คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 3
ภายในห้องอาหาร แลเห็นอาหารตั้งเต็มโต๊ะ เป็นเมนู หมู เป็ด ไก่ ซุป เจ้าสัวเส็ง และสองคุณนายนั่งรอ ชะเง้อหาคุณหญิงศรี
“หนูศรีไปเยี่ยมนางเด็กสะบันงานานเกินไป ยังไม่กลับมากินข้าวกับพ่อกับแม่”
“เด็กสะบันงามันเป็นตัวถ่วงความสุข ความเจริญของลูกเราโดยเฉพาะลูกดิฉัน” คุณนายใหญ่บ่นอย่างไม่พอใจ
“ให้ใครไปตามมาเถิดค่ะ เจ้าสัว” คุณนายน้อยบอก
ทั้งสามหันไปที่กิมเฮียง กิมฮวย ยืนก้มหน้า
“ใครก็ได้ไปเชิญคุณหญิงกลับมากินข้าว”
สองกิมมองหน้ากันอึกอัก
“ไม่ต้องทำรีรอ อ้ำอึ้ง”
“ไม่ได้ทำรีรอเจ้าค่ะ”
“แล้วทำไมไม่รีบไป ไม่ได้ยินคุณนายใหญ่ท่านสั่งหรือ” คุณนายน้อยแปลกใจกับท่าทีนั้น
“ได้ยินชัดเจนมากเจ้าค่ะ แต่…”
“แต่อะไร” เส้าสัวเส็งถามเสียงดุ
“คุณหญิงท่านไปนานแล้วเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ ทำไมแกสองคนไม่มาบอกพวกเราคุณนายใหญ่ ไม่มีใครถามเรานี่เจ้าคะ คือคุณหญิงท่านสั่งเราสองคนห้ามพูดมากเรื่องของท่านเจ้าค่ะ ท่านยิ่งโกรธพวกเราอยู่เจ้าค่ะ” กิมเฮียงเสียงอ่อย
“เหลวไหล โกรธเรื่องอะไร” เจ้าสัวเส็งงง
“ท่านโกรธที่เราสองคนรายงานคุณนายใหญ่เรื่องสะบันงากับคุณศุกลเจ้าค่ะ” กิมฮวยเปล่า
“ท่านถึงกับให้เจ๊เมี้ยนชกปากเราสองคนเป็นการสั่งสอนห้ามพูดเจ้าค่ะ หนที่สองแล้วเจ้าค่ะ” กิมเฮียงฟ้อง
สามคนมองหน้ากันหงุดหงิด เจ้าสัวเส็งกระแทกตะเกียบโดยแรง ลูกคนนี้มันเอาแต่ใจตัวเกินไปแล้ว แม่น้อยสอนลูกยังไงให้กระด้างกระเดื่องกับพ่อแม่”
คุณนายน้อยหน้าจ๋อย ไม่กล้าเถียงคุณนายใหญ่โต้
“จะโทษแต่แม่น้อยเห็นจะไม่ถูกต้องนัก ลูกศุกลของดิฉันก็ลุ่มหลงเด็กสะบันงา จนเราต้องส่งเขาหนีมันไปไกลถึงเมืองนอก”
“หรือว่ามันจะทำเสน่ห์เจ้าคะ”
กิมเฮียงออกความเห็น
“ไปให้พ้น” เจ้าสัวเส็งโมโหตวาดไล่
สะบันงากำลังเดินขาเป๋เสิร์ฟก๋วยเตี๋ยว กวงเอาที่ตักก๋วยเตี๋ยวตีหัว
“ชักช้าจริง นังเป๋ คนรอกินไม่เห็นหรือเดินให้ไวไวหน่อยสิ”
“จ้ะ”
หน้าร้าน...ปานวาดกับคุณหญิงลออศรีเดินผ่านมา ปานวาดหยุดชะงักมองไปในร้าน
“หยุดทำไมคะ ลูกปานวาด”
“ปานวาดอยากกินก๋วยเตี๋ยวค่ะ”
“แต่แม่ไม่ชอบกินก๋วยเตี๋ยวของเจ๊กของจีนข้างถนน”
“แต่มันอร่อยนะคะคุณแม่”
“อาหารจีนมันต้องกินในเหลา”
“แต่ปานวาดไม่ชอบกินอาหารจีนในเหลาค่ะ”
คุณหญิงลออศรีฉุดแขนปานวาดไม่ให้เข้าไป ปานวาดสะบัดมือเดินเข้าไปในร้าน สะบันงาเห็นปานวาด ตกตะลึงดีใจ
“คุณ...”
ปานวาดพรวดมาชนเอาสะบันงาที่ถือชามก๋วยเตี๋ยวจะเอากลับไปล้าง ชามตกแตก
“ว๊าย”
คุณหญิงลออศรีปราดมาเข้ามาตบหน้าและด่าสะบันงา
“กุ๊ยมากแกแกล้งชนลูกสาวฉัน”
“คุณหญิงแม่” ปานวาดพยายามห้ามม
กวงเข้ามาตีสะบันงาด้วยชามที่ตกลงไปที่พื้น
“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ”
“นังสกปรกแกเซ่อซ่าเอาน้ำก๋วยเตี๋ยวเหลือเดน หกใส่ลูกสาวฉันเลอะเทอะหมดเลยตาแปะ แกต้องรับผิดชอบ” คุณหญิงลออศรีด่าซ้ำ
“นางเป๋ซุ่มซ่ามมึงทำกูเสียหายนี่แน่ะนี่แน่ะ”
กวงไล่ตีสะบันงา ปานวาดหายตกใจ ตวาดแว๊ด
“หยุดนะ ตาแปะ ไปตีเขาทำไม ฉันชนเขาเองเขาไม่ได้ชนฉัน”
“เอ๊ะลูกคนนี้ ยังไปเข้าข้างรับผิดแทนมันอีก ตาแปะแกต้องลงโทษเด็กของแกให้สาสม เสื้อผ้าลูกสาวฉันแพงมากไม่ใช่เศษผ้าขี้ริ้วที่แกใส่นะ”
กวงตีสะบันงาอีก ขณะสะบันงาก้มหน้าเก็บเศษชาม
“ทำร้ายคนปกติก็ใจแคบใจดำมากพออยู่แล้ว นี่ทำร้ายคนพิการแถมเขาไม่ได้ทำผิด จิตใจทำด้วยอะไรน่ารังเกียจกันทั้งนั้น”
พูดจบปานวาดทรุดตัวลงไปช่วยสะบันงาเก็บชามแตก
“ฉันจะช่วยเธอ ฉันขอโทษ”
“ต๊าย อะไรกัน หนูเป็นคุณหนู ทำไมต้องไปช่วยเด็กขี้ข้าเก็บเศษอาหาร”
“หนูทำให้เขาเดือดร้อนโดนคุณแม่ตบหน้า โดนตาแปะบ้าลงโทษถ้ามันตีเขาอีก หนูจะไปบอกตำรวจมาจับมัน ตาแปะ พ่อฉันเป็นหัวหน้าตำรวจใหญ่ที่สุดในหมู่ตำรวจรู้ไหม”
กวงหน้าเสีย
“แฮ่ะ แฮ่ะ ขอโทษครับมิทำแล้วครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ คุณปานวาด”
ปานวาดตกใจ
“เธอรู้จักชื่อฉันได้ยังไง”
“เอ้อ...”
ยังไม่ทันที่สะบันงาจะพูดต่อ คุณหญิงลออศรีกระชากแขนปานวาดโดยแรงให้ลุก
“ลุกขึ้นมานะปานวาด แม่ไม่ยอมให้ลูกลดตัวไปช่วยนังขี้ข้านั่นเด็ดขาด รีบไปหาคุณหญิงน้าได้แล้ว”
“เดี๋ยวสิคะ เขารู้จักปานวาดนะคะ”
“ไม่จริง คนต่ำต้อยอย่างมันไม่มีวันมารู้จักลูกหรอก ตาแปะลากตัวเด็กของแกไปให้พ้น หนอยแน่ะมาโกหกตีขลุมว่ารู้จักลูกสาวฉันเหลือขอมากๆ”
อาแปะมาจิกหัวกระชากสะบันงาหงายหลัง
“นังคนไม่รู้ที่ต่ำที่สูง กูจะตีมึงให้หนัก”
ปานวาดที่โดนคุณหญิงลากไป ตะโกนถามกลับมา
“ฉันรู้ว่าเรารู้จักกัน เธอชื่ออะไร”
คุณหญิงลออศรีลากปานวาดที่ตะโกนไม่เลิกจนหายไป ส่วนอาแปะลากสะบันงามาฟุบที่พื้นจุดที่ล้างจาน
“ฉันชื่อสะบันงาค่ะ”
แต่ช้าไปแล้ว กวงเอาน้ำล้างจานในถัง โป๊ะสาดไปบนหัวสะบันงา
“สะบันงา หนอยแน่สะเออะทำเป็นรู้จักลูกสาวคุณหญิง แม่มึงเป็นโสเภณีอยู่สำนักไหน แม่มึงใจดำไข่แล้วทิ้งให้เร่ร่อน เพราะมึงพิการใช้งานไม่ได้ จะมีปัญญาที่ไหนไปรู้จักลูกผู้ดีมีเงิน”
แล้วกวงก็ดึงถังออกมาจากหัวสะบันงา น้ำล้างจานได้ไปล้างเอาคราบโคลนที่สะบันงาเอามาทาปิดไว้หลุดจนหมด เผยให้เห็นใบหน้าสดใสสวยงามของสะบันงา กวงตกตะลึง
“นังเป๋”
สะบันงาเต็มๆน้ำตานอง เอามือปาดน้ำตาไม่รู้ว่าน้ำล้างโคลนออกไปจากหน้าหมดแล้ว กวงเสียงอ่อนลงมาก
“นางเป๋ เอ้อ สะบันงา”
“หนูขอโทษ หนูจะระวังตัวมากกว่านี้ หนูจะไม่ซุ่มซ่ามอีกแล้วจ้ะ”
กวงโบกมือ เลิกรา พูดปกติไม่ตะคอก
“แล้วก็ให้แล้วกันไป รีบไปเก็บของไปล้างจานซะ อีหนู เจ็บมากไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
สะบันงาลุกไปเก็บเศษชาม กวงมองตามพึมพำ
“สะบันงา นี่มันเพชรในตมแท้ๆ สวยยังกับนางสาวไทย เสียดายที่มันขาเป๋แต่ เป๋ก็เป๋วะ สวยขนาดนี้...”
กวงมองหมายตาหมายใจไว้
คุณหญิงศรีนั่งฟังสองแม่ลูกเถียงกัน
“เขากำลังจะบอกว่าชื่ออะไร คุณหญิงแม่ก็ลากหนูออกมา” ปานวาดหงุดหงิด
“มันจะชื่ออะไรก็ช่างหัวมันปะไร”
“เพราะหนูมั่นใจว่าเขารู้จักหนูค่ะ คุณหญิงแม่”
“แต่แม่มั่นใจมันยกเมฆตีขลุม อยากอวดว่าเป็นเพื่อนกับลูกคุณหญิง”
“ถ้าเขาไม่รู้จักหนู เขาจะเรียกชื่อหนูถูกได้อย่างไรคะ”
“แหม มันนกรู้มันได้ยินแม่เอ่ยชื่อหนูว่าปานวาด มันก็เรียกตาม”
“คุณหญิงแม่ไม่ได้เอ่ยชื่อหนูสักคำ เขาจะไปเอามาจากไหน ถ้าไม่ทราบว่าหนูชื่อปานวาด คุณแม่ชอบดูถูกคนจน คุณแม่ใส่ความเขาค่ะ คุณน้าหญิง”
คุณหญิงศรีมองขำๆ
“ตกลงสองคนแม่ลูก จะมาหาฉันหรือว่าจะมาทะเลาะกันเรื่องเด็กคนรับใช้ร้านขายก๋วยเตี๋ยวจ้ะ ลออ”
“ก็ปานวาดนี่แหละ ทำฉันปวดหัวมากชอบไปคลุกคลีตีโมงกับพวกคนฉันต่ำ ชอบปกป้องคนชั้นต่ำ”
“บางทีปกป้องคนต่ำกว่าเรา น่าจะมีคุณค่ามากกว่าปกป้องคนสูงส่งคนที่ต่ำกว่าเราทั้งลำบากและยากจนมีความทุกข์มากมาย แต่คนสูงส่งเขาไม่มีความทุกข์จริงจังอะไรหนักหนา นอกจากว่าไม่ได้ดั่งใจ”
ปานวาดปรบมือ
“ใช่ค่ะ คุณหญิงน้าไม่เคยว่ายัยเมี้ยนต่ำสักหน่อย รักยัยเมี้ยนจะตายไป คุณหญิงแม่ยังเคยนินทากับคุณพ่อว่า คุณหญิงน้ารักบ่าวเกินจำเป็น”
“เด็กนี่พูดเรื่อยเปื่อย” คุณหญิงลออศรีที่เข้าไปหยิกหมับเข้าที่แขนปานวาด
“ฉันฟังมาทั้งหมด ปานวาดพูดจามีเหตุผล เพียงแต่เป็นเหตุผลที่คนชอบแบ่งชั้นวรรณนะอาจไม่ชอบรับฟัง เด็กคนนั้นเรียกหนูว่าอะไร น้าจะตัดสินเองว่าเขารู้จักหนูจริงหรือตีขลุม”
“เขาเรียกหนูว่า คุณปานวาดค่ะ”
“คุณปานวาด แปลว่าเขายกย่องหนู ถ้าเป็นเพื่อนหนูคงไม่เรียกหนูว่าคุณปานวาด เขารู้จักหนูแน่นอน แต่เขาไม่ใช่เพื่อนหนู”
ปานวาดหัวเราะคิกคัก
“เพื่อนสนิทกันมันแอบเรียกหนูว่านังปานวาดค่ะ หนูก็เรียกมันบ้าง สนุกจะตายไม่ต้องทำตัวผู้ดีทั้งวัน”
คุณหญิงศรีหัวเราะชอบใจ แต่คุณหญิงลออศรีตาเขียว
“เอ๊ะ! เด็กคนนี้ อกอีแป้นจะแตกลูกเต้าเหล่าใคร จะไปฟ้องมาแมร์”
“ลูกรัฐมนตรี ลูกอธิบดี โฮ้ยหลายคนค่ะ ฮิ ฮิ”
คุณหญิงศรีระเบิดหัวเราะ คุณหญิงลออศรีตาเขียวมากขึ้น
“น้าก็เคยแอบเรียกเพื่อนสนิทอย่างนั้นทั้งต่อหน้าและลับหลังจ้ะ ลองนึกดูสิว่าใครเรียกหนูคุณปานวาดอย่างนั้นบ้าง”
แกละเข้ามา
“เชิญรับประทานน้ำชาเจ้าค่ะ”
“ไปดื่มน้ำชากันเถิด”
คุณหญิงศรีพยักหน้าให้สองคน ปานวาดรีบบอก
“คุณหญิงน้าขา ยัยแกละเคยบอกว่าชื่อคุณหญิงแม่เพราะมาก...นี่ยัยแกละ ฉันอนุญาตให้ยืมชื่อคุณแม่ไปตั้งเป็นชื่อตัวเองได้”
“อย่าทีเดียวนะ ฉันไม่ต้องการมีชื่อเหมือนกับบ่าว” คุณหญิงลออศรีแว๊ดใส่
“ชื่อฉันมันก็ไม่เพราะซะด้วย ไม่อย่างนั้นจะให้แกละยืมไปใช้บ้าง” คุณหญิงศรีบอกขำๆ
สังวร สังเวียนช่วยกันดูแลจัดโต๊ะนำชา คุณหญิงศรี คุณหญิงลออศรี และปานวาดนั่งกินด้วยกัน ปานวาดขำๆมองไปที่สังวร สังเวียน
“สังวร สังเวียนก็เรียกหนูว่าคุณปานวาดค่ะ คนรับใช้ที่บ้านก็เรียกหนูว่าคุณปานวาดด้วยค่ะ”
“อย่าเหลวไหล คนพวกนี้ก็อยู่ที่บ้านเห็นๆ” คุณหญิงลออศรีปราม
“ลองนึกสิคะปานวาด ว่านอกจากพวกคนรับใช้แล้ว มีใครอีกเรียกหนูอย่างนั้น”
ปานวาดนิ่งคิดแล้วนึกออก
“นึกออกแล้ว เพื่อนหน้าใหม่แสนสวย สะบันงาค่ะ แต่คนนั้นขาเสีย หน้าตามอมแมม ไม่สวยเหมือนสะบันงา สงสารเขาจะตายไป คุณแม่ตบหน้าเขา ตาแปะก็ทุบตีใหญ่ คอยดูจะฟ้องคุณพ่อให้ส่งตำรวจไปเล่นงานตาแปะ”
คุณหญิงศรีมองเพื่อนเป็นเชิงตำหนิว่าทำเกินไป
“โธ่... น่าสงสารจริง”
เมี้ยนเข้ามาหน้าตาผิดหวัง ปานวาดมองอย่างแปลกใจ
“ยัยเมี้ยนมาแล้ว หน้าเหี่ยวเหมือนบวบแห้งคาเถามาเลย”
เมี้ยนไม่ถือสา
“ใช่ว่าจะเหี่ยวแค่หน้านะเจ้าคะคุณหนู ใจเมี้ยนก็เหี่ยวหดมากเจ้าค่ะ”
“แปลว่าเมี้ยนยังไม่ได้วี่แววของสะบันงา” ศรไม่สบายใจ
“สะบันงาไหน สะบันงา อีกแล้วมีแต่คนพูดถึงสะบันงา” คุณหญิงลออศรีแปลกใจ
“เขาถือชายกระโปรงคุณหญิงน้าวันแต่งงานคู่กับหนูค่ะ” ปานวาดเล่า
“เด็กสวยคนนั้นนั่นเอง ลูกเต้าเหล่าใคร ทำไมนัง เอ๊ย…ยัยเมี้ยนต้องไปตามหา”
“เด็กนั่นคือว่าที่น้องสะใภ้ในอนาคตของฉันเอง”
“ลูกเจ้าสัวคนไหนหรือ สวยเหลือเกิน”
“ลูกสาวยัยพริ้ง แพริมคลองบ้านเจ้าสัวเจ้าค่ะ” เมี้ยนบอก
คุณหญิงลออศรีตบอกผางอีกรอบ ทำขนมที่กำลังจะกินตกลงมาจากปาก
“ศรี เธอก็อีกคน ช่างเป็นตัวอย่างที่แปลกประหลาดให้ยัยปานวาดทำตามจริงๆ”
“ตัวอย่างที่น่ารักค่ะคุณหญิงแม่ หนูชอบเอาอย่างคุณหญิงน้า โตอีกหน่อยไปเมืองนอกหนูจะแต่งงานกับฝรั่ง”
คุณหญิงลออศรีตีแขนปานวาดเพี๊ยะ
“เด็กคนนี้อย่ามาล้อแม่เล่นนะ แม่ไม่เอาเขยฝรั่ง”
“ทำไมคุณหญิงแม่มีเพื่อนเขยฝรั่ง แถมชื่นชมมากๆด้วย”
“ก็ฝรั่งสามีคุณหญิงน้าน่ะ ฝรั่งดองซะเมื่อไหร่ ฝรั่งเจ้าคุณมีหน้ามีตา”
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนอมยิ้ม
“แต่น้าก็ยังสนใจเด็กขาเป๋ที่ปานวาดบอก ร้านอาแปะก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่ไหนคะ”
“ใกล้ๆห้อยเทียนเหลา”
คุณหญิงศรีมองสบตา เป็นเชิงรู้กันว่าอยากไปดู
ค่ำแล้วสะบันงาล้างจานรอบสุดท้าย กวงยื่นขนมเปี๊ยะมาให้ตรงหน้า
“กินซะ สะบันงา”
สะบันงาเงยหน้ามองแปลกใจ
“เอ้อ…”
“ทำไม ไม่ชอบหรือ อร่อยที่สุดในย่านนี้เลยนา...”
สะบันงายกมือไหว้
“ขอบคุณมากจ้ะ”
“ต่อไปนี้จะให้กินก๋วยเตี๋ยวสามมื้อ เช้า กลางวัน เย็น”
สะบันงายิ่งแปลกใจ
“เอ้อ...ขอบคุณมากจ้ะ”
“รีบเก็บจานแล้วไปอาบน้ำอาบท่าสิ อาบน้ำเสร็จ มีอะไรจะคุยด้วย”
“จ้ะ”
กวงเดินร้องเพลงจีนเบาๆออกไป สะบันงามองตามด้วยความสงสัยแต่ยังไม่รู้ว่าอะไร
คุณหญิงลออศรีชวนคุณหญิงศรีหัดเล่นไพ่ตอง ปานวาดช่วยเล่นอีกคน
“ฉันเล่นเป็นแต่เลี๊ยบตุ่ย เพราะดูคุณเตี่ยกับคุณแม่ทั้งสองเล่น แต่ไพ่ตองนี่ ไม่รู้เรื่องเลย” คุณหญิงศรีเล่า
“เถอะน่า คุณหญิงคุณนายสมัยนี้เขาเล่นเป็นกันทั้งนั้น พอผัวลงเรือนเมียก็กวักมือเรียกขาไพ่ ต้องหัดเอาไว้ไม่เช่นนั้นจะไม่ครบเครื่องเรื่องการเป็นคุณหญิง ฝรั่งเขาเรียกฮอบบี้ งานอดิเรกไงล่ะ”
“แต่ฉันชอบอ่านหนังสือเป็นงานอดิเรกมากกว่า”
“หนูจะช่วยสอนให้เองค่ะ ยัยเมี้ยนมาเล่นด้วยกัน ขามันขาด”
เมี้ยนมองคุณหญิงลออศรีว่าจะว่ายังไง เพราะรู้ว่าเหยียดคนที่ด้อยกว่า
“มาสิเมี้ยน มาแก้ขัดนะยะไม่ใช่มาเป็นขาประจำ” คุณหญิงลออศรีบอกอย่างเสียมิได้
“เอ้อ โต๊ะอาหารเย็นพร้อมแล้วเจ้าค่ะ เชิญรับประทานก่อนดีไหมเจ้าคะ” เมี้ยนตัดบท
“เย็นนี้ ท่านไปงานเลี้ยงที่กระทรวง มีแขกต่างประเทศมาเยี่ยมกินด้วยกันนะลออ”
สังวร สังเวียน กำลังจัดโต๊ะอาหาร ตาก็ปรายไปทางพวกคุณหญิงศรีแล้วกระซิบนินทา
“นางลออนั่นก็อีกคนมันจิกหัวเรียกกัน มันดูถูกเรานักชังน้ำหน้าจริงๆ”
“ขอให้ลูกสาวมันโตขึ้นไป ได้ผู้ชายที่มันไม่พึงปรารถนาอายคนเขาไปทั่ว” สังเวียนแช่ง
คุณหญิงลออศรีกระซิบกับคุณหญิงศรี
“นางสองคนนั่นมันอยากเป็นเมียเจ้าคุณเจ้าคุณรู้บ้างไหมศรี”
“รู้” คุณหญิงศรีตอบเรียบๆ
“ปรามมันให้ดีทีเดียวนะ”
“บางทีฉันอาจสนับสนุนพวกมันให้สมหวัง”
“ศรี เธอบ้าหรือ เกิดมันมีลูกมีเต้าขึ้นมาแล้วเธอไม่มี มันจะขี่หัวเธอสนุก”
“เรื่องมันยังไม่เกิด อย่าตีตนไปก่อนไข้”
“ย่ะ ระวังนะยะ จะเกิดเรื่องวัวหายแล้วล้อมคอก ศรีเธอนี่เหลวไหลมาก เพิ่งจะแต่งงานกับเขาไม่กี่วัน ดันจะหาเมียบ่าวให้ผัว”
ปานวาดเร่ง
“หนูหิวข้าวแล้วค่ะ คุณหญิงน้า คุณหญิงแม่”
ทั้งสามคนเดินไปที่โต๊ะอาหาร สังวร สังเวียน เมี้ยนยกเก้าอี้ถอยให้สองคนนั่ง สังวรมองคุณหญิงลออศรีอย่างเกลียดชังอยากให้ลออศรีตกเก้าอี้ แต่ก็ได้แค่คิด ขณะที่คุณหญิงลออศรียังติดใจเรื่องเดิม
“ศรี ถ้าเธอไม่ไหวจริงๆ ทำไมไม่ส่งเมี้ยนมันไปเล่า หน้าตามันก็พอได้แต่ไอ้กินหมากนี่สิแย่ ดูแลมันให้สวยสักนิดยังไงก็คนของเธอ มันไม่หักหลังหรอกนะ”
“เรื่องนั้นฉันจัดการเอง เธอไม่ต้องห่วง เมี้ยน ฉันต้องการพบแกละคืนนี้ก่อนนอน”
สังวร กับสังเวียนแอบกระซิบกัน
“มันจะส่งเสริมนางแกละ”
เมี้ยนหันมาสั่ง
“หล่อนคนใดคนหนึ่งไปบอกแกละมาพบคุณหญิงก่อนนอน”
คุณหญิงลออศรีสงสัย
“ตกลงเธอจะเอาคนชื่อนางแกละ ไปปรนนิบัติเจ้าคุณแทนตัวเองหรือ”
“เธออย่ากังวลเรื่องใครจะนอนกับใครในบ้านฉันมากไปเลยน่าลออ ฉันจัดการตัวเองได้น่า”
“ย่ะ รู้ว่าเธอเก่ง ระวังจะน้ำตาตกใน ขึ้นชื่อผู้ชายมันหลายใจ รักง่าย หน่ายเร็ว ฝรั่งก็เถิด มาเจอประเพณีไทยแบบนี้มีหรือจะไม่อยากทดลอง”
“แล้วเจ้าคุณเกษมสามีเธอเล่าจ้ะ”
“วุ๊ย คุณพ่อก็มีเมียน้อยไปทั่ว แต่ไปหาเอานอกบ้านค่ะคุณหญิงน้าขืนเอาในบ้านคุณหญิงแม่แพ่นหัวแบะไ ปานวาดเล่าขำๆ
คุณหญิงลออศรีตาเขียวปรามไม่ให้ปานวาดพูด
“ใครใช้ให้เอาเรื่องส่วนตัวในบ้านมาพูด”
สะบันงานั่งข้างตุ่มน้ำใส่กระโจมอก บนม้าไม้เก่าๆเตี้ยๆหลังร้าน กำลังอาบน้ำล้างหน้า กวงแอบมองหน้าอันสดใสของสะบันงา
“ยิ่งล้างหน้าล้างตาหน้ายิ่งสวย สวยจริงๆเป็นลาภปากของอากวงแท้ๆเด็กอาไร รูปก็งามนามก็เพราะ”
สะบันงาอาบน้ำเสร็จ เช็ดตัวแล้วหันไปหยิบโคลนที่ซ่อนไว้มาป้ายหน้าป้ายตา ไม่รู้ว่ากวง
เห็นหน้าไปแล้ว สะบันงามองซ้ายมองขวา ลุกขึ้นเดินปกติ ไม่ขาเป๋ กวง ตื่นเต้นดีใจมาก
“มันไม่ได้ขาเป๋ มันแกล้งเป๋ มันปิดบังหน้าตาเพราะมันกลัวใครจะรู้ว่ามันสวย สวรรค์ประทานมันมาให้เราแน่ ความจึงมาแตกเอาที่เราอีหนูเอ๊ย”
กวงแอบมองต่อไป
คุณหญิงศรีมองหน้าแกละที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยตรงหน้า เมี้ยนนั่งใกล้ๆ
“แกละ สองแม่ลูกนั่น ชื่ออะไร”
“แม่ชื่อพี่พริ้ง ลูกมันชื่อสะบันงาเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีนิ่งงัน เมี้ยนดีใจมาก
“สะบันงา คนที่แกละจะพามาหาคือสะบันงา โธ่”
“คุณหญิงรู้จักหรือเจ้าคะ”
“รู้จักสิ รู้จักอย่างดีเลยแหละ เมี้ยนทำไมไม่ถามชื่อตั้งแต่วันแรกที่แกละมาบอก โธ่เอ๊ยสะบันงา โธ่เอ๊ยแม่พริ้ง ไม่อย่างนั้นฉันคงส่งเมี้ยนแล่นไปรับสะบันงามาตั้งแต่คืนนั้นแล้ว ช้าไปก้าวเดียวเสียหายไปมากมาย”
“ขอประทานโทษเจ้าค่ะ เมี้ยนจะอ้าปากถามแต่ก็ไม่ทันถามเมี้ยนปากหนักไปแล้ว ยกโทษให้เมี้ยนด้วยนะเจ้าคะ”
“มันคงเป็นเวรกรรมของสะบันงา แกละเจอสองคนแม่ลูกที่ไหน”
“ท่าน้ำเยาวราชเจ้าค่ะ”
“เมี้ยน พรุ่งนี้เราจะไปตะลุยเยาวราชตามหาสะบันงา”
“เจ้าค่ะ”
“แกละไปได้ ขอบใจมาก ถ้าพบสะบันงาฉันจะให้รางวัลแกละ ในฐานที่ทำให้ฉันได้เบาะแสสะบันงา”
“ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ คุณหญิง”
แกละคลานถอยออกไป คุณหญิงศรีหันไปถามเมี้ยน
“แกละคนนั้นเป็นโรคทะเยอะทะยาน เหมือนนางสองพี่น้องไหม”
“ไม่เจ้าค่ะ มันเป็นคนรักของกุ๊กซ้ง มันสองคนกำลังเก็บเงิน จะออกไปตั้งตัวเปิดร้านอาหารจีนเจ้าค่ะ”
“นี่ก็ทะเยอทะยานอีกชนิดหนึ่ง แต่ในทางที่ถูกต้อง ขอให้พวกมันสมหวัง”
“มันสองคนไม่สนใจเรื่องของใครแถมคอยปราม มันหวังสร้างอนาคตเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“ขอให้พวกมันสมหวัง พรุ่งนี้ขอให้ฉันสมหวังเจอสะบันงาแถวนั้นด้วยเถิด เจอเมื่อไหร่จะเก็บเอาไว้ข้างตัวไม่ให้ห่าง เอาไว้รอวันคุณศุกลกลับมารับขวัญ”
เมี้ยนกระซิบ
“เอาไว้ข้างตัว เจ้าคุณก็เห็นตัวสะบันงาสิเจ้าค่ะ สวยและน่ารักเรียบร้อยปานนั้น มันจะเปิดโพรงให้กระรอกนะเจ้าคะ”
“ฉันจัดการได้น่า อย่าคิดมาก”
“จัดการจนต้องมาวางยานอนหลับผัวทุกคืน นี่มันน่าหนักใจนะเจ้าคะ ระวังจะวางผิด แล้วจะโดนลักหลับเอานะเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีถอนใจ เมี้ยนนำแก้วนมสองแก้วมาวางไว้ให้
“แก้วซ้ายของคุณหญิง แก้วขวาของเจ้าคุณ ใส่ยานอนหลับไว้ อย่าหยิบแก้วผิดเผลอไปดื่มเองนะเจ้าคะ เมี้ยนไม่อยู่เสนอหน้า เดี๋ยวจะกลับมาเกาหลังให้ตอนที่ท่านหลับไปแล้ว เอ้อ...ข้างบนห้องนอนน่าจะเหมาะกว่า หลบรอดปลอดภัยหูตาสัปปะรดของนางสองคนนั่นมันนะคะ แก้วซ้ายนะคะ ท่องไว้ ซ้ายๆ เจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีพยักหน้า
สะบันงาจัดข้าวของเตรียมขายวันรุ่งขึ้น กวงเดินมาด้านหลัง มากอดไว้
“สะบันงา”
“ว๊าย”
สะบันงาหันมาตกใจมาก ในมือยังถือสากครกค้างอยู่
“อีหนูคนสวย มาเป็นเมียแปะกวงนะ”
“ไม่ ไม่ ปล่อยฉันนะ”
“เรื่องอะไรจะปล่อยคนสวยๆอย่างอีหนูไปง่ายๆ แหม ร้ายจริงนะ แกล้งเอาโคลนมาพอกหน้าให้มอมแมม แกล้งเดินขาเป๋ ตบตากันได้มาหลายวัน”
สะบันงายกมือไหว้ยังถือสากอยู่
“ปล่อยหนูนะจ๊ะอาแปะใจดี ปล่อยหนูเถิด”
“ไม่ได้ ไม่ปล่อย อีหนูต้องมาเป็นเมียของอาแปะ จะไม่ให้ล้างจานทำงานทุกอย่างอีกแล้ว น่านะ นะนะนะ นี่เงินให้เอาไว้กินขนม”
“ฉันไม่รับ ไม่เป็นเมียแก ปล่อย...”
อาแปะยิ่งรัดมากขึ้นปล้ำกันจริงๆแล้ว สะบันงาดิ้นรน ในที่สุดตัดสินใจเอาสากกระเบือตีหน้า
สะเปะสะปะ ไปโดนเอาหน้าผากของ อาแปะปล่อยสะบันงา เอามือกุมหน้าเลือดสาด
“โอ๊ย! นังเด็กผีทะเลตีแสกหน้ากู พูดดีๆไม่รู้เรื่อง มึงตายแน่”
สะบันงาตกตะลึง กลัวมาก
“เลือด เลือด โอ๊ย เลือด”
อาแปะโถมเข้าใส่สะบันงา สะบันงายิ่งตกใจปาสากกระเบือในมือ โยนทิ้ง
“มึงตาย”
กวงกางกรงเล็บกระโจนใส่ สากกระเบือที่สะบันงาโยนทิ้งไปตกใส่ซ้ำที่เดิม
“โอ๊ย...มึงจะฆ่ากู”
สะบันงาหันกลับ อาแปะตะครุบขาไว้ได้ สะบันงาล้มแล้วถีบหน้าอาแปะโดนที่เดิมอีก เธอ
ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้าย แค่คิดจะหนีแต่เหมือนจงใจทำให้กวงเจ็บที่เดิมซ้ำๆเงินหล่นตรงหน้า
“นี่คือค่าจ้างทำงานของเรา”
สะบันงาตัดสินใจ แล้วหยิบแล้วลุกอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งออกไปจากห้องไป อาแปะ นอนประหลับประเหลือก
“กลับมา กลับมา ไม่ได้นอนกับกู ก็อย่าเอาเงินกูไป”
ใกล้เที่ยงคืน คุณศรีนั่งรอเจ้าคุณแล้วเริ่มง่วง เมี้ยนนั่งเป็นเพื่อน
“ท่านกลับดึกจังนะเจ้าคะ หนีขึ้นห้องใส่ประตูลงกลอนไหมเจ้าค่ะ”
“ไม่ ฉันต้องรอเขา แต่ฉันง่วงจังเลยเมี้ยน”
“เมี้ยนถึงอยากให้ไปนอนไงเจ้าคะ”
“ถ้าฉันนอน แล้วท่านกลับมาเจอว่า ฉันกำลังหลับ ฉันก็..โดน...เอ้อ...ลักหลับ”
“เฮ้อ เมี้ยนว่ายังไงสักวันก็ต้องโดนจังๆ ปล้ำเอานะเจ้าคะ”
“เมี้ยนอย่าพูดเป็นลาง”
เจ้าคุณ เข้ามาในห้อง มีเสื้อนอกพาดข้อมือเข้ามา
“ศรี รอผม โอ้...ศรีรอผมจริงๆด้วย”
“ใช่ค่ะ”
“ขอบใจมาก ฮันนี่ เมี้ยนไปได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ”
ก่อนไปเมี้ยนกระซิบคุณหญิงศรี
“ซ้ายนะเจ้าคะ แก้วซ้ายของคุณหญิง”
เมี้ยนออกไปไม่วายหันมามองห่วงใย ยังทำปากไม่มีเสียง
“ซ้าย เจ้าค่ะ”
เจ้าคุณนั่งข้างๆคุณหญิงศรี โอบไว้
“วันไหนดึกมากแล้ว ศรีไม่ต้องนั่งรอ ขึ้นไปนอนหลับในห้องกลับมาผมจะขึ้นไปนอนกอดศรีเองจ้ะ”
คุณหญิงศรีแอบทำหน้าสยอง เมี้ยนที่กำลังจะก้าวพ้นไปจากประตู ชะงักเอามือทาบอก
สะบันงาหน้ายังมอมโคลนไว้ สะบันงาวิ่งหนีกวงออกมา สวนกับชายหนุ่ม
“ถึงหน้าจะดำแต่รูปร่างดี ไปไหนมาไหนคนเดียวกลางคืน ไม่กลัวโดนปล้ำหรือจ้ะ ไปให้พี่แก้ข้ดกันหน่อยไหมจ้ะ น้องสาว”
“ว๊าย อย่ามายุ่งกับฉันนะ”
สะบันงาวิ่งหนี แล้วมาหยุดที่ซอกมุม หอบหายใจ
“ไปไหนดี ไปไหนดีล่ะ โธ่ ทำไมคุณปานวาดไม่ถามเราแต่แรกนะว่าชื่ออะไร ป่านนี้คงได้พบคุณหญิงศรีไปแล้ว เวรกรรมอะไรหนักหนา”
สะบันงาแอบต่อไป คิดว่าจะไปทางไหน
เจ้าคุณกับคุณหญิงศรียังคงนั่งด้วยกันที่โซฟา
“ผมขอไปอาบน้ำที่ตึกโน้น เดี๋ยวกลับมา ศรีไปรอที่ห้องดีไหมจ้ะ”
คุณหญิงศรีส่ายหน้า
“ไม่ดี คือเอ้อ ฉัน นั่งอ่านหนังสือรอที่นี่ดีกว่าค่ะ”
“มีเมียฉลาดไว้หาความรู้ นี่ใช่ไหมที่คนไทยเขาว่าคู่ควรกัน”
“ทำไมถึงคิดว่าจะแต่งกับใครเพราะคู่ควรกัน ไม่ใช่รักกันแปลกนะคะ”
“ใครว่าผมไม่รักศรี แต่เรารู้จักกันสั้นมาก ความรักไม่จำเป็นต้องรักแรกพบ แต่มันใช้เวลาสร้างได้ เราจะสร้างความรักที่มีต่อกันให้งอกงามเพิ่มพูน ไปจนวันตาย”
“คุณพูดถูกใจฉันมาก แทงกิ้วค่ะ”
“เพราะเราเหมือนกัน”
เจ้าคุณก้มลงมาหอมแก้มคุณหญิงศรี แล้วเดินจากไป
“ซ้าย แก้วซ้ายของเรา” คุณหญิงศรีพึมพำจนหลับพิงพนักไปเอง
เจ้าคุณเดินกลับเข้ามา นั่งมองคุณหญิงศรีที่หลับเขี่ยผมเล่นไปมายิ้ม
“ช่างมีความสุขอะไรอย่างนี้ รักเมืองไทย รักเมียไทย มีลูกครึ่งไทย ครึ่งฝรั่งสักสิบคน ศรีจ๋า รักศรี ขอบใจศรีเหลือเกิน”
เจ้าคุณหันไปเจอนม หยิบแก้วซ้ายมาดื่ม แล้วเอาไปไปวางไว้ทางขวา กลายเป็นแก้วทางขวาที่มียานอนหลับ กลับมาอยู่ทางซ้ายแทนที่ เจ้าคุณ สะกิดคุณหญิงศรีเรียกเบาๆ
“ศรีจ้ะ ดื่มนมเพื่อสุขภาพจ้ะ”
คุณหญิงศรีตื่นขึ้นมา ตกใจ หน้าเจ้าคุณมารออยู่ตรงหน้า
“อุ๊ย มาแล้วหรือคะ”
“จ้ะ ดื่มนมเพื่อสุขภาพจ้ะ นมวัว ที่เราเลี้ยงไว้หลังบ้านเราเอง”
คุณหญิงศรีมองปราดจำได้...แก้วซ้ายของเรา แก้วขวายานอนหลับ แล้วเธอก็เห็นแก้วซ้ายยังมีนม แก้วขวานมหมดไปแล้ว
“ผมดื่มของผมหมดไปแล้ว”
เจ้าคุณหยิบนมมาจ่อที่ปากให้ดื่ม คุณหญิงศรีดื่มนมผิดแก้วไม่สงสัยสักนิด ได้แต่นึกในใจว่า...เขาดื่มแก้วขวา ประเดี๋ยวเขาก็หลับ
คุณหญิงศรีเริ่มง่วง สะบัดหัวไปมา พอนึกขึ้นมาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตกใจมาก
“แย่แล้ว เมี้ยน เมี้ยน”
“ศรีจะเอาอะไรผมหยิบให้” เจ้าคุณตกใจตาม
คุณหญิงศรีส่ายหน้า แล้วค่อยๆปรือตาหลับ เจ้าคุณอุ้มเธอขึ้นมา
“หลับง่ายจริง คงจะง่วงมาก เบบี้”
เจ้าคุณอุ้มคุณหญิงศรีที่หลับขึ้นชั้นบน เมี้ยนโผล่หน้ามาดูผลงาน ยืนตะลึงกับภาพที่เห็น ของในมือหล่นตกแตก เจ้าคุณหันมามอง
“เบาๆเมี้ยน เดี๋ยวคุณหญิงตื่น เมี้ยนปิดประตูแล้วไปซะ”
เจ้าคุณพูดจบอุ้มคุณหญิงศรีขึ้นบันได เมี้ยนยืนทำอะไรไม่ถูก
“คุณหญิงกินนมผิดแล้ว คุณหญิงเจ้าขา เมี้ยนซอรี่เจ้าค่ะ”
เมี้ยนตัดใจปลง
สะบันงา เดินหลบๆซ่อนๆ มาตามข้างทาง ผ่านมาที่บ้านหลังหนึ่งมีโคมสีเขียวห้อยอยู่ เห็นผู้หญิงสาวๆยืนๆเดินๆแถวหน้าบ้าน มีผู้ชายเดินเข้าเดินออก บางคนยืนคุยกับผู้หญิงหน้าบ้าน
สะบันงาเดินก้มหน้างุด
“นังหนู ดูสารรูปตัวเองบ้างสิ มอมแมม สกปรกทั้งหน้าตาเนื้อตัวจะมาขายตัวแบบนี้น่ะหรือ” นางโลมถาม
สะบันงาตกใจส่ายหน้า แมงดาเดินมาจากในบ้าน มาสำรวจพวกนางโลมที่ยืนอ่อยหน้าบ้าน
มานับจำนวน
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ครบพอดีมีแขกรอในบ้าน สี่คน เข้าไปในบ้านให้หมด”
สะบันงา มองจำนวนรวมตัวเองกลายเป็นสี่ ตกใจถอยกรูด ส่ายหน้า
“นังนั่นจะถอยไปไหน ไปรับแขก”
สะบันงาถอยกรูดร้องไห้ส่ายหน้า นางโลมแย้ง
“มันเพิ่งมาวันแรกน่ะ เฮียดูมันสิมอมแมมจะตายไป จะไหวหรือเฮีย”
แมงดาพิจารณา มองออกว่ายังไม่เคย
“ดีมาก แบบนี้ซิเสี่ยต้องการ เร็ว เข้าไปเดี๋ยวจะขัดสีฉวีวรรณให้เอง อย่าดื้อดึง ถ้าไม่อยากโดนซ้อม”
สะบันงาส่ายหน้าหาทางป้องกันตัว ไม่รู้จะทำยังไง เพราะจะทำขาเป๋ก็ไม่ได้แล้ว แมงดามากระชากสะบันงาโดยแรง เงื้อมือจะตบ
“หรือว่ามึงหูหนวก นางนี่ต้องสั่งสอน”
“แบะๆ” สะบันงาแกล้งเป็นใบ้
แมงดาชะงัก
“นังบ้านี่เป็นใบ้ นี่นา”
สะบันงาฉวยโอกาสที่แมงดากำลังตกใจ ถุยน้ำลายใส่ตาแมงดาอย่างรวดเร็วทั้งสองตา
“ถุย ถุย”
“เฮ้ย”
สะบันงาสะบัดมือแล้ววิ่งหนีไป แมงดาเอามือปาดตาที่มีแต่น้ำลายของสะบันงา วิ่งตาม
“อีบ้าใบ้ ถุยน้ำลายใส่หน้า กูจะฆ่ามึง”
ตรงนั้นมีถังขยะ สะบันงาผลักถังขยะมาใส่ แมงดายังตาพร่า ชนสะดุดถังขยะหกล้ม
สะบันงาวิ่งร้องไห้หนีรอดไปได้
เจ้าคุณนอนกอดคุณหญิงศรีหลับ กลางดึกเมื่อสร่างจากยานอนหลับ ตื่นขึ้นมา มองเห็นมือของเจ้าคุณโอบกอดก็ตกใจมากนึกว่าโดนเจ้าคุณทำอะไรไปแล้วก็ใจหายวาบ
“เรากินนมผิดแก้ว โธ่”
คุณหญิงศรีค่อยๆแกะมือเจ้าคุณออกจากตัว ลุกขึ้นมาสำรวจ มองเสื้อผ้า ก้มหน้ามองหาว่ามีอะไรผิดปกติ ก็ร้องไห้เสียดายความสาวของตัวเอง
“ในที่สุด โธ่ ในที่สุด ก็หลีกเลี่ยงไม่พ้น”
เมี้ยนนั่งน้ำตาไหลอยู่มุมหนึ่งของบ้าน
“คุณหญิงเจ้าขา เมี้ยนขอโทษ เมี้ยนวางแผนผิด เมี้ยนทำร้ายคุณหญิงซะแล้ว เมี้ยนจะไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองเลย”
สังวร กับสังเวียนมาแอบดูเมี้ยน
“มันร้องไห้ทำไม”
“หรือมันจะอกหัก” สังวรสงสัย
“โง่สิ นังสังเวียน หน้าอย่างมันไม่มีใครมาหักอกหรอกมันหวงคุณหญิงมันอิจฉา ไม่พอใจ ที่ท่านไปนอนกับคุณหญิงมันเลยร้องไห้”
“สมน้ำหน้า นังพวกคนวิปริต ผิดเพศ มันสองคนจะต้องทำให้บ้านนี้เกิดอาเพศ หาความสงบไม่ได้แน่ๆ” สังวรบอกอย่างเกลียดชัง
สะบันงาแอบมานั่งซุกตัวใต้สะพาน ใช้ซีเมนฐานสะพานกำบังตัว
“แม่จ๋า ช่วยหนูด้วย หนูไม่รู้จะไปไหน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับตัวเอง เจอใครก็มีแต่คนคิดร้ายกับหนู หรือว่าในโลกนี้ ไม่มีใครที่หนูพบเจอเป็นคนใจดี นอกจาก คุณหญิงศรี กับคุณศุกล หนูจะตามหาคุณหญิงหนูต้องตามหาคุณหญิงให้พบ ก่อนที่หนูจะเอาตัวไม่รอดช่วยหนูด้วยนะจ๊ะแม่จ๋า”
สะบันงาร้องไห้สะอื้น
เช้ามืดวันใหม่
เจ้าคุณรู้สึกตัวควานหาคุณหญิงศรี
“ศรี เอ๊ะ...”
เจ้าคุณลืมตาหาเห็นคุณหญิงศรีนั่งร้องไห้อยู่ที่มุมห้องรีบเข้าไปหา
“ศรี เป็นอะไร”
“เอ้อ ไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ”
“แต่ศรีร้องไห้”
“ฉัน...ฉัน...”
“เมื่อคืนหลับสบายมากได้นอนกอดศรีทั้งคืน”
“นอนกอดทั้งคืนหรือคะ”
“ใช่ นอนกอดศรีทั้งคืน”
“แค่นอนกอดทั้งคืน เท่านั้นจริงๆหรือคะ”
“เท่านั้นจริงๆ ก็ศรีเอาแต่ผลอยหลับ เพราะดื่มนมจนอิ่ม แล้วผมจะทำอะไรได้ หรือว่าศรีร้องไห้เสียใจ ที่ผมแค่นอนกอดศรีทั้งคืนโดยไม่ทำอะไรมากกว่านั้น”
“เอ้อ ฉัน ไม่ได้คิดอย่างนั้น”
“แต่ศรีร้องไห้”
“คือฉันร้องไห้ เอ้อ ร้องไห้เพราะห่วงเด็กคนหนึ่ง ที่ฉันรักเหมือนน้องสาวค่ะ”
“พุดโธ่ เรื่องแค่นี้ เด็กอยู่ที่ไหน ไปรับมาอยู่กับศรีสิ”
“เอ้อ เด็กหายไปน่ะค่ะ กำลังตามหา”
“ศรีก็เลยเสียใจจนร้องไห้ทั้งคืน ทำเอาผมใจแป้ว คิดว่าศรีเสียใจเพราะผม”
“ไปอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานนะคะ ฉันจะไปดูแลอาหารให้รับประทานค่ะ”
เจ้าคุณดึงคุณหญิงศรีมากอดหอมแล้วปล่อยตัว เธอยิ้มเบิกบานออกไป
พวกในครัวกำลังทำหน้าที่กันและนินทากันไปด้วย
“โอ๊ย ขำขันยิ่งกว่าดูจำอวดหน้าม่าน นางกินหมากฟันดำต้นห้องน้ำตานองหน้า” สังวรหัวเราะคิดคัก
“คุณเมี้ยนเป็นอะไรรึ” ทองหยอดสงสัย
“จะเป็นอะไร้ ก็เสียใจอกหักน่ะสิ” สังเวียนว่า
“อย่านินทาเจ้านายหลับหลัง” แกละไม่พอใจ
สังวรหันขวับไปมอง
“ต่อหน้ากล้านินทามันที่ไหน มันดุเหมือนหมา ก็ต้องนินทากันลับหลังนี่แหละ”
ทองหยอดเร่ง
“กำลังอยากรู้รีบเล่ามาให้หมด”
“ก็นายบ่าวคู่นั้นรักกันเอง ก็ไม่รู้ว่าจะมาแต่งงานกับท่านของเราทำไม”
เมี้ยนเดินเข้ามาตาขวางมาก เดินปรี่ไปยืนหน้าสองคนที่ระย่อห่อลงไป
“แกสองคนพี่น้องรนหาที่ จะไม่มีที่ซุกหัวนอน แกลบหลู่อกตัญญูดูถูกเจ้านาย เลวมาก”
ทุกคนตะลึง หน้าซีดโดยเฉพาะสองพี่น้อง
“ว่าแล้วเชียว” น้อยหน้าแหย
ซ้ง โรเบิร์ตรีบหันไปทำอาหารของตัวเองขมีขมัน เมี้ยนหิ้วหูขึ้นมาคนละข้าง
“โทษของแกสองคนหนักมาก โดนไล่ออกจากบ้าน โดนตัดเงินเดือน และต้องโดนลงโทษ”
เมี้ยนเหวี่ยงสองคนลง ทำท่าจะชก
“หยุด”
ทุกคนหันไปมอง เห็นคุณหญิงศรีหน้าเรียบเฉย ยืนเด่นกลางประตูแต่ดวงตาเยือกเย็นน่ากลัวยิ่งนัก
“คุณหญิง” ทุกคนยกมือไหว้
“มีอะไรกันหรือเมี้ยน”
“อีนางสองคนนี้มันบังอาจนักเจ้าค่ะ มัน....”
“ไม่ต้องพูดต่อแล้วเมี้ยน...คืนนี้เราสองคน จับไม้สั้นไม้ยาวใครได้ไม้ยาวไปพบฉันหลังอาหารเย็น”
“คุณหญิงเจ้าขา…” เมี้ยนรู้ว่าคุณหญิงศรีจะทำอะไร
“หล่อนสองคนได้ยินที่ฉันพูดไหม” คุณหญิงศรีขัดขึ้น
“ได้ยินเจ้าค่ะ”
“อ้อ อยากจะบอกหล่อนสองคน อะไรอะไรที่พวกหล่อนอยากได้แต่ไม่มีปัญญา ก็อย่าคิดเนรคุณคนให้ตั้งแต่ยังไม่ได้รับความเมตตา มันจะพาให้ชีวิตพวกหล่อนสองคนพินาศล่มจม”
สองคนหน้าซีดเผือด คนอื่นๆ ก้มหน้างุด คุณหญิงศรีก็หันกลับเดินจากไปเงียบๆ สองคนทำท่าจะลมใส่
“นี่คือการด่าอย่างผู้ดี เตือนสติอย่างมีเมตตา ถ้ายังไม่เลิกทำตัวอย่างนี้ไม่ต้องรอให้คุณหญิงมาเอ่ยปาก ฉันจัดการแกก่อนแน่ แม้แต่คุณหญิงห้ามก็ไม่ฟัง นังคนไม่รู้คุณคน”
เมี้ยนรีบตามติดไปทันที คนอื่นๆหันมามองสองพี่น้อง
“เก็กซิมแทน อั๊วไม่เกี่ยวยังฟังแล้วหนาวไปถึงหัวใจ” ซ้งออกความเห็น
“แกสองคนคิดว่าตัวเองเป็นอะไร ถึงนินทาว่าร้ายเจ้านายไม่เกรงใครทั้งนั้น” แกละต่อว่า
“แกสองคน มันนึกว่าตัวเองสวย ก็แค่ดอกหญ้า ถ้าไม่มีใครหยิบไปปักในแจกัน ก็โดนเหยียบย่ำทำลาย อย่าเผยอ” น้อยเยาะ
“คนไทยเขาว่า อย่าเอาไม้ซุงไปงัดไม้ซีก จะไหวหรือ” โรเบิร์ตถาม
“โรเบิร์ต ลำบากมากนักก็อย่าพูด เขาพูดว่า อย่าเอาไม้ซีก ไปงัดไม้ซุงไม่สำเร็จหรอก” ซ้งขำๆ
“ทีหลังอย่าได้เอาเรื่องของพวกท่านมาป่าวประกาศที่นี่ อยากพล่ามไปบอกเล่าให้พวกสัมพเวสีที่ไหนฟังก็ตามใจ คืนนี้แหละแกเอ๊ยเจอดีแน่” ทองหยอดเตือน
“สีหน้าคุณหญิงท่านนิ่ง แต่แววตาท่านสิหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ” แกละพลอยสยองไปด้วย
สังวร สังเวียนใจคอไม่ดี
สะบันงา ยังไม่กล้าออกไปไหน ยังแอบใต้สะพาน เอาน้ำในแม่น้ำมาลูบหน้า มาดื่มกิน
“เราจะออกตามหาคุณหญิงให้พบ แต่จะไปตามที่ไหนกันเล่า ไม่รู้ว่าคุณหญิงอยู่ที่ไหน กรุงเทพกว้างใหญ่ เราเพิ่งเคยลงจากแพ ไม่รู้จักถนนหนทาง จริงสิ บางทีคุณปาดวาดอาจกลับมาที่ร้านนั่นเพื่อถามว่าเราชื่ออะไร แต่เราจะไปที่นั่นอีกได้อย่างไร ไอ้แปะบ้านั่นมันจ้องอยู่”
สะบันงานั่งซึมเศร้าคิดไม่ออก
อ่านต่อหน้า 2
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 3 (ต่อ)
คุณหญิงศรีเดินหน้าเฉยลิ่วมาที่เรือน เมี้ยนวิ่งตามมา ดักหน้าคุกเข่าตรงหน้า
“คุณหญิงเจ้าขา เมี้ยนกราบขอโทษที่ทำจนคุณหญิงต้องตัดสินใจ เอ้อ...”
“เมี้ยนเข้าใจผิด ฉันก็เกือบจะเข้าใจผิด สามีของฉันท่านเป็นสุภาพบุรุษมาก ท่านไม่ได้ใช้อำนาจในความเป็นสามีฉันทำสิ่งที่ฉันยังไม่ยินยอมพร้อมใจ ท่านให้เกียรติฉันมาก”
เมี้ยนดีใจมากเข้าเกาะเอวคุณหญิง
“คุณหญิง เมี้ยนดีใจจริงๆเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีแกะมือเมี้ยนออก
“อย่าทำอย่างนี้ให้บ่าวไพร่เห็นอีก ขนาดไม่เคยเห็น มันยังเอาไปพูดเล่นสนุกปาก วาดภาพเอาเองต่างๆนานา”
“เมื่อสักครู่คุณหญิงห้ามเมี้ยนทำไมเจ้าคะ เมี้ยนจะให้บทเรียนกับมันสองคนพี่น้องให้สาสม”
“ฉันกำลังจะใช้ให้มันทำตัวให้เป็นประโยชน์กับฉัน”
“หมายความว่าคืนนี้ คุณหญิงจะให้มันคนใดคนหนึ่ง มาเอ้อ...”
“ใช่”
“นั่นศัตรูที่มันจ้องโค่นล้มคุณหญิงนะเจ้าคะ” เมี้ยนไม่สบายใจ
“อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น ให้มันรู้ว่าเรารู้ว่ามันรู้สึกอย่างไรกับเรา นิ่งดีที่สุด”
“มันแสดงออกจนทุกคนเห็นนะเจ้าคะ”
“ก็ให้อภัยมันสิ ทะเลาะกับคนต่ำต้อยกว่า ใครก็มองว่าเรากดขี่เขา”
“แต่ถึงอย่างไร พวกมันสมควรโดนกำจัดโดยเร็วเจ้าค่ะ“
“กำจัดศัตรูหนึ่งคน เท่ากับหาศัตรูเพิ่มอย่างน้อยก็สอง สามหรือสี่ หรือมากกว่านั้น ญาติพี่น้องเพื่อนพ่อแม่ของศัตรู จะต้องแก้แค้นเราต่อไปแก้แค้นกลับไปกลับมาไม่จบสิ้นนะเจ้าคะ”
“แล้วคุณหญิงจะทำอย่างไรกับพวกมันเจ้าคะ”
“เอามันมาเป็นพวกหนึ่งคน เพิ่มมิตรได้อย่างน้อยสอง สาม สี่หรือมากกว่านั้น”
“คุณหญิงใจดีใจกว้างเกินไป บางคนเราเปลี่ยนนิสัยมันได้ แต่บางทีทำอย่างไรก็ไม่อาจเปลี่ยนคนมีสันดานหยาบแท้จริงได้เจ้าค่ะ”
“เราจะลองพยายาม”
“จะเรียกมันมาคืนนี้จริงๆหรือเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีพยักหน้า
“ต้องเรียก ฉันตัดสินใจแล้ว คืนนี้ มันคนใดคนหนึ่งจะได้ไปปรนนิบัติท่าน”
“เพื่ออะไรเจ้าค่ะ”
“ตอบแทนท่าน เจ้าคุณท่านให้เกีรยติฉันมาก ฉันไม่อาจหลอกลวงใช้เล่ห์กลกับท่านได้ตลอดชีวิตนะเมี้ยน”
“แต่…”
“ต่อให้เมี้ยนแต่อีกร้อยครั้งฉันก็ยืนยันเช่นเดิม ฉันเคยฟังเมี้ยนเสมอแต่ครั้งนี้ อย่างไรก็ไม่ฟัง”
พูดจบคุณหญิงศรีเดินหนี เมี้ยนได้แต่มองตามหนักใจ
คุณหญิงศรีกลับมานั่งครุ่นคิดในห้องอาหาร เจ้าคุณที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วพร้อมไปทำงาน เดินมากอด
“ไปดูเบรกฟาสท์มาเรียบร้อยแล้วหรือ เบบี้”
“ค่ะ เมี้ยนกำลังจะไปจัดการให้สังวรสังเวียนยกมาให้ค่ะ”
“แทงคิ้ว ไอ เลิฟ ยู”
เจ้าคุณหอมแก้มคุณหญิงศรี เมี้ยนแอบเบือนหน้าถอนใจ
สะบันงา แม้ยังกลัวแต่ก็หิวมากแล้ว มองไปเพื่อจะออกไปจากใต้สะพาน เรือลำหนึ่งผ่านไป
สะบันงามองคนในเรือที่มีผ้าคลุมหน้าพันโผล่มาเพียงดวงตากับหน้าผาก
“จริงสิ ถ้าเราคลุมหน้าเหมือนคนในเรือนั่น แต่ผ้าเล่า”
ผ้าผืนหนึ่ง พลัดปลิวมาที่ใต้สะพานใกล้สะบันงาหลบซ่อน สะบันงา มองลงไปในน้ำ เห็นเงาในน้ำหน้าตาสวยงาม แล้วนึกถึงที่แกละพูด
“สวยมากเกินไป จะเป็นภัยแก่ตัวเองนะอีหนู”
สะบันงาหยิบผ้าผืนนั้นมาคลุมปิดใบหน้าไว้ สะบันงามองไปในน้ำอีกครั้งเห็นตัวเองมีผ้าคลุมหน้า
ปิดไว้ทั้งหมด เห็นแค่ดวงตาเท่านั้น เธอจึงออกมาจากใต้สะพาน
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนมาตามหาสะบันงาด้วยกันที่เยาวราช
“ฉันสงสัยว่าเด็กที่ปานวาดพบ อาจจะเป็นสะบันงา” คุณศรีบอกอย่างมั่นใจ
“คุณหนูปานวาดเธอบอกว่าเด็กนั่นขาเป๋ หน้าตามอมแมมนะเจ้าคะ”
“เพื่อความมั่นใจ เราควรไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่ปานวาดบอกไว้”
สองคนมุ่งหน้าไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยว
กวงเดินเขยก หัวแตกพันหน้าไว้ ทำก๋วยเตี๋ยวขาย บ่นไปด้วย
“ชีช้ำแท้ๆ นังเด็กตัวร้ายมันรอดตัวไปได้ ถ้าเจออีกเมื่อไหร่จะไม่ให้หลุดมือไปอีกทีเดียว”
สะบันงาเดินผ่านมาหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวกวง กวงหันมาร้องบอก
“นั่ง นั่งนั่ง กินอะไรสั่งได้”
สะบันงา เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว พอสะบันงาพ้นไป คุณหญิงศรีกับเมี้ยนเดินมามองหน้าร้านกระซิบกัน
“น่าจะร้านนี้เจ้าค่ะ คุณหญิง”
สองคนเข้าไปในร้าน
สะบันงามายืนหลบห่างมาจากร้าน แอบใจสั่น
“โอ๊ย กลัวมันจำเราได้จะแย่ ถ้ามันจำเราได้... มัน..ไม่กล้าคิด…”
สะบันงามองหน้าตัวเองในกระจกของร้านใกล้ๆ คิดว่าไม่น่าจะมีใครจำได้ มีคนตาบอด เดินผ่านไปใช้ไม้เท้า เคาะๆ
“มีผ้าคลุมหน้าแล้ว ถ้าแถมด้วยการตาบอดเล่า”
สะบันงาคิดบางอย่างได้
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนเดินเข้าไปนั่ง
“ฉันจะกินก๋วยเตี๋ยวร้านนี้”
“ไม่เห็นมีเด็กรับใช้ขาเป๋ที่คุณหนูปานวาดเธอว่านะเจ้าคะ” เมี้ยนมองไปทั่วๆ
“เรามีปากไว้ถาม ไม่ได้มีไว้กินหรือด่าคนเท่านั้น”
กวงเดินมาถาม
“จะกินอะไรสั่งมา”
“กินแน่ แต่ขอถามก่อนกิน นี่คุณหญิงศรี”
“โฮ้ย คุณหญิงอีกแล้ว เมื่อวานก็คุณหญิง มาตบตีคนของอั๊ว”
“ฉันนี่แหละเพื่อนคุณหญิงเมื่อวาน อาแป๊ะก็ตบตีคนของตัวเองด้วยไม่ใช่หรือ” คุณหญิงศรีย้อน
“ก็เด็กมันซุ่มซ่าม”
“วันนี้เด็กทำไมไม่มา”
“หนีไปแล้ว ขโมยเงินไปด้วย มันเด็กกะล่อน หน็อยทำหลอกว่าขาเป๋”
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนตื่นเต้น
“หลอกว่าขาเป๋”
“แปลว่าเด็กนั่นไม่ได้ขาเป๋ หน้าตาเด็กเป็นยังไง”
กวงไม่พอใจ
“อย่ามาซักมาถาม จะขายของ”
“ขายหมดทั้งร้านนี่ได้เงินเท่าไหร่”
“ถามทำไม”
“เพราะคุณหญิงจะเหมาก๋วยเตี๋ยวแกทั้งหมดน่ะสิ”
กวงตะลึง
“ว่าอะไรนะ”
“หยุดขาย แล้วมานั่งคุยกับฉันเรื่องเด็กคนนั้น สัญญาว่าแกจะพูดแต่ความจริง”
กวงแบมือยิ้ม บอกจำนวนเงิน
“สองร้อย”
เมี้ยนส่งเงินให้
“ยอมพูดความจริงมา หรือว่าจะให้บอกตำรวจมาจับ เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน”
“มันไปแล้วจริงๆ”
“ทำไมถึงไป แกจะปล้ำเด็กใช่ไหม” คุณหญิงศรีถามเสียงเข้ม
“เฮ้ย เปล่านะ เปล่า”
“หน้าตาแกมีพิรุธ คุณหญิงเจ้าขา เมี้ยนจะให้นายยอดไปเรียกตำรวจมาสอบสวนมันดีไหมเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีจ้องหน้ากวง
“บอกความจริงฉันหรือจะบอกตำรวจ บอกฉันฉันเพิ่มเงินให้ บอกตำรวจแกติดคุก”
เมี้ยนลุก กวงโบกมือห้าม
“แหม ก้อใครจะอดใจไหวในเมื่อเด็กมันสวยขนาดนั้น”
“สวย”
“แต่มันเอาโคลนพอกหน้าปิดบังความสวย จนหน้าดำ”
“มิน่า ปานวาดถึงจำไม่ได้ เด็กชื่ออะไร”
“สะบันงา”
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนตื่นเต้น เมื่อได้ฟังอย่างนั้น
“เมี้ยน แกรู้ไหมว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร” เมี้ยนรีบถาม
“ลูกโสเภณีหลงทาง”
“น้องสาวฉันเอง” คุณหญิงศรีบอกทันที
“หา” กวงตกใจ
“ทีนี้บอกมาให้หมดต่อไปว่าเกิดอะไรขึ้น”
“อั๊วปล้ำสะบันงา”
เมี้ยนชกโครม
“โอ๊ย ดูหน้าผากก่อนสิ อีเอาสากกระเบือฟาดหน้าอั๊ว แล้วหนีไป”
สองคนมองหน้ากวงเห็นจริง
“จำเอาไว้ให้ดี แกอยู่แถวนี้ ถ้าหากพบสะบันงาอีก แกไปขอโทษ แล้วบอกว่า ฉันกำลังตามหา เอาที่อยู่ของฉันให้สะบันงา แล้วแกจะได้ทองหนึ่งบาท”
กวงยืนตะลึง ดีใจมาก
คนละฝั่งกับที่คุณหญิงศรีและเมี้ยนเดิน สะบันงาเดินถือไม้เท้า ทำตัวเป็นคนตาบอดเดินไปเรื่อยๆ คุณหญิงศรีกับเมี้ยนเดินออกมาจากร้านอากวงโดยไม่เห็นกัน
“สะบันงาน่าจะหลบอยู่ในย่านนี้เจ้าค่ะ คุณหญิง”
“หลบอยู่ย่านนี้มันน่ากลัวมากนะเมี้ยน ยิ่งเวลากลางคืน”
“เจ้าค่ะ เหมือนกับตอนที่คุณหญิงพบเมี้ยนเมื่อสิบกว่าปีก่อน คุณหญิงอายุประมาณสะบันงาตอนนี้ นึกถึงวันนั้นทีไรหัวใจมันอิ่มเอิบว่าในที่สุดก็มีคนเหลียวแลเมี้ยน”
“นี่ อย่ามัวแต่เล่าความหลัง ช่วยกันส่ายตามองหาเผื่อว่าสะบันงาจะเดินแถวนี้...ใครหน้าตามอมแมมหรือ หรือพิการ ให้จับตามองเป็นพิเศษ”
“สะบันงาฉลาดนะเจ้าคะ รู้จักจะปลอมตัว”
“ฉันมองออกว่าเด็กคนนี้ฉลาด ถ้าดูแลให้ดี ต่อไปจะได้ดี ไม่อย่างนั้นฉันคงท้วงติงคุณศุกลไปแล้ว”
คุณหญิงศรีห่วงสะบันงามาก
อาแปะขายของต่อ แม้ว่าจะได้เงินจากคุณหญิง เพราะคุณหญิงไปแล้ว
“โชคดีจริงๆน้อ ได้เงินสบายๆ แถมได้ทองอีกหนึ่งบาท สะบันงาคนสวยกลับมานะจ๊ะ สาบานว่าจะไม่แตะต้องให้ระคายเคือง”
สะบันงาเคาะไม้เท้าเดินข้ามถนนมาที่หน้าร้าน
“จะกินก๋วยเตี๋ยวหรือเปล่า ไม่กินหลีกไปให้พ้นหน้าร้าน”
“ฉันตาบอด ขอโทษด้วย มองไม่เห็น”
“อ้อตาบอด จะมาขอทานหรือ ไม่ให้หรอก”
“เปล่าฉัน มาเอ้อ... มาเอ้อ... มารอเพื่อน”
“ตาบอดแล้วเพื่อนมาจะเห็นกันหรือ”
“เพื่อนไม่ได้ตาบอด ถ้าเขาเห็นฉันเขาก็จำได้เอง ขอนั่งแถวนี้ได้ไหม”
“ไม่ได้ นอกจากว่าจะล้างจานเป็น จะให้กินก๋วยเตี๋ยววันละชามแลกค่าล้างจาน”
“ขอบใจมาก”
สะบันงาทำเคาะๆไม้แล้วไปทรุดนั่ง ห่างไปจากร้านของแปะกวง คนผ่านมาโยนเงินให้
“มันไม่ใช่ขอทาน ไม่ต้องให้เงินมัน มันตาบอดมารอเพื่อน” กวงตะโกนบอก
“น้าแกละ คุณปานวาด จะมีใครผ่านมาทางนี้บ้างสักคนไหมหนอ”
สะบันงานั่งรอว่าจะมีใครที่รู้จักผ่านมาสักคนไหม
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนผิดหวังกลับมาบ้าน แกละนำจดหมายมาส่งให้
“คนรถบ้านเจ้าสัว เอาจดหมายจากน้องชายคุณหญิงที่อยู่เมืองนอกมาให้ค่ะ”
คุณหญิงศรีรับมา
“ขอบใจมากแกละ ต่อไปนี้ฉันอนุญาตให้แกละออกไปตามหาสะบันงาได้ทุกวันจนกว่าจะพบ”
“ค่ะ”
“คุณหญิงท่านมั่นใจว่าสะบันงาไม่ได้ไปไหนไกล น่าจะหลบอยู่แถวนั้น” เมี้ยนอธิบาย
“บางทีสะบันงาอาจจะคิดว่า จะเจอแกละแถวนั้นโดยบังเอิญ เหมือนวันนั้นอีกก็ได้”
“ค่ะดิฉันจะบอกเฮียซ้งให้ญาติเขาช่วยตามหาอีกแรงด้วยค่ะ”
“ขอบใจมาก แกละ ไปเถิด”
เมี้ยนเดินมากระซิบถามแกละ ขณะที่แกละกำลังถอยออกไป
“นางสองพี่น้อง อยากได้ใคร่ดีนั่นมันเป็นอย่างไรกันบ้าง”
“มันกำลังโทษกันเอง ว่าอีกฝ่ายยุแหย่ให้นินทาคุณหญิงค่ะ”
“พออยากได้ดีก็ขมีขมันช่วยกัน พอเกิดเหตุเพทภัยแม้พี่น้องก็แทบจะฆ่ากันตาย นี่แหละมนุษย์”
คุณหญิงส่ายหัว
จากนั้นคุณหญิงศรีเปิดจดหมายของศุกลออกมาอ่าน
“กราบพี่ศรีที่เคารพรัก
ผมไม่มีความสุขหรือสนุกสบาย ไม่มีแก่ใจจะเรียนเรื่องการค้าที่คุณเตี่ยสั่งเอาไว้แม้แต่น้อย ผมจึงตัดสินใจเรียนวรรณคดีที่ผมรัก ทั้งที่รู้ว่ากลับไปคุณเตี่ยกับคุณแม่ใหญ่ต้องผิดหวังและโกรธ แต่ผมอยากตัดสินใจเลือกทางชีวิตของผมเอง เรียนวรรณคดีนี่ไม่นานหรอกเป็นคอร์ส ตัวผมอยู่ที่นี่แต่หัวใจผมทิ้งไว้ที่แพริมคลองจนหมด ฝากดูแลสะบันงายอดรักของผม หวังว่าพี่ศรีคงดูแลเธอไว้ให้ผมอย่างดี บอกเธอด้วยว่าผมคิดถึงเธอทุกลมหายใจ ผมส่งความรักของผมไปให้เธอทุกเช้าค่ำ ผมวาดภาพเธอจากจินตนาการ ใส่กรอบตั้งไว้ที่หัวเตียงแล้วบอกรักเธอทุกวัน อย่าหาว่าผมบ้า ผมรักเธอจริงๆ ผมจะกลับไปแต่งงานกับเธอ แต่ถ้าผมไม่ได้แต่งงานกับเธอผมนี่แหละต้องเป็นบ้าอย่างแท้จริง สุดท้ายนี้ผมอยากกลับบ้านเป็นที่สุด
รักและเคารพพี่ศรีมาก
ศุกล”
คุณหญิงศรีอ่านจดหมายน้องชายแล้วยิ้มเศร้าๆ
“พี่เข้าใจ พี่ไม่คิดว่าเธอบ้าคนจิตใจอ่อนไหวนิสัยอ่อนโยนอย่างเธอคงบ้าแน่นอน ถ้าพลาดหวังจากสะบันงา พี่ขอโทษ พี่จะตามหาสะบันงาให้พบโดยเร็วที่สุด”
เมี้ยนมาใกล้ๆ
“คุณศุกลเธอสบายดีไหมเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีส่ายหน้า
“ไม่สบายเลย เขาอยากกลับบ้าน เขาคิดถึงสะบันงามาก”
“คุณหญิงจะบอกคุณศุกลเรื่องสะบันงาไหมเจ้าคะ”
“บอกให้เขาบ้าตายน่ะสิ เมี้ยนก็รู้ดีว่าเขาจิตใจไหวเอนไปกับทุกเรื่องราวหน้าที่เราสองคนตอนนี้ต้องไม่ให้เขารู้ตอนกลับมา รีบตามหาสะบันงาให้พบให้ได้”
“เจ้าค่ะ คุณหญิงช่างรักน้องเหลือเกินนะเจ้าคะ”
“ศุกลเขาก็รักฉันมาก เราสนิทกัน เล่นด้วยกัน ฉันออกปากทำบ้าบอแหวกแนวยังไงศุกลก็ไม่เคยขัด แล้วฉันไม่ทำทุกอย่างเพื่อน้องคนนี้ได้หรือ” คุณหญิงศรียิ้มเศร้าๆ
สะบันงามาที่ท่าน้ำ มองไปเห็นแพของแม่และตัวเอง ยังจอดอยู่ที่นั่น
“แพของเรา แม่จ๋าถ้าเราไม่โดนไล่จากริมคลองบ้านเจ้าสัว ชีวิตเราสองคนคงไม่แตกสลายอย่างทุกวันนี้”
ฮ้งที่อยู่แถวนั้น เดินมามองสะบันงา เอามือมาวนๆที่หน้า
“ตาบอดนี่นา”
“เอ้อ ใช่จ้ะ ฉันตาบอด พี่ชายอยู่แถวนี้หรือจ้ะ”
“ใช่ คุมอยู่แถวนี้ เพิ่งบังคับซื้อแพราคาถูกเหมือนได้เปล่ามาจากสองแม่ลูกหน้าโง่คู่หนึ่ง”
“อ้อ คนโง่ย่อมตกเป็นเหยื่อคนฉลาดถูกไหมจ้ะ”
“อุบ๊ะตาบอดแต่สมองไม่เบี้ยว พูดจาฉลาดนี่ บ้านอยู่ที่ไหนล่ะ”
ฮ้งมองสะบันงาทำท่าจะเอามือมาเปิดผ้าบังหน้า เพราะนึกว่าเธอมองไม่เห็น
“แถวนี้แหละจ้ะ ไปก่อนนะจ๊ะ พี่ชาย” สะบันงาถอยหนีแบบเนียนๆ
“เดี๋ยวสิ ทำไมต้องปิดหน้าหรือว่าเป็นคนอินเดีย”
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ แต่หน้าตาฉันอัปลักษณ์มาก โดนไฟไหม้จนตาบอด”
สะบันงาเห็นท่าไม่ดีรีบหันกลับ แต่ไม่พ้นโดนกระชากแขนโดยแรงและดึงผ้าคลุมหน้าออก ฮ้งตะลึงเพราะจำได้
“อีหนู นี่เอง”
สะบันงากระชากผ้ากลับ ฮ้งพยายามจับตัวไว้ ดึงกันไปมา สะบันงากระโดดหนีลงไปในน้ำ
“เฮ้ย”
สะบันงาดำน้ำหายไป ฮ้งชะโงกมองตาม
“หนีเร๊อะ หนีไม่พ้นหรอก อีหนู”
แกละมาแตะแขน
“จะกระโดดน้ำเล่นตอนมืดไปทำอะไรน่ะเฮียฮ้ง”
ฮ้งหันมา
“แกละ มาทำอะไรแถวนี้”
“มาตามหาเด็กลูกเพื่อนที่เฮียซื้อแพ แม่มันตายแล้วลูกมันโดน คนใจทรามปล้ำแต่มันหนีรอดไปได้ ฉันเลยมาตามหามันเผื่อว่ามันจะมาแถวนี้ เฮียเจอบ้างไหมล่ะ”
“ไม่เจอ”
“เด็กคนนี้ คุณหญิงเจ้านายฉันรักเหมือนน้องสาว ถ้าใครเจอเด็ก แล้วพาไปส่งท่านจะให้ทองหนักหนึ่งบาท”
“โอ้โฮ จะช่วยหาให้พบ แล้วจะรีบส่งข่าว” ฮ้งโลภทันที
“ขอบใจ จะไปหาต่อที่อื่น ไปละ”
แกละเดินจากไป ฮ้งทุบหัวตัวเอง
“ไอ้โง่เอ๊ย ทองบาทหนึ่งอยู่ในมือดันขว้างทิ้ง”
ฮ้งรีบไปที่ริมท่าน้ำ ส่ายหน้าหาป้องปากตะโกนเรียก
“อีหนู อีหนู ไม่ต้องกลัว ไม่ทำแล้ว กลับมา กลับมา จะพาไปหานางแกละ”
เงียบเชียบไม่มีเสียงตอบรับไม่มีอะไรในน้ำ
สะบันงาตัวเปียกปอน มานั่งน้ำตาไหลหลบแอบอยู่ใต้สะพาน
“ทำไมทุกคนใจร้ายกับเรานัก คุณหญิงเจ้าขาอยู่ที่ไหนทำไมไม่ตามหา สะบันงาบ้างเจ้าคะ สะบันงากลัวเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณกับคุณหญิงศรีนั่งทานอาหารด้วยกัน
“เมี้ยนหาน้องสาวของศรีพบหรือยังจ้ะศรี” เจ้าคุณถามอย่างเป็นห่วง
“ยังค่ะ”
“มิน่า ศรีดูมีกังวลตลอดเวลา”
“ฉันไม่ค่อยสบายด้วยค่ะ เป็นเช่นนี้เสมอทุกครั้ง ในรอบหนึ่งเดือน”
“เข้าใจแล้ว ศรีพักผ่อนตามสบาย ฉันไม่รบกวนศรีหรอก”
“เอ้อ ฉันขอโทษนะคะ แต่คืนนี้ ฉัน... ฉัน...”
“เข้าใจแล้ว ศรีไม่ต้องขอโทษ ไม่เป็นไรผัวเมียกันพูดกันตรงๆ ฉันสบายใจ”
“ขอบคุณมากค่ะ แต่…”
“บอกแล้วว่าไม่เป็นไร”
คุณหญิงศรีพยายามจะบอกแต่ยังพูดไม่ออก เจ้าคุณก็ได้แต่แปลกใจ
ห้องพักของสังวร สังเวียน สองคนพี่น้องกำลังทะเลาะกัน มีน้อยกำลังถือไม้กำไว้ในมือ
“ไม่เห็นจะต้องมาจงมาจับ แกเป็นน้องแกก็ไปหายัยคุณหญิงให้มันด่าไปสิ” สังวรโวย
“พูดบ้าๆ พี่สังวรเป็นพี่ก็เสียสละให้มันด่าไปสิ ทำไมมาเคี่ยวเข็ญฉัน”
“ฉันกลัวมันทำโทษเอาแรงๆนี่นา แกไม่เห็นตามันหรือตอนที่มองมาน่ากลัวจะตายไป”
“ฉันก็กลัวเหมือนกันนี่นา ตามันเย็นๆบอกไม่ถูก”
“แกสองคนอย่ามัวเถียงกันหรือจะให้ท่านรอนาน จนขุ่นเคือง จับไม้ซะ”
สองคนมองหน้ากันน้อยยื่นไม้ไป สังวรจับ สังเวียนจับแล้วเอาไม้มาเทียบกัน สังวรจับได้ไม้ยาว
“ซวยแล้วกู” สังวรกลัวมาก
สังเวียนดีใจ
“ไชโย ฉันไม่ต้องไปให้ใครด่าไปโดนทำโทษ”
น้อยหันมาสั่ง
“เตรียมตัวสิสังวร”
“เวรกรรมเกิดมาเป็นบ่าวกูไม่ใหญ่โตคับบ้านนี้บ้างให้มันรู้ไป”
“แหม...จะรอวันที่แกกลายเป็นคุณนาย กลัวแล้วจ้า”
น้อยหัวเราะ สังเวียนยิ้มดีใจ
“ใครว่าเขาอยากเป็นแค่คุณนาย อยากกลายร่างเป็นคุณหญิงใจจะขาด”
“ก็รอให้คุณหญิงตัวจริงตายก่อน หรือไม่แกก็ฆ่าเขาให้ตายสิ”
น้อยหัวเราะอีก
คุณหญิงศรีนั่งรอสังวรอยู่ที่เรือน เมี้ยนอยู่ด้วย
“ทำไมสองพี่น้องนั่นยังไม่มา”
“ได้ยินว่ามันเอาแต่เกี่ยงงอนทุ่มเถียงกันมาตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ ไม่มีใครอยากมา”
“ประเดี๋ยวเถิด พ้นคืนนี้ไปแล้ว มันจะอยากมาและไม่อยากกลับ”
สังวรหน้างอง้ำเข้ามา
“มาแล้วเจ้าค่ะ หน้ามันงอหงอกเหมือนมะเหงกทีเดียวเจ้าค่ะ”
“เมี้ยนออกไปก่อน ฉันจะพูดกับสังวรเอง”
“แน่ใจนะเจ้าคะ”
“ไปเถิดน่า บอกแล้วไงว่าอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น”
เมี้ยนถอยออกไป สวนกับสังวร ที่มานั่งก้มหน้าไม่พอใจนักแช่งชักหักกระดูกในใจ...
‘กูเกลียดมึงนัก ขอให้มึงตายวันตายพรุ่ง ขอให้มึงมีอันเป็นไป ขอให้…’
“คิดอะไรอยู่สังวร”
“ว๊าย” สังวรสะดุ้ง
“แต่งตัวไม่สวยเลยนะสังวร เสื้อผ้าดีกว่านี้ไม่มีใส่หรือ”
“เสื้อผ้าใส่มารับการลงโทษต้องแต่งให้สวยด้วยหรือเจ้าคะ”
“ฉันไม่ได้เรียกหล่อนมาลงโทษ”
“อ้าว...แล้ว แล้ว...”
“ฉันเรียกหล่อนให้ไปปรนนิบัติท่านคืนนี้”
สังวรช็อคตะลึง นึกไม่ถึง พูดไม่ออก ตาค้าง
“คุณหญิงว่าอะไรนะเจ้าคะ”
“ฉันพูดว่า จะให้หล่อนไปปรนนิบัติท่านที่ตึกโน้นในคืนนี้หล่อนเข้าใจหรือยัง”
“จริงหรือเจ้าคะ”
“ฉันไม่เรียกหล่อนมาพูดเล่นหรอกนะ วันหลังถ้าฉันสั่งให้ไปปรนนิบัติท่าน แต่งตัวให้มันสวยงามกว่านี้ เอาอย่างนี้ไปเรียกเมี้ยนมาหาฉัน หล่อนจะต้องแต่งตัวเสียใหม่”
สังวรเหมือนโดนเหวี่ยงขึ้นสวรรค์ ตกใจทำอะไรไม่ถูก
คนอื่นพากันมาซุ่มดูว่าสังวรจะโดนอะไรบ้าง แถวหน้าเรือนคุณหญิงศรี
“นังสังวรหายไปนานมาก เกิดอะไรขึ้นนะ” ทองหยอดสงสัย
“โชคดีที่ฉันจับได้ไม้สั้น” สังเวียนบอกอย่างดีใจ
“นั่น มีคนออกมาแล้ว” น้อยร้องบอก
สามคนหันไปมอง
“ยัยเมี้ยน กับ…”
“ใครน่ะ”
สามคนเขม้นมอง
เมี้ยนมายืนหน้าประตูเรือน สังวรแต่งชุดของคุณหญิงศรี สวยแต่ดูประดักประเดิด เพราะบุคลิกไม่เข้า ใจสังวรแทบระเบิดออกมานอกอกเพราะดีใจ
“เดินไปสิ ฉันจะไปส่ง”
“เอ้อ... คุณเมี้ยนว่าฉันใส่ชุดนี้แล้วดูดีสวยจริงๆหรือ”
“ก็สวยกว่าชุดที่แกใส่มากมายนัก อะไรจะไปปรนนิบัติท่าน ดันใส่เสื้อผ้าเหมือนกับยาจก แล้วแกจำใส่กระโหลกเอาไว้ให้ดี คุณหญิงท่านเมตตาแค่ไหน อย่าได้ริอ่านกำแหงกับท่าน มันจะเป็นภัยแก่ตัวแกเอง”
“ค่ะ”
“รีบไป นี่มันมืดมากแล้ว”
“เอ้อ...ท่านทราบไหมคะ ว่าฉันจะไปปรนนิบัติ”
“แกอย่าพูดมาก ดีใจจนตัวสั่นจนอกจะระเบิดแล้วไม่ใช่หรือ”
สองคนพากันเดินไป
สามคนมองพลาดทีแรก
“คุณเมี้ยนกับคุณหญิง ไม่ยักเห็นนังสังวร” ทองหยอดบ่น
สังเวียนเขม้นมอง
“ เอ๊ะ! นั่นไม่ใช่คุณหญิง นั่นพี่สังวร แต่ใส่ชุดของคุณหญิง”
“จริงๆด้วย นี่มันอะไรกัน” น้อยตะลึง
“มันกำลังพากันไปตึกท่าน”
น้อยเข้าใจทันที
“นางสังเวียนแกจับไม้ผิดแล้ว คุณหญิงท่านส่งนังสังวรไปให้ท่าน”
“นี่มันอะไรกัน เมียหลวงส่งเสริมให้ผัวมีเมียน้อย” ทองหยอดอึ้งๆ
สังเวียนเริ่มอิจฉาและโกรธ
“เพราะยัยเมียหลวงมันไม่ชอบมีผัวน่ะสิ”
“อิจฉาพี่สาวแกล่ะสิ นังสังเวียน” น้อยเหล่
สังเวียนอิจฉาจริงๆ
เมี้ยนพาสังวรมาถึงหน้าตึก สังวรใจเต้นตูมตามไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้อย่างง่ายดาย
“ทีนี้แกก็รู้แล้วว่าแกจะทำยังไง ไม่ต้องให้ใครสอน เพราะแกแอบซ้อมมาตั้งนานแล้ว”
สังวรนิ่ง ตื่นเต้นมือไม้สั่น เมี้ยนเดินออกหันกลับไม่วายพูด
“อย่าอกตัญญูต่อผู้มีพระคุณที่เมตตาต่อแกทีเดียว”
สังวรยืดอกยิ้มอย่างมีความสุขพึมพำตอบ
“กูไม่เชื่อพวกมึงหรอกอีเมี้ยน ยัยคุณหญิง พ้นคืนนี้ไปกูก็เมียคนหนึ่งของท่าน พ้นเก้าเดือนไปกูก็แม่ของลูกชายท่าน แล้วพวกมึงนั่นแหละจะหัวกุด”
สังวรก้าวไปอย่างมั่นคง คุ้นเคยตึกนี้อยู่แล้ว
เจ้าคุณ นั่งฟังเพลงจากจานเสียงเบาๆเสียงเคาะประตู
“ใคร...ศรี หรือจ้ะ ไหนว่าไม่สบาย”
เงียบอีก เจ้าคุณเดินไปเปิดประตู เห็นสังวรแต่ไม่ทันมองถนัดเพราะใส่ชุดคุณหญิงศรี
“ศรี เบบี้ ไหนว่า…”
เจ้าคุณดึงสังวรมากอดก้มลงไปจะจูบ ตกใจมาก หน้าสังวรรอรับจูบยิ้มหวานหลับตาพริ้ม
“สังวร”
เจ้าคุณผลักสังวรล้มลงไปแบบตกใจมาก
“ว๊าย”
สังวรก็คลานข้าไปกราบแทบเท้า
“อะไรกันนี่”
“คุณหญิงขอร้องให้สังวรมาปรนนิบัติท่านแทนเจ้าค่ะ”
“โธ่ ศรี ทำไมต้องทำถึงเพียงนี้”
“ท่านบอกว่า ท่านเกลียดน้ำหน้าผู้ชายทุกคนเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณฟังแล้วอึ้งนิ่งไป มองสังวร สังวรมองตอบยั่วยวน
“สังวรขอกราบฝากตัวรับใช้ท่านไปจนวันตายเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณมองสังวรแล้วไล่
“กลับไปเถิด”
สังวรร้องไห้กอดเท้าเจ้าคุณ
“สังวรเลวทรามต่ำต้อยมากนักหรือเจ้าคะ ถึงรังเกียจกันนัก สังวรเลือกเกิดไม่ได้ แต่สังวรเลือกเป็นคนดีมีกตัญญูรู้คุณได้นะเจ้าคะ”
เจ้าคุณถอนใจ แล้วตัดสินใจก้มลงไปประคองสังวรขึ้นมา สังวรยิ้มยั่วยวน ทั้งคู่สบตากัน
อ่านต่อหน้า 3 / 17.00 น.
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 3 (ต่อ)
คุณหญิงศรีนั่งอยู่ในห้องเงียบๆ ขณะที่เมี้ยนกระวนกระวาย เดินไปเดินมา
“ทำไมเมี้ยนต้องพล่านเหมือนหนูติดจั่น”
“เพราะเมี้ยนดูออกว่านังสังวรมันเนรคุณแน่เจ้าค่ะ”
“เรื่องมันยังไม่เกิด อย่าตีตนไปก่อนไข้ อย่าคิดแต่เรื่องทุกข์ ฉันง่วงนอนเมี้ยนมานวด มาเกาหลังสิ”
“เจ้าค่ะ นอนหลับเข้าไปลงหรือจ้าคะ ผัวตัวเองกำลังนอนกกกอดกับคนอื่น”
“หรือว่าเมี้ยนพอใจอยากเห็นฉันไปนอนกับท่านเสียเอง พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง จบเรื่องนี้ได้แล้ว ปัญหาทุกอย่างแก้ได้ทั้งนั้น”
คุณหญิงศรีล้มตัวนอน เมี้ยนมาเกาหลังนวดเฟ้นจนเธอค่อยๆผล็อยหลับเมี้ยนมองคุณหญิงศรีอย่างเทิดทูน จับเท้าบีบนวดไปมา
“ทูนหัวของเมี้ยน รู้นะเจ้าคะ ว่าไม่ได้มีความสุขมากมายดังที่ควรจะเป็น”
คุณหญิงศรีกลับลืมตาขึ้นมาพูดต่อ
“ไม่มีใครมีความสุขตลอดเวลาหรอก ขึ้นอยู่กับตัวเราจะจัดการทุกข์สุขของเราให้สมดุลอย่างไร”
เมี้ยนเศร้าสงสารคุณหญิงศรี
สังเวียนมายืนมองไปที่ตึกใหญ่ผิดหวัง ด่าตัวเองไม่เลิก
“ทำไมกูโง่นักนะ ป่านนี้อีพี่สังวรคงโชว์ฝีมือเต็มที่”
สังเวียนหงุดหงิดนอนไม่หลับ
“จริงสิ ต่อไปนี้จะตามก้นอีพี่สังวรไปทุกที่ เพื่อให้ท่านสนใจเรา”
สังเวียนคิดๆยิ้มออกมาได้
ในห้องเจ้าคุณ...สังวรนอนกับเจ้าคุณไปแล้ว แต่งตัวเรียบร้อยแบบหลวมๆ
“ขอบใจมากสังวร เธอทำให้ฉันพอใจมาก นี่รางวัล”
เจ้าคุณส่งสร้อยทองให้หนึ่งเส้นสังวรดีใจแต่ทำไม่รับเอาไว้ ส่ายหน้า
“บ่าวรับเอาไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ บ่าวถือเป็นหน้าที่ที่ต้องตอบแทนพระคุณเจ้าค่ะ บ่าวมีความสุขและภูมิใจทำให้ท่านพอใจ บ่าวยินดีรับใช้ต่อไปเรื่อยๆจนกว่าชีวิตจะหาไม่เจ้าค่ะ”
“นั่นไม่ใช่ค่าจ้างนอนกับฉัน แต่มันคือของกำนัลที่ฉันเต็มใจให้กับผู้หญิงของฉัน”
สังวรตะลึง
“แปลว่า สังวรคือผู้หญิงของท่าน สังวรกราบขอบพระคุณ สังวรจะซื่อสัตย์ต่อท่านตลอดไปเจ้าค่ะ”
สังวรแทบตัวลอยที่ได้ยินคำว่าผู้หญิงของฉัน ก้มลงกราบเจ้าคุณ เจ้าคุณเอามือลูบหัวสังวร
“ไม่เพียงซื่อสัตย์ต่อฉัน ซื่อสัตย์ต่อคุณหญิงด้วย เพราะสังวรมีวันนี้เพราะเธอเมตตาสังวร เพราะฉะนั้น อย่าได้ทำอะไรให้คุณหญิงขุ่นเคือง”
“เจ้าค่ะ...”สังวรรับปากแต่ในใจครุ่นแค้นเธอรำพึงในใจ
‘รักห่วงใยนังนั่นนัก ฮึ...กูยอมเหน็ดเหนื่อยนอนกับมึงแทบตาย มึงแค่พอใจกูไม่ยอมบอกว่ารักกูให้กูทำดีกับเมียมึง เพราะมึงโง่รักนังคนวิปริตไม่ยอมนอนกับผัว’
สังวรลุกมาประคองเจ้าคุณให้นอนนวดหลังไหล่แขนเท้าให้
“นอนหลับนะเจ้าคะ บ่าวจะนวดให้หลับสบายเจ้าค่ะ”
“ขอบใจสังวรมากจ้ะ”
เจ้าคุณค่อยเคลิ้มหลับ สังวรหันไปมองเห็นรูปแต่งงานของเจ้าคุณกับคุณหญิงศรีตั้งอยู่หยิบมาหันหลังให้เตียงแล้วถุยน้ำลายใส่
“ถุย”
เช้าวันรุ่งขึ้น...เมี้ยนลืมตาตื่นขึ้นมา ตกใจ คุณหญิงศรีหายไปแล้ว
“คุณหญิง”
“ตกใจไปทำไมมากมาย ฉันไม่ได้จะผูกคอตายสักหน่อย”
คุณหญิงศรีนั่งอีกมุมห้องเงียบๆ
“ก็เมี้ยนกลัวคุณหญิงจะเป็นอะไรไปนี่เจ้าคะ ทำไมตื่นเช้านักเจ้าคะ”
“ฉันจะรีบไปตามหาสะบันงากลัวจะไม่ทันการ ปล่อยไว้นานไปใครมาลอบทำร้ายทำลายสะบันงา น้องชายผู้อ่อนไหวของฉันคงทนไม่ได้”
“ไม่รอรับประทานอาหารเช้ากับท่านหรือเจ้าคะ”
“คิดหรือว่านังสังวรมันอยากให้ท่านมารับประทานอาหารเช้ากับฉัน”
“อ้าวแล้วกัน นี่ทั้งที่รู้ยังจะปล่อยมันทำหรือเจ้าคะ”
“คำพระท่านว่าปล่อยวาง ปล่อยไปเถิด การตามหาสะบันงาสำคัญกว่าไปชิงดีชิงเด่นแย่งผู้ชายให้มาหลงเสน่ห์”
“เจ้าค่ะ ช่างน้ำนิ่งไหลลึกเสียเหลือเกินจนเมี้ยนตามไม่ทันนะเจ้าคะ”
“อยู่ท่ามกลางฝูงเปรต จ้องรุมทึ้งส่วนบุญก็แค่แบ่งเศษบุญให้มันไปบ้างก็ช่างปะไร”
เมี้ยนพยักหน้า
ในครัว...ทุกคนจับกลุ่มนินทาสังวร
“ไงนังสังเวียน อยากจับได้ไม้สั้นดีนัก นั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าทั้งคืนล่ะสิ” น้อยเยาะเย้ย
“ไม่ต้องมาเย้ยหยันวันของฉันยังมี ยังไงอีพี่สังวรมันก็ไม่มีทางได้ขึ้นไปทุกคืนหรอกน่า ยัยคุณหญิงมันก็ต้องส่งทุกคนขึ้นไปปรนนิบัติทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่น้าทองหยอด”
ทองหยอดสะดุ้ง
“เฮ้ย ไม่เอานะ ไม่อยากขี้กลากขึ้นหัว ไม่มีลูกกวนตัวไม่มีผัวกวนใจกวนตีนกวนมือ มันสบายใจดี”
“ไม่ดีหรือได้กลายเป็นคุณนายกุ๊กไทย ทองหยอด” ซ้งเย้าแหย่
น้อยมองหน้าแกละ
“นางแกละอีกคน แกเตรียมตัวเอาไว้ให้ถึงตาแกได้เลย คุณนายแกละ”
“ฉันไม่เอานะ ฉันจะไปเป็นคุณนายลออศรีวดีสวาท เจ้าของร้านอาหารจีนที่มีคนมากินมากที่สุดในประเทศไทย”
ทุกคนอึ้ง
“โอ้โฮ”
แกละชี้น้อย
“นางน้อยนั่นแหละ แกทำเป็นถึงตาคนโน้นคนนี้ แกอยากให้ถึงตาแกตัวสั่นอย่านึกว่าไม่รู้เท่าทัน”
“ถึงตาใครก็ถึงอย่ามาถึงตาโรเบิร์ตก็แล้วกัน”โรเบิร์ตทำท่ากะเทย “ฟ้าผ่าตาย”
ทุกคนเฮ ทันใดนั้นมีเสียงเข้มของสังวรวางอำนาจดังมาจากหน้าประตู
“เฮฮาอะไรกัน นี่บ้านผู้ดีเอะอะเจี๊ยวจ๊าวไม่เกรงใจกันบ้าง”
ทุกคนหันไปมองสังวรยืนผงาดใส่สร้อยคอทองหยิบออกมาให้เห็นนอกเสื้อสังวรวางมาดเข้มเต็มที่
“นังผู้ดีข้ามคืน มายืนตีนแดงตะแคงตีนเดินแล้วมาข่มพวกเรา” ซ้งด่า
น้อยมองหน้า
“นังสังวร สนุกสุขสมมาแล้วล่ะสิ”
“อย่ามาเรียกภรรยาเจ้าคุณสมิติภูมิว่านังฉันชื่อ คุณสังวร”สังวรเชิด
ทุกคนหน้าเหวอ
“โอ้โฮ”
“คุณนายคางคกขึ้นวอน่ะเหมาะกับแก เอ๊ย...ขอรับ”ซ้งพูดใส่หน้า
ทุกคนทำหน้าแหนงหน่ายสังวรวางท่าเย้อหยิ่งออกคำสั่ง
“นังน้อย นังแกละ ยกอาหารเช้าไปให้ท่านรับประทานที่ตึกของท่าน”
“อ้าว ก็ท่านเคยรับประทานด้วยกันกับคุณหญิง”ซ้งแปลกใจ
“นั่นมันก่อนวันนี้ วันนี้ไม่เหมือนวันก่อน มันเปลี่ยนไปแล้ว เพราะฉันบอกท่าน ท่านก็เชื่อฟังฉัน”
น้อยกระซิบ
“คุณนายคางคกขึ้นวอใหญ่โตคับบ้านเพียงชั่วข้ามคืน”
แกละกระซิบตอบ
“ธาตุแท้ปรากฏให้เห็นแล้ว รอดูอนาคตมันไปเถิด ว่าจะจบสวยหรือจบทราม”
“ซุบซิบอะไรกันรีบทำตามที่ฉันบอก หรือจะให้ฉันไปฟ้องท่านว่าพวกแกกระด้างกระเดื่อง” สังวรขู่
“กลัวแล้วโว๊ย อีคุณนายบ่าวตั้งตัวเอง”ซ้งเบ้หน้า
สังวรหันกลับ วางท่าเบ่งเดินออกไป ทุกคนหันมามองหน้ากันซ้งหมั่นไส้
“คืนเดียวเท่านั้น ขุดสันดอนกระเด็นออกมาให้เห็นสันดาน”
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนกำลังออกไปจากเรือน สังวรเดินมายิ้มเย้ย เบ่งในทีแต่ไม่กล้ามากเกินไป
“อีคางคกขึ้นวอมันเดินวางท่าคุณนายบ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ” เมี้ยนบ่น
คุณหญิงศรีไม่สนเดินต่อไป สังวรมายืนตรงหน้า
“นี่คุณหญิง เจ้าคุณให้มาบอกว่าจะไม่มารับประทานอาหารเช้าที่นี่” สังวรพูดไม่มีหางเสียงไม่มีคำลงท้าย เสียงห้วนสั้น
เมี้ยนสุดอดทน
“แกเรียกใครนี่ แกสมองเสียไปแล้วหรือ ถึงลืมไปว่าแกกำลังพูดอยู่กับใคร รีบคุกเข่ากล่าวคำขอโทษ แล้วพูดใหม่ให้มีความเคารพ”
คุณหญิงศรีขัดขึ้น
“ไม่เป็นไร ฝากไปเรียนท่านว่าฉันขอบใจจะขอบใจมากถ้าหากว่าท่านให้หล่อนร่วมโต๊ะเบรกฟาดด้วย ไปเมี้ยน”
เมี้ยนไม่พอใจ
“เมี้ยนรากจะแตกกับอีกระเบื้องเฟื่องฟูลอยคนนี้แล้วเจ้าค่ะ คุณหญิง”
“ปล่อยให้มันสำแดงความโง่ที่มันคิดว่าคือความฉลาดต่อไปมากๆ”
คุณหญิงศรีกระตุกเมี้ยนแล้วพากันเดินออกไป
เจ้าคุณแต่งตัวมีสังวรติดรังดุม ใส่ถุงเท้าสีหน้ามีความสุข เจ้าคุณปล่อยให้ทำตามสบายยิ้มแย้มพอใจว่านี่คือของเล่นชิ้นใหม่
“ต่อไปนี้สังวรจะเข้ามาช่วยแต่งตัวให้ท่านทุกวันนะเจ้าคะ”
“เรื่องนี้ต้องให้คุณหญิงเป็นคนพิจารณาว่าจะอนุญาตหรือไม่”
สังวร จ๋อยอึ้งไป หันไปทำตาขุ่นเคืองรำพึงในใจ
‘ไอ้แก่กลัวเมีย’
โรงจอดรถ...คุณหญิงศรีมานั่งที่ม้าหิน
“ฉันนั่งรอตรงนี้ เมี้ยนไปบอกนายยอดสิ”
เมี้ยนเดินไปหานายยอด
“นายยอด คุณหญิงท่านต้องการให้นายยอดขับรถมาจอดให้ท่านตรงนี้”
“ท่านจะไปไหนหรือ เอ้อ...คือตอนเช้าผมต้องไปส่งเจ้าคุณก่อน”
คุณหญิงศรีพูดดังมาจากที่นั่งอยู่
“ใครว่าฉันจะให้นายยอดขับรถให้ ฉันจะขับเองต่างหาก”
“ว่าอะไรนะขอรับ”
“ว่าตามที่ท่านสั่งนั่นแหละ หรือว่าตกใจไม่เคยเห็นผู้หญิงขับรถหรืออย่างไร”เมี้ยนเสียงเข้ม
“เอ้อ...เคย เคยเห็นในหนังฝรั่ง แต่ไม่คิดว่าจะมีคนไทย…”
“ก็คิดเสียสิ รีบไปสิ”
“ขอรับคุณหญิง ผมจะไปนำรถมาให้คุณหญิงขับขอรับ”
นายยอดวิ่งออกไปตื่นเต้นมาก
“มันไม่เคยเห็นคนเปิ๊ดสะก๊าด แถมเป็นคุณหญิงเจ้าค่ะ”
“มันจะได้เห็นไปเรื่อยๆ จนมันเลิกแปลกใจ”
เมี้ยนมองคุณหญิงศรีอย่างปลื้มในความเก่ง
เจ้าคุณจะเดินออกไปหาคุณหญิงศรีเพื่อทานอาหารเช้า
“วันนี้ฉันสายมาก ป่านนี้คุณหญิงรอรับประทานอาหารนานแล้ว”
“คุณหญิงท่านให้มาเรียนว่า ท่านไม่ต้องการรับประทานอาหารกับเจ้าคุณหรอกเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณผิดหวัง
“อ้าว ทำไมหรือ”
เสียงรถแล่นออกไปจากบ้านเจ้าคุณแปลกใจ
“นายยอดไปไหนแต่เช้า ทำไมไม่รอฉัน”
สังวรเดินไปมองดู ตื่นเต้นตกใจตบอก
“ต๊ายตาย”
“อะไรหรือสังวร”
สังวรชี้ เจ้าคุณเดินมาดูยิ้มมอง คุณหญิงศรีขับรถเปิดประทุน มีเมี้ยนนั่งลอยหน้าข้างๆพุ่งออกไปจากบ้าน
“ดูสิเจ้าคะ คุณหญิงเจ้าค่ะ ขับรถสปอร์ตออกไปกับคุณเมี้ยนแล้วเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณพยักหน้ารับรู้
“คุณหญิงท่านล้ำสมัยมาก” เจ้าคุณพึมพำ “คงมีธุระ มิน่าจึงไม่รับประทานอาหารกับฉัน”
สังวรรีบอ้อน
“ท่านรับประทานคนเดียวคงจะเหงานะเจ้าคะ”
“เหงา แต่ฉันเคยรับประทานคนเดียวมาก่อนที่จะแต่งงานกับคุณหญิงสังวรอยากทานอาหารฝรั่งบนโต๊ะไหม มาสิ มานั่งทาน”
สังวรดีใจมาก
“ท่านอนุญาตหรือเจ้าคะ”
“ใช่ ประเทศของฉันเป็นแม่ของแม่แบบประชาธิปไตย ใครๆก็ทำอะไรเหมือนกันได้ไม่ต้องแบ่งแยก”
พูดจบเจ้าคุณก็จะเดินออกไป สังวรแปลกใจ
“ท่านไม่รับประทานกับเอ้อ...สังวรหรือเจ้าคะ”
“ไม่หรอก ฉันต้องรีบไปทำงาน วันนี้สายแล้ว กินให้อร่อยนะ”
เจ้าคุณเดินออกไป สังวรขยับจะตาม เจ้าคุณส่ายหน้า
“สังวรไปส่งนะเจ้าคะ”
“ไม่ต้อง หน้าที่นี้ของคุณหญิงคนเดียวเท่านั้น”
สังวรจ๋อย
สะบันงามานั่งใกล้ร้านกวงเช่นเคย คลุมหน้าถือไม้เท้าทำตาบอด
“วันนี้จะมีใคร มาแถวนี้บ้างไหมหนอ หรือว่าเราต้องรอไปจนตาย”
คุณหญิงศรีขับรถมาตามถนนพูดกับเมี้ยน
“วันนี้ขอให้สะบันงาออกมาเดินแถวนั้นอีกเถิด”
“เมี้ยนก็ภาวนาอยู่นี่แหละเจ้าค่ะ แกละมันบอกว่าเมื่อวานมันพบไอ้คนซื้อแพแม่พริ้ง ทำท่ามีพิรุธ เลยเอารางวัลเข้าล่อ บอกว่าคุณหญิงสั่งไว้ว่าใครพบสะบันงาจะมีรางวัลให้ การหาตัวสะบันงาคงง่ายขึ้นเจ้าค่ะ”
“สะบันงาหน้าตามีบุญ ผิวพรรณมีราศี ฉันเคยอ่านจากตำราจีนของคุณเตี่ย สะบันงาเขาเข้าตำราโหงวเฮ้งดีครบถ้วน แต่ทำไมถึงทุกข์ยากหนักหนาสาหัส โดนไล่ โดนปล้ำ แม่ตาย”
“หน้าตาดีถือว่ามีชัยไปทุกอย่างแล้วเจ้าคะ อีกไม่นานจะได้เป็นฮูหยินของคุณชายศุกลแล้วเจ้าค่ะ”
“ขอให้สมพรปากเมี้ยน ขออย่าให้มีอันเป็นไปอย่างอื่น”
คุณหญิงศรีกลัวไม่น้อยว่าจะไม่เป็นดังหวังเมี้ยนหนักใจ
“แล้วท่านเจ้าสัวกับคุณนายใหญ่จะยอมหรือเจ้าคะ”
“ถึงเวลาก็หาทางออกได้เอง”
คุณหญิงศรีแอบกังวล
กวงจัดการเตรียมก๋วยเตี๋ยว ทำไปบ่นไป
“รู้งี้ไม่ปล้ำมันดีกว่า ป่านนี้ได้ทองไปแล้วตั้งบาทนึง เฮ้อ สะบันงาเอ๊ยกลับมาเถิด กลับมาให้โชคอาแปะ”
สะบันงาได้ยินอาแปะกวงบ่นตอนท้าย คล้ายเอ่ยชื่อสะบันงา
“อากวงเอ่ยชื่อเราทำไม”
สะบันงาหันหน้าไปหา กวงมองมา สบันงาระวังตัวมากขึ้น
“ตาบอดอย่าสอดตาเห็น สู้รู้ไม่เข้าเรื่อง ตาดีสักหน่อยจะจ้างไปตะโกนหาสะบันงาให้ทั่วเยาวราช”
สะบันงาตกใจ
“มันจะตามหาเรา”
สะบันงาเริ่มลุก
“เอ๊ะ...แกตาบอดแต่ไม่ได้เป็นใบ้นี่นา”
กวงเดินมานั่งตรงหน้าสะบันงาที่กำลังจะหนี
“อั๊วจะจ้างให้ลื้อไปเดินตะโกนเรียกชื่อ สะบันงา ให้ทั่วเยาวราชอยากทำมั้ย”
สะบันงาครุ่นคิดในใจ
“อากวงจะจับตัวเรากลับไปทำร้าย” สะบันงาตกใจมาก “ไม่ ไม่นะ”
สะบันงาลุกพรวดวิ่ง หายไปทันทีกวงชะงัก
“เฮ้ย... หนีไปไหน เฮ้ย...ไม่ได้ตาบอดนี่นา หรือว่าสะบันงาปลอมตัวเป็นคนตาบอด”
กวงมองตามไม่เข้าใจแล้วตัดสินใจวิ่งตามสะบันงา
“สะบันงา สะบันงา หยุดก่อนๆ”
ผู้คนมองสองคนวิ่งตามกัน
สังวรพยายามกินอาหารฝรั่ง ใช้มีดส้อมไม่เป็น อาหารเลอะเทอะ หกไปทั่วปาก คอเลอะไปหมด
“ไอ้อาหารบ้า ทำไมต้องใช้มีดกับส้อม เอามือเปิบง่ายกว่าเป็นไหนๆ”
สังวรหยิบทุกอย่างมาเปิบกินน้อยกับแกละมาแอบมองน้อยหน้าตื่น
“ต๊ายนังสังวรบังอาจกินอาหารฝรั่งบนโต๊ะของเจ้าคุณ”
แกละมองขยะแขยง
“คนหรือหมากินกันแน่ ทำไมมันเลอะเทอะอย่างนั้น”
“หมามันกินไม่เลอะเทอะหรอกมันกินแล้วเลียจานจนหมด แต่คนนี่แหละกินมูมมาม สกปรกเหมือนหมา”
สังเวียนเข้าไปหา
“ทำอะไรน่ะพี่สังวร”
สังวรหันมาเจอสังเวียนปากเปรอะเลอะเทอะไปหมด
“พวกแกมารอเก็บอาหารไปล้างหรือ มาสิ สังเวียน นังน้อย”
“อย่าลืมตัวเป็นวัวลืมตีนไปหน่อยเลยนังสังวร แค่กินข้าวอย่างผู้ดีกับเขาแกยังกินไม่เป็น แค่นจะทำตัวเป็นคุณนาย เชอะคุณนายบ่าว” น้อยแดกดัน
แกละเชอะใส่
“กินเองก็เก็บเองสิ แล้วไปส่องกระจกชะโงกดูหน้าตัวเองสิว่านั่นหน้าหมูหรือหน้าคน”
สังเวียนจ้องหน้าสังวร
“อย่ามาออกคำสั่ง ฉันไมใช่ขี้ข้าพี่นะ”
สังวรโกรธ
“ระวังกูจะตัดพี่ตัดน้องกับมึงอีสังเวียน แกนังน้อยกับนังแกละด้วยจะเฉดหัวให้ดูสักวัน”
“ได้สิ จะรอดูใครจะไปก่อนใคร ไปดีหรือไปร้าย”แกละไม่กลัว
สังวรโมโหสามคน
สะบันงาวิ่งหนีมากวงวิ่งตาม
“สะบันงา สะบันงา หยุดก่อน”
สะบันงาไม่หยุดหนีต่อ หกล้มผ้าหลุดจากหน้า เธอไม่กล้าก้มเก็บกลัวกวงตามทัน
“ว๊าย ผ้าหลุด”
“ใช่สะบันงาจริงๆด้วย หยุดก่อน มาพูดกันดีๆ”
แต่พอวิ่งไปอีก กลับพบฮ้งยืนขวางหน้าอยู่
“สะบันงา มามะ ไปกับเฮีย…”
สะบันงาหันกลับก็เจอกวง ไปข้างหน้าก็เจอฮ้ง สองคนก้าวมาหาสะบันงากวงตะโกน
“เฮ้ย สะบันงาเป็นของอั๊ว อย่ามายุ่ง”
ฮ้งสวน
“สะบันงาน่ะอั๊วเจอคนแรก”
สะบันงาตัดสินใจก้มตัวย่อวิ่งข้ามถนนไปสองคนตกใจ
“สะบันงา”
สองคนหันมาเล่นมวยจีนใส่กัน
“สะบันงาของกู”
สะบันงาวิ่งข้ามถนนมา รถของคุณหญิงศรีกำลังแล่นมา สองคนตกใจ
“คน”
เมี้ยนร้องลั่น
“หยุดเจ้าค่ะ”
สะบันงาวิ่งตัดหน้ารถทันที รถเบรกดังมาก สะบันงาล้มลง
“ว๊าย”
รถจอด กวงกับฮ้งวิ่งมา คุณหญิงศรีกับเมี้ยนลงมาจากรถวิ่งไปที่สะบันงายังไม่รู้ว่าใคร
“ตายหรือเปล่าก็ไม่ทราบนะเจ้าคะ”
กวงกับคนซื้อแพ พยายามแย่งกันช่วยสะบันงา
“หลีกไป อั๊วจะช่วยสะบันงา”
“อั๊วจะช่วยเอง”ฮ้ง
“แกสองคนอย่ามาจับตัวฉันนะ ไปให้พ้นคนใจร้าย”
สะบันงารีบลุกเตรียมวิ่งต่อกวงกับฮ้งร้องเรียก
“สะบันงา”
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนได้ยินคนเรียกชื่อสะบันงาก็ตะลึง
“สะบันงา”
สะบันงา เห็นคุณหญิงศรีกับเมี้ยนดีใจร้องให้โฮ
“คุณหญิงเจ้าขา”
คุณหญิงศรีกางแขนโอบสะบันงาที่ทรุดลงไปกองแทบเท้า กราบดีใจ
“ในที่สุดฉันก็พบสะบันงา ฉันดีใจที่ได้พบสะบันงา รู้ไหมว่าฉันตามหาเกือบตาย”
คนเริ่มมามุงมองกันกวงกับ ฮ้งจะเข้ามา
“สะบันงา”
สะบันงารีบบอก
“สองคนนี่จะปล้ำหนูค่ะ”
คุณหญิงศรีหันไปตวาด
“หยุดนะ”
เมี้ยนรีบบอก
“รีบไปจากตรงนี้กันเถิดเจ้าค่ะ คนมุงกันใหญ่แล้วเจ้าค่ะ”
“แล้วทองหนึ่งบาทของอั๊ว อั๊วเจอสะบันงานะ”กวงโวย
“อั๊วก็เจอสะบันงานะ” ฮ้งไม่ยอม
เมี้ยนมองหน้าสองคน
“แต่แกสองคนไม่ได้เอาสะบันงามาส่งให้คุณหญิงแถมยังจะทำร้ายอย่ามาเรียกร้อง”
เมี้ยนจูงสะบันงาเดินตามคุณหญิงศรีไปที่รถกวงกับฮ้งหันมาตีกันต่อ
“เพราะมึง”
คุณหญิงศรีพาสะบันงามาที่บ้าน สะบันงามองบ้านตื่นเต้นมาก
“นี่บ้านหรือคะ”
“แล้วสะบันงานึกว่าอะไร วัดหรือ”
“ใหญ่เหมือนศาลากลางค่ะ”
เมี้ยนยิ้ม
“นี่แหละบ้านที่คุณหญิงจะพาสะบันงามาอยู่ด้วย เข้าไปข้างในกันเถิด”
“ใหญ่กว่าหมู่บ้านที่หนูกับแม่เคยอยู่อีกค่ะ”
สะบันงายังตื่นตาตื่นใจคุณหญิงศรียิ้มเอ็นดู
น้อย เห็นคุณหญิงศรีพาสะบันงามากับเมี้ยน ตื่นเต้นโวยวาย
“พวกเราดูนั่น คุณหญิงพาอีสาวที่ไหนมา หน้าตามันแค่ดูไกลๆก็รู้ว่าสวยมาก”
สังเวียนมองตาม
“เอามาทำไมกันหรือว่าเอามาปรนนิบัติเจ้าคุณ แข่งกับพี่สังวร”
“หรือไม่ก็เอามาเลี้ยงต้อยไว้ให้ตัวเองกับนังเมี้ยน”น้อยคิดๆ
สังวรออกมาดูอีกคนไม่พอใจ
“มันร้ายนักนังนายบ่าวสองคนนี่ ไปหาอีขี้เรื้อนที่ไหนมาแข่งรัศมีกู”
แกละมาพอดี
“ท่าทางจะไม่ใช่อีขี้เรื้อนหรอกนะ แค่มองรัศมีแกกับรัศมีอีสาวนั้นไกลๆมันต่างกันราวกับจันท์แรมกับจันทร์เดือนหงาย ผิวมันขาวสว่างราวกับหยวกกล้วย แต่แกเหมือนจันทร์ตอนราหูอม”
“อีเด็กใหม่ อย่าได้มากำแหงใส่กูทีเดียว แม่จะปราบให้อยู่หมัด”สังวรโกรธ
“เอ๊ะ”
แกละเขม้นมองแล้วดีใจ ที่คุณหญิงศรีพบสะบันงาแล้ว แกละหันมาบอกสามคน
“นี่ไงที่คุณหญิงที่ตามหา สวยขนาดว่าเอาแกสามคนมารวมกันยังสวยใสไม่ได้ครึ่งหนึ่งของสะบันงา”
แกละรีบวิ่งไปสังวรโกรธมาก
“นังแกละปากมอม แกสอพลอมากไปแล้ว มันจะสวยสักแค่ไหนกัน เชอะ”
แกละผวาไปหาคุณหญิง สามคนมองไม่พอใจ อิจฉาสะบันงา
สะบันงา นั่งที่พื้นตรงหน้าคุณหญิงศรี แกละ และเมี้ยน นั่งอยู่ด้วย ทุกคนยิ้มย่อง
“ฉันฝากแกละดูแลสะบันงาด้วย อย่าให้ใครมารังแกเด็ดขาดสะบันงาฝากเนื้อฝากตัวกลับน้าแกละเขานะ”
สะบันงายิ้มให้แกละ
“ค่ะ หนูฝากตัวกลับน้าแกละตั้งแต่วันแรกที่พบกันแล้วค่ะ”
“คุณหญิงจะให้สะบันงาทำหน้าที่อะไรเจ้าคะ” เมี้ยนถาม
“ไม่เจาะจง ถ้าจะให้ทำอะไรฉันเป็นคนสั่ง คนอื่นไม่มีสิทธิ์จำไว้นะแกละ”
“เจ้าค่ะ”
เมี้ยนกำชับแกละ
“ระวังนังสองคนพี่น้องให้ดี หน้าตามันกระเหี้ยนกระหือนัก เอ้อ...จะให้นอนที่ไหนเจ้าคะ”
“นอนบนเรือนเราดีไหม”
เมี้ยนส่ายหน้าดิกกระซิบ
“สวยหยาดเยิ้มอย่างนี้ มีหรือจะรอดพ้นสายตาท่านเจ้าคุณคุณศุกลจะเสียของรักนะเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีถอนใจ
“แกละเอาสะบันงาไปนอนด้วยนะ”
“เจ้าค่ะ”
“สะบันงาไปอาบน้ำอาบท่า แล้วให้แกละพากลับมาหาฉัน สะบันงาต้องกราบท่านขออนุญาตอยู่ที่นี่ก่อน”
“เจ้าค่ะ”
แกละพาสะบันงาเดินออกไปเมี้ยนถอนใจ
“เฮ้อ จะได้อย่างเสียอย่างเสียแล้วก็ไม่ทราบนะเจ้าคะ เอาซ่อนไว้ไม่ให้ท่านเห็นไม่ได้หรือเจ้าคะ”
“ไม่ได้”
“ไม่มีทางเลือกแล้วหรือเจ้าคะ”
“อย่างน้อยยังมีทางเหลือให้เลือก ยังดีกว่าไม่มีทางเลือกนะเมี้ยน”
“เจ้าค่ะ เมี้ยนเกรงว่าสะบันงามันจะเจอนางกระหายเลือดพวกนั้นรับน้องใหม่”
“ดีสิ ฉันต้องการให้พวกมันแสดงความถ่อยเถื่อนออกมาให้เห็นชัดเจนเรื่อยๆ แกละอยู่ทั้งคนไว้ใจได้มันทำได้อย่างมากก็แค่ด่ากระทบกระเทียบ จะมาตบตีคงไม่กล้า สะบันงาเองก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับคนอื่นเพราะอนาคตจะต้องเป็นคุณนาย”
เมี้ยนพยักหน้ารับ
สะบันงาเดินตามหลังแกละมาต้อยๆพอมาถึงหน้าเรือนแถวพวกน้อย สังวร สังเวียน ก็พากันมา
ล้อมกรอบมองสะบันงาหัวจดเท้าขึ้นๆลงๆสะบันงาถอยมาติดแกละ
“พวกแกไม่เคยเห็นคนสวยขนาดนี้หรือ ถอยไป” แกละไล่
“ไม่ถอย ฉันอยากรู้ว่ามันมาทำอะไรที่นี่ แกตอบมาสิ”
สังวรจ้องหน้า สะบันงากลัวๆ
“ฉันมาอยู่กับคุณหญิงจ้ะ”
“ใช้คำลงท้ายผิด รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”
“ไม่แน่ใจหรอกจ้ะ แต่ถ้าพี่อยู่เรือนแถวนี้ ก็น่าจะเป็นบ่าวจ้ะ” สะบันงาตอบซื่อๆ
“อีนังนี่วอน”
สังวรปราดมาทำท่าจะตบหน้าสะบันงาแกละขวาง
“อย่าทีเดียวนะ”
“มันไม่เคารพฉันฉันเป็นเมียเจ้าคุณนะยังไงมันก็ต้องโดนสั่งสอน”
เมี้ยนเข้ามาทันทีขวางหน้าไว้
“ใครกันแน่ที่จะต้องโดนสั่งสอนนังวัวลืมตีน แหม คิดจะตั้งตัวเป็นใหญ่คนจะใหญ่จะโตไม่ใช่ตั้งตนเอง แต่คนอื่นต่างหากที่เขายกย่องให้ถุยวางก้าม โดยไม่รู้ฐานะตัวเองว่าก็แค่บ่าว หรือฟังง่ายๆก็นางบำเรอ”
สังวรหุบปากไปเมี้ยนประกาศก้อง
“ขอประกาศให้รู้กันตรงนี้ สะบันงาคนนี้ คุณหญิงท่านยกย่องให้เป็นน้องสาว เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่คิดจะกดขี่ข่มเหงสะบันงาขอให้ระวังอาญาจากคุณหญิงและบางทีอาจจะถึงเจ้าคุณ”
“ฉันขอพาสะบันงาไปอาบน้ำแต่งตัวรอไปกราบเจ้าคุณนะคะคุณเมี้ยน”
เมี้ยนพยักหน้า แกละพาสะบันงาเดินออกไป เมี้ยนเดินจากไป สังวร น้อย สังเวียนยืนพูดไม่ออก สังวรแค้นและเกลียดสะบันงาเพิ่มอีกคน
“ไงยะคุณนายบำเรอคนเก่ง พอเจอชู้รักคุณนายใหญ่ด่า แหมหุบเป็นหอย” น้อยแดกดัน
“เวลานี้พวกเราอย่าเพิ่งทะเลาะกัน รวมหัวกันต่อต้านศัตรูก่อน”สังเวียนแนะ
สังวรแค้นมาก
“มีอีนังสะบันงาเพิ่มมาอีกคน ขึ้นบัญชีหนังหมาว่ามันเป็นศัตรูตัวร้ายหนอยมายังไม่ทันไรมาใหญ่มาโตเหนือพวกเรา”
“มันจะพากันไปกราบเจ้าคุณ”สังเวียนบอก
“มันมีปลอกคอเส้นใหญ่คุ้มกะลาหัว ระวังตัวกันหน่อย มันจะนำภัยมาสู่พวกเรา” น้อยเตือน
สังวรแค้นๆ
“ภัยน่ะมันมาตั้งแต่นังสองนายบ่าวย่างก้าวแรกเข้ามาในบ้านหลังนี้แล้วที่เคยอยู่เย็นเป็นสุขสงบมันจะเริ่มวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ”
สามคนหงุดหงิดสะบันงาและพวกคุณหญิงศรีมาก
นายยอดจอดรถส่งเจ้าคุณลงจุดที่สำหรับจอดส่งลงทุกวัน พอรถจอดสนิทนายยอดรีบก้าวลงไปเพื่อจะเปิดประตูให้เจ้าคุณลง ไม่ทันที่สังวรวิ่งไปจะเปิดประตูแต่เปิดไม่เป็น สังวรไม่เห็นคุณหญิงศรีที่นั่งรออยู่แล้ว
“ทำไมประตูมันเปิดยากนัก ไอ้รถบ้าเฮงซวย”
“เพราะคนโง่เฮงซวยต่างหากรถไม่ได้บ้าหรอก”
สังวรสะดุ้ง หันมาเจอคุณหญิงศรีนั่งหน้านิ่ง นายยอดรีบเบียดมาเปิดประตูให้เจ้าคุณ ท่านก้าวลงมาจากรถ
“อ้าว สังวรมาทำอะไรแถวนี้”
พูดจบเจ้าคุณไม่สนใจเดินผ่านไปหอมแก้ม คุณศรีที่นั่งรออยู่ สังวรจ๋อย
“วันนี้ไม่มีงานเลี้ยงรับใครหรือคะ”
“มีสิแต่คิดถึงศรีมากอยากมากินข้าวเย็นด้วย เลยให้ท่านรองไปแทนเมื่อเช้าศรีไม่ยอมกินข้าวกับฉัน”
เจ้าคุณนั่งโอบคุณหญิงศรีตรงนั้นสังวรยังยืนห่างไปไม่ยอมกลับ
“มีใครบอกอย่างนั้นหรือคะว่าฉันไม่อยากกินข้าวด้วย” คุณหญิงศรีปรายตามองสังวร
“ศรีสั่งสังวรเองนี่นาว่าจะไม่กินอาหารเช้ากับฉัน เอ๊ะ หรือว่าสังวรพูดเอาเอง”
สังวรใจหายวาบเอามือกุมอกฟังว่าคุณหญิงศรีจะเล่นงานยังไง
“อ๋อ สังวรคงจะฟังที่เราสองคนพูดผิดน่ะค่ะ หรือไม่ก็ไม่เข้าใจที่เราพูด เลยคิดว่าเราสองคนจะไม่ทานอาหารเช้าด้วยกันฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด”
เจ้าคุณโกรธ
“ต้องเรียกมาอบรม”
“ช่างเถิดค่ะ เย็นนี้เราจะทานข้าวเย็นด้วยกันค่ะ ฉันมีอะไรจะขอคุณด้วย”
เจ้าคุณยิ้มเอาใจ
“ขออะไรหรือจ้ะ เบบี้ บอกแล้วไงว่าให้ได้ทุกอย่างยกเว้นดาวกับเดือน”
สังวรอิจฉาและแค้นใจมาก สองคนเดินโอบกันไปในบ้าน
“เห็นกูเป็นแค่เมียแก้ขัด ไอ้แก่”
นายยอดที่ยังยืนอยู่หัวเราะ
“โลภมากนักมักลาภหาย เฮ้อ ช้าๆได้พร้าเล่มงาม”
นายยอดก็เดินออกไป ทิ้งให้สังวรยืนคลั่งไปคนเดียว
อ่านต่อหน้า 4
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 3 (ต่อ)
เจ้าคุณนั่งกับคุณหญิงศรีที่โต๊ะมองสะบันงาที่คลานเข่าตามเมี้ยน อย่างตะลึงในความสวย
“สะบันงา กราบเจ้าคุณสิ”
สะบันงากราบ เจ้าคุณยังมองไม่วางตาสายตาชื่นชมว่าสวย
“สะบันงา ชื่อเหมือนดอกไม้ไหม”
“เจ้าค่ะ”สะบันงาตอบเรียบๆ
คุณหญิงศรียิ้มแย้ม
“ค่ะ สะบันงานี่ไงคะ ที่ฉันบอกว่ากำลังตามหา”
“ดีใจด้วยที่พบกันแล้ว”
“ดิฉัน ให้มากราบขออนุญาตให้สะบันงาพักอยู่ที่นี่”
“ตามสบาย”
“ยังมีอีกค่ะ ขออนุญาตให้สะบันงาอยู่ในฐานะน้องสาวฉัน ไม่ใช่บ่าว”
“นั่นก็ไม่มีปัญหา สะบันงาฉันอนุญาตให้เธออยู่ที่นี่ ในฐานะน้องสาวคุณหญิง ไม่ใช่บ่าว”
สะบันงาก้มลงกราบอีกครั้ง
“หนูกราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
“ยังดูเด็กมาก อายุเท่าไหร่ล่ะ”
คุณหญิงศรีพยักหน้าให้สะบันงาที่หลบตา
“ตอบท่านสิ สะบันงา”
“ยังไม่เต็มสิบห้าดีเจ้าค่ะ”
“เด็กมาก เด็กจริงๆ”
“ใช่ค่ะ สะบันงาเด็กมาก และอยากเรียนหนังสือด้วย”
“จะไปเรียนที่ไหน”
“เรียนกับฉัน จะเชิญครูแหม่มครูของฉันมาช่วยสอนด้วยค่ะ”
เจ้าคุณเห็นดีด้วย
“ดีนะ ผู้หญิงสมัยนี้มีความรู้ไว้จะได้ทันคน คนเราสมัยนี้ช่างหาคิดวิธีทำร้ายคนอื่นได้อย่างนึกไม่ถึงเสมอจะให้พักที่เรือนนี้ใช่ไหม”
เมี้ยนรีบชิงตอบกลัวคุณหญิงศรีเปลี่ยนใจ
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ”
เจ้าคุณแปลกใจ
“อ้าว แล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหน”
“ห้องเดียวกับแกละค่ะ สะบันงาเองก็พอใจจะอยู่ที่นั่น มีเพื่อนมีคนให้พูดคุยพบปะแยะค่ะ” คุณหญิงศรีหันไปหาสบันงา “จริงไหมสะบันงา”
“ค่ะ”
“ไปเถิดสะบันงา”
สะบันงากราบสองคนแล้วคลานถอยออกไปคุณหญิงศรีแอบชำเลืองดูเจ้าคุณที่มองตามพึมพำ
“เด็กอะไร คนอะไร ทำไมสวยหยาดเยิ้มได้ถึงเพียงนี้”
คุณหญิงศรีแอบยิ้มทำไม่รู้ว่าเจ้าคุณคิดอะไร
“อายุแก่กว่าหนูปานวาดปีสองปีเท่านั้นเอง กว่าจะเป็นสาวจริงจังก็อีกหลายปี”
“ปรามฉันหรือศรี อะไรที่ศรีไม่อนุญาตฉันไม่ฝืนหรอก แล้วก็ขอขอบใจเรื่องสังวรเมื่อคืนนี้ ฉันไม่เคยคิดว่าจะทำเช่นนี้มาก่อน แต่...”
“ฉันอยากให้คุณพึงพอใจและมีความสุขค่ะ”
“ขอบใจ ศรีช่างใจกว้างเหลือเกิน จะมีภรรยาสักกี่คนที่ทำเช่นนี้”
“ฉันจะทำเช่นนี้ต่อไปค่ะถ้าทำให้คุณพึงพอใจและมีความสุขถือเป็นความพอใจของเราทั้งสองฝ่ายยุติธรรมดีไหมค่ะ”
“ยุติธรรม แต่ ศรีจ้ะ เราสองคนจะไม่มีลูกด้วยกันสักคนหรือจ้ะ”
“เอ้อ...มีสิคะ แต่ขอเวลาฉันอีกสักนิด”
เจ้าคุณพยักหน้า
สังวรกับสังเวียนมานั่งเตร่รอให้โดนเรียกไปปรนนิบัติเจ้าคุณ แต่ก็ซุบซิบนินทากันไปด้วย
“อีนังเมี้ยนมันพานังสะบันงาไปเสนอตัวกับท่าน มันคงเห็นว่าถ้าเป็นเด็กของมัน มันจะควบคุมได้”สังวรแค้นใจ
“มันยังเด็กอยู่จริงๆ ถามมันมันบอกว่าอายุยังไม่ถึงสิบห้า” สังเวียนบอก
“แหม อายุแค่สิบห้า แต่หน้าตารูปร่างมันช่างเชิญชวน นังสังวรนังสังเวียน แกกลับเข้าห้องไปเถิด ไม่ทันกินนังสะบันงามันแล้ว” น้อยยุยง
สังวรมองหน้าน้อย
“แกอย่ามาหลอกให้ฉันเปิดทาง พอฉันสองคนเข้าไปแกก็รีบไปเสนอตัวให้นังเมี้ยนพาไปปรนนิบัติท่าน ลูกไม้เก่าๆตื้นๆ”
“แกมันใช้มารยาสาไถจนคิดว่าใครๆต้องเลวเหมือนแกทุกคน แค่เตือนสติให้แกไม่ประมาท” น้อยเถียง
เมี้ยนพาสะบันงามาแล้วมองสามคนเย้ยๆสะบันงารีบบอก
“หนูไปหาน้าแกละนะคะ คุณเมี้ยน”
“ไปเถิด พรุ่งนี้จะให้แกละพาไปหาซื้อเสื้อผ้าให้ใส่”
“ทำไมมันไม่ต้องใส่เครื่องแบบเหมือนเรา” สังวรถามอย่างสงสัย
เมี้ยนมองหยัน
“เพราะเขาไม่เหมือนพวกแก สงบปากสงบใจแล้วฟัง ในฐานะตัวแทนผู้ได้รับมอบหมายอำนาจจากคุณหญิง ให้เลือกพวกแก…”
เมี้ยนยังพูดไม่ทันจบ สามคนแย่งกันยกมือ
“ฉันเอง”
“พูดยังไม่ทันจบ พวกแกก็ยกมือสลอน รู้หรือว่าเลือกไปทำอะไร”
สามคนเงียบไป
“เอาล่ะ โอน้อยออก ใครอยู่คนสุดท้ายไปรายงานฉันที่เรือนคุณหญิง”
เมี้ยนเดินจากไป สามคนแย่งกันโอน้อยออกที่สุดเหลือน้อยกับสังวร เป่ายิงฉุบ สังวรเป่ายิงฉุบชนะ สังเวียนและน้อยจ๋อยสังวรยิ้มเย้ย
“แข่งอะไรแข่งได้ แข่งบุญวาสนามันยาก นังสังเวียนนังน้อยขอเวลาไปแต่งตัวไปปรนนิบัติท่านเจ้าคุณก่อน เสียใจด้วยนะ”
สังเวียนเจ็บใจ
“พี่ก็พี่เถิดมาทำเบ่งใส่นึกว่าจะไม่มีวันของฉันบ้างหรือ”
สังวรย้อน
“น้องก็น้องเถิด นับแต่วันพรุ่งนี้แกจะรู้ว่า นังเมี้ยนจะไม่มาสั่งให้พวกเราจับไม้สั้นไม้ยาวหรือโอน้อยออก เพราะท่านจะเรียกหาแต่ฉัน...ฉัน...ฉัน พวกแกรอให้ฉันท้องก่อนแล้วค่อยไปจับไม้สั้นไม้ยาวกันเอง นานหน่อยนะ”
สังวรเดินออกไป สองคนนั่งหงุดหงิดต่อ
ในครัว...ทุกคนหันมามองสะบันงาที่ยกมือไหว้แกละพาเข้ามา ทุกคนมองสะบันงาทึ่งในความสวย ทองหยอดรับไหว้ยิ้มแย้ม
“ไหว้พระเถิด นี่น่ะหรือสะบันงาที่พวกนางสาวๆมันกล่าวถึงสวยสมชื่อจริงๆ”
“ยู อาร์เวรี่ คิ้วท์ สวยน่ารักจริงๆ” โรเบิร์ตชม
ซ้งมองชื่นชม
“โหงวเฮ้งจะได้เป็นคุณหญิงเด่นชัดมาก”
“สะบันงาไม่ใช่บ่าว แต่เธอมีสถานะเป็นน้องสาวคุณหญิง สะบันงาจ้ะ หนูมีสิทธิ์เข้านอกออกในครัว กินขนม กินอาหารตามสบายนะจ๊ะ” แกละบอก
“ขอบคุณมากจ้ะ น้าแกละ แต่หนูไม่กินเฉยๆหรอกจ้ะ หนูจะช่วยทำงานตอบแทน”
ซ้งยิ้มพึงใจ
“นี่อย่างไรนิสัยคนที่อนาคตจะได้เป็นนายเป็นใหญ่เป็นโต ไม่คิดเอาเปรียบคนอื่น”
โรเบิร์ตเสริม
“จริงด้วย”
สะบันงาหันมาถาม
“เอ้อ...หนูอยากฝึกทำขนมทำอาหารจะได้ไหมจ้ะ”
สามคนตอบพร้อมเพรียงกัน
“ได้สิ”
สะบันงาดีใจ
“ขอบคุณมากจ้ะ”
“น่ารักจริง”
สามคนมองสะบันงาเอ็นดูมาก
เจ้าคุณอยู่ในห้องนอนฟังเพลงคลาสสิคจากแผ่นเสียงเบาๆ สังวรนั่งบีบนวดยิ้มแย้มฉอเลาะ
“ท่านฟังเพลงอะไรเจ้าคะ เพราะจังเลย”
“เขาเรียกว่าเพลงคลาสสิค คนแต่งชื่อ โมสาร์ท เขาเป็นชาวออสเตรีย”
สังวรไม่สนใจจริงถามไปงั้นๆ
“เจ้าคุณเจ้าขา สังวรอยากจะขอความกรุณาเจ้าค่ะ”
“กรุณาอะไรหรือถ้าไม่ยากเย็นล่ะก็ได้แต่ถ้าเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคุณหญิงล่ะก็...คงไม่ได้”
“ถ้าเช่นนั้นสังวรคงหมดหวังเจ้าค่ะ”
“ลองบอกมาสิ ว่าสังวรจะขออะไรฉัน”
“สังวรอยากขึ้นมาปรนนิบัติท่านทุกวันไม่อยากสลับกับคนอื่นเจ้าค่ะ”
“เมื่อวานสังวรก็มาแล้ววันนี้ก็มาอีก สลับกับใครที่ไหนกัน”
“ก็นังเอ้อ...คุณเมี้ยนให้พวกสังวรจับไม้สั้นไม้ยาว เล่นโอน้อยออกใครชนะถึงจะได้มาเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณหัวเราะขำ
“ความคิดใครกันหรือ”
สังวรกะฟ้อง
“คุณหญิงเจ้าค่ะ คำสั่งผ่านมาทางเมี้ยนอีกทีหนึ่งเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณหัวเราะ
“คุณหญิงเธอตลกเธอชอบทำอะไรเพี้ยนๆ แต่ก็น่าขำดีออกถ้าเป็นความคิดคุณหญิง สังวรก็ไปบอกเมี้ยนขอให้คุณหญิงอนุญาตสิ”
สังวรแอบหน้าคว่ำพึมพำ
“ไม่รู้ว่าจะเกรงใจอะไรกันนักหนา เอ้อ...ท่านเจ้าคุณเจ้าคะ ถ้าสังวร เอ้อ... เอ้อ...ท้องเล่าเจ้าคะ”
เจ้าคุณ ดูตื่นเต้นทันที
“ดีสิ ถ้าสังวรท้องฉันคงดีใจมากฉันอยากมีลูก”
“ถ้าเช่นนั้น ทำไมท่านไม่ช่วยขอคุณหญิงแทนสังวรเองเล่าเจ้าคะว่าท่านอยากมีลูกกับสังวรให้สังวรมาปรนนิบัติท่าน เพียงคนเดียวถ้าเปลี่ยนบ่อยๆโอกาสที่สังวรจะตั้งท้องมันอาจจะน้อยนะเจ้าคะ”
ได้ผลเจ้าคุณพยักหน้า
“จริงสิ”
“พ่อแม่สังวรมีลูกง่ายมากนะเจ้าคะ หัวปีท้ายปี สังเวียนน่ะอ่อนกว่าสังวรสิบเอ็ดเดือนเท่านั้นเองเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณยิ้มแย้มฝันมีลูกกับคนไทย สังวรดีใจมาก ยิ้มคนเดียว
ในห้องนอน...แกละหลับไปแล้ว สะบันงาหลับไม่ลงแปลกที่ตื่นเต้นไม่หายชะโงกมองไปนอกหน้าต่างเห็นน้อยกับสังเวียนคุยกันสะบันงาเขม้นมองไป
“พี่น้อย พี่สังเวียน”
สะบันงาหันไปมองแกละหลับสบาย เธอเดินออกไปจากห้องเบาๆไม่รู้ว่าสองคนนั่นร้ายกาจแค่ไหน...สะบันงาเดินใกล้ไปหมายจะเข้าไปคุยกับสองคน แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงสังเวียน
“ฉันละเกลียดอีนังนายบ่าวสองคนนั่นจับจิตจับใจ”
สะบันงาชะงักแล้วรีบหลบกลัวสองคนจะเห็น
“พวกเขาคงหมายถึงคุณหญิงกับพี่เมี้ยน”
เสียงน้อยดังตามมา
“มีคนมาเพิ่มให้พวกเราเกลียดอีกหนึ่งคือ อีนังสะบันงา ไม่รู้ว่ามันวิเศษวิโสมาจากไหน ไม่ต้องให้ทำงานอยากทำอะไรก็ได้”
“หมายถึงเรา”สะบันงาตกใจมาก
“มันเข้าไปประจบพวกกุ๊กทั้งหายจนเอ็นดูกันยกใหญ่”
สะบันงายิ่งตกใจน้อยกับสังเวียน ยังนินทากันต่อ
“นึกไม่ออกจริงๆว่านังนั่นมันเอานังสะบันงามาทำอะไรกันแน่มาเลี้ยงต้อยให้มันกับนังเมี้ยนหรือเลี้ยงต้อยไว้ให้เจ้าคุณ”สังเวียนพูดเจื้อยแจ้ว
น้อยนินทาต่อ
“ไม่ว่ามันจะมาทำอะไรที่นี่ มันก็ได้ดิบได้ดีกว่าเรา เมื่อไหร่น้อจะสบโอกาสเล่นงานพวกมันสามคนบ้าง”
“รอให้ฉันได้โอกาสไปปรนนิบัติท่านบ้างเถิดจะมีลูกกับท่านจะยิ่งใหญ่แล้วจัดการพวกมัน เจ้าคุณรักมัน ตามใจมันเกรงใจมันหนักหนา เพราะอะไรผู้หญิงบ้าไม่ยอมนอนกับผัว”
สะบันงาตกใจมากที่ได้ยินเรื่องราวพวกนี้ จะถอยหนีแต่สะดุดล้มเสียงดังตุ๊บตั๊บสองคนหันมาตามเสียงน้อยหน้าตื่น
“มีคนมาแอบฟังเรา”
“ไปจัดการมัน”
สองคนปราดไปที่สะบันงาที่กำลังตะกายจะหนี สองคนมาถึงจิกหัวสะบันงาจนหงาย
“ว๊าย”
สองคนเห็นหน้าสะบันงา
“อีนังสะบันงา”
น้อยตบฉาด สังเวียนตบซ้ำ
“มึงมาแอบฟังพวกกู”
“มึงจะเอาไปฟ้องอีสองคนนั่น”
“หนู หนูไม่ได้ตั้งใจมาฟัง หนูจะมาคุยกับพวกพี่ แต่หนูได้ยินหนูก็เลยไม่กล้าออกไปหาพวกพี่”
น้อยเตะสะบันงา
“กูรู้แล้ว ที่พวกมันให้มึงมานอนข้างล่างไม่เอาไว้บนเรือนเพราะมันใช้ให้มึงมาจับผิดพวกกู”
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ”
“เอายังไงกับมันดีนังน้อย ปล่อยไปมันก็เอาไปฟ้องนายมัน”
น้อยกระซิบ
“ฆ่ามันซะดีไหม ฆ่าแล้วเอาไปหมกป่าท้ายทุ่งเลี้ยงวัวโน่น”
สะบันงาตื่นกลัว
“ปล่อยหนูเถิด หนูจะไม่เอาเรื่องที่ได้ยินไปบอกใครหรอกจ้ะ”
“แล้วจะเชื่อน้ำหน้ามึงได้อย่างไรในเมื่อมึงเป็นพวกมัน”สังเวียนตบหน้าซ้ำ
น้อยกระซิบ
“ลากตัวมันไปให้ไอ้แขกยามข่มขืนก็ไม่เลว”
สังเวียนเห็นด้วยสะบันงาตกใจมาก
“จะเอาหนูไปไหน ปล่อยหนู หนูสาบาน ว่าจะไม่พูด”
สองคนตวาด
“กูไม่เชื่อ”
น้อยเอาผ้ามัดปากสะบันงาไว้ สองคนช่วยกันลากไป สะบันงาดิ้นรนร้องไม่ออก น้ำตาไหลพราก เธอรำพึงในใจ
“นี่เราหนีเสือมาปะจระเข้เข้าให้แล้วหรือนี่ โธ่”
สองคนลากสะบันงาไป
“เอาผ้ามาคลุมหน้ามันไว้” น้อยกระซิบ “ไอ้แขกยามจะได้ไม่เห็นว่าเป็นใคร”
สะบันงาจึงถูกคลุมหน้าไว้
ซ้งมาเคาะห้องแกละเบาๆกระซิบเรียก
“แกละ แกละ แกละ ทำอะไรอยู่ เฮียมาตามนัดแล้วอุวะเงียบเชียบ เอาอย่างไรดีวะ”
ซ้งหันออกไปจากหน้าห้องไปคว้าก้อนหินเล็กมากำหนึ่ง แล้วปาเข้าไปในห้องแกละหลับสนิทโดนก้อนหินเล็กๆมากระทบก็ปัด มีมากระทบอีก แกละปัด
“เฮ้ย”
เสียงผิวปากของซ้งดังขึ้น แกละลืมตาตื่นลุกมานั่ง
“เฮียซ้ง บ้าจริง เราเผลอหลับไปได้ยังไงกัน”
แกละค่อยๆลุกย่องไป
“เบาๆเดี๋ยวสะบันงามันตื่น”
แกละเดินไปจนถึงหน้าประตู แล้วนึกได้เอะใจ
“สะบันงา เอ๊ะ”
แกละเดินกลับไปมองหา ตกใจส่ายตาหาไปทั่วในห้องไม่มีสะบันงา
“สะบันงาหายไปไหน อีแกละตายแน่”
แกละวิ่งไปที่หน้าต่าง ป้องปากเรียกซ้ง
“เฮียซ้ง เกิดเรื่องแล้ว”
ซ้งมาที่หน้าต่าง
“ว่าอะไรนะ”
“สะบันงาหาย”
“พินาศละสิ”
แกละกระโดดลงมาจากทางหน้าต่าง
“ไปตามหากัน ทีนี่ออกจะกว้างใหญ่เดี๋ยวก็โดนใครลากไปฆ่าข่มขืนหมกป่าตายหรอก เร็วเฮีย ถ้าสะบันงาเป็นอะไรคุณหญิงกับคุณเมี้ยนฆ่าฉันตายแน่”
สองคนพากันวิ่งลนลานออกตามหาสะบันงา
ด้านเมี้ยนบีบนวดคุณหญิงศรี ขณะที่คุยกันไปด้วย
“ป่านนี้สะบันงาคงจะหลับปุ๋ยไปแล้วนะเมี้ยน”
“หรืออาจจะแปลกที่หลับไม่ลงก็ได้เจ้าค่ะ เห็นท่าทางตื่นเต้นกับสถานที่อยู่นะเจ้าคะ”
“พรุ่งนี้เมี้ยน เอาจดหมายฉันไปให้ครูแหม่ม”
“คุณหญิงจะเรียนหนังสืออีกหรือเจ้าคะ”
“สะบันงาต่างหาก ฉันต้องเตรียมตัวสะบันงาให้พร้อมสำหรับคุณศุกล”
“เป็นบุญของเด็กนะเจ้าคะ ที่คุณหญิงเมตตาหวังว่าคงจะรู้จักบุญคุณนะเจ้าคะ”
“มั่นใจเลยแหละว่าสะบันงากตัญญูรู้คุณ อ้อแกละอีกคน เมี้ยนเอาทองไปให้แกละหนึ่งบาทเป็นรางวัล ผู้หญิงสาวๆที่นี่มีแกละคนเดียวที่อยากได้ใคร่ดีในทางที่ถูกที่ควร คือพึ่งตัวเอง”
คุณหญิงศรีส่งให้เมี้ยน
“มันคงดีใจ ได้ทองเอาไว้สมทบทุนตั้งตัวของมันกับกุ๊กซ้ง”
“นี่แหละเขาเรียกว่ารักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา” คุณหญิงศรีหาว “ง่วงแล้ว”
“เมี้ยนเกาหลังให้นะเจ้าคะ”
“วันนี้ไม่ต้อง แต่เมี้ยนช่วยลงไปดูสะบันงานะ เอาทองไปให้แกละด้วยให้กันเงียบๆ ไม่ต้องเอิกเกริกให้คนอื่นเห็น”
“โฮ้ย คนที่นี่มันตื่นอยากได้ผัวมากกว่าตื่นอยากได้ทองเจ้าค่ะ”
เมี้ยนออกไปคุณหญิงศรีพึมพำ
“ศุกล พี่ทำตามที่นายขอร้องแล้ว พี่จะดูแลสะบันงาของนายให้ดีที่สุด”
คุณหญิงศรียิ้มพอใจที่ได้สะบันงามาแล้ว
น้อยกับสังเวียนลากสะบันงามาใกล้ป้อมยาม
“เอามันซ่อนไว้ตรงนี้มัดมันไว้” น้อยกระซิบ “รีบไปบอกให้แขกยามมาจัดการมัน”
สังเวียนกับน้อยพากันมัดสะบันงา แอบไว้หลังพุ่มไม้แล้วพากันเดินไปหาแขกยามสะบันงาพยายามดิ้นรนส่งเสียงร้อง
แขกยามดีใจที่ได้ฟังเรื่องจากสองคน
“ขอบใจ ขอบใจมากๆ น้อยกับสังเวียนคนสวย”
“อย่าให้ใครรู้ว่าเราสองคนมาที่นี่ อย่าเปิดหน้ามันออกมาดู เพราะมันจะจำหน้าได้” สังเวียนกำชับ
“แต่ถ้ามันจำหน้าได้ ก็รีบทำลายหลักฐานโดยเร็ว”
แขกยามงงๆ
“ทำลายหลักฐาน”
“ก็ทุ่งเลี้ยงวัวนั่นไงไม่มีใครไปยุ่มย่ามสนใจ” น้อยแนะ
“กระซิบนิดหนึ่งได้ไหมว่าไปเอามาจากไหน” แขกยามลังเล
“มันพลัดหลงมา จะทำอะไรก็รีบไปทำเดี๋ยวใครจะมาเห็น”
สองคนเดินออกไป แขกยามมองตามดีใจถูมืออย่างสนุก
“ลาภปากลาภหัวใจ”
แขกยามย่องออกไป
แกละกับซ้งตามหาสะบันงาแกละสงสัย
“แปลกมาก สะบันงาเพิ่งมาวันนี้ไม่น่ากล้าออกไปไหนไกลๆกว่าเรือนแถว”
“ถึงว่าล่ะสิ มาหากันไกลไปแล้ว เอ๊ะนั่นใครเดินมากันสองคน”
แกละดึงซ้งหลบ
“นังสังเวียน นังน้อย มันไปไหนของมันดูท่าทางล่อกแล่ก”
“ออกไปถามมันสิว่าเห็นสะบันงาไหม”
ซ้งออกไปทันที น้อยกับสังเวียนตกใจ
“ว๊าย”
แกละออกมา
“เราสองคนมาตามหาสะบันงา”
น้อยกับสังเวียนมองหน้ากันน้อยอึกอัก
“อ้าวก็...เอ้อ...ก็มันนอนอยู่กับแกนะนังแกละ”
สังเวียนรีบเสริม
“นึกว่ามันหลับไปแล้ว”
ซ้งมองหน้า
“ลื้อสองคนทำไมไม่หลับ มาทำอะไรแถวป้อมยามนี่”
“เมื่อกลางวันทำของตกหายแถวนี้เลยมาช่วยกันหา” น้อยโกหก
แกละไม่เชื่อ
“แกมาหาถึงนี่ ใกล้ป้อมแขกยามหรือว่าแกมีนัดกับแขกยาม”
น้อยทำโมโห
“นี่แกอย่ามาซักไซ้ฉันฉันจะไปนอนแล้ว”
สังเวียน รีบตามน้ำ
“ฉันก็ไปนอนเหมือนกัน”
สองคนรีบเดินพ้นไปแกละสงสัย
“วันนี้แกสองคนแปลกนะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทุกทีเห็นกัดกันเหมือนหมา”
“ปล่อยพวกมันไป ไปถามแขกยามดูสิว่าเห็นสะบันงาไหม”
สองคนรีบเดินไปป้อมยาม
เมี้ยนมาร้องเรียกแกละที่ห้อง แต่เงียบเชียบ
“แกละ แกละ สะบันงา”
ทองหยอดโผล่หน้าออกมา
“คุณเมี้ยน มาหาหนูสะบันงาหรือคะ”
“เงียบเชียบกันไปหมดหรือว่าหลับหมดแล้ว”
“เอ...อิฉันว่าน่าจะออกไปเดินเล่นกันนะคะ ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดเข้าเปิดออกหลายทีอยู่นะคะ”
เมี้ยนพยักหน้า
“ขอบใจทองหยอดมาก”
ทองหยอดปิดห้องไป เมี้ยนยืนคิดว่าสะบันงากับแกละจะพากันไปไหน
แกละกับซ้งมาหาแขกยาม ไม่มีแขกยามแกละแปลกใจ
“แขกยามหายไปไหน”
“ทำไมไม่มาเฝ้ายาม เจ้าคุณรู้เข้าโกรธตาย”
“เมื่อกี้เฮียซ้งว่านังสองคนนั่นมันมีพิรุธมากไหม”
“มีมากทีเดียว ดูมันร้อนรนรีบหนีจากเราสองคน”
“ไม่อยากเชื่อก็อาจต้องเชื่อ เฮีย เร็วรีบไปตามหาแขกยามกลิ่นไม่ค่อยจะดีแล้วเฮีย สะบันงาอาจกำลังตกอยู่ในอันตราย”
แกละวิ่งนำไป ซ้งวิ่งตามติด
เมี้ยนเดินมาตามหาแกละกับสะบันงาสังเวียนเดินมากับน้อยรีบเร่งมาก
“นังแกละกับไอ้ซ้ง มันจะเจอนังสะบันงาไหม ถ้ามันเจอเราสองคนตายแน่ๆมันต้องฟ้องว่าเราทำร้ายมาตบตีมัน ลากมันไปให้แขกยามข่มขืน”สังเวียนชักหวาดๆ
“มันไม่ได้ยินที่เราพูดเรื่องแขกยามสักหน่อย และแขกยามมันก็ไม่รู้ว่าข่มขืนใครสักหน่อย นังสะบันงามันไม่กล้าบอกใครหรอกว่าโดนใครข่มขืน มันต่างไม่เห็นหน้ากันไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร”
“แกแน่ใจหรือว่า มันจะไม่เห็นหน้ากันแล้ว และถ้าหากมันเห็นล่ะ”
“ฉันแอบกระซิบแขกยามว่า จัดการเสร็จแล้วถ้าบังเอิญมันเห็นหน้าให้ทำลายหลักฐาน”
สังเวียนตกใจ
“นี่แก แกสั่งให้แขกยาม…”
น้อยพยักหน้า
“ใช่ หรือว่าแกอยากจับได้ว่าทำอะไรมัน คิดหรือว่านังสองคนนั่นมันจะปล่อยเราลอยนวล”
สังเวียนพยักหน้าหวาดๆเมี้ยนโผล่มาตรงหน้าสองคน
“แกสองคนมาทำอะไรตรงนี้”
สองคน อึกอัก
“มา เอ้อ...มาเดินเล่น”
“แกเห็นสะบันงาไหม”
“ไม่เห็น”
“หรือว่าเห็นแล้วแกไม่ยอมบอก”
“ไม่เห็นก็ไม่เห็นสิ ไม่ได้นั่งเฝ้ามันเอาไว้นี่” น้อยตอบเลี่ยงๆไป
“จริง ใครจะไปรู้ว่ามันไปไหนไปนอนดีกว่า ไปนังน้อย”
สังเวียนไม่อยากต่อปากคำกับเมี้ยนมาก รีบดึงน้อยไป เมี้ยนมองตามไม่ไว้ใจ
“นังสองคนไม่ทะเลาะกัน แปลก”
เมี้ยนทำท่าจะเรียก แต่สองคนหายไปเร็วมาก เมี้ยนเดินต่อไป
สะบันงาถูกคลุมหัวปิดปากไว้ดิ้นขลุกขลัก แขกยามมายืนมองพอใจมาก
“สังเวียน กับน้อยช่างมีน้ำใจหาของฝากมาให้เรา ใครกันหว่าผิวขาวจั๊วะ ขอดูหน้าหน่อย”
แขกยามจะเปิดดูหน้าแต่นึกถึงคำพูดของสังเวียน
“อย่าเปิดดูหน้ามันให้มันจำแกได้ แกตายแน่”
แขกยามยั้งมือไม่เปิดผ้า
“แต่ถ้าไม่เห็นหน้า มันไม่ครบเครื่อง”
แขกยามนึกถึงคำพูดของน้อย
"แต่ถ้าจำเป็น มันเห็นหน้าแก แกก็ทำลายหลักฐานสิบ้านนี้กว้างใหญ่ไพศาล มีที่ให้แกซ่อนทำลายหลักฐานได้ถมไป”
แขกยามยิ้ม
“ขอดูหน้าคนผิวสวยสักหน่อยเถิด”
แขกยามดึงผ้าคลุมหัวออก สะบันงาน้ำตาไหลพรากพลางส่ายหน้าแขกยามตื่นตะลึงจำได้ว่าเธอนั่งรถมากับคุณหญิงศรีและเมี้ยน
“เด็กคุณหญิง ตายแน่ๆ มันเห็นหน้าเราแล้ว”
แขกยามนึกถึงคำพูดของน้อย...
‘ถ้าจำเป็น มันเห็นหน้า แกจัดการมันเสร็จแล้วก็ทำลายหลักฐานสิ’
“ทำลายหลักฐาน จริงสิ ทำลายหลักฐาน”
แขกยามก้มลงอุ้มสะบันงาที่ดิ้นรนและพยายามส่งเสียง เอาไปวางที่แอบๆ สะบันงาถีบหน้าแขกยามตอนก้มลงมา
“โอ๊ย”
แขกยามโมโหตีสะบันงาโดยแรง
แกละกับซ้งเดินมาแถวนั้นได้ยินเสียงแขกยามร้องโอ๊ย
“เสียงแขกยามร้อง”
ซ้งชะงักสงสัย
“มันร้องทำไม”
“ไปดูมันเร็วๆเสียงมาจากทางนั้น”
สองคนพุ่งไป
แขกยามยังกุมหน้าที่โดนสะบันงาถีบ โกรธมาก
“ฮึดสู้หรือนังคนสวย เดี๋ยวสวยแน่”
แขกยามทุบสะบันงาที่ท้องจนตัวงอ แล้วโถมลงไปแต่ยังไม่ทันถึง โดนกระชากคอด้วยมือของทั้งแกละและซ้ง
“ไอ้สารเลว”
แขกยามตกใจมากหันมาเจอแกละกับซ้ง จ้องหน้า แกละตบหน้า
“แกจะข่มขืนสะบันงา”
“แกไม่รู้หรือว่าผู้หญิงคนนี้มีฐานะเป็นน้องสาวคุณหญิง” ซ้งตวาด
แขกยามหน้าตื่น
“ไม่ได้จะข่มขืนแค่บังเอิญมาพบ ไม่รู้ว่าใครเอามาโยนไว้ตรงนี้อยากรู้ว่าเป็นใครก็เลยเปิดหน้าดู แต่อีหนูมันดุมากมันถีบฉัน”
แกละสวนทันที
“โกหก”
ซ้งหันไปบอกแกละ
“แก้มัดสะบันงา รีบพากลับไปที่ห้อง เฮียจะจัดการสั่งสอนไอ้คนใจอำมหิตนี่เอง”
แขกยามยกมือไหว้ซ้ง
“อย่าฟ้องคุณหญิงนะ”
แกละไปแก้มัดสะบันงา ที่ร้องไห้ไม่ยอมพูดจา
“น้าแกละจ๋า หนู หนูกลัว”
“ไม่เป็นไรสะบันงา น้ามาช่วยแล้วรีบไปจากตรงนี้ก่อน ไปทำแผลไปทายาแล้วค่อยๆบอกว่าเกิดอะไรขึ้น”
แกละประคองสะบันงาออกไปแขกยามกลัวรนราน
“อย่าบอกท่านนะ กุ๊กซ้งฉันไม่ได้ทำ ไม่ได้ไปฉุดเธอมา มีคนเอาโยนไว้จริงๆ ฉันจะไปรู้ว่าเป็นใครได้ยังไง”
“ฉันอยากจะเชื่อแก แกพูดความจริงครึ่งเดียว ถ้าแกเห็นว่ามีผู้หญิงถูกเอามาโยนไว้ทำไมแกไม่ช่วย แต่กลับทำท่าจะปล้ำข่มขืน แกหนีความผิดไม่พ้นหรอก”
แขกยามไหว้ซ้ง
“ขอร้อง”
ซ้งส่ายหน้า
“แกไม่รู้จริงๆหรือว่ามีใครเอาสะบันงามาโยนไว้ตรงนั้น”
แขกยามยังปากแข็ง
“ไม่รู้จริงๆ”
เมี้ยนเดินตามหาแกละกับสะบันงา ในที่สุดเจอสองคนกำลังประคองกันมา
“นั่นใคร”
เมี้ยนเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ตกใจมาก
“สะบันงา”
“มีคนพยายามทำร้ายสะบันงาค่ะ”
“ใคร”
“เอ้อ หนูผิดเอง หนู หนู ไม่ควรออกมานอกห้อง หนู…”
ขาดคำสะบันงาหมดสติไป เมี้ยนตกใจ
“สะบันงา”
“รีบพาไปทำแผลก่อนเถิดค่ะ ดิฉันจะเล่าเท่าที่เห็นให้ฟังค่ะ”
เมี้ยนกับแกละช่วยกันพาสะบันงาไปที่ห้อง
แขกยามยังยืนกรานว่ามีใครมาโยนไว้ แต่ไม่รู้ว่าใคร
“แกบอกมาดีกว่า ว่าแกตั้งใจจะข่มขืนสะบันงา”
“ไม่มีจริงๆกุ๊กซ้งก็เป็นผู้ชาย ถ้ามีใครเอาสาวสวยขนาดนี้มาโยนใส่มีหรือจะนิ่งเฉย พอรู้ว่าเป็นคนของคุณหญิง ฉันก็ตั้งใจจะไม่ทำ”
“ตามใจแก คิดให้ดีว่าจะพูดความจริงหรือจะปิดบังอะไรต่อไป”
ซ้งเดินกลับออกมาจากที่นั้น แขกยามยืนคิด
ฟากน้อยแอบมองอยู่ในห้องพัก กลัวความผิด แล้วเธอก็ตกใจมากที่เห็นเมี้ยนกับแกละพาสะบันงากลับมา
“นังสะบันงากลับมาได้ยังไง ตายแล้วกู”
สังเวียนแอบดูอยู่ในห้องของตนตกใจไม่น้อยไปกว่าน้อย
“นังเมี้ยนกับนังแกละพานังสะบันงากลับมา โธ่ ตายแน่ๆกู”
ในห้องของแกละตอนนี้ สะบันงามีแกละกับเมี้ยนดูแลทายาให้ แกละเล่าหมดเท่าที่รู้เห็น
“ขอบใจมากแกละที่ตามสะบันงาจนพบ คุณหญิงท่านมีลางสังหรณ์ดีแท้ๆ ให้ฉันมาดูสะบันงา นี่รางวัลท่านฝากมาให้แกละเอาไปทำทุนค้าขาย”
แกละยกมือไหว้ท่วมหัว
“ท่านช่างเมตตาเหลือเกินค่ะ”
“ท่านเมตตาเสมอกับคนที่ดีกับท่าน แต่ถ้าใครร้ายกับท่าน ฉันนี่แหละจะออกหน้าแทนท่านจัดการมัน”
“ดิฉันเล่าอาจไม่ครบ ต้องรอฟังจากสะบันงาอีกทีนะคะ ว่าใครลากเขาเอาไปโยนให้แขกยามปล้ำ”
“แค่ฟังจากแกละพบนังสองคนนั่น ฉันก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้กระจ่าง”
“คุณเมี้ยนจะไปสอบถามนังสองคนนั่นไหมคะ”
“คงไม่ถาม ถามไปให้ไก่ตื่นทำไมฝากดูแลสะบันงาด้วยนะน่าจะหลับไปจนเช้า”
“ค่ะ”
“อ้อเรื่องที่เกิดขึ้นอย่ากระโตกกระตาก เงียบไว้ที่สุด ให้กุ๊กซ้งไปบอกแขกยามว่ามารายงานฉันแล้วตามที่มันบอก และฉันก็เชื่อตามที่มันพูด”
“ทำไมเชื่อมันง่ายนักคะ” แกละแปลกใจ
“คนทำผิด ไม่มีใครยอมรับผิดหรอก เราก็จำใจเชื่อมันไปทั้งที่ไม่เชื่ออ้อ แกละไม่ต้องถามอะไรจากสะบันงานะ เชื่อสิเด็กคนนี้จะไม่ให้ร้ายใครทั้งที่รู้ดีว่าใครทำร้ายตนเอง”
“ค่ะ”
เมี้ยนออกไป แววตานิ่งเยือกเย็นยิ่งนัก แกละมองตามไม่เข้าใจ
เมี้ยนเดินออกมาหน้าเรือน ซ้งเดินร้อนรนกลับมา ทั้งคู่ปรึกษากันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วแยกย้ายกันไปคนละทาง เมี้ยนเดินกลับไปที่เรือนคุณหญิงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนซ้งเดินกลับไปหาแขกยามอีกครั้ง สังเวียนกับน้อยที่ซุ่มมองอยู่ โผล่มาถามกัน
“นังเมี้ยนกับกุ๊กซ้งพูดอะไรกัน”
“ทำไมนังเมี้ยนมันทำเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”น้อยสงสัย
สังเวียนแปลกใจ
“ทำไมมันไม่มาโวยวายถามอะไรเรา”
“อยากรู้จริงว่าสะบันงามันพูดว่าอะไร นังเมี้ยนถึงไม่มาด่าเรา”น้อยกังวล
“แปลก”
สองคนหนาวๆร้อนๆ
ที่บริเวณป้อมยาม แขกยามหัวเราะดีใจกับสิ่งที่ซ้งบอก
“เห็นไหมว่าฉันไม่ได้โกหก คุณเมี้ยนยังเชื่อ คุณเมี้ยนน่ารักแม้ว่าปากจะแดง เพราะกินหมากเปรอะ ฮะๆ”
“แกรอดตัวโชคดีไป อย่าทำอะไรเลวๆ อีกก็แล้วกัน”
“ไม่ทำแน่”
ซ้งเดินกลับ แขกยามยิ้มดีใจ
ขณะเดียวกันคุณหญิงศรีอยู่ในห้องนอน มีสีหน้าเหี้ยมเกรียมแต่ไม่โวยวาย
“นี่เราตกมาอยู่ในดงคนเลวแท้ๆ”
“เจ้าค่ะ แต่ละคนเลวนรกเมินส่ายหน้าหาที่ทางย้ายนรกหนีเลยนะเจ้าคะ”
“แต่ก็ยังดีที่พอจะมีคนดีๆ อย่างแกละกับซ้งอยู่”
“จะให้เมี้ยนจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไรเจ้าคะ”
“เงียบที่สุด ไม่ให้ใครรู้ว่าเราจะจัดการอย่างไร แม้แต่สะบันงา”
“เจ้าค่ะ จัดการแบบอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นนะเจ้าคะ คุณหญิงทำตัวตามสบาย เมี้ยนจัดการเองเจ้าค่ะ” เมี้ยนยิ้มมีแผน
“จัดไปตามที่เมี้ยนเห็นสมควรเถิดนะ”
“เจ้าค่ะ”
“อย่าให้มันรุนแรงเกินไป เอาแค่สั่งสอนให้หลาบจำ”
“ไอ้พวกชอบกดขี่เพศแม่นี่มันไม่เคยหลบจำหรอกเจ้าค่ะ มันเป็นสันดานเจ้าค่ะ เมี้ยนเคยเจอมาเยอะแล้วนะเจ้าคะ”
พูดจบเมี้ยนก็มีน้ำตาซึมนิดๆครั้งแรก
“เมี้ยนโกรธแทนสะบันงาจนน้ำตาซึมเลยหรือนี่”
“เมี้ยนเกลียดโกรธแทนผู้หญิงทุกคนที่โดนผู้ชายหน้าไม่อายข่มเหงเจ้าค่ะ”
“ฉันโชคดีที่เจ้าคุณท่านเป็นสุภาพบุรุษคำน้อยไม่เคยต่อว่า จนบางครั้งฉันให้นึกละอายแก่ใจตัวเอง”
“เพราะคุณหญิงโชคดี และเพราะท่านรักคุณหญิงอย่างแท้จริง คุณหญิงคือรักแท้ของเจ้าคุณเจ้าค่ะ”
“ถ้าเป็นผู้ชายอื่นคงต้องขอหย่า หรือไม่ก็ยกย่องคนอย่างนังสังวรขึ้นมาแทนที่ฉัน สักวันฉันคงต้องตัดใจตอบแทนท่าน ในสิ่งที่ท่านอยากได้จากฉัน แม้วันนั้นจะเป็นวันที่ฉันไม่อยากให้มีที่สุด”
“เจ้าค่ะ”
“คนเราถ้าคิดแต่จะเอาจากคนอื่นฝ่ายเดียว ต้องมีการให้การตอบแทนด้วยเหตุนี้ฉันจึงตัดสินใจ แต่งงานกับเจ้าคุณ เพราะดูแล้วเขาคงใจกว้างมากกว่าคนอื่นๆ”
“จริงเจ้าค่ะ ถ้าแต่งงานกับลูกเจ้าสัวเต็งป่านนี้มันเลาะซี่โครงคุณหญิงเหน็บข้างฝาบ้านแล้วเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีหัวเราะ ขำเมี้ยน
“เมี้ยนช่างทำให้ฉันขำได้ในเวลาที่กำลังเคร่งเครียดเสมอ”
“เมี้ยนอยากให้คุณหญิงมีแต่ความสุขสนุกสนานเหมือนสาวแรกรุ่นนี่เจ้าคะ”
“บางทีฉันก็สุขบางทีฉันก็ทุกข์เสมอกันแล้ว ตอนนี้อยากเห็นความสุขของคนที่ฉันรักมากที่สุด คือน้องชายของฉัน”
“นอนเถิดเจ้าค่ะทูนหัวของเมี้ยน เมี้ยนจะเกาหลังให้”
เมี้ยนบอก พลางคิดหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้ คุณหญิงศรีพยักหน้ารับก่อนจะหลับตาลง
อ่านต่อตอนที่ 4