xs
xsm
sm
md
lg

เรือนกาหลง ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เรือนกาหลง ตอนที่ 3

ไม้จูงมือพุดจีบมาที่มุมสวนดอกไม้ที่เรือนแม่บุญอิ่ม

“พุดจีบชอบไหม”
พุดจีบแปลกใจ หันไปมองตามสายตาไม้ เห็นแปลงดอกมะลิถูกปลูกเรียงรายออกดอกสวยงาม
“ดอกมะลิ”
“พุดจีบชอบไม้หอม พี่เลยปลูกมะลิไว้ให้เผื่อทำน้ำอบน้ำปรุงร้อยมาลัย ถวายพระ พุดจีบอยากชื่นชมดอกไม้อะไร วานบอกพี่ สารภีไหม พุดจีบจะได้เอาไปทำแป้งร่ำสารภี พี่อยากช่วยทำงานตอบแทนน้ำใจพุดจีบ”
“ฉันช่วยพี่ด้วยใจ หาใช่หวังผลตอบแทนไม่”
“น้ำใจพุดจีบประเสริฐแท้ ดั่งนางฟ้านางสวรรค์ชะรอยมาจุติ”
ไม้นั่งคุกเข่าต่อหน้าพุดจีบ จับมือพุดจีบไว้
“ไอ้ไม้ขอเป็นทาสรับใช้แม่พุดจีบ ขอเพียงแม่สั่งมา”
พุดจีบมองหน้าไม้พูดไม่ออก กาหลงเดินเข้ามาเห็นภาพไม้จับมือพุดจีบหยุดมองอยู่ห่างๆ

สัปเหร่อขาวเร่ขายผ้ายันต์
“เร่เข้ามายันต์กันผี กันได้สารพัดทุกตัวตน”
ชาวบ้านแย่งกันเอายันต์กันผีไปบูชา เฟื้องทนไม่ไหวเข้าไปบอกชาวบ้าน
“เลิกงมงายได้แล้ว”
สัปเหร่อขาวไม่พอใจ
“ไอ้เฟื้อง”
“เอ็งสร้างเรื่องหลอกลวงชาวบ้าน วานตอบข้ามาให้หายข้องใจ เหตุใดผีจึงสำแดงเดชในเวลาตะวันโด่”
ยายมาและตาสรเริ่มคิดตามเฟื้อง ชาวบ้านก็เริ่มคิดตาม
“จริงสิผีมันต้องมาตะวันลับ” ยายมาพึมพำ
ตาสรคิดๆ
“ยิ่งเดือนดับยิ่งน่าหวาดผวา”
สัปเหร่อขาวและจันมองหน้ากัน แก้ตัวไม่ทันรีบหาทางหนีออกไป
“รำคาญพวกมารผจญ นังจันเก็บของกลับเรือนปล่อยให้พวกอวดดีมีภูมิโดนผีหักคอให้ตายโหง”
สัปเหร่อขาวพูดสะบัดใส่หน้าเฟื้องแล้วเดินหนีออกไปพร้อมกับจัน จอกลุกขึ้นหน้าระนาด ตะโกนถามสัปเหร่อขาว
“ไม่เล่นแล้วรึ”

ในสวนดอกไม้เรือนแม่บุญอิ่ม กาหลงยืนมองไม้นั่งคุกเข่าจับมือพุดจีบ
“ความมันก็ไม่มีอะไรนักหรอกพุดจีบเอ๋ย แค่วานบอกอยากได้สิ่งใด พี่จะยอมทำให้หาได้ขัด แม้เพียงใจไอ้ไม้ก็ยอมพลี”
พุดจีบมองไม้ เขินอายที่ไม้พูดอย่างนั้นเพราะพุดจีบหลงรักไม้
“มิได้ซิ...ใจดวงนี้พี่มอบให้กาหลงได้เพียงนางเดียว”
กาหลงได้ฟังความก็ปลื้มใจ ในความรักและซื่อสัตย์ของไม้
“พี่มีแรงกายพร้อมถวายหัวให้พุดจีบจ้ะ”
พุดจีบรู้สึกผิดหวังที่ไม้ไม่มีใจให้เธอเลย กาหลงเดินตรงมาหา พุดจีบและไม้หันไป
“กาหลง”
กาหลงตรงเข้ามาแล้วนั่งคุกเข่าข้างไม้
“ฉันกับพี่ไม้เป็นหนี้ชีวิต แม้นพุดจีบต้องการสิ่งใดขอให้บอกฉัน ฉันพร้อมจะยอมมอบให้หมดหัวใจ”
กาหลงจับมือให้คำสัญญา พุดจีบคุกเข่าลงต่อหน้ากาหลงและไม้
“แต่พอการเถอะ ความเป็นเพื่อนมิอาจแทนด้วยทรัพย์หรือหนี้ชีวิต ฉันขอให้เรารักกันเหมือนวันวารไม่มากข้อนักหรอก”
พุดจีบยิ้มให้ ไม้และกาหลงยิ้มดีใจ และซึ้งใจในมิตรภาพของพุดจีบ
“อย่ามัวพร่ำจำนรรจาอยู่เลย พี่ไม้กับกาหลงจะปลูกเรือนที่แปลงใด”
พุดจีบถามเรื่องที่ดินที่จะปลูกเรือน กาหลงและไม้มีสีหน้ากังวลเล็กน้อยแต่ไม่อยากให้พุดจีบเป็นกังวล
“มิต้องกังวลใจ ฉันกับพี่ไม้หาแปลงปลูกเรือนได้แล้วจ้ะ”
พุดจีบยิ้มรับ คลายความกังวลใจ แต่ไม้แปลกใจที่จะปลูกเรือนที่ไหน

สัปเหร่อขาวรีบเร่งเดินหนี จันถามด้วยความสงสัย
“ชาวบ้านมันกลัวผีอยากได้ผ้ายันต์ พี่น่าจะขายให้หมดกระจาด”
“เอ็งจะอยู่ให้ไอ้เฟื้องมันดักคอรึ ชาวบ้านเริ่มคลางแคลงใจ ประเดี๋ยวก็รู้ว่าข้าแสร้งหลอกผีขายของ”
สัปเหร่อขาวและจันจะเร่งเดินหนีออกไป เฟื้องและโขงเข้ามาดักทางไว้ สัปเหร่อขาวและจันจะหนีไปอีกทาง เจอจอกแบกระนาดเข้ามาขวาง
“สัปเหร่อจะเร่งไปไหน เงินค่าจ้างตีระนาดก็ยังไม่จ่ายข้า”
เฟื้องเข้ามาเย้ย
“ข้าพูดแทงใจดำถึงกับหอบของหนีเทียวรึ ไอ้สัปเหร่อตาขาว”
“ข้าไม่ได้หนี ข้าหลบมาคุยกับเอ็งให้ไกลหูไกลตาชาวบ้าน ไม่อยากให้ชาวบ้านกลัวผี”
“บ๊ะศรีธนชัยที่ว่าร้ายก็มิได้ครึ่งของเอ็ง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครเห็นผียามตะวันโด่”
สัปเหร่อขาวสวนกลับ
“ไม่เคยเห็นก็ใช่ว่า ไม่มีผีมันอยู่รอบๆตัว”
จอกนั่งลงตีระนาดเร่งทำนองให้ตื่นเต้นน่ากลัว สัปเหร่อขาวเดินวนรอบทุกคนใช้สุ้มเสียงน่ากลัวน่าเกรงขาม
“ผีมันอยู่ทุกที่ วิญญาณมันล่องลอยอยู่ทุกแห่งหน ไม่ว่าจะตรงนั้น ตรงนี้ ตรงโน้น”
ชาวบ้านฟังด้วยความหวาดกลัว
“พวกเอ็งจะเห็นผีเป็นตัวตน ก็คราที่จิตพวกเอ็งอ่อนใน ขณะดวงจิตผีมันแข็งเนื่องจากพลังแห่งความแค้นพลังอาฆาต แม้แต่พลังแห่งรักเหมือนอย่างไอ้ไม้กับกาหลง”
สัปเหร่อขาวชี้ไปที่มุมหนึ่งของตลาด ไม้และกาหลงเดินเข้ามาในตลาด ทุกคนเพ่งมองไป ไม้และกาหลงมองมาแปลกใจ แม่ค้าขนถ้วยชามทำถ้วยชามตกแตก สัปเหร่อขาวเดินตรงไปหาไม้และกาหลงพวกเฟื้องฟังด้วยความสนใจ
“ด้วยแรงรัก ใจเด็ดเดี่ยว ดวงจิตแข็ง แม้ตายไปจะสามารถปรากฎกายอยู่ได้ ข้ามวันข้ามคืน...นังกาหลง”
สัปเหร่อขาวชี้หน้ากาหลงหัวเราะเสียงดังน่ากลัว กาหลงรู้สึกตกใจกลัวเดินหนีออกไป ไม้เป็นห่วงรีบตามไป
“กาหลง”
สัปเหร่อขาวยืนหัวเราะท่าทีน่ากลัว เฟื้องเดินเข้ามาคว้ามะเขือยาวที่แผงยัดใส่ปากสัปเหร่อขาว
“เอ็งมันดีแต่สร้างเรื่องให้หวาดกลัว หวังขายของหากินกับผี ไอ้สัปเหร่อตาขาว”
จอกตีระนาดรับส่ง โขงตวาดใส่
“พอเถอะยังมีน้ำหน้าตีระนาดอีก ไปกลับวัด”
จอกหันซ้ายหันขวากลัวผีแบกระนาดวิ่งตามโขงและเฟื้องไป สัปเหร่อขาวสำลักมะเขือ จันดึงมะเขือออกจากปากให้
“คอยดูนะไอ้เฟื้อง พ่อจะปลุกผีให้หักคอ”
จันเริ่มกลัว
“พี่ผีโผล่มายามตะวันโด่ได้รึ”
“ข้าพูดสาปส่ง กุเรื่องให้ไอ้เฟื้องมันเลิกรังควาญ”
“โล่งอก กลางคืนก็น่ากลัวเอาการ หากมีผีกลางวัน ฉันมีหวังลมจับ”

ไม้วิ่งร้องเรียกหากาหลงมาที่บึงบัว
“กาหลง กาหลง”
ไม้มองไปที่มุมหนึ่งที่ริมบึงบัวเห็นกาหลงยืนหันหลังอยู่ เขาเดินตรงเข้าไปหวังปลอบใจ
“กาหลงอย่าถือสาเอาความพ่อขาวเลย”
กาหลงหันหน้ามา ไม้อุทานตกใจ
“กาหลง”
กาหลงปลิ้นเปลือกตาแสร้งเป็นผี ยื่นมือทำเสียงยานเข้าหา
“ฉันไม่ถือโทษโกรธพ่อขาวดอก พ่อขาวพูดความจริงฉันเป็นผี”
ไม้ยิ้มให้กาหลงแล้วเดินตรงมาหา
“พี่ไม่กลัวฉันรึ”
“ต่อให้เป็นผีพี่ก็จะรัก”
“คนกับผีจะร่วมครองเรือนกันได้อย่างไร”
“ด้วยความรักที่พี่มีต่อกาหลง ดวงใจจะร้อยเกี่ยวกันไว้ ไม่มีวันพรากจากกัน”
ไม้ตรงเข้ามาหาจะจูบ
“พี่จะจูบแล้วนะ”
“เดี๋ยวก่อน”
กาหลงเอามือกันไว้
“ทำไมล่ะ ใช่ว่าใจพี่รักกาหลงน้อยไปกว่าปากเสียเมื่อไหร่”
“หน้าตาฉันอัปลักษณ์ พี่กล้าจูบรึ”
กาหลงรีบหันหน้าหนีเอาเปลือกตาลงแล้วหันกลับมาทำหน้าสวยยิ้มให้
“ฉันงามแล้ว”
“ตัวกับกายใช่สำคัญ ใจกาหลงนั้นงามยิ่งกว่าสิ่งใด”
ไม้ก้มลงจูบที่เหนือหน้าอกด้านซ้ายของกาหลงด้วยความรัก ไม้จะเข้ามาจูบอีก กาหลงเขินอายวิ่งหนีไป ไม้วิ่งไล่ กาหลงลงน้ำในบึงบัวว่ายหนี ไม้ว่ายน้ำตามท่ามกลางบัวแสนสวย...อบเชยเดินเข้ามาที่มุมหนึ่งของบึงบัวขยำดอกบัวเละคามือ
“พวกเอ็งเห็นอย่างที่ข้าเห็นไหม”
“เมื่อตะกี๊นี้เห็นเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ไม่เห็นแล้วเจ้าค่ะ” เผื่อนตอบซื่อๆ
ไม้และกาหลงดำน้ำลงไปใต้น้ำ งามจะกระโดดลงไปในบึง อบเชยดึงไว้
“นังงาม เอ็งจะทำอะไร”
“อยากเห็นให้เต็มตาเจ้าค่ะ”
อบเชยด่างามทันที
“สาระแน” อบเชยมองไปยังบึงบัวแววตาแค้น “ข้าอยากฆ่ามันนัก”
“ไม่ยากเจ้าค่ะ เอาน้ำมันมาราดจุดไฟเผาให้มันตายเสีย” งามแนะ
“เผาแกสินังงาม ขืนทำอย่างนั้นพี่ไม้ของข้าก็วายวอดไปด้วย”
ไม้และกาหลงผุดจากน้ำว่ายน้ำหยอกเอินกัน เผื่อนบุ้ยหน้าให้อบเชยดู
“ดูสิเจ้าคะ หยอกเย้ากระเซ้าช่างน่าอิจฉา”
“หลังจากปลูกเรือน คงออดอ้อนออเซาะทั้งวันคืน” งามเสริม
อบเชยยิ่งฟังยิ่งโกรธ จับหัวเผื่อนและงามชนกัน
“หยุดพล่ามได้แล้ว เหม็นน้ำลาย” อบเชยมองไม้และกาหลง “ข้าจะขัดขวางทุกทาง อย่าหมายว่าจะปลูกเรือนได้”
อบเชยคิดทำลายแผนการสร้างเรือนของไม้

เย็นนั้น ไม้พายเรือมาในคลองใกล้ที่ดินของเขา กาหลงนั่งอยู่หัวเรือมองไปข้างหน้า
“กาหลงยังไม่ได้บอกพี่เลย ว่าจะปลูกเรือนที่ใด”
กาหลงมองไปข้างหน้า
“ถึงที่หมายแล้วจ้ะ”
ไม้หันไปมองตามทางที่กาหลงบอก เขาแปลกใจและตื่นตระหนกเล็กน้อย...

ที่ดินว่างเปล่าริมคลองผืนนี้ เคยเป็นบ้านของพ่อแม่ไม้ ที่ถูกเผา ตอนนี้กลายเป็นที่รกร้าง กาหลงเดินตรงมายืนหยุดที่บริเวณที่ว่างเปล่า ไม้เดินเข้ามายืนข้างๆ
“เราจะปลูกเรือนกันที่นี่”
ไม้ยืนมองไปยังที่ดินด้านหน้า เขานึกถึงเรื่องราวในอดีต...ในวัยเด็กเขายืนมองบ้านที่ถูกไฟเผาแล้วตะโกนร้องไห้เสียใจ
“พ่อ...แม่”

กาหลงเห็นไม้ยืนนิ่งจึงเรียก
“พี่ไม้”
ไม้สะดุ้งหลังจากตกอยู่ในภวังค์คิดถึงอดีต
“ไม่ได้นะกาหลง พี่จะไม่ปลูกเรือนที่นี่ พ่อขาวเคยบอกอย่าปลูกเรือนทับที่คนตายมันอาถรรพ์”
“แล้วจะปลูกเรือนที่ใดกัน”
“พี่จะขอแบ่งแปลงนาพ่อเฟื้อง”
“กาลที่ผ่านมาเราทำให้ทุกคนต้องลำบากเพราะเรามาพอการแล้ว กาลนี้เราควรจะช่วยเหลือตัวเอง” กาหลงขัดขึ้น
“พี่ออกจะกลัวขึ้นมาทีเดียว พ่อแม่พี่ตายที่นี่มันเป็นลางไม่ดีเขาถือกัน”
“ไม่มีอะไรนักหรอก มันก็แค่ความเชื่อยังไม่เคยเกิดเหตุใด”
ไม้ยังกังวลใจ กาหลงเข้ามาจับมือ
“ฉันกลับคิดว่าวิญญาณพ่อกับแม่พี่ จะปกป้องคุ้มครองให้เราอยู่ร่มเย็นเป็นสุข”
ไม้ฟังความเห็นของกาหลง คลายความกังวลใจ ยิ้มตอบ
“กาหลงว่าไงพี่ก็ว่าตามกัน”
กาหลงยิ้มดีใจที่ไม้ยอมปลูกเรือนที่นี่
“ฉันจะกังวลใจก็เพียงแต่เรื่องหาไม้มาปลูกเรือน”
“เรื่องนั้นพี่เตรียมการไว้แล้ว”

กาหลงแปลกใจว่า ไม้จะหาไม้มาสร้างเรือนด้วยวิธิใด

เวลาผ่านไป...จอกตีฆ้องร้องป่าวประกาศอยู่ที่ลานวัด
“เจ้าข้าเอ๊ยเจ้าข้าเอ๊ย”
“เร่เข้ามายี่เกคณะชาววัดมาร้องรำให้สำราญใจ” โขงตะโกนต่อ
“พบกับพระเอกหน้าหวาน นางเอกหน้าคม”
“เร่เข้ามาชมยี่เก”
จอกกับโขงตะโกนพร้อมกัน
“เจ้าข้าเอ๊ย”

พุดจีบตกใจ กับสิ่งที่กาหลงมาขอร้อง
“ให้ฉันไปเล่นยี่เก ฉันร้องรำกลอนยี่เกไม่เป็น”
“อย่ามาปดฉัน ฉันรู้ว่าพุดจีบไปหัดร้องรำกับพ่อขาวจนเชี่ยว”
กาหลงหันไปมองที่มุมหนึ่ง พุดจีบหันมองตาม นวลแอบมองยิ้มให้ พุดจีบจึงรู้ว่านวลแอบบอกกาหลง หันไปมองดุ นวลรีบหนีออกไป
“ช่วยฉันเถิดนะเพื่อนรักของฉัน”
กาหลงอ้อน พุดจีบคิดตัดสินใจ

ดนตรีบรรเลงเรียกคนดูออกแขก ยายมาจูงมือตาสรเข้ามานั่งหน้าลานวัดบรรดาชาวบ้านต่างกรูเข้ามานั่งดู ดนตรีบรรเลงเปิดวงให้เฟื้องมาเล่าเรื่อง
“ตามท้องเรื่อง ไกรทอง พ่อไกรทองคนงาม จะแหวกน้ำระเบิดถ้ำไปช่วยตะเภาแก้วไม่ให้เป็นการเสียเวลาสำราญใจบัดเดี๋ยวนี้”
ชาวบ้านปรบมือ นักดนตรีบรรเลงเปิดตัวไม้ซึ่งแต่งตัวเป็นไกรทอง ไม้เดินออกมาโค้งรับแล้วร้องแนะนำตัวเอง
“อันตัวข้าไกรทองเดชกำแหงจะแหวกน้ำม่านฟ้าธาราใส ระเบิดถ้ำกำแพงหินบรรลัย กระโจนไปช่วยตะเภาแก้วกัลยา”
ดนตรีบรรเลง ไม้เข้าไปในถ้ำ...คนตรีบรรเลงเปิดตัวตะเภาแก้ว กาหลงเล่นเป็นตะเภาแก้วร้องขึ้น
“โอ้พี่ไกรทองเดชสำแดง มิเสียงแรงคอยท่ามาแรมคืน ตะเภาแก้วบอบช้ำระกำกลืน โปรดพาน้องกลับคืนเรือนเถิดพ่อคนงาม”
ไม้วิ่งเข้าไปจับเนื้อต้องตัวกาหลง พูดบท
“น้องไม่ต้องกลัวเกรงเสียน้ำตา พี่ไกรทองจะพากัลยากลับเรือน”
ไม้โอบกอดกาหลงจะพาออกไป สัปเหร่อขาวแต่งตัวเป็นชาละวัน เข้ามาขวาง ร้องลิเก
“หยุดนะไกรทองผยองเดช ฤทธิ์เวทย์มนตราต้อยต่ำ บังอาจบุกถ้ำล้ำแดนเขตข้า ชาละวันจรเข้ใหญ่แสนโกธาจะรบราฆ่าฟันให้บรรลัย”
“ไม่ต้องมาชี้หน้าด่าข้า เอ็งบังอาจพาตะเภาแก้ว กักขังขืนใจไอ้ชั่วช้าสามานต์”
“เอ็งกล้าด่าว่าราชาแห่งจระเข้ เอ็งต้องตาย” สัปเหร่อขาวตะโกนเรียก “สมุนของข้า ชาละเดือนชาละปี”
จอกและโขงแต่งตัวเป็นสมุนของชาละวันโขงร่ายรำออกมา จอกคลานพื้นแลบลิ้นเหมือนตัวตะกวด
ยายมา ตาสรและชาวบ้านหัวเราะชอบใจ
“เอ็งเป็นจระเข้ใหญ่ หาใช่ตัวตะกวด” สัปเหร่อขาวด่าจอก
จอกรีบลุกขึ้นดีดตัวขึ้นมาทันที
“หยามหน้าลูกพี่ชาละวัน ข้าจะลากเอ็งไปกินเสีย”
ดนตรีบรรเลงทำนองเร้าใจ
“พี่ไกรทองระวังตัวด้วยนะจ้ะ”
“จ๋าจ้า”
ไม้หันไปหลิ่วตาให้กาหลง จอกและโขงไม่พอใจพุ่งเข้ามาต่อสู้ จอกและโขงถือหอกไม้เข้าไปต่อสู้ ไม้ใช้หอกต่อสู้ จอกและโขงยืนคนละด้าน ไม้ยืนอยู่ตรงกลาง สัปเหร่อขาวตะโกนบอก
“อย่าช้าไม่ทันการ ฆ่ามันให้แดดิ้น”
จอกและโขงวิ่งถือหอกพุ่งตรงเข้ามา ไม้ยืนตรงกลางหลบเพียงเล็กน้อยจอกและโขงจึงแทงหอกใส่กันเองตาย คนดูหัวเราะชอบใจ

ในบ่อนโชติ...แม่กลอยแทงไฮโล ได้เงินกำลังจะเก็บเงิน โชติมาคว่ำโต๊ะ แม่กลอยตกใจ
“พ่อโชติ”
“น้ายกกาหลงให้ศัตรูหมายลบหน้าข้า”
“ฟังฉันประเดี๋ยวพ่อโชติอย่าขุ่นเคืองใจ”
“น้าเป็นใจยอมให้มันปลูกเรือนหอ”
“ฉันพูดแก้ลำไปเทวดาหน้าไหนจะปลูกเรือนได้ทันการ ตัวไอ้ไม้เองก็ไม่มีแม้แต่ไม้กระดานทำโลงศพมันจะหาไม้จากที่ใด ปลูกเรือนได้เล่า”
โชติฟังความคิดของแม่กลอย ก็ค่อยคลายใจหันไปสั่งลูกน้อง
“ตั้งโต๊ะให้น้ากลอย”
แม่กลอยยิ้มพอใจ โชติเองก็มั่นใจว่าไม้ไม่สามารถปลูกเรือนได้

สัปเหร่อขาวตะโกนชี้หน้าไม้
“ไอ้ไกรทองเอ็งกำแหงหาญเกินไปแล้วไอ้พวกนี้มันแค่สวะ เอ็งต้องเจอข้า”
ดนตรีบรรเลงทำนองเร้าใจ ไม้และสัปเหร่อขาวต่างรำท่าต่อสู้ ด้วยความจริงจังแล้วทั้งสองฟันหอกใส่กันน่าหวาดเสียว กาหลงมองลุ้นด้วยใจระทึก ชาวบ้านมองดูการต่อสู้ ลุ้นหวาดเสียว สัปเหร่อขาวพลาดท่าล้มลง ไม้เข้าไปถือหอกหมายจะแทงชาละวันแล้วหยุดค้างนิ่งไว้ ชาวบ้านมองลุ้นแปลกใจ เฟื้องออกมาประกาศ
“เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไกรทองจะปราบชาละวันได้หรือไม่ ฤาชาละวันจะพลิกพันห้ำหั่นไกรทองปราชัยรอชมได้ใน คืนเดือนแรม”
ชาวบ้านร้องขึ้นพร้อมกัน
“เฮ่ย”
ตาสรโมโห
“อะไรวะ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม มาหยุดกลางคันมันน่าเพ่นกบาลนัก”
“พวกเอ็งหยุดเล่น หมายจะขอเงินตบเป็นรางวัลเอ้า” ยายมาควักเงินในถุง “ข้าให้หมดตัว”
ตาสรตะโกนขึ้น
“ใครอยากดู ควักเงินมา”
ชาวบ้านต่างควักเงินจะให้เป็นรางวัล กาหลงเข้าไปไหว้ขอบใจชาวบ้าน
“ฉันขอบน้ำใจพี่ป้าน้าอามากจ้ะ แต่พวกฉันไม่ต้องการเงินดอก”
“แล้วเอ็งต้องการสิ่งใด” ยายมาถามอย่างสงสัย
“ฉันอยากได้ไม้” ไม้ตอบออกมา
ทุกคนแปลกใจ
“ไม้”
ไม้ยิ้ม
“ใช่จ้ะ พวกฉันอยากได้ไม้เอาไปปลูกเรือนหอเป็นสินสอดขอกาหลงจ้ะ”
“วอนเมตตาช่วยอุปถัมภ์พวกฉันด้วยเถอะจ้ะ”

กาหลงไหว้ขอร้อง ชาวบ้านมองหน้ากันคิดตัดสินใจ

อบเชยเร่งเดิน เผื่อนและงามตามมา
“เร่งเถิดเจ้าค่ะ ไม้กับกาหลงเล่นยี่เก” เผื่อนเร่งเร้า
“พ่อไม้เล่นเป็นไกรทอง ต้องถอดเสื้อเปลื้องผ้าบ๊ะ” งามเคลิ้มๆ
อบเชยจิกตาใส่งาม
“อย่ามาทำน้ำลายสอใส่ผู้ชายของข้า ข้าจะไปขวางมิยอมให้มันหาไม้ปลูกเรือนได้”
ขณะเดียวกันนั้นมีเสียงดังที่บ้านของพัน อบเชยสงสัย
“พวกมันทำอะไรกัน”
ทุกคนหันไปดู พันกำลังงัดฝาบ้านออกเพื่อเอาไม้ เผื่อนหันมาบอก
“ปลูกเรือนเจ้าค่ะ”
“มิใช่กำลังงัดฝาเรือน” งามแย้ง
พันงัดฝาบ้านได้ อบเชยแปลกใจ
“พิกลงัดฝาบ้านเอาไม้ไปทำไรกัน”

ยายมาและตาสรวางไม้ลงที่ลานวัดชาวบ้านคนอื่นๆก็เอาไม้มาวางกองรวมกัน เฟื้องยิ้มพอใจหันไปมองวงดนตรีที่บรรเลง ไม้เล่นลิเกต่อ
“ไอ้ชาละวันใจทรามเอ็งต้องตาย ด้วยหอกสัตตะโลหะของข้า”
ไม้แทงหอกพุ่งเสียบ ชาละวันสิ้นใจตาย กาหลงดีใจวิ่งเข้าหาไม้
“พี่ไกรทอง”
“เจ้าปลอดภัยแล้วพี่จะพาเจ้ากลับเรือน”
ไม้ประคองโอบกอดกาหลง ดนตรีบรรเลงไม้โอบกอดพากาหลงเข้าเวที

อบเชย เผื่อน งาม เร่งไปยังวัดหยุดมองชาวบ้านที่กำลังงัดไม้จากคอกควายแล้วแบกไปที่วัด อบเชยมองด้วยความแปลกใจ
“เร่งไปวัด”

เฟื้องเล่าเรื่องราวบอกชาวบ้าน
“หลังไกรทองช่วยตะเภาแก้วได้ ก็พากลับมายังเรือน พบตะเภาทองน้องสาว”
ดนตรีบรรเลงเปิดตัวพุดจีบออกมารำร้องลิเก
“แสนปิติได้พบพานพี่สาวกัลยาเป็นห่วงทุกครา เมื่อจากกันกลับสู่เหย้าเข้าเรือนมารอรับขวัญ พร้อมพี่ไกรทองคู่สมปองครองใจ”
ไม้เล่นบทพูด
“นี่หรือตะเภาทองน้องเล็กช่างงามหมดจดเสียกระไร พี่หมายจะปองรักสมัครใจไว้กับเจ้าทั้งสอง”
ไม้กอดตะคองตะเภาแก้วแล้วเกี้ยวตะเภาทอง อบเชยเผื่อนและงามเข้ามาบริเวณลานวัด มองเห็นก็ไม่พอใจ พุดจีบหันไปบอกไม้
“พี่ไกรทองจะรักฉันได้อย่างไร พี่ไกรทองครองใจพี่สาวฉัน”
“พ่อเจ้าสัญญากับพี่ หากพี่ช่วยน้องตะเภาแก้วได้ หมายยกตะเภาทองเป็นกำนัลมาสิพี่ขอรับขวัญยอดกัลยา”
ไม้เข้าไปเชยหน้า พุดจีบมองไม้ด้วยความเขินอาย จันแต่งตัวเป็นวิมาลาเมียชาละวันออกมาโวยวาย
“อุบ๊ะ มนุษย์สุดแสนมารยา เอาผัวข้าคืนมา”
“ผัวเอ็งได้อย่างไรกัน ชาติจระเข้” กาหลงแย้ง
“เอ็งคงมิรู้ ว่าเมื่อไกรทองบุกทะลวงถ้ำ ก็ล่วงล้ำไปถึงทรวงข้า ข้าตกเป็นเมียพี่ไกรทองแล้ว พวกเอ็งนั่นแหละมาแย่งชิงผัวข้า จงหลบไป”
จันเข้าไปแย่งชิงไม้จากกาหลงและพุดจีบ ดนตรีรับทำนองสนุกสนาน
“ผัวจ๋ากลับไปอยู่กับวิมาลาที่ถ้ำ ให้หนำใจนะจ้ะผัวจ๋า”
จันจะลากไม้เพื่อพากลับไปถ้ำ อบเชยพุ่งตรงเข้ามาขวาง
“ปล่อยมือผัวข้าบัดเดี๋ยวนี้”
จันตกใจ
“อบเชย”
ชาวบ้านต่างตกใจที่อบเชยเข้าไปโวยขณะที่เล่นยี่เก เผื่อนกับงามก็ตกใจ
“หึวหวงจนลืมตัว” เผื่อนพึมพำ
ไม้กระซิบบอกอบเชย
“เอ็งหลบไปข้ากำลังเล่นยี่เก”
“ข้าไม่สน อบเชยยอมเสียไม่ได้ ที่พวกมันมาเกาะแกะพี่ไม้”
เฟื้องหันไปถามสัปเหร่อขาวที่ข้างเวที
“เอาไงต่อ นังอบเชยท่าจะไม่ยอม”
“ก็เล่นตามท้องเรื่องสิวะ”สัปเหร่อขาวบอกคนดู “หลังจากวิมาลามาทวงไกรทองกลับถ้ำ นังเลื่อมลายวรรณ เมียชาละวันก็ตกมันเหงาใจ ศึกชิงไกรทองจึงบังเกิด”
สัปเหร่อขาวหันไปสั่งดนตรี ดนตรีบรรเลงทำนองเร้าใจสนุกสนาน อบเชยเข้าไปแย่งไม้จากจัน
“พี่ไม้อย่าไปยุ่งกับมัน”
“ใครแย่งผัวข้าโดนตบ”
จันจะตบ อบเชยหลบแล้วตบ จันกระเด็นออกไป กาหลงเข้าไปบอกอบเชย
“อบเชยเอ็งลงไปเถิด”
“เอ็งนั่นแหละหลบไป”
อบเชยเข้าไปผลักกาหลง พุดจีบช่วยกาหลงไว้
“หยุดเถิด”
“เอ็งสิหยุด แย่งผัวชาวบ้าน”
อบเชยตบพุดจีบ กาหลงดึงตัวพุดจีบหลบ แล้วตบอบเชย ชาวบ้านเฮสะใจ เผื่อนและงามพุ่งไปที่เวที
“ริอาจทำร้ายแม่เลื่อมลายวรรณนายข้า เอ็งตาย”
งามจะเข้าไปตบกาหลง แต่จันคว้ามือไว้
“พวกขี้ครอกต้องเจอข้า จระเข้ฟาดหาง”

จันใช้มือทำท่าสะบัดเป็นหาง แล้วกวาดตบหน้าเผื่อนและงาม จันตบตีงาม เผื่อนเข้ามารุม ตบตีจัน

อ่านต่อเวลา 17.00น.

เรือนกาหลง ตอนที่ 3 (ต่อ)

ชาวบ้านขนไม้มากองไว้ มองเห็นการตบตีที่โรงยี่เก

“ยี่เกเล่นสนุกจริงเทียว ข้าต้องตบรางวัลอีกหลายแผ่น”
ชาวบ้านรีบกลับไปขนไม้มาเพิ่ม

จันตบตีกับพวกอบเชยและเผื่อน งาม ไม้ กาหลงและพุดจีบ คอยห้าม
“พอเถอะอบเชย” ไม้พยายามห้าม
อบเชยไม่ฟังเสียง ตบตีกับพวกจัน เผื่อนและงามเข้าไปรุม
“ตะเภาแก้ว ตะเภาทองช่วยข้าด้วย” จันร้องลั่น
กาหลงและพุดจีบ เข้าไปช่วยดึงอบเชยออกมา อบเชยไม่พอใจ
“สาระแน”
อบเชยตบ กาหลงหลบแล้วตบกลับ
“นังกาหลง เอ็งกล้าตบข้า”
“ฉันเป็นตะเภาแก้ว มิใช่กาหลง ส่วนเอ็งมันเลื่อมลายวรรณ ชาติจระเข้”
อบเชยโกรธเข้าไปตบ กาหลงหลบแล้วตบกลับ รับชาวบ้านเฮสะใจ อบเชยโกรธตะโกนเรียกเผื่อนและงาม
“สมุนข้า ตบพวกมัน”
เผื่อนและงามจะเฮเข้าไปตบทำร้ายกาหลง ไม้เข้ามาขวาง จอกกับโขงเข้าไปจับตัวเผื่อนและงามไว้ ไม้ตะโกนขึ้น
“หยุดได้แล้วยี่เกจบเรื่องแล้ว”
เฟื้องบอกชาวบ้าน
“ยี่เกคณะชาววัดขอลาไปแล้ว พบกับความสำราญใจ ในเรื่องต่อไป”
ดนตรีบรรเลงปิดเรื่องไม้ กาหลง พุดจีบและจันไหว้ลาผู้ชม อบเชย เผื่อนและงามไม่พอใจแต่จำต้องไหว้ลาไปด้วย

ชาวบ้านต่างแบกไม้ ขนไม้มากองไว้ที่มุมหนึ่งของลานวัด ไม้และกาหลงเดินเข้ามาดูกองไม้ เห็นไม้มากโขก็ยิ้มพอใจ ไม้คุกเข่าลงต่อหน้าชาวบ้าน
“ฉันขอบน้ำใจทุกคนมากจ้ะ”
กาหลงคุกเข่าลงข้างไม้
“ฉันขอบใจที่ยอมเห็นงามกับพวกเรา บุญคุณที่ทุกคนช่วยเหลือฉันกับพี่ไม้ในครานี้ ฉันจะจำไว้เตือนใจ รอคอยจะตอบแทนคุณ”
พันยิ้มให้
“ไม่ต้องขอบอกขอบใจดอก เอ็งสองคนช่างมีน้ำใจช่วยข้า”
“ยอมเสี่ยงตายช่วยไล่จับโจรปล้นควาย” เอียดเสริม
พันซึ้งใจ
“พวกข้าก็เป็นหนี้พวกเอ็ง”
ยายมาและตาสรเข้ามาเสริม
“น้ำใจพวกเอ็งนั้นมากโข หัวคุ้งท้ายคุ้งเขารู้กันสิ้นอย่างเล่นยี่เกให้ข้าสุขใจ” ยายมาชื่นชม
“ตายไปพวกข้าก็นอนตายตาหลับ” ตาสรปลื้มใจ
เฟื้องเข้ามา
“นี่แหละไม้ กาหลงความดีของพวกเอ็งรู้ออกแซ่ไปทั้งบางไม่สูญเปล่า”
สัปเหร่อขาวยิ้มให้กำลังใจ
“คนทำดีย่อมได้ดี ผีสางนางไม้เห็นในกรรมดีของเอ็ง”
จอกสะดุ้ง
“หยุดพูดถึงผีสางเถิดฉันขนหัวลุก”
ไม้และกาหลงมองหน้ากันแล้วก้มกราบขอบคุณ ชาวบ้านมองเห็นความดีและกตัญญูของทั้งสองก็สุขใจ

อบเชยร้องโอดโอยเพราะโดนตบ
“โอยหน้าข้าปูดไปหมดแล้ว”
“งามดูให้นะเจ้าคะ”
งามเข้ามาจับหน้าอบเชย แต่จับแรงมาก
“โอ๊ยนังงามเอามือสากๆของเอ็งออกไป”
อบเชยผลักงามออกไป
“นังกาหลงมันได้ไม้ปลูกเรือนแล้วเจ้าค่ะ” เผื่อนบอก
อบเชยแค้นๆ
“ข้ากลายเป็นตัวตลก เสริมแรงให้มันปลูกเรือนได้ มันน่าเจ็บใจนัก”
กาหลงเดินเข้ามาหาอบเชย
“ข้าขอบใจน้ำใจพวกเอ็งที่มาช่วยเล่นยี่เก”
อบเชยสวนทันที
“ข้ามิได้หมายใจช่วย ระวังตัวให้ดีเถิด ข้าจะขัดขวางการปลูกเรือนของเอ็ง”
อบเชยประกาศบอกกาหลงแล้วเดินออกไป ไม้เดินเข้ามาหา
“อย่าได้ใส่ใจเอาความเลย กาหลงก็รู้ว่านิสัยอบเชยเป็นอย่างไร รุ่งเช้าพี่จะเร่งปลูกเรือนให้สำเร็จเสร็จทันการ”
ไม้โอบกอดปลอบใจ กาหลงยิ้มดีใจที่จะได้ปลูกเรือนหอ พุดจีบยืนมองอยู่มุมหนึ่งเห็นไม้ประคองกอดกาหลงก็รู้สึกเศร้าใจเดินหลบออกไป

เช้าวันใหม่...สัปเหร่อขาวใช้ฆ้อนเลาะฝาโลงศพออก จันมองอย่างสงสัย
“พี่ทำอะไร”
“เอาไม้ให้ลูกปลูกเรือน”
จันตกใจ
“ฝาโลง”
“ก็ฝาโลงสิวะกันแดดกันฝนทนนักเทียว”
จันหวาดๆ
“มันจะดีรึเอาของคนตายให้คนเป็น”
“บุญสิไม่ว่า คนตายก็ตายไป เผาร่างหมดเวรหมดกรรมแบ่งปันไม้ให้คนเป็นช่างได้บุญนักแล”
สัปเหร่อขาวเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำดีแล้ว จันเข้ามาช่วยรื้อเอาฝาโลง

ไม้เอาผ้าแพรสีมาผูกไว้กับเสาเอกของเรือน กาหลงเอากระทงใส่อาหารบูชาเจ้าที่มาวางไว้ แล้วทั้งสองนั่งไหว้เจ้าที่เจ้าทาง
“ขอให้เรือนของลูกสำเร็จสมดังหวังใจ”
กาหลงพูดต่อ
“อย่าได้มีอุปสรรคใดมาแพ้วพานด้วยเถิดเจ้าประคู๊น”
ไม้และกาหลงยกมือไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ลมพัดวูบผ่านไป ทั้งสองมองหน้ากัน กาหลงใจคอไม่ดี ไม้ปลอบใจ
“อย่าได้หวั่นใจ เจ้าที่เจ้าทางรับรู้คำอธิษฐานของกาหลงแล้ว”
กาหลงคลายความกังวลใจ สัปเหร่อขาวแบกไม้มาพร้อมพวก จอก โขง เฟื้องและชาวบ้าน
“ทัพหน้าพร้อมออกศึก” จอกพูดอย่างฮึกเหิม
“คึกคักจริงเทียวไอ้จอก” โขงแซว
“ทำบุญสร้างหอให้คู่รัก ผลบุญจะส่งให้ข้าได้พบเนื้อคู่ฮิ้ว”
เฟื้องเห็นแผ่นไม้ที่สัปเหร่อขาวแบกมา
“ได้ไม้มาจากไหนล่ะเอ็ง”
“เอามาจากฝา...”
จันยังพูดไม่จบ สัปเหร่อขาวปิดปากจันชิงตอบแทน
“ฝาเรือน”
เฟื้องเบ้หน้า
“นึกว่าเอ็งหากินกับผี จะงัดฝาโลงศพมาปลูกเรือน”
จอกยกมือไหว้เฟื้อง
“ฉันขอล่ะน้า เลิกพูดเรื่องผีเรื่องศพ มันเสียวสันหลัง”
ทันใดนั้นลมพัดผ่านมา จอกตื่นกลัว
“นั่นปะไร ไม่ทันขาดคำ ก็วูบวาบให้ขนหัวพอง”
“เอ็งมันตาขาว ลมพัดลมเพตามประสา ย่างเข้าหน้าฝน” โขงบอก
“อย่ามัวโอ้เอ้มิทันการ มาช่วยกันเถอะ”
ไม้บอกให้ทุกคนช่วยกันปลูกเรือน

พุดจีบนั่งสีซออู้ที่แคร่ริมนา เสียงเพลงเศร้าสร้อย

ไม้และชาวบ้านช่วยกันสร้างเรือน...กาหลงเข้ามาตักน้ำป้อนไม้
พุดจีบสีซอ มองไปยังผืนนาด้านหน้า เธอนึกถึงอดีตในวัยเด็ก...ไม้ในวัยเด็กวิ่งเข้ามาในนาตรงหน้าแล้วหยิบเบ็ดที่ปักธงไว้ ขึ้นมา ได้ปลาติดเบ็ด...ไม้จับปลาใส่ข้อง พุดจีบวิ่งเข้ามาเห็นปลาหลายตัว ก็วิ่งจับข้องหนีไป ไม้วิ่งไล่ตาม...พุดจีบเปิดข้องจะปล่อยปลาลงน้ำไม้เข้ามาชิงเอาข้องคืนไป
“พุดจีบ เอาข้องคืนมาเถอะพี่ทงเบ็ดไว้ให้กาหลง”
“ปล่อยมันไปเถอะจ้ะ”
ไม้ลังเลกาหลงวิ่งเข้ามา
“อย่าปล่อยนะ”
“แม่ฉันสอนว่ามันบาป บาปกรรมจะติดตัว กาหลงอาจต้องตายเหมือนปลา”
“จะเป็นอะไรก็ช่างเถิด ขอให้แม่กับน้องได้มีกับข้าวกับปลากินเป็นตายยังไงฉันก็ยอม” กาหลงหันไปบอกไม้ “ขอปลาฉันเถอะ”
ไม้ถือข้องมองพุดจีบและกาหลง เขาตัดสินใจแล้วส่งข้องปลาให้ กาหลงรับแล้วยิ้มดีใจ พุดจีบมองอย่างผิดหวัง

พุดจีบสีซอ มองไปยังทุ่งนาตรงหน้า นึกถึงอดีตในวัยเด็ก...กาหลงในวัยเด็กถือดอกบัววิ่งเล่นอยู่ตรงหน้า ไม้ถือใบตองใบใหญ่ มาบังแดดให้ กาหลงยิ้มพอใจ ไม้ประคองพาออกไป
พุดจีบสีซอด้วยความเสียใจ

ไม้เอาตับจากมุงหลังคาเรือน กาหลงส่งตับจากให้ ไม้เอาไปมุงหลังคาบ้าน ทั้งสองยิ้มให้กัน ช่วยกันปลูกเรือน

พุดจีบสีซอน้ำตาไหลเสียใจกับความผิดหวัง โชติเดินเข้ามายืนตรงหน้า พุดจีบหยุดสีซอทันที
“ใครกันช่างใจร้าย ปล่อยให้พุดจีบคนงามมานั่งร้องไห้เดียวดาย”
โชติเข้ามาจะเช็ดน้ำตาให้ พุดจีบปัดมือ
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
พุดจีบจะลุกหนีไป โชติจับข้อมือไว้
“จะเร่งไปไหน พี่อยากฟังเสียงซอ ช่างไพเราะเสนาะหูเทียว”
“ฉันจะกลับเรือน”
“พี่ไปส่ง”
โชติเข้าไปประคอง พุดจีบสะบัดตัวหนี
“อย่ารุ่มร่ามกับฉัน”
“พี่มันน่ารังเกียจนักหรือไร ถึงได้สะบัดหนี รึว่าพี่ไม่มีเสน่ห์เทียบเท่าคนมีเจ้าของ”
พุดจีบไม่พอใจ
“พี่โชติ”
“ตัดใจจากมันเถิด พี่จะดูแลหัวใจพุดจีบเอง”
โชติเข้ามากอดรัด พุดจีบดิ้น

“ปล่อยฉัน”

นวลเห็นโชติพยายามกอดปล้ำพุดจีบ รีบวิ่งเข้ามาผลักโชติ กันตัวพุดจีบไว้
“พ่อโชติมาด้อมทำอะไร”
“ข้ามาฟังนายเอ็งสีซอ”
“ฮ้ะ ฮ้า” นวลเอาซอจากพุดจีบ “ไม่ยักกะรู้ว่าพ่อโชติชอบฟังเสียงซอ...นวลจะสีซอให้พ่อฟังเอง พ่อคงชอบฟังเพลงเขมรไล่ควาย”
นวลสีซอเพลงเขมรไล่ควาย โชติเสียหน้าเดินหนีออกไป นวลหันไปบอกพุดจีบ
“คราหน้าอย่าออกมาลำพังนะเจ้าคะ นวลเกรงพ่อโชติจะทำรุ่มร่าม ประเดี๋ยวคุณพุดจีบได้ลำบากอีก”
พุดจีบพยักหน้ารับ
“กลับเรือนเถิดพี่นวล...”
พุดจีบเดินนำออกไป นวลสงสัย
“ไฉนคุณพุดจีบมานั่งสีซอคนเดียว เปลี่ยวเอกาล่ะเจ้าคะ”
พุดจีบเดินออกไป ไม่ตอบคำถาม นวลยิ่งสงสัยและแปลกใจ...

หลายวันต่อมา...ไม้ตอกไม้เข้าบันไดเสร็จ กาหลงมองด้วยความดีใจ ทุกคนพากันดีใจด้วย กาหลงเดินเข้าไปหาไม้ แล้วทั้งสองเดินมานั่งคุกเข่าต่อหน้าทุกคน ยกมือไหว้
“ฉันขอบคุณทุกคน ที่ลงแรงลงใจช่วยปลูกเรือนให้ฉัน”
“กาหลงซาบซึ้งใจพูดไม่ออกมันจุกอยู่ในคอ กาหลงขอกราบ ขอบคุณด้วยใจจ้ะ”
กาหลงซึ้งใจจะร้อง ก้มลงกราบ จันเข้าไปรับไหว้
“ทำยังกะเป็นคนอื่นคนไกล เอ็งจะเป็นลูกสะใภ้แม่แล้วนะลูกกาหลง”
สัปเหร่อขาวเข้าไปลูบหัวเอ็นดู
“ลูกของพ่อ...”
เฟื้องกระแอมขัดขึ้น
“มะแหม...ไม่ทันแต่งเข้าบ้าน ก็รับขวัญสะใภ้เสียแล้ว รอให้เจ้าบ่าวแห่ขันหมากไปขอก่อนเถอะ”
“พ่อแม่เตรียมของรับไหว้สะใภ้ได้เลยจ้ะ หลังจากแม่กลอยชมเรือน ไม่เกินสามวันฉันจะยกขันหมากไปสู่ขอกาหลง”
ไม้หันไปประคองกอดกาหลง ยิ้มมีความสุข

ป่าท้ายหมู่บ้านยามค่ำคืน...โชติขี่ม้ามาหยุดที่มุมหนึ่ง สิง มั่นและขาบขี่ม้าเข้ามาสมทบ โชติหยิบผ้าขึ้นมาคาดหน้า ปิดหน้าปิดตา หลอกให้คนอื่นคิดว่าเป็นพวกโจรเสือหวาด...สิง มั่นและขาบก็โพกผ้าปิดหน้า โชติให้สัญญาณ ทุกคนขี่ม้ามุ่งตรงไปข้างหน้า

ไม้และกาหลงเดินมายืนมองเรือน...
“กาหลง พี่ปลูกเรือนให้เอ็งได้แล้ว”
“พี่ลงมือลงแรงเพื่อฉัน ชาตินี้หรือชาติไหน ฉันไม่รู้ว่าจะรักใครได้เท่ากับพี่ ฉันขอให้เรือนนี้เป็นเรือนรักเรือนตายของฉัน”
ไม้เอามือปิดปาก
“อย่าพูดอย่างนั้น เรือนนี้จะเป็นเรือนรักของเรา พี่เคยบอกกาหลงหลายคราแล้ว แม้ความตายก็ไม่อาจพรากเราจากกันได้”
ไม้โอบกอดกาหลง ทั้งสองมองเรือนด้วยความสุขใจ ดวงจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้าเมฆเข้ามาปกคลุม

โชติขี่ม้ามาหยุดที่หน้าเรือนกาหลง ลงจากม้าหันไปสั่งพวกสิง...
“เผาเรือนมันเสีย”
พวกสิงถือคบไฟคนละอัน จะเข้าไปจุดเผาเรือน...แต่แล้ว พวกเฟื้อง จอกและโขงออกจากที่ซ่อน เฟื้องตะโกนลั่น
“พวกเอ็งหยุด”
พวกโชติชะงักไม่คิดว่าพวกเฟื้องจะเฝ้าเรือน
“อย่าหวังเผาเรือนลูกข้า ไอ้พวกโจรห้าร้อย”
“พวกเอ็งจะเอาอะไร” จอกตะคอกถาม
พวกสิงไม่ตอบ โชติให้สัญญาณต่อสู้ พวกสิงตรงเข้าไปเล่นงาน สิงใช้คบไฟต่อสู้กับเฟื้อง มั่นเอาคบไฟฟาดใส่จอก จอกเล่นลีลาหลอกล่อแล้วตักน้ำในตุ่มขึ้นมาราดไฟดับ ขาบเอาคบไฟฟาดโขง โขงเตะถีบ..คบไฟตกพื้น โขงถีบขาบล้มลงนั่งทับดับไฟ เฟื้องต่อสู้กับสิง เตะต่อยจนคบไฟในมือสิง กระเด็นไปตกพื้นตรงหน้าโชติ...โชติเดินไปหยิบคบไฟแล้วมองตรงไปยังเรือนกาหลงในขณะที่ทุกคนกำลังต่อสู้

โชติถือคบไฟเดินตรงไปยังเรือนกาหลงเดินไปถึงประตูเรือน ยิ้มสะใจจะเปิดประตูเข้าไปเผาถึงในเรือน...แต่แล้วไม้ถีบโชติกระเด็นออกมาล้มลงไปที่หน้าเรือน...
“อย่าได้หมายเผาเรือนข้า”
ไม้กระโดดลงจากเรือนเพื่อเข้าไปต่อสู้ โชติลุกขึ้นคว้าคบไฟขึ้นมา ไม้ตรงเข้ามาหา โชติคว้าคบไฟของขาบที่ดับแล้ว ขึ้นมาต่อคบไฟของตัวเองเขาจึงถือคบไฟสองอัน ประจันหน้า ไม้ตั้งหลัก...ขาบต่อสู้กับโขงอย่างดุดัน...จอกต่อสู้กับมั่น...เฟื้องต่อสู้กับสิง อย่างจริงจัง...โชติถือคบไฟสองอันเข้าฟาดฟันใส่ ไม้หลบหลีก โชติเหนือกว่า บุกเข้าไปจนไม้เสียท่าแต่ไม้ฉวยจังหวะเตะต่อยจนคบไฟทั้งสองหลุดมือ...ไม้ตรงเข้าต่อสู้จนโชติเสียท่าล้มลง ไม้ตรงเข้าไปจะกระชากผ้าคลุมหน้าออก ทันใดนั้นช่วงและลูกน้องเข้ามาตะโกนเสียงดัง
“เฮ้ยหยุด”
ไม้หันไปมองช่วง โชติฉวยจังหวะเล่นงานไม้ แล้วลุกขึ้นขี่ม้าหนีออกไป”..พวกสิง มั่นและขาบก็รีบวิ่งหนีไป...ไม้และเฟื้องจอก โขงจะตามไป ช่วงห้ามไว้
“พวกเอ็งไม่ต้องตามมันไป เสือหวาดมันอาจลวงไปดักฆ่า”

ไม้ไม่ฟัง ทั้งหมดวิ่งตามออกไป ช่วงกังวลใจ

ไม้กับทุกคนวิ่งมามองหา ไม่เจอร่องรอยของพวกโชติ...
“พวกมันควบม้าเผ่นไปไกลแล้ว” เฟื้องบอก
“สองบาทาฤาจะสู้สี่กีบม้า” จอกบ่น
โขงแค้นๆ
“อย่าให้ข้าเจอมันอีก”
จอกหันไปถาม
“เอ็งจะทำไม”
“ข้าจะซัดให้หนัก”
ขาดคำโขงกระทืบเท้าลงพื้น แต่เหยียบเท้าจอกเต็มๆ
“โอ๊ย”
โขงสะดุ้งตกใจ พวกช่วงและลูกน้องช่วงเข้ามา
“พวกเอ็งวางใจ...ข้าจะไล่ล่าตามจับพวกเสือหวาดให้ได้”
“พวกมันไม่ใช่เสือหวาด” ไม้ขัดขึ้น
ช่วงชะงักไปนิด
“ไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใคร ออกปล้นสะดมชาวบ้านทุกเมื่อเชื่อคืน”
“บ้านลูกข้าไม่มีวัวไม่มีควาย มันหมายจะเผาเรือน” เฟื้องแย้ง
“คนคิดชั่วที่ทำไปนั่น ต้องผิดใจกับพี่ไม้” จอกมั่นใจ
“แล้วมันจะเป็นใครไม่ได้...ถ้าไม่ใช่...”
โขงหยุดไว้แค่นั้น ทุกคนมองไปยังช่วง...
“ไอ้โชติ” ไม้พูดแค้นๆ
ช่วงไม่พอใจ
“เอ็งอย่าเพิ่งหยามใส่ความลูกข้า”
“ลูกพ่อผู้ใหญ่เกลียดชังน้ำหน้าข้า มันรู้ว่าข้าปลูกเรือนสู่ขอกาหลง มันคิดทำลายเรือนตัดช่องทางรักข้า”
ช่วงพยายามเถียง
“โชติมันนอนหลับอยู่ที่เรือน แม้นเอ็งไม่เชื่อใจข้า พวกเอ็งบุกไปที่เรือนข้าได้”
“พวกเราไปกัน”
เฟื้องอยากไปพิสูจน์ความจริงจะไป แต่ไม้ห้ามไว้
“ไม่ต้องหรอกพ่อ ในเมื่อพ่อผู้ใหญ่ยืนยันเป็นมั่นเหมาะป่วยการจะเอาความ”
ไม้เดินตรงไปประจันหน้ากับช่วง...
“ฉันหวังใจพ่อผู้ใหญ่ถือสัตย์ หาใช่พวกถือหางเข้าข้างลูกตัว พ่อผู้ใหญ่ย่อมตระหนักดี คนที่มีอำนาจปกครองคนย่อมให้ความเป็นธรรม หากแม้นทรยศต่อหน้าที่ เวรกรรมย่อมตามสนอง”
ไม้พูดจาข่มขู่ช่วงอยู่ในที ช่วงไม่พอใจนัก...
“ฉันฝากคำวานบอกลูกชายพ่อผู้ใหญ่ ตะวันขึ้นเมื่อใด ฉันจะแห่ขันหมากไปสู่ขอกาหลง”
ช่วงสั่งลูกน้อง
“กลับ”
ช่วงและลูกน้องเดินออกไป เฟื้องหันมาหาไม้
“ข้ามั่นใจต้องเป็นพวกไอ้โชติ เอ็งน่าจะบุกไปจับผิดมันถึงเรือน”
“อย่าหวังเลย จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน หาไม่ต้องเกิดเป็นความใหญ่ วันพรุ่งฉันจำต้องเร่งเสียแล้ว มันจะได้เลิกราวีข้าเสียที”
ทุกคนสงสัยว่าไม้คิดทำการใด...

ช่วงเดินขึ้นมาบนเรือน โชติเดินเข้ามาทักเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ค่ำมืดแล้ว พ่อไปไหนมา”
ช่วงเดินตรงเข้ามาตบหน้าแล้วถีบโชติล้มลงกับพื้น...สิงเห็นที่มุมหนึ่งก็ตกใจยืนอยู่ห่างๆ
“เอ็งฟังไม่เคยรู้ความ ข้าเตือนกี่หนว่าจะทำการใดคิดเสียให้ดี ริเป็นนักเลงก็ฝึกปรือให้เหนือศัตรู หาใช่ให้มันมาลบหน้าพาลดูถูกข้า”
ช่วงเดินเข้าไปที่ห้อง...โชติเจ็บใจที่ถูกตบเลือดกลบปาก สิงเข้ามาดูแล
“พี่โชติเป็นไงบ้าง”
โชติสะบัดออกแล้วลุกขึ้นยืน...
“สักวันพ่อต้องเห็นว่าข้าแกร่งกาจ ไม่ต่างจากพ่อ”

เช้าวันใหม่...กาหลงแต่งตัวสวยเดินออกมาจากห้อง กาเหว่าเห็นเข้าก็เย้าแหย่
“พี่กาหลงผัดหน้าปะแป้งกลิ่นหอมฉุย ยังกะเป็นเจ้าสาว”
ชบาได้ฟังก็ไม่พอใจ
“ชาตินี้คงแต่งตัวรอเก้อ พี่ไม้ไม่มีปัญญาปลูกเรือนได้หรอก”
“วันนี้พี่ไม้จะพาแม่ไปชมเรือนตามสัญญา”
ชบาตกใจและเสียใจ...กาเหว่าดีใจ
“เอาละเหวย...ไอ้กาเหว่าจะได้พี่เขยแล้วละวา”
ทันใดนั้น เสียงฉิ่งฉาบดังเข้ามา แม่กลอยเดินเข้ามาบ่น
“ใครกันมาเอ็ดตะโรแต่เช้า”
“ฉันไปดูให้จ้ะแม่”
กาหลงรีบออกจากเรือนไปดู กาเหว่าและชบาตามไป แม่กลอยยืนมองแปลกใจ

จอกและจันรำนำหน้า เฟื้อง สัปเหร่อขาวและไม้ตีโหม่ง ร้องรำเข้ามา เป็นขบวนแห่ง่ายๆ กาหลงเข้ามามองด้วยความแปลกใจตามด้วยกาเหว่าและชบา จอกรำเข้ามาถึงหน้าเรือนอย่างสนุกสนาน...กาหลงแปลกใจรีบถามไม้
“พี่ไม้...แห่กันมายังกะขบวนขันหมาก”
ไม้ยิ้มแย้มบอก
“ใช่จ้ะ...พี่จะมาสู่ขอกาหลง”
กาหลงและทุกคนแปลกใจ
“ยังมิทันพาแม่ชมเรือน จะมาสู่ขอได้อย่างไร”
“เมื่อคืนไอ้โจรใจบาปมันหมายบุกเผาเรือนเสียให้วอด”
กาหลงและทุกคนตกใจ
“พี่จึงเปลี่ยนใจมารับน้ากลอยไปชมเรือน แล้วทำพิธีสู่ขอเสียแต่วันนี้จ้ะ”
แม่กลอยเดินออกมามองพวกไม้ สัปเหร่อขาวหันไปเชื้อเชิญแม่กลอย
“ขออัญเชิญแม่กลอยใจใสสวาท เสด็จไปยังเรือนกาหลงเถิดจ้า”
จันบอกนักดนตรี
“บรรเลง”
เสียงดนตรีดังขึ้น ทุกคนเข้ามารำจะพาตัวแม่กลอยไปแต่แม่กลอยสะบัด
“ข้าไม่ไป”
กาหลงผิดหวัง
“แม่...”
“แก่แล้วไขข้อท่าจะเปลี้ยเพลียแรง...เอ้าเว้ย ไอ้จอกไอ้โขงอุ้มไป” เฟื้องสั่ง
จอกและโขงเข้าไปจะอุ้ม แม่กลอยเพ่นกบาลแล้วถีบส่งตวาดไล่

“พวกเอ็งออกไปจากเรือนข้า ก่อนที่ข้าจะเอาน้ำร้อนสาดให้ครางอย่างกะหมา”

เรือนกาหลง ตอนที่ 3 (ต่อ)

จันตีความผิด
“แม่กลอยไม่ไป เพราะอยากทำพิธีเสียให้สิ้นที่นี่...ข่าวดียิ่งกว่ากระไร...เอ้า...บรรเลง”
พวกดนตรีเล่นบรรเลง ทุกคนรำสนุกสนาน แม่กลอยตะโกนลั่น
“หยุดได้แล้ว ไม่ทำพิธงพิธีอะไรทั้งนั้น”
ทุกคนแปลกใจ ไม้มองหน้าแม่กลอย
“น้ากลอยสัญญากับฉัน...หากฉันปลูกเรือนได้ น้ากลอยจะยกกาหลงให้ฉัน”
“ใช่...ข้าเป็นคนพูดเอง แต่เอ็งฟังความไม่หมด”
“แม่ต้องการอะไรอีกจ๊ะ”
“กว่าข้าจะเลี้ยงกาหลงมันเติบใหญ่ ข้าต้องเสียน้ำนมตรมน้ำตาไปเท่าใด.. ตามธรรมเนียมประเพณีมันต้องมีสินสอดทองหมั้น รึเอ็งสักแต่จะเอาตัวลูกสาวข้าไปใช้งาน ไม่เคารพขนบบรรพบุรุษ”
เฟื้องตบมือฉาดใหญ่
“มันก็จริงอย่างแม่กลอยว่า”
จอกหันขวับมาต่อว่าเฟื้อง
“เอ้าน้า...น้าอยู่ฝักฝ่ายไหนกัน”
“เอ็งรีบไปหาสินสอดใส่พานมาสู่ขอกาหลง” แม่กลอยตัดบท
สัปเหร่อขาวยืดอกรับหน้า
“เอาเท่าไหร่ก็ว่ามา...ข้าไอ้ขาวจะหามาให้”
“ในฐานะแม่บุญธรรมลูกไม้...ข้านังจัน...ยอมทุ่มหมดตัว”
ทุกคนดีใจที่สัปเหร่อขาวและจันพร้อมจ่ายเงินค่าสินสอดให้ไม้
“ข้าก็ใช่ใจไม้ใส้ระกำ...ไม่เรียกมากนักหรอก ประเดี๋ยวจะหาว่าข้าขายลูกกิน ขอเพียงทองสองเส้น ควายสองตัว”
ทุกคนตกใจโพล่งออกมาพร้อมกัน
“ทองสองเส้น ควายสองตัว”
เฟื้องทำหน้าเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่
“ร้อนใจไปใย...ข้าเคยเห็นไอ้ขาวเอาเงินทองใส่ไหฝังดิน จริงมั้ยวะไอ้ขาว”
สัปเหร่อขาวหน้าซีด
“นั่นมันไหกระดูกผี...ข้าไม่มีทองสักเส้น”
จันหน้าจ๋อย
“ควายสักตัวก็ไม่มีขี่”
พวกเฟื้องผิดหวัง
“ถุย...แล้วทำคุย”
ไม้และกาหลงกังวลใจ แม่กลอยยิ้มสะใจ...
“ข้าให้โอกาสพวกเอ็งแล้ว หากไม่มีสินสอด ข้าคงต้องยกให้คนที่เลี้ยงดูลูกสาวข้าได้”
กาหลงผิดหวังในตัวแม่มาก
“แม่...”
ไม้เสียใจ ทุกคนตกตะลึง
“แม่จงใจขัดขวางพี่ไม้...แม่ไม่รักษาสัญญา”
กาหลงเสียใจที่แม่กลอยไม่รักษาคำพูดเธอร้องไห้ วิ่งหนีออกไป...ไม้ตกใจ
“กาหลง”
ไม้รีบวิ่งตามกาหลงไป...แม่กลอยไม่พอใจที่กาหลงวิ่งออกไปพวกจอกจ้องมองแม่กลอยที่ทำร้ายความรู้สึกลูก
“แม่ใจหิน”
แม่กลอยไม่พอใจตะโกนไล่พวกจอก
“พวกเอ็งออกไป”
พวกจอกตกใจรีบเดินออกไปทันที

ไม้วิ่งมาบริเวณเรือน ร้องเรียกหากาหลง...
“กาหลง”
ไม้หันไปที่เรือน แล้วยืนนิ่งอึ้ง...
“กาหลง”
กาหลงใช้ฆ้อนทุบเอาฝาบ้านออก เพื่อจะทำลายเรือน โดยมีฝาบ้านส่วนหนึ่งกองอยู่ ไม้รีบวิ่งเข้าไปห้าม
“หยุดเถอะกาหลง”
“ปล่อยฉัน ขืนแม่คอยขวางฉันอยู่ยังงี้ เรือนหลังนี้ก็หาได้ใช้การ ฉันไม่อยากเห็นมันตำตาตำใจ”
กาหลงงัดไม้ออกมาจากเรือน...ไม้ห้าม
“พอเถอะ”
กาหลงไม่ฟังเสียง งัดไม้ออกมา ไม้เข้าไปห้ามไว้
“พี่จะหาเงินค่าสินสอดให้ได้”
ไม้รวบตัวไว้...กาหลงทรุดตัวร้องไห้ ไม้เข้าปลอบใจ
“แล้วพี่จะเอาเงินจากไหน ไม่มีทางที่พี่จะหาเงินได้มากโขยังงั้น”
“พี่จะไปต่อยมวยแลกเงินที่วิเศษไชยชาญ”
กาหลงเป็นห่วง
“ไฉนเลยต้องเดินทางไกลโข ยังต้องระแวดระวังโจร มันอันตรายมากนะพี่”
“แม้ต้องเสี่ยงด้วยชีวิตพี่ก็ยอม เรือนนี้ต้องเป็นเรือนรักมิใช่เรือนร้าง พี่จะทำทุกอย่างเพื่อกาหลงของพี่”
กาหลงโอบกอดด้วยความซึ้งใจ
“พี่ไม้...พี่ไม้ของฉัน”
ไม้โอบกอดกาหลงด้วยความรัก

พุดจีบกังวลใจ...
“อย่าหาว่านวลแส่เลยนะเจ้าคะ คุณพุดจีบน่าจะไปห้ามพ่อไม้”
“พี่นวลคิดหรือว่าพี่ไม้จะฟังฉัน”
นวลเข้าใจความรู้สึกพุดจีบดี เสนอทางออกอีกทาง
“งั้นคุณพุดจีบก็ช่วยอุปถัมภ์สินสอดทองหมั้น”
“ฉันรู้นิสัยของเพื่อนรักฉันดี กาหลงมิเปิดใจยอมรับความหวังดีจากฉัน ฉันคงต้องปล่อยให้เขาให้ทั้งสอง ต่อสู้เพื่อความรักของตัวเขาเอง”
“แล้วจะปล่อยให้พ่อไม้ เผชิญชะตากรรมเช่นนั้นเหรอเจ้าคะ”

พุดจีบคิดกังวลใจ เป็นห่วงไม้...

ไม้จูงมือกาหลงมาที่ศาลเจ้าแม่ไทรงาม
“พี่ไม้พาฉันมาทำไมจ๊ะ”
ไม้มองตรงไปยังศาลเจ้าแม่ไทรงาม กาหลงมองตามด้วยความแปลกใจ

ในห้องพระ...ควันธูปลอยหน้าพระพุทธรูป พุดจีบนั่งไหว้พระ
“ด้วยความดีและบุญบารมีที่ลูกสั่งสมไว้ในอดีตชาติและกาลนี้ จงดลบันดาลให้พี่ไม้แคล้วคลาดภยันอันตรายทั้งปวงประสบสุข ทำการใดสำเร็จด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
พุดจีบยกมือไหว้อธิษฐานให้ไม้

ไม้เดินมานั่งหน้าศาลเจ้าแม่ไทรงาม กาหลงยืนมองด้วยความแปลกใจ
“พี่ไม้จะทำสิ่งใด เร่งไปเถิด ฟ้ามืดตั้งเค้าแล้ว”
กาหลงมองท้องฟ้าที่เริ่มตั้งเคล้าว่าฝนจะตก เสียงฟ้าครืนดังเข้ามา ไม้นั่งพนมมือ
“ข้าแต่ศาลเจ้าแม่ไทรงาม...ไอ้ไม้ไหว้วิงวอนขอให้ลูกแคล้วเขี้ยวคลาดงา ศาสตราวุธภัยพาล แม้นลูกถือมั่นในศีลในสัตย์ ขอให้ลูกนำชัยได้เงินกลับมาสู่ขอกาหลงด้วยเถิด”
กาหลงยืนฟังไม้ น้ำตาไหล เข้ามานั่งพนมมือเคียงข้างไม้
“ฉันกาหลง...ขอต่อสาบานต่อศาลเจ้าแม่ ฉันจะรักและภักดีต่อพี่ไม้ไม่เสื่อมคลาย...”
ไม้ซึ้งใจหันไปมองกาหลง...
“ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ลูกจะรอคอยพี่ไม้กลับเรือน”
เสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องลั่นสนั่นทุ่ง ไม้ซึ้งใจเข้าสวมกอดกาหลง
“กาหลงของพี่”
กาหลงกอดรักไม้สุดหัวใจ ทั้งสองกอดกันใต้ต้นไทรงาม ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องดัง

พุดจีบยืนชะเง้อมองที่ประตูเรือน มองส่งไม้ให้เดินทางโดยปลอดภัย เสียงฟ้าร้องฟ้าแลบ ทำให้เธอหวั่นใจเป็นห่วงไม้ พุดจีบตัดสินใจวิ่งออกไป...

กาหลงส่งห่อผ้าให้ ไม้รับห่อผ้า...จอกและโขงยืนรอไม้ห่างออกไปเล็กน้อย จอกมองเห็นฟ้าครื้มแล้วก็ลมพัด
“ลมฝนโชยมาแล้ว ท่าจะหนักเอาการ”
โขงแซวจอก
“จมูกเอ็งดียังกะหมา...” โขงหันมาบอกไม้ “เร่งเดินทางเถิดพี่”
ไม้กอดลากาหลงอีกครั้ง พุดจีบยืนมองที่มุมหนึ่ง รู้สึกเศร้าใจที่ต้องรักไม้ข้างเดียว
“พี่ไปล่ะ...รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะ”
กาหลงยิ้มทั้งน้ำตา
“จ้ะพี่...”
ไม้ยิ้มให้กาหลงแล้วเดินออกไปกับจอกและโขง กาหลงตะโกนบอก
“พี่ไม้...ฉันจะรอพี่ที่เรือน”
ไม้ยิ้มรับ แล้วออกเดินทางไปกับจอกและโขง...พุดจีบมองส่งไม้ด้วยใจเป็นห่วง กาหลงยืนส่งไม้แล้วนึกอะไรได้บางอย่าง

ลมพัดมาแรงพอสมควร กาหลงหยิบค้อนเดินเข้ามาที่ฝาเรือน แล้วตอกไม้ซ่อมแซมเรือนที่เธอเคยรื้อทิ้ง

ค่ำนั้น แม่กลอยนั่งเคี้ยวหมาก ตะโกนสั่งกาเหว่า...
“เร่งเก็บหมากตากแห้งมาให้สิ้น ฝนตั้งเค้าท่าจะตกห่าใหญ่”
กาเหว่าหอบกระจาดใส่หมากแห้งเข้ามาในเรือน
“ฉันกับหมาก แม่ห่วงอะไรมากกว่ากัน”
“ยังมีน้ำหน้ามาถาม”
กาเหว่ายิ้มดีใจ
“ห่วงฉัน”
“หมากข้าสิวะ...มันมีค่ามากกว่าเอ็งหลายขุม”
กาเหว่ากระพริบตาทำหน้าเศร้า
“ผิดคำพี่จอกเสียที่ไหน...แม่ใจหิน”
แม่กลอยเขวี้ยงหมากใส่กาเหว่า
“ไอ้กาเหว่า...”
ชบายกอาหารมาวางไว้หน้าแม่กลอย กาเหว่าเข้ามานั่งล้อมวงกินข้าว
“พี่สาวเอ็งไปไหน ไม่มากินกับข้าวกับปลา”
แม่กลอยพูดไม่ทันจบ เสียงฆ้อนตอกไม้ดังเข้ามา...
“แล้วนั่นใครสัปดนมาตอกไม้ โป๊กโป๊ก น่ารำคาญจริงเทียว”
“พี่กาหลงซ่อมเรือนจ้ะ” ชบาบอก
แม่กลอยยิ้มเย้ย
“น่าเวทนานัก...บุญวาสนามีให้เสวยสุขแต่กลับใฝ่ต่ำ อยากตกระกำลำบาก...ไอ้ไม้ไม่มีทางหาเงินได้”
ชบาแสร้งพูดเห็นใจไม้และกาหลง ทั้งๆที่ใจอยากเข้าไปดามใจไม้
“ฉันล่ะเห็นใจพี่กาหลงที่ต้องอกหักรักคุด...ส่วนพี่ไม้จำต้องครองโสด”
กาเหว่ารู้ดีว่าชบาคิดยังไงกับไม้ กระแทกช้อนลงจาน...ถอนใจ
“เฮ้อ”
ชบาจ้องหน้า
“เอ็งเป็นอะไร”
“สงสารพี่กาหลงจับจิตจับใจเหมือนพี่ไง...สงส๊ารสงสารจนกินไม่ลง” กาเหว่าประชดชบา
“ไม่กินแม่จะทิ้งให้หมามันกิน”
แม่กลอยจะแย่งจานข้าวไปทิ้ง กาเหว่าแย่งจานมากิน
“กินจ้ะแม่”

แม่กลอยนั่งกินข้าว นึกเป็นห่วงกาหลงอยู่เหมือนกัน...

กาหลงตอกไม้ซ่อมเรือน ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เธอคิดจะทำให้เรือนหลังนี้สวยงาม...กาหลงเดินออกมายืนมองเรือนด้วยความภูมิใจที่จะเป็นเรือนหอของเธอ ลมพัดมาอย่างแรงเธอหลบหน้ากลัวฝุ่นเข้าตา...กาหลงเงยหน้ามองอีกครั้ง...เรือนตรงหน้าหายไปเธอตกใจ เพ่งมองอีกครั้ง เรือนยังคงอยู่เหมือนเดิม กาหลงใจคอไม่ดีนัก...แต่ไม่ติดใจ คิดว่าตัวเองตาฝาด
“พี่ไม้...เรือนรักหลังนี้ รอคอยพี่อยู่นะจ๊ะ”

เช้าวันใหม่...ไม้และพวกจอกเดินเข้ามาที่มุมหนึ่งของเวทีมวย จอกหันมาบอก
“ที่นี่แหละ เขาต่อยมวยเดิมพันหนักทีเดียว”
ไม้หันไปมองเวทีมวยที่อยู่ห่างออกไป ชาวบ้านส่งเสียงเชียร์มวยที่กำลังต่อย โขงเป็นห่วง
“จะไหวเหรอวะ ฉันได้ยินว่าไอ้คนชื่อสัก เจ้าถิ่นที่นี่ นักมวยหมัดหนักหาตัวจับยาก”
“งั้นกลับ”
จอกจะชวนทุกคนกลับไป โขงอึ้ง
“เฮ้ย แล้วจะมาทำไมวะ”
“เอ็งบอกว่าสู้ไม่ไหว แล้วจะสู้จะอายหมามันเร้อ”
จอกหันไปมอง หมาเห่าใส่ จอกสะดุ้งตกใจ ไม้แววตามุ่งมั่น
“ข้ามันหมาจนตรอก จะเจ็บจะตายก็ขอไว้ลายสักครา”
ไม้เดินตรงไปยังเวทีมวย ที่มีชาวบ้านรุมล้อมส่งเสียงเชียร์มวยอย่างเมามัน

กาหลงปลูกดอกไม้หน้าเรือน เอาน้ำมารดให้ดอกไม้บานสวยงาม อบเชยและเผื่อน งามเดินเข้ามา
“ทำอะไรอยู่จ๊ะกาหลง” อบเชยทำเป็นถามเสียงหวาน
กาหลงหันไปมอง เห็นพวกอบเชยก็แปลกใจ
“คุณอบเชยตาบอดหรือเจ้าคะ เห็นอยู่เต็มตาว่ากาหลงปลูกดอกไม้” งามพูดอย่างปากพล่อย
อบเชยฉุนกกึก
“นังงาม”
“เจ้าค่ะ” งามตบปากตัวเอง
กาหลงหันไปจ้องหน้า
“เอ็งมีอะไร อย่ามาระรานข้าอีกเลย”
อบเชยยิ้มๆ
“มองข้าในแง่ดีบ้างสิ”
เผื่อนสอดขึ้น
“มีดีด้วยเหรอเจ้าคะ”
อบเชยตวาด
“นังเผื่อน”
“เจ้าค่ะ” เผื่อนตบปากตัวเอง
อบเชยยิ้มแย้ม
“ข้ามาดี...หวังเจรจาตามประสาเพื่อน เอ็งอยากได้เงินเท่าไหร่แลกกับตัวพี่ไม้”
เผื่อนกับงามตกใจ โพล่งออกมาพร้อมกัน
“คุณอบเชยใช้เงินซื้อผัว”
อบเชยตวาดอีก
“นังเผื่อนนังงาม”
“เจ้าค่ะ” เผื่อนตบปากงาม งามตบปากเผื่อน
อบเชยหันมาหากาหลง
“ว่าไง...เอ็งต้องการเงินทองสร้อยคอทองหยองข้าก็จัดให้เอ็งได้”
“อย่าเกะกะขวางทาง ข้าจะทำงาน”
กาหลงผลักอบเชย แล้วเดินตรงไปที่เรือน...

จอกและโขงวิ่งตรงไปที่เวทีมวย...สักต่อยคู่ต่อสู้ไม่ยั้งมือ คู่ต่อสู้ ล้มลงน๊อคกับพื้น ชาวบ้านเฮเสียงดังลั่น ต่างยื่นถุงเงินพนันจ่ายกัน จอกและโขงตกใจในความเก่งกาจของสัก แก้วตะโกนขึ้น
“มีใครหน้าไหนจะพนันขันต่อกับไอ้สัก ก็เข้ามา”
ชาวบ้านต่างหวาดกลัวฝีมือของสัก...สักยิ้มหยิ่งผยอง...
“ไม่มีใครกล้า ข้าจะได้กลับไปกอดเมีย”
ทันใดนั้นเสียงไม้ดังขึ้น
“ข้าขอท้าต่อย”
สักหันไปมองที่มาของเสียง ไม้ยืนจ้องมองสัก ไม่กลัวเกรง แก้วมองหยัน
“ไอ้หนุ่มหน้ามน ข้าขอเตือนเอ็งด้วยความหวังดี ไม่อยากกลับไปนอนหยอดข้าวต้ม ก็ถอนคำเสีย ไม่งั้นเอ็งอาจกลายเป็นผีเฝ้าเวทีมวย”
แก้วและชาวบ้านหัวเราะชอบใจ
“หากฉันชนะ ฉันจะได้เงินรางวัลกี่มากน้อย” ไม้ถามเรียบๆ
แก้วมองยิ้มๆ
“เอ็งพกเงินมาเท่าใด”
“ฉันไม่มีเงิน”
“ไม่มีเงินก็เดิมพันไม่ได้”
ไม้กระชากสร้อยคอพระ
“แต่ฉันมีหลวงปู่โต”
แก้วลังเล...สักสนใจตะโกนบอกไม้
“ข้าชอบนักเทียวไอ้พวกใจกล้าท้าความตาย เอ็งล้มข้าได้...ข้าจะยกเงินให้หมดถุง”
สักคว้าถุงเงินในมือของแก้วขึ้นมา ไม้มองเห็นถุงเงินก็สนใจ จอกหันมาบอกโขง
“เงินอักโขพอจะไปสู่ขอกาหลงได้”
สักจ้องหน้าไม้
“แต่หากแพ้...ข้าจะยึดพระ...และยึดชีวิตเอ็ง”
ทุกคนฮือฮาหันไปมองไม้...จอกและโขงใจคอไม่ดีรั้งตัวไม้ไว้ ไม้ตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนเวที ชาวบ้านฮือฮา เริ่มพนันทันที สักมองไม้คิดจะจัดการไม้ให้น๊อค

กาหลงจะเข้าไปเช็ดถูเรือน...อบเชยเข้ามาดึงแขนไว้
“มาคุยกันให้สิ้นเรื่อง”
“ข้าไม่อยากคุยเรื่องบัดสี ผู้ชายเขาไม่รักเอ็งยังหน้าด้าน เอ็งไม่รู้สึกแขยงบ้างรึ”
“ทำไมต้องอาย ในเมื่อข้ารักพี่ไม้”
กาหลงสวนกลับ
“ทั้งๆที่พี่ไม้ไม่รักเอ็ง”
อบเชยจ้องมองกาหลง
“พี่ไม้ไม่รักข้า เพราะเอ็งเล่นคุณไสยใส่เสน่ห์ยาแฝด ใช้น้ำมันหมู น้ำมันหมาน้ำมันพรายดีดใส่พี่ไม้”
กาหลงฟังแล้วระเหี่ยใจกับความคิดของอบเชย
“ข้าถามจริงเถอะ...ผู้ชายบ้านบัวสีไม่มีดีแล้วหรือไร”
“แล้วเอ็งคิดว่ามีชายไหนในหมู่บ้านรูปงาม ร้องเล่นลิเกหวานเพราะเสนาะหู เก่งกาจในเชิงมวย ร่ำรวยน้ำใจอย่างพี่ไม้”

กาหลงเข้าใจอบเชย พยายามเตือนสติ
“อบเชย...เอ็งกับข้าก็โตมาเคียงกัน ข้าไม่อยากให้เอ็งต้องเจ็บช้ำระกำใจ...เอ็งก็รู้เต็มอกว่าพี่ไม้เทใจปลูกเรือนให้ข้า ยอมเสี่ยงชีวิตไปต่อยมวยพนันหาเงินมาเป็นสินสอด...เอ็งเลิกซื่อคิดเข้าข้างตัวเองเถิด”
อบเชยยิ่งเจ็บใจและโกรธกาหลง
“เลิกพล่ามเลยเอ็ง เพราะเอ็งคนเดียว สวรรค์ส่งข้ามาเกิด ทำไมต้องส่งเอ็งมาแข่งกับข้า ไม่มีเอ็งเป็นมารหัวใจ พี่ไม้ก็ต้องเป็นของข้า...ข้าเกลียดเอ็ง”
อบเชยจะตบกาหลงแต่ถูกคว้าแขนไว้ อบเชยหันหน้าไปเจอแม่กลอยผลักแขนอบเชยออก
“พวกเอ็งรุมข้า”
อบเชยจะเข้ามาตบ ชบาและกาเหว่าเข้ามาจับแขนไว้
“ว้าย...”
ชบาและกาเหว่าผลักอบเชยออกไป
“อย่าริมารังแกพี่สาวไอ้กาเหว่า ไม่งั้น...ตาย”
อบเชยกลัวกาเหว่า ร้องเรียกหาเผื่อนและงาม...
“นังเผื่อนนังงาม ช่วยข้าด้วย”

อบเชยวิ่งออกจากเรือน ร้องเรียกพวกเผื่อนและงาม
“นังเผื่อนนังงามเอ็งอยู่ไหน”
อบเชยวิ่งมาเจอเผื่อนกับงามถูกจับมัด แล้วมีดอกไม้ใบหญ้าตกแต่งตามตัวเหมือนคนบ้า อบเชยตกใจ
“ว้ายผีบ้า”
“เผื่อนกับงามเองเจ้าค่ะ”
อบเชยวิ่งหนีไป...ชบาและกาเหว่าออกมาชี้ขู่เผื่อนกับงาม
“แน่ะ ยังมาทำหน้าป่อง อยากตายเป็นผีเฝ้าเรือนรึไง”
เผื่อนและงามตกใจ รีบวิ่งหนีตามอบเชยไป...
“คุณอบเชยรอด้วยเจ้าค่ะ”
ชบาและกาเหว่าหัวเราะสะใจ...แม่กลอยออกมาสมทบ กาหลงเดินออกมาแปลกใจที่แม่มาช่วย
“ขอบใจมากนะจ้ะที่แม่มาช่วยฉัน”
“ข้าไม่ได้มาช่วยเอ็ง ข้าผ่านมาเก็บยอดกระถิน”
กาเหว่าแทรกขึ้น
“แม่อย่าทำไขสือ...แม่เห็นพี่อบเชยมาทางนี้ ก็เลยชวนพวกฉันมาช่วยพี่”
แม่กลอยเสียหน้า เขกหัวกาเหว่า กาหลงยิ้มดีใจที่แม่มาช่วย...แม่กลอยเดินเข้าไปในเรือนกาหลงยิ้มดีใจ...

ไม้ถอดเสื้อ โยนทิ้งลงจากเวที โขงรับเสื้อไว้...ไม้คาดเชือกพันข้อมือ สักยืนจ้องมองพร้อมจะต่อยสู้

แม่กลอยเดินชมเรือน กาหลงตามเข้ามา...
“แม่...ฉันซึ้งใจจริงเทียว ไม่คาดคิดแม่จะมีใจมาช่วยฉัน”
“ไม่ช่วยลูกแล้วจะช่วยหมาที่ไหน”
กาหลงรู้สึกดีเข้าสวมกอดแม่
“ฉันรักแม่จ้ะ”
แม่กลอยรู้สึกดี...แล้วรีบผลักกาหลงออก ไม่อยากแสดงความรัก
“ร้อนอบอ้าวจะตายชักยังมากอดอีก ตัวเหนียวหมดแล้ว”
แม่กลอยเดินไปดูเรือน
“น่าเสียดาย เรือนหลังนี้ต้องถูกแซะไม้ไปทำฟืน”
กาหลงชะงักงัน
“แม่...”
“ข้าไม่ได้แช่ง...ข้าพูดไปตามเนื้อผ้า ไอ้ไม้ไม่มีทางหาเงินมาได้”
“แต่หากพี่ไม้ได้สินสอด ฉันขอนะจ๊ะ ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย แม่เลิกกลั่นแกล้งตั้งเงื่อนไขให้พี่ไม้ต้องช้ำใจอีกนะจ๊ะ”
กาหลงวิงวอน แม่กลอยไม่ตอบ เดินออกไป ตะโกนเรียกชบาและกาเหว่า
“ชบา...กาเหว่ากลับเรือน”
กาหลงมองตาม แล้วคิดเป็นห่วงไม้

ไม้ตั้งหมัดพร้อมต่อย ประจันหน้ากับสัก แก้วให้สัญญาณต่อยมวย สักและไม้พุ่งเข้าต่อยกัน...จอกและโขงมองลุ้น สักเหนือกว่า เตะต่อยจนไม้เซ ไม้ฝืนเข้ามาแต่ถูกสักเตะต่อยกระเด็นออกไป...คนดูเฮลั่น พวกจอกและโขงใจเสีย...

ลมพัดแรง...เมฆครื้มฝน กาหลงจัดที่นอนในเรือน เธอมีความสุขใจที่ได้จัดเตรียมที่ไว้ให้ไม้ เสียงฟ้าร้องกาหลงตกใจ ฝนตกลงมาอย่างหนักเธอรีบลุกไปปิดหน้าต่าง

สักต่อย ไม้ตั้งรับสู้ไม่ไหวกระเด็นออกไป สักได้ทีพุ่งเข้ามาต่อยซ้ำไม้ล้มลงกับพื้น...จอกและโขงตกใจ
“พี่ไม้”
ไม้นอนอยู่ลุกขึ้นไม่ไหว...

กาหลงรีบปิดหน้าต่างที่ฝนตกหนัก...เสียงลมประตูตีประตูดังสนั่น เธอสะดุ้งตกใจรีบวิ่งไปปิดประตูเรือนกำลังจะใส่กลอนประตู แต่แล้วประตูถูกผลักออก กาหลงตกใจ
“พี่โชติ”
โชติพุ่งเข้ามารวบตัวกาหลง
“พี่ไม้...ช่วยฉันด้วย”

ไม้นอนอยู่ที่พื้น แล้วลืมตาขึ้นมาพยุงตัวเองลุกขึ้นสู้ สักเข้ามาต่อย ไม้รวบรวมกำลังต่อย เล่นงานสักอย่างหนัก ไม้ไล่ต้อนจนสักเซไป

โชติผลักกาหลงลงบนที่นอน...กาหลงดิ้นพร่านร้องลั่น
“พี่ไม้”
“ร้องไปก็ขาดใจเสียเปล่า เอ็งต้องเป็นเมียข้า”
โชติเข้าปล้ำ กาหลงดิ้นหนี แล้วกัดเข้าที่คอ โชติร้องเสียงหลง...กาหลงรีบวิ่งหนีออกไปจากเรือน โชติวิ่งออกมาแล้วมองตามกาหลง วิ่งตามไป....กาหลงวิ่งหนีฝ่าสายฝนล้มลุกคลุกคลาน
“พี่ไม้ ช่วยฉันด้วย”
กาหลงวิ่งมากลางทุ่งนาร้องไห้ตกใจกลัว...โชติวิ่งเข้ามา กาหลงตกใจกลัว ฝืนลุกขึ้นหนีไป กาหลงวิ่งสะดุดพื้นล้มลงใกล้กับศาลจ้าแม่ไทรงาม เธอขาเจ็บ พยายามจะฝืนลุกหนี แต่ทรุดลง โชติวิ่งเข้ามายืนมอง หัวเราะสะใจ กาหลงคลานกระเสือกกระสนมาใต้ต้นไทร...โชติเดินตรงเข้ามาหา
“เอ็งหนีข้าเป็นไม่รอดแน่”
กาหลงยกมือไหว้
“ฉันไหว้ล่ะ อย่าทำอะไรฉันเลย...”

กาหลงยกมือไหว้ โชติเข้ามานั่งจับมือกาหลง แล้วดันตัวเธอล้มลงกับพื้น กาหลงดิ้นสู้จะผลัก โชติไม่พอใจตบหน้าสองสามฉาดใหญ่ กาหลงนิ่งไป

เรือนกาหลง ตอนที่ 3 (ต่อ)

ไม้เข้าต่อยสัก แต่สักฉวยจังหวะเข้าต่อยไม้เต็มหน้า ไม้เซกระเด็น สักพุ่งเข้าเล่นงานไม้อย่างหนักต่อยใส่หน้าไม้ไม่ยั้ง ไม้พยายามตั้งตัวสักต่อยเข้าเต็มหมัด ไม้ฟุบล้มลงกองกับพื้น จอกกับโขงตกใจ
“พี่ไม้”
กาหลงนอนนิ่งใต้ต้นไทร...โชติมองยิ้มสะใจ
“เอ็งหนีข้าหลายคราจนหนักเกินไปละ วันนี้...เอ็งเสร็จข้า”
โชติยิ้มสะใจที่จะได้เชยชมกาหลง

พุดจีบกางร่ม ฝนตกลงมาเล็กน้อย...นวลไล่ตามหลัง
“คุณพุดจีบมาที่นี่ทำไมเจ้าคะ”
“พายุฝนตกหนัก...กาหลงเฝ้าเรือนคนเดียว ฉันเป็นห่วงกาหลง”
“ก็จริงนะเจ้าคะ ผู้หญิงยิงเรืออยู่ตามลำพัง”
พุดจีบรีบขึ้นเรือนไปหากาหลง...
“กาหลง...กาหลงจ๊ะ”
พุดจีบเห็นสภาพที่นอนของในบ้านระเกะระกะ เธอตกใจเป็นห่วงกาหลงมาก นวลเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“ว้าย”
“กาหลงหายไป ฉันเกรงจะเกิดเหตุร้าย”
นวลคิดตามก็ตกใจ
“ฤาแม่กาหลงถูกลวงไปฆ่า”
“พี่นวลเร่งไปตามหากาหลงที่เรือนแม่กลอย ฉันจะแลหาแถวนี้”
“เจ้าค่ะ”
นวลตกใจเป็นห่วงกาหลง รีบวิ่งออกไปที่เรือนแม่กลอย พุดจีบแปลกใจที่กาหลงหายไป เธอมองเห็นรอยเท้ากาหลงวิ่งเหยียบโคลนไปมุมหนึ่ง

นวลเข้ามาตะโกนเรียกกาหลง
“กาหลง แม่กาหลง”
แม่กลอยและชบากำลังเก็บของที่ถูกลมพัดกระจายเต็มพื้น...แม่กลอยตะโกนบอกนวล
“นังกาหลงไปก่อเรื่องอะไรอีก มันอยู่ที่เรือนของมัน”
นวลตกใจ
“ที่โน่นไม่มี ที่นี่ไม่มา...ตาย”
“อะไรของเอ็ง พูดให้รู้ความ”
“เรื่องใหญ่นะสิแม่กลอย...คุณพุดจีบกับฉันไปที่เรือนกาหลง ข้าวของกระจุยกระจายยังกะโจรบุกจับตัวกาหลงไป”
ชบาขัดขึ้น
“พี่นวลก็พูดเกิดเหตุ พายุพัดซัดของในเรือนฉันพังเหมือนกัน”
“แล้วถ้าเรื่องที่ฉันคิดมันเป็นจริงล่ะ”
แม่กลอยนึกเป็นห่วงกาหลง ตะโกนเรียกกาหว่า
“ไอ้กาเหว่า เอ็งไปแลพี่สาวที่ทุ่ง”
“กาเหว่ามันออกไปตกปลาจ้ะแม่”
แม่กลอยบอกชบา
“งั้นเอ็งไปกับนังนวล ไปดูให้รู้แจ้งว่านังกาหลงอยู่ที่ใด”
“ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ”
“แม่บอกให้เร่งไป”
ชบาจำต้องไปกับนวล เพื่อตามหากาหลง...แม่กลอยกังวลใจเป็นห่วงกาหลง

โชติมองเห็นกาหลงนิ่งไปก็ยิ้มพอใจ ก้มลงใกล้หน้าของหญิงสาว
“กาหลง กลิ่นกายเอ็งช่างหอมเย้ายวนแทงใจข้า”
โชติก้มลงเข้าคลอเคลียจะขืนใจ

ไม้นอนสลบเหมือดคาเวที จอกและโขงตะโกนเรียกไม้
“พี่ไม้ พี่ไม้ตื่นขึ้นมาพี่”
ไม้ยังนอนแน่นิ่ง

โชติเข้าซุกคลอเคลีย กาหลงลืมตาขึ้นพร้อมจะสู้...โชติเข้าจูบไซร้ซอกคอ กาหลงค่อยๆเอามือ ล้วงไปคว้ามีดที่เอว โชติสะดุ้งเงยหน้าขึ้น กาหลงใช้มีดปาดหน้า โชติร้องเสียงหลง
“โอ๊ย”
กาหลงค่อยๆลุกขึ้นถือมีดขู่ไว้
“อย่าเข้ามา อ้ายจังไร”
ทันใดนั้น สิง มั่น ขาบและปอง ลูกน้องอีกคนวิ่งเข้ามา
“เป็นไงบ้างพี่โชติ สุขสมใจร้องซะลั่นทุ่ง” มั่นแซว
โชติหันหน้ามา ทุกคนเห็นรอยเลือดก็ตกใจ
“พี่โชติ”
โชติโกรธกาหลง
“จัดการมัน”
กาหลงตกใจ พวกสิงเข้าไป กาหลงจะแทง สิงและพวกขาบเข้าไปแย่งมีดได้ สิงตบหน้า กาหลงล้มลงสลบกับพื้น...โชติแค้นมาก
“มันทำหน้าข้าเป็นแผล เหลือจะทนให้มันไปโพนทะนาบอกใคร เอามันไปถ่วงน้ำ”
พวกมั่นตกใจไม่คิดว่าโชติจะสั่งฆ่ากาหลง...
“พี่เร่งไปใส่ยาเถอะ” สิงบอก
โชติหันไปมองกาหลง สิงพาโชติออกไป กาหลงนอนสลบ...

ไม้นอนนิ่ง แล้วลืมตาขึ้น...นึกถึงกาหลง
“กาหลง”
ไม้ค่อยๆฝืนตัวลุกขึ้น...โขงเป็นห่วงไม้
“พี่ไม้ไม่ได้กินเสียแล้วแหละ ยอมแพ้เถอะพี่”
ไม้ไม่สนใจ พุ่งเข้าต่อยสัก สักแปลกใจที่ไม้ฮึดสู้ ไม้รวบรวมพลัง พุ่งเข้าต่อยไม่ยั้ง
“ผีตัวไหนเข้าสิง พี่ไม้ถึงมีแรงยังกะช้างสาร” โขงแปลกใจ
“หยุดพูดเรื่องผี ข้ากลัว” จอกหันไปตะโกนเชียร์ “พี่ไม้เล่นงานมันให้สลบเหมือดไปเลย”
ไม้ต่อยไม่ยั้ง สักออกอาการเซ ไม้ฉวยจังหวะเตะก้านคอสักล้มลงทันที จอกและโขงเฮลั่น วิ่งเข้าไปจับแขนไม้ชูขึ้น
“พี่ไม้ชนะแล้ว”
ชาวบ้านต่างอึ้ง แล้วปรบมือชื่นชม ไม้ยิ้มดีใจที่สามารถเอาชนะได้

ขาบและปองช่วยกันมัดมือเท้ากาหลง ปองหวั่นๆลังเล
“จับถ่วงน้ำจริงเหรอพี่มั่น”
“รึพวกเอ็งกล้าขัดคำสั่งพี่โชติ”
“เห็นแล้วเสียดายของ...มันน่าจะ...”
ขาบและมั่นมองหน้ากัน...ต่างคิดตรงกัน
“สนุกกันก่อน แล้วจับถ่วงน้ำ ก็ถือว่าทำตามคำสั่งพี่โชติ”
มั่นและปองเร่งเข้าไปจะแก้เชือกที่มัดไว้ เพื่อขืนใจกาหลง ทันใดนั้นเสียงพุดจีบดังขึ้น
“กาหลง กาหลง”
มั่นหันไปเห็นพุดจีบร้องเรียกหากาหลงแต่ไกล
“อุบ๊ะ...ไอ้พวกขัดคอ”
ทุกคนจำต้องหามร่างกาหลงไป เพื่อถ่วงน้ำ
พุดจีบตะโกนเรียกหา
“กาหลง...กาหลง”
พุดจีบเอะใจ มองไปยังบริเวณบึงบัว

พวกมั่นช่วยกันยกร่างกาหลงลงเรือ...เพื่อพายไปกลางบึงบัว

กาเหว่านั่งตกปลาอยู่นานแล้ว แต่ปลาไม่กินเหยื่อ
“ปลาไม่กินเหยื่อ...รึต้องให้พระสังข์ร่ายมนต์เรียกปลา” กาเหว่าร่ายมนต์ “นะโมมิหัง ภวันตุเตปะปลาจงติดเบ็ด...พะเพี้ยง”
กาเหว่ากระตุกเบ็ดขึ้นมา ไม่มีปลาสักตัว...เขามองไปเห็นฝักบัวอยู่ในบึง
“มาแล้วก็อย่าให้เสียเที่ยว เด็ดฝักบัวไปฝากพี่กาหลง”
กาเหว่ากระโดดลงน้ำไป ว่ายน้ำไปเด็ดฝักบัว

มั่นพายเรือ พาร่างกาหลงจะไปถ่วงน้ำ ปองเอาเชือกผูกก้อนหินถ่วงขา
“ถ่วงศพกาหลงใต้น้ำ พวกปลาคงกินอิ่มหนำเทียว”
“อย่ามัวโอ้เอ้...เร่งมือ”
ปองและขาบช่วยมัดก้อนหิน มั่นมองเห็นพุดจีบเดินมาที่ริมบึง
“มารผจญมาอีกมื้อแล้ว...พวกเอ็งหลบเสีย”
พวกมั่นรีบก้มตัวหลบต่ำ...พุดจีบมาบริเวณบึงบัว ไม่เห็นพวกมั่นก็เดินออกไปอีกทาง
“กาหลง กาหลงจ๊ะ”
พวกมั่นโผล่หน้าโล่งอกที่พุดจีบเดินออกไปขาบยิ้มเย้ย
“ไม่ได้กินเสียแหละ จัดการซะ”
มั่นรีบพายเรือไปยังกลางบึง

กาเหว่าเด็ดฝักบัว แล้วมองไปแปลกใจว่าพวกมั่นทำอะไร
“โยนมันลง” มั่นสั่ง
ขาบและปองช่วยกันยกร่างกาหลงขึ้นมา กาเหว่ามองไป เห็นกาหลงก็ตกใจ ตาค้าง ขาบและปองโยนกาหลงลงไปในน้ำ กาเหว่าตกใจร้องเสียงหลง
“พี่กาหลง”
ขาบตกใจ หันไปมองรอบบึง
“ใครวะ”
กาเหว่าเอาใบบัวบังทันที ขาบเพ่งมองไม่เห็นกาเหว่า มั่นต่อว่า
“ทำใจคอสั่นไปได้ เร่งไปแจ้งพี่โชติว่านังกาหลงมันตายแล้ว”
พวกมั่นพายเรือออกไป กาเหว่าโผล่จากที่ซ่อน ตกใจและเป็นห่วงกาหลง รีบดำน้ำลงไปทันที ร่างของกาหลงกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึงบัว

บนเวทีมวย แก้วกำลังดูแลสักที่นอนสลบ ไม้เดินเข้ามาหา
“พี่ชาย ฉันมารับเงินรางวัลของฉัน”
แก้วมองหน้าไม้ ไม่อยากให้
“พี่ก็รู้ว่าพี่ชายฉันหมัดหนัก อย่าริโกง” โขงขู่
จอกและโขงต่อยหมัด ขู่ แก้วจำต้องส่งถุงเงินให้ ไม้เดินออกมาเล็กน้อย มองถุงเงิน
“กาหลง…เราจะได้ขึ้นหอแต่งงานกันแล้วนะ”

ร่างกาหลงลอยคว้างอยู่ใต้น้ำ...กาหลงยังคงหมดสติไม่รับรู้เรื่องราว...พุดจีบตามหากาหลงบริเวณบึง
“กาหลง กาหลงจ๊ะ...”
พุดจีบหันมองไปรอบๆไม่เจอใคร น้ำตาไหลเป็นห่วงเพื่อน
“กาหลงไปอยู่หัวคุ้งท้ายคุ้งไหนกัน ฉันทุกข์ใจแท้เทียว”

ร่างกาหลงที่หมดสติจมลงสู่ใต้น้ำลอยนิ่ง กาเหว่าดำน้ำเข้ามาแล้วพุ่งเข้ามาจับตัวกาหลงเขย่าให้ฟื้นขึ้นมา กาหลงไม่ได้สติ กาเหว่าตกใจรีบดึงร่างกาหลงขึ้นไปแต่ดึงไม่ขึ้นเพราะมีก้อนหินถ่วงขา กาเหว่าตัดสินใจดำน้ำลงไปแก้เชือกที่มัดเท้ากาหลง

มั่นพายเรือมาถึงขอบฝั่ง เดินขึ้นไปกับปอง แต่แล้วขาบมาแย่งไม้พาย
“เอ็งทำแก้วอะไรวะ” มั่นโวย
“ข้าจะไปแลให้แม่นใจ...ว่านังกาหลงตายเป็นผีเฝ้าบึงบัว”
ขาบรีบพายเรือออกไป มั่นและปองไม่พอใจ ยืนรอที่ฝั่ง

แม่กลอยต้มแกง ยกหม้อขึ้นแต่พลั้งหลุดมือ หม้อตกแตก...แม่กลอยตกใจคิดว่าลางสังหรณ์ไม่ดีนึกเป็นห่วงกาหลง

กาเหว่าพยายามแก้เชือกที่มัดเท้าแก้ยากมาก...ขาบดำน้ำเข้ามาเห็นกาเหว่ากำลังแก้เชือกให้กาหลง กาเหว่าเห็นขาบก็ตกใจขาบชักมีดออกมา จะพุ่งเข้ามาแทง กาเหว่าตกใจดำน้ำหนี ขาบรีบดำน้ำตามกาเหว่าไป

แม่กลอยมายืนหน้าเรือน ชะเง้อรอ ชบาเข้ามาหาแม่
“กาหลงมันหายหน้าไปอยู่ที่นารึไง”
“ไม่จ้ะ ฉันไปที่เรือน ก็ไม่เจอพี่กาหลง ท่าจะพิลึกแท้แล้ว”
แม่กลอยกังวลใจเป็นห่วงกาหลง เดินเข้าไปในบ้าน...

มั่นและปองยืนรอขาบที่ริมบึงบัว...
“ไอ้ขาบอ้างว่าไปดูนังกาหลง รึมันคิดมิดีมิร้ายอยู่ใต้น้ำ” มั่นสงสัย
“โน่น...ขึ้นมาแล้ว”
ปองชี้ไปที่ริมน้ำ กาเหว่าขึ้นมาจากน้ำ มั่นกับปองตกใจ
“ไอ้กาเหว่า”
กาเหว่าตกใจ ขาบขึ้นจากน้ำ ตะโกนบอกมั่นและปอง
“มันเห็นศพกาหลง...จับมันฆ่าซะ”
กาเหว่าตกใจรีบวิ่งหนีไป...พวกมั่น ปองและขาบไล่ตาม
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”

กาเหว่าวิ่งไปตะโกนไป

อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.

แม่กลอยเดินมาที่หน้าหิ้งเก็บกระดูกพ่อของกาหลง ชบาเข้ามายืนดูว่าแม่จะทำอะไร
“พ่อเอ็ง...ลูกหายไป พ่อเอ็งช่วยคุ้มกะลาหัวลูกด้วยเถอะ”
แม่กลอยยกมือไหว้ขอให้กาหลงปลอดภัย ชบายกมือไหว้อธิษฐานด้วย นกบินเข้ามาชนถ้วยใส่กระดูกตก นกตัวนั้นนอนตายอยู่ในบ้าน แม่กลอยและชบาตกใจ

ร่างกาหลงอยู่ใต้น้ำลืมตาโพลงขึ้นได้สติ ตกใจที่อยู่ใต้น้ำจะว่ายน้ำขึ้นไปแต่ว่ายไม่ขึ้น กาหลงมองไปเห็นว่าถูกจับมัดด้วยก้อนหินก็ตกใจ

ไม้เดินมาบริเวณดงไผ่แล้วชะงักหยุดเดิน จอกและโขงเดินตามมาแปลกใจที่เห็นไม้หยุดเดิน...ไม้มองไปรอบๆต้นไผ่ ลมพัดดงไผ่เขาแว่วได้ยินเสียงกาหลงร้องไห้
“พวกเอ็งได้ยินเสียงอะไรมั้ย”
จอกกับโขงส่ายหน้า
“ข้าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้”
ไม้ยืนฟังแล้วเดินไปที่มุมหนึ่ง เพื่อตามหาเสียงนั้น...

กาหลงพยายามแกะเชือก แต่แก้ไม่ออก เธออ่อนแรง....

ไม้เดินหาที่มาของเสียงมองไปรอบๆไม่เจอใคร แล้วหันขวับไปที่มุมหนึ่ง ลมพัดมาวูบใหญ่ เขาเห็นกาหลงยืนอยู่...
“กาหลง”
กาหลงยืนมองไม้ แล้วร้องไห้น้ำตาไหล...
“กาหลงมาที่นี่แต่มื้อใด...กาหลงร้องไห้ทำไม”
ไม้รีบเดินไปหา แต่แล้วภาพกาหลงเลือนหายไป...
“กาหลง กาหลง”
จอกและโขงวิ่งเข้ามา
“พี่เป็นอะไร” จอกถามอย่างสงสัย
“กาหลงมาหาข้า”
จอกงงๆ
“ฉันกับไอ้โขงไม่เห็นใครสักน้อย”
“พี่เดินทางไกลอดหลับอดนอน ยังต้องต่อยมวยจนอ่อนแรง...ตาพร่าฟ้ามัวคิดหลอนไปเอง” โขงออกความเห็น
“แล้วพวกเอ็งได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ไหม”
จอกและโขงเงี่ยหูฟังเสียง ลมพัดดงไผ่ต้นไผ่เสียดสีกัน...โขงเข้าใจทันที
“เสียงไผ่สีกัน...ใครผ่านไปผ่านมาแว่วหลอนเป็นเสียงหญิงร้องไห้ ที่นี่ถึงได้ชื่อบ้านสาวร้องไห้”
จอกแปลกใจ
“บ้านสาวร้องไห้”
“เขาเล่าขานกันว่า มีหญิงนางหนึ่งพลัดหลงจากชายคนรัก นางหลงอยู่ในดงไผ่...พยายามเดินออกไปให้ได้ หวังใจจะได้ เจอชายคนรัก...แต่มันยากแสนเข็ญ จนนางอ่อนใจร้องไห้คร่ำครวญ เสียงของนางน่าเวทนา บรรดาชาวบ้านต่างเข้าใจผิดคิดว่า เป็นผีสางนางไม้มาหลอนหลอก”
ไม้ขัดขึ้น
“เร่งกลับเรือน ข้าเป็นห่วงกาหลง”
ไม้เดินนำออกไป โขงจะเดินตาม จอกคว้าตัวไว้
“แล้วนางเจอคนรักหรือไม่”
“ไม่รู้...ข้าฟังเขาลือเล่ามาเพียงนี้” โขงเดินตามไม้ไป
“ปั๊ดโธ่...คาใจข้านักเทียว”
จอกหันไปไม่เจอใคร ลมพัดต้นไผ่เสียดสี เขาเริ่มกลัวรีบวิ่งตามไป...

ใต้น้ำบึงบัว...กาหลงพยายามจะแก้เชือกให้ได้แต่แก้ยากมากเธอเริ่มหมดแรง จำยอมปล่อยตามยถากรรม กาหลงคิดถึงไม้ ภาพความรักที่อยู่กับไม้ ภาพ ขี่ควาย...นอนหนุนตัก...สร้างเรือน...ไม้พาสาบานกับศาลเจ้าแม่...ไม้กอดเธอด้วยความรัก แว่บเข้ามา กาหลงตัดสินใจ เฮือกสุดท้ายก้มลงแก้เชือกที่เท้าอีกครั้งแล้วเชือกก็หลุด เธอเป็นอิสระว่ายขึ้นเหนือผิวน้ำรับแสงจากด้านบน และดอกบัวบานเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง...กาหลงหอบหายใจ ดีใจมากที่รอดชีวิตมาได้...พุดจีบย้อนกลับมาทางบึงบัวอีกครั้ง มองเห็นกาหลงไกลๆก็ดีใจ
“กาหลง”

กาเหว่าวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน...พวกมั่นวิ่งไล่ตาม
“ไอ้กาเหว่า เอ็งหนีไม่พ้นดอก” มั่นขู่เสียงเหี้ยม
กาเหว่าตะโกนลั่น
“ช่วยด้วย…แม่จ๋า…เร็ว ช่วยฉัน…”
กาเหว่ากลัวตายวิ่งหนีไม่คิดชีวิต

กาหลงเดินขึ้นจากบึงบัว ตัวเปียกปอน เหนื่อยอ่อนแรงโซจะล้มลง พุดจีบเข้าไปรับร่างกาหลงไว้นั่งกอดลงกับพื้น กาหลงเห็นพุดจีบก็ดีใจ โผเข้ากอดร้องไห้โฮ
“พุดจีบ”
กาหลงกอดพุดจีบร้องไห้ พุดจีบแปลกใจ
“กาหลง...เกิดเหตุใด”

พวกขาบเดินมาบริเวณท่าน้ำ มองหากาเหว่า มั่นสงสัย
“มันหายไปไหน”
กาเหว่าหลบซ่อนอยู่ในเรือ เอากระสอบปิดตัวไว้...มั่นคิดๆ
“รึมันหนีกลับเรือน”
ปองเห็นด้วย
“ก็อาจเป็นได้…พวกเราล้อมทางไว้ทั้งสิ้นแล้ว”
“มันต้องซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
ขาบมองไปที่เรือ กาเหว่ากลัวมาก รีบหลบให้พ้นสายตา ขาบสงสัยเดินไปที่เรือจะลงเรือไปรื้อกระสอบออกแต่แล้วนายเรือเข้ามาโวยวาย
“พวกเอ็งมาขโมยของข้ารึ”

“ข้าตามจับเด็ก...มันขโมยเงินพวกข้าหนีไปซ่อนตัวในเรือ” ขาบแก้ตัว

นายเรือไม่เชื่อ
“ไม่ต้องกุเรื่องแก้ตัว พวกเอ็งคิดจะขโมยของ ออกไป ข้าจะเร่งเอาของไปขาย”
ขาบจะเข้าไปค้นในเรือ มั่นดึงแขนไว้
“มันไม่กล้าลงเรือลอยลำไปต่างเมืองหรอก”
นายเรือดึงเชือกออก แล้วถ่อเรือออกไป...กาเหว่าตกใจที่เรือออกจากท่า ขยับตัวเล็กน้อย ขาบมองเห็นขาของกาเหว่าก็ร้องเรียก
“ไอ้กาเหว่า”
กาเหว่ารีบซ่อนตัว นายเรือคัดท้ายพายเรือออกไป ปองตกใจ
“มันหนีไปกับเรือแล้ว”
มั่นพอใจ
“ก็ดีสิวะ ไม่ต้องไล่จับให้เสียแรง”
ขาบหันมาด่า
“ไอ้โง่ มันรู้เห็นว่าพวกเราฆ่ากาหลง เร่งหาเรือตามไปฆ่ามัน”
ขาบ มั่นและปองรีบวิ่งไปหาเรือเพื่อตามกาเหว่าไป...

กาหลงร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดพุดจีบ
“กาหลง…บอกที ไปเจอใครพาลมา”
กาหลงไม่อยากเล่าความจริงที่เกิดขึ้น จำต้องโกหกพุดจีบ
“ไม่มีอะไร” กาหลงปาดน้ำตา
พุดจีบไม่เชื่อ
“อย่าปดฉัน”
“ฉันว่ายน้ำไปเก็บบัว แล้วปวดขมับเกือบจมอยู่ใต้น้ำ ฉันตกใจร้องไห้เสียใหญ่...ตอนนี้คลายแล้วพอมีแรง ฉันกลับเรือนล่ะ”
กาหลงลุกขึ้นแล้วเดินหนีออกไป พุดจีบแปลกใจและสงสัยตามไป...

กาหลงเดินหนี พุดจีบตามเข้ามาขวาง...
“อย่าเห็นฉันเป็นอื่น ว่าความจริงให้ฉันฟังสิ”
“ฉันไม่มีเรื่องใดปิดบังพุดจีบแม้แต่น้อย”
พุดจีบเข้ามาจับเนื้อตัวกาหลงที่มีรอยช้ำ แก้มช้ำ
“กาหลงแจ้งฉันให้หายแคลงใจ...เหตุใด เนื้อตัวช้ำเช่นนี้”
กาหลงยิ้มตอบ
“ก่อนหน้าฉันมาเก็บบัว ลมกระโชกแทบพังเรือน...ฉันเร่งออกไปเก็บผ้า ไม่ทันระวังพลัดตกบันไดตัวช้ำอย่างที่เห็น”
พุดจีบมองหน้ากาหลง ยังคงไม่เชื่อใจนัก...
“ที่สงสัยว่าฉันร้องไห้ปานใจจะขาด ก็เพราะใจฉันคิดถึงพี่ไม้เสียเหลือเกิน ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นตายยังไง...รู้เรื่องรู้ความสิ้นแล้ว ฉันขอกลับเรือน”
กาหลงเดินออกไป พุดจีบบอกกาหลงทั้งน้ำตา...
“เห็นฉันเป็นคนอื่นคนไกล ถึงได้กุเรื่อง”
กาหลงหันมามองด้วยความแปลกใจ ที่พุดจีบไม่เชื่อที่เธอพูด
“พิกลแท้ที่เพื่อนฉันจะทิ้งเรือนรัก ฝนหยุดไม่ทันหมดเม็ด...เพื่อนฉันก็ว่ายน้ำมาเก็บบัว ไม่มีใครเขาทำเยี่ยงนั้น”
กาหลงอึ้งพูดไม่ออก พุดจีบพูดไปร้องไห้ไป
“ฉันร้อนรุ่มใจถึงได้ออกตามหา แต่พอเจอหน้ากลับบ่ายเบี่ยงแสร้งเล่าความเท็จ ฉันคงไม่ใช่เพื่อนรักเพื่อนตาย ที่กาหลงไว้ใจเหมือนกาลเก่า”
กาหลงยืนฟังน้ำตาซึม...ไม่กล้าเล่าความจริง
“หลังจากนี้ขอให้ฉันเป็นคนแปลกหน้า ลบเลือนว่าเราสองเป็นเพื่อนรักเสียให้สิ้น”
พุดจีบพูดไปร้องไห้แล้วเดินหนีออกไป กาหลงจะเรียกห้าม แต่ก็หยุดไว้...ปล่อยให้พุดจีบจากไป
“ฉันขอโทษ...ฉันไม่อยากให้เรื่องระยำตำบอนของไอ้โชติรู้ถึงหูพี่ไม้...พี่ไม้คงไม่ยอมความตามไปฆ่าไอ้โชติ กรรมเวรติดตามไม่จบสิ้น ขอให้ทุกอย่างสิ้นสุดที่ฉัน รอยแผลที่หน้ามันคงจะหยุดยั้งมิให้มันทำจังไรอีกต่อไป”
กาหลงนึกแค้นที่โชติขืนใจเธอ...

สิงพาโชติมาที่เรือนพักของตนเอายาทาแผลให้ โชติเจ็บปวดแต่อดทนสะบัดมือสิงออก
“ใส่ยารักษาแผลเสียสองสามคืน แผลจะสมานดังเดิม”
โชติสะใจ
“สาแก่ใจข้านัก...นังกาหลง เอ็งไม่ได้ตายเพียงชีวิตเดียว ไอ้ไม้กลับมารู้ข่าวเอ็งหายไป มันก็ต้องตรอมใจตายตามกัน”
โชติยิ้มสะใจ คิดว่ากาหลงตายแล้ว...

กาหลงเดินมาที่เรือนแปลกใจที่เห็นแม่ยืนอยู่ กาหลงดีใจเดินเข้าไปหา...
“แม่จ๋า...”
แม่กลอยเดินตรงเข้ามาหาแล้วทุบตีกาหลง...
“นังกาหลง เอ็งหายหัวไปไหนมา ไม่รู้รึไงว่าข้าเป็นห่วงเอ็งมากแค่ไหน ทำไมทำตัวอย่างนี้”
แม่กลอยพูดไปตีไป ร้องไห้เพราะเป็นห่วง
“แม่...”
กาหลงรู้สึกดีที่แม่เป็นห่วง แม่กลอยได้สติผลักกาหลงออกห่าง
“ฉันขอโทษจ้ะ ฉันเห็นฝนลงปลาคงขึ้น ฉันไปทงเบ็ดมาจ้ะ”
“ไปไหนไม่บอกความ…รึคิดแยกเรือนอยู่กับผัว ไม่สนแม่สนน้อง แต่เล็กจนโตข้าวสุกข้าหมดไปเพราะเอ็งกี่เกวียนแล้วรู้มั่งไหม”
“ไม่เป็นอย่างนั้นแน่เทียว...ถึงฉันออกเรือน ฉันยังมีใจดูแลแม่กับน้องเหมือนที่เคยทำ”
กาหลงนั่งลงตรงหน้าแม่แล้วก้มลงกราบเท้า แม่กลอยแปลกใจ
“ยกโทษให้ฉันเถิดที่พลั้ง...ฉันสุขแท้ที่ได้เจอแม่ นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้อยู่แทนคุณแม่อีกแล้ว”
แม่กลอยแปลกใจที่ลูกสาวพูดอย่างนั้น
“ฉันรู้ว่าชีวิตมันค่ามากเพียงใด...หลังจากนี้ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อแม่ ทำให้แม่มีความสุขจ้ะ”
กาหลงเข้าสวมกอด แม่กลอยซึ้งใจน้ำตาไหลรีบปาดน้ำตา ดันตัวกาหลงออก
“ไม่ต้องกระแดะเอาคำยี่เกมาพูด”
ชบาวิ่งเข้ามา
“อยู่นี่เอง ปล่อยให้ฉันพล่านหาทั่วทุ่ง”
“เอ็งเจอกาเหว่ามันหรือไม่” แม่กลอยถาม
“ไม่เจอจ้ะ”
แม่กลอยและกาหลงแปลกใจที่กาเหว่าหายไป...

นายเรือถ่อเรือไปตามคลอง กาเหว่าหลบอยู่ในเรือนอนหลับด้วยความอ่อนแรง...เรือลอยไกลออกไปจากเขตหมู่บ้าน

จบตอนที่ 3

อ่านต่อตอนที่ 4 เวลา 17.00น.
กำลังโหลดความคิดเห็น