กุหลาบไฟ ตอนที่ 11
จ่านิดเดินกลับมาที่โต๊ะตัวเอง รู้สึกหวั่นๆเสริมพงษ์อย่างประหลาด เขาเปิดลิ้นชักของตัวเองหาๆของ แล้วเขาก็เจอแฟ้มคดีต่างๆอีกชุด
“อ่า...ยังอยู่ดีนะรอบคอบซีร็อกเก็บไว้อีกชุด...มันต้องมีอะไรแป่งๆในนี้แน่ๆ”
จ่านิดยังไม่หยุดสงสัย
อรชรพาโยคีศิลาดำมาที่บ้าน
“เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไม”
“ก็อยากได้ตำราอะไรนั่นไม่ใช่รึไง ฉันว่าไศลาต้องมาที่นี่แน่”
สุทธิพงษ์เดินออกมาจากบ้าน ยังไม่หายดีนัก อรกระซิบโยคีศิลาดำ
“ออกไปก่อน น้องฉัน...ฉันจัดการเอง”
โยคีศิลาดำเดินหลบออกไป
“พี่อรพาใครมาน่ะ”
“เรื่องของฉัน แกนั่นแหละมาทำอะไรที่นี่”
“พี่ไศบอกให้พงษ์มาพักที่นี่จนกว่าจะหายดี”
“แล้วพี่ไศล่ะ กลับมารึยัง”
สุทธิพงษ์ส่ายหน้า
“มีเรื่องอะไรกันอีกล่ะ”
“ไม่ใช่เรื่องของแก”
“พี่อรเลิกหาเรื่องพี่ไศได้แล้ว พี่ไศเขาดีกับเรามากนะ”
“แกไม่ต้องมาสอนฉันแกไม่รู้หรอกว่าคนแสนดีอย่างมัน...ทำอะไรกับฉันไว้บ้าง”
“พี่อรนั่นแหละเอาแต่มองพี่ไศในแง่ร้าย”
“แกจะมองฉันว่าไงก็ช่าง แต่ฉันจะให้แกช่วยฉัน”
“พงษ์ไม่ยุ่งกับเรื่องไม่ดีแล้ว”
“ก็เอาซี๊ ถ้าอยากให้แฟนของแกเจ็บตัวละก็”
สุทธิพงษ์หน้าเสีย
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะเรื่อง ไก่น้อยแฟนของแกน่ะ”
สุทธิพงษ์ตกใจ
“พี่อรอย่าทำอะไรไก่น้อยนะ”
“ถ้าไม่อยากให้ฉันทำอะไรแฟนแก แกก็ต้องไปเอาของสำคัญจากพี่ไศมาให้ฉัน”
สุทธิพงษ์นิ่ง เครียด
“แกก็รู้ใช่มั้ยพงษ์ ว่าฉันไม่เคยแค่ขู่ใคร”
สุทธิพงษ์ถอนใจ
“จะให้เอาอะไร”
อรชรยิ้มพอใจ
ชูชิตเดินเข้ามาในบ้านดุลยศักดิ์หน้าระรื่น สมุนมากันไว้
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”
สมุนชักปืนขึ้นมาจ่อไปที่ชูชิต
“เดี๋ยวๆนี่มันเรื่องอะไรกัน”
“นายบอกพวกแกหมดประโยชน์แล้ว”
“อย่าเพิ่งยิงนะ อย่าเพิ่ง ฉันยังไม่หมดประโยชน์นะฉันๆยังช่วยนายได้อีกหลายเรื่องนะ”
“ช่วยได้หลายเรื่องเหรอ คนปัญญาอ่อนอย่างนายน่ะเหรอ”
“ใครจะคิดยังไงไม่รู้ แต่ฉันไม่เคยคิดหักหลังนายเลยนะ ถ้าหักหลังฉันจะยังอยู่ที่นี่เหรอ ฉันคงหนีไปตั้งนานแล้ว”
“ฉันไม่มีคำสั่งให้รับฟังคำต่อรอง”
“งั้นฉันคุยกับนายเอง อย่ายิงนะ ฉันโทรหานายเดี๋ยวนี้เลย นะ นะ ฉันต่อรองเอง”
ชูชิตลนลาน กลัวตาย หยิบโทรศัพท์โทรหาดุลยศักดิ์
“นายครับ...นาย อย่าฆ่าผมนะครับ ผมไม่เคยคิดหักหลังนายแม้แต่นิดเดียว นายก็รู้”
ดุลยศักดิ์ยิ้มเจ้าเล่ห์คุยโทรศัพท์กับชูชิต
“คนที่ไม่มีประโยชน์ฉันไม่จำเป็นต้องเก็บไว้”
“นายอยากได้อะไร ผมทำให้ได้หมดนะ อย่าบอกว่าผมไม่มีประโยชน์”
“คนโง่ๆอย่างแกจะทำอะไรได้”
“ไศลาไง นาย...นายอยากได้ตัวไศลามั้ย ผมพาไศลาไปหานายได้ ผมว่าไศลาน่าจะเป็นตัวการทั้งหมดเลย ผมไม่เกี่ยว”
“นั่นแกกำลังพูดถึงผู้หญิงที่แกบอกว่ารักอยู่นะ”
“ผมภักดีต่อนายมากกว่าใครทั้งนั้น ผมพาไศลาไปให้นายจัดการได้จริงๆนะ นายเชื่อผม ผมมีประโยชน์ นายอย่าฆ่าผมเลยนะ นะนาย”
ดุลยศักดิ์ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ขอคุยกับลูกน้องฉันหน่อย”
ชูชิตลนลานยื่นโทรศัพท์ให้สมุนของดุลยศักดิ์ที่เอาปืนจ่อตนอยู่ สมุนดุลยศักดิ์ฟังคำของดุลยศักดิ์
“ครับ...ครับนาย”
ชูชิตมองสมุนลุ้นๆ ไม่รู้ว่านายสั่งว่าอะไรกันแน่ เขาใจเต้นระรัว กลัว เกร็งไปหมดทั้งตัว สมุนเหนี่ยวไกปืน ดังกริ๊ก ชูชิตหลับตา กลัว ลน แล้วสมุนก็ดึงปืนเก็บ
“นายบอกให้แกไปจัดการพานังไศลา ไปหานายให้ได้ถ้าทำไม่ได้ก็เตรียมตัวตายซะ”
ชูชิตถอนหายใจโล่งอก
“ไปบอกนายนะว่าฉันทำได้แน่”
ธีรธรเก็บของส่วนตัวของตนลงกล่อง จ่านิดเดินเข้ามาหา
“ผู้กองจะพักไปนานแค่ไหนครับเนี่ย”
“ฉันก็ไม่รู้ แล้วแต่ผู้การ”
“ระหว่างนี้เดี๋ยวผมจะดูข้อมูลทุกอย่างไว้ให้”
“ขอบใจมากจ่า”
“ผู้กองคิดว่าเป็นคุณไศลาที่หักหลังเราจริงๆน่ะเหรอ”
“อย่าพูดชื่อคนๆนี้ให้ฉันได้ยินอีก”
“ถ้าไอ้ดุลยศักดิ์มันฉลาดขนาดนั้น การจะทำให้คุณไศลาดูไม่น่าเชื่อถือ อาจจะเป็นหนึ่งในแผนของมันก็ได้นะครับ ผมว่ามันแปลกๆมาตั้งแต่แรกที่อยู่คุณไศลาก็ขออาสาไปเสี่ยงเป็นสายให้เราแล้วล่ะ”
ธีรธรไม่กล้าคิดตามคำพูดของจ่านิด
“หรือไม่บางที...ก็อาจจะฝ่ายเราเองก็ได้นะ ที่มีหนอนบ่อนไส้”
ธีรธรไม่กล้าคิดอะไรตามมาก
ธีรธรนั่งในรถตัวเองเศร้าๆ เขานึกถึงวันที่อยู่ๆไศลาก็กระโดดขึ้นมาบนรถแล้วฝากให้เขาดูแลของบางอย่าง ธีรธรหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมาจากแจ็กเก็ต มองดู เขาเปิดหน้าต่างรถจะโยนทิ้ง แต่บางอย่างก็ทำให้เขาไม่ทิ้งมัน เปิดลิ้นชักหน้ารถแล้วโยนมันใส่ไปแทน
ค่ำคืนอันเงียบเหงา ธีรธรนั่งดื่มเหล้าแก้เครียด เขาคิดถึงไศลา รอยยิ้มและแววตาคู่นั้นของเธอ
“คนที่ยิ้มแบบนั้น ทำแบบนั้น จะเป็นคนที่หักหลังฉันได้ยังไง”
ธีรธรยกแก้วขึ้นดื่มอีก คิดไม่ตก
นิ่มนวลวางแท่งตรวจครรภ์ไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง เธอลุ้นแทบขาดใจ เดินไปเดินมาวิตกมาก นิ่มนวลไปหยิบแท่งตรวจครรภ์มาดู ปรากฏว่าเธอ “ท้อง” นิ่มนวลมองรูปชูชิตบนหน้าหนังสือพิมพ์ จับมาฉีกด้วยความโมโห แล้วก็ฟุบหน้าร้องไห้บนเตียง
“ทำไม...ทำไมเป็นแบบนี้”
ขณะที่กำลังเครียดจนแทบเสียสติ นิ่มนวลมองไปที่หน้าต่าง เห็นธีรธรกำลังดื่มเหล้าอยู่ที่ระเบียงบ้าน นิ่มนวลใช้ความคิดวางแผนบางอย่าง
นาถสุดาเปิดหนังสือพิมพ์ให้ไศลาที่มีข่าวหน้าหนึ่งของธีรธรหลา ไศลาดูแล้วหน้าเสีย เธอพยายามบิดกุญแจที่ล็อคเธออยู่ กุญแจมีแสงเรืองออกมา มันไม่ใช่กุญแจมือ ธรรมดา
“อย่าพยายามฉันลงอาคมไว้...ป่านนี้ไอ้ดุลยศักดิ์มันคงหัวเราะลั่นบ้านไปละ ที่หลอกคนโง่ๆได้”
ไศลาเป็นห่วงธีรธรมาก
“คุณธี”
“พวกแกน่ะ ประเมินไอ้ดุลยศักดิ์ต่ำไปแล้วมันมีตำรวจใหญ่คอยแบ็คอัพอยู่ คิดว่ามันจะไม่มีสาย แล้วทำอะไรโง่ๆรึไง”
“ใคร”
นาถสุดาจ้องหน้า
“เอาตำรามาให้ฉันสิ”
ไศลานิ่งเงียบ ไม่ต่อความยาวกับนาถสุดา
“ถ้าเราคุยกันดีๆไม่ได้ ฉันจะเริ่มทรมานเธอทีละน้อย”
ไศลานิ่ง
ธีรธรเมาหลับไปคาโต๊ะ นิ่มนวลเดินมาหา พยายามปลุก
“พี่ธี...พี่ธีมานอนอะไรตรงนี้คะ พี่ธี”
ธีรธรไม่ได้สติ นิ่มนวลยิ้ม...เข้าแผนของตน
“พี่ธีไปนอนในห้องนอนสิคะ”
นิ่มนวลประคองธีรธรลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ธีรธรเดินตามไป เมาไม่รู้เรื่อง
“นิ่มพาพี่ธีไปนอนในห้องนะคะ”
นิ่มนวลพาธีรธรเข้าไปในห้องนอนจับเขานอนที่เตียง ธีรธรหลับไม่รู้เรื่อง นิ่มนวลยิ้ม จัดให้เขานอนบนเตียงให้เรียบร้อย เธอจัดแจงผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหน้าให้ ถอดเสื้อ เช็ดตัวให้ นิ่มนวลไม่ลืมที่จะแง้มประตูไว้เพื่อให้คนมาเห็นแล้วนอนลงข้างๆเขาด้วยความรัก เธอกอดเขาอย่างมีความสุข
“นิ่มรักพี่ธีนะคะ”
นิ่มนวลยิ้มมีความสุข
ไศลาถูกล็อกสองมือไพล่หลัง นาถสุดาลากมาหาเทพ จับหัวเธอกดไปใกล้ๆเทพ ไศลาทั้งกลัวทั้งขยะแขยง
“ขอโทษเทพเดี๋ยวนี้”
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“เรื่องที่เธอฆ่าเขา”
“ไม่...ฉันไม่ได้ฆ่า”
นาถสุดากดไศลาไปติดหน้าเทพ
“ขอโทษเดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่ได้ฆ่า ต่อให้เธอฆ่าฉันให้ตายฉันก็จะตอบเหมือนเดิม”
นาถสุดาเริ่มลังเลในตัวไศลา
ธิดารัตน์นอนหลับอยู่บนเตียงในความมืด จู่ๆประตูระเบียงก็เปิดออก ลมเย็นโชยเข้ามาในห้อง เธอได้ยินเสียงแปลกๆ ก็ลืมตาขึ้นดู มองไม่เห็นอะไร ธิดารัตน์เปิดไฟหัวเตียงก็พบกับโยคีศิลาดำยืนทะมึนอยู่ เธอตกใจมาก
“แกเป็นใคร ต้องการอะไร”
“ไม่ต้องกลัวหรอกเด็กน้อย ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าถ้าไม่มีอะไรมาบังคับให้ข้าทำ”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“จริงๆมันก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับเจ้าเท่าไหร่หรอก แต่จะว่าไม่เกี่ยวเลยก็ไม่ใช่”
โยคีศิลาดำใช้พลังเพียงเบาะๆปล่อยใส่เท่านั้น ธิดารัตน์ก็สลบไปทันที
สุทธิพงษ์นั่งหน้าเครียดเกี่ยวกับเรื่องที่พี่สาวบังคับให้เขาต้องไปทำ อรชรเดินเข้ามาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ
“แกรับปากฉันแล้วนะพงษ์ อย่าคืนคำล่ะ”
“ทำไมพี่อรถึงจงเกลียดจงชังพี่ไศนัก พี่ไศไปทำอะไรให้พี่นักหนาเหรอ”
“ทำไมฉันต้องบอกแกด้วย”
“แค่พี่ไศสวยกว่า เก่งกว่า ดีกว่าพี่ทุกอย่าง แค่นั้นน่ะเหรอ”
อรชรโกรธ
“ไอ้พงษ์ อย่ามาพูดแบบนี้กับฉันนะ”
อรชรหยิบโทรศัพท์ที่เป็นภาพธิดารัตน์ถูกจับมัดไว้ให้ดู
“ดูซะ...จะได้หายปากดี”
สุทธิพงษ์หน้าตื่นตกใจ
“พี่อรอย่าทำอะไรไก่น้อยนะ เขาไม่เกี่ยว”
“แกก็ทำตามที่รับปากฉันไว้ให้ได้ก็แล้วกัน ว่าจะไปเอาตำราจากพี่แสนดีของแกมาให้ได้”
สุทธิพงษ์เครียดหนักกว่าเดิม
ไศลาโดนนาถสุดาจับกดน้ำในอ่างน้ำ สำลัก หายใจแทบไม่ออก
“ฉันจะไม่ทรมานแค่แกนะ ฉันจะทรมานพี่น้องแกทุกคน”
“อย่าไปยุ่งกับคนอื่น คนอื่นไม่เกี่ยว”
“งั้นก็เอาตำรามา”
“เธออยากได้ตำราไปทำอะไรนาถสุดา เธออยากแค่ทำให้เทพฟื้นขึ้นมาเท่านั้นน่ะเหรอ”
“แกพรากเขาไปจากฉัน แกก็ควรจะชดใช้ มันถูกแล้ว”
“ฉันไม่เคยฆ่าใคร... แต่ถ้าเธออยากแค่ให้ชุบชีวิตเทพฉันจะลองทำให้ แต่ไม่รับปากว่าจะทำได้มั้ย เพราะไม่มีใครรู้วิธีใช้มัน”
นาถสุดาชะงัก
“ถ้าแกโกหกฉัน แกตายแน่”
สายวันใหม่...จ่านิดเปิดค้นเอกสารแฟ้มคดีต่างๆที่ตนซีร็อคไว้ดูข้อมูล เสริมพงษ์เดินมาหา
“เดี๋ยวฉันฝากจ่าเอาแฟ้มคดีนี่ไปเก็บในห้องทีนะ”
“ได้ครับผู้การ แล้วนี่ใครมาดูแลคดียาเสพติดแทนผู้กองละครับ”
“ก็ยังหาคนที่ไว้ใจมาดูแทนไม่ได้นะเพราะผมก็ไม่อยากให้ชื่อเสียงผมด้านนี้เสียอีก ผมเลยจะดูคดีแทนไปก่อน”
“ครับ”
เสริมพงษ์เดินจากไป จ่านิดเปิดดูแฟ้มคดีที่ได้คืนมา
“ดูจากต้นฉบับนี่มันชัดกว่าแบบซีร็อกซ์ตั้งเยอะ”
จ่านิดเปิดดูแฟ้มที่ได้มาใหม่อ่านคร่าวๆ แล้วก็เริ่มสงสัย
“เอ๊ะ”
จ่านิดรีบเปิดดูฉบับซีร็อกซ์ควบคู่ไปด้วย
“ทำไมข้อมูลไม่เหมือนกัน...ฉบับสำเนา เราก็ซีร็อกซ์เก็บไว้ทันทีที่ผู้กองเซ็นนี่นา”
จ่านิดดูสำนวนที่เขียน บางอย่างในต้นฉบับถูกดัดแปลงใหม่ เช่น จากของกลางที่พบ 1500 เม็ด ก็เหลือเพียง 500 เม็ด เป็นต้น จ่านิดเริ่มเอะใจบางอย่าง
“ข้อมูลถูกแก้...”
จ่านิดเริ่มสงสัย ตัดสินใจเดินเข้ามาในห้องเก็บเอกสาร เขาค้นประวัติเสริมพงษ์อย่างระแวงกลัวจะมีคนมาเห็น
แววเห็นห้องธีรธรเปิดอยู่จึงเปิดประตูจะเข้าไปทำความสะอาด แล้วก็เห็นธีรธรกับนิ่มนวลนอนกอดกันอยู่ แววกรี๊ดเสียงดังลั่นบ้าน ธีรธรและนิ่มนวลสะดุ้งตื่น
“หนูขอโทษค่ะคุณธี หนูเห็นห้องเปิด นึกว่าคุณธีออกไปทำงานแล้ว”
แววรีบวิ่งออกจากห้องไป ธีรธรเห็นนิ่มนวลเขาก็ตกใจไม่แพ้แววเลย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
ธีรธรกุมขมับ ปวดหัวจี๊ด
“พี่ธีจำไม่ได้เลยเหรอคะ”
ธีรธรพยายามคิด
“จำไม่ได้”
“พี่ธีเมาอยู่ที่ระเบียง นิ่มเป็นห่วงก็เลยพาพี่ธีมาที่ห้อง แล้วพี่ธีก็...”
นิ่มนวลทำท่าทีสะอึกสะอื้น เสียใจ ธีรธรเครียดหนัก พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“พี่นึกไม่ออกจริงๆนิ่ม”
กมลากับวงทองเปิดเข้ามาในห้อง
“ยายแววมันกรี๊ดอะไรของมันเนี่ย” กมลาผงะ
วงทองก็เห็นพร้อมๆกมลาก็ตกใจเช่นกัน กมลารีบปิดประตู ธีรธรเครียดจัด นิ่มนวลทำเศร้า แต่พอไม่มีใครเห็นเธอก็แอบยิ้ม
ทั้งหมดนั่งคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ในห้องรับแขก กมลาโวยวายหนัก เป็นคนจัดการทุกอย่าง
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในบ้านได้ยังไงห๊า”
“นิ่มขอโทษค่ะพี่แก้ว”
วงทองหันมาหาลูกชาย
“แล้วตาธีก็เมาไม่มีสติเลยงั้นเหรอ”
“ผมจำอะไรไม่ได้เลยครับคุณแม่”
กมลาตัดบท
“ไหนๆก็เกิดเรื่องมาขนาดนี้ ก็ตบก็แต่งให้เรียบร้อยไป ไม่งั้นหนูนิ่มจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มาช่วยดูแลแม่ตัวแท้ๆ ยังมาเจอเรื่องแบบนี้”
“นิ่มก็แล้วแต่น่ะค่ะ” นิ่มนวลสะอึกสะอื้น “ยังไงนิ่มก็ไม่มีสิทธิ์มีเสียงที่นี่อยู่แล้ว”
วงทองมองหน้าลูกชาย
“ตาธี...แม่ไม่เคยบังคับอะไรลูกนะ แต่เรื่องนี้ แม่เห็นว่าลูกทำไม่ถูกแล้วก็ควรจะรับผิดชอบด้วย”
ธีรธรหน้าสลด
“ผม...ขอโทษทุกคนละกันครับ”
“เดี๋ยวพี่เป็นคนไปจัดการหาฤกษ์หายามให้ก็แล้วกัน จะได้จัดการให้มันสิ้นเรื่องไป”
ธีรธรขัดขึ้น
“ผมขอเวลาคิดอีกสักหน่อยได้มั้ยครับ เผื่อผมจะคิดออกว่าทำอะไรนิ่มลงไปจริงๆรึเปล่า”
นิ่มนวลสวนทันที
“นี่พี่ธีคิดว่านิ่มโกหกเหรอคะ”
“เปล่า...พี่แค่จำอะไรไม่ได้ แล้วก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนั้นด้วย”
กมลาโวยวาย
“อย่าพูดดีกว่าตาธี ยิ่งพูดก็ยิ่งเห็นแก่ตัว รับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำไปซะ พวกงานพิธีต่างๆพี่จะช่วยจัดการเอง”
ธีรธรหันไปหาแม่
“แม่ครับ...”
“ก็ให้แม่แก้วจัดการตามนั้นก็แล้วกัน”
คุณนายวงทองผิดหวังในตัวลูกชาย เดินออกไป นิ่มนวลรีบตามไปประจบคุณนายวงทองต่อไป กมลามองธีรธรด้วยสีหน้าผิดหวังแล้วเดินตามออกไป ธีรธรที่อยู่คนเดียว เอามือทุบโต๊ะปัง
“นี่มันอะไรกันวะเนี่ย”
กมลาเดินบ่นธีรธรยาวไม่หยุดมากับวงทอง และนิ่มนวล
“ตาธีนี่แย่จริงๆ เรื่องเลยเถิดขนาดนี้ยังมาพูดแบบนั้น...หนูนิ่มไม่ต้องเสียใจนะพี่ไม่ปล่อยให้ตาธีทำตัวเหลวไหลแบบนี้แน่ๆ เดี๋ยวเราหาฤกษ์กันเลยว่าเมื่อไหร่...คุณแม่ว่าไงคะ”
“ก็แล้วแต่แม่แก้วก็แล้วกัน”
พันธ์พงษ์เดินหน้าตื่นลงมาหาทุกคน
“มีใครเห็นยายไก่น้อยบ้าง”
“ก็บนห้องนอนไม่มีรึไง”
“ผมเพิ่งลงมาจากห้องนอนแกเนี่ย”
“ตามหาทั่วรึยัง” วงทองถาม
“ทั่วแล้วครับ ไม่เจอเลย”
กมลาโมโห
“หนีเที่ยวอีกแล้วละสิ ไม่รู้จักจำ คงไปกับไอ้เด็กเหลือขอนั่นแน่ๆ”
พันธ์พงษ์ขัดขึ้น
“แต่รองเท้าของลูกยังอยู่เลยนะ มันแปลกมาก”
กมลาปวดหัว
“โอ๊ย...นี่มันอะไรกันเนี่ย วุ่นวายไม่รู้จักจบ”
วงทองร้อนใจ
“รีบไปบอกตาธีให้จัดการก่อนดีกว่า”
นิ่มนวลชะงัก
“แล้วเรื่องงานแต่งของนิ่มละคะ”
วงทองถอนหายใจ
“ก็ไปจัดการมาก็แล้วกัน”
นิ่มนวลแอบยิ้มดีใจ
จ่านิดหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับเสริมพงษ์ เห็นรางวัลต่างๆจากการต่อต้านยาเสพติดมากมาย จ่านิดลองเข้าไปเว็บโรงเรียนมัธยมของเสริมพงษ์ เข้าไปลิงค์ดูหนังสือรุ่น ก็ปรากฏว่ามีรูปวัยเด็กของดุลยศักดิ์และเสริมพงษ์กอดคอกัน จ่านิดตกใจที่ได้เห็น ทันใดนั้นเสียงเสริมพงษ์ดังขึ้น
“ทำอะไรอยู่น่ะจ่า”
จ่านิดสะดุ้งสุดตัว รีบปิดจอคอมทันที
“หาข้อมูลสถานที่อยู่ครับผู้การ”
“เดี๋ยวเย็นนี้ผมขอคุยงานด้วยหน่อยสิ”
“ครับ ได้ครับ”
“เดี๋ยวเราไปคุยกันที่ร้านอาหารเจ้าประจำของผมก็แล้วกัน”
“ไม่คุยกันที่นี่เหรอครับผู้การ”
“ไม่เบื่อรึไง บรรยากาศเดิม เปลี่ยนไปที่ใหม่ๆบ้างสิจ่า”
“ครับ”
จ่านิดระแวง ไม่ค่อยไว้ใจนัก เสริมพงษ์เดินออกไป จ่านิดรีบหยิบโทรศัพท์โทรหาธีรธรทันที
ธีรธรกำลังเครียด พยายามนึกว่าเมื่อคืนได้ทำอะไรลงไปบ้าง เสียงโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น เขาเห็นว่าเป็นเบอร์จ่านิด เขาจึงกดรับ
“มีอะไรจ่า”
“ผู้กองครับ ผมว่าผมเจอตอเข้าแล้ว”
“จ่าพูดเรื่องอะไร”
“ตัวการเรื่องทั้งหมดที่เกิดน่ะสิครับ”
“หมายความว่าไง”
“ผมน่ะหาหลักฐานได้แล้ว...ว่าจริงๆแล้วน่ะ...”
ยังไม่ทันที่จ่านิดจะพูดออกมา ทางฝั่งธีรธรก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน วงทองเดินเข้ามาหาธีรธรในห้องนอน
“ตาธี แย่แล้วลูก ยายไก่น้อยหายไปจากบ้านอีกแล้ว”
ธีรธรตกใจ
“จ่า แค่นี้ก่อนนะ ที่บ้านผมมีเรื่อง เสร็จธุระแล้วเดี๋ยวผมโทรกลับ”
ธีรธรรีบตัดสายจ่านิด มาคุยกับแม่
“ไก่น้อยหายไปได้ยังไงครับ”
“ไม่มีใครรู้อะไรเลยตอนนี้ ตาธีรีบไปดูหน่อยเถอะ”
ธีรธรรีบเดินออกไป
จ่านิดวางหูจากธีรธร ไม่ค่อยสบายใจนัก จ่านิดนั่งลงหน้าคอมเซฟรูปและหลักฐานทุกอย่างลงคอม แล้วส่งอีเมล์ให้ธีรธร
ไศลาเดินอยู่ในป่าท่ามกลางหมอกบางๆ นักพรตเมฆขาวยืนรอเธออยู่ที่นั่น
“หลวงปู่”
“ได้เวลาแล้วไศลา”
“ได้เวลาอะไรคะหลวงปู่”
“ตาที่สามของเจ้าได้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ภายในร่างกายเจ้าได้กลับมาสมดุลเหมือนเดิมอีกครั้ง”
ไศลาสำรวจร่างกายตัวเอง เธอรู้สึกถึงพลังบางอย่าง
“ใกล้เวลาเต็มทีที่เจ้าจะต้องทำสิ่งสำคัญแล้ว ไปเสียเถิด”
“สิ่งสำคัญคืออะไรคะ”
“ถึงเวลานั้นเจ้าจะรู้เอง”
“ไศควรจะตัดสินใจยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากมายนี่ดีคะ”
“เชื่อมั่นในความดี แล้วอย่าลืมกฎ 2 ข้อที่ต้องยึดมั่นปฏิบัติ อย่าฆ่าคน อย่าผิดประเวณี”
นักพรตเมฆขาวค่อยๆถอยห่างไศลาไปเรื่อยๆ จนหายไปกับหมู่หมอก
ไศลาสะดุ้งตื่น แสงวาบจากตาที่สามของเธอด้วย นาถสุดาเดินมาไขกุญแจมือที่ล็อคกับเตียงไว้ให้เธอ
“เธอสัญญากับฉันแล้ว ว่าจะทำให้เทพฟื้น อย่าผิดคำพูดตัวเอง ฉันให้เวลาแกถึงแค่คืนนี้...ถ้าฉันไม่เห็นเธอโผล่หัวมาละก็ ฉันจะฆ่าน้องสาวปากดีแกก่อนคนแรกเลยแกก็รู้นี่ว่าฉันทำได้ง่ายๆ”
“ฉันรู้”
ไศลากับนาถสุดามองกันต่างรับรู้ในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
ธีรธรเดินสำรวจในห้องนอนธิดารัตน์อย่างละเอียด โดยมีคนอื่นๆอยู่ด้วย
“ไม่มีร่องรอยการต่อสู้” เขาชี้รอยเท้าที่พื้น “ตรงนี้มีรอยเท้าของคนเข้ามาจากระเบียง ซึ่งไม่น่าจะใช่รอยเท้าของไก่น้อย”
ธีรธรเดินไปชะโงกดูความสูงของระเบียง
“ถ้าไก่น้อยกระโดดลงไปความสูงขนาดนี้จะต้องมีร่องรอยที่สนามหญ้าแต่นี่ไม่มี”
“แบบนี้มันประหลาดรึเปล่า” พันธ์พงษ์ถาม
“ไม่หรอกครับ คนที่พาไก่น้อยไปจะต้องไม่ใช่ธรรมดา”
กมลาอึ้งแล้วนึกได้
“ต้องมีพลังประหลาดแบบนางไศลานั่นน่ะเหรอ”
ธีรธรชะงัก
“ไศลา...”
วงทองไม่เข้าใจ
“ไศลาเขาจะทำแบบนั้นกับไก่น้อยทำไมล่ะ”
“อาจไม่ได้ต้องการจะทำกับไก่น้อย แต่จะทำกับผมต่างหาก”
ธีรธรโกรธ เข้าใจผิดว่าเป็นไศลาเขากำหมัดแน่น
ค่ำนั้น เสริมพงษ์ขับรถโดยมีจ่านิดนั่งข้างๆ จ่านิดไม่ค่อยไว้ใจนัก เพราะยิ่งขับไปทางก็ยิ่งเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ
“นี่เรากำลังจะไปไหนกันครับเนี่ย ทำไมร้านอาหารมันถึงเปลี่ยวขนาดนี้”
“ร้านอาหารป่าเจ้านี้คุณไม่เคยมากินเหรอ อร่อยมากเชียวล่ะ”
“ครับ...ให้ผมขับรถให้ดีมั้ยครับ”
“ทำไม ไม่ไว้ใจฉันเหรอจ่า”
“เปล่าครับ ผมแค่รู้สึกไม่ดีที่ให้นายขับรถให้”
“เรื่องเล็กน้อยน่า จ่าก็รู้ว่าฉันเป็นคนง่ายๆ ไม่คิดมาก”
อยู่ๆรถก็เหมือนเสียหลัก เสริมพงษ์เอารถจอดข้างทาง
“เกิดอะไรขึ้นครับผู้การ”
“สงสัยจะยางจะแบน ไปเหยียบตะปูแถวนี้แน่ๆเลย”
“งั้นเดี๋ยวผมลงไปดูให้ละกันนะครับ”
“ระวังตัวด้วยนะ แถวนี้มันเปลี่ยว”
“ครับ”
จ่านิดลงจากรถไป เสริมพงษ์มองตามยิ้มๆ...จ่านิดพูดกับเสริมพงษ์โดยสนใจแต่ล้อรถไม่ได้หันไปดู
“ยางก็ไม่แบนนะครับผู้การ”
อ่านต่อหน้าที่ 2
กุหลาบไฟ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ทันใดนั้นมีกระบอกปืนมาจ่อหัวจ่านิดโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว จ่านิดรู้ทันทีว่าสัมผัสนั้นเป็นปืนโดยไม่ต้องหันไปมอง
“ยางมันก็ไม่น่าจะแบนอยู่แล้วนี่ ฉันเพิ่งนึกได้ว่าเพิ่งเอาออกจากศูนย์เมื่อวานนี้เอง”
“เป็นผู้การจริงๆสินะครับ ผมอุตส่าห์ภาวนาว่าผมจะคิดผิด”
“คนเราน่ะ...รู้อะไรมากมันก็ไม่ดี จ่าว่าจริงมั้ย”
“ผู้การทำได้ยังไง ขึ้นรับโล่ต่อต้านยาเสพติดทุกปี แต่จริงๆแล้วก็...”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันเป็นคนง่ายๆ ไม่คิดมาก โลกเราเนี่ย...คิดเยอะก็อยู่ยาก ทางเลือกไหนที่มันง่ายๆก็ทำกันไป”
“ทางเลือกนี้คงจะง่ายที่สุดแล้วสิครับ”
“ฉลาดนี่...จริงๆจ่าน่าจะได้ก้าวหน้าในอาชีพการงานนะ เสียอย่างเดียวรู้มากไปหน่อย”
เสียงปืนดังสนั่น ร่างของจ่านิดล้มลงกับพื้น เสริมพงษ์มองร่างจ่านิดอย่างเลือดเย็นหยิบปืนหันมาจ่อที่แขนตัวเอง แล้วเหนี่ยวไกอีกครั้ง แล้วแหกปากร้องเสียงดัง ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ในรถ โทรแจ้งเจ้าหน้าที่
“ขอกำลังมาที่บางพลีด่วน ผมและเจ้าหน้าที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส”
เสริมพงษ์มองจ่านิดอย่างเฉยเมย ทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ
ธีรธรแต่งตัวเตรียมจะออกไปข้างนอก นิ่มนวลรีบเข้ามาขวางไว้
“พี่ธีจะออกไปไหนคะ”
“พี่จะไปไหนต้องรายงานนิ่มด้วยรึไง”
“พี่ธีอย่าลืมสิคะว่าเราเป็นอะไรกัน”
ธีรธรทำหน้าระอา
“จะเป็นอะไรก็ไม่จำเป็นต้องก้าวก่ายกันขนาดนี้”
“นิ่มแค่เป็นห่วงพี่ธี ทำไมต้องพูดจาไม่ดีด้วย”
ธีรธรเบื่อๆ
“พี่จะไปจัดการเรื่องไก่น้อย”
ธีรธรยังพูดไม่ทันจบ ก็ก้าวออกจากห้องไป นิ่มนวลจะยื้ออีก ก็คิดได้ว่าไม่ควร เธอหน้าเซ็ง
“ให้แต่งงานให้เรียบร้อยก่อนเถอะ ฉันจะแผลงฤทธิ์บ้าง”
นิ่มนวลไม่พอใจนัก
ธีรธรเดินออกมาที่รถ เตรียมจะขับออกไป แล้วเขาก็ต้องแปลกใจที่เห็นไศลายืนอยู่ ไศลายืนมองธีรธรด้วยความเป็นห่วง ธีรธรกลับตรงกันข้าม เขามองไศลาด้วยแววตาโกรธแค้น
“คุณธีเป็นยังไงบ้างคะ”
“นี่เธอยังมีหน้ามาหาฉันเพื่อพูดแบบนี้อีกเหรอ”
“คุณธีกำลังเข้าใจผิด”
“ถึงฉันจะโง่ที่หลงเชื่อเธอมานานแต่ฉันก็เจ็บแล้วจำ...แล้วฉันก็ไม่มีวันเชื่อเธออีกแล้ว”
“คุณธี...”
“ไก่น้อยอยู่ไหน”
“ไก่น้อย...”
“คุณพาไก่น้อยไปไว้ที่ไหน ไก่น้อยไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่าทำตัวเลวขนาดที่จะทำร้ายเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องด้วยเลย”
“ไก่น้อยหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“อย่าพูดเหมือนว่าไม่รู้เรื่องหน่อยเลยคนที่จะพาไก่น้อยไปอย่างไม่มีร่องรอยแบบนั้นได้ก็ต้องเป็นคนที่มีความสามารถที่มากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ซึ่งก็คงมีแค่คุณที่อยากจะจับไก่น้อยไปเพื่อวางเงื่อนไขกับผมสินะ”
ไศลาพึมพำ
“ไม่ใช่นาถสุดาแน่ๆ หรือว่า โยคีศิลาดำ”
“บอกมาสิ พาไก่น้อยไปไว้ไหน”
“ฉันสาบานได้ว่าฉันไม่รู้ แต่ฉันจะพาไก่น้อยกลับมาให้ได้”
“อย่าคิดว่าถ้าใช้มุกนี้...แล้วจะทำให้ฉันกลับมาเชื่อใจเธอได้อีกนะ”
“ไม่จำเป็น คุณอยากเชื่อยังไงก็แล้วแต่คุณเถอะ ฉันขอแค่...ได้ของที่ฝากคุณไว้คืนก็เท่านั้น”
“อ๋อ บากหน้ามาทวงของ...”
“มันสำคัญกับฉันจริงๆ”
“ไก่น้อยก็สำคัญกับผมเหมือนกัน...ถ้าอยากได้ของนักก็เอาตัวไก่น้อยมา ผมจะคืนของที่คุณอยากได้ให้”
“ค่ะ”
“แล้วถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ ผมจะเป็นคนเอาคุณเข้าคุกด้วยมือผมเอง”
ไศลาพูดไม่ออก ความรู้สึกจุกอกไปหมด ธีรธรขึ้นรถ ขับออกไป ไศลาน้ำตาไหลออกมาอย่างอัดอั้น
ธีรธรขับรถพ้นมาก็อดกลั้นไม่ไหว เขาจอดรถตะโกนระบายความอัดอั้นในใจด้วยความรู้สึก ทั้งรักทั้งเกลียดไศลา
ไศลาเดินเศร้าๆจะออกไปจากบ้าน นิ่มนวลเดินออกมาเห็นพอดี เลยถือโอกาสเยาะเย้ยทันที
“อ้าว มาแสดงความยินดีกับพี่ธีเหรอจ้ะ ข่าวเร็วดีเหมือนกันนี่”
ไศลาไม่เข้าใจ
“แสดงความยินดี...เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่พี่ธีกับฉันจะแต่งงานไง”
“แต่งงาน”
“ยังไงก็เชิญเธอด้วยก็แล้วกันนะจ้ะ แต่ตอนนี้การ์ดกำลังพิมพ์อยู่ เดี๋ยวส่งตามไปให้ทีหลังก็แล้วกัน”
“ทำไมมันเร็ว...แบบนี้”
นิ่มนวลจับที่ท้องตัวเอง อมยิ้ม
“ก็เพื่อลูก”
ไศลาตกใจ
“ลูก...”
“ลูกของฉันกับพี่ธี คงน่ารักมากๆเลย ว่ามะ”
ไศลาพูดไม่ออก ค่อยๆหันหลังเดินจากมาทั้งน้ำตา นิ่มนวลมองไศลาอย่างสะใจ
ไศลาเดินร้องไห้อยู่ลำพัง เสียใจกับสิ่งที่เกิด โทรศัพท์มือถือเธอก็ดังขึ้น ไศลามองดูเบอร์แล้วจึงกดรับ
“พี่ไศ พงษ์เอง”
ไศลาพยายามทำเสียงไม่ให้คนรู้ว่าร้องไห้
“ว่าไงพงษ์”
“พี่ไศเป็นอะไรรึเปล่า เสียงไม่ค่อยดีเลย”
“เปล่าจ้ะ พงษ์มีอะไรรึเปล่า”
“พงษ์มีเรื่องอยากคุยกับพี่ไศ”
“ด่วนเลยเหรอพงษ์ พอดีพี่มี...”
“ครับ...ด่วน”
“อืม...งั้นเดี๋ยวพี่จะรีบเข้าไปหานะ”
“ครับพี่ไศ”
ไศลาวางหู...สุทธิพงษ์เองก็วางหูเช่นกัน อรชรนั่งควบคุมการโทรศัพท์ของสุทธิพงษ์อยู่
“ก็ไม่เห็นจะยากเลย ใช่มั้ยพงษ์”
“ไก่น้อยอยู่ไหน”
“ใจเย็นๆซี้ เล่นเกมด้วยกันอีกหน่อยจะเป็นไรไป”
“พี่อรจะทำแบบนี้เพื่ออะไรทำไป พี่ชิตก็ใช่ว่าจะรักพี่อรมากกว่าพี่ไศซะเมื่อไหร่ ผมว่ายิ่งทำให้พี่ดูแย่ลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ”
“ฉันไม่ได้ ก็ไม่มีใครได้ทั้งนั้น”
“ผมว่าพี่ไม่ได้รักพี่ชิตจริงหรอก เพราะความรักจะทำให้คนเราน่ะเป็นคนดีขึ้น เหมือนกับผมพี่น่ะรักตัวเองแล้วต้องการจะเอาชนะพี่ไศมากกว่า”
“ก่อนจะมาสอนอะไรฉัน ก็เอาตัวเองให้รอดก่อนดีมั้ย”
อรชรไม่พอใจ สุทธิพงษ์เองก็เหนื่อยใจกับอรชรเหมือนกัน
ธีรธรจอดรถที่หน้าโรงพัก เห็นคนวุ่นวาย รถตำรวจยังเปิดหวอกระพริบ นักข่าวมากมาย
ธีรธรลงจากรถมางงๆ หันไปมองรอบๆเดินมาที่เสริมพงษ์ที่กำลังให้ข่าวกับนักข่าว เขายืนดู
“ทางตรงนั้นมันเปลี่ยวมากครับ ผมขับไปแล้วรถก็เกิดเสียขึ้นมา จ่าเลยอาสาที่จะลงไปดูให้ ผมก็เตือนจ่าว่าให้ระวังตัวแล้ว พอจ่าออกไปผมก็หาเครื่องมือที่จะไปซ่อมในรถ หันมาอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงปืน ผมไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมรีบออกไป เห็นพวกมันมากัน 2 คน แต่พวกมันคงไม่เห็นผม มันยิงจ่าเสร็จ มันก็ขับมอเตอร์ไซค์หายไป”
“แล้วท่านไม่ได้ช่วยหรืออะไรเลยเหรอครับ”
“ผมคิดว่าถ้าไล่ตามไอ้โจรสองคนนั้นไป จ่าจะต้องแย่แน่ๆ ผมจึงตัดสินใจ ดูจ่าแต่จ่าก็อยู่ไม่นานพวกมันยิงที่จุดสำคัญ ผมจึงทำได้แค่เรียกเจ้าหน้าที่มาสกัดจับ แต่ก็พวกมันก็หายไปแล้ว”
“ท่านได้เห็นหน้าคนร้ายมั้ยครับ”
“ตรงนั้นมันมืดมาก พวกมันก็ใส่หมวกกันน็อคด้วย รถก็ไม่มีทะเบียน กว่าผมจะเห็นมันก็ขับไปไกลแล้ว”
ธีรธรฟังแล้วก็ยังงงๆ ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เสริมพงษ์หันมาเห็นธีรธรพอดี ไม่ค่อยพอใจที่ธีรธรมานัก
“อ้าวผู้กอง...”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันครับ”
เสริมพงษ์หันบอกนักข่าว
“ผมขอตัวก่อนนะ”
เสริมพงษ์ปลีกตัวมาพาธีรธรไปมุมสงบ
“นี่คุณเข้ามาที่นี่ทำไมเนี่ย อย่าบอกนะว่ามาทำงาน คุณอยู่ช่วงพักงานนะ”
“ผมรู้ครับ ผมเพียงแต่จะมาหาจ่านิด”
เสริมพงษ์หลบตา
“คือตอนนี้มีเรื่องนิดหน่อยนะ จ่านิดน่ะ...ตายแล้ว”
ธีรธรตะลึง
“ตาย...ได้ยังไงกันครับ ผมยังเพิ่งคุยกับจ่าอยู่เลย”
“เรื่องนี้ต้องคุยกันยาว แต่เดี๋ยวผมขอตัวก่อน มีเรื่องต้องจัดการอีกมาก”
ธีรธรพยักหน้า เข้าใจ...เสริมพงษ์เดินออกไป ไม่ค่อยพอใจที่ธีรธรมายุ่งวุ่นวาย ธีรธรยังช็อคอยู่นึกถึงตอนที่จ่านิดโทรมาหาเขาว่าเจอหลักฐานบางอย่างแล้ว แต่เขาต้องรีบไปจัดการเรื่องธิดารัตน์ ธีรธรรู้สึกไม่ดีกับเรื่องจ่านิดเลย
“จ่าตั้งใจจะบอกอะไรผมกันแน่”
ไศลายืนอยู่หน้าบ้าน ปาดน้ำตา พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด เธอถอนหายใจรวบรวมแรงใจที่เหลือ ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในบ้าน...ไศลาเดินเข้ามาในบ้าน สุทธิพงษ์ยิ้มแหยๆ
“พงษ์มีเรื่องอะไรด่วนเหรอ”
“พงษ์มีเรื่องอยากให้พี่ไศช่วย”
ไศลาห่วงน้อง
“เรื่องอะไร”
“พี่ไศเคยรักใครสักคนมากๆมั้ยครับ”
“ทำไมพงษ์พูดแบบนั้น”
“พงษ์น่ะเจอใครคนนึง คนที่ทำให้โลกของพงษ์เปลี่ยนไป คนที่ทำให้พงษ์ อยากเป็นคนที่ดีกว่านี้ ทำให้พงษ์อยากมีอนาคตเพื่อเขา อยากอยู่ใกล้ๆ อยากทำทุกอย่างเพื่อเขาตลอดเวลา พงษ์ไม่แน่ใจหรอกว่าความรู้สึกแบบนี้ เรียกว่าความรักรึเปล่า พี่ไศเข้าใจพงษ์มั้ยครับ”
ไศลาได้ยินสิ่งที่น้องชายพูดก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ได้ ไศลาได้แต่พยักหน้ารับคำ
“แล้วคนๆนั้น...คนที่พงษ์อยากฝากชีวิตไว้กับเขา เขากำลังตกอยู่ในอันตรายถ้าพี่ไศไม่ช่วย”
“ได้สิพงษ์ พงษ์อยากให้พี่ช่วยยังไง พี่จะช่วยพงษ์ทุกอย่างเลย”
“พี่ไศก็แค่...”
อรชรเดินออกมาตัดบทสุทธิพงษ์ทันที
“ก็แค่เอาตำราหน้าสุดท้ายมาให้อร แค่นี้เอง”
ไศลาชะงักอึ้ง
“อร”
“พงษ์ขอโทษนะครับพี่ไศ...พี่ไศเข้าใจพงษ์นะครับ”
“ก็ต้องเข้าใจอยู่แล้วล่ะพงษ์ เพราะเมื่อกี้พี่ไศเขาก็รับปากเองว่าจะช่วยพงษ์ทุกอย่าง ใช่มั้ยพี่ไศลา”
“อร...อย่าทำแบบนี้เลย”
“ช่วยไม่ได้ พี่ไศ...เป็นคนทำทุกอย่างให้เป็นแบบนี้เอง”
“พี่ทำอะไร”
“พี่เกิดมาแล้วก็ได้ทุกอย่างจากทุกคน ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ก็รักพี่ไศทุกคนยกย่องว่าพี่ไศเก่งอย่างโง้นอย่างงี้ ใครๆก็บอกว่าพี่ไศสวยยังกับนางฟ้า แล้วอรล่ะเป็นอะไร ก็เหมือนหมาในบ้านตัวนึง มีก็แต่ไอ้พงษ์ที่ยังอยู่ข้างอรบ้าง แต่ตอนนี้พี่ไศก็เอามันไปเป็นพวกพี่ไศอีก ส่วนพี่ชิตก็ยิ่งหัวปักหัวปำอยู่กับพี่คนเดียว ทุกครั้งที่พี่ไศกลับมา อรก็แค่หมาหัวเน่าตัวนึง ทำไม...อรต้องเกิดมาอยู่ในโลกที่มีพี่ไศด้วย”
“อร พี่ไม่เคยคิดจะแย่งทุกอย่างไปจากอร อรคือน้องสาวที่น่ารักของพี่เสมอ ส่วนเรื่องชูชิต อรรู้จักเขามาขนาดนี้ อรยังไม่รู้อีกเหรอว่าคนอย่างเขาน่ะ ไม่เคยรักใครนอกจากตัวเขาเอง”
“พูดอะไรตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์หรอกพี่ไศ คำพูดมันช่วยอะไรไม่ได้ อรน่ะเป็นผู้ถูกกระทำมาทั้งชีวิตแล้ว แล้วทุกอย่างก็มาจากพี่ มันจะผิดอะไรถ้าอรจะทำมันกลับคืนไปบ้าง”
ไศลาอึ้ง
“อร...”
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว อรไม่ได้มาที่นี่เพื่อเจรจา”
อรชรหยิบคลิปในมือถือยื่นให้ไศลาดู
“เอาไปดูซะ”
ไศลารับมาดูคลิปที่โยคีศิลาดำจับธิดารัตน์มาเป็นตัวประกัน ธิดารัตน์ถูกมัดติดกับเก้าอี้ ปิดตา ปิดปาก โยคีศิลาดำเปิดผ้าเปิดปากของเธอออก ธิดารัตน์ตะโกนขอความช่วยเหลือ
“พงษ์ช่วยด้วย พงษ์ช่วยไก่น้อยด้วย”
พอโยคีศิลาดำเห็นเธอส่งเสียงดังโวยวาย ก็เอาผ้าปิดปากเหมือนเดิม พร้อมกับหันมาพูด
“รู้ใช่มั้ยว่าพลังข้าแค่น้อยนิดก็สามารถฆ่าไอ้เด็กนี้ได้ ดังนั้นอย่างทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากเลย ส่งตำรามาให้ข้าซะดีๆ”
สุทธิพงษ์ดูแล้วก็ยิ่งหน้าเสียไปใหญ่
“อย่าทำอะไรไก่น้อยนะ ฆ่าผมแทนเถอะ ได้โปรด”
อรชรจ้องหน้าไศลา
“ว่าไงพี่ไศ...ก็เรื่องง่ายๆ”
ไศลาเครียดหนัก
“แต่ตำรานั่น ไม่ได้อยู่ที่พี่”
“จะอยู่ที่ไหนมันก็เรื่องของพี่ พี่ต้องหาวิธีเอามาใช้ฉันให้ได้ ไม่งั้นพี่จะไม่ใช่คนเดียวที่ตายแน่ๆ”
อรชรไม่มีแววตาของคนสำนึกผิด มีเพียงความต้องการจะเอาชนะ
ธิดารัตน์ถูกมัดปากไว้ ส่งเสียงอู้อี้ๆพยายามจะพูดตลอดเวลา โยคีศิลาดำมองอย่างรำคาญ จึงดึงผ้าปิดปากออก
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันมีพ่อมีแม่ มีคนที่รักฉัน ทุกคนต้องเป็นห่วงฉันมากแน่ๆ”
โยคีศิลาดำรำคาญ ปล่อยพลังอัดธิดารัตน์ติดผนัง ทั้งคนทั้งเก้าอี้ล้มลงกับพื้น ธิดารัตน์จุกเพ้อถึงสุทธิพงษ์
“พงษ์ช่วยฉันด้วย พ่อจ๋าช่วยไก่น้อยด้วย”
ขาดคำธิดารัตน์ก็สลบไป
พันธ์พงษ์สะดุ้งตื่นกลางดึกจากฝันร้ายของตน กมลานอนหลับอยู่ข้างๆ ไม่สนใจ พันธ์พงษ์ลืมตาโพลงในความมืด
“ไก่น้อยลูกพ่อ ลูกต้องเข้มแข็งนะลูก พ่อจะหาทางช่วยลูกให้ได้”
ธีรธรนั่งที่โต๊ะจ่านิด เห็นเอกสารกองเต็มไปหมด เขาพยายามจะหยิบจับดูแต่ละชิ้น แต่ก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“จ่ากำลังจะทำอะไรอยู่กันแน่...หลักฐานที่ว่าคืออะไร”
เสริมพงษ์เดินในลานจอดรถที่ปลอดคน เขาคุยโทรศัพท์อยู่
“ก็ผมบอกแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ต้องห่วงผมจัดการได้รับรองไม่มีสาวไปถึงใครแน่ๆ...แต่พรุ่งนี้ ตัวเลขในบัญชีต้องวิ่งแล้วนะครับ ไม่อย่างงั้นผมไม่รับประกันว่าคุณจะปลอดภัยไปตลอด...แหมตกลงกันที่สามสิบล้านไม่ใช่เหรอ... ผมรู้น่าว่ารายได้คุณในแต่ละล็อตน่ะเท่าไหร่ แค่นี้มันไม่ใช่ปัญหาของคุณอยู่แล้วน่า...อืม ก็ตกลงตามนั้น”
ไศลาถอนหายใจ ตัดสินใจกับทุกอย่าง
“ได้ พี่จะช่วยพงษ์...บอกให้โยคีศิลาดำไปมาพบกันที่นี่วันพรุ่งนี้มาพร้อมกับไก่น้อย ไม่งั้นฉันจะไม่มีทางให้ตำราแน่ๆ”
“พี่ไศ พงษ์ขอโทษ และขอบคุณพี่ไศมากๆครับ”
อรชรยิ้มพอใจ
“แบบนั้นก็ดี แต่ก็อย่าลืมว่าถ้าผิดสัญญา ไอ้เด็กไก่นั่นตายแน่ อ้อนวอนพี่แกให้ดีเถอะพงษ์”
อรชรเดินเชิดจากดไป ไศลาอึดอัดใจไม่น้อย สุทธิพงษ์มองไศลาอย่างเห็นใจ
ธีรธรรื้อเอกสารต่างๆมากองไว้เป็นหมวดหมู่
“แฟ้มคดีเก่าๆ จ่ารื้อมาเพื่ออะไรกันแน่ แล้วทำไมทุกอย่างมันมี 2 ชุด”
ธีรธรหยิบแฟ้มที่ดูหน้าตาใกล้เคียงกันจะมาเปรียบเทียบกัน จู่ๆ เสริมพงษ์ก็โผล่มาทำให้ธีรธรตกใจ
“ทำอะไรน่ะผู้กอง”
“ผู้การน่ะเอง”
“ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังอยู่นี่”
“ผมมาหาเอกสารบางอย่างน่ะครับ”
เสริมพงษ์ชักไม่ไว้ใจ
“เอกสารอะไร”
มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ธีรธรไม่พูดความจริงออกไป
“เอกสารเกี่ยวกับประวัติของจ่านิดน่ะครับ ผมแค่อยากติดต่อกับครอบครัวของจ่า”
“โธ่เอ้ย...นึกว่าอะไร เรื่องพวกนี้ให้พวกตัวเล็กๆเขาทำกันก็ได้ ไม่ต้องให้เรื่องมาถึงผู้กองหรอก อีกอย่าง...ผู้กองก็เพิ่งมีปัญหาไป ผู้กองไปพักผ่อน ใช้ความคิดก่อนดีกว่า เรื่องทางนี้ ไม่ต้องห่วงหรอก”
“ครับ”
“ไป...กลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้ว”
ธีรธรจำต้องละทิ้งจากกองเอกสารตรงหน้าไป
เช้าวันใหม่...นาถสุดาลืมตาโพลง เพราะเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอรีบลุกไปดูที่ตาแมวว่าเป็นใครหน้าตาหวาดระแวง แต่พอเห็นว่าเป็นไศลา เธอก็ยิ้มออกมา รีบเปิดประตูทันที
“ได้ตำรามาแล้วใช่มั้ย”
“ยัง”
“หมายความว่ายังไง ยัง”
“ก็หมายความว่ายัง”
นาถสุดาตบไศลาฉาด โดยไม่ฟังคำใดๆต่อ ไศลาหน้าหันนิ่ง
“ถ้าเธออยากได้นัก...ไปเจอกันที่บ้านฉันวันนี้ ฉันจะเอาไปให้ที่นั่น”
“ทำไมต้องไปที่บ้านแกด้วย แกจะหลอกฉันล่ะสิ”
“จะคิดยังไงก็ช่าง ถ้าเธอยังอยากจะชุบชีวิตเทพ หรืออยากได้สิ่งที่เธอต้องการ ก็ไปเจอกันที่นั่น”
นาถสุดาใช้ความคิดอย่างหนัก เธอไม่แน่ใจว่าจะโดนหลอกมั้ย สุดท้ายเธอก็พร้อมเสี่ยง
“ได้...ฉันจะไป”
“ฉันจะรอ”
ไศลาพูดจบก็เดินจากไป นาถสุดากังวลใจกับสิ่งที่ต้องเจอ
พันธ์พงษ์เดินไปเดินมาอย่างกังวลใจอยู่กลางสนาม กังวลใจเกี่ยวกับเรื่องธิดารัตน์ เสียงกระซิบเรียกพันธ์พงษ์เบาๆ
“คุณอาคะ...คุณอา”
พันธ์พงษ์หันซ้ายหันขวาหาต้นเสียง ไศลาแอบอยู่ริมรั้ว ค่อยๆปรากฏตัวขึ้น
“อ้าวไศลา”
“ไศรู้ว่าคุณอากำลังกังวลเรื่องไก่น้อยใช่มั้ยคะ ไศจะแวะมาบอก คุณอาว่า ไม่ต้องห่วงไก่น้อยนะคะ ตอนนี้แกยังปลอดภัยดี ไศจะไม่ยอมปล่อย ให้แกเป็นอะไรแน่ๆ”
พันธ์พงษ์ดีใจมาก
“แล้วนี่ธีรธรรู้รึยัง”
ไศลาส่ายหน้า
“ไศรบกวนคุณอาเอาจดหมายนี่ให้คุณธีทีได้มั้ยคะ”
“ได้สิ ว่าแต่ไศไม่เอาไปให้เองล่ะ”
ไศลาเก็บความเศร้าไว้ในใจ
“ไศมีธุระหลายเรื่องน่ะค่ะ ต้องรีบไป”
“ได้ๆ เดี๋ยวอาจะบอกธีรธรให้ ว่าแต่ไศมีอะไรให้อาช่วย บอกอาได้เลยนะยังไงพ่อไศก็มีพระคุณกับอามากเหลือเกิน แถมไศยังช่วยรักษาขาให้อาอีก”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะอา เรื่องพวกนี้ไศสร้างขึ้นมาเอง ก็ต้องแก้เอง”
พันธ์พงษ์พยักหน้า
“แต่อาอยากตอบแทนไศและครอบครัวของไศเหลือเกิน”
“แค่ดูแลไก่น้อยให้ดี นั่นก็ดีมากแล้วค่ะ ไศสัญญาว่าจะพาแกกลับมาให้คุณอาให้ได้ค่ะ อย่าลืมจดหมายนั่น...ฝากให้คุณธีด้วยนะคะ”
พันธ์พงษ์พยักหน้ารับ ไศลามองเศร้าๆแล้วจากไป พันธ์พงษ์เองก็รีบเดินไปบ้านธีรธร...ไศลาเดินพ้นจากหน้าบ้านของคุณนายวงทองออกไป รถคันหนึ่งเข้ามาจอด ชูชิตเดินลงมาจากรถ สมุนเข้ามาถาม
“จะให้จับตัวมันเลยมั้ยครับนาย”
“เดี๋ยวก่อน ฉันอยากรู้ว่าไศลากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่”
นิ่มนวลกลับจากตลาด เดินมาเห็นคนกำลังด้อมๆมองๆที่หน้าบ้านพอดี เธอสงสัย
“มาทำอะไรกันตรงนี้เหรอคะ”
ชูชิตหันหน้ามาตามเสียง นิ่มนวลจำหน้าชูชิตได้ว่าเป็นคนข่มขืนเธอ ชูชิตเองก็จำได้เช่นกัน
“เธอ”
“แก...แกมาที่นี่อีกทำไม ไปนะ ไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจ”
ชูชิตกระชากข้อมือ ดึงนิ่มนวลมากระซิบ
“ถ้าขืนเธอยังมีพิรุธแบบนี้ละก็ ฉันส่งคนมาจัดการเธอแน่”
นิ่มนวลกลัว รีบดึงแขนกลับ แล้วเดินเข้าบ้านไปด้วยความกลัว
ธีรธรเดินลงเข้ามาในห้องรับแขก เจอกับพันธ์พงษ์ที่นั่งรออยู่
“อ้าว... มีอะไรรึเปล่าครับ”
“ไศลาเขาฝากจดหมายสำคัญนี่ไว้ให้ธีน่ะ”
“ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วเหรอ”
“เขาบอกกับผมว่า เขาจะตามไก่น้อยกลับมาให้ได้”
“รู้แล้วรึไงว่าไก่น้อยอยู่ไหน”
“ธีลองอ่านจดหมายของเขาดูก็แล้วกัน”
ธีรธรรับจดหมายมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก
“ถ้าธีมีเรื่องอะไรให้ช่วย บอกได้เลย ยายไก่น้อยเป็นลูกของพี่แท้ๆ พี่ไม่อยากนั่งดูอยู่เฉยๆ”
“ครับ”
ธีรธรเปิดอ่านจดหมาย...
“คุณธีมารับตัวไก่น้อยได้ที่บ้านของฉัน พร้อมกับของที่ฉันฝากไว้กับคุณนะคะ ไศลา”
“นั่นไง สุดท้ายก็ยอมรับออกมาจนได้ ว่าจับไก่น้อยไป”
พันธ์พงษ์แปลกใจ
“อะไรเหรอธี”
“คือเรื่องไก่น้อยไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมจะจัดการให้เองครับ”
“ขอบคุณมากนะธี”
“งั้นเดี๋ยวผมขอตัวก่อน”
ธีรธรปลีกตัวไป พันธ์พงษ์รู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
นาถสุดารีบมาที่หน้าโรงแรม เปิดรถเข้าไปนั่ง เพื่อจะไปหาไศลา เธอกำลังจะสตาร์ทรถมองกระจกหลังก็เห็นดุลยศักดิ์นั่งอยู่ ทั้งคู่สบตากัน สมุนดุลยศักดิ์เปิดประตูเข้ามานั่งข้างคนขับ เอาปืนจ่อหัวนาถสุดา
ดุลยศักดิ์ส่งยิ้มอันเยือกเย็นให้
“สวัสดี...หายหน้าไปเลยนะ”
นาถสุดาหน้าเสียทันที
ไศลาเดินมาจะเข้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงอู้อี้ๆบางอย่างอยู่ที่สนามจึงหยุดแล้วเดินไปหาก็พบกับธิดารัตน์ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ กำลังพยายามส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ไศลาเห็นรีบวิ่งเข้าไปจะช่วยทันทีแต่ยังไม่ทันได้ถึงตัว มนต์บางอย่างที่ถูกเสกล้อมธิดารัตน์ไว้ ก็ทำไศลากระเด็นออกมา โยคีศิลาดำพร้อมกับอรชรปรากฏตัว เสียงหัวเราะของโยคีศิลาดำดังเยาะเย้ย
“คิดว่าอะไรมันจะง่ายแบบนั้นเลยเหรอเจ้า”
อรชรเบ้หน้า
“โง่ซะไม่มี”
“ไหนล่ะ ตำรา”
“รอก่อน กำลังมีคนเอามาให้”
“ถ้าคิดตุกติกกับฉันแม้แต่นิดเดียว...เด็กนี่ตายแน่”
“แล้วพงษ์ล่ะ”
“ไม่ต้องห่วง มันยังไม่ตาย แค่ถูกจับขังไว้ในห้องตัวเองเท่านั้นเอง” อรชรบอก
ไศลามองหน้าอรชรผิดหวังในตัวน้องมาก
“ได้ แต่พวกเธอก็ต้องปล่อยทั้งพงษ์และไก่น้อยโดยไม่มีเงื่อนไขอะไรเหมือนกัน”
ทั้งสองฝั่งจ้องหน้ากันเขม็ง
นาถสุดาลงมาจากรถ สมุนยังเดินจ่อปืนใส่ นาถสุดาเดินลงมาอย่างช้าๆ มีสติคิด ดุลยศักดิ์เดินตามลงมา แยกไปอีกทางหนึ่ง
“พาไปรอฉันที่ห้องรับแขก”
“ครับนาย”
นาถสุดามองตาม ไม่แน่ใจ
สุทธิพงษ์ถูกขังไว้ในห้องตน พยายามตะโกนเรียกคนให้เปิด
“พี่อร พี่อร ปล่อยพงษ์ออกไปนะ พี่อรปล่อย...ใครก็ได้ช่วยด้วย”
ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา สุทธิพงษ์เริ่มคิดหาทางออกด้วยตัวเอง
ธีรธรมองบ้านไศลา รู้สึกไม่น่าไว้ใจนัก เขาหยิบกล่องไม้โบราณหน้ารถและปืนพกเหน็บเอวแล้วลงจากรถไป...ธีรธรเดินเข้ามาที่สนามหน้าบ้าน หันไปเห็นธิดารัตน์นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่สนาม
“ไก่น้อย...ไก่น้อย”
ธีรธรจะวิ่งเข้าไปหาหลานตน แต่อยู่ๆไศลาก็ใช้พลังมารั้งไว้ ธีรธรเดินไปไม่ได้แต่ไม่เห็นใครแต่แล้วไศลาก็ปรากฏตัวขึ้นมา พร้อมกับตาที่สาม
“คุณธีรอย่าเข้าไปค่ะ”
“ผมมาที่นี่เพื่อไก่น้อย คุณมีสิทธิ์มาห้ามอะไร”
ไศลาใช้พลังตน แตะที่ตาทั้งสองข้างของธีรธรเบาๆ สิ่งที่ธีรธรเห็นรอบตัวไก่น้อยคือพลังอำนาจสีแดงครอบไก่น้อยไว้ ธีรธรหันมามองไศลา เห็นเป็นพลังสีขาว
“ไก่น้อยมีมนต์ปกป้องอยู่ คุณธีเข้าไปไม่ได้หรอกค่ะ ฉันจะจัดการให้เอง คุณเอากล่องไม้นั่นมารึเปล่า”
“ถ้ามาเล่นมายากลหลอกผมละก็ ผมจะฆ่าคุณกับมือผมเลย”
ไศลาจ้องหน้า
“ไว้ใจฉันอีกสักครั้งเถอะค่ะ”
อ่านต่อหน้าที่ 3
กุหลาบไฟ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ธีรธรกำลังจะยื่นกล่องไม้โบราณให้ไศลา อรชรกับโยคีศิลาดำปรากฏตัวออกมา ไศลารีบรับกล่องไม้มา สายตาธีรธรเห็นทั้งคู่มีมนต์สีแดงล้อมรอบตัวอยู่เช่นกัน มีแต่ไศลาที่เป็นสีขาว ธีรธรมองทั้งสองฝั่งสับสน อรชรมองหยัน
"นึกว่าใคร ที่แท้ก็สามีคนใหม่ของพี่ไศนี่เอง คิดจะเอาผู้ชายทุกคนบนโลกนี้เลยใช่มั้ย”
ไศลาโกรธ
“อร พูดดีๆนะ คุณธีไม่ใช่สามีของพี่”
“จะต่างอะไร...สุดท้ายก็จะเอาให้ได้อยู่ดี”
โยคีศิลาดำหันมาจ้องไศลา
“เลิกพูดมากสักที ไหนตำรา”
ไศลาชูกล่องไม้โบราณให้โยคีศิลาดำดู
“นี่ไง... คลายมนต์แล้วปล่อยไก่น้อยมาก่อน ถ้าไก่น้อยยังไม่ถึงมือคุณธี ฉันก็จะไม่ส่งสิ่งนี้ให้”
โยคีศิลาดำมองไศลา วัดใจ
“อย่าให้ต้องทำลายมันตรงนี้เลย” ไศลาขู่
โยคีศิลาดำคลายมนตร์ให้ธิดารัตน์ อรชรเดินเข้าไปแก้มัดแล้วลากธิดารัตน์มา โยคีศิลาดำยื่นมือรอรับกล่องไม้ อรชรรอจังหวะปล่อยธิดารัตน์ให้ธีรธร โยคีศิลาดำอาศัยจังหวะมือไว คว้ากล่องไม้มาก่อน ธีรธรเองเห็นจังหวะก็รีบคว้าข้อมือของธิดารัตน์มาเหมือนกัน ธีรธรและธิดารัตน์โผเข้ากอดกัน
“ไก่น้อย เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“ไม่ค่ะน้าธี”
ไศลาหันมาบอก
“คุณรีบพาไก่น้อยออกไปตอนนี้เลยดีกว่า”
ธีรธรมองหน้าไศลา อยากจะขอบคุณแต่ก็ยังสับสน ไศลาเสียงเข้ม
“รีบไปสิ”
ธีรธรยังงงๆ พาไก่น้อยออกไป
ไศลาหันมาจ้องที่โยคีศิลาดำที่ได้ตำราไป
หลังจากที่สุทธิพงษ์พยายามออกจากห้องไม่ได้ เขาก็เอาผ้าม่าน ผ้าปูที่นอนมาผูกกันเป็นเชือก แล้วห้อยตัวลงมาทางหน้าต่าง
โยคีศิลาดำยังคงดีใจกับกล่องไม้ที่ได้ไป
“มันใช่จริงๆ สิ่งนี้ที่ข้าตามหามาทั้งชีวิต”
โยคีศิลาดำลูบคลำมันอย่างหลงใหล ไศลามองการกระทำของโยคีศิลาดำ เธอแอบหันไปชะเง้อดูนาถสุดาที่ยังไม่มาคิดในใจ
“นาถสุดา ทำไมเธอยังไม่มาฉันจะจัดการโยคีศิลาดำคนเดียวได้ยังไง”
ไศลายังจ้องมองโยคีศิลาดำอยู่อย่างนั้น
นาถสุดานั่งรอดุลยศักดิ์อยู่ในห้อง โดยมีสมุนประกบติดถือปืนทุกคน สมุนจ้องนาถสุดาเขม็งเพราะกลัวเธอขัดขืน ดุลยศักดิ์เปิดประตูเข้ามา มองนาถสุดาด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“พักหลังนี้ เราเจอกันน้อยลงมากนะ ว่ามั้ยนาถสุดา”
นาถสุดาได้แต่เงียบ ไม่กล้าสบตา
“ไม่ชอบงานหมั้นที่ฉันจัดให้รึไง”
“นายไม่ได้จัดให้ฉันนี่”
“อ้าว ฉันก็ลืมไป...เพราะพักหลังนี่ ไม่เห็นจะทำงานเพื่อฉันเลยสักคน”
นาถสุดานิ่งเงียบ เถียงไม่ออก
“น่าเสียดายนะ ฉันอุตส่าห์เลี้ยงเธอมาอย่างดีตั้งแต่ยังเด็ก ส่งเสริมให้เป็นดาราได้แต่ตัวสวยๆแบบที่ผู้หญิงจะชอบ ให้คนมาชอบมาชื่นชมเธอ ส่งเธอไปฝึกการต่อสู้ แต่ดูสภาพเธอวันนี้สิ ยังกับคนข้างถนน”
“นายจะทำยังไงกับฉันล่ะ”
“ฉันว่าเธอก็น่าจะรู้อยู่แล้วนะ ฉันไม่ชอบเรื่องอะไรที่เสียเวลา ฉันสร้างเธอมาได้ฉันก็ทำลายเธอได้”
สมุนทั้งหมดจ่อปืนมาที่ไศลาในระยะใกล้
“จัดการให้เรียบร้อย เอาให้เหมือนไม่มีตัวตนมาก่อน”
สมุนเหนี่ยวไกปืนจะยิง นาถสุดาไม่ยอมใช้ความว่องไว้เตะกระบอกปืนกระเด็น สมุนคนอื่นๆก็เล็งจะยิงอีก นาถสุดาก็ใช้วิชาอัดซะน่วม นาถสุดาโดนสมุน 4 คนรุมเธอคนเดียว เธอใช้วิชาต่อสู้ และอาศัยความแคล่วคล่องว่องไว โดนซัดบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะได้เปรียบ ดุลยศักดิ์ยืนมองดูการต่อสู้อย่างพอใจ นาถสุดาเหนื่อย ยืนหอบ
“ยังเก่งเหมือนเดิมเลยนะ”
โยคีศิลดำชื่นชมตำราที่ตนถืออย่างหลงใหล อรชรเดินเข้าไปหา
“เลิกบ้าได้แล้ว เมื่อแกได้สิ่งที่ต้องการแล้ว แกก็ต้องจัดการในสิ่งที่สัญญากับฉันไว้” อรชรหันไปมองไศลา “ฆ่ามันซะ”
อรชรจ้องเขม็งมาที่ไศลา ไศลามองกลับไปอยากได้ตำราคืน กำลังคิดบางอย่าง แล้วสุทธิพงษ์ก็โผล่มากระโดดขี่คอโยคีศิลาดำแน่น โยคีศิลาดำพยายามสะบัดออก
“พี่ไศหนีเร็ว”
“พงษ์”
“พี่ไศหนีไป”
ไศลาหนีไปไม่ได้ เพราะห่วงสุทธิพงษ์ จึงไม่ยอมหนี โยคีศิลาดำสะบัดสุทธิพงษ์ตกกับพื้น
“น่ารำคาญจริงๆ”
โยคีศิลาดำจะปล่อยพลังใส่ หวังฆ่าสุทธิพงษ์ให้จบ ไศลาเห็นดังนั้นรีบปล่อยพลังขวางโยคีศิลาดำทันที
“อย่ายุ่งกับน้องฉัน...พงษ์หนีไปเร็ว ไปหาไก่น้อย”
โยคีศิลาดำมองหน้าไศลา
“ตกลงเราจะเปิดศึกกันใช่มั้ย ได้…ยังไงฉันก็ต้องฆ่าเธอให้ตายอยู่แล้ว”
การต่อสู้ของโยคีศิลาดำกับไศลาจึงเริ่มต้น ตาที่สามของไศลาเบิกโพลง อรชรยืนดูด้วยความสะใจที่เห็นไศลาเพลี่ยงพล้ำ ไศลาต่อสู้กับโยคีศิลาดำด้วยตาที่สามของเธอพยายามจะชิงตำรากลับคืนมาให้ได้
ธีรธรพาธิดารัตน์ขึ้นรถ สุทธิพงษ์วิ่งตามมาหน้าตาตื่น
“คุณธี แย่แล้ว ไอ้โยคีกับพี่ไศสู้กันใหญ่เลย ไม่รู้ว่าพี่ไศจะไหวมั้ย”
ธีรธรกังวลใจขึ้นมาทันที
“พงษ์ เธอขับรถได้มั้ย”
สุทธิพงษ์พยักหน้า
“งั้นเธอพาไก่น้อยไปส่งที่บ้านฉัน”
สุทธิพงษ์ชะงัก
“เอ่อ...”
ธีรธรจ้องหน้า
“ดูแลกันให้ปลอดภัย เข้าใจมั้ย”
สุทธิพงษ์พยักหน้ารับ ธิดารัตน์หันมาถามธีรธรอย่างเป็นห่วง
“แล้วอาธีละคะ”
“อาจะเข้าไปดูไศลาสักหน่อย เผื่อจะช่วยอะไรได้”
“ระวังตัวด้วยนะคะ พวกมันร้ายกาจมาก”
ธีรธรพยักหน้ารับหลานตน
นาถสุดาจ้องมองกับดุลยศักดิ์ตาเขม็ง
“เธอต่อสู้ทั้งหมดนี่เพื่อจะรอดตายรึไง เธอก็รู้ว่าถ้าฉันจะฆ่าใคร มันไม่มีทางรอด”
นาถสุดาไม่ตอบ สมุนของดุลยศักดิ์เข้ามาในห้องอีกเพียบ เข้ามารุม นาถสุดาต่อสู้อย่างเหนื่อยอ่อน กับสมุนที่เข้ามาอีกมากาย ดุลยศักดิ์มองดูยิ้มๆ
“อย่าบอกนะว่าเธอต่อสู้อยู่เนี่ยเพื่อไอ้เทพ”
นาถสุดาชะงัก
“รู้เรื่องเทพได้ยังไง”
“จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ ก็ฉันน่ะฆ่ามันกับมือ”
นาถสุดาชะงักการสู้จนเสียท่า
“แกเป็นคนฆ่าเทพจริงๆ แล้วยังป้ายความผิดให้คนอื่นอีก แกนี่มันเลว”
“ก็แน่ละสิ”
“แกน่ะเป็นคนที่สมควรตายที่สุดแล้ว”
ความโกรธของนาถสุดาทวีขึ้น ทำให้เธอมีพลัง นาถสุดาต่อสู้แบบไม่คิดชีวิต
ไศลาต่อสู้กับโยคีศิลาดำเพื่อชิงตำราคืนมาให้ได้ ไศลาเกือบชิงได้ มันกระเด็นมาแทบเท้าธีรธรเขาหยิบมันขึ้นมา
“อยากได้นักใช่มั้ย ก็มาเอานี่”
โยคีศิลาดำเห็น ก็รีบรวบรวมพลังจะชิงตำราคืนมาผลักธีรธรกระเด็นอัดข้างฝา ไศลาเห็นก็ตกใจ
โยคีศิลาดำโมโห ปล่อยพลังกะเอาตายไปที่ธีรธร ไศลาเห็นวิ่งเข้าไปขวาง ผลักธีรธรออกไป
“เอาตำราหนีไป”
ไศลาเอาตัวรับพลังของโยคีศิลาดำแทน ธีรธรเห็นก็ตกใจ ฝุ่นฟุ้ง กำแพงบ้านพังทลายลงมากอง มองไม่เห็นตัวไศลา
“ไศลา”
ธีรธรไม่สนใจอะไร ห่วงแต่ไศลา โยคีศิลาดำใช้โอกาสนี้ชิงตำรามาจากธีรธรทันที พอได้ตำราก็เตรียมจะหนีไป อรชรออกมาเห็นเหตุการณ์
“จะไปไหน แกต้องฆ่าพี่ไศให้ฉันตามสัญญา”
“เจ้าก็ดูเอาเองแล้วกัน ข้าทำให้เจ้าแล้ว”
โยคีศิลาดำหนีหายไปทันที อรชรหันไปมองที่กำแพงที่พัง ธีรธรพยายามจะรื้อซากทั้งหมดออกมา
อรชรเองก็ใจสั่นเหมือนกัน ที่พี่สาวของตนจะตายจริงๆ
“ไศ...ไศอย่าเป็นอะไรนะ ไศ ผมกำลังช่วยคุณอยู่นะ คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ”
อรชรยืนมองนิ่ง ไม่ลงมือช่วยใดๆ
เหล่าสมุนของดุลยศักดิ์นอนสลบกันเกลื่อน นาถสุดายืนหอบทั้งความโกรธและเหนื่อยของตน บวกกับความแค้นที่ดุลยศักดิ์ฆ่าเทพ
“แกต้องตายด้วยฝีมือฉันเท่านั้น ไอ้ดุลยศักดิ์”
นาถสุดาหันมาจะฆ่าดุลยศักดิ์ด้วยพลังของเธอ ดุลยศักดิ์ยืนอยู่หน้าประตูที่เปิดออก แสยะยิ้มให้นาถสุดา
“เสียใจด้วยนะ มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”
ดุลยศักดิ์ถือรีโมทในมือ หยิบแว่นอินฟาเรดขึ้นมาใส่ เขากดรีโมท แล้วไฟทั้งหมดก็ดับพรึ่บ เหลือแต่ความมืด นาถสุดาพยายามควานหาของที่จะให้ความสว่าง เธอก็หยิบมือถือมาส่องหาคัตเอ้าท์ เธอเปิดมันขึ้นมาอีกครั้ง แต่ดุลยศักดิ์ได้หายไปแล้ว นาถสุดาเจ็บใจ
ธีรธรรื้อซากต่างๆออก เจอไศลานอนสลบอยู่ภายใต้กองนั้น
“ไศลา...ไศลา”
อรชรยืนมองอึ้งๆ ธีรธรหันมองอรชร
“คุณยืนทำอะไรอยู่ มาช่วยกันสิ นี่พี่สาวคุณนะ”
อรชรยังยืนนิ่งไม่ช่วย
“ผมไม่คิดเลยนะว่าจะมีคนใจร้ายแบบคุณอยู่จริงในโลกนี้ ไศเขาไปทำอะไร คุณนักหนาเหรอ คุณถึงอยากจะฆ่าเขาให้ตายนัก”
ธีรธรรื้อซากต่างๆออกจนหมด เขาสัมผัสตัวไศลาว่ายังหายใจอยู่มั้ย
“ไศ...คุณตื่นขึ้นมาสิ...ไศ”
ไศลาสำลักฝุ่นที่เข้าไปในจมูกขึ้นมา รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง อรชรผงะที่ไศลาฟื้นขึ้นมา ไศลาพอรู้สึกตัวก็ถามถึงตำราก่อนอย่างแรก
“ตำราล่ะ”
“มันได้ไปแล้ว...แต่อย่าไปสนใจเลย ตอนนี้คุณห่วงตัวคุณก่อนเถอะ”
ไศลามองอรชร ถามด้วยเสียงแหบแห้ง
“อรเป็นอะไรรึเปล่า”
อรชรไม่ตอบ ยังสับสนไม่รู้ว่าตนดีใจหรือเสียใจกันแน่
วงทอง พันธ์พงษ์ กมลา นิ่มนวล นั่งหน้าเครียดอยู่ด้วยกันในห้องรับแขก
“นี่ตาธีไปตามไก่น้อยถึงไหนเนี่ย ทำไมไม่ส่งข่าวเลย” วงทองบ่นด้วยความเป็นห่วง
กมลาหงุดหงิด
“ไม่ใช่ว่าหายไปอีกคนนะเนี่ย”
พันธ์พงษ์ขัดขึ้น
“คงไม่หรอกน่า”
แวววิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในบ้าน
“รถคุณธีเข้ามาจอดแล้วค่ะ รถคุณธีมาแล้ว”
“เหรอ พี่ธีกลับมาแล้วเหรอ”
นิ่มนวลรีบลุก ดีใจนำทุกคนจะไปหาธีรธรที่รถ วงทอง พันธ์พงษ์ กมลาลุกตามไปด้วย ยังไม่ทันจะพ้นห้อง สุทธิพงษ์ก็พาธิดารัตน์เข้ามาในบ้าน พันธ์พงษ์เห็นลูกสาวก็ดีใจ พ่อลูกโผเข้ากอดกัน
“ไก่น้อย ลูก”
นิ่มนวลเห็นไม่ใช่ธีรธรก็หน้าเซ็ง
“ไก่น้อยกลับมาแล้ว ยังไงนิ่มก็คงขอตัวก่อนก็แล้วกันนะคะ”
กมลามองเห็นสุทธิพงษ์ก็เหวี่ยงทันที
“อ๋อ นี่แกเองเหรอที่พาลูกฉันไป ไอ้เด็กเหลือขอ”
กมลาตบหน้าสุทธิพงษ์ทันที ธิดารัตน์ตกใจ
“ไม่ใช่นะคะแม่ พงษ์เขาเป็นคนช่วยหนูมาต่างหาก”
“แกไม่ต้องมาช่วยมันเลยนะ แกมันก็แรด...ไม่รู้จักจำ”
พันธ์พงษ์ไม่พอใจ
“คุณพูดแบบนี้กับลูกได้ยังไง หัดฟังลูกซะบ้างสิ”
กมลาโกรธ
“นี่คุณกล้าว่าฉันเหรอ ห๊า”
วงทองระอาส่งเสียงดุ
“เอ๊าพอแล้ว จะมาทะเลาะกันทำไม ลูกกลับมาก็ควรจะดีใจ จะมัวโทษกันไปกันมาทำไม”
กมลาเสียหน้าที่โดนแม่ดุ วงทองเดินเข้าสัมผัสเนื้อตัวธิดารัตน์อย่างเป็นห่วง
“เป็นไงบ้างลูก เจ็บตรงไหนมั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย”
กมลายังบ่นไม่เลิก
“สามีก็เป็นแบบนี้ ลูกยังจะมาเป็นแบบนี้อีกรึไง”
วงทองหันไปปราม
“แม่แก้วนี่ หยุดพูดสักที”
กมลาเดินไม่พอใจออกไป ธิดารัตน์ได้แต่มอง เสียใจ วงทองแปลกใจ
“แล้วน้าเราล่ะ ไม่มาด้วยกันเหรอ”
ธิดารัตน์อึกอัก
“เอ่อ...”
สุทธิพงษ์ตอบแทน
“คุณธีปล่อยให้พวกเราหนีออกมาก่อนครับ”
พันธ์พงษ์เป็นห่วงไศลา
“แล้วไศลาล่ะ”
“อยู่กับน้าธีค่ะ...ไก่น้อยเป็นห่วงน้าไศ”
“ยังไง...พระก็คุ้มครองคนดีจ้ะไก่น้อย”
วงทองพูดแต่ก็แอบกังวล สุทธิพงษ์เองก็กังวลใจ
ธีรธรอุ้มไศลามานอนบนโซฟายาวเธอนอนหลับ อรชรยืนดูอยู่ห่างๆ ไม่คิดช่วยอะไร ธีรธรเดินหายออกไปเพื่อหาผ้ามาเช็ดเนื้อเช็ดตัว อรชรมองไศลาที่หายใจและหมดสติ เธออยากจะฆ่าพี่สาวถึงกับยืนคิดไปว่า เธอเดินไปหยิบหมอน เอาไปกดปิดหน้าจนไศลาดิ้น เธอก็ไม่ปราณี ไม่ยอมปล่อยพี่สาวของตัวเอง ธีรธรเดินเข้ามา มองอรชรที่ยืนนิ่งอยู่
“คุณทำอะไรของคุณน่ะ”
อรชรสะดุ้งตื่นจากภวังค์ อรชรตอบตัวเองไม่ได้ว่าเธอต้องการอะไร ธีรธรเอาผ้ามาเช็ดตัวไศลาอย่างทะนุถนอม เป็นห่วง
โยคีศิลาดำหนีมากลางป่า เพื่อจะฝึกวิชาและไม่ให้มีใครตามเจอ
“รอให้ข้าฝึกวิชาสำเร็จก่อนเหอะ...ได้เจอกันแน่”
โยคีศิลาดำมองกล่องไม้อย่างวิเคราะห์ ยิ้มกับมันสุขใจ เขาค่อยๆเปิดกล่องไม้ออก แต่ปรากฏว่าเขาพยายามเปิดเท่าไหร่ก็ไม่ออก
“ทำไมเปิดไม่ออก”
โยคีศิลาดำพยายามเปิดมันจนโมโห เขาเขวี้ยงมันลงกับพื้น ใช้พลังเพื่อเปิดมันทุกวิถีทาง ยังไงก็เปิดไม่ออก โยคีศิลาดำตะโกนเสียงดังด้วยความโมโห
ไศลานั่งอยู่กลางป่าเนื้อตัวมอมแมม นักพรตเมฆขาวปรากฏตัวมาด้านหลัง มาจับไหล่ของเธอ
“หลวงปู่”
“ถึงเวลาแล้ว”
“ถึงเวลาอะไรคะ”
“เวลาของเจ้า”
“ไศทำให้ตำราหน้าสุดท้ายไปอยู่กับคนชั่ว”
“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก ตำรานั่นจะอยู่กับคนที่คู่ควรกับมันเท่านั้น”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“คนที่จะเปิดตำรานั่นได้ จะต้องมีตาที่สามเท่านั้น”
ไศลาชะงัก
“ก็หมายความว่า...”
“น้องศิลาไม่มีวันที่จะเปิดมันได้”
ไศลารู้สึกกระสับกระส่ายตามตัวอย่างบอกไม่ถูก นักพรตเมฆขาวสังเกตเห็น
“ถึงเวลาที่เจ้าต้องกลับไปแล้ว”
ธีรธรเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ไศลาอย่างทนุถนอม ไศลาตื่นขึ้นมามองเห็นเขาก็ดีใจ
“คุณหายโกรธฉันแล้ว”
“เปล่า...ผมก็แค่ตอบแทนที่คุณช่วยผม”
ไศลายิ้มเศร้าๆ
“นั่นสินะ ต่อให้คุณหายหรือไม่หาย ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี”
“หมายความว่าไง”
“ฉันยินดีกับคุณด้วยนะคะ”
“ยินดี...เรื่องอะไร”
“เรื่องงานแต่งงาน คุณกับคุณนิ่มนวล”
ธีรธรผงะไป
“คุณกลับไปเถอะค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้”
ธีรธรก็ได้แต่เงียบอึ้ง พูดอะไรไม่ออก
ดุลยศักดิ์นั่งคุยโทรศัพท์อยู่บนรถ
“ผมต้องการให้คุณจัดการให้เร็วที่สุด ก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายไปกว่านี้ ผมไม่อยากเสียเวลา”
ดุลยศักดิ์สีหน้าไม่ปราณีใครทั้งสิ้น...เสริมพงษ์คุยโทรศัพท์กับดุลยศักดิ์อยู่ที่สถานีตำรวจ
“ถึงกับให้ผมจัดการ เรื่องใหญ่ละสิ...ได้ เรื่องแค่เล็กน้อยแค่นี้”
ไศลาค่อยๆลุกขึ้นจากโซฟา ร่างกายยังไม่ค่อยไหวนักมองธีรธรที่เดินจากไปเศร้าๆ น้ำตารื้น อรชรเดินเข้ามาในมือถือมีดปลายแหลมจ้องมองไศลา
“อร...อรเป็นอะไรรึเปล่า”
“พี่ไศฟื้นขึ้นมาทำไม ทำไมไม่ตายๆไปซะ”
“อรเกลียดพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่...อรเกลียดพี่ไศ”
“ถ้างั้น...อรก็ฆ่าพี่เองเลยสิ”
“พี่ไศอย่าท้านะ”
“พี่ไม่ได้ท้า แค่อรตัดสินใจว่าพี่ไม่ควรจะอยู่ร่วมโลกกับอรแล้ว พี่ก็ยินดี”
ไศลาหลับตานิ่ง พร้อมรับการตัดสินใจของน้องสาว อรชรถือมีดเดินเข้ามาหากล้าๆกลัวๆ ไศลาหลับตา สงบ อรชรมายืนในระยะประชิดในมือกำมีดแน่น เธอมองหน้าพี่สาวด้วยความแค้นเงื้อมจะแทง แต่เธอก็ใจแข็งไม่พอ
“พี่ไศจะไปไหนก็ไป อรไม่อยากเห็นหน้าพี่ไศอีก”
สุทธิพงษ์เดินเข้ามา
“พวกเราจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าอีกได้มั้ย”
อรชรและไศลาต่างก็หันไปตามเสียงสุทธิพงษ์
“ผมรู้ พี่อรไม่ได้อยากให้พี่ไศตายหรอก เพราะพี่อรน่ะไม่ได้เกลียดพี่ไศ ถึงเราจะไม่ได้ดูแลกันเหมือนพี่น้องคนอื่นๆ แต่จริงๆลึกๆเราก็รักกันไม่น้อยกว่าใครหรอก หรือพี่อรว่าไม่จริง”
อรชรได้ยินก็ทั้งรักทั้งชังจนน้ำตาไหลออกมา นาถสุดาเข้ามาในบ้าน
“หมดเวลาซึ้งแล้วไศลา”
ทุกคนหันมาเห็นนาถสุดาก็เกรงๆ
“ฉันมาทวงตำราตามที่เธอบอก”
“มาอะไรเอาตอนนี้ โยคีศิลาดำมันเอาไปแล้ว”
“เธอให้มันไปได้ยังไง”
“ฉันคนเดียวจะต้านมันได้ยังไงล่ะ เธอเองที่ไม่มาตามที่นัดไว้”
นาถสุดากำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เธอเดินผลุนผลันจะออกไป
“นั่นจะไปไหน”
“จะไปเอาตำราคืนมาน่ะสิ”
“ฉันไปด้วย”
นาถสุดามองหน้าไศลา ไม่ตอบอะไร สุทธิพงษ์เป็นห่วงไศลา
“พี่ไศ มันอันตรายนะ”
“พงษ์ไม่ต้องห่วงหรอก พี่สัญญาว่าพี่จะกลับมา”
ไศลาส่งยิ้มให้อรชร และสุทธิพงษ์
“อย่ามัวชักช้าอยู่เลยน่า”
นาถสุดาไม่ซึ้งด้วย เดินออกไป ไศลาเดินตามไปติดๆ
ธีรธรนึกถึงเหตุการณ์ที่ไศลาเอาตัวช่วยตนจนบาดเจ็บแทน
“ถ้าคุณหักหลังผมจริงๆ ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมเสียงที่ส่งมาจากหลังประตู
“ไก่น้อยเองค่ะน้าธี”
“เข้ามาได้เลยจ้ะ ประตูไม่ได้ล็อค”
ธิดารัตน์เปิดประตูเข้ามา ส่งยิ้มให้ธีรธร
“ไก่น้อยจะมาขอบคุณที่น้าธีช่วยไก่น้อยไว้”
“ไม่ใช่น้าหรอกจ้ะ ไก่น้อยต้องไปขอบคุณ...”
ธิดารัตน์สวนขึ้น
“น้าไศใช่มั้ยคะ แต่ยังไงไก่น้อยก็ต้องขอบคุณทั้งสองคนนั่นแหละ”
ธีรธรยิ้มรับ
“แล้วเมื่อไหร่ไก่น้อยจะได้เจอน้าไศละคะ”
“น้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันจ้ะ”
“น้าไศเขาเป็นคนดีนะคะ ช่วยไก่น้อยทุกครั้งเลย”
“ตอนนี้น้าว่าไก่น้อยควรจะพักผ่อนให้มากๆก่อนนะ เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลังดีกว่า”
“ก็ได้ค่ะ ไก่น้อยไม่กวนน้าธีละ”
ธิดารัตน์เดินออกไปที่ประตู ธีรธรเดินมาส่ง เขาคิดต่อเกี่ยวกับสิ่งที่หลานสาวพูด
“ถ้าคุณไม่ใช่คนหักหลัง...แล้วใคร”
ธีรธรนึกถึงที่เขารับโทรศัพท์จ่านิด ที่ว่ามีหลักฐาน
“หรือว่าที่จ่าพูดนั่นคือเรื่องนี้...”
ธีรธรคิดได้ รีบออกไปจากห้องทันที
ธีรธรมาที่โต๊ะจ่านิด ค้นเอกสารเดิมที่จ่านิดค้นไว้ มันไม่อยู่แล้ว ธีรธรถามตำรวจที่เดินผ่าน
“เอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะนี่หายไปไหนหมดแล้วล่ะ”
“อ๋อ ผู้การให้เคลียร์โต๊ะจ่านิดให้เรียบร้อยครับ”
“แล้วใครเป็นคนดูคดีจ่านิดน่ะ”
“ผู้การขอดึงไปจัดการเองครับ เพราะเห็นว่าตอนนี้ทุกคนดูยุ่งๆ”
“อ๋อเหรอ”
ธีรธรพยักหน้าเข้าใจ เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆบางอย่าง
อ่านต่อหน้าที่ 4
กุหลาบไฟ ตอนที่ 11 (ต่อ)
นาถสุดาพาไศลามาที่กลางป่า ไศลาถามอย่างสงสัย
“เธอแน่ใจเหรอว่าโยคีศิลาดำจะแอบมาฝึกวิชาที่นี่”
“เธอลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นลูกศิษย์เขามาก่อน”
นาถสุดาพาไศลาเดินเข้ามาในป่า ทั้งคู่มองหาร่องรอยของโยคีศิลาดำตามที่ต่างๆ แต่ทั้งคู่ก็มองไม่เห็นร่องรอยอะไรเลย ไศลาคิดๆ
“หรือมันอาจจะไปที่อื่น”
“ไม่มีทาง ฉันรู้สึกได้ว่ามันต้องอยู่ที่นี่”
มีเสียงบางอย่างกรอบแกรบด้านหลัง ทั้งคู่ค่อยๆหันไปมอง เป็นเสือมนต์ดำตัวโตกำลังจ้องอย่างหิวโหย นาถสุดากับไศลามองหน้ากัน เสือมนตร์ดำกระโจนเข้าใส่ ทั้งคู่ใช้พลังของตนในการต่อสู้กับเสือร้ายที่มีอำนาจมหาศาล ตาแดงจ้องเขม็ง ไม่ยอมลดละ ไม่ยอมปล่อยทั้งคู่ไปง่ายๆ นาถสุดาพลาดท่าโดนเสือตะปบ แต่ไศลาก็ใช้พลังตาที่สามของเธอช่วยไว้ได้ ไศลาใช้ตาที่สามเพ่งพลังไปที่เสือ แล้วเสือก็มลายหายไป
“นี่เป็นแค่มนต์ดำ”
โยคีศิลาดำจึงปรากฏตัว
“ใช่...ก็แค่เสี้ยวหนึ่งของมนต์ของข้า”
นาถสุดาแปลกใจ
“ตำรานั่นทำให้ท่านมีมนต์มากขึ้นขนาดนี้เลยเหรอ”
“เจ้าต่างหากที่อ่อนแอเพราะความรัก นาถสุดา”
ไศลามองหน้าโยคีศิลาดำ
“เอาตำรามาให้ฉันเถอะ ฉันรู้ว่าแกเปิดมันไม่ได้”
โยคีศิลาดำเพ่งพลังใส่ไศลา จนกระเด็นไป
“เจ้ารู้อยู่แล้วว่าข้าจะเปิดไม่ได้ แต่เจ้าก็ยังหลอกข้างั้นสิ”
“ก็เจ้าอยากได้มันจนไม่ยอมฟังใครอยู่แล้ว”
“งั้นที่เจ้ามาวันนี้ ก็เพื่อจะมาเปิดมันให้ข้าสินะ”
“ข้าแค่มาขอคืน มีคนอื่นที่จำเป็นต้องใช้มากกว่าเจ้า”
โยคีศิลาดำหัวเราะดังก้องป่า
“ตำรานั่นเป็นของข้าคนเดียว”
“ทั้งที่เจ้าเปิดมันไม่ออก”
“ข้าก็กำลังจะเปิดมันออกนี่ไง”
โยคีศิลาดำกระชากตัวไศลาห่างๆ แต่ตัวไศลาก็ลอยคว้างมากองแทบเท้าเขา
“เจ้าต้องเป็นคนเปิดมันให้ข้า”
โยคีศิลาดำหยิบตำราออกมายื่นให้ไศลาดูแต่ไม่ให้จับ สภาพมันเยินกว่าเดิมไปมากจากการพยายามเปิดของเขา จังหวะเผลอ นาถสุดาก็ใช้พลังชิงตำราจากมือโยคีไปทันที โยคีศิลาดำไม่ยอมไล่นาถสุดาไม่ลดละ นาถสุดาก็ต่อสู้ไม่หยุด แต่สุดท้าย นาถสุดาก็ต้องกระอักเพราะพลังของโยคีศิลาดำที่เหนือกว่า ร่างของเธอตกกระแทกพื้นปางตาย ตำรากระเด็น โยคีศิลาดำหยิบมันขึ้นมาอย่างง่ายดายมองร่างนาถสุดาที่เจ็บสาหัส
“อย่าคิดจะเทียบรุ่นกับข้าอีก”
โยคีศิลาดำจะฆ่านาถสุดา แต่แสงสีขาวก็สว่างจ้าจนแสบตาพุ่งเข้ามา ทำโยคีศิลาดำกระเด็นไป นักพรตเมฆขาวปรากฏตัวขึ้น
เสริมพงษ์นั่งทำงานเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามาสิ”
ธีรธรเดินเข้ามาในห้องเสริมพงษ์
“อ้าวผู้กอง”
“ครับผู้การ”
“ดูเหมือนตอนพักงาน ผู้กองจะเข้ามาบ่อยกว่าตอนไม่พักอีกนะ”
“นั่นสิครับ”
“ผู้กองมีอะไรรึเปล่า”
“ผมอยากจะมาขอทำคดีของจ่านิดเองน่ะครับ”
“ผู้กองโดนพักงานอยู่นะ”
“ครับ ผมเข้าใจ แต่ผมขอเป็นกรณียกเว้น”
“คุณไม่ได้แค่หาเรื่องใส่ตัว แต่คุณหาเรื่องให้ผมด้วย”
“ผมว่าเรื่องจ่านิดมันมีอะไรแปลกๆนะครับ”
เสริมพงษ์ชะงักลงทันที
“คุณรู้อะไรมาน่ะผู้กอง”
“เปล่าหรอกครับ แค่ก่อนที่จ่านิดจะตาย เขาเหมือนมีเรื่องบางอย่าง...”
“คุณจะบอกผมว่า คุณไม่ไว้ใจผมให้ทำคดีนี้งั้นเหรอผู้กอง”
“ไม่ใช่นะครับ ผมแค่อยากทำอะไรให้จ่าเป็นสิ่งสุดท้ายน่ะครับ สิ่งที่จ่าต้องการ”
“ผมคงอนุมัติไม่ได้หรอก เรื่องที่ผู้กองทำน่ะเสื่อมเสียทั้งกรมแล้ว ข่าวก็เพิ่งไม่นานมานี้ ผมว่าผู้กองอยู่บ้านเฉยๆไปก่อนดีกว่า อย่าหาเรื่องใส่ตัวอีกเลยผมเตือนคุณด้วยความหวังดีนะ”
ธีรธรพยักหน้ารับคำ เข้าใจ
“ไม่เป็นไรครับผู้การ ยังไงผมก็ขอบคุณมาก”
ธีรธรเดินออกจากห้อง เสริมพงษ์มองธีรธรอย่างไม่ไว้ใจ
นักพรตเมฆขาวกับโยคีศิลาดำเผชิญหน้ากัน ราวกับเป็นนัดล้างตา
“พี่เมฆาอย่าทำแบบนี้ดีกว่า ยังไงเราก็พี่น้องกัน”
“ข้าต้องยืนอยู่ข้างความถูกต้อง”
“สิ่งที่ถูกต้องที่สุดก็คือ การที่ข้าคือคนที่มีวิชาเหนือใครในโลกนี้”
“เจ้าจะอยากเป็นใหญ่ไปทำไม สุดท้ายเจ้าตาย เจ้าก็เอาอะไรไปไม่ได้”
“อย่ามาธรรมะหน่อยเลยน่า ถ้าธรรมะมันช่วยได้ โลกนี้คงไม่มี คนเลวหรอก โงหัวออกจากป่าบ้างพี่เมฆา ข้างนอกนั่น มันเป็นโลกของใครมีเงิน มีอำนาจมากกว่าก็ชนะหมดแล้ว”
“เจ้านี่มันเป็นบัวใต้น้ำจริงๆ”
“ถ้าพี่เมฆาจะขัดขวางข้า...ก็ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งตาย”
การต่อสู้ของทั้งสองคนเริ่มขึ้นอย่างดุเดือด
นาถสุดาใกล้จะตายเต็มที ไศลารีบเข้ามาช่วย
“เธออย่าเป็นอะไรนะ เธอต้องเข้มแข็งไว้รู้มั้ย”
ไม่มีเสียงตอบจากนาถสุดา ตาเธอลอย ไศลาใช้ตาที่สามของเธอรักษานาถสุดา
นาถสุดาเดินเหม่อๆมาถึงริมน้ำตก เห็นเทพยืนรออยู่ตรงนั้น
“เทพ...เทพจริงๆด้วย”
นาถสุดาโผเข้ากอดเทพแน่น
“นี่นาถตายแล้วใช่มั้ย นาถตายแล้ว...”
“นาถยังไม่ตาย”
“แล้วทำไม เทพ...หรือเพราะเทพฟื้นขึ้นมาแล้ว ไศลาทำให้เทพฟื้นขึ้นมาตามสัญญาแล้วใช่มั้ย”
เทพส่ายหน้า
“ยังไม่ถึงเวลาที่นาถจะต้องตาย แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะฟื้นนาถแค่ฝันไปเท่านั้น”
“ทำไมล่ะ ทำไมนาถจะทำให้เทพฟื้นไม่ได้ ต้องทำได้สิ ตำรานั่นไง”
“ผมกลับไปไม่ได้แล้ว”
“งั้นนาถก็จะอยู่กับเทพที่นี่”
“ไม่ได้...นาถต้องมีชีวิตต่อไป เพื่อผม”
“ไม่...นาถไม่อยู่”
“ผมสัญญาว่าผมจะอยู่ข้างๆนาถตลอดเวลา ผมจะไม่ทิ้งนาถไปไหนผมอยากให้นาถมีชีวิตอยู่ดูโลกนี้ไปอีกนานๆ เพื่อผม นะ”
นาถสุดาร้องไห้
“สัญญากับผมก่อน”
นาถสุดาพยักหน้ารับกอดเทพแน่น ไม่อยากจากไปไหน
“ถึงเวลาที่คุณต้องไปแล้ว”
นาถสุดาอาลัยอาวรณ์ไม่อยากไป
“นาถรักเทพนะ”
“ผมก็รักนาถ รักมาก”
นาถสุดาค่อยๆห่างจากเทพออกมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ
ไศลาใช้พลังรักษานาถสุดา จนสีหน้าของเธอค่อยๆดีขึ้น นาถสุดารู้สึกตัวขึ้นมา
“นี่เธอช่วยฉัน ทั้งที่ฉันจะแย่งตำราไปจากเธองั้นเหรอ”
ไศลาส่งยิ้มให้ หน้าตาของไศลาอิดโรย
โยคีศิลาดำกับนักพรตเมฆขาวสู้กันต่อเนื่องจนโยคีศิลาดำพลาดท่า ล้มลง นักพรตเมฆขาวได้เปรียบอยู่ด้านบน พร้อมตัดสินใจฆ่าเมื่อไรก็ได้
“เจ้าพลาดแล้วศิลา”
โยคีศิลาดำตื่นกลัว
“พี่เมฆาท่านจะฆ่าข้าลงจริงๆเหรอ”
นักพรตเมฆขาวจ้องไม่วางตา
“ข้าแค่อยากให้เจ้ายอมรับว่ายังไง ธรรมะก็ต้องชนะอธรรม”
“พี่เมฆาจะไม่ฆ่าข้าใช่มั้ย”
“ข้าจะให้โอกาสเจ้ากลับตัวซะใหม่”
“ขอบคุณพี่เมฆามากที่ไว้ชีวิตข้า”
นักพรตเมฆขาวยิ้มให้โยคีศิลาดำอย่างปราณี แล้วจังหวะที่นักพรตเมฆขาวเผลอ โยคีศิลาดำก็ใช้ฝ่ามือไฟของเขาทะลวงเข้ากลางตัวของนักพรตเมฆขาวทันที นักพรตเมฆขาวตาค้าง โยคีศิลาดำหัวเราะสะใจ
“คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาดไงพี่เมฆา ไม่เคยได้ยินเหรอ ความดีที่พี่นับถือน่ะมันไม่มีอยู่จริงแล้ว ดูมันตอบแทนพี่สิ” โยคีศิลาดำหัวเราะสะใจ
ไศลากับนาถสุดามาเห็นพอดี ไศลาตกใจสุดขีด
“หลวงปู่...หลวงปู่”
ไศลาโผเข้าหานักพรตเมฆขาวทันที
“หลวงปู่...หลวงปู่อย่าเป็นอะไรนะ ไศจะรักษาอาจารย์เอง”
“ไม่ต้อง ถ้าเจ้ารักษาข้า ก็เท่ากับว่าเจ้ายอมตายแทนข้า ข้าสมควรแก่เวลาแล้ว”
“ไม่...แล้วใครจะสอนไศให้ฝึกโน่นฝึกนี่เพิ่มเติมล่ะ ไศยังไม่เก่งเลย”
“ตำรานั่นจะสอนเจ้าเอง”
“ตำราเหรอคะ”
นักพรตเมฆขาวพูดจบก็สิ้นใจไปทันที ไศลาตะลึง
“หลวงปู่...หลวงปู่”
ธีรธรคุยโทรศัพท์กับหมอนพรัช
“เพื่อนแกที่นิติเวช ต้องรู้จักมั่งแหละวะ...เออ ฉันอยากรู้ข้อมูลการตายของจ่านิด ฉันว่ามันแปลกๆ ... ฉันรู้ว่าแกช่วยฉันได้น่าไอ้นพ...เออ งั้นเดี๋ยวฉันเข้าไปหาเลย”
ธีรธรยิ้ม ขับรถออกไป
ไศลาน้ำตานองหน้าหันไปหาโยคีศิลาดำที่ยืนมองอย่างไม่สำนึกผิด
“เจ้าโทษข้าไม่ได้หรอกนะ ในสนามรบก็ต้องมีคนชนะ และคนแพ้”
“แต่หลวงปู่เป็นพี่แท้ๆของแก”
“แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้ล่ะ หมดอาจารย์ไปทั้งคน ฝีมือเจ้าสองคนก็เทียบอะไรข้าไม่ได้อยู่แล้ว”
“แต่ก็อย่าลืมว่า...ยังไง แกก็ต้องให้ฉันเปิดตำรานั่นให้ไม่ใช่เหรอ แกฆ่าฉันไม่ได้หรอก”
“เจ้าคิดจะดึงเกมเพื่อเอาชีวิตรอดสินะ แต่เป็นวิธีเล่นที่ไม่ฉลาดเอาซะเลย”
โยคีศิลาดำหันไปคว้าตัวนาถสุดาเข้ามาล็อคคอ ร่ายมนต์ นาถสุดาไม่สามารถขยับได้
“ถ้าเจ้าจะเล่นเกม มันต้องแบบนี้...ทีนี้จะเปิดตำราได้รึยังล่ะ”
ไศลาจำต้องทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข
“ก็เอาตำรามาสิ”
โยคีศิลาดำโยนกล่องไม้โบราณให้ ไศลารับไว้ แค่ไศลารับกล่องไม้ไว้เธอก็รู้สึกถึงพลังที่มากมายอย่างประหลาด ไศลารวบรวมสมาธิ ตาที่สามของเธอเปิดออก กล่องไม้สว่างจ้าคลายเวทมนต์ที่ล็อคไว้จนหมด ไศลาหยิบกระดาษที่มีเพียงแผ่นเดียวขึ้นมา ลมจากทุกสารทิศพัดมาล้อมร่างเธอ แสงสว่างจ้าจนโยคีศิลาดำต้องเบือนหน้าหนี ตัวอักษรทุกตัวในกระดาษค่อยๆไหลผ่านตัวเธอ และซึมหายเข้าไปไศลาดูสงบและมีพลังมหาศาล โยคีศิลาดำตวาดลั่น
“ส่งกระดาษนั่นมาให้ข้า เร็วเข้า”
ไศลาชำเลืองตามองอย่างมีอำนาจ เป่ากระดาษแผ่นนั้นไปให้ โยคีศิลาดำเปิดดู เป็นกระดาษเปล่า
“นี่มันอะไร มันกระดาษเปล่านี่”
“คนที่มีจิตใจบริสุทธิ์เท่านั้นถึงจะมองเห็น”
“ไม่จริง แกหลอกฉัน ฉันจะฆ่านางนี่ซะ”
โยคีศิลาดำจะใช้พลังฆ่านาถสุดา แต่แค่ไศลายกมือขึ้นโบก โยคีศิลาดำก็กระเด็นไปอีกทาง ไศลามีพลังเพิ่มขึ้นมาอย่างที่นาถสุดาเห็นก็ต้องตกใจ ไศลาคลายมนต์ให้กับนาถสุดาขยับได้เป็นปกติแล้วเดินไปที่โยคีศิลาดำที่ล้มอยู่กับพื้น โยคีศิลาดำตกใจ
“ข้าไม่เคยรู้สึกถึงพลังอะไรที่มากมายขนาดนี้มาก่อนเลย”
“ถึงเวลาของแกบ้างแล้วสินะ”
โยคีศิลาดำรีบร้องขอชีวิตเหมือนเคย
“อย่า... อย่าฆ่าข้าเลย ไว้ชีวิตข้าเถอะ ข้าจะกลับตัวเป็นคนดี”
ไศลามองเหยียด
“ตอนพูดกับหลวงปู่ แกก็พูดแบบนี้ ...”
นาถสุดาตะโกนขัดขึ้น
“ให้ฉันเป็นคนฆ่ามันเองเถอะ”
“อย่าให้ต้องแปดเปื้อนกันเลย ให้เป็นหน้าที่ของฉันจะดีกว่า”
โยคีศิลาดำหวาดกลัวร้องขอชีวิต
“ขอล่ะ...อย่า...อย่าเลยนะ...อย่า”
ไศลายื่นมือออกไปใช้พลังดูดทุกสิ่งทุกอย่างออกจากโยคีศิลาดำ เส้นพลังมนต์ดำต่างๆถูกดูดหายไปในฝ่ามือของไศลา โยคีศิลาดำกลัวตัวสั่นแต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็รู้ว่าตนยังไม่ตาย
“ข้ายังไม่ตาย ข้ายังไม่ตาย”
“หมดหน้าที่ของฉันแล้ว”
แสงรอบตัวไศลาค่อยๆเฟดลง แล้วเธอก็หมดสติล้มไป นาถสุดารีบเข้ามาประคอง
“ไศลา...ไศลา”
โยคีศิลาดำได้โอกาสจะฆ่าทั้งคู่
“ดี ฉันจะฆ่าแกทั้งคู่”
โยคีศิลาดำทำท่าไม้ตายท่าเดิมของเขา แต่มันก็ไม่มีพลังอะไรออกมาอีกแล้ว เขาโดนไศลาดูมนต์ดำในตัวออกทั้งหมด โยคีศิลาดำหน้าตื่น
“ไม่นะ ทำไมข้าไม่มีพลัง พลังของข้า”
นาถสุดายิ้มเยาะ
“ไศลาทำถูกล่ะ คนบ้าอำนาจอย่างแกไม่ควรตายหรอก ต้องอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปอย่างคนไม่มีพลังอำนาจอะไรเลย”
โยคีศิลาดำโวยวาย
“ไม่เอานะ...ไม่”
นาถสุดาจ้องมองโยคีศิลาดำอย่างสมเพช
ธีรธรเดินเข้ามานั่งในห้องนพรัช หน้าตาจริงจัง
“ว่าไงบ้างวะ”
นพรัชยื่นแฟ้มให้
“ฉันให้เพื่อนจากโรงพยาบาลตำรวจแฟ็กซ์มาให้”
“ฉันกะแล้วว่าแกต้องทำได้”
“ไม่ต้องมาชม ไม่ใช่เด็กๆเว้ย”
“โห มีแต่ศัพท์หมอ มันสรุปว่ายังไงวะเนี่ย”
นพรัชอธิบาย
“ก็ว่ากระสุนจุดสามแปดยิงตัดขั้วหัวใจ จากด้านหน้าในระยะเผาขน”
ธีรธรชะงัก
“ระยะเผาขนเหรอ”
“ทำไม มีอะไรน่าสงสัยเหรอ”
“ฉันก็ยังไม่มั่นใจหรอกว่ะ แค่อยากรู้รายละเอียดน่ะ”
“เรื่องคนในกรมเหรอ”
ธีรธรพยักหน้ารับ
“ระวังนะเว้ย เดี๋ยวไปเจอเข้า แกน่ะจะซวย” นพรัชเตือนอย่างเป็นห่วง
ธีรธรครุ่นคิดตามคำพูดของเพื่อน
“แล้วแกกับคุณไศลาเป็นไงบ้างวะ”
ธีรธรถอนหายใจ
“ก็เหมือนเดิม”
นพรัชมองหน้า
“นี่ยังจีบเขาไม่ติดอีกเหรอ ถ้ายังไม่ติดฉันจะจีบแล้วนะเว้ย”
“ไอ้นี่...คนยิ่งเครียดๆอยู่ มาพูดเล่นอีก”
“แหม ก็ไม่อยากให้เครียดมากเว้ย”
นพรัชล้อเพื่อนยิ้มๆ ธีรธรไม่ค่อยเอาด้วยนัก
“ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะเว้ย เดี๋ยวถ้าฉันได้ข้อมูลยังไง เดี๋ยวฉันจะเมล์ไปให้เพิ่มเติม”
ธีรธรพยักหน้ารับ
ค่ำนั้น นาถสุดาพาไศลากลับมาที่บ้าน เธอวางไศลาลงบนเตียงในห้องของไศลา โดยมี อรชร และสุทธิพงษ์ ยืนอยู่ไม่ห่าง
“ฉันหมดหน้าที่ฉันแล้ว ต้องฝากพวกเธอดูแลพี่สาวของเธอแล้วล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ ถึงเวลาที่เราจะต้องดูแลพี่ไศบ้างแล้ว พี่ไศดูแลเรามาทั้งชีวิตละ”
อรชรหันไปหานาถสุดา
“ขอบคุณที่พาพี่ไศมาส่ง”
นาถสุดาพยักหน้ายิ้มๆก่อนจะเดินจากไปอย่างเหงาๆ
นาถสุดากลับมาที่ห้องพักในโรงแรม เธอนั่งมองร่างของเทพที่เริ่มเน่าเละแล้วเศร้าๆ
“นาถจะจัดการกับคนที่ฆ่าเทพให้ได้... แล้วนาถจะปล่อยเทพไปเป็นอิสระ”
นาถสุดายังไม่ยอมปล่อยดุลยศักดิ์ไปง่ายๆ เธอแค่คิดถึงหน้าดุลยศักดิ์ ความแค้นก็ลุกโชนในแววตา
ไศลานอนหลับอยู่บนเตียง มีเงาบางคนย่องเข้ามาในห้อง คนๆนั้นมองและลูบไล้ใบหน้าไศลาที่กำลังหลับด้วยความลุ่มหลง ไศลารู้สึกตัวขึ้นจากการสัมผัสเธอตกใจ
“ชิต มาทำอะไรน่ะ”
“ก็มาหาไศไง”
“ทำไมต้องแอบมาแบบนี้” เธอมองนาฬิกา “นี่มันดึกแล้วด้วย”
“ชิตทนคิดถึงไศไม่ไหว”
“ออกไปดีกว่าชิต ไศไม่ค่อยสบาย”
“ไม่ไป นอกจากไศจะไปกับชิต”
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“แต่ชิตรักไศนะ รักไศคนเดียว”
“พอเถอะชิต เรื่องของเรามันจบไปตั้งนานแล้ว ชิตควรจะพูดแบบนี้กับอรมากกว่า ไม่ใช่ไศ”
ชูชิตคิดแผนทันที
“ก็ที่ชิตจะให้ไศไปด้วย ก็เพราะมีอรมาเกี่ยวด้วยเนี่ยแหละ”
“เรื่องของอรเหรอ มีอะไร”
“งั้นก็ไปด้วยกัน”
ไศลาพยักหน้า ชูชิตจูงไศลาออกจากห้องไป
ชูชิตพาไศลาขึ้นมาบนรถจับมือเธอพูดความในใจ
“ไศ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชิตขอบอกไว้ก่อนนะว่าชิตน่ะรักไศชิตรักไศจริงๆ”
ชูชิตหยิบแหวนประจำตระกูลที่เคยเอามาจากบ้านวงทองออกมาสวมให้ไศลา
“แหวนนี่แทนความรักระหว่างเรานะ”
“นี่มันอะไรกันน่ะชิต เอามาให้ไศทำไม ไศไม่เอา”
ไศลาจะถอดแหวนออก เธอเห็นแหวนก็จำได้ ไศลานึกถึงตอนที่นิ่มนวลเอาแหวนวงนี้มาบอกว่าเป็นแหวนประจำตระกูลที่ธีรธรมอบให้เธอ ตอนที่ไศลาอยู่โรงพยาบาล
“ชิตไปเอาแหวนนี้มาจากไหน”
“ชิตก็ซื้อมาน่ะสิ”
“นี่มันเป็นแหวนประจำตระกูลของคุณธีรธร...ชิตเอามาจากไหน”
“ก็ซื้อมาจากร้านขายของเก่า เห็นว่ามันสวยดี ไศว่าไม่สวยเหรอ งั้นขอคืนนะ”
ไศลามองหน้าชูชิตไม่ไว้ใจนัก
“โธ่ไศ ชิตรักไศจริงๆ ไศอย่าโกรธชิตเลยนะ”
“แล้วเรื่องอรคืออะไร”
“ก็คือ...”
ทันใดนั้นสมุน 2 คนจู่โจมเข้ามาในรถ พร้อมโปะยาสลบไศลาทันที ชูชิตถอนหายใจ
“เรียบร้อยครับ ไปได้เลย”
“ไศ ชิตขอโทษจริงๆนะ ชิตจำเป็นต้องทำจริงๆ”
ชูชิตออกรถขับไป ไศลาสลบไม่ได้สติอยู่หลังรถ
เสียงโทรศัพท์มือถือเสริมพงษ์ดังขึ้น เขารับสาย
“อืมใช่... ข้อมูลการชันสูตรของจ่านิด ใครขอไป...จริงเหรอ หมอโรงพยาบาลไหน...เพื่อนผู้กองธีรธรเหรอ...ได้ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เสริมพงษ์ครุ่นคิดเกี่ยวกับธีรธร
“คุณนี่มันหาเรื่องใส่ตัวจริงๆเลยผู้กอง”
เสริมพงษ์อยู่ที่โกดังริมน้ำโทรศัพท์หาธีรธร
“ผู้กอง ผมมีงานด่วนจะให้ผู้กองทำหน่อย”
ธีรธรตื่นเต้นกับเสียงที่ได้ยินจากปลายสาย
“งานด่วน งานอะไรครับ”
“เรื่องนี้ต้องปิดเป็นความลับนะ ผมไว้ใจคุณคนเดียวเท่านั้น”
“ไม่มีปัญหาเลยครับ”
“คุณมาหาผมที่โกดังริมน้ำหน่อย ผมว่าผมเจอที่ส่งของสำคัญเข้าแล้ว”
“ได้ครับ ผมจะรีบออกไปเลยครับ”
ธีรธรรีบคว้าเสื้อแจ๊คเก็ตแล้วออกไปทันที
ในโกดังริมน้ำ...ไศลาโดนจับมัดไว้กับเสากลางโกดัง โดนน้ำราดจึงรู้สึกตัวตื่น ไศลามองเห็นดุลยศักดิ์ยิ้มรอเธออยู่ มีชูชิตยืนจ๋อยๆอยู่ห่างๆ
“สวัสดีสายสืบ ฝันดีมั้ย”
ไศลาอึ้ง
“ดุลยศักดิ์”
“ก็ยังจำชื่อฉันได้นี่...ไปอยู่กับตำรวจแป๊บเดียว นึกว่าจะลืมกันไปซะแล้ว”
“แกต้องการอะไร”
“ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ แต่จะว่าไป เธอก็ทำหน้าที่สายลับได้ดีนะ ใช่มั้ยผู้การ...”
เสริมพงษ์เดินเข้ามา ส่งยิ้มให้ไศลา
“ทำงานได้ไม่ขาดตกบกพร่องเลยทีเดียวล่ะ”
ไศลาตะลึง
“ผู้การ...เป็นพวกมัน”
เสริมพงษ์ยิ้ม
“ถ้าอยากจะเล่นเกมสนุกๆ มันก็ต้องเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เหรอ”
“ที่แท้คุณก็หลอกให้ฉันไปเป็นหมากตัวนึงในเกมของพวกคุณ”
“รู้ก็ดีแล้วนี่”
ดุลยศักดิ์ กับเสริมพงษ์ หัวเราะร่วน ชอบใจ ดุลยศักดิ์หน้าเหี้ยม
“แต่ตอนนี้ พวกแกรู้มากไปกว่าที่จะเล่นเกมสนุกซะแล้ว”
เสริมพงษ์จ้องหน้าไศลา
“สงสัยเราต้องมาเล่นเกมสุดท้ายกันสักที”
ไศลาจ้องหน้าแล้วพูดออกมา
“เกมสุดท้าย”
สมุนจับเสริมพงษ์มัดไว้กับไศลาเอาผ้าปิดปากไศลา พร้อมกับเอาผ้าปิดตาที่สามของเธอด้วย ดุลยศักดิ์ยิ้มเย้ย
“ถ้าตาที่สามถูกปิด แกจะมีฤทธิ์ได้แค่ไหนกัน”
ดุลยศักดิ์หัวเราะสะใจ
ธีรธรจอดรถแล้วรีบลงจากรถ เขามองเห็นรถเสริมพงษ์จอดอยู่ ข้อความในมือถือธีรธรดังขึ้นพอดี เป็นข้อความจากนพรัช “เช็คเมล์ด่วน” ธีรธรเปิดอีเมล์ในโทรศัพท์มือถือ เห็นเมล์จากนพรัช และเขาก็เพิ่งเห็นเมล์จากจ่านิด
“จ่านิดเหรอ”
ธีรธรเปิดจะอ่าน แต่มันก็โหลดไม่ขึ้นมาสักที เวลาเดียวกัน ธีรธรก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กดังมาจากในโกดัง เขาจึงเก็บมือถือใส่กระเป๋าไว้ก่อนหยิบปืนขึ้นมาเตรียมไว้ เพราะดูเหมือนเหตุการณ์จะผิดปกติ ธีรธรเห็นประตูโกดังแง้มเอาไว้ เขาจึงค่อยๆเปิดมันเข้าไป
ธีรธรเปิดเข้าไป ก็เห็นไศลากับเสริมพงษ์ถูกมัดไว้ด้วยกัน ธีรธรตกใจ
“ผู้การ...ไศลา”
เสริมพงษ์รีบตะโกนบอก
“อย่าเข้ามา มันเป็นกับดัก”
ไศลาได้แต่ส่งเสียงอื้อๆ เตือนธีรธร เพราะโดนปิดปาก แต่เขาก็ฟังไม่รู้เรื่อง ธีรธรหันไป สมุนดุลศักดิ์ล้อมไว้เต็ม เขาหันไปต่อสู้กับเหล่าสมุนทั้งหลายเพียงลำพังกับปืนกระบอกเดียวอย่างคล่องแคล่ว จนในที่สุดเขาก็สามารถไปแก้มัดเสริมพงษ์ก่อนได้
“ไศลา ผมสัญญาว่าไม่ทิ้งคุณแน่ ผมจะมาช่วยคุณนะ”
ไศลาพยายามส่งเสียงอู้อี้ๆ แต่ก็ไม่มีใครฟังรู้เรื่อง ตลอดเวลาไศลาพยายามทำให้ผ้าที่มัดปากหลุดออกมาให้ได้ เสริมพงษ์หยิบปืนของตนกระบอกหนึ่ง ยื่นให้ ธีรธรรับไว้อย่างไว้ใจ
“ขอบคุณครับผู้การ”
สมุนอีกชุดล้อมเข้ามา ธีรธรกับเสริมพงษ์ร่วมกันต่อสู้ สมุนคนสุดท้ายเกือบจะทำร้ายธีรธรได้ เสริมพงษ์ก็ยิงมันช่วยเขาไว้ ธีรธรพลาดล้มโทรศัพท์กระเด็นลงกับพื้น หน้าจอสว่างวาบขึ้นมาหน้าจอ เมล์จากจ่านิดที่เปิดทิ้งไว้ เขียนข้อความว่า
“ระวังผู้การเสริมพงษ์ไว้ ผมว่าเขาคือตัวการ”
ธีรธรนิ่งไปกับประโยคของจ่านิด เขาค่อยๆหันหลังกลับไปมองเสริมพงษ์ช้าๆ เสริมพงษ์ที่อยู่ด้านหลังส่งยิ้มให้
“ฝีมือคุณไม่เบาเลย เป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับคุณ...ชอบปืนกระบอกนั้นที่ผมให้คุณยืมมั้ย จุดสามแปดมันถนัดมือดีนะ”
คำพูดตอนที่นพรัชสรุปการตายของจ่านิดให้ฟังว่า ปืนจุดสามแปดตัดขั้วหัวใจแว่บเข้ามาในหัว
“จุดสามแปด”
ไศลาทำจนผ้าปิดปากหลุดออกไปได้ เธอรีบตะโกนบอกธีรธรทันที
“คุณธี ผู้การเสริมพงษ์เป็นพวกเดียวกับดุลยศักดิ์”
เสริมพงษ์หันมาทำหน้าดุไศลา
“พูดแบบนี้ ก็หมดสนุกกันเลยสิ กำลังมันเลย”
ธีรธรยกปืนมาจ่อ เสริมพงษ์เองก็ยกปืนจ่อธีรธรเช่นกัน
“ยังไม่ตอบเลยว่าชอบมั้ย ปืนกระบอกนี้น่ะ ใช้ยิงจ่านิดเลยนะ”
ธีรธรเสียใจ
“ผู้การ...ทำไม”
“หมดเวลาของเธอแล้วธีรธร กระสุนที่ฉันใส่ให้เธอใช้ มันก็หมดแล้วเหมือนกัน”
ธีรธรทำท่าลองยิงดู เงียบสนิท เสริมพงษ์ยิ้มเยาะ
“แต่ของฉันยังไม่หมด”
เสริมพงษ์เหนี่ยวไก ยิงไปที่กลางตัวของธีรธรจนทรุดลง ไศลาร้องเสียงดังด้วยความตกใจ
“คุณธี”
พลังในตัวไศลารวบรวมโดยที่เธอไม่ได้รู้ตัว ผ้าที่ปิดตาหลุดร่วงออก แสงสว่างจ้ารอบตัวเธอ เชือกที่มัดไว้คลายออกหมด
เสริมพงษ์เหนี่ยวไกไปที่ไศลา แต่กระสุนนั้นกลับหยุดเคลื่อนที่ ดุลยศักดิ์และสมุนปรากฏตัวออกมา ทุกคนยิงปืนมาที่ไศลา แต่ลูกกระสุนไม่สามารถผ่านแสงขาวรอบตัวเธอเข้าไปได้เลย ชูชิตเห็นแบบนั้นเขาถือโอกาสหนีทันที ไศลาใช้พลังจัดการกับทั้งดุลยศักดิ์ เสริมพงษ์ และสมุนจนทุกคนสลบแน่นิ่งไป ไศลาจึงรีบมาหาธีรธร ไศลากลายเป็นปกติ ตาที่สามปิดลง มากอดธีรธร
“ฉันจะทำให้คุณหาย คุณต้องไม่เป็นไร”
ไศลากอบธีรธรไว้ในอ้อมอก ธีรธรลืมตาขึ้นรู้สึกตัวเล็กน้อย จังหวะที่ไศลาเผลอ เสริมพงษ์รู้สึกตัวขึ้นมาแล้วจะยิงไศลา ธีรธรเห็นพอดี เขายกปืนในมือยิงกลางหัวเสริมพงษ์พอดีขาดใจตาย
“คุณนับผิดแล้ว ปืนมันยังเหลืออีกนัด”
ดุลยศักดิ์สะบักสะบอมจะหนีเอาตัวรอด แต่ก็มาเจอกับนาถสุดาที่ดักอยู่ตรงหน้า
“จะไปไหนเหรอเจ้านาย”
“นาถสุดา ปล่อยฉันไปเถอะ”
“คนชั่วอย่างแก จะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ยังไงชีวิตก็ต้องแลกด้วยชีวิต”
ดุลยศักดิ์ชักปืนออกมาจ่อที่นาถสุดา
“ฉันบอกให้ปล่อยฉันไปไง”
นาถสุดาใช้พลังบิดข้อมือของดุลยศักดิ์จนปืนร่วง นาถสุดาเก็บปืนขึ้นมามองดู
“ปืนกระบอกนี้ใช่มั้ยที่แกใช้ฆ่าใครต่อใครน่ะ”
ดุลยศักดิ์ตื่นกลัว
“นาถสุดา ปล่อยฉันไปเถอะ”
ดุลยศักดิ์ถอยไปเรื่อยๆจนใกล้ปล่องลิฟต์
“มีปืนนี่ก็ดีเหมือนกันนะ ไม่ต้องไปฝึกวิชาอะไรให้วุ่นวายก็มีอำนาจในมือละ อยากคิดจะฆ่าใครก็ได้”
“ต่อไปฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”
“ไม่มีคำว่าต่อไปสำหรับแกหรอก คนชั่วๆอย่างแกไม่มีอนาคต แกต้องใช้ชีวิตเพื่ออดีตของคนอื่นเท่านั้น”
นาถสุดายิงเปรี้ยงนัดแรกไปที่กลางตัวของดุลยศักดิ์ ดุลยศักดิ์เซถอยไปใกล้ปล่องลิฟต์มากขึ้น
“สำหรับพ่อฉัน อดีตที่ฉันก็ไม่รู้ว่าแกยังจำได้รึเปล่า”
นาถสุดายิงเปรี้ยงอีกนัด ดุลยศักดิ์เซถอยไปใกล้ปล่องลิฟต์อีก
“สำหรับแม่ฉัน แกอาจจะนึกเรื่องพวกนั้นไม่ค่อยออกใช่มะ”
นาถสุดายิงเปรี้ยงอีกนัดที่อกขวา ดุลยศักดิ์ถอยไปใกล้ปล่องลิฟต์อีก เลือดเริ่มไหลทะลัก
“สำหรับชีวิตฉัน ที่แกทำลายมันลงทุกอย่าง”
นาถสุดายิงเปรี้ยง นัดสุดท้ายที่หัวใจ ดุลยศักดิ์ถอยมาถึงขอบปล่องลิฟต์พอดี
“และนี่สำหรับเทพ ความรักเดียวของฉัน แกต้องแลกมันด้วยหัวใจของแก”
ดุลยศักดิ์ถอยตกปล่องลิฟต์ไปในที่สุด พอไม่เหลือดุลยศักดิ์แล้ว นาถสุดาก็น้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว เหมือนว่าความแค้นทุกอย่างได้พลันสลายไปพร้อมๆกับเทพความรักเดียวที่เธอมี
วันใหม่...งานหมั้นของธีรธรกับนิ่มนวลจัดขึ้นที่บ้าน นิ่มนวลดูมีความสุขมากในชุดสวยหรู ยิ้มแย้มให้แขกเหรื่อต่างๆ แต่ก็ต้องตกใจที่เห็นชูชิตมาในงาน
ธีรธรยังไม่ยอมแต่งตัว ชุดเจ้าบ่าววางอยู่ เขาเหนื่อยใจที่จะสวมมัน ธีรธรมองเหรียญกล้าหาญที่เขาได้มา เขาหยิบมันมาดูที่ริมหน้าต่าง
“เหรียญนี่ ถ้าคุณไม่ช่วยผมวันนั้น ผมก็คงไม่มีชีวิตอยู่เพื่อรับมัน ไศลา...”
แต่ธีรธรก็พลาด ทำเหรียญตกลงไปหลังบ้าน เขาชะเง้อดู แล้วออกจากห้องเพื่อไปเก็บมัน
ธีรธรก้มๆเงยๆตามพุ่มไม้เพื่อหาเหรียญ แล้วเขาก็เจอ นิ่มนวลพาชูชิตมาหลังบ้านพอดี ธีรธรได้ยินเสียงรีบหลบในพุ่มไม้
“คุณมาที่นี่ทำไมอีก”
“ตอนนี้ผมเดือดร้อน ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ คุณก็รู้ ผมจะเอาเงินที่ไหน”
“นี่แกกล้ามาไถเงินฉันเหรอ”
“ก็ผมไม่มีทางเลือก ยังไงเราก็เคยมีวันดีๆร่วมกันไม่ใช่เหรอ อย่าบอกนะว่าคุณลืมวันนั้นไปแล้ว”
นิ่มนวลโกรธ
“แกอย่ามาขู่ฉันแบบนี้นะ ยังไงแกก็ไม่มีหลักฐาน”
ชูชิตหยิบแหวนประจำตระกูลของธีรธรขึ้นมา
“นี่ไงหลักฐาน แหวนประจำตระกูลนี้ ถ้าผมไม่มาที่นี่จริง ผมคงไม่ได้มันไปหรอกใช่มั้ย”
นิ่มนวลพยายามจะคว้าแหวนคืนมา แต่ชูชิตก็ว่องไวกว่า
“อย่าให้มันมากเรื่องเลยน่า ถ้าคุณไม่หาเงินให้ผมแสนนึงผมแฉคุณกลางงานแน่ว่าจริงๆแล้วลูกในท้องเนี่ย...ลูกใคร”
นิ่มนวลตะลึง
“แกรู้ได้ไงว่าฉันท้อง”
“ผมฉลาดกว่าที่คุณคิดนะ...เอาเงินมาให้ผมดีกว่า”
“เออ เดี๋ยวฉันหาให้ แกออกไปจากที่นี่ก่อนเลยนะ ตอนเย็นฉันจะเอาเงินไปให้แก ตอนนี้มันยุ่ง”
“ถ้าไม่ได้นะ...งานพังแน่” ชูชิตขู่
ทันใดนั้นเสียงกุญแจมือดังแกร๊ก ชูชิตกับนิ่มนวลตกใจ หันไปดูเห็นธีรธรยืนอยู่ด้านหลัง
“ไม่ต้องรอให้ถึงตอนเย็นหรอก ตอนนี้มันก็พังแล้ว”
ธีรธรล็อคชูชิตไว้กับเหล็กดัด จ้องหน้านิ่มนวลเขม็ง นิ่มนวลรู้สึกผิด
“พี่ธี...นิ่ม...คือ...”
“พี่จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งนั้น” ธีรธรหยิบแหวนมาจากมือชูชิต “ฉันขอของๆฉันคืน”
นาถสุดาจัดการเผาศพให้เทพ ...มองดูควันที่ออกจากเมรุทั้งน้ำตา แต่เธอก็ยิ้มสุขใจ
บริเวณน้ำตกในป่า ไศลายืนร้องไห้อยู่ริมน้ำตกตามลำพัง
“ขอให้คุณมีความสุขมากๆนะคุณธี ฉันทำได้แค่อวยพรจากตรงนี้...”
ทันใดนั้นเสียงธีรธรดังขึ้น
“ขอบคุณครับ”
ไศลาหันไปตามเสียงเห็นธีรธรก็ตกใจ
“คุณธี คุณธีมาได้ไงคะ คุณควรจะอยู่ที่งานหมั้น”
“ก็ที่นี่ไง งานหมั้นของผม”
ไศลาชะงัก
“หมายความว่าไงคะ”
“ผมจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น ถ้าคนนั้นไม่ใช่คุณ”
“แล้วคุณนิ่ม...”
“อย่าพูดถึงคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้เลย ต่อไปนี้จะมีแค่เราสองคน”
ธีรธรหยิบแหวนของตนสวมให้ไศลา
“แล้วงานหมั้น...”
“ก็บอกแล้วไง...ว่านี่แหละงานหมั้นของเรา”
ไศลานิ่งมองหน้าเขา
“คุณพร้อมที่จะกลับเป็นคนธรรมดามั้ย...ถ้าเราจะต้อง...”
ธีรธรยิ้มเอ็นดู ไศลาเขิน ธีรธรค่อยๆบรรจงจูบไศลาอย่างดูดดื่มท่ามกลางบรรยากาศน้ำตกอันโรแมนติก
จบบริบูรณ์