รู้ไม่เห็น เธอเองก็รู้ว่าฉันไม่ค่อยพึงพอใจกับเรื่องพวกนี้นัก”
“ก็พอรู้หรอก เพราะเธอหนีแต่งงานมาตลอด นึกว่ายอมแต่งงานแล้วเธอจะเปลี่ยนใจ”
“ใจฉันมั่นคงนัก เปลี่ยนยาก ใช่ว่าจะรังเกียจเจ้าคุณ แถมรักที่สุดในกระบวนผู้ชายที่มาสู่ขอชอบพอฉัน ฉันคงไม่รักใครได้มากกว่าเขา”
“แล้วทำไม…”
“ฉันยังทำใจไม่ได้”
“แต่ก็ไม่ต้องยอมให้มันเป็นไปถึงเพียงนี้”
“เจ้าคุณอยากมีลูก แต่ฉันไม่ค่อยจะอยากมีนัก เพราะกลัวลูกจะทำนิสัยไม่ดีใส่ให้ชอกช้ำใจ เหมือนที่ฉันทำกับคุณเตี่ยและแม่”
คุณหญิงลออศรีป้องปากกระซิบ
“ก็เลยไม่ยอมหลับยอมนอนกับเจ้าคุณ เวรกรรม สักครั้งก็ยังไม่เคยเลยหรือ”
คุณหญิงศรีพยักหน้า คุณหญิงลออศรีตีเพี๊ยะ
“ระวังเถิด นังพวกเมียบ่าวมันมีลูกกันหมด มันจะรวมเฉดหัวเธอออกจากบ้านสักวัน”
“ก็คิดอยู่เหมือนกัน”
“หาทางแก้ลำนังสังวรก่อนเลยนะศรี เธอยอมนอนกับเขาสักนิดสักหน่อยไม่ได้หรือ มีลูกกับเขาสักคนแล้วก็จบ เขาต้องรักลูกเธอมากที่สุดแน่ๆ”
คุณหญิงศรีฟังเงียบๆ
ปานวาดกับสะบันงา ทำแชมพูเสร็จแล้ว ใส่ไว้ในหม้อดินใบใหญ่
“หอมมะกรูดจังเลย ให้ฉันเอาไปสระผมหนึ่งขวดนะ”
“ค่ะ แต่ฉันไม่มีขวดสวยๆใส่ให้คุณปานวาดนะคะ”
“เมี้ยนมีเจ้าค่ะคุณปานวาด เมี้ยนไปเอามาให้นะเจ้าคะ”
สังเวียนแอบมอง
“สบช่องพอดี นังสะบันงาทำแชมพูมะกรูด เดี๋ยวกูจะทำแชมพูมะกรูดผสมน้ำกรดให้มึงสระหัวให้เสียโฉม”
น้อยมาด้านหลังมาแตะ สังเวียนสะดุ้งโหยงจะร้อง น้อยเอามือมาปิดปาก
“อย่าอึ้งไปสิ กำลังคิดอะไรอยู่ใช่ไหม”
“มันกำลังทำแชมพูมะกรูด”
“แล้วแกคิดจะทำอะไรกับแชมพูของมันใช่ไหม”
“ก็อย่างที่แกแนะนำฉัน”
“เรื่องน้ำกรดนี่ แกคิดจะเอาน้ำกรดไปใส่...แกฉลาดมาก”
สังเวียนกังวล
“ฉันจะโดนจับได้ไหมนะ”
“แกก็อย่าไปรับสิว่าแกทำ ใครจะไปรู้ว่าใครเอาอะไรไปใส่ในแชมพูของมัน ที่สำคัญอย่าเผลอเอาไปสระหัวแกเองก็แล้วกัน ไปละ เอาใจช่วยแกนะ”
น้อยรีบเดินจากไปพูดกับตัวเอง
“ถ้าโดนจับได้ กูก็ใส่มึงคนเดียวน่ะสิ นังโง่”
สังเวียนยังคงมองที่สะบันงากับปานวาด
คุณหญิงลออศรีกับคุณหญิงศรียังพูดกันเรื่องเดิมๆ
“จำที่ฉันบอกไว้นะศรี อย่าให้เมียบ่าวเมียน้อยคนไหนมีลูกกับผัวเราอีก”
“ขอบใจมากที่ห่วงฉัน”
“ฉันจะไปส่งปานวาดไปเรียนที่สวิส ไปดูแลจนเข้าเรียนเรียบร้อยก็ฉวยโอกาสเอาตอนที่เจ้าคุณเกษมไปดูงานยุโรปคงหลายเดือนกลับมาหวังว่า จะไม่มาเจอคุณนายบ่าวเมียน้อยคนไหนมีลูกเพิ่มมาอีก นอกจากคุณหญิงศรี”
“ขอบใจมาก”
“ไม่มีเพื่อนคนไหนที่ฉันจะรักไปมากกว่าเธอนะศรี”
“เช่นเดียวกัน เธอคือเพื่อนที่ฉันรักมากที่สุด”
สองคนยิ้มให้กัน เมี้ยนเดินกลับมา
“คุณหญิงเจ้าขา เมี้ยนขอขวดสวยๆที่ไม่ได้ใช้แล้วสักใบนะเจ้าคะ คุณปานวาดเธอจะเอาไปใส่แชมพูมะกรูดไปใช้ที่บ้านเจ้าค่ะ”
คุณหญิงลออศรีขัดขึ้น
“แชมพูมะกรูดอะไร เดี๋ยวก็สระแล้วหัวโกร๋นชันนะตุกินหรอก ใครทำ”
“สะบันงาทำเจ้าค่ะ”
“พูดถึงเด็กนี่ชักอยากจะเห็นหน้า ไปเรียกมันมาดูหน้าหน่อยสิยัยเมี้ยน”
“เจ้าค่ะ”
เมี้ยนหายไปเอาขวด
สะบันงากรอกแชมพูใส่ขวดหลายใบ มีปานวาดช่วย พวกคนอื่นๆมารอรับ พูดคุยกันไปด้วย
“นี่ของน้าทองหยอดจ้ะ”
“ขอบใจมาก น่าใช้จริงน่าจะทำไปขายได้เลยนะ”
ปานวาดกรอกเสร็จ
“นี่ของใครดีล่ะ”
แกละยกมือ
“ของดิฉันก็ได้เจ้าค่ะ”
“ยัยแกละแซงคิวโรเบิร์ต” โรเบิร์ตรีบโวย
“ไหนของกุ๊กซ้งขอรับ” ซ้งถาม
เมี้ยนเดินมา
“นี่ของคุณปานวาด กรอกมาเลย”
ปานวาดรับขวดมา
“ขวดสวยจัง มาฉันกรอกเอง”
“กรอกขวดนี้แล้ว กลับไปหาคุณหญิงแม่นะเจ้าคะ ท่านให้มาตามแล้ว เจ้าค่ะ”
“ฉันยังไม่ได้ล่ำลาสะบันงาเลย”
“เดี๋ยวก็ได้ล่ำลาเจ้าค่ะ คุณหญิงท่านอยากเห็นหน้าสะบันงาเจ้าค่ะ แชมพูนี่ใครอยากได้ก็กรอกกันเอาเอง ที่เหลือทิ้งไว้ให้สะบันงากับฉัน ไปเจ้าค่ะคุณปานวาด ไปกันเถิดสะบันงา”
น้อยรีบบอก
“เดี๋ยวฉันจะกรอกต่อให้เอง”
สามคนพากันออกไป น้อยกรอกต่อที่เหลือให้ทุกคน กรอกไปชายตาไป น้อยพึมพำ
“นังสะบันงา เดี๋ยวเถิดแกจะได้ตายทั้งเป็น โดยฝีมือนังสังเวียน”
น้อยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สังเวียนแอบมอง
คุณหญิงลออศรีจ้องเขม็งไปที่สะบันงา ที่ตามหลังปานวาดและเมี้ยนมา สะบันงาหน้าตาผ่องใส คุณหญิงลออศรีกระซิบ
“มันสวยขนาดนี้เลยหรือ มันจะสวยขึ้นมาอีกโข”
“สะบันงา คุณหญิงลออศรีท่านอยากเห็น กราบท่านสิ” คุณหญิงศรีบอก
สะบันงากราบ คุณหญิงลออศรีพยักหน้าแบบงั้นๆไม่พอใจนัก ปานวาดพูดขึ้น
“สะบันงาสวยกว่าตอนที่ไปถือชายกระโปรงให้คุณหญิงน้าอีกนะคะ”
“ก็งั้นแหละ ปานวาดกราบลาคุณหญิงน้าสิ จะไปเรียนไกลๆตั้งนาน”
ปานวาดกราบคุณหญิงศรี
“หนูกราบลาค่ะ คุณหญิงน้า”
“เดินทางปลอดภัย ตั้งใจเรียนนะปานวาด”
“รับรองค่ะ จะพาฝรั่งกลับมาฝากคุณหญิงแม่ด้วย”
“เอ๊ะ ลูกคนนี้” คุณหญิงลออศรีตีเพี๊ยะ
คุณหญิงศรียิ้มขำ
“ดีสิจะได้มาเป็นเพื่อนกับเจ้าคุณน้า เมี้ยนไปหยิบถุงสีทองในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งมาสิ จะเอามาให้เป็นขวัญถุงคุณปานวาด”
“เจ้าค่ะ”
เมี้ยนเดินออกไป
“หนูขอหลบไปร่ำลาสะบันงา ตรงโน้นตามลำพังนะคะ”
คุณหญิงลออศรีไม่ทันอนุญาต ปานวาดก็ฉุดสะบันงาไปแล้ว
สังวรมายืนมองเครื่องเพชรของคุณหญิงศรีแล้วเอามาทดลองใส่ ไม่คิดว่าจะมีใครมาเจอ
“ช่างสวยเหลือเกิน ราคาเท่าไหร่กันหนอออกลูกมาแล้ว จะอ้อนขอท่านหามากำนัลสักชุด เอาให้ใหญ่กว่าของนังศรีทีเดียว”
สังวรหัวเราะเบาๆ
เมี้ยนมาถึงหน้าห้อง ขยับจะเปิดประตู ได้ยินเสียงสังวรหัวเราะคิกคัก
“นังสังวร ไปรื้อของคุณหญิงเล่นหรือว่ามันคิดจะขโมย”
เมี้ยนโกรธมากจะเปิดประตู แล้วถอยออกมา
“คุณหญิงทำท่าเฉยเมยเหมือนอยากให้มันขโมย ถ้ามันขโมยแล้วโดนจับได้มันก็อยู่ไม่ได้”
เมี้ยนถอยออกมายิ้มๆ
คุณหญิงลออศรีหันมามองหน้าคุณหญิงศรีหนักใจ
“น่าหนักใจแทนเธอ ฉันว่าอีนังที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่พวกนังสังวรเสียแล้ว”
“อะไรของเธออีกลออ”
“ก็นังแม่สะบันงาคนสวยคนนี้แหละ มีสิทธิจะชิงตำแหน่งเธอได้เจ้าคุณเห็นเด็กหรือยัง”
“เห็นแล้ว”
“เขาว่าอย่างไร ทำท่าอะไรบ้าง ท่านทำเฉยเมยหรือ ไม่มีทางหรอก”
“ไม่ว่าอย่างไร เขาไม่ทำอะไรที่ฉันไม่อนุญาตหรอก และคนนี้ฉันไม่อนุญาตแน่”
“ทำไม”
“ฉันจะเก็บไว้ให้นายศุกล น้องชายฉัน”
“ขอให้เป็นดังที่เธอพูดเถิดศรี นังคนนี้มันสง่าราศีดีเกินคนทั่วไป น้ำตาลใกล้มด นี่มันระวังไม่ได้นะ”
“เจ้าของน้ำตาลน่าจะกำลังกลับมานะ ฉันเขียนจดหมายไปบอกให้รีบกลับ”
เมี้ยนเดินกลับลงมามือเปล่า
“ทำไมลงมามือเปล่า เมี้ยน”
“เอ้อ...คือว่า...”
เมี้ยนสบตาคุณหญิงศรีมีนัย คุณหญิงศรีพอเข้าใจ ก้มหน้าลงไปหาเมี้ยน
“ว่ามา”
“นังสังวรเข้าไปรื้อห้องคุณหญิงเล่นอีกแล้วเจ้าค่ะ”
“กลับขึ้นไปใหม่ ทำไม่รู้ไม่เห็น ฟังมันแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เปิดให้มันเห็นถุงเงิน ถุงทองของฉัน”
“เจ้าค่ะ”
เมี้ยนถอยกลับไปอีก คุณหญิงศรีหันมายิ้มบอกคุณหญิงลออศรี
“เมี้ยนหาไม่เจอ บอกที่เก็บใหม่ให้แล้ว”
คุณหญิงลออพยักหน้า ไม่ติดใจ
สังวรวางของอย่างเสียดายอยากมีอยากใส่ มองสร้อยทองในคอแล้วช้ำใจ จับมาดู
“นี่หรือเครื่องประดับเมียบ่าว”
ประตูเปิดออก สังวรตกใจทำสร้อยเพชรหล่น
“ว้าย”
“มาทำอะไรในนี้” เมี้ยนถามเสียงเข้ม
สังวรอึกอักโกหกไป
“เอ้อ...มา...มาปัดกวาดห้องให้คุณหญิง”
“อ้อ...นั่นสร้อยเพชรตกรีบเก็บสิ ราคาเป็นหมื่นๆนะนั่น”
สังวรตื่นเต้น หยิบมาเก็บ มือไม้สั่น เมี้ยนไม่สนใจ เดินมาเปิดลิ้นชัก สังวรแอบชะโงกมามอง ตกใจเห็นถุงสีทองสีเงินเรียงรายเต็มไปหมด เมี้ยนหยิบมาถุงหนึ่ง ไม่ปิดลิ้นชัก สังวรรีบถาม
“ไม่ปิดลิ้นชักหรือ”
“ลืมไป ช่วยปิดให้ด้วยนะ”
เมี้ยนหันกลับยิ้ม รำพึงในใจ
“ขโมยสิ ขโมยเลย นังสารเลว”
สังวรมองแปลกใจ
คุณหญิงลออศรียังห่วงคุณหญิงศรีไม่เลิก
“ดูแลตัวเองดีๆฉันเป็นห่วง อยากเห็นเธอมีความสุขฉันรักเธอนะศรี”
“เธอก็เช่นเดียวกันดูแลตัวเองให้ดี ฉันก็รักเธอเหมือนกัน”
สองคนจับมือกันยิ้มให้กัน
สะบันงากับปานวาดร่ำลากัน ปานวาดนั่งบนเก้าอี้ สะบันงานั่งที่พื้น
“ฉันชอบสะบันงามากกว่าเพื่อนที่คอนแวนต์อีกรู้ไหม”
“ฉันเป็นคนต่ำต้อย เพื่อนคุณปานวาดเท่าเทียมกับคุณนะคะ”
“พวกนั้นส่วนใหญ่จอมปลอม”
สะบันงาแปลกใจ
“จอมปลอมอย่างไรคะ”
“อวดเบ่งบารมีพ่อแม่ เอายศฐาบรรดาศักดิ์พ่อแม่มาข่มคนอื่น เวลาเล่นอะไรกัน เพื่อนที่พ่อแม่ไม่มียศฐา ก็เกรงใจพวกนี้ทำอะไรเหลวไหล ไม่ค่อยมีใครกล้าทำโทษ แล้วก็แสร้งทำไม่เห็นน่ารำคาญน่าเบื่อหน่ายมาก”
“คุณปานวาดมีจิตใจยุติธรรมมากนะคะ”
“ฉันไปเรียนเมืองนอก รอจนโต ฉันจะเลิกทำตัวในกรอบ ฉันจะทำอะไรที่อยากทำ ฉันเบื่อเป็นผู้ดี คนเราเอาแค่ทำดีก็พอ ผู้ดีมีกรอบมากเกินไป”
“คุณปานวาดช่างคิดราวกับผู้ใหญ่นะคะ เอ้อ...กว่าคุณปานวาดจะกลับมาบางทีฉันอาจไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วก็ได้ค่ะ”
“ใช่แล้ว สะบันงา อย่าอยู่ที่นี่ ดีไม่ดีจะกลายเป็นเมียน้อยเจ้าคุณน้า”
สะบันงาทำหน้าหวาดกลัวส่ายหน้า
“จริงนะไม่ได้ล้อเล่น สะบันงานะสวยกว่าใครๆ”
เมี้ยนเดินออกมา
“ร่ำลากันเสร็จหรือยังเจ้าคะ คุณหญิงน้าให้ตามเจ้าค่ะ”
ปานวาดยื่นมือมาจับมือสะบันงา
“หวังว่าตอนที่ฉันกลับมาจะได้พบเธออีก ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน”
“เช่นกันค่ะ คุณปานวาดโชคดีนะคะ”
“ลาก่อน สะบันงา”
“ลาก่อนค่ะ คุณปานวาด”
ปานวาดเดินตามเมี้ยนไป สะบันงามองตามแล้วหันหลังกลับลานหลังครัว
ขวดแก้วสองขวดวางอยู่ สังเวียนนั่งยิ้ม
“สองขวดพอดี สำหรับนังเมี้ยน ที่เป็นผลพลอยได้ในการกำจัดศัตรูหนึ่งขวด สำหรับนังสะบันงา เหยื่อของเราหนึ่งขวด” สังเวียนยิ้มย่องพอใจ “กำจัดศัตรูไปได้สองรายดีแท้ๆต้องรีบรายงานพี่สังวร”
สังเวียนรีบเดินออกไป สะบันงาเดินมาอีกทางมองแปลกใจ ก้มลงหยิบขวดมาดู
“ใครใจดีมาช่วยกรอกแชมพูให้เรากับพี่เมี้ยน หรือว่า น้าแกละ น้าทองหยอด น่ารักแท้ๆ”
สะบันงายกแชมพู สองขวดเดินไปจากที่นั่น สังเวียนแอบมองอย่างสะใจ สังเวียนยิ้มนึกถึงภาพที่สะบันงาสยายผมลงมา เอาน้ำราดผม จากนั้นค่อยๆหยิบแชมพูมาถือ ค่อยๆบรรจงเปิดขวดแชมพูแล้วก้มหัวลงไป เอาขวดแชมพูเทน้ำแชมพูใส่หัว ทันใดนั้นสะบันงาก็กรีดร้องไปชักกระแด่ว
“โอย...ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
เมี้ยนวิ่งซมซานล้มลุกมาอีกคน
“มีคนเอาน้ำกรดไปใส่ในแชมพู มันจะฆ่ากู”
เมี้ยนกับสะบันงานอนชักกระแด่วร้องครวญคราง...สังเวียนแอบมองสะบันงายิ้มมีความสุข
“สมน้ำหน้า”
เมี้ยนรายงานคุณหญิงศรีเรื่องสังวรจบแล้ว
“ทีนี้เข้าใจหรือยัง ว่าทำไมฉันถึงให้เงียบให้เฉย เรื่องการถูกนังสังวรมันล่วงเกิน”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ แต่มันยังไม่ได้ขโมยอะไรไปสักอย่าง แต่เมี้ยนว่ามันคงหมายตาไว้แล้วเจ้าค่ะ ของพวกนั้นจะทำอย่างไรเจ้าคะ”
“ไม่ต้องเก็บอะไรทั้งนั้นวางล่อตาไว้ต่อไป”
“คุณหญิงเจ้าขา ถ้าหากจะรอให้มันขโมย รอให้มันกำแหงจนเมี้ยนอกแตกตายไปก่อน มันนานเกินไปนะเจ้าคะ”
“เมี้ยนคิดอะไรอยู่”
“ตอนที่เมี้ยนไปเจอมันกำลังถือสร้อยเพชรคุณหญิง มันตกใจมาก ตอนนี้มันเริ่มฝ่อ กลัวคุณหญิงจะฟ้องเจ้าคุณเจ้าค่ะ”
“ฉันไม่ฟ้องหรอก มันแก้ตัวว่าอย่างไรหรือ”
“มันบอกว่า มันเข้ามาปัดกวาดห้องให้คุณหญิงเจ้าค่ะ”
“มันว่าอย่างนั้นก็ดีนี่นา”
“ดีอย่างไรเจ้าคะ”
คุณหญิงศรียิ้ม
ในห้องนั่งเล่น...เจ้าคุณกับคุณหญิงศรีคุยกัน
“วันนี้ศรีอารมณ์ดีอีกแล้ว จะมอมเหล้าแล้วเอายัยเมี้ยนมายกให้ฉันอีกไหม”
“นั่นมันเหตุบังเอิญต่างหากค่ะ ที่ฉันอารมณ์ดีก็เพราะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นค่ะ”
“เรื่องอะไรหรือ”
“รอสักครู่ก็จะได้ทราบค่ะ”
เจ้าคุณสงสัย คุณหญิงศรียิ้มย่อง
เมี้ยนพาสังวรไปตึกเจ้าคุณ สังวรสีหน้ากังวลไม่น้อยเกรงว่าจะโดนเจ้าคุณเล่นงานฐานเข้าไปหยิบฉวยของศรีมาเล่น
“ท่านเจ้าคุณอนุญาตให้ฉันไปในตึกของท่านได้แล้วหรือ”
“คุณหญิงต่างหาก”
“นี่ นี่ ฟ้องท่านเจ้าคุณกันใช่ไหม”
“คุณหญิงท่านไม่ใช่คนช่างฟ้อง ท่านเคยฟ้องใครที่ไหน อย่ากินปูนร้อนท้องสิ ถ้าท่านโมโหฟ้องขึ้นมาจริงๆ สังวรนั่นแหละจะโดนท่านเล่นงาน”
“ก็เมื่อกลางวัน ฉันเข้าไปปัดกวาดห้องให้จริงๆนะ เมี้ยนไปบอกเขาว่าอย่างไรหรือ”
“ก็ไปบอกว่าสังวรปัดกวาดห้องให้ท่านน่ะสิ”
สังวรอึ้งไป
“เขาเชื่อไหม”
เมี้ยนยิ้ม
คุณหญิงศรียิ้มให้สังวร ที่ยืนใจคอไม่ดีตรงหน้าเจ้าคุณ เมี้ยนยืนเมินหน้าแอบยิ้มไปอีกทาง เจ้าคุณมองสังวรแปลกใจว่ามาทำไม
“ขอบใจมากนะสังวร ที่อาสาไปปัดกวาดห้องให้ฉัน นี่คะข่าวดีของฉัน”
“หายแพ้ท้องแล้วค่ะเลยเกิดอารมณ์ขยันไปทำห้องนอนให้” สังวรเฉไป
เจ้าคุณยิ้มพอใจ
“ดีมากสังวร คุณหญิงท่านเมตตาขนาดนี้ มีอะไรก็ช่วยทำให้ท่าน”
“สังวรบอกมาระหว่างทางกับดิฉันว่า ขอไปทำทุกวันเจ้าค่ะ” เมี้ยนพูดนำทาง
สังวรสะอึกหลงกลเสียแล้ว จะเถียงก็ไม่กล้ากลัวความผิด คุณหญิงศรียิ้ม
“แหมไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกสังวร วันไหนนึกสนุกก็ไปทำ ฉันไม่ได้หวงห้อง สังวรอยากเข้าไปตอนไหนก็ไปได้ทุกเวลา”
สังวรไม่อยากจะยืนอยู่แล้ว
“หมดธุระแล้ว ฉันขอตัวก่อน”
เจ้าคุณมองหน้า
“ทำตัวดีเข้าไว้ รู้ไหมสังวร ไปเถิด”
“เจ้าค่ะ”
สังวรหงุดหงิด หันกลับ เมี้ยนยิ้ม มองตาม
“จะรับประทานอาหารหรือยังเจ้าคะ เมี้ยนจะจัดให้เจ้าค่ะ”
“เอ้อ...วันนี้ เอ้อ...สะบันงาทำขนมอะไรอร่อยๆไว้บ้างไหม” เจ้าคุณอึกอักถาม
เมี้ยนแทบทรุด ปรายตามองคุณหญิงศรี
“ว่าอย่างไรเล่าเมี้ยน”
“วันนี้สะบันงาทำแชมพูมะกรูดค่ะ”
“สะบันงาทำแชมพูเป็นด้วยหรือนี่” เจ้าคุณแปลกใจ
“เจ้าค่ะ ทำแจกคนทั้งบ้าน คุณปานวาดเธอมาลาคุณหญิงไปเรียนต่อยังขอเอาไปใช้ด้วยเจ้าค่ะ”
“อ้อ…”
เจ้าคุณไม่พูดอะไรต่อ คุณหญิงศรีกับเมี้ยนพลอยเงียบไปด้วย
สังวรอัดอั้นตันใจ มาหาสังเวียนถึงห้อง สังเวียนเองก็กำลังรอลุ้นผลงานเรื่องแชมพูมะกรูด
“พี่สังวรมาถึงนี่”
“ฉันกลุ้มใจจริงๆ อีนังเมี้ยนมันเคียวเจ็ดเล่มเข็มเจ็ดอันขนานแท้”
“มันทำอะไรพี่อีกหรือ”
“เพราะแกนั่นแหละ ดันชวนฉันเข้าไปดูห้องมันคืนก่อน”
“ก็ไม่เห็นว่ามันจะสงสัยอะไรนี่นา มันไม่เห็นสักหน่อย”
“แต่วันนี้มันดันเห็นฉันเล่นสร้อยเพชรนังศรีอยู่น่ะสิ ฉันต้องแก้ตัวว่ามากวาดห้องให้มัน”
“พี่เก่งแฮะ”
“เก่งกะผีน่ะสิ อีนังสองคนนายบ่าวนั่นมันเลยตลบหลังฉันต่อหน้าท่านว่าฉันอาสากวาดถูห้องให้ ใครจะไปกล้าค้าน กลัวมันฟ้องเรื่องสร้อยเพชร”
“ก็หาโอกาสสิพี่สังวร มันอาจมีแยะจนนับไม่ถ้วน ก็ลักขโมยมันมาเสียบ้าง อยากมีมากนัก นี่มาฟังเรื่องดีๆของฉันดีไหม”
“ว่ามา”
สังเวียนกระซิบ สังวรตื่นเต้น
“นังสะบันงา เสียโฉมแน่”
“นังเมี้ยนก็ไม่มีปัญญามากดขี่เราอีก”
สองพี่น้องดีใจ
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 5 (ต่อ)
น้อย แอบฟังสองคน แนบหน้าจนชิดห้องพอรู้แม้ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง
“แล้วต่อไปแกสองคนพี่น้องก็ต้องโดนเฉดหัว เพราะฉันจะตลบหลังเล่นงานพวกแก ทีนี้เหลืออีน้อยคนเดียว สู้กับนังศรี”
น้อยรีบย่องออกมาจากหน้าห้อง สักครู่สังเวียนกับสังวร ก็โผล่ออกมา
“ทำใจดีๆเย็นเข้าไว้พี่สังวร เรากำลังจะหมดคู่แข่ง”
“พี่จะรอดูผลงานของแก ขอให้ไม่แคล้วคืนนี้อีเมี้ยนมันอยากสระผม”
“อีนังสะบันงามันก็ชอบสระผม ฉันเห็นมันสระผมตอนกลางคืนทุกคืนพี่ไปเถิด ไปพักผ่อนนะ พี่คิดมากกลุ้มมากลูกในท้องพี่จะสุขภาพไม่ดี”
“ขอบใจ พี่ไม่ค่อยสบายใจยังไงบอกไม่ถูก กลัวจะโดนพวกมันเล่นงาน พี่ไปก่อนล่ะ”
สังวรออกไปแบบไม่สบายใจนัก
เจ้าคุณ คุณหญิงศรี เมี้ยน กินอาหารเสร็จแล้ว คุณหญิงศรีเริ่มกระวนกระวายเรื่องเจ้าคุณ จะไม่มีใครดูแล เมี้ยนพยายามสบตาแบบเอายังไงกันดี เจ้าคุณดูสงบเยือกเย็น พูดคุยปกติ
“เรื่องไปทอดกฐิน คงสนุกสนานกันทีเดียวนะ ศรีเคยนั่งเรือไปทอดกฐินไหม”
คุณหญิงศรีเอาแต่ใจลอย
“ศรี ไม่ได้ยินที่ถามหรือ ว่าเคยล่องเรือไปทอดกฐินไหม”
“ดิฉันเคยเจ้าค่ะ” เมี้ยนตอบแทน
เจ้าคุณหันมาดุ
“อุ๊บ๊ะไม่ได้ถามแกนะเมี้ยน สองนายบ่าวคู่นี้เป็นอะไรไป ตาอยู่ตรงนี้แต่ใจไปไหนกันแล้ว”
เจ้าคุณลุก คุณหญิงศรีตกใจกลัวโดนฉุดไปห้องนอน
“ต๊าย ยังหัวค่ำอยู่นะคะ”
“หัวค่ำหรือดึกมันก็ไปได้ทั้งนั้น”
“ไปไหนคะ”
“ห้องน้ำ”
คุณหญิงศรีแอบโล่งอก เมี้ยนก็เช่นกัน เจ้าคุณเดินออกไป ไม่วายชายตามองสองคนที่แปลกๆพอเจ้าคุณพ้นไป เมี้ยนผวามาหาทันที
“สลอดเจ้าค่ะ มันชื่อสลอด”
“ใครชื่อสลอด”
“ชื่อสิ่งที่ใส่ผสมไปในอาหาร แล้วทำให้ท้องร่วงเจ้าค่ะ”
“ก็เพิ่งกินอาหารไปแหมบๆ จะไปใส่ที่ไหนได้อีกเล่าเมี้ยน เฮ้อ...ประเดี๋ยวเถิดพอท่านออกมา ฉันจนปัญญาแน่คืนนี้”
“งั้นชวนท่าน ดื่มแชมเปญอีกสิเจ้าคะ”
“ท่านจะได้หาว่าฉันบ้าน่ะสิ ฉลองอะไรกันมากมาย ลูกตัวก็ไม่ใช่”
“กาแฟหรือชา ดีไหมเจ้าคะ”
“อืม ก็น่าลองนะ เมี้ยนไปจัดการชงรอไว้เลย”
“เจ้าค่ะ”
เมี้ยนกระวีกระวาด
สะบันงา เดินถือขันถือผ้าถุงจะมาเข้าห้องน้ำ ไม่ได้ถือแชมพูมา สังเวียนแอบมองมุมหนึ่ง
“นังสะบันงา ไม่เอาแชมพูสระผมมา บ้าแท้ๆ”
น้อยแอบดูอีกมุม
“ทำไมวันนี้นังสะบันงาไม่สระผม แย่จริงๆ”
สะบันงาหยุดมองของในมือ
“ลืมแชมพูสระผมนี่เอง”
สะบันงาวางของอื่นไว้ แล้วเดินกลับไปเพื่อเอาแชมพู สังเวียนแอบมองดีใจ
“มันนึกออกแล้ว ดีแท้ๆ”
น้อยโล่งอก
“มันกลับไปเอาแชมพู โล่งอกไปที”
สะบันงาเดินแล้วหยุด
“หรือว่าคืนนี้ไม่สระผม”
สะบันงาเอามือลูบผมไปมา แล้วตัดสินใจ
“สระผมทุกคืนจนมันเคยชินเสียแล้ว ถ้าไม่สระเห็นจะนอนไม่หลับ”
สะบันงาเดินต่อไป
เจ้าคุณกลับมา เมี้ยนวางชาตรงหน้าเจ้าคุณแก้วหนึ่ง คุณหญิงศรีแก้วหนึ่ง เมี้ยนปรายตาสบตาคุณหญิงศรี ลอบพยักหน้า
“ชาค่ะ วันนี้ไม่มีฉลอง เดี๋ยวจะเมาหัวราน้ำ”
“ขอบใจมากชาจากที่ไหนหรือ”
“ดาจีริ่งเจ้าค่ะ” เมี้ยนตอบ
“เลดี้ส่งมาให้หรือ”
เมี้ยนถอยห่างออกไปมากๆรอดูผลงาน คุณหญิงศรียิ้มแย้มตอบ
“ค่ะ เลดี้น้องสาวคุณส่งมาให้ เพิ่งส่งคนไปรับมาจากเรือเมื่อเช้านี้เองค่ะ”
“ครอบครัวนั้นเขาก็ไม่มีลูกนะ ได้ยินว่าท่านลอร์ดน้องเขยฉันกำลังจะรับเด็กชายสักคนมาเป็นลูกบุญธรรมเพื่อสานงาน ฉันจึงแนะนำไปว่าให้หาลูกชายของญาติสักคน น่าจะดีกว่าคนอื่น ที่ไม่มีสายเลือดของเขา”
“แนะนำดีมากค่ะ เอ้อ...ดื่มชาสิคะ”
คุณหญิงศรีถือถ้วยชาของเธอ เมี้ยนแอบชะโงกมองพึมพำเบาๆ
“ดื่มสิเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณหยิบมาถือไว้ ลุกขึ้น
“วันนี้รู้สึกเพลียๆอาจจะเป็นเมื่อคืน โดนมอมเหล้ามากไปสักหน่อย ศรีกลับไปเรือนเถิดนะ ฉันจะขึ้นไปพัก”
คุณหญิงศรีแอบยิ้ม ดีใจมาก เมี้ยน แอบยิ้มดีใจด้วย คุณหญิงศรีมัวแต่มองหน้า เจ้าคุณลดถ้วยชาลงไปจะวาง ทั้งสองวางถ้วยชาสลับที่กัน คุณหญิงศรีดีใจมากยื่นหน้ามาหา เจ้าคุณยื่นหน้ามา ปากสองคนแตะกัน
“กู๊ดไนท์” เจ้าคุณเอ่ยลา
“กู๊ดไนท์ค่ะ”
คุณหญิงศรีหันกลับ เจ้าคุณเดินขึ้นข้างบน สองคนยังโบกมือให้กัน คุณหญิงศรีรอจนเจ้าคุณหายไปแล้ว หันมาดีใจกับเมี้ยน
“ชาดาจิริ่งให้โชคนะเจ้าคะ”
“ย่ะก็ลองดื่มดูสิยะ เผื่อว่าชานี่จะให้โชคอีก”
คุณหญิงศรีก้มลงไปหยิบ แต่หยิบของเจ้าคุณ คิดว่าของตัวเอง ส่งให้เมี้ยน
“คุณหญิงไปเรือนก่อนเถิดเจ้าค่ะ เมี้ยนจะเก็บของแล้วตามไปเจ้าค่ะ”
“ดี กลับไปสระผมให้ฉัน ฉันจะรอ อยากลองแชมพูมะกรูดของสะบันงาดูบ้าง”
“เจ้าค่ะ สระผมกันใหญ่ คุณหญิงสระเสร็จเข้านอน เมี้ยนก็จะสระบ้าง น่าภาคภูมิใจนะเจ้าคะที่สามารถผลิตอะไรอะไรใช้เองในครัวเรือน”
“สะบันงาเขาเก่ง”
คุณหญิงศรีเดินจากไป
เจ้าคุณอยู่คาๆบันได ได้ยินสองคนพูดกันเองสระผม เรื่องสะบันงา
“สะบันงาเขาเก่ง อยากรู้นักว่าแชมพูมะกรูดนั่น มันจะสระแล้วดีแค่ไหน หนอ”
เจ้าคุณยิ้มแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป
เมี้ยนถือแก้วชาที่มีสลอดในมือ มองยิ้ม แล้วมองแก้วที่วางอยู่ เข้าใจผิดว่าเป็นของเจ้าคุณ
“แก้วนั้นต้องเททิ้งใครไม่รู้มากินจะแย่เอา กินแก้วนี้ดีแท้ๆ” เมี้ยนดื่มแก้วที่มีสลอดไปจนหมด
สะบันงาถือขวดแชมพูมาจากห้องเจอแกละสวนมาจะเข้าห้อง
“น้าลองใช้แชมพูของสะบันงาแล้วดีมาก ผมนิ่มไปหมดทั้งหัว เฮียซ้งก็บอกว่าเยี่ยมมาก สะบันงานี่เก่งหลายอย่างนะ”
“หนูก็จำมาทั้งนั้นแหละจ้ะ”
“ทำไมวันนี้อาบน้ำช้า”
“กำลังจะอาบ แต่ลืมแชมพูเลยจะกลับมาเอา แต่หาตั้งนานกว่าจะเจอ เพราะเอาไปวางหมกไว้”
“ไปเถิดจ้ะ”
สะบันงาจะเดินไป
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ใครๆก็มาขอใช้แชมพูสะบันงา นังสังเวียนมาขอปันบ้างไหม”
“ไม่หรอกจ้ะ”
“แปลก ปกตินางนี่งกเห็นแก่ได้เป็นที่สุด”
สะบันงาไม่ว่าอะไรเดินยิ้มออกไปแล้วหันกลับมา
“น้าแกละจ้ะ ขอบคุณมากที่ช่วยกรอกแชมพูให้หนูกับพี่เมี้ยน”
“น้าไม่ได้กรอก สงสัยว่าจะเป็นพี่ทองหยอดหรือเปล่านะ”
สะบันงาเดินไป แกละยังไม่หายแปลกใจ
“ทำไมนังสังเวียนไม่มาเอาแชมพูไปใช้”
เจ้าคุณยังครุ่นคิดที่หน้าต่าง
“สะบันงา เธอช่างรบกวนจิตใจฉันมากกว่าผู้หญิงคนไหน แม้แต่คุณหญิงที่ฉันทั้งรักทั้งยกย่องให้เกียรติ์ ฉันพยายามลบเธอออกจากสำนึก เพราะรู้ว่าไม่ถูกต้อง แต่ฉันไม่อาจทำได้”
เจ้าคุณอดทนไม่ไหวหันเดินมาที่ประตูออกจากห้อง
สะบันงาเดินเข้ามาในมือถือขวดแชมพู น้อยแอบมอง ยิ้มตบยุงเปาะแปะ
“มันกลับมาแล้วมันมารนหาที่เสียโฉมจนได้ นังบ้ากว่าจะกลับมากูเกือบจะโดนยุงหาม”
สังเวียนดีใจ
“โฮ้ย ลายพร้อยเพราะยุงไปหมดทั้งตัว มาเตรียมตัวตายทั้งเป็นได้แล้ว นังสะบันงา”
สะบันงาเดินจะเข้าห้องน้ำ ทองหยอดมาเรียก
“สะบันงา”
“น้าทองหยอด”
ทองหยอดดึงมือสะบันงาไปนั่งแปะ
“มานั่งนี่ มีอะไรจะคุยด้วย”
“มีอะไรจ้ะ น้าทองหยอด”
“น้าใช้แชมพูของหนูแล้วดีมากอยากจะให้ทำอีก น้าจะลองเอาไปฝากขายที่ตลาดดู”
“ขอหนูเรียนถามคุณหญิงท่านก่อนนะจ้ะ ถ้าท่านอนุญาต หนูจะทำจ้ะ”
“เด็กดีจริงนะ”
ทองหยอดยังคงนั่งต่อ สะบันงาอยากสระหัวก็ยังไม่ได้สระ
คุณหญิงศรีสวมเสื้อคลุม เตรียมจะอาบน้ำ เมี้ยนเดินเข้ามาในห้องพร้อมด้วยขวดแชมพู
“มาแล้วเจ้าค่ะ มาพร้อมกับแชมพูมะกรูด สูตรสะบันงาทำเองเจ้าค่ะ”
“ฉันรอจะสระผม มาเร็วๆเข้าเมี้ยน”
สองคนพากันจะเข้าห้องน้ำ เมี้ยนหน้าเสีย
“เอ๊ะ เมี้ยน เป็นอะไรไม่ทราบ”
“เมี้ยนเองยังไม่ทราบ แล้วฉันจะทราบไหม”
“เมี้ยนไม่ไหวเจ้าค่ะ”
“ไม่ไหวอะไรหรือ”
เมี้ยนหน้าเสีย
“ทำไมกลายเป็นเมี้ยน”
คุณหญิงศรีงงๆ
“พูดอะไรให้มันเข้าใจง่ายๆหน่อย”
“ชานั่น ชาที่เจ้าคุณไม่ได้ดื่ม วางสลับกันกับชาของคุณหญิงอีกแล้วเจ้าค่ะ เมี้ยน เมี้ยน ขออนุญาตเจ้าค่ะ เดี๋ยวเมี้ยนจะรีบกลับมานะเจ้าคะ”
แล้วเมี้ยนก็ส่งแชมพูให้คุณหญิงศรี หันกลับรีบออกไป
“ไปเถิด เฮ้อให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวจริงๆ”
คุณหญิงศรีนั่งหยิบแชมพูมาพิจารณา
สังเวียนโกรธเพราะยุงกัดคันมาก
“จะมีเรื่องคุยอะไรกันหนักหนา อีทองหยอดบ้า ยุงกันจนคันไปหมดทั่วตัวแล้ว”
น้อย เริ่มทึ้งหัวตัวเองไปมา
“หัวหูมันยังมากัดยุงผีทะเล ไปกัดยัยทองหยอดปากมากนั่นสิ”
ทองหยอด ลุกขึ้น
“ทำสะบันงาเสียเวลา เสียเลือดให้ยุงกันมานานแล้วน้าไปก่อนนะ”
“จ้ะ”
ทองหยอดออกไปสะบันงาหันกลับ จะเข้าห้องน้ำ มีเสียงเรียก
“สะบันงา”
สะบันงาตะลึงตกใจมาก
“เจ้าคุณ”
สังเวียนยิ่งตะลึง
“เจ้าคุณมาทำไม”
น้อยตกตะลึง
“เจ้าคุณมาหานังสะบันงา”
สะบันงา ทำตัวไม่ถูกกระชับผ้าเช็ดตัวแน่น ไม่กล้าหันมา เจ้าคุณก้าวมาใกล้
“สะบันงา ตกใจมากหรือ”
“เอ้อ...”
สะบันงานิ่งเป็นหิน
คุณหญิงศรีรอเมี้ยนไม่เห็นมา
“เมี้ยนหายไปเลย ไม่รอเมี้ยนแล้ว อาบน้ำแล้วลองสระผมดูเองก็ได้”
คุณหญิงศรีเดินหายไปทางห้องน้ำ
สะบันงา ไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดี จะเข้าห้องน้ำหรือว่าจะกลับห้อง จึงเงอะงะไปหมด
“กำลังจะอาบน้ำหรือ”
“เจ้าค่ะ เอ้อ...”
“ทำไมต้องตกใจทุกครั้งที่พบฉันกลัวอะไรกันนักหนา หรือว่ายังเห็นฉันเป็นยักษ์อยู่อีก”
สังเวียนอิจฉาสุดๆ
“แหมทำเป็นไร้เดียงสาน่าตบให้กระเด็น”
น้อยอิจฉาจนแทบทนไม่ได้
“ดูมันทำ ดูมันทำ อ้อยสร้อยอ้อยอิ่งยั่วท่านเจ้าคุณให้หัวปั่น มันสำคัญนัก”
สะบันงานิ่งเงียบ
“ยังไงไม่ตอบเลย ว่ายังเห็นฉันเป็นยักษ์อยู่อีกหรือ”
“เอ้อ...เจ้าค่ะ”
เจ้าคุณหัวเราะชอบใจ
“กลัวฉันมาก แต่ตอบตรงๆแบบไม่เกรงใจเลยนะได้ยินเขาพูดกันว่า สะบันงาทำแชมพูเก่ง”
“เอ้อ...ไม่เท่าไรหรอกเจ้าค่ะพอทำได้ ทำใช้เองเจ้าค่ะ”
“ถ่อมตัวอีกแล้ว นี่แหละเขาเรียกว่าเก่ง คนไม่เก่งทำไม่ได้หลายอย่างอย่างสะบันงาหรอก”
“เอ้อ...เจ้าค่ะ”
“ตรงนี้ไฟมืดไปนิด มาอาบน้ำอาบท่าคงไม่ค่อยสะดวกยุงก็ยังแยะ แถมห้องอาบน้ำก็เล็กมากไม่ได้แบ่งหญิงชาย”
“เอ้อ...ดิฉัน เอ้อ...ชินแล้วเจ้าค่ะ”
“ฉันอยากคุยกับสะบันงา”
สังเวียนตาลุก
“ท่านเจ้าคุณจีบมัน”
น้อยหมั่นไส้
“มันยั่วจนท่านหลงกล”
สะบันงาอึกอักเครียด
“เอ้อ...”
“ฉันจะสั่งให้เมี้ยนมาจัดการเรื่องไฟ เรื่องขยายแบ่งแยกห้องน้ำ หญิงและชาย”
เจ้าคุณมองดูแชมพูในมือสะบันงา ยื่นมือไปขอ
“นั่นหรือแชมพูขอดูหน่อย ฉันอยากดมกลิ่นมะกรูด”
“เอ้อ...”
สังเวียนใจหายวับ
“ตายละสิ”
น้อยตะลึง
“แย่แล้ว”
เจ้าคุณจะรับแชมพู สะบันงาส่งให้แบบไม่ค่อยจะกล้า
“อุ๊ย”
ขวดแชมพูตกลงบนพื้นปูนขวดแตก น้ำนองออกมาโดนผ้าที่พื้นขาดทะลุ เจ้าคุณกับสะบันงาต่างตกตะลึง
“น้ำกรด”
เจ้าคุณตั้งสติ กระชากสะบันงาอุ้มยกจนตัวลอย ถอยหนีออกมา
“ระวัง สะบันงา”
สะบันงาตั้งสติได้ คิดถึงเมี้ยนขึ้นมา สะบัดตัวจากเจ้าคุณ วิ่งไปจากที่นั่นทันที
“สะบันงาจะวิ่งไปไหน”
สะบันงาหายไปแล้ว เจ้าคุณมองขวดแชมพู
“ทำไมขวดแชมพูนั่นถึงเป็นน้ำกรด เลวมาก”
เจ้าคุณรีบตามไปทันที
อ่านต่อเวลา 17.00น.
เมี้ยนเดินหอบ เพราะถ่ายไม่หยุด
“โอยหมดแรง ไม่เอาอีกแล้วทำอะไรอย่างนี้ มันย้อนกลับมาหาไม่เราก็คุณหญิงทุกที”
เสียงสะบันงาดังมาไกลๆ
“พี่เมี้ยน แชมพูนั่น อย่าใช้แชมพูนั่น”
“เสียงใครมาโวยวายอะไร”
“พี่เมี้ยน อย่าสระผม อย่าสระผม”
“ใช่แล้ว คุณหญิงท่านจะสระผม ท่านคงรอจนโกรธแล้ว”
เมี้ยนรีบจะขึ้นบันได สะบันงาพรวดมาถึง
“พี่เมี้ยนจ๋า แชมพูนั่นมันเป็นน้ำกรด”
เมี้ยนหน้าตื่น
“ว่าอะไรนะ”
เจ้าคุณตามมา
“มีคนใจทรามเอาน้ำกรดไปใส่ในขวดแชมพูของสะบันงา”
สะบันงารีบถาม
“แชมพูอยู่ไหน”
“คุณหญิง แชมพูอยู่ที่คุณหญิง”
เมี้ยนวิ่งก้าวไปที่บันไดกระโดดก้าวข้ามหลายขั้น สะบันงาวิ่งตาม เจ้าคุณรวบเอวสะบันงาหิ้วไปด้วย
“คุณหญิง”
“ศรี”
สามคนพรวดไปเร็วมาก
สังวรเดินตรงจดจ้องหน้าห้องคุณหญิงศรี เห็นเมี้ยนเดินนำมา โวยวาย
“คุณหญิง คุณหญิงเจ้าขาอย่าใช้แชมพูนั่น มันมีน้ำกรด”
สังวรดีใจมาก แต่รีบถอยหายไปยืนหน้าห้องตัวเอง
“นังศรีเสร็จแน่ ว้าย”
สังวรอ้าปากค้างเมื่อเห็นเจ้าคุณหิ้วสะบันงาใส่เอวตามมาติดๆ
“ศรี...ศรี”
“คุณหญิง โธ่ คุณหญิง”
ทุกคนก็หายไปในห้องศรี ไม่มีใครมองหรือสนใจสังวร
“แชมพูตกไปอยู่ที่หัวศรีก็ดี สะใจ ยังไงก็มีคนโดนจนได้ เฮ้อ…”
สังวรกอดอกยิ้มสะใจ
เมี้ยนเข้ามาในห้องคนแรก
“คุณหญิงเจ้าขา”
สะบันงาตามมากับเจ้าคุณ เมี้ยนหันมามอง สะบันงาตะกายออก เจ้าคุณรีบปล่อยสะบันงา
“คุณหญิงเจ้าขา อย่าแตะต้องขวดแชมพูนะเจ้าคะ” สะบันงาพยายามตะโกนบอก
“ศรี อย่าสระผมนะ”
ในห้องไม่มีคุณหญิงศรี สามคนโพล่งออกมาพร้อมกัน
“ไม่มีใครอยู่”
เสียงคุณหญิงศรีดังมาจากห้องน้ำ
“ใครมาเอะอะอะไรกัน ฉันกำลังจะสระผม”
สามคนหน้าตื่น
“สระผม...อย่า”
สามคนร้องลั่นพรวดไปที่ห้องน้ำ
คุณหญิงศรีใส่เสื้อคลุมผ้าขนหนู กำลังยืนใกล้ฝักบัว เปิดน้ำ เปิดขวดแชมพู เจ้าคุณพรวดเข้ามา
“ศรี ไม่นะ”
เมี้ยนปราดไปปัดขวดแชมพู เจ้าคุณโดดไปอุ้มคุณหญิงศรี รีบถอยออกมา แชมพูหกรถผ้าเช็ดเท้าขาดเป็นรู คุณหญิงศรีตะลึง
“น้ำกรด”
เจ้าคุณพยักหน้า
“ใช่ น้ำกรด”
“มีคนอยากทำร้ายสะบันงา มันลอบเอาน้ำกรดใส่ในขวดแชมพูของสะบันงาเจ้าค่ะ” เมี้ยนบอก
“ใส่ของพี่เมี้ยนด้วย ช่างโหดร้ายเหลือเกิน”
เจ้าคุณโกรธมาก
“เมี้ยน ไปเรียกทุกคนมาพร้อมกันที่ห้องโถงชั้นล่าง”
“เจ้าค่ะ”
“ฉันจะไปรอด้านล่าง สะบันงาดูแลคุณหญิงให้แต่งตัว แล้วตามลงไปฉันล่าง”
“เจ้าค่ะ”
เจ้าคุณออกไปหน้าตาไม่พอใจมาก กับเรื่องที่เกิดขึ้น คุณหญิงศรีหันมาถามสะบันงา
“เล่าเรื่องแชมพูมาสิ เล่ามาทุกขั้นตอน”
“เจ้าค่ะ”
สะบันงาเล่าทุกอย่างให้ฟัง
สังวรทำแสร้งเดินออกมาจากห้อง
“นังเมี้ยนวิ่งไปไหน หรือนังศรีโดนน้ำกรดรดราดหัวไปแล้ว สาธุ”
เจ้าคุณเห็นสังวร
“สังวรมีใครเอาแชมพูสระผมมาให้หรือเปล่า”
“ไม่มีเจ้าค่ะ”
“ถ้ามีแล้วเอาไปทิ้งทำลายนะ”
“เอ้อ มีอะไรหรือเจ้าคะ”
“ไม่ต้องถาม รีบตามฉันลงไป”
“เจ้าค่ะ”
เจ้าคุณกลับลงไป สังวรเริ่มวิตก
“ท่านเจ้าคุณหน้าตาบูดบึ้ง นังสะบันงากับนังศรีก็เงียบเชียบหรือว่า นังสังเวียนทำพลาดอีกแล้ว”
สังวรเริ่มหวาดกลัว แต่ก็ค่อยๆตามเจ้าคุณลงไป
คุณหญิงศรีตีหน้านิ่งมากแต่แววตาดุดัน
“สงสัยว่าใครทำเลวทรามอย่างนี้ สะบันงา”
“หนูนึกไม่ออกค่ะ ว่าจะมีใครใจดำอำมหิตถึงเพียงนี้ ค่ะ”
“เล่าต่อไป”
“ค่ะ”
สะบันงาเล่าต่อ คุณหญิงศรียังคงมีแววตาดุร้ายฟัง
ทุกคนมาพร้อม เมี้ยนก็เช่นเดียวกับ คุณหญิงศรีหน้าตาดุดัน แต่เมี้ยนออกท่าออกทางไม่เก็บอารมณ์ พวกคนอื่นๆอกสั่นขวัญแขวน ซุบซิบ
“ไอ้อีคนไหน บังอาจทำเช่นนี้ ถือเป็นคนเนรคุณ กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา เป็นฆาตกร เลี้ยงเสียข้าวสุข” เมี้ยนเสียงกร้าว
“โชคดีที่พวกเราไม่โดน” แกละพูดขึ้น
ทองหยอดสยองๆ
“คิดแล้วหนาวเหน็บ เสียวไส้ไปถึงหัวใจ”
โรเบิร์ตทำท่าหวาดเสียว
“หัวไอต้องหลุด เหลือแต่กะโหลกแน่ๆ”
“มันมีเจตนาทำร้ายแค่สะบันงา กับคุณเมี้ยน” ซ้งแปลกใจ
เมี้ยนกวาดตามอง
“ออกมากันครบหรือยัง”
น้อยรีบบอก
“นังสังเวียนยังไม่ออกมาค่ะ”
“ไปลากตัวมันออกมา นังนี่น่าสงสัยนักตั้งแต่ครั้งแขกยามนั่นแล้ว”
พวกคนอื่นจึงซุบซิบสังเวียน
สังเวียนอยู่ในห้องพยายามอยากจะหลบ แต่ทำไม่ได้
“ท่านจะจับเราได้ไหมนะ ถ้าท่านจับได้ว่าเป็นเรา เราตายแน่”
เสียงคนเอะอะด้านนอก สังเวียนยังหวาดผวา ตัวสั่น เสียงเมี้ยนดังมา
“ทุกคนรีบไปพบท่านเจ้าคุณที่เรือนคุณหญิงกันให้หมดทุกคนไวไว ท่านโกรธมาก ท่านต้องการหาตัวคนหน้าด้านใจดำ จ้องแต่จะทำร้าย คนอื่น มันช่างอุกอาจนัก หมาตัวไหนที่ทำ แกตายแน่ๆ”
ประตูเปิดออก สังเวียนตกใจ น้อยนั่นเอง
“ว๊าย”
“แกจะมัวมาหลบซ่อนตัวให้ใครสงสัยแกหรือนังสังเวียน แกกล้าทำก็ต้องกล้าเผชิญหน้า หาทางแก้ตัวให้ได้สิ”
“ก็แกนั่นแหละที่แนะช่องให้ฉัน”
“แกนั่นแหละเป็นคนกรอกแชมพูสองขวดสุดท้าย เพื่อทำร้ายนังสะบันงากับนังเมี้ยนไม่ใช่ฉัน”
“แกสั่งให้ฉันกรอก แกหักหลังฉัน”
“แกจะเอาอย่างนั้นแฉกันเลยดีไหม ฉันแก้ตัวได้ง่าย แต่แกคงยากนะ”
“แก แกหลอกใช้ฉัน”
น้อยจ้องหน้า
“ฟังนะ เอาแค่ให้แกรู้ว่าฉันรู้ และแกต้องไม่มาอวดดีใส่ฉัน รีบออกไป ก่อนที่นังเมี้ยนจะมาลากแกออกไป หน้ามันนะแกเอ๊ยหมาแม่ลูกอ่อนยังดุไม่เท่า”
เสียงเมี้ยนดังมา
“นังน้อย แกลากตัวนังสังเวียนออกมา หรือว่าจะให้ฉันไปลากเอง นังนี่ทำตัวน่าสงสัย”
สองคนรีบลนลานพากันออกไป
สะบันงาเล่าจบ คุณหญิงศรีคิดเครียดๆ
“มันต้องเป็นพวกเดียวกับที่ทำร้ายสะบันงาวันแรกที่มาถึง มันจงใจจะให้สะบันงากับเมี้ยน โดนน้ำกรดกัดหัวกัดใบหน้าให้เสียโฉม กลัวมากไหมสะบันงา”
“กลัวใครจะใช้แชมพูนั่นก่อนที่หนูจะมาบอกทันเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีลูบหัวสะบันงา
“ขอบใจ ถ้าเป็นฉันพวกมันคงดีใจมาก ถ้าฉันพิการเสียได้ ไม่เป็นอะไรแล้วสะบันงา ไม่ต้องกลัวนะ ฉันไม่ปล่อยให้ใครมาแตะต้องสะบันงาได้อีกแล้ว”
สะบันงาก้มลงกราบ
“ขอบพระคุณค่ะ”
“ตอนที่อยู่ข้างล่าง สะบันงาอย่าพูดว่าสงสัยใคร ทำนิ่งให้มากที่สุด นี่คือวิธีปล่อยให้คนใจร้ายยอมเปิดเผยตัวตน”
“ค่ะ”
“ถ้าเรื่องราวมันจะไปเข้าว่าเป็นใคร สะบันงาก็อย่าไปสนับสนุน”
“ค่ะ”
“ลงไปข้างล่างกัน”
“ค่ะ”
สองคนพากันลงไปข้างล่าง
เจ้าคุณนั่งหน้าเข้มสีหน้า แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ คุณหญิงศรีนั่งใกล้ๆสะบันงา เมี้ยนกับคนอื่นๆนั่งที่พื้น สังวรมานั่งข้างสังเวียนห่างจากคนอื่น คุณหญิงศรีพูดขึ้น
“สังเวียน สังวร มานั่งรวมกับคนอื่น”
“เอ๊ะ...” สังวรไม่พอใจ
เจ้าคุณเสียงเข้ม
“ได้ยินคุณหญิงสั่งไหมสังวร”
“เจ้าค่ะ”
สังวรเขยิบมานั่งรวมติดคนอื่น เจ้าคุณกวาดตามอง
“คงรู้กันทั่วทุกคนแล้ว ว่ามีเรื่องเลวร้ายที่เกิดจากฝีมือของคนใจดำอำมหิตผิดมนุษย์ คนใจดำคนเลวเช่นนี้ ถึงถาม ก็ไม่ยอมรับดอกว่าทำ เพราะฉะนั้น ฉันจะใช้วิธีสอบถามเรียงตัวแต่ละคน โดยไม่ให้คนอื่นรู้ว่าคนๆนั้นบอกอะไร”
ทุกคนเงียบฟัง สังเวียนมองหน้าน้อยที่หันไปทางอื่น ทำไม่เห็น มือสังเวียนจับมือสังวรแน่น
“ฉันกลัว”
คุณหญิงศรีพูดขึ้น
“หน้าที่นี้ฉันจะมอบให้เมี้ยน เป็นคนสอบถามทุกคน แล้วนำมาบอกฉัน ฉันจะนำเรื่องที่รู้มาไปปรึกษาเจ้าคุณ แล้วพิจารณาว่าใครกันที่ใจดำผิดมนุษย์ปกติเช่นนี้ เข้าใจกันแล้วทุกคนนะ”
ทุกคนรับคำ
“เจ้าค่ะ /ขอรับ”
เจ้าคุณสั่งทุกคน
“ทำตามที่คุณหญิงสั่ง คุณหญิงเชิญที่ตึกโน้น”
“ค่ะ”
คุณหญิงศรีลุกตาม เจ้าคุณมองสะบันงา เมี้ยนพูดขึ้น
“คืนนี้ให้สะบันงาอยู่กับเมี้ยนนะเจ้าคะ เกรงว่าคนใจดำมันอาจจะฆ่าปิดปากสะบันงาเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณเห็นด้วย
“เมี้ยนพูดถูกต้อง”
คุณหญิงศรีหันมาหาสะบันงา
“สะบันงา มานอนกับเมี้ยนนะ”
“เจ้าค่ะ”
สองคนเดินออกไปเมี้ยนกวาดตามองไปทั่วห้อง
“นายยอดไม่ต้องสอบสวน เพราะนายยอดอยู่กับเจ้าคุณตลอดเวลา”
“ขอบคุณมากครับ คุณเมี้ยน”
“ไปได้”
นายยอดออกไป เมี้ยนกวาดตาต่อ มาหยุดที่สังวร
“สังวร”
สังวรโวยทันที
“นี่ อย่ามาสงสัยอะไรฉันนะ”
“ใครว่าฉันสงสัยอะไรหล่อน สังเวียนหล่อนปล่อยมือจากสังวรได้แล้ว”
ทุกคนหันไปมองสังเวียน สังวรรีบสะบัดมือจากสังเวียน เมี้ยนพูดขึ้น
“สังวรหล่อนไปได้”
สังวรแอบยิ้มนิดหนึ่ง มองหน้าสังเวียนที่ละห้อยมาก
เจ้าคุณ กับคุณหญิงศรี นั่งคุยกันเรื่องที่เกิดขึ้นตามลำพัง...
“สรุปว่าเกิดจากการอิจฉาและเกลียดชัง เมี้ยนกับสะบันงา เมี้ยนคงเอาตัวรอดไปได้ แต่สะบันงาคงไม่ไหว”
คุณหญิงศรีหน้าเครียด
“เจ้าคุณห่วงสะบันงามากนะคะ”
“ฉันห่วงทุกคนในบ้าน โดยเฉพาะศรี”
“ขอบคุณมาก เอ้อ...โชคดีมากของสะบันงา เมี้ยนและฉัน ที่จู่ๆคุณก็เปลี่ยนใจไม่พักผ่อน แต่ไปเดินเล่นแถวหลังบ้าน”
เจ้าคุณ อึกอักบ้าง
“ไม่เคยไปตรวจตราดูบ้านมานานแล้ว ก็เลยไปดูความเรียบร้อยพบสะบันงา”
“กำลังจะอาบน้ำ”
“สะบันงาบอกอย่างนั้นหรือ”
“เด็กคนนั้นโกหกไม่เป็นหรอกค่ะแต่เลี่ยงเป็น ถ้าพูดอะไรแล้วทำให้ผู้คนเสียหาย นี่ไงคะที่ฉันบอกว่าต้องขอบคุณคุณมากๆ ถ้าคุณไม่ไปพบสะบันงา ไม่อยากดูแชมพูนั่น ฉันสามคนคงพิการไปแล้ว”
“เราต้องหาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้”
“หรือว่าบางที คนผิดมันอาจมาจากนอกบ้าน แต่มันไปเกิดที่สะบันงา”
“นั่นสิ แขกยามตายไปแล้ว เราต้องหายามคนใหม่ ใครจะเข้านอกออกใน ต้องมีคนเห็น”
“จับมือใครดมก็ไม่ได้ คงต้องระวังตัวกันแจ”
“ศรีควรให้สะบันงามาอยู่กับศรีอย่าให้อยู่เรือนแถว”
“จริงค่ะ ฉันจะให้สะบันงามาอยู่เรือนเดียวกับฉัน ขอบคุณที่แนะนำค่ะ”
“ศรีรู้ไหม ว่าศรีมีบางอย่างที่ฉันทึ่งมาก”
“ฉันสวยกว่านางสาวไทยหรือคะ” คุณหญิงศรีพูดล้อๆ
“อย่าล้อเลียน ฉันหมายถึงการสงบนิ่งของศรี ศรีไม่เคยเอะอะโวยวาย แม้แต่กับเรื่องใหญ่โตมากอย่างเช่นวันนี้ และวันที่แขกยามตาย ศรีคิดได้เสมอว่าจะจัดการอย่างไร บางทีฉันยังคิดไม่ทันศรี”
“ชมหรือจะตำหนิว่าฉันเลือดเย็นคะ”
“ชมสิ ศรี คือศรีภรรยาของฉันจริงๆ”
เจ้าคุณโอบคุณหญิงศรีไว้
ทุกคนนั่งฟังเมี้ยนบอกกล่าว
“ฉันได้ฟังความจากทุกคนครบแล้ว จะเอาความนี้ไปเรียนคุณหญิงต่อไป ใครที่ทำผิดคงใจหายใจคว่ำ ใครไม่ผิดก็ให้มั่นใจว่าไม่มีการจับผิดคน”
น้อยหันไปหาสะบันงา
“สะบันงา สงสัยว่าเป็นใครไหม”
“ฉันไม่เคยสงสัยใครในบ้านนี้สักคนจ้ะ เพราะฉันคิดว่า พวกเราคงไม่มีใครคิดร้ายต่อกันขนาดนี้” สะบันงาบอกตามที่คุณหญิงศรีสั่งไว้
“สะบันงาเขาสงสัยว่า น่าจะมีคนนอกบ้าน ที่วิตถารอำมหิต มันมาทำน่ะ” เมี้ยนแทรก
“แม่คุณเอ๊ย แม่ช่างมองโลกในแง่ดีงามจนเกินเลย พูดแบบนี้ อีคนที่มันทำมันจะได้ใจ” ซ้งแย้ง
น้อยแทรกขึ้นมา
“กุ๊กซ้งใช้คำว่าอี แปลว่า กุ๊กซ้งว่ามันเป็นผู้หญิง”
ซ้งสวนทันที
“หรือแกจะแปลว่ากะเทย”
เมี้ยนตัดบท
“วันนี้พอแล้ว กลับได้”
ทุกคนพากันออกไป สังเวียนแอบโล่งใจ น้อยมากระซิบ
“นังสะบันงา มันโง่”
เมี้ยนหันมาเรียกสะบันงา
“สะบันงาไปกับฉัน ไปเอาเสื้อผ้ามาอาบน้ำที่นี่ ดีไม่ดีมันเอาน้ำกรดใส่ตุ่มไว้ ในบ้านนี้จะมีแต่คนพิการหน้าผี เฮ้อ...ใครน้อ...อยากจะให้คนอื่นเขาตายทั้งเป็น นับแต่นี้ต่อไปตัวมันเองนั่นแหละ” เมี้ยนทำเสียงดุดัน “จะตายทั้งเป็นเอง หลับตาก็ไม่ลง ทุรนทุราย ไม่รู้ว่าวันใดกรรมที่ก่อไว้จะมาถึงตัวเอง”
เมี้ยนยิ้มร้ายๆหมายตาไปที่สังเวียนซึ่งกระอักกระอ่วนเดินสะดุดจะล้ม น้อยต้องดึงไว้
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 5 (ต่อ)
คุณหญิงศรีอยู่ในห้องนอน เมี้ยนมารายงาน
“เมี้ยนคิดว่าใคร”
“แทบไม่ต้องคิดเจ้าค่ะ มันสองพี่น้องนั่นแน่นอน”
“เมี้ยนปูทางไว้อย่างไร”
“ทั้งปูทั้งเปิดทางเจ้าค่ะ ว่าจะมาเรียนให้คุณหญิงทราบ คุณหญิงจะไปคุยกับท่านเจ้าคุณ แล้วจะป่าวประกาศให้ทุกคนรับรู้เจ้าค่ะ”
“ฉันจะไปเรียนท่านเจ้าคุณว่า... สาเหตุน่าจะมาจากโจรนอกบ้าน ที่มันอาจเคยมีเรื่องกับคนใน มันเลยคิดแก้แค้น เดาสวดเดาสุ่ม”
“ไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลเลยนะเจ้าคะ”
“เมี้ยนล่ะก้ออย่ามาขัดคอสิ เอาเถิดน่าเราระวังตัวเรา โอกาสของเราใกล้จะมาถึงแล้ว อย่าทำให้เสียการใหญ่ อดทนอีกนิด”
“เจ้าค่ะ คุณหญิงเจ้าขา เรื่องสะบันงากับเจ้าคุณก็ดูประหลาดอยู่นะเจ้าคะ”
“ท่านชอบสะบันงา”
“เมี้ยนว่าหลงเลยเจ้าค่ะ หาไม่ท่านจะออกอุบายว่าอยากพักผ่อน แต่ที่ไหนได้ ท่านเจาะจงจะไปหาสะบันงา”
“แต่ก็กลายเป็นโชคดีของเราสามคน ขอให้นายศุกลรีบกลับมาไวไวเถิด วันนี้วันพรุ่งได้ยิ่งดี”
“นังน้อยมันบอกว่าที่หน้าห้องน้ำ พอขวดแชมพูตก เจ้าคุณอุ้มสะบันงาเอาไว้เลยนะเจ้าคะ”
“ท่านกลัวสะบันงาโดนกรด”
“ตอนที่สะบันงาวิ่งไปเตือนคุณหญิง ท่านก็เอาสะบันงาเหน็บสีข้างไว้เจ้าค่ะ”
“ท่านกลัวสะบันงา จะมาบอกฉันไม่ทัน”
“คุณหญิงไม่ฉุนหรือเจ้าคะ”
“ฉุนไปทำไม เมี้ยนก็รู้ว่าถ้าท่านขอตรงๆ ฉันจะอ้างอะไรได้ ก็ได้แต่ใช้ลูกล่อลูกชนไปก่อนเหมือนว่าหวง แต่ไม่กีดกัน เพราะมันยังไม่ถึงเวลา”
“เจ้าค่ะ เมี้ยนตามไม่ทันคุณหญิงแล้วเจ้าค่ะ”
“สะบันงาเป็นอย่างไรบ้าง”
“คงผวาอยู่หรอกเจ้าค่ะ”
“สะบันงา สงสัยใคร”
“ทั้งๆที่รู้ แต่รายนั้นไม่มีวันที่จะพูดให้ร้ายใครทั้งที่มันร้ายใส่ คงปล่อยไว้ที่เรือนแถวไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ แร้งกามันแยะ”
“ตรงนี้ก็มีมดจ้องกินน้ำตาล เฮ้อ...เกิดมาสวยเกิดมาดี ไม่ยักโชคดีเอาสะบันงาหนีบไว้ใกล้ตัวนี่แหละดีที่สุด”
“เจ้าค่ะ เอาไว้ไกล้ตัว คุณหญิงรอดตัว แต่คุณศุกลไม่รอด เมี้ยนล่ะกลุ้มแทน”
“ใจเย็นค่อยๆแก้ปัญหาไปทีละเปลาะ ตอนนี้ฉัน เมี้ยน สะบันงา ล้วนเป็นหนี้บุญท่านเจ้าคุณ บุญคุณต้องทดแทนนะเมี้ยน”
คุณหญิงศรีล้มตัวลงนอน เมี้ยนนั่งเกาหลัง
สะบันงาอยู่ในห้องเมี้ยน คิดว่าใครกันหนอที่จ้องทำร้ายตัวเอง ทำไมถึงเกลียดตนนัก
“พี่สังเวียน หรือพี่น้อย หรือทั้งสองคนกันแน่”
เธอเดินมาส่องกระจกดูหน้าสวยงามของตัวเอง
“ถ้าไม่ได้เจ้าคุณเราคงหมดสิ้นความเป็นคนเหมือนตายทั้งเป็น”
สะบันงานึกถึงภาพเจ้าคุณ คว้าเธอมาอุ้มไว้
“ท่านช่วยชีวิตเรา เราเป็นหนี้ชีวิตท่าน ต่ำต้อยอย่างเราคงไม่มีวาสนาได้ทดแทนพระคุณ”
สะบันงามองหน้าตัวเองในกระจก เศร้าๆ
เจ้าคุณพิงพนักเตียงในห้องนอนอย่างครุ่นคิด
“สะบันงา ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอ จะดูแลจะทะนุถนอมเธอเอาไว้จนกว่าจะถึงเวลา จะไม่ขัดใจเธอตราบใดที่เธอไม่ยินยอม...จะขอเธอจากคุณหญิงได้อย่างไรกันหนอ ถึงจะบัวไม่ให้ช้ำ น้ำจะไม่ให้ขุ่น คุณหญิงหวงเธอมากจะหวงไว้ทำไมกันนะ”
เจ้าคุณไม่รู้ว่า คุณหญิงศรีหวงสะบันงาไว้ให้น้องชายตนเอง
สะบันงา ตื่นมาไม่เห็นเมี้ยนในห้อง แปลกใจ
“พี่เมี้ยน ไปไหน”
เมี้ยนเพิ่งตื่นนอนย่องเข้ามาในห้องเจอสะบันงาจ้องตาแป๋ว สะดุ้งนิดหนึ่ง
“ตื่นเช้าจริง สะบันงา”
“พี่เมี้ยนตื่นเช้ากว่าอีกจ้ะ”
“เอ้อ...เมื่อคืนอยู่เป็นเพื่อนคุณหญิงน่ะ คุณหญิงท่านว่าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จให้ขึ้นไปหาแน่ะ”
“ค่ะ”
สะบันงารับคำ
คุณหญิงศรีมองสะบันงาที่นั่งตรงหน้า
“หายตกใจหรือยัง”
“หายแล้วเจ้าค่ะ”
“แต่ยังกลัวใช่ไหม”
“เจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องกลัวฉันจะให้สะบันงามาอยู่กับฉันที่เรือนนี้”
“ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ”
“ฉันก็ขอบใจมาก ที่ไม่กล่าวโทษใคร ทั้งที่ฉันรู้นะว่าสะบันงารู้ อีกไม่นานพวกมันจะแพ้ภัยตัวเอง”
“เจ้าค่ะ”
“รู้ไหมว่าโชคดีที่เจ้าคุณช่วยเอาไว้”
“ทราบเจ้าค่ะ”
“พบท่าน อย่าลืมกราบขอบพระคุณท่าน”
“เจ้าค่ะ”
“ไปหยิบเครื่องเพชรพวกนั้นมาใส่กล่องที่วางไว้ให้หมด”
“เจ้าค่ะ”
สะบันงาไปจัดการทำตามสั่ง คุณหญิงศรีมองแล้วยิ้ม มีแผนบางอย่างในใจ
เจ้าคุณมานั่งรอกินอาหารเรียบร้อย มีสังวรยืนหน้าง้ำ
“สังวรหายแพ้ท้องแล้ว อย่าลืมไปปัดกวาดห้องคุณหญิงอย่างที่เคยพูดไว้นะ”
“เจ้าค่ะ เอ้อ...ท่านเจ้าคุณเจ้าขา สังวร เอ้อ…”
“พูดมา ไม่ต้องเอ้อ...อ้า...”
“สังวรอยากมีแหวนเพชรสักวงเจ้าค่ะ”
“ฉันจะถามคุณหญิงให้ว่าจะอนุญาตไหม”
สังวรหน้างอ แต่ข่มไว้ นึกบ่นในใจ
‘อะไรอะไรก็อีนังศรี มันเป็นเมียหรือว่าเป็นแม่กันแน่’
เมี้ยนเข้ามาพร้อมด้วยอาหารมีแกละถือตามเข้ามา เมี้ยนชะงักที่เห็นเจ้าคุณมานั่งรอรู้ว่าอยากเจอสะบันงา สบตาสังวรใบหน้ายิ้ม
“ไม่ไปเยี่ยมสังเวียนหรือ ได้ยินว่าไม่สบายกะทันหัน ใช่ไหมแกละ”
“ใช่ อ้อ...ฉันโผล่ไปดู เห็นว่ามันนอนคลุมโปง ครางฮือๆ”
“ไปดูน้องสิ สังวร” เจ้าคุณสั่ง
“เจ้าค่ะ”
เจ้าคุณนั่งยิ้มแย้มอารมณ์ดี รอสะบันงาออกมา
สังเวียนร้องไห้ สังวรมองดูถอนใจสงสารน้องแต่ทำอะไรไม่ได้
“ฉันกลัว”
“ฉันไม่กลัว มันสิต้องกลัวฉัน หมั่นไส้แต่ไอ้แก่นั่น ฉันขอแหวนเพชร มันกลับบอกให้รอนังศรีอนุญาต มันเห็นนังศรีเป็นแม่”
“พี่รอดตัวไปแล้ว มีแต่จะได้กับได้ ได้มากได้น้อยก็ไม่มีเสีย แต่ฉันสิหลับไม่ลง พอจะหลับก็ฝันเห็นแต่ภาพท่านเจ้าคุณโบยตีฉันด่าทอว่าฉันจะฆ่านังสะบันงา”
“ไอ้แก่นั่นกำลังอยากได้มัน เมื่อคืนฉันเห็นไอ้แก่อุ้มมันขึ้นเรือนมา หายไปในห้องนังศรี”
“มันอุ้มกันตั้งแต่ตอนที่ขวดแชมพูนั่นตกแตกแล้ว เพราะมันลงมาหานังสะบันงา ตอนนี้มันโชคดีไปนอนเรือนเดียวกับพี่ไปแล้ว”
“หา...นี่มัน ข้ามหน้า ข้ามตาไปแล้วหรือนี่”
“อีกไม่นาน อีนังศรีจะยกมันให้ไอ้แก่ ข้ามหัวพี่ ข้ามหัวฉัน นี่เราไม่มีทางทำอะไรมันได้แล้วหรือ”
“ทำได้ แต่ต้องอาศัยจ้างงานคนข้างนอก ไม่ใช่ลงมือทำเอง”
“แถวราชบุรีบ้านเราก็พอจะมี จัดการมันให้หมด ทั้งอีนังเมี้ยน นังศรี นังสะบันงา”
สองพี่น้องพยักหน้าให้กันเห็นดีเห็นงาม
ในห้องอาหาร...เจ้าคุณนั่งยิ้มตรงหน้าอาหารที่จัดไว้เรียบร้อย เมี้ยนลอบมองอาการเจ้าคุณเงียบๆอย่างจับผิด คุณหญิงศรีเดินลงมา มีสะบันงาตามลงมาด้วย เจ้าคุณมองคุณหญิงศรี และมองเลยไปถึงสะบันงาที่เดินตามหลังมา
“สะบันงา...เอ้อศรี แต่งตัวจะไปเที่ยวนอกบ้านกันหรือ”
“ค่ะ จะไปดูชุดที่จะใส่ไปทอดกฐิน แล้วก็จะเอาเครื่องเพชรไปซ่อม นิดหน่อย”
“เชิญรับประทานอาหารเจ้าค่ะ” เมี้ยนบอก
คุณหญิงศรีเดินไปนั่ง
“หนูขออนุญาตไปเก็บเสื้อผ้าก่อนนะคะ นี่ค่ะกล่องเครื่องเพชร”
สะบันงาวางกล่อง แล้วเดินตัวลีบจะออกไป
“สะบันงา เมื่อสักครู่สั่งว่าอย่างไร ลืมง่ายจริงเด็กคนนี้”
สะบันงานึกได้ ทรุดตัวลงตรงหน้าท่านเจ้าคุณแล้วก้มลงกราบ
“ดิฉันกราบขอบพระคุณที่ช่วยชีวิตดิฉันเมื่อคืนนี้เจ้าค่ะ”
เมี้ยนเอาบ้าง ก้มลงกราบ
“ดิฉันก็เป็นหนี้ชีวิตท่านเช่นกันเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณที่ช่วยชีวิตเจ้าค่ะ”
“ลามปามมาถึงฉันเป็นหนี้ชีวิตคุณด้วย” คุณหญิงศรีพูดขำๆ “กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ ท่านเจ้าพระยาสมิติภูมิ ผู้มีเมตตา”
“ไฮ้...อยู่กันมาตั้งนาน เพิ่งเห็นศรีพูดตลกก็วันนี้”
“ฉันแค่อยากทำเรื่องร้ายๆให้มันดูไม่เคร่งเครียด เพราะเราผ่านพ้นมันมาแล้ว เรื่องเมื่อคืนสอบสวนกันได้ความว่าอย่างไรบ้างเมี้ยน”
“น่าจะเป็นฝีมือคนนอกเจ้าค่ะ คนนอกที่อาจมีเรื่องเจ็บแค้นใจที่สาวๆ คนใดคนหนึ่งไม่ยอมรับรัก มันเลยมาอาฆาตแค้นเหมารวมเจ้าค่ะ” เมี้ยนบอก
เจ้าคุณโกรธ
“เลวมาก แล้วสาวนางไหนหรือที่จะมีคนรักแค้นถึงขนาดจะเอา น้ำกรดมาใส่ให้เสียโฉมกันทั้งบ้าน”
“ฟังจากที่สอบถามทีละคน น่าจะเป็นไม่น้อยก็สังเวียน แกละเจ้าค่ะเพราะสาวที่บ้านนี้หน้าตาดีหมด มีไอ้หนุ่มมาติดพันกันแยะ แต่ยังไม่ปักใจทั้งหมดเจ้าค่ะ” เมี้ยนอธิบาย
“ก็ยังดีที่ไม่ใช่คนในบ้านเราทำร้ายกันเอง สะบันงาย้ายมาอยู่บนเรือนนี้ก็ดีแล้ว จะได้ปลอดภัย”
“เจ้าค่ะ”
สะบันงาคลานถอยออกไป เจ้าคุณแอบมองตามสายตาบ่งบอกความพึงพอใจ คุณหญิงศรีสบตากับเมี้ยนอย่างหนักใจ
ร้านเพชรบ้านหม้อ...กล่องเครื่องเพชรวางบนหลังตู้กระจกโชว์เพชร สะบันงานั่งห่างออกไปจากคุณหญิงศรี และเจ้าของร้าน เมี้ยนกระซิบคุณหญิงศรี
“เมี้ยนไม่เห็นว่ามันจะเจ๊งจะพังตรงไหนถึงกับต้องเอามาซ่อมเลยนะเจ้าคะ”
“เออน่า อย่าทำตัวเป็นอีช่างสงสัยมากไปนักเลย”
“ตกลงว่าคุณหญิงจะให้ทำเหมือนกันขึ้นมาอีกชุดนะคะ” เจ้าของร้านถาม
เมี้ยนมองหน้า คุณหญิงศรีทำไม่รู้ไม่ชี้หันไปยิ้มกับเจ้าของร้าน
“คุณหญิงกำลังคิดอะไรอยู่เจ้าคะ”
เมี้ยนพยายามถาม คุณหญิงศรีหันไปคุยกับเจ้าของร้าน
“ค่ะ อ้อ...แล้วก็ขอแหวนเพชรสามกะรัตสักวง”
“คุณหญิงมีตั้งหลายวงแล้วนะเจ้าคะ หรือว่าจะซื้อมาแจกเมี้ยนเล่น” เมี้ยนขัดอีก
“จะแจกสังวรต่างหาก”
“อะไรนะเจ้าคะ”
“สังวรมันไปขอแหวนเพชรจากท่าน ท่านให้ฉันจัดการให้ก็เลยต้องจัดให้สักวง”
คุณหญิงศรีกระซิบเจ้าของร้าน
“ขอเพชรรัสเซียนะคะคุณหยง”
“ไม่มีปัญหาค่ะ มีอยู่หนึ่งวงพอดีค่ะ”
เจ้าของร้านเอามาให้ดู
“ค่ะ ตกลงค่ะ”
คุณหญิงศรีหันมามองสะบันงาที่เหมือนไม่ได้ฟังอะไรทั้งสิ้น เจ้าของร้านมองสะบันงา
“น้องสาวคนนั้นสวยมากนะคะคุณหญิง”
“ค่ะ สวยมาก ดิฉันรักและเอ็นดูเหมือนญาติ” คุณหญิงศรีหันมาหาสะบันงา “สะบันงา อยากใส่เพชรใส่ทองกับเขาบ้างไหม มาเลือกสิ”
“ขอบพระคุณมากค่ะ แต่หนูเอ้อไม่อยากได้ค่ะ”
“ไอ้คนอยากให้ไม่อยากได้ ไอ้คนไม่อยากให้กลับอยาก เฮ้อ...แต่วันที่สะบันงาไปทอดกฐินฉันจะให้ใส่”
“เอ้อ...หนูไม่ใส่ก็ได้ค่ะ”
“เอ๊ะ เด็กคนนี้ อย่าดื้อสิ”
“อย่าขัดใจคุณหญิงสิ”
“ค่ะ”
คุณหญิงศรีจ่ายเงินค่าแหวนเพชร ส่งให้เมี้ยนถือแล้วพากันเดินออกไป
สังวรดีใจมากได้แหวนเพชรสามกะรัต
“ชอบไหม สามกะรัต” เจ้าคุณยิ้มแย้มถาม
สังวรตื่นเต้นมาก
“สามกะรัต...สวยเหลือเกินเจ้าค่ะ มันคงแพงมากนะเจ้าคะ สังวรกราบขอบพระคุณท่านมากเจ้าค่ะ”
“ไปกราบขอบพระคุณคุณหญิงเอาเองเถิดนะ ถ้าท่านไม่กรุณาสังวรก็จะไม่ได้”
สังวรอึ้งไป
“เจ้าค่ะ เอ้อ...เรียกสังวรมาให้แหวนเพชร แล้วจะให้สังวรกินข้าวด้วยใช่ไหมเจ้าคะ”
“เปล่าหรอก ฉันจะกินข้าวกับคุณหญิง”
“เอ้อ...แหม...”
“กลับไปกราบขอบพระคุณคุณหญิง และอย่าลืมตอบแทนคุณหญิง ช่วยปัดกวาดห้องให้ท่าน ตามที่เคยพูดเอาไว้”
“เจ้าค่ะ”
“กลับไปได้แล้ว”
สังวรจำใจกลับ แต่ก็มีความสุขเพราะได้แหวนเพชร รีบใส่เดินกรีดกรายนิ้วไปมา เจ้าคุณมองตามพึมพำ
“เมื่อไหร่หนอจะได้มีโอกาสกินข้าวกับสะบันงาตามลำพังบ้าง”
เจ้าคุณเอาแต่นึกถึงสะบันงา
ในห้องครัว...นิ้วสังวรที่ใส่แหวนเพชรสามกะรัตชูร่อนไปร่อนมาให้ทุกคนในครัวเห็น ทุกคนพากันมามุงดู
“สามกะรัต”
สังเวียนอยากได้บ้างพึมพำ
“ขอให้ถึงตากูบ้างสักทีเถิด”
น้อยอิจฉามากพึมพำ
“ทำเป็นมาอวดคอยดู กูจะขอสักสิบกะรัตมาเย้ยมึง”
แกละเบ้หน้า
“อนุโมทนาด้วยนะ ที่แกได้ดีมีความสุข”
“สุขแล้วก็อย่าโลภมากลาภมันจะหาย แล้วหายนะจะมาเยือนแก” ซ้งเตือน
สังวรโกรธ
“ไอ้กุ๊กปากเปราะ ท่านกำลังหลงฉันจะเป็นจะตาย ท่านสั่งให้นังนั่น ไปซื้อมาให้ฉัน”
โรเบิร์ตเอือมๆ
“เรียกเจ้านายว่านัง อันแฟร์ (unfair)มากๆ”
ทองหยอดแปลกใจ
“แล้วคุณหญิงก็ทำตามโดยไม่มีขุ่นเคืองเลยรึ”
“โอ้ย จะกล้าหือหรือนั่น ก็ตัวเองผิดมหันต์ ไม่ยอมนอนกับผัว ไปนอนกับอีเมี้ยน หยามผัวปานนั้น อีกอย่างพอฉันมีลูกมันก็เลยมาประจบเอาใจ ฝากเนื้อฝากตัวกับฉันไว้ก่อน”
“นังสังวรพูดอะไรออกมา ให้เอาห้าสิบหาร นะเว้ยเฮ้ย” ซ้งบอกทุกคน
แกละมองหน้า
“ท่านหลงแกมาก ทำไมแกยังไม่เคยได้กินข้าวกับท่านสักครั้ง หลังจากรู้ว่าแกท้อง”
“ก็เอ้อ ฉันแพ้ท้อง กินอาหารคนละอย่างกับท่าน” สังวรแก้ตัว
เมี้ยนจูงสะบันงาพากันเข้ามา
“สังวร ท่านเจ้าคุณให้มาถามหล่อนว่าไปกราบขอบพระคุณคุณหญิงที่ท่านเมตตาซื้อแหวนเพชรให้รึยัง ท่านบอกว่าถ้าคุณหญิงเซย์อะไรนะสะบันงา”
“เซย์ โน ค่ะ”
“แปลว่าไม่” โรเบิร์ตแปล
เมี้ยนมองหยัน
“หล่อนก็จะเซซวดเซซังอดได้ แต่คุณหญิงท่านมีน้ำใจ ใจกว้างกับคนโลภมากอย่างหล่อน ท่านจึงเซย์อะไรนะสะบันงา”
“เซย์ เยส ค่ะ”
“แปลว่า โอเค” โรเบิร์ตแปลกอีก
ซ้งส่ายหน้า
“อุบะ ทำไมไม่แปลฝาหรั่งเป็นไทย ทำไมแปลฝาหรั่งเป็นฝาหรั่ง จีนงงแฮะ สะบันงาแปลว่าอะไรหรือ”
สะบันงายิ้ม
“แปลว่า ตกลง ค่ะ”
เมี้ยนมองสังเวียนกับน้อย
“สังเวียน น้อย หล่อนสองคนยกอาหารไปตั้งโต๊ะที่เรือนฝรั่ง ท่านจะ ดินเนอร์กับคุณหญิง เพื่อ แทง อะไรคุณหญิงนะสะบันงา”
ทุกคนสะดุ้ง
“เฮ้ย”
สะบันงายิ้ม
“Thank you ค่ะ”
ทองหยอดสงสัย
“อ้อ แทงคิ้ว ทำไมถึงจะไปแทงคิ้วคุณหญิงที่มีน้ำใจล่ะ”
โรเบิร์ตส่ายหน้า
“ฟังสะบันงาพูดแล้วพูดตามให้ชัดๆ สะบันงาพูดแล้วแปลสิ”
“Thank you แปลว่าขอบคุณ ค่ะ”
ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ
“อ๋อ...”
เมี้ยนหันไปจูงสะบันงาเดินออกไป สังวรนินทาทันที
“ดูมันสิ...มิน่ามันพากันเอานังสะบันงาไปไว้บนเรือน ไม่ใช่เอาไปให้ท่านเท่านั้น มันสองคนจะเอานังสะบันงาไปแบ่งกันกิน”
สังเวียนหมั่นไส้
“นังนั่นก็แหม ทำหน้าซื่อตาหวานใส่อีเมี้ยนยอมให้มันจูงต้อยๆ”
“แต่ฉันว่า คุณหญิงท่านให้คุณเมี้ยนคุมสะบันงาแจ เพราะกลัวว่าจะโดนหมามันหาทางทำร้ายจนสำเร็จสักวันน่ะสิ”
แกละปรายตาไปที่สังเวียน กับน้อย
เจ้าคุณกับคุณหญิงศรี นั่งในห้องนั่งเล่น เจ้าคุณหอมแก้ม คุณหญิงศรีแอบทำหน้าไม่สนุก
“ทำไมศรีไม่เบิกเงินจากผมไปซื้อแหวนให้สังวร”
“ฉันอยู่ในฐานะคุณนายใหญ่ไม่ใช่หรือคะ คุณนายใหญ่ต้องแสดงน้ำใจต่อคุณนายสอง และอาจมีถึงคุณนายสิบก็เป็นได้”
“พูดเกินความจริงนะศรี ฉันขอมีทีละคน แต่เมื่อใดที่ศรีเลิกหวงตัวกับฉัน ฉันจะไม่มีคนต่อไป Thank you สำหรับน้ำใจที่มีต่อสังวร แต่สามกะรัต ฉันว่ามากไปหน่อยนะ”
“ไม่มีมากสำหรับคนที่เป็นแม่ของลูกคุณหรอกค่ะ”
เจ้าคุณยิ้มพึงใจ
“น่ารักที่สุดคุณหญิงของฉันคนนี้ มาย เดียเบสท์ ไวฟ์ ทั้งสวย ทั้งแสนดี โอบอ้อมอารีกับคนในบ้าน”
“คุณก็เป็นสามีที่แสนดีเช่นกันค่ะ”
“แต่สามีที่แสนดีอยากมีลูกกับภรรยาที่แสนดีคนนี้ เอ้อ...คืนนี้หลังจากดินเนอร์เราสองคน เอ้อ...”
คุณหญิงศรีมีสีหน้าตระหนก ยิ้มแห้งๆ
“ดินเนอร์เสร็จ ค่อยคุยกันเรื่องนี้นะคะ”
“เยส โอ.เค”
เจ้าคุณยิ้มกริ่มท่าทางเจ้าชู้ กอดจูบ คุณหญิงศรีสยดสยองรำพึงในใจ
“คืนนี้จะรอดไปอีกได้ไหมหนอ”
เมี้ยนกับสะบันงาจูงมือกันเข้ามาที่หน้าประตูเข้าตึกเจ้าคุณเห็นภาพเจ้าคุณนัวเนียคุณหญิงศรี เมี้ยนส่ายหน้าหนักใจปวดหัว
“เอาละสิ”
สะบันงาหยุดรีบจะถอยหนี เลยสะดุดหกล้ม
“อุ๊ย”
เมี้ยนแทบจะล้มตามไปด้วย...คุณหญิงศรีกับเจ้าคุณได้ยินเสียงสะบันงา เจ้าคุณหันมามองแทนที่จะปล่อยคุณหญิงศรี แต่กลับยังคลอเคลียไม่ปล่อย
“ดูสิสะบันงาตกใจไม่เคยเห็นผัวเมียหยอกเอิน กัน ตกใจจนหกล้มหกลุก ก้มหน้างุด” เจ้าคุณพูดเสียงดังสะบันงาเมี้ยนได้ยิน
“ปล่อยก่อนค่ะ เด็กมันอายแทนแล้วนะคะ ว่าอย่างไรเมี้ยน”
“ท่านเจ้าคุณให้เมี้ยนไปตามสังวรมากราบขอบพระคุณคุณหญิงเจ้าค่ะ เมี้ยนจึงมาเรียนให้ทราบว่า ไปบอกแล้วน่าจะกำลังมาเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณมองสะบันงา
“สะบันงาเล่าจะมารายงานว่าอย่างไรบ้าง”
สะบันงาอึกอัก
“เอ้อ ดิฉัน คือ...”
คุณหญิงศรีแทรกขึ้น
“ฉันให้เมี้ยนคอยดูแลสะบันงาไว้ ไม่อยากให้ไปไหนตามลำพังค่ะ เกรงว่าอาจมีใครบุกเข้ามาลอบรังแกเอา”
เจ้าคุณหันไปหาเมี้ยน
“เมี้ยนดูแลให้ดีๆก็แล้วกัน อ้อ...เมี้ยน ช่วยไปกับนายยอดไปรับยาบำรุงที่บ้านคุณหลวงหมออดุลย์มาให้ฉัน”
“ทุกครั้งให้นายยอดไปคนเดียวนี่คะ” คุณหญิงศรีแย้ง
“จะให้เอาของขวัญไปให้ลูกชายหมออดุลย์เขาด้วย เพิ่งจะคลอด”
“อ้อ หมออดุลย์ได้ลูกชาย ดีแท้ๆ”
“นายยอดบางทีมันก็พูดจาไม่คล่องเหมือนเมี้ยน ฉันเตรียมไว้แล้วในกล่อง ให้ทองดีที่สุด”
เมี้ยนรับคำ
“เจ้าค่ะ ไปสะบันงา”
เจ้าคุณขัดขึ้น
“เมี้ยนไปกับนายยอดก็พอ ให้สะบันงาอยู่รับใช้คุณหญิง”
ตลอดเวลาสายตาเจ้าคุณจับจ้องแต่สะบันงา เมี้ยนแอบสบตา คุณหญิงศรีพยักหน้าให้เมี้ยนทำตาม สะบันงายังคงนั่งพับเพียบก้มหน้างุด
เมี้ยนเดินบ่นออกมาด้านหน้าตึก
“เห็นสายตาก็รู้ว่าท่านเจ้าคุณพึงใจสะบันงาจนระงับไม่อยู่ เห็นสายตาก็รู้ว่าคืนนี้คุณหญิงคงไม่รอด โอ๊ย หนักอกหนักใจแท้ๆ”
เมี้ยนเดินไปอีกทาง สังวรเดินหน้าง้ำ สังเวียนกับน้อยยกถาดอาหารตามหลังมา สองคนตั้งใจจะโชว์ตัวกับท่านเจ้าคุณเต็มที่
“เงินก็ของตัวเอง สมบัติก็ของตัวเอง ทำไมต้องให้กูมากราบขอบคุณนังนั่น ไอ้แก่นิ ถ้ากูไม่อยากเขยิบฐานะ กูหนีกลับบ้านไปนานแล้ว แก่คราวพ่อใครจะอยากได้เป็นผัว”
“ก็เห็นอยากกันจนตัวสั่น ถึงขั้นพี่น้องไม่ยอมกันทั้งนั้น นี่ถ้าแกจับ ไม่ได้ไม้ยาว ไม่ชนะโอน้อยออกวันนั้น แกมาไม่ถึงวันนี้หรอก” น้อยแดกดัน
สังวรจ้องหน้า
“แกอิจฉาฉัน”
“แกได้ดียังหลงตน ยกตนข่มท่านที่เท่าเทียมกันไม่พอ หลงไปยกตนข่มคุณหญิง ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อว่าคุณหญิงจะหงอแก นังขี้โม้”
สังเวียนหันมาตวาด
“นังน้อย แกนั่นแหละ นังแกะดำ หักหลังพวกตัวเอง ฉันสงสัยว่าแกจะปากลำโพงเอาเรื่องที่เราปกปิดกันไว้ ไปฟ้องนังเมี้ยน”
“นี่แกสองคนพี่น้องรุมฉัน เดี๋ยวแม่ตบด้วยถาดอาหาร”
สังวรไม่กลัว
“ก็ลองสิ นึกหรือว่าฉันไม่อยากตบแกด้วยถาดอาหารของนังสังเวียนหรือมาแลกตบกัน แล้วดูสิว่าท่านจะเข้าข้างกูหรือมึง นังสังเวียนตบมันเลย”
สองคนต่างยกถาดอาหารขึ้นจะทุ่มใส่กัน สะบันงาออกมา
“พี่สังวร ท่านเจ้าคุณให้เข้าไปไวๆ”
สามคนหยุด สังวรเดินมาผลักสะบันงาแรงมากจนล้มลง แล้วเดินข้ามตัวสะบันงาไปหน้าตาเฉย
“ไม่ต้องมาออกคำสั่ง รำคาญ หลีกไป”
สะบันงาล้ม สังเวียนกับน้อยพากันยกถาดอาหารเดินข้ามสะบันงาไปหน้าตาเฉยเช่นกัน สะบันงามองตามใจคอห่อเหี่ยว
“นกกาที่มาอาศัยบ้านนี้มากมายเกินไป แม้ว่าร่มโพธิ์ร่มไทรจะกางใบกางกิ่งก้านมาปกป้อง แต่นกกาทั้งหลายกลับชิงดีชิงเด่น เกลียดชังกันและกัน จิกตีกัน หวาดระแวงกันเราก็เช่นกัน คุณศุกลขากลับมาสักทีสิคะ หนูขอเพียงร่มเงาเล็กๆพออาศัยก็เพียงพอแล้ว”
สะบันงาพึมพำน้ำตาคลอไปด้วย
ในห้องนั่งเล่นตึกเจ้าคุณ...สังวรเดินเข้ามารีรอไม่ยอมนั่ง เจ้าคุณหันไปสั่ง
“นั่งสิสังวร แล้วกราบขอบพระคุณคุณหญิง”
“เอ้อ” สังวรก้มลงมองท้องเอามือลูบ
คุณหญิงศรีพูดขึ้น
“สังวรคงนั่งไม่ลงหรอกค่ะ ท้องมันใหญ่มันค้ำ ลุกนั่งลำบากมานั่งบนเก้าอี้สิ”
สังวรมานั่งเก้าอี้ เจ้าคุณหมั่นไส้สังวรพอสมควร
“ฉันจะออกไปเดินเล่นหน้าบ้าน สักครู่จะกลับมา”
เจ้าคุณเดินออกไปทิ้งสังวรให้อยู่กับคุณหญิงศรีตามลำพัง สังวรยังไม่เอ่ยคำขอบคุณ คุณหญิงศรีมองสังวรยิ้มน้อยๆในใจคิดอะไรสังวรเดาไม่ออก
ในห้องอาหาร...สังเวียนกับน้อยหน้างอใส่กัน กระฟัดกระเฟียด ทะเลาะกัน
“เบื่อเป็นขี้ข้าจริงๆ” สังเวียนแดกดัน
น้อยสวน
“เบื่อขี้ข้าที่ชอบหาเรื่องคนอื่น พยายามจะรุมคนอื่นจริงๆ”
“เพราะแกไม่น่าไว้ใจ รู้ไส้รู้พุงกันเอง แต่พยายามจะเล่นงานกันเอง”
“แกเป็นคนลงมือเอง ถ้าแกไม่อยากทำแล้วแกทำทำไม แกทำแล้วจะโทษใครได้ นอกจากตัวแกเอง ไม่พูดให้หมดเปลือกก็บุญแล้ว”
“นังลิ้นสองแฉก แกฉวยโอกาสข่มฉัน”
เจ้าคุณเดินมาเงียบๆสองคนกำลังจ้องหน้ากัน เจ้าคุณสั่งเสียงเข้ม
“กลับไปได้แล้ว ทั้งสองคน”
สองคนอึ้งไป
“กินข้าวหม้อเดียวกัน อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน สามัคคีกันเข้าไว้ ไปซะ”
สองคนจำใจออกไป เจ้าคุณมองตาม ส่ายหน้า
“มากคนมากความแท้ๆ ร้อยพ่อพันแม่ปกครองยากจริงๆ”
เจ้าคุณมองไปภายนอกบ้าน แล้วยิ้มแย้มขึ้นมาทันที
คุณหญิงศรีรู้ทันสังวรทุกอย่าง เดาความคิดออกหมด สังวรยังคงนั่งหน้าตึงเมินหน้าไปอีกทาง เพราะอย่างไรก็เกรงบารมีคุณหญิงศรีจึงไม่บังอาจสบสายตาตรงๆ สังวรคิดในใจ
‘ทำไมกูต้องมากราบไหว้มึง มึงก็แค่เมียเอาไว้อวดผู้คน แต่กูต่างหากเมียตัวจริง มีลูกของเขาอยู่ในท้อง’
คุณหญิงศรีมองหน้าสังวร
“สังวรคงสงสัยว่าทำไม ท่านจึงบังคับให้สังวรมากราบขอบคุณฉัน เพราะสังวรกำลังมีลูกของท่านอยู่ในท้อง แต่สังวรคงไม่ทราบหรอกว่าฉันไม่ได้ใช้เงินของท่านซื้อ ฉันถือว่าเป็นของขวัญสำหรับคนที่จะให้ลูกกับท่านเจ้าคุณ ฉันอยากผูกมิตรกับสังวรนะ”
สังวรหันมามองแปลกใจ
“อยากผูกมิตรกับฉันจริงหรือ”
“จริงสิ สังวรคงมีลูกกับท่านหลายคน หนึ่งในนั้นอาจเป็นลูกชาย และนั่นคือผู้สืบสกุลสมิติภูมิ แล้วฉันจะไปตั้งตัวเป็นศัตรูกับสังวรไปเพื่ออะไร เพราะฉันคงต้องพึ่งพาลูกชายของสังวร”
สังวรรำพึงในใจนั่นปะไร นังนี่มันกลัวเราจริงๆ
“อ้าว แล้วไม่คิดจะมีลูกกับท่าน สักคนเลยหรือ”
“ฉันไม่อยากมีลูก ฉันไม่ชอบเลี้ยงเด็ก สังวรเรามาคุยกันดีๆ สนุกๆผูกมิตรกันไว้ ไม่ต้องมาเคารพนบนอบอะไรฉัน เราเท่าเทียมกัน สังวรเหนือกว่าฉันด้วยซ้ำเพราะมีลูกกับท่าน”
สังวรยิ้มเริ่มใจกล้าที่จะพูดคุยกับคุณหญิงศรี สังวรหัวเราะเยาะในใจ
‘น่าสมเพช’
คุณหญิงศรีทำหน้าสงบนิ่งมองสายตาเยาะเย้ยของสังวรออก
สะบันงามานั่งซุกที่ม้านั่ง น้ำตาซึมแอบปาดน้ำตา สังเวียนกับน้อยเดินกระฟัดกระเฟียดใส่กันออกมา
“อยากจะด่าให้ถึงโคตรเง่า” สังเวียนบ่นอย่างหงุดหงิด
“อยากจะตบให้ปากเจ่อไปจนตาย” น้อยแค้นๆ
“อยากจะ...” สังเวียนมองไปเห็นสะบันงา
“อยากจะ...” น้อยชะงักเห็นสะบันงา
สะบันงาเอาหลังมือปาดน้ำตา สังเวียนมองสะบันงา
“นังสะบันงา”
“มานั่งร้องไห้ทำไม” น้อยแปลกใจ
สองคนต่างสืบเท้าไปหาสะบันงาแบบอัตโนมัติ
“สะบันงา”
สะบันงาสะดุ้ง รีบปาดน้ำตา
“เอ้อ พี่สังเวียน พี่น้อย เอ้อ...”
สังเวียนจ้องหน้า
“แกร้องให้ทำไม”
“โดนใครด่า หรือว่ายัย เอ๊ย...คุณเมี้ยน มันดุเอา” น้อยถามอย่างสงสัย
“เปล่าจ้ะ ฉันคิดถึงแม่น่ะจ้ะ”
“แม่ไปไหน” สังเวียนถาม
“ตายแล้วจ้ะ”
“แล้วคุณหญิงไปเก็บแกมาจากที่ไหน” น้อยถามต่อ
“ฉันขอไม่ตอบนะจ๊ะ”
สะบันงาประนีประนอมแต่ก็ใช่คนที่จะยอมทำอะไรบางอย่างที่ไม่อยากทำ สังเวียนมองเหยียด
“ไม่กล้าตอบเพราะว่าแกมาจากที่ที่น่าอับอายขายหน้า”
น้อยมองอย่างดูถูก
“หรือว่าแกมาจากบ้านโคมเขียว”
สะบันงาลุกพรวด
“ฉันขอตัว จะเข้าไปรับใช้คุณหญิง”
สองคนฉุดสะบันงาไว้คนละข้าง
“แกอยากจะเข้าไปรับใช้ท่านเจ้าคุณ แล้วมาอ้างคุณหญิง” สังเวียนต่อว่า
“แกอย่ามาเอาคุณหญิงบังหน้า” น้อยตวาด
สังเวียนไม่พอใจ
“คุณหญิงอยู่กับพี่สาวฉัน แกจะรีบเข้าไปรับหน้าท่านเจ้าคุณ”
สะบันงาตื่นกลัว
“ขอโทษนะจ๊ะ ฉันเป็นคนไม่อ้อมค้อม ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม คิดเช่นไรก็พูดเช่นนั้น ปล่อยมือฉันเถิด”
สองคนเสียงแข็ง
“ไม่”
สังเวียนจ้องหน้า
“ไม่ให้ไปจนกว่าพี่สังวรจะออกมา”
น้อยมองอย่างเกลียดชัง
“แกมันหาโอกาสจะไปเสนอตัวกับท่านเจ้าคุณ”
สองคนยื้อยุดสะบันงาไว้
สังวรกับคุณหญิงศรียังพูดคุยกันอยู่ สังวรเรียกร้องเพิ่มขึ้น
“ถ้าหากเห็นว่าฉันมีความสำคัญดั่งที่พูดออกมา ทำไมไม่ยอมให้ฉันกินอาหารร่วมโต๊ะด้วย”
“เป็นความต้องการของหล่อน แต่อาจไม่เป็นความต้องการของท่าน หล่อนบอกท่านเองเถิด”
“ฉันเคยบอกแต่ท่านไม่ยอม ท่านจะต้องบอกให้ฉันมาบอกเธอ เอ๊ย คุณหญิง”
“ได้สิ” คุณหญิงศรีนึกดีใจที่จะได้หลบเจ้าคุณ “ฉันจะบอกท่านเจ้าคุณให้”
สังวรยิ้มกริ่ม รำพึงในใจ มันกลัวเราจริงๆด้วย
“บอกท่านว่า คุณหญิงต้องการให้ฉันกินข้าวด้วย”
“ตกลง”
“ดี ฉันได้ดีเมื่อมีลูกหลายๆคน ถ้ามีลูกชายจะไม่ลืมคุณหญิงหรอกนะ”
“ขอบใจ”
คุณหญิงศรียิ้มแววตาไม่เชื่อสังวร แต่สังวรก็อ่านไม่เป็น
สะบันงายังจัดการตัวเองให้รอดจากสองคนไม่ได้
“ขอร้องอย่ามายื้อยุดฉันไว้เลยนะพี่ทั้งสอง”
“แกบอกมาก่อนว่านัง เอ้อ คุณหญิงเอาแกมาอยู่ด้วยทำไม มีเจตนาจะเอาแกมายกให้ท่านเจ้าคุณใช่ไหม” สังเวียนถามเสียงเข้ม
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ใช่ พวกพี่ก็ไม่เชื่อ”
น้อยมองหน้า
“หรือว่าเอาแกมายกให้บำเรอยัยคุณเมี้ยน”
สะบันงาหน้าตื่น
“พวกพี่พูดจาไม่น่าฟัง ฉันไม่อยากพูดด้วยกับคนที่พูดถึงคนอื่นไม่ดี”
สองคนโกรธ
“หนอยแน่ะ”
สังเวียนเบ้หน้าดูถูก
“แล้วตัวแกดีมาจากไหน ฉันนี่แหละเป็นน้องเมียท่านเจ้าคุณเจ้าของบ้าน ส่วนแกก็แค่คนอาศัย เชอะ”
สังเวียนผลักสะบันงาเซไป หัวทิ่มแทบจะล้ม เจ้าคุณโผล่มารับไว้ มองสองคนไม่พอใจ เจ้าคุณรวบสะบันงาไว้กับตัว สองคนทั้งตกใจทั้งอิจฉา รีบย่อตัวลงนั่งกับพื้น สะบันงาใจหายวับ
“สะบันงาไม่ใช่คนอาศัย คุณหญิงนับญาติกับสะบันงา อย่าให้ฉันเห็นเรื่องไม่งามเกี่ยวกับสะบันงาจากพวกหล่อนสองคนอีก หาไม่ฉันจะเข้าใจเอาว่า หล่อนสองคนคือผู้ทำร้ายสะบันงามาสองครั้ง และครั้งนี้คือครั้งที่สาม”
สังเวียนแก้ตัวทันที
“บ่าวไม่ได้ทำเจ้าค่ะ แต่ยื้อมือไว้เพราะจะถามไถ่ สะบันงากระชากหลุดไปจึงเซ”
น้อยแก้ตัวอีกคน
“บ่าวก็แค่ทำตามที่สังเวียนบอกให้ช่วยยื้อไว้เท่านั้นเจ้าค่ะ ไม่มีเจตนาจะทำร้ายสะบันงาเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณจ้องหน้าเอาจริง
“ฉันจะถามความจริงจากสะบันงา เพราะว่าเขาจะไม่กล่าวร้ายพวกหล่อน ไปซะ”
สองคนรีบไปทันที พอหันกลับสองคนพูดพร้อมกัน
“หมั่นไส้อีสะบันงา”
เจ้าคุณปล่อยสะบันงาที่ตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก
“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายสะบันงา ไม่ต้องก้มหน้ามองหน้าฉันสบตาฉัน จะได้รู้ว่าฉันจริงใจในคำพูดของฉันมากเพียงไหน”
สะบันงายิ่งก้มหน้า เจ้าคุณจับคางสะบันงาให้เงยหน้าขึ้น ประคองหน้าให้หันมา เจ้าคุณมองลงไปยิ้ม แล้วขมวดคิ้วเพราะดวงตาทั้งสองของสะบันงามีน้ำตาไหลพราก
“ร้องไห้ทำไมสะบันงา สองคนนั้นทำร้ายเธอมากกว่าผลัก ใช่ไหมเธอจึงร้องให้”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ เขาทำแค่นั้นจริงๆเจ้าค่ะ แต่...”
“แต่อะไรหรือ”
“ดิฉันคิดถึงแม่ เจ้าค่ะ”
สะบันงาสะอื้นฮักด้วยความรันทด เพราะว้าเหว่มาก เจ้าคุณสุดสงสาร ยกมือปาดน้ำตาให้
“เด็กน้อยที่น่าสงสาร อย่าร้องให้นะเด็กดี”
เจ้าคุณเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดของสะบันงา มือหนึ่งประคองหน้า มือหนึ่งเช็ดน้ำตา ด้วยอาการทะนุถนอมยิ่งนัก
สังวรยังกระหยิ่มต่อไม่เลิก คุณหญิงศรีสงบนิ่งมาก มีเพียงดวงตาที่ดูน่ากลัว
“ฉันต้องการบ้านหนึ่งหลังสร้างตอนนี้ทันที”
“ไม่มีปัญหา ฉันจะบอกท่านเจ้าคุณให้”
“ไม่ใช่บอกเท่านั้น ช่วยขอให้ทำตามที่ฉันต้องการด้วย”
“ได้สิ”
“อ้อ เรื่องยัยเมี้ยน มันอวดดีกับฉันมากเกินไป บอกให้มันอ่อนน้อมกับฉันด้วย”
“ฉันจะบอกเมี้ยน”
“ป่านนี้พวกบ่าวมันคงตั้งอาหารเสร็จแล้ว ฉันจะออกไปกินอาหารกับท่านเจ้าคุณ”
“อาหารเขาจัดไว้แค่สองที่ หล่อนกินกับท่านเถอะ ฉันจะไปตามสะบันงากลับเรือนของฉัน”
“ขอบใจนะที่พูดจากันง่ายๆ ไม่โยกโย้”
“เพราะฉันไม่ชอบโยกโย้”
พูดจบคุณหญิงศรีลุกขึ้น อดทนกับสังวรสุดๆ แล้วเดินออกไป สังวรเดินบ้างพยายามเดินให้เสมอ คุณหญิงศรีปรายตามอง
“เมื่อไหร่ จะมีใครในบ้านนี้เรียกฉันว่าคุณสังวรสักที”
“วันที่ลูกหล่อนเกิด ทุกคนต้องเรียกลูกของหล่อนว่าคุณหนูและวันนั้นหล่อนคงสามารถสั่งให้ใครๆเรียกหล่อนว่าคุณสังวรได้เต็มปากด้วยตัวเอง พอใจไหม”
คุณหญิงศรีชักเริ่มรำคาญมาก สังวรมองตามพึมพำ
“แค่คุณมันน้อยไปกูอยากให้มันพวกนั้นเรียกกูว่าคุณหญิง”
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 5 (ต่อ)
สะบันงาทำอะไรไม่ถูกตัวยิ่งสั่น เจ้าคุณยิ่งเอ็นดูชอบใจ
“สั่นเป็นลูกนกโดนฝน เมื่อไหร่จะหายสักที”
“ได้โปรด ปะปล่อยดิฉัน เถิดนะเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีออกมาจากในตึกชะงักกับภาพที่เห็นเจ้าคุณมือหนึ่งปาดน้ำตา มือหนึ่งประคองหน้าสะบันงา คุณหญิงศรีพึมพำ
“ศุกล ทำไมไม่รีบกลับมาช่วยสะบันงา ก่อนที่มันจะช้าเกินไป”
คุณหญิงศรีไม่ไปไหนได้แต่ยืนนิ่ง ไม่กล้าทักท้วงเพราะตัวเองไม่ยอมนอนกับเจ้าคุณ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ขวางไม่ได้
ในห้องอาหารเจ้าคุณ สังวรนั่งภูมิใจที่จะได้กินอาหารกับท่านเจ้าคุณ
“ต่อไปนี้ สังวรจะได้นั่งโต๊ะกินอาหารกับท่านเจ้าคุณตลอดไป ในฐานะเมียคนสำคัญที่กำลังจะให้กำเนิดทายาท เฮ้อ...นังศรียอมแพ้เราอย่างง่ายดาย เอ๊ะ ทำไมท่านไม่อยู่ในห้องกินข้าว”
สังวรเดินออกไปจากห้องกินข้าว
สะบันงา สบตาเจ้าคุณวิงวอนให้ปล่อย
“ได้โปรดปล่อยดิฉันเถิดเจ้าค่ะ”
“เธอหวงตัวไว้ให้ใครหรือ สะบันงา”
“เปล่าเจ้าค่ะ เพียงแต่ดิฉันสมควรระวังตัว ไม่ต้องการปล่อยเนื้อปล่อยตัว มันไม่สมควรเจ้าค่ะ คุณหญิงบอกเสมอว่าดิฉันยังเด็กเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณฟังสะบันงา เห็นมีเหตุผลจึงปล่อย
“เธอกับคุณหญิงแม้ต่างวัยกัน แต่พูดจาออกมาทำนองเดียวกันแท้ๆ หาเหตุผลมาหักล้างจนฉันต้องจนมุมจนได้สิน่า ปล่อยก็ปล่อย แต่ปล่อยแล้วอย่าเพิ่งผละหนีไป”
สังวรมาจากอีกด้าน สังวรโดดมาลืมนึกว่าท้องอยู่ ปราดมากระชากสะบันงาแล้วตบหน้าฉาดโดยแรง สร้างความตะลึงให้เจ้าคุณ
“อีสะบันงา มึงกล้าแย่งผัวกู”
สะบันงากุมหน้าร้องให้โฮ เจ้าคุณโกรธมาก
“สังวรหล่อนบ้าไปแล้วหรือ ถือสิทธิ์อะไรไปทำร้ายคนอื่น กุ๊ย สถุลมาก”
คุณหญิงศรีปราดไปเช่นกันกำมือแน่นจะไปตบสังวร
“อีคางคกขึ้นวอ ฉันหมดความอดทนกับหล่อนแล้ว หล่อนต้องโดนสั่งสอน”
แต่คุณหญิงศรีก็ไม่ทันเจ้าคุณที่ฟาดมือลงบนหน้าสังวรโดยแรงสองครั้งซ้อน สังวรกรีดร้องโหยหวนราวกับจะขาดใจ
“ท่านเจ้าคุณทำร้ายเมียได้ลงคอ”
“นี่คือการสั่งสอน เพราะหล่อนอวดดีนักสมควรโดนสั่งสอน”
เจ้าคุณเงื้อมืออีก คุณหญิงศรีเข้ามามีสติแล้วจึงลดมือ สะบันงาผวามาดึงมือเจ้าคุณไว้
“อย่าเจ้าค่ะ พี่สังวรกำลังท้องนะเจ้าคะ”
“มันน่าโดนหวายหวดทั้งที่ท้องนี่แหละ”
คุณหญิงศรีขัดขึ้น
“ทำไปเช่นนั้นมันจะมีประโยชน์อะไรคะ ทำเขาก็เท่ากับทำลูกตัวเอง สังวรทำไมจึงทำอย่างนั้นกับสะบันงา”
คุณหญิงศรีถามสังวรเพราะอยากให้พูดอะไรโง่ๆออกมา
“ก็ไม่เห็นหรือว่ามันกำลังออดอ้อนผัวเรา มันยั่วยวนท่านเจ้าคุณหรือว่าตัวเองไม่หึงหวง แน่ละสิเพราะว่าตัวเองเป็น…”
เจ้าคุณตวาดทันที
“หยุดนะสังวร หรือว่าอยากโดนตบซ้ำที่ปาก”
เจ้าคุณเงื้อมืออีก คุณหญิงศรีห้ามไว้
“อย่าค่ะ พอทีค่ะ มันจบไปแล้ว สะบันงากลับเรือนเรา”
คุณหญิงศรีเดินเข้าไปจับแขนสะบันงาพาเดินออกไป สังวรร้องไห้ร้องห่มกอดขาท่านเจ้าคุณแน่น เอาหน้าซบ ที่ขา
“สังวรขอโทษ สังวรเพียงแต่ไม่พอใจแทนคุณหญิงเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องไปเดือดร้อนแทนคนอื่น จัดการตัวเองให้ดีเท่านั้นก็เพียงพอ นี่ถ้าสังวรไม่ได้ท้อง ฉันจะเฉดหัวไปจากบ้านทันที ไปให้พ้น”
“คุณหญิงสั่งว่าต่อไปนี้ให้สังวรกินข้าวกับท่านเจ้าคุณทุกวันนะเจ้าคะ”
“แต่ฉันไม่กินกับหล่อน ถ้าหล่อนอยากกิน หล่อนกินไปคนเดียว ฉันจะไปกินเรือนคุณหญิง”
เจ้าคุณเดินไป สังวรยังพยายามเกาะติดขาเจ้าคุณไว้ร้องไห้ไปด้วย เจ้าคุณก้มลงไปดึงสังวรขึ้นมายืน แล้วชี้ที่ท้อง
“ถ้ารักลูก และต้องการให้ฉันพอใจก็ขอให้หล่อนสงบจิตใจ สงบปากสงบคำ หาไม่ถ้าหล่อนคลอดลูก ฉันรับลูกหล่อนแล้วเอาใส่ชื่อว่าเป็นลูกคุณหญิง จากนั้นก็เฉดหัวหล่อนไป หล่อนไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะได้พบลูก ฉันจะไม่ให้ลูกรู้ว่าหล่อนคือแม่ หล่อนกุ๊ยเกินกว่าจะเป็นแม่ของเขา”
เจ้าคุณปล่อยสังวรไว้ แล้วเดินจากไป สังวรร้องให้โฮๆ
“อีศรี อีสะบันงา กูเกลียดมึง”
น้อยแอบมองสาแก่ใจ
“สมน้ำหน้านังสังวรโดนตบ สะใจไม่มีอะไรเปรียบ”
น้อยหันกลับย่องไปรายงานพวกพ้อง
บ้านหมออดุลย์...หมออดุลย์รับกล่องทองจากเมี้ยน มืออีกข้างอุ้มลูกไว้
“เรียนท่านเจ้าคุณด้วยว่า ฉันขอบพระคุณมาก”
“เจ้าค่ะ คุณหลวง บุตรชายของคุณหลวงช่างน่ารักน่าเอ็นดูมากนะเจ้าคะ”
“นั่นสิทำไมคุณหญิงของเมี้ยนไม่มีสักคนเสียที จะได้มาเป็นเพื่อนกันกับลูกฉัน นี่จะสอนให้รักการเป็นหมอตั้งแต่เล็กๆทีเดียว นะครับหมออุดรของพ่อ”
หมอยื่นลูกให้เมี้ยนดู
“คุณหมออุดรน้อยเจ้าขา โตมาเป็นหมอรักษาท่านเจ้าคุณกับคุณหญิงกับคุณพ่อนะเจ้าคะ”
“รักษาแน่นอนใช่ไหมครับลูก”
“ดิฉันกราบขอบพระคุณและกราบลาเจ้าค่ะ”
เมี้ยนยกมือไหว้หมออดุลย์
“อย่าลืม ยาบำรุงให้ท่านเจ้าคุณ”
“ไม่ลืมเจ้าค่ะ”
เมี้ยนหยิบยา
ในเรือนคุณหญิงศรี...สะบันงาก้มลงกราบขอโทษ
“หนูกราบขอโทษคุณหญิงค่ะ หนูทำผิด หนูปล่อยตัว”
“สะบันงาไม่ได้ผิดไม่ได้ปล่อยตัว ที่ท่านทำเช่นนั้นกับสะบันงา ท่านไม่มีเจตนาอื่นใดนอกจากจะปลอบโยน ที่เห็นสะบันงาโดนรังแก เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ”
“ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะโกรธ ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณศุกลคงกำลังเดินทางกลับในเร็ววันนี้ แล้วทุกอย่างจะจบลงด้วยดี สะบันงาอดทนรอเขานะ”
“ค่ะ”
เจ้าคุณตามเข้ามา
“ศรี ฉัน เอ้อ จะมากินข้าวที่นี่กับศรี”
“แล้วสังวรเล่าคะ”
“อย่าเพิ่งเอ่ยถึงคนถ่อยนั่นให้ฉันอารมณ์เสีย สะบันงาเจ็บมากไหม”
“เอ้อ...ไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ ที่ห่วงใย”
คุณหญิงศรีหันมาสั่ง
“สะบันงา ไปบอกแกละยกอาหารมาที่นี่”
“ค่ะ”
เจ้าคุณมองตามหลังสะบันงาที่เดินหายไปแล้วหันมาบอกคุณหญิงศรี
“ใช่ว่าฉันจะแก้ตัว ที่ศรีเห็นนั่นใจของฉันไม่ได้นึกถึงเรื่องชู้สาวกับสะบันงาหรอกนะ”
“ฉันเชื่อค่ะ แต่สังวรไม่เชื่อ”
“สังวรไม่มีสิทธิ์ จะมาเชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องสะบันงา ศรีเชื่อใจฉันไหม”
“เชื่อสิคะ ฉันอธิบายให้สะบันงาเข้าใจแล้วค่ะ สะบันงาก็เชื่อ”
“ขอบคุณมาก แปลกนะศรี คนเราไม่มีสิทธิ์เลือกเกิดได้ แต่เกิดมาแล้วมีสิทธิ์เลือกคิดดีทำดีได้ แต่บางคนเลือกบางคนไม่ยอมเลือก ผลลัพธ์ของมันจึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”
“นี่แหละคนค่ะ”
เจ้าคุณดึงมือคุณหญิงศรีมากุม
“นี่แหละคนดีของฉัน”
คุณหญิงศรีปล่อยให้เจ้าคุณกุมมือไปเรื่อยเปื่อย
ในครัว...น้อยกำลังวาดท่าทางตอนเจ้าคุณตบสังวร และท่าทางสังวรกรีดร้องตอนโดนตบ
“ท่านเคืองมาก ตบนังคุณนายคางคกขึ้นวอสองแก้มอย่างแรง จนมันลงไปดิ้นพราดๆ เหมือนโดนน้ำร้อนลวก ร้องกรี๊ดๆ เหมือนเปรตวัดสุทัศน์”
“แล้วท่านว่าอย่างไร” แกละถาม
“ไม่ว่าอย่างไรทั้งสิ้น ท่านจะตบมันซ้ำ ฉันว่านะ นังสะบันงาคนนี้ไม่แคล้วโดน...”
สะบันงาเดินเข้ามา สังเวียนหันหลังอยู่ น้อยหันมาหุบปาก สังเวียนพูดต่อ
“มันทำให้พี่สาวฉันโดนลงโทษ ฉันจะไม่ไว้มันแน่ ครั้งหน้าแม่จะเอา...”
สังเวียนยังพูดไม่จบ สะบันงาพูดขึ้น
“น้าแกละจ๋า คุณหญิงให้จัดอาหารไปให้ท่านที่เรือนสองที่จ้ะ”
สังเวียนแทบทรุดหันไปทันที มองสะบันงาตกใจ สะบันงากลับออกไป
ซ้งมองสังเวียนเอือมๆ
“ก็เอามันเสียตอนนี้เลยสินังสังเวียน ปากไม่มีหูรูด ระวังจะไม่มีหลังคาซุกหัวนอน”
สังเวียนจ๋อยไป
“มันได้ยินฉันพูดอะไรไหม”
น้อยสวน
“มันได้ยินเต็มสองรูหูเลยแหละ”
“แต่เขาทำเป็นไม่ได้ยิน คนฉลาด เขาฟังมากกว่าพูด คนยิ่งโง่ยิ่งพูดมากกว่าฟังเหมือนแกนี่ไง นังสังเวียน”ซ้งสอน
สังเวียนค้อนขวับ
ในห้อง...เมี้ยนถามสะบันงา
“ฉันหายไปไม่ถึงสองชั่วโมง ร้อยยี่สิบนาที ที่นี่มีเรื่องทุกนาทีเลยหรือ”
“หนูทำให้คุณหญิงเดือดร้อนใจมากใช่ไหมคะ”
“ไม่ใช่ คนเดือดร้อนใจมากคงจะเป็นนังสังวร นังสังเวียน นังน้อย กับ เอ้อ...คุณหญิงท่านสั่งให้รีบนอน พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นแต่เช้าไปทอดกฐินกับพวกท่าน”
สะบันงากังวลใจ
“หนูกลัวจะมีเรื่องอีก”
“อย่าตีต้นไปก่อนไข้ นอน”
“ค่ะ”
เมี้ยนขยับออกไป หันมามองสะบันงา
“คุณหญิงท่านนอนไม่หลับถ้าไม่มีคนเกาหลังให้ท่าน”
เมี้ยนออกไป สะบันงาได้รู้เรื่องของคุณหญิงศรีอีกอย่าง
“มิน่า พี่เมี้ยนจึงต้องไปนอนกับคุณหญิงทุกคืน”
สะบันงาแต่งตัวสวยน่ารักมาที่หน้าห้องคุณหญิงศรี สังวรออกมาพอดีมองด้วยความอิจฉาดึงแขนไว้
“แกไปเอาเสื้อผ้าใครมาใส่”
สะบันงาชะงัก
“เอ้อ”
คุณหญิงศรีเดินออกมาพร้อมเครื่องประดับในมือ คุณหญิงศรีแต่งตัวสวยเช่นกัน
“ฉันตัดให้สะบันงาเอง สวยไหม เราจะไปทอดกฐินด้วยกัน นี่เครื่องประดับหันหลังมาสิ จะใส่ให้”
สังวรอยากจะลงไปดิ้น มองคุณหญิงศรีใส่เครื่องประดับให้สะบันงา
“ขอบพระคุณค่ะ” สะบันงาไหว้
เสียงเจ้าคุณดังมา
“ศรี ศรีจ้ะ พร้อมหรือยัง ลงมาเถิด”
“ฉันไปก่อน เดี๋ยวสะบันงาไปกับเมี้ยนนะ”
คุณหญิงศรีรีบลงไป สะบันงามองเดินตาม สังวรยกเท้าจะถีบให้ตกบันไดเมี้ยนมาพอดี
“สังวรร้อนมากหรือ มายืนยกแข้งยกขา เดี๋ยวก็ตกบันไดลูกทะลัก ไปเถอะสะบันงา”
เมี้ยนมารับสะบันงาออกไป แล้วหันกลับมาบอกสำทับ
“ท่านเจ้าคุณสั่งให้บอกหล่อนว่า อย่าลืมปัดกวาดเก็บที่นอนคุณหญิง”
สังวรสั่นไปหมด หันไปถีบประตูห้องคุณหญิงศรีที่เปิดอ้าอยู่ปิดโดยแรง
รถจอดอยู่ นายยอดยืนรอรับ เจ้าคุณเดินมากับคุณหญิงศรีแต่งตัวกันสวยงามหน้าตาสดใส
“สวยจริงคุณหญิงของฉัน”
“ขอบคุณมากค่ะ”
เจ้าคุณกวาดตาหา
“เอ้อ คนอื่นเล่า เมี้ยนน่ะ”
“มาโน่นแล้วค่ะ”
เจ้าคุณมองไปสายตา ตื่นตาตื่นใจมาก เมื่อเห็นเมี้ยนเดินจูงสะบันงาใส่ชุดน่ารักมีที่คาดผมเหมือนกับชุด ใส่สร้อยที่คุณหญิงศรีให้มา เจ้าคุณมองตาค้างพึมพำ
“สวยเหลือเกิน”
คุณหญิงศรีมาแตะแขน
“คุณนับถืออีกศาสนาแล้วไปทอดกฐินจะได้หรือคะ”
เจ้าคุณได้สติ
“ฉันไปเป็นเกียรติในงาน ไม่ได้ไปเปลี่ยนศาสนา วัดนั้นมีโรงเรียนที่ฉันบริจาคเงินสร้างห้องสมุดให้ด้วย”
“อ้อ ทำก่อนที่เราจะแต่งงานกันหรือคะ”
“เยส ไปกันได้แล้ว”
ทั้งหมดมาถึงรถ คุณหญิงศรีหันไปสั่ง
“เมี้ยนไปนั่งข้างหน้า สะบันงามานั่งตรงกลางระหว่างฉันกับท่านเจ้าคุณ”
สะบันงาเขินๆ เจ้าคุณมองอย่างชื่นชม พอสบตากันเจ้าคุณยิ้มให้ตอนที่คุณหญิงศรีเดินอ้อมไปขึ้นอีกด้าน
“วันนี้เธอสวยมาก สะบันงา ขึ้นรถสิ”
เจ้าคุณช่วยจับแขนทำให้สะบันงารีบตะกายขึ้นรถ ทั้งหมดขึ้นรถ รถแล่นออกไป
สังวรกับสังเวียนแอบมองแค้นมาก
“ไอ้แก่นั่นมันใจดำกับพี่มาก”
“เพราะมันมีนังสะบันงารอท่าอยู่ ดูสิมันพากันไปออกงานแล้วสั่งแกมบังคับให้พี่สังวรปัดกวาดห้องให้นังศรี”
“มันยกย่องนังศรี มันกำลังติดใจอยากได้นังสะบันงา อยากจะลองพาลูกในท้องหนีไปซ่อนนัก อยากรู้ว่ามันจะตามหาพี่ไหม”
สังเวียนรีบห้าม
“อย่านะพี่ถ้าเกิดมันไม่ตามหา พี่จะลำบาก ทั้งลูกก็จะลำเข็ญ อดทน ภาวนาให้ลูกพี่เป็นผู้ชาย แล้วช่วยทำอย่างไรให้ฉันได้ขึ้นไปรับใช้ ไอ้แก่นั่นแทนพี่ให้ได้ ขอให้ได้ไปสักหนเดียว สาบานว่าจะทำทุกอย่างให้ไอ้แก่ติดใจฉัน หลงฉันจนโง่หัวไม่ขึ้น”
สองพี่น้องเคียดแค้นมาก
ในห้องสมุดของโรงเรียนที่เจ้าคุณบริจาคเงินสร้าง ครูใหญ่ไหว้เจ้าคุณนอบน้อม และ ไหว้คุณหญิงศรี
“สวัสดีขอรับ ท่านเจ้าคุณกระผมต้องกราบขอบพระคุณท่านเหลือเกินขอรับ เด็กๆดีใจกันมากที่จะมีหนังสือสนุกๆสวยๆอ่าน”
“มีกี่คนเล่า” เจ้าคุณถามเรียบๆ
“ไม่ถึงสามสิบขอรับ บางวันก็มาเรียนแค่สิบคนขอรับ”
คุณหญิงศรีแปลกใจ
“ทำไมหรือคะ ครูใหญ่”
“พ่อแม่เขาต้องการให้ลูกไปช่วยทำนามากกว่ามาเรียนขอรับ”
ขณะกำลังพูดคุย เด็กชายศีลอายุห้าหกขวบ วิ่งร้องไห้เข้ามา
“ช่วยพ่อหนูด้วย พ่อโดนรถชน ฮือๆ”
ทุกคนตกใจ เจ้าคุณรีบถาม
“ที่ไหน เร็วรีบพากันไปดูสิ”
“ถนนหน้าวัดครับ ฮือๆ”
ทุกคนพากันไป เจ้าคุณช้อนตัวเด็กมาอุ้มแล้วรีบวิ่งไปเด็กชี้มือบอกทางแล้วร้องไห้
ในโรงทานของวัด...ศีลร้องไห้กอดศพพ่อ
“พ่อ...พ่อ ตื่น พ่อลุกขึ้นมาพูดกับหนู พ่อ...พ่อ”
เจ้าคุณ คุณหญิงศรี สะบันงา เมี้ยน ครูใหญ่ ยืนมองสลดใจสงสารมาก
“นายสาแกเป็นภารโรงที่โรงเรียนขอรับ เมียตายเลี้ยงลูกตามลำพัง นี่ก็มาด่วนตายไปอีกคน สงสารเจ้าศีลมันแท้ๆ” ครูบอกเสียงเศร้า
ทุกคนยืนมองสงสารมากขึ้นอีก
“น่าสงสารเหลือเกินนะคะ”
เจ้าคุณเดินเข้าไปพยายามอุ้มศีลออกมาจากศพพ่อ
“พ่อหนูลุกขึ้นมาไม่ได้แล้วเขาต้องการพักผ่อน ปล่อยเขาไปเถิด”
“หนูจะหาพ่อ ไม่ให้พ่อไปไหนหนูรักพ่อ”
“พ่อก็รักหนู แต่ตอนนี้พ่อคงดีใจมากถ้าหนูปล่อยพ่อนอนหลับให้สบาย”
“พ่อจะไม่อยู่กับหนูแล้วใช่ไหมครับ”
“อยู่สิ อยู่ที่นี่” เจ้าคุณชี้ไปที่หัวใจ “อยู่ตลอดไป ไม่ว่าเธอจะไปไหนทำอะไรพ่ออยู่ในนี้กับเธอ ตลอดเวลา”
ทุกคนมองหน้ากัน คุณหญิงศรีปลอบ
“หนูก็จะมี ครูใหญ่ มีท่านเจ้าคุณ มีฉัน และพวกเราอีกหลายคน”
“หนูต้องการพ่อเท่านั้น”
“พ่อหนูคงดีใจถ้าหนูจะมีพ่อเพิ่มมาอีกคน ฉันจะเป็นพ่อคนใหม่ให้หนู ศรีขัดข้องไหม ถ้าฉันจะรับเด็กคนนี้เป็นลูกบุญธรรมสักคน”
คุณหญิงศรีเห็นดีด้วย
“ดีค่ะ ฉันเห็นด้วย เราจะพาแกกลับกรุงเทพไปกับเรา ศีลเราจะช่วยกันส่งพ่อเธอไปพักที่สวรรค์ แล้วเราจะพาเธอไปเรียนต่อที่กรุงเทพ”
ครูใหญ่ยกมือไหว้ท่วมหัว
“เป็นบุญของเด็กแท้ๆ ศีลกราบขอบพระคุณท่านทั้งสองสิ”
ศีลไหวเจ้าคุณ แล้วหันมาไหว้คุณหญิงศรี
“หนูกราบขอบพระคุณครับ”
ศีลร้องไห้ต่อ สะบันงามองศีล ตาแดงๆไปด้วย
“ช่างเหมือนชีวิตของเราเหลือเกิน”
เมี้ยนขัดขึ้น
“แต่แย่กว่าสะบันงามากนะ เขากำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่หกขวบ ฉันกำพร้าพ่อตั้งแต่เกิด กำพร้าแม่ตอนสิบขวบ”
“หนูกำพร้าแม่ตอนอายุสิบห้า ใช่ค่ะหนูนับว่าโชคดีกว่าศีลมาก”
สะบันงาเดินไปกุมมือศีล ศีลมองหน้าสะบันงาแล้วกอดไว้
สังวรกับสังเวียน พากันมาที่ห้องศรีเพื่อทำความสะอาด ตามคำสั่งเจ้าคุณ สังวรเดินไปทั่วๆ พลางถุยใส่ห้อง
“ถุย ๆ”
สังเวียนทำบ้าง
“ถุย ๆ”
“ขอให้มันพบแต่โชคร้ายหายนะในชีวิต” สังวรแช่ง
“ทำไมท่านเจ้าคุณต้องสั่งให้พี่มาทำห้องให้มันด้วย พี่ก็เมียเหมือนกัน”
“เมียจนๆ เมียบ่าวมันไร้ค่า เมียเศรษฐีมันมีราคา เขาวัดคนกันที่จนรวย”
สังเวียนพบกล่องเครื่องเพชรปลอมวางบนเตียงก็เปิดดู
“ดูนี่สิสวยจังเข้ากับแหวนที่พี่ใส่เปี๊ยบ”
“จริงด้วยอีกหน่อยพี่จะขอไอ้แก่นั่นให้มันทำให้พี่บ้าง”
“ลำบากนะพี่ ตราบใดที่มีนังศรีอยู่ ไอ้แก่นั่นมันก็ต้องให้นังศรียินยอม”
สังวรหยิบเครื่องเพชรมาลองใส่ที่คอ ใส่ต่างหูแล้วมาส่องกระจก
“ไม่ใช่แค่นังศรี นังสะบันงามันกำลังเป็นที่โปรดปรานของท่านเจ้าคุณ แต่มันแสร้งทำเล่นตัวยักท่าเรียกราคา วันนี้พี่เห็นมันแต่งตัวแล้วอยากจะถีบตกบันได”
“อยากได้เครื่องเพชรของมันจริงๆ เลยนะพี่สังวร มีมากมายทิ้งกองเกลื่อน ถ้าเราเอาไปสักชิ้น มันจะจำได้ไหม”
“นังศรีอาจจำไม่ได้แต่อีคนที่จะจำได้คือนังเมี้ยน หรือไม่ก็กว่ามันจะจำได้ ว่าหายไปก็คงนานเพราะมันมีมากจนใส่ไม่ครบ จนลืมเพราะไม่ได้ใช้บ่อยๆ”
“แหม ทำไงดีพี่สังวร ฉันอยากได้สักชิ้นจังเลย”
สังเวียนค้นๆ สังวรตีมือ
“อย่าเสี่ยงกับพวกมัน”
สังเวียนมองอย่างเสียดาย เสียงรถบีบแตรดังมา สองคนตกใจ
“มันกลับมาแล้ว”
สองคนรีบเก็บของ เก็บไม่หมด ต่างหูตกพื้น
น้อยแกละถือถาดน้ำส้ม และน้ำเปล่ามารอรับที่จอดรถรับส่งของเจ้าคุณ รถมาจอดเทียบ ยอดลงจากรถมาเปิดประตูให้เจ้าคุณ เมี้ยนรีบลงมาเปิดประตูให้คุณหญิงศรีกับสะบันงา แกละกับน้อยมองไปเห็น ใช้ศอกสะกิดกัน
“ท่านพาเด็กที่ไหนมา หน้าตาเนื้อตัวเสื้อผ้ามอมแมมเหมือนลูกหมา”
“แต่หน้าตาดีมากนะแก”
เจ้าคุณเดินจูงศีลที่หน้าตายังโศกเศร้าไม่หาย
“นี่บ้านใหม่ของศีล”
“ใหญ่เกินไปขอรับ ใหญ่กว่าโรงเรียนของผมอีกขอรับ” ศีลกวาดตามองไปรอบๆ
“เมื่อวันก่อนยังพูดหนูผมครับ ทำไมวันนี้เปลี่ยนไป”
“พี่สะบันงาสอนขอรับ สอนหลายอย่างขอรับ พี่สะบันงาใจดีมากขอรับ”
เจ้าคุณหันไปมองสะบันงานึกเอ็นดูชื่นชม เห็นสะบันงากำลังเดินตามคุณหญิงศรี ถือกระเป๋าให้
“เราอยู่กันหลายคน ฉัน... เอ้อ... พ่อจะให้ศีลอยู่ที่บ้านนี้ตอนปิดเทอม แต่ตอนนี้โรงเรียนเปิด พ่อจะส่งศีลไปอยู่โรงเรียนประจำ”
“โรงเรียนประจำ เป็นอย่างไรขอรับ” ศีลสงสัย
“คนไทยเรียกโรงเรียนกินนอน แปลว่าเรียนที่นั่น กินที่นั่นและนอนที่นั่น ช่วงปิดเทอมพ่อจะรับศีลกลับมาที่บ้าน”
“ขอรับ”
เจ้าคุณเดินพาศีลมาส่งมาให้คุณหญิงศรี แกละกับน้อยย่อตัวยื่นถาดน้ำให้คุณหญิงศรี กับเจ้าคุณดื่ม
“น้ำส้มเจ้าค่ะ”
“เมี้ยนช่วยจัดการ เรื่องที่พักให้ศีลด้วย ฝากนอนกับกุ๊กซ้ง หรือเชฟโรเบิร์ตไปก่อน” คุณหญิงศรีสั่ง
“เจ้าค่ะ”
“จัดการไปซื้อเสื้อผ้ามาให้ศีลใส่ด้วย”
“เจ้าค่ะ”
เจ้าคุณเดินโอบคุณหญิงศรีเข้าบ้านไป สะบันงาหิ้วกระเป๋าถือของคุณหญิงศรีเดินตามหลัง น้อยกับแกละผวามาที่เมี้ยน
“ใครน่ะคุณเมี้ยน”
“ขี้ข้าคนใหม่หรือ”
“บุตรชายบุญธรรมของท่านเจ้าคุณ แปลว่าลูกชายคนใหม่ไม่ใช่ขี้ข้าคนใหม่ ทุกคนต้องเรียกเขาว่าคุณศีล ไปค่ะคุณศีล”
เมี้ยนพาศีลเดินออกไป แกละกับน้อยมองตาม
“หน้าตาน่ารัก โตขึ้นคงจะหล่อมากนะคุณศีลคนนี้”
“เชอะ ไปเก็บเด็กที่ไหนมายกย่องให้เป็นคุณศีล แต่กูก็ยังเป็นอีขี้ข้าน้อยเหมือนเดิม” น้อยเบ้ปาก
“รอหน่อยสิแก ตอนนี้กำลังจะมีคุณนายสังวร ต่อด้วยไม่คุณนายสังเวียน ก็คุณนายน้อยตามมาเป็นทิว แกจับฉลากให้ชนะเถิด”
น้อยหงุดหงิด
ห้องนอนคุณหญิงศรีโดนเก็บไว้แบบไม่เรียบร้อยทำไม่เสร็จ เครื่องเพชรเก็บไม่หมดเพราะสองคนคนรีบร้อนออกมา คุณหญิงศรีกวาดตามองเงียบๆ สะบันงามองตามเช่นกัน
“สังวรเก็บห้องไม่เรียบร้อย”
“หนูทำให้เองค่ะ”
คุณหญิงศรีมองไป
“ขอบใจ เอ๊ะ... นั่นตุ้มหูกับสร้อยคอทำไมออกมาอยู่นอกกล่อง”
สะบันงาก้มลงไปเก็บที่ตกที่พื้นแล้วเอามาใส่กล่อง คุณหญิงศรีนึกรู้ว่าสังวรรื้อมาดู ยิ้มโหดๆ
เมี้ยนพาศีลมาแนะนำกับทุกคนในครัว
“ทุกคน นี่บุตรชายบุญธรรมของท่านเจ้าคุณ คุณศีล”
ทุกคนมองมาเป็นตาเดียว ศีลรีบยกมือไหว้
“สวัสดีครับทุกคน”
ทุกคนรีบรับไหว้แทบไม่ทัน
“สวัสดีครับคุณศีล”
“เอ้อ.. เรียกผมว่าศีลเฉยๆ ก็พอครับ”
“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ คุณเป็นลูกของท่านนะเจ้าคะ” ทองหยอดบอก
“ผมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่านนะครับ ผมเป็นลูกภารโรงมาก่อนครับ” ศีลบอกอย่างเจียมตัว
“โถ...พ่อคุณช่างถ่อมเนื้อถ่อมตัวฉลาดพูด” เมี้ยนยิ้มให้
“ช่างน่ารัก” ทุกคนต่างพากันชื่นชอบ
“คุณศีลจะพักอยู่ที่นี่ไม่กี่วันแล้วจะไปเรียนโรงเรียนกินนอน ฝากนอนกับเซฟโรเบิร์ตก็แล้วกัน”
“ด้วยความยินดีครับ”
โรเบิร์ตเดินมายื่นมือจับมือศีลเอ็นดู
คุณหญิงศรีเดินออกมาจากห้อง พบสังวรพอดี เธอยิ้มให้
“ขอบใจมากสังวรที่ทำห้องให้ฉัน”
“ไม่เป็นไร สังเวียนมันมาช่วยทำให้”
“มากินข้าวด้วยกันสิ”
“ขอบใจ”
คุณหญิงศรีกับสังวรนั่งกินข้าวด้วยกัน สังวรทำวางท่า คุณหญิงศรียิ้มใจเย็น เมี้ยนเดินเข้ามาชักสีหน้าไม่พอใจ มองหน้าคุณหญิงศรีไม่พอใจ คุณหญิงศรียิ้มตอบให้ เมี้ยนค้อนเล็กๆ คุณหญิงศรีเหมือนจะยั่วเมี้ยนให้โมโห
“เมี้ยนมาพอดี สังวรอยากกินอะไรสั่งเมี้ยนไปบอกในครัวได้”
“ขอบใจ”
สังวรมองเมี้ยนแบบฉันเหนือกว่าแกแล้ว
เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องนอน เมี้ยนมองคุณหญิงศรีอย่างน้อยใจ
“เมี้ยนน้อยใจคุณหญิงนะเจ้าคะทำไมต้องให้มันมาชี้นิ้วจิกหัวสั่งเมี้ยนว่าจะกินโน่นกินนี่ แค่เห็นแต่ไม่รู้ว่ามันขู่อะไรคุณหญิงไปบ้าง เมี้ยนก็จะกระอักเลือดตายแล้วเจ้าค่ะ”
“มันขู่ฉัน มันสั่งเมี้ยนไปได้อีกไม่นานหรอกเมี้ยน”
“ไม่นานของคุณหญิงรอจนลูกมันคลอดหรือเจ้าคะ”
“ไม่นานหรอก อีกไม่กี่วันฉันจะพาศีลไปฝากเข้าโรงเรียน”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับมันเจ้าคะ”
“แล้วเมี้ยนก็จะเข้าใจเอง วันก่อนที่กลับมาจากทอดกฐิน พวกมันสองคนพี่น้องมารื้อเครื่องเพชรแล้วเก็บไม่ทัน ตกๆ หล่นๆ ตามพื้นก็มี”
“นี่ นี่ คุณหญิงคิดว่ามันอยากจะขโมยหรือเจ้าคะ”
“ถ้ามันขโมยเรื่องก็จบเร็ว ถ้ามันไม่ขโมยก็ต้องปล่อยไปก่อน”
“ทำไมต้องปล่อยต้องรอเจ้าคะ เราต้องทำให้มันขโมยให้ได้เจ้าค่ะ เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่เมี้ยนเจ้าค่ะ”
“แล้วแต่เมี้ยนจะจัดการเถิดนะ พอสมน้ำสมเนื้ออย่าให้เป็นบาปเป็นกรรมมาตกถึงเรา”
“ถ้าจะมีบาปมีกรรมตกใส่ ขอให้มันตกที่เมี้ยนคนเดียวเจ้าค่ะ อย่ามาแตะ มาต้องคุณหญิงของเมี้ยน”
“ขอบใจมาก ในโลกนี้ไม่มีใครดีกับฉันเท่าเมี้ยนอีกแล้วจริงๆ รักเมี้ยนมากรู้ไหม”
“ชื่นใจจริงๆ เจ้าค่ะ อีเมี้ยนยอมตายเพื่อคุณหญิงได้เสมอเจ้าค่ะ”
“เมี้ยนบอกฉันอย่างนี้มาเป็นสิบปีแล้ว”
คุณหญิงศรีจับมือเมี้ยนมากุมไว้ เมี้ยนมองคุณหญิงศรีด้วยความเทิดทูน
คุณหญิงศรีพาศีลมาที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในกรุงเทพ สะบันงามาเป็นเพื่อนด้วย ครูใหญ่ออกมาต้อนรับ
“สวัสดีขอรับคุณหญิง เชิญขอรับ” ครูใหญ่ยกมือไหว้คุณหญิงศรี
สะบันงากับศีลรีบยกมือไหว้ครูใหญ่ คุณหญิงศรีแนะนำ
“คนตัวจิ๋วนี่ไงคะที่จะมาขอฝากฝังไว้กับครูใหญ่”
“ไม่มีปัญหาขอรับ”
“ปิดเทอมท่านเจ้าคุณ ท่านจะส่งคนมารับกลับไปพักที่บ้าน”
“ได้ขอรับ ชื่ออะไรหรือเรา” ครูใหญ่หันไปถามศีล
“ศีลขอรับ”
“ชื่อเป็นมงคลนี่นา ตั้งใจเรียนนะศีล”
“ขอรับ”
คุณหญิงศรียิ้มให้ศีล ยกมือลูบหัว
สังวรเรียกสังเวียนมาช่วยทำความสะอาดห้องคุณหญิงศรี พลางบ่นไปด้วย
“ไม่อยากทำตัวเหมือนขี้ข้าไปทำห้องให้มัน คิดซะว่ามาลบหลู่มันสนุกดี ก็ตรงที่ได้ถ่มน้ำลายใส่ข้าวของเหยียบย่ำของมัน เอาข้าวของเครื่อง ประดับของมันมาลองใส่เล่น”
“วันนี้ฉันอยากจะจิ๊กเพชรมันสักชิ้น มันไม่รู้หรอกน่า”
“แล้วแกจะเอาผ่านเรือนนี้ไปอย่างไร”
“ก็เอาฝากไว้ที่ห้องพี่สังวรก่อนปะไร ไม่มีใครมายุ่มย่ามหรอกน่า”
“แล้วถ้ามันรู้ว่าของหาย จะว่าอย่างไร”
“แหม... ไอ้ที่เกิดเรื่องร้ายๆ มาสองครั้งมันยังเข้าใจกันว่ามีโจรข้างนอก มากระทำ ไปกันเถิดเข้าไปเล่นกันให้สนุก”
เมี้ยนแอบฟังอยู่ที่บันได ยิ้มพอใจ
“ประเดี๋ยวเถิดพวกมึงสองคนได้สนุกกันแน่”
สองพี่น้องกำลังจะเข้าห้อง เมี้ยนทำทีเพิ่งมาถึง
“จะเข้าไปทำห้องกันหรือ”
“ใช่สังเวียนมันมาช่วย”
“คุณหญิงสั่งให้มาบอกสังเวียนให้ช่วยไปตลาดกับยัยทองหยอด เพราะพรุ่งนี้ท่านจะเอาของไปถวายสังฆทาน ยัยทองหยอดคนเดียวหิ้วไม่ไหว”
สังเวียนผิดหวัง เมี้ยนพูดต่อเรียบๆ
“ส่วนฉันก็จะไปธุระที่บ้านท่านเจ้าสัว กว่าจะกลับคงบ่ายมากแล้ว”
เมี้ยนหันกลับยิ้มกริ่ม สองพี่น้องมองตามทำท่าเหมือนอยากจะตบจะตี
“หมดสนุกเลยฉัน”
“ห้องมันเป็นระเบียบอยู่แล้วพี่แค่ทำไปงั้นๆ จับโน่นจับนี่วาง แกไปเถิด”
สังเวียนเดินลงไป สังวรหายไปในห้อง
เมี้ยนออกมาจากด้านในไม่เห็นมีใครแล้ว ย่องกลับขึ้นไปชั้นบนแบบเบามาก หน้าตาเบิกบาน เมี้ยนหายไปในห้องสังวรครู่เดียวก็โผล่กลับออกมา ประตูห้องคุณหญิงศรีกำลังเปิด เมี้ยนกระโดดหลบซ่อน
“ถ่มน้ำลายรดห้องมันจนเหนื่อยแล้วสบายใจ ใช้ตีนเขี่ยๆ หมอน ผ้าห่มเหมือนทำให้หมานอน ง่ายจะตายไป”
สังวรปิดประตูแล้วถุยใส่ประตู
“ถุยๆ ขอให้มึงพินาศนังศรี”
เมี้ยนสั่นไปหมด กำมือแน่นแต่อึดไว้ สังวรเดินเข้าห้อง เมี้ยนเดินออกมาคำรามเบาๆ
“มึงนั่นแหละที่จะพินาศ มึงมันเลวสมควรค่าแก่การโดนทำลายแล้วนังสังวร” เมี้ยนโกรธมาก
สังวรเปิดประตูออกมา เห็นเมี้ยนยืนมองประตู
“อุ๊ย”
เมี้ยนหันไปมอง ยิ้มดุๆ
“ฉันกำลังสงสัยว่าที่หน้าประตูห้องนี่มันคราบน้ำลายหมาขี้เรื้อนหรือเปล่า พรุ่งนี้ตอนไปถวายสังฆทานจะขอน้ำมนต์หลวงพ่อมาสาดล้างเสนียด”
พูดจบเมี้ยนเดินแยกไป สังวรยืนอึ้ง
หน้าตึกเรียน สะบันงาโอบศีลไว้ล่ำลา
“ไปก่อนนะศีล ตั้งใจเรียนให้สมกับที่คุณหญิงกับท่านเจ้าคุณเมตตา”
“ครับผมจะตั้งใจเรียนครับ คุณหญิงขอรับผมกราบขอบพระคุณขอรับ”
คุณหญิงศรียิ้ม
“พูดเก่งมาก ใครสอนให้พูดหรือศีล”
ศีลมองหน้าสะบันงา
“พี่สะบันงาขอรับ”
“สะบันงานี่เอง ไปก่อนละนะ ขอบคุณมากค่ะครูใหญ่”
“ไม่เป็นไรมิได้ขอรับ กระผมและโรงเรียนถือเป็นเกียรติที่ส่งบุตรหลานมาศึกษากับเราขอรับ”
คุณหญิงศรีลูบหัวศีลดึงมากอด
“ฉันมั่นใจว่าเธอจะเป็นเด็กดี”
“รับรองขอรับ พี่สะบันงาบอกว่าถ้าผมตั้งใจเรียนเก่งๆ ผมจะได้ทุนการศึกษาขอรับ จะได้รบกวนท่านน้อยลงขอรับ”
“ดีมากจ้ะศีล แล้วพบกันตอนปิดเทอม”
คุณหญิงศรีพยักหน้าให้สะบันงา สองคนเดินออก สะบันงาถือกระเป๋าตามหลัง ศีลมองตามสองคนด้วยสายตาขอบคุณ
จบตอนที่ 5