ต้นรักริมรั้ว ตอนที่ 1
ท่ามกลางการจราจรที่แออัดและติดขัดบนถนนสายหนึ่งของกรุงเทพฯ เสียงไซเรนจากรถพยาบาลคันหนึ่งที่ยังคงติดแหงกอยู่บนถนนสายนั้นดังขึ้นไม่ขาดระยะ ขณะเดียวกันก็มีเสียงบีบแตรจากรถคันอื่นๆ ดังขึ้น และยังมีมอเตอร์ไซค์ที่ขับซอกแซกไปมา สภาพบนถนนสายนั้นยิ่งดูวุ่นวาย
คนขับรถพยาบาลคันนั้นพยายามแทรกรถไปท่ามกลางการจราจรที่ติดขัดบนท้องถนน
ในเวลาต่อเนื่องมาไม่นานนัก รถพยาบาลคันเดิมขับเข้ามาจอดที่โรงพยาบาล ประตูรถพยาบาลถูกเปิดออก บุรุษพยาบาลรีบเข็นเตียงมารับร่างคุณย่ายอแสง หญิงชราวัย 75 ปีที่นอนไม่ได้สติเข้าไปภายในโรงพยาบาล
รถของ ยศภัทร เกียรติโยธา ชายกลางคนวัย 50 ปี ลูกชายคนเดียวของคุณย่ายอแสง ขับมาจอดจ่อท้ายรถพยาบาล เบรคดังเอี๊ยด!
ยศภัทร พร้อมด้วย กมลา ผู้เป็นภรรยา นันทิดา และ ชลัช วณิชชากร ผัวเมียอีกคู่หนึ่ง ก้าวลงจากรถแล้ววิ่งตามร่างคุณย่ายอแสงเข้าไปในโรงพยาบาลติดๆ
บุรุษพยาบาลเข็นเตียงคุณย่ายอแสงอย่างเร่งรีบจะเข้าห้องฉุกเฉิน แต่คุณย่ายอแสงพูดกับบุรุษพยาบาลว่า
"เดี๋ยวก่อนคุณ"
คุณย่ายอแสงยกมือเรียกยศภัทรกับชลัช
"ตายศ คุณชลัช ตากบกับหนูบัวมารึยัง"
"คุณย่า !"
กษิดิฐ เกียรติโยธา และ นลิน วณิชชากร วิ่งเข้ามาหาคุณย่ายอแสง
"คุณย่าเป็นยังไงบ้างคะ"
"คุณย่าไม่ต้องกลัวนะครับ คุณย่าแข็งแรงบึกบึน ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว"
คุณย่ายอแสงยิ้มให้กษิดิฐที่พยายามปลอบใจ
"ตากบ หนูบัว ย่ามีเรื่องจะขอ"
"คุณย่าอยากได้อะไร บอกบัวมาเลยค่ะ" นลินว่า
คุณย่ายอแสงจับมือทั้งคู่มาประสานกัน
"ย่าอยากให้บัวกับกบแต่งงานกัน"
ภายในห้องนอน เวลากลางคืน นลินสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆห้อง ก่อนตั้งสติคิดทบทวน
"คุณย่า"
นลินหันไปมองกรอบรูปที่วางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง ที่มีรูปถ่ายคุณย่ายอแสงยืนถ่ายรูป กับกษิดิฐและนลิน ใส่ชุดมหาวิทยาลัยอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน โดยมีกษิดิฐยืนอยู่หน้าบ้านของตัวเอง นลินยืนอยู่หน้าบ้านของตัวเอง ส่วนคุณย่ายอแสงยืนอยู่หน้ารั้วที่เชื่อมระหว่างสองบ้าน คุณย่ายอแสงจับมือกษิดิฐและนลินไว้
เช้าวันใหม่ ที่หน้าบ้าน นลินกำลังใส่บาตรอยู่กับนันทิดาและชลัช พระกำลังให้พรหลังจากที่ทั้ง 3 คนถวายของใส่บาตรแล้ว นลินมองพระที่กำลังเดินออกไปแล้วสูดลมหายใจด้วยความสบายใจ
"ใส่บาตรให้คุณย่าแล้ว สบายใจจัง แปลกนะคะ คุณย่าเสียไปสามปี บัวไม่เคยฝันถึงคุณย่าเลย เพิ่งจะมาฝันเมื่อคืนนี้เอง"
"คุณย่าอาจจะอยากจะบอกอะไรบัวรึเปล่าลูก"
นันทิดาวัย 45 ปี แม่ของนลินพุดจานิ่ม หวาน เนิบช้าตามแบบฉบับคนเมืองเหนือ
"ถ้าจะบอก ก็น่าจะฝันเรื่องอื่นนะคะ ไม่ใช่ฝันตอนที่คุณย่าขอให้
บัวกับ...กบแต่งงานกัน" นลินพูดพลางถอนใจ ด้วยไม่อยากนึกถึงเรื่องอดีตที่ผ่านไปแล้ว
"คุณย่าอาจจะอยากให้บัวกับกบกลับมาแต่งงานกันอีกไงลูก"
ชลัช พ่อของนลิน วัย 50 ปีได้ยินก็รู้สึกฉุนแล้วปรามขึ้นมาทันที
"หยุดพูดเถอะคุณ เรื่องนั้นมันจบไปตั้งสามปีแล้ว ป่านนี้ นายกบคงมีเมียมีลูกอยู่ที่อเมริกาแล้วมั้ง"
นันทิดายิ้ม
"แต่ดาเชื่อว่าคุณป้ายอแสงท่านคงเห็นอะไรของสองคนนี้ ถึงได้บอกว่ากบกับบัวเกิดมาคู่กัน !"
"แม่คะ การแต่งงานครั้งนั้น บัวยอมเพราะความจำเป็น แต่ถ้าจะให้บัวแต่งงานกับกบอีก บัวคงไม่แต่งแล้วล่ะค่ะ เพราะมันคงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ทำให้บัวต้องแต่งงานกับกบอีก"
นลินพูดพลางดูนาฬิกา
"อุ้ย! หกโมงครึ่งแล้ว บัวไปทำงานก่อนนะคะ ต้องไปรับยัยมิ้นต์ด้วย"
นลินรีบวิ่งเข้าบ้านหยิบของเพื่อไปทำงาน นันทิดามองตามลูกสาวแล้วก็ยิ้ม
"ยายบัวเอ้ย..อย่าดูถูกเรื่องโชคชะตานะ อะไรที่เราไม่คิดว่ามันจะเกิด มันก็อาจเกิดขึ้น คนที่เราคิดว่าใช่ มันอาจจะไม่ใช่ แต่คนที่เราคิดว่าไม่ใช่ โชคชะตาอาจจะกำหนดว่า เป็นคนที่ใช่ก็ได้นะ"
นันทิดามองนลินอย่างเชื่อว่า กษิดิฐและนลินต้องกลับมาเจอกันอีกแน่
ภายในรถของนลิน ท่ามกลางการจราจรในช่วงเช้าที่แออัด เสียงเพลง “หากันจนเจอ” ดังจากคลื่นวิทยุในรถยนต์ดังคลอไปกับความเร่งรีบ ติดขัด วุ่นวายของการจราจรในยามเช้า
"สิ่งที่ฉันหวัง สิ่งที่ฉันคอย อาจดูเหมือนเลื่อนลอย เกือบจะ ฝันไป มองหาคนคนนึง ที่ไม่รู้เป็นใคร และไม่รู้เมื่อไหร่ จะพบคนผู้นั้น"
นลินยื่นมือเรียวสวยกดปิดวิทยุ เสียงเพลงหยุดทันที
มัญจา หรือ มิ้นท์ เพื่อนสนิทวัย 29 ปีของนลิน ซึ่งนั่งข้างคนขับหันหน้าไปถามนลินที่ขับรถอยู่
"ปิดทำไมล่ะบัว เธอนี่ไม่เข้าใจคนกำลังอินเลิฟเลย"
นลินสวมแว่นกันแดด มือข้างนึงของนลินคุมพวงมาลัยไว้ ส่วนอีกมือถือไอแพคพร้อมกับ กำลังดูสตอรี่บอร์ดงานโฆษณาในไอแพคอยู่
"ฉันไปรับเธอเพื่อจะให้มาคุยงานกันก่อน ไม่ใช่ให้มาฟังเพลงรัก"
มัญจาเซ็งขึ้นมาทันที
"แต่งานชิ้นนี้เราส่งลูกค้าไปแล้ว จะมาคุยอะไรอีก"
"ก็เผื่อเราจะมีไอเดียอะไรเพิ่มเติมให้ลูกค้าไง ไม่ใช่ทำเสร็จแล้วก็เสร็จเลย เธออย่าลืมสิว่างาน..."
นลินพูดไม่ทันจบ มัญจารีบพูดแทรก
"ทุกอย่างของเธอต้องสมบูรณ์แบบ !"
มัญจาถอนใจอย่างเหนื่อยๆ ก่อนร่ายยาวต่อ
"ฉันได้ยินเธอพูดคำนี้กรอกหูมาตั้งแต่เรียนมัธยมจนจบมาทำงาน ไม่เบื่อบ้างรึไง ฉันว่าเธอควรรีแลกซ์กับชีวิตบ้างนะ อายุก็จะสามสิบแล้ว ระวังเถอะ เอาแต่ทำงานทั้งปี เงยหน้า อีกที..ว้าย ! ..ขึ้นคาน"
แล้วมัญจาก็นึกบางอย่างได้
"อุ้ยลืมไป ! ว่าเธอแต่งงานแล้ว ไม่เรียกว่าขึ้นคาน"
นลินวางไอแพคลงอย่างเสียงดังด้วยความเซ็ง
"วันนี้มันอะไรเนี่ย ถึงมีเรื่องนายกบมาวนเวียนตั้งแต่เช้า นี่มิ้นต์ ดูปากฉันนะ เรื่องฉันกับกบมันจบไปแล้ว ตอนนี้นายกบอยู่อเมริกา เราไม่มีทางเจอกันอีก" นลินพูดชัดเจนยืนยัน
"ใครจะไปรู้ โชคชะตาอาจจะเล่นตลกก็ได้"
นลินชักเซ็ง
"โอ้ย...เรื่องของโชคชะตาอีกแล้ว"
"ไม่แน่นะบัว นายกบอาจจะกลับมาแล้ว แต่เธอไม่รู้ก็ได้"
มัญจามองออกไปทางนอกหน้าต่าง พูไปเรื่อยแบบไม่คิดอะไร
"ดี...ไม่ดีนายกบอาจจะเป็นคนที่มีเรื่องกับแท็กซี่ตรงนั้นก็ได้"
มัญจาชี้ไปทางแท็กซี่ที่จอดอยู่ข้างทาง โดยมีคนรุมดูคนขับแท็กซี่เถียงกับผู้โดยสารคนหนึ่งอยู่ ... คนขับแท็กซี่กำลังต่อว่า ผู้โดยสารคนหนึ่งที่ก้มเข้าไปหยิบกระเป๋าเดินทางในรถ
"นี่คุณ ! จะลงตรงนี้ก็ได้ แต่ต้องจ่ายเงินค่าโดยสารมาก่อน"
ผู้โดยสารคนนั้น ที่แท้คือ กษิดิฐ หรือ นายกบ จบปริญญาตรีที่คณะสถาปัตย์จากเมืองไทย หลังหย่าร้างกับนลิน ได้ไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา 2 ปี วันนี้ ... เขาตัดสินใจกลับเมืองไทย
หลังจากที่เขาหยิบกระเป๋าเดินทางจากด้านในรถแล้วก็ถอยตัวออกมา
"ไม่จ่าย ! ผมบอกไปนนทบุรี แต่ลุงเล่นขับอ้อมมาสาทร แถมค่ามิเตอร์พุ่งกระฉูดจากสุวรรณภูมิมาสาทรเกือบห้าร้อย โกงกัน ชัดๆ เอาบัตรประจำตัวของลุงมา ผมจะโทรไปร้องทุกข์"
กษิดิฐ พูดจาตรงไปตรงมา ขวานผ่าซากตามสไตล์ แท็กซี่นิ่งไม่ยอมให้บัตรประจำตัวคนขับรถแท็กซี่ กษิดิฐตัดสินใจเดินไปเปิดประตูด้านหน้ารถ เพื่อจะหยิบบัตรประจำตัวที่โชว์อยู่หน้าคอนโซนรถ คนขับแท็กซี่เข้าไปขวาง
"อย่ายุ่งกับบัตรของฉันนะเว้ย"
กษิดิฐไม่สนใจคำห้าม ทั้งคู่ยื้อแย่งกันจนเขาเผลอเหวี่ยงมือไปโดนที่กันแดดตรงหน้ารถที่พับไว้เปิดออกมา รูปถ่ายที่เหน็บไว้ร่วงลงมาที่เท้า เขามองรูปถ่ายแล้วหยิบขึ้นมาดู
รูปถ่ายใบนั้นเป็นรูปคนขับแท็กซี่ถ่ายกับเด็กพิการคนหนึ่งและ มีเด็กผู้หญิงอายุสองขวบยืนข้างๆอีกคนหนึ่ง
แท็กซี่ดึงรูปจากมือของกษิดิฐ
"เอารูปลูกผมมา"
กษิดิฐชะงักนิ่งแล้วถอนใจ ก่อนพึมพำกับตัวเองอย่างเซ็งๆ
"เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย ไอ้กบ"
กษิดิฐล้วงเงินยื่นให้สองพันบาท คนขับแท็กซี่มองเขาด้วยความอึ้งปนงง
"เก็บเงินไว้พาน้องไปหาหมอนะลุง แล้ววันหลังอย่าโกงมิเตอร์อีก"
กษิดิฐเดินไปหยิบกระเป๋ามาสะพายแล้วลากกระเป๋าเดินทางไปทางป้ายรถเมล์ พลางพึมพำกับตัวเอง
" ไอ้กบนะไอ้กบ ให้เงินเขาไปหมดตัว แล้วจะกลับบ้านยังไงล่ะวะเนี่ย"
พอคิดแล้วก็หันไปทางคนขับแท็กซี่
"ลุงๆ ผมขอยืมมือถือหน่อยสิ"
คนขับแท็กซี่รีบหยิบมือถือยื่นให้ กษิดิฐรีบกดเบอร์มือถือโทร
"สวัสดีครับคุณนายกมลาสุดที่รักของลูก"
ท่ามกลางบรรยากาศบ้านสวน กมลากับยศภัทรนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ทั้งคู่กำลังจะเริ่มกินอาหารเช้า ยศภัทรกำลังเอามือถือถ่ายรูปอาหารบนโต๊ะแล้วอัพเดตลงเฟซบุ๊กอยู่ กมลาคุยมือถือด้วยอาการตื่นเต้น
"ตากบ ! กลับมาตอนไหน ทำไมไม่บอกแม่ แม่จะได้ไปรับ"
"ก็กะจะไปเซอร์ไพร์สแม่ แต่ดันตังค์หมด เลยต้องโทรมาให้พ่อมารับน่ะครับ คุณพ่อวัยรุ่นของผมอยู่บ้านใช่ไหมครับ"
กษิดิฐนั่งบนกระเป๋าเดินทางคุยมือถือกับกมลาอยู่ที่ริมถนนอย่างอารมณ์ดี
กมลาคุยมือถือกับลูกชายพร้อมกับเหลือบไปมองยศภัทรที่กำลังถ่ายรูปอาหารอย่างเมามัน
"ถ่ายรูปของกินอวดคนบนเฟซบุ๊กอยู่เนี่ย ! แล้วนี่กบอยู่ไหนลูก...เดี๋ยวแม่ให้พ่อไปรับ ...อยู่สาทร ?!"
ยศภัทรรีบพูด
"ไกลโฮก วัยรุ่นขี้เกียจไปรับ ให้มันกลับมาเองแล้วกัน"
"โธ่ พ่อ...ลูกมันเพิ่งกลับมาจากอเมริกานะ นี่โดนแท็กซี่พาอ้อมไป พ่อไปรับลูกหน่อยนะ"
"เรียนจบตั้งปริญญาโท ดันโง่ให้แท็กซี่หลอก สมน้ำหน้า! นี่แม่ ...ให้ไอ้กบไปยืมเงินหนูบัวสิ ออฟฟิศหนูบัวอยู่แถวนั้นนี่"
กมลานึกได้แล้วคุยมือถือกับกษิดิฐต่อ
"เอ้อ...จริงด้วย แหม... แท็กซี่นี่ ช่างพากบอ้อมไปที่นั่นนะ อยู่ใกล้ๆที่ทำงานหนูบัวเลย สงสัยคุณย่าจะดลใจอยากให้กบไปเจอหนูบัวอีก"
กษิดิฐฟังแม่พูดแล้วลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น
"ออฟฟิศคุณนายบัวอยู่แถวนี้เหรอครับแม่ ก็ดีเหมือนกัน ไปเยี่ยมอดีตภรรยาซะหน่อยดีกว่า แล้วคุณนายบัวทำงานที่ตึกชื่ออะไรครับแม่"
ภายในร้านกาแฟ ที่อาคาร “ภัทร แอดเวอร์ไทซิ่ง” ย่านสาธร นลินยืนรอรับกาแฟที่หน้าเคาน์เตอร์ มัญจาหน้าบานกำลังคุยมือถือด้วยเสียงแบ๊วกับแฟนอยู่
"อะเคร...เดี๋ยวเย็นนี้เค้าส่งอีเมลล์ไปหานะ... ตอนนี้เมืองไทยแปดโมงเช้า..ที่อังกฤษก็ตีสองแล้วล่ะสิ..ตะเองนอนเถอะ..ตั้งใจเรียนนะ..อย่าแอบมองสาวที่ไหนล่ะ..กู๊ดไนท์..จุ๊บุ..จุ๊บุ..งุงิงุงิ"
มัญจากดวางสายแล้วเดินยิ้มหน้าบานมาหานลิน
"การมีแฟนเด็กต้องทำตัวแบ๊วอย่างนั้นด้วยเหรอ"
"มันเป็นสีสันในชีวิตนะบัว... เธอสนใจสักคนไหม เดี๋ยวฉันแนะนำเพื่อนของแฟนฉันให้"
"ฉันไม่ชอบเด็ก เธอหยุดเรื่องความรักกับฉันเลย ตอนนี้ชีวิตฉัน มีแต่เรื่องงาน"
นลินก้มดูงานในไอแพคอย่างจริงจัง
มัญจาทำเสียงสยิว
"แต่เด็กๆมันขบเผาะหวานเหาะเลยนะบัว"
นลินเซ็ง
"นี่มิ้นต์ ถ้าฉันจะมีใครสักคน เขาต้องเป็นผู้ใหญ่ ดูดี มีความคิด หน้าที่การงานมั่นคง พูดเพราะ อยู่ด้วยแล้วอบอุ่น ใช้เวลาว่างกับการดื่มกาแฟอ่านหนังสือธุรกิจ และที่สำคัญ.. เขาชอบซื้อกุหลาบบอกรักฉันทุกวัน"
มัญจาจับหน้านลินก้มลงดูไอแพค
"สมบูรณ์แบบขนาดนั้น ก้มดูงานเธอต่อไปเถอะ ชาตินี้คงหาไม่เจอ"
นลินยิ้มๆ พูดล้อเลียนมัญจา
"ไม่แน่นะ วันนี้โชคชะตาอาจเล่นตลกส่งเขามาหยิบกาแฟแก้วเดียวกับฉันก็ได้"
พนักงานชงกาแฟให้มัญจากับนลินเสร็จ แล้วถือแก้วกาแฟมาวางไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์ พนักงานบอกชื่อกาแฟ
"ฮอตแกรนด์เด วนิลาลาเต้ค่ะ"
นลินเอื้อมมือไปหยิบกาแฟ พร้อมกับมือของติณณ์เอื้อมมาหยิบแก้วกาแฟเดียวกัน นลินชะงักแล้วหันไปทางเจ้าของมือที่หยิบกาแฟแก้วเดียวกับตัวเอง
"คุณติณณ์"
ติณณ์รีบปล่อยมือจากแก้วกาแฟที่เอื้อมมาหยิบแก้วเดียวกับนลิน
"ขอโทษครับ เชิญคุณบัวครับ"
นลินส่งแก้วกาแฟให้ติณณ์
"คุณติณณ์ก่อนเถอะค่ะ"
ติณณ์ดันแก้วกาแฟให้นลิน
"เชิญคุณบัวก่อนเถอะครับ"
"ไม่ต้องเกี่ยงกันนะคะ กาแฟอีกแก้วมาแล้ว"มัญจาบอก
พนักงานเดินถือแก้วกาแฟมาวางที่หน้าเคาน์เตอร์
"ฮอตแกรนด์เดวนิลาลาเต้ค่ะ"
ติณณ์รับแก้วกาแฟแล้วหันมายิ้มให้นลินกับมัญจา
"แล้วเจอกันในออฟฟิศนะครับ"
ติณณ์เดินถือกาแฟ ส่วนมืออีกข้างถือหนังสือธุรกิจภาษาอังกฤษเดินออกจากร้านไป มัญจามองติณณ์ที่ถือกาแฟและหนังสือธุรกิจแล้วหันมายิ้มมองเพื่อน
"คุณติณณ์MD โสด พูดเพราะ สุภาพที่สุดในสามโลก แถมยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณอณุกา CEO ของ ภัทร แอดเวอร์ไทซิ่ง อีกต่างหาก ... อุ้ย! ยังไม่หมด.. แถมยังดื่มกาแฟและอ่านหนังสือธุรกิจอีก คุณสมบัติเป๊ะเลย นี่ถ้าคุณติณณ์ซื้อดอกกุหลาบให้เธอทุกวัน โอ้โห...สมบูรณ์แบบ"
"เพ้อเจ้อ"
นลินทำหน้านิ่งกลบเกลื่อนความในใจที่ปกปิดไว้มาหลายปี
นลินเดินถือแก้วกาแฟเดินมาที่หน้าลิฟท์ ในตึกภัทรแอดเวอร์ไทซิ่ง มัญจารีบเดินตามมาแล้วพูดล้อ
"แหม...โชคชะตานี่ช่างเล่นตลกเนอะ ให้ชายในฝัน มาหยิบกาแฟแก้วเดียวกับเธอด้วย"
นลินพยายามพูดกลบเกลื่อนความรู้สึก
"หยุดพูดเพ้อเจ้อได้แล้วมิ้นต์ ฉันบอกเธอเป็นสิบครั้งแล้วว่า ฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณติณณ์เลย"
"เหรอ" มัญจาแกล้งพูดยั่ว
"เอ๊ะ...ฉันได้ข่าวว่าคุณอณุกาจะให้คุณติณณ์ไปดูงานที่บริษัทสาขาเกาหลีวันมะรืนนี้แล้วนี่ อย่างนี้ เธอก็หมดหวังน่ะสิบัว"
นลินเผลอหลุดปาก
"ใครบอก ถ้าปีนี้ฉันได้เลื่อนตำแหน่ง ฉันก็มีสิทธิ์ได้ไปทำงานที่สาขาเกาหลีเหมือนกัน"
มัญจาดีใจ
"นั่นไงเธอยอมรับแล้ว ! ฮ่าๆๆ"
นลินชะงักที่เสียเชิงให้มัญจา นลินพยายามปั้นหน้านิ่ง
"มิน่า ปีนี้เธอถึงตั้งใจทำงานกว่าปีอื่น เพราะเธอหวังจะได้เลื่อนตำแหน่งแล้วได้ไปทำงานที่สาขาเกาหลีกับคุณติณณ์นี่เอง"
ดารินทร์ เพื่อรุ่นพี่ในบริษัทโผล่หน้าเข้ามาพอดี
"ใครไปเกาหลีกับคุณติณณ์เหรอ"
นลินชะงัก กลัวดารินทร์จะรู้ความลับเพิ่มอีกคน
นลินเดินออกจากลิฟท์ ดารินทร์กับมัญจารีบเดินตามมาที่หน้าแผนกครีเอทีฟ
"โหย...บัวไม่ต้องปิดพี่หรอก เรื่องปลื้มคุณติณณ์ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะขนาดคนมีลูกมีผัวอย่างพี่ยังปลื้ม" ดารินทร์บอก
นลินถอนใจอย่างเซ็ง
"บัวว่าเราเลิกพูดกันเรื่องนี้เถอะค่ะ มันไม่มีวันเป็นไปได้หรอก ผู้ชายอย่างคุณติณณ์ เขาไม่สนใจบัวหรอกค่ะ"
"ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะบัว บัวน่ะทั้งสวย ทั้งเก่ง บัวเห็นรางวัลในห้องทำงานคุณอณุกาไหม นั่นน่ะ มาจากฝีมือบัวทั้งนั้น"
นลินถอนใจ
"ถ้าบัวเก่งจริงๆ ทำไมบัวทำงานมาสามปี ถึงไม่เคยได้เลื่อนตำแหน่งเลยล่ะคะ"
ดารินทร์กับมัญจามองหน้ากันเพราะพอจะเดาสาเหตุออก
"ในฐานะที่พี่เป็นพี่ใหญ่ ทำงานที่นี่มาเป็นห้าปี พี่ขอยืนยันว่า ที่นี่ไม่ได้ใช้ความเก่งตัดสินว่า พนักงานคนไหนควรได้เลื่อนตำแหน่งหรอก แต่เขาใช้..."
ดารินทร์พูดไม่ทันจบ สารัช ครีเอทีฟ วัย 29 ปีวิ่งพรวดเข้ามาหา
"คุณบัว พี่รินทร์ คุณมิ้นต์ มีเรื่องแล้วครับ"
ทั้งสามคนมองมาอย่างสงสัยว่า มีเรื่องอะไร
ในเวลาต่อมา พนักงานผู้หญิงช่วยกับปลอบมนัญญาที่ยืนร้องไห้อยู่หน้าห้องทำงานอณุกา นลิน ดารินทร์ มัญจา สารัชเดินเข้ามา มนัญญาโผเข้าหานลิน
"พี่บัวช่วยพูดกับคุณอณุกาให้หนูหน่อยนะว่า อย่าไล่หนูออกเลย"
"ไล่ออก ! ทำไมคุณอณุกาถึงไล่นัญออกล่ะ หรือว่านัญไปทำอะไรให้ลูกค้าไม่พอใจ"
"ถ้าคุณอณุกาไล่หนูออกเพราะหนูทำงานแย่ หนูจะไม่ว่าเลย แต่นี่คุณอณุกาไล่หนูออกเพราะคิดว่าหนูไปอ่อยคุณปราณ"
ดารินทร์ มัญจาพูดขึ้นพร้อมกัน
"คิดแล้วเชียว !"
"หนูไม่ได้ยุ่งอะไรกับคุณปราณเลยนะ คุณปราณนั่นแหละจะจับก้นหนูในห้องชงกาแฟ"
ปราณ สามีของอณุกา วัย 30 ปีเดินออกจากห้องทำงานของภรรยา
"คนอย่างฉันเนี่ยนะจะจับก้นเธอ ! หลงตัวเองไปรึเปล่า"
"หนูไม่เคยหลงตัวเอง คุณปราณจะให้เงินหนู ขอหนูนอน มันเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น"
"ไม่จริง !" ปราณบอก
"จริง !" มนัญญายืนยัน
"แล้วไหนล่ะหลักฐาน"
อณุกา เจ้าของบริษัท ภัทรฯ วัย 40 ปี กับติณณ์ เดินออกจากห้องมาทำงาน
"หนูบอกคุณอณุกาแล้วไงคะ ว่าหนูแอบอัดวิดีโอทุกอย่างไว้ในมือถือจริงๆ แต่มือถือหนูหาย"
ปราณแอบยิ้มเยาะ
"ผมว่าเราให้โอกาสคุณนัญหามือถือให้เจอก่อนดีไหมครับพี่ณุกา ถ้ามีหลักฐานจริง..ค่อยพิจารณากันใหม่" ติณณ์บอก
"ไม่มีวันหาเจอหรอก"
ทุกคนมองว่า ปราณเหมือนรู้ว่าไม่มีทางหามือถือเจอ ปราณรีบพูดแถทันที
"ผมหมายถึง ต่อให้หามือถือได้ ก็หาคลิปไม่เจอหรอก เพราะผมไม่ได้ทำ"
ปราณพูดแล้วก็หันเล่นบทโศกกับอณุกา
"แต่ถ้าคุณเชื่อว่าผม เป็นผู้ชายอย่างนั้น ก็ไม่ต้องไล่เขาออก ผมจะออกไปจาก ชีวิตคุณเอง"
อณุการีบพูด ส่งสายตามองมนัญญาอย่างเย็นชา
"ฉันตัดสินไปแล้วว่าใครผิด ... เชิญออกไปจากบริษัทฉัน"
มนัญญาเหลืออด
"หนูออกก็ได้ ! แต่หนูขอบอกไว้เลยนะว่าถ้าคุณยังหลงสามีเด็กจนไม่มีความคิดอย่างนี้ วันนึงคุณจะเสียใจ"
มนัญญาเดินออกไปทันที
นลิน ดารินทร์ มัญจา และพนักงานทุกคนมองหน้ากัน ไม่คิดว่า มนัญญาจะกล้าพูดกับเจ้านายเช่นนี้ อณุกามองลูกน้องอย่างเยือกเย็น
"เธอกล้าพูดอย่างนี้กับฉันเหรอ เธอรู้จักฉันน้อยไป"
อณุกาเข้าห้องทำงานไปทันที สารัชกระซิบกับนลิน มัญจา ดารินทร์
"คุณอณุกาจะทำอะไรอ่ะ"
รปภ. 3 คน หิ้วร่างของมนัญญามาโยนที่ด้านหน้าตึก
"โอ้ย ! แกทำกับฉันเกินไปแล้วนะยัยอณุกา หลงผัวเด็กจนโงหัวไม่ขึ้น นังวัวแก่กินหญ้าอ่อน"
รปภ. คนที่ 1บอก
"ถ้ายังไม่หยุดด่าคุณอณุกา จะเรียกตำรวจจับ ออกไป"
มนัญญาเจ็บแค้นแต่ทำอะไรไม่ได้ รีบลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินกระเผลกร้องไห้ผ่าน กษิดิฐที่เดินลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาพอดี
"ขอให้บริษัทแกเจ๊ง! ขอให้ภัทรแอดเวอร์ไทด์ซิ่งล่มจม"
กษิดิฐมองสภาพมนัญญา แล้วหันไปมองป้ายชื่อตึกให้แน่ใจอีกครั้ง
"นี่คุณนายบัวทำงานบริษัทนี้เหรอเนี่ย แล้วคุณนายบัวจะโดนอย่างนี้ไหมเนี่ย"
ในแผนกครีเอทีฟ ที่โต๊ะทำงาน นลินนั่งดูสตอรี่บอร์ด มีดารินทร์ มัญจาและสารัชนั่งสุมหัวคุยเรื่องอณุกากันอยู่
"เธออาจจะโดนเป็นรายต่อไปนะบัว" มัญจาบอก
"จะบ้าเหรอ มันเกี่ยวอะไรกับฉัน"
"เกี่ยวอย่างยิ่งเลยล่ะบัว เพราะบัวคือผู้หญิงไร้คู่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในบริษัท" ดารินทร์บอก
"นั่นก็แปลว่าเธอกำลังจะเป็นเหยื่อรายต่อไปของคุณปราณ" มัญจาว่า
นลินขำ
"ไปกันใหญ่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้หรอก"
ในห้องทำงานอณุกา ติณณ์ยืนอยู่อีกมุมด้วยความกระดาก เพราะไม่อยากยุ่งเรื่องภายในครอบครัวของอณุกา
"อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ ขนาดมนัญญาที่ฉันเห็นว่าเรียบร้อย ยังมาอ่อยเธอเลย เธอต้องระวังนะปราณ..ผู้หญิง สมัยนี้ชอบรวยทางลัด เอะอะก็เอาตัวเข้าแลกเพราะหวัง ก้าวหน้าข้ามขั้น ฉันกลัวเธอจะพลาดมารยาผู้หญิงพวกนี้ เข้าสักวัน"
ปราณกอดอณุกาพลางออดอ้อนๆ
"ผมไม่พลาดหรอกครับ เพราะสติและหัวใจผมมีแต่คุณ"
ติณณ์เบือนหน้าไปทางอื่น อณุกาดึงแขนสามีออก
"เลิกกอดฉันได้แล้ว อายติณณ์บ้าง ไปทำงานของเธอต่อเถอะไป..ปีนี้ฝ่ายมีเดียของเธอไม่ค่อยมีผลงานเลยนะปราณ"
"แหม...ฝ่ายผมมันไม่ค่อยมีพนักงานที่ฝีมือ อย่างฝ่ายครีเอทีฟของคุณติณณ์นี่ครับ ได้ข่าวว่ามีลูกค้าใหญ่ๆต่อสัญญาให้ทำโฆษณาอีก ได้กำไรตั้งหลายสิบล้าน อย่าขยันมากเลยนะครับ คุณติณณ์ ผมทำคะแนนเป็นที่รักของคุณอณุกาไม่ทันคุณแล้ว" ปราณบอก
"ผมทำงานไม่ได้หวังจะเป็นที่รักของพี่ณุกา แต่ที่ทำเพราะ ผมตั้งใจทำให้คุ้มกับเงินเดือนเท่านั้นเอง"
ปราณเบะปากหมั่นไส้ติณณ์แล้วพึมพำกับตัวเอง
"ไอ้ขี้ประจบ"
ปราณหันไปพูดกับอณุกา
"งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ"
ปราณหอมแก้มอณุกาแสดงความรักแล้วเดินออกจากห้องไป
"ตกลงติณณ์มีอะไรจะคุยกับพี่เหรอ"
"ผมอยากคุยเรื่องครีเอทีฟที่จะเลือกไปทำงานที่สาขาเกาหลีน่ะครับ พี่ณุกาตัดใจรึยังว่าจะเลือกใคร"
อณุกาหยิบแฟ้มประวัติการทำงานของพนักงานมาเปิดดู
"พี่ก็มองๆ ไว้สองสามคน แต่ที่มีผลงานเด่นที่สุดก็เห็นจะเป็น นลิน"
ติณณ์แอบยิ้มดีใจที่อณุกาคิดเหมือนกัน
"ผมก็คิดไว้เหมือนกัน"
อณุกาเปิดดูผลงานของนลินแล้วคิดบางอย่างได้
"เอ๊ะ! นลินเขามีแฟนรึยังน่ะ"
ติณณ์ชะงัก งงว่าทำไมอณุกาถึงถามคำถามนี้
อ่านต่อหน้า 2
ต้นรักริมรั้ว ตอนที่ 1 (ต่อ)
นลินนั่งดูสตอรี่บอร์ดอยู่ที่โต๊ะ ดารินทร์ มัญจากับสารัชยังสุมหัวเมาท์ให้นลินฟังอยู่
"เพื่อความปลอดภัยของคุณบัว ผมยอมเสียสละเป็นแฟนคุณบัว" สารัชบอก มัญจาเซ็ง
"โว้ว ! นี่สารัช ฉันว่านายเลิกหยอดยายบัวเถอะ หยอดมาสามปี ยายบัวก็ยังไม่สนใจ ไม่ท้อบ้างรึไง"
"ความรักทำให้คนเราลืมความท้อครับคุณมิ้นต์"
สารัชตอบเสร็จก็หันไปทางนลิน
"ตกลงคุณบัวเป็นแฟนกับผมไหมครับ"
" พอเถอะ บัวไม่เห็นว่าเรื่องโสดหรือไม่โสดมันเกี่ยวอะไรด้วยเลย"
เกี่ยวสิ พี่บอกแล้วไงว่าบริษัทนี้ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งพนักงานที่ความเก่ง แต่พิจารณาที่ความโสดหรือไม่โสด" ดารินทร์พูดแล้วหันซ้ายมองขวา แล้วสุมหัวนินทาต่อ
"พี่ไม่ได้นินทาเจ้านายนะ แต่ใครๆก็รู้ว่า คุณอณุกาทั้งรักทั้งหลง คุณปราณขนาดไหน ดูกรณียัยนัญเป็นตัวอย่างสิ ! เห็นชัดเลยว่าในสายตาคุณอณุกาน่ะ คุณปราณ คือเทพบุตร พูดอะไรก็ถูกไปหมด ตรงกันข้ามกับความจริงที่ พวกเรารู้กันดีว่า คุณปราณคือหมาล่าเนื้อดีๆนี่เอง"ดารินทร์บอก
"พี่คิดมากไปรึเปล่าคะ ในบริษัทเราก็ยังมีพนักงานใหม่ที่ไม่มีแฟนเข้ามาทำงานเยอะแยะ" นลินว่า
"ใช่ และพนักงานใหม่พวกนั้นก็ล้วนแต่เป็นแบบนั้น"
ดารินทร์หันไปมองทางผู้หญิงอ้วน ดำขี้เหร่ มัญจาพูดเลียนแบบทอมบอย
"หรือไม่ก็แบบนั้นนะฮะน้องสาว"
มัญจาหันไปมองทางพนักงานที่เป็นทอม
ดารินทร์ยืนยัน
"นี่พี่จริงจังนะบัว ถ้าบัวยังไม่มีแฟน คุณปราณต้องพุ่งมายุ่งกับบัวแน่ๆ แล้วมันจะทำให้บัวก็จะพลาดโอกาสได้เลื่อนตำแหน่ง ปีนี้"
มัญจาเสริมต่อ พลางเหลือบไปมองห้องทำงานของติณณ์
"นั่นก็แปลว่าเธอก็จะพลาดโอกาสได้ไปทำงานที่สาขาเกาหลี กับคุณ... ด้วย"
นลินมองไปทางห้องทำงานของติณณ์แล้วคิดว่า เธอจะไม่พลาดโอกาสที่จะเลื่อนตำแหน่งของปีนี้เด็ดขาด เพราะการได้ทำงานร่วมกับติณณ์นั้นเป็นหนทางเดียวที่ทำให้เธอได้ใกล้ชิดผู้ชายในฝันคนนี้
"นี่ทุกคนกำลังจะบอกให้บัวรีบหาแฟนอยู่ใช่ไหม"
มัญจากับดารินทร์พูดพร้อมกัน
"เยส !"
นลินเดินมายังบริเวณทางเดินหน้าลิฟท์เธอกดลิฟท์ เพื่อนทั้งหมดเดินตามมาด้วย"เธอจะไปไหนน่ะบัว หรือว่าเธอจะออกไปหาแฟน" มัญจาถาม
"แฟนนะไม่ใช่ไก่ต้ม นึกอยากจะมี ก็ออกไปซื้อที่ตลาดได้ ฉันจะไปเอางานที่รถย่ะ"
สารัชรีบเก๊กหล่อ หมุนตัวหนึ่งรอบอย่างเท่ห์บอก
"ถ้าคุณบัวต้องหาใครสักคนเป็นแฟน ผมขอเสนอ...ตัวผม!"
ดารินทร์กับมัญจาพูดใส่หน้าสารัชพร้อมกัน
"ไม่เอา!"
"อือหือ พร้อมเพรียง แต่ผมถามคุณบัว ผมเชื่อว่าคุณบัว ต้องบอกว่า..."
"ไม่เอา !"
สารัชชะงัก กึก ก่อนพยายามกล่อมอีก
"ผมให้คุณบัวคิดอีกที ถ้าคุณบัว ไม่รับโอกาสจากผม คุณบัวก็ไม่มีใครแล้วนะเออ..."
ประตูลิฟท์เปิด กษิดิฐก้าวออกมาจากลิฟท์แล้วเห็นนลิน ก็ร้องทักลากเสียงอย่างดีใจ
"สวัสดีจ้ะ เมียจ๋า"
ทุกคนหันขวับไปมองตามเสียง กษิดิฐยืนยิ้มอยู่ นลินมองอย่างตกใจ
นลินและมัญจาโพล่งเรียก "กบ"
ดารินทร์กับสารัชมองกษิดิฐสลับกับมองหน้านลิน "เมีย !"
นลินลากกษิดิฐเข้ามาในลิฟท์แล้วรีบกดปิดประตู
"โอ๊ย...เบาๆสิจ๊ะเมียจ๋า สามีเจ็บนะ"
นลินตีกษิดิฐทันที
"กบ! เลิกเรียกบัวว่าเมียเดี๋ยวนี้นะ"
กษิดิฐยังแกล้งพูดเล่นไม่เลิก
"เหมือนคำโบราณที่ว่าสามวันจากนารีเป็นอื่นจริงๆด้วย แม้แต่วันสามีกลับจากเรียนจบเมียก็ยังจำไม่ได้ ปล่อยให้สามีต้องลากกระเป๋าเดินมาตามหาเมีย"
"นายกบ" นลินน้ำเสียงจริงจัง
"ถ้าเรียกชื่อขึ้นต้นว่านาย แปลว่าโกรธจริง โอเค ไม่เล่นแล้ว"
"กบกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วมาที่นี่ได้ยังไง กบรู้ไหมว่ากบเรียกบัวอย่างนั้น มันจะทำให้เพื่อนบัวแตกตื่นกันหมด"
กษิดิฐทำหน้ายียวนตามนิสัย
"โอ้โห ถามมาเป็นชุด แล้วจะให้กบตอบคำถาม ไหนก่อนดีล่ะ"
"นายกบ"
"อ๊ะ...โกรธอีกแหละ บัวไม่ต้องคิดมากหรอก กบแค่ทักทายเล่นๆ พวกเพื่อนๆบัวไม่แตกตื่นหรอก"
ทางเดินหน้าลิฟท์ สารัชล็อกตัวมัญจา ให้ดารินทร์สอบปากคำ
"ผู้ชายที่ชื่อกบนั่นเป็นใคร"
"ทำไมถึงเรียกบัวว่าเมีย" สารัชรีบถามต่อ
ดารินทร์รีบถามต่อ
"สองคนนั้นมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่"
"นายนั่นไม่ได้เป็นอะไรกับคุณบัวของผมใช่ไหม"
ดารินทร์ยื่นหน้าเข้าใกล้หน้ามัญจาเพื่อกดดัน
"ตกลงยังไง"
"ยังไง"
ดารินทร์ขยับยื่นหน้าใกล้หน้ามัญจามากขึ้นอีก
"ยังไง"
"ยังไง"
มัญจาหน้าเครียด
"บอกแล้ว ! สองคนนั้นเคยแต่งงานกันมาก่อน"
"หา !" ดารินทร์กับสารัชโพล่งขึ้นด้วยความตกใจพร้อมกัน
ติณณ์เดินเข้ามา เห็นสารัชที่ล็อกตัวมัญจาและมองดารินทร์ที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้ามัญจา ก็ถามขึ้นอย่างงงๆ
"มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าครับ"
มัญจากับดารินทร์อุทานพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
"อุ้ย !"
ทั้งคู่มองหน้ากันว่า ให้ติณณ์รู้เรื่องนลินแต่งงานแล้วไม่ได้ !!
นลินดึงแขนเสื้อกษิดิฐให้เดินตามออกมาจากลิฟท์มายังล็อบบี้ ในตึกภัทร แอดเวอร์ไทซิ่ง
"เราหย่ากันแล้ว ทุกอย่างจบ ดังนั้นห้ามเรียกบัวว่าเมียกบอีก"
กษิดิฐแกล้งล้อ
"ทำไม หรือว่าบัวทำตัวเหมือนนางเอกในละคร"
เขาทำเสียงเศร้าครางกระซิกๆเหมือนเล่าละครรันทดชีวิต
"นางเอกไปรักผู้ชายคนนึง แล้วไม่อยากให้เขารู้ว่าตัวเองเคยแต่งงานมาก่อน อยากให้เขาคิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ ไม่เคยโดนชายใดแตะต้องให้ด่างพร้อย"
นลินตีมือกษิดิฐ
"ไม่ขำเลยนะกบ กบเป็นผู้ชาย กบจะทำอะไรยังไงก็ไม่เสียหาย แต่บัวเป็นผู้หญิง บัวมีแต่เสียกับเสีย แต่ดีนะที่เขามี กฎหมายให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ใช้คำนำหน้าว่านางสาวได้ ไม่อย่างนั้นชีวิตบัวจะเสียหายขนาดไหน"
"รู้สิ กบถึงได้กลับมารับผิดชอบนี่ไง"
นลินชะงัก
"กบหมายความว่ายังไง"
"เราแต่งงานกันอีกครั้งไหมบัว"
เธออึ้งชะงัก ไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ เขาหัวเราะ
"ฮ่าๆๆ บัวนี่ยังเป็นคนหลอกง่ายเหมือนเดิมเลยอ่า"
นลินฉุนที่โดนเขาแกล้ง
"นายกบ ! นายกลับบ้านนายไปเลย"
"โอ้ย ! เราก็อยากกลับบ้านเหมือนกันแหละ แต่ตังค์หมด ขอยืมตังค์ค่ารถหน่อย"
เธอแกล้งวางท่า
"ทำตัวอย่างนี้ มันน่าให้ยืมดีไหมเนี่ย ปล่อยให้นั่งเป็นคนจรจัดแถวนี้ดีกว่ามั้ง"
เขายิ้มเจ้าเล่ห์
"บัวแน่ใจนะว่าอยากให้กบอยู่ที่นี่ต่อจริง"
กษิดิฐแกล้งทำท่าเกาปากบ่งบอกว่า คันปากอยากจะพูดจาสร้างปัญหาให้เธอต่อ นลินชะงัก
"ก็ได้"
นลินล้วงเงินจากในกระเป๋ากางเกงส่งให้กษิดิฐ1,000 บาท มัญจาเดินเข้ามาหานลิน แล้วพูดทักทายกับกษิดิฐ
"สวัสดีกบ ไม่เจอกันตั้งสามปี ยังเป็นคนอยู่ที่ไหนวงแตกที่นั่นเหมือนเดิมเลยเนอะ"
กษิดิฐยิ้ม พูดพลางมองการแต่งตัวของมัญจา
"ขอบคุณที่ชม แล้วเธอล่ะมิ้นต์ แต่งตัวแอ๊บแบ๊วอย่างนี้ แปลว่ายังชอบกินเด็เหมือนเดิมล่ะสิ"
"ฉันไม่น่ายียวนกับคนปากอย่างเธอเลย ... บัว คุณติณณ์เรียกให้ไปคุยที่ห้องน่ะ"
นลินชะงัก
"คุณติณณ์เรียกบัว"
นลินรีบวิ่งไปที่ลิฟท์ทันที โดยไม่สนใจกษิดิฐอีกเลย เขาได้แต่มองตามแล้วพึมพำ
"ท่าทางคุณติณณ์จะเป็นคนสำคัญมากนะเนี่ย บัวได้ยินชื่อปุ๊บ วิ่งไปปั๊บ ไม่ลาเราสักคำชักอยากรู้แล้วสิว่า คุณติณณ์นี่เป็นใคร"
ในห้องทำงาน ติณณ์ยืนอยู่ที่กำแพงกระจกกำลังมองวิวภายนอกอย่างเหม่อลอย เสียงเคาะประตูดัง ติณณ์หันมามองประตู
"เชิญครับ"
นลินเดินเข้าห้องมา
"คุณติณณ์มีเรื่องจะคุยกับบัวเหรอคะ"
ติณณ์ผายมือให้นลินนั่งที่โซฟาตรงมุมห้อง
"เชิญนั่งก่อนสิครับ เอ่อ... คุณบัวคงรู้เรื่องที่บริษัทเรากำลังขยายสาขาไปที่เกาหลี"
"ค่ะ บัวทราบแล้วค่ะ"
"พรุ่งนี้ผมจะเดินทางไปดูงานที่นั่น ก็อย่างที่คุณรู้ว่า พี่ณุกามีแผน ที่จะเอาทีมครีเอทีฟของเราไปสร้างงานโฆษณาเพื่อจะใช้ความเป็นไทยไปผสมกับงานของเกาหลี ผมเลยต้องจัดการเตรียมงานที่โน่นสามเดือน"
"สามเดือนเลยเหรอคะ"
นลินรู้สึกใจหาย สีหน้าดูกังวลที่จะไม่ได้เห็นหน้าติณณ์อีกสามเดือน
"คุณบัวมีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ"
"เปล่าค่ะ แล้วคุณติณณ์เรียกบัวมาเพื่อ..."
"ผมอยากจะบอกว่า ครีเอทีฟที่จะไปทำงานที่นั่น ผมอยาก ให้เป็นคุณ..."
นลินอึ้ง
"อะไรนะคะ"
ติณณ์รีบพูด เอางานกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างในใจไว้
"ผมชอบงานของคุณ ผมคิดว่าถ้าคุณได้ไปทำงานที่นั่น คุณคงได้วัตถุดิบสร้างงานดีๆมากขึ้น ผมเลยเสนอชื่อคุณ กับพี่ณุกาไปแล้ว พรุ่งนี้คงได้คำตอบ"
นลินยิ้มดีใจ
"จริงเหรอคะ"
"ยังไงผมก็ขอให้คุณโชคดี หวังว่าเราคงได้ร่วมงานกัน"
ทั้งคู่ต่างยิ้มให้กัน ติณณ์รู้สึกว่าใจเต้นไม่เป็นปกติ จึงหาทางเลี่ยงที่จะมองหน้า เพราะกลัวเธอจะจับอาการตัวเองได้
"ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณแค่นี้แหละครับ"
นลินชะงัก รู้ตัวว่าโดนติณณ์บอกอ้อมๆให้ออกจากห้อง
"งั้นบัวขอตัวนะคะ"
นลินเดินออกจากห้อง ติณณ์ถอนหายใจโล่งอกแล้วเอามือจับหน้าอกตัวเองที่หัวใจกำลังเต้นแรง แล้วพยายามสูดลมหายใจเข้าออก ทำสมาธิให้หัวใจเต้นในจังหวะปกติ
นลินปิดประตูห้องติณณ์ แล้วมองซ้ายมองขวาว่าไม่มีใคร ก็ปล่อยอาการดีใจที่เก็บไว้อย่างเต็มที่ นลินกระโดดโลดเต้นดีใจด้วยท่าขำๆ อย่างที่ไม่คิดว่าคนอย่างนลินจะทำ
นลินกระโดดดีใจถอยไปชนปราณที่ยืนอยู่ข้างหลัง เธอเซจะล้ม ปราณโอบเอวพยุงไว้ ทั้งสองคนใบหน้าชิดกัน นลินจะขยับถอย แต่ปราณไม่ยอมปล่อย
"เอ่อ...ปล่อยค่ะคุณปราณ"
"คุณกลัวผมเหรอ"
"เอ่อ...ปล่อยเถอะค่ะ"
ปราณยังไม่ยอมปล่อยนลิน
"ที่ผมไม่ปล่อย เพราะผมอยากจะดูว่าคุณไม่ล้มจริงๆ คุณคงไม่คิดว่า ผมลวนลามเหมือนที่คุณมนัญญาใส่ความผมใช่ไหมครับ"
นลินหาทางเลี่ยงไปจากปราณ
"เอ่อ..ไม่ค่ะ บัวต้องไปทำงานต่อ ขอตัวก่อนนะคะ"
นลินรีบเดินไปที่แผนกครีเอทีฟ ปราณมองตามไล่สายตามองรูปร่างและสะโพกอันกลมกลึงของนลินที่เดินไป
"เราพลาดยายบัวไปได้ยังไงเนี่ย"
ปราณยังมองตามแล้วยกมือที่โอบเอวบัวเมื่อครู่มาดมแล้วทำหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์
บริเวณแผนกครีเอทีฟ นลินเดินแล้วมองไปทางปราณอย่างระแวง สารัชเดินมาคุกเข่าตรงหน้าแล้วจับมือเธอพร้อมมองด้วยสายตาเจ็บปวด แสนสาหัส
"นี่ตกลงคุณบัวกับผู้ชายที่ชื่อกบเคยแต่งงานกันจริงๆเหรอครับ โอ้ย... หัวใจผมแตกสลาย" สารัชพูดพลางยกมือจับที่หน้าอกตัวเอง
มัญจารีบปิดปากสารัช
"นายสารัช ! ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าพูดเรื่องนั้นอีก ขอโทษนะบัวที่ฉันเล่าเรื่องของกบให้พี่รินทร์กับสารัชฟัง"
นลินยิ้มรับโดยไม่มีท่าทีโกรธเคือง เพราะหัวใจของนลิน ตอนนี้ดีใจเรื่องที่ติณณ์บอกมากกว่าจะกังวลว่า ใครจะรู้เรื่องกษิดิฐ
"ไม่เป็นไร"
ดารินทร์ มัญจามองนลินที่ยิ้มหน้าตามีความสุขอย่างสงสัย
"มีความสุขอะไรมาน่ะบัว หรือว่ามันเกี่ยวกับเรื่องที่คุณติณณ์เรียกบัวเข้าไปคุย"ดารินทร์ถาม
นลินยิ้มกลุ้มกริ่ม
"อยากรู้เหรอ งั้นคืนนี้ไปฉลองกัน"
บริเวณมุมห้อง ปราณแอบมองและได้ยินที่นลินพูดหัวเราะสนุกสนานกับเพื่อนๆ
"ไปฉลองเหรอ"
ปราณคิดบางอย่างแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
คืนนั้น ทั้ง 4 คน อยู่ในร้านอาหารกึ่งผับ แห่งหนึ่ง
"ฉลอง !"
นลิน ดารินทร์ มัญจา และสารัช กำลังชนแก้วเครื่องดื่มกัน
"พี่ขออวยพรให้พรุ่งนี้คุณอณุกาเลือกบัวไปทำงานที่เกาหลีนะ บัวตั้งใจทำงานมาตลอด นี่แหละรางวัลของคนตั้งใจทำงาน" ดารินทร์บอก
"ฉันก็อวยพรให้เธอได้สมหวังเรื่องงาน จะได้ลามไปสมหวังเรื่องรักด้วย ฮ่าๆๆ" มัญจาบอก
นลินกลัวว่า สารัชจะรู้ความลับเรื่องที่นลินปลื้มติณณ์ ก็แอบหยิกปรามมัญจา
"จะพูดทำไมเนี่ยยายมิ้นต์"
"ส่วนผมขอ... ร้องไห้เสียใจที่คุณบัวเคยแต่งงานแล้ว" สารัชสะอึกสะอื้น
ทั้งสามสาวโพล่งขึ้นพร้อมกัน
"โว้ว"
"เลิกพูดเรื่องนี้เถอะสารัช บัวบอกแล้วไงว่าเรื่องของบัวกับกบ มันจบไปแล้ว"
"ถ่านไฟเก่ามันยังคุได้ นับประสาอะไรกับคนเคยแต่งงานกลับมาอยู่ใกล้กัน"
"ใครบอกว่าฉันกับกบจะมาอยู่ใกล้กัน"
"ก็คุณมิ้นต์บอกว่าบ้านคุณบัวกับบ้านนายนั่นอยู่ติดกัน"
"เคยอยู่ติดกันย่ะ ตอนนี้บ้านนั่นปล่อยให้คนเช่าแล้ว กบเขากลับไปอยู่บ้านสวนที่เมืองนนท์กับพ่อแม่เขาโน้น"
นลินนึกถึงกษิดิฐ
"ไม่รู้ป่านนี้นายกบจะถึงบ้านสวนคุณลุงยศรึยัง ไม่ใช่ไปปากมอมทะเลาะกับแท็กซี่ที่ไหนอีกล่ะ"
นลินหยิบมือถือ
"โทรถาม หน่อยดีกว่า ยังใช้เบอร์เดิมอยู่รึเปล่าเนี่ย"
นลินกดโทรหากษิดิฐ
ภายในบ้านนลิน เวลากลางคืน โทรศัพท์มือถือของกษิดิฐเสียบสายชาร์ตแบตเตอรี่อยู่บนโต๊ะ หน้าจอมีสัญญาณไฟว่ามีสายเรียกเข้าชื่อ “นลิน” จนกระทั่งนลินวางสายไปเป็นมิสคอล
กษิดิฐเดินถือจานผัดฟักทองออกมาจากห้องครัวพร้อมนันทิดา
"ขอบคุณคุณอาดามากๆๆนะครับ ที่อุตส่าห์ทำฟักทองผัดไข่ของโปรดต้อนรับผม"
"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ อาเองก็ดีใจมากๆๆเหมือนกัน ที่กบกลับมาอยู่บ้านข้างๆ นี่เมื่อเช้าบัวเพิ่งฝันถึงคุณย่าเองนะเนี่ย...แม่บอกบัวแล้วว่าอย่าดูถูกโชคชะตา"
"คุณอาพูดว่าอะไรนะครับ"
นันทิดารีบเปลี่ยนเรื่อง
"ไม่มีอะไรจ้ะ มาๆ เรากินข้าวกันเถอะ ไม่ต้องรอคุณลัชกับบัวหรอก คืนนี้สองคนนั้นเค้าออกไปกินเลี้ยงกับเพื่อน"
"อ้าว นี่บัวไปกินเลี้ยงกับเพื่อนเหรอครับ"
"ใช่จ้ะ เห็นบอกว่ามีเรื่องจะฉลองอะไรกันก็ไม่รู้"
กษิดิฐคิดถึงคนที่ชื่อ “คุณติณณ์” ที่ติดอยู่ในใจอย่างบอกไม่ถูก
"คุณอาดาครับ คุณอารู้จักคนที่ทำงานของบัวที่ชื่อคุณติณณ์ไหมครับ"
"คุณติณณ์เหรอ"
กษิดิฐมองนันทิดาอย่างรอคำตอบว่า คุณติณณ์ที่มันอยู่ติดในใจตัวเองนั้นคือใคร
เวลากลางคืนต่อเนื่องมา ติณณ์เปิดประตูคอนโดฯ เข้าพร้อมคุยมือถือกับอณุกา
"ครับพี่ณุกา ผมถึงคอนโดเรียบร้อยแล้ว ใช่ครับ...เดี๋ยวผมจะจัดกระเป๋าเลย"
ภายในห้องรับแขก อณุกานั่งจิบกาแฟหลังอาหารค่ำพร้อมคุยมือถือกับติณณ์
"พี่บอกแล้ว ว่าเราหาแฟนสักทีจะได้มีคนคอยดูแลจัดกระเป๋า นี่ถ้าพ่อแม่ของติณณ์รู้ว่าพี่ใช้งานจนติณณ์ต้องเป็นโสด พวกคุณอาคงลุกจากหลุมมาบีบคอพี่เข้าสักวัน เอ๊ะ...หรือจะให้พี่หาแฟนให้ดีจ้ะ ล้อเล่น เรื่องส่วนตัวของติณณ์ พี่ไม่ยุ่งหรอกจ้ะ ยังไงพี่ก็ขอบใจติณณ์นะที่กินข้าวเป็นเพื่อนพี่ นี่ถ้าปราณไม่ติดกินเลี้ยงกับลูกค้า เขาคงชวนติณณ์ดื่มไวน์ยาว อีกแน่"
ติณณ์หยิบกระเป๋าเดินทางมาวางที่เตียงพร้อมคุยมือถือกับอณุกาไปด้วย
"ครับ..ฝันดีครับพี่ณุกา"
ติณณ์วางมือถือแล้วจะเปิดกระเป๋าเดินทาง แต่กระเป๋าเดินทางล็อกกุญแจไว้
"กุญแจ"
ติณณ์ยืนคิดว่าเอากุญแจเก็บไว้ไหน แล้วนึกได้ ติณณ์เดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วเลื่อน ลิ้นชักออกเพื่อจะหยิบลูกกุญแจ แล้วต้องชะงัก
ในลิ้นชักมีรูปนลินสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่หัวเราะกับเพื่อนอยู่ เขาหยิบรูปเธอขึ้นมาดู แล้วยิ้ม เขานึกบางอย่างออกแล้วเดินไปที่กระเป๋าทำงานของตัวเอง เปิดแล้วหยิบดอกกุหลาบขาวออกมาจากกระเป๋า ติณณ์มองดอกกุหลาบแล้วยิ้มเศร้าๆ
"เป็นอีกหนึ่งวัน ที่ผมซื้อดอกไม้มา แต่ไม่กล้าให้คุณ"
ติณณ์ถือดอกกุหลาบไปปักในแจกันที่มีดอกกุหลาบที่มีลำดับความแห้งจาก ดอกสดไปแห้งที่สุด ทั้งหมด 2,700 ดอก เป็นจำนวนวันที่ติณณ์เริ่มรักนลินตั้งแต่เห็นเธอเรียนปีหนึ่งจนถึงปัจจุบัน ผ่านมา... 7 ปีกับ 4 เดือน ติณณ์ซื้อดอกกุหลาบให้นลินทุกวัน แต่ไม่กล้าให้ จึงเก็บดอกกุหลาบไว้ ทุกดอก
ติณณ์ยิ้มเศร้าๆ
"ครบดอกที่สองพันเจ็ดร้อยพอดี นี่ผมแอบรักคุณสองพันเจ็ดร้อยวันแล้วเหรอเนี่ย"
ติณณ์หยิบมือถือแล้วเลื่อนเลือกชื่อคนที่จะโทรหา - “คุณบัว”
เขามองอย่างลังเลว่าจะโทรหาดีไหม สุดท้าย... ตัดใจไม่โทรหานลิน แล้ววางมือถือลงบนโต๊ะ ติณณ์บ่นตัวเองน้ำเสียงเซ็งๆ
"ไม่กล้ายังไง ก็ยังไม่กล้าอยู่อย่างนั้น นายติณณ์เอ้ย ใครคว้าเค้าไปแล้วจะรู้สึก"
ติณณ์มองรูปนลินแล้วถอนใจท้อกับความขี้อายของตัวเอง
บริเวณลานจอดรถหน้าร้านอาหารกึ่งผับรถยุโรปคันหรูของปราณขับมาจอดที่มุมนึง เขาเปิดกระจกรถมองดูพวกนลินที่กำลังเดินออกจากร้านอาหาร
"พี่ขอโทษนะที่ทำให้ทุกคนต้องรีบกลับเพราะพี่ พอดีพี่ภพโทรมาว่าลูกจุง ไม่สบาย ใจพี่มันอยู่ต่อไม่ได้ จริงๆ" ดารินทร์บอก
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่รินทร์ ยังไงพรุ่งนี้ยายบัวได้เลื่อนตำแหน่ง ก็ต้องพาเรามาฉลองใหม่อีกอยู่ดี เนอะบัว" มัญจาบอก
สารัชเบะปากร้องไห้
"อะฮือ..."
"เป็นอะไรสารัช" นลินถาม
"ถ้าคุณบัวได้ไปทำงานที่เกาหลี แล้วผมจะรักใครล่ะครับ"
มัญจาเซ็ง
"โว้ว นายนี่เพ้อเจ้อจริงๆเลย กลับบ้านไปอีเมลล์หาเด็กของฉันดีกว่า"
มัญจาบอกแล้วหันไปพูดกับดารินทร์
"ขอมิ้นต์ติดรถไปกับพี่ด้วยนะ บ้านเราทางเดียวกัน ประหยัดน้ำมันช่วยชาติ ประหยัดทุกบาทช่วยเค้าเลี้ยงผู้ชาย"
"โว้ว ไปสิ ... พี่ไปก่อนนะ"
ดารินทร์กับมัญจาเดินไปที่รถ นลินเดินมาถึงรถตัวเองที่จอดอยู่ แล้วกดรีโมทเปิดประตูกำลังจะขึ้นไปนั่ง สารัชเดินตามมา
"คุณบัวครับ...ผมขอติดรถไปลงที่ถนนข้างหน้าด้วยได้ไหมครับ"
นลินอึกอัก สารัชแกล้งทำเสียงเศร้า
"ผมคิดอยู่แล้วว่าคุณบัวไม่ให้ไปด้วยแน่ๆ ผมเข้าใจครับว่าผมไม่หล่อ ผมเป็นอาร์ตไดเรกเตอร์จนๆ ครีเอทีฟอย่างคุณบัวไม่เห็นผมอยู่ในสายตาหรอก เดี๋ยวผมเดินไปก็ได้ครับ"
สารัชเดินคอตก นลินอดใจอ่อนไม่ได้
"ขึ้นรถสิ"
สารัชยิ้มรีบเปิดประตูขึ้นรถ นลินขึ้นรถแล้วขับรถออกไปผ่านกับรถยุโรปของปราณที่จอดอยู่
รถของปราณเคลื่อนตัวตาม
นลินขับรถมาตามถนน และเอื้อมมือไปหยิบหมากฝรั่งในช่องเก็บของมากินกลบกลิ่นค็อกเทล สารัชนั่งยิ้มแก้มแดงเพราะความเมาอย่างมีความสุข
"สารัชจะลงตรงไหนบอกนะ เดี๋ยวบัวจอดส่ง"
"ไปจอดที่บ้านคุณบัวทีเดียวเลยครับ"
"เฮ้ย"
"คือเดี๋ยวผมลงที่บ้านคุณบัวก็ได้ แล้วเดี๋ยวผมหารถกลับจากตรงนั้นเอง ผมแค่อยากเห็นคุณบัวถึงบ้านโดยปลอดภัย ไม่มีภัยอันตรายใดๆมากล้ำกลาย"
ทันใดนั้น รถนลินโดนชนที่ด้านหลังดัง โครม!
"ท่าทางอันตรายจะมาเร็วกว่าที่คิดนะครับ"
นลินมองไปที่ด้านหลังรถอย่างเซ็งๆ ว่ามันจะซวยอะไรนักหนา
นันทิดาในชุดนอนกำลังคุยโทรศัพท์กับนลินอยู่ กษิดิฐนั่งดูทีวีอยู่ใกล้ๆ รอนลินกลับบ้าน
"เรียกประกันหรือยังลูก แล้วบัวเป็นอะไรมากหรือเปล่าลูก ไม่ได้เจ็บตรงไหนแน่นะ มีเพื่อนอยู่ด้วยใช่ไหมลูก โอเค แม่จะได้ไม่เป็นห่วงมาก มีอะไรโทรมานะจ้ะๆ"
นันทิดากดวางสาย
"รถบัวโดนชนเหรอครับ"
"ใช่จ้ะ แต่บัวไม่เป็นอะไร รอประกันมาเคลียร์อยู่"
นันทิดาถอนใจอย่างเป็นห่วง
"จะมารถชนอะไรค่ำๆ มืดๆ อย่างนี้ก็ไม่รู้ คุณลัชก็ไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นคงให้ไปดูลูก"
"คุณอาลัชไม่ได้เอารถไปใช่ไหมครับ"
"ใช่จ้ะ"
นันทิดามองกษิดิฐอย่างรู้ทัน
"กบจะออกไปดูบัวเหรอจ้ะ งั้นเดี๋ยวอาไปหยิบกุญแจรถให้นะ"
นันทิดาเดินไปหยิบกุญแจรถ
"ยายบัวนะยายบัว..เพราะเธอมีแต่เรื่องอย่างนี้ไงล่ะ คุณย่าถึงบอกว่าเธอต้องมีกบไว้คอยดูแล"
บนถนน รถของนลินจอดอยู่ รถแท็กซี่เป็นคนชนที่ด้านหลัง
"นี่...พี่พูดอย่างนี้ได้ยังไงครับ ก็เห็นอยู่ว่าพี่เป็นคนชนท้ายรถ แฟนผม!"
"เพื่อนก็พอมั้งสารัช"
"แต่น้องเบรกกะทันหันนี่ พี่ขับตามมาก็เลยเบรกไม่ทัน" คนขับแท็กซี่บอก
"เบรกกะทันหันอะไร ผมนั่งมันในรถยังไม่รู้สึกเลยว่าเพื่อนผม เบรกกะทันหัน!"
"พอเถอะสารัช...เถียงไปก็ไม่จบ รอตำรวจกับประกันมาดีกว่า"
ทันใดนั้นเห็นรถยุโรปสีดำคันเดียวกับที่ขับตามนลินที่หน้าผับ มาจอดที่ท้ายรถแท็กซี่อีกที ปราณเดินลงจากรถมา พร้อมคนขับรถ
"รถเป็นอะไรเหรอครับคุณบัว"
"คุณปราณ"
ปราณยิ้มๆ
"ก็แท็กซี่คันนี้น่ะสิครับมาชนท้ายรถบัว แล้วยังหาว่าบัวเบรก กะทันหันเองอีก ทำผิดแล้วยังไม่รู้จักยอมรับนี่หว่า"
"พูดงี้มีเรื่องกันดีกว่า"
คนขับแท็กซี่ถลาจะเอาเรื่อง สารัชกระโดดหลบทันที ปราณรีบห้าม
"ใจเย็นๆ ก่อนครับ... ผมว่าอย่ามีเรื่องกันเลย นะครับพี่...ผมขอโทษแทนลูกน้องผมด้วยนี่ก็ดึกมากแล้ว ยอมๆกันเถอะนะครับ กว่าประกัน กว่าตำรวจจะมา มันจะนาน เสียเวลา...สู้กลับบ้านไปหาลูกหาเมียกันเนอะ"
"ก็ได้...ไม่เอาเรื่องก็ได้"
"อะไรวะ เมื่อกี้ตูพูดแทบตาย ไม่มียอมเลย"
ปราณพูดกับคนขับรถตัวเอง
"นายใบ เปิดรถให้พี่เค้าหน่อยไป"
นายใบเดินนำแท็กซี่แล้วเปิดประตูรถให้แท็กซี่อย่างนอบน้อม แล้วแอบส่งเงินให้
"นี่ค่าจ้างที่ขับรถชนให้" นายใบบอก
"ขอบคุณมากครับพี่"
คนขับแท็กซี่สตาร์ทรถก่อนขับออกไป ปราณมองรถนลิน เพื่อสำรวจว่าพังตรงไหนบ้าง
"รถคุณบัวโดนแค่ตรงนี้ใช่ไหมครับ"
"ค่ะ"
"เดี๋ยวเอาไปไว้ที่อู่รถผม เรื่องค่าเสียหาย เดี๋ยวผมจะจัดการแทนพี่แท็กซี่คนนั้นเอง"
"ไม่เป็นไรค่ะ รถถลอกนิดหน่อยเดี๋ยวบัวจัดการเองดีกว่า ขอบคุณคุณปราณมากนะคะที่เคลียร์กับแท็กซี่ให้"
"ไม่เป็นไรครับ ผมผ่านมาเห็นเป็นลูกน้อง ก็ต้องรีบช่วยอยู่แล้ว"
"งั้นบัวขอตัวกลับก่อนนะคะ"
ปราณทำท่าเหมือนได้กลิ่นเหล้าจากนลิน
"ดื่มกันมาเหรอครับ ระวัง ถูกจับเป่าแอลกอฮอล์ที่ด่านตรวจข้างหน้าด้วยนะครับ"
นลินชะงัก
"ข้างหน้ามีด่านเหรอครับ" สารัชถาม
"ครับ ขับดีๆครับคุณบัว อย่าเสียประวัติเพราะเมาไม่ขับล่ะ คุณคงรู้ว่าคุณอณุกาไม่ชอบพวกไม่รับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะพวกเมาแล้วขับ"
ปราณหันหลังแล้วแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ สารัชมองหน้านลิน
"เอายังไงดีครับคุณบัว บนทางด่วนอย่างนี้ ไม่มีแท็กซี่ซะด้วยสิครับ"
ปราณรีบเสนอทันที
"ถ้าไม่รังเกียจ ผมไปส่งก็ได้นะครับ"
"เอ่อ..."
ปราณรู้ทันนลิน
"มีคุณสารัชไป คุณคงไม่ต้องกลัวผม"
นลินชะงัก เธอเห็นว่าสารัชมาด้วย ปราณคงจะไม่กล้าทำอะไร
"สารัชนั่งหน้ากับคุณปราณนะ"
ปราณยิ้มๆเข้าแผนตัวเอง แล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งคนขับก่อนขึ้นรถไป สารัชเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านหน้าคู่กับปราณ นลินนั่งด้านหลัง ส่วนคนขับรถของปราณก็เดินไปขึ้นรถบัวทันที
ในรถ ปราณเหลือบมองสารัชที่มีอาการพะอืดพะอม ปราณยิ้มรู้ว่า สารัชเมาจะอาเจียน จึงขับรถเร็ว แถมเหยียบเบรกหนักๆ เพื่อให้สารัชเวียนหัวเหมือนจะอ้วก นลินนั่งอยู่ด้านหลังนิ่งๆ
"คุณปราณครับ...ไม่ต้องขับเร็วมากก็ได้นะครับ คือ .ผมจะอัว... แหวะ"
สารัชทำท่าเหมือนจะอ้วก ปราณแกล้งตกใจ
"คุณจะอ๊วกเหรอ งั้นรีบลงข้างทางเลย อย่าอ๊วกบนรถผมนะ รถผมไม่ใช่ราคาถูกๆนะคุณ"
ปราณขับรถเทียบข้างทาง สารัชรีบลงจากรถ ปราณมองนลินที่เริ่มรู้สึกระแวงแปลกๆ
สารัชนั่งอ๊วกในพงหญ้าข้างทางเสร็จ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดปากแล้วเดินออกจากพงหญ้าข้างทางขึ้นไปที่ถนน แต่มองไม่เห็นรถของปราณซะแล้ว
"ฮื่อ รถหาย!"
สารัชมองตามเห็นว่า รถปราณไปไกลแล้ว
"คุณปราณ ไหนบอกจะรอผมไง"
สารัชจะหยิบมือถือมาโทรหานลิน แต่หาไม่เจอ
"มือถือหายไปไหนวะ"
มือถือของสารัชอยู่ที่เบาะนั่งข้างที่สารัชเคยนั่ง นลินที่นั่งอยู่ด้านหลัง ตกใจกลัว ไม่คิดว่าปราณจะทำแบบนี้!
ปราณยังคงขับรถไปอย่างต่อเนื่องแบบไม่กลัวใดๆ
"คุณปราณ คุณทิ้งสารัชทำไม ! คุณจอดรถเดี๋ยวนี้นะคะ"
ปราณยิ่งขับรถเร็วขึ้น
"ใจเย็นๆน่า ผมไม่พาคุณไปทำอะไรหรอก คุณไม่เห็นเหรอว่า เนี่ยทางไปบ้านคุณ ผมสัญญาว่าไม่พาคุณออกนอกเส้นทาง หรอก ถ้ามันไม่จำเป็น"
ปราณยิ้มเจ้าเล่ห์ นลินมองเครียด
"มันไม่มีเรื่องจำเป็นต้องออกนอก เส้นทางอยู่แล้วล่ะค่ะ"
กษิดิฐขับรถของชลัชมาจากซอยหมู่บ้าน แล้วก็ต้องหยุดกึกเมื่อเห็นป้ายที่เขียนว่า “ข้างหน้ามีก่อสร้าง” พนักงานทำถนนบอกให้กษิดิฐกลับรถเลี้ยวไปออกทางอื่น
"มาซ่อมถนนอะไรตอนนี้เนี่ย"
กษิดิฐถอยรถแล้วเลี้ยวกลับไปออกอีกทาง พร้อมกับกดมือถือโทรหานลิน
" อ้าว...อย่าบอกนะว่ามือถือบัวแบตหมดน่ะ"
นลินล้วงมือถือจะโทรหาชลัชแล้วเห็นว่ามือถือแบตหมด
"อ้าว แบตหมดอะไรตอนนี้เนี่ย"
ปราณเหลือบมองนลินแล้วยิ้ม นลินมองทางที่ปราณพาขับเข้ามาก่อนจะโวย "คุณปราณ คุณจะไปไหนเนี่ย"
"อ้าว ก็ทางไปบ้านคุณเค้าซ่อมถนน ผมก็ต้องมาทางนี้สิ"
นลินรู้สึกกลัว เธอมองไปทางข้างหน้าแล้วยิ่งตกใจ
"นี่มันโรงแรมม่านรูดนี่คะ คุณเลี้ยวเข้ามาทำไม"
"มันเป็นทางลัด"
"นี่ไม่ใช่ทางลัดไปบ้านบัวนะ"
"ผมไม่ได้หมายถึงทางลัดไปบ้านคุณ แต่หมายถึงทางลัดให้คุณได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงานเร็วขึ้นต่างหาก อยู่นิ่งๆ อย่าดื้อ แล้วทุกอย่างจะดีเอง"
ปราณเอื้อมมือไปจับมือ นลินมองอย่างอึ้ง คิดว่าจะทำยังไงดี
อ่านต่อหน้า 3
ต้นรักริมรั้ว ตอนที่ 1 (ต่อ)
กษิดิฐตั้งหน้าตั้งตาขับรถ แล้วหยิบมือถือมากดโทร.หานลินอีกที แต่ไม่ติด เขาพึมพำด้วยความหงุดหงิดเพราะเป็นห่วง
"ไม่รู้ตอนนี้เคลียร์กับประกันได้รึยัง ไม่ใช่พอไปถึงที่แล้ว คุณนายก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านไปแล้วล่ะ"
จังหวะเดียวกัน รถยุโรปของปราณกำลังเลี้ยวเข้าไปในโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง ที่ถนนเลนตรงข้ามกษิดิฐขับรถวิ่งผ่านท้ายรถปราณไปอย่างฉิวเฉียด
ในรถปราณ นลินหน้าตาตื่น พยายามคิดหาทางรอด เธอมองมือถือที่แบตหมดแล้วคิดบางอย่างได้
"คุณปราณคะ บัวเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ปล่อยบัวเดี๋ยวนี้" นลินทำเป็นขู่
ปราณหัวเราะเยาะกับเสียงขู่ของนลิน
"นี่คุณขู่ผมเหรอ คุณมีอะไรให้ผมกลัว"
นลินโชว์มือถือแว๊บเดียวไม่ให้ปราณรู้ว่า มือถือแบตหมด
"คลิปไงคะ บัวแอบถ่ายคลิปที่คุณพูดว่าจะพาบัวเข้าโรงแรมไว้หมดแล้วถ้าคุณไม่อยากโดนแฉ คุณก็ปล่อยบัวเดี๋ยวนี้"
ปราณทำหน้าตกใจ
"คุณถ่ายคลิปเหรอ"
นลินยิ้ม คิดว่าปราณคงกลัวแน่ๆ แต่ปราณกลับหัวเราะเยาะ นลินชะงัก
"คุณพูดเหมือนคนคนหนึ่งเลย เอ...ใครน้า"
ปราณดีดนิ้ว คิดออก มองนลินอย่างยิ้มเยาะ
"อ๋อ...มนัญญา! แล้วคุณก็เห็นนี่ว่าสุดท้าย มือถือก็อันตรธานหายไป ฮ่าๆๆ"
"แปลว่าคุณขโมยมือถือนัญไปใช่ไหม คุณนี่มัน"
ปราณจอดรถแล้วหันมามองหน้านลินอย่างเอาเรื่อง
"อย่าพยายามคิดจะขู่อะไรผม ผมเจอมาเยอะแล้ว แต่สุดท้าย ก็ไม่มีใครทำอะไรผมได้ เพราะฉะนั้น เป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย แล้วผมจะพาคุณไปมีความสุข" ปราณพูดพลางจับแก้มนลิน
ปราณลงจากรถ นลินนั่งเครียดไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี นอกจากภาวนาถึงย่ายอแสง
"คุณย่าขา... ช่วยส่งใครก็ได้มาช่วยบัวด้วย"
กษิดิฐยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับรถ
"จะรู้ได้ยังไงเนี่ยว่าเธออยู่ไหน...คุณนายบัวเอ้ย"
ท่ามกลางความมืดมิดของค่ำคืนนั้น ราวปาฏิหารย์ของคุณย่ายอแสงจะบังเกิดขึ้นทันใดตามคำภาวนาของนลิน มีบางอย่างปาดหน้าที่กษิดิฐขับอยู่ จนเขาต้องรีบหักรถหลบเข้าข้างทางจนเกือบจะชนสารัชที่กำลังยืนโบกรถพอดี กษิดิฐรีบเบรกรถ เอี๊ยด!
สารัชยืนอึ้งอยู่ริมถนน ครั้นได้สติ ก็รีบเดินมาเคาะกระจกรถหมายจะเอาเรื่องคนขับกษิดิฐลดกระจกรถลงจนต่างคนต่างเห็นหน้ากัน แล้วชะงักกันไปชั่วครู่ กษิดิฐคิดออกว่า สารัชเป็นเพื่อนนลิน
"คุณเป็นเพื่อนบัวใช่ไหม"
ขณะที่สารัชมองกษิดิฐอย่างไม่ชอบหน้า
"นึกว่าใคร ที่แท้ก็ผู้ชายในอดีตเก่าเต่าล้านปีผู้ไร้ค่าของคุณบัวนี่เอง"
กษิดิฐมองสารัชอย่างเซ็ง แล้วคิดจะถามว่านลินอยู่ตรงไหน
หน้าห้องในโรงแรมม่านรูด ปราณเดินลงจากรถอย่างใจเย็น แล้วเดินอ้อมมาทางประตูฝั่งที่นลินนั่งอยู่ เธอรีบข้ามไปที่นั่งฝั่งคนขับแล้วกดล็อกประตูรถทั้งคันทันที ปราณยืนยิ้มพร้อมกับชูรีโมทรถขึ้นมา แล้วกดเปิดล็อกประตู เธอปิดล็อกอีก ปราณเปิดล็อก กันอยู่หลายครั้งจนปราณฉุน
"อยากอยู่ในรถทั้งคืนก็ตามใจ"
ปราณเดินหายไป นลินถอนใจอย่างโล่งอก ก่อนคิดต่อว่าจะทำยังไงต่อดี
"เรามีคัตเตอร์นี่นา"
นลินก้มหาคัตเตอร์ในกระเป๋า ปราณเดินอ้อมมาทางด้านประตูที่นั่งข้างคนขับ พอเห็นว่า นลินเผลอก็รีบกดรีโมทเปิดล็อกเปิดประตูรถเข้ามาทันที
"เฮ้ย"
ปราณลากนลินออกมาจากรถ
"เสร็จผมล่ะ !"
"ปล่อยบัวนะ" นลินสะบัดตัวออกจากมือปราณที่กุมอยู่
"อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นบัวแทงคุณจริงๆด้วย"
นลินหยิบคัตเตอร์ในกระเป๋าขึ้นมาโชว์ แต่หยิบผิด ดันหยิบดินสอขึ้นมาแทน พอเห็นว่า ตัวเองถือดินสอแทนคัตเตอร์ก็ร้อง "เฮ้ย"
นลินรีบล้วงกระเป๋าหาคัตเตอร์ ปราณกระชากกระเป๋าโยนทิ้งเข้าไปในรถเพื่อไม่ให้เธอหาคัตเตอร์ แล้วพุ่งเข้าไปรวบตัวเธอเพื่อจะพาเข้าห้อง เธอดิ้นไม่หลุด และตัดสินใจใช้ดินสอแทงที่แขนของปราณ
"โอ้ย"
ปราณเจ็บแขนจนเผลอปล่อยตัว แล้วมองนลินด้วยความโกรธ
"ยายบัว"
นลินเห็นปราณจะพุ่งเข้ามา จึงใช้สัญชาตญาณเอาตัวรอด ยกขาเตะผ่าหมากเข้าเต็มแรง จนปราณจุก กุมเป้าตัวเองพร้อมกับทรุดลงกับพื้นทันที
นลินใช้โอกาสนั้นหยิบกระเป๋าถือแล้วรีบเปิดประตูรถ วิ่งออกจากโรงแรมม่านรูดทันที
นลินวิ่งหนีออกมาที่หน้าโรงแรมม่านรูด มองซ้ายมองขวา ตัดสินใจว่า จะไปยังไงดี จังหวะนั้น ปราณตามมาคว้านลินเอาไว้ทันที นลินตกใจ
"ว๊าย"
"คุณหนีผมไม่พ้นหรอก"
ปราณพยายามลากนลินที่ดิ้นอย่างสุดแรงกลับไป พนักงาน 2 คนเดินผ่านพอดี เธอรีบขอความช่วยเหลือ
"คุณคะ ! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย"
พนักงานรีบเดินเข้ามา นลินโล่งอกที่คิดว่ามีคนช่วย
"มีคนมาช่วย แล้ว คุณเสร็จแน่"
พนักงาน 2 คนเดินเข้ามาช่วยปราณล็อกตัวนลินไว้
" เฮ้ย !คุณมาล็อกตัวฉันทำไม"
ปราณหัวเราะเยาะ ก่อนสั่งพนักงาน
"คุณคิดว่าผมจะโง่ทำอย่างนี้ ในโรงแรมที่ไม่มีคนของผมเหรอ ...พาไปที่ห้อง"
พนักงาน 2 คนช่วยกันพานลินไปที่ห้อง เธอดิ้น ร้องโวยวาย
"ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย"
นลินรู้สึกว่ากำลังจนตรอก ที่จู่ๆ นลินก็คิดถึงกษิดิฐ
"คุณย่า ช่วยด้วย กบ"
ทันใดนั้น รถของชลัชที่กษิดิฐขับมาพุ่งเข้ามา เบรกดัง เอี๊ยด ! อยู่ตรงหน้าปราณที่ทั้งอึ้งและตกใจ นลินและพนักงานก็ตกใจเช่นกัน
กษิดิฐเปิดประตูเดินลงมาจากรถอย่างโมโห ไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้าไปต่อยพนักงานที่จับตัวนลินไว้จนล้มคว่ำไปกองกับพื้นทันที
"เฮ้ย แกมายุ่งอะไรกับเรื่องผัวเมียเขาด้วยวะ"
" ผัวเมียเหรอ" กษิดิฐโกรธพุ่งเข้าไปต่อยเตะปราณซ้ำๆ
"ไอ้ชั่ว ! แกกล้าดียังไงถึงทำร้ายบัวของฉัน"
นลินเห็นพนักงาน 2 คนกำลังลุกจะมาเอาเรื่องกษิดิฐจึงรีบดึงตัวเขาให้หยุดต่อยปราณ
"พอแล้วกบ ! รีบไปกันเถอะ"
นลินรีบพากษิดิฐขึ้นรถ ปราณลุกขึ้นมองอย่างแค้นๆ
"เรื่องมันไม่จบแค่นี้แน่"
กษิดิฐขับรถอย่างโมโห นลินนั่งอยู่ข้างๆ สีหน้ายังตื่นกลัวอยู่
"บัวเป็นอะไรรึเปล่า มันทำร้ายบัวตรงไหน บัวถ่ายรูปเก็บไว้เลย จะได้เอาไปเป็นหลักฐานตอนแจ้งความ" กษิดิฐยื่นมือถือของให้นลิน
นลินชะงัก
"บัวไม่แจ้งความนะกบ"
"ต้องแจ้ง ! มันทำกับบัวอย่างนี้ กบจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด"
นลินรู้สึกว่า กษิดิฐต้องทำเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ แล้วถ้าเรื่องต้องเข้าถึงหูอณุกา ยังไง นลินก็ยอมไม่ได้
"กบ !จอดรถเดี๋ยวนี้"
"ไม่ !"
"บัวบอกให้จอด"
"ไม่ !"
กษิดิฐไม่สนใจ ยังขับรถต่อไป นลินไม่รู้จะทำยังไง เลยหันไปดึงพวงมาลัยรถขับเข้าข้างทางทันที
"เฮ้ย !"
รถชลัชที่กษิดิฐขับ หักเลี้ยวเข้าข้างทางจนเกือบชนต้นไม้ข้างทาง นลินลงจากรถ กษิดิฐรีบลงตาม
"บัวทำบ้าอะไรเนี่ย ! เกือบตายแล้วเห็นไหม"
นลินชะเง้อมองหาแท็กซี่
"ก็บัวบอกให้กบจอด กบไม่ยอมจอดเองนี่"
"แล้วนี่จะไปไหน"
"จะกลับบ้าน"
กษิดิฐดึงมือนลินจะพาไปที่รถ
"ไม่ให้กลับ ไปแจ้งความก่อน"
นลินสะบัดมือออก
"บัวบอกแล้วไงว่าไม่แจ้ง ! ขอร้องล่ะกบ อย่าทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปกว่านี้เลยนะ"
กษิดิฐมองนลินอย่างไม่เข้าใจ
"กบไม่เข้าใจ บัวเกือบจะโดนไอ้เลวพาเข้าโรงแรมนะ ถ้ากบไม่รู้จากนายสารัชว่า มันพาบัวมาทางนี้ ป่านนี้บัวจะเป็นยังไง"
"แต่ตอนนี้บัวไม่เป็นอะไรแล้ว ให้เรื่องทุกอย่างจบเถอะนะ กบไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร"
"มันเป็นใครกบไม่สน"
"แต่บัวสน ! เค้าเป็นสามีของเจ้านายบัว ถ้าเรื่องนี้เข้าหูเขาเจ้านายบัวต้องไล่บัวออกแน่"
"จะบ้าเหรอ ผัวเขามาฉุดบัวจะมาไล่บัวออกได้ยังไง"
"กบเคยได้ยินคำนี้ไหมล่ะ ความรักทำให้คนหูหนวก ตาบอด"
กษิดิฐได้แต่มองนลินอย่างไม่เข้าใจ
กษิดิฐขับรถอย่างหงุดหงิด นลินนั่งมองข้างทางอย่างเครียดๆ
"อย่างนี้ก็แปลว่าต่อให้บัวไปบอกว่าไม่เต็มใจ เจ้านายบัวก็ยังคิดว่าบัวไปทอดสะพานให้ผัวเขาอยู่ดีใช่ไหม"
"ก็ใช่น่ะสิ บัวถึงไม่ให้กบไปแจ้งความให้เป็นเรื่องไง ถ้าคุณอณุการู้ บัวโดนไล่ออกแน่ๆ"
"งั้นก็ออก"
"ไม่มีทาง ! ตอนนี้บัวกำลังได้เลื่อนตำแหน่ง บัวไม่ยอมออกเด็ดขาด"
"แล้วบัวไม่กลัวไอ้นั่นมันจะดักฉุดบัวอีกเหรอ กบจะบอกให้นะ ผู้ชายอย่างมันไม่มีทางหยุดง่ายๆนะ"
"บัวไม่กลัว"
"แต่กบไม่ยอม"
"แล้วกบจะทำยังไง"
"พรุ่งนี้กบจะไปบอกเรื่องนี้กับเจ้านายของบัว แล้วบัวก็ลาออกซะ"
กษิดิฐขับรถเข้ามาที่บ้านนลิน เขาลงจากรถ เธอรีบลงตามมาพูดกับเขาอย่างจริงจัง
"พรุ่งนี้กบจะไปบอกเรื่องนี้กับเจ้านายของบัว แล้วบัวก็ลาออกซะ"
"บอกแล้วไงว่าบัวไม่ออก"
"ต้องออก"
"กบมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้บัวออก กบไม่รู้หรอกว่าสามปีที่ผ่านมา บัวต้องทำงานหนักขนาดไหนกว่าจะได้มีโอกาสเลื่อนตำแหน่งอย่างตอนนี้ บัวไม่ยอมให้กบทำลายโอกาสของบัวเด็ดขาด"
นลินจ้องหน้ากษิดิฐอย่างจริงจัง เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมเธอถึงรักงานมากกว่าตัวเอง
"นี่บัวรักงานมากกว่ารักตัวเองอีกเหรอ"
"กบก็รู้นี่ว่าบัวเป็นคนยังไง"
นลินเปิดประตูบ้านแล้วเดินนำกษิดิฐเข้ามา เธอจะหันไปกำชับ"ขอร้องนะกบ อย่าบอกเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่บัวรู้"
"แต่กบว่าน่าจะบอกนะ อาชลัชจะได้เอาปืนไปยิงหัวไอ้นั่น"
"นี่กบ พ่อบัวไม่ใช่คนชอบใช้ความรุนแรงนะ"
"เหรอ แล้วเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนกบกับพ่อมาพูดขอบัวแต่งงาน ใครเป็นคนทุ่มกระถางต้นโป๊ยเซียนเฉียดหูกบนะ กบยังคุยกับพ่อเลยว่า ไม่รู้อาชลัชจะหวงลูกสาวทำไม หน้าตาก็งั้นๆ"
ชลัชเดินออกมาจากหลังบ้านพร้อมนันทิดา ได้ยินที่เขาพูดนินทาพอดี
"ก็เพราะฉันกลัวลูกสาวไปแต่งงานกับผู้ชายห่วยๆไง ฉันถึงต้องหวง"
กษิดิฐสะดุ้ง แล้วหันไปยิ้มและยกมือไหว้ชลัช
"สวัสดีครับ คุณอาชลัชกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ แหม..ไม่เจอตั้งสามปี ยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวเหมือนเดิมเลย"
ชลัชมองนิ่ง ไม่พูดตอบ แล้วเดินผ่านกษิดิฐไปหาลูกสาว
"แม่บอกพ่อว่ารถของลูกโดนชนเหรอ เป็นยังไงบ้างลูก"
กษิดิฐมองชลัชที่เดินผ่านไปแล้วหันไปยิ้มแหยๆกับนันทิดาเพราะรู้ว่าชลัชไม่ชอบตัวเอง
"รถไม่เป็นไรมากค่ะพ่อ พอดีมีคน...ช่วยลากเข้าอู่แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้บัวจะโทรไปเช็กอีกที"
ชลัชมองที่เนื้อตัวลูกสาว
"รถน่ะช่างมันเถอะ พ่อหมายถึงบัวน่ะเป็นยังไงบ้างลูก ทำไมดูเสื้อผ้าเหมือนไปทะเลาะกับใครมา หรือว่าฝ่ายนั้นมันทำอะไรลูก"
นลินมองกับกษิดิฐนิดนึงด่อนฝืนยิ้มเป็นปกติกับชลัช
"เปล่าค่ะพ่อ พอดีรถบัวโดนชน แล้วมันดับกลางถนน บัวเลยต้องเข็นรถเข้าข้างทางน่ะค่ะ"
"ยังไงก็ขอบใจกบนะจ้ะ ที่ไปรับบัวกลับมาบ้าน" นันทิดาบอก
"ไม่เป็นไรครับคุณอา ไปรับอดีตภรรยาแค่นี้ เรื่องเล็ก"
ชลัชไม่พอใจขึ้นมาทันที
"อย่ามาเรียกลูกสาวฉันอย่างนั้นนะ"
นลินรีบเปลี่ยนเรื่อง
"กบรีบกลับบ้านไปได้แล้ว บ้านอยู่ไกลด้วย"
"ไกลอะไร…เดินสามก้าวก็ถึง"
"หือ"
นันทิดาพูดกับบัว
"อ้าว นี่กบยังไม่ได้บอกบัวเหรอว่ากบไม่ได้อยู่บ้านสวน แต่จะมาอยู่บ้านคุณย่า"
นลินกับชลัชพูดและมองกษิดิฐพร้อมกัน
"อะไรนะ"
กษิดิฐยิ้มๆพร้อมกับชูสองนิ้วทำเป็นคิกขุ
"หวังว่านายคงมาอยู่คนเดียวนะ" ชลัชบอก
ทันใดนั้นได้ยินเสียงแตรรถคันหนึ่งบีบขึ้นดัง ปี๊นๆ นันทิดาชะเง้อมองไปทางหน้าบ้าน"ใครมาน่ะ"
บริเวณหน้าบ้านกษิดิฐ ยศภัทรกับกมลาเดินเข้ามาหาลูกชาย ยศภัทรพูดอังกฤษทันที"Hello my boy!"
"อ้าว...พ่อ แม่ มาได้ไงเนี่ย"
"ถามไม่คิด...Your dad กับ Your mom ก็ drive a car มาน่ะสิ" ยศภัทรบอก
กมลาโผเข้ากอดกษิดิฐ
"ตากบนะตากบ กลับมาทั้งที แทนที่จะไปหาแม่ก่อน กลับมาอยู่บ้านคุณย่า แม่กับพ่อเลยต้องตามมากอด ให้หายคิดถึงที่นี่ไง"
กมลา ยศภัทรกอดลูกชายอย่างคิดถึง ก่อนหันไปทางนลิน
"ไม่ได้เจอหนูบัวนานหลายปีเหมือนกัน งั้นขอกอดให้หายคิดถึงหน่อย"
ยศภัทรแกล้งจะเดินไปหานลิน ชลัชรีบมายืนขวางทันที ยศภัทรหัวเราะพูดกับกษิดิฐ
"นั่นไง พ่อตาแกยังหวงลูกสาวเหมือนเดิม"
พ่อลุกหัวเราะกันร่วนอย่างชอบใจ กลมาปรามสามีก่อนหันไปทักทาย
"คุณนี่...ชอบยั่วคุณชลัชไม่เปลี่ยนเลยนะ สวัสดีค่ะคุณชลัช...คุณดา ไม่เจอกัน ตั้งสามปี สบายดีใช่ไหมคะ"
ชลัชไม่ชอบขี้หน้ายศภัทรอย่างเห็นได้ชัด
"ใช่ ! สามปีที่ผ่านมา ชีวิตมีความสุขมาก แต่หลังจากนี้ คงไม่แน่ ... ผมเข้าบ้านก่อนนะ"
ยศภัทรแกล้งแซว
"แหม...ยังเป็นเด็กอนามัยนอนก่อนสี่ทุ่มเหมือนเดิมเลยนะครับ"
ชลัชฉุน
"ผมเป็นคนมีระเบียบ ไม่ใช่พวกสะเปะสะปะเหมือนใครบางคน"
ยศภัทรจะตอบกลับกมลารีบจับแขนเป็นเชิงปราม ชลัชมองยศภัทรอย่างท้าทาย นลินรีบห้ามศึก
"พ่อเข้าบ้านเถอะค่ะ บัวก็เหนื่อยเหมือนกัน"
นลินหันไปพูดกับยศภัทรและกมลา ก่อนหันไปกระซิบกับกษิดิฐ
"บัวขอตัวก่อนนะคะคุณลุง คุณป้า ... อย่าลืมเรื่องที่เราคุยกันไว้นะ"
กษิดิฐทำหน้านิ่ง ไม่ตอบรับและไม่แสดงออกว่ากำลังคิดอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยศภัทรเห็นอาการทั้งสองคนดูแปลกๆก็ทำนิ่งไว้ นลินพาพ่อแม่เข้าบ้านไป
กมลาตีแขนลูกชาย
"เพราะกบคนเดียว ทำให้คุณชลัชเกลียดขี้หน้าครอบครัวเรา"
กมลาเดินหงุดหงิดเข้าบ้านไป
"พ่อดูแม่สิ มาลงที่ผมซะงั้น"
ยศภัทรมองกษิดิฐอย่างสงสัย
"เรื่องแม่น่ะไว้ก่อน ว่าแต่เรื่องที่หนูบัว ซุบซิบกับกบเมื่อกี้ มันเรื่องอะไร"
กษิดิฐคิดว่า จะบอกเรื่องปราณกับยศภัทรดีไหม
ชลัชเดินหน้าเซ็งเข้ามาในบ้าน นลินกับนันทิดาเดินตาม
"ไม่รู้จะย้ายกลับมากันทำไม"
"แต่ดาว่าดีออกนะ อย่างน้อยเวลาคุณกับบัวไปทำงาน ดาจะได้ มีคุณยศกับคุณกมลาคุยเป็นเพื่อนเหมือนเมื่อก่อน"
"งั้นคราวนี้คุณได้มีเพื่อนคุยสมใจอยากแน่ เพราะ คุณยศของคุณมันรวย งานการไม่ต้องทำ เปิดแค่ร้านหนังสือหาเรื่องคุยกับลูกค้า กินเงินสมบัติเก่าก็ไม่มีวันอดตาย"
"พูดเบาๆสิคะคุณ เดี๋ยวคุณยศก็ได้ยินหรอก ยังไงเราก็ควรรักษาน้ำใจเขาไว้บ้าง อย่างน้อยคุณป้ายอแสงก็เคยช่วยพวกเราไว้ ตอนพ่อโดนฟ้องล้มละลายน่ะ"
"เพราะพ่อสำนึกบุญคุณไง ถึงเคยจำใจยกลูกบัวให้แต่งงานกับนายกบ พูดแล้วก็หงุดหงิด ทำไมไม่อยู่อเมริกา ไปซะเลย"
ยศภัทรเดินหงุดหงิดขึ้นบันไดไป นันทิดาพูดยิ้มๆกับนลิน
"บัวรู้ไหมว่าทำไมอยู่ๆตากบถึงย้ายกลับมา"
"ทำไมเหรอคะแม่"
นันทิดายิ้มบอกลลูกสาว
"เพราะคุณย่าดลใจ"
"อะไรนะคะแม่"
"แม่คิดอย่างนั้นจริงๆนะ ก็ดูสิ อยู่ดีๆบัวก็ฝันถึงคุณย่า แล้วก็เป็นวันเดียวกับที่ตากบกลับมา แม่ว่าคุณย่ายอแสงไปดลใจให้กบกลับมาดูแลบัวเหมือนเมื่อก่อนก็ได้นะลูก เห็นไหมว่าพอกบมาวันแรกก็ไปช่วยบัวแล้ว"
นันทิดาหมายถึง กษิดิฐไปช่วยพานลินกลับบ้านหลังรถของนลินโดนชน แต่นลินคิดถึงเรื่องที่ กษิดิฐไปช่วยเรื่องปราณในทันทีที่เธอร้องขอความช่วยเหลือจากคูณย่ายอแสง
"คุณย่า ช่วยด้วย !..กบ"
ทันใดนั้น กษิดิฐขับมาพุ่งเข้ามาเบรกดัง เอี๊ยด !! อยู่ตรงหน้าปราณ กษิดิฐไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้าไปต่อยพนักงานที่จับตัวนลินจนล้มคว่ำกองกับพื้นทันที
นลินยืนคิดอย่างไม่อยากเชื่อว่า คุณย่ายอแสงจะดลใจ
"มันก็แค่บังเอิญล่ะค่ะแม่ กบกับบัวต่างคนต่างอยู่ คงไม่ต้องมาช่วยเหลืออะไรกันอีก บัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ"
นลินเดินขึ้นบันไดไป
นันทิดามองลูกสาวที่เดินขึ้นบันไดไปแล้วหันไปมองรูปคุณย่ายอแสงที่วางอยู่บนโต๊ะริมผนัง
"ทุกอย่างมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหมคะคุณป้า ดาอยากรู้จริงๆว่า โชคชะตาจะทำยังไงต่อไป ถึงจะทำให้เด็กสองคนนี้กลับมาคู่กัน"
รูปคุณย่ายอแสงตั้งอยู่ที่ติดฝาผนัง ในห้องรับแขก บ้านกษิดิฐในเวลาเดียวกัน พ่อกับลูกชายนั่งคุยกันอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางจริงจัง
ยศภัทรชะโงกหน้ามองให้แน่ใจว่า กมลาไม่อยู่ ไม่ได้ยิน แล้วพูดกับกษิดิฐต่อ
"ถึงขั้นพาหนูบัวเข้าโรงแรม มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วนะตากบ พ่อว่าหนูบัวควรลาออก"
"ผมพูดจนปากจะฉีกถึงกระเพาะแล้ว แต่หลานบัวสุดที่รักของพ่อไม่ฟัง แถมยังยืนยันว่าจะทำงานที่นั่นต่อ พ่อก็รู้ว่าหลานสาวสุดที่รักของพ่อเวลาดื้อขึ้นมา ต่อให้เอารถถังมาขวาง บัวยังเตะ รถถังกระจาย"
ยศภัทรเหนื่อยใจถึงกับถอนใจ
"งั้นก็เป็นหน้าที่แกต้องคอยปกป้องหนูบัวแล้ว"
กษิดิฐชะงัก แกล้งทำหน้าซื่อ
"เฮ้ย หน้าที่อะไรของผม"
"ก็หน้าที่ที่คุณย่าเคยสั่งไว้ไง จำไม่ได้แล้วเหรอ"
กษิดิฐชะงัก คิดถึงคำพูดของคุณย่ายอแสงที่เขาไม่เคยลืม
กมลาเข้ามาพอดี มองลูกชายอย่างรู้ทัน
"ไม่ต้องทำเป็นไก๋ แม่รู้ว่ากบจำได้ ไม่อย่างนั้น แทนที่กบจะกลับไปอยู่บ้านสวนกับพ่อแม่ แต่กลับมาอยู่บ้านคุณย่า ดูสิ แอร์ก็ไม่เย็น มีแต่ขี้ฝุ่น ไฟก็ไม่สว่าง ทีวีก็ไม่มี มีแต่รูปคุณย่าที่แม่กบเอามาติดไว้ จริงไหม"
กษิดิฐทำเฉไฉ
"แม่ นี่ท่าทางจะเข้าวัยทองแล้วนะ พูดจาเลอะเทอะ ที่ผมมาอยู่บ้านย่า เพราะผมวางแผนไว้นานแล้วว่า ถ้าเรียนจบก็จะรีบกลับมาเปิดบริษัทของตัวเอง แล้วบ้านคุณย่าอยู่ในเมือง ไปไหนมาไหนก็สะดวกกว่าบ้านสวน ก็เท่านั้นเอง ผมไปอาบน้ำนอนดีกว่า"
กษิดิฐเดินขึ้นบันไดไป ยศภัทรตะโกนพูดไล่หลัง
"ตากบ เคยได้ยินไหมว่า สายบัวมันตัดไม่ขาดเพราะมันมีสายใย...เนอะแม่เนอะ"
ยศภัทรหันมาที่รูปคุณย่ายอแสงที่ยืนยิ้มละมุนอยู่
กษิดิฐเดินเข้าห้องมาในห้องนอน แล้วคิดถึงคำที่คุณย่ายอแสงเคยบอกไว้ เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูจะอาบน้ำ ที่คอของกษิดิฐมีสร้อยเส้นหนึ่งแขวนแหวนวงหนึ่งไว้ เขาหยุดยืนที่หน้ากระจกมองสร้อยที่คอ แล้วหยิบแหวนที่ห้อยคอขึ้นมามอง
ย้อนกลับไป ในเวลาเช้า วันแต่งงาน เมื่อ 3 ปีก่อน แหวนวงเดียวกับที่กษิดิฐแขวนไว้ที่คอ กำลังถูกสวมเข้าไปในนิ้วของกษิดิฐโดยมีนลินเป็นคนสวมให้ ทั้งคู่นั่งอยู่คู่กันท่ามกลางสินสอดทองหมั้น คุณย่ายอแสงนั่งเป็นประธาน แล้วจับมือทั้งสองคนมาประสานกัน
"กบ ต่อไปนี้หนูบัวเป็นสมบัติชิ้นสำคัญของกบ กบต้องใช้ชีวิตและหัวใจดูแลและปกป้องหนูบัว อย่าให้ใครมาทำร้ายหนูบัวทั้งกายและใจนะกบ สัญญากับย่านะ"
กษิดิฐมองแหวนในมือ แล้วหันไปมองรูปคุณย่ายอแสงที่ตั้งที่โต๊ะข้างเตียง
"กบไม่เคยผิดสัญญา แต่มันผ่านไปสามปีแล้ว บัวอาจจะมีคนที่อยากให้ดูแลเขาแทนกบแล้วก็ได้"
กษิดิฐหันไปมองหน้าต่างห้องนอนนลิน
ต้นรักริมรั้ว ตอนที่ 1 (ต่อ)
ในห้องนอนนลิน เธออาบน้ำแล้วนั่งอยู่บนเตียง สีหน้าเครียดคิดเรื่องปราณ ก่อนก้มมองมือตัวเอง แล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ ขณะที่เอื้อมไปหยิบกาแฟ แก้วเดียวกับติณณ์
นลินถอนใจเครียด แล้วหันไปมองรูปคุณย่ายอแสง
"คุณย่าขา บัวอยากไปทำงานที่เกาหลีจริงๆนะคะ บัวขอให้คุณย่าดลใจคุณปราณไม่ให้บอกเรื่องคืนนี้กับคุณอณุกาเลยนะคะคุณย่า"
ภายในบ้านอณุกาปิดไฟมืด ปราณหน้าตาเขียวช้ำค่อยๆเดินย่องเข้าบ้านไม่ให้อณุการู้ว่าตัวเองกลับมาแล้ว ทันใดนั้น ไฟในบ้านสว่าง อณุกายืนอยู่ที่สวิตช์ไฟ
"ทำไมกลับเอาป่านนี้ ฉันบอกแล้วไงว่าให้กลับไม่เกินเที่ยงคืน"
"ขอโทษครับคุณณุกา พอดีลูกค้าเขาติดลมน่ะครับ เดี๋ยวผมขอ ไปอาบน้ำก่อนนะ วันนี้เหนื่อยมากเลย"
ปราณก้มหน้าจะเดินผ่านอณุกาอย่างผิดปกติจึงสงสัย เธอดึงมือให้ปราณหันหน้ามาเห็นรอยเขียวช้ำก็ตกใจ
"หน้าไปโดนอะไรมา"
ปราณทำหน้าอึกอักไม่กล้าบอก
"เอ่อ...คือ..."
เช้าวันรุ่งขึ้น ภายในห้องนอน นลินกำลังแต่งตัวอยู่ด้วยสีหน้ากังวลกับเรื่องของปราณ เธอยกมือไหว้ภาวนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
"ขอให้วันนี้บัวได้ข่าวดี ได้เลื่อนตำแหน่ง เหตุการณ์ร้ายๆใดๆขอให้ผ่านแล้ว ก็ขอผ่านเลยด้วยเถิด สาธุ"
"กบจะรีบตื่นไปไหนแต่เช้าน่ะลูก" เสียงกมลาดังแว่วขึ้นมา
นลินรีบเดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองลงไปทางบ้านกษิดิฐ
"จะไปแถวสาทรครับแม่"
นลินทำหน้าตกใจแล้วคิด
"สาทร ! อย่าบอกนะว่านายกบจะไปบอกคุณอณุกาเรื่องเมื่อคืน"
นลินตะโกนออกไปทางหน้าต่าง
"นายกบ ! รอบัวด้วย"
นลินจะวิ่งออกจากห้องแต่ส่องกระจกเห็นว่าผมตัวเองยังเปียกอยู่ จึงรีบหยิบไดร์มาเป่าผมอย่างเร่งร้อนเพื่อความสมบูรณ์แบบตามสไตล์ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า
กษิดิฐในชุดนอนยืนสูดอากาศอยู่กับยศภัทร กมลากำลังตัดดอกกล้วยไม้ ที่เลี้ยงไว้ข้างบ้านเพื่อไปใส่บาตรตอนเช้า กลมามองขึ้นไปทางห้องนอนนลิน แล้วพูดกับลูกชาย
"เมื่อกี้เสียงหนูบัวบอกให้กบรอใช่ไหมลูก"
กษิดิฐทำหน้าซื่อ
"อ้าว ...เหรอครับ ได้ยินเสียงปรี๊ดๆนึกว่าเสียงเปรต ขอส่วนบุญ"
กมลาตีแขนลูกชาย
"ตากบนี่ ปากคอเลาะร้ายเหมือนพ่อไม่มีผิด"
ยศภัทรแกล้งหยิกแก้มกมลา
"ไม่ใช่เพราะพ่อปากร้ายเหรอจ้ะ แม่ถึงตกเป็นของพ่อ"
กมลาตีแขนยศภัทร
"รีบไปใส่บาตรเร็ว"
กมลาเดินถือถาดดอกไม้ออกไป
ยศภัทรหันไปพูดกับกษิดิฐ
"แล้วแกจะไปแถวสาทรทำไม"
กษิดิฐทำยียวน ก่อนเดินเข้าบ้านไป
เมื่อคืนพ่อบอกว่าพ่อรู้ใจผม งั้นพ่อก็ต้องรู้สิว่าผมจะไปแถวสาทรทำไม"
ยศภัทรมองกษิดิฐอย่างเซ็งๆ
"มันยียวนเหมือนใครวะ"
"เหมือนแกไง"
ยศภัทรชะงัก แล้วรีบชะโงกหน้าข้ามรั้วไปดูว่า ใช่เสียงชลัชพูดรึเปล่า
ยศภัทรชะโงกหน้าที่ริมรั้ว แล้วมองหาชลัช แต่ไม่เจอใคร ยศภัทรผลุบหายไปหลังรั้วบ้านตัวเองเหมือนเดิม
"สงสัยจะเป็นเสียงเปรตมาขอส่วนบุญอย่างที่ตากบมันว่า เดี๋ยวทำบุญไปให้เน้อ"
ชลัชเดินออกมาจากหลังต้นไม้ มองไปทางรั้วบ้านยศภัทรอย่างไม่พอใจ
"ฉันน่าจะทำบุญให้พวกนายมากกว่า จะได้ไปผุดไปเกิดไกลๆครอบครัวฉันสักที"
นันทิดาเดินเข้ามา เห็นชลัชพูดกับรั้วบ้าน เลยแกล้งแซว
"งานเครียดมากเหรอคะคุณ มีอะไรระบายกับดาก็ได้ กำแพงฟังคุณไม่รู้เรื่องหรอก"
ชลัชชะงัก ก่อนรีบเปลี่ยนเรื่อง
"ไม่มีอะไรนี่ คุณจะไปตักบาตรเหรอ งั้นไปสิ"
ชลัชเดินนำไป นันทิดามองตามชลัชแล้วแอบขำ
"แหม บรรยากาศเดิมๆกำลังจะกลับมาแล้ว เหลือแค่รอให้..."
นันทิดาเงยขึ้นไปมองหน้าต่างห้องนอนกษิดิฐกับหน้าต่างห้องนอนนลิน
"มาคู่กัน"
นันทิดายิ้มอย่างมีความสุขแล้วเดินตามชลัชไป
หน้าบ้านกษิดิฐ ทั้งชลัช นันทิดา ยศภัทร กมลากำลังนั่งรับพรกับพระอยู่
"อายุ...วัณโณ...สุขขัง...พลัง"
"สาธุ"
ทุกคนยกมือไหว้สาธุ พระเดินออกไป ยศภัทรพูดกับกมลา
"แม่รู้ไหมว่าพอใส่บาตรเสร็จ ภารกิจต่อไปที่ต้องทำ คือ..."
"ไปกรวดน้ำไงพ่อ"
"ผิด ! ต้องอัพสเตตัสเฟสบุ๊กเอาบุญมาฝากทุกคนต่างหาก"
ชลัชพูดลอยๆ
"เก็บบุญไว้ให้ตัวเองดีกว่ามั้ง"
"ผมเป็นคนมีน้ำใจครับ มีอะไรก็เผื่อแผ่ คุณชลัชวิศวกรใหญ่ อยากได้บ้างไหมครับ เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงเปรตขอส่วนบุญจากบ้านคุณด้วย เป็นเสียงผู้ชาย แก่ ! แก่ ! เดี๋ยวผมกรวดน้ำไปให้..."
ชลัชฉุนที่โดนยศภัทรหลอกด่าเป็นเปรตขอส่วนบุญ
"ไม่ต้อง !"
ชลัชหันไปพูดกับนันทิดา
"ผมไปทำงานก่อนนะ เพิ่งทำบุญไป ไม่อยากทำบาป"
ชลัชจะเดินไป นลินวิ่งรีบร้อนออกมา
"ลูกบัวมาพอดี ตกลงวันนี้รถลูกบัวยังเข้าอู่อยู่ใช่ไหม งั้นเดี๋ยวพ่อไปส่ง"
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวบัวไปกับกบ"
ชลัชชะงัก
"อ้าว !"
"สงสัยท่านวิศวกรใหญ่ต้องเอาปูนมาเทซ่อมหน้าตัวเองแล้วล่ะ เช้านี้หน้าแตกไปหลายแผล ฮ่าๆๆ" ยศภัทรแซว
กมลาตีแขนยศภัทร
"คุณนี่"
กษิดิฐขับรถออกจากบ้าน
"กบ ! รอด้วย"
นลินเดินไปขึ้นรถ กษิดิฐขับรถออกไป ชลัชมองตามรถอย่างไม่พอใจ
"ทำไมลูกบัวต้องไปกับนายกบด้วย"
"มันเป็นเรื่องของโชคชะตา" นันทิดาบอก
"โว้ว" ชลัชเซ็ง
ชลัชเดินหงุดหงิดออกไป นันทิดาหันไปยิ้มกับกมลาและยศภัทร
ภายในรถนลินจ้องหน้าเอาเรื่องกษิดิฐ
"กบจะไปแถวสาทรทำไม"
กษิดิฐพูดนิ่งๆ
"ไปธุระ"
นลินมองกษิดิฐอย่างคาดคั้น
"บัวไม่เชื่อ! กบเพิ่งกลับมา จะไปมีธุระอะไร กบจะไปบอกคุณอณุกาเรื่องเมื่อคืนใช่ไหม"
กษิดิฐคันปาก อยากจะบอกว่า ตัวเองอยากจะบอกทุกอย่างกับอณุกามากเพื่อให้นลินออกห่างจากปราณ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะรู้ว่านลินต้องโวยวายแน่ๆ
"เปล่า กบไปธุระจริงๆ"
"ธุระอะไร"
กษิดิฐแกล้งล้อ
"เอาแล้วไง วิญญาณเมียเข้าสิง ซักอย่างกับระแวงว่า ผัวจะไปหาเมียน้อยเลย"
"นายกบ"
"เอาน่า ธุระอะไร เดี๋ยวบัวก็รู้เองแหละ"
นลินระแวงว่ากษิดิฐคิดจะทำอะไร เขาเลี้ยวรถเข้าปั๊ม
"กบเข้าปั๊มทำไม น้ำมันยังไม่หมดสักหน่อย"
"กบหิวน้ำ"
"จะมาหิวน้ำอะไรตอนนี้ รีบไปเร็ว เดี๋ยวบัวสาย"
"นี่แม่คุณ มาอาศัยนั่งรถเค้าแล้วยังจะบังคับไม่ให้เค้าซื้อน้ำอีกเหรอ ถ้ารอได้ก็รอ ถ้ารอไม่ได้ก็นั่งมอเตอร์ไซต์ไปก่อนเลย"
"ไม่ บัวจะไปกับกบ บอกตรงๆว่าบัวไม่ไว้ใจกบ"
"ตามใจ"
กษิดิฐเปิดประตูลงรถแล้วเดินเข้ามินิมาร์ทไป นลินนั่งรอในรถแล้วมองไปรอบๆแล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นติณณ์ยืนอยู่ข้างรถตัวเองซึ่งพนักงานกำลังเติมน้ำมันให้รถติณณ์อยู่
"คุณติณณ์ ขืนให้คุณติณณ์เจอนายกบ นายกบต้องพูดบ้าๆให้คุณติณณ์รู้เรื่อง แต่งงานแน่ๆ"
นลินรีบเอนเบาะนั่งให้เป็นราบนอนเพื่อหลบติณณ์
นลินนอนนิ่งบนเบาะที่เอนราบ แล้วแอบมองติณณ์จากทางกระจกข้าง กษิดิฐเปิดประตูมินิมาร์ทแล้วโผล่หน้าออกมาตะโกนเรียก
“บัว ขอยืมเงินหน่อย กบซื้อของกินเพิ่มแล้วเงินไม่พอ”
นลินลดกระจกลงนิดเดียวเพราะกลัวติณณ์จะมองเห็น เธอตะโกนพูดกับกษิดิฐ
“ก็มาเอาไปสิ”
เขากวักมือเรียกเธอพร้อมตะโกนเรียก
“บัวนั่นแหละ เอาเงินมาให้หน่อย เร็ว ! คนเค้ารอคิวจ่ายเงินอยู่”
“ไม่ไป ! ถ้าอยากได้ก็มาเอาเอง”
“จะไม่เอามาให้ใช่ไหม”
กษิดิฐแกล้งเรียกเสียงดัง
“เมียจ๋า เอาเงินให้ผัวหน่อย ผัวเงินไม่พอ ! ออกมาเร็วๆ สิจ้ะเมียจ๋า”
นลินโมโห พึมพำ
“นายกบ เพราะปากอย่างนี้ไง ถึงไม่อยากให้นายเจอคุณติณณ์ เอายังไงดีเนี่ย”
นลินแอบมองจากทางกระจกหลังว่า ติณณ์มองมาทางนี้หรือเปล่า
ติณณ์ยืนรอเติมน้ำมันอยู่กำลังมองมาทางรถกษิดิฐ เด็กปั้มเดินเอาสลิปบัตรเครดิตมายื่นให้ติณณ์ก่อน เขาไม่ทันหันไปมองทางกษิดิฐ หันมารับสลิปจากเด็กปั๊มแล้วก้มหน้าเซ็นต์
กษิดิฐยังยืนคาประตูมินิมาร์ทตะโกนเรียกนลิน
“ได้ยินไหมเมียจ๋า ผัวขอเงินหน่อย”
นลินชี้หน้าอาฆาต แล้วแอบมองติณณ์ที่กระจกข้าง พอเห็นเขาก้มหน้าเช็นต์ชื่ออยู่ก็ตัดสินใจลงจากรถ รีบวิ่งไปคว้าแขนกษิดิฐ แล้วลากเข้ามินิมาร์ททันที
ติณณ์เงยหน้ามองไปทางรถกษิดิฐ นลินลากกษิดิฐเข้าไปในมินิมาร์ทอย่างฉิวเฉียด เด็กปั้มเดินเอาบัตรเครดิตมาคืนให้ ติณณ์รับแล้วเดินอ้อมไปขึ้นรถ ก่อนขับผ่านท้ายรถกษิดิฐออกไป
นลินมองรถติณณ์ที่ขับออกไปก็โล่งใจ กษิดิฐยืนมองอยู่ข้างหลัง อยากรู้ว่า นลินมองอะไร เขาแกล้งแซว
“แอบมองผู้ชายเหรอ”
นลินหันมาโวยใส่
“ไม่ต้องมาแซวเลย ถ้ากบยังทำบัวขายหน้าอย่างเมื่อกี้อีกล่ะก้อ บัวจะไม่พูดกับกบอีก รีบไปจ่ายเงินสิ บัวสายแล้วนะ”
กษิดิฐเซ็ง
“จะไปจ่ายยังไงล่ะจ้ะ คุณนายบัวยังไม่ให้เงินกบเลย”
นลินนึกได้แล้วยิ้มแหยๆ
“อุ้ย...ขอโทษ”
นลินล้วงกระเป๋าจะหยิบเงิน แต่หากระเป๋าเงินไม่เจอ เธอพยายามค้นกระเป๋า
“กระเป๋าเงินไปไหนอ่ะ”
“ลืมไว้ที่บ้านรึเปล่า”
“ไม่นะ บัวยังไม่ได้เอากระเป๋าตังค์ออกจากกระเป๋าเลย”
“อ้าว แล้วกระเป๋าตังค์จะหายไปได้ยังไง”
นลินคิดทบทวนว่า ตัวเองไปไหนมาไหนมาบ้าง หรือว่า หายไปตอนที่โดนปราณพาเข้า โรงแรมม่านรูดเมื่อคืน นลินชะงัก
“หรือว่า....!”
อณุกาเดินเข้าทำงานมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด หน้าปราณยังมีรอยเขียวช้ำ ทรายแก้วเดินถือแฟ้มรายงานเข้ามา แล้วเหลือบมองหน้าปราณ
“อุ้ย...หน้าคุณปราณไปโดนอะไรมาคะ”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
ทรายแก้วแอบทำหน้าเซ็งกับอาการผยองของปราณ อณุกาพูดเสียงหงุดหงิด
“นลินมารึยัง”
"ยังเลยค่ะ"
"รีบโทรตามตัวมาพบฉันเดี๋ยวนี้ ! ฉันมีเรื่องต้องคุยกับนลิน"
"ได้ค่ะ"
ทรายแก้วเดินไปที่ประตูพร้อมพึมพำกับตัวเอง
"ไปหงุดหงิดเรื่องอะไรกันมาเนี่ย"
อณุกามองหน้าปราณด้วยอารมณ์หงุดหงิด ปราณก้มหน้า
กษิดิฐขับรถเข้ามาจอดส่งนลินที่หน้าตึกภัทร แอดเวอร์ไทซิ่ง เธอลงจากรถด้วยสีหน้ากังวล เธอพนมมือภาวนา
"เพี้ยง...ขออย่าให้กระเป๋าตังค์ตกในรถคุณปราณเลย"
กษิดิฐลงจากรถมามองนลินอย่างเซ็งๆ
"อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ก็แค่ออกจากบริษัทเก่า แล้วก็ไปทำงานบริษัทใหม่เท่านั้นเอง"
ดารินทร์ มัญจาเดินเข้ามาหานลินพร้อมกับมนัญญา
"บัวมาพอดีเลย มีเรื่องจะเมาท์ให้ฟัง"
เธอหันไปมองเพื่อนๆที่เดินตามมา เห็นหน้ามนัญญา ทำให้เธอคิดถึงเรื่องที่ปราณบอกว่าเป็นคนเอามือถือของมนัญญาไป จนทำให้ มนัญญาไม่มีหลักฐานและต้องโดนอณุกาไล่ออกเธอเครียด คิดว่ากำลังจะโดนเป็นรายต่อไปรึเปล่า
"เป็นยังไงบ้างนัญ"
"อย่าให้นัญพูดเลยพี่บัว พูดแล้วเธอจะอึ้ง" มัญจาบอก
"มีอะไรเหรอ"
นลินกับกษิดิฐมองหน้ามัญจา ดารินทร์ มนัญญาอย่างสงสัย
กษิดิฐ นลินเดินมาพร้อมฟังดารินทร์ มัญจา เล่าเรื่องมนัญญาแล้วก็อึ้ง
"คุณอณุกาเนี่ยนะ ล๊อบบี้ทุกบริษัทไม่ให้รับนัญเข้าทำงาน"
"ใช่ค่ะพี่บัว ขนาดบริษัทเล็กๆ ที่เช่าตึกแถวเป็นออฟฟิศน่ะ เขายังไม่รับนัญเลย นัญไม่เคยคิดเลยว่าคุณอณุกาจะใจร้ายขนาดนี้ พี่บัวต้องระวังตัวนะคะ อยู่ห่างๆนายปราณไว้ นัญไม่ อยากให้คนเก่งๆอย่างพี่บัวต้องเสียอนาคตเพราะผู้ชายเลวๆคนนั้น"
กษิดิฐพึมพำ
"เตือนช้าไปแล้ว"
นลินถลึงตาปรามกษิดิฐ
"อะไรนะคะ"มนัญญาว่า
นลินรีบพูดตอบแทนกษิดิฐ
"ไม่มีอะไรหรอกนัญ"
"งั้นนัญไปก่อนนะคะ นัญแวะมาเล่าความร้ายกาจของคุณอณุกาเท่านี้แหละค่ะ"
มนัญญายกมือไหว้ลาทุกคนแล้วเดินไป นลินหันไปพูดกับกษิดิฐ
"เห็นรึยังกบว่าแค่ลาออก เรื่องมันก็ไม่จบ"
"บอกความจริงก็ไม่ได้ ลาออกก็ไม่ได้ แล้วจะทำยังไงต่อ"
ดารินทร์รีบพูด
"มีแฟน"
กษิดิฐชะงัก
"หือ"
นลินรีบพูดแทรกไม่ให้กษิดิฐสงสัย
"ก็สู้ต่อไงกบ บัวจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาโอกาสของบัวไว้"
ดารินทร์กับมัญจามองทั้งคู่อย่างงงๆว่าคุยเรื่องอะไรกัน
"ในฐานะที่พี่มีประสบการณ์ทำงานที่นี่มาก่อน บอกพี่ได้ไหมว่า คุยเรื่องอะไรกันเหรอ" ดารินทร์ถาม
"เดี๋ยวบัวเล่าให้ฟัง"
นลินหันไปทางกษิดิฐ
"ไหนกบบอกจะไปทำธุระไง รีบไปสิ"
"แหม...ไล่จังเลย กลัวใครเห็นกบมากับบัวรึไง"
นลินชะงักแล้วทำปกติกลบเกลื่อน
"ก็เห็นบอกมีธุระนี่ รีบไปสิ บัวจะไปทำงานแล้ว"
"เดี๋ยวเย็นนี้กบมารับนะ"
นลินรีบตอบทันที
"ไม่ต้อง บัวกลับเอง"
นลินลากดารินทร์กับมัญจาเดินไปที่ลิฟท์ กษิดิฐมองตามแล้วคิด
"แปลกๆนะ ขนาดเจอคนพาเข้าม่านรูดก็ยังไม่ยอมออก แถมยังไม่อยากให้ใครเห็นเรา...หรือว่าบัวแอบชอบใครที่นี่ สงสัยกบจะปล่อยหลานสาวคุณย่าห่างสายตาไม่ได้แล้วล่ะสิ"
กษิดิฐคิดจะทำอะไรสักอย่าง
กษิดิฐเดินมาหาพนักงานประชาสัมพันธ์ที่เคาน์เตอร์
"ขอโทษนะครับ ยังมีออฟฟิศให้เช่าอยู่มั๊ยครับ"
นลินเดินเล่าเรื่องปราณให้ดารินทร์กับมัญจาฟังจนมาถึงหน้าลิฟท์
มัญจาอึ้งถาม
"จริงเหรอบัว"
"โชคดีนะเนี่ยที่คุณกบไปช่วยบัวทัน" ดารินทร์ว่า
"วันนี้เป็นวันที่บัวควรจะได้ฟังข่าวเลื่อนตำแหน่งแท้ๆ แต่ต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้"
"บัวรีบไปหาแฟนซะ ! เชื่อพี่ว่าถ้าคุณอรุการู้ว่าบัวมีแฟน คุณอณุกาต้องไม่เอาเรื่อง" ดารินทร์ว่า
"จะให้บัวไปเอาใครที่ไหนเป็นแฟนตอนนี้ล่ะคะ"
ประตูลิฟท์เปิด นลินเดินนำเพื่อนเข้าลิฟท์ไป เธอกดประตูลิฟท์ปิด
"ไปด้วยครับ"
นลินรีบกดเปิดประตูลิฟท์ทันที ติณณ์ถือแฟ้มงานและ หนังสือธุรกิจภาษาอังกฤษและสะพายกระเป๋าโน้ตบุ๊คเพิ่งมาทำงาน
นลินกับติณณ์มองหน้ากัน ชะงักกันไปนิดนึง ดารินทร์กับมัญจาแอบยิ้มและกระซิบให้กัน
"คนนี้ไง"
ติณณ์แอบประหม่านิดนึง แล้วรีบกลบเกลื่อนอาการ เข้าไปยืนข้างนลินในลิฟท์ และประตูลิฟท์ปิดลง
นลิน ติณณ์ยืนอยู่ในลิฟท์ต่างคนต่างยืนนิ่งๆไม่กล้าพูดอะไรกัน มัญจากับดารินทร์มองทั้งคู่แล้วแอบยิ้มกัน
"บัวมีอะไรจะถามคุณติณณ์ไม่ใช่เหรอ"
นลินมองมัญจาอย่างงงๆ
"ถามเรื่องอะไร"
"ก็เรื่องที่บัวอยากรู้ว่าคุณติณณ์ไปเกาหลีกี่โมงไง" มัญจาบอก
นลินมองมัญจาอย่างดุๆว่า พูดเรื่องบ้าอะไรเนี่ย มัญจาเอาไหล่กระแทกไหล่เพื่อน
"ถามสิ"
นลินยิ้มอายที่มัญจาทำแบบนี้
"เครื่องผมออกห้าทุ่มครับ"
มัญจาแกล้งล้อ
"ให้บัวไปส่งมั๊ยคะ"
"มิ้นท์" นลินปราม
นลินยิ้มให้ติณณ์แล้วเงียบไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ติณณ์เองก็เงียบไปเหมือนกัน
นลินมองตัวเลขแสดงชั้นลิฟท์แล้วแอบเหลือบมองติณณ์ เห็นติณณ์นิ่ง นลินจึงหันกลับมา มองที่หน้าจอแสดงตัวเลขต่อ ติณณ์ยืนแอบเหลือบมองนลิน ทั้งคู่แอบเหลือบมองกันไปมา จนสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็ชะงัก แล้วต่างหันไปมองทางอื่น
ดารินทร์กับมัญจาแอบขำเพื่อน
ติณณ์เดินเลี้ยวมุม ยืนพิงกำแพง หายใจเข้าออกเพื่อข่มความตื่นเต้นแล้วขำตัวเอง
"เป็นเอามากนะเรา"
นลินมองเพื่อน 2 คนอย่างดุๆ
"แหม..เป็นลูกคู่กันดีจริงๆนะ"
"อ้าว แล้วไม่ดีเหรอ เมื่อวันก่อนได้จับมือ วันนี้ได้จับไทด์"
"ในฐานะที่พี่มีประสบการณ์ทำงานที่นี่มาก่อน พี่อยากจะยุให้บัวขอคุณติณณ์เป็นแฟนจริงๆ แต่พี่กลัวว่าเรื่องจะไปกันใหญ่ เพราะคุณอณุกาก็หวงน้องชายเหมือนกัน" ดารินทร์บอก"เพราะฉะนั้นทางเดียวที่บัวจะพิชิตคุณติณณ์ได้ คือต้องไปทำงานที่เกาหลีแล้วแอบคบกับคุณติณณ์ที่นั่น" มัญจาบอก
นลินถอนใจ
"เลิกพูดเรื่องนั้นเถอะค่ะ ความหวังของบัวมันเลือนลางลงทุกที"
สารัชวิ่งเข้ามา
"คุณบัวครับ คุณอณุกาเรียกหาน่ะครับ คุณอณุกาให้คนโทรตามหลายรอบแล้ว แต่คุณบัวไม่รับสาย"
นลินตกใจ รีบหามือถือในกระเป๋า
"เหรอ บัวไม่เห็นได้ยินเสียงมือถือเลย อ้าว ... สงสัยมือถือบัวตกในรถกบตอนบัวหา กระเป๋าตังค์แน่ๆเลย ทำไมมีแต่เรื่องซวยอย่างนี้เนี่ย"
"เอาน่า...มันอาจจะไม่ได้ซวยอย่างที่คิดก็ได้" มัญจาบอก
นลินมองไปทางห้องอณุกาแล้วสูดหายใจตั้งสติ
"เดี๋ยวก็รู้ว่าจะซวย หรือไม่ซวย"
นลินมองดารินทร์กับมัญจาแล้วเดินไปทางห้องอณุกา
นลินเปิดประตูเข้ามาแล้วมองไปที่อณุกา ปราณนั่งอยู่ด้วย นลินชะงักนิดนึง แล้วพยายามทำตัวให้เป็นปกติ
"นั่งก่อนสิ"
นลินเดินเข้าไปนั่งอย่างกลัวๆ
"ท่าทางเธอดูเครียดนะ"
"เอ่อ...ค่ะ"
"ฉันเข้าใจว่าเรื่องอย่างนี้ เป็นใครก็เครียด"
"เอ่อ...ค่ะ"
"ตกลงเธอรู้แล้วใช่ไหมว่าฉันเรียกเธอมาคุยเรื่องอะไร"
"เอ่อ...คือ บัวก็ไม่แน่ใจค่ะ"
"เหรอ งั้นฉันจะบอกให้ ฉันเรียกเธอมาคุยเรื่อง..."
อณุกาหันไปทางสามี
"ปราณ"
นลินมองหน้าอณุกาอย่างอึ้งๆ
มัญจากับดารินทร์ยืนด้อมๆมองๆที่หน้าห้องทำงานอณุกาอย่างเป็นห่วง
"บัวจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย"
"เอาน่าพี่รินทร์ อย่างน้อยเรื่องของบัวยังดีกว่านัญตรงที่มีกบเป็นพยานได้"
ดารินทร์หน้าเสีย
"ในฐานะที่พี่มีประสบการณ์ทำงานที่นี่มาก่อน พี่บอกได้เลยว่าไม่รอด"
ในห้องทำงาน นลินมองหน้าอณุกาแล้วมองหน้าปราณ
"ปราณ... ฉันบอกให้เธอหยิบแฟ้มนั่นมาให้หน่อย ไม่ได้ยินรึไง"
"ขอโทษครับ ... พอดีผมคิดเรื่องที่เราจะคุยกับคุณบัวเพลินไปหน่อย"
นลินพยายามตั้งสติเพื่อตั้งรับกับเรื่องที่จะเกิดขึ้น ปราณหยิบแฟ้มงานยื่นให้ อณุกายื่นต่อให้นลิน
"ที่ฉันรีบเรียกเธอมาก็เพราะเรื่องงานนี่แหละ"
นลินเปิดแฟ้มดูแล้วถามย้ำอณุกาอีกครั้ง
"คุณอณุกาเรียกบัวมาเรื่องนี้เหรอคะ"
"ก็ใช่น่ะสิ เมื่อวานฉันเสนอชื่อกับผลงานเธอให้หุ้นส่วนสาขาเกาหลีดูแล้ว พวกเขาโอเคนะ แต่ติดที่เธอยังไม่คุณวุฒิด้านตำแหน่งงานเพียงพอ เขากลัวว่าจะเลื่อนจากคนตำแหน่งเล็กๆอย่างเธอขึ้นไปอยู่ตำแหน่งใหญ่เลย ก็กลัวจะ ข้ามหน้าข้ามตาคนอื่นไป ฉันก็เลยจะให้เธอโชว์ฝีมือเพื่อพิสูจน์ให้คนอื่น เห็นว่าเธอสมควรจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าทีมครีเอทีฟ"
นลินดีใจ
"งั้นก็หมายความว่าบัวจะได้เป็นหัวหน้าครีเอทีฟเหรอคะ"
"มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะสามารถคิดแคมเปญโฆษณาประกันภัย ชิ้นนี้ให้เสร็จภายในคืนนี้ได้รึเปล่า"
นลินชะงัก
"คืนนี้เลยเหรอคะ"
"ใช่ ! พรุ่งนี้ตอนสิบโมงเช้า ลูกค้าและหุ้นส่วนจะมาฟังเธอพรีเซนต์ และถ้างานถูกใจลูกค้าเจ้าของผลงานก็ได้ตำแหน่ง หัวหน้าทีมครีเอทีฟแล้วก็รอแพ็กกระเป๋าไปทำงานที่สาขา เกาหลีกับติณณ์ได้เลย"
นลินดีใจที่สุด
"ขอบคุณค่ะคุณอณุกา บัวจะทำให้เต็มที่เลยค่ะ"
นลินมองอณุกาที่ยิ้มด้วยท่าทีเป็นมิตร เหมือนไม่ได้รู้เรื่องอะไรของนลินและปราณเลย
นลิน ดารินทร์ มัญจากอดคอกันดีใจที่โต๊ะทำงานของนลิน สารัชจะเนียนเข้าไปกอดบ้าง มัญจาผลักสารัชจนกระเด็น
"เนียนแหละนายสารัช !"
"ก็ผมดีใจกับคุณบัวด้วยนี่ครับ"
ดารินทร์พูดกับนลิน
"พี่บอกแล้วว่าบัวเป็นคนดี บัวตั้งใจทำงาน มันต้องเห็นผลดี"
"แต่บัวก็ยังสงสัยว่าทำไมคุณปราณถึงไม่ฟ้องคุณอณุกา"
สารัชเสนอหน้า
"ฟ้องอะไรเหรอครับ"
มัญจาผลักสารัชออกไป
"เรื่องของผู้หญิง นายไปทำงานต่อเลย ไม่งั้นชั้นจะฟ้องว่าที่หัวหน้าทีมให้ลดเงินเดือนนาย... หัวหน้าค่ะ นายสารัชอู้งานค่ะ"
นลินขำ สารัชเดินหน้าจ๋อยออกไปทำงานต่อ
"ในฐานะที่พี่มีประสบการณ์ทำงานที่นี่มาก่อน พี่ว่าที่คุณปราณไม่กล้าฟ้อง อาจจะกลัวคุณกบก็ได้นะ เห็นทรายแก้วบอกว่า หน้าคุณปราณเขียวช้ำเลยไม่ใช่เหรอ"
"แหม...นายกบนี่กลับมาถูกเวลาจริงๆ บัวจำตอนที่พี่อนัทธแอบตามไปส่งบัวที่บ้านแล้วมีเรื่องกับพวกมอเตอร์ไซต์ได้ไหม นายกบก็เป็นคนช่วยบัวเหมือนอย่างนี้เลย. ..นายกบเกิดมาเพื่อคุ้มครองบัวจริงๆ" มัญจาว่า
นลินชะงักคิดถึงกษิดิฐ แต่หัวใจตอนนี้ดีใจเรื่องงานมากกว่า
"นี่บัวไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ตกลงคุณอณุกาไม่เอาเรื่องบัวจริงๆใช่ไหมพี่รินทร์ มิ้นท์"
"ในฐานะที่พี่มีประสบการณ์ทำงานที่นี่มาก่อน..ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณอณุกาพูดว่า เธอรู้จักฉันน้อยไป เหมือนที่เขาทำใส่ยายนัญ เมื่อนั้นแหละ มีเรื่อง ! แต่นี่คุณอณุกาไม่พูดแบบนั้นกับบัว.. แปลว่าสถานการณ์สงบ"
อณุกาโยนกระเป๋าตังค์ของนลินลงบนโต๊ะด้วยความหงุดหงิด กระเป๋าตังค์เปิดออกจนเห็นรูปของนลินที่พกติดไว้ด้านในกระเป๋า
"ถ้าไม่ใช่เพราะลูกค้าโทรมาสั่งให้ยัยนลินเป็นคนคิดแคมเปญนั้น ฉันไม่เอามันลอยหน้าลอยตาอย่างนี้แน่"
"ใจเย็นๆนะครับ อย่างน้อยคุณบัวก็ทำงานเก่ง"
"ฉันไม่สน ! ผู้หญิงที่แกล้งเมาแล้วมายั่วสามีคนอื่นให้พาเข้าม่านรูด แต่พอผู้ชายไม่เล่นด้วย กลับไปร้องให้คนมารุมทำร้ายเธออย่างนี้ ฉันไม่เก็บไว้แน่"
"แต่คุณเพิ่งบอกไปเองนะครับว่าจะให้คุณบัวเป็นหัวหน้าทีมครีเอทีฟ"
"ฉันไม่ได้บอกสักคำว่าจะให้นลินเป็น ฉันพูดว่า ถ้างานถูกใจลูกค้าเจ้าของผลงานก็ได้เป็นหัวหน้าทีม ถึงนลินจะคิดงานมาพรีเซนต์ แต่ถ้าฉันบอกว่ามันไม่ใช่ผลงานของนลิน แล้วใครจะทำอะไรได้ นลิน! เธอรู้จักฉันน้อยไป"
อณุกายิ้มเยาะ
อ่านต่อตอนที่ 2