xs
xsm
sm
md
lg

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 4

ทางด้านหลังของบริษัทฯ ติณห์ยังนั่งคิดหนักอยู่

"ชั้นขอเดาว่า ลูกค้าที่มา ไม่ได้มาเพราะงานการออกแบบตกแต่ง แต่ต้องมาเพราะเรื่องผีๆ สางๆ ไม่ก็เรื่องไสยศาสตร์" ไตรรัตน์บอก
"ทำไมคนสมัยนี้ถึงได้ฮิตเรื่องไสยศาสตร์จัง โลกก้าวหน้าขนาดนี้ เทคโนโลยีไปถึงไหนแล้ว แต่คนมันยังมาเสกตะปูเข้าท้องคนกันได้" ติณห์บอก
"เพราะเทคโนโลยี่ มันตอบโจทย์บางอย่างของคนเราไม่ได้ไง"
"โจทย์อะไรวะ ชั้นว่า เพราะคนเรามันอยากได้ของคนอื่น อยากทำร้ายคนอื่น แล้วก็อยากยิ่งใหญ่เหนือคนอื่น แล้วก็เลยอยากได้ตัวช่วยที่มันเหนือธรรมชาติมากกว่า"
"มันก็คือความโลภ โกรธ หลงหรือสรุปว่าเห็นแล้วนั่นแหละ แกไปดูเลย ถ้าคนที่เพียงพอ และพอเพียง พอใจในสิ่งที่เขามีอยู่ เขาจะไม่เล่นไสยศาสตร์กันหรอก ชั้นรู้แล้ว เราต้องชวนคุณรสไปพักที่รีสอร์ตนายซักทีละ นอกจากจะได้ไปสืบว่าใครคิดร้าย ถึงกับใช้วิชาศาสตร์มืดมนตร์ดำกะครอบครัวนายแล้ว เผลอๆ การเปลี่ยนบรรยากาศ อาจทำให้ชั้นกะคุณรสได้ลงเอยกันซะที กิ๊วๆ"
ไตรรัตน์สีหน้าหวังผลมาก
"ลงเอย..แปลว่าอะไร"
ไตรรัตน์ไม่อยากบอก
"เอ่อ..."
"ลงเอยทำไม ลงเอยกับคุณรสยังไง"
อยู่ๆ กรรัมภาวิ่งเข้ามาแล้วทิ้งตัวร่วงผล็อย ล้มแอ้งแม้งบนพื้นหญ้า หน้าตาตื่นช็อก สองหนุ่มงงว่าเธอเป็นอะไร อรวรรณเดินผ่านมา กำลังจะเอาน้ำเย็นไปให้แขก พบกรรัมภานอนบนหญ้าตกใจ วางถาดรีบเข้าไปดู
อรวรรณกวักมือผ่านหน้าไปมา
"คุณแก้ม..เป็นอะไรคะ โหลๆๆ"
"เท่าที่มองด้วยตาเปล่า คิดว่าอาการเหมือนเวลาแก้มเค้าเจอดาราเกาหลี" ไตรรัตน์บอก
"อาการอย่างนี้ ใช่อาการลงเอยกับดาราเกาหลีหรือเปล่า"
"เอ้ย...ไม่ใช่ๆ"
อรวรรณตกใจ
"คุณไตรรัตน์ไปสอนอะไรคุณติณห์เค้าอีกล่ะ"
ไตรรัตน์ปฎิเสธพัลวัน กรรณากับก้องฟ้าเข้ามา
"ทุกคน โปรดอย่าตกใจ ปาร์คจุนจีอยู่ในบ้านค่ะ" กรรณาบอก
ติณห์กับไตรรัตน์ถึงบางอ้อ
"อ๋อ...มิน่า"
"ถ้าผมทำตัวเป็นปาปารัซซี่ แอบถ่ายรูปเค้าไปขาย ผมควรจะได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่" ก้องฟ้าถาม
ติณห์บอก
"สี่หมื่น"
"ห้าหมื่น" ไตรรัตน์บอก
อรวรรณกระแอมที่เชิงปรามทั้ง 3 หนุ่ม กรรณาบอก
"หนุ่มๆฟังให้ดี ตราบใดที่ลูกค้าคนนี้ยังไม่กลับ ห้ามใครเข้าไปก่อกวนเด็ดขาด เพราะเขาต้องการความเป็นส่วนตัวมาก และ นี่เป็นโอกาสทองที่เราจะได้ทำงานใหญ่ระดับอินเตอร์ที่จะพลาดไม่ได้"
กรรัมภาลุกพรวด
"ใช่ๆๆ นี่เป็นโอกาสทอง ชั้นจะได้ใกล้ชิดกับจุนจี"
กรรัมภาจะออกไป แล้วชะงัก รีบหยิบกระเป๋าหาเครื่องสำอาง
"เดี๋ยว..จะไปหน้าสดไม่ได้ ต้องสวย ต้องประทับใจ"
กรรณาบอก
"โดยเฉพาะแก..ยัยแก้ม เพื่ออนาคตบริษัท แกก็ต้องอยู่ตรงนี้ ห้ามเข้าไป เด็ดขาด!"
กรรัมภาชูสามนิ้ว แต่มือสั่นมาก
"ไม่ๆชั้นไม่สติแตกหรอก ชั้นสัญญา"
"ไม่ได้! ก๊อง เฝ้ายัยแก้มไว้ เดี๋ยวให้สองร้อย"
"ครับผม"
"ป้าออ เดี๋ยวหนูเอาน้ำไปเอง ป้าออดูยายแก้มไว้ค่ะ หนูไม่ไว้ใจผู้ชายพวกนี้ ไม่ว่าใครทั้งนั้น" อรวรรณพยักหน้ารับแบบมึนๆ
กรรณาแย่งถาดน้ำ ออกไป ก้องฟ้ากับป้าอรวรรณกันกรรัมภาเอาไว้ไม่ให้ออกไป กรรัมภาเซ็งๆ ได้แต่ชะแง้มอง กรรัมภาหงอย แต่ก็ดีใจ ตื่นเต้น
"จุนจี...จุนจี...จุนจี"
"คุณแก้ม ท่องไว้ค่ะ มีสติ มีสติ"
หนุ่มๆส่ายหัว ติณห์นึกได้
"จริงๆ น่าจะชวนสาวๆทุกคน ไปสืบเรื่องแปลกๆ ที่รีสอร์ตผมก่อนนะ เรื่องดาราเกาหลีอะไรนี่ มันไร้สาระจริงๆ"

ลีจองกุ๊ก จุนจี กินน้ำที่กรรณเอามาให้ ขณะที่พวก 4 สาวกำลังซักถามข้อมูลเบื้องต้น โดยที่ญาณินเป็นคนนำในการสอบถาม เนตรสิตางศุ์คอยบันทึกข้อมูลไว้
"ปวดหัว แต่หาสาเหตุไม่พบ บางครั้งได้ยินเสียงแว่ว บางครั้งก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าด้วย แล้วคุณเคยรู้สึกเหมือนมีใคร หรืออะไรติดตามคุณบ้างหรือเปล่า" ญาณินถาม
จุนจีนิ่ง ไม่ตอบ
"คุณปาร์คจุนจี บอกความจริงไปให้หมดเลยครับผม" พงษ์ศักดิ์บอก
"พวกคุณจะสอบถามผมไปเพื่อ..."
"เราพยายามจะช่วยหาทางออกให้กับปัญหาของคุณไงคะ คุณเคยเห็นหรือสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของวิญญาณบ้างหรือเปล่า" สุคนธรสว่า
จุนจีถามกับลีจองกุ๊ก
"คนพวกนี้เป็นใคร"
"จุนจี ให้ความร่วมมือหน่อย"
เนตรสิตางศุ์อ้อนวอน
"กรุณาตอบคำถามพวกเราเถอะนะคะ"
จุนจีลุกเดินไปทางหน้าต่าง มองออกไปข้างนอก ญาณินลุกตามมา
"คนที่เห็นผี หรือมีเซนส์บางอย่างที่สัมผัสพลังงานของวิญญาณได้ ไม่ได้แปลว่าผิดปกติหรือเป็นคนป่วยนะคะ"
"ผมไม่มีเซนส์ไม่มีสัมผัสอะไรทั้งนั้น พอใจหรือยังครับ"
ลีจองกุ๊กตามมาดุๆ
"จุนจี! ทุกคนทำเพื่อช่วยนายอยู่นะ"
สุคนธรสบอก
"ตั้งแต่คุณเข้ามา ชั้นก็ได้กลิ่นวิญญาณติดตามเสื้อผ้าของคุณแล้ว ตอนนี้ก็ยังมี"
กรรณาสำทับ
"ชั้นก็ได้ยิน...เสียงผู้หญิงสูงอายุ แว่วๆอยู่รอบๆบ้านนี้"
"เนตรก็เห็นพลังงานจางๆที่ด้านนอก เขาเข้ามาไม่ได้" เนตรสิตางศุ์บอก
"เขาคงจะเป็นใครสักคนที่รักคุณมาก หรือไม่ก็มีเรื่องอยากขอให้คุณช่วยเหลือ เขาถึงได้ตามคุณไปทุกที่ ชั้นพูดถูกมั้ย" ญาณินบอก

จุนจีอึ้งไป

ทางด้านหลัง ติณห์กระซิบไตรรัตน์

"ไม่อยากให้พวกสาวๆไปรับงานคนอื่นอ่า อยากให้ไปที่รีสอร์ตกันก่อน นายว่าชั้นเห็นแก่ตัวไปไหมวะ"
"ไม่เห็นแก่ตัวหรอก ชั้นก็ไม่อยากเหมือนกัน เดี๋ยวคุณรสก็จะไปหมกมุ่นกะงาน จนทำให้ไม่มีเวลามาดูแลปรนนิบัติเอาใจชั้น"
"ปรนนิบัติ แปลว่าอะไร"
"แปลว่าอะไรก็ช่างเถอะ แต่ถ้านายอยากจะไล่ให้ลูกค้าเกาหลีคนนี้ไปให้พ้น ชั้นมีวิธี"
"ยังไง"
ไตรรัตน์หันไปมองอรวรรณกับก้องฟ้าที่กำลังยืนรุมกรรัมภาอยู่ ก้องฟ้ายืนอ้าแขนขัดขวาง อรวรรณรวบแขนไว้ ไตรรัตน์หลิ่วตากับติณห์ แล้วเข้าไป
"ป้าออครับ ไอ้ฝรั่งมันปวดศีรษะมากเลยครับ ขอยาหน่อยได้ไหมครับ เรื่องคุณแก้มไม่ต้องห่วง พวกผมจะรวบตึงไว้ให้เอง"
"โอ๊ย...ปวดหัวมากๆ เวรี่ๆๆปวดหัว ต้องการยา ไอว้อนท์ยา ไอนี้ดยา ไอเลิฟยา..เอ้า! ไม่ใช่แระ"
"ค่ะๆๆ รอแป๊บ ฝากคุณแก้มด้วยนะคะ"
ไตรรัตน์กับติณห์พูดพร้อมกัน
"ไม่ต้องห่วงก๊าบ"
อรวรรณรีบไป พอคล้อยหลัง กรรัมภาก็หันมาจริงจัง
"ก๊อง..ยัยกรรณจะให้เธอสองร้อยใช่ไหม ถ้าเธอขัดขวางฉันไว้ แต่ถ้าเธอปล่อยชั้นไป ชั้นให้ 500เลยเอ้า"
"หา..อะจิงดี้"
"ปล่อยยัยแก้มไป ชั้นช่วยสมทบอีก 200"
"เป็น7 แต่..ผมกะพี่กรรณจะมีปัญหากันนะ พี่น้องจะต้องแตกคอกัน"
"ชั้นอีก300 พอจะช่วยแก้ปัญหาครอบครัวนายได้ไหมก๊อง" ติณห์บอก
"รวมแล้ว พันถ้วน ผม...ผมคงต้องคิดหนักมากๆ มันเป็นเรื่องของจริยธรรม"

กรรัมภาเล็ดลอดเข้ามาในบ้าน ก้องฟ้าตามหลังมา ทั้งสองคลานๆ แอบๆ มุดๆ ก้มๆ ไม่ให้ใครเห็น เข้าไปใกล้ๆ กรรัมภาสะพายกระเป๋าที่ข้างในใส่อัลบั้มสะสมรูปกับตุ๊กตาจุนจีน้อยมาด้วย
"พี่แก้ม...พี่รับปากผมแล้วนะว่าจะมาแอบฟังเฉยๆ ห้ามโผล่ออกไปเด็ดขาดนะ"
"ชั้นแค่อยากได้ยินว่า จุนจีมาที่นี่ทำไม แค่นั้นเอง"
กรรัมภาขยับเข้าไปใกล้ๆ อยากได้ยินว่าคุยอะไรกัน

จุนจีทำท่าจะกลับ แต่ลีจองกุ๊กและพงษ์ศักดิ์ห้ามไว้
ญาณินบอก
"พวกเราสื่อสารกับวิญญาณได้ เราช่วยหาคำตอบเรื่องราวทั้งหมดให้คุณได้ ขอแค่คุณไว้ใจพวกเรา"
"จองกุ๊ก...พาชั้นกลับเดี๋ยวนี้"
"ใจเย็นๆ ก่อนสิจุนจี แกหัดเปิดใจหน่อยได้ไหม"
"แกจะกลับหรือไม่กลับ"
กรรัมภา และก้องฟ้าแอบฟังอยู่
"เอ่อ โอเคๆ กลับก็กลับ แต่ไหนๆเราก็มาถึงนี่แล้ว เช่าผ้ายันตร์หรือน้ำมนต์กลับไปด้วยซะหน่อยแล้วกันนะ" พงษ์ศักดิ์บอก
"เราไม่ได้มีไว้ขายค่ะพี่ป๋อง ถ้าไม่ศรัทธา บูชาอะไรไปก็เปล่าประโยชน์"
กรรัมภาและก้องฟ้าตั้งใจฟัง
"ถ้าแกไม่กลับเดี๋ยวนี้ ชั้นขอยืนยันได้เลยว่า พรุ่งนี้แกจะไม่ได้เห็นชั้นไปกองถ่ายละครอีก ชั้นจะบินกลับเกาหลีทันที"
กรรัมภาได้ยินว่าจุนจีจะกลับ ตกใจร้อง "หา!"
ลีจองกุ๊กกับพงษ์ศักดิ์โพล่งพร้อมกัน
"เฮ้ย ไม่ได้นะ"
"ชั้นไม่ได้อยากมาที่นี่แต่แรกอยู่แล้ว ละครก็ไม่ได้อยากแสดง แต่เป็นออเดอร์บริษัท เพราะฉะนั้น ไม่มีความจำเป็นที่ชั้นจะต้องแคร์อะไรกับละครเรื่องนี้"
กรรัมภาทนไม่ไหว โพล่งออกมาจากที่หลบ
"คุณจะต้องแคร์! แคร์อย่างมากๆด้วย"
ทุกคนอึ้งที่กรรัมภาโผล่มา ก้องฟ้ากุมขมับ งานเข้า ตายแน่ๆ กรรัมภาพยายามอธิบายและอ้อนวอนจุนจีโดยใช้ข้อเท็จจริงเชิงลึกที่รู้มา
"ปาร์คจุนจี ถึงคุณจะไม่อยากถ่ายละครเรื่องนี้ แต่คุณก็ต้องทำ ไม่ใช่ทำเพื่อแฟนคลับคนไทย..แต่ทำเพื่อพ่อแม่ของคุณ"
จุนจีสนใจฟังขึ้นมาทันที
"พ่อและแม่ของคุณมีความฝันลึกๆ ว่าอยากกลับมาอยู่เมืองไทย ให้ลูกชายเล่นละครไทย เป็นซุปเปอร์สตาร์ที่เมืองไทย"
"อะไรนะ"
"แล้วตอนนี้แม่คุณก็ป่วยด้วยโรคร้ายอยู่ไม่ใช่เหรอ...คุณควรจะต้องทำความฝันของท่านให้สำเร็จสิ"
ลีจองกุ๊กอึ้งอ้าปากค้าง พงษ์ศักดิ์จับหัวตัวเองทั้งสองมือ มึนตึ๊บ จุนจีเดินพุ่งเข้าหากรรัมภา คว้าหมับที่ต้นแขน กระชากมาเขย่า คาดคั้น!
"คุณรู้เรื่องครอบครัวของผมได้ยังไง คุณสืบเรื่องของผม ทำไม ต้องการอะไร"
"โอ๊ย เบาๆ"
"จุนจี...ปล่อยก่อนๆ" ลีจองกุ๊กบอก
กรรณาบอก
"ปล่อยเพื่อนชั้น"
ลีจองกุ๊กและพงษ์ศักดิ์พยายามดึงตัวจุนจีออกมา พวก 4 สาวก็เข้ามาแยกกรรัมภาออก ดึงแรงจนเหมือนชักเย่อ จนทำให้กระเป๋าส่วนตัวของกรรัมภาหล่นพื้น อัลบั้มรูปกระเด็นออกมา กรรัมภาแก้มแดงเขิน
จุนจีเห็นรูปของตนเต็มไปหมด หยิบรูปมาดู เป็นรูปจุนจีในแฟชั่นเซ็ตต่างๆ แนวถอดเสื้อบ้าง ใส่เสื้อเปียกๆบ้าง แล้วโฟโต้ช็อปเอารูปกรรัมภาไปอิงแอบ
"รูปชั้น นี่เธอ เธอทำอะไรกับรูปของชั้น แล้วนี่ ตุ๊กตาตัวนี้"
จุนจีหยิบตุ๊กตาจุนจีขึ้นมามองอย่างคุ้นๆ
"ชั้นทำเองกับมือเลยค่ะ" กรรัมภาโชว์มือแบบจงใจอวดถุงมือ
จุนจีเห็นถุงมือ ยิ่งคุ้นมากขึ้น คิดทบทวน ถึงตุ๊กตาใส่ถุงมือในห้องนอนคนไข้ นึกถึงพยาบาลคนนั้น
"เธอ พยาบาล"
จุนจีจำได้ว่าเคยเห็นกรรัมภาในชุดพยาบาล เธอยิ้มกระหยิ่ม
"จำได้แล้วใช่มั้ยคะ"
"ชั้นไม่ได้ฝัน แสดงว่าเธอปลอมเป็นนางพยาบาลที่แอบเข้าไปในห้องพักคนไข้ แล้วก็ขโมยหอมแก้มชั้น และไม่รู้ว่าแอบขโมยทำอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า"
เพื่อนๆกรรัมภา ถึงกับเหวอ...
"ไม่นะคะๆ แค่หอมแก้มก็จะเป็นลมแล้วค่ะ"
"คุณต้องเป็นพวกโรคจิตแน่และบริษัทนี้ของคุณมันก็คงจะเปิดเอาไว้ต้มตุ๋นหลอกลวงคนสินะ...มากันเป็นแก็งค์ วางแผนกันมาเป็นขั้นเป็นตอน สื่อสารกับวิญญาณได้งั้นเหรอ พวกคุณมันสิบแปดมงกุฎ"

กรรัมภาหน้าซีด ทำเรื่องซะแล้ว จุนจีเดินออกไป ลีจองกุ๊ก พงษ์ศักดิ์ตามไป กรรัมภาถือตุ๊กตา วิ่งตาม

จุนจีเดินออกมา กรรัมภาตามมา พร้อมตุ๊กตาในมือ

"หยุดก่อน ปาร์คจุนจี! พวกเราไม่ได้เป็นสิบแปดมงกุฎ"
"วิธีหากินที่ดี มีเกียรติและมีศักดิ์ศรีความเป็นคนกว่านี้ ไม่มีแล้วเหรอ"
"มันจะมากไปแล้วนะคุณจุนจี! ทำไม ชั้นก็แค่แฟนคลับคุณคนนึง ที่รักและศรัทธาในตัวคุณ"
"ยังกล้าพูดอีก หน้าไม่อาย อย่าไปบอกใครนะว่าเป็นคนไทย อายเค้า"
"คุณ!"
ติณห์ ไตรรัตน์ อรวรรณเดินอ้อมตัวบ้านมาดู เพราะได้ยินเสียงเอะอะ
"คุณแก้ม เกิดเรื่องจนได้" อรวรรณบอก
ติณห์แกล้งสำนึกผิด
"ผมขอโทษ ผมไม่น่าปวดหัวเลย"
ก้องฟ้าตามเข้ามาสมทบแบบตัวลีบๆ ไตรรัตน์บอก
"เดินตัวลีบมาเลยนะ เพราะนายคนเดียว ก๊อง พวกเราห้ามแล้วก็ไม่ฟัง"
ก้องฟ้าทำหน้า อ้าว..ซวยซะงั้น
"นายก๊อง นี่แน่ะๆๆ เราเสียงานใหญ่ไปแล้ว แล้วใครจะรับผิดชอบ" อรวรรณบอก
ติณห์บอก
"ผมรับผิดชอบเอง เพื่อปลอบใจทุกคน ที่พลาดงานนี้ ไปเที่ยวพักผ่อนที่รีสอร์ตผมกันให้หมดเลย ดีไหมครับ ป้าออไม่คิดถึงคุณทนายสมชาติเหรอ เขาคิดถึงป้ามากเลยนะครับ"
"จริงเหรอ งั้น...ไม่รับงานนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะ"

จุนจีดึงตุ๊กตาจุนจีน้อยมาจากมือกรรัมภา
"ตุ๊กตาคู่กันเหรอ งี่เง่า ปัญญาอ่อน โยนลงถังขยะไปเถอะ มันจะได้ไปอยู่กับคู่ของมันไง"
จุนจีโยนตุ๊กตาใส่กรรัมภา แต่กรรัมภาไม่ทันรับ ตุ๊กตาตกพื้น เธอกำมือแน่น เจ็บปวด น้ำตาไหล
ลีจองกุ๊กบอก พลางโค้งให้กรรัมภา
"จุนจี เอ่อ...ผมขอโทษด้วยนะครับ คุณคนสวย"
"เด็กๆ ใจเย็นๆนะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนะๆ" พงษ์ศักดิ์บอก
ไตรรัตน์และติณห์เห็นภาพนั้น ต่างเป็นเดือดเป็นแค้นแทน จะเข้าไปลุย
"อ้าว เฮ้ย...ไอ้นี่ ถือว่าเป็นดาราเกาหลีแล้วจะทำอะไรกับใครก็ได้งั้นเหรอ ทำร้ายจิตใจคนอื่นเกินไปแล้ว" ไตรรัตน์บอก
ติณห์พับแขนเสื้อเตรียมพร้อม
"เวรี่แบด เลวมาก"
อรวรรณพยายามหยุดทั้งคู่
"คุณไตร คุณติณห์"
ติณห์นึกอะไรขึ้นได้
"ก๊อง...นายช่วยแยกไอ้กล้ามโตตาตี่ไปอีกทาง ได้ไหม"
"ครับ"
ติณห์ล็อกคอไตรรัตน์
"ส่วนแก...เราต้อง manage ไอ้ superstar ให้มันเข็ดไปจนวันตาย"
"manage..แมเนจอะไร...ทำไม"
"แมเนจ แปลว่าจัดการไม่ใช่เหรอวะ ไป เราไปแมเนจมันกัน"
"โอ้ เยส...โก...แมเนจฮิม"
ทั้งคู่ไม่คอยท่า วิ่งออกไปทั้งคู่
ก้องฟ้ารีบไปถ่วงเวลาลีจองกุ๊กและพงษ์ศักดิ์ตามที่ติณห์บอก
"คุณ...คุณ...จะไปทำอะไร โอ๊ย...เวรกรรม" อรวรรณร้องเรียก

ลีจองกุ๊กและพงษ์ศักดิ์จะรีบตามจุนจีไป แต่โดนก้องฟ้าเข้ามาขวางไว้
"ถึงพี่รสจะไม่ให้พวกคุณบูชาของขลัง แต่...ผมมีของเด็ดๆ สูตรแม่หมอสุคนธรส มานำเสนอ สนใจป่าว"
กรรัมภายืนแข็งอย่างนั้นอยู่ กำหมัดแน่นน้ำตาไหล เพื่อนๆคอยปลอบอยู่ข้างๆ

จุนจีเดินออกมาที่รถ พบว่าติณห์กับไตรรัตน์ยืนเท่ๆ ดักรออยู่
"เป็นซุปตาร์เกาหลีงั้นเหรอ...เคยกินต้มยำซูเปอร์แบบไทยๆไหม" ไตรรัตน์ถาม
"ต้มยำซูเปอร์...อะไร" จุนจีถาม
"ต้มยำเท้าไก่" ติณห์บอก
"ตีนไก่"
จุนจีถาม
"พวกนายเป็นนักเลงคุมแก๊งค์สาวๆ โจรต้มตุ๋นนี่เหรอ"
"ใช่ เราเป็นแมงดา" ติณห์บอก
ไตรรัตน์ร้อง
"เฮ้ย"
"อ้าว...วันก่อนชั้นดูข่าวทีวี เขาบอกว่า พวกผู้ชายที่เป็นนักเลงคุมสถานที่ที่มีผู้หญิงทำงานบริการกันหลายๆคน ภาษาไทยเรียกว่าแมงดา"
"ไอ้ฝรั่งเอ๊ย แกเข้าใจผิดหมดแล้ว เงียบไว้จะดีกว่ามั้ย"
"งั้น เอาใหม่...ไอ้ตี๋เกาเหลา ถ้านายจะไม่เชื่อเรื่องผีหรือวิญญาณ ก็ได้แต่อย่ามาดูถูกคนที่เชื่อ เพราะคนที่นี่ เขามีเอ็กซพีเรียนซ์ แปลว่าเขามีประสบการณ์ มาก่อน"
"เรื่องที่พวกสาวๆ โดนดูถูกจากคนไร้ประสบการณ์วิญญาณ พวกเค้าชินแล้ว พอจะให้อภัยได้ แต่ไอ้การดูถูกความรัก ดูถูกความรู้สึกดีๆ ของคนอื่นที่มีให้กับตัวแกเองนี่สิ มันอภัยกันไม่ได้จริงๆ"
"ใช่...แล้วสุภาพสตรีที่เป็นแฟนคลับนายคนนั้น เขารักนายมาเป็นปีๆ หลงใหลเครซี่ และดรีมออฟยูมาตลอด พวกชั้นต้องทนดูรูปขี้เหร่ๆ แล้วก็ฟังเรื่องบุลชิต...เหลวไหลของนาย ที่ยัยแก้มเค้าเพ้อถึงจุนจีๆๆๆจนหูจะเปื่อยอยู่แล้ว พวกชั้นยังไม่เคยบ่นเลย เพราะพวกชั้นเคารพความรักอันบริสุทธิ์ของเค้า"
ติณห์หันไปถามไตรรัตน์
"พูดถูกมั้ย
"ถูกทุกคำ"
จุนจีบอก
"ความรักอันบริสุทธิ์เหรอ ตลก เด็กผู้หญิงพวกนี้หลงรักตัวตนปลอมๆ ที่ต้นสังกัดชั้นปั้นขึ้น เหมือนเด็กๆ หลงรักตัวการ์ตูนในหนังสือ ซึ่งไอ้ตัวการ์ตูนนี้ มันแค่ยืมรูปร่างหน้าตาของชั้นไปเท่านั้นล่ะ แต่มันห่างไกลจากตัวตนจริงๆ ของชั้นมากนัก แล้วเด็กพวกนี้ เคยรู้หรือเปล่า ว่าตัวตนชั้นจริงๆมันเป็นยังไง"
ติณห์ ไตรรัตน์ ขยับใกล้เข้าประจันหน้าจุนจี
"ตัวตนของยู มันก็เป็นแค่ไอ้คนหยาบคาย ไม่มีมารยาท ไม่เป็นสุภาพบุรุษไง ไปเลยไป ไปแล้วไปลับ ไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีก" ติณห์บอก
"ใช่ ขอให้มีความสุขกับผีของแกไปตามอัตภาพก็แล้วกัน ชิ้วๆๆ"
จุนจีพูดเกาหลีความว่า
"อย่าคิด ว่าชั้นจะมาเหยียบออฟฟิศของพวกมารสังคมอีก ไม่มีทางเว้ย"
ติณห์พูดอังกฤษ แปลความว่า
"สต๊อป...คิดว่าแกพูดภาษาต่างชาติเป็นคนเดียวเหรอ ชั้นก็พูดได้เว้ย... ไม่มีใครฟังภาษานายออก มันไม่สากล แน่จริงพูดอังกฤษสิ ไอ้เผือก"
จุนจีพูดเกาหลี
"เดี๋ยวชั้นจะโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจ ลากคอพวกแกไปเข้าคุก"
ไตรรัตน์ยืนฟังจุนจีกับติณห์เถียงกันเป็นภาษาต่างชาติ จนในที่สุดทนไม่ไหว เขาพูดจีนแบบมั่วๆ ความว่า
"คิดว่าพูดภาษาต่างชาติเป็นกันอยู่สองคนหรือไง ชั้นก็พูดเป็นโว้ย"

จุนจีกับติณห์อึ้ง

ลีจองกุ๊กกับพงษ์ศักดิ์ถูกก้องฟ้ากันเอาไว้ที่หน้าประตูบริษัทฯ เขาหยิบของในตัวเองออกมา
 
"นี่ ปากกาอาคม เขียนอะไรไป รับรองผีอ่านไม่ออก... แล้วนี่ เข็มขัดพิชิตมาร ถอดออกมา รับรองมารไม่เข้าใจ" ก้องฟ้าพูดพลางถอดเข็มขัดออกมาแถ
"เอาๆๆ"

ติณห์ ไตรรัตน์รุมด่าจุนจี
"โกทูเฮล" ติณห์ว่า
"หลงจ๊ง เก๋าเจ๊ง ซี้ซั้วต่า" ไตรรัตน์ว่า
"Your father and Your mother eat shit!"
"นี่ด่าถึงพ่อแม่เลยเหรอ"
จุนจีจะต่อยปาก ติณห์หลบ จุนจีพลาด
"นี่ต่อยเลยเหรอ"
ติณห์ตาลุก พุ่งเข้าใส่ แต่จุนจีมีทักษะด้านการบู๊ หมุนตัวหลบไปได้ ติณห์พลาดเป้า ไตรรัตน์พุ่งใส่อีกคน จุนจีก้มหลบ พลิ้วยังกับท่าเฉินหลง ไตรรัตน์พลาดอีก ยืนงง
"แกคงไม่รู้สินะว่า ศิลปินอย่างชั้น ต้องเรียนศิลปะป้องกันตัว ทุกแขนง คิวบู๊ทุกประเภท เดือนละกี่ชั่วโมง ว่างๆก็ไปหาหนังที่ชั้นแสดงมาดูบ้าง คราวนี้...เจอเตะแบบเทควนโด้มั่ง"
จุนจีโดดเตะ 4 หน ติณห์หลบเลยไม่โดน
"จะมีใครทำอะไรกันได้บ้างไหมเนี่ย" ไตรรัตน์ถาม
"ชั้นไม่มีเวลาจะเล่นกะพวกแก เฮ้ย...ไป ไม่ต้องรอลีจองกุ๊ก"
จุนจีบอกคนรถ
"ไปไม่ได้ครับ"
"ทำไม"
ติณห์ชูกุญแจรถมาตรงหน้าจุนจี
"สงสัยแกต้องเดินกลับแล้วล่ะ"
จุนจีพยายามแย่ง แต่ไม่ได้ ติณห์โยนกุญแจไปให้ไตรรัตน์ จุนจีพุ่งเข้าหา ไตรรัตน์โยนกลับมาให้ติณห์ ติณห์รับไว้ จุนจีโมโห
"ไอ้พวกบ้า !"
จุนจีเผลอ ติณห์พุ่งเข้ามากระชากจุนจี เหวี่ยงเข้าไปในรถ แล้วปิดประตู ติณห์กับไตรรัตน์ช่วยกันยันประตูไว้ ไม่ให้จุนจีเปิดออกมาได้
"ฮ่าๆๆ ไอ้ตี๋เกาเหลาเอ๊ย โคตรซื่อบื้อเลย ชั้นจะขังแกอยู่ในนั้นยันเช้าเลย"
ไตรรัตน์กับติณห์หัวเราะก๊ากกัน จุนจีมองๆ มองไปหลังทั้งคู่ ส่ายหัว แล้วขยับไปนั่งตามสบาย กอดอก ทั้งคู่ตกใจที่เห็นลีจองกุ๊กเข้ามาเมื่อไหร่ไม่รู้ เขาแอบดึงกุญแจรถไปจากมือติณห์อย่างง่ายๆ
"ขอโต๊ดนาก๊าบ"
จุนจีหัวเราะร่า
"ไอ้พวกโตแต่ตัว ปัญญาน้อยเอ๊ย"
ลีจองกุ๊กโยนกุญแจให้คนขับรถ แล้วเดินขึ้นรถอีกด้านนึง คนขับขึ้นรถ และขับออกไป ติณห์กับไตรเซ็งๆแค้นๆ แล้วมองหน้ากัน ว่าแผนสำเร็จ
"มันคงไม่กลับมาแล้ว" ติณห์บอก
"ชั้นจะพาคุณรสไปฮันนีมูนที่รีสอร์ตแกนะ"
2หนุ่มแปะมือกัน

บริเวณใต้ต้นไม้ กรรัมภายังคงร้องไห้ พวก 4 สาวเป็นห่วงมาก
สุคนธรสบอก
"จะยืนยังงี้ยันเย็นเลยหรือไงแก้ม"
"ใจเย็นๆนะแก้ม ทุกอย่างไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก"
กรรัมภาบอก
"เขาไม่มีสิทธิ์ทิ้งของที่ชั้นอุตส่าห์นั่งทำหลังขดหลังแข็ง"
"เขาดังขนาดนั้น วันๆคงรับของขวัญไม่หวาดไม่ไหวนะแก้ม เค้าก็เลยอาจจะ..ไม่เข้าใจ ว่ามันมีความหมายขนาดไหน" เนตรสิตางศุ์บอก
"ไม่ใช่ไม่เข้าใจหรอก แต่ไม่ใส่ใจ คนแล้งน้ำใจ"
"ดีแล้ว เจ็บให้มากๆ จะได้หายโง่" กรรณาว่า
"หายโง่แล้ว ตาก็สว่าง เพราะโง่ย่อมมาก่อนฉลาด" ก้องฟ้าบอก
ญาณินปราม
"ยัยกรรณพอแล้ว เธออีกคนนะก๊อง เดี๋ยวต้องมาคิดบัญชีกัน"
กรรณาเบาลง ก้องฟ้าหัวเราะ แฮะๆ
"ยัยแก้ม แกจะไม่ขยับเลยจริงๆเหรอ เราจะเอาไงดี"
ญาณินบอก
"เพื่อนกันต้องไม่ทิ้งกัน ถ้าเธอจะยืนอยู่อย่างนี้จนฝนตก พวกเราก็จะอยู่กางร่มให้เธอเอง"
กรรัมภาทั้งเจ็บปวดปนแค้น
สุคนธรสเรียกไปรอบๆ
"โกลเดน... โกลเดน มาทำตลกอะไรให้ยัยแก้มขำหน่อยเร้ว"
เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ
"โกลเดนหายไปไหนไม่รู้จ้ะ ไม่ได้ตามกลับมา สงสัยจะอยู่เป็นเพื่อนคุณหลวงที่รีสอร์ตนั่นล่ะ ช่วงนี้คุณหลวงท่านเครียดๆ" ญาณินบอก

"อ้อ..งั้นแล้วไป...นึกว่าหายไปไหน"
 
อ่านต่อหน้า 2



สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 4 (ต่อ)

ภายในคอนโดฯ เวลากลางวัน อรวีอยู่ในห้องครัว กำลังปรุงเส้นสปาเก็ตตี้ในกระทะที่กำลังสุกหอมสวยงาม เธอในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ ท่าทางอิ่มสุข มีรอยยิ้มบนใบหน้า มีเสียงน้ำดังลอดมาจากในห้องน้ำ เพราะมีคนอาบน้ำอยู่

อรวีเอาอาหารมาจัดวางบนโต๊ะอาหาร เอาแจกันดอกไม้มาวางประดับ เพื่อให้อาหารมื้อนี้พิเศษๆ สวีทๆ หน่อย
"สปาเก็ตตี้หอยลายของโปรดคุณเสร็จแล้วนะคะ"
แล้วอยู่ๆมีเสียงมือถือดังขึ้น อรวีมองหาที่มาของเสียง จนเดินไปเห็นที่ปลายเตียง มีกางเกงผู้ชายถอดวางอยู่ อรวีเข้าไปหยิบมือถือ
อรวีมองเบอร์ เป็นเบอร์แปลก ไม่ขึ้นชื่อ ลังเลว่าควรรับหรือไม่รับดี เธอตัดสินใจกดรับ
"ฮัลโหล...คะ ค่ะ เขาอาบน้ำอยู่...หนี้ หนี้อะไรคะ"
อรวีอึ้งที่ได้ยินปลายสายพูดถึงตัวเลขหนี้ แต่แล้ว... อติเทพก็ย่นมือมากระชากมือถือ เขากดตัดสายทันที
"ทีหลังอย่ารับสายของชั้นอีก ถ้าไม่อยากให้ชั้นอารมณ์เสีย เพราะถ้าชั้นอารมณ์เสีย เธอจะลำบาก"
"คุณไปเป็นหนี้ใครตั้งเยอะแยะขนาดนั้น"
อติเทพกอดอรวีแน่น แล้วจูบแก้ม จ้องตา
"อย่าไปสนใจเลยนะ คนสวย แล้วก็จำใส่สมองไว้ด้วยเลย ว่าเธอจะไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้เด็ดขาด"
อรวีมีอาการกลัวๆ บอก
"ค่ะ อรวีสัญญา"
อติเทพอ่อนลง แล้วสังเกตเห็นอรวียังมีสีหน้าสงสัย แต่เก็บไว้ในใจ
"ดีมาก เด็กดี ว่าง่ายๆ จะได้เจอกันบ่อยๆ หน่อย ที่ชั้นไม่อยากให้เธอรู้ เพราะไม่อยากให้เธอต้องมาลำบากด้วย เข้าใจไหม สุดที่รัก แต่ถ้าเธออยากช่วยชั้นจริงๆ ก็มีอยู่ทางนึง ที่เธอต้องทำให้สำเร็จ" อติเทพพูดพลางลูบผมอย่างทนุถนอม
"จริงหรือคะ อรวีช่วยคุณได้ด้วยเหรอคะ"
"ได้สิคะ คนเก่ง ง่ายๆ แค่รีบๆเอาเอกสารพินัยกรรมไปให้นายจุนจีเซ็นซะ มรดกทุกอย่างของพิมพ์พิลาศจะได้เป็นของชั้นโดยสมบูรณ์ แล้วจากนั้น ชั้นก็จะรีบใช้หนี้ก้อนนี้ให้หมด แล้วเราก็จะได้มีชีวิตใหม่ จะได้รักกันได้อย่างเปิดเผยยังไงล่ะคะ"
"ถ้างั้น... อรจะรีบๆทำให้เร็วที่สุดค่ะ งั้นตอนนี้ ทานสปาเก็ตตี้กันก่อนเถอะนะคะ"
อติเทพดึงตัวอรวี ไม่ให้นั่ง
"อะอ้า... เธอไปแต่งตัวแล้วไปจัดการเรื่องเอกสารให้เสร็จ อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเร็วที่สุดค่ะ"
อติเทพเดินเข้าห้อง รีบไปแต่งตัว เหลือเพียงอรวีที่ยืนอยู่
สายตาใครบางคนมองจากระเบียงจ้องไปที่อรวี แล้วทันใด หน้าต่างนั้นก็ปิด..ปัง!! อรวีกำลังจะเดินตามไปแต่งตัว สะดุ้งตกใจ หันมามอง เธอพบว่า หน้าต่างนั้นยังปิดสนิทเป็นปกติ เธอแปลกใจ
เหนือจานเส้นสปาเก็ตตี้ลอยขึ้น แต่อรวีไม่เห็น มีเสียงซู้ดๆเหมือนใครบางคนกำลังกินอยู่
อรวีแค่แปลกใจ แต่ไม่ได้ติดใจอะไร แล้วเดินไป
วิญญาณโกลเดนเบบี๋ในชุดสีเทา นั่งมีเส้นสปาเก็ตตี้คาปากอยู่ แล้วมองตามอรวี ซึ่งเป็นน้องสาวฝาแฝดไปด้วยความเป็นห่วง
"เฮ้อ อรวี..พี่จะแก้ปัญหาให้น้องยังไงนะ ในเมื่อสัตว์โลก..ย่อมมีกรรมเป็นของตน..อ่านะ"

ผ่านเวลามา อติเทพขับรถเข้ามาจอดที่คฤหาสน์พิมพ์พิลาศ เขาเดินลงมากับอรวี มีวิญญาณโกลเดนเดินหน้าเศร้าตามมาด้วย
โกลเดนเบบี๋ปิดประตู “ปัง” ! อติเทพ อรวี หันกลับไปมอง เห็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงเดินต่ออย่าง งงๆ เล็กน้อย
"บ้านนี้อีกแล้ว ไม่ชอบบ้านนี้เลย ไม่ชอบคนบ้านนี้แม้แต่คนเดียว โดยเฉพาะ อีตาคุณผู้ชายของพี่นี่แหละ"
พิสมรยืนรออยู่หน้าบ้าน หน้าตาท่าทางพร้อมจะคาดคั้นเอาเรื่อง
อติเทพถาม
"ไม่มีงานทำเหรอ ถึงมายืนทำหน้าเป็นตูดอยู่ได้"
อติเทพจะเดินผ่านไป อรวีก้มหน้าอย่างเจียมตัวเดินตามไป
พิสมรบอก
"วันนี้มีโทรศัพท์มาถึงคุณหลายสาย แต่ธุระเดียวกันทั้งหมด"
อติเทพรู้อยู่แล้วว่า พิสมรหมายถึงเรื่องอะไร
"ทนายสมชายมาหรือยัง"
"คิดเหรอคะว่ามีทนายประจำตัวคุณหญิงเป็นพวกแล้วคุณจะรอดพ้นความผิดไปได้ ทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องได้ผลอย่างนั้น"
อติเทพเหลืออด คิดจะกวนตีน มองไปรอบบ้านเห็นว่าไม่มีใครอยู่
"ปากมากยังงี้ คิดว่าอีกไม่นานคงได้ลงโลงตามเจ้านายไปแน่"
พิสมรหันมาจ้องอรวี
"แล้วทำไมถึงมาด้วยกันได้ล่ะคะ คุณอรวี แปลกจัง ทำไมคุณไม่มาพร้อมทนายสมชาย เจ้านายคุณ คราวนี้มาพร้อมคุณผู้ชายของชั้น"
อรวีอึกอัก
"เอ่อ...คือ"
"ชั้นเจอเค้ายืนรอมอเตอร์ไซค์วินอยู่ที่ปากซอย แดดร้อนเปรี้ยงๆ เลยเวทนารับขึ้นรถมา อย่าใจสกปรกนักเลย คนเรา แก่ก็อยู่ส่วนแก่เถอะ"
อติเทพพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป อรวีร์รีบตาม พิสมรแค้น โมโห
โกลเดนเบบี๋

"อย่าโกรธเกรี้ยวนักเลยค่ะป้า ชีวิตคนเราสั้นนิดเดียว เสียเวลาไปกับการโกรธเกลียดตั้เยอะแยะ..เฮ้อ แต่ป้าก็มีกรรมเป็นของป้านะคะหนูก็เหมือนกัน ถึงต้องมาเป็นกุมาริกาอยู่จนถึงทุกวันนี้"

อติเทพเดินเข้ามาในบ้าน ทนายนั่งรออยู่ก่อนแล้ว อรวีตามมาไหว้ทนาย ทนายรับไหว้ รีบลุกต้อนรับอติเทพ

"คุณอติเทพ เรื่องที่คุณขอมาด่วน...ผมช่วยคุณไม่ได้จริงๆครับ"
อติเทพโวยวาย
"ทำไมถึงไม่ได้! ผมต้องการแค่เศษเงินของภรรยาผม ล้านสองล้านวันนี้ จากบัญชีออมทรัพย์ของเมีย ที่พอเธอตาย มันก็ควรเป็นของผมก่อนอื่นเลยไม่ใช่เหรอ"
"คุณมีสิทธิครับ..ถ้าคุณพิมพ์พิลาศไม่ได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ แต่ในเมื่อเจตจำนงสุดท้ายของผู้ตายระบุไว้เช่นไร ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามนั้น เท่านั้นครับ"
"นี่...ถ้าคุณซิกแซกได้ ผมมีค่าน้ำร้อนน้ำชาพิเศษให้นะ" อติเทพต่อรอง
"ผมเป็นทนาย คุณอย่าให้ผมต้องทำเรื่องผิดกฎหมายเลยครับ"
อติเทพฉุนขาด
"คุณก็ได้ยินไม่ใช่เหรอ ที่ไอ้เกาหลีบ้ามันประกาศ ว่ามันไม่เอาอะไรสักสลึงเดียวของพี่พิมเพราะฉะนั้น ทำไมชั้นจะเบิกเงินของชั้นไม่ได้ เอาเงินของชั้นมา"
"ถ้าอย่างนั้น ผมก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องยากอะไร ที่คุณจะเอาเอกสารไปให้คุณจุนจีเซ็นยอมรับตามที่ระบุในพินัยกรรมไม่ใช่เหรอครับ"
"โธ่เว้ย! พี่พิมพ์นะพี่พิมพ์ ตายไปแล้วยังไม่วายสร้างเรื่องยุ่งยากอีก"
พิสมรเดินเข้ามา
"นี่ใช่มั้ยคือ เหตุผลที่คุณยอมมาแต่งงานกับคุณผู้หญิง คุณต้องการแค่ทรัพย์สมบัติของคุณผู้หญิงเท่านั้นเอง"
"หุบปากได้มั้ยอีแก่ รู้ไว้ด้วยนะ ตอนนี้ชั้นคือเจ้านายแก ชั้นจะไล่แกออกเมื่อไหร่ก็ได้"
"ไม่ต้องไล่ เพราะดิฉันก็จะไม่อยู่รับใช้ฆาตกรอย่างคุณเช่นกัน คุณผู้หญิงรักคุณมากแค่ไหน ทำไมถึงทำกับท่านได้ลงคอ คุณมันเลว"
อติเทพพยายามระงับความโกรธ
"หยุดกล่าวหาชั้นได้แล้ว!"
"ชั้นไม่หยุด ชั้นรู้ว่าเป็นแก ต้องเป็นแกแน่ๆ ไอ้ฆาตกร ไอ้ฆาตกร"
อติเทพน็อตหลุด จับพิสมรเขย่า
"ถ้าแกไม่หยุดชั้นจะฆ่าแกให้ดู!"
อรวีรีบเข้ามาห้าม
"แก...นี่แกขู่ฆ่าชั้น แกอย่าหวังว่าจะได้สมบัติคุณผู้หญิงแม้แต่บาทเดียว เพราะแกต้องข้ามศพชั้นไปก่อน"
อรวีร้องไห้
"หยุด...หยุดเดี๋ยวนี้ ทำไมทุกคนต้องตะโกนใส่กัน ทำไมทุกคนใจร้ายอย่างนี้ คุณพิมพ์พิลาศตายไปแล้ว ไม่กลับมาแล้ว แทนที่จะเสียใจ แต่กลับมาตีกันทุกวันๆๆ หนูจะทนไม่ได้แล้ว"
สมชายเข้ามาจับลูกสาวไว้
"อรวี...สงบสติอารมณ์หน่อย ใจเย็นๆๆ หายใจลึกๆ อย่าเครียดๆ"
พิสมรรีบวิ่งออกไป อติเทพแววตาร้ายกาจมองตาม ยอมไม่ได้
โกลเดนเบบี๋ส่ายหน้า บอก
"คุณสมชายคะ คุณควรจะดูแลอรวีให้ดีกว่านี้ คุณน่าจะสงสารเค้าให้มากๆกว่านี้นะคะ"

ห้องซ้อมเต้น ในสตูดิโอของ
ปาร์คจุนจีอารมณ์ไม่ดี กำลังซ้อมเต้นอยู่ในห้องซ้อมเต้นส่วนตัวของสตูดิโอ ลีจองกุ๊กเข้ามายืนดู ปรบมือชื่นชมเอาใจ
"สวยมากๆ ชั้นชอบท่าที่นายคิดใหม่ ท่านี้ๆ มากเลย"
ลีจองกุ๊กทำท่าประกอบคำพูด แต่จุนจีไม่สนใจ เดินไปหยิบผ้าซับเหงื่อ
"นี่จุนจี...ได้เวลาที่นายจะต้องไปกองถ่ายแล้ว"
จุนจีไม่สนใจ วางผ้าหยิบน้ำดื่ม ทำอะไรอย่างชิลชิล แล้วก็คิดจะซ้อมเต้นต่อ
"จุนจี อย่าทำอย่างนี้สิ งอนเหรอ ที่ลีทำไปเพราะลีเป็นห่วงจุนจีนะ ให้อภัยลีเถอะนะจุนจี พลีส...ซอรรี่ ซอรี่ มากๆ"
จุนจีเต้นต่อไป โทรศัพท์มือถือของลีจองกุ๊กดัง เขารับสาย
"ยอโบเซโย๊"
พิสมรพูดโทรศัพท์อยู่ที่คฤหาสน์พิมพ์พิลาศ
"คุณคะ ดิฉันพิสมร แม่บ้านของคุณพิมพ์พิลาศนะคะ ป้าขอพูดกับคุณจักรหน่อยได้ไหมคะ"
"มีธุระอะไรครับป้า"
"ป้าต้องบอกคุณจักรว่า ใครคือฆาตกรที่ฆ่าคุณย่าของเขา ให้คุณจักรมาพูดสายเถอะค่ะ"
ลีจองกุ๊กทำหน้าเซ็ง ทำไมเรื่องนี้ไม่จบสักที
"ป้าครับ จุนจีไม่ว่างคุยเรื่องไร้สาระหรอก เขาต้องถ่ายละคร กองถ่ายรอเขาอยู่ เข้าใจมั้ยครับป้า"
"งั้นป้าจะไปหาที่กองถ่าย ป้าจะไปคุยกับคุณจักรด้วยตัวเอง ป้าจะไม่กวนการทำงานเลย จะนานแค่ไหนก็รอจนกว่าคุณจักรจะว่าง ตอนนี้กองถ่ายอยู่ที่ไหนคะ"
"ผมบอกป้าไม่ได้"
"คุณไม่เข้าใจเหรอว่า ย่าของคุณจักรไม่ตายเพราะอุบัติเหตุ มันคือการฆาตกรรม ถ้าเป็นย่าของคุณล่ะ คุณจะไม่อยากรู้เหรอว่าใครคือฆาตกร คุณไม่อยากให้ย่ากับหลานได้กลับมาปรองดองรักใคร่กันอีกครั้งเหรอ นะคะบอกเถอะว่า กองถ่ายอยู่ที่ไหน"
"ก็ได้ๆ แต่ถ้ามาแล้ว จุนจีเขาไม่คุยกับป้า ผมต้องเชิญออกนะครับ"
พิสมรฟังพิกัดกองถ่าย ที่ลีจองกุ๊กอธิบายมาทางโทรศัพท์
"อ๋อๆๆ รู้จักค่ะๆ ป้าจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ"
พิสมรวางสายอย่างดีใจ จะรีบไป แต่ต้องผงะ เพราะอติเทพยืนขวางอยู่... อติเทพจ้องพิสมรอย่างไม่พอใจมาก
"จะไปไหน"
"ทำไมต้องบอก คุณไม่ใช่เจ้านายของดิฉัน"
พิสมรออกไป อติเทพฉายแววตาร้ายกาจ ทนายสมชายยืนอยู่ด้านหลัง

พิสมรรีบร้อนออกมานอกบ้าน พลางมองหารถโดยสาร แต่ไม่มีรถอะไรผ่านมาเลย พิสมรคิดจะเดินออกไปที่ถนน แต่แล้วอยู่ๆก็มีแท็กซี่ผ่านมาคันหนึ่ง
พิสมรรีบโบก
"แท็กซี่ จอดๆๆ"

ที่ด้านหน้าบ้าน อติเทพยืนมองอยู่ด้วยสายตาเพชฌฆาต เห็นพิสมรขึ้นแท็กซี่ไป

รถแท็กซี่ มุ่งหน้าไปกองถ่าย “มายาร้อยใจ”

ภายในรถแท็กซี่ คนขับถาม
"ป้าจะไปทำอะไรที่นั่น ผมฟังวิทยุเมื่อกี้นี้เอง เขาบอกว่าที่นั่นถ่ายละคร “มายาร้อยใจ” อยู่ครับ รถติดมากเลยครับป้า"
"จะไปหาปาร์คจุนจี"
"ปาร์คจุนจี ! อะไรนะป้า"
"ได้ยินไม่ผิดหรอกน่ะ ไม่ต้องทำหน้าสงสัย ขับให้ถึงไวๆ ละกัน"
"ป้ารู้จักเขาเหรอ"
"เห็นตั้งแต่เท้าเท่าฝาหอย"
"ห๊า...ป้าเคยอยู่เกาเหลีเหรอป้า"
คนขับรถพูดเกาหลี 1 ประโยคสั้นๆ เพื่อโชว์ว่า ไม่ตกเทรนด์ แล้วถามพิสมร
"ภาษาเกาหลี .... แจ๋วไหมป้า"
พิสมรมองเส้นทาง...
"อ้าวเฮ้ย...นี่ทำไมมาทางนี้ล่ะ"
แท็กซี่เลี้ยวเข้าซอยเล็ก พิสมรทักขึ้นเมื่อเห็นว่าไม่ใช่ทางที่ควรจะไป
"ก็ป้าบอกให้ถึงไวๆ ไม่ใช่เหรอป้า นี่ทางลัดนะป้า"
"ทางนี้แน่เหรอ!"
"ถ้าป้าไม่เชื่อนะ ป้าลงไปเรียกคันใหม่เลย หรือไม่ก็ถ่ายรูปผมตรงเบาะแล้วส่งรูปไปให้เพื่อนป้าเลย ป้าจะได้มีพยาน ถ้าผมคิดอะไรไม่ดีครับป้า"
"ก็ได้ ไปทางไหนก็ไป เร็วๆล่ะกัน"
คนขับแท็กซี่พามาซอยที่เริ่มเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ
"เหนื่อยก็นอนก่อนก็ได้ ถึงแล้วจะปลุก"
เสียงเพลงจากวิทยุดังคลออย่างเคลิบเคลิ้ม พิสมรเอนกายหลับตาพิงพนัก โดยที่ไม่รู้ว่าใบหน้าของคนขับรถแท็กซี่ มีรอยยิ้มร้ายผุดขึ้นที่ใบหน้า แล้วมองเหยื่อด้วยความดุดัน

ภายในบริษัทซิกส์เซนส์ เวลาบ่ายจัด สุคนธรสจัดวางข้าวของไว้เป็นหมวดหมู่
"หมวดที่1 ประเภทป้องกัน ก่อนที่จะเกิดปัญหาขึ้น เราต้องดำเนินมาตรการเชิงรุกก่อน นั่นคือ ทรายเสก วิธีใช้ ก็คือ อ่านคาถาในกระดาษนี่ แล้วกลั้นหายใจ โปรยทรายไปรอบๆบ้านคุณแม่ สิ่งเลวร้ายจะผ่านเข้ามาไม่ได้ แต่ถ้าผ่านเข้ามาได้ ปราการด่านต่อไปก็คือ..." สุคนธรสบอก
เนตรสิตางศุ์พูดต่อ
"ชอล์กสายสิญจน์ ทำหน้าที่คล้ายชอล์กกันแมลงสาปไม่มีผิด ใช่ไหม รส"
"ผมตอบแทนให้ก็ได้ ว่าใช่ครับ ขีดชอล์กสายสิญจน์ นวัตกรรมกันคุณไสยใหม่ จากหลวงลุงพร้อมบริกรรมคาถาบทเดียวกัน ภูติ ผี โหงพราย ผีตายโหง ผีตายห่า ผีป่า สัมภเวสีร่อนเร่ อีกทั้งลมพัดลมเพ จะไม่มีมากล้ำกราย สวาหาย โอมเพี้ยง!" ไตรรัตน์บอก
ติณห์ย้ำ
"โอ้โห...สมเป็นสามีของหมอผีตัวแม่จริงๆ เพราะฉะนั้น ชั้นจะต้องมุ่งมั่นในการนั่งสมาธิ เพื่อพัฒนาไปสู่การถอดจิตแบบญาณินสุดที่รักให้ได้บ้างแล้ว"
ญาณินบอก
"คุณต้องทำให้ได้ เพราะถ้าทำได้ คุณจะได้คุยกะแกรนด์ปาของคุณได้ด้วยตัวเอง"
"โอเค ต่อไปนี้ ชั้นพรมมิส ว่าจะตั้งใจให้มากขึ้นครับ" ติณห์ว่า
สุคนธรสพูดต่อ
"จากนั้น ก็เป็นขั้นตอนของการรักษา คือ อันนี้ของพื้นฐาน แต่อย่าดูถูก เพราะครอบจักรวาลจริงๆ เบี้ยแก้..ให้คุณแม่คุณพกติดตัว อาคม ของไม่ดีต่างๆ ไม่ว่าวูดู หรือคุณไสยทุกประเภท ที่โดนใครกระทำใส่มาจะถูกแก้ไข รักษาให้หายคลายจางลง"
"อันนี้เราใช้เป็นแล้ว ไม่มีปัญหา นะคะติณห์" ญาณินบอก
"แค่ให้มอมพกติดตัว ชั้นจะเอาไปแอบหย่อนใส่กระเป๋าถือท่านก็แล้วกัน"
เนตรสิตางศุ์ถาม
"ไม่มีอาหารอะไรที่กินแล้วแก้คุณไสยได้บ้างเหรอ"
"โห...ไอเดียเริ่ดมากเลยครับ แฟนผม แบบนี้เราเปิดร้านอาหารแก้คุณไสยฯกัน ดีไหม" วรวรรธว่า
เนตรสิตางศุ์กับวรวรรธหันมา ยิ้มให้กัน แล้วแปะมือกัน
สุคนธรสควักซองชาออกมา
"อาหารไม่มีมีแต่นี่... สมุนไพรผ่านการปลุกเสกแล้วจากหลวงลุง เป็นสมุนไพรธรรมดานี่แหละ แช่น้ำร้อนดื่มเหมือนชาทั่วไป บอกใครว่าชาสมุนไพร แล้วให้เขาดื่ม พิษคุณไสยต่างๆในการ จะได้รับการล้างพิษไปจนหมด"
ณัฐเดชถาม
"โหย เยี่ยม...แล้วมีชาล้างใจไหม ชั้นจะเอามาดื่มบ้าง"
ทุกคนมองณัฐเดชเป็นตาเดียว ณัฐเดชหยุดตาลอยทันที
วรวรรธจับผิด
"ล้างใจ...ล้างทำไมครับ"
"อะไรของพี่ณัฐ" เนตรสิตางศุ์ถาม
ณัฐเดชรีบกลบเกลื่อน
"เออ...เปล่าๆ ไอ้ติณห์ แกเห็นใครมีอาการผิดสังเกตบ้างไหม"
"ใจจริงน่ะ บอกตรงๆ ว่าผมอยากให้คุณสุคนธรสมาที่รีสอร์ต เพื่อสำรวจดูว่ายังมี ใคร หรืออะไร ที่หวังในรีสอร์ตของผม หรือต้องการอะไรจากเราอีก ทำไมถึงต้องมารบกวนเราอยู่แบบนี้"
"เออๆๆ ใช่ๆๆ ไปรีสอร์ตกัน บรรยากาศดีๆ โรแมนติกๆ เอ็กซ์ๆ..อาจช่วยได้" ไตรรัตน์บอก
"ช่วยอะไร" ติณห์ถาม
"เปล่าๆๆ ไม่มีอะไร"
"เนตรไปด้วย เนตรอยากช่วย"
"ผมช่วยด้วย ผมอยากอยู่ใกล้คุณเนตร"
"สนุกกันไปกับไสยศาสตร์ มนต์ดำ นะคร๊าบ ไม่ใช่เที่ยวเกาะเที่ยวทะเล ไปเยอะๆไอ้พวกลอบกัด มันได้กลิ่น มันมุดลงดินหนีไปจนได้" ณัฐเดชบอก
"จริงๆ ถ้ามีใคร หรืออะไร มารับกวนเราจริงๆ ฉันก็ควรจะรับรู้ได้นะ แต่คราวนี้ มันจับสัญญาณอะไรไม่ได้จริงๆ" ญาณินบอก
"เอาเป็นว่า คราวนี้ ผมจะลองใช้ของพวกนี้ดูก่อน แล้วถ้าได้ผลก็แล้วไป แต่ถ้ายังไง คงต้องรบกวนทุกคนนะครับ" ติณห์บอก
สาวๆ ทุกคนโพล่งพร้อมกัน
"ได๋ค่ะ!"

ติณห์ ญาณินยิ้มให้กันอย่างอุ่นใจ

เวลากลางวัน สนามหญ้าหน้าบ้าน ณ เวียงทับ กรรณาและก้องฟ้านั่งเหงื่อแตกบนเก้าอี้สนามท่ามกลางแดดจัดจ้ายามบ่าย มีกระเป๋าเสื้อผ้าของทั้งคู่วางอยู่ข้างๆ
 
"พี่กรรณ ...แน่ใจเหรอว่า บ้านนายแผนยุทธเขายินดีต้อนรับเราน่ะ อยู่ดีๆให้เรามานั่งกลางแดดแบบนี้" ก้องฟ้าถาม
กรรณายังคงนิ่ง อดทน
"พี่กรรณ ผมว่าเราไปนั่งใต้ต้นไม้นั่นดีกว่า"
ว่าแล้วก้องฟ้าก็ลุกขึ้นยืน เสียงจารุณีดังถามเข้ามา
"จะไปไหน"
ก้องฟ้าตกใจจ๊าก เพราะจารุณีโผล่มายืนพูดโทรโข่งอยู่บนบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
กรรณาตะโกนบอก
"คุณแม่บ้านจารุณี พวกเราคือ..."
จารุณีพูดโทรโข่งบอก
"ด็อกเตอร์สั่งไว้แล้วว่าพวกเธอจะมา... จำคำชั้นไว้ให้ดี ใครที่ไม่เชื่อคำเตือนของชั้น มันคนนั้นจะต้องเสียใจ"
จารุณีพูดเสร็จ ก็สะบัดหน้าเดินเข้าบ้านไป กรรณากับก้องฟ้ามองอย่างงงๆ สยองๆ ถือกระเป๋าของตัวเองลุกตามไป

ทั้งสองเดินถือกระเป๋าเข้ามาในบ้านบ้าน แต่ไม่เจอจารุณี
ก้องฟ้าตะโกนเรียก
"อ้าว...หายไปไหนแล้ว ป้า ป้าคับ"
จารุณีโผล่มาทางด้านหลังกรรณา ก้องฟ้า ทำเอาสะดุ้ง มูมู่ยืนข้างๆจารุณี
"ห้ามเรียกป้า...ฉันไม่ชอบนับญาติกับคนแปลกหน้า เรียกฉันว่า คุณแม่บ้าน เรียกให้มันมีสัมมาคารวะหน่อย"
"คับ...คุณแม่บ้าน"
จารุณีมองเสื้อผ้าของทั้งคู่
"ชั้นไม่เข้าใจ พวกเธอดูยังไง ก็ไม่เหมือนผู้ตรวจสอบบัญชีภายนอก ที่ดร.แผนยุทธจ้างให้มาตรวจบัญชีบริษัทของเขา"
"ยิ่งไว้ใจมาก เราก็ยิ่งประมาทมาก ชั้นหมายถึงด็อกเตอร์น่ะ ไว้ใจลูกน้องมาก จนบัญชีบริษัทเละ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ชั้นกับลูกน้องของชั้นจะทำงานให้คุ้มกับค่าจ้างแน่ๆค่ะ โดยที่ไม่ต้องแต่งตัวให้ดูเกินฐานะและตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองค่ะ" กรรณาบอก
มูมู่แอบขำเบาๆ จารุณีกระแอม มูมู่หยุดขำ ทำหน้านิ่ง
"หึ ก่อนจะพูดจาอวดดี ไม่ทราบเคยมีใครบอกหรือเปล่า ว่าการสวมหูฟังคุยกับผู้ใหญ่และเจ้าของบ้าน มันเสียมารยาท"
จารุณีสะบัดหน้าเดินขึ้นชั้นบน กรรณาเซ็ง โดนจนได้ ก้องฟ้าขำๆ

จารุณีเปิดเข้ามาในห้องนอนของกรรณา ซึ่งเป็นห้องโล่งๆ มีเฟอร์นิเจอร์เท่าที่จำเป็น ตู้ โต๊ะ เตียง ดูเรียบๆ แต่ก็ให้ความรู้สึกขรึมขลัง มูมู่ช่วยถือกระเป๋ากรรณาเข้ามา
ก้องฟ้าชื่นชมเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ
"ว้าว เตียงดูสวยคลาสสิกมากเลยนะนี่"
"ตลอดระยะเวลาการทำงานนี่คือห้องนอนของเธอ ถ้ามีอะไรไม่สะดวก ก็ขอให้เกรงใจ ระลึกไว้เสมอว่า เธอเป็นแค่ผู้อาศัย อย่าเรื่องมากให้เจ้าของบ้านลำบาก เข้าใจมั้ย"
ก้องฟ้ามาสะกิดแขนจารุณี
"ป้าๆๆ ทำไมมีเตียงเดียว แล้วจะให้นอนยังไง"
"ใครใช้ให้เรียกป้า!"
"คุณแม่บ้าน"
"ดีมาก...ใครเขาจะให้พวกคุณนอนห้องเดียวกัน! เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นคนดีมีศีลธรรม ไม่เคยประพฤติตัวเสื่อมเสีย โดยเฉพาะเรื่องอย่างว่า เพราะฉะนั้น ในหนึ่งห้องนอน จะต้องมีแค่หนึ่งเพศเท่านั้น..ห้ามปะปน ห้ามมั่วสุม ห้ามส่งเสียงดัง"
จารุณีหันมาจ้องก้องฟ้าเขม็ง ดุมาก จนเขารู้สึกสยอง
มูมู่เชิญก้องฟ้า
"ห้องคุณอยู่ฝั่งตรงข้าม เชิญตามมา"
ก้องฟ้ารีบเดินตามมูมู่ไปอีกห้องหนึ่ง จารุณีจ้องกรรณาเขม็ง แววตาตำหนิ ชิงชัง ดูถูก จนเธอคิดอยากจะทดสอบอะไรบางอย่าง นั่นคือ การทดสอบว่า จารุณีมีใจให้ดร.แผนยุทธหรือไม่...
"คุณแม่บ้านจารุณีคะ คุณพิมอรก็ไปสบายแล้ว เหลือก็แต่คุณผู้ชายของบ้าน ถึงด็อกเตอร์รักภรรยามากแค่ไหน แต่เขาก็น่าจะมีสิทธิได้มีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขกับใครสักคน"
กรรณาทำท่ายั่วๆ จารุณีโกรธปรี๊ดขึ้นมาสุดๆ พุ่งจับแขนกรรณาบีบ พูดเสียงจริงจัง
"แอร๊ย ! หยุดความคิดเธอเอาไว้เลยนะ สกปรก ไร้ศีลธรรม เธอไม่มีสิทธิในตัวเขา ไม่มีแม้แต่นิดเดียว อย่าให้ชั้นรู้ว่าเธอแตะต้องคุณผู้ชายของชั้น ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าชั้นใจร้าย"
กรรณาอึ้ง ที่จารุณีโกรธปรี๊ดได้ขนาดนี้
ก้องฟ้าวิ่งกลับมาถาม
"เกิดอะไรขึ้นพี่กรรณ"
จารุณีพยายามจะไม่ตบะแตก ปล่อยกรรณา สะบัดหน้าแล้วเดินออกไป ก้องฟ้าชี้ต้นแขนกรรณาที่เป็นรอยมือของจารุณี
"เฮ้ย พี่กรรณ ขึ้นเป็นรอยเลย"
กรรณามองรอยแดง แล้วมองตามจารุณีไปแบบสงสัยสุดๆ มูมู่ยืนอยู่หน้าประตู ใบหน้าแสดงความเห็นใจ สงสารกรรณา พอรู้ตัวว่าโดนกรรณามอง ก็รีบหลบตามจารุณีไป
"ท่าทางเราจะมีปัญหากับทุกคนในบ้านนี้ไม่จบไม่สิ้นแน่"

บริษัทซิกส์เซนส์ เวลาบ่าย ณัฐเดช ติณห์ ไตรรัตน์ วรวรรธนั่งดื่มชากันอยู่รอบโต๊ะอาหารแบบญี่ปุ่น
"ใช่...ปัญหาของชั้น คือ แทนที่ชั้นจะได้แฮปปี้เอนดิ้งกะคุณณิน ก็กลายเป็นว่า เวลานี้ มอมมี่ชั้น อยากได้รีสอร์ตไปทำเอง ซึ่งนั่นชั้นก็พอรับได้ เพราะท่านก็ควรจะมีส่วนร่วม แต่ที่ชั้นรับไม่ได้ คือท่านจะเอาเรือนไทยที่แกรนด์ปาอยากจะอนุรักษ์ไว้ มาใช้ทำสปานวดตัว เสริมสวยอะไรทำนองนั้น ซึ่งแกรนด์ปาไม่ยอม ที่แย่กว่านั้น คือท่านต่อต้านคุณณิน จากที่มีใครไม่รู้มาทำคุณไสย พอคุณณินช่วยท่าน ท่านกลับหาว่าคุณณินกลั่นแกล้ง ดังนั้น ชั้นจึงจำเป็นต้องรู้ให้ได้เร็วที่สุด ว่าไอ้พวกนั้นเป็นใคร" ติณห์บอก
ไตรรัตน์บอก
"ส่วนปัญหาของชั้น ก็คือ ชั้น ชั้นไม่ ชั้นยังไม่ได้ ชั้น ยังไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างมันดีมาก เริ่ดสุดๆ ชีวิตแต่งงานนี่มันดีจริงๆ ใครไม่ลองไม่รู้"
"จริงเหรอครับ ว้าว...ผมอยากแต่งมั่งจัง แต่ติดอยู่ที่ว่า พี่ณัฐว่า ผมกับเนตร น่าจะเป็นซัก อีก2ปี พี่ว่า เราจะพร้อม จะเป็นผู้ใหญ่พอหรือยังครับ" วรวรรธถาม
ณัฐเดชใจลอย คนชาไปมา ถอนใจยิ้มๆ แล้วหัวเราะเบาๆ แล้วก็ทำหน้าเศร้า ทุกคนมองหน้ากันอย่างงงๆ
ทุกคนเรียกพร้อมกัน
"ไอ้ณัฐ! พี่ณัฐครับ"
ณัฐเดชสะดุ้งบอก
"ฮะ อะไร...อ๋อ ใช่ๆๆ เอาไงเอากัน พวกแกว่าไง ชั้นเอาด้วย"
"อะไรกันเนี่ย เค้ามาดื่มน้ำชา สนทนาปัญหาชีวิตกัน แกนั่ง เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวเศร้า กับถ้วยชา มันหมายความว่าไง แกมีอะไรในใจอยากจะเล่าบ้างไหม" ไตรรัตน์ถาม
"อะไร เฮ้ย ชั้นน่ะเหรอ ทำแบบนั้น ติงต๊องแล้ว ใครจะยิ้มกับถ้วยชา ใส่ร้ายนี่หว่า"
ติณห์บอก
"เฮ้...ยูอินเลิฟนี่หว่า เพื่อน...ใครวะ สาวที่ไหน บอกมาเลย"
"เฮ้ย ไม่มีจริงๆ"
ติณห์บอก
"เฮ้ย พวกเรา ดูมัน มันหน้าแดงแป้ดเลย"
"ใช่..." ไตรรัตน์ย้ำ
ณัฐเดชบอก
"ไม่ใช่ ชั้นหน้าแดงเพราะชามันร้อน อ่า ไหนว่าจะมาคุยอัพเดตเรื่องชีวิตรักของแต่ละคนไง เมื่อไหร่จะเล่าสู่กันฟังซะทีล่ะ เอาสิ ว่ามา รอฟังอยู่
ทุกคนบอก
"เขาเล่ากันหมดแล้ว"
ติณห์บอก
"เหลือแต่แกแหละ!"
ทุกคนหันมามองณัฐเดชเป็นตาเดียว
"ไม่มีเว้ย...บอกว่าไม่มีไม่มี มองทำไม มองมาก เดี๋ยวโดนเตะเรียงตัวจนได้"

ทุกคนส่ายหัว
 
อ่านต่อหน้า 3

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 4 (ต่อ)

เวลากลางคืน รถแล่นเข้ามาจอดในบ้าน ไตรรัตน์และสุคนธรสเพิ่งกลับมาจากบริษัทซิกส์เซนส์ก็พบว่าเสี่ยจำเริญ เจ๊หญิง อาม่า อาอี๊เสาวภา รออยู่ก่อนแล้ว ทุกคนท่าทางมีเรื่องใหญ่มาก จ้องไตรรัตน์เขม็ง

เจ๊หญิงเรียก
"อาตี๋..มานั่งตรงนี้"
ไตรรัตน์และสุคนธรสหันมองหน้ากัน
"เออ...หนูรสตามสบายนะจ๊ะ พวกเรามีเรื่องธุรกิจจะคุยกะอาตี๋หน่อยน่ะ"
สุคนธรสยิ้มให้รับคำ
"ค่ะๆ"
สุคนธรสเดินไป ไตรรัตน์เดินเข้าไปหาทุกคน เจ๊หญิงเลื่อนเก้าอี้ให้ แล้วจับไตรรัตน์นั่งลง ทุกคนเดินวนเวียนรอบตัวเขากลับไปกลับมา
"มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมต้องมาทำทักษิณาวัตรรอบผมด้วย"
เจ๊หญิงโพล่ง "สี่!"
ไตรรัตน์งง
"สี่ อะไรสี่ครับ"
"สี่เดือนแล้วที่แกกับหนูรสแต่งงานกัน ทำไมยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ทำไมหนูรสยังไม่ท้องอีก!" เจ๊หญิงถาม
"ก็..."
"อาตี๋น้อย ลื้อบ่มิไก๊ใช่มั้ย" อาม่าถาม
ไตรรัตน์ลุกพรวด
"เฮ้ย! อาม่า ทำไมพูดอย่างนั้น"
"ทำเป็นฮึดฮัด ฉุนเฉียวกลบเกลื่อน นี่แหละนิสัยของพวกบ่มิไก๊"
"ผมมีไก๊นะครับอาม่า"
"ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกมาตรงๆเถอะ เราทุกคนจะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาได้" อาอี๊เสาวภาบอก"ไอ้ที่ม้าเห็นว่า ลื้อเจ้าชู้ มีผู้หญิงมาก้อร่อก้อติกก่อนเจอหนูรสน่ะ มันก็แค่เป็นการสร้างภาพใช่มั้ย"
"จริงๆแล้วลื้อมันเก่งแต่ปาก ที่แม่คาที่ทิ้งลื้อไปก็เพราะว่าลื้อบ่มิไก๊ใช่มั้ย"
"อาม่า! คำก็บ่มิไก๊ สองคำก็บ่มิไก๊"
ทุกคนโพล่งพร้อมกัน
"ไม่ต้องเถียง !"
เจ๊หญิงถาม
"หรือจะรอให้หนูรสทิ้งแกไปอีกคน"
เสี่ยจำเริญพูดขึ้น
"ไอ้ตี๋น้อย ลื้อทำเสื่อมเสียชื่อเสียงอั๊วมากๆ อั๊วอุตส่าห์สร้างชื่อมาดีๆ แต่ทุกอย่างพังหมดเพราะลื้อ ถ้าใครรู้ว่าลื้อเป็นแบบนี้ อั๊วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน"
"ป๊า ม้า อาม่า อาอี๊...จะน้ำยา น้ำพริก น้ำเงี้ยว ผมมีครบ แต่ตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง เข้าใจมั้ยครับ"
อาม่าใช้มือข้างหนึ่งตบกับมืออาอี๊เสาวภา
"นี่ไง ทำไมจะไม่ดัง"
"คิดอะไรแค่พื้นๆ ไม่รู้จักพลิกแพลงแสดงอภินิหาร มิน่า หนูรสถึงไม่ท้องสักที" อาอี๊เสาวภาบอก
"ม้าจะไม่ยอมให้ลื้อย่ำยีเกียรติของตระกูลเราอีกต่อไป อาเฮียช่วยตี๋น้อยด้วยนะ"
ไตรรัตน์ส่ายหน้าใหญ่ ไม่มีใครเข้าใจเลยจริงๆเลย พับผ่า!

เสี่ยวางขวดยาโป๊วที่บรรจุในขวดแก้วแบบจีนตรงหน้าไตรรัตน์
"อะไรครับป๊า"
เสี่ยจำเริญบอก
"ยาโป๊ว...บำรุงกำลังสูตรจีน สั่งตรงจากประเทศจีนสูตรเดียวในเอเชีย อะไรที่เคยเสื่อมๆก็จะซู่ซ่าอีกครั้ง"
"ป๊า ผมไม่ได้เสื่อม"
"เสื่อมไม่เสื่อมก็ดื่มซะ แล้วกลับไปหาหนูรส" เจ๊หญิงบอก
อาอี๊เสาวภาถามเสี่ยจำเริญ
"แล้วมันจะใช้ได้จริงเหรอเฮีย"
เจ๊หญิงโพล่งยืนยันสรรพคุณออกมา
"ใช้ได้ดีเลยล่ะ ดีมาก ดีสุดๆ"
เจ๊หญิงยิ้มเขิน ระทวย ทุกคนมองหน้าเจ๊หญิง ไตรรัตน์เอือม จะลุกหนีไปที่อื่น แต่เจ๊หญิงรีบจับกดลงนั่ง
"จะไปไหน...ไม่ได้"
"คงไม่ต้องให้อั๊วบรรยายสรรพคุณอีกแล้วนะ อาตี๋น้อย ดื่มซะ รับรองลื้อจะได้ทั้งลูก ได้ทั้งคะแนนนิยมจากเมียลื้อแน่ แค่จิบเดียว ก่อนออกรบสิบนาที แล้วต่อให้เป็นศึกเก้าทัพลื้อก็บ่ยั่น เอ้า...แล้วไปกอบกู้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลกลับคืนมา ไปๆๆ"
เสี่ยจำเริญยัดขวดยาโป๊วใส่มือลูกชาย ไตรรัตน์มองอย่างเซ็งๆ ที่ปฏิเสธไม่ได้
เจ๊หญิงถาม
"อาเฮีย ไม่เก็บเอาไว้บ้างสักนิดเหรอ"
"อั๊วมีของอั๊วต่างหากแล้ว"
อาม่าถามเสี่ยจำเริญ
"ลื๊อแน่ใจว่าจิบเดียว"
"แน่ใจสิม้า"
"แล้วถ้าหมดขวดแบบนี้ล่ะ"
อาอี๊เสาวภาชี้ขวดเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะ เสี่ยจำเริญรีบดึงขวดมาดู ปรากฏว่าหมดขวดแล้ว เสี่ยโวยวายลั่น
"ตี๋น้อย! ไอ๊หย๋า อั๊วบอกว่าแค่จิบเดียวพอ ลื้อดื่มหมดทำไม"
"อ้าว ไหนๆ จะลองทั้งทีก็เอาให้สุดๆไปเลย..เฮ้ยๆๆ ผมเริ่มรู้สึกร้อนๆ ผ่าวๆ เลือดลมสูบฉีดแล้ว ยาป๊าออกฤทธิ์ไวมาก ผม...ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ รสจ๋า รสอยู่ไหน"
ไตรรัตน์ออกอาการคึก รีบวิ่งไป
อาม่าดีใจ
"ไชโย ! อั๊วจะได้อุ้มเหลนแล้วๆ"
"แต่ดื่มหมดขวดมันมากไป ไม่รู้มีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า" เสี่ยจำเริญบอก
"ดื่มมากก็คึกมาก" อาม่าบอก
อาอี๊เสาวภาว่า
"อาม้าอาจจะได้เหลนทีเดียวสี่คนก็ได้"
เจ๊หญิงทำหน้าวิตก

"หรือไม่ก็..."

สุคนธรสปิดล็อกประตูห้องน้ำ ยืนเครียด เสียงไตรรัตน์คึกคะนองดังเข้ามาตลอด เธอกระวนกระวาย แล้วตั้งสติ มองกระจก

"เอาไงดีๆๆ อย่าตื่นเต้นสุคนธรส แกรักเค้า แล้วแกก็แต่งงานกับเค้าแล้วด้วย ถ้าแกจะมีอะไรกับเค้า ก็ไม่ใช่เรื่องผิด...สงสัยมันจะถึงเวลาแล้ว"
สักพัก เสียงไตรรัตน์ที่กำลังเสริงอยู่ก็เงียบหายไปดื้อๆ
สุคนธรสพึมพำแล้วแอบดีใจ
"เอ๊ะ เสียงเงียบไปแล้ว หรือว่านายไตวายจะหมดแรง เลิกคิดอะไรทะลึ่งๆแล้ว "
ที่หน้าห้องนอนไตรรัตน์กับสุคนธรส เสี่ยจำเริญ เจ๊หญิง อาม่าแนบหูฟังกันอยู่
"เงียบไปแล้ว" เจ๊หญิงบอก
"สงครามเริ่มแล้วๆ" อาม่าว่า
อาอี๊เสาวภาบอก
"ขอชั้นฟังบ้างสิอาม่า"
"อาตี๋น้อย ดื่มแค่จิบเดียวป๊าว่าก็มากแล้ว ลื้อล่อหมดขวด สงสัยคืนนี้ลื้อได้ทำศึกเก้าทัพแน่ๆ" เสี่ยจำเริญบอก
"อาเฮีย ถ้าตี๋น้อยลองแล้วว่าไม่มีผลข้างเคียง วันหลังอาเฮียดื่มหมดขวดบ้างสิ"
สุคนธรสค่อยไปแง้มประตูแอบมอง แต่แล้วสิ่งที่เห็นก็คือไตรรัตน์วิ่งพุ่งเข้ามาที่ประตู แหกปากเรียก “คุณรส!” สุคนธรสตกใจ ปิดประตูเข้ามาแทบไม่ทัน
สุคนธรสผงะ ถอยออกห่างประตู
ไตรรัตน์ทุบประตู ทุบๆๆๆ และร้องเรียกตลอดเวลา
"คุณรส..ออกมาเดี๋ยวนี้..ออกมา ผมไม่ไหวแล้ว"
สุคนธรสฟังด้วยความสยอง
"อะไรมันจะอดใจไม่ไหวขนาดนั้น"

อาม่า เจ๊หญิง เสี่ยจำเริญที่แอบฟังอยู่ ตกใจ เพราะเสียงทุบประตู กับเสียงเรียกร้องของไตรรัตน์ดังมาก
"ไอ๊หย๊า อาตี๋น้อยดุเดือดมาก...อาเสาวภา ลื้อไปที่อำเภอตอนนี้เลย ไปๆๆ" อาม่าบอก"ไปทำไม อาม่า"
"ไปทำเรื่องขออนุญาตเสียงดัง...เนื่องในงานเทศกาล เดี๋ยวใครไปแจ้งตำรวจมาขัดจังหวะ อั๊วจะอดได้เหลน"

สุคนธรสยืนตั้งสติ คิดว่าคงต้องยอมแล้ว
"มันคงถึงเวลาที่ชั้นจะต้องมีครอบครัวแล้วสินะ"
ไตรรัตน์ยังคงทุบประตู
"คุณอย่าแกล้งให้ผมทรมานได้มั้ย ออกมาๆๆ"
สุคนธรสบ้วนปาก ส่องกระจกเช็กความสวยงาม ก่อนพนมมือ
รู้แล้ว ใจเย็นๆหน่อยสิ โอเค พร้อมแล้ว หลวงลุงค่ะ ช่วยคุ้มครองหนูด้วย"
"ถ้าไม่ออก ผมจะพังประตูเข้าไปแล้ว"
"เออๆๆ"
สุคนธรสไปยืนที่หน้าประตู กำลังจะเปิด แต่ชะงัก เพื่อตั้งสติเล็กน้อย แล้วก็จัดการปลดล็อกประตู เปิดออก ไตรรัตน์ยืนอยู่สวมเสื้อ แต่กางเกงเหลือแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว
"จะทำอะไรก็ทำ"
"ออกมา!"
ไตรรัตน์วิ่งพรวดเข้ามา แล้วผลักสุคนธรสออกไปจากห้อง ปิดประตู สุคนธรสกระเด็นออกมานอกห้องน้ำ อย่างงงๆ
"อ้าว ทำไม อะไร"
เสียงชักโครกดังมาจากในห้องน้ำ
สุคนธรสอี๋ ถอยห่างจากห้องน้ำ แล้วก็ทำหน้าสมใจที่ไม่ต้องมีอะไรกัน!!

อาม่า เสี่ยจำเริญ เจ๊หญิงลุ้น
"เงียบไปแล้ว หรือว่าจะ..." อาม่าบอก
ทั้ง 3 คนหัวเราะคิกคักกันอย่างดีใจที่จะได้มีหลานสักที
"ชั้นจะมีหลานแล้วๆๆ" เจ๊หญิงว่า
ทุกคนจะไป อาอี๊จะฉวยโอกาสไปแอบฟัง แต่อาม่ามาดึงแขนไว้
"เป็นสาวเป็นแส่ทำตัวให้ดีๆหน่อย"

บรรยากาศชั้น 2 ของบ้านเวียงทับ ตกแต่หรูหรา มีของเก่าสวยๆ ประดับประดา แต่ดูเงียบวิเวกวังเวงมา กรรณากับก้องฟ้าเดินมาอย่างเงียบๆ กรรณาพยายามทบทวนข้อมูลที่ตนมีให้ก้องฟัง
"ข้อมูลที่เรามีตอนนี้ ก็คือ วิญญาณที่ตามด็อกเตอร์แผนยุทธว่า ไม่ใช่คุณพิมอร เป็นผู้หญิงปากจัดสักคน และเท่าที่ฟังคำด่าของเธอ เธอจะต้องมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับด็อกเตอร์แผนยุทธแน่ แต่ด็อกเตอร์กลับบอกว่าไม่รู้จัก อันนี้คือประเด็นที่น่าสงสัยมาก ส่วนเรื่องการเสียชีวิตของคุณพิมอร ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือการฆาตกรรม อันนี้เป็นประเด็นรอง และคนที่น่าสงสัยที่สุดในตอนนี้จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก..."
แต่อยู่ๆก้องฟ้ากลับเสียงดัง เรื่องโคมไฟระย้า ขึ้นมา
"ว้าว...แค่โคมไฟ ก็แพงกว่าบ้านก๊องทั้งหลังแล้วมั้ง"
"นายช่วยทำตัวให้มีประโยชน์หน่อยได้มั้ย..ชั้นอยากจะรีบปิดเคสนี้ให้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องทนอยู่ในบ้านของอีตาด็อกเต..."
พูดยังไม่ทันจบ ทันใด กรรณาเห็นจารุณีเดินผ่านมา
"แม่บ้านจารุณี..หลบๆๆ"
กรรณาดึงก้องฟ้าให้รีบไปหลบ ทั้งคู่แยกกันหลบคนละมุม จารุณีเดินถือกุญแจไล่ล็อกห้องทีละห้อง จากนั้นก็ลงไปข้างล่าง กรรณาค่อยๆออกจากที่ซ่อน ระหว่างนั้น มุมที่ก้องฟ้ายืนหลบมุมอยู่ มีเก้าอี้โยกโบราณตัวนึงตั้งอยู่ แล้วมันก็โยกเองได้ เขาอึ้ง ผงะ รีบผละออกมาจากตรงนั้น
"พี่กรรณ เก้าอี้ๆๆ"
ก้องฟ้าผวาไปเรียกกรรณาให้มองที่เก้าอี้โยก แต่เก้าอี้โยกกลับนิ่ง ไม่มีอะไร!
"แกอย่าเสียงดังได้มั้ย เดี๋ยวยัยแม่บ้านได้ยินจะซวยหมด"
ทันใด มีเสียงเปียโนดัง..ตึ้ง! ทั้งคู่สะดุ้ง มองไปทางต้นเสียง ที่เปียโนโบราณหลังหนึ่ง แล้วทั้งคู่ก็เห็นว่าแป้นเปียโน ขยับเอง เหมือนมีคนกด..ตึ้ง!
"ก๊อง...แกเห็นเหมือนกัน ใช่มั้ย"
"เต็มๆ"
จากนั้นก็มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดของไม้ ทั้งสองหันไปมอง เห็นว่าเก้าอี้โยกตัวนั้น ขยับโยกเองช้าๆ
"ก๊อง...อยากเป็นคนที่ผีเห็น แต่ไม่อยากเห็นผี"
สิ้นคำพูดก๊อง แป้นเปียโนก็เร่งจังหวะขึ้น จากช้าๆทีละโน้ต ก็กลายเป็นไล่คีย์ เป็นทำนองช้าๆหลอนๆเหมือนขาดใจ
"พี่..พี่กรรณ"
เสียงเอี๊ยดอ๊าดของเก้าอี้ กับเสียงเปียโนทำนองช้าๆหลอนๆ สอดรับฟังดูน่าขนลุกมาก
"พี่กรรณ ทำอะไรสักอย่างสิ"
"พวกเค้าก็แค่วิญญาณที่ยึดติดอยู่กับสิ่งของของเขา จิตสุดท้ายที่ไม่ปล่อยวางคิดแต่ “ของฉัน ตัวฉัน” อยู่อย่างนี้ ส่งผลให้วิญญาณไม่สามารถจากไปไหนได้"
"พี่จะอธิบายทำไม คิดว่าผมอยากเข้าใจหัวอกผีงั้นเหรอ"
อยู่ๆ มีน้ำเหนียวอะไรสักอย่างหยดลงมาใส่หัวของก้องฟ้า เขาจับน้ำมาดู แล้วก็พอจะเดาได้ เขาสีหน้าเฝื่อน สยอง ก่อนจะค่อยๆเงยขึ้นไปดู พบผีหญิงสาวในชุดวิคตอเรียนห้อยตัวอยู่กับโคมไฟระย้าอัน
ทั้งคู่ร้อง "อ๊าก!" แล้ววิ่งกระเจิงหนีป่าราบไปคนละทิศละทาง

กรรณาวิ่งหนีมาหยุดที่หน้ารูปของพิมอรโดยไม่รู้ตัว
"คุณพิมอร..คุณเป็นคนสวยมากเลย ดูเป็นภรรยาที่แสนประเสริฐ สมบูรณ์แบบ คุณน่าจะได้มีชีวิตครอบครัวที่ดี"

กรรณาชะงัก เพราะอยู่ๆมีเสียงฮัมเพลงกล่อมเด็กลอยมา เป็นเสียงหวานปนเศร้า ดูโหยหวยจับจิต ที่กังวานจนจับทิศทางของเสียงที่แน่ชัดไม่ได้ กรรณา ชะงัก พยายามจับทิศทางของเสียงนั้น

ในเวลาเดียวกัน เวลากลางคืน บ้านพักของติณห์ ที่รีสอร์ตเปิดไฟสว่างเรืองรอง แต่ดูโดดเดี่ยวท่ามกลางความมืดโดยรอบ มิรันตีในชุดนอน สวมเสื้อคลุมทับ เดินมาตรวจตรารอบบ้าน เสียงน้ำก๊อกไหลซ่าๆ เธอขมวดคิ้ว

บริเวณมุมครัว เด็กแม่บ้านกำลังล้างแก้วใบสุดท้ายเสร็จก็วางคว่ำไว้ แล้วหยิบผ้ามาเช็ดมือ แล้วเดินจะกลับบ้าน มิรันตีเดินเข้ามาพอดี
"หนูกลับก่อนนะคะ คุณผู้หญิง"
"เออ...แล้วพรุ่งนี้อย่ามาสายล่ะ"
เด็กมีสีหน้ากลัวๆ รีบไหว้ แล้วถือตะกร้าของส่วนตัวเดินออกไป
"ค่ะๆ"
มิรันตีมองตามไป แล้วตามไปปิดประตู ลงกลอน เสียงจักจั่นเรไรดังเซ็งแซ่ เธอนิ่งฟัง แล้วทำหน้าเซ็งๆ
"คนไหนที่บอกว่าในป่ามีแต่ความเงียบ โกหกชัดๆ เสียงไอ้แมลงพวกนี้มันน่ารำคาญจะตาย ไม่รู้มันจะตะเบ็งร้องไปหามอม หาแด๊ดที่ไหน"
มิรันตีปิดไฟครัว แสงดับลง เธอเดินจะกลับไปห้องนั่งเล่น แต่เดินไปได้เพียง 3-4ก้าว พลัน เสียงจักจั่นเรไรทั้งหมดเงียบลง ทุกอย่างเงียบกริบ! เธอชะงัก
"เอ๊ะ...อยู่ๆ ก็เงียบลงได้แฮะ ไอ้แมลงพวกนี้"
เธอยักไหล่ เดินต่อ ทำหน้าไม่ยี่หระ
"ดี๊...เงียบก็ดี แต่เงียบกันให้ตลอดนะ"
มิรันตีเงี่ยหูฟังอีก เงียบสนิท!! เธอยิ้มมุมปาก แล้วเดินต่อไป
สายตาของใครบางคนมองจากความมืดภายนอกผ่านหน้าต่างเข้าไป เห็นมิรันตีเดินผ่านหน้าต่าง ไปทีละบานๆๆ ไฟดับมืดลงทีละดวงๆ แล้วเปิดระบบป้องกันความปลอดภัย
มิรันตีมาหยุดที่ห้องนั่งเล่นแล้วเปิดไฟขึ้น จากนั้น นั่งลงพิงลงอย่างผ่อนคลาย หยิบรีโมทมา เปิดทีวีดูข่าวบันเทิง

ที่บ้านพักทนายสมชาติ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านมิรันตีนัก เขานั่งทำงานอยู่กลางห้อง เสียงประตูเปิดเข้ามาเป็นเด็กแม่บ้านคนเดิม ที่เพิ่งกลับจากบ้านติณห์
ทนายสมชาติลุกขึ้นสอบถามแม่บ้าน
"เป็นอย่างไรบ้าง"
"คุณผู้หญิงดูปกตินะคะ ไม่อ่อนเพลีย กินข้าวเย็นได้เยอะ"
"ระบบป้องกันความปลอดภัยล่ะ"
"น่าจะเปิดแล้วนะคะ"
ทนายสมชาติพยักหน้า
"ขอบใจนะ"
เด็กแม่บ้านโค้งลาทนายสมชาติแล้วออกจากบ้านไป เสียงมือถือของทนายสมชาติดังขึ้น เขากดรับ
"ครับคุณติณห์ ทุกอย่างปกติดีครับ"
ติณห์เดินคุยมือถือตัวเองในกลาสเฮ้าส์
"ขอบคุณมากครับทนายสมชาติ ผมฝากมอมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ"
ติณห์วางมือถือ
"ผมคิดไม่ออกจริงๆ ว่าใครเป็นคนทำสิ่งเลวร้ายพวกนี้กับมอม ทั้งๆที่ท่านเพิ่งกลับมาไม่กี่วัน"
ญาณินนั่งอยู่ในกลาสเฮ้าส์ด้วย
"หรือว่าจริงๆ แล้วคุณแม่คุณไม่ใช่เป้าหมายของมัน"
"แล้วงั้นใครล่ะ เป้าหมายของมัน"
"คนที่โดนผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์เหล่านี้"
ติณห์หันขวับมามองญาณิน
"คุณหมายถึง คุณกับผม คือเป้าหมายของมัน"

มิรันตียื่นหน้าเข้าไปดูข่าวปาร์คจุนจีในทีวีอย่างสนใจ อยู่ๆ ทีวีก็มีคลื่นแทรก ภาพล้ม เป็นเส้นๆไหลๆๆ เธอเซ็ง พยายามเอารีโมทมากดๆ
"ว้า... ติณห์ไม่อยู่ซะด้วย แล้วใครจะซ่อมให้ล่ะ อีตาทนายก็อยู่ซะไกล เชอะ ฟังเพลงเอาก็ได้"
มิรันตีกดปิดทีวี แล้วลุกจะไปเปิดเครื่องเสียง
ทันใด ไฟดับพรึ่บ ! ลง
"ว้าย..."
มิรันตีหมุนไปมาในความมืด
"ไฟฉายๆๆ อยู่ในลิ้นชัก"
มิรันตีสะดุ้งสุดตัว เบญจายืนถือเทียนใต้คางพอดี แสงวูบๆ วาบๆ ชวนสยอง
"แอร๊ย"
เบญจาเดินยิ้มเข้ามา
"หนูเองค่ะ"
"เบญจา"
"ค่ะ...หนูเอาเทียนมาให้คุณแม่น่ะค่ะ วันนี้ ไฟดับตอน2ทุ่ม เป็นธรรมดาค่ะ"
"เป็นธรรมดาอะไร ทำไมชั้นไม่รู้"
"เขาซ่อมหม้อแปลงกันนิดหน่อยค่ะ ซักสามทุ่มก็คงเสร็จ คุณแม่กลัว หรือเปล่าคะ"
"กลัว..ชั้นจะไปกลัวทำไม กลัวอะไร มีอะไรจะต้องกลัว"
"อ้าว ก็ความมืดไงคะ คุณแม่ไม่กลัวความมืดหรือคะ หนูกลัวความมืด"
"เธอกลัวเหรอ"
"ค่ะ"
"ชั้นไม่กลัว...ชั้นเป็นคนไม่กลัวอะไรทั้งนั้น"
"ดีค่ะ...ไม่กลัวก็ดี แต่รับไว้เถอะนะคะ จะได้มองอะไรเห็น นี่เทียนนะคะ แล้วนี่ ไฟฉายค่ะW
มิรันตีรับไป
"ขอบใจ"
"คุณแม่ไม่กลัวแน่นะคะ"
"ทำไม เธอถามทำไม"
"เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ หนูแค่เป็นห่วง"
เบญจายิ้มใส...

กรรณาพยายามฟังทิศทางของเสียงฮัมเพลงกล่อมเด็กที่ดังเบาๆ เสียงนั้นล่องลอยทั่วห้อง ภาพพิมอรที่อยู่กลางบ้านเหมือนรูปมีการเคลื่อนไหว เธอลอยออกมาจากรูปพร้อมฮัมเพลงกล่อมเด็กสีหน้าเต็มไปด้วยความรักและห่วงใยอันลึกซึ้ง ลอยผ่านกรรณาไปอย่างสวยงาม ปลายกระโปรงปลิวสยาย
กรรณาจับทิศทางของเสียงได้ทันที แต่ไม่เห็นพิมอร
"ทางนั้น!"

กรรณาตามไป

วิญญาณพิมอรยังคงฮัมเพลงล่องลอยไปตามทางในสวน ผ่านดงไม้ในเขตสวนกว้างขวาง กรรณารีบก้าวตามไปเสียงนั้นไปติดๆ เธอเดินตามลัดเลาะไปตามดงไม้
 
"เพลงอะไร เหมือนเพลงกล่อมเด็ก ทั้งอบอุ่น ทั้งเศร้า แต่เป็นคนละเสียงกับวิญญาณที่ตามนายแผนยุทธ ใคร...ที่นี่ผีเยอะจังวุ้ย"
กรรณาไม่ได้สนใจเส้นทางที่เดินมา มัวแต่ใช้หูฟังนำทางไป แล้ว เท้าของเธอกฌเตะเข้ากับแผ่นหินศิลาที่ปูทางเดิน เธอหลับตาปี๋ก้มจับหัวแม่เท้าที่สะดุด เจ็บโคตรๆ
"อู๊ย เจ็บๆๆๆ...เล็บแทบเปิด"
กรรณาเงยหน้ามองอีกที พบว่าเธอมายืนอยู่หน้าบ้านไม้หลังหนึ่งแล้ว บรรยากาศวังเวง วิเวก
เธออึ้ง งง
"บ้านใคร"
เสียงเพลงกล่อมเด็กยังคงดังอยู่
"วิญญาณที่ร้องเพลง มาที่บ้านหลังนี้ ทำไม ที่นี่บ้านใคร"
กรรณาเดินตามแผ่นหินปูทางตรงไปหยุดที่หน้าประตูบ้าน ยื่นมือช้าๆไป จะลองผลักประตูดู
แต่ประตูกลับเปิดเองช้าๆ เสียงเพลงหายไปทันที ...
กรรณายืนยื่นมือค้างแข็งอยู่หน้าประตู เธอลุ้นว่า จะมีอะไรหรือใครโผล่ออกมามั้ย ไม่มีอะไร นอกจากความเงียบ เธอมองผ่านประตูบ้านเข้าไปด้านใน พบว่าภายในมืดสลัว
"เอาวะ เจอผีมาเกือบทุกยี่ห้อแล้ว คราวนี้จะเจออะไรอีก อยากจะรู้นัก ฮึ่ม!"
กรรณาตัดสินก้าวเข้าประตูไป

ไฟในบ้านสว่างขึ้น กรรณาก้าวเข้ามายืนอยู่กลางบ้าน ที่เป็นห้องรับแขกเล็กๆ ทุกอย่างจัดเรียบง่าย แต่ล้วนแล้วเป็นเครื่องใช้เก่าๆคลาสสิกสมัยคุณพ่อ มีโซฟาหวายชุดเดียว กับทีวีเครื่องเล็กๆ แต่ผนังกลับตกแต่งด้วยหน้ากากประหลาดจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งหน้ากากผีตาโขน หน้ากากคาบูกิ หน้ากากแฟนซีเปเปอร์มาเช่ หรือแม้แต่พวกหัวสัตว์ปลอมต่างๆ ทำเอากรรณาสยองขนลุกเมื่อหันไปเจอหน้ากากแต่ละอัน
"บ้านใคร...ฝุ่นไม่ค่อยมี แสดงว่าต้องมีคนอยู่ ท่าทางจะสติไม่ค่อยดี ถึงได้แต่งบ้านได้หลอนขนาดนี้"
เสียงพิมอรร้องเพลงกล่อมเด็กดังมาอีก
"คุณ...คุณอยู่ที่นี่ คุณให้ชั้นตามเสียงคุณมาใช่มั้ย"
กรรณาไม่เห็นใคร ได้ยินแต่เสียง ทว่า พิมอรอยู่ที่บริเวณโซฟา
"คุณร้องเพลงกล่อมลูกหรือคะ.... ถ้ามีอะไรให้ชั้นช่วยก็บอกมา อยากให้ชั้นช่วยตามหาลูกที่พลัดพรากไปใช่มั้ย"
พิมอรลอยเข้าไปในห้องด้านใน ซึ่งเป็นห้องนอน
"ที่นี่บ้านลูกคุณเหรอ คุณอยากให้ชั้นสื่อสารอะไรกับเขาคะ"
พอกรรณาเดินตามเข้ามาในห้อง เสียงก็เงียบหายไป
"อ้าว คุณ...เงียบทำไม คุณ"
กรรณาไม่ได้ยินอะไรแล้ว เธอเห็นผนังด้านในหัวเตียงมีกรอบรูปติดอยู่บนผนังและวางตามชั้นวาง เธอเดินเข้าไปดู กรอบรูปเหล่านั้น เป็นรูปพิมอรกับพงอินทร์ในวัยหนุ่ม ทั้งสองคนถ่ายคู่กันในอิริยาบถต่างๆ
"อ้าว นี่มันรูปคุณพิมอร เจ้าของบ้านกับ... ตานี่ใคร อื้ม ผู้ชายคนนี้ หน้าคุ้นๆ"
กรรณาพยายามนึกพร้อมกับไล่สายตามองรูปอื่นๆไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอรูปๆหนึ่ง กรรณาชะงัก เพราะเป็นรูปถ่ายหมู่นักเรียนทั้งชายทั้งหญิงสมัยประถมต้น
"เฮ้ย ทำไม...มีรูปนี้อยู่ที่นี่ด้วย"

ในอดีต กลุ่มนักเรียนประถมกำลังตั้งแถวจะถ่ายรูปรวมหมู่ ครูกำลังจัดแถวเด็กๆ โดยที่กรรณายืนแปลกแยกอยู่ ยังไม่ไปรวมในแถว
ครูเรียกอย่างระอา
"เอ้า กรรณา ไปยืนที่ตัวเองสิคะ เร็วๆ"
ดญ.กรรณาเดินเข้าไปยืนในแถว เพื่อนๆ ผู้หญิงข้างๆ ขยับออกห่างนิดๆ ไม่อยากอยู่ใกล้ พวกเด็กชายแถวหลังก็ขำคิกคักกัน ครูเดินเข้าไปในแถวด้วย ตากล้องพร้อมทำท่าจะถ่าย เริ่มนับ...
กรรณาหน้าเศร้าเพราะไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ เหมือนเป็นเด็กมีปัญหา ทางด้านหลังกรรณา เด็กชายพงอินทร์ ที่ยืนเหนือเธอ แอบทำนิ้วใส่เขาให้ที่หัวเธอ
กรรณาถือภาพนั้นด้วยสีหน้าแค้นฝังหุ่น
"นายจิ้งโจ้ นายนี่มันเลวจริงๆ นายคือคนที่ทำให้ความทรงจำวัยเด็กของชั้นมัน...อึ๋ย!"
ภายในห้องเรียนชั้นประถม คุณครูกำลังเขียนกระดานดำอยู่
พยัญชนะไทยมีอักษรสูง กลาง ต่ำ....อักษรสูงมี 9 ตัว ..."
กรรณานั่งอยู่กลางห้องเรียนกำลังปิดหูหน้าตาเหยเก สิ่งที่กรรณาได้ยินกลับไม่ใช่เสียงที่ครูสอนอยู่เบื้องหน้า แต่เป็นเสียงหนูผีดังสวนเข้ามา
"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าหญิงแสนสวยคนหนึ่งชื่อ สโนไวท์"
เสียงนั้นฟังอ๊อดๆ แอ๊ดๆ ขาดๆ หายๆ เหมือนแผ่นซีดีตกร่อง
"สโนไวท์อาศัยอยู่ใน ปราสาทกับพ่อและแม่เลี้ยงใจร้าย"
เสียงเล่าชัดขึ้นๆ เรื่อยๆ กรรณาเห็นขาวิญญาณเด็กคนหนึ่ง ตีนเปล่า เล็บดำ ขามีร่องรอย บวมแดงยืนอยู่ข้างหลังกรรณา เธอปิดหูหน้านิ่วแทบร้องไห้
"วันหนึ่งแม่เลี้ยงใจร้ายถามกระจกว่า กระจกวิเศษบอกข้าเถิดใครงามเลิศในปฐพี"
ข้างหลังกรรณามีวิญญาณเด็กผู้หญิง ผมแกละ เสื้อผ้าเลอะกำลังยืนเล่านิทานให้กรรณาฟังอยู่
"กระจกวิเศษตอบว่า ก็สโนไวท์น่ะสิ”
กรรณาบอก
"พอได้แล้ว ชั้นจะเรียน"
กรรณาพยายามจะห้ามเบาๆ แต่หนูผีไม่สนใจยังเล่านิทานต่อไปเรื่อยๆ อย่างซ้ำซาก
"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.... กาลครั้งหนึ่ง... .กาลครั้งหนึ่ง"
กรรณาเสียงเริ่มแข็งและดังขึ้น
"ชั้นบอกให้หยุด ชั้นบอกให้หยุด"
เสียงเด็กหญิงหนูผียังเล่าซ้ำๆอยู่ที่ประโยคนี้
"กระจกวิเศษบอกข้าเถิด ใครงามเลิศใน…"
กรรณาทนไม่ไหว ลุกขึ้นตะโกน
"โอ๊ย... หยุดพูดได้ไหม รำคาญ"
ครูอ้าปากค้าง ชอล์กในมือร่วง หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ เพื่อนทุกคนในห้องหันมาทางกรรณา เธอหน้าเจื่อนที่เพื่อนในห้องมองเธอเป็นตัวประหลาด ดช.พงอินทร์ สีหน้าปกติไม่แสดงถึงความแปลกใจใดๆ

ในเวลาต่อมา กรรณานั่งคัดลายมือ “หนูจะไม่ก้าวร้าวกับครูอีกแล้วค่ะ ”อยู่ในห้องพักครู เธอคัดประโยคนี้เต็มหน้ากระดาษไปหมด มีเด็กนักเรียนชายตัวแสบสองคนมามองๆหัวเราะเยาะเย้ยขำๆ พอเธอหันขวับมาจ้อง พวกเด็กชายก็ร้องจ๊าก! รีบวิ่งเฮฮากันไป เหลือกรรณานั่งคัดลายมือคนเดียว
"ให้เราช่วยเธอคัดลายมือนะ"
กรรณาหันมาเจอพงอินทร์ยืนอยู่ สีหน้าดูเป็นมิตรต่างจากเพื่อนชายหญิงคนอื่นๆในโรงเรียนชั้นประถม
"โจ้!"
"มาโจ้ช่วย"
พงอินทร์ช่วยกรรณาคัดลายมือ เธอรู้สึกดีที่ยังมีคนที่ยอมรับเธอได้
เด็กทั้งสองมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน

เช้าวันต่อมา ดญ. กรรณาจากที่เคยซึมเศร้าเก็บกด เปลี่ยนไปเดินกระโดด ๆ เข้ามาในโรงเรียนอย่างอารมณ์ดี เธอถือขนมเค้กอันเล็กๆ ที่แม่ทำ กะจะเอามาให้พงอินทร์เพื่อนคนเดียวของเธอ
ดญ.กรรณามองหา ดช. พงอินทร์
"ไปไหนนะ แม่ฝากมาให้นายโจ้ด้วยน้า"
ที่มุมตึก นักเรียน 8-9 คน นั่งล้อมวงฟังเรื่องตลกที่พงอินทร์เล่าให้ฟัง
"กรรณเขาบอกว่า ได้ยินเสียงผีร้องไห้โหยหวนอยู่ในห้องเรียน ป.1/2 ตั้งเจ็ดแปดตัว แฮ่..."
เพื่อนๆที่ล้อมวงฟัง พากันร้องตกใจ
"ใต้โต๊ะก็มี...เกาะอยู่บนพัดลมก็มี...ยืนอยู่นอกหน้าต่างก็มี แล้วมันก็เล่านิทานให้น้องกรรณฟัง"
เพื่อนคนหนึ่งบอก
"ตัวประหลาด ชอบคุยกะผี"
"คนอะไร พูดกะผี" คนอื่นว่า
"หวาย น่ากลัวจัง"อีกคนบอก
"นี่พวกนายเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ ชั้นคนหนึ่งล่ะที่ไม่เชื่อ...ใครเชื่อยัยบ๋องนั้นก็บ้าแล้ว"
ทุกคนมองผ่านหลัง ดช.พงอินทร์ไปแล้วชะงัก เพื่อนที่ล้อมวงค่อยๆขยับถอยหลังช้าๆ แล้วชี้ให้ ดช.พงอินทร์หันไปมอง
ดช.พงอินทร์หันมา ชะงัก ก่อนจะส่งยิ้มให้
"อ้าว กรรณ! มาโรงเรียนแล้วเหรอ"

ดญ.กรรณากัดปาก แล้วซัดตูมเข้าเต็มหน้าดช.พงอินทร์
 
อ่านต่อหน้า 4

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 4 (จบตอน)

ภายในบ้านไม้ของพงอินทร์ กรรณามือจิกกรอบรูปดูรูปพงอินทร์ด้วยสีหน้าแค้นฝังหุ่น ตาแทบถลน กำลังจะขย้ำทำลายรูป เสียงหนึ่งดังขึ้นทางข้างหลัง พร้อมกระโดดจะล็อกตัว

"ไง...หล่อจนตาค้างเลยเหรอแม่โจรสาว!"
กรรณาหันไปมอง พงอินทร์ใส่หัวคิงคองโผล่ยกกรงเล็บทำเสียงคิงคองใส่
"โฮ่ก"
แทนที่จะตกใจ กรรณากำหมัดต่อยตูมเข้าเต็มๆ หน้าคิงคอง พงอินทร์มึนโงนเงนก่อนล้มหงายเก๋งลงไปนอนแผ่หลา เธอวางรูปลง...ปัง!
"เล่นกะใครไม่เล่น หึ!"
กรรณาเดินอย่างระวังตัว กล้าๆ กลัวๆ เข้าไปถอดหัวคิงคองออก เธอตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นหน้าพงอินทร์ ที่แท้เขาคือ ไอ้หนุ่มขวางโลกที่จอดรถขวางทางวันนั้นนั่นเอง
"เฮ้ย....นี่มัน!"

กรรณายืนเซ็ง ยิ้มประชดชีวิต
"หึ ดวงเรานี่มันเฮงจริงจริ๊ง มาเจอผู้ชายซังกะบ๊วยนี่อีกจนได้"
พงอินทร์ก็ลืมตาขึ้น มองกรรณา
"ยินดีต้อนรับ! อุตส่าห์มาให้จับตัวถึงที่"
พงอินทร์ลุกพรวดจับล็อกแขนกรรณาไว้ทางด้านหลัง กรรณาดิ้นไม่หลุด
"ห่ะ! มาจับฉันไว้ทำไม ปล่อย"
"หึๆ ได้ตัวนังโจรขนาดนี้แล้ว ปล่อยให้โง่เหรอ"
"นายซิ โจร ก่อนจะว่าคนอื่น หัดดูสารรูปตัวเองเสียก่อน ไอ้คนป่า...ไอ้เถื่อน...ไอ้บ้า ปล่อย!"
"นั่นซินะ ใครจะไปนึกว่าหน้าตาสวยๆ จิ้มลิ้มๆ อย่างคุณจะเป็นนางโจร ใช่มั้ย...นี่คงแอบสืบทะเบียนรถจนตามมาถึงที่บ้านเลยใช่มั้ยเนี่ยะ จะมาขโมยของหรือหลงรักผมล่ะ"
"ไอ้ทุเรศ ดูถูกผู้หญิง นี่!"
กรรณากระทืบเท้าพงอินทร์เต็มแรง
"อ๊าก!"
พงอินทร์เจ็บ ร้องลั่น กรรณากระแทกหัวเข้าจมูกเขาอีกพลั่ก เลือดกำเดาพงอินทร์พุ่งออกมาทันที เธอสะบัดตัวหลุด ผลักเขาจนเซผงะออก แล้วออกวิ่ง เขาเช็ดเลือดที่จมูกบอก
"ท่าจะได้ยืดเส้นยืดสายล่ะคราวนี้"
พงอินทร์ยิ้มแล้ววิ่งตามไป

กรรณาวิ่งมาอีกห้องหนึ่งได้ แต่พงอินทร์วิ่งมาดักหน้าไว้ เธอวิ่งหลบไปอีกห้อง เขามาดักไว้อีก
เธอกลับหลังหันวิ่งหนี พงอินทร์หยิบเชือกที่วางอยู่ในบ้านเหวี่ยงไปรัดที่ข้อเท้าเธอจนสะดุดล้มก้นกระแทกลงบนโซฟา
"โอ๊ย….ตูดฉัน!"
กรรณาคลำก้นตัวเองอย่างเจ็บปวด พงอินทร์หัวเราะชอบใจ
"ฮ่าๆ"
เมื่อถูกท้าทาย เธอหันขวับไป ลุกขึ้น ถลกแขนเสื้อ กำหมัดตั้งการ์ด กวักมือเรียกอย่างเลือดขึ้นหน้า
"มาเลย…ไม่ต้องคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแล้วจะออมมือให้นะ…เข้ามา"
"โอ้โห้เหะ เดี๋ยวนี้นางโจรพัฒนา...พิษสงรอบตัว เป็นมวยซะด้วย ชู่ๆ"
พงอินทร์พูดพลางทำเป็นเต้นฟุ๊ตเวิร์คส่ายเข้าไปหา กรรณารัวแย็บซ้ายขวาเข้าใส่หน้าพงอินทร์ไป 2 ชุด แต่พงอินทร์โยกตัวหลบได้อย่างคล่องแคล่ว
"แหม่! จังหวะแย็บ หมัดคมไม่เบา แต่ยังไม่ไวพอ มีฝีมือแค่นี้เหรอ"
กรรณาโกรธปรี่เข้าสาวหมัด ทั้งต่อย ทั้งเตะซ้ายเตะขวา พงอินทร์พัลวัน จนเขาเกือบจะรับมือไม่ไหว โดนไปหลายตุ๊บ สุดท้ายโดนถีบเข้ายอดอกหนึ่งตุ๊บ เขาเซ แทบล้ม
"เฮ้ยๆๆเอาจริงเหรอเนี่ยะ!"
"ยังไม่เอาจริงเลย นี่แค่วอร์มๆ"
"โอ้โห….ปากดีนะ แบบนี้ต้องส่งไปดัดสันดานในคุกให้เข็ด"
กรรณาโกรธ
"นายซิ…สันดาน!"
พงอินทร์พุ่งเข้าหา กรรณาสาวหมัดใส่เต็มเหยียด เขาหลบพร้อมปัดหมัดเธอตามแรงเหวี่ยง
กรรณาเสียหลักตัวหมุน เขาจับได้ตีตูดสั่งสอน เธอโมโห
"นี่…ไอ้บ้า"
กรรณาเตะพงอินทร์เหมือนเดิม เขาหลบพร้อมดึงขาเธอไปข้างหน้า เธอเซ โดนตีตูดอีกข้างอีก
"ต้องตีสั่งสอนคนดื้อ…ไม่ฟังผู้หลักผู้ใหญ่"
กรรณาเสียเหลี่ยม ลมออกหู
"แก! ตาย"
กรรณาวิ่งใส่ทันที แต่ก่อนถึงตัวเขาก็ต้องเบรกเอี๊ยด! สีหน้าตกใจ
"คุณแม่บ้านจารุณี !"
พงอินทร์หันมองตามทางที่กรรณามองไป แต่ไม่พบแม่บ้านจารุณี ! เขาหันกลับมาทันเห็นเธอเอาแจกันดอกไม้ใบโตฟาดใส่หน้า พงอินทร์ล้มทั้งยืน กุมหัวร้องโอดโอย
"อ๊าก !"
"เป็นไง…ปากดีนัก นั่น สมองไหลออกมาแล้ว"
"ห๊า"
พงอินทร์จับหัวดู มองมือตัวเอง สำรวจ แต่พอหันมาอีกที เธอก็หายไปแล้ว เขาแค้น ลุกตามไปทั้งๆ ที่มึนสุดๆ

กรรณาผลักประตูรีบวิ่งออกมา เพื่อกลับไปที่คฤหาสน์บ้านเวียงทับ พงอินทร์โซซัดโซเซออกมาตะโกนบอก
"วิ่งหนีให้สุดชีวิตเลย ยัยโจร ยังไงโดนชั้นจับแน่"
พงอินทร์วิ่งตามไป

กรรณาวิ่งเข้ามาถึงหน้าประตูตัวตึกบ้านแผนยุทธ เธอหยุดหอบ แฮกๆ ไม่ทันตั้งตัว พงอินทร์วิ่งจับหัวมาอีกด้าน ทั้งคู่ยืนมองกัน เขาล็อกตัวกรรณาไว้ได้
"ปล่อยซีเว้ย"
"ทำอะไรน่ะ....ปล่อยคุณกรรณเดี๋ยวนี้นะนายโจ้!"
แผนยุทธยืนอยู่จากทางเข้าบ้าน ทั้งคู่ต่างตกใจ
กรรณาพึมพำ
"นายโจ้เหรอ"
แต่แรกเมื่อเธอมองรูปเก่าสมัยประถม แม้จะมีรูปมีพงอินทร์ในวัยเด็กร่วมเฟรมอยู่ด้วย แต่เธอเพียงแต่คิดถึงเรื่องราวในหนหลัง ไม่ได้คิดว่าเป็นพงอินทร์ เพราะในภาพนั้น มีนักเรียนชายคนอื่นๆมากหน้าหลายตาร่วมอยู่ด้วย เธอคิดเพียงว่า เขาอาจจะเป็นใครคนใดคนหนึ่งในภาพนั้น ไม่ได้คิดว่าเป็นพงอินทร์
พงอินทร์ไม่ยอมปล่อย มองแผนยุทธอย่างกวนๆ
"ทำไมผมต้องเชื่อคุณด้วย ผมกำลังจับโจร คุณมายุ่งอะไรด้วย"
"อย่าเสียมารยาทกับเธอ โจรบ้าอะไรของนาย นี่คุณกรรณาแขกของฉัน!"
แผนยุทธพูดพลางก้าวเข้ามาแกะแขนพงอินทร์ออกจากตัวกรรณา คว้าแขนเธอผละห่างมาจากพงอินทร์
"กรรณา!"
พงอินทร์ชะงักกับชื่อนี้
"เธอเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่"
"นายไม่จำเป็นต้องรู้"
พงอินทร์กวนๆใส่
"จำเป็นสิครับ บ้านหลังนี้เป็นของพี่พิมพ์ ใครเข้าใครออก ผมต้องรับรู้"
กรรณาสะดุดหูกับคำว่าพี่พิม เธอพึมพำ
"นายโจ้ เป็นน้องชายคุณพิมอร"
"และโดยเฉพาะถ้าจะมีใครมาแทนพี่พิมในบ้านหลังนี้ ผมยิ่งควรต้องรับรู้ไม่ใช่เหรอ"
"ชั้นไม่ได้เป็นอะไรกับพี่เขยคุณ"
"ถ้าไม่ได้เป็นแล้วเขาพาคุณเข้ามาในบ้านนี้ทำไม"
"เรื่องงาน"
"อย่าบอกนะ ว่าคุณทำงานไซด์ไลน์"
"นาย!"
กรรณาจะพุ่งเข้าหาพงอินทร์ แผนยุทธจับเอาไว้ทัน
"นายนี่ปากต้องโดนซักที"
แผนยุทธอธิบาย
"คุณกรรณ เป็นที่ปรึกษาด้านบัญชีส่วนตัวของผม นอกจากนี้ นายไม่ต้องมาวุ่นวายรับรู้อะไรอีก ไปครับ... อย่าไปสนใจเลยครับ คุณกรรณา เข้าบ้านกันเถอะ"
"ฉันไม่น่ามาที่นี่เลย หึ!"
กรรณาฉุนเดินผละไป แผนยุทธรีบตาม
"คุณกรรณเดี๋ยวครับ"
พงอินทร์ฉุน ยืนจับหัวที่โดนแจกันแทบแตก
"หึ พี่พิมตายไม่ถึงเดือนก็คิดจะเอาเมียใหม่เข้าบ้านแล้วเหรอไอ้พี่เขยหน้าหื่น ฝันไปเถอะ ฉันจะฉีกหน้ากากแกออกมาให้ได้...ไอ้ฆาตกร"

พงอินทร์หยุดคิดเรื่องกรรณา... แต่สีหน้าสงสัยมากแล้วรีบร้อนเดินเข้าบ้านไป

ภายในบ้าน... พงอินทร์คว้ารูป สมัยชั้นประถมขึ้นมา จ้องไปที่รูปกรรณา

"กรรณา....ห่ะ!"
เขามั่นใจว่าใช่กรรณาในอดีต... เพื่อนร่วมประถมจริงๆ
"ยัยกรรณาแว่วเสียงผีจริงๆด้วย โธ่เอ๊ย... ดันมายุ่งอะไรกับนายแผนยุทธ"
พงอินทร์อารมณ์เสีย

กรรณาเดินเซ็งๆมาในห้องรับแขกบ้านแผนยุทธ กระแทกตัวนั่ง หน้างอหงิก
"ไอ้จิงโจ้...แกมันไม่ใช่มนุษย์ คุดทะราด ชาติลิง ปลิงควาย ทำมั้ย ...ทำไม เวรกรรมอะไรของชั้นต้องมาเจอนายอีกเนี่ย"
แผนยุทธตามมาแอบดู แล้วรู้สึกว่า กรรณาช่างน่ารักจริงๆ เขา...ตาเป็นมัน มองทรวดทรง องค์เอว และแขนขาเรียวสวยของกรรณา ก่อนตีหน้าเครียด เดินเข้ามา
"นายโจ้แย่มากๆ ไร้มารยาท แต่ผมก็รักและห่วงเขาเสมอนะ ไม่ว่าเค้าจะเกลียดผม อคติกับผมยังไง แต่ผมก็ไล่เค้าออกไปจากบ้านนี้ไม่ได้"
"ทำไมจะไล่ไม่ได้ล่ะคะ นี่มันบ้านคุณนะ คุณปล่อยให้ญาติภรรยาที่เป็นเพียงผู้อาศัย มาดูหมิ่นคุณขนาดนี้ได้ไงคะ"
แผนยุทธทำตาแดงๆ น้ำตาซึม
"เพราะ ผมรัก รัก พิมอรมากน่ะสิครับ ผมถึงต้องทน ทนทุกอย่าง พิมอรกับพงอินทร์ มีกันอยู่สองพี่น้องเท่านั้น ผมคือส่วนเกินที่มาแย่งความรักจากพี่สาวเค้าไป ไอ้เจ้าเด็กติสท์รับประทานนั้น มันก็เลยอิจฉาผมมาตลอดๆๆ"
"ใช่ค่ะ นายโจ้ มันขี้อิจฉาจริงๆ"
แผนยุทธทำเนียน ร้องไห้ออกมา
"พิมอรเขารักมันนะครับ แต่มันก็ร้ายใส่พิมอร ทั้งหนีไปไกลๆ ทีละนานๆ แกล้งให้พิมอรไม่สบายใจ บางทีก็ทำเย็นชา ประชดประชัน ไม่ยอมพูดด้วย พิมอรต้องเสียน้ำตา เพราะน้องคนนี้มามากตอนนี้ผมมันเหมือนตัวคนเดียว"
"ไม่ต้องกังวลนะคะ อย่างน้อย พวกเราก็อยู่ช่วยคุณเต็มที่"
แผนยุทธทำตาละห้อย อ้อน
"คุณจะอยู่นานแค่ไหนกัน"
"อยู่จนกว่าจะแก้ปัญหาให้คุณสำเร็จน่ะค่ะ"
"แล้วถ้ามันไม่สำเร็จล่ะ"
"ต้องสำเร็จสิคะ พวกเรา...ทำสำเร็จมาทุกครั้ง ครั้งนี้ ก็ไม่น่าจะยากอะไร"
"ต่อให้มีอุปสรรคแค่ไหน อย่างเช่น มีนายโจ้ มาคอยกวนประสาท คุณก็จะไม่ถอดใจใช่ไหมครับ"
"ตรงกันข้าม ยิ่งเค้ามาท้าทายชั้นแบบนี้ ชั้นจะสั่งสอนให้หลาบจำไปเลย"
แผนยุทธแบบมือออก
"สัญญานะครับ"
กรรณาเผลอวางมือสัญญา
"สัญญาค่ะ"
แผนยุทธจับเธอเขย่าจะเอามือไปจูบ
"ดีใจที่สุดเลยครับ ชื่นใจมากๆเลย"
กรรณาสะดุ้ง พยายามจะดึงกลับ แต่เขายื้อ ไม่ยอมปล่อย จูบๆๆไปที่หลังมือ พอดี ก้องฟ้าเดินผ่านมา เยี่ยมๆมองๆ เธอรีบกระชากมือกลับ จนเขาแทบคะมำ เธอรีบกระโดดมากอดก้องฟ้า
"ก๊องมาพอดีเลย...โอ๊ย ชั้นหิวขนมจังเลย ก๊อง..เราไปซื้อขนมปากซอยกินกันเถอะ"
ก้องฟ้างง ถาม
"ขนม...ขนมอะไร ปากซอยมีขนมตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ก็ที่ก๊องบอกว่าอร่อยม้ากๆไง ไปๆๆ เราไปซื้อขนมกัน เร็วๆๆ"
กรรณารีบให้ก้องฟ้าพาเธอไปให้พ้น แผนยุทธมองตาม พลางคิดในใจ นังนี่กะล่อนนักนะ เซ็ง !


เช้าวันใหม่ ที่บ้านไตรรัตน์ ประตูห้องน้ำค่อยๆแง้มเปิดออก เจ๊หญิง สุคนธรส และเสี่ยจำเริญสีหน้าลุ้นอยู่ที่หน้าประตู ในมือเจ๊หญิงถือกาน้ำชา พร้อมชามในมือ บริเวณประตูห้องน้ำ ชามกระเบื้องค่อยๆ โผล่ยื่นออกมาแบบสั่นๆ โคลงไปมา
สุคนธรสรีบยื่นมือมารับชามไว้ แล้วถาม
"เป็นยังไงบ้าง...เอาอีกมั้ย"
มือที่ยื่นส่งชาม สั่นซีด! โบกไปมาว่าไม่เอา แล้วหดหาย ปิดประตูกลับเข้าไป
เจ๊หญิงบอก
"ซดไปสามชามขนาดนั้น สงสัยได้ผลชะงัดนัก ถึงกับต้องลงคลานกันเลยทีเดียว"
เสี่ยจำเริญใจคอไม่ค่อยดี เงี่ยหูฟัง
"อาตี๋น้อย...ลื้อโอเคแล้วใช่ไหม"
ไตรรัตน์กลั้นใจ กัดฟันพูด เบาๆ
"ค้าบ"
เสี่ยจำเริญหน้าชื้นขึ้น หันไปพูดให้ทุกคนได้ยินคำตอบเบาๆนั้นอีกที
เจ๊หญิงบอก
"เห็นไหม ยาหม้อสูตรของเหล่าม่าเจ๊ซะอย่าง แม้แต่สุ้ม เสียงงี้...ยังกระเส่า แผ่วเบา เซ็กซี่"
"งั้นลื้อออกมาไหวไหม"
เสี่ยจำเริญเงี่ยฟัง ไตรรัตน์เงียบไปนิดนึง ก่อนเอ่ยอย่างแผ่วเบา กลั้นๆ กัดฟันพูด
"ค้าบ"
เสี่ยจำเริญและทุกคนลุ้นโล่งใจ เจ๊หญิงถาม
"ออกมาไหวใช่มั้ย"
ไตรรัตน์โผล่หน้าออกมาแบบคลานอยู่กับพื้น แล้วทันใด.... เขากัดฟันพูดแบบเต็มกลั้น ไม่ไหวสุดๆแล้ว
"ย๊าก"
ไตรรัตน์ผลุบหายไป ประตูปิด ปัง!
เสียงระเบิดนาปาล์มป๊าดใหญ่ ต่อด้วยสลุดสร้อยดังตามออกมาไม่ยั้ง เสี่ยจำเริญและทุกคนผวาปิดจมูก
"โอ๊ย…!"

รถญาณินเข้ามาจอดแบบเงียบๆใต้ต้นไม้มุมหนึ่งที่หน้าบ้านติณห์ ที่โรงจอดรถ ไม่มีรถสักคัน
อรวรรณลงจากรถย่องดูรอบๆแล้ว หันมาบอก
"ทางสะดวกค่ะ ไม่มีใครอยู่"
ติณห์กับญาณินช่วยกันถือถุงกระสอบลายสวยใบโตลงมาจากรถ มองซ้ายขวาไม่มีใครอยู่ ทั้งคู่มองหน้ากัน
ญาณินบอก
"จัดเลย!"
"ช้าไม่ได้ เอ้า เอาไปคนละไม้ละมือ คุณจำคาถาได้ใช่ไหม ผมจำไม่ได้ ขออ่านหน่อย"
"นี่ค่ะ ของคุณติณห์ คุณหนูเขียนเป็นภาษาคาราโอเกะไว้แล้ว" อรวรรณบอก
"คูล! ดาร์หลิง คุณคิดถึงผมเสมอเลย น่ารักอ่ะ"
อรวรรณโผล่มาขวางก่อนทั้งสองจะจูบกัน
"สต็อปๆๆ อย่าเพิ่งสวีตค่ะ เดี๋ยวคุณมิรันตีกลับมาจะอดกันหมด"
ติณห์บอกอรวรรณ
"เย้ That’s right ป้าออเหมือนรู้จักมายมอมดีจริงๆเลย"
ทั้งหมดวิ่งไปที่หน้าบ้าน แต่ละคนหอบของมาเต็มสองมือ แยกย้ายกันตามแผน ติณห์เอาทรายไปทำพิธีที่มุมหนึ่งนอกตัวบ้าน พนมมือ อ่านคาถาในแผ่น อรวรรณเอายันต์มาแปะตามมุมลับต่างๆตามตัวบ้าน ญาณินเอาช็อล์คไป พนมมือ สวดๆๆ แล้วลงมือขีด อรวรรณโผล่ออกมา ดูต้นทาง

"ทางสะดวกค่า ทางสะดวก...ใจเย็นๆกันนะค้า ไม่ต้องรีบนะคะ แต่อย่าช้าค่า ยังมีผ้ายันต์ที่เหลือกับสายสิญจน์อีกด้วยนะค้า"

ยามสายต่อเนื่องมา สุคนธรสกับเสี่ยจำเริญช่วยกันหิ้วปีกไตรรัตน์มาทิ้งลงที่โซฟา ไตรรัตน์หน้าซีดเหลือง ปากสั่นพะงาบๆ สุคนธรสเอาผ้าห่มมาห่มให้

"นาย เป็นยังไงมั่ง เสียน้ำมากๆแบบนี้ ทำให้หัวใจวายตายได้ง่ายๆนะ ไปหาหมอมั้ย"
ไตรรัตน์ไม่ตอบ ได้แต่ส่ายหัวเบาๆ
"โถ อาตี๋เอ้ย...อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปน๊า ขอเตี่ยกะกะอาม้าได้เห็นหน้าหลานก่อนนะ"
ไตรรัตน์เหลือกตามอง อย่างหวาดๆ
"เตี่ยแน่ใจเหรอ ว่านี่ยาสำหรับปึ๋งปั๋ง ผมว่ามันคือยาสำหรับล้างลำไส้มากกว่านะ"
"ไม่ใช่ไส้ธรรมดานะคะ ไส้เน่าด้วย..ยังกับไปกินไดโนเสาร์เน่ามาซักตัว"
"คือเหม็น"
"เหม็น...และมีปริมาณมากด้วยค่ะ"
"ตกลง สิ่งที่เกิดขึ้น แกกับหนูรส ไม่ได้เติมเต็มกันและกัน"
"ผมเติมเต็มส้วมตังหากล่ะเตี่ย โธ่ โอ๊ย...ไส้ ไส้บิด ยังปวดอยู่เลย คุณรสได้ยินเสียงมั้ย
ท้องมันดังโครกครากๆ ตลอดๆ"
"ได้ยินค่ะ... ตัวยาที่ใช้มีอะไรบ้างคะ เราต้องหาวิธีแก้"
เจ๊หญิงบอก
"มันไม่ได้ผิดที่ตัวยาหรอก ชาวบ้านเขากินกันถ้วยเดียว ไอ้บ้านี่ล่อเข้าไปสามชาม"
"ก็ผมอยากให้คุณรสเค้าประทับใจ"
"ประทับใจมากเลย ขอบอก ไม่เคยเจอใครถ่ายได้อลังการงานสร้างขนาดนี้"
เจ๊หญิงหัวเราะ
"ประทับใจที่อึเหม็นมาก...ว่างั้น"
"โอย...อาย เสียมาก เสียๆๆ หมดกัน ความโรแมนติก ต่อไปนี้ เมียผมคงไม่มองว่า ผมหล่ออีกแล้ว"
"โธ่ ไม่น่าเลย" เจ๊หญิงว่า
"หรือว่า นี่จะเป็นสาเหตุ ให้หนูรสเลิกรักลูกของเรา" เสี่ยจำเริญว่า
เสี่ยจำเริญกับเจ๊หญิง "โฮ" พร้อมกัน
พวกผู้ใหญ่กอดกันร้องไห้

ไตรรัตน์กับสุคนธรสมองหน้ากัน สีหน้าสลด เสี่ยจำเริญหนักใจ คิดๆ หันมองหา
"แล้วเจ๊หญิงไปไหนเนี่ย"
"มาม้าต้มยาออกมา แกก็เดินหายไปไหนไม่รู้"
พลันเจ๊หญิงโผล่พรวดขึ้นมากลางวง ทุกคนสะดุ้งโหยง
"ไงอาตี๋ ลื้อยังไม่หายใช่มั้ย"
ไตรรัตน์พยักหัวเบาๆ
"โอเค...ม้าจัดให้"
เจ๊หญิงก้มลงไปล้วงๆ ค้นๆ บางอย่างไปมา ทุกคนงง ว่าหาอะไรหรือ เจ๊หญิงเงยขวับมา สีหน้านิ่งจริงจัง แล้วง้างยกไข่ห่านใบเขื่องขึ้นมา ทุกคนตกใจ
"จะถอนพิษ มันต้องแก้ด้วยพิษ..มาอาตี๋"

เจ๊หญิงเงื้อไข่จะแกะใส่ปาก ไตรรัตน์ หน้าแหยตาเหลือก

"อ๊าย...นี่มันอะไรกัน"
 
มิรันตีกระชากดึงผ้ายันตร์ลาย Polka dot ที่แปะตามจุดต่างๆในบ้านพักออก แล้วเขวี้ยงลงพื้น
กองผ้ายันตร์นับสิบผืนกองอยู่บนพื้น ตามด้วยสายสิญจน์กองโตปาทิ้งตามลงมา มิรันตีกระฟัดกระเฟียด
"ใครหน้าไหนเอาของบ้าๆปัญญาอ่อนพวกนี้มาทำรกบ้านชั้น ต้องเป็นนังพวกแม่มด หมอผีสิบแปดมงกุฎ หวังจะมาหลอกขายของให้คนดีๆเขาหลงงมงายล่ะสิ อยากจะได้นักใช่ไหม ทรัพย์สินของคนอื่นน่ะ"
"มัม เฮ้ ใจเย็นสิ Listen ของพวกนี่จะช่วยปกป้องมัมนะ"
มิรันตีอยู่ชานหน้าบ้าน ติณห์สีหน้าไม่ดี ญาณินยืนหน้าเสียอยู่ด้วยกับอรวรรณ
"ปกป้องชั้นจากอะไร มีอะไรที่ต้องมาปกป้อง เครซี่ ซิลลี่ แกบ้าไปกับยัยคุณไสยคนเดียวยังไม่พอ จะมาให้ชั้นบ้าไปอีกคนหรือ นี่ ยัยแม่มดจอมเสี้ยม หยุดเป่าหูลูกชายชั้นซะที ไปไกลๆ Leave my family alone..เข้าใจไหม อย่ามายุ่งกะครอบครัวช้าน!"
"Mom !"
ติณห์และญาณินหน้าซีด อรวรรณทนไม่ไหว หยุดไม่อยู่
"นี่คุณคะ ทำไมพูดใส่ร้ายให้เสียหายกันอย่างนี้ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ถ้าไม่เห็นใจลูกตัวเอง ไม่เมตตาว่าที่สะใภ้ ก็ควรจะมีมารยาทสังคมกับคนอื่นบ้าง"
มิรันตีถามติณห์
"อ๊าย..แล้วนี่ใคร ยายแก่ขี้เหร่ที่ไหนมาเกี่ยวอะไรด้วย"
"แอร๊ย...ใครยายแก่ขี้เหร่ เจ๊เองสาวมาก สวยใสมากเลยสินะคะ"
ติณห์พะวักพะวงทั้งสองฝ่าย ญาณินรีบกันอรวรรณไว้
"นังนี่มันเป็นใคร เป็นเหมดของยัยแม่มดนี่ใช่ไหม นี่ ... แกปล่อยให้คนใช้มาหยาบคายกะชั้นขนาดนี้เลยเหรอ"
"คุณแม่คะ ป้าออไม่ใช่คนใช้นะคะ ป้าออเป็นแม่นมหนู...เลี้ยงหนูมาตั้งแต่เกิด"
"อ๋อ จะอวด...ว่าเป็นลูกผู้ดี มีพี่ล้งพี่เลี้ยง ว่างั้น"
"พวกเราไม่มีใครคิดร้ายกับคุณแม่ เราเห็นว่าคุณแม่อาจตกเป็นเป้า ของมือที่สามที่ไม่หวังดี... ที่เค้าใช้วิชามารมากลั่นแกล้งทำร้ายคุณแม่ พวกเราก็แค่อยากช่วยป้องกัน"
ติณห์รีบมากันญาณิน
"ฮันนี่ๆ ไม่เป็นไรๆ"
ตืณห์พูดกับมิรันตี
"มัม..believe me ผมเคยเจอควายธนูตัวเบ้อเริ่มจะมาเอาชีวิตผม เคยโดนทำเสน่ห์ยาแฝดจนเป็นบ้าเกือบตาย ก็ได้คุณญาณินและทุกคนที่ช่วยผมไว้"
"ควายธนู!..เสน่ห์ยาแฝด! ซันยูเครซี่ เวรี่แม้ด บ้าบอไปแล้ว"
เบญจาถือไม้กวาด และที่โกยผงโผล่หน้าออกมาดูจากอีกมุมนึง ว่ามีอะไรกันหรือ มิรันตีหันไปเห็นพอดี
"นี่ เบ้นซ์..หนูเคยได้ยินคำว่าควายธนูหรือเปล่า"
เบญจาถามซื่อๆ
"หา..อะไรนะคะ ควายธนู อยู่แถวสะพายควายหรือเปล่าคะ"
มิรันตีขำชอบใจ
"ฮ้าๆๆ เห็นไหม"
เบญจามองหน้าญาณิน
"อะไรกันคะ พี่ญาณิน พี่ติณห์ ไหน มีของเยอะไหมคะ หนูช่วย"
"มาช่วยน้าดีกว่าจ้ะ เบ้นซ์... มาเอาไอ้ของพวกนี้ไปทิ้งให้หมดเร็ว"
"ได้ค่ะ อ๊านตี้รันตี้"
ญาณินตะลึงที่ เห็นเบญจามาอยู่ในบ้านมิรันตี ติณห์ทำอะไรไม่ถูก
ติณห์งง
"อ๊านตี้รันตี้"
เบญจาเดินมา เอาไม้กวาดๆทุกสิ่งใส่ที่โกยผง
"คุณหนูคะ"
ญาณินห้ามป้าอรวรรณ ให้นิ่งจบซะ

คนงานสวนกำลังวุ่นวายกับการตัดตกแต่งสวนบริเวณหน้าเรือนไทย วิญญาณหลวงพิชัยภักดีเดินดูคนงานเหล่านั้น ก้มเข้าไปดูใกล้ๆ บ้าง จับใบไม้ ดมดอกไม้ไปมาดู แล้ว ดีใจ
ในดงหญ้า โกลเดนเบบี๋ซุ่ม ทำตาแป๋วใส่ชุดหมี ทำท่าเหมือนหมาจิ้งจอกเรื่องเจ้าชายน้อย โผล่หัวมองออกมา
"ฮ้า ไอ้หนู กลับมาแล้วเหรอวะ"
โกลเดนเบบี๋พยักหน้าหงึกๆ ซึมๆ หลวงพิชัยภักดีหายตัว มานั่งอยู่ด้วยข้างๆ ทำท่าอย่างเหมือนกัน โกลเดนเบบี๋สะดุ้งตกใจ
"จึ๋ย! ...คุณตา"
หลวงพิชัยภักดีตกใจตาม
" แหม...หายเงียบไปไหนมา ไม่ได้เจอหน้าเจอตากันเลยนะ"
โกลเดนเบบี๋หันไปมองข้างล่าง แกว่งขาเล่นต่อ
"ไม่ค่อยว่าง"
"ตามไปช่วยพี่ๆ เค้าที่ออฟฟิศเหรอ ฝากบอกไอ้ยามด้วยนะ ว่าข้าคิดถึง"
โกลเดนเบบี๋ยังก้มหน้านิ่ง แววตากังวลปนเศร้า
"เปล่าตา หนู...หนูก็มีธุระส่วนตัวของหนูบ้างสิ"
"ดูเอ็งผิดไปนะ เหมือนคนอมทุกข์ มีอะไรจะปรึกษาป่าว"
"ปรึกษาไปก็ไม่มีประโยชน์"
"คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตายนะเว้ย"
"ไม่ใช่สองคน สองผีตังหาก เราตายแล้ว ทำอะไรไม่ได้แล้ว ช่วยอะไรใครก็ไม่ได้ แต่ละคน ก็มีกรรมเป็นของตน เราก็ได้แต่มองดูอย่างสิ้นหวัง"
"หา...มีใครสิ้นหวังกว่าข้าอีกวะ ที่มีลูกสาวอกตัญญู พูดไม่รู้เรื่อง แล้วก็มีอคติกะเราอยู่ตลอดเวลา"
"คุณตาว่า...การที่ผีอย่างเราผิดหวังในตัวลูก กับผิดหวังในตัวบุพการีแบบไหน มันจะทุกข์กว่ากันนะคะ คุณตา"
คุณหลวงมองเศร้าๆ โกลเดนเบบี๋มองตอบ แล้วเลือนหายไป
"อ้าว เฮ้ย...หายอีกแล้ว ไอ้โกลเดนเบบี๋"

ภายในครัว บริษัทซิกส์เซนส์ เนตรสิตางศุ์กับหมอวรวรรธช่วยกันยกกับข้าวมาจัดวาง นาฬิกาแขวนผนังบอกเวลาอีกสิบนาทีบ่ายโมงตรง
"โอ๊ย...น่ากินๆๆ หิวแล้ว ไม่น่าเชื่อเลย ว่าผมจะทำอาหารได้น่ากินไม่แพ้คุณเนตรเลย งั่ม"
วรวรรธหยิบขาไก่ชุบแป้งทอด อ้าปาก เตรียมงับ เนตรสิตางศุ์ร้องอ๊า... วรวรรษสะดุ้ง เอาไก่ออกมา แล้วหุบปาก
"ทำไมครับ มีอะไร ไก่มันยังไม่ตายเหรอ"
"ไม่ได้นะคะ หมอจะทานก่อนพี่ณัฐไม่ได้ เดี๋ยวพี่ณัฐน้อยใจแย่"
"หา...นี่มันจะบ่ายโมงแล้วนะ ผมหิว พี่ณัฐเค้าไม่ว่าหรอกครับ เพราะเค้ามาเลท..เค้านัดเราเที่ยงไม่ใช่หรอ นี่มันเลยเวลามาตั้งเยอะ"
"ก็...พี่ณัฐเค้ายิ่ง ไม่อยากให้เนตรมีแฟน ใช่ไหมคะ แล้วก็ไม่อยากให้หมอมาเป็นแฟนเนตร..ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้น หมอจะต้องทำตัวดีมากกว่าปกติ ทำตัวน่าสงสารมากกว่าปกติ ให้เค้าเมตตาสงสารมากๆ กว่าปกติสิคะ"
"ด้วยการกินอาหารเวลาหิว และไม่ชิมอาหารที่ตัวเองทำเองเนี่ยนะครับ"
"ใช่"
วรวรรธวางไก่ลง
"โอเค...ซึ้ง"
"เอ๊...แต่ทำไมพี่ณัฐถึงยังมาไม่ถึงล่ะ ปกติพี่ณัฐเป็นคนตรงเวลา นี่ขนาดเราทำอาหารกันช้าแล้วน้า นึกว่าจะโดนพี่ณัฐบ่นหิวๆๆใส่ซะอีก"
"นั่นสิครับ หิวๆๆ"
"งั้น...เรารออีกสักสิบห้านาทีนะ"
วรวรรธทรุดนั่งลงเศร้า ท้องร้องจ๊อก
"อดทนนิดนึงนะคะ ไม่งั้น ถ้าพี่ณัฐมาถึง เห็นเรากินกันไปก่อน ไม่รอ เดี๋ยวพี่ณัฐจะแอบเคือง...นะคะๆๆ"
"ธรรมดาพี่ณัฐไม่เคยผิดเวลา หรือเค้าจะมีธุระด่วน ผมโทร.ถามดีกว่า"
"อย่าค่ะ อย่าโทร."
"ทำไมอ่ะ"
"เดี๋ยวพี่ณัฐจะหาว่าเราจิกเค้า"
"อ้าว"
"ก็..ถ้ามีอะไร พี่ณัฐก็คงโทร.เองน่ะแหละค่ะ"
วรวรรธกุมขมับ
"โอเคๆๆ"

เนตรสิตางศุ์อดมองค้อนวรวรรธไม่ได้
 
อ่านต่อตอนที่ 5
กำลังโหลดความคิดเห็น