xs
xsm
sm
md
lg

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 11

ตอนสายๆ พีทอยู่ที่ออฟฟิศ พีระ แรนโช แล้ว กำลังเดินมาชะเง้อชะแง้ดูแถวที่โต๊ะทำงานของแพท แต่ปรากฏว่าแพทไม่อยู่ พีทผิดหวังเล็กน้อย บ่นงึมงำเบาๆ

“ยังไม่มาอีกเหรอครับ”
ประทินเข้ามาพอดี จากทางด้านหลัง
“คุณพีทมาหาคุณแพทหรือครับ”
พีทสะดุ้ง หลุดปาก “ใช่ เอ๊ย! เปล่า” แล้วรีบเก๊ก วางฟอร์มใส่ “ฉันจะมาหาเค้าทำไม แล้วนี่เค้ายังไม่มาทำงานอีกเหรอ มันสายมากแล้วนะ จะมาถือว่าเป็นน้าสาวรัญแล้วมาทำงานเล่นๆ มามั่งไม่มามั่งตาอำเภอใจมันไม่ได้นะ”
เสียงแพทแหลมเข้ามา “ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ถ้าคุณไม่พอใจ จะไล่ฉันออกก็ได้นะ”
แว่บแรกพีทยิ้มกริ่มดีใจที่รู้ว่าแพทมา แล้วหันกลับมาทำหน้าดุใส่ แพทหลบหน้าพีท แถมไม่ยอมสบตาด้วย เดินตรงไปที่โต๊ะเลย
พีทวางมาดขรึมถาม “แล้วคุณไปไหนมา”
“ฉันแวะไปดูอะตอมที่โรงพยาบาลมา เลยมาช้าไปหน่อย”
“งั้นก็แล้วไป...” พีทเดินไปนิดแล้วพูดลอยๆ “ตามมาซิ ผมมีงานอยากคุยด้วย”
แพททำเป็นเฉยไม่รู้เรื่อง ประทินเลยคิดว่าพีทสั่งตัวเอง
“อ๋อได้ครับ” ประทินเดินตาม
พีทยกมือห้าม “ไม่ใช่ คุณประทิน...ผมหมายถึง...คุณ...” พีทหันหน้ามาชี้ไปทางแพท “คุณนั่นแหละ ผมมีงานอยากคุณกับคุณสองคน ตามมาซิ”
แพทจำต้องลุกขึ้น ตามไ ป พีทแอบยิ้ม นิดๆ ขำๆ อยากหาเรื่องแกล้งแพทต่อ

แพทเดินตามพีทออกมาที่คอกม้า แต่อีกฝ่ายไม่พูดธุระสักที จนแพทเซ็ง
“ว่ามาเสียทีซิ งานอะไร ฉันเดินตามจนเมื่อยแล้วนะ”
พีทถามเสียงนุ่ม เหมือนจะเป็นห่วง “ไข้คุณลดแล้วใช่มั้ย...คงเป็นเพราะได้ยาดีเมื่อคืน”

แพทกรี๊ดขึ้นเสียงใส่ “อ๊าย...บอกแล้วไง ว่าอย่าพูดเรื่องของเมื่อคืนนี้อีกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างคุณกับฉันมันเป็นแค่... แค่...อุบัติเหตุเท่านั้น”
พีทพูดต่อ “เฮ้ย คุณนี่ ขอบคุณผมซักคำยังไม่มี ยังจะมาขึ้นเสียงใส่อีก”
“ขอบคุณบ้าบอ อะไร คุณมันคนฉวยโอกาส คนป่วยแท้ๆ คุณยัง...ยังกล้าทำเรื่อง...ทุเรศๆ ได้ลงคอ ใจของคุณมันทำด้วยอะไร..คุณยังเป็นคนอยู่รึเปล่า”
ตอนแรกพีทงง แต่พอแพทพูดต่อก็เก็ต คิดไปถึงอากัปกิริยาแพทเมื่อคืน

ตอนนั้นแพทปรี๊ดสุดๆ “ยังมีหน้ามาถามอีก คุณเป็นว่าที่หลานเขยฉัน แล้วคุณมาทำแบบนี้จะให้ฉันบอกที่ทิพว่าเมื่อคืน คุณ...คุณ...” แม่ม่ายกำมะลอกระดากปากจะพูดเลยเลี่ยงเป็นคำอื่น “...อยู่กับฉันงั้นเหรอ”
พีทบอกต่อ “ใช่ ผมอยู่กับคุณ นอนกับคุณ แล้วมันแปลกตรงไหน ก็ในเมื่อ...”
พีทยังพูดไม่จบ แพทก็ขัดขึ้น “หยุดพอแล้ว แล้วก็ไม่ต้องพูดถึงมันอีก”

พีทดึงตัวเองกลับมา เก็ตทันที ยิ้มขำเกือบหลุดหัวเราะ ส่วนแพทแค้นใจน้ำตาแทบไหล
“ถ้าคุณไม่มีธุระอะไร ฉันขอไปเตรียมตัวรับแขกชุดต่อไปก่อน”
พีทรีบบอกธุระ “เดี๋ยวก่อน...ที่ผมพาคุณมาที่นี้ก็เพราะอยากบอกว่า เรามีม้าตั้งเยอะ คุณน่าจะหากิจกรรมรับรองแขกที่เกี่ยวกับม้าให้มันมากกว่านี้”
แพทจำใจหยุดฟังคำสั่ง พีทแอบยิ้ม
“อย่างเช่น พาแขกขี่ม้า ชมรีสอร์ท อะไรแบบนี้”
“ขอโทษค่ะ ฉันขี่ม้าไม่เป็น” แพทเดินออกไป ทั้งโกรธปนเสียใจ พีทเดินตาม
แพทเดินหนีมาด้วยความโกรธ พีทตามมาจนทัน
“ความจริงขี่ม้ามันเป็นเรื่องง่ายๆ ผมสอนให้ก็ได้นะ ก่อนอื่น ก็ต้องม้าตัวที่มันเหมาะกับเราเสียก่อน นังน้ำตาลเป็นไงกำลังดี ไม่ใช่พวกม้าสาวๆ ที่ชอบพยศ แล้วก็ตื่นตกใจง่าย แต่เป็นนางม้าที่อายุกำลังดี มีประสบการณ์มาแล้วควบคุมง่าย”
แพทรู้ดีว่าพีทตั้งใจกระทบกระเทียบ และจงใจแดกดัน
“นี่ หยุดคุกคามทางเพศฉันเสียที ไม่งั้นฉันจะหาทนายมาฟ้องคุณ”
พีททำไก๋ “ฟ้องเรื่องอะไรคุณ นี่ผมกำลังพูดถึงม้านะ แต่ถ้าคุณหมายถึงเรื่องเมื่อคืน ผมแน่ใจนะว่าผมไม่ได้อะไรคุณเลย แล้วเราก็ดูจะมีความสุขทั้ง 2 ฝ่าย”
แพทแค้นจนแทบจะร้องไห้ “บอกแล้วไง ว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก ชั้นไม่อยากฟั3”
แพทน้ำตาไหลริน เดินหนีไป พีทไม่รู้ว่าแพทซีเรียส ยืนหัวเราะตามหลัง แพทชะงักนิดหนึ่ง เมื่อไดยินเสียงหัวเราะ น้ำตาหยดทันที แล้วเดินต่อไปอย่างคับแค้นใจ

ส่วนทักษอรยังนอนแบบอยู่บนเตียงคนไข้ที่โรงพยาบาล ในจังหวะที่รุจรวีปรี่เข้ามา
“หนูอร...นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะตาธาริศ”
“คุณแม่ ฮือๆๆ ต้องจัดการให้อรนะคะ”
รุจวรีมองไปที่ธาริศยืนอยู่ ส่งสายตาตำหนิ
“ธาริศ...แกทำอะไรหนูอร”
“ผมขอโทษครับ”
“แค่นี้เองเหรอคะ ที่พี่ธาริศพูดได้ โอเคเมื่อพี่ธาริศเค้าไม่สนใจ อรก็ไม่อยากอยู่อีก”
ทักษอร ดึงน้ำเกลือออก รุจรวีร้องห้าม
“อย่าจ้ะ หนูอร อย่าทำแบบนี้นะลูก ตาธาริศมาช่วยห้ามน้องซิ”
“เห็นมั้ยคะ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนผิด แต่กลับมาปั้นปึ่งใส่อร งั้นก็ให้อรตายๆ ไปเลย อย่ามาห้ามอร อย่ามาห้าม”
ธาริศส่ายหน้าเหนื่อยใจเหลือเกิน รู้ดีว่าทักษอรแค่เรียกร้องความสนใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ตรงเข้าไปดึงมือทักษอรไว้
“พอแล้วอร” ธาริศพูดเสียงเข้มในท่าที จริงจัง จนทักษอรต้องหยุด “แค่ดึงน้ำเกลือออกแค่นี้อรไม่ตาย
แต่ไอ้การคิดอะไรแย่ๆ ระแวงไปหมดทุกอย่างนั่นแหละ จะทำให้อรเป็นทุกข์ไปจนตาย”
ทักษอรถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่าธาริศจะตอกกลับมาแรงขนาดนี้ ธาริศจะเดินหนี
“ตาธาริศ! กลับมานี่นะ พูดกับน้องอย่างนี้ได้ยังไง” รุจรวีแหวใส่
“เห็นมั้ยคะ พี่ธาริศเค้าไม่เหมือนเดินแล้วคะคุณแม่ เค้าไม่รักอรแล้ว เค้าต้องมีคนอื่นแน่ๆ เลย” ทักษอรฟูมฟายร้องไห้ รุจรวีปลอบ
ธาริศทอดถอนใจ แล้วเดินออกมาจากห้องไป

หลังจากนั้นไม่นาน สองคนอยู่ในบ้านกันตา รุจวรีเอาเรื่องมาเล่าให้กันตาฟังเลย ไม่ได้สนใจอาการที่กันตานั่งกระแอมกระไออยู่ตลอด แต่พยายามกดไว้ เอาผ้าเช็ดหน้าปิดปาก
“ตาธาริศบอกว่าเมื่อคืนแกกลับไปหาตาพีทที่ห้องอีกครั้งก็ไม่เจอ ก็เลยนั่งรออยู่ในห้องนั้นจนหลับไป...รู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว จนหนูอรมาถึงเลยเกิดเรื่อง คุณพี่ว่ามันน่าเชื่อหรือคะ”
“แล้วตาธาริศจะโกหกไปเพื่ออะไร เธอเป็นแม่น่าจะรู้จักนิสัยลูกชายตัวเองดี”
“นั้นซิคะ แต่ในเมื่อหนูอรเค้าอาละวาดขนาดนั้น น้องก็ไม่รู้จะปลอบให้สงบยังไง”
กันตามองไปเห็นพีทเดินอยู่ “อ้าวนั่นไง ตาพีทมาแล้ว ลองถามดูเองก็แล้วกัน”
พีทเข้ามา
“น้ารวี มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“ก็ตาธาริศน่ะซิ ไม่กลับบ้านเมื่อคืนนี้ หนูอรเค้ามาฟูมฟายว่าตาธาริศอยู่กับยายแม่ม่าย แม่ของเด็กอะตอมนั่น” รุจรวีฟ้อง
“ธาริศไปเยี่ยมอะตอมกับผมจริง แต่แค่แป๊บเดียวก็กลับ..คุณแพทไม่ได้อยู่กับนายธาริศแน่นอนเมื่อคืนนี้” พีทบอกหนักแน่น
“แล้วทำไม ลูกถึงได้มั่นใจนัก” กันตาถาม
“โธ่แม่ก็เมื่อคืน คุณแพทอยู่กับ...” พีทเกือบหลุดปากว่า...ผม “เอ่อ... คือเอาเป็นว่าผมรับรองก็แล้วกันว่าคุณแพทไม่ได้อยู่กับธาริศ...เพราะคุณรัญเป็นคนเฝ้าอะตอมที่โรงพยาบาล”
กันตาเหวอ “อ้าว”
“อรเค้าเห็นกับตาหรือครับว่านายธาริศอยู่กับคุณแพท”
“ก็...เปล่านะ” รุจรวีว่า
“นั่นไง ผมว่า...อรนะหึงเกิดเหตุไปแล้ว นายธาริศจะอยู่กับคุณแพททำไม ถึงคุณแพทเธอจะเป็นแม่ม่าย แต่ก็ไม่ใช่แม่ม่ายที่หิวผู้ชาย จนไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ความจริงทั้งแม่ทั้งน้ารวีก็เป็นแม่ม่ายน่าจะเข้าใจดีว่ามันไม่ยุติธรรมที่จะว่าคนเป็นแม่ม่ายอย่างนั้น...ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ ผมมีงานต้องทำ ผมไปนะครับแม่”
พีทแวะหอมแก้มแม่ แล้วก็ออกไป
“เอ๊ะ คุณพี่ได้ยินเหมือนน้องมั้ยคะ เหมือนตาพีทออกรับแทนยัยแพทยังไงก็ไม่รู้”
กันตาเองก็รู้สึกเช่นนั้นอยู่ แต่รีบเคลียร์
“ตาพีทก็แบบนี้ คิดอะไรก็พูดออกตรงๆ แกคงคิดว่าเรื่องของธาริศกับหนูแพทมันไร้สาระไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้น่ะจ๊ะ”
รุจรวีพยักหน้ารับ ทั้งๆที่ไม่ค่อย เชื่อเท่าไหร่

กันตาแอบเปิดดูผ้าเช็ดหน้าที่เช็ดตอนไอ เห็นมีรอยเลือดติดอยู่ จึงรีบปิด ทั้งๆ ที่กังวลหนักอยู่เหมือนกัน

หลายวันต่อมา ชู ช่วยฝน กับแพทจัดโต๊ะ เตรียมอุปกรณ์อยู่ แพทดูออกจะขรึมๆ กว่าเดิมมาก

“เดี๋ยววันนี้ เราจะให้แขกทำไอศกรีมจากนมวัวกัน ให้ปั่นกันที่นี่แหละ ได้บรรยากาศดีแขกชอบ”
ฝนมองไปรอบๆ
“เอ๊ะ แล้วนี่มะลิไปไหน นางเอกของงานเสียด้วยเสียด้วย แขกที่มาจะชอบให้อาหารมะลิกัน” แพทถามขึ้น
“อ๋อ คุณพีทให้แยกมันไปดูแลเป็นพิเศษครับ ช่วงนี้ยังไม่ให้ออกมาโชว์แขก กลัวมันแท้ง” ชูบอก
“แท้ง! แปลว่า มะลิตั้งท้องงั้นเหรอ”
“ครับ ก็นังมะลิมันเป็นแม่พันธ์ที่ดีที่สุดตัวหนึ่งของเราเลยนะครับ เชื่อมั้ยท้องที่แล้ว แค่ครั้งเดียวนางมะลิก็ติดลูก” ชูบอก ก่อนจะส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้ฝน “แหม แม่พันธุ์ดีๆ ใครๆ ก็อยากได้ จริงมั้ยครับ”
ฝนเขินๆ ก่อนจะคิดได้ “ไอ้บ้าชู ที่แกกำลังเอาชั้นไปเปรียบกับวัวเหรอ อยากตายใช่มั้ย”
“เปล่าเลยจ้ะ พี่ฝนจ๋า สำหรับชู พี่ฝนมีความหมายยิ่งกว่านั้น คือผู้หญิงคนเดียวที่ควรค่า และคู่ควรแก่การสักการะและบูชา”
สองคนจีบกันไป จนแพทเริ่มสติแตก เพราะเรื่องเข้าใจคำพูดพีทผิดไปใหญ่
“ครั้งเดียวท้องงั้นเหรอ” แพทชักตกใจ เผลอจับท้องตัวเอง สติแตก ร้อนรุ่มในใจ

ด้านรัญธิดาเดินคุยมากับพีท
“อะตอมออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ ซนได้เหมือนเดิมแล้วด้วย ท่าทางจะซนยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ”
“ฮะๆ ๆ แบบนี้ค่อยหายห่วงหน่อย...อ้อ เกือบลืม”
พีทหยิบห่อช็อคโกแล็ตกล่องเล็กๆ ออกมา
“อะไรคะ”
“ช็อคโกแล็ต...เพื่อเป็นการขอบคุณ ที่วันนั้นรัญต้องลำบากบุกเข้าไปช่วยผม”
“นี่คุณพีทต้องเห็นรัญเป็นเด็กแน่ๆ ถึงเอาขนมมาล่อแบบนี้” รัญธิดาเย้า
พีทแก้เก้อ “เอ่อ...ไม่ใช่นะ ผมเห็นพวกผู้หญิงส่วนใหญ่เค้าชอบกินช็อคโกแล็ตกันไม่ใช่เหรอ”
“รัญล้อเล่นนะคะ ขอบคุณนะ”
“ลองชิมดูสิจ๊ะว่าชอบมั้ย”
รัญธิดายังนิ่งๆ พีทเอากล่องมาเปิดแล้วหยิบเอาใส่ปากรัญธิดาให้ รัญธิดาหัวเราะกับพีท
“แหมสวีทจังเลยนะคะคู่นี้” เสียงทักษอรดังขึ้น
ทั้งคู่หันไป เจอทักษอรที่เดินจูงแกมลากธาริศเข้ามา
รัญธิดาสบตาธาริศแว่บหนี่ง แล้วหลบตา ธาริศมองรัญธิดาอย่างคิดถึง
“อ้าว อร แข็งแรงดีแล้วเหรอ ออกจากโรงพยาบาลแล้วนี่” พีทยิ้มทัก
“ค่ะ” ทักษอรล้อเล่น “พี่พีทน่ะ ใจดำไม่ไปเยี่ยมอรบ้างเลย”

“พี่ไม่ไปก็เพราะรู้ต่างหาก ว่าถึงไปก็ไม่ได้ทำให้อรหายเร็วขึ้น สู้ยาดี ที่ยืนอยู่ข้างๆ อรไม่ได้หรอก”
ธาริศยิ้มเรียบๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร รัญธิดาหลบตาซ่อนหน้าไม่มองธาริศเลย
“ยานี้แหละคะ เมื่อก่อนก็ดีอยู่หรอกค่ะ แต่หลังๆ เริ่มมีคนอื่นมาแทรกทำให้เกือบกลายเป็นยาพิษอยู่แล้ว”
รัญธิดาสะดุ้งเพราะมีชะนักติดหลัง
ธาริศปราม “อร”
“หรือไม่จริง อรพูดผิดตรงไหน”
ธาริศอึดอัดใจ
“อร...ไอ้เรื่องหวงและห่วงสามีตัวเองมันก็เป็นเรื่องปกตินะพี่เข้าใจ แต่ถ้ามากไปบางทีก็ต้องระวังเลือกหน้าว่ามันจะเป็นไปได้มั้ย ก็ต้อง ระวัง...” พีทจงใจเว้นวรรค แต่มองธาริศ “ว่าคนอยู่ด้วยจะหายใจไม่ออก...ตามสบายนะ มาเดินเล่นกันใช่มั้ย งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ”
พีทเดินจูงแขนพารัญธิดาออกไป ธาริศเผลอมองตาม
“นี่พี่พีทเค้าว่าอรใช่มั้ยคะ ตัวเองก็หลงเด็กนั้นหมือนกันนั้นแหละ ไม่งั้นคงไม่ออกรับแทนแม้กระทั่งยัยแม่ม่ายชอบยั่วนั้นหรอก”
“พอทีเถอะอร เลิกระรานคนอื่นไปทั่วแบบนี้ซะที”
ธาริศทนไม่ไหว เดินหนีไป
“พี่ธาริศจะไปไหน กลับมานะ บอกให้กลับมา” ทักษอรวิ่งตามไปดึงแขนไว้
“เอาไว้ถึงบ้าน อรค่อยหาเชือกล่ามคอพี่ไว้ก็แล้วกัน แต่ตอนนี้พี่หายใจไม่ออกขอตัวก่อนนะ”
ธาริศเดินไปโดยไม่สนใจทักษอรที่เต้นเร่าๆ อยู่คนเดียว

ร้านกาแฟของเตอร์เวลานั้น คนแน่นพอสมควร เตอร์เสิร์ฟคนอยู่วุ่นวายเว่อร์ๆ ส่วนที่มุมหนึ่งในร้าน แพทนั่งครุ่นคิดกังวลใจอยู่ บนโต๊ะมีแฟ้มและสมุดนัดหมาย ในสมุดที่แพทพลิกกลับไปกลับมา เป็นปฏิทินที่กากบาทสีแดงไว้เดือนก่อน กับเดือนที่ยังไม่มี เป็นเครื่องหมายว่าเดือนที่แล้วมีประจำเดือนวันไหน
แพทพึมพำ “มันเกินเวลามาแล้วนี่นา” แล้วทอดถอนใจ
เตอร์เดินมาหา
“ว่ายังไงยะหล่อน ไหน...มีเรื่องอะไรจะปรึกษา”
แพทอึกอัก “คือ...คือ...สมมุติว่า...”
ดันมีลูกค้าเข้ามาอีก
“เดี๋ยวก่อนนะ ลูกค้ามาอีกแล้ว....รอแป๊บนึงนะ”
เตอร์ลุกไปรับออเดอร์ แพทกลุ้มต่อ พอเตอร์เข้าไปชงกาแฟหลังเคาน์เตอร์ แพทเดินไปเกาะเคาน์เตอร์คุย
“แล้วนี่เด็กแกหายไปไหนหมด”
“อย่าพูดให้อารมณ์เสีย จู่ๆ มันก็มาขอลาไปมีผัว บอกว่าแม่อยากเลี้ยงหลานอีกคนก็ขอลาคลอด ไอ้เราก็คิดว่ามันแค่อ้วนธรรมดา ที่ไหนได้ ท้องเสียนี่”
แพทตาโตตกใจ “อีกแล้วเหรอ!”
“นี่หล่อน....มันเพิ่งท้องลูกคนแรกนี่แหละ จะอีกล้งอีกแล้วทำไม”
แพทยิ่งใจเสีย หันหลังจะออก แต่ไปชนกับลูกค้าหญิงที่เพิ่งเข้า
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ” แล้วก็ต้องชะงักเมื่อก้มลง เพิ่งเห็นว่าลูกค้าหญิงใส่ชุดคลุมท้อง
แพทสติแตกสุดๆ ลนลานออกไป เตอร์หันมามองตามอย่างสงสัย แล้วเห็นข้าวของของแพทยังคงวางทิ้งไว้ที่เคาน์เตอร์เพราะรีบร้อน

แพทยืนจดๆ จ้องๆ อยู่หน้าร้านขายยา มองซ้ายมองขวา แล้วตัดสินใจก้มหน้าก้มตาเข้าไป สักครู่ก็ออกมาถือถุงยามาด้วย ก้มหน้าก้มตาเดินเลยชนเข้ากับร่างๆ หนึ่งเต็มแรง
“อู้ยขอโทษค่ะ” พอมองเห็นเต็มตาก็ร้องลั่น “เตอร์!”
ถุงยาหล่นอยู่ใกล้เตอร์ ซึ่งเตอร์หอบของที่แพทลืมไว้ออกมาด้วย
“เธอจะรีบไปไหนของเธอยะ ลืมข้าของหมดจนชั้นต้องเอาออกมาให้เนี่ย” เตอร์ก้มเก็บถุงยาให้
แพทตกใจจนตาเหลือก รีบดึงถุงยาออกจากมือเตอร์ทันที
เตอร์ชะงัก “อะไรของเธอ มีอะไรเหรอ”
แพทรีบเอามือไขว้หลัง “เปล่า เปล่า ไม่มีอะไร ขอบใจนะ”
แพทเอื้อมมือจะมาหยิบของที่เตอร์เอามาให้ แต่อีกมือที่ถือถุงยายังไขว้หลังอยู่
“อุ๊ย ดูนั่นสิ ผู้ชายล้อหล่อ” เตอร์ชี้ไปทางหนึ่ง
แพทแผลอหันมองตาม เตอร์รีบการชากถุงยาจากด้านหลังแพทมาทันที หยิบของออกมาจากถุง แล้วชะงัก ค่อยๆ เงยหน้ามองแพทที่ตะลึงอยู่
“ที่ตรวจการตั้งครรภ์! แพท!”

แพทอึกอักพูดไม่ออก เกย์ผมทองเสียงขุ่นเขียว ทำหน้าทำตาเอาเรื่องมาก...

อ่านต่อหน้า 2

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 11 (ต่อ)

ครู่ต่อมาเห็นเตอร์หันป้าย close ออกไปด้านหน้าร้านกาแฟ แล้วหันมามองแพทที่นั่งคอตกอยู่

“เล่ามา เล่ามาให้หมด”
“ชั้น..ชั้นก็แค่สงสัย...เพราะถึงกำหนดแล้วประจำเดือนมันยังไม่มา”
เตอร์ถอนใจ “แล้วแกทำอีท่าไหนยะ เรื่องมันถึงได้ลุกลามไปขนาดนั้น”
แพทจะร้องไห้ “ชั้นไม่ได้ทำอะไรเลย..ชั้นเป็นไข้ แล้วตานั่นก็เข้ามาหายาให้กินแล้วชั้นก็หลับไป...ตื่นมาเค้าก็มานอนอยู่ข้างๆ แล้ว”
เกย์ผมทองตาโต “ยา! เค้าเอายาอะไรให้แกกิน เค้ามอมยาแกให้สมยอมรึเปล่า”
“เปล่า ยาแก้ไข้ของชั้นนี่แหละ ชั้นถึงได้หลับไง”
เตอร์ครุ่นคิด “แล้ว...ถ้าแกหลับไป...แล้วแกรู้ได้ยังไงว่าเค้าทำอะไรแก”
“ก็ตื่นมา เห็นเค้าไม่ได้ใส่เสื้อนอนกอดชั้นอยู่ แล้วชั้นเองก็แต่งตัว...ไม่เรียบร้อย”
เตอร์แหกปากลั่น “หา… แค่นั้น! แกจะบ้าเหรอ...นี่หล่อน นอนถอดเสื้อกอดกัน มันไม่ได้แปลว่าต้องได้กันนะยะ นี่หล่อนปัญญาอ่อนรึเปล่า”
“ก็ชั้นจะรู้ได้ยังไงล่ะ ก็ชั้นไม่เคย...” แพทชะงัก
“ไม่เคย...หล่อนไม่เคยอะไร...”
แพทลุกพรวดพราดจะหันหลังกลับ เตอร์ตามไปกระชากแขนไว้
“เดี๋ยว อย่าหนี...แล้วแกจะบอกว่าแกยังไม่เคยอะไร”
แพทเม้มปากดื้อดึงไม่ตอบ
เตอร์ตะลึงนึกได้ “แกอย่าบอกนะว่าแก แกยังเป็นเวอร์จิ้นอยู่”
แพทถอนใจใหญ่
“ก็ชั้นมัวแต่ทำงาน จะมีเวลาที่ไหนไปทำอะไรกับใครล่ะ”
คราวนี้เตอร์แหกปาก หัวเราะลั่น “ให้ฟ้าถล่มโลกแตกเหอะ คนดูสมัยใหม่เปรี้ยวปรี๊ส...เคยอยู่เมืองนอกเมืองนาอย่างแกเนี่ยนะที่ยังเป็นเวอร์จิ้น...บอกว่าชั้นเป็นเมนซะยังน่าเชื่อกว่า...โลกนี้มันเป็นอะไรไปหมดแล้ว” พูดแล้วนึกได้ จึงชะงัก “แต่เดี๋ยว...อะตอมล่ะ.. อะตอมเป็นลูกใคร”
แพทหลบตา เตอร์มองอย่างเอาเรื่อง
“มิน่า ตั้งแต่เรารู้จักกันมา แกไม่เคยพูดถึงพ่อของอะตอมเลย ใครถามก็ไม่ยอมตอบ ตกลงอะตอมไม่ใช่ลูกของแกเหรอเนี่ย”

“ชั้น...เอ่อ..ชั้นกลับก่อนนะเตอร์”
“แพท...นี่แกยังเห็นชั้นเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่า...บอกชั้นมาเดี๋ยวนี้ว่าอะตอมเป็นลูกใคร”
“เตอร์ ชั้นขอละ ถ้ารักกันจริงก็อย่าถามอีกได้มั้ย..ให้เรื่องทั้งหมดมันจนแค่นี้ ได้มั้ย ชั้นไหว้ละ”
แพทยกมือไหว้เตอร์ด้วยใบหน้าวิงวอนขอร้องจริงจัง เตอร์ถอนใจและเริ่มหนักอก!

วันต่อมาธาริศดักซุ่มอยู่มุมหนึ่ง พอเห็นรัญธิดา เดินผ่าน ก็ดึงตัวมาคุยด้วย
“พี่ริศ ปล่อยรัญนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเค้า”
“ตั้งแต่คืนนั้น ทำไมรัญถึงได้พยายามหลบหน้าพี่”
“รัญไม่ได้หลบ แต่เราไม่ควรเจอกันอีก คุณอร เค้าหึง หวงพี่แค่ไหน พี่ก็เห็น”
“พี่คิดว่า เราเข้าใจกันแล้วเสียอีก”
“สำหรับเรา มันไม่มีอะไรต้องเข้าใจหรือไม่เข้าใจ อีกแล้วล่ะค่ะ เราสองคนต่างมีทางชีวิตที่เราเลือกเอง...รัญไม่อยากให้ใครๆต้องมาเดือนร้อนเพราะรัญอีก ที่ผ่านมามันก็มากเกินพอแล้ว”
ธาริศพยักหน้ากล้ำกลืนความน้อยใจ “พี่เข้าใจ...แต่อย่างน้อยถึงรัญจะไม่ได้มองว่าพี่คือพี่ชายคนเดิม คนที่รัญเคยวิ่งมาร้องไห้ด้วยเวลาถูกย่าตี คนที่สอนการบ้าน เวลาที่รัญทำไม่ได้ หรือคนที่กางร่มให้รัญตอนฝนตก เราเคยมีเวลาดีๆ ด้วยกันมาตลอด เราน่าจะเป็นเพื่อนกันต่อไปได้..ไม่ใช่หรือจ๊ะ”
รัญธิดานิ่งคิดภาพจำในช่วง เวลาดีๆกับธาริศผุดขึ้นในห้วงคิด ทั้งตอนธาริศกอดปลอบขณะรัญธิดาร้องไห้ ตอนธาริศสอนทำการบ้าน แล้วดุกันเขย่าหัวกัน รวมทั้งตอนเดินกางร่มเดินเคียงกันซึ้งๆ
รัญธิดาถอนใจยาว
“เราจะเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นใช่มั้ยคะ”
ธาริศพยักหน้า รัญธิดาลังเลอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจพยักหน้า
“งั้น...ก็ได้ค่ะ”
ธาริศยิ้มดีใจ ดึงรัญธิดามากอด

อีกมุมไกลกันหน่อย ฝนที่วิ่งหนีชูมา เห็นภาพถึงกับยืนนิ่ง ชูวิ่งตามเข้มากอด
“จับได้แล้ว งั้นชูต้องลงโทษพี่ฝนล่ะนะ”
ฝนปิดปากชู พยักหน้าให้ดู ชูตาเหลือกเมื่อเห็นภาพ แต่ไม่ได้ยินเสียงคุยกัน
รัญธิดารีบดันตัวออก
“ปล่อยค่ะ เราเป็นแค่เพื่อนกันไม่ใช่หรือคะ ระวังกริยาของพี่ด้วยถ้าอยากจะคบกันต่อไป”
รัญธิดาเดินออกไป ธาริศอยากจะขอโทษ รู้ตัวว่าพลาดแต่ทำอะไรไม่ได้
ส่วนชูกับฝน ยังยืนอึ้งตะลึงงันกันอยู่

แพทเดินหน้าบูดมาสีหน้าท่าทางเอาเรื่อง ถือไม้เบสบอลลากมาตามทาง ตรงไปยังห้องพีท
“นายพีท คนเจ้าเล่ห์ กล้าหลอกให้ฉันเข้าใจผิดเหรอ...วันนี้ถ้าฉันไม่เอาเลือดหัวนายออกอย่ามาเรียกฉันว่าแพท”
แพทเปิดประตูเข้าไป ยกไม้เตรียมเล็งเต็มที่ แพทกวาดตามองไปในห้อง ไม่เห็นใคร
“ไปไหน...เนี่ย”

ตรงมุมหนึ่งของออฟฟิศ ฝนกับชูนั่งนิ่งท่าทางหงอยๆ ด้วยกันอยู่ตรงนั้น อาการเหมือนคนช็อก! ตกใจสุดขีดมาแล้ว ฝนพูดเหมือนรำพึง
“ความจริงเค้าอาจจะกอดกันแบบเพื่อนเหมือนในหนังก็ได้นะ..ว่าป่ะ”
“งั้นชูขอกอดพี่ฝนแบบเพื่อนหน่อยนะ”
ชูกอดแล้วลามปาม ย่ามใจ ฝนเลยดึงหัวให้หยุด
“พอแล้ว ไอ้ชู แกจะปล้ำฉันอยู่แล้ว”
“ก็เรากอดกันแบบเพื่อนอย่างพี่ฝนว่าไง...บอกตรงนะ มันไม่ได้อ่ะ”
“แต่มันเป็นไปไม่ได้ ทั้งสองคนก็เป็นคนดีด้วยกันคู่ ไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก เราสองคนคงเข้าใจอะไรผิด” ฝนค้าน
“เห็นเต็มสองคน สี่ตาขนาดนี้ ยังเข้าใจผิดอีกเหรอ” ชูท้วง
“แต่คุณรัญหมั้นกับคุณพีทแล้ว คุณธาริศก็มีภรรยาแล้ว..มันจะเป็นไปได้ยังไง” ฝนลังเล สับสน
“เรื่องของความรักน่ะมันไม่เข้าใครออกใครนะพี่ฝน คุณรัญกับคุณธาริศเค้าอาจจะชอบกันจริงๆ ก็ได้ ถึงได้กอดกัน”
ชูพูดจบก็มีเสียงไม้เบสบอลหล่นโครม ชูกับฝนสะดุ้ง หันไปเห็นแพทยืนตะลึงอยู่
ฝนกะชูอุทานลั่น “คุณแพท”
“จ...จริงเหรอ...ที่ชูพูด”
“คือ...คือพี่ฝนว่า..เราอาจจะเข้าใจผิด” ฝนว่า
“ใช่ๆ เข้าใจผิดแหงๆ เลย” ชูบอก
แพทรีบขัด “เดี๋ยวแพทจะไปถามรัญให้รู้เรื่อง... แต่ว่าแพทขอร้องทั้งสองคน...อย่าไปพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังนะคะ”
“ทำไมล่ะค่ะ” ฝนแปลกใจ
“ก็...ถ้ามันไม่มีอะไรจริง แต่คนอื่นเกิดพูดไป สองคนก็จะเสียหายทั้งคู่ คุณพีทก็ต้องเสียใจ แล้วก็เสียชื่อด้วย จริงมั้ย”

แพทพยายามโน้มนาวฝนกับชูให้เชื่อ แต่ตัวเองอดหวั่นใจไม่ได้

เย็นวันนั้นรัญธิดานั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น แพทนั่งมองหลานสาวอยู่นิ่งๆ เนิ่นนาน จนรัญธิดาหันมาชำเลืองมอง

“น้าแพทมองรัญทำไมค่ะ มีอะไรรึเปล่า”
“น้า...เอ่อน้า อ๋อ น้ารู้สึกว่าหมู่นี้รัญดูเปลี่ยนไปน่ะ”
รัญธิดาจับหน้าตัวเอง “รัญก็เหมือนเดิมนี่คะ”
“ไม่หรอก รัญดูก็สนิทกับอะตอมมากขึ้น ซึ่งน้าดีใจมาก”
รัญธิดาชะงักไปนิด
“ดูอย่างวันนี้ ถ้าเป็นแต่ก่อนรัญคงไม่ยอมไป กับพวกเรา”
“ก็น้าแพทบอกเองว่าอยากเลี้ยงรับขวัญอะตอมออกจากโรงพยาบาล แล้วบังเอิญรัญว่างน่ะค่ะ”
อะตอมกับทิพปภาลงมา อะตอมแต่งตัวจัดเต็มแต่งเป็นสไปเดอร์แมน
“เสร็จแล้วครับ ไปกันหรือยัง ตอมพร้อมแล้ว”
“โอ้โห!” แพททึ่ง
ทิพปภาอมยิ้มตาม “เค้าเลือกชุดเอง”
“แหม! แค่ไปกินไอติมแค่นี้ ถึงขนาดต้องแปลงร่างเป็นสไปเดอร์แมนเชียวเหรอครับ” แพทถาม
“ก็ตอมเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน ต้องดูแล ผู้หญิงตั้ง 3 คน ใส่ชุดไว้เลยเวลาใครมารังแกจะได้ไม่ต้องเสียเวลแปลงร่างไงฮะ”
ผู้ใหญ่หัวเราะขำ เอ็นดูกับความคิดของอะตอม
ธาริศเดินเข้ามา
“ขำอะไรกันอยู่ครับ ขอมีส่วนร่วมด้วยคนได้มั้ย”
ทุกคนหันไปมอง รัญธิดาถึงกับตะลึง
“อาธาริศ”
อะตอมวิ่งเข้าไปหาธาริศทันทีอย่างดีใจ ธาริศอุ้มอะตอมไว้ แต่ทั้งรัญธิดา ทั้งแพทคิดไม่ถึงว่าธาริศจะมาแพทชำเลืองมองรัญธิดาอย่างจับผิด
“โอ้โห... สไปเดอร์แมน เท่ห์มาก นี่เตรียมตัวจะปราบเหล่าร้ายที่ไหนหรือครับ”
“แม่แพทจะพาพวกเราไปกินไอติม อาธาริศไปกินด้วยกันมั้ย” อะตอมชวน
รัญธิดารีบบอกปัด “อะตอม อาเค้าอาจจะมีธุระที่ไหนได้”
แต่ธาริศขัดทันที “ว่างซิ ผมไปได้ ผมตั้งใจแวะมาเยี่ยมอะตอมอยู่แล้ว” พลางหันมาทางแพท “แล้วก็ อยากมาขอโทษคุณแพทด้วยเรื่องวันก่อนที่โรงพยาบาล”
“ช่างมันเถอะค่ะ แพทไม่ถือหรอก” แพทว่า
“ขอบคุณครับ...งั้นขออนุญาตไปด้วยคนนะครับคุณแพท ดูท่าทางน่าสนุกดี”
แพทยิ้มเรียบๆ รัญธิดาเลยพูดไม่ออก แพทแอบสังเกตปฏิกิริยาระหว่างรัญธิดา กับธาริศตลอดเวลา

ไม่นานนัก ทุกคนอยู่ที่ช้อปปิ้งมอลล์ ใกล้ๆ ลานแสดงกิจกรรม ธาริศกับอะตอมช่วยกันถือไอศกรีมมาให้สาวๆ ที่นั่งรออยู่ อะตอมเป็นคนเสิร์ฟ
“มาแล้วครับ นี่วนิลาของป้าทิพ รสช็อคโกเลตของแม่แพท แล้วก็เชอร์เบตของพี่รัญ อาธาริศบอกว่าพี่รัญไม่กินไอติมใส่นมครับ”
แพทชะงักนิดหนึ่ง ถามทีเล่นทีจริง
“เอ๊ะ คุณธาริศรู้ได้ไง ว่ายายรัญไม่กินไอศกรีมที่ใส่นม”
“ผมไม่ทราบหรอกครับ เดาเอาเท่านั้นเอง คงบังเอิญมากกว่า”
ธาริศรีบแก้ตัว
จังหวะนี้มีตัวโบโซโยนลูกบอลเดินผ่านไป อะตอมมองอย่างตื่นตาและชอบใจ
“แม่แพท ตอมอยากดู”
พูดจบอะตอมก็วิ่งตื้อไปทันที ทุกคนตกใจ ธาริศลุกขึ้น
“เดี๋ยวผมตามไปเอง พวกคุณกินไอติมกันก่อนก็ได้ครับ”
ธาริศรีบเดินออกไป

บริเวณลานการแสดงของชอปปิ้งมอลล์ มีพวกโบโซโชว์อยู่ ผู้คนแน่นไปหมด อะตอมกระโดดชะเง้อแต่มองไม่เห็น ธาริศตามมาถึง
“มองไม่เห็นเลยอ่ะครับ คนเยอะจัง”
ธาริศนั่งคุกเข่าลง
“ถ้างั้นมาขี่คออาเลย”
อะตอมดีใจ ขึ้นขี่คอธาริศแล้วหัวเราะชอบใจ ธาริศลุกขึ้นยืน
“เห็นชัดรึยังอะตอม”
“เจ๋งมากเลยฮะ อาริศเข้าไปใกล้อีกหน่อยได้มั้ยฮะ”
ธาริศเบียดเข้าไป คนเยอะมาก

ฟากแพทบ่นๆ ขณะเหลียวมองหาลูก
“อะตอมๆ อยู่ไหนนะ”
ทุกคนช่วยกันมองหาอะตอม แต่ไม่เจอ
ทิพปภาหน้าซีดขาวเป็นกระดาษ “ทำไมผู้คนมันมากอย่างนี้ เวียนหัวจังเลย”
แพทกับรัญธิดาชะงัก เห็นทิพปภาหน้าซีดจริงๆ
“พี่ทิพหน้าซีดเชียว จะเป็นลมหรือคะ” แพทเป็นห่วง
“เอางี้..น้าแพทอยู่กับ..เอ่อ..เค้าก็แล้วกันนะคะ รัญจะไปดูอะตอมเอง
รัญธิดารีบเดินแหวกคนเข้าไป แพทมองทิพปภาที่เริ่มเซจับแขนแพทแน่นยึดไว้
“รีบไปนั่งรอตรงนั้นดีกว่าค่ะ คนยังน้อยหน่อย”
แพทประคองทิพปภาไปที่ม้านั่งใกล้ๆ

ส่วนธาริศกับอะตอมดูโชว์อย่างชอบใจ ผู้ชายข้างๆ เอาลูกลงจากคอ เลยถอยมาชนธาริศ
“ขอโทษครับ”
“ขอโทษครับ”
ที่แท้เป็นกวงเพื่อนตอนเรียนมหาลัย กวงเห็นธาริศร้องลั่น “อ้าว ไอ้ริศ”
“ไอ้กวง...เอ๊ย..มายังไงว่ะเนี่ย” ธาริศยิ้มร่า
รัญธิดาเบียดคนเข้ามาพอดี
“อะตอม อยู่ที่นี่เอง แม่แพทเค้าเป็นห่วงนะ”
กวงทักขึ้น “นี่น้องรัญใช่มั้ยครับ...จำพี่ได้มั้ย พี่กวงไงที่เคยอยู่หอเดียวกับไอ้ริศไง”
รัญธิดาตะลึงจำกวงได้ติดตา รีบยกมือไหว้
“แหมดีใจจริง ที่สองคนยังคบกันอยู่ รัญดูสวยขึ้นนะ โตกว่าเดิมมาก” กวงยิ้มแย้ม
รัญธิดาตัดบท “พี่ธาริศคะ ไปกันเถอค่ะ น้าแพทเค้าเป็นห่วงอะตอม”
ธาริศพยักหน้ารับ “ไปก่อนนะเว้ยกวง แล้วเจอกัน”
“เออ เจอกันตอนเลี้ยงรุ่นว่ะ”
รัญธิดายกมือไหว้ลา แล้วรีบจูงอะตอมเดินออกไป

รัญธิดาจูงอะตอมมาตรงจุดที่แพทกับทิพปภานั่งอยู่ ธาริศเดินตามมา
“แม่แพท” อะตอมวิ่งไปหาแพทอย่างร่าเริง
“สนุกมั้ยลูก”
“มากฮะ เจ๋งมากเลย เค้าโยนลูกบอลทีละ 5 ลูกแน่ะ แล้วเมื่อกี้อาริศก็เจอ...”
ธาริศชิงตัดบทเสียก่อน “เอ่อ ชักหิวแล้วซิ เราไปหาพิซซ่าอร่อยๆ กินกันต่อดีมั้ยอะตอม”
รัญธิดารีบช่วย “ดีค่ะ มีร้านอร่อยอยู่ตรงหัวมุม น่าทานมาก เราไปกันเถอะ”
ทั้งหมดตั้งท่าจะออกเดินกวงเดินย้อนกลับมา
“เฮ้ยไอ้ริศ โทษที” ทุกคนหันไปมอง “เมื่อกี้ยังไม่ถนัด ลูกเอ็ง กับรัญ ชื่อไรนะ เดี๋ยวจะได้ไปโม้ให้เพื่อนๆ ฟังตอนเลี้ยงรุ่น”
รัญธิดากับธาริศ ยืนนิ่งตัวชา ไม่รู้จะพูดยังไง
แพทบอกขึ้น “อะตอม ค่ะ แต่อะตอมเป็นลูกของฉันไม่ใช่ของคนอื่น”
“อ๋อ ขอโทษทีฮะ เห็นหน้าเหมือนทั้งรัญทั้งธาริศก็เลยเข้าใจผิดไปหน่อย ถ้างี้ผมไปละ ลาล่ะครับ” กวงหันมาทางธาริศและรัญธิดา “แล้วเจอกันนะริศ รัญ”
กวงยกมือไหว้ทิพปภา แล้วเดินไป ทุกคนอึ้งๆ เครียดๆ ไปหมด

แพทมองรัญธิดาด้วยสายตาเอาเรื่องในท่าที่แสนเย็นชา

อ่านต่อหน้า 3

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 11 (ต่อ)

กลับมาถึงบ้านสองแม่ลูก นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ทิพปภาคาดคั้นเอากับรัญธิดาเรื่องธาริศ

“ยายรัญ บอกแม่มาให้รู้เรื่องซิว่านี่มันอะไรกัน ลูกกับคุณธาริศรู้จักกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“มันไม่ใช่เรื่องของแม่นะคะ”
รัญธิดาลุกจะเดินหนี ทิพปภาจับแขนไว้
“เดี๋ยวก่อน ถ้าอย่างนั้น ที่ยัยแพทดุแกวันนั้นมันก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ ที่ว่าเมียเค้ามาอาละวาดที่ผัวเค้ามาอยู่กับแกทั้งคืนน่ะ”
“แม่...พอเถอะค่ะ รัญไม่ได้ทำเรื่องชั่วๆ อย่างที่เค้าเข้าใจนะคะ”
แพทเดินมาจากข้างบนพอดี หลังขึ้นไปส่งอะตอมเข้านอน
“ถ้าอย่างนั้น ก็บอกมาสิว่าเธอรู้จักกับคุณธาริศมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเพื่อนเค้าถึงได้พูดแบบนั้น”
รัญธิดาอึ้ง ทั้งแม่ทั้งน้าสบตาอย่างคาดคั้น
“รัญ...รัญ...ก็รู้จัก...วันที่คุณพีทแนะนำนั่นแหละ”
“พอได้แล้ว! หยุดโกหกได้แล้วรัญ เรื่องทุกอย่างมันมาถึงตอนนี้ ก็เพราะรัญโกหกทั้งนั้น โกหกว่าแม่ตาย..โกหกว่าพี่ทิพเป็นคนใช้ โกหกว่าไม่รู้จักคุณธาริศ โกหกว่าอะตอม...”
แพทเกือบจะหลุดออกมาว่าเป็นลูกน้า แต่ถูกทิพปภารีบขัดก่อนแพทจะพูดจบ
“ยายแพท พอแล้ว”
แพทได้สติ พูดเสียงอ่อนลง “การหนีความจริง มันไม่ใช่การแก้ปัญหานะรัญ มีแต่ทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้น”
รัญธิดานิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะยอมสารภาพ
“คุณธาริศ คือ...ผู้ชายคนนั้น”
สองคนตกตะลึง
“ยายรัญ!” แพทอุทานตาโต
“น้าแพทจะให้รัญ บอกกับคุณพีทว่าน้องชายของเค้าคือผู้ชายคนที่ทิ้งรัญไปอย่างนั้นหรือคะ” รัญธิดาย้อนอย่างเจ็บปวด
ทั้งแพทกับทิพปภาตกใจ พูดอะไรไม่ออกที่เรื่องมันผูกกันยุ่งไปหมด
“คุณธาริศคือผู้ชายเลวคนนั้นเองน่ะเหรอ” แพทโกรธขึ้นมาทันที “แล้วแบบนี้ รัญยังจะกลับไปยุ่งกับเค้าอีกเหรอ”
“รัญไม่ได้กลับไปยุ่งกับเค้านะ รัญสาบานได้ รัญพยายามอยู่ให้ห่างจากเค้า แต่ในเมื่ออยู่ๆ เค้าก็กลายมาเป็นญาติของคุณพีทแบบนี้ แล้วน้าแพทจะให้รัญทำยังไงคะ รัญนึกอะไรไม่ออกอีกแล้ว”
รัญธิดาพูดอย่างอัดอั้นแล้วร้องไห้ แพทถอนหายใจ ทิพปภานิ่งฟังมาตลอด ฮึดขึ้นมา
“ใจเย็นนะลูก” ทิพปภาเข้าไปเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มรัญธิดาด้วยสองมือ ปกป้องลูกเต็มที่ คราวนี้รัญธิดาไม่ได้ปัดป้อง “เรื่องนี้มันมีทางออกซิ และทางเดียวเท่านั้นที่จะจบปัญหานี้ได้...” หันไปหาแพทบอกเสียงเด็ดขาด “ยัยแพทถ้าแกรักและเคารพฉันจริงอย่างที่แกพูดมาตลอด แกก็ต้องทำตามที่ฉันบอก...”
แพทกับรัญธิดามองหน้าทิพปภาที่ทำหน้าเด็ดขาดมาก อย่างรองฟัง

เช้าวันต่อมาธาริศตื่นขึ้นมา หลบอยู่ตรงมุมหนึ่งในวิลล่า ธาริศนั่งกลุ้มใจ มือกำลังส่งข้อความ
“เป็นยังไงบ้างจ๊ะ”
ธาริศหยุดพิมพ์ แล้วลบทิ้งก่อนจะเขียนใหม่
“มีใครสงสัยเรื่องของเรารึเปล่า”
ธาริศทำท่าจะกดส่งแล้วลังเล ก่อนจะลบทิ้งอีก
ธาริศลุกขึ้น เดินไปมา ด้วยท่าทีกลุ้มๆ ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ใหม่
ธาริศพิมพ์ข้อความใหม่ “มีอะไรช่วยโทร.หาผมด้วย...ผมเป็นห่วงรัญเสมอ”
ทักษอรเปิดประตูเข้ามาพอดี ธาริศตกใจกดข้อความส่งไปทันที ก่อนจะรีบลุกขึ้น ทักษอรเดินมากอดแทน
“ทานข้าวกันเถอะค่ะ เค้าจัดโต๊ะเสร็จแล้ว”
“จ้ะ”
ธาริศเอาโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแบบเนียนๆ ก่อนจะเดินออกไปด้วยกัน

รัญธิดาอยู่ในห้องนั่งอ่านแมสเสจที่ธาริศส่งมาแล้วอึ้งๆ ถอนหายใจ สับสนมาก มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น รัญธิดารีบเก็บโทรศัพท์ เป็นทิพปภาที่เดินเข้ามา
“ยังไม่ไปอาบน้ำ อาบท่าอีกเหรอลูก คุณพีทกำลังจะมาแล้วนะจ๊ะ”
รัญธิดาอึ้ง ถอนหายใจยาว

เย็นจวนค่ำ กันตานั่งไออย่างหนักอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ท่าทางอ่อนเพลียจัด พีทเปิดประตูห้องเข้ามา ท่าทางอารมณ์ดี แจ่มใส่ เดินผิวปากมาจากหน้าบ้าน จึงได้ไม่ได้ยินเสียงแม่ไอ
“จะไปไหนเหรอลูก ท่าทางอารมณ์เชียว ไหนว่าจะอยู่กินข้าวกับแม่ไง”

พีทลงนั่งข้างๆ แม่ ดึงมือมาจูบอย่างประจบ “ขอโทษนะครับแม่ พอดีคุณแพทเค้าโทร.มาชวนไปกินข้าวเย็นน่ะครับ”
กันตาวางหนังสือในมือลง “หนูแพท! ลูกพูดผิดหรือเปล่า ไม่ใช่หนูรัญหรอกหรือ”
รอยยิ้มเต็มหน้าของพีทรจางลงนิดหนึ่ง
“อ๋อ...ใช่ครับ...คุณแพทชวนไปกินข้าวเย็นที่บ้านกับรัญด้วย พูดว่ามีเรื่องอนาคตคุยกันด้วยครับ”
“โล่งอกไปที หนูรัญเค้าคงเขิน ก็เลยให้คุณน้าเป็นคนชวนพีทแทนล่ะสิ” พีทอึ้งไป “จ้ะแม่อยากจะรู้แล้วละสิว่าเค้ามีธุระอะไรด่วนกับลูกแม่ถึงขนาดนั้น เดี๋ยวพอกินเสร็จ ลูกแวะมาเล่าให้แม่ฟังด้วยนะจ๊ะ”
พีทฟืนยิ้มให้แม่ “ครับ”
กันตาก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ

พีทเริ่มสับสนในใจ นึกสงสัยตัวเองว่าทำไมถึงดีใจที่แพทโทร.มา มากกว่าเวลาที่รัญธิดาเป็นคนชวน

โต๊ะอาหารค่ำนี้ถูกจัดแต่งอย่างสวยงาม นอกจากอะตอมกับพีทที่ดูเป็นปกติ สองสาวดูแปลกๆ รัญธิดาจิบน้ำตลอดเวลาแทบไม่กินสักคำ แพทใจลอย ส่วนทิพปภามองสังเกตเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆ ตรงประตูครัว

พีทมองรัญธิดาแล้วตักอาหารให้
“ทานหน่อยสิครับ...ผมไม่เห็นรัญคอยกินอะไรเท่าไหร่เลยนิ”
แพทมองความอ่อนโยนที่พีทมีต่อรัญธิดาอย่างเบลอๆ ใจลอย
“รัญ...เอ่อ...ไม่ค่อยหิวน่ะค่ะวันนี้
พีทหันไปแพทตกใจหลบตาไม่ทัน เลยเสมองไปทางอื่น แล้วตักข้าวเข้าปาก พีทตักอาหารให้แพท
“นี่ครับ...ผักบุ้ง ช่วยบำรุงสายตาเหมาะกับวัยคุณน้า” พีทจงใจแหย่เพื่อให้แพทต่อปากต่อคำ
แพทรวบช้อนทันที
“ขอบคุณค่ะ...ชั้นอิ่มพอดี”
รัญธิดาได้ทีรวบช้อนด้วย พีทยิ้มจางลงเพราะยั่วแพทไม่ขึ้น
“ตอมก็อิ่มครับ โอ้โหกินซะพุงกางเลยวันนี้”
ทิพปภารีบเดินมาเก็บจานช้อน แล้วมอบสบตากับแพทเป็นเชิงบังคับ
“อะตอมอิ่มแล้วใช่มั้ยครับ ถ้างั้นก็ขึ้นข้างบนกับป้าทิพเถอะ ผู้ใหญ่เค้ามีเรื่องจะคุยกัน”
อะตอมหันมาทางแพท “คุยกันเรื่องอะไรเหรอครับ ตอมอยากคุยด้วย”
พีทหัวเราะชอบใจ
แพทดุ “อะตอม! เสียมารยาท...ขึ้นไปข้างบนกับป้าทิพเดี๋ยวนี้”
อะตอมจ๋อย แล้วก็เดินหงอยๆ ตามทิพปภาขึ้นข้างบนไป ทิพปภาหันมามองสบตาแพทอีกที
รัญธิดาลุกขึ้น
“เดี๋ยวรัญไปหยิบผลไม้มาให้นะคะ”
แล้วรัญธิดาก็เดินเข้าไปในครัว
พีทขำๆ “มีอะไรกันรึเปล่าเนี่ย ทำไมทุกคนทำท่าซีเรียสกันจัง”
สักครู่หนึ่งรัญธิดากลับมาเอาจานผลไม้มาตั้ง
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าเรื่องเลย ชั้นจะไม่อ้อมค้อมล่ะนะ...คือว่า...ชั้นอนุญาติให้คุณแต่งงานกับยายรัญได้!”
พีทกำลังกินผลไม้อยู่ สำลักทันที ไอแค่กๆ
แพทพูดต่อ “แล้วถ้าคุณต้องการ ชั้นยินดีให้คุณจัดงานแต่งงานได้ทุกเมื่อ จะเร็วเท่าไหร่ก็ตามใจคุณ”
พีทอึ้ง มองหน้าแพทงงๆ แล้วหันไปมองรัญธิดา ที่นั่งนิ่ง ตาตกมองต่ำอย่างยอมในชะตากรรม
พีทงงสุดขีด และรู้สึกแปลกใจที่ตนไม่ดีใจสักนิด

ไม่นานนัก แพทออกมายืนเหม่ออยู่หน้าบ้าน พีทเดินเข้ามาเงียบๆ
“คุณแน่ใจเหรอเรื่องงานแต่งงาน...ทำไมอยู่ๆ ก็อนุญาตง่ายๆ”
“คุณนี่มันบ้าหรือดี ที่แต่ก่อนร่ำร้องอยากจะแต่ง แล้วก็หาว่าชั้นกีดกัน พอชั้นอนุญาตก็มาหาเรื่องสงสัยอีก ชั้นนี่มันซวยทั้งขึ้นทั้งล่อง”
พีทแหย่ “แล้วเรื่องของเราล่ะ”
แพทตาลุกวาว โกรธจัด “ยังจะมีหน้ามาพูดอีกเหรอ คุณนี่มันเลวจริงๆ ที่มาหลอกชั้น ชั้นไม่ตีคุณให้หัวแตกก็ดีแค่ไหนแล้ว”
พีทหัวเราะขึ้นมา
“ผมไปหลอกอะไรคุณที่ไหน คุณนั้นแหละที่โวยวายไปเอง...ผมล่ะขำจะตาย คุณทำยังกับพวกนางเอกนิยายสมัยก่อน คิดได้ไงว่าคนเรามีอะไรกันแค่เพราะนอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน ฮ่าๆๆ”
แพทปรี๊ดสุดขีด โกรธจัด “ไอ้บ้า...คุณทุเรศ”
“หรือว่าคุณมีอะตอมตอนหลับอยู่” พีทยั่วไม่หยุด
แพทโกรธจนตัวสั่น เดินหนีทันที พีทจับแขนไว้หมับ
“โอ๋ๆ ผมขอโทษ อย่าโกรธผมเลยนะ”
แพทสะบัดแขน พีทเดินไปดักหน้า
“ผมขอโทษจริงๆ แค่แซวเล่น...” แพทนิ่งแต่ตาขวาง “จะต่อยผมก็ได้นะถ้าทำให้คุณหายโกรธ..หรือจะตบก็ได้” พีทยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ “หรือจะข่วน...อ่ะ”
พีทยื่นหน้าเข้าไปใกล้ด้วยความจริงใจ แพทมองตาขุ่น แต่แล้วบรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไป สองคนตาสบกันเนิ่นนาน ความโกรธค่อยๆจางลง ความรู้สึกแปลกๆ เข้ามาแทนที่

พีทถามขรึมๆ “คุณแน่ใจหรือว่าอยากให้ผมแต่งงานกับรัญธิดา”
ทั้งคู่สบตากันนิ่งๆ สายตาพีทมีประกายอะไรบางอย่าง จนแพทเองก็หวั่นไหว
แต่ในที่สุดก็ตอบออกไป “ใช่ค่ะ...และควรจะแต่งให้เร็วที่สุดด้วย”
แพทถอยห่าง แล้วเดินเข้าบ้านไปเงียบๆ
พีทยืนนิ่งหน้าขรึมเคร่ง เริ่มไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตัวเอง ถอนใจยาวด้วยความสับสน

พีทขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านแม่ แล้วลงมาจากรถ เดินขรึมๆ มาหยุดหน้าบ้าน ลังเลสักครู่แล้วถอนใจ ปรับสีหน้าทำเสียงแจ่มใส ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
“แม่ครับ”
พีทเปิดประตูเข้ามา
“แม่ครับ ผมมีข่าวดีมาบอกแม่ครับ” พีทชะงัก เมื่อเห็นกันตานอนฟุบอยู่ที่พื้น พีทตะลึง ถลาไปหากันตา ประคองขึ้นมา
“แม่ครับ...แม่...”
กันตาหน้าซีดเผือด ไม่มีสติ พีทตกใจถึงขีดสุด

ตอนเช้าในวันถัดมา กันตาค่อยๆ ลืมตา มองไปรอบๆ ห้อง เห็นพีทฟุบหลับอยู่ข้างเตียง กันตาขยับตัวแล้วครางเบาๆ พีทลืมตา พอได้สติรีบลุกประคอง
“แม่ครับ”
กันตาถามเบาๆ “พีท! พีททำไมแม่มาอยู่ที่นี่” สบตากับลูกชาย เห็นท่าทีเศร้าหมองหนัก ทำให้กันตารู้ได้ทันทีว่าพีทรู้ความจริงหมดแล้ว
กันตาอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยพูดขึ้น “แม่อยากกลับบ้าน”
“อย่างเพิ่งเลยครับแม่... หมอบอกว่าให้แม่นอนพักอยู่ที่นี่ก่อนดีกว่า”
กันตาจับมือพีทไว้ “คุณหมอบอกลูกแล้วใช่มั้ย”
“ผมรู้มานานแล้วครับแม่...แต่ในเมื่อแม่ไม่อยากให้รู้ ผมก็เลยทำเป็นไม่รู้”
กันตาอึ้ง น้ำตาคลอ
“แม่ขอโทษ....แม่ไม่อยากให้ลูกเป็นทุกข์เพราะเป็นห่วงแม่”
พีทน้ำตาคลอเช่นกัน “แม่...เจ็บมากมั้ยครับ”
“แม่แค่เหนื่อยน่ะลูก...หมอบอกว่า ตอนนี้มันลามไปถึงปอดแล้ว”
นัยน์ตาพีทแดงก่ำ เศร้าหนัก กันตาลูบหัวลูกชายเบาๆ อย่างรักใคร่
“อย่าเสียใจไปเลยลูก แม่ได้พยายามรักษาเต็มที่แล้ว เกิดแก่เจ็บตายมันเป็นของธรรมดานะลูก ทุกคนต้องเจอ หลีกเลี่ยงไม่ได้ จะช้าหรือเร็วเท่านั้น”
พีทซบหน้าลงกับแขนแม่เพื่อซ่อนน้ำตา กันตาลูบผมพีทอยู่อย่างนั้น
“เสียดายอย่างเดียวที่แม่มีเวลาดูแลพีทน้อยเกินไป ไม่มีโอกาสที่จะเห็นพีทเป็นฝั่งเป็นฝา ได้อุ้มหลาน”
น้ำตากันตาหยดรินออกมา แล้วรีบเช็ดอย่างรวดเร็วไม่ให้ลูกชายเห็น
พีทเงยหน้าขึ้นทันที เห็นรอยน้ำตาของแม่
“ต้องได้สิครับแม่ มันยังไม่สายเกินไป”

กันตาฉงน “ลูกหมายความว่าไง?”

อ่านต่อหน้า 4

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 11 (ต่อ)

พีทเดินออกมาจากห้อง ขณะที่รัญธิดากับแพทเดินเข้ามาพร้อมกระเช้าเยี่ยม

“คุณพีท แม่นายเป็นไงบ้างคะ”
พีทหันไปเห็นรัญธิดา รีบเดินเข้าไปหาท่าทีมุ่งมั่น ขณะบอก
“ผมอยากแต่งงานให้เร็วที่สุด” แพทชะงัก พีทหันไปมอง “ถ้าเป็นภายในอาทิตย์หน้าเลย ทางคุณจะขัดข้องมั้ย”
แพทตกใจ “อาทิตย์หน้า? นี่มันอะไรกันคะ”
พีทมองหน้าที่งงงันของรัญธิดา และโดยที่ไม่มีใครคาดคิด หรือจะพูดอะไรต่อ พีทคุกเข่าลงต่อหน้ารัญธิดา เงยหน้ามองสบตา
“แต่งงานกับผมเถอะนะรัญ ถ้าคุณไม่รังเกียจผู้ชายอย่างผม”
รัญธิดากับแพทต่างตะลึง
จังหวะเดียวกันนี้ ธาริศกับทักษอรและรุจรวีเดินเข้ามาอย่างร้อนใจ แล้วชะงักเมื่อเห็นภาพนั้นโดยเฉพาะธาริศหน้าซีด ตัวชา

มุมสวนสวยร่มครึ้มของโรงพยาบาล ธาริศเดินออกมาบริเวณนั้นงงๆ เจ็บปวดกับความรักที่กำลังหลุดลอยไปอีกครั้ง
รัญธิดากลับบ้านมารีบขึ้นห้อง เดินไปหยิบกล่องจากโต๊ะหัวเตียงเปิดออก ดึงสายสร้อยที่ธาริศให้ออกมาดู ภาพจำหวานๆ เวลาตัวเองยิ้มหัวเราะกับธาริศย้อนเข้ามาในห้วงคิด รัญธิดาน้ำตาร่วง เศร้าใจเหลือแสน
เช่นเดียวกับแพทอยู่ในห้องนอน ตั้งใจจะดูดฝุ่นทำความสะอาดห้อง แต่พอหันไปดึงผ้าคลุมเตียงแล้วชะงัก ภาพตอนพีทนอนถอดเสื้อกอดตัวเองอยู่ผุดเข้ามาในห้วงคิด แพททอดถอนใจ พยายามสะบัดหน้าไล่ความจำนั้นออกไป แล้วทำงานต่อไป แต่ก็ช้าลงจนหยุดนิ่งไปในที่สุด
ส่วนพีทอยู่ในห้องพักกันตาที่โรงพยาบาล กำลังห่มผ้าห่มให้แม่ที่หลับไปแล้ว พีทยืนครุ่นคิดก่อนจะฟุบลงนั่ง ไม่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจทำลงไป

เช้าวันหนึ่ง แพทออกท่าทางกระฉับกระเฉงอยู่ห้องโถงร้านเวดดิ้ง ในฐานะแม่งานถ่ายรูปเวดดิ้งให้พีทกับรัญธิดา การทำงานคล่องแคล่วอย่างเก่า แต่ที่ผิดปกติไปคือเธอพูดช้าลงอย่างเห็นได้ชัด เวลานี้กำลังเอาเสื้อผ้าที่พนักงานช่วยถืออยู่มาพรีเซ้นต์ให้รัญธิดาดู รัญธิดาท่าทางเฉยๆ ซึมๆ
“ชุดนี้ดีมั้ยรัญ สวยมากนะมีลูกไม้นิดๆ ไม่ฟู่ฟามาก...หรือจะเป็นชุดนี้ใส่แล้วเหมือนเจ้าหญิงเลย...หรือว่า...”
รัญธิดาตัดบท “ชุดไหนก็ได้ค่ะน้าแพท”
แพทชะงัก พนักงานชำเลืองมองแพทว่าเอาไง แพทตั้งสติได้ หยิบอีกชุดมาถือไว้
“ชุดนี้ก็ดีนะ เรียบๆ โก้ๆ” รัญธิดายังนิ่งอยู่ แพทเลยเอามาทาบตัวเองให้ดู “นี่ดูสิรัญใส่แล้วเก๋ดีนะ...น้าว่าเหมาะกับรัญมากเลย”
แพทเอาเสื้อมาทาบตัว แล้วบิดซ้ายบิดขวา ให้รัญธิดาดู ในขณะที่บิดอยู่นั้นก็ต้องชะงัก เพราะสบตากับพีทที่เพิ่งเดินเข้ามา พีทหยุดยืนมองแพทที่เอาชุดมาทาบตัวเองด้วยความรู้สึกแปลกๆ แพทเห็นสายตาพีทก็รีบลดชุดลงส่งคืนพนักงาน
รัญธิดาเพิ่งหันจึงทักทายเสียงเรียบๆ “คุณพีท!”
“ขอโทษที่มาช้า ชุดเมื่อกี้” พีทมองแพท “สวยดีนะ”
แพทเมินหลบสายตาพีทวูบ
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองชุดนั้นก็แล้วกันค่ะ”
“แหม ตาถึงนะค่ะ...ชุดนี้เป็นลูกไม้จากฝรั่งเศษ..มีชุดเจ้าบ่าวที่เข้ากันด้วยค่ะ...เชิญที่ห้องลองได้เลยค่ะ” พนักงาน 1 ใน 2 ว่า
รัญธิดาลุกขึ้น พนักงานคนนั้นเดินนำไป พีทมองแพทที่ทำท่าเหมือนไม่ใส่ใจใครอยู่ แล้วเดินตามไปด้วย แพทถอนใจโล่งอก
พนักงานอีกคนเอ่ยขึ้น “แหม! บ่าวสาวดูท่าทางเหนื่อยๆนะคะ ไม่คึกคักอย่างคุณเลย...นี่ถ้าหนู่ไม่รู้ว่าคุณเป็นคุณน้า หนูคิดว่าคุณเป็นเจ้าสาวเองแน่ๆ เลยค่ะ”
แพทสะดุ้งในใจ รีบกลบเกลื่อน
“ก็ชั้นเป็นคนจัดงานแต่งงานให้เค้านี่จ๊ะ ก็ต้องกระตือรือร้นหน่อยสิ...ไหนพาไปดูตัวอย่างของชำร่วยหน่อยสิจ๊ะ”
แพทเดินนำออกไป

ส่วนภายในห้องแต่งตัว รัญธิดาในชุดเจ้าสาวสวยงามเฉิดฉาย ยืนมองตัวเองหน้าหมอง ไม่แจ่มใสเอาเลย รัญธิดาดูตัวเองอย่างพิจารณา เสื้อเป็นชุดเปิดแขน เปิดไหล่ จึงเห็นสายสร้อยเล็กๆ บางๆ ที่ร้อยแหวนอยู่โผล่ออกมา..รัญธิดาชะงัก หยิบแหวนขึ้นมาดูแล้วครุ่นคิด ก่อนที่จะพยายามซุกเข้าไปในอกเสื้อ แต่ก็เปลี่ยนใจอีก เลยพยายามจะถอด แต่ติดที่ถอดตะขอไม่สำเร็จ เลยมองหาความช่วยเหลือ
“น้องจ๋า...น้อง...คุณคะ”
แต่เงียบไม่มีพนักงานเข้ามา รัญธิดาเลยเปิดประตูออกมามองหา

ประตูเปิดออกมา รัญธิดาเรียกหาพนักงาน “คุณคะ” แต่ต้องชะงัก
เพราะข้างหน้าทิพปภายืนปลื้มมองมาอยู่ ด้วยสายตาชื่นชม
“แม่…”
“ลูกแม่สวยที่สุด นี่แค่ลองชุด วันแต่งหนูจะสวยขนาดไหน”
รัญธิดามองไปรอบตัวเองอย่างตื่นๆ
“แม่! มาทำไม”
“แม่แอบมา ไม่มีใครเห็นหรอก แม่พยายามดูว่าหนูสวยที่สุดแน่รึเปล่า..ชุดนี้ สวยมากๆ นะรัญ หนูต้องเป็นเจ้าสาวที่เจ้าบ่าวภูมิใจมากแน่ๆ”
รัญธิดาประชดออกมาอย่างขมขื่น “แน่หรือคะ...หนูไม่มีอะไรให้ใครภูมิใจได้หรอกค่ะ”
“ไม่จริงหรอกลูก หนูต้องลืมเรื่องเก่าๆ ในอดีตให้หมด ตราบใดที่แม่ยังอยู่ แม่จะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำลายอนาคตรัญแน่ๆ แม่สัญญา”
“คุณรัญคะ”
รัญธิดาตกใจหันไปทางเสียงเรียก แล้วประตูก็เปิดออก พนักงานเดินยิ้มแย้มเข้ามา รัญธิดาหันมามองตามทาง ทิพปภาเร้นกายหายไปแล้วอย่างรวดเร็ว
“คุณพีทพร้อมแล้วค่ะ ขอเชิญคุณไปถ่ายรูปด้านนอกเลยค่ะ”
รัญธิดาพยักหน้ารับ แล้วเดินตามพนักงานออกไป

โดยที่ด้านหลังทิพปภาโผล่อออกมาจากมุมหนึ่งของห้องลองเสื้อ มองตามรัญธิดาไปอย่างมีความสุข

ขณะเดียวกันประตูห้องห้องทำงานเปิดเข้ามา รุจรวีกับทักษอรเดินมาหาธาริศที่นั่งทำงานอยู่

“ตาริศ แม่กับหนูอรจะไปหาป้ากันต์ที่บ้าน ลูกจะไปด้วยมั้ย”
“ป้ากันต์กลับมาอยู่ที่บ้านแล้วหรือครับ”
“ก็ใช่น่ะสิ พี่กันต์ขอหมอออกมาอยู่บ้าน บอกจะมาเตรียงงานแต่งให้ตาพีท”
“อ้าว! งานนี้คุณแพทเค้าอาสาเป็นคนจัดงานให้ไม่ใช่หรือครับ”
ทักษอรอดแขวะไม่ได้ “แหมรู้ละเอียดจริงนะคะ ถ้าเป็นเรื่องแม่นั่นน่ะ”
ธาริศถอนใจ ไม่เถียง ก้มหน้าทำงานต่อ
“ทางเราต้องเป็นฝ่ายจัดเตรียมพานขันหมากกับสินสอดเองน่ะจ๊ะ แล้ววันนี้ตาพีทเค้าไปถ่ายรูปแต่งงานกับหนูรัญ...แม่ก็เลยเป็นห่วงพี่กันต์เลยจะไปช่วยเสียหน่อย”
ธาริศนิ่งไป ตั้งแต่ได้ยินว่าไปถ่ายรูปแต่งงานแล้ว
“แล้วพี่ริศจะไปกับเรารึเปล่าคะ”
“อรไปกับคุณแม่เถอะจ้ะ พี่ยังทำงานค้างอยู่เลย..ถ้าเสร็จทันก็จะตามไปนะ”
ทักษอรถอนใจ ธาริศก้มหน้าทำงานต่อ รุจรวีพนักหน้ากับอร แล้วลากออกไปก่อนจะมีเรื่อง
พอประตูปิด เสียงทุกอย่างเงียบลง ธาริศเงยหน้าขึ้น ครุ่นคิด

ที่สนามในสวนสวย ทีมงานร้านเว้ดดิ้งจัดโต๊ะแบบโต๊ะน้ำชา มี cup cake วางด้วย และมีลูกโป่งสีสวยเป็นแบ็คกราวน์ รัญธิดากับพีทถ่ายรูปกันอยู่ มีแพทเป็นสไตลิสต์คอยทำกับท่า โดยชุดแรกเป็นท่านั่ง
“ยืนตัวตรงหน่อยรัญ...ที่นี้ก็ยิ้ม..ยิ้มอีก..มีความสุขมากๆ หน่อย”
ว่าที่บ่าวสาวหน้าตาไม่ยิ้มแย้มนัก แพทกับตากล้องช่วยกันเชียร์ให้พีทมายืนหลังเก้าอี้เกาะไหล่เจ้าสาว
ตากล้องบอกเตรียมถ่ายอีกเซ็ต “ที่นี้ลองยืนทั้งคู่ด้วยครับ”
ทั้งคู่ลุกขึ้นยืน แพทวิ่งไปช่วยจับเสื้อให้รัญ แล้วเอาลูกโป่งมาถือ
“ถือลูกโป่งด้วยยายรัญ จะได้มีสีสัน”
รัญธิดาทำตามแบบเนือยๆ
ตากล้องสั่ง “กอดเอวกันหน่อยครับ...ครับอย่างนั้น” แล้วกดถ่ายรูป
“รัญลองเอียงตัวพิงคุณพีทซิ ไม่ใช่ เอียงอีกฝั่ง..มากไป...”
แพทขัดใจวิ่งเข้าไปหา
“เอียงด้านนี้แล้วหันหน้ามา”
“ยังไงคะน้าแพท”
รัญธิดาถอยออกมา แพทไปยืนตรงที่รัญธิดาแล้วโพสให้ดู
“แบบนี้ไงจ๊ะ เอี้ยวตัวแล้วบิดหน้า”
แพทชะงักเพราะพีทขยับเข้ามาแล้วกอดเอวแพทด้านหน้าด้วยหน้าตาเฉยๆ ไม่มีพิรุธ
“แล้วผมก็กอดเอวแบบนี้ใช่มั้ยครับ”
แพทนิ่งอึ้ง พีทกอดเอวจากข้างหน้าตัวชิดกันด้วยท่าทางซื่อๆ แพทเอี้ยวตัวออกมานิ่งๆ
“นั้นแหละจ้ะ...ลองดูนะ”
แพทเดิน รัญกับพีทถ่ายรูปต่อ แต่แพทใจเต้นรัวเร็ว ทั้งโกรธและสับสน
“ทีนี้ลองจูบกันนะฮะ” ตากล้องบอก
ทุกคนตาโต ร้อง “หา”
ตากล้องเกาหัวงงๆ เห็นพีทกะรัญธิดาที่หันขวับมองหน้า และแพทที่ตาค้าง
“ก็จูบกันสิครับ นี่มันรูปเวดดิ้งนะคุณ บ่าวสาวจูบกันน่ารักจะตาย” ช่างภาพว่า
ทุกคนอึ้ง รัญธิดากับพีทสบตาแล้วฝืนยิ้มให้กัน ทั้งคู่ค่อยๆ หันหน้าเข้าหากัน พีทก้มหน้าลงทีละนิดๆ แพทมองอึ้งๆ
พอปากของทั้งคู่ใกล้จะแตะกัน รัญธิดาเบี่ยงหน้าหลบอย่างสุภาพเลยกลายเป็นพีทหอมแก้มพอดี แต่ก็เป็นภาพที่สวยงาม ตากล้องรัวชัตเตอร์ถ่ายรูปไม่หยุด
“สวยครับสวย ค้างไว้ก่อนครับ”

รัญธิดามองหน้าพีทที่นิ่งสุภาพและไร้ความรู้สึก แล้วรัญธิดาค่อยๆ ปิดตาลงอย่างปวดร้าว

จังหวะนี้ธาริศเดินเข้ามา ตามองแต่ภาพคนสองคนหอมกัน ธาริศขยับเข้าใกล้โดยไม่สังเกตว่าเดินชนเข้ากับกระถางดอกไม้ที่เตรียมไว้เข้าฉากจนล้มลงกับพื้น
ทุกคนหันมองมาตามเสียงของหล่น ธาริศได้สติ
แพทตกใจอุทานลั่น “คุณธาริศ”
รัญธิดาสะดุ้ง ลืมตาหันกลับไปมองทันที
“ขอโทษครับ ผมไม่ทันเห็นจริงๆ”
แพทหันขวับไปมองรัญธิดาอย่างจับสังเกต พีทเดินออกมาหาธาริศ จูงรัญธิดามาด้วย
“เฮ้ย..มาได้ไงเนี่ย”
“ผมจะมาแสดงความยินดีล่วงหน้าน่ะครับ เพราะไม่รู้ว่าตอนในงานจะอยู่ได้รึเปล่า”
พีทงง “อ้าว...ทำไมล่ะ จะไม่อยู่ได้ยังไง”
ธาริศอึ้ง “ผมมีงานสำคัญจะต้องไปเคลียที่กรุงเทพฯน่ะครับ ลูกค้าพึ่งโทร.มาวันนี้เอง” ธาริศยื่นมือให้พีทจับ “ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับพี่พีท”

ธาริศหันไปสบตารัญธิดา แต่รัญธิดาหลบตาวูบ
“มีความสุขมากๆ นะคุณรัญธิดา”
รัญธิดาค่อยๆ เงยหน้าสบตา
“ขอบคุณมากค่ะ คุณธาริศ”
ธาริศชะงักสายตามองที่สร้อยร้อยแหวนในคอรัญธิดา ที่หลุดออกมาจากร่องอก ท่าทางตะลึงไม่เชื่อสายตาตัวเอง
รัญธิดามองตามสายตาแล้วก้มลงเห็นแหวน รีบกุมเอาไว้ทันที
“ผมว่าบ่าว สาวไปเปลี่ยนอีกชุดดีมั้ยครับ แล้วเราย้ายไปถ่ายแถวริมน้ำกัน จะได้อีกบรรยากาศนึง” ตากล้องบอก
พนักงานที่ดูแลเสื้อผ้าร้องบอก “เชิญเปลี่ยนเสื้อกันได้เลยค่ะ”
รัญธิดาโล่งอก รีบเดินตามพนักงานไป พีทตามไปด้วย

แพทมองธาริศอย่างจับตา เห็นธาริศมองตามารัญธิดาไปอย่างเผลอตัว หน้าหมองจัด

อ่านต่อตอนที่ 12
กำลังโหลดความคิดเห็น