หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 6
เวลาเดียวกันนั้น พีทเดินมาส่งแพทขึ้นรถที่หน้าบ้าน
“ขอบคุณคุณมาก ที่ช่วยแม่ไว้ยังโทร.ตามผมอีกด้วย
แพทร้อนใจ “คุณแน่ใจเหรอว่าจะไม่ตามหมอมาดูแม่นายซักหน่อย ฉันว่าน่าจะพาไปเช็คที่ไปโรงพยาบาล ดีกว่านะคะ”
พีทหลบตาแพท เพราะรู้ดีว่ากันตาเป็นอะไร และปิดบังอะไรอยู่
“แม่ไม่อยากไป...ผมเองก็ไม่อยากขัดใจแม่”
“คุณจะตามใจแม่นายแบบนี้ไม่ได้นะคะ ท่านดูอ่อนเพลีย แล้วก็อาการหนักมากนะคะ...คือ มันไม่เหมือนคนแก่ที่ปวดหัว เวียนหัวธรรมดาๆ”
พีทสะดุ้ง เมื่อแพทมาไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะมั่วๆ ไป “วินิจฉัยเก่งขนาดนี้ ทำไมตอนเด็กๆ ไม่เลือกเรียนหมอละคุณ”
“ฉันอ่อนฟิสิกส์นะซิ...เอ้ย...นี่ฉันจริงจังนะ คุณเห็นมั้ย ในห้องมีวิกเยอะมาก แล้วแม่นายก็ต้องใส่วิกตลอดเวลา”
พีทพยายามปัดๆ ไป “แม่ชอบแต่งตัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่เห็นแปลกตรงไหน”
“แล้ววิตามินล่ะ ฉันเจอขวดวิตามิน แล้วก็ยาต่างๆ เยอะมากในห้องน้ำ ทำไมจะต้องบำรุงขนาดนั้น คุณไม่เป็นห่วงแม่คุณเลยเหรอ เคยถามท่านบ้างมั้ย ว่าเป็นอะไร ไม่สงสัยบ้างหรือไง”
“สงสัย”
“นั้นไง ว่าแล้ว แล้วทำไมถึง”
พีทกลบเกลื่อนด้วยการทำเป็นโมโหใส่ “สงสัยว่าทำไม คุณถึงชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นนัก สงสัยว่าผู้ชายแบบไหนคุณถึงจะยอมรับเป็นหลานเขย สงสัยว่าเมื่อไหร่คุณจะยอมให้ผมแต่งงานกับรัญได้เสียที”
แพทอึ้งไป
“คุณตอบคำถามพวกนี้ผมก่อนดีมั้ย ก่อนจะไปยุ่งเรื่องแม่ผม”
แพทงงที่โดนพีทโมโหใส่ พีทรีบไล่
“อ้าว ยืนอยู่ทำไมล่ะกลับไปได้แล้ว ผมจะเข้าไปดูแม่ผม”
พีทหันหลังให้เดินเข้าบ้าน ไป แพทมองตามงุนงง
แพทเอาขนมมาส่งร้านเตอร์ เพื่อนสาว แต่อาการดูยังงงๆ อยู่ แพทจิบกาแฟอึกหนึ่งและระบายต่อ
“ลองคิดดูอีกสิ ฉันผิดตรงไหนเนี่ย ถึงมาโมโหใส่ ฉันถามด้วยความเป็นห่วงแม่เค้าแท้ ๆ ทำไมต้องโวยวายขนาดนั้น”
“โอ๊ย เค้าก็รำคาญชะนีอย่างเธอน่ะซิเซ้าซี้อยู่ได้ ใครจะไม่โกรธถ้ามีคนมาหาว่า ไม่รู้จักสนใจ ไม่ดูแลแม่ นี่รู้มั้ยคุณพีทเค้ารักแม่เค้ามากนะยะ แหม...มันน่าเอ็นดูจริงๆ ผู้ชายรักแม่เนี่ย”
แพทอดค้อนให้ไม่ได้ ที่จู่ๆ เตอร์ก็ปลื้มพีทแทนที่จะเข้าข้างตัวเอง แล้วก็คิดออก
“ถ้ารักแม่จริง เค้าก็ต้องสังเกตเห็นอะไรที่มันผิดปกติเหมือนที่ชั้นเห็นซิ แต่นี้...หรือว่า เค้าอาจคุณรู้อยู่แล้วว่านายแม่เป็นอะไร แต่ปิดไม่อยากให้คนอื่นรู้”
“จะบ้าเหรอเค้าจะทำแบบนั้นทำไมกันยะ”
“นั่นซิ ชั้นก็ไม่เข้าใจตรงนี้ เค้ามีเหตุผลอะไรต้องทำแบบนั้น”
“แม่คุณ...มันไม่ใช่หนังเชอร์ล็อกโฮมนะยะ จะได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนกันมากมาย โอ๊ยปวดหัวกับเธอจริงๆ ไม่เอาด้วยแล้ว”
เตอร์เหวี่ยงเบาๆ หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดู แล้วก็ตกใจ
“อุ๊ยตาย ทำไมช่างมีความคิดสร้างสรรค์ในทางเลวๆ ได้ขนาดนี้ ขนาดติดคุกแท้ๆ ยังไม่สำนึกเลยเหรอ”
“ไหนขอดูหน่อยซิ”
แพทหยิบหนังสือพิมพ์มาดู เห็นข่าวพาดหัวข่าวหรา “พบยาบ้าในอาหารเยี่ยม จนท. รับมีออเดอร์จากในคุก เพียบ” แพททำหน้ากังวล ครุ่นคิด
ขณะเดียวกัน ที่บริเวณสนามออกกำลังในคุก ทิพปภานั่งอยู่ที่มุมหนึ่งในสนามกำลังใช้ก้อนหินเล็กๆ ขูดพื้นซีเมนต์ วาดรูปการ์ตูนเด็กผู้หญิง ผมยาวง่ายๆ เป็นตัวแทนของรัญธิดา จบที่การเติมไฝอันเป็นสัญลักษณ์ของลูกสาว
จังหวะนี้สมกับลูกน้องอยู่อีกมุม โดยมีผู้คุมเดินสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ไม่ได้สนใจมากนัก
สมเดินเข้ามาใกล้ๆ ใช้เท้าสมเหยียบพื้นซีเมนต์ตรงหน้า ทิพปภาเงยหน้ามองทันทีอย่างไม่พอใจ
“เฮ้ย! ที่มีตั้งเยอะ ทำไมไม่ไปเดินตรงอื่นวะ”
สมมองซ้ายมองขวา เห็นผู้คุมและเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้สนใจ รีบกระซิบ
“วันนี้ของเข้าล็อตใหญ่เข้ามา”
ทิพปภาพยักหน้า “ฉันต้องทำไง”
“ส่งให้ที่เดิม...ของขาดหลายวันแล้ว แต่ระวังหน่อย ช่วงนี้ ผู้คุมมันเข้ม”
สมมองไปเห็นผู้คุมหันมามอง รีบทำเสียงดังทำทีเป็นหาเรื่อง
“ก็ข้าพอใจอยากเดินตรงนี้มีอะไรมั้ย เอ็งมีปัญหาเหรอ อีทิพ”
พร้อมกันนี้สมใช้เท้าขยี้ไปที่รูปการ์ตูนของรัญธิดา ทิพปภาลุกขึ้นยืนทำท่าเหมือนจะมีเรื่องกัน ผู้คุมเห็นรีบเป่านักหวีดปิ๊ด ชี้มือทำนองให้แยกกัน สมยกมืออย่างกวนๆ ประมาณว่าไม่ได้มีอะไร แล้วเดินออกไป
ทิ้งให้ทิพปภาไว้คนเดียว ทิพปภาเหลือบมองรูปการ์ตูนรัญธิดาอีกครั้ง สีหน้าครุ่นคิดตัดสินใจ ก่อนจะเหลือบขึ้นสบตากับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่มองนาน
ทิพปภามองซ้ายมองขวาถือห่อยา ซึ่งคราวนี้ขนาดใหญ่หน่อยเดินเข้ามาในห้องน้ำ
สมที่ดักรออยู่แล้ว พร้อมลูกน้องออกมา ทิพปภาส่งของให้มือไม้สั่น
“ได้มาแล้วจ้ะ”
“กลัวจนมือสั่นเลยเหรออีทิพ”
สมหยอกเอิน เอามือตบแก้มทิพปภาเบาๆ แต่ทิพปภาปัดมือออกหลบทาง แล้วก็รีบวิ่งหนีทันที
“ป๊อดว่ะ หึหึ”
ผู้คุมสวนเข้ามาทันที เป่านักหวีด พร้อมอาวุธครบมือ
“หยุดอยู่กับที่ แล้วเอามือไว้บนหัว”
ผู้คุมเปิดตู้ ค้นของนักโทษแต่ละคน ค้นข้าวของออกมาเต็มไปหมด ดึงรูปดาราที่ปิดอยู่ในล็อกเกอร์ออกมา เห็นซองยาถูกซ่อนไว้
ไม่นานต่อมาผู้คุมลากสมและลูกน้องออกไป ผ่านหน้าทิพปภาที่ยืนอยู่อยู่กับนักโทษหญิงคนอื่น ๆ
“อีทิพ ฝีมือมึงใช่มั้ย...มึงเป็นสายให้ผู้คุม!”
“เออ กูมารอนานเมื่อไหร่มึงจะขนล็อตใหญ่สักที...แล้วก็เสร็จจนได้”
สมกระโดดเข้ามาบีบคอทิพปภา
“อีเลว”
เจ้าหน้าที่รีบเข้ามาทุบ ดึงตัวทิพปภาออก แล้วลากตัวสมไป สมยังก่นด่า แช่ง ไม่หยุด
“มึงคอยดู ออกไปได้เมื่อไหร่ กูจะจัดการมึง อีนกสองหัว”
ทิพปภารู้สึกกลัว ใจเต้นตึกตัก แต่พยายามทำใจดีสู้เสือ
ทิพปภายืนอยู่หน้าโต๊ะในห้องทำงานพัศดี เจ้าหน้าที่เรือนจำทำมือให้นั่งลง
“ขอบใจมากนะที่ช่วยเป็นสายให้กับราชการ ผมคิดว่าน่าจะมีการตอบแทนความดีของคุณในครั้งนี้ให้เป็นรูปธรรม”
“ยังไงคะ ท่าน”
เจ้าหน้าที่ยิ้มอย่างพอใจ ประตูห้องปิดลง
แพทพาอะตอมเข้ามานั่งตรงโต๊ะในมุมร่มรื่น มุมหนึ่งในรีสอร์ต
“มานั่งตรงนี้นะครับ
“ทำไมแม่แพทต้องพาอะตอมมาที่นี้ด้วยครับ” เด็กชายงง
“ก็วันนี้อะตอมมีน้ำมูก ถ้าให้ไปโรงเรียนก็จะเอาไปติดเพื่อนๆ ซิครับ” แพทอธิบาย
ฝนเดินยิ้มแป้นเข้ามาหา พร้อมกระดาษกับสี
“มาแล้วค่ะ สีกับกระดาษวาดรูปสำหรับเด็กน่ารักอย่างคุณอะตอม”
อะตอมไหว้ “ขอบคุณครับ”
ข้างนอกมีเสียงเอะอะ อะไรบ้างอย่าง ฝนชะเง้อไปดู
แพทสงสัย “เสียงเอะอะ อะไรน่ะ”
“พี่ไปดูก่อนนะคะ เดี๋ยวตกข่าว”
ฝนรีบเผ่นออกไป แพทหันมามองอะตอม
“อะตอมนั่งวาดรูปอยู่ตรงนี้ก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่แพทมา”
“ครับ”
แพทวิ่งตามฝนออกไป ส่วนอะตอมนั่งวาดรูปอย่างสบายใจ
ด้านรัญธิดากำลังขับรถกอล์ฟพาลูกค้ามาดูบริเวณในรีสอร์ต ทักษอรยืนมองรัญธิดาจากบ้านพักตัวเองชั่งใจว่าเชื่อคำพูดของเฉิดดีหรือเปล่า
“ตอนก็เฉิดเข้ามา เจอแม่...เอ่อ รัญธิดา นะคะ ท่าทางลุกลี้ลุกลน พอเข้ามา ก็เจอกับคุณธาริศ ท่าทางแปลกๆ รัญธิดานะไม่ใช่ผู้หญิงซื่อๆ หวานๆ อยากที่เห็นหรอกนะคะ ไม่งั้นคงไม่จับคุณพีทไว้ได้หรอก”
ในที่สุดหันมาบอกธาริศ ที่กำลังพิมพ์งานในโน้ตบุคอยู่
“พี่ธาริศคะ วันนี้เราเปลี่ยนบรรยากาศไปว่ายน้ำกันดีมั้ยคะ”
ธาริศแปลกใจ “อรชอบว่ายน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่ไม่เห็นอรชอบออกกำลังกายอะไรเลยนี่นา”
ครู่ต่อมาทักษอรใส่ชุดคลุมนั่งอยู่ตรงสระน้ำรีสอร์ต ธาริศอยู่ด้วย สักพักรัญธิดาเดินเข้ามา ธาริศหันไปมองแล้วอึ้ง
ทักษอรยิ้มหวาน “ต้องกวนให้คุณรัญ ทิ้งลูกค้ามา ขอโทษจริงๆ อรไม่น่าลืม”
“ไม่เป็นไรค่ะ เป็นหน้าที่ของรัญอยู่แล้ว นี่ค่ะครีมกันแดดที่คุณอรต้องการ”
รัญธิดาส่งให้ พยายามไม่สนใจธาริศ ทักษอรรับมาแล้วก็ยื่นให้ธาริศแทน
“พี่ธาริศทาให้หน่อยได้มั้ยค่ะ อรทาด้านหลังไม่ถึง”
ทักษอรหันหลังให้ทันที ธาริศอึ้ง มองรัญธิดา แต่รัญธิดามองเมินไปทางอื่น
ธาริศเปิดฝาหลอด ทาหลังให้ทักษอร
“ทาทั่วๆนะคะ อรกลัวผิวจะไหม้น่ะค่ะ ตรงคอนี้ด้วยนะคะ”
“ท่าไม่มีอะไรแล้ว ดิชั้นขอตัว”
“พี่พีทหายไปไหนครับเนี่ยะคุณรัญธิดา ผมยังไม่เห็นเค้าเลยวันนี้” ธาริศชวนคุย
“แหม... พี่ริศ เรียกคุณรัญธิดาเต็มยศ ดูห่างเหินจัง คุณรัญเค้ากำลังจะมาเป็นพี่สะใภ้เรานะคะ”
“งั้นเรียกคุณพี่สะใภ้เลยดีมั้ยอร ถึงยังไม่ได้แต่ง แต่เรียกล่วงหน้าก็คงไม่เป็นไร” ธาริศจงใจแดกดันพูดเน้นคำ “ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด พี่พีทคงไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ”
“แหม... คุณรัญออกจะน่ารักแบบนี้ จะมีอะไรผิดพลาดได้ยังไง พูดแบบนี้เดี๋ยวคุณรัญโกรธขึ้นมา อรไม่รู้ด้วยนะ” ทักษอรว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ รัญไม่โกรธหรอก เพราะจะชื่ออะไร มันก็แค่เป็นส่งสมมุติเท่านั้น จะเปลี่ยนกี่ร้อย กี่พันชื่อก็ได้ สำคัญที่ตัวตนจริงๆ ต่างหากว่าเป็นไง” รัญธิดาเหน็บกลับ
ธาริศไม่ยอม “แต่ผู้หญิงบางคนก็เสแสร้งเก่งจนผู้ชายตามไม่ทันก็มีนะครับ ไม่งั้นคงไม่มีคำพังเพยที่ว่า มารยาหญิงร้อยเล่มเวียน ออกมาหรอก”
“ก็คงอย่างนั้นมั้งคะ ขอตัวก่อนนะคะ เชิญคุณสองคนตามสบาย รัญขอตัวไปดูแขกต่อนะคะ”
รัญธิดาเดินออกไปเลย
“ตายจริง คุณรัญคงโกรธ ถึงได้หนีไปเลย พี่ธาริศ ทำไมถึงได้ไปพูดกับเค้าแบบนั้นล่ะคะ”
“พี่ก็พูดรวมๆ เท่านั้น ไม่ได้เจาะจงใครซักหน่อย ถ้าเค้าไม่ได้ทำพฤติกรรมแบบนั้นก็ไม่เห็นต้องร้อนตัว จริงมั้ย” ธาริศเปลี่ยนเรื่อง “ไปว่ายน้ำเถอะ อรชวนพี่มาว่ายน้ำไม่ใช่เหรอ”
ธาริศรีบกระโดดลงน้ำไป เพื่อดับอารมณ์ตัวเอง ทักษอรแอบยิ้มที่ธาริศไม่ได้มีท่าทีเหมือนจะชอบรัญธิดาอย่างที่เฉิดโฉมใส่ไฟ
ทักษอรพึมพำ “เพ้อเจ้อจริงๆ ยัยเฉิดโฉม ไม่เห็นพี่ริศมีทีท่าอะไรสักนิด”
รัญธิดาเดินหนีเข้ามาสงบสติอารมณ์ที่โต๊ะทำงานตัวเอง รีบเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างน้อยใจ กับคำประชดประชันของธาริศ และภาพบาดตาที่เห็นธาริศทาครีมให้ทักษอร
“เรามีคุณพีทอยู่ จำไว้ซิรัญ” รัญธิดาเตือนตัวเอง
ฝนวิ่งเข้ามาในจังหวะนี้ หน้าตาตื่น
“คุณรัญๆ คุณรัญขา รีบไปเถอะค่ะ”
รัญธิดารีบหันหลังเช็ดน้ำตา ก่อนจะหันมาถาม
“มีอะไรเหรอพี่ฝน”
ที่ด้านหลังครัว ของรีสอร์ตเวลานั้น สุก คนงานหญิงยืนก้มหน้ารับผิดอยู่ คนงานอื่นๆ ยืนดูอยู่ไม่กล้าเข้าใกล้ เปลี่ยนยืนด่า
“คนอย่างนังสุกเอาไว้ไม่ได้ ไอ้ชิดมัดนังนี้ไว้ แล้วค่อยจับส่งตำรวจอีกที...อีคนขี้โขมย”
“อย่าจับฉันส่งตำรวจเลยนะ ฉันขอร้อง”
สุกยกมือไหว้ขอร้อง ชิดตรงเข้ามามัด สุกไม่ยอมเลยผลักชิดออก ชิดตรงเข้ามาตบๆๆ เป็นการสั่งสอน
แพทที่ยืนดูอยู่ด้วย ทนไม่ได้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ชูดึงแขนห้ามไว้ “อย่าครับ คุณแพท”
แพทสะบัดมือ ก่อนจะเข้าไปห้าม
“พอแล้ว ถึงสุกจะทำผิด แต่เราก็ไม่มีสิทธิ์ทุบจะตีอย่างงี้ จะเรียกตำรวจมาจับก็เรียกไปซิ”
“ก็มันขัดขืน ใครๆ ก็เห็นทั้งนั้น จริงมั้ย” เปลี่ยนกราดตาไปที่คนงาน ทุกคนพากันหลบตาไม่มีใครกล้าพูด “อีกอย่างสั่งสอนให้คนงานดูแล้วก็จะได้หลาบจำ อย่าเอาเยี่ยงอย่างนังสุกเด็ดขาด”
สุกส่งสายตามองแพทเป็นเชิงอ้อนวอนให้ช่วย
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ลูกฉันไม่สบาย ฉันอยากให้ลูกได้กินของดีๆ”
“โกหก วันก่อนแกก็ขโมยกาแฟในห้องครัวของในรีสอร์ทไป ลูกแกกินกาแฟด้วยเหรอนังสุก”
สุกพูดไม่ออก
“ก็ถ้าน้าไม่หักค่าแรงฉันก็คงไม่ต้องทำแบบนี้”
แพทหันไปมองหน้าเปลี่ยน ทำนองว่าไงล่ะเรื่องนี้ เปลี่ยนโมโหเลยเข้าไปตบหน้าสุกจนล้มกลิ้งไปอีกรอบ
“อีสุก ปากดีนักนะแก ยังจะโกหกใส่ความข้าอีกเหรอ”
แพทเข้าไปขวางทันที
“พอได้แล้ว”
“หลีกไปดีกว่าคุณ เดี๋ยวจะโดนลูกหลงไปด้วย มือไม้ผมมันเร็ว บางทีก็ยั้งไม่อยู่หรอกนะ โดยเฉพาะ” เปลี่ยนดึงปืนออกมาลูบเล่นๆ “ไอ้ลูกปืนมันไม่เข้าใครออกใครซะด้วย”
ชูรีบวิ่งไปดึงแพท
“คุณแพทครับ หลีกออกมาเถอะครับ”
แพทกลัวแต่ยังใจแข็ง “ก็เอาซิ ถ้าลูกปืนในมือน้ามันแล่นมาโดนฉัน ฉันก็มีทุกคนที่นี้เป็นพยานให้ได้ ว่ามันบังเอิญแล่นมาโดน หรือว่าจงใจ”
เปลี่ยนฉุนโดนท้าทาย “คุณท้าทายผมงั้นเหรอ”
“ฉันแค่พูดเรื่องจริง”
รัญธิดาวิ่งเข้ามาพร้อมกับพีท มีประทิน และฝน ตามมาข้างหลัง
“มีเรื่องอะไรกัน”
ทุกคนชะงัก รัญธิดารีบวิ่งเข้าไปจับมือแพท
“รัญมาทันใช่มั้ยคะ น้าแพทไม่เป็นไรนะคะ”
“ไม่จ้ะ น้าไม่ได้เป็นอะไร”
พีทสบตากับเปลี่ยนที่ทำหน้าเฉยเมยไม่เดือดเนื้อร้อนใจใดๆ
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 6 (ต่อ)
ฝน ชู กับคนงาน รอกันอยู่ด้านนอกออฟฟิศ ชูตบอกอย่างโล่งใจ
“โชคดีนะ ที่พี่ฝนไปตามคุณพีทมาทัน ฉันละหวาดเสียวแทนคุณแพทเสียจริงๆ ทำไมถึงได้กล้าบ้าบิ่นขนาดนั้น”
“คุณรัญนะซิหัวไว พอรู้เรื่องบั๊บก็รีบไปตามคุณพีทมาทันที” ฝนว่า
“อ๋อ ที่แท้ก็มีหมาไปเห่าให้คุณพีทรู้นี่เอง มันน่าตบปากพวกหมาปากเปราะช่างเห่านัก” ชิดเอ่ยขึ้น
“เอ็งว่าใครเป็นหมาวะไอ้ชิด” ฝนชักฉุน
“ก็ว่าเอ็งนั้นแหละ สารแนนัก นังฝน”
“เฮ้ย รังแกผู้หญิงไม่ใช่ลูกผู้ชายนี่หว่า” ชิดหันไปมองหน้าชู
“เอ็งมีปัญหาเหรอไอ้ชู”
“ก็... ก็...” ชูชักกลัว แต่ต้องทำแมนต่อ “เอ่อ ...พี่ฝนจ๋า อย่าไปเสียสมาธิกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย โอ๊ะ ดูนั้นซิ ผู้จัดการ พาตำรวจมาแล้ว”
เห็นประทินพาตำรวจเดินเข้าไปด้านใน
ซึ่งภายในห้องประชุมใหญ่ของรีสอร์ต แพทยืนข้างรัญธิดา
“มีเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมพี่เปลี่ยนไม่ไปตามผม” พีทมองหน้าเปลี่ยน
“ผมเห็นว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของคนงาน ที่คุณพีทให้ผมเป็นคนคุม แล้วมันก็มีหลักฐานว่านังสุกมันขโมยของจริง” พลางหันไปหาสุก “ไม่เชื่อลองถามมันดูซิครับ”
“จริงมั้ยสุก แกเอาของไปจริงๆ เหรอ”
สุกก้มหน้า พยักหน้า “ค่ะ”
เปลี่ยนยิ้ม “ตอนแรกมันก็โกหกว่าไม่ได้เอาไป แต่ผมจับได้ มันก็เลยต้องยอมรับ”
“แต่แค่นมสดใกล้หมดอายุ ยังไงก็ต้องทิ้งอยู่ดี เอาไปเสิร์ฟให้แขกก็ไม่ได้สุกเอาไปให้ลูกเค้ากิน มันจะผิดอะไรนักหนา” แพทแย้งเต็มที่
“แต่ขโมยก็คือขโมย ถ้าคนงานทุกคนคิดเหมือนนังสุก รีสอร์ตก็คงแย่ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันทำแบบนี้...แต่...”
พีทขัดขึ้น “กฎก็ต้องเป็นกฎ น้าเปลี่ยนทำถูกแล้ว”
แพทชะงัก หันมองหน้าพีท เปลี่ยนยิ้มเยาะใส่แพททันที แพทยิ่งโกรธ โวยวายดังลั่น
“อะไรกัน...ตกลงจะง่ายๆ แบบนี้เหรอ จะไม่สอบสวนอะไรเพิ่มเติมเลยเหรอ นี่เราทำงานกับคนนะไม่ใช่เครื่องจักร ต้องสอบถามให้รู้เรื่องเค้าจจะมีความจำเป็นอะไรก็ได้”
เสียงเคาะประตู ประทินเข้ามาพร้อมตำรวจ
“สารวัตรมาแล้วครับ”
“งั้นก็เชิญครับ” พีทหันไปหาแพท “ต่อจากนี้คงต้องให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ”
“ขออนุญาตตัวนำผู้ต้องสงสัยไปสอบสวนที่โรงพักครับ”
ตำรวจเข้าไปควบคุมตัวสุก
“คุณขา อย่าเอาฉันไปส่งตำรวจเลยนะคะ ถ้าฉันโดนจับแล้วลูกฉันจะทำยังไง ลูกฉันไม่สบาย ฮือๆๆ”
“คุณพีทค่ะ พิจารณาอีกทีเถอะค่ะ สงสารเด็ก” รัญธิดาอ้อนวอน
“รัญ ถึงผมอยากทำก็คงไม่ได้ มันเป็นคดีอาญานะ รัญเข้าใจผมมั้ย”
รัญธิดาเจอไม้นี้ไปเลยพูดไม่ออก
“งั้นขอเชิญ คุณพีทและผู้เกี่ยวข้อง ไปให้ปากคำด้วยนะครับ” ตำรวจบอก
“ยินดีครับ”
พีทเดินตามตำรวจไป แพททนไม่ไหว ตะโกนว่าตามหลัง
“คุณมันเป็นคนใจร้าย แล้วก็ไม่มีหัวใจต่างหาก คนทำผิดด้วยความจำเป็น คุณก็ไม่ยอมยกโทษให้”
พีทตาวาวหันขวับมาทันที
“มันก็แล้วแต่คุณจะคิด” แล้วหันกลับมาทางตำรวจ “เชิญครับคุณตำรวจ”
เปลี่ยนเดินตามผ่านหน้ารัญธิดา หยุดพูดกับ 2 สาว “ทุกคนก็มีความจำเป็นในชีวิตทั้งนั้นจะเอามาอ้างเพื่อทำความผิด มันไม่ใช่เรื่องถูกต้องนะครับ คุณแพท”
แพทยิ่งโมโห มองหน้าเปลี่ยนเอาเรื่อง เพราะรู้ดีว่าเปลี่ยนก็ไม่ใช่คนดี รัญธิดาจับแขนแพทไว้ให้ใจเย็นๆ
พีทปล่อยตำรวจจับคนงานเข้าคุกจริง แต่ก็ได้ไปให้การช่วยลูกคนงานที่ป่วยอยู่
สองสาวอยู่ตรงมุมลับตา แพทยังโมโหกรุ่นๆ มาโวยวายกับรัญ
“รัญ เห็นมั้ยว่าผู้ชายคนนี้เป็นยังไง ใจร้ายใจดำขนาดไหนยังจะอยากแต่งงานกับเค้าอีกเหรอ”
“แต่คุณพีทเค้าจำเป็นต้องทำนะคะ ถ้าปล่อยเรื่องนี้ไป แล้วทุกคนทำตามสุก มันก็คงไม่ดีแน่ๆ รัญคิดว่ารัญเข้าใจคุณพีทนะคะ”
แพทเยาะ “อ๋อ...ก็เลยเชือดไก่ให้ลิงดูงั้นเหรอ ยังไงก็เถอะ น้าไม่เห็นด้วย แล้วเราก็อย่ามาเข้าข้างกันเลย”
แพทมองไป เห็นกระดาษวาดรูประบายสีแล้ว ถูกทิ้งไว้ ก็ชะงัก
“อะตอมล่ะ...ก็น้าให้นั่งวาดรูปเล่น รออยู่ในนี้นี่น่า”
อะตอมแอบมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร เลยแอบวิ่งมาที่คอกม้า มองไปเห็น จึงหยิบฟางติดมือเข้าไปใกล้ๆ ยื่นให้ม้าตัวหนึ่งกิน
“เอ๊า หิวมั้ย กินเสียซิ”
อะตอมเอาฟางสามสี่เส้นเส้น ไปยื่นๆ แหย่ๆ ให้ม้า แต่ม้าไม่ยอมกิน
“อะตอม ทำไมไม่กินล่ะ”
พยามแหย่ไปม้าอีก จนม้าเริ่มรำคาญ หันซ้ายหันขวาเพื่อหันหน้าหนี
“สงสัยมันจะไม่เห็น”
อะตอมเลยโยนฟางกองใหม่ เท่าที่จะดึงไหว ข้างไปทางม้า
“มากินเร็ว”
ปรากฏว่าม้าตกใจ ยกขาหน้าขึ้นสูง เชือกหลุดทันที อะตอมถอยหลังหนี ตกใจล้มก้นจ้ำเบ้า
“โอ๊ย!”
อะตอมเห็นขาม้า กำลังจะตกลงมาโดนตัวเอง เด็กน้อยอามือปัดหน้าความตกใจ ทันใดนั้น ธาริศพุ่งเข้ามา ดึงอะตอมไว้กับตัว แล้วก็กลิ้งตัวหลบลงไปกลิ้งกับพื้น
ม้าโขกขาลงมาพลาดเป้า
ธาริศตะโกนเรียนคนให้มาช่วย “ใครอยู่ข้างนอกบ้าง เข้ามานี้หน่อย”
คนงานสองคนรีบวิ่งเข้ามา หาจังหวะดึงม้าไว้
ธาริศพาอะตอมมาข้างรั้ว ยังกอดไว้ท่าทีปกป้อง อะตอมเอ็งก็ยังตกใจ ตัวสั่น ร้องไห้ฮือๆๆ ด้วยความกลัว
“ไม่เป็นไรแล้ว...หนู”
ธาริศกอดอะตอมปลอบเอาไว้ พอมองหน้าเพิ่งเห็นว่าเป็นอะตอม
“อ้าว...” ธิริศพยายามคิดชื่อ “อะตอม”
อะตอมตาโตดีใจมาก “คุณอา”
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 6 (ต่อ)
แพทและรัญธิดาแยกย้ายกันตามหาอะตอมตามที่ต่างๆ และตามมุมต่างๆ ของรีสอร์ต อย่างร้อนใจ ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งเครียด โดยเฉพาะแพทถึงกับน้ำตาคลอ
ด้านธาริศอยู่ในห้องน้ำที่บ้านพัก กำลังถอดเสื้อผ้าให้อะตอมที่ออกจะมอมแมม อะตอมอิดออดไม่อยากถอดกางเกง
“ต้องอาบด้วยจริงๆ เหรอครับ”
“ต้องซิครับ ถ้าคุณแม่มาเห็นว่าอะตอมมอมแมมขนาดนี้ก็คงตกใจแย่ว่าอะตอมไปทำอะไรมา”
อะตอมทำหน้าบูดแต่ก็จำยอมถอด ธาริศเปิดฝักบัวให้ อะตอมร้องลั่น
“โอ๊ย...เย็นจังเลยครับ”
ธาริศหัวเราะชอบใจ อะตอมทำหน้าเจ้าเล่ห์ แล้วสาดน้ำใส่ธาริศทันที
“นี่แน่ะ”
“เฮ้ย! อะตอม” ธิริศยกแขนปาดน้ำที่หน้า “จะเล่นอย่างนี้เหรอ...ด้าย”
ธาริศแกล้งฉีดน้ำใส่อะตอม อะตอมวักน้ำใส่ธาริศ ทั้งคู่หัวเราะกันเสียงดัง สนุกสนานราวกับพ่อลูก!!
แพทกับรัญตามหาอะตอม จนมาเจอกันที่มุมหนึ่ง
“อะตอม” แพทหันไปเห็นรัญธิดา “เป็นยังงัยเจอมั้ยรัญ”
รัญธิดาร้อนใจมาก “ยังไม่เจอเลยค่ะ เดี๋ยวรัญไปดูทางโน้นก่อนนะคะ”
แล้วรัญธิดาวิ่งไปอีกทาง แพทน้ำตาคลอ วิ่งไปอีกด้าน
ส่วนธาริศเอาเสื้อยืดตัวหนึ่งเดินมาหาอะตอม ซึ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ตัวธาริศเองก็เปียกมะลอกมะแลก
“เอ้า ชูมือขึ้นสูงๆ”
อะตอมยกมือขึ้น ธาริศเอาเสื้อยืดใส่ให้ เสื้อยาวจนระพื้น เพราะเป็นเสื้อธาริศนั่นเอง ธาริศเห็นหัวเราะขำ
“โอ้โห พอดีเป๊ะ”
ธาริศม้วนพับแขนเสื้อให้
“ตัวมันใหญ่อะครับ อะตอมไม่ใส่ไม่ได้เหรอครับ”
“เฮ้ย! อะตอมจะแก้ผ้าเป็นชีเปลือยอยู่ได้ยังงัย ใส่ตัวนี้ไปแหละดีแล้ว แล้วรออาอยู่ในนี้ เดี๋ยวอาเอาเสื้อผ้าของอะตอมไปให้เค้าซักอบก่อน อีกไม่นานก็เสร็จ รอเดี๋ยวนะครับอย่าซนล่ะ”
ธาริศเดินออกไปพร้อมเสื้อผ้าของอะตอม
อะตอมเดินมองไปรอบๆ ห้องอย่างซุกซน ที่หัวเตียงมีเข็มกลัดของทักษอรวางอยู่ เป็นรูปตัวแมลงน่าสนใจ อะตอมหยิบมาดูอย่างทึ่ง
“นี่มันแมลงอะไรน้า”
เสียงทักษอรดังขึ้น “พี่ธาริศคะ”
อะตอมหันไปดู มือยังถือเข็มกลัดอยู่ ทักษอรเปิดประตูเข้ามาแล้วชะงัก ตกใจ
ทักษอรเสียงดัง “หนูเป็นใคร เข้ามาทำอะไรในห้องฉัน” มองเห็นของในมืออะตอม “แล้วนั่น!!(เดินมาดึงออกจากมือแล้วตวาด “เข้าขโมยของเหรอ”
อะตอมถอยกรูด ตกใจเสียง
“ผมเปล่า”
ทักษอรจ้องเขม็ง “ไม่ต้องมาโกหก” พลางมองสำรวจไปรอบห้อง “ดูซิค้นห้องจนเละไปหมดอย่างนี้ แล้วยังเอาเสื้อพี่ริศมาใส่อีก เด็กอะไรทำไมร้ายกาจแบบนี้”
ทักษอรคว้าตัวอะตอมไว้ อะตอมดิ้นให้ปล่อย
“เปล่านะ ผมไม่ได้ทำ ปล่อย”
อะตอมดิ้นรนสะบัดจนหลุด แล้ววิ่งหนีรอบห้อง ทักษอรไล่จับล่อหลอกกันอยู่สักครู่ ทักษอรเข้าตะครุบแล้วสะดุดผ้าเช็ดตัวที่ธาริศทิ้งไว้ที่พื้นล้มลง
“ว้าย”
อะตอมตกใจตาโต
ขณะเดียวกันธาริศเดินเข้าบริเวณบ้านมา โดยมีเฉิดโฉมถือถาดอาหารกับเครื่องดื่มสำหรับเด็กมาด้วย ทั้งคู่ชะงัก เพราะยินเสียงทักษอรโวยวายมาจากด้านใน
“อย่าหนีนะเด็กบ้า ฉันบอกให้หยุด”
อะตอมวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากในบ้าน ทักษอรวิ่งตามมาท่าทางโกรธแค้น อะตอมเห็นธาริศก็โผเข้าหา
“คุณอา คุณอาครับ ช่วยตอมด้วย”
อะตอมเข้าแอบหลังธาริศ ทักษอรโถมเข้าใส่ แต่ธาริศจับเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน เกิดอะไรขึ้น”
ทักษอรฟ้องทันที “เด็กคนนี้ค่ะพี่ธาริศ ไอ้เด็กคนนี้มันแอบเข้ามาในห้องของเรา รื้อของซะเละหมดเลย แล้วมันยังจะขโมยของ ของอรอีกด้วย”
เฉิดโฉมทำหน้าสยอง
ธาริศฉงน “ขโมยของ”
“ตอมเปล่านะครับ ตอมแค่หยิบแมลงมาดูเท่านั้น”
“อย่ามาโกหก แล้วยังเสื้อพี่ริศที่มันใส่นั่นอีก” ทักษอรบอกกับเฉิดโฉม “นี่เธอ เรียกตำรวจเดี๋ยวนี้”
“ได้ค่ะ คุณอร” เฉิดโฉมกระชากแขนอะตอม “มานี่เดี๋ยวนี้ไอ้เด็กขี้ขโมย”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ธาริศเดินไปอุ้มอะตอม “อะตอมมาที่นี่กับผม เค้าไม่ได้มาทำอะไรบ้าๆ อย่างที่คุณทั้ง 2 คนกล่าวหาหรอก”
ทั้งทักษอรและเฉิดโฉมอึ้ง ระคนตกใจ
ทักษอรเสียงเปลี่ยนทันทีพอรู้เรื่องราว
“นี่ลูกชายคุณแพทงั้นเหรอค่ะ มิน่า น่าตาน่ารักเชียวดูไม่เหมือนลูกคนงานแถวนี้เลย”
“ใช่...เด็กกำลังขวัญเสียที่เกือบโดนม้าดีด พี่ก็เลยพามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อให้ อรก็น่าจะคิดสักนิดว่าเด็กตัวแค่นี้ จะทำอะไรได้” ธาริศตำหนิเล็กๆ
ทักษอรรีบเปลี่ยนท่าที “ไม่ค่ะ อรก็คิดอย่างนั้น แต่อารามตกใจ ว่าจู่ๆ ก็มีเด็กที่ไหนไม่รู้เข้ามาเลยโวยวายไปหน่อย เอางี้.. เดี๋ยวน้าให้ช็อกโกเลต ปลอบใจก็แล้วกันนะจ๊ะ”
เฉิดโฉมเข้ามา ถือถาดอาหารเมื่อครู่ พร้อมเสื้อชุดเก่าของอะตอมซึ่งซักเสร็จแล้ว
“มาแล้วค่ะชุดของน้องอะตอม แล้วก็มักกะโรนีร้อนๆ ค่ะ”
เฉิดโฉมวางของให้บนโต๊ะ
ธาริศมองอะตอมแล้วจับหัวโยกเบาๆ อย่างเอ็นดู “อะตอมครับทีหลังถ้าอยากขี่ม้าให้มาหาอานะ เดี๋ยวอาสอนให้เอง ตกลงมั้ย”
อะตอมดีใจ “สุดยอดเลย จริงเหรอฮะ”
“แน่นอน แต่อะตอมต้องไปขออนุญาตแม่แพทก่อน แล้วก็ห้ามไปที่คอกม้าคนเดียวอีก มันอันตรายมาก โอเคมั้ย”
อะตอมรีบรับคำ “ฮะๆๆๆ แต่คุณอาต้องสัญญาเหมือนกันนะว่าจะสอนอะตอมขี่ม้า”
“ได้อยู่แล้ว มา งั้น สัญญาลูกผู้ชาย”
สองคนตีมือกันเป็นสัญญาลูกผู้ชาย เฉิดโฉมมองอย่างหมั่นไส้
ส่วนอีกฟากหนึ่งแพทกับรัญธิดาช่วยกันตามหาอะตอมจนทั่ว แล้วมาเจอกันอีกที่หนึ่ง
“อะตอมหายไปไหนนะ อะตอมได้ยินแม่แพทมั้ยลูก” แพทน้ำตาไหลพราก “อะตอม”
“ใจเย็นค่ะน้าแพท แกก็คงไปวิ่งเล่นอยู่แถวนี้แหละค่ะ” รัญธิดาปลอบ ตัวเองก็ใจเสียไม่ต่างกัน
“แต่เราก็หาจนทั่วแล้วนี่นา”
ฝนกับชูเดินเข้ามาพอดี
“เจอมั้ยจ๊ะพี่ฝน” แพทถามทันที
“ไม่มีเลยค่ะ หาจนทั่วแล้ว” ฝนบอก
“อ๋อ มีอีกที่ สระน้ำครับยังไม่ได้ไปดู” ชูว่า
แพทใจหายวับ
“สระน้ำ จริงสิ” ถลาลุกขึ้นจะออกไป
เฉิดโฉมเดินนวยนาดเข้ามา
“โอ๊ย...ถ้าอยู่ที่นั้นไปตอนนี้ก็คงจะจมอยู่ก้นสระแล้วล่ะ”
ฝนฉุน “อ้าว ทำไมพูดแมวๆ แบบนั้นล่ะค่ะ คุณเฉิด ไม่ช่วยหาก็ไม่เป็นไร แต่ช่วยหุบปากไว้ดีกว่านะคะ”
“ทำไมต้องหุบ นี่มันที่ทำงาน ไม่ใช่เนสเซอรี่ จะได้เอาลูกมาเลี้ยงกันยั้วเยี้ยแบบนี้ แล้วก็หัดสั่งสอนลูกเสียบ้างนะ ปล่อยให้เที่ยวเข้าไปวิ่งเล่นบ้านพักคุณอรกับคุณธาริศได้ยังไง”
รัญธิดาสะดุ้งโหยงได้ยินแบบนั้นออกอาการตกตะลึง
“อะ....อะไรนะ”
แพทงง “บ้านพักคุณอรกับคุณธาริศ อะตอมไปที่นั่นได้ยังไง”
รัญธิดาวิ่งตื้อไปทันที ก่อนแพทจะตั้งตัว
“อ้าวรัญ...เดี๋ยวสิ”
แพทรีบตามรัญธิดาไป
ทักษอรนั่งเซ็งหน้าตาเหม็นเบื่ออยู่ในสนามหน้าบ้าน ดูธาริศกับอะตอมเตะบอลกันที่สนามท่าทางสนุกสนานมาก อะตอมซึ่งใส่ชุดของตัวเองแล้ว เตะบอลมาทางทักษอร จนต้องรีบหลบ ธาริศวิ่งมาเก็บ
ธาริศยิ้มร่าอย่างมีความสุข “มาเล่นด้วยกันมั้ยอร”
“ไม่อ่ะค่ะ อรแพ้ดอกหญ้า แล้วก็วิ่งเตะบอลแบบไม่ไหวหรอก”
“เล่นกับเด็ก ๆ น่าอรไม่ได้จริงจังอะไร”
ทักษอรจำต้องยิ้ม เพราะเห็นว่าธาริศอารมณ์ดีมาก
“คุณอา ได้หรือยัง ส่งมาเลย” อะตอมเร่ง
ธาริศโยนไป อะตอมเตะแต่ไม่โดนบอลกลิ้งเลยไป
จังหวะนี้รัญธิดาใบหน้าบึ้งตึงเดินเข้ามา
“อะตอม มาที่นี่ได้ยังไง กลับบ้านเดี๋ยวนี้”
รัญธิดาเข้ามาจูงอะตอมไปเลย อะตอมหน้าจ๋อย ธาริศฉุนกึก
“เดี๋ยวซิคุณ นี่มันอะไรกัน แกกำลังเล่นกันสนุกๆ อยู่”
แพทเพิ่งวิ่งตามถึง
“อะตอม อยู่นี่เอง แม่แพทเป็นห่วงมากนะ”
แพทวิ่งมาคุกเข่ากอดอะตอมเต็มแรง น้ำหูน้ำตาไหล
“อะตอมไปเล่นที่คอกม้านะครับ ม้าเกือบดีดใส่ ผมเลยพามาล้างเนื้อล้างตัวที่บ้าน”
รัญธิดาอึ้งไปนิด แพทตะลึง
“งั้นเหรอค่ะ” แพทสำรวจตามตัวอะตอม “อะตอมเจ็บตรงไหนรึป่าว ทำไมถึงได้ทำอย่างนั้น”
ธาริศรีบบอก “ผมเช็คแล้วไม่มีตรงไหนบาดเจ็บ เลยครับ คุณแพท แค่ตกใจเท่านั้น แต่ตอนนี้คงหายแล้ว จริงมั้ยอะตอม”
“งั้นก็ ขอบคุณคุณธาริศนะคะ ขอโทษจริงๆ ที่ต้องรบกวนคุณสองคนพอดีแกไม่สบายนะคะ เป็นหวัดเลยไม่ให้ไปโรงเรียน แพทเลยต้องเอามาด้วย ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้”
“ไม่เป็นไรครับ วันหลังเอามาฝากผมก็ได้นะครับ เล่นกับอะตอมสนุกดี” ธาริศบอก
รัญธิดาเสียงดัง “ไม่ต้อง” ทุกคนมองรัญธิดาเป็นตาเดียว รัญธิดาคิดขึ้นมาได้รีบเสียงอ่อนลง “ไม่ดีหรอกค่ะ อะตอมซนจะตาย คุณอรไม่ค่อยสบายอยู่ จะไม่ได้พักผ่อน ทำให้รำคาญเปล่าๆ”
“ไม่ได้รำคาญอะไร อรเค้าก็รักเด็กอยู่แล้วจริงมั้ยจ๊ะ” ธาริศโอบไหล่เมียขี้โรคโชว์ ทักษอรจำเป็นต้องยิ้มรับ
“แพทว่าจริงอย่างที่รัญพูดนะคะ แพทคงไม่กล้ารบกวนคุณสองคนหรอกค่ะ”
รัญธิดารีบตัดบท “เรากลับกันดีมั้ยค่ะน้าแพท กวนคุณอรกับ.. คุณธาริศมานานแล้ว ขอบคุณคุณสองคนซิอะตอม”
อะตอมยกมือไหว้
“ไปเถอะค่ะ”
รัญธิดารีบร้อนพาอะตอมออกไป แพทหันมาขอบคุณอีกครั้งแล้วรีบตามไป งงๆ เหมือนกัน
“สองคนนั้นเค้าคงเป็นห่วงอะตอมมากนะคะ คุณรัญถึงกับเผลอขึ้นเสียงกับพี่ริศเลยนะคะ แต่หลานเค้าก็ซนเป็นบ้า”
ธาริศเง็ง “อ้าว ทำไมพูดอย่างนั้น อรไม่ชอบเด็กเหรอ”
ทักษอรได้สติยิ้มกลบเกลื่อน “ชอบสิคะ โดยเฉพาะลูกของเรา”
ว่าพลางทักษอรโอบแขนรอบไหล่ธาริศ จะโน้มคอมาจูบ ธาริศปลดแขนออก
“ตัวพี่มีแต่เกสรดอกหญ้า เดี๋ยวอรจะคัน พี่ไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ”
ธาริศเดินออกไป ทักษอรหงุดหงิดอารมณ์ค้างเติ่ง
สามคนกลับมาถึงบ้าน ในตอนเย็น อะตอมลงนั่งโซฟา แพทลงนั่งข้างๆ
“อะตอมครับสัญญากับแม่แพทก่อน ว่าอะตอมจะไม่ทำอย่างนี้อีก แม่แพทสั่งห้ามอะไรอะตอมก็ต้องเชื่อ ไม่อย่างนั้นแม่แพทจะลงโทษอะตอมให้หนักเลย”
อะตอมจ๋อย “ครับผม”
“แล้วอีกอย่าง คุณธาริศน่ะ ไม่ต้องไปเล่นกับเค้าอีกเข้าใจมั้ย” รัญธิดากำชับ
อะตอมงง “ทำไมละครับ”
รัญธิดาดุ “ไม่ต้องถาม พี่บอกอะไรก็เชื่อบ้าง วันนี้ยังทำความเดือดร้อนไม่พออีกหรือไง
อะตอมจ๋อยสนิท แพทไกล่เกลี่ย
“เอาล่ะ อะตอมไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวแม่จะทำกับข้าว”
อะตอมลุกเดินออกไป แพทมองตามแล้วหันมามองหน้ารัญธิดา
“รัญ...มีอะไรหรือป่าว ถ้าท่างรัญดูจะไม่ค่อยชอบคุณธาริศเค้าเลยนะ”
รัญธิดาหลบตา “ป่าวนี่คะ รัญไม่ได้ไม่ชอบเค้าซะหน่อย”
รัญธิดาลุกขึ้น เดินขึ้นบ้านในทันที แพทมองตามงงๆ
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 6 (ต่อ)
วันต่อมาพีทกับประทินเดินดูความเรียบร้อยมาเรื่อยๆ คุยกันไปตามทางในรีสอร์ต
“วันนี้คุณพีทน่าจะพักสักหน่อยนะครับ เมื่อคืนก็อยู่เฝ้านัง สุดสวยออกลูกเกือบเช้า” ประทินบอก
“แม่วัวพันธ์ดีคลอดทั้งที จะไม่ให้อยู่ได้ยังไง ผมไหวอยู่น่า...ดูนี่” พีทเบ่งกล้ามให้ประทินดู “เออ... แล้วตกลงคดีของสุกไปถึงไหน”
ประทินพูดอย่างเอางานเอาการ “จัดการเรียบร้อยแล้วครับ ตามที่คุณพีทสั่งแล้วครับ”
พีทกับประทินเดินมาตรงที่แพทซึ่งกำลังสอนลูกค้ารีสอร์ตสี่ห้าคนให้ทำแยมผลไม้ทานเองอยู่ เป็นศาลาเล็กๆ มุมสวยมุมหนึ่ง โดยมีพนักงานคอยเป็นลูกมือช่วยเหลือ
“คอยๆ กวนนะคะ ใจเย็น...ที่รีสอร์ตเรามีผลไม้ปลอดสารมากมาย ซึ่งถ้ามากเกินไปเราก็สามารถเอามาแปรรูปเป็นแยม แบบที่เรากำลังทำอยู่นี่…”
แพทชะงักเมื่อมองไป เห็นพีทกำลังยืนมองดู แพทเมินๆ ยังหงุดหงิดเรื่องของสุกเมื่อวันก่อน
“ก็ดูคล่องแคล่วดีนะ” พีทบอก
“โอ้โห้เก่งเลยล่ะครับ คุณแพทแกขยันคิดกิจกรรมโน่นนี่มาให้ลูกค้าทำ ลูกค้าชอบมากครับ”
พีทชอบใจแต่ตอบกวนๆ “ก็ดี...จะได้คุ้มเงินเดือนที่จ้างมา”
พีทมองเข้าไปเห็นฝนถืออุปกรณ์บางอย่างออกมาข้างนอก ประทินมองตาม
“คุณแพทเธอน่ารักดีนะครับ อัธยาศัยก็ดี” ปากพูดถึงแพทแต่ประทินส่งสายตามองตามฝนละห้อย “ช่างพูดช่างคุยใครๆ ก็รัก”
พีทมองแพทที่หัวเราะกับลูกค้าอยู่ เผลอตัว “อืม...”
ประทินเพ้อต่อ “เสียดาย...ไม่น่าเป็นญาติกันเล้ย
“อืม...” แล้วพีทก็คิดได้ว่าลืมตัว ประทินก็เช่นกัน ต่างคนต่างกันมามองหน้า พีทรีบทักก่อน “นี่น้าหมายถึงใคร...พี่ฝนเหรอ”
ประทินเขิน “เอ่อ.. คือ ผมหมายถึง” แล้วอธิบายไม่ถูก ออกนอกเรื่อง “เอ่อ..แล้วเรื่องยายสุกเนี่ย คุณพีทจะปล่อยให้คุณแพทเธอเข้าใจไปอย่างนี้เหรอครับ เธอไม่พอใจคุณพีทมากนะครับ เสียดายโอกาส”
“ไม่จำเป็น ผมเป็นนายจ้าง การตัดสินใจทั้งหมดเป็นเรื่องของผมอยู่แล้วบอกไปก็ไม่ได้ทำให้ผมดีขึ้นในสายตาเค้าหรอก”
พีทเดินออกไปทันที ประทินเดินตาม
ที่ด้านใน แพทเหลือบมองตามพีทที่เดินออกไป
“เชอะ” แพทครุ่นคิดนิดหนึ่ง ก่อนหันไปพูดพนักงาน “แพทฝากดูแขกนิดนึงนะจ๊ะ”
พีทเดินเข้าไปในห้อง ท่าทางอ่อนเพลีย แล้วลงนั่งหลับตา นวดต้นคอ ขมับตัวเองให้ผ่อนคลาย
ประตูเปิดออกโดยไม่ได้เคาะ เฉิดโฉมโผล่เข้ามา พร้อมถาดกาแฟ มองท่าทางของพีทแล้วย่องเข้าใกล้
“เฉิดช่วยนวดให้มั้ยคะ
พีทนิ่งไปแต่ไม่มีท่าทีตกใจ ก่อนจะลืมตาขึ้นมองเนือยๆ
“ทำไมไม่รู้จักเคาะประตู”
เฉิดโฉมติดอ่างชั่วขณะ “เฉิด...เอ่อ...มือไม่ว่างน่ะค่ะ เฉิดได้ยินว่าเมื่อคืนคุณพีทไม่ได้นอนทั้งคืน ก็เลยเอากาแฟมาให้” วางแก้วกาแฟแล้วรีรอ “ความจริงเฉิดนวดเก่งมากเลยนะคะ นวดแล้วผ่อนคลายมากเลยค่ะ เฉิดเคยไปเรียนที่วัดโพธิ์มาด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องหรอก ขอบใจ”
“แต่เฉิดอยากบริการน่ะค่ะ เฉิดสงสารคุณพีท อุ๊ย”
ในขณะพูด เฉิดโฉมอ้อมโต๊ะจะเข้าไปนวดให้ แต่บังเอิญสะดุดพรมที่วางไว้ เซถลาไปนั่งบนตักของพีทพอดี ต่างคนต่างตกใจ เสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วแพทเปิดประตูพรวดเข้ามา
“นี่คุณ ฉัน...”
แพทชะงักเมื่อเห็นเฉิดโฉมอยู่บนตักพีท มองตาแทบถลน พีทค่อยๆ แกะมือเฉิดโฉมออก ยืดตัวขึ้นช้าๆ แบบไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไร
เฉิดโฉมดัดจริต “อุ๊ย คุณแพทอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ เราไม่มีอะไรกันอย่างคุณแพทเห็น”
“ใช่ ยังไม่ได้มีอะไร แต่ถ้าฉันไม่เข้ามาก็ไม่แน่ใช่มั้ย” แพทย้อน
พีทยังใจเย็น ท่าทีกวนๆ อยู่ “คุณมีธุระอะไรกับผมเหรอคุณแพท”
“นี่คุณ ไม่คิดจะอธิบายอะไรสักนิดเลยเหรอ ว่าคุณสองคนกำลังทำอะไรลับหลังยายรัญ”
เฉิดโฉมลอบยิ้มแว่บหนึ่ง
“ตายแล้ว นี่คุณแพทกำลังหึงแทนหลานสาวหรือคะเนี่ย”
“ฉันไม่ได้ปัญาอ่อนจะไปหึงแทนทำไม แต่ฉันกำลังไม่พอใจ เพราะผู้ชายคนนี้บอกว่าอยากแต่งงานกับหลานสาวฉันนักหนา และอยากให้ฉันไว้ใจ แต่สิ่งที่ฉันเห็นคือคุณกำลังนอกใจหลานสาวฉัน แล้วจะให้ฉันอนุญาตให้คุณแต่งงานกับยายรัญนะเหรอ ไม่มีทาง”
แพทเดินออกไปจากห้องอย่างโกรธจัด ปิดประตูโครม เฉิดโฉมยิ้มตามหลังแล้วรีบหุบ ทำหน้าเศร้าอย่างไวว่อง
“คุณแพทคงโกรธมาก ทำไงดีค่ะ เอาอย่างนี้เฉิดจะไปอธิบายให้ฟังเอง”
พีทรู้ทัน “ผมเข้าใจความหวังดีแต่อยู่เฉยๆ จะดีกว่า เรื่องนี้ ผมจัดการเองได้ แต่ตอนนี้คุณออกไปจากห้องของผมก่อนดีกว่า...แล้วอย่าเข้ามาอีกถ้าผมไม่ได้เรียก...ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน
เฉิดโฉมเดินหน้าจ๋อยคอตกออกไป
แพทรีบเดินออกมา ยังอารมณ์เสียเรื่องพีทอยู่
“ไอ้ผู้ชายบ้า ไอ้ผู้ชายเฮงซวย”
ฝนเดินเข้ามาไกลๆ แพทรีบเรียกไว้
“พี่ฝนเห็นยายรัญมั้ย”
ฝนสะดุ้งตกใจ “คุณแพท” รีบเอานมซ่อนข้างหลัง “ไม่เห็นค่ะ”
แพทเพิ่งสังเกตว่าฝนดูทำท่าแปลก ๆ แอบอะไรไว้ข้างหลัง
“นั่นอะไรคะ...ที่อยู่ข้างหลัง”
“อ๋อ...ก็ นมสดของแม่วัวในรีสอร์ตที่เราทดลองเลี้ยงไงคะ”
“แพทรู้ค่ะ แต่ว่าพี่ฝน จะเอาไปไหนหรือคะ ทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วย”
“เปล่า นี่ค่ะ” ฝนอึกอักส่อพิรุธ “พี่จะเอาไปให้ครัว ไปก่อนนะคะ คุณแพท”
ฝนรีบเดินแล้วตัดสินใจวิ่งออกไป แพทสงสัย ตัดสินใจตามไป
ตรงริมรั้วท้ายรีสอร์ต ฝนเหลียวซ้ายแลขวาเดินมาบริเวณนั้น แพทตามมาห่างๆ ฝนหันไปดู แพทรีบหลบไม่ให้เห็น จนถึงริมรั้ว จึงพบว่าสุกที่โดนจับวันก่อนยืนรออยู่นอกรั้ว ฝนรีบยื่นขวดนมให้ แพทเลยแสดงตัวทันที
“พี่ฝน”
ฝนและสุกสะดุ้งเฮือก แต่หนีไม่ทัน แพทเดินเข้ามาใกล้ ฝนหลบตาสุกก็ทำท่าหวาดกลัว
“พี่ฝนเอานมมาให้สุกนี่เอง นี่พี่ฝนเอานมมาให้สุกจะได้เอาไปให้เด็กกินใช่มั้ย”
“ใช่จ้ะ” สุกบอก
“คุณแพท.. อย่าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังนะคะ” ฝนกำชับ
“หมายถึงคุณพีทน่ะเหรอ เรื่องอะไรจะต้องบอกคนใจร้ายนิสัยไม่ดีแบบนั้น เค้าจะได้ไล่พี่ฝนออกอีกคนนะซิ”
ฝนรีบบอก “ไม่ใช่ค่ะ พี่หมายถึงคนอื่นๆ ในไร่ ต่างหาก ความจริง นมเนี่ยพี่ไม่กล้าเอามาให้พี่สุกโดยพลการหรอกค่ะเพราะเท่ากับเป็นการขโมยชัดๆ ถ้าคุณพีทไม่ได้เป็นคนสั่ง”
แพทชะงักนึกว่าฟังผิด “อะไรนะ แพทฟังผิดไปหรือเปล่า”
“จริงๆ ค่ะ นมในรีสอร์ตเราเหลือเยอะแยะ คุณพีทเลยให้พี่เอามาแบ่งให้พี่สุก แต่ถ้าคนงานอื่นในไร่เห็น ก็คงไม่ดี เกิดทุกคนขโมยตามล่ะก็จะเกิดเรื่องยุ่งกันใหญ่”
“แล้วสุกออกมาจากคุกตั้งแต่เมื่อไหร่” แพทถาม
“ฉันไม่ได้ติดคุกหรอกค่ะ นายให้ผู้จัดการมาประกันตัวออกมาตั้งแต่คืนนั้นแล้ว”
แพทชะงัก หูตั้งเป็นรอบที่สองพึมพำอยู่คนเดียว
“จริงเหรอ นายคนนั้นเค้าทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอเนี่ย”
แพทสับสนท่าทางไม่แน่ใจ ครุ่นคิดหนัก ตกลงนายดีหรือเลวอีตาพีท!
อ่านต่อตอนที่ 7