xs
xsm
sm
md
lg

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 19

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 19

พงอินทร์ตะลึง แก้มัดให้เสร็จพอดี กรรณารีบเอาเชือกออก รีบลุก

“เอาล่ะ ใครจะฆ่าใครก็เอาไว้ก่อน.. แต่เราสองคนต้องหาทางหนีไปจากที่นี่ด่วนที่สุด”
แต่ทันใด มีเสียงประตูเปิดออก..ตึง!
กรรณากับพงอินทร์ช็อก
“นายต้องนอนลงไปตามเดิม แกล้งสลบ เข้าใจไหม” กรรณากระซิบ
พงอินทร์สับสน
“แกล้งสลบเหรอ”
“ใช่”
กรรณารีบคว้าเชือกมาพันๆรอบมือ แล้วกลับไปอยู่ในท่าที่ถูกมัด พงอินทร์นั่งดึ๋งขึ้นมา
“หรือแกล้งฟื้น”
“นอน..หลับตา”
“คร่อกๆ”
“ไม่ต้องนอนเฉยๆ นิ่งๆ แกล้งสลบๆ”
“นอน..เฉย..นิ่ง” พงอินทร์ลุกนั่งอีก “นอนเฉยๆทำไม นอนแล้วจะหนีได้เหรอ”
กรรณาถลึงตา
“เราต้องแกล้งตาย หมีมันจะกัดคนที่วิ่งหนีได้ แต่คนที่แกล้งตาย มันจะไม่สนใจ”
“หมีเหรอ..”
น้ำหนึ่งกำลังลากใครบางคนเข้ามา
“หมีมาแล้ว..รีบแกล้งตายเร็ว นายโจ้”
กรรณาเหลือบไปเห็นว่า ผ้ามัดปากหล่นอยู่อีกด้าน จะขยับเข้าไปหยิบก็ไม่ทันแล้ว จำต้องอยู่นิ่งๆ ไม่ไหวติงอะไร
น้ำหนึ่งลากณัฐเดชมา ทิ้งให้นอนอยู่ใกล้ๆกับพงอินทร์ที่มึนๆงงๆอยู่
“หมีมา..หมีมา..แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกะหมีด้วยวะ” พงอินทร์พึมพำ
กรรณาหันไปเห็นหน้าณัฐเดช ผงะ แทบร้องออกมา แต่ต้องเม้มปากแน่น
พงอินทร์แอบเปิดเปลือกตามอง เห็นเห็นณัฐเดชที่หน้าซีดจากการเสียเลือดมาก แถมโดนผูกปาก และมัดมือนอนอยู่ตรงหน้า แต่ณัฐเดชยังไม่ตาย
พงอินทร์กระซิบ
“หมีฆ่าพี่ณัฐ”
“ชู่ววว..”
น้ำหนึ่งไปนั่งเก้าอี้อีกด้าน คิดอย่างสงบเยือกเย็นเกินคนปกติ
“ไอ้พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้านมันจะแห่มากันทำไม คนพวกนี้มันเกลียดฉันทุกคน คนพวกนี้ มันเข้าข้างผู้ชาย แล้วรุมกันกดขี่ข่มเหงผู้หญิง ฉันไม่ยอม พวกมันทุกคนต้องตาย ฉันจะฆ่าให้หมด”
ณัฐเดชทำเสียงอื้ออ้า แค้นใจ พยายามดิ้น แล้วหันไป เห็นกรรณา พงอินทร์ และศพช่อเพชรก็ผงะ เพราะศพช่อเพชรหันหน้ามาทางเขาพอดี

วรวรรธ เนตรสิตางศุ์ สุคนธรสเดินสำรวจตามที่ต่างๆในบ้าน
“ไม่มีกลิ่นวิญญาณ”
“ฉันก็มองไม่เห็นอะไรเหนือธรรมชาติ”
แต่แล้วทั้งสามคนพบว่าประตูห้องสุดทางเดินเปิดอยู่
“ผมไปเอง”

ติณห์ ญาณิน กรรัมภาเดินสำรวจมาทางด้านหลังของบ้าน ทางที่ณัฐเดชเข้ามา กรรัมภากำลังเอามือสัมผัสบริเวณนั้น จุดเดียวกับที่ณัฐเดชได้สัมผัส

กรรัมภาเห็นภาพ
 
“ฉันเห็นมือผู้ชาย มือพี่ณัฐ เข้ามาจากทางนี้ เดินไปทางนี้” กรรัมภาเดินไล่สัมผัสไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางการเดินของณัฐเดช “มาหยุดที่ห้องนี้ เปิดประตูนี้ แล้วก็ไปที่ราวบันได”
ทันใดเสียงร้องของเนตรสิตางศุ์ดังขึ้น ญาณิน ติณห์ กรรัมภาผงะ

พวกญาณินรีบวิ่งขึ้นไปสมทบ พบว่าเนตรสิตางศุ์ยืนผงะอยู่ หมอวรรธกับสุคนธรสเข้ามารุมดูสิ่งที่เธอเห็น
“มีอะไร”ญาณินถาม
เนตรสิตางศุ์ชี้ให้ดูที่พื้นซึ่งมีรอยหยดเลือด ด้านหน้าประตูห้องนั้น
“เลือด” ติณห์ถาม
“เลือดใคร” ญาณินสงสัย
“ถ้าไม่นับพวกเรา คนที่น่าจะอยู่ในบ้านนี้ก็มี คุณน้ำหนึ่ง คุณกรรณ คุณพงอินทร์ และพี่ณัฐ” วรวรรธออกความเห็น
กรรัมภาสัมผัสพื้นบริเวณนั้น ช็อกกับภาพที่เห็น
“พี่ณัฐเสร็จน้ำหนึ่งแล้ว”
เนตรสิตางศุ์เป็นห่วง
“พี่ณัฐ…”
“แล้วมันเอาพี่ณัฐไปไว้ไหน” สุคนธรสถาม
“ฉันไม่รู้ ฉันเห็นภาพแค่นี้”
เนตรสิตางศุ์ใจเสีย วรวรรธโอบบ่าปลอบๆ
“ทุกห้อง เราก็เปิดเข้าไปหาหมดแล้ว แต่ไม่เจอ” สุคนธรสบอก
“อาจจะมีห้องลับซ่อนอยู่หรือเปล่า” วรวรรธถาม
“ห้องลับ ห้องเก็บของใต้บันได ไม่ก็ห้องใต้ดิน หรือห้องใต้หลังคา” เนตรสิตางศุ์พยายามคิด
“มืดๆแบบที่ฉันเห็นอย่างนั้น ต้องเป็นห้องใต้ดิน” ญาณินบอก
“แต่มันไม่มีนี่นา ไม่มีประตูอะไร ที่เรายังไม่ได้เปิด” ติณห์บอก
ทันใด มีเสียงประตูปิดดังมา..ปั้ง!
ทั้งหมดสะดุ้ง ระแวง
“ประตูอะไร ใครเปิด-ปิด” เนตรสิตางศุ์ถาม

ในบ้านติณห์กับวรวรรธเดินลงมา เห็นเท้าใครบางคนหลบเข้ามุมไปพอดี ติณห์กับวรวรรธให้สัญญาณกัน กำลังจะเข้าไป แต่ญาณินกับเนตรสิตางศุ์เอาอาวุธมาส่งให้ เป็นของที่หาได้แถวนั้น ที่พอเป็นอาวุธได้
ติณห์กับวรวรรธก้าวเข้าไปช้าๆ
พวกสาวๆลุ้น
แล้วทันใด คนที่ซ่อนอยู่ก็พุ่งเข้าชาร์ตติณห์อย่างแรง กระแทกจนถอยกราว ล้มไปนอนกอดกัน วรวรรธจะตามเข้ามาช่วยติณห์ เงื้อไม้จะฟาด แต่เสียงสาวๆร้องห้ามก่อน
“อย่า”
วรวรรธชะงัก
คนๆนั้นที่กำลังคร่อมติณห์อยู่ก็คือไตรรัตน์นั่นเอง
“นายไตวาย”
ติณห์ผลักไตรรัตน์ออก ไตรรัตน์กระเด็นไปอีกด้าน อึกอัก ฟอร์มๆ
“นายเหรอ เปิดปิดประตู” ติณห์ถาม
“แล้วพวกนายเหรอ ที่ทำเสียงเดินย่องๆอย่างลึกลับ”
“เออ..”
ทุกคนเซ็ง

ห้องใต้ดิน เสียงขลุกขลักจากด้านบนดังเข้ามาตลอด น้ำหนึ่งยังคงนั่งสงบเยือกเย็นใช้ความคิด ฟังเสียงจากด้านบน เพื่อนับจำนวนศัตรู
น้ำหนึ่งใช้มีดที่อยู่ในมือกรีดกับขาโต๊ะแทนการนับ
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด...มีเจ็ดคน”

ณัฐเดชตาปริบๆ อ่อนแรงลงๆ

ระหว่างนั้น กรรณานั่งตัวเกร็ง เพราะกลัวว่าน้ำหนึ่งจะจับได้เรื่องผ้าปิดปาก น้ำหนึ่งก็หันหน้ามาทางนี้ แต่ยังไม่ทันสังเกตเห็น พงอินทร์นอนฟุบอยู่ ยังพึมพำ

“ใครกระดุกกระดิก..ตาย..ใครแกล้งตาย..รอด..”
แล้วอยู่ๆน้ำหนึ่งก็หันมามองจ้องกรรณา
“ผ้าหายไปไหน”
ณัฐเดชพยายามส่งเสียง
“อย่าทำอะไรกรรณา”
กรรณาซีด พงอินทร์รีบหลับตาปี๋ แกล้งตายเว่อร์ น้ำหนึ่งลุกยืนผึ่ง กำมีดชี้หน้ากรรณา
“ผ้ามัดปากแกหายไปไหน”
ณัฐเดชพยายามดิ้น แต่ไม่มีแรงพอ

สุคนธรสเอาเรื่องไตรรัตน์
“หมอวรรธไม่น่ายั้ง น่าจะเอาให้หน้าแหกไปเลย อยู่ๆดีอยากตามมา”
“เขาก็ตามมาเพราะห่วงเธอนั่นแหละ” ญาณินบอก
ไตรรัตน์รีบปฏิเสธ
“เฮ้ย ไม่ใช่ ผมมาเพราะเป็นห่วงไอ้ณัฐเพื่อนผม ส่วนคนอื่น ที่เข้มแข็งแกร่งกล้า ผมไม่แคร์”
“เออ ถ้ามีผีมาหักคอ อย่ามาร้องให้ช่วยแล้วกัน”
“ไม่ร้อง รู้ดีว่าคนแถวนี้ไม่มีหัวใจ”
“นี่…หัวแตกแล้วยังไม่เจียมอีก”
สุคนธรสฉุน ไตรรัตน์ไม่แยแส
“นี่...รำคาญแล้วนะ จะทะเลาะกันอีกนานจนเพื่อนๆตายก่อนไหม” ติณห์ถาม
สองคนจ๋อย คอย่น แล้วต่างถลึงตาใส่กัน
“ทางเข้าห้องใต้ดินต้องอยู่ที่พื้นนะ ผมว่า...” วรวรรธบอก
สุคนธรสกับไตรรัตน์ต่างจะไป แต่ดันหันมาเจอะหน้ากันพอดี
“ฉันจะไปทางนี้”
“ผมจะไปทางนี้”
ต่างคนต่างจะไปในทิศทางที่ตัวเองตั้งใจ ไม่ยอมให้กัน แม้จะมีอีกฝ่ายยืนขวางอยู่ก็ตาม

น้ำหนึ่งเอามีดชี้หน้ากรรณา
“เธอคิดจะทำอะไร”
พงอินทร์นอนหลับตาปี๋ ณัฐเดชหันมา ห่วงใย มองรอบๆ หาทางหนีทีไล่
“ฉัน..ฉันไม่ได้ทำอะไร เธอมัดไม่แน่น ผ้ามันหลุดไปเอง”
“ผ้าหลุดเอง”
“ใช่..ไม่เห็นเหรอว่าฉันก็ยังถูกมัดอยู่”
น้ำหนึ่งระแวง มองกรรณา แล้วมองมาที่โจ้กับณัฐเดช
“เธอ กับพี่ณัฐถูกมัด แต่นายโจ้ไม่”
“โจ้ไม่มีสติ เธอใช้ยาอะไรกับเขา”
น้ำหนึ่งเข้าไปยืนข้างๆพงอินทร์ เตะๆเขี่ยๆด้วยเท้า
“เธอจะทำอะไร”
น้ำหนึ่งเอาส้นรองเท้าเหยียบลงบนฝ่ามือของพงอินทร์ที่เจ็บ แต่กัดฟันทน พยายามไม่ร้องออกมา กรรณาตกใจ
“เธอทำบ้าอะไร โจ้สลบอยู่ พอได้แล้ว”
น้ำหนึ่งบี้เท้าลงไปอีก แสยะยิ้ม กรรณาพยายามร้องห้าม พงอินทร์อดทน ไม่ส่งเสียง ณัฐเดชพยายามส่งเสียง

“พอๆ หยุดได้แล้ว”

ทันใด มีเสียงของญาณินดังเข้ามาจากด้านบน ใกล้ทางเข้าห้องใต้ดิน
 
“หาทั่วบ้านแล้ว ไม่เจอเลย”
“ทางนี้ๆอ๊าก” ณัฐเดชพยายามพูด
น้ำหนึ่งวิ่งมา ตบเปรี้ยง
“ยังไม่ตายอีกเหรอ ทำไมตายยากจัง”
“อ๊าๆช่วยด้วย”
น้ำหนึ่งผละจากณัฐเดชมาชี้มีดจ่อกรรณา แววตาเอาจริง ประมาณว่า ถ้าร้อง ตาย! กรรณาจำต้องหุบปากชั่วคราว จนกระทั่งเสียงจากด้านบนของบ้าน ค่อยๆแยกย้ายหายไป กรรณาพูดขึ้นมาลอยๆ
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้มีความสุขที่ต้องทำอย่างนี้ เธออยากมีเพื่อน ใช่มั้ย”
น้ำหนึ่งอึ้งไป ถูกจี้ปมในใจ
“เธออยากสะสมศพคนตายเหรอ นั่น พี่สาวเธอ แล้วต่อไป มีศพใครอีก ฉัน โจ้ พี่ณัฐ เธอจะมีศพเป็นเพื่อนเยอะแยะไปหมด แต่ไม่มีคนเป็นเพื่อนเลย แม้แต่คนเดียว”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้พี่เพชรเป็นศพ ฉันรักพี่เพชร แต่พี่เพชรกลับรักผู้ชายใจร้าย มากกว่าฉัน”
“ฉันก็เกลียดผู้ชายประเภทเดียวกับด็อกเตอร์แผนยุทธเหมือนกัน พวกผู้ชายมักมาก ไม่รู้จักพอ ฉันก็อยากจะกำจัดมันให้หมดไปจากโลกเหมือนเธอเลยนะ แต่เธอรู้ไหม ว่าเราไม่มีสิทธิทำอย่างนั้น เพราะการฆ่าคนมันผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม เป็นบาป เธอไม่กลัวบาปเหรอ”
พงอินทร์เริ่มได้สติ ตั้งใจฟัง พยายามรวบรวมสติ ณัฐเดชพยายามสงบลง คิดหาทาง น้ำหนึ่งแว้ดใส่
“พวกมันก็บาปเหมือนกัน พวกผู้ชายที่ทำลายผู้หญิง ฉันนี่ไงถูกทำลายตั้งแต่ยังเล็กๆ ถึงมีชีวิต แต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น ไอ้ผู้ชายพวกนั้น พวกมันบาปกว่าฉันอีก”
“แล้วผู้ชายดีๆที่รักเดียวใจเดียวล่ะ”
“มีด้วยเหรอ ฉันยังไม่เห็นสักคน”
“ใช่...มีน้อยมากเลย ผู้ชายที่รักเดียวใจเดียว เหมือนสองคนนี้ โจ้กับพี่ณัฐเป็นคนดี ถ้าคุณฆ่าเขา มันจะทำให้จำนวนผู้ชายดีๆต้องหายไปจากโลกอีกสองคนเลยนะ”
“สองคนนี้เป็นคนดี”
“ใช่ พี่ณัฐ เป็นพี่ชายที่รักน้องสาวมาก เลี้ยงดู สั่งสอนและปกป้องน้องสาวมาอย่างดี” กรรณาหว่านล้อม “พี่ณัฐเสียเลือดมาก ต้องพาส่งโรงพยาบาล ไม่งั้น ถ้าเขาตาย น้องสาวเขาจะต้องเสียใจ ร้องไห้”
น้ำหนึ่งไปนั่งข้างๆณัฐเดช รู้สึกผิด
“ฉันไม่ชอบให้ผู้หญิงร้องไห้เลย”
ณัฐเดชมองหน้า
“แก้มัดให้ผม แก้มัด..”
“เธอปล่อยฉันสิ แล้วเราช่วยกันพาเขาส่งโรงพยาบาล”
“ไม่ต้อง..” น้ำหนึ่งวางมือบนอกณัฐเดชอย่างโปรดสัตว์ “ถ้าเขาทรมาร ฉันจะช่วยเขาเอง”
น้ำหนึ่งลุกไปหาอะไรบางอย่างทันที
“คุณจะทำอะไร”
น้ำหนึ่งหาๆ
“คุณหนึ่ง คุณจะทำอะไร!”
“ฉันจะช่วยให้เขาตายอย่างสงบ”
กรรณาอึ้ง
พงอินทร์กระพริบตา เริ่มได้สติมากขึ้น

ญาณินกับติณห์พยายามหาห้องลับไปด้วยกันทางด้านหนึ่ง พยายามเคาะกำแพง ผนัง พื้น เพื่อฟังเสียง แต่ไม่ได้อะไร
เนตรสิตางศุ์กับวรวรรธช่วยกันหาทางด้านนอกตัวบ้าน ไล่ไปตามผนังกำแพง แต่ก็ไม่พบกรรัมภาพยายามสัมผัสสิ่งต่างๆในบ้าน แต่ไม่เจออะไร ร้อนใจ สุคนธรสกับไตรรัตน์พยายามจะเลื่อนตู้ใบโตๆออก เพราะอาจจะมีทางเข้าห้องลับ แต่ไม่ช่วยกันยก ต่างคนต่างกวนกัน ผลักสวนทางกัน ตู้เลยไม่ไปไหน

ในที่สุดน้ำหนึ่งก็หาเชือกจนเจอ ยิ้มอย่างเป็นสุขใจ มีความสุขมาก กรรณาพยายามร้องห้าม
“อย่านะคุณหนึ่ง ถ้าคุณสงสาร คุณต้องปล่อยเขา ให้เขามีชีวิตต่อไป ไม่ใช่ฆ่าเขา”

น้ำหนึ่งมาพลิกตัวให้ณัฐเดชนอนคว่ำ แล้วยืนคร่อม เอาเชือกหรือผ้านั้นคล้องลอดใต้คอณัฐเดช แล้วดึงเชือกขึ้น จนศีรษะของณัฐเดชลอยขึ้นจากพื้น แต่ยังไม่ได้ออกแรงรัด
 
อ่านต่อหน้า 2

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 19 (ต่อ)

น้ำหนึ่งยิ้มสมใจ

“เขาเสียเลือดมาก ฉันไม่อยากเห็นเขาทรมานอีก อดทนอีกนิดนะคะ ฉันกำลังจะช่วยคุณ”
น้ำหนึ่งมัด ออกแรงรัด
“อย่า”
ทันใด พงอินทร์ฮึดลุกขึ้นมาผลักกระแทกน้ำหนึ่งอย่างแรง น้ำหนึ่งกระเด็นล้มไปอีกด้าน มีดกระเด็นหลุดไปอีกทาง ส่วนพงอินทร์เองก็เซซวนเป๋ไปอีกทาง เพราะฤทธิ์ยายังไม่หมด กรรณารีบพุ่งเข้าไปดูแลณัฐเดช
“พี่ณัฐ”
น้ำหนึ่งเห็นว่ากรรณาไม่ได้ถูกมัดอะไรแล้ว ถึงกับแค้น
“แกหลอกฉัน..แกกับพวกมันหลอกฉัน”
น้ำหนึ่งพุ่งเข้ามากระชากกรรณา เหวี่ยงไปอย่างแรง แล้วก็ตามไปคร่อมกรรณา ตบแล้วจับกรรณากระแทกกับผนัง ซ้ำๆ
พงอินทร์ตามเข้าไปช่วยกรรณา พยายามจะดึงตัวน้ำหนึ่งออก แต่น้ำหนึ่งกำลังของขึ้น แรงมหาศาล สะบัดทีเดียว พงอินทร์กระเด็นไปล้มไม่เป็นท่า คว่ำไปกับศพของช่อเพชร
น้ำหนึ่งที่เล่นงานกรรณาอยู่ พอหันมาเห็นพงอินทร์ที่ล้มทับศพช่อเพชร ก็ตกใจ เหวี่ยงกรรณาไปจนกรรณากระแทกกับขอบโต๊ะ เจ็บถึงขั้นทรุดลงไปกอง น้ำหนึ่งมองภาพพงอินทร์ที่ทับศพช่อเพชรอยู่ ถึงกับกรี๊ด
“พี่เพชรนอนกับผู้ชาย...อร๊าย”

ทุกคนในบ้าน ต่างผงะเพราะได้ยินเสียงกรีดร้องเช่นเดียวกัน
“เสียงมาจากไหน ” ญาณินถาม
ไตรรัตน์กับสุคนธรสรสชี้คนละทิศ
“ทางนั้น”
“ทีนี้ทำไมไม่ใจตรงกัน” ติณห์ถาม
“ทางไหนกันแน่”
วรวรรธกับเนตสิตางศุ์ ชี้ทิศเดียวกัน
“ทางนี้”
ทั้งคู่พอเห็นว่าชี้ทิศเดียวกัน ใจตรงกัน ต่างก็เขินน้อยๆ
กรรัมภาเหล่ไตรรัตน์กับสุคนธรสรส
“หัดเอาอย่างคู่นี้บ้าง”
ทั้งหมดรีบไปตามเสียงนั้น ตามทิศที่วรวรรณกับเนตรสิตางศุ์ชี้

น้ำหนึ่งคลั่ง วิ่งไปกระชากพงอินทร์ เหวี่ยงออก พงอินทร์ล้มลุกคลุกคลานไป
“พี่เพชร พี่เป็นอะไรหรือเปล่า แขนพี่”
ปรากฏว่าแขนข้างหนึ่งของศพช่อเพชร หลุดกระเด็นแยกออกไปจากร่างกาย น้ำหนึ่งช็อก เจ็บแทนช่อเพชร น้ำตาไหลออกมา
“พี่...เจ็บมากใช่มั้ยพี่เพชร” น้ำหนึ่งหันมาจ้องพงอินทร์แค้นๆ “โจ้ทำให้พี่ฉันเจ็บ โจ้ต้องรับผิดชอบ”
น้ำหนึ่งหันมาทำร้ายพงอินทร์พุ่งเข้าไปบีบคอ พงอินทร์ไม่มีแรงจะขัดขืนเพราะยังคงมึนฤทธิ์ยาอยู่
“ปล่อยโจ้นะคุณหนึ่ง”
กรรณาที่ยังเจ็บเช่นกัน ผวาเข้าไปกระชากตัวน้ำหนึ่งออกมา ล้มไปด้วยกันทั้งคู่ แต่น้ำหนึ่งแรงฮึดมหาศาล ผลักกรรณาไป แล้วเห็นเชือกที่จะใช้รัดคอณัฐเดช เลยดึงออกมา พุ่งเข้าไป รัดคอพงอินทร์จากด้านหลัง ทีนี้รัดเลยไม่มียั้ง พงอินทร์ตาเหลือก พยายามดิ้นรน มือเท้าเปะป่าย
“อย่า”
กรรณาพยายามรวบรวมกำลังจะไปดึงน้ำหนึ่งออก แต่น้ำหนึ่งบ้าเลือด ไม่ยอมปล่อย กรรณาดึงยังไงก็ไม่หลุด
“ปล่อยนายโจ้ ปล่อย ใครก็ได้ช่วยด้วย ได้ยินมั้ยช่วยด้วย”

ณัฐเดชดิ้นๆ จนเชือกที่มัดมือตนหลุดออก พยายามคืบคลานไป

ทุกคนวิ่งมาแถวบริเวณประตูด้านหลังบ้าน ใกล้จุดที่เป็นทางเข้าห้องลับใต้ดิน
 
“เสียงมาจากแถวๆนี้แหละ” เนตรสิตางศุ์บอก
“ใกล้เคียงกับที่ฉันได้ยินเลย” ไตรรัตน์รีบบอก
“ชี้ไปคนละทาง ยังกล้าบอกว่าใกล้อีก ทุเรศ” สุคนธรสบ่น
“ก็ใกล้กว่าที่คนบางคนชี้มั้ยล่ะ” ไตรรัตน์เถียง
ทุกคนรำคาญสุคนธรสกับไตรรัตน์ พร้อมเพรียงกันดุ
“เงียบ”
สุคนธรสกับไตรรัตน์จ๋อย หุบปากสนิท
มีเสียงกรรณากรีดร้องให้ช่วยดังแว่วมา
“เสียงยัยกรรณ..”ญาณินบอก
ติณห์ฟุบลงกับพื้น เอาหูแนบ ได้ยินเสียงกรรณาดังชัดขึ้น
“เสียงมาจากใต้พื้น”
กรรัมภาก้มลงสัมผัสพื้นบริเวณนั้นทันที เห็นภาพบางอย่าง
“มีห้องลับอยู่ข้างใต้”
“ต้องมีทางเข้าแถวนี้ หาเร็ว” วรวรรธบอก
ทุกคนแยกย้ายกันหา บ้างนั่งลง เคาะพื้น บ้างเดินรอบๆ พยายามกระทืบๆ

กรรณาพยายามดึงน้ำหนึ่งออก ทั้งทุบทั้งตี แต่น้ำหนึ่งก็ไม่สะเทือน รัดคอนิ่งราวกับเป็นตุ๊กแกที่กัดแล้วจะไม่มีวันปล่อยจนกว่าจะตาย ณัฐเดชคืบคลานมา สายตาณัฐเดช ภาพการต่อสู้ค่อยๆเบลอ เขาเอื้อมมือไปสุดแล้วสลบไป
“ปล่อยนะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย เราอยู่ทางนี้”
น้ำหนึ่งหันมา เอาหัวตัวเองโขกใส่หัวกรรณาโป้ก กรรณาทรุด
“โอ๊ยยย..” กรรณากุมหัว มึน
น้ำหนึ่งหัวเราะคลั่ง
“แกมันก็เลวเหมือนกัน นายโจ้ แกรักอีนังคนนี้ทำไม ไหนแต่ก่อน แกว่าแกรักฉันคนเดียว รักเดียวใจเดียวไง ที่แท้ก็รักเดียว ใจเดียว ประเดี๋ยวเดียว ยังไม่ทันถึง 10 ปี ก็เปลี่ยนใจ มายอมตายเพราะอีนังกรรณาคนนี้แล้วเหรอ แกตายซะเถอะ ตายซะ”
พงอินทร์หมดสติ กรรณามองช็อค พยายามพยุงตัวเองขึ้น
“โจ้ อย่าตายนะ อย่าตาย”
ลมกระแสหนึ่งพัดเข้ามาวนๆในห้องนั้น สิ่งของต่างๆปลิว
เสียงพิมอรดังเข้ามา
“โจ้...โจ้น้องพี่ ทำโจ้ทำไม เธอทำโจ้ทำไม”
กรรณาได้ยินพิมอร
“คุณพิมอร คุณอยู่แถวนี้ใช่มั้ย ช่วยน้องชายคุณด้วย..ช่วยด้วย”
ปรากฏร่างพิมอรยืนจ้องอยู่ตรงหน้าน้ำหนึ่ง
“ปล่อยน้องชายฉัน”
น้ำหนึ่งเห็นและได้ยินพิมอรเต็มๆ ตาเหลือก ช็อก ตกใจ คาดไม่ถึง ผงะออกจากพงอินทร์ แล้วกรี๊ด
“คุณพิมอร”

ทุกคนออกมาที่ด้านหลังบ้าน นอกตัวบ้าน ที่บริเวณฝาท่อน้ำทิ้ง
“เสียงมาจากตรงนี้” ญาณินบอก
กรรัมภาสัมผัสฝาท่อ
“ นี่ไม่ใช่ฝาท่อ มันเป็นทางเข้า” ติณห์ยกฝาท่อนั้นออก พบว่าข้างใต้ มีประตูซ่อนอยู่อีกชั้นหนึ่ง ติณห์พยายามจะดึงเปิด แต่เปิดไม่ได้ ราวถูกปิดตาย
ไตรรัตน์แหวกเข้ามา
“หลบๆ ฉันเองๆ”ไตรรัตน์ตั้งท่าดี ถลกแขนเสื้อ แล้วออกแรง
“ฮึ่บ” แต่เปิดไม่ออก
“ฮึ่บยาวๆมันไม่เวิร์ค ลองฮึ่บสั้นๆถี่ๆสิ” สุคนธรสบอก

ไตรรัตน์ออกแรงกระชากถี่ๆ

ไตรรัตน์ออกแรงกระชากถี่ๆ

“ฮึ่บ..ฮึ่บ..ฮึ่บ..ฮึ่บ..”
“ไหนลองฮึ่บยาวสลับฮึ่บสั้นสิ”
ไตรรัตน์ออกแรง
“ฮึ่บ...ฮึ่บๆ...ฮึ่บบบ..ฮึ่บๆ”
ไตรรัตน์ทำซ้ำๆต่อเนื่องไป สุคนธรสช่วยเชียร์ แต่ก็ยังเปิดไม่ออก

น้ำหนึ่งผงะ หลอนๆ ด่ากราด
“อีพิมอร แกตายไปแล้วนี่ อย่าบอกนะ ว่าตายแล้วฟื้นได้”
ระหว่างนั้น กรรณารีบคลานไปดูแลพงอินทร์
“แกนี่มันแย่มาก ผัวไม่รัก แล้วยังหึงหวงอีก ทั้งๆที่ฉันก็ว่าแกไม่ได้รักมันหรอกนะ ไอ้แผนยุทธน่ะ แล้วแกจะคอยรังควานพวกเมียน้อยทำไม”
กรรณาบีบ นวด จับเขย่า ถูมือ ถูแก้ม เอาหูไปรอฟังที่จมูกพงอินทร์
“แบบนี้มันเรียกว่าหมาหวงก้างนี่ ตัวเองไม่กิน แต่ก็ไม่ยอมให้คนอื่นกิน ไอ้ผัวชั่วๆของแกอ่านะ บอกตามตรง ว่าไม่อร่อยเลย..ห่วยสุดๆ”
พงอินทร์ไอแค่กๆ หายใจ
“ แกน่าจะดีใจนะ ที่มีผู้หญิงหน้าโง่คนอื่น มาช่วยแบ่งเบาภารน่ะ ได้ข่าวว่าแกก็แขยงมันออกจะแย่”
กรรณาดีใจ พงอินทร์ยิ้มด้วย พยายามจะลุก น้ำหนึ่งมัวแต่สนใจพิมอร
“นี่ แกจะล้อฉันเล่นเหรอ จะมาเล่นซ่อนหากัน หรือว่าอะไร”
พิมอรหายแว๊บไปโผล่ด้านนั้นที ด้านนี้ที น้ำหนึ่งหันขวับไปรอบตัว หลอน สติแตก
“อีผีบ้า แกจะทำอะไร จะล้างแค้นฉันเหรอ แกจะฆ่าฉันเหมือนที่ฉันฆ่าแกงั้นเหรอ อีผีบ้า!”
กรรณาและโจ้ต่างแปลกใจ ที่ได้ยินน้ำหนึ่งว่าฆ่าพิมอร
“อะไรนะ..เธอฆ่าคุณพิมอร”
“ใช่ ฉันฆ่ามัน อีนังเมียหลวง อีตัวทำลายความสุขของพี่เพชร ฉันเกลียดมัน”
“ฉันจำได้แล้ว เธอนี่เอง วันนั้นเธอคือคนที่มาหาฉัน ไม่ใช่ช่อเพชร เธอฆ่าฉันทำไม”
“ หนึ่ง..คุณฆ่าพี่พิมทำไม” พงอินทร์ร้องถามอย่างตกใจ

ริมถนนชานเมืองสายหนึ่ง พิมอรขับรถมาจนถึงศาลาริมทาง ก็ขับเลี้ยวเข้าข้างทางไปจอดไม่ไกลจากศาลา
ภายในรถ พิมอรสวมแว่นกันแดดจอดรถ ติดเครื่องเอาไว้ โดยใส่เกียร์ออร์โต้ ไว้ที่ตัว P หันมองซ้ายขวายังไม่เห็นคนที่นัดไว้ เลยก้มลงดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ
“คิดแล้วว่าต้องให้เรามารอ คิดว่าฉันจะยอมแพ้เหรอ ฉันอดทนมานานแล้ว ฉันจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว วันนี้ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง เราได้เห็นดีกัน”
พิมอรเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เหลืออด และตั้งตารอคอยอย่างร้อนใจ

ถนนฝั่งตรงข้าม ผู้หญิงสวมวิกผมและแต่งตัวมองผิวเผินเหมือนช่อเพชรทุกอย่าง สวมแว่นกันแดดกรอบใหญ่โผล่หน้าออกมาจากหลังต้นไม้ มองไปยังรถของพิมอร มือทั้งสองข้างใส่ถุงมือ ก่อนจะเดินทื่อๆสะพายกระเป๋าตรงไปที่รถ

ในรถ...พิมอรกำลังล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋า กดหาเบอร์พงอินทร์ แล้วหยุดมองรูปพงอินทร์อย่าง ลังเล
“เป็นบ้าอะไรเรา เกิดนึกอยากจะโทรไปหาโจ้ตอนนี้”

พิมอรจะกดโทร แต่เสียงเคาะกระจกประตูด้านข้างคนขับดังขึ้นเสียงก่อน พิมอรสะดุ้ง หันมองไป ไม่เห็นหน้า เห็นแต่ตัวคนยืนอยู่นอกรถก็คิดว่าคงไม่ใช่ใคร เป็นช่อเพชรแน่ๆ ลืมความคิดจะโทรหาพงอินทร์...เก็บมือถือไว้ในกระเป๋าถือทันที เปิดล็อคประตู

น้ำหนึ่งในคราบช่อเพชรเปิดประตูรถก้าวเข้ามานั่งในรถ พิมอรเหลือบมองด้วยห่างตาอย่างโกรธ
 
“ฉันจะไม่อ้อมค้อมล่ะนะ คุณคิดเหรอว่าแผนยุทธเขารักคุณจริงๆ คิดเหรอว่าคนอย่างเขาจะยอมทิ้งฉัน คนที่ทำให้เขามีกินมีใช้หรูหรา มีชีวิตสุขสบายระดับไฮโซแล้วไปกัดก้อนเกลือกินกับเลขาทำงานกินเงินเดือนอย่างคุณ”
“หึๆ”
น้ำหนึ่งไม่ตอบได้แต่หัวเราะสมเพช ทำเอาพิมอรหันขวับมามองอย่างหัวเสีย
“หัวเราะอะไร ฉันกำลังบอกสันดานสามีฉันให้คุณฟัง ในชีวิตของเขา เขาไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะฉันรวยมีมรดกของคุณย่าให้เขาเสวยสุขไปตลอดทั้งชาตินี้ เขาก็คงเฉดหัวฉันทิ้งไปนานแล้ว” พิมอรพูดแล้วช้ำเอง
“ฮ่ะๆ”
คราวนี้น้ำหนึ่งหัวเราะดังขึ้น อย่างสมเพชพิมอร
“เป็นบ้ารึไง หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะ แล้วก็เลิกตามรังควานฉันเสียที ฉันไม่มีวันหย่าขาดกับแผนยุทธเด็ดขาด ไม่อย่างงั้นฉันจะเป็นฝ่ายเอาคืนคุณบ้าง ช่อเพชร ฉันจะทำให้หนักร้อยเท่าพันเท่ากว่าที่คุณทำกับฉันอีก.. ฉันไม่รับรองนะว่าชีวิตคุณจะปลอดภัย” พิมอรขู่ไปอย่างนั้นเอง ไม่ร้ายจริง
“มันทั้งโกหก ตอแหล บ้ากาม แถมยังหลอกใช้เงินแก ยังไม่ยอมหย่ากับมันอีกอีโง่เอ้ย แกคงรักมันหัวปักหัวปำมากซินะ”
“เธอไม่ใช่ช่อเพชรนี่ เธอ...เธอเป็นใคร”
ไม่ทันที่พิมอรจะระวังตัว น้ำหนึ่งก็ล้วงเอาเข็มฉีดยาที่มียานอนหลับอย่างแรงออกมาจากกระเป๋า ปักไปที่คอพิมอรทันที
“กรี๊ด! แกทำอะไรฉัน”
น้ำหนึ่งปัดเข็มออกจากคอ เข็มกลิ้งตกไปอยู่ที่พื้นรถตรงเท้าน้ำหนึ่ง แต่สติของพิมอรก็ดับวูบไป อย่างรวดเร็ว สลบคอพับคาเบาะ
“อา..”
น้ำหนึ่งถอดแว่นกันแดดออก ก่อนหยิบเข็มขึ้นมาดู หัวเราะราวกับคนบ้า
“ยานี่เขาดีจริงๆ ฉีดปุ๊บหลับปั๊บ ฮ่ะๆ”
น้ำหนึ่งเก็บเข็มใส่กระเป๋า แล้วจัดการปลดเซฟตี้เบลท์ของพิมอรออก ผลักประตูด้านที่ตัวเองนั่ง เปิดกว้าง แล้วลากร่างพิมอรมานั่งที่เบาะข้างคนขับแทนที่ตัวเอง
“หลับให้สบายนะอีน่าโง่ เดี๋ยวฉันจะช่วงสงเคราะห์ ขับพาแกไปนั่งรถเล่นเอง”

น้ำหนึ่งขับรถของพิมอร พาร่างพิมอรที่นั่งสลบไสลไม่ได้สติอยู่ข้างในไป แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
“พี่เพชร...ฉันขอโทษฮือๆ พี่อย่าโกรธฉันเลยนะ ฉันรักพี่ ฉันถึงต้องทำอย่างงั้น พี่คงไม่เจ็บมากหรอกใช่มั้ย”
แล้วน้ำหนึ่งก็เปลี่ยนอารมณ์มาตาขวาง ยื่นมือไปจิกผมพิมอรให้ดู
“นี่ไง...เมียไอ้แผนยุทธที่พี่เกลียดมันนักหนา ฉันได้ตัวมันมาแล้ว พี่อยากให้ฉันกำจัดมันให้พี่ใช่ไหม ฉันรู้...ฮ่ะๆ” น้ำหนึ่งเปลี่ยนมาหัวเราะอีกแล้ว “ฉันจะฆ่ามันให้พี่เอง พี่ต้องยกโทษให้ฉันนะ ถ้าฉันกำจัดศัตรูหัวใจให้พี่แล้ว พี่ต้องหายโกรธน้องสาวคนนี้เพราะนอกจากฉันแล้ว ไม่มีใครหน้าไหนในโลกนี้รักพี่จริงหรอก โดยเฉพาะไอ้พวกผู้ชายเฮงซวยทุกคนมันเห็นผู้หญิงเป็นที่ระบายความใคร่ของมันเท่านั้นเอง มันไม่รักเราจริงหรอกพี่”
แล้วน้ำหนึ่งก็หยุดร้องไห้ ปาดน้ำตาเมื่อมองไปข้างหน้าเห็นที่หมาย
“เจอแล้ว...ฮิๆ...ฉันเจอแล้ว” น้ำหนึ่งพูดกับพิมอร “นี่แก...ดูเซ่...แกชอบตรงนั้นรึเปล่าแต่ฉันชอบฮิๆ”
น้ำหนึ่งขับรถตรงไปยังบึงน้ำขนาดใหญ่ข้างหน้า

ริมบึงน้ำ...น้ำหนึ่งลากร่างสลบของพิมอรข้ามมานั่งด้านคนขับเหมือนเดิม ขณะนั้นรถยังติดเครื่องอยู่ จากนั้นก็คาดเข็มขัดตรึงร่างพิมอรไว้กับเบาะ พิมอรขยับตัว ปากฮึมฮัมออกมาไม่รู้ตัว
“แกว่าอะไรนะ อ๋อ...แอร์เย็นน้อยไปเหรอ” น้ำหนึ่งหันไปเพิ่มแอร์ “เป็นไง เย็นพอไหม อะไรนะ...อยากจะฟังเพลง ได้เลย”

น้ำหนึ่งหันไปเปิดเพลงให้
 
อ่านต่อหน้า 3

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 19 (ต่อ)

น้ำหนึ่งหันไปเปิดเพลงให้

“ฉันจัดให้แกเรียบร้อยแล้วนะ ทีนี้ก็ถึงเวลาอำลา”
ว่าแล้วน้ำหนึ่งก็ใส่เกียร์ D แล้วรีบปิดประตูทันที รถค่อยๆเดินหน้าตรงไปที่บึงอย่างช้าๆ น้ำหนึ่งยืนดูอย่างยิ้มๆเลือดเย็น
ร่างที่ไม่ได้สติของพิมอรในรถเริ่มขยับตัว คิ้วขมวดเหมือนว่าจะฟื้น แต่รถก็ไหลตรงไปที่บึง เร็วๆขึ้นๆเพราะทางลาด และแล้วรถก็ตกลงไปในบึง ตูม!
น้ำหนึ่งยืนหัวเราะ มองรถจมลงไปช้าๆ จนหายไปทั้งคัน น้ำหนึ่งถึงได้หันหลังเดินจากมาโดยถอดวิกที่ใส่อยู่ออก
ใต้บึงน้ำ...รถจมลงใต้น้ำช้าๆ ขณะที่พิมอรค่อยๆฟื้นคืนสติขึ้น ลืมตาโพลง สองมือปัดป่ายไปที่กระจกรถ หายใจไม่ออก ดิ้นทุรนทุรายจนหมดลมหายใจ

พงอินทร์ฟังเรื่องราวทั้งหมด แล้วโกรธมาก
“คุณฆ่าพี่สาวผม ทั้งๆที่ช่อเพชรก็ตายไปแล้ว คุณฆ่าพี่สาวผมอีกทำไม”
ณัฐเดช ค่อยๆหายใจระรวยๆ แล้วลืมตาฟื้น กระพริบตามึน
“มันคือมารความสุขของพี่เพชร ฉันฆ่ามันเป็นของขวัญชิ้นสุดท้าย พี่เพชรจะได้รู้ว่าไม่มีอะไรที่ฉันทำเพื่อพี่ไม่ได้ พี่เพชรไม่สมหวัง ก็ต้องไม่มีใครสมหวัง ทั้งนังพิมอร ทั้งไอ้แผนยุทธ พวกมันต้องตายทุกคน”
พิมอรได้แต่ยืนช็อกในชะตากรรมของตัวเอง น้ำตาไหล กรรณาพูดขึ้น...
“เธอรู้หรือเปล่าว่าสิ่งที่เธอทำ มันคือการฆ่าคนบริสุทธิ์ และมันไม่ได้ทำให้ช่อเพชรมีความสุขเลย เขากลายเป็นวิญญาณผูกจิตอาฆาตอยู่กับนายแผนยุทธ ไม่ได้ไปผุดไปเกิด วนอยู่ในสังสารวัฏทรมานไม่มีที่สิ้นสุด..เพราะเธอ”
ณัฐเดชได้สติ พยายามพูด
“กรรณา..อย่า ทำให้..เขาคลั่ง”
“ไม่จริง” น้ำหนึ่งผวาเข้าไปกระชากกรรณามา บีบแขนจิกลงไปในเนื้อ “นังตอแหล แกโกหก พี่เพชรมีความสุข ไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์”
ณัฐเดชพยายามพูด แต่ไม่มีคนได้ยิน
“กรรณา..หยุดพูด”
กรรณาไม่ได้ยิน
“นางฟ้าบนสวรรค์ของแป๊ะแถวบ้านเธอสิ ช่อเพชรเป็นวิญญาณกรี๊ดกร๊าด โกรธเกรี้ยวเกาะหลังอิตาแผนยุทธผู้ชายที่เธอเกลียดไง เขาจะอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีความสุขตลอดไปไงล่ะ เพราะเธอ เธอมันฆ่าพี่สาวตัวเอง”
“ไม่จริง”
น้ำหนึ่งวี้ด ผลักกรรณาเต็มแรง กระเด็นไป
“แก..แกอิจฉาพี่เพชร” น้ำหนึ่งตามไปจิกหัวกรรณา จับกระแทกกำแพง “แกไม่อยากเห็นฉันกับพี่เพชรมีความสุข..ใช่มั้ยๆ”
พงอินทร์ห่วงกรรณา เลยพยายามฮึดขึ้นมาพูด
“พอได้แล้วหนึ่ง คุณฆ่าพี่สาวผม แล้วก็มาเสแสร้งแกล้งทำดีกับผม คุณมันเลว ชั่ว วิปริตที่สุด”
ณัฐเดชพยายามบอก
“โจ้...เขาเป็นบ้า เขาบ้า...เขาไม่รู้เรื่องอะไรหรอก หยุด ทำให้เขาสงบสิ”
น้ำหนึ่งได้ยินเสียงพงอินทร์ ชะงัก ปล่อยกรรณา
“ผู้ชายอย่างพวกแกต่างหากที่วิปริต ไม่ใช่ฉัน”
“คุณต้องไปหาหมอ คุณมีปัญหาทางจิต”
“ฉันไม่ได้บ้า”
“คุณเป็นโรคจิต”
น้ำหนึ่งแค้น พุ่งไปคว้ามีดที่ทิ้งเอาไว้แต่ทีแรกขึ้นมา
“ฉันไม่ได้บ้า”
น้ำหนึ่งจ้องท้าทาย พงอินทร์ไม่กลัว

“คุณ..เป็น..บ้า”

น้ำหนึ่งสติแตกพุ่งเข้าไปจะเอามีดแทงพงอินทร์ แต่พงอินทร์คว้ามือน้ำหนึ่งเอาไว้ ยื้อแรงกัน น้ำหนึ่งคลั่ง แรงเยอะกว่า สะบัดพงอินทร์กระเด็นไป แล้วตามเข้าไปเอามีดแทง ฉึ่ก!
 
แต่ปรากฏว่า..ศพช่อเพชรลุกพรวดขึ้นมา ขวางทางมีด และมีดนั้นแทงเข้าท้องศพช่อเพชรเต็มๆ น้ำหนึ่งช็อก ตกใจ
“พี่เพชร..”
น้ำหนึ่งจะถอนมือ แต่ศพช่อเพชรคว้ามือน้ำหนึ่งเอาไว้แน่น ไม่ให้ถอนออก พิมอรสิงศพช่อเพชรอยู่
“หยุดสร้างกรรมเถอะ”
น้ำหนึ่งพยายามจะกระชากมือออก
“พี่เพชร ฉันไม่ได้ทำ”
“เธอฆ่าฉัน เธอฆ่าพี่สาวตัวเอง ฉันทำอะไรผิด”
น้ำหนึ่งผงะ ช็อก ร้องไห้ สติแตก กระชากมือตัวเองจนหลุดออกมาได้ แต่ก็เซหงายหลังล้มลงไปนั่งกับพื้น ตรงที่ณัฐเดชนอนอยู่พอดี พิมอรเดินเข้าหา
น้ำหนึ่งเสือกไสตัวเองถอยหนี
ณัฐเดชรวบรวมแรงสุดท้าย คว้าข้อเท้าน้ำหนึ่งหมับ น้ำหนึ่งถอยไป แต่ไม่รอด เพราะมีมือณัฐเดชจับเท้าไว้
“ไม่ ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ได้อยากฆ่าเธอ อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวแล้ว ฉันผิดไปแล้ว อร๊าย ”
น้ำหนึ่งสติแตก กระเจิดกระเจิง ผลักศพช่อเพชรออก แล้วพยายามตะกายหนี แต่ณัฐเดชจับไว้แน่น
“กรรณา โจ้ หนีไป...หนีไป”
น้ำหนึ่งหันมา
“ไอ้บ้า แก...ปล่อยช้าน แกยังไม่ตายอีกเหรอ แกมันเป็นคนเหล็กหรือไง ไอ้ชายชั่ว ตายซะเถอะ”
น้ำหนึ่งเงื้อมีด จะแทง ณัฐเดชไม่ยอมปล่อยมือ ศพช่อเพชรจับมือที่ถือมีดไว้พอดี ประตูทางเข้าเปิดออก พวกญาณินพุ่งเข้ามา
“พี่ณัฐ...” เนตรสิตางศุ์ร้องเรียกอย่างตกใจ
“ยัยกรรณา” สุคนธรสพูด
น้ำหนึ่งตกใจ หันไป ทุกคนวิ่งลงมา น้ำหนึ่งช็อค แต่ณัฐเดชยังขับข้อเท้าแน่น มือข้างที่ถือมีด โดนศพจับไว้ ทุกคนรุมเข้ามา
ทันใดผีพิมอรออก ร่างช่อเพชรร่วงลง ศพกระจัดกระจาย ณัฐเดชยังจับข้อเท้า แล้วยิ้มดีใจที่เห็นทุกคน
“ไอ้ติณห์ รับภาระแทนฉันที”
“พี่ณัฐๆ” เนตรสิตางศุ์เรียก
น้ำหนึ่งวิ่งถือมีดตวัดฟันอากาศซี้ซั้วแบบคนบ้าสติกระเจิงสุดๆ พวกญาณินผวาหลบ
“คุณน้ำหนึ่ง วางมีดลง แล้วคุยกันดีๆดีกว่า” ญาณินบอก
“ไม่ อย่าเข้ามา” น้ำหนึ่งคลั่งๆ “ฉันแค่อยากช่วยพี่ อยากให้พี่รักฉัน พวกแกอย่าเข้ามา”
น้ำหนึ่งคลั่งเงื้อมีด จะเอามีดแทงตัวเอง ติณห์ตะโกนเรียก
“คุณช่อเพชร”
น้ำหนึ่งหันไปมอง
“จัดการ”
ไตรรัตน์ ติณห์เข้าชาร์จ ปลดมีดได้

วรวรรธกับเนตรสิตางศุ์รีบไปดูแลณัฐเดช

ห้องรับแขก บ้านเวียงทับ แผนยุทธที่ยังอ่อนเพลีย เดินมาที่หน้ารูปพิมอรอย่างๆเศร้า พลางเช็ดน้ำตา

“พิมอรผมเสียใจ ผมผิดเอง ที่เป็นต้นเหตุทั้งหมด ผียังไม่น่ากลัวเท่าคนบ้า โดยผู้หญิงบ้า...ผู้หญิงบ้าใครอย่าแตะจริงๆ ผมเข็ดจริงๆ ใครเข้ามา สวยหน่อย ผมก็เล่นด้วยหมด ไม่ได้เช็คประวัติก่อนผมประมาทเกินไป”
ผู้การกับวรวรรธ ยืนดูอย่างรังเกียจ
“ความประมาท ทำให้ณัฐเดช เด็กผมเกือบตายไปเหมือนกัน”
“ไม่ใช่แค่พี่ณัฐ กรรณาเองก็ประมาท จนเกือบเอาชีวิตไปทิ้ง ไม่ได้คุ้มเลย” วรวรรธบอก
ผู้การส่ายหน้า
“พวกเด็กๆสาวๆพวกนั้น คงคาดไม่ถึงเลย ว่าจากการเริ่มต้น ที่สาวๆแค่อยากรับจ้างช่วยคุณ เรื่องผีเมียที่คอยตามหึงหวง กลับได้รับการตอบแทน ด้วยการโดนคุณไปแจ้งความว่าเป็นบริษัทฉ้อโกงหลอกลวง ...”
“หนูกรรณา ผมอยากจะไปขอโทษเธอ ที่ต้องทำด่วนที่สุดคือ พรุ่งนี้ผมจะไปถอนแจ้งความบริษัทซิกส์เซนส์ครับผู้การ” แผนยุทธบอก
“จริงๆควรจะเป็นวันนี้เลยด้วยซ้ำ”
แผนยุทธเห็นสายตาทุกคนรุมประณามตนเอง ขณะที่พงอินทร์ยืนแค้นอยู่มุมหนึ่ง
“โจ้...ฉันไม่เคยอยากให้พี่สาวนายตาย ฉันเสียใจมากจริงๆ ถ้าฉันตาย แล้วทำให้เขาฟื้นคืนมาได้ ฉันยอมตายเลยอ้ะ”
“ก็ลองตายดูก่อนดิ”
“ไม่เอาน่า โจ้ เราก็สูญเสียและเจ็บปวดเหมือนกัน”
“ไม่เหมือน ยังไงก็ไม่เหมือน”
พงอินทร์จะเข้าไปเล่นงานแผนยุทธ วรวรรธกันไว้
“ไม่เอาน่า...โจ้...ใจเย็น”
แผนยุทธรีบเดินหนีไปหลังบ้าน

แผนยุทธเดินหนีผู้คนมา กรรณา กับก้องฟ้าที่มาเก็บของกลับบริษัทซิกส์เซนส์ โผล่มาดัก
“ถ้านายเสียใจจริงๆ เรื่องดีๆที่ต้องทำเรื่องแรก คือ...ไปแก้ปัญหาให้บริษัทซิกส์เซนส์ซะ”
“ก็บอกแล้วไง ว่าจะไปแน่ๆ”
แผนยุทธจะหนี แต่พอหันมา จารุณียืนรออยู่แล้ว ตบหน้าแผนยุทธ เพี๊ยะ!
“นี่แน่ะ สำหรับคำว่าเสียใจ ที่ไม่มีความจริงใจแม้แต่น้อยนิด”
แผนยุทธโกรธ
“อีบ้า ก็ฉันยอมรับแล้วไง ว่าฉันคือคนผิด ผิดที่ฉันเจ้าชู้ แล้วพวกผู้หญิงก็ชอบฉันมากเกินไป ความรักและหึงหวงในตัวฉัน ทำให้น้ำหนึ่งควบคุมตัวเองไม่ได้”
“ผิดแล้ว คุณแผนยุทธ น้ำหนึ่งไม่ได้รักและหึงหวงคุณ ในบรรดาผู้หญิงทุกคนที่เกี่ยวกับกรณีนี้ มีแค่ช่อเพชรคนเดียวเอง ที่โง่ไปรักคุณ” กรรณามองเหยียดๆ
“ส่วนคุณพิมอรนั้นโชคร้าย ที่เป็นคนอ่อนเกินไป จนยอมแต่งงานกะคุณตามคำผู้ใหญ่ แล้วก็ช่วยตัวเองไม่ได้” ก้องฟ้าพูดต่อ
“ส่วนน้ำหนึ่ง เขาฆ่าคุณพิมอร เพราะคุณพิมอรเป็นศัตรูของพี่เขา และฆ่าพี่สาวตัวเอง เพราะอุบัติเหตุ เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ จริงๆแล้วเขาเกลียดขยะแขยงคุณจะตายไป”
จารุณีมองแผนยุทธอย่างเกลียดชัง
“คุณผู้หญิงตายทั้งเป็น ตั้งแต่วันที่ต้องมามีชีวิตคู่กับคุณแล้ว คุณผู้หญิงไม่รู้วิธีที่จะหลีกหนีความทุกข์ในชีวิต อยากจะเดินออกไปจากครอบครัวนี้อยู่ทุกวัน แต่ก็ไม่กล้า แล้วสุดท้าย คุณผู้หญิงก็ต้องตายไปจริงๆ เพราะคุณชักนำผู้หญิงบ้าเข้ามาฆ่าคุณผู้หญิง...”
แผนยุทธตวาดไล่
“ยัยบ้า แกทำร้ายร่างกาย แล้วยังมาด่าฉันเจ็บๆอีก ฉันไล่แกออก”
“ฉันก็ไม่อยากอยู่กะแกอีกแล้วโว้ย จบกันที”
“นูนา ไปอยู่กะพวกเราไหมฮะ นูนากะป้าออต้องเข้ากันได้ดีแน่ๆ” ก้องฟ้าชวน
“พี่เป็นเพียงพี่ แล้วพี่จะเข้ากะคนวัยป้าได้ไง ฮันนี้” จารุณีตีหน้าเศร้า
พงอินทร์ตามเข้ามา รีบบอก
“คุณจารุณีต้องอยู่กับผม ได้โปรดช่วยดูแลผมเหมือนที่เคยดูแลพี่พิม”

พงอินทร์หันไปชี้หน้าแผนยุทธ

“ส่วนแก เชิญอยู่ในบ้านที่แกได้มาฟรีๆต่อไป ฉันอโหสิให้ สักวันแกต้องชดใช้กรรมที่แกก่อ”
 
“กรรมเหรอ ฮ่าๆ ฮะๆ กรรมคืออะไร สะกดยังไงว้า”
แผนยุทธหัวเราะใส่หน้า แล้วเดินลอยชายจากไป

ผู้การเดินแยกออกมาบริเวณด้านนอก มีตำรวจเดินตาม วรวรรธรีบตามมาจนทันก่อนขึ้นรถ
“ไม่คิดจะคืนสถานะให้พี่ณัฐ ที่ยังนอนรักษาตัวมั่งหรือครับ”
“จุ๊ๆอย่าเอ็ดไป อยู่นอกกรอบกันอย่างนี้ พวกนายทำงานคล่องตัวกว่าเวลาปกติมาก การมีแต้มต่อที่พวกนายสื่อสารกะวิญญาณได้ ทำให้พวกนายปิดคดีที่มันมีเรื่องเหนือธรรมชาติมาเกี่ยวข้อง โดยไม่ต้องเสียเวลาอธิบายเรื่องที่อธิบายด้วยเหตุผลธรรมดาๆให้พวกหูตาคับแคบฟัง พวกนายควรจะเป็นเจ้าหน้าที่ประจำคดีสิ่งลี้ลับเอ็กซ์ไฟล์แบบนี้ไปนานๆ เราจะได้ช่วยเหลือมนุษย์และอมนุษย์ได้ต่อไป”
“แต่ความดีความชอบ ก็เป็นของผู้การคนเดียว”
“อ้าวๆ พูดแบบนี้มันก็ไม่ถูก ฉันแบกหน้ารับผิดแทนพวกนายต่างหาก เกิดอะไรผิดพลาดขึ้น ฉันก็โดนคนเดียว ฉันคือร่างกาย พวกนายเปรียบเหมือนประสาทสัมผัส ถ้าประสาทสัมผัสรายงานผิดพลาด ใครซวย ร่างกายอย่างฉันซวย เพราะประสาทสัมผัสไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ แต่ร่างกายต้องรับเละ เห็นป่ะ ว่าฉันทำยังงี้เพื่อสียสละปกป้องพวกนาย”
พงอินทร์เดินออกมา ได้ยินได้ฟังเหตุผลพอดี
“แต่คดีนี้จะปิดลงไม่ได้ ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือของพวกสาวๆจากบริษัทซิกส์เซนส์”
“ผู้การไม่คืนสถานะให้เรา ก็ควรตอบแทนความดีบริษัทซิกส์เซนส์บ้าง” วรวรรธพยายามพูดอีก
“ผมทำแน่ ทันทีที่ทำได้”
ผู้การรีบแยกไปขึ้นรถ วางท่าใหญ่โต แล้วขึ้นรถไป พงอินทร์กับวรวรรธเซ็ง

แผนยุทธมาพบสาวๆที่บริษัทซิกส์เซนส์
“เช็คค่าจ้าง ที่ผมว่าจ้างบริษัทพวกคุณทำงาน” แผนยุทธยื่นเช็คให้
“เริ่ด แจ้งความให้ตำรวจมาปิดบริษัทเรา แต่ก็ยังจ่ายค่าจ้างให้ ไม่รู้สึกเหรอคะ ว่าตัวเองทำอะไรลักลั่นย้อนแยงในตัวเอง” ญาณินถาม
“ในเมื่อคุณทำสำเร็จตามข้อตกลง ผมก็ไปถอนแจ้งความแล้ว และก็ต้องจ่ายค่าจ้างให้ เพราะผมทำบริษัทกฎหมาย ต้องทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่โกงพวกเด็กสาวๆ ทำไม มันมีอะไรขัดแย้งตรงไหน”
“เราไม่ได้ทำคดีเพื่อเงินหรอกนะ” กรรัมภาบอก
“พวกเราฝากเอาเงินนี้ไปทำบุญ และอุทิศส่วนกุศลให้ภรรยาและผู้หญิงทุกคนที่ตกเป็นเหยื่อก็แล้วกัน” สุคนธรสพูดกวนๆ
“ปากดีกันทั้งบริษัท ลำบากแล้วยังหยิ่ง มันคงจะไปรอดหรอก” แผนยุทธเยาะ
“ลำบาก แต่ผู้คนสรรเสริญยกย่องในความดี ความถูกต้อง ดีกว่าสบาย มีบุญหล่นทับ เป็นหนูตกถังข้าวสาร แต่ทำเฉพาะเรื่องเลวๆ คนสาปแช่ง” กรรณาโต้
“รับไว้เถอะครับ อย่างน้อย พี่กรรณก็เกือบตายนะครับ เราเอาเงินมาซื้อขนมเลี้ยงน้องชายตาดำๆของพี่กรรณก็ได้” ก้องฟ้ายุ
แผนยุทธวางเช็คลง ยิ้มหยันๆ
“จบธุระแล้ว..ผมคงไม่มาที่นี่อีก” แผนยุทธเดินออกไป
“เมื่อไหร่ กรรมจะตามทันซะที ผู้ชายที่เป็นต้นเหตุให้ผู้หญิงฆ่ากันตาย แต่ตัวเองลอยนวล ไปทำความเดือดร้อนให้ผู้หญิงต่อไป ไม่สิ้นสุด” อรวรรณส่ายหน้า
แผนยุทธเดินออกนอกเขตรั้วบ้านซิกส์เซนส์ไป เนตรสิตางศุ์เห็นอะไรบางอย่างที่ด้านหลังแผนยุทธ ตกใจ กรี๊ด
“ว้าย”
ห้าสาวมีปฏิกิริยาตามเซ้นส์ของตัวเอง กรรณาอุดหู สุคนธรสปิดจมูก กรรัมภากับญาณินรับรู้ได้ด้วยสัญชาติญาณ แผนยุทธได้ยินเนตรสิตางศุ์หันมา เลิ่กลั่ก มองว่าเนตรสิตางศุ์เห็นอะไร
“เป็นอะไร มีอะไร”
“ไป...ไปให้หมดอีนังหน้าด้าน...อย่ามายุ่งกับผัวฉัน” ช่อเพชรตวาด
ห้าสาวผงะ มองหน้ากัน แผนยุทธตะโกน
“พวกคุณไม่ต้องมาทำท่าประหลาดๆ คิดจะหลอกให้ผมสติแตกใช่มั้ย ผมไม่บ้าจี้หรอกนะ”
“มีอะไรเหรอคะ” อรวรรณถาม
“คุณช่อเพชรยังอยู่” เนตรสิตางศุ์บอก

“หา..”
 
อ่านต่อหน้า 4

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 19 (ต่อ)

ก้องฟ้า กับวรวรรณตกใจ ทุกคนหันกลับไปมอง เห็นช่อเพชรขี่หลังแผนยุทธอยู่ไม่ยอมไปไหน โดยใช้มือลูบหัวแผนยุทธแสดงความเป็นเจ้าของสุดๆ

“ทำไมยังอยู่ล่ะครับ ศพก็เผาแล้ว ทำไมเขาไม่ไปเกิด”
“วิญญาณบางดวง เราเปิดทางให้เขาแล้ว แต่ถ้าจิตของเขาผูกพันยึดติดกับอะไรมากๆ จนไม่ยอมปล่อยตัวเอง เราก็ทำอะไรไม่ได้” ญาณินบอก
“นี่ไง ผลของการกระทำ ที่นายคนนี้ต้องได้รับ” กรรัมภายิ้มเยาะ
“คือ...ผีช่อเพชรจะอยู่กับแผนยุทธตลอดไป จะไม่มีผู้หญิงที่ไหนเข้าใกล้เขาได้อีก” ญาณินบอกอย่างมั่นใจ
ทุกคนสยอง หยุดมองแผนยุทธ
“จะทำดี ทำชั่วแค่ไหน จะหลบหนี ปกปิดยังไงก็ตาม สิ่งเดียวที่คนเราไม่อาจจะหลบพ้นก็คือกรรม”กรรณาพูดปลงๆ
“ทั้งกรรมดี กรรมชั่วที่คุณได้ก่อขึ้น” เนตรสิตางศุ์ว่า
“เข้าทำนอง วัวของใคร ย่อมเข้าคอกของคนนั้น” สุคนธรสสรุป
แผนยุทธเดินกลับไป โดยไม่รู้ตัวว่ามีผีช่อเพชรขี่หลังอยู่

สถานบำบัดผู้มีอาการทางจิต...พงอินทร์เดินตามเจ้าหน้าที่พยาบาลเข้ามา ตามทางเดิน จนถึงปลายทาง น้ำหนึ่งอยู่ที่ศาลาในสวน กำลังวาดรูปในกระดาษ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ภาพที่วาดคือตัวเธอและช่อเพชรที่อยู่ในบ้านแสนอบอุ่น มีบุรุษพยาบาล 2-3 คนคอยสังเกตการณ์ห่างๆ
พงอินทร์มองน้ำหนึ่งอย่างห่วงใย
“คงต้องให้เวลาคุณน้ำหนึ่งอีกสักระยะใหญ่ๆ กว่าจะกลับไปใช้ชีวิตในสังคมปกติได้”
เจ้าหน้าที่เดินแยกไปดูแลคนไข้อื่นๆ เปิดทางให้
พงอินทร์เข้าไปนั่งข้างๆ
“หนึ่ง..โจ้มาเยี่ยมจ้ะ”
“โจ้” น้ำหนึ่งรีบซ่อนรูป
“ให้ผมดูหน่อยไม่ได้เหรอ”
น้ำหนึ่งลังเล ค่อยๆยื่นออกมาให้ดู
“หนึ่ง..กับพี่เพชร เราอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังเก่าของเรา ตลอดไป”
“หนึ่ง พี่เพชรของหนึ่ง..เขา..จากไปตั้งนานแล้วนะ” พงอินทร์สบตาประเมินว่าน้ำหนึ่งรับความจริงได้ไหม
น้ำหนึ่งยิ้มอ่อนโยน เข้าใจและยอมรับความจริงได้
“หนึ่งรู้ว่าพี่เพชรตายไปแล้ว หนึ่งก็แค่คิดถึง หนึ่งอยากมีชีวิตที่สงบสุขกับพี่สาวของหนึ่ง โจ้รู้ไหม พี่เพชรเขายังไม่ได้ไปผุดไปเกิดหรอก พี่เพชรรักหนึ่งมาก พี่เพชรคอยปลอบใจ อยู่เป็นเพื่อน ไม่เคยทอดทิ้งหนึ่งไปไหน”
“ผมเข้าใจ ผมก็มีพี่สาว ที่เป็นนางฟ้า แต่ยังอยู่คอยปกป้องผมตลอดๆเหมือนกัน”
น้ำหนึ่งมีสีหน้าสลด รู้สึกผิด ที่เป็นคนฆ่าพิมอร
“เขาขอโทษนะ..ตัวเอง..”
“หนึ่ง... ผมอโหสิให้หนึ่งนะ พี่พิมอรก็เหมือนกัน”
น้ำหนึ่งอึ้ง ซึ้งใจ น้ำตาไหล
“คุณพิมอร หนึ่งไม่น่าเลย ตอนนั้นหนึ่งไม่ตั้งใจ หนึ่งควบคุมตัวเองไม่ได้”
“พี่พิมไม่ใช่คนอาฆาตพยาบาทใคร..” พงอินทร์จับมือน้ำหนึ่งมา ตบเบาๆ
“เรื่องร้ายๆที่ผ่านมา ลืมมันนะ ทิ้งมันไป แล้วเริ่มต้นใหม่ เพื่อนคนนี้รอหนึ่งอยู่นะ”
“เพื่อน...”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมยินดีเป็นเพื่อนกับหนึ่ง เพราะฉะนั้น หนึ่งต้องรีบรักษาตัวเอง ออกจากที่นี่เมื่อไหร่ ผมจะเป็นคนมารับหนึ่งเอง”
“ขอบคุณนะโจ้ ขอบคุณ”
“หนึ่งเลิกโกรธ เลิกโทษตัวเอง ปล่อยวางซะ จบที่เราต้องให้อภัยตัวเราเอง พอเราอภัยตัวเองได้ปั๊บ เราจะอภัยคนอื่นได้หมด แล้วหนึ่งก็จะมีสันติในตัวเอง สันติกับผู้ตน และสันติ กับโลกทั้งโลก”
“โจ้..คุณกรรณสอนให้มาพูดใช่มั้ย”

พงอินทร์เหวอที่โดนจับได้

“ทำไมคิดงั้น ผมดูไม่ใช่คนจะพูดอะไรยังงี้ได้เหรอ”
 
น้ำหนึ่งจ้องเขม็ง ต้องยอมรับ
“ดูออกด้วยเหรอ”
พงอินทร์แก้เก้อ น้ำหนึ่งหัวเราะ บรรยากาศดีขึ้น
“โจ้...คุณกรรณรักโจ้มากนะ ดูแลเขาดีๆ อย่าทำให้คุณกรรณเสียใจ ไม่งั้น...หนึ่งไม่เข้าข้างโจ้แน่”
พงอินทร์หันกลับมา เขินๆ เกาๆต้นตอตัวเอง เสยผมไปมาน้ำหนึ่งขำ

พงอินทร์เดินกลับออกมาที่ด้านนอก กรรณารออยู่ที่รถ
“คุณหนึ่งเป็นไงบ้าง” กรรณากังวล
“ก็โอเค ดีขึ้น แต่คงต้องใช้เวลารักษาอีกนาน เธอรอนานมั้ย เดี๋ยวฉันพาไปกินอะไรที่เธอชอบกิน”พงอินทร์เดินไปเปิดประตูรถให้ แล้วเชิญ
กรรณางงมาก
“หือ...เข้าไปแป๊บเดียว เพี้ยนเลยเหรอ”
“ทำไม ไม่ชอบให้ทำดีด้วยเหรอ”
“ก็...”
พงอินทร์ดักคอ
“ชอบ แต่ต้องเยอะตามระเบียบ”
“ห๊ะ”
“ผู้หญิงก็เงี้ย กวนก็ด่า ดีก็ระแวง เยอะแยะ ฉันถึงชอบเข้าป่าถ่ายรูปทำสารคดีสัตว์ไง ไม่ต้องมาคอยเดาใจเดาอารมณ์ใครให้ปวดหัว”
“นายเอาฉันไปเปรียบกับสัตว์ในป่าเลยเหรอ”
“ไม่เอาๆ อย่าชวนทะเลาะสิ ฉันรับปากคุณหนึ่งแล้วจะทำดีกับเธอ คุณหนึ่งขอให้ฉันดูแลเธอให้ดีๆเพราะว่าเธอ...”
“เพราะฉันทำไม”
“เพราะว่าเธอ..รักฉัน”
“หือ”
“ฉันต้องตอบแทน ดูแลความรักความรู้สึกดีๆที่เธอให้มา จะไม่ทำให้เสียใจผิดหวัง เพราะว่าฉันก็รักเธอเหมือนกัน”
“ห๊า”
พงอินทร์จ้องหน้า
“เฮ้ยๆ หน้าแดงเว้ยเฮ้ย นี่แสดงว่าเธอรักฉันจริงๆดิ เฮ้ยๆ ไม่ต้องปฏิเสธเลย คำพูดอาจหลอกได้ แต่อาการที่แสดงออกมา มันหลอกกันไม่ได้ “
“อีตาบ้า พูดดีๆให้มันตลอดไม่ได้หรือไง ฉันจะไม่รักนายก็เพราะปากนายนี่แหละ”
ระหว่างนั้น ที่ด้านหนึ่ง พิมอรยืนอยู่อมยิ้มที่เห็นพงอินทร์กับกรรณากิ๊กกิ๊กกัน
“พี่เห็นเธอมีความสุขอย่างนี้ พี่ก็หมดห่วง”
กรรณาชะงัก เพราะได้ยินคำพูดของพิมอร
“พิมอร..”
พงอินทร์ชะงัก มองหาพี่พิม มองไปตามทิศที่กรรณาได้ยิน
“ที่ผ่านมาฉันเป็นห่วงน้องชายฉันมาตลอด แต่ตอนนี้ ฉันหมดห่วงแล้ว”
“หมายความว่า ที่ผ่านมาพี่พิมไม่ได้อาฆาตด็อกเตอร์แผนยุทธหรือคุณน้ำหนึ่งเลย แต่ที่พี่พิมยังอยู่ก็เพื่อตามคุ้มครองนายโจ้” กรรณาถาม
“ตั้งแต่พ่อกับแม่ตายไป พี่พิมดูแลผมเหมือนเป็นแม่อีกคน พี่พิมเสียไปแล้วก็ยังคงห่วงผมอีก พี่พิมห่วงผมมาตลอด”
“เธอเป็นน้องคนเดียวของพี่นี่”
กรรณาหันมาเห็นพงอินทร์น้ำตาซึม
“เอ้า จะร้องทำไม อย่าร้อง”
“ก็คนมันซึ้ง”
“ฉัน..ไม่อยากร้องด้วย เข้าใจมั้ย”
พิมอรยิ้มกับความเป็นคู่กัดของคู่นี้
“ฝากน้องชายของฉันด้วยนะกรรณา ฉันรู้ว่าเธอจะดูแลและกำราบคนกวนประสาทอย่างนายพงอินทร์ได้”
“พี่พิม...พี่เหนื่อยมามากแล้ว จากนี้ไปขอให้พี่พักอย่างสงบนะครับ ไม่ต้องห่วงผม ยัยกรรณาแว่วเสียงผี จะดูแลผมเอง”

พิมอรยิ้ม เปี่ยมไปด้วยความสุข แล้วจึงค่อยๆจางหายไป

พิมอรยิ้ม เปี่ยมไปด้วยความสุข แล้วจึงค่อยๆจางหายไป

“พี่รักเธอนะโจ้”
พงอินทร์กอดกรรณา อิ่มใจ พงอินทร์เสมือนรับรู้ความรู้สึกสุดท้ายของพิมอรได้ พูดออกมา
“ผมก็รักพี่พิมครับ”
พงอินทร์นิ่ง น้ำตาไหล กรรณาพลอยร้องไห้ไปด้วย มองพงอินทร์ เข้าใจ พงอินทร์เข้ามากอดกรรณา หวังความอบอุ่น กรรณากอดตอบ ลูบผมพงอินทร์เบาๆ

สุคนธรสจ้องหน้าขับไล่ไตรรัตน์อยู่หน้าบริษัท
“ผมมาหาเพื่อนผม” ไตรรัตน์พูดหน้าตาเฉย
“ที่นี่มีแต่เพื่อนฉัน เพื่อนนายไม่มี ถึงมีก็ไม่ต้องมา เพราะนี่บริษัทฉัน คนนอกห้ามเข้า”
“เอ้า เข้ามาแล้วอ่ะ ทำไงดี”
กรรัมภาเข้ามาขวาง
“นี่ๆ เลิกทะเลาะกันซะทีได้มั้ย พูดตรงๆกันเถอะคุณไตวาย คุณตั้งใจจะมาง้อ ก็อย่าเยอะ ยัยรส แกก็อยากให้เขาง้อตัวสั่น ก็อย่าเยอะ”
“ฉันไม่ได้อยากให้ง้อ”
“ผมก็ไม่ได้มาง้อ ใครจะง้อ”
สุคนธรสกับไตรรัตน์เถียงกันอีก กรรัมภาเซ็ง ยอมแพ้ เดินหนี ไปเปิดทีวี ญาณินกับติณห์ยืนมองคู่นี้อยู่ หวั่นวิตกถึงอนาคตคู่ตัวเอง
“อนาคตเราจะเป็นเหมือนสองคนนี้มั้ย”
“ถ้าคุณไม่ทำตัวงี่เง่า ก็ไม่ต้องกลัวหรอก”
“แล้วถ้าคุณงี่เง่าล่ะ”
ญาณินหันมาจ้อง
“เริ่มงี่เง่าแระ”
ญาณินเดินหนี ติณห์งง
“อ้าว ไรวะ”
เนตรสิตางศุ์นั่งอ่านข่าวอยู่ รีบเรียกกรรัมภา
“ยัยแก้มๆ มาดูข่าวนี้”
กรรัมภากำลังจะเข้าไปหาเนตรสิตางศุ์ แต่ข่าวในทีวีดังมาก่อนพอดี
“บ่ายวันนี้ นักแสดงเกาหลีชื่อดัง ปาร์คจุนจี จะแถลงข่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ลับๆของ เขากับแฟนคลับสาวไทยคนหนึ่ง เราจะได้รู้กันว่ามีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า แต่หวังว่าจะไม่มีนะคะ ไม่งั้นสาวๆอกหักกันครึ่งประเทศแน่” นักข่าวพูด
“จุนจีจะแถลงข่าววันนี้”
กรรัมภาตกใจเสียงดังมาก จนทุกคนหยุดชะงัก มองมา

บริเวณห้องแถลงข่าว มีการจัดโต๊ะรอแถลงเรียบร้อย พวกนักข่าวมารอกันเต็ม มีทั้งสำนักข่าวไทย และเกาหลี นอกวงออกไปมีพวกแฟนคลับมาถือป้ายเชียร์อยู่ด้วย บางคนเอารูปแก้มมาทำล้อ เลียน เขียนหัวกะโหลกไขว้ มีการ์ดคอยดูแลเพียบ นักข่าวทีวีบางคนกำลังรายงานสดหน้ากล้อง
กรรัมภาที่สวมวิกผม สวนแว่นกันแดด ติดไฝปลอม เธอต้องปลอมตัวมาให้แนบเนียน เพื่อไม่ให้นักข่าวหรือแฟนคลับจับได้ เข้ามาพร้อมกับสุคนธรส ที่ปลอมตัวด้วยเช่นกัน
”ถ้านักข่าวหรือพวกติ่งเห็นหน้าฉัน แกว่าอะไรจะเกิดขึ้น ส่วนแกถ้าใครจำได้ว่าเป็น เพื่อนฉัน พวกแกไม่รอดเหมือนกัน”
สุคนธรสกลัวซวยไปด้วย รีบแต่งตัว ปลอมตัวมากยิ่งขึ้น ไตรรัตน์ตามเข้ามาอีกคน แต่งสูท หรูโก้
”ความจริง ให้ผมมาด้วยคนเดียวก็เพียงพอ แค่พี่ชายใหญ่คนเดียวก็สามารถดูแลน้องหญิง แก้มได้แล้ว”
“พี่ชายใหญ่“
“อ้าว ดูไม่ออกเหรอ ผมปลอมตัวเป็นคุณชายธราธร เนียนใช่มั้ยล่ะ “
“คุณชาย..หน้ายังงี้..ช่างกล้า”

ทันใด พวกนักข่าวฮือฮาๆ ตัวแทนจากไทยและเกาหลีเดินนำจุนจี ลีจองกุ๊กออกมานั่งโต๊ะ เรียงพร้อมแถลงข่าว นักข่าวถ่ายรูปพรึ่บพรั่บ

กรรัมภาแทรกตัวเองเข้าไป เบียดเสียดกลุ่มแฟนคลับเข้าไปให้ได้อยู่หน้าสุด พอโผล่มาถึงแถวหน้า ปรากฏว่าคนข้างๆคือเป้ย กรรัมภาอึ้งๆ จะหันไปอีกด้านก็ผงะอีก เพราะคือซองซู
 
เป้ยหันมามองเหล่ๆ ส่งเสียงจิ๊จ๊ะ ประมาณว่ารำคาญที่มาเบียด กรรัมภาหลบๆหน้า กลัวโดนจับได้
“ที่เราเชิญพี่ๆนักข่าวมาวันนี้ ก็เพื่อแถลงประเด็นที่ทุกคนข้องใจอยากทราบความจริง เรื่องจุนจีกับแฟนคลับสาวไทยคนนั้น..เรื่องมันมีว่า..” ลีจองกุ๊กพูด
เป้ยตะโกนแทรกมา
“ให้จุนจีพูดเองได้มั้ยคะ”
“อ้อ ครับ จริงด้วย เชิญจุนจีครับ”
“เรื่องของผมกับแฟนคลับไทยที่เป็นข่าว ที่มีรูปว่อนกระจายทั่วอินเตอร์เนท ผม ขอยืนยันว่าผมกับผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่แฟน เขาไม่มีความสำคัญพิเศษใดๆกับผม เป็นเพียงแค่แฟนคลับคนนึงที่คลั่งไคล้ผมมาก ก็เท่านั้น”
พวกแฟนคลับกรี๊ด เฮ ดีใจ กรรัมภาอึ้งไป สุคนธรสกับเนตรสิตางศุ์เป็นห่วงเพื่อน
“เย้ๆ” ไตรรัตน์ตะโกน
สุคนธรสหันมาจ้อง
“เล่นให้แนบเนียน เดี๋ยวคนสงสัย”
“แล้วยังงี้จะให้คำตอบเรื่องภาพหลุดที่ว่อนทั่วเนตยังไงครับ อย่าบอกนะครับว่าเป็น ภาพตัดต่อ”ซองซูถาม
“ใช่เลยครับ เป็นการตัดต่อภาพนะครับ สมัยนี้ตัดต่อภาพง่ายจะตาย ดารานิสัยดีๆ หลายคนก็ถูกเอาภาพไปตัดต่อว่าเสพยาก็มีเยอะแยะ จริงมั้ยครับ” ลีจองกุ๊กตอบ
“ใครมันจะไปตัดต่อได้เนียนเหมือนจริงขนาดนั้น”
“ก็อาจจะเป็นฝีมือของคนที่ไม่หวังดี อยากทำลายผม เพราะตัวเขาเองได้ผลประโยชน์” จุนจีพูด
“แต่เป้ย..เอ่อ แต่มีคนเห็นว่าจุนจีกับผู้หญิงคนนั้น..รู้จักกันเป็นการส่วนตัว..จริงๆ ไม่ใช่เหรอคะ”
“ผมยืนยันคำตอบ..ผมยังโสด ไม่มีแฟน ไม่มีใครในหัวใจ ผู้หญิงคนนั้นไม่มีค่าอะไรกับผม คนที่ผมรักคือแฟนคลับเท่านั้นครับ”
พวกแฟนคลับกรี๊ดอีก เป้ยกับซองซูขัดใจๆ กรรัมภาอึ้ง ยืนแข็งค้างไป

จุนจีเดินพุ่งมาตามทางเดินด้วยอารมณ์ฉุน หงุดหงิด ลีจองกุ๊กจ้ำตาม
“จุนจี เดี๋ยวๆ”
ในห้องรับรอง จุนจีเปิดประตูผลั๊วะ เข้าไปในห้อง เดินเขานั่งลงอย่างหัวเสีย ไม่ชอบใจที่ต้องบอกสื่อไปอย่างนั้น
“อย่าโมโหสิ มันไม่มีทางอื่นแล้ว”
ตัวแทนเดินตามเข้ามา โวยวายต่อว่าทันที
“นี่จะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของนาย ถ้ายังไม่หยุดสร้างเรื่องเสียหายให้กับตัวเองและบริษัท นายหมดอนาคตแน่” ตัวแทนชี้จองกุ๊ก “และนาย ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทุกอย่าง”
ลีจองกุ๊กตะลึงจ้องตาค้าง
“หา..”
“ผิดแล้วยังมองหน้าอีกเหรอ”
ตัวแทนฉุน เข้าไปทุบตี
“ผู้จัดการเฮงซวย บริษัทจ้างแกตั้งแพงให้ดูแลศิลปินแค่คนเดียว ยังไม่มีปัญญาทำได้ ไอ้กระจอก”
ลีจองกุ๊กปัดป้องกันตัว
“ผมจะไม่ให้พลาดอีกแล้วครับ”
ตัวแทนผละออกมาจัดสูทสงบสติ
“นายต้องเลิกติดต่อกับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงทุกคน นายต้องห้ามมีแฟนเป็นตัวเป็นตน อย่าให้ฉันรู้ว่านายฝ่าฝืนคำสั่ง รับรองได้ว่าบริษัทของเราจะไม่มีศิลปินชื่อปาร์คจุนจีอีกต่อไป เข้าใจมั้ย”
ตัวแทนอารมณ์โมโหพลุ่งพล่านเดินออกไป ลีจองกุ๊กต้องรีบหาที่หลบ กลัวจะโดนอีกสักป้าบสองป้าบ พอตัวแทนออกไปแล้วจึงค่อยโงหัวออกมา แต่ก็พบว่าจุนจีเดินมายืนตรงหน้า ยื่นมือมา
“ขอโทรศัพท์หน่อย”
“จะโทรหาใคร”
“เอามา” จุนจีไม่อยากบอก
ลีจองกุ๊กพอจะเดาได้ว่าใคร
“จะโทรหา..”
ลีจองกุ๊กชี้แก้มตัวเองด้วยสองมือ
“ใช่มั้ย”
“ฉันต้องบอกให้คุณแก้มเข้าใจ ว่าทำไมถึงแถลงข่าวไปอย่างนั้น เขาจะได้ไม่เข้าใจผิด”
“จุนจี ไม่ได้ยินที่ตัวแทนบริษัทพูดเหรอ จุนจีต้องเลิกคบคุณแก้ม ไม่งั้น ทุกอย่างจบ”

“ถ้าไม่ให้ฉันจะไปหาคุณแก้มเอง” จุนจีแกล้งลุกจะไป
 
อ่านต่อตอนที่ 20
กำลังโหลดความคิดเห็น