xs
xsm
sm
md
lg

กุหลาบไฟ ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กุหลาบไฟ ตอนที่ 7

ไศลาเปิดประตูห้องน้ำออกมา ปรากฏว่าตำรวจทั้งหญิงชาย 4 คนเอาหูแนบประตูแอบฟังเรื่องราวทั้งคู่กันอย่างสนุกอยู่ ไศลามองทุกคน ทุกคนรีบทำว่ามาทำงาน บางคนว่ามารอต่อห้องน้ำ ไศลาเดินผ่านคนพวกนั้นไปอายๆ ธีรธรเดินออกมาเจอตำรวจที่แอบฟัง รีบทำเข้ม
“มาทำอะไรกันตรงนี้เนี่ย ไปทำงานสิ”
ทั้งหมดจึงแยกย้ายกันไปทำงาน ธีรธรเดินตามไศลาไป

ในห้องประชุมวางแผนงาน ไศลาดูจริงจังกว่าทุกคน ธีรธรก็ยังแอบมองไศลาเป็นระยะ
“เรื่องตามหาเทพ ฉันคงต้องให้ทางตำรวจช่วยด้วยอีกแรง อย่างน้อยก็ต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าใครเป็นคนพาตัวเขาไป” ไศลาเสนอแนะ
เสริมพงษ์หันมาถาม
“แล้วเรื่องชูชิตล่ะ เพราะชูชิตเป็นตัวการเดียวที่เรารู้แน่ๆ ว่าจะช่วยให้สาวไปถึงนายใหญ่ ขาดแค่หลักฐาน”
ไศลาถึงกับเงียบ พูดไม่ออก ธีรธรรีบออกปากแทน
“เรื่องชูชิตให้ผมตามเองดีกว่าครับ”
ไศลารีบขัด
“ไม่เป็นไรค่ะ ไศทำได้”
ธีรธรพยายามแย้ง
“มันเสี่ยงเกินไป คุณทำกับชูชิตขนาดนี้ เขาไม่มีทางไว้ใจคุณอีกแล้ว”
ไศลามองหน้าเขา
“คุณธี...น้องสาวกับน้องชายของฉันอยู่กับชูชิต ถ้าฉันอยากได้ทุกอย่างคืนมา ฉันว่ามันคุ้มค่าที่จะเสี่ยง”
ธีรธรจ้องหน้ากลับ
“แน่ใจว่าไม่ใช่เพราะยังรัก...”
เสริมพงษ์ ปราม
“ผู้กอง”
ธีรธรรู้ว่าพูดไม่ดีจึงเงียบ ไศลามองหน้าธีรธรไม่พอใจนัก
“แล้วฉันจะพิสูจน์ทุกอย่างเองค่ะ”
เสริมพงษ์ตัดบท
“เอาล่ะ แผนการที่คุณคิดไว้เป็นยังไง คุณก็ปรึกษาจ่านิดหรือผู้กองได้เลย สองคนนี้พร้อมจัดทีมช่วยคุณเต็มที่ แต่วันนี้ผมต้องขอตัวไปก่อน”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะผู้การที่ไว้ใจไศ”
ไศลามองธีรธรเหน็บๆ
“ไม่ต้องห่วงครับผู้การ ทางนี้ผมจะจัดทุกอย่างบริการแก่คุณไศและผู้กองเองครับ” จ่านิดรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ
เสริมพงษ์ยิ้มๆเดินออกจากห้อง ไศลากับธีรธรมองหน้ากันขบกันเล็กๆ จ่านิดหันไปหาไศลา
“คุณไศครับ เดี๋ยวผมพาไปดูอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการติดตามในอีกห้องดีมั้ยครับ”
“ขอบคุณค่ะจ่า”
ไศลาเดินตามจ่านิดออกไป ธีรธรมองตามยังอดน้อยใจอยู่ลึกๆไม่ได

จ่านิดแนะนำอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ ไศลาฟังจ่านิดอธิบายอย่างตั้งใจ
“อันนี้เป็น gps นะครับ เอาไว้ติดตามตำแหน่ง ผมว่าคุณไศควรจะพกติดตัวไว้ เผื่อว่ามีเหตุฉุกเฉินใด พวกผมจะได้ตามไปช่วยคุณไศได้”
จ่านิดยื่นให้ ไศลารับมายิ้มๆ
“ส่วนนี่ก็เป็นกล้องปากกา คงไม่ต้องบอกนะครับว่าคืออะไร”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ทั้งหมดเนี่ยจริงๆไศก็เคยอ่านหนังสือมาบ้าง จ่าคิดว่าอะไรที่ไศจำเป็นต้องใช้ จ่าก็จัดไว้ให้ไศทั้งหมดก็แล้วกันนะคะ”
“แล้วคุณไศคิดว่าจะเข้าไปเอาหลักฐานจากชูชิตมาได้ยังไงครับ มันคงไม่ไว้ใจคุณไศแน่ๆ”
ไศลายิ้มๆ
“ฉันว่าฉันรู้จักชูชิตมากกว่าใคร เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ”
“ห่วงสิครับ มันอันตราย ถ้าคุณไศมีแผนอะไรปรึกษาผู้กองนะครับ อย่าทำอะไรคนเดียวเด็ดขาด”
ไศลาพยักหน้าแบบรับปากไปงั้นๆ

ค่ำนั้น ไศลาอยู่ที่ระเบียงบ้านครุ่นคิดบางอย่าง แล้วมองไปบนท้องฟ้า
“พ่อจ๋า แม่จ๋า ดา ช่วยเป็นกำลังใจให้พี่ทำให้สำเร็จด้วยนะ”
ธีรธรเดินเข้ามาเห็นไศลายืนดูดาวอยู่
“กะแล้วเชียวว่าคุณต้องอยู่ที่นี่”
“มีอะไรคะ”
“ทำไมคุณดื้อแบบนี้...”
“ฉันบอกคุณไปแล้วว่า เป้าหมายในชีวิตคนเราต่างกัน”
“คุณเอาตัวไปเสี่ยงแบบนี้ ถ้าคุณเป็นอะไรไปผมจะทำยังไง คุณรู้มั้ยไอ้พวกแก๊งค้ายามันน่ากลัวแค่ไหนมันพร้อมจะฆ่าคุณได้ทุกเมื่อ”
“ตกลงคุณห่วงฉันจริงๆใช่มั้ย”
“ไม่ใช่แค่ห่วง แต่ผมหวงด้วย ผมไม่อยากให้คุณไปเจอไอ้ชูชิตนั่น”
ไศลารู้สึกดีที่ได้ยินสิ่งที่ธีรธรพูด
“ฉันจะระวังตัว”

ธีรธรปลดปืนพกของตนออกจากเอว ยื่นให้ไศลา
“คุณรับนี่ไว้ ผมอยากให้คุณเอาไว้ป้องกันตัว”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ไศไม่ฆ่าใคร”
“เชื่อผม...ใช้หรือไม่ใช้ ยังไงก็ต้องมี”
ไศลาจำใจรับมาอย่างปฏิเสธไม่ได้แล้วธีรธรก็ยื่นมือไปจับที่หัวของไศลา คล้ายกับจะเสกของวิเศษให้แบบเด็กๆ
“นี่คุณทำอะไรน่ะ”
“คุณไม่เคยได้ยินเหรอว่าคนเราน่ะ จะมีเทวดานางฟ้าประจำตัวให้เราปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง”
“แล้วไง”
“ผมให้คุณยืมเทวดาประจำตัวของผมชั่วคราว”
“อ้าว...ฉันก็น่าจะมีนางฟ้าของฉันแล้วนี่”
“นางฟ้าตัวเล็กๆจะไปปกป้องอะไรได้มากมายเอาเทวดาของผมไป เทวดาผมฝึกมาดี” เขาทำเหมือนพูดกับเทวดา “ฝากคุณไศลาด้วยนะคุณเทวดา”
ไศลายิ้มๆ เอ็นดู นิ่มนวลเห็นภาพที่ธีรธรกับไศลามาตลอด เธอโกรธจนน้ำตาคลอ เพราะสิ่งที่ธีรธรทำให้ไศลานั้น เขาไม่เคยจะทำให้เธอแม้แต่น้อย

เช้าวันใหม่...ไศลาเก็บของทั้งหมดใส่กระเป๋า เธอคอยมองชั้นบนกลัวว่าธีรธรจะมา นิ่มนวลเดินมาเจอไศลา จึงปรี่เข้ามาหาทันที
“เก็บกระเป๋าคราวนี้จะไปจริงๆสักทีแล้วใช่มั้ย”
“ฉันไปทำงาน...คุณไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะพยายามไม่มาเหยียบที่นี่ถ้าไม่จำเป็น”
“น้ำเสียงฉันดูห่วงเธอเหรอ ฉันว่าไม่นะ อีกอย่างฉันเห็นทุกครั้งที่เธอมาเหยียบที่นี่ ไม่เห็นจะมีความจำเป็นสักครั้ง”
“ฉันขอตัวก่อนดีกว่า มีงานต้องทำ”
“แล้วนี่คิดจะไปโดยไม่ลาใครเลยรึไง ญาติพี่น้องของพี่ธีก็ตั้งเยอะตั้งแยะที่บ้านหลังโน้น มาอาศัยเสร็จก็เชิดไปแบบนี้”
“ฉันรู้ค่ะว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำ”
“ก็ดีแล้วนี่ งั้นเธอก็น่าจะรู้นะว่าการเข้ามาวุ่นวายกับคนรักของคนอื่นน่ะ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ”
“ค่ะ”
“ถ้าเธอยังไม่เลิกยุ่งกับพี่ธี อย่ามาว่าฉันร้ายนะไศลา”
ไศลามองนิ่มนวลแบบเหนื่อยใจที่จะพูดเดินออกไป นิ่มนวลเห็นสีหน้าของไศลาแล้วก็โมโห แล้วเห็นกระเป๋าเป้ของไศลาที่ลืมหยิบออกไป นิ่มนวลหันไปหยิบมาเขวี้ยงลงพื้น กระเป๋าเล็กภายในตกกระแทกพื้นดังปั้ก นิ่มนวลไปหยิบมาเปิดดู ภายในคืออุปกรณ์ต่างๆทั้ง gps วิทยุสื่อสาร และปืน นิ่มนวลนึกถึงภาพที่เห็นธีรธรให้ปืนไศลาไว้ป้องกันตัว เธอเจ็บปวดขึ้นมาทันที นิ่มนวลมองกระเป๋าในมือแล้วเธอก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้
“มีไว้ป้องกันตัวเหรอ ถ้าไม่มี...แกอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกสินะ”
นิ่มนวลยิ้มสะใจ

ไศลากำลังจะเข้าไปในบ้าน เจอกับพันธ์พงษ์ที่เดินชมใบไม้ใบหญ้าอย่างยิ้มแย้มมีความสุขพอดี
“อ้าวหนูไศลา ตื่นเช้าจังนะ”
“สวัสดีค่ะคุณอา คุณอาก็เหมือนกันนะคะ”
“อาชอบตื่นมาดูต้นไม้ใบหญ้าเวลาเช้าๆน่ะ แล้วนี่หนูไศจะไหนเหรอ”
“ไศจะมาลาคุณอาไปทำงานน่ะค่ะ อาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่สักพัก”
พันธ์พงษ์แปลกใจ
“งาน...งานอะไร เสี่ยงอันตรายรึเปล่า”
“งานทุกอย่างมันต้องมีความเสี่ยงไม่ใช่เหรอคะ มันสำคัญอยู่ที่ว่า เราทำเพื่อใคร...”
“ถ้าทำเพื่อคนอื่น ทำเพื่อประเทศชาติ มันก็คุ้มที่จะเสี่ยง”
ไศลายิ้ม
“คุณอาจำได้”
“อาเคารพพ่อของหนูไศมาก มีเหรอที่ประโยคที่ท่านชอบพูดให้อาฟังเป็นประจำ อาจะจำไม่ได้”
“ค่ะ ถ้าคุณพ่อรู้คงดีใจมากที่อย่างน้อยคุณพ่อก็ได้ทิ้งความทรงจำที่มีค่าไว้ในหัวใจของคุณอาอีกคน”
“แต่ถึงยังไง อาก็ไม่อยากให้หนูไศทำงานที่เสี่ยงอันตรายจนเกินไป เพราะคนอย่างหนูควรจะอยู่บนโลกนี้ไปนานๆ ถ้ามีอะไรที่อาช่วยได้ อาก็อยากจะช่วย อาอยากตอบแทนที่ไศทำให้อาเดินได้อีกครั้ง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณอา แค่คุณอามีความสุข ไศก็ดีใจแล้ว...แล้วเรื่องที่ไศจะต้องไปจัดการนี่มันเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งกับตัวไศเอง แล้วก็กับน้องๆของไศด้วย ไศต้องจัดการมันด้วยตัวเองค่ะ”
“งั้นอาก็ขอให้ไศแคล้วคลาดปลอดภัยนะลูกนะ”
ไศลายกมือไหว้
“ขอบคุณค่ะ”
พันธ์พงษ์ลูบหัวไศลาอย่างเอ็นดู กมลาพยุงวงทองเดินออกมาจากบ้านพอดี
“มาทำอะไรที่นี่ไม่ทราบ” กมลาถามเสียงเข้ม
“พอดีไศจะมาลาไปทำงานนะค่ะ”
วงทองเอ็นดูไศลามากขึ้น
“งานอะไร ก็ไหนว่าหนูมาเป็นพยานให้คดีของพ่อธีไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะ... มีหน้าที่หลายอย่างที่ไศต้องช่วยคุณธีน่ะค่ะ”
กมลาเบ้หน้า
“นี่คิดว่าตัวเป็นลูกหลานบ้านนี้แล้วรึไง จะไปไหนมาไหนต้องมารายงานเนี่ย อยากจะทำอะไรก็เชิญไปทำเถอะ ไม่ได้มีใครเค้าสนใจหรอก”
“แล้วนี่พ่อธีล่ะ ไม่ได้ออกไปด้วยกันเหรอ”
ไศลาชะงัก
“คือ...”
“คุณแม่คะ ไม่เห็นจำเป็นที่ตาธีจะต้องไปกับแม่นี่เลย”
“ค่ะ เราแยกกันไปน่าจะดีกว่าค่ะ ยังไงไศขอตัวก่อนนะคะ”

“โชคดีเถอะจ้ะ”
ไศลายกมือไหว้คุณนายวงทอง กมลา และพันธ์พงษ์ กมลาไม่รับไหว้เมินหน้าหนี ไศลาเดินจากไป

ไศลากลับมาเพื่อหยิบกระเป๋า เธอไม่ทันสังเกตอะไร หยิบกระเป๋าเป้ เดินออกไป พอไศลาเดินออกไป นิ่มนวลก็เดินออกมายิ้มสะใจ
ไศลาขึ้นแท็กซี่ออกไป นิ่มนวลถือกระเป๋าอุปกรณ์ที่ขโมยจากไศลาเดินออกมา ทิ้งถังขยะหน้าบ้าน

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ชูชิตที่งัวเงียอยู่เอามือควานหามารับ เสียงงัวเงีย
“ใครเนี่ย มีธุระอะไรแต่เช้า”
ไศลาอยู่ที่มุมหนึ่งของโรงแรม คุยโทรศัพท์กับชูชิต
“ถ้าเป็นฉันล่ะ พอมีเวลาจะคุยด้วยมั้ย”
ชูชิตตกใจ
“ไศ”
“ฉันรอคุณอยู่ที่โรงแรม...แต่ถ้าคุณไม่สะดวกก็...”
ชูชิตดีดผึงจากเตียง
“สะดวกมาก ผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้”
ไศลายิ้มกับโทรศัพท์ ทุกอย่างเข้าแผน

ธีรธรเดินลงมาที่ห้องรับแขก นิ่มนวลก็เดินเข้ามาพอดี
“พี่ธีลงมาพอดีเลย คุณป้าให้มาตามไปทานข้าวค่ะ”
ธีรธรมองซ้ายขวาหาไศลา นิ่มนวลมอง รู้ทัน
“มองหาใครเหรอคะ”
“ไศลาลงมารึยัง”
นิ่มนวลเซ็ง
“ถามถึงแต่มันนะคะ”
“ทำไมนิ่มพูดจาไม่ดีแบบนี้ ไม่น่ารักเลย”
“ถ้าทำตัวน่ารักแล้วพี่ธีจะรัก...”
ธีรธรตัดบทก่อนนิ่มนวลจะพูดจบ
“ตกลงไศลาไปไหน”
“ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
“ตั้งแต่เช้า บอกรึเปล่าว่าจะไปไหน”
“เขาจะมาบอกอะไรนิ่มคะ”
ธีรธรเป็นกังวลมาก
“ไปทานข้าวกับคุณป้าได้รึยังคะ”
“วันนี้พี่คงทานไม่ได้ ฝากบอกคุณแม่ด้วย”
ธีรธรรีบวิ่งออกไปทันที นิ่มนวลหงุดหงิด
“พี่ธี...โอ๊ย อะไรกันเนี่ย”

ธีรธรรีบขับรถออกไปจากบ้าน รถขยะมาจอดขวางทางเข้า ธีรธรยิ่งหงุดหงิด ยิ่งรีบเหมือนยิ่งช้า
รถขยะเก็บขยะหน้าบ้านแล้วขับออกไปทำเอาธีรธรหงุดหงิดที่เสียเวลาไป พอรถขยะเก็บขยะจากถังขยะหน้าบ้านไป ธีรธรก็รีบบึ่งรถต่อไป

ชูชิตจอดรถเข้าที่ เขาเปิดกระจกส่องดูความหล่อของตัวเอง
“อยู่ๆโอกาสก็ลอยมาที่บันไดบ้าน ฉันจะปล่อยให้พลาดได้ยังไง”
ชูชิตลงจากรถยิ้มแย้ม

ธีรธรเข้ามาที่โรงพักอย่างร้อนรน เจอหน้าจ่านิดรีบยิงคำถามทันที
“จ่า ไศลาล่ะ”
“ทำไมผู้กองถามแบบนั้นละครับ คุณไศเขาพักที่บ้านผู้กองนะครับ”
“แล้วถ้าผมหาเจอ ผมจะมาถามมั้ยละ”
“ตราบใดคนที่สนิทที่สุดยังไม่รู้ ผมจะไปรู้ได้ยังไงละคร้าบ”
“ถ้างั้นก็แย่แล้ว ไศลาหายออกไปจากบ้านตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ห๊า”
จ่านิดตกใจ ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้ ธีรธรกลุ้มใจ จ่านิดนึกถึงตอนที่เขาเอา gps ยื่นให้ไศลา เขาคิดบางอย่างออก รีบวิ่งไปหยิบ ipad มา
“เมื่อวานนี้ผมให้เครื่องมือติดตามตัวกับคุณไศไป ผมเปิดเครื่องไว้นะครับ ถ้าคุณไศไม่ปิด หรือทิ้งที่ไหนไปซะก่อน”
“งั้นก็เร็วๆสิ”
จ่านิดจัดการเปิดให้ธีรธรหายบ้าซักที ปรากฏว่าปุ่มเขียวๆ ยังบอกความเคลื่อนไหวไปตามทางอีกด้วย
“นั่นไงครับผู้กอง คุณไศ...”
จ่านิดมองการเคลื่อนไหวในจอ ipad
“นั่นคุณไศกำลังจะไปไหนน่ะครับ ว่ามั้ยผู้กอง”
จ่านิดหันมาอีกที ธีรธรหายไปเรียบร้อยแล้ว จ่านิดงง แล้วนึกได้ รีบวิ่งตามออกไป
“ผู้กองครับ เอานี่ติดตัวไปด้วย”

ธีรธรมีไอแพดเปิดไฟแว้บๆอยู่ข้างตัว เขาห่วงไศลามากขึ้น แทบจะรีบตามไปให้ทัน
“คุณไศ อย่าเป็นอะไรนะ”

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ไศลารีบวิ่งไปเปิด ปรากกฎว่าเป็นชูชิต ยิ้มแป้นให้เธออยู่ ไศลาถอนหายใจ ระอา พยักหน้าเชิญให้เขาเข้ามาในห้อง
“อย่าคิดทำอะไรตุกติกฉันเหมือนเมื่อวันก่อนเลยนะ ไม่งั้นฉันจะไม่พูดกับคุณอีก”

ธีรธรใช้วิทยุของตน วอสกัดจับรถที่ตนตามอยู่
“ปิดถนนห้ามรถผ่านเลยนะ ผมจะไปถึงเร็วๆนี้แหละ”
ธีรธรหยุดวอแล้วหันมาขับรถอย่างตั้งใจ gps หยุดเคลื่อนไหวอยู่ที่แห่งหนึ่ง

ชูชิตเดินเข้าไปในห้องดีใจจับใจที่มีโอกาสได้อยู่กับไศลาสองต่อสองอีกครั้ง ชูชิตโผเข้ากอดจากด้านหลัง
“คุณไม่โกรธผมแล้วใช่มั้ยไศ ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน”
ชูชิตพูดขณะที่ก้มหอมซอกคอ ไศลาจะสะบัดแต่เธอก็คิดได้ เธอยืนนิ่งให้เขาทำแบบนั้น
“จริงๆแล้วคุณก็คิดถึงผมมากใช่มั้ย ไม่งั้นคุณคงไม่นัดมาเจอที่โรงแรมแบบนี้”
“ฉันคิดถึงคุณมากจริงๆค่ะ”
ชูชิตแทบไม่เชื่อหูตัวเองที่ได้ยินคำพูดนั้นจากไศลา เขาจับให้เธอหันมาสบตากับเขา
“ไหนคุณพูดใหม่ซิ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ”
ไศลาสบตา
“ฉันคิดถึงคุณ”
“ไศ...รู้มั้ยผมคิดถึงแววตาแบบนี้มากแค่ไหน”
“ฉันก็...”
ชูชิตเอามือแตะที่ปากไศลาเบาๆ เป็นสัญลักษณ์ว่าไม่ต้องพูดอีกแล้ว ไศลาหยุดพูดตามที่ชูชิตต้องการ ชูชิตโน้มตัวจะจูบ ไศลาทำเป็นหลบเอียงอาย
“อย่าเพิ่งเลยชิต ไศมีเรื่องอยากจะพูดกับชิตก่อน ไม่งั้นไศต้องไม่สบายใจแน่”

ธีรธรจอดรถเข้าข้างทาง แล้ววิ่งไปที่ด่านตรวจทันที รถขยะจอดอยู่คันใหญ่ คนขับกำลังโวยวายไม่รู้เรื่องอะไร
“ผมขับรถขยะนะครับ จะไปรู้ได้ยังไงใครจะเอาอะไรมาทิ้ง”
ธีรธรเข้าไปถาม
“มีอะไรเหรอ”
ตำรวจหยิบกระเป๋าไศลาที่นิ่มนวลเอามาทิ้ง
“ทุกอย่างอยู่ในนี้ครับผู้กอง”
ธีรธรรับถุงมาจากนายตำรวจ หยิบมารูดซิบเปิดดูเห็นของทุกอย่างที่เขาให้เธอ ถูกทิ้งขว้าง เขาเจ็บขึ้นมาทันที แต่ก็อดไม่ได้ที่จะห่วง
“ทำไมคุณทำแบบนี้ หรือคุณ...จะตกอยู่ในอันตราย”
ธีรธรห่วงไศลาขึ้นมามากกว่าเดิม

ชูชิตกับไศลาคุยกัน ชูชิตเสียอารมณ์
“มีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่า...”
“มีสิคะ เรื่องที่ฉันรู้สึกผิดที่ทำกับคุณแบบนั้น ไม่ยอมอยู่เคียงข้างคุณทั้งที่คุณก็ดีกับฉันมาก พอผ่านเวลาฉันเพิ่งเข้าใจว่า...ฉันรักคุณมากแค่ไหน”
ชูชิตซึ้ง
“ไศ...”
“ชิตให้อภัยไศได้มั้ยคะ แล้วเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม”
ชูชิตดีใจเหลือเกินที่ได้ยินไศลาพูดแบบนั้น
“รู้มั้ย ผมรอคำนี้มาตลอดเวลาที่เราจากกัน”
“แปลว่า...ชิตจะยอมไว้ใจไศอีกครั้งใช่มั้ยคะ”
“ใช่สิครับ”
ไศลายิ้มดีใจมาก
“แต่ก่อนอื่น...ผมอยากให้คุณไปพบกับเจ้านายของผมก่อน”
ยังไม่ทันทำอะไร ความดีใจของไศลาก็หุบลงทันที
“ทำไมต้องพบด้วยล่ะ ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน”
“ถ้าคุณอยากพิสูจน์ตัวเองให้ผมเชื่อใจ คุณก็ควรจะทำ...”
ไศลาคิดหนัก
“เมื่อไหร่ค่ะ”
“วันนี้”
ไศลาทั้งตกใจ และหนัก
“คะ”
“ไปพบเจ้านายผมกับผม...ตอนนี้...เขาอยากเจอคุณ”
“แต่...”
ไศลาครุ่นคิดถึงคำแก้ตัว...
“ทางเดียวเท่านั้น...ที่จะทำให้เรามาคบกันอีก”
“ได้ค่ะ แบบนั้นก็ได้”
ชูชิตยิ้มดีใจ ขณะที่ไศลากังวลใจอยู่ลึก

อ่านต่อหน้าที่ 2


กุหลาบไฟ ตอนที่ 7 (ต่อ)

ชูชิตเดินเข้าไปกอดไศลาทียิ้มมีความสุข
“ไศลา บอกทีว่าผมไม่ได้ฝันไป คุณกลับมาหาผมแล้วจริงๆ”
“ฝันหรือไม่ได้ฝัน...ก็ลองพิสูจน์สิคะ”
ไศลามองชูชิตด้วยแววตายั่วยวน ชูชิตค่อยๆโน้มคอลงไปจูบไศลา... อรชรสะดุ้งตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลจากฝันร้ายของเธอเอง อรชรหวาดระแวง กลัวฝันตัวเองจะเป็นจริง เธอจึงหยิบโทรศัพท์โทรหาชูชิตทันที

ชูชิตยืนกอดไศลาจากด้านหลัง มองออกไปที่หน้าต่างด้วยกัน หน้าชูชิตมีความสุขมาก ขณะที่ไศลาหวาดระแวง และคิดหลายเรื่องเหลือเกิน
“คุณไม่ต้องกลัวเจ้านายผมนะ...เขาจะทำให้เราสบายไปทั้งชีวิต”
เสียงโทรศัพท์มือถือชูชิตดังขึ้นเขาหยิบมาดู เป็นชื่ออรชร ชูชิตอึกอัก
“ผมขอตัวก่อนนะ พอดีมีงานเข้ามา”
ไศลามองชูชิต ลำบากใจที่จะต้องทำแบบนี้ ชูชิตเดินออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอก
“ว่าไงอร”
อรชรรีบซักไซ้ไล่เรียงทันที
“พี่ชิตอยู่ไหน ทำไมป่านนี้ยังไม่มาเยี่ยมอร”
“พี่ติดงาน”
“ติดงาน...งานอะไร สำคัญมากรึไง อรป่วยถึงไม่มาเยี่ยม”
“ใช่...สำคัญมาก แค่นี้นะ”
“พี่ชิต...หวังว่าไม่ได้แอบไปเจอพี่ไศหรอกใช่มั้ย”
ชูชิตหน้าเสีย
“ทำไมพูดแบบนั้น”
“อย่าให้อรรู้นะ...อรจะอาละวาดให้บ้านแตกเลย”
“แค่นี้ก่อนนะอร ถ้าพี่เสร็จธุระแล้วจะรีบไปเยี่ยมก็แล้วกัน”
ชูชิตรีบตัดบทแล้ววางทันที อรชรหงุดหงิด ไม่ได้ดั่งใจ

ธีรธรคุยโทรศัพท์กับจ่านิดที่ริมถนน
“ไอ้คนที่เราคอยส่งให้เฝ้าไอ้ชูชิตน่ะ จ่าเช็คให้ด่วนเลยว่า ไอ้ชูชิตมันไปไหน ผมต้องได้คำตอบเร็วที่สุด”
ธีรธรวางสายโทรศัพท์ แต่ใจแอบเป็นกังวล เดินไปเดินมาซักพัก ไม่นานเสียงโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น เขารีบรับทันที
“ว่าไงจ่า...ที่ไหนนะ...โรงแรม” ธีรธรหน้าเสีย “ตรงไหน อืม อืม”
ธีรธรวางสายรีบสตาร์ทรถออกไปทันที

ชูชิตประคองไศลาลงมาจะขึ้นรถ ธีรธรเพิ่งขับรถมาถึงเห็นไศลาขึ้นรถชูชิตแล้วขับออกไป เขาเจ็บใจมาก รีบตามรถคันนั้นไปทันที
ธีรธรมองตามรถคนหน้าอย่างร้อนใจ
“คุณคิดจะทำอะไรของคุณกันแน่นะ ไศลา”

บ้านดุลยศักดิ์ใหญ่โตโอ่อ่า...ธีรธรแอบดูการพฤติกรรมของไศลาอยู่หน้าบ้าน ไศลาลงจากรถ แล้วก็อ่อนแรงให้ชูชิตช่วยประคอง ธีรธรเห็นแทบจะถลาไปแสดงตัวซะเดี๋ยวนั้น...ชูชิตพาไศลาเดินไปจะพาเข้าไปในบ้าน สมุนมากมายล้อมชูชิตและไศลาไว้
“พาใครมา...”
“นายเป็นคนสั่งฉันเองว่าให้พาคุณไศลามาพบ”
“ไม่เห็นนายบอกไว้”
“อย่ามาเยอะกับฉันนะพวกแกน่ะ”
บรรยากาศเริ่มดูไม่ค่อยดีนัก ธีรธรที่แอบมองอยู่ด้านนอกหวั่นใจ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจะโทรเรียกกำลังเสริม แต่เขาก็คิดได้
“ถ้าโทรเรียกกำลังเสริม...ไศลาอาจตกอยู่ในอันตรายกว่านี้”
ธีรธรตัดสินใจซุ่มดูเงียบๆต่อไป... สมุนไม่ยอมปล่อยชูชิตกับไศลา เข้าไปในบ้านง่ายๆ
“บอกว่าเข้าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ”
“แกก็รู้ว่าฉันเป็นคนสำคัญของนาย อยากจะลองดีรึไงวะ”
“สำหรับนาย...ไม่มีใครสำคัญ”
ชูชิตโมโหควักปืนจ่อสมุน แต่ก็ไม่ทันเพราะสมุนทั้งหมดก็หันปืนมาจ่อที่เขาทั้งหมดเช่นกัน ธีรธรที่ดูอยู่ข้างนอกตกใจ ทนไม่ได้ที่ไศลาอยู่ในอันตราย
“ปืน...ไศลาไม่มีปืน”
ธีรธรกลัวจับใจว่าไศลาจะเป็นอันตราย ดุ่มเข้าไปโดยไม่ทันคิดทันที
“หยุดนะ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทิ้งอาวุธให้หมด”
ชูชิตตกใจหันไปมองธีรธร ไศลาเริ่มคิดว่าเรื่องชักไปกันใหญ่แล้ว สมุนก็เริ่มชุลมุน หันปืนไปจ่อทางธีรธรด้วย ชูชิตกับไศลาด้วย
“พวกแกเป็นสายให้ตำรวจ”
ชูชิตจ้องหน้าไศลา

“ไศลา คุณหักหลังผมอีกแล้วใช่มั้ย”
“เปล่านะคะ ฉันไม่รู้เรื่อง”
“ไศลา คุณมาหาผม ผมจะไม่ยอมปล่อยให้คุณมีอันตรายอะไรแน่”
ธีรธรเข้าลุยกับพวกสมุน ไศลากับชูชิตยืนดู ธีรธรสู้ยิบตากับเหล่าสมุนทั้งหลาย ทำทุกอย่างเพื่อช่วยไศลาให้ปลอดภัยให้ได้ แต่สุดท้ายก็จำนนให้กับพวกมาก ไศลามองธีรธร มองปืนทุกกระบอกที่จ่อไปที่เขา เธอครุ่นคิดอย่างหนัก พยายามทำทุกอย่างที่ธีรธรจะปลอดภัยที่สุด
“ไศไม่รู้เรื่องนะคะชิต เขาตามไศมาเอง” ไศลาบอกชูชิต
สมุนคนหนึ่งต่อว่า
“ไอ้ชูชิตแกมันโง่ แกพาตำรวจมาที่นี่”
“ใครกันแน่ที่โง่...ไม่เห็นเหรอมันมาคนเดียว พวกแกก็จัดการมันซะสิ”
สมุนหันปืนไปทางธีรธร ไศลาเป็นห่วงมาก ชูชิตมองหยัน
“แกจะมาเข้ามาที่นี่ แกมาตัวคนเดียวพร้อมปืนกระบอกเล็กเนี่ยนะ”
ธีรธรรู้ว่าตัวเองสู้ใครไม่ได้แน่ๆ
“ฉันไม่ได้ต้องการจะมีเรื่องกับใครตอนนี้ ฉันแค่ต้องการคนของฉันคืน”
ไศลาพยายามปกป้องธีรธร แกล้งทำเสียงดุ
“ใครกันคนของคุณ ฉันมาหาคนรักของฉัน คนเดียวที่ฉันจะยอมให้เขาเป็นเจ้าของคือชูชิตเท่านั้น”
ชูชิตยิ้มเย้ย
“ได้ยินชัดมั้ยล่ะ”
ธีรธรมองหน้าไศลาไม่แน่ใจนักว่าเธอกำลังทำอะไร
“งั้นเอางี้...ไม่เห็นจะยาก”
ชูชิตเดินเอาปืนยัดใส่มือไศลา
“คุณพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นสิ ว่าคุณเป็นพวกเราน่ะไศ”
“แต่...”
ไศลารับปืนมา ธีรธรขอร้อง
“ไศ...กลับไปกลับผม คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้ คุณคนดีกว่าคนพวกนี้เยอะ”
ไศลาลำบากใจมาก ได้แต่เอานิ้วสอดโกร่งไกปืนเล็งมาค้างที่เขา ธีรธรหลับตาลง เบือนหน้าไปทางอื่น ชูชิตเอามือตนสอดนิ้วทับมือไศลาเขากระดิกนิ้วเอง กระสุนลั่นเข้าใส่ธีรธร ไศลาตกใจทิ้งปืน ธีรธรมองเลือดที่ท้องตัวเองมองไศลา เขาช็อคไม่คิดว่าไศลาจะทำเช่นนั้น ไศลารู้สึกผิดมากในแววตา ชูชิตยิ้ม ยกสองมือแบบไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ธีรธรลงไปทรุดกับพื้น
“ไศลา ทำไมคุณทำแบบนี้”
ชูชิตหันไปหาสมุน
“คราวนี้เชื่อรึยังล่ะ ว่าพวกฉันน่ะไม่ได้มาร้าย”
ธีรธรลงไปกองกับพื้น ไศลาเป็นห่วงมาก
“ให้คนลากมันไปทิ้งไกลด้วย อย่าให้บ้านนายต้องเปรอะเลือดล่ะ”
ธีรธรพูดเสียงแหบแห้ง
“ไศ”
ไศลาน้ำตารื้นแต่ก็ต้องกลั้นไว้ สมุนแบกธีรธรไปด้านนอก

ธีรธรแทบจะไม่หลงเหลือสติแล้ว เหล่าสมุนโยนธีรธรที่ข้างถนน ไม่เหลียวแล ธีรธรค่อยๆหมดสติไปทีละน้อย ทีละน้อย

ในห้องรับแขก ไศลานั่งแทบไม่ติดเอาแต่คิดเรื่องธีรธร ดุลยศักดิ์เดินเข้ามา พร้อมปรบมือ
“ใจเด็ดเหมือนกันนี่ ไม่ผิดที่จะเลือกมายืนข้างฉัน”
ไศลาเงยหน้าจ้องมองดุลยศักดิ์เขม็งกัดฟันเจ็บช้ำ ดุลยศักดิ์หันไปชมชูชิต
“ทำดีมากชูชิต”
ชูชิตยิ้มภูมิใจ
“ครับนาย”
ดุลยศักดิ์หันมาถามไศลา
“อะไรทำให้เธอยอมมาเป็นพวกฉัน”
“ชูชิตค่ะ ฉันใช้เวลาที่ผ่านมาคิดดูแล้วถึงได้รู้ว่า ฉันขาดเขาไม่ได้ ฉันจึงตัดสินใจจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา”
“แล้วชูชิตได้บอกรึ ยังว่าเขาต้องแต่งงานกับนาถสุดา”
ชูชิตขัดขึ้นทันที
“นายครับ ผมว่าเรายกเลิก...”
“หยุดเสนอความคิดเห็น ฉันไม่ได้ถามแก”
“ฉันเข้าใจดีว่าเรื่องงานก็คือเรื่องงาน ฉันเชื่อใจชิต” ไศลาพูดหน้าตาเฉย
“ก็ดี...ฉันไม่อยากให้มามีปัญหากันทีหลัง แล้วเรื่องน้องสาวของเธอล่ะ ดูท่าคนนั้นคงจะไม่ยอมเธอง่ายๆหรอกมั้ง”
“เรื่องนั้น ผมจัดการได้ครับ” ชูชิตยืนยัน
ไศลามองหน้าดุลยศักดิ์
“คุณสนใจเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมากจังนะคะ”
“หึ...ถ้าพวกมันไม่เอาเรื่องมั่วๆพวกนี้มากระทบกับงานฉัน ฉันคงไม่สนใจ”
“เป็นเหตุผลที่ดี... เรื่องน้องสาวฉันคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะฉันไม่ได้สนใจอยากจะเป็นผู้ช่วยของชิตนี่คะ ฉันสนใจจะเป็นผู้ช่วยของคุณมากกว่า”
“ฮ่าๆ...” ดุลยศักดิ์หันหาชูชิต “เมียแกคนนี้มันน่าสนใจจริงๆ”
ไศลาจ้องดุลยศักดิ์ด้วยความแค้นลึก แต่เธอปกปิดมันด้วยการแค่นยิ้ม ชูชิตไม่พอใจนักกับคำพูดไศลา

ธีรธรนอนหมดสติอยู่บนรถเข็นถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน นพรัชรีบเข้ามาดูเพื่อนอย่างเป็นห่วง จ่านิดถูกกันออกไปโดยพยาบาล
“ญาติรอด้านนอกนะคะ”
นพรัชเปิดแผลที่ท้อง พลิกดูด้านหลัง
“ลูกกระสุนทะลุออกด้านหลังไปแล้ว”
“ชีพจรอ่อนมากเลยค่ะ” พยาบาลรายงาน
นพรัชใช้เครื่องช็อตหัวใจธีรธร เสียงเครื่องวัดการเต้นหัวใจส่งเสียงดัง เกณฑ์ไม่ดีนัก

นพรัชเดินออกจากห้องฉุกเฉิน จ่านิดรีบเข้าไปสอบถามอาการ
“ผู้กองเป็นไงบ้างครับหมอ”
“ยังน่าเป็นห่วง นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
“ผมก็ไม่รู้ครับ รู้แต่ว่าผู้กองน่ะออกไปตามหาคุณไศแล้วผมโทรไปหาอีกทีพลเมืองดีก็บอกว่าเขาโดนยิงอยู่ข้างกองขยะนี่แหละครับ”
“แล้วคุณไศล่ะ เจอมั้ย”
“ยังเลยครับ อยู่ๆก็หายไปเลย”
นพรัชหนักใจ
“คงต้องหวังว่า...ไอ้ธีมันจะตื่นมาเล่าให้เราฟังได้นะ”
จ่านิดถอนใจเครียดๆ
“เฮ้อ…”
“แล้วนี่บอกที่บ้านของธีไปรึไงยัง”
“ยังเลยครับ”
“ดีแล้ว อย่าเพิ่งบอกเลย แม่ไอ้ธีเพิ่งหายป่วย เดี๋ยวจะทรุดขึ้นมาอีก”
“แล้วผู้กองอยู่ๆหายไป เขาจะไม่สงสัยกันเหรอครับ”
“เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“ไม่รู้ป่านนี้คุณไศลาเป็นยังไงบ้างนะครับ เป็นอันตรายรึเปล่าก็ไม่รู้”
“นั่นแหละ ฉันห่วงที่สุดเลย”
“นี่ผมก็ให้คนออกตามหาแล้วเหมือนกัน แต่ยังไม่มีวี่แววเลยครับ”
นพรัชเป็นกังวลกับเรื่องไศลาไม่น้อย

ชูชิตขับรถมาตามถนน เขาไม่พอใจไศลานักที่บอกว่าจะไปเป็นผู้ช่วยของดุลยศักดิ์
“คุณพูดแบบนั้นได้ยังไง ที่ว่าอยากเป็นผู้ช่วยของนายผม”
“ก็จริงนี่คะ”
“คุณรู้มั้ยไอ้ดุลยศักดิ์มันเลวแค่ไหน”
“คงไม่ได้เลวไปกว่าคุณมากนักหรอกมั้งคะ”
“ไศ คุณเปลี่ยนไปมาก”
“คุณก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกันค่ะ”
“คุณยังรักผมอยู่จริงๆรึเปล่า”
“คุณมียายอรอยู่ คุณไม่มีสิทธิ์ถามคำถามแบบนี้นะคะ”
ชูชิตเถียงไม่ออก
“ฉันไม่อยากเข้าไปวุ่นวายที่บ้านของคุณให้ผิดใจกับยายอรอีก คุณมียายอรเป็นผู้ช่วยแล้วทั้งคน คุณไม่ควรจะทำให้น้องฉันเสียใจ”
“แต่ผมรักคุณ”
“ค่ะ...คุณจำไว้ว่าที่ฉันทำทุกอย่างไป เพราะฉันปรารถนาดีกับคุณ และน้องๆของฉัน ฉันไม่ได้อยากมีปัญหากับใครทั้งนั้น... คุณจอดให้ฉันลงข้างหน้านี่แหละ ฉันต้องไปธุระต่อ”
“ให้ผมไปส่ง”
“อย่าเลยค่ะ เวลานี้คุณควรไปอยู่กับยายอรที่โรงพยาบาลได้แล้ว”
ชูชิตจอดรถให้ไศลาที่ริมถนน พร้อมกับเอื้อมมือมาจับมือเธอไปหอม
“ถ้าผมเคลียร์เรื่องอรได้ เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมใช่มั้ย”
ไศลาไม่ตอบอะไร รีบลงจากรถไป ชูชิตมองเธออย่างมีความหวัง

ไศลาลงจากรถก็รีบโทรหาจ่านิดทันที
“จ่านิดคะ คุณธี...ค่ะ...ค่ะ...ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
ไศลาโบกแท็กซี่ แล้วรีบขึ้นไปทันที

ไศลาวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในโรงพยาบาล ไม่สนใจใครทั้งนั้น นพรัชกำลังดูแฟ้มคนไข้ หันไปเห็นหลังไศลาไวๆ พยายามมองว่าใช่มั้ย แต่มีพยาบาลเข้ามาปรึกษาเกี่ยวกับคนไข้พอดี

ไศลารีบเข้าไปในห้องไปซียูทันที เห็นสภาพธีรธรที่นอนไร้สติ สายระโยงระยางเต็มไปหมด เธอถึงกับน้ำตาไหลลงมาทันที
“คุณธี ฉันขอโทษ”
ไศลาจับมือของเขาขึ้นมากุมอย่างอ่อนโยน เธอนึกย้อนถึงตอนกลางคืนที่เธอคุยกับเขาและเขาก็ยกปืนกับเทวดาประจำตัวให้กับเธอ...ธีรธรปลดปืนพกของตนออกจากเอว ยื่นให้ไศลา
“คุณรับนี่ไว้ ผมอยากให้คุณเอาไว้ป้องกันตัว”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ไศไม่ฆ่าใคร”
“เชื่อผม...ใช้หรือไม่ใช้ ยังไงก็ต้องมี”

ไศลาจำใจรับมาอย่างปฏิเสธไม่ได้ แล้วธีรธรก็ยื่นมือไปจับที่หัวของไศลาคล้ายกับจะเสกของวิเศษให้ไศลาแบบเด็กๆ
“นี่คุณทำอะไรน่ะ”
“คุณไม่เคยได้ยินเหรอว่าคนเราน่ะ จะมีเทวดานางฟ้าประจำตัวให้เราปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง”
“แล้วไง”
“ผมให้คุณยืมเทวดาประจำตัวของผมชั่วคราว”
“อ้าว...ฉันก็น่าจะมีนางฟ้าของฉันแล้วนี่”
“นางฟ้าตัวเล็กๆจะไปปกป้องอะไรได้มากมายเอาเทวดาของผมไป เทวดาผมฝึกมาดี” เขาทำเหมือนพูดกับเทวดา “ฝากคุณไศลาด้วยนะคุณเทวดา”
ไศลายิ้มๆ เอ็นดู

ไศลายิ้มทั้งน้ำตา มองดูธีรธรที่สายระโยงรยางค์บนเตียง
“ฉันพาเทวดาประจำตัวของคุณมาคืนต่อไปนี้เขาดูแลคุณให้ปลอดภัย คุณจะไม่ต้องมาเจ็บตัวเพราะฉันอีก”
ไศลาเริ่มใช้พลังในตัวเธอรักษาธีรธร แสงสว่างจ้าไปทั้งห้องอีกครั้ง แผลที่ท้องธีรธรเริ่มแห้ง แต่ที่ท้องของไศลา มีเลือดซึมออกมาตำแหน่งเดียวกับที่ธีรธรโดนยิง

ชูชิตมาที่โรงพยาบาล เดนเข้ามาในห้องพักฟื้น อรชรดีใจมากที่เห็นหน้าเขา ชูชิตมองจานอาหารที่เธอไม่แตะสักอย่าง
“ทำไมไม่กินอะไรเลย”
“อรรอพี่ชิตไงคะ”
ชูชิตลำบากใจ
“อรต้องดูแลตัวเองให้สิ ทำแบบนี้ก็ต้องคอยเป็นภาระคนอื่นตลอดเวลา”
อรชรฉุนกึก
“นี่พี่ชิตมองว่าอรเป็นภาระเหรอ”
“ก็ดูอรทำตัวสิ ถ้าพี่บอกว่ายุ่งก็คือยุ่ง แต่อรก็ยังบังคับให้พี่มา อรต้องหัดเข้าใจคนอื่นมากกว่านี้”
“เข้าใจสิคะ เข้าใจว่าพี่ชิตน่ะต้องไปเจอเรื่องอะไรมาแน่ๆ ถึงมาพาลกับอรแบบนี้ อรป่วยนะคะพี่ชิต ก็ต้องการคนมาคอยดูแลเป็นธรรมดา”
“แต่พี่ชอบคนที่ดูแลตัวเองได้”
“ก็ไปหาพี่ไศสิคะ ไม่ต้องมาสนใจอรหรอก”
ชูชิตเงียบ ไม่เถียงด้วย อรชรเริ่มเห็นอะไรผิดสังเกต
“หรือไปหามาแล้ว”
ชูชิตเงียบอีก
“ไปหามาแล้วใช่มั้ย ที่มาสายแบบนี้เพราะไปหาพี่ไศมาใช่มั้ย”
ชูชิตเงียบ อรชรเริ่มเอามือทุบตีเขา
“อรไม่ดียังไง ทำไมทำกับอรแบบนี้ รักมันมากใช่มั้ย”
“ใช่ รักมาก”
“รักมากแล้วมายุ่งกับอรทำไม”
“อรเป็นคนเข้ามาวุ่นวายเอง...จำไม่ได้เหรอ”
อรชรน้ำตาไหลพราก
“พี่ชิต...ทำไมพี่ชิตพูดแบบนี้ แล้วที่ผ่านมาที่ดูแลอร พี่ชิตไม่ได้รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ ไม่รักอรบ้างเลยรึไง”
ชูชิตไม่ตอบอะไร หน้าตาลำบากใจ อรชรโกรธมาก
“พี่ไศอยู่ไหน อรจะคุยกับพี่ไศเอง”
“พอเถอะอร ไม่ต้องคุยอะไรทั้งนั้น นอนพักไปเถอะ พี่อยากอยู่เงียบๆสักพัก”
อรชรจ้องชูชิตไม่พอใจ ไม่ยอมจบง่ายๆ
“ถ้างั้นอรก็ขอออกไปสูดอากาศข้างนอกก็แล้วกันค่ะ”
อรชรเดินผลุนผลันออกจากห้องไป

ชีพจรของธีรธรดีขึ้นมากแล้ว ไศลามองดูก็ยิ้มมีความสุข แต่เธออ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่ไหว เธอลุกขึ้นเซ เลือดที่ท้องซึมเสื้อออกมา ธีรธรจับมือไศลาไว้ละเมอ ไม่รู้สึกตัว
“คุณอย่าทิ้งผมไปนะ คุณไศ”
ไศลามองธีรธรเศร้าๆ ยกมือของเขาขึ้นมาจุมพิตเบาๆ
“คุณเป็นคนดี เทวดาจะคุ้มครองคุณนะ”
ไศลาปล่อยมือจากธีรธร พยายามพาตัวเองออกจากห้องไอซียูเพราะหมดเรี่ยวแรง

ไศลาเดินเซออกมาถึงหน้าห้อง สายตาเห็นอะไรก็เบลอไปหมด นพรัชเดินมาเห็นไศลาท่าทางแปลกๆพอดี
“คุณไศ ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่เลย”
“คุณหมอ”
ไศลาเป็นลมไม่ได้สติ นพประคองไศลาไว้ได้ทันเห็นเลือดที่ซึมออกมานอกเสื้อของเธอ เขารีบอุ้มไปที่ห้องตรวจทันที ขณะที่กำลังอุ้มไป ก็สวนกับอรชรที่เดินออกมาพอดี อรชรหันไปเห็นไศลา
“พี่ไศ”
อรชรคิดอะไรบางอย่าง แล้วก็รีบตามไปทันที

ดุลยศักดิ์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ นาถสุดานวดไหล่ให้
“วันนี้นายเรียกนาถมามีอะไรรึเปล่าคะ”
“เรื่องที่ให้ไปสืบจากไอ้ตำรวจนั่น...ได้อะไรมาบ้างแล้ว”
“ก็ตั้งแต่มีข่าว ก็เลยยังไม่ได้เจอเลยค่ะ”
“งั้นก็ไม่ต้องละ งานช้า เสียเวลา”
“หมายความว่าไงคะ”

อ่านต่อหน้าที่ 3


กุหลาบไฟ ตอนที่ 7 (ต่อ)

“ฉันได้ผู้ช่วยคนใหม่แล้ว”
“ใครกันคะคนที่จะมาแทนนาถได้ คงไม่ได้หาง่ายๆเลยใช่มั้ย”
“จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย แล้วสงสัยว่าเธอจะรู้จักดีด้วยสิ”
“ให้ฉันเดามั้ยคะ...”
“ก็ลองดู”
“ไศลา”
“เก่งนี่”
“ตกลงว่าชูชิตเจรจามาได้เหรอคะ”
“ใช่”
“แล้วนายถึงขั้นไว้ใจขนาดให้เป็นผู้ช่วยนายเลยเหรอ”
“แล้วที่ฉันมีอยู่ มันไว้ใจได้ขนาดไหนกัน
นาถสุดาหน้าเจื่อนไป
“หน้าที่ของเธอ คือคอยตามประกบไศลา...ฉันอยากรู้ว่าเขาไว้ใจได้แค่ไหน”
นาถสุดาไม่พอใจนัก

ไศลานอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง มีสายน้ำเกลือห้อยอยู่ นพรัช ทำแผลที่ท้องขาวนวลให้ไศลา ฉีดยาเข้าไปในสายน้ำเกลือ
“ผมงงไปหมด มีบาดแผล แต่ไม่มีสาเหตุ คุณไปทำอะไรมานะคุณไศลา”
นพรัชมองดูไศลาอย่างเป็นห่วง ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

อรชรเห็นหมอจะออกมา จึงวิ่งไปหลบด้านข้าง นพรัชเดินออกมาแล้วเดินไปต่อ ไม่ได้สังเกตอะไร อรชรยืนแอบอยู่ได้ยินเสียงพยาบาลคุยกัน เธอจึงแอบดู
“นี่มันยานอนหลับชนิดรุนแรงนะ อย่าฉีดให้คนไข้เกินโด้สมันล่ะ”
“ฉันรู้แล้วย่ะ ฉันยังอยากเป็นพยาบาลนะ ไม่ได้อยากเป็นฆาตกร”
อรชรหูผึ่งที่ได้ยินสิ่งที่พยาบาลพูด เธอจึงยื่นหน้าไปแอบดู เห็นพยาบาลกำลังหยิบยานอนหลับหลายขวดออกมาเรียงกัน อรชรจ้องไม่วางตา เสียงกดออดเรียกพยาบาลดังขึ้น
“คนไข้ห้อง 614 เรียก ไปช่วยกันหน่อยสิ”
“ได้”
พยาบาลทั้งสองคนเดินออกไป เปิดโอกาสให้อรชรเดินเข้าไปได้ อรชรกวาดยานอนหลับมา 4 ขวดที่วางอยู่พร้อมเข็มฉีดยา แล้วเดินเข้าห้องตรวจไป อรชรเข้ามาเห็นไศลาที่หลับไม่รู้สึกตัวอยู่ เธอมองด้วยสายตาชิงชัง
“มันช่วยไม่ได้นะพี่ไศ ถ้าไม่มีพี่สักคน ชีวิตฉันก็คงจะดีกว่านี้ พี่ควรจะดีใจนะ ที่ได้เสียสละอะไรให้ฉันบ้าง”
อรชรใช้เข็มฉีดยาดูดยาจากสลิงค์แล้วฉีดใส่ไปในขวดน้ำเกลือ 1 ขวด 2 ขวด 3 ขวด 4 ขวด เธอยิ้มสะใจ
“หลับให้สบายนะพี่ไศลา”
อรชรเดินออกไปสีหน้าสะใจ นิ้วมือข้างที่ให้น้ำเกลือของไศลาขยับเล็กน้อย เธอขมวดคิ้วราวกับฝันร้าย

นาถสุดาเข้ามาในห้องโยคีศิลาดำที่นั่งสมาธิรักษาตัว รอบตัวล้อมด้วยไฟ เหงื่อเขาหยดเป็นเม็ดๆผุดทั่วร่างกาย
“เจ้ามีอะไรรึ”
“อาจารย์ยังไม่หายดีอีกเหรอ”
“ก็เกือบจะเต็มร้อยแล้ว”
“ท่านรู้รึเปล่า...ว่าตอนนี้ไศลา มันจะมาเป็นผู้ช่วยให้ไอ้ดุลยศักดิ์แล้ว”
“เป็นไปไม่ได้”
“ทำไมอาจารย์คิดแบบนั้น”
“ไศลาน่ะ มีมนต์ขาวล้อมรอบตัวมันอยู่ ไม่มีทางเป็นคนคิดเลว ทำเลวไปได้”
“ทำไมล่ะ...”
“ไม่งั้น...มนต์ขาวที่มันมีก็จะใช้งานไม่ได้น่ะสิ”
“แปลว่าที่มันมา...มันก็มีแผนอะไรสักอย่างใช่มั้ยคะ”
“ใช่...ดูเหมือนทุกคนจะมีแผนการของตัวเองกันทั้งนั้นนะ”
“แผนของเรา...คือ...ทำเป็นเดินตามเกมของทุกคนใช่มั้ยคะ”
“แล้วสุดท้ายก็ให้พวกมันฆ่ากันเอง”
“เราเองก็จะได้ขึ้นเป็นใหญ่แทนพวกมันทุกคน”
“ใช่...แล้วที่นังไศลามาช่วยนายดุลยศักดิ์แบบนี้ข้าจะได้สืบเรื่อง พี่เมฆาจากนางไศลา สองคนนั้นต้องเกี่ยวข้องอะไรกันแน่ๆ”
นาถสุดากับโยคีศิลาดำต่างก็ยิ้มเจ้าเล่ห์

นพรัชเข้ามาตรวจธีรธรเพื่อนของตน เขาก็ต้องตกใจที่ธีรธรอาการดีขึ้นมาก กราฟหัวใจต่างๆก็คงที่
“ฝีมือคุณไศลาแน่ๆ”
ธีรธรค่อยๆรู้สึกตัวขึ้น ยังเบลอๆ
“ว่าไงเพื่อน รู้สึกตัวแล้วเหรอ”
“ฉันเป็นอะไรวะ”
“แกถูกยิงไง จำไม่ได้เหรอ”
“ถูกยิง...”
ธีรธรนึกถึงตอนที่ไศลายิงเขา เขาถึงกับสะดุ้ง

“ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันวะ ใครยิงแก”
“ไศลา”
นพรัชตะลึง
“คุณไศลา”
“ใช่...ไศลายิงฉัน”
“เป็นไปไม่ได้”
“ทำไม”
“ฉันเองก็งง...แผลแกมันหายเร็วเกินมนุษย์”
ธีรธรจับผ้าพันแผลที่เลือดจางมาก
“วิทยาศาสตร์ที่ฉันเรียนมามันอธิบายอะไรไม่ได้เลย...ไศลา...”
นพรัชส่ายหน้ามึนงงไม่รู้จะพูดอะไรดี ธีรธรเจ็บปวดใจ
“ตอนนี้เขากลับไปหาแฟนเก่าเขาแล้ว”
“แกคิดแบบนั้นเหรอ”
“แกอย่าเข้าข้างเขานักเลยน่า ไม่มีใครรู้จักผู้หญิงคนนี้ดีสักคน”
“แกนอนพักเถอะ เดี๋ยวฉันต้องไปตรวจเคสอื่นต่ออีก”
“เออ ตามสบาย”
“อยากให้ฉันโทรบอกใครที่บ้านแกมั้ย”
“อย่าเพิ่งดีกว่า ฉันไม่อยากวุ่นวาย เท่าที่ดูอาการแล้วฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่มั้ยล่ะ”
“ตอนนี้น่ะใช่...นอนพักไปละกัน ขาดเหลืออะไรโทรหาฉัน”
“เออ”
นพรัชเดินออกจากห้องไป ธีรธรครุ่นคิด ไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

นพรัชเปิดมาในห้องตรวจ ปรากฏว่าเหลือแต่ขวดน้ำเกลือและสายห้อยต่องแต่ง ไม่มีไศลาแล้ว
“อ้าว...ไปไหนซะแล้วเนี่ย”
นพรัชมองไปทั่วห้อง หาในห้องน้ำก็ไม่เห็น
“นี่หายไปตั้งแต่แรกเลยเหรอเนี่ย น้ำเกลือไม่ลดลงไปเลย...คุณไศ”
นพรัชแววตาห่วงใย

ไศลาเดินมาตามบันไดหนีไฟ เธอมึนหัวมากจากฤทธิ์ยา แต่พยายามจะฝืน ไศลาเดินเซชนโน่นทีนี่ทีและสุดท้ายเธอก็มาชนเอาคนๆหนึ่ง ไศลาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองคือโยคีศิลาดำนั่นเอง ไศลารวบรวมสติมองที่โยคีศิลาดำแล้วตกใจ นาถสุดาเดินเข้ามาสมทบอีกคน
“สภาพเธอตอนนี้ดูไม่ดีเลยนะไศลา”
“ต้องการอะไรจากฉัน”
“ก็เธอจะมาเป็นผู้ช่วยใหม่ของเจ้านายฉันไม่ใช่เหรอ เขาก็อยากให้ฉันมารับน้องใหม่เธอสักหน่อย”
“คืออะไร”
โยคีศิลาดำจับที่ข้อมือของไศลา ทุกอย่างกลายเป็นความมืดทันที

ไศลากับโยคีศิลาดำมาอยู่กันที่น้ำตกกลางป่า ไศลามองยังงงและเบลออยู่มาก โยคีศิลาดำมองบรรยากาศรอบตัวก็รู้ทันทีว่าที่นั่นคือที่ไหน
“เจ้าพาข้ามาที่นี่ เจ้าเกี่ยวข้องกับพี่เมฆาจริงๆ”
“ที่นี่ที่ไหน ฉันไม่รู้จัก”
“จิตใต้สำนึกเจ้าพาข้ามาที่นี่”
“คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่”
“อยากรู้ว่าเจ้าเกี่ยวข้องกับพี่เมฆายังไง”
ไศลาส่ายหน้า พยายามเรียกสติตนเอง โยคีศิลาดำใช้พลังกระแทกฝ่ามือผลักเธอกระเด็นไปกองกับพื้น ไศลายังมึนไปหมด ร่างกายไม่พร้อมด้วยประการทั้งปวง โยคีศิลาดำไม่หยุด โจมตีไศลาด้วยกระบวนท่าต่างๆ ไศลาหลบไม่ได้สะบักสะบอม
“คุณรังแกคนที่อ่อนแอกว่า คุณก็รู้ว่าสภาพฉันตอนนี้ฉันสู้ใครก็ไม่ได้”
“ไม่จริง ข้าไม่เชื่อ”
โยคีศิลาดำพยายามไล่ต้อนไศลา เธอต่อสู้แบบเป็นรอง โยคีศิลาดำได้ทีทำมือแบนๆจะเเทงใส่อกไศลา
“หัวใจเจ้าข้าขอเหอะ”
ไศลาเเข็งใจจับฝ่ามือนั้นไว้ดึงขึ้นมาตรงหน้าตนเอง โยคีศิลาดำกำมือชูนิ้วชี้นิ้วเดียวจะจิ้มใส่หน้า ไศลาจับมือโยคีจ่อหน้าผากตนอย่างไม่เจตนา ทันทีที่ปลายนิ้วโยคีโดนหน้าผากเธอ ตาที่สามพลันเปล่งประกาย โยคีศิลาดำตกใจ
“ดวงตาที่สาม”
ตาที่สามของเธอส่องสว่างอีกครั้ง
“แกต้องเกี่ยวอะไรกับพี่เมฆาแน่”
ไศลามาพร้อมตาที่ 3 ที่คล่องแคล่วสู้กับโยคีศิลาดำ ทั้งคู่ประมือกันอย่างคล่องแคล่วว่องไว กลางน้ำตก น้ำกระจาย โยคีศิลาดำพยายามจะเค้นความจริงเกี่ยวกับนักพรตเมฆขาวไปตลอดการต่อสู้
“ใครเป็นคนสอนวิชาเหล่านี้กับเจ้า”
“ทำไมฉันต้องบอก”
“พี่เมฆาใช่มั้ย”
ไศลาต่อสู้ยิบตา
“เจ้าใช้กระบวนท่าของเขา”
โยคีศิลาดำฟาดฝ่ามืออย่างแรงใส่ ไศลาถึงกับกระอักเลือด แต่แล้วก็มีเสียงประชาสัมพันธ์จากโรงพยาบาลดังขึ้น

“หมอนพรัช ขอเชิญที่ห้องไอซียูด้วยค่ะ” ไศลาได้ยินเริ่มรู้สึกแปรปรวนไปหมด โยคีศิลาดำคว้าแขนของไศลาอีกครั้ง บรรยากาศค่อยๆเคลื่อนไหวและจางไปกลายเป็นโรงพยาบาลตรงทางหนีไฟที่เดิม
ไศลากับโยคีศิลาดำกลับมาที่เดิม ไศลายิ่งปวดหัว ยิ่งงงกว่าเดิม โยคีศิลาดำปล่อยข้อมือ ไศลาร่วงไปกอง แถมมีเลือดไหลออกที่ปากที่จมูก ดวงตาที่สามดับลง นาถสุดาเข้ามาถาม
“เป็นไงบ้างคะอาจารย์ ฝีมือยายนี่”
“มันเกี่ยวข้องโดยตรงกับพี่เมฆา”
“แล้วเราจะเอาไงต่อดีคะ”
“เอามันไป ข้าอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องทุกอย่างนี้”
นาถสุดารวบไศลา แล้วพาเดินออกไปจากตรงนั้น ไศลาพยายามขัดขืนแต่เรี่ยวแรงก็มีน้อยเหลือเกิน
“จะพาฉันไปไหน”
ไศลาไม่เต็มใจไป แต่ก็ไม่มีแรงพอที่จะขืนแรงของนาถสุดา นาถสุดาพาไศลาไป โยคีศิลาดำยังยืนครุ่นคิดบางอย่าง อรชรเดินออกมาที่บันไดหนีไฟ ตกใจที่เจอโยคีศิลาดำ
“แก”
โยคีศิลาดำหันไปเห็นอรชร เขามองด้วยรอยยิ้ม
“เธอนั่นเอง”
อรชรจะวิ่งหนี แต่ก็กลายเป็นว่าไม่สามารถก้าวเท้าออกได้ จนโยคีศิลาดำเดินมาประชิดตัว อรชรพยายามดิ้น เอามือปัดป้อง ตีต่อยเขา แต่แรงเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านเลย
“แกจะทำอะไรฉัน”
“ข้าจะทำอะไรคนสวยแบบเจ้าลงล่ะ”
“ปล่อยนะ”
“ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องของพรหมลิขิตบ้างเหรอ ที่เราได้มาเจอกันแบบนี้ ตอนนี้”
“แกน่ะมันไอ้โรคจิต”
โยคีศิลาดำดึงมาจูบ อรชรพยายามดิ้น แต่ก็ขัดขืนไม่ได้ พอโยคีศิลาดำถอนปากออกไป อรชรก็ตบเต็มแรง
“ไอ้เลว”
“ดูเหมือนเจ้าก็ไม่ได้น้อยไปกว่าฉันสักเท่าไหร่นะ ข้าสัมผัสได้ถึงไฟแห่งความรักและความอิจฉาริษยาของเจ้ามันช่างรุนแรงกว่าทุกสิ่งแบบนี้สิ เราถึงเหมาะสมกัน”
“ฉันไม่สนใจไอ้คนบ้าอย่างแกหรอก”
“คอยดูสิ แล้วเจ้าจะคิดถึงข้าในวันหนึ่ง”
โยคีศิลาดำเดินจากไป อรชรมองโยคีศิลาดำเจ็บใจกับสิ่งที่เขาทำ
“ฉันไม่มีวันคิดถึงแกหรอก ไอ้โรคจิต”
อรชรโมโหเดินออกไป

ธีรธรรู้สึกตัวดีขึ้นแล้ว แต่เขาไม่สามารถนอนหลับได้ ธีรธรคิดถึงภาพดีๆต่างๆเกี่ยวกับไศลา ทั้งตอนที่เขาเคยเข้าไปอยู่ป่ากับเธอ ทั้งความผูกพันต่างๆที่ทั้งคู่เคยใกล้ชิดกัน จนเกือบเผลอใจไปหลายครั้ง ธีรธรหน้าเศร้า

อรชรเดินกลับมาที่ห้องของตน ด้วยความไม่พอใจ ชูชิตเห็นอรชรเข้ามา เขารีบซักไซ้ไล่เรียงทันที
“ไปไหนมา”
“ก็แค่ไปเดินเล่น”
“ทำไมมีเลือดไหลที่ปาก”
อรชรตกใจ เอามือจับปาก
“ห๊า...แค่ล้ม”
“ยังไม่แข็งแรงแล้วออกไปทำไม มานอนพักเถอะ”
“อืม”
“เดี๋ยวผมต้องไปทำงานแล้ว”
“พี่ชิตอยู่กับอรอีกแป๊บไม่ได้เหรอ”
“นี่ผมก็รออรกลับมานานแล้วนะ”
“ก็ได้ค่ะ”
ชูชิตเดินออกไปด้วยอาการเย็นชากับเธอ อรชรรีบไปดูกระจกเห็นปากที่แตกของตัวเองก็หงุดหงิด เธอหยิบทิชชู่มาซับ แล้วเธอก็คิดถึงเรื่องในวัยเด็ก

อรชรร้องไห้เพราะหกล้มปากแตก ไศลาเห็นน้องร้องไห้รีบวิ่งมากอด
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรน้องพี่”
ไศลาหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนจากกระเป๋า เช็ดเลือดจากปากให้กับน้องสาวที่ยังสะอื้นไห้อยู่ พร้อมเป่าเพี้ยงให้
“เพี้ยง...หายแล้วนะ”
ไศลาส่งยิ้มให้น้อง อรชรยังไม่หายงอแงแต่ก็รู้สึกดี

อรชรในปัจจุบันมองปากของตนที่แตกอยู่เศร้าๆ เธอหยิบหวีขึ้นมาหวีผมแล้วนึกถึงในอดีตอีกครั้ง

ไศลาหวีผมให้อรชรอย่างใส่ใจ
“พี่ไศว่าอรสวยมั้ย”
“สวยสิ สวยที่สุดเลย”
“ทำไมไม่เห็นมีใครชมอรว่าสวยเลย มีแต่คนชมพี่ไศ”
“ใครบอกว่าไม่มีใครชม ใครก็มาชมอรกับพี่ทั้งนั้น เขาคงเขินไม่กล้าชมต่อหน้ามากกว่า”
“จริงเหรอ”
อรชรยิ้มดีใจ ไศลามองน้องอย่างอ่อนโยน

ไศลายืนกอดอกให้คุณครูฟาดไม้เรียวมาที่ก้น
“ครูบอกแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าขโมยของของคนอื่น ทำไมสอนไม่จำ”
อรชรยืนดูไศลาที่ถูกตี ด้วยความรู้สึกผิดไม่น้อย มือที่ซ่อนไว้ด้านหลังของอรชร มีกล่องดินสอน่ารักซ่อนไว้

อรชรคิดถึงเรื่องเก่าๆ เกี่ยวกับไศลา แต่ว่าเธอกลับชิงชัง เธอมองเงาสะท้อนในกระจก
“นังไศลา”

นาถสุดาขับรถให้โยคีศิลาดำนั่ง ส่วนไศลายังมึนหลับอยู่ด้านหลังรถ
“ผู้หญิงคนนี้มีบางสิ่งที่มากกว่าคนปกติจะมี”
“คืออะไรคะ”
“ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่ข้าสัมผัสได้”
“อาจารย์จะให้ทำยังไงกับมันต่อ สภาพแบบนี้จะทำอะไรก็คงไม่ยาก”
“ข้าต้องการรู้ความลับบางอย่างจากมัน...”
โยคีศิลาดำมองไศลา มั่นใจว่าไศลาจะต้องนำเขาไปสู่เงื่อนงำที่ถูกซ่อนไว้ได้

ธีรธรย้ายมาอยู่ห้องพักฟื้นปกติ จ่านิดมาเยี่ยมตกใจที่ธีรธรดูท่าทางแข็งแรงเหมือนไม่ได้ถูกยิง
“ผู้กอง...นี่ผู้กองคนเดียวกับคนเมื่อเช้ารึเปล่าเนี่ย”
“อะไรของจ่าเนี่ย...ฮึ”
จ่านิดถามนพรัช
“ไหนหมอบอกว่าอาการหนัก เพราะเสียเลือดไปมากไงครับ”
“ก็ตอนนั้นมันเป็นแบบนั้นนี่”
“มหัศจรรย์มาก ผู้กองมีเทวดาคุ้มครองรึเปล่าเนี่ย”
ธีรธรได้ยินว่าเทวดาคุ้มครอง เขาก็นึกถึงคำที่เขาเคยพูดกับไศลาว่าคนเราทุกคนมีเทวดามีนางฟ้าประจำตัว แล้วเขาก็ยกเทวดาเขาให้คุ้มครองเธอ
“เรื่องไร้สาระ”
“แล้วนี่ผู้กองไปทำอะไรมาครับ ทำไมถึงถูกยิงได้ผมจะได้จัดการไปจับตัวไอ้คนยิงผู้กองมาเข้าคุกซะให้เรียบร้อย”
ธีรธรนิ่งไม่ตอบ
“แต่ผมดูจากวิถีกระสุนแล้วเนี่ย ถ้าคนยิงตั้งใจยิงเขาก็หลบอวัยวะสำคัญนะครับ เขาอาจไม่ต้องการให้ผู้กองตาย หมอว่ามั้ยครับ”
นพรัชพยักหน้า
“เออ...ก็คงแบบนั้นครับ”
นพรัชมองหน้าธีรธรที่เงียบ ไม่ตอบอะไร จ่านิดแปลกใจ
“ตกลงเกิดอะไรขึ้นครับผู้กอง แล้วคุณไศลายังปลอดภัยอยู่มั้ย ผมไม่เห็นคุณไศลามาเยี่ยมผู้กองเลย”
“เขาคงไม่กล้ามาเยี่ยมหรอก”
“ทำไมไม่กล้ามาละครับ คุณไศลายังโทรถามผมอยู่เลยว่าผู้กองอยู่ไหน เป็นยังไงบ้าง ผมก็นึกว่าคุณไศลาจะมาเยี่ยมแล้วซะอีก”
ธีรธรเงียบ จ่านิดหันไปถามนพรัช
“ไม่มาเลยเหรอครับหมอ”
นพรัชหลบตา ไม่ตอบอะไร ธีรธรมองหน้าจ่านิด
“แล้วคุณไศลาของจ่า บอกมั้ยล่ะ ว่าเขาอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่”
“ไม่ได้บอกหรอกครับ แต่เสียงน่ะดูเป็นห่วงผู้กองมาก”
ธีรธรเงียบ จ่านิดงงๆ
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับเนี่ย”
ธีรธรตอบเลี่ยงๆ
“ไม่มีอะไรหรอก”
นพรัชตัดบท
“ปล่อยให้ไอ้ธีพักผ่อนก่อนดีกว่าจ่า เรื่องหนักๆเดี๋ยวไว้ค่อยคุยวันหลังนะ”
“ได้ครับ งั้นผู้กองไม่ต้องห่วงเรื่องงานนะ เดี๋ยวผมดูแลให้เรียบร้อยครับ”
ธีรธรพยักหน้ารับ นพรัชก็อึดอัดที่อยู่ตรงนั้น

นพรัชเดินเข้ามาในห้องทำงาน ถอนหายใจ
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ไศลาคุณหายไปไหน...คุณกลับมาบอกความจริงทุกคนสิ ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น ผมรู้คุณไม่ใช่คนแบบนั้น”
นพรัชเป็นห่วงไศลา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

ดุลยศักดิ์นั่งทำงานอยู่ โทรศัพท์ดังขึ้น เขากดรับสาย
“ว่าไงครับ...ออเดอร์ใหญ่เหรอ...ไว้ใจได้ครับ...ไม่ต้องห่วง... แน่นอนครับ ไม่มีพลาดแน่ๆคุณก็รู้ว่าเส้นสายผมใหญ่ขนาดไหน...ได้เลยคับ สบายมาก...แล้วเจอกันครับ”
ดุลยศักดิ์วางสายยิ้มมุมปากกับการส่งของล็อตใหม่ที่เข้ามา
“คราวนี้จะได้รู้กันล่ะ ว่าเด็กใหม่อย่างนางไศลา ไว้ใจได้รึเปล่า”
ดุลยศักดิ์ยิ้มอย่างมีแผนบางอย่าง

อ่านต่อหน้าที่ 4


กุหลาบไฟ ตอนที่ 7 (ต่อ)

ชูชิตพยายามโทรศัพท์หาไศลาแต่ไม่ติดเลย เขาเริ่มกระวนกระวาย
“ไศ...คุณอยู่ไหนของคุณนะ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชูชิตดีใจนึกว่าไศลารีบกดรับ
“ฮัลโหล ไศเหรอ...อะไรเนี่ย พวกแกมีอะไรทำไมต้องโทรมาตอนนี้...อะไรนะ ไอ้ธีรธรยังไม่ตายอีกเหรอ หนังเหนียวจริงๆ...ก็ไปจัดการมันให้จบๆซะสิ อย่าให้รอดไปได้อีก...ไม่ต้องเรื่องเล็ก แค่นี้ไม่จำเป็นที่นายจะต้องรู้หรอก...เออ”
ชูชิตวางสายแววตาเกลียดชัง
“ตายๆไปซะก็ดี แกจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับไศอีก”

นพรัชหยิบโทรศัพท์มาโทรหาไศลา แต่ปิดเครื่อง นพรัชเป็นห่วงมาก
“คุณไศลา...คุณจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย บาดเจ็บขนาดนั้นทำไมต้องปิดเครื่องด้วย”
นพรัชเดินไปเดินมา ไม่สบายใจ ไม่รู้จะทำยังไงดี

ธีรธรเองก็ไม่สบายใจ หงุดหงิดทุกอย่างจากเรื่องไศลากลับไปหาชูชิต
“ไศลานะ คุณกลับไปหามันได้ไง”
ธีรธรเดินไปที่โต๊ะในห้อง เห็นปืนของตนที่จ่านิดวางไว้กับชุดและตราตำรวจ ธีรธร นึกถึงตอนที่เขาให้ไศลายืมปืน ปลดปืนพกของตนออกจากเอว ยื่นให้
“คุณรับนี่ไว้ ผมอยากให้คุณเอาไว้ป้องกันตัว”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ไศไม่ฆ่าใคร”
“เชื่อผม...ใช้หรือไม่ใช้ ยังไงก็ต้องมี”
ไศลาจำใจรับมาอย่างปฏิเสธไม่ได้...ธีรธรย้อนนึกถึงตอนนั้นแล้วเขาก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที เอามือปัดข้าวของรวมทั้งปืนทุกอย่างลงพื้น นพรัชเปิดประตูเข้ามา
“แกทำอะไรของแกวะ ทำไมไม่นอนพัก”
“ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“ทำลายข้าวของแบบนี้เรียกว่าไม่เป็นมากรึไง”
“ฉันแค่อยากลองดูว่าฉันแข็งแรงดีมั้ย”
“เรื่องร่างกายฉันไม่ห่วงหรอก ฉันมั่นใจว่าแกแข็งแรงดีฉันห่วง จิตใจแกมากกว่า”
ธีรธรนิ่ง...นพรัชถอนใจ
“เลิกหงุดหงิดเรื่องคุณไศกลับไปหาแฟนเก่าได้แล้ว”
“รู้ดีนักนะ”
“แกไม่สงสัยบ้างรึไงว่าทำไมแกโดนยิง แต่ไม่เห็นจะเป็นอะไรมาก”
“ก็แกบอกเองว่ามันไม่โดนจุดสำคัญ”
“ถึงมันจะไม่ใช่จุดสำคัญ แต่แกน่ะเสียเลือดมากเพราะกว่าคนจะไปเจอแกน่ะก็ผ่านไปหลายชั่วโมง ร่างกายมันโคม่าไปแล้ว”
“แล้วไง”
“ถ้าคุณไศไม่มาช่วยแกไว้ แกอาจจะตายไปแล้วก็ได้”
ธีรธรชะงัก
“หมายความว่าไง”
นพรัชถอนใจ
“พูดขนาดนี้ยังต้องถามหาความหมายอีกเหรอ มันก็หมายว่าคุณไศลาน่ะมาช่วยรักษาแกน่ะสิ”
ธีรธรไม่ค่อยเชื่อนพรัชนัก
“นี่แกพูดเพื่อปกป้องเขารึเปล่า”
นพรัชเซ็งๆ
“นี่...ความจริงฉันไม่อยากจะบอกแกหรอกนะไอ้ธีเพราะการที่แกกับคุณไศเข้าใจผิดกันมันก็เป็นโอกาสดีที่ฉันจะทำให้เขาชอบฉัน แต่ตอนนี้คุณไศหายไป ทั้งๆที่เขายังบาดเจ็บเพราะรักษาแกแล้วฉันก็เป็นหมอไม่มีปัญญาจะไปตามหาเขาได้ฉันเป็นห่วงเขาแทบจะบ้าตายอยู่แล้วเว้ย...ที่นี้เข้าใจรึยังล่ะ”
ธีรธรอึ้งไปกับสิ่งที่นพรัชพูดออกมา นพรัชพอพูดจบก็นิ่งมองธีรธรก็พอรู้ได้ว่า ธีรธรตอนนี้ก็เริ่มห่วงใยไศลาไม่แพ้กัน

นาถสุดาพยุงไศลาเข้ามาในห้องโยคีศิลาดำ ก่อนจะผลักลงบนเตียงแบบเหนื่อยที่จะพยุงเต็มทน ไศลานอนหมดแรงบนเตียงเจ็บแผลที่ท้องเลือดซึมออกมา
“สภาพนี้เดี๋ยวก็ตายแล้ว”
“ข้าไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะตายได้ง่ายแบบนั้น” โยคีศิลาดำแย้ง
“นาถไม่ช่วยหรอกนะอาจารย์ นาถบอกไว้ก่อนเลย จะตายก็ปล่อยให้มันตาย”
“ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าช่วยสักหน่อยนี่ แต่ข้าจะรอดูคนที่จะช่วยมัน”
นาถสุดาแปลกใจ
“อาจารย์หมายถึงใคร”
โยคีศิลาดำยิ้มอย่างมั่นใจอะไรบางอย่าง

ธีรธรเครียดเดินออกไปคิดที่ริมหน้าต่าง นพรัชยืนมองเพื่อนถอนหายใจ เสียงเปิดประตูเข้ามาในห้อง ธีรธรและนพรัชหันไปมองพร้อมกัน เป็นพยาบาลท่าทางเกร็งและอึกอัก
“ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ทราบว่าคุณหมออยู่ด้วย”
นพรัชหันมาถาม
“คุณมีอะไรรึเปล่า”
“คือดิฉันขอเชิญคุณหมอคุยเรื่องเคสด้านนอกหน่อยได้มั้ยคะ”
“เอาสิ”
นพรัชจะเดินออกไปหาพยาบาล ธีรธรดึงแขนนพรัชไว้ มองที่พยาบาลอย่างไม่ไว้ใจนัก
“มีอะไร”
“ฉันว่ามันมีอะไรแปลกๆว่ะ”
นพรัชยังงง ไม่เข้าใจ ธีรธรหันไปหาพยาบาล
“ถ้ามีอะไร เข้ามาคุยกันในนี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมออกไปเอง”
พยาบาลท่าทางอึกอัก ไม่รู้จะทำยังไงธีรธรย้ำ
“เข้ามาสิครับ”
พยาบาลค่อยๆก้าวเข้ามาช้าๆ ธีรธรมองไปที่ประตูที่เปิดอยู่อย่างไม่วางตา พอพยาบาลเดินเข้ามาใกล้พอที่ธีรธรจะเอื้อมมือไปคว้าแขนได้ เขาก็รีบคว้าแขนพยาบาลแล้วเหวี่ยงไปที่นพรัชทันที ลูกปืนลอยเฉียดพยาบาลและนพรัชไป ทั้งคู่ตกใจรีบหมอบลงกับพื้นทันที ธีรธรเองก็หลบโดยใช้เหลี่ยมของห้องบังตนได้พอดี สองคนร้ายที่ปลอมเป็นบุรุษพยาบาล และปิดผ้าปิดปาก ถือปืนติดที่เก็บเสียงเข้ามา ธีรธรเห็นท่าไม่ดี รีบหมอบลงลูกปืนยิงข้ามหัวไป นพรัชกับพยาบาลคลานมาหาที่กำบังอย่างรวดเร็ว ธีรธรกวาดสายตาหาปืนของเขาที่เขาเองหงุดหงิดไศลาแล้วปัดทิ้ง ปืนเข้าไปอยู่ใต้ตู้วางทีวี ธีรธรมองปืนและมองสองคนร้ายที่กำลังจะเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น คนร้ายเองก็ระแวงค่อยๆย่องเข้ามา ธีรธรส่งสัญลักษณ์ให้พยาบาลและนพรัชอย่างส่งเสียง เขามองปืนและการก้าวเข้ามาที่เกือบถึงแล้ว ธีรธรรีบเทคตัวไปที่ตู้ทีวี ดันตู้ทีวีที่มีล้อออกไป แล้วคว้าปืนยิงตอบโต้ไปทันที คนร้ายหาที่หลบได้ เสียงปืนของธีรธรทำคนร้ายทั้งคู่ตกใจ หันซ้ายหันขวา ท่าไม่ดีจึงรีบหนีไป สักพักยามและเจ้าหน้าที่ต่างๆก็แห่เข้ามาในห้อง ไทยมุงเริ่มมาดูกัน นพรัชบอกยาม
“รีบไปตามคนร้ายสิ”

ยามรีบวิ่งตามคนร้ายออกไป นพรัชหันมาหาธีรธร
“แกเป็นอะไรรึเปล่าธี”
“ไม่ล่ะ” ธีรธรหันถามพยาบาล “คุณโอเคใช่มั้ย”
พยาบาลพยักหน้า ยังตกใจอยู่
“พวกมันเป็นพวกใครน่ะ” นพรัชถามอย่างสงสัย
“ฉันไม่แน่ใจนักหรอก คนอยากให้ฉันตายมีมากมายเต็มไปหมด”
ธีรธรมองออกไปนอกประตู เหมือนจะพอเดาได้ว่าใครทำ

สมุนชูชิตระหว่างหนีมาก็เอาเสื้อคลุมหมอที่แขวนอยู่มาใส่ ยามตามมาทีหลังไม่ทันเห็นตอนแรก ก็แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร สมุนชูชิตหนีหายไปกับฝูงชน

ค่ำนั้น...ไศลานอนอยู่บนเตียง เริ่มเพ้อไม่เป็นภาษา
“ช่วยด้วย...ช่วยฉันด้วย”
โยคีศิลาดำนั่งจ้องไศลาไม่วางตา
“ข้าคุ้นตาเจ้าเหลือเกิน ราวกับเคยเจอที่ไหนมาก่อน”
ไศลาเพ้อไปได้อีกแค่แป๊บเดียว เสียงลมก็ปึงปังที่หน้าต่าง โยคีศิลาดำหันไปมอง ก่อนจะไปเปิดประตูเดินไปที่ระเบียงมองหาใครแต่ไม่เห็นมี ลมวูบหนึ่งพัดผ่านหน้าเขาผ่านเข้าไปในห้อง โยคีศิลดำหันมองทั่วระเบียงก็ยังไม่มีใคร จึงเดินเข้าไปในห้อง ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นนักพรตเมฆขาวนั่งอยู่ข้างไศลา โยคีศิลาดำผงะ นักพรตเมฆขาวยังนั่งหันหลังให้นิ่งๆ มองไปที่ไศลา โยคีศิลาลาดำยิ้ม แล้วเข้าไปในห้อง
“ในที่สุด...”
“ข้ามาขอคนของข้าคืน”
“ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ”
“เจ้าจะต้องการอะไรอีกเล่า คัมภีร์เจ้าก็เอาไปแล้ว”
โยคีศิลาดำกับนักพรตจ้องกันตาไม่กระพริบ ของในห้องเริ่มสั่นสะเทือน ไศลาที่นอนอยู่เริ่มกระสับกระส่าย ราวกับกำลังฝันร้าย

ไศลามาปรากฏตัวกลางป่า เธอคลำแผลที่ท้องของเธอมันมีเลือดไหลออกมาแต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บ เธอรู้สึกว่าตัวโปร่งใส ขณะที่กำลังงงมองไปทั่วนั้น เธอก็เห็น เมฆาในวัยหนุ่มเดินแบกฟืนเข้ามา ไศลาเดินไปดูเขาใกล้ๆ เธอไม่ค่อยแน่ใจว่าใช่หลวงปู่รึเปล่า
“หลวงปู่ หลวงปู่ใช่มั้ย นี่ไศเอง”
เมฆาเหมือนจะได้ยิน หันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นไศลาอยู่ดี
“หลวงปู่ ได้ยินมั้ย ไศเองไง”
เมฆาเก็บฟืนมาที่บ้านพักหลังเล็กๆในป่า ไศลาวิ่งตามมา แต่เสียงของเธอก็ถูกกลบด้วยเสียง เอะอะดังมาจากภายในบ้าน เมฆารีบเดินเข้าไปดู ไศลาก็ตามไปด้วยอย่างงงๆ อาจารย์กำลังใช้ไม้ตะพดเฆี่ยนศิลาที่ยืนกอดอกให้ตี แต่สีหน้าเขาไม่ยอมอ่อนข้อ เมฆารีบวิ่งเข้ามาห้ามอาจารย์ไม่ให้ตีศิลา
“อาจารย์ มันเกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย”
“แกถามน้องแกดูสิว่าทำไม”
ไศลาเห็นศิลา
“นั่นมัน...”
เมฆาหันไปมองศิลาคาดคั้นความจริง
“เกิดอะไรขึ้นศิลา”
“อาจารย์ตกลงกับข้าแล้ว ว่าถ้าข้าชนะการประลองฝีมือกับอาจารย์ อาจารย์จะยอมสอนวิชาขึ้นสูงสุดให้ข้า แต่พอข้าจะชนะ อาจารย์ก็กลับทำโทษข้า หาว่าเป็นเด็กคิดล้างครู”
อาจารย์ชี้หน้า
“ก็เพราะเจ้าเอาวิชาศาสตร์มืดมาสู้กับข้าต่างหากนั่นแปลว่าเจ้าแอบขโมยตำราศาสตร์มืดไป ที่เจ้าโดนทำโทษนั่น...น้อยไปด้วยซ้ำ ข้าควรจะฆ่าเจ้าซะด้วยซ้ำ”
เมฆาหน้าตื่น
“จริงเหรอศิลา”
“ข้าก็แค่อยากฝึกวิชาให้ตัวเองเก่งขึ้น ไม่ใช่ใช้แค่วิชาที่อาจารย์เท่านั้น แถมสอนมากี่ปีก็เหมือนเดิม หวงวิชาดีๆไว้กับตัว”
อาจารย์จ้องหน้า
“สิ่งที่เจ้าไม่รู้ก็คือ…การฝึกศาสตร์มืดนั้น มันจะดึงจิตใจของเจ้าสู่พลังของความมืดด้วย เหมือนกับที่เจ้าเป็นอยู่ตอนนี้”
เมฆาพยามอธิบาย
“ศิลา ที่อาจารย์เขายังไม่สอน เพราะเรายังไม่มีสมาธิที่แข็งแรงพอที่จะควบคุมพลังจำนวนมากได้”
ศิลาทำหน้าไม่เชื่อ เมฆาหันไปหาอาจารย์
“ข้าขอโทษแทนน้องชายของข้าด้วย เขายังเด็กและใจร้อนนักอาจารย์ได้โปรดอย่าถือสาเลย”
ไศลาตกใจ
“น้องชายเหรอ”
อาจารย์เองก็โกรธไม่แม้แต่จะหันมอง

อาจารย์นั่งสงบสติอารมณ์ที่ลานฝึกวิชา ไศลาเดินเข้ามาดูอาจารย์ เข้าใจว่าอาจารย์คงไม่เห็นตน อาจารย์พูดโดยไม่มองหน้าไศลา
“เจ้าเป็นใคร”
ไศลางง ไม่คิดว่าจะมีใครเห็นตน
“คุณเห็นหนูด้วยเหรอ”
“แอบฟังคนอื่นคุยกันน่ะ มันไม่ดีนะ”
“หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูไม่รู้ว่ามาที่นี่ได้ยังไง”
“ไหนมาใกล้ๆข้าซิ”
ไศลาเขยิบเข้าไปหา อาจารย์แตะหัวของเธอ แผลที่ท้องของเธอก็หายเป็นปลิดทิ้ง
“แผล...แผลหายไปแล้ว”
“เจ้ามาจากอีกโลก และมีเนตรที่สาม เจ้าเป็นคนพิเศษ”
ไศลาทึ่งที่อาจารย์รู้ทุกอย่างเพียงแค่แตะตัวเธอ เมฆาเดินเข้ามากราบที่เท้าของอาจารย์ ไศลานั่งตัวแข็ง อาจารย์ก้มมองเมฆาอย่างปราณี
“เมื่อกี้อาจารย์พูดอยู่กับใครน่ะครับ”
เมฆามองๆแต่ไม่เห็น ไศลานั่งตัวเกร็งกว่าเดิม อาจารย์มองที่ไศลายิ้มๆ
“เปล่าหรอก สวดมนต์น่ะ”
“ข้ามากราบขอโทษอาจารย์แทนน้องชายของข้าด้วยครับ เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่รู้จักอบรมน้องชายให้ดีกว่านี้”

อาจารย์มองเมฆาเอ็นดูและเห็นใจ
“ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอกเมฆา คนทุกคนต่างมีกรรมของตัวเอง ศิลาถูกกำหนดมาให้เป็นแบบนั้น”
“เป็นแบบนั้น หมายความว่ายังไงครับ”
“ตั้งแต่เจ้าสองคนขอมาเป็นลูกศิษย์ข้า ข้ามองเข้าไปในแววตาของเจ้าศิลา ข้าก็รู้ได้เลยว่า แววตาของความทะเยอทะยานนั่น จะทำร้ายตัวเองเข้าสักวัน นั่นคือเหตุผลที่ข้ายังไม่สอนวิชาสูงสุดให้พวกเจ้า เพราะวิชาขั้นสูงสุดนั้น ถ้าตกไปในมือคนชั่ว...มันก็เหมือนกับจุดเริ่มต้นของหายนะ”
เมฆาอึ้ง
“อาจารย์...”
“ข้าห้ามหัวใจอันเย่อหยิ่งและทะเยอทะยานของศิลาไม่ได้ ข้าจึงตัดสินใจแล้วว่าข้าจะสอนวิชาขั้นสูงสุดให้กับเจ้า หากอนาคตวิชาตกไปอยู่ในมือของคนชั่ว ก็ยังมีคนดีเช่นเจ้าคอยปกป้อง”
เมฆาลำบากใจไม่น้อย ไศลาที่นั่งฟังมาตลอดจึงตัดสินใจพูดออกไป
“ฉันเรียนด้วยได้มั้ย ฉันมีภารกิจยิ่งใหญ่ที่จะต้องปกป้องผู้คนจากความชั่วร้าย วิชาของท่าน อาจจะช่วยฉันได้มาก”
อาจารย์มองที่ไศลา ยิ้มเอ็นดู เมฆามองสงสัย
“ท่านอาจารย์ยิ้มกับใคร”
“วันนึง ในอนาคต เจ้าจะเข้าใจ”
เมฆาฉงน มองไปทางที่ไศลาอยู่ แต่เขาไม่เห็นใคร

ผาน้ำตก...อาจารย์สอนวิชาสูงสุดให้กับเมฆาโดยฝึกกับสายน้ำที่ไหลมาที่หน้าผาอาจารย์เคลื่อนไหวพลิ้วไหวราวกับหยุดสายน้ำตกที่ไหลลงมาได้ ไศลาตื่นตาตื่นใจมาก เมฆาเห็นอาจารย์ทำก็ถึงกับทึ่ง อาจารย์เริ่มสอนให้เมฆา และไศลา กำหนดจิตของตนเองโดยเริ่มจากปิดตาเคลื่อนไหว เมฆามองไม่เห็นไศลา เมฆาและไศลาพยายามฝึกตามอาจารย์บอก

ศิลาแอบมาฝึกวิชาศาสตร์มืดกลางป่า เขาท่องคาถาเสกกิ่งไม้ให้กลายเป็นงูเลื้อยไป ศิลามองผลงานตนพอใจ เริ่มหันไปหาอะไรที่ใหญ่กว่า แล้วเพ่งไปที่ก้อนหินก้อนใหญ่แล้วก็เสกให้มันกลายเป็นเสือดำที่ดุร้าย ศิลามีความสุขที่ตนทำเช่นนั้นได้ เสือของศิลาเดินมุ่งหน้าไปที่น้ำตกพร้อมคำรามเสียงดัง ศิลาเดินตามไปดูอย่างสงสัย

อาจารย์ใช้วิชาขั้นสูงสุดที่แหวกน้ำตกออกเป็นสองฝั่ง โดยมีเมฆาและไศลายืนดูอยู่คนละข้าง ศิลามองเห็นก็รู้ทันทีว่านั่นคือวิชาขั้นสูงสุด
“วิชาขั้นสูงสุด”
ศิลามองไปที่เมฆาที่กำลังดูอาจารย์อย่างตั้งใจพร้อมกับถือตำราโบราณในมือ ศิลาเจ็บใจมาก กำหมัดแน่น อาจารย์หยิบตำราคืนจากเมฆา ศิลาจ้องที่ตำราไม่วางตา
“ทำเป็นบอกว่ารักน้อง สุดท้ายก็แอบมาฝึกวิชาคนเดียวแกคิดว่าจะเก่งกว่าข้าได้เหรอพี่เมฆา ข้าไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอก”

กระท่อมกลางป่ายามค่ำคืน...อาจารย์นั่งนิ่งอยู่กลางห้อง ไศลาทาหน้าขาวจั๊วะราวกับงิ้ว
“มันเป็นผงมุขพันปี เคลือบหน้าเจ้าไว้ข้ามคืนมันจะช่วยให้กายเนื้อเจ้าแกร่งขึ้น”
ไศลาคลานเข่าเข้ามาหา ใบหน้าขาวจนไม่เห็นเนื้อ
“อาจารย์ให้หนูทา มีอะไรเหรอคะ”
“เวลาของเราเหลือไม่มากแล้ว เวลาที่เธอจะได้อยู่ที่นี่ก็เช่นกัน”
“หมายความว่าไงคะ”
อาจารย์หยิบกล่องไม้โบราณขนาดเท่าฝ่ามือยื่นให้ไศลา
“เก็บสิ่งนี้ไว้”
“คืออะไรคะ”
“ถึงเวลาจงเปิดใช้มัน”
ไศลาชะงัก
“ถึงเวลา...เวลาไหนคะ”
“รักษามันเท่าชีวิต แล้ววันนึงเจ้าจะเข้าใจ ข้าพูดได้แค่นี้แหละ”
ไศลางง แต่ก็รับปาก
“ค่ะ ฉันจะดูแลมันให้ดี เพื่อตอบแทนที่อาจารย์สอนวิชาให้ฉัน”
“เจ้าจงไปฝึกวิชาต่อเสียเถิด”
“ค่ะ”
ไศลาออกไปจากห้อง อาจารย์นั่งยิ้มกับโชคชะตาของตน
“ใกล้ถึงเวลาแล้วสินะ”

บริเวณทางเดินในป่ากลางดึก...ไศลาที่ทาหน้าขาวอยู่ในชุดที่ดูขมังเวทย์เดินมองกล่องในมือของ
“เวลาเหลือไม่มากแล้ว...หรือว่า...”
ไศลาใจคอไม่ดี รีบเดินวกกลับไปที่กระท่อม

ศิลาแอบมองอาจารย์ที่หลับสนิทอยู่ในห้อง เขามองหีบที่วางอยู่ข้างหมอนของอาจารย์ไม่วางตา ศิลาค่อยๆย่องเข้าไปเปิดหีบใบนั้นอย่างแผ่วเบา แล้วศิลาก็หยิบตำราขั้นสูงสุดขึ้นมา ทันใดนั้นมือของอาจารย์ก็คว้าข้อมือศิลาไว้ทันที
“เจ้านี่มันเลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ”
ศิลาตกใจ แต่ตั้งใจจะเอาตำราไปให้ได้ ศิลาเสกไม้ตะพดที่วางใกล้ๆอาจารย์ให้กลายเป็นงูเห่าขึ้นแผ่แม่เบี้ยขู่อาจารย์ทันที
“วิชาศาสตร์มืดของเจ้า ก้าวหน้าไปมาก ยังคงแอบฝึกอยู่สินะ”
“ข้าไม่งอมืองอเท้า เพื่อรอพึ่งอาจารย์อย่างเดียวหรอก”
การต่อสู้ระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์จึงเริ่มต้นขึ้น ศิลากระโดดหนีออกทางหน้าต่างหวังจะเอาตำราสูงสุดไปให้ได้ อาจารย์รีบกระโดดตามไป ไม่ยอมเช่นกัน

ไศลาหน้าขาววิ่งมาที่ลานฝึกวิชา ศิลาวิ่งผ่านเธอไป ไศลาวิ่งมาเจออาจารย์ออกมาพอดี
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“ได้เวลาฝึกสิ่งที่เจ้าเรียนมาแล้วล่ะ”
อาจารย์สัมผัสหัวไศลา แล้วอาจารย์กับไศลาก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน อาจารย์รีบตามศิลาไป ทั้งคู่ต่อสู้ไล่ล่ากัน ต่างฝ่ายก็ต่างไม่ยอม ทั้งคู่เคลื่อนไหวคล่องแคล่วไม่แพ้กัน ศิลาเสกใบไม้ ผลไม้เป็นสัตว์มีพิษทั้งงู ตะขาบ แมงป่อง ให้ไปรุมกัดอาจารย์ แต่อาจารย์ก็ใช้ทักษะความเร็ว และมนต์คาถาเอาชนะและผ่านมาต่อสู้กับศิลาตัวต่อตัวได้ ศิลาเกือบจะเพลี่ยงพล้ำให้อาจารย์หลายที จนเขาเห็นว่าไม่รอดแน่ เขาจึงใช้ทักษะสูงสุดของศาสตร์มืดที่เพิ่งฝึกมาได้รวบรวมเป็นลูกไฟพุ่งใส่อาจารย์เต็มๆ เวลานั้นเองที่ศิลาเห็นร่างของไศลาทับซ้อนกับอาจารย์ ศิลาตกใจ
“นั่นมันอะไรน่ะ”
อาจารย์บาดเจ็บ แต่ยังเข้ามาต่อสู้กับศิลาได้อยู่ เพราะยังมีกำลังของไศลาอยู่ สิ่งที่ศิลามองเห็นเดี๋ยวเป็นอาจารย์ เดี๋ยวเป็นไศลา
“นี่แกเป็นใครเนี่ย”
“แล้วแกจะได้เจอตัวจริงฉันในวันนึง”
ร่างของอาจารย์เหมือนจะทนรับไม่ไหวแทบจะแยกกับไศลาอยู่แล้ว ไศลาฝืนที่จะสู้อย่างคล่องแคล่วไม่ได้นักจึงเพลี่ยงพล้ำให้ศิลาจนกระอักเลือดอีก
เมฆานั่งสมาธิกลางน้ำตกเขาลืมตาผึงขึ้น เหมือนหยั่งรู้ว่ากำลังมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
“อาจารย์”

ร่างกายอาจารย์บาดเจ็บ ไศลาจึงฝืนสู้ต่อไปได้ไม่มากนัก แต่อาจารย์ก็พยายามจะฮึด
“ข้าไม่คิดเลย ว่าเจ้าจะสำเร็จศาสตร์มืดแล้ว”
“อาจารย์สอนข้าเองไม่ใช่เหรอ ว่าอย่าประมาทคนอื่น ข้ามันไม่ใช่ศิษย์โปรดของท่านนี่ ข้าก็ต้องหาเรียนรู้วิชาเอง”
“ดี...ข้าก็อยากรู้นักว่าการฝึกเองของเจ้าน่ะ มันลงลึกไปถึงขั้นไหน”
อาจารย์มองตำราขั้นสูงสุดในมือศิลา ใช้สายตาและพลังจิตกระชากมันกลับมากลางอากาศ ศิลาเองเห็นก็ไม่ยอม ใช้พลังจิตของตนยื้อไว้เช่นกัน ทั้งคู่ต่างใช้พลังยื้อกันไปมาแต่แล้วศิลาก็แอบยิ้มที่มุมปากมองที่ตำราที่ลอยในอากาศแล้วแทนที่เขาจะใช้พลังจิตยื้อจากอาจารย์ เขากลับใช้มันผลักไปสู่อาจารย์แรงผลักของศิลาบวกกับแรงดึงของอาจารย์ทำให้ตำรานั่นพุ่งเข้าหาตัวอาจารย์แรงกว่าปกติ ศิลารีบใช้โอกาสนั้น ทำให้ตำรากลายเป็นหอกอันแหลมคมปักเข้ากลางอกของอาจารย์ อาจารย์ตาค้างไม่คิดว่าศิลาจะใช้ไม้นี้ ไศลากระเด็นหลุดออกมาจากร่างอาจารย์ มึนงง
“ท่านคิดว่าข้าจะโง่ถือตำราให้ท่านแย่งกลับไปได้ง่ายๆแบบนั้นเหรอ ตำราจริงอยู่นี่ต่างหาก”
ศิลาหยิบตำราขั้นสูงสุดเล่มจริงที่เหน็บไว้ด้านหลังตนออกมาให้ดู
“เพราะเจ้ามันเจ้าเล่ห์อย่างนี้ไง ข้าถึงไม่อยากสอนวิชาอะไรให้เจ้า เพราะเจ้าก็จะเอามันไปใช้ในทางที่ผิด”
“เพราะท่านกลัวข้าจะเก่งกว่าท่านต่างหาก แต่ตอนนี้ข้าก็มีตำราแล้วยังไง...คนโง่ก็เป็นคนโง่อยู่วันยังค่ำมันจะมาฉลาดไปกว่าข้าได้ยังไง” ศิลาหัวเราะชอบใจ “ขอบคุณนะอาจารย์ ข้าขออวยพรให้ท่านตายอย่างสงบ”
อาจารย์กระอักเลือดอย่างเจ็บใจ ไศลาตกใจ
“อาจารย์...อาจารย์ ฉันจะตามไปเอาคัมภีร์คืนมาเอง”
“ไม่ต้อง เจ้าไม่สามารถเปลี่ยนอดีตได้ เจ้าสัมผัสมันไม่ได้ถ้าไม่มีร่างของข้า”
“แล้วจะปล่อยให้มันเอาคัมภีร์ไปเฉยๆเลยเหรอคะ”
“เจ้าดูแลสิ่งที่ข้าฝากไว้กับเจ้าให้ดีก็พอ”
ไศลาพะว้าพะวังมองศิลาที่เดินออกไปอย่างลอยนวลจากไปกับความมืดของป่า
“รับปากข้าสิ”
“ค่ะ อาจารย์”
เมฆาวิ่งเข้ามาพบอาจารย์ที่โดนหอกปักอยู่กลางอก แต่ไม่เห็นไศลา
“อาจารย์ เกิดอะไรขึ้นครับ อาจารย์”
เมฆาถลาเข้าหาอาจารย์อย่างห่วงใย อาจารย์อ่อนแรงลงเต็มที ไศลาได้แต่มองอยู่ห่างๆ ร้องไห้
“ศิลาขโมยตำราขั้นสูงสุดไปแล้ว”
เมฆาตะลึง
“น้องศิลา...ทำไมต้องทำแบบนี้”
“แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ...เขาไม่มีทางฝึกสำเร็จหรอก”
เมฆาแปลกใจ
“ทำไมละครับ”
“แล้ววันนึงเจ้าจะรู้...เจ้าจำคำข้าไว้นะเมฆา วันนึงเจ้าจะได้พบกับผู้หญิง…”
อาจารย์มองที่ไศลา หยิบมือไศลามาแตะที่มือเมฆา
“ที่มีสัมผัสแบบนี้”
เมฆาหลับตารับสัมผัสที่เขาเองก็รู้สึกได้
“จงสอนวิชาที่ข้าถ่ายทอดให้เจ้าทั้งหมดให้กับเธอ”
ไศลาได้แต่สะอื้นไห้ ซาบซึ้งกับสิ่งที่อาจารย์ทำกับเธอ
“อาจารย์อย่าพูดแบบนี้สิครับ ท่านต้องไม่เป็นอะไรท่านต้องอยู่สอนข้าไปอีกนาน”
“ข้ารู้ตัวดีเมฆา ว่าตอนนี้มันหมดเวลาของข้าแล้ว ตามหาผู้หญิงคนนั้นให้เจอสอนวิชาให้กับนางเพื่อวันนึงนางจะมาเรียนต่อกับข้า”

จบตอนที่ 7

กำลังโหลดความคิดเห็น