มารกามเทพ ตอนที่ 14
อีกมุมหนึ่งในคฤหาสน์ ดาราณีมองกรอบรูปแตกร้าวในมือ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ใจคอไม่ดี น้ำหนึ่งปลอบ
“คุณแม่อย่าคิดมากนะคะไม่มีอะไรหรอกค่ะแค่กรอบรูปแตก เปลี่ยนกรอบก็ได้ค่ะ”
น้ำหนึ่งดึงกรอบรูปจากแม่ แต่จังหวะที่ดึงนั้นกระจกกลับบาดมือน้ำหนึ่งเอง
“น้ำหนึ่ง” ดาราณีตกใจรีบคว้ามือน้ำหนึ่งมาดู เห็นเลือดซึมออกมา
น้ำหนึ่งใจไม่ดีเหมือนกันแต่ยังทำเป็นเข้มแข็ง
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ แผลนิดเดียว”
น้ำหนึ่งเดินออกมา ตามองที่มือตัวเอง เห็นเลือดสดๆ แลดูน่ากลัว
พลอยประคองเพชรที่บาดเจ็บออกมาตามทาง เลือดจากแผลทะลักไหลออกมาไม่หยุด พลอยใจจะขาด กรีดร้องเสียงโหยหวนเหมือนคนเป็นบ้า
“เพชรอย่าเป็นอะไรนะ เพชรต้องไม่เป็นอะไร”
พลอยทั้งลากทั้งประคองเพชรออกมา โชคร้ายที่เท้าของพลอยสะดุดเข้ากับก้อนหิน ทั้ง
พลอยทั้งเพชรล้มลง ศีรษะของเพชรกระแทกพื้นอีก พลอยไม่ห่วงตัวเองเอาแต่กรี๊ดลั่น
“เพชร...ๆๆๆๆ”
ฝ่ายน้ำหนึ่งยืนล้างมือในห้องน้ำ ภายในห้องนอนของตัวเอง น้ำหนึ่งเอามือกดแผล แต่พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เจอเงาเลือนรางของเพชรที่กระจก เพชรยืนมองน้ำหนึ่งหน้าเศร้า ก่อนที่จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว น้ำหนึ่งใจหล่นวูบ หน้าซีดเผือด
“พี่เพชร” น้ำหนึ่งห่วงเพชรมาก ใจคอไม่ดี ยังไงก็ตัดใจไม่ลง
ด้านพลอยกรีดร้องแทบบ้า เพชรนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง
“เพชร !อย่าเป็นอะไรนะเพชร อย่าเป็นอะไร พี่ไม่ยอมๆๆ” พลอยร้องห่มร้องไห้อย่างหวาดกลัว
เกรียงศักดิ์ได้ยินเสียงของพลอยร้องไห้แบบบ้าคลั่ง ก็ยืนลังเล สำนึกผิดชอบชั่วดีตีกัน
จังหวะนี้รจนาที่เดินถือกระเป๋าเข้ามาเห็น ก็งุนงง แปลกใจ “ท่าน”
พลอยร้องไห้ ท่าทีหวาดผวา “เพชรอย่าเป็นอะไรนะ เพชร”
“พี่เพชร” รจนาหันกลับมามองหน้าเกรียงศักดิ์
เกรียงศักดิ์ละล่ำละลัก “ฉันไม่ได้ทำอะไรนะ
พลอยแค้นหนักตะโกนก้อง “ไอ้เกรียงศักดิ์ ฉันจะฆ่าแก”
รจนามองจ้องเกรียงศักดิ์ แต่เกรียงศักดิ์ปฏิเสธ
“ฉันไม่ได้ทำ”
เกรียงศักดิ์หันมาจะหนี แต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีไม้ท่อนหนึ่งทุบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง
เกรียงศักดิ์ร้องออกมาสุดเสียงแล้วล้มลงไปอีก รจนามองทับทิมที่ยืนจังก้าหน้าบึ้งตึงอยู่ อย่างตกใจ
“หุบปากเธอทุกเรื่องนะรจนา ไม่งั้น เธอจะเจออย่างมัน” ทับทับบอกอย่างกราดเกรี้ยว
รจนาเนื้อตัวสั่น ขยับตัวจะหนีผละไป แต่ก็ต้องตะลึง เมื่อเห็นร่างของพลอยที่เนื้อตัวเปื้อน
เลือดยืนอยู่ พลอยไม่ได้มองรจนา แต่ตามองที่เกรียงศักดิ์ อย่างโกรธแค้น
รจนาเสียงสั่นๆ ตื่นตระหนกตกใจ “พี่พลอย”
พลอยเหลียวขวับมามองรจนา แล้วกระชากผมอย่างแรง “รู้ใช่มั้ยว่าเธอควรจะทำยังไง”
รจนาปากคอสั่น ตาเหลือกลาน กลัวจับขั้วหัวใจ
ร่างของเพชรถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน พร้อมหมอและเจ้าหน้าที่ทยอยตามเข้าไป โดยมีทับทิมยืนมองอยู่ หมอณัฐเดินเข้ามา ท่าทางตกใจ และเป็นห่วง ตกใจ แต่หมอณัฐไม่ได้เป็นหมอเจ้าของไข้ ผ่าตัดรักษาเพชร
“ช่วยเพชรด้วยนะคะคุณหมอ”
“มันเกิดขึ้นได้ยังไงครับคุณน้า”
“ไอ้เกรียงศักดิ์ ไอ้เกรียงศักดิ์มันเป็นคนทำ”
ทับทิมโกรจัด
ท่ามกลางความมืดมิด ไร้แม้กระทั่งแสงจันทร์ เมฆดำทะมึนเคลื่อนตัวมารวดเร็ว เหมือนฝนฟ้ากำลังจะตกลงมา แลเห็นเงาตะคุ่มของพลอย ลากร่างที่หมดสติของเกรียงศักดิ์เข้ามา พลอยยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว นึกไปถึงเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้ ในอดีต
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นตอนกลางคืน ทับทิมวางดอกซ่อนกลิ่นลงบนเนินดิน ที่แอบมาฝังจินดา โดยไม่รู้ว่าด้านหลังพลอยในวัยเยาว์มองอยู่
ทับทิมกลอกตา พูดหลอนๆ ท่าทีเย้ยหยัน
“อยู่กับซ่อนกลิ่น ดอกซ่อนชู้ไปก่อนนะ แล้วฉันจะไปตามชู้ของพี่ มาอยู่กับพี่...ด้วยวิธีเดียวกับที่ ฉันจัดการกับพี่ไง”
ทับทิมโยนดอกซ่อนกลิ่นลงพื้น พลอยมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง
“แม่!”
ทับทิมหันมามองท่าทีตื่นตกใจ “พลอย”
“แม่...เป็นคนฆ่าพ่อ”
ทับทิมอึ้ง รีบปฏิเสธ “เปล่า...แม่ไม่ได้ทำ”
“พลอยได้ยิน แม่ฆ่าพ่อ แม่ฆ่าพ่อ” พลอยจะวิ่งหนี)
ทับทิมตามไปคว้าตัวเอาไว้ พลอยดิ้นรน ทั้งกลัว ทั้งตกใจ
“ปล่อย ปล่อยพลอย พลอยกลัว” พลอยยกมือไหว้เนื้อตัวสั่น “แม่อย่าทำอะไรพลอยนะ”
ทับทิมจับลูกสาวเอาไว้บอกทั้งน้ำตา “พลอยคือดวงใจของแม่ แม่ไม่มีทางทำร้ายพลอย...แต่พ่อ...พ่อทรยศแม่ พ่อไปมีคนอื่น สมควรแล้วที่พ่อของแกจะจบชีวิตลงแบบนั้น”
พลอยเนื้อตัวสั่น มองท่าทางของทับทิมตาที่ยามนั้นดวงตาเหลือกลาน บอกอย่างเกรี้ยวกราด
“แกจำไว้นะพลอย โทษทัณฑ์ของพวกผู้ชายเจ้าชู้ เห็นแก่ตัว มันต้องจบลงแบบนี้มันต้องตาย...ได้ยินมั้ยพลอย มันต้องตาย”
ทับทิมเขย่าร่างของพลอยกรีดร้องออกมาอย่างคั่งแค้น พลอยในวัยเยาว์ก็กรีดร้องออกมา
เหมือนกันด้วยความหวาดกลัว
ท่ามกลางสายฝนที่เริ่มลงเม็ดมาโปรยปราย เม็ดฝนตกกระทบกับดอกซ่อนกลิ่นในมือของ
พลอย จนดอกซ่อนกลิ่นไหว พลอยมองเกรียงศักดิ์ด้วยแววตาเจ็บปวด
“ไม่มีผู้หญิงคนไหน อยากเป็นซ่อนกลิ่น ดอกซ่อนชู้ ผู้ชายเห็นแก่ตัวต่างหาก ที่ทำให้มันเป็น” พลอยค่อยๆ โปรยดอกซ่อนกลิ่นลงตรงหน้าของเกรียงศักดิ์ “พลอยไม่ให้ท่านลอยนวลไปง่ายๆหรอก ท่านจะต้องจดจำไปถึงโลกหน้า ผู้หญิงไม่ใช่ของเล่น แต่เป็นเวรกรรมที่ท่านจะต้องรับผิดชอบมัน!”
พลอยคว้าจอบขึ้นมาเหวี่ยงกระแทกลงดินอย่างแรง พร้อมๆ กับสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา
ด้านพจนีย์ถามรจนาด้วยความตกใจกลัว
“น้าทับทิมกับพี่พลอย ร่วมมือกันฆ่าท่านเกรียงศักดิ์”
รจนาเนื้อตัวสั่น “รจไม่รู้หรอกนะว่าฆ่าหรือเปล่า แต่ท่าทางของน้าทับทิมกับพี่พลอยน่ากลัวมาก”
“ใจดำอำมหิต”
“รจกลัวจริงๆ พี่พจน์ กลัวว่ารจจะถูกฆ่าปิดปาก”
พจนีย์หมั่นไส้ “ก็สมควรมั้ยล่ะ ไปกรุงเทพฯ ตั้งนาน แทนที่จะรีบกลับบ้านมาหาพี่ มาถึง แกกลับเสนอหน้าไปบ้านเชิงเขา” พจนีย์ชะงักมองน้องอย่างสงสัย “แล้วแกไปที่นั่นทำไม”
รจนาตะกุกตะกักกลัวพจนีย์จะรู้ “รจ...รจ”
พจนีย์กระชากแขน “แกตั้งใจไปหาพี่เพชรใช่มั้ย”
“รจเปล่า”
“แล้วแกไปทำไม? บอกฉันมาซิรจนา แกไปทำไม”
“รจ...”
“แกรู้ใช่มั้ย ถ้าแกไม่ใช่น้องของฉัน แกจะเจออะไร”
รจนาก้มหน้า พจนีย์ผลักออก
“ไปให้พ้นหน้าฉันเลยนะ ก่อนที่แกจะเจอดี” พจนีย์เดินออกไป
“พี่พจน์จะไปไหน”
“ไปบ้านเชิงเขา” รจนาสงสัย พจนีย์บอกต่อ “แกไปรู้เห็นความลับเค้าขนาดนั้น แกคิดว่าเค้าจะปล่อยแกไปเหรอ ไม่มีทาง ฉันจะไปอ้อนวอนขอร้องพี่พลอยกับน้าทับทิมอย่าทำอะไรแก”
พจนีย์เดินออกไป รจนาวิ่งตาม
พจนีย์จะเดินออกมานอกบ้าน ฝนตกหนัก รจนาวิ่งมาคว้ามือ
“อย่าไปเลยนะพี่พจน์ รจสังหรณ์ใจไม่ดี”
พจนีย์มองมาท่าทีเป็นห่วงน้อง “ไม่มีอะไร น่ากลัวไปกว่าแกจะถูกฆ่าปิดปากอีกแล้วล่ะ” พจนีย์ทำท่าจะไปรจนาคว้ามือพี่สาวไว้
“อย่าพี่พจน์....น้าทับทิมกับพี่พลอยไม่ทำอะไรฉันหรอก เพราะฉันสาบานกับเค้าแล้ว ว่าจะไม่พูดอะไร”
พจนีย์ออกอาการหนักใจ “แกคิดว่า เค้าจะเชื่อแกเหรอ”
“แล้วพี่พจน์คิดว่า พี่พจน์ไปขอร้องเค้าจะยอมเหรอ”
พจนีย์เงียบ รจนาพูดต่อ
“ทางที่ดี ฉันว่า เราอย่าไปยุ่งอะไรกับพวกเค้าอีกเลยนะพี่นะ ต่างคนต่างอยู่ เค้าคงไม่ทำอะไรเราหรอก”
“แต่พี่ห่วงพี่เพชร พี่เพชรกำลังอยู่ในดงคนบาป”
“ถ้าเราไปยุ่ง เราก็บาปไม่แพ้เค้าเหมือนกันนะพี่” รจนาว่า
“ยังไง พี่ก็ห่วงพี่เพชรอยู่ดี พี่เพชรไม่ควรมีพี่อย่างพี่พลอย มีแม่อย่างน้าทับทิมเลย พี่ต้องช่วยพี่เพชร” พจนีย์จะออกไป ฟ้าผ่าเปรี้ยง สองพี่น้องร้องกรี๊ด
“แอร๊ยยย”
รจนาบอกอีก “ขนาดฟ้ายังไม่อยากให้พี่พจน์ไปยุ่งเลย” พจนีย์นิ่ง ท่าทางหวาดๆ “พี่พจน์ออกมาจากเค้าเถอะ อย่าไปยุ่งกับเค้าเลยนะ”
พจนีย์หนักใจ ยืนนิ่งไม่เดินออกไป รจนาเสียอีก ที่มีท่าทีเจ้าเล่ห์
เมื่อเห็นว่าพจนีย์นอนหลับสนิทแล้ว รจนาจึงค่อยๆ ย่องออกมา ในมือกำมือถือแน่นคิดแค้นในใจ
“ฉันไม่ยอมให้ใครมาขู่ฉันฝ่ายเดียวหรอก ฉันจะแฉๆ ทุกอย่างเลยคอยดู”
รจนาค่อยๆ ย่องออกไป
ฝนยังคงตกหนักแบบไม่ลืมหูลืมตา รจนาค่อยๆ ย่องเข้ามาในบริเวณบ้านเชิงเขา สายตาเห็นตัวบ้านมืดมิด ไม่มีแสงไฟสักดวง รจนามองอย่างสงสัยคิดในใจ
“ไม่มีคนอยู่ ดี” รจนาสืบเท้าจะย่องเข้าไป แต่ได้ยินเสียงฉึกๆๆ เหมือนใครมาขุดอะไร พอมองไปก็ตาโต เบิกโพลง “พี่พลอย...ท่านเกรียงศักดิ์”
รจนารีบไปตามเสียงทันที
ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก รจนาย่องเข้าไปแอบมอง แลเห็นร่างของเกรียงศักดิ์นอนหมดสติอยู่ โดยมีพลอยกระหน่ำขุดดินอย่างบ้าคลั่ง
“พี่พลอย ท่านเกรียงศักดิ์ เสร็จแน่ๆ พี่พลอย” สาวจอมแอ๊บรีบควักมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปเอาไว้ “ไม่มีพี่พลอย พี่เพชรจะได้เป็นอิสระซักที”
พลอยขุดหลุมจนเห็นเป็นหลุมลึก กว้าง ขนาดพอดีตัวคนจะลงไปได้ แต่แล้วพลอยก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นลักษณะคล้ายกระดูกโผล่ออกมา พลอยตะลึง ค่อยๆ ลงไปในหลุม เอามือเขี่ยๆ ดินดู กระดูกนั้นเห็นชัดเจนขึ้น ภาพอดีตตอนที่พลอยเห็นจินดานอนจมกองเลือดผุดขึ้นมาหลอกหลอน
พลอยเนื้อตัวสั่น “พ่อ…พ่อ”
จู่ๆ โครงกระดูกนั้น ดีดตัวขึ้นมาเห็นเป็นโครงหน้าของจินดาชัดเจน พลอยกรี๊ดลั่น เนื้อตัวสั่นเทา รจนามองงวยงงสงสัย
“ต้องมีอะไรแน่ๆ” รจนาถ่ายคลิปต่อไป
จังหวะนี้เกรียงศักดิ์ค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมา เห็นพลอยซึ่งมีท่าทางตระหนกหวาดผวาอยู่
“พลอย!”
พลอยร้องกรี๊ดๆ ไม่ได้ยินเสียงเกรียงศักดิ์เรียก เกรียงศักดิ์เห็นท่าทางของพลอยยิ่งตกใจกลัว พยายามลุกขึ้นด้วยความเจ็บปวดจะหนี แต่เท้าไม่มีแรง เกรียงศักดิ์เกิดสะดุดจอบล้มลงไปอีก
“โอ๊ย”
พลอยหันมามอง “ท่าน! พลอยไม่ให้ท่านไป ท่านต้องอยู่กับพ่อของพลอย” พลอยคว้าด้ามจอบหมับ เกรียงศักดิ์ถอยหลังกรูด
“อย่าทำฉัน อย่าทำฉันพลอย”
รจนาตาโตถ่ายภาพตรงหน้าเอาไว้ด้วยความตกใจ ปนอยากรู้อยากเห็น ขณะที่พลอยเหวี่ยงจอบลงมาสุดแรง ร่างของเกรียงศักดิ์แน่นิ่งลงไปอีก รจนาหลับหูหลับตาร้องกรี๊ด กลั้นความกลัวไม่อยู่แล้ว
พลอยหันขวับไปมองตาวาววับ “รจนา”
รจนาบอกปากคอสั่น “รจไม่รู้ ไม่เห็น รจไม่รู้เรื่อง” รีบผละตัววิ่งหนีไปโดยไม่คิดชีวิต
พลอยตะโกนลั่น “แกคิดว่า แกจะหนีฉันพ้นเหรอ นังรจนา”
จากนั้นพลอยคว้าจอบตามรจนาไป ทิ้งร่างของเกรียงศักดิ์ไว้อย่างนั้น มือของเกรียงศักดิ์กระดิกนิดๆ และดวงตากระพริบถี่ ไม่ได้สลบ
ฝนยังคงตกหนัก รจนาวิ่งหนีพลอยด้วยความหวาดกลัว
“ช่วยด้วยๆๆๆ” ร้องได้แค่นั้น เท้าของรจนาลื่นไถลพื้นเปียกๆ กลิ้งลงตามเนิน ไปนอนจุกแอ้กที่พื้น มือถือกระเด็นหล่นจากมือ รจนาร้องโอดครวญโอ๊ยๆๆๆเอื้อมมือไปจะหยิบมือถือ แต่มือของพลอยกลับหยิบขึ้นมาก่อน
รจนากลัวใจแทบขาด “พี่พลอย”
พลอยยิ้มเย้ยขณะถาม “ถ่ายอะไรเอาไว้ ขอฉันดูหน่อยนะ” กดเปิดคลิปดู พอเห็น ก็หัวเราะ “ภาพชัดดี”
รจนามองพลอยใจเต้นไม่เป็นส่ำ ขณะที่พลอยมองเย้ยสบตารจนา
“งั้น...ให้มันถ่ายเก็บเอาไว้หน่อยนะ ตอนฉันฆ่าเธอ ภาพมันจะเป็นยังไง”
พลอยโยนมือถือลงกับพื้น รจนาถอยหลังกรูด พร้อมกับที่พลอยคว้าจอบเหวี่ยงขึ้นแล้ว
ฟันลงมา รจนาร้องสุดเสียง เสียงจอบฟันถูกพื้นดังฉึก พลอยหัวเราะ มองรจนาที่อยู่ในอาการหวาดผวา กลัวจับจิต
“เธอเคยนึกสงสัยมั้ย ว่าทำไมบ้านเชิงเขาของฉันมันถึงได้กว้างใหญ่ไพศาล อยู่ห่างไกลผู้คน เพราะที่นี่...มันเป็นสุสานเก็บศพ...พ่อฉัน....” พลอยพูดขู่ ไปงั้น “ชู้ของเค้า คนต่อมาก็น่าจะเป็นท่านเกรียงศักดิ์” พูดจบก็กระชากแขนรจนามา “แต่เธอมันสอดรู้สอดเห็น เธอถึงต้องจะเป็นรายต่อไป”
รจนาเนื้อตัวสั่น “อย่าพี่พลอย...อย่าทำรจ รจกลัว” รจนายกมือไหว้ขอชีวิต
“กลัว” พลอยหัวเราะ “กลัว แล้วเธอยังกล้าเข้ามาที่นี่” พร้อมกันนี้พลอยคว้ามือถือมาถ่ายหน้ารจนา “กล้าเข้ามาถ่ายความลับของฉัน คนอย่างเธอไม่ได้กลัวหรอก แต่อยากลองดี”
“อยากถ่ายอะไร ถ่ายเลยรจนา ก่อนที่เธอจะตาย” พลอยย่างเท้าเข้ามาใกล้
“ไม่..พี่พลอย รจไม่อยากถ่ายอะไรแล้ว รจกลัว”
“แต่แกต้องถ่าย” พลอยก้มลงคว้ามือถือมายัดใส่มือของรจนา “แกต้องถ่าย...ถ่ายวินาทีที่แกถูกจอบกระแทกหัวมันเป็นยังไง”
รจนาร้องไห้โฮ “พี่พลอย อย่าทำรจ...รจกลัว...กลัว กลัว”
พลอยกระชากผมรจนาจนหน้าแหงนหงาย “กลัว..กลัวเหรอ แกทำอย่างนี้ แกกลัวเหรอ” พลอยตะคอกเสียงดัง “ฉันไม่เชื่อ คนที่มันรู้ความลับฉัน มันไม่มีทางหนีจากที่นี่ไปได้”
พลอยขยุ้มผมลากรจนามา รจนาร้องลั่น
“พี่พลอย รจเจ็บ อย่า พี่พลอย” รจนายกมือไหว้ปลกๆ “อย่า...พี่พลอย อย่าทำรจเลย รจกลัวกลัวจริงๆ”
รจนาก้มลงกราบแทบเท้า พลอยหัวเราะร่า เอาเท้าเหยียบมือ บดขยี้เท้าลงไป
“กลัวจนกล้ากราบเท้าฉัน แกคงจะ กลัวจริงๆ”
รจนามองพลอยตาวาววับ ถูกพลอยผลักหัวออกอย่างแรง
“ไป..รจนา..ไปให้พ้น อย่ามาที่นี่อีก ไม่งั้น คนที่จะถูกฝังจะเป็นแกไม่ใช่ไอ้เกรียงศักดิ์ ไป๊”
“ค่ะๆๆ รจจะไปเดี๋ยวนี้ ไปไม่กลับมาอีก”
“ไป๊”
รจนาลุกขึ้นจะวิ่งหนี แต่สายตาเล็งเห็นจอบวางอยู่ รจนาหันขวับมามองพลอยด้วยความโกรธแค้นเกลียดชัง พร้อมกับคว้าจอบขึ้นมาฟาดเข้าด้านหลังพลอย พลอยร้องลั่น
“นังรจ”
“แกตาย!!”
รจนาจะฟาดจอบลงมาซ้ำ พลอยกลิ้งตัวหลบ ด้วยแรงเหวี่ยงที่เหวี่ยงมาเต็มที่ ทำให้รจนาเสียหลักล้มลง
พลอยลุกขึ้นมาคว้าจอบคำรามอย่างคั่งแค้น “แกคงรู้ใช่มั้ยนังรจ ว่าใครจะตาย”
พลอยเงื้อจอบขึ้นสุดแรง รจนาร้องกรี๊ดสุดเสียง แต่เสียงฝนที่ตกหนักกลบเสียงรจนาหมดสิ้น
ร่างของเพชรนอนแน่นิ่ง ดวงหน้าซีดเผือด สัญญาณชีพเหมือนจะต่ำลง
“คนเจ็บอาการไม่ดี ตามหมอเร็ว” พยาบาลเวรบอก
บุรุษพยาบาลเปิดประตูวิ่งออกไป ทับทิมที่นั่งเฝ้าอยู่ด้านนอกเห็นก็ตกใจรู้ทันที
“เพชร” ทับทิมปรี่ไปถาม “ลูกฉันเป็นอะไร”
ไม่มีใครตอบ ทุกอย่างดูวุ่นวายขึ้นมาอีก หมอเวรวิ่งเข้ามา ทับทิมจะตามเข้าไป แต่ถูกกันตัวไว้
“กรุณารออยู่ด้านนอกครับ”
ทับทิมสติแทบแตก “ไม่…ฉันจะไปดูลูกฉัน ไม่” ดึงดันจะเข้าไป
หมอณัฐวิ่งมาฉุดตัวทับทิมเอาไว้ “อย่าครับคุณน้า”
ทับทิมร้องไห้ “คุณหมอช่วยเพชรด้วย..ช่วยเพชรด้วย”
“คุณเพชรต้องปลอดภัย” หมอพูดปลอบใจ แต่แววตาที่มองตรงเข้าไปในห้องวิตกกังวลมาก
ทับทิมกรีดร้องน้ำเสียงโหนหวน “เพชร.....”
ด้านในห้อง แพทย์ช่วยกันปั๊มหัวใจให้เพชร ทับทิมร้องไห้แบบคนหัวใจสลาย กลัวมาก
ขณะเดียวกันน้ำหนึ่งกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ ได้แต่ผุดลุกผุดนั่ง หยิบมือถือขึ้นมากดชื่อเพชร แต่ไม่กล้าโทร.ออก
“พี่เพชร คุณพ่อ” สีหน้าน้ำหนึ่งยมนี้สุดแสนสับสนและว้าวุ่นใจหนักหน่วง
สองคนอยู่ในห้องนวลด้วยกัน นวลถามน้ำหนึ่งท่าทีตกใจ
“คุณน้ำหนึ่งจะกลับไปที่บ้านของพลอย”
“น้ำหนึ่งสังหรณ์ใจแปลกๆ กลัวคุณพ่อจะอยู่ที่นั่น”
นวลหน้าตึง พูดดักคอ “คุณน้ำหนึ่งห่วงคุณท่านหรือ ห่วงนายเพชรกันแน่คะ”
“น้ำหนึ่ง...” น้ำหนึ่งอ้ำๆ อึ้งๆ
“ถ้าคุณน้ำหนึ่งจะกลับไปที่นั่น นวลจะไปด้วย” นวลบอกเสียงเฉียบขาด
“ป้านวล”
“นวลพูดจริงค่ะ ถ้าคุณน้ำหนึ่งจะกลับไปที่นั่น นวลจะไปด้วย”
น้ำหนึ่งอึ้งนิ่งงันไป นวลตัดบท
“ถ้าไม่อยากให้นวลไป คุณน้ำหนึ่งก็ต้องเลิกล้มความคิดที่จะไปบ้านเชิงเขา” แม่บ้านสูงวัยถอนหายใจ “วิญญาณคนตาย จะได้ไปผุดไปเกิดซะที”
น้ำหนึ่งงง “วิญญาณคนตาย...ใครคะ”
“ก็พลอยไงคะ”
น้ำหนึ่งยิ่งงง “พี่พลอยน่ะเหรอคะตาย”
นวลย้ำอีก “ก็ใช่น่ะสิคะ...นวลเคยโทร.ไปหา มีคนรับสาย เค้าว่าพลอยตายแล้ว”
น้ำหนึ่งหน้าซีด ไม่ได้หวาดกลัว แต่รู้สึกหวั่นใจถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง
อ่านต่อหน้า 2
มารกามเทพ ตอนที่ 14 (ต่อ)
น้ำหนึ่งวิ่งราวกับเหาะออกมา โดยมีนวลวิ่งตามมาติดๆ เสียงของนวลดังก้อง
“ก็ที่คุณหญิงหกล้มตกบันไดพิกลพิการ ก็เป็นเพราะผี ผีพลอยมาหลอก”
น้ำหนึ่งวิ่งตรงมาที่บริเวณติดตั้งกล้องวงจรปิด เสียงของนวลยังดังก้องตามมาอีก
“ไม่แค่นั้นนะคะ ผีพลอยยังตามไปหลอกลวงคุณหญิงถึงโรงพยาบาล”
ภาพเหตุการณ์คืนนั้น ในตอนที่น้ำหนึ่งกลับมาบ้านเชิงเขาพร้อมกับเพชรแต่ไม่เห็นรถพลอย ผุดขึ้นมาในหัว
น้ำหนึ่งวิ่งมาที่คอมพ์เก็บภาพจากกล้องวงจรปิด เซิร์ชภาพดู เห็นเป็นภาพจากหลายๆ วันที่ผ่านมา นวลตามมาในอาการงวยงง ถามขึ้นอย่างสงสัย
“คุณน้ำหนึ่ง จะทำไมคะ”
น้ำหนึ่งไม่ตอบ เซิร์ชดูแต่ละวันอย่างรวดเร็ว และในวันหนึ่ง น้ำหนึ่งก็เห็นร่างขาวโพลน
เหมือนผีในหนังในละคร น้ำหนึ่งชะงัก ค่อยๆ กดรีไวน์ภาพก่อนหน้าย้อนกลับมาดู น้ำหนึ่งและนวลเห็นเป็นพลอย
“ผีพลอย” นวลตะลึง
น้ำหนึ่งโกรธ บอกเสียงเข้ม “พี่พลอยไม่ใช่ผี พี่พลอยคือคน!”
“หมายความว่า…”
“พี่พลอยเข้ามาที่นี่..เพื่อแก้แค้นคุณแม่” ฟังที่น้ำหนึ่งบอกนวลตกใจหน้าซีดเผือด
เวลาเดียวกันที่บ้านเชิงเขา บนเขาใหญ่ฝนยังคงตกอยู่ พลอยลากร่างที่เหลือแต่วิญญาณของรจนามาตามทาง ลากเหมือนลากถุงขยะ ปากก็จะโกนก้องบ่นบ้าไปเรื่อย
“แกรนหาที่เอง รจนา แกรนหาที่เอง” พูดถึงตรงนี้ก็หัวเราะร่วน “ท่านขา...พลอยไม่ให้ท่านอยู่คนเดียวหรอก พลอยจะส่งนังคนสอดรู้สอดเห็นไปรับใช้ท่านด้วย”
พลอยเหวี่ยงร่างของรจนาลงหลุม ร่างของรจนากลิ้งลงไป แต่พลอยกลับต้องเบิกตาโพลงเมื่อไม่เห็นร่างเกรียงศักดิ์ในหลุม
พลอยเหลียวขวับ “ท่าน..ท่านอยู่ไหน ท่าน”
พลอยกวาดตามอง ดวงตาเลิ่กลั่ก ร้องตะโกน
“ท่าน ท่าน” แล้ววิ่งฝ่าสายฝนออกไป
เกรียงศักดิ์ในสภาพทรุดโทรมวิ่งหนีตายมาตามทาง ท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง มาจนถึงถนนใหญ่
ท่ามกลางความมืด เกรียงศักดิ์โบกรถ แต่ไม่มีใครจอดรับ
“ทำไมไม่มีใครจอดวะ” เกรียงศักดิ์กลัว ร้อนใจ มองทางด้านหลังอย่างระแวดระวัง กลัวพลอยตามมาทัน
พลอยวิ่งตามหาเกรียงศักดิ์
“ท่าน! ท่านอยู่ที่ไหน ท่าน”
เกรียงศักดิ์โบกรถ ไม่มีรถคันไหน จอดรับซักคัน เสียงพลอยดังแว่วมา
“ท่าน...”
เกรียงศักดิ์หน้าตาเลิ่กลั่กขนลุกซู่ “พลอย”
ส่วนพลอยนั้นหน้าตาดุดันแลดูน่ากลัว “พลอยไม่มีท่านหนีพลอยไปได้หรอก”
พลอยวิ่งลากขามา แต่เร็วมาก ตามหาเกรียงศักดิ์
เกรียงศักดิ์ยังคงโบกรถ ด้วยท่าทางกลัวๆ หลอนๆ แต่ไม่มีคนรับ มองหน้ามองหลัง กลัว
แล้วดวงหน้าของเกรียงศักดิ์ก็ซีดเผือด เมื่อเห็นร่างพลอยโผล่ออกมา ดูราวกับวิญญาณล่องลอย
“พลอย”
พลอยยิ้มหลอน หัวเราะดังก้อง เกรียงศักดิ์มองภาพนั้นอย่างหวาดผวา พลอยเดินใกล้เข้ามาๆ จังหวะนี้มีรถบรรทุกคันหนึ่งวิ่งมา เกรียงศักดิ์ตะโกนสุดเสียงท่าทางหมดสภาพ
“จอดๆๆๆ”
พลอยหัวเราะเยาะ เดินตามมา ขณะที่รถบรรทุกจอดอยู่ตรงหน้า เกรียงศักดิ์ไม่รอช้า กระโจนขึ้นรถทันที พลอยมองตาม ดวงหน้าซีดเผือด แต่ดวงตาเหมือนนางสิงห์ร้ายที่เห็นเหยื่อหลุดรอดไปต่อหน้า
“ท่าน”
พลอยกรีดร้องอย่างโหยหวน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและอาฆาตแค้นยิ่ง
ส่วนที่โรงพยาบาล ด้านในห้องผู้ป่วยฉุกเฉินเจ้าหน้าที่ปั๊มหัวใจเพชรอย่างแข็งขัน และแล้วสัญญาณชีพของเพชรก็กลับขึ้นมา
ด้านนอกห้องทับทิมร้องไห้ฟูมฟายรอลุ้นอยู่ มีหมอณัฐนั่งกุมมือเอาไว้ หมอเปิดประตูออกมา
“คุณเพชรพ้นขีดอันตรายแล้วครับ”
“เพชร”
ทับทิมยิ้มทั้งน้ำตา หมอณัฐยิ้มโล่งใจ
รุ่งเช้าอลิสถามหมอณัฐ โพล่งขึ้นมาตามนิสัย แต่ท่าทีจริงจังชักตลกไม่ออกแล้ว หลังจาหที่ สองคนมีเรื่องกัน
“นี่ตกลง คุณพลอยบ้า แทงนายเพชรอะไรนั่น จนตายเหรอคะ”
“คุณเพชรยังไม่ตาย อีกอย่าง...มันเป็นอุบัติเหตุ”
“พี่หมอแน่ใจเหรอว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ อลิสไม่เชื่อ....มันต้องมีอะไรแน่ๆ ยัยพลอยบ้า ถึงได้ดึงมีดออกมา ทั้งๆ ที่รู้ คนถูกแทง ยิ่งดึงมีดออก ยิ่งอันตราย”
หมอณัฐนิ่ง ดวงตาครุ่นคิด อลิสตาโตสรุปเอง
“ที่ยัยพลอยบ้าดึงมีดออก เพราะต้องการจะเอามีดแทงใครแน่ๆ”
หมอณัฐระอา ทำหน้าเบื่อๆ “ตรรกะของอลิสอีกแล้ว?”
“ใช่..ตรรกกะของอลิสถูกต้องทุกอย่าง....” คิดไปคิดมาแล้วสรุปเอาเอง “ดีไม่ดี คุณพลอยบ้า อาจจะดึงมีดออกมาแทงท่านเกรียงศักดิ์”
หมอณัฐเอ็ด “เหลวไหล”
“เหลวไหลตรงไหน? ในเมื่อ...” อลิสปรายตามองหมอณัฐ “ท่านเกรียงศักดิ์ อยู่ที่บ้านเชิงเขา”
หมอณัฐหลบตา เพราะตนเห็นเกรียงศักดิ์จริงๆ อลิสเห็นท่าทางของหมอณัฐก็นึกรู้
“วันนั้นพี่หมอเห็นท่านเกรียงศักดิ์ใช่มั้ยคะ”
หมอณัฐหลบตาน้อง “ไม่เห็น”
“พี่หมอโกหก”
หมอณัฐสบตาอลิสท่าทางฉุน อลิสรู้ทัน แต่ไม่ยอมรับ อลิสมองจ้อง
“ยิ่งพี่หมอทำท่าอย่างนี้อลิสก็ยิ่งเห็นว่าพี่หมอโกหก”
“ตรรกะอลิสมันไม่ได้ถูกต้องเสมอไปหรอกนะ”
“ถูก-ผิดไม่สำคัญ สิ่งสำคัญ มันอยู่ที่...พี่หมอ กำลังหลอกตัวเองอยู่หรือเปล่า”
อลิสจ้องหน้าหมอณัฐ หมอนิ่งอึ้ง อลิสพูดถูก อลิสยิ้มหยันอย่างมั่นใจ
ในเวลาต่อมา หมอณัฐเดินลงจากรถจะเข้าไปในลอบบี้โรงพยาบาล ท่าทางใจลอยๆ พยาบาล 2 เดินเข้ามา หนึ่งในนั้นบอก
“คุณหมอขา...วันนี้มีตรวจนอกพื้นที่นะคะ”
“อ่อ...ครับ”
พยาบาลเห็นท่าทีก็เป็นห่วง “คุณหมอไม่สบายหรือเปล่าคะ? ปกติคุณหมอไม่เคยลืม”
“เปล่าครับ...คิดอะไรเพลินไปหน่อยเดี๋ยวไปเอาของแป๊บ เดี๋ยวตามไป”
“ค่ะ” พยาบาลต่างคนต่างเดินแยกไป
หมอณัฐเดินมาเปิดรถ หากระเป๋ายา
“กระเป๋ายาอยู่ไหน?” หมอหนุ่มกวาดตามองตอนแรกงงอยู่ ก่อนทำท่าคิดได้ ว่าครั้งสุดสุดท้าย คือตนหิ้วไปบ้านพลอยประดับ ที่เขาใหญ่
“ที่บ้านคุณพลอย”
ด้านพลอยอยู่ที่บ้านกับทับทิม ดวงหน้าสลดหดหู่ ขณะที่ทับทิมถาม
“แกจะไม่ไปเยี่ยมน้องจริงๆ เหรอ”
พลอยน้ำตารื้น “พลอยกลัว....กลัวว่าเพชรจะโกรธ”
“เพชรมันไม่โกรธหรอก มันรู้ว่าแกไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ”
“ค่ะ มันเป็นอุบัติเหตุ พลอยไม่ตั้งใจ....แต่ที่พลอยตั้งใจ...คือ” พลอยอ้ำอึ้งไม่กล้าพูด
“คืออะไรลูก”
“พลอยเดินได้...และพลอยไม่ได้บอกเพชร” พลอยผวากอดทับทิมเหมือนเด็กเสียขวัญ “พลอยกลัว...กลัวว่าน้องจะโกรธ จะเกลียดพลอยค่ะแม่ พลอยกลัว”
ทับทิมกอดปลอบพลอยเหมือนเป็นลูกสาวตัวเล็กๆ “เพชรไม่โกรธแกหรอกพลอย เพชรมันรักแกสุดหัวใจ”
พลอยย้อนถามตาซื่อๆ ดูจะกลัว และแคร์เพชรมากจริงๆ “จริงเหรอคะแม่”
“จริงสิ....เพชรมันรักแกไง มันถึงยอมทำเพื่อแกได้ทุกอย่าง”
“แต่ตอนนี้” ดวงตาพลอยวาววับด้วยความแค้น และเจ็บหนึบขณะบอก “เพชรรักน้ำหนึ่ง”
“ความรักของหนุ่มสาว ไม่นานก็สลายจางไป แต่รักแบบพี่น้อง ยังไงก็ตัดกันไม่ขาด แม่เชื่อ...เพชรรักแกมาก.....ความรักที่มีต่อยัยเด็กนั่น สู้แกไม่ได้หรอกพลอย” สีหน้าพลอยแช่มชื่น และดีขึ้น ทับทิมยิ้มบอก “ไปด้วยกันนะ”
“เดี๋ยวพลอยตามไปได้มั้ยคะ...พลอยจะทำขนมน้ำดอกไม้ที่เพชรชอบไปให้”
ทับทิมยิ้มเอ็นดู “เพชรเพิ่งฟื้น กินไม่ได้หรอก”
“จะกินได้หรือไม่ได้ พลอยก็อยากทำให้เพชรรู้ พลอยเสียใจ พลอยอยากทำให้เพชรจริงๆ”
พลอยยิ้ม ทับทิมก็ยิ้ม แม่ลูกผู้ป่วยโรคจิตยิ้มให้กัน
ไม่นานต่อมา ทับทิมขับรถออกไปจากบ้านเชิงเขา พลอยยืนส่งโบกมือบ๊ายบายให้แม่ ก่อนที่จะเดินไปยังพุ่มดอกอัญชันที่ขึ้นอยู่ริมรั้ว
จะหวะนี้อารีย์กับนักปราชญ์ปรากฏตัวเดินเข้ามา คลาดกับทับทิมแค่เสี้ยวอึดใจ สองคนมองมาที่พลอย ชนิดที่เรียกมาจ้องเขม็ง ก่อนที่นักปราชญ์จะเอามือถือขึ้นมาถ่ายคลิปพลอยเอาไว้ ใบหน้าพลอยยามนี้ยิ้มละไม เมื่อคิดเวลาในถึงอดีต ตอนที่เพชรกับพลอยยังไม่มีเรื่องร้อนใจเข้ามาวุ่นวาย
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นช่วงกลางวันที่บ้านหลังเดิมของทับทิม ภายในครัวพลอยหยอดขนมน้ำดอกไม้ในถ้วยเล็กๆ ที่วางในซึ้ง เห็นอีกส่วนเสร็จแล้ว และวางอยู่บนจานสวยงามพร้อมมีดอกมะลิตกแต่งวางอยู่ เพชรหยิบมาทานอย่างอร่อย
“พี่พลอยทำขนมน้ำดอกไม้ได้อร่อยที่สุดในโลก”
“ขนมของโปรดเพชรต่างหาก” พลอยยิ้ม
“ใครว่า...ผมชอบเพราะพี่สาวผมทำให้ต่างหาก..และผมก็จำได้...ผมรู้จักขนมน้ำดอกไม้ครั้งแรก เพราะพี่พลอยทำให้ผมกิน” เพชรมองพี่สาวท่าทีซึ้งใจ
“ก็พี่รักน้องชายพี่นี่” พลอยดึงเพชรมากอดอย่างรักใคร่
เพชรมองพลอยซึ้งๆ “พี่พลอยรู้มั้ย...ถึงเราจะไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ แต่พี่พลอยก็ทำให้ผมรู้สึกว่า พี่พลอยรักผมเหมือนน้องจริงๆ ขอบคุณนะครับพี่พลอย” เพชรกอดตอบพลอย
“พี่รักเพชรจ้ะ”
สองคนกอดกันอย่างอบอุ่นประสาพี่น้อง
พลอยยิ้มเมื่อนึกภาพในอดีต ก่อนจะมุ่งมั่นทำขนมน้ำดอกไม้ง่วนอยู่ในครัว กำลังใช้กาเล็กๆ หยอดขนมลงในถ้วยตะไลที่วางอยู่ในซึ้งที่ร้อนจัดบนเตา พลอยยิ้มละไม
“พี่จะทำทุกอย่าง กลับมาให้เพชร..รัก..และไว้ใจพี่เหมือนเดิม” พลอยบอกตัวเองในใจ แล้วมองไปยังฝาห้องพูดขึ้นมา “แล้ว ฉันจะแบ่งขนมให้เธอกินด้วยนะรจนา”
พลอยเหยียดยิ้ม ให้ผนังกำแพงครัว ที่หากใครสังเกตจะเห็นว่าผนังห้องมีร่องรอยฉาบใหม่ ไม่เหมือนเดิม
ส่วนอารีย์กับนักปราชญ์เดินมายังรถ ที่จอดอยู่ห่างจากบ้านเชิงเขา อารีย์บอกอย่างมั่นใจ
“พลอยประดับ เมียน้อยท่านจริงๆ ด้วย”
“แล้วมันยังปฏิเสธอีกนะครับแม่ว่าไม่ใช่”
“ก็มีใครจะกล้ายอมรับอดีตของตัวเอง...มีลูกผู้หญิง ถึงต้องสั่งสอนนักสั่งสอนหนาอย่าไปยุ่งกับผัวใคร ไม่งั้นคำว่าเมียเก็บเมียน้อย มันจะติดหน้าผากไปจนตาย”
นักปราชญ์ชูมือถือขึ้น “แต่งานนี้ผมคงได้คะแนนจากคุณหญิงเพียบ ยิ่งถ้า ท่านเกรียงศักดิ์
แอบหลบมาอยู่กับเมียน้อย ผมจะพาคุณหญิงบุกมาที่นี่เอง”
สองแม่ลูกมองหน้ากัน แล้วยิ้มอย่างสะใจ อารีย์เกลียดพวกเมียน้อยเข้ากระดูก
ด้วนนวลหลบมุมคุยกับน้ำหนึ่งอยู่ ท่าทางไม่สบายใจ
“เลิกคิดเรื่องที่จะกลับไปบ้านเชิงเขาได้แล้วนะคะ ไม่งั้น นวลจะบอกคุณหญิงเรื่องที่แม่พลอยยังไม่ตาย แต่สร้างเรื่องมาหลอกคุณหญิง จนคุณหญิงพิการ”
“น้ำหนึ่งไม่ได้กลับไปเพราะความรักนะคะป้านวล แต่เป็นเพราะน้ำหนึ่งแค้น” น้ำหนึ่งว่า
“แล้วคิดว่าจะเอาชนะคนบ้าได้เหรอคะ” น้ำหนึ่งอึ้ง นวลว่าต่อ “ไม่มีทาง ทางที่ดีคุณน้ำหนึ่งเลิกยุ่งกับคนที่นั่นจะดีกว่าค่ะ ทุกอย่างจะได้จบๆ ลงซักที”
“แล้วถ้าคุณพ่ออยู่ที่นั่นล่ะคะ” นวลมอง “น้ำหนึ่งสงสัย ว่าคุณพ่อจะอยู่ที่นั่น”
ดาราณีเข็นรถออกมาพอดี “คุยอะไรกันจ๊ะ”
“เอ่อ...เปล่าค่ะ” นวลกระซิบบอกน้ำหนึ่ง “ไปดูแลคุณแม่เร็วค่ะ”
น้ำหนึ่งรีบเดินมาหามารดา “คุณแม่...หัดเดินนะคะ น้ำหนึ่งช่วย”
ว่าแล้วน้ำหนึ่งก็ประคองดาราณีลงจากรถเข็น พยายามให้เดิน แต่น้ำหนึ่งรับน้ำหนักไม่ไหว สองแม่ลูกทำท่าจะเซล้ม นวลวี้ดด้วยความตกใจ
“คุณน้ำหนึ่ง คุณหญิง”
“น้ำหนึ่งกับคุณแม่ไม่เป็นไรค่ะป้านวล” น้ำหนึ่งประคองแม่ “ไหวมั้ยคะคุณแม่”
“ไหวสิจ๊ะ...แม่ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย” ดาราณียิ้มอย่างเข้มแข็ง
นวลขยับเข้ามาช่วยประคองนั่งบนรถ พูดอย่างลืมตัว “นี่ถ้าท่านอยู่ด้วย...คงดีนะคะ”
น้ำหนึ่งกับดาราณีอึ้งไป จังหวะนี้ประตูรั้วถูกเปิดเข้ามา ทุกคนหันไปมอง
“คุณพ่อ” / “คุณ” / “ท่าน”
เกรียงศักดิ์อึ้ง ในทันทีที่เห็นดาราณีนั่งอยู่บนรถเข็น “คุณหญิง” จากนั้นน้ำตาก็คลอๆ ด้วยความรู้สึกผิดในใจ
เกรียงศักดิ์ในสภาพบักโกรก ดูไม่จืด ทั่วตัวมีบาดแผล เดินเข้ามาสวมกอดดาราณีและน้ำหนึ่งเอาไว้ ยิ่งเห็นสภาพดาราณีก็ยิ่งสะเทือนใจ รู้สึกผิดมากขึ้น
“คุณหญิง....ผม...ผมขอโทษ” เกรียงศักดิ์น้ำตาไหลย้อย “เพราะพลอย...พลอยใช่มั้ย”
ดาราณียิ้มทั้งน้ำตาไหล ประสาคนใจเด็ด และใจสู้ “มันผ่านไปแล้วค่ะ ถ้าแลกกับการได้น้ำหนึ่ง ได้คุณกลับมา ฉันยินดี”
“เราจะไม่พรากจากกันอีกแล้ว ผมจะไม่ให้ใครมาทำลายครอบครัวของเราเด็ดขาด” เกรียงศักดิ์บอกขณะกอดปกป้องลูกเมียเอาไว้
นวลยิ้มชื่น ขณะที่ดวงตาของน้ำหนึ่งเปล่งประกายวาววับ เคียดแค้นในใจขึ้นมา
“เรื่องของเรา มันไม่จบง่ายๆ หรอกค่ะพี่พลอย”
ฟากพลอยยื่นจานขนมน้ำดอกไม้ที่จัดแต่งสวยงามให้เพชร
“ขนมน้ำดอกไม้ พี่ตั้งใจทำมาให้เพชรจ้ะ ทานหน่อยนะจ๊ะ” พลอยจะป้อนให้
เพชรเครียด และกลุ้มใจบอกปัดท่าทีปั้นปึ่ง “ผมไม่กิน” พลอยหน้าเสีย
ทับทิมเองก็หน้าเสีย สงสารพลอย จึงบอกเพชร “พี่เค้าอุตส่าห์ทำมาให้ กินซักหน่อยนะลูกนะ”
“ผมกินไม่ลง”
พลอยใจหาย น้ำตาคลอ “เพชรยังโกรธพี่...” พลางจับมือเพชรเอาไว้ เหมือนคนที่กลัวจะเสียของรัก “พี่ไม่ได้ตั้งใจโกหกหลอกลวงเพชร ไม่ว่าเรื่องท่าน...เรื่องขาของพี่”
“แต่พี่พลอยรู้มั้ย ว่าสิ่งที่พี่พลอยทำ มันทำให้เรื่องทุกอย่างยุ่งขึ้นไปอีก”
พลอยละล่ำละลัก “ไม่..ไม่มีอะไรยุ่งเลยเพชร ท่านกลับไปแล้ว”
ทับทิมสะดุดหูใจมองพลอยอย่างจับสังเกต คาใจกับคำว่า ท่านกลับไปแล้ว พลอยอ้อนวอนต่อ
“ต่อไป..ชีวิตเราจะไม่มีคนพวกนั้นอีก จะมีแค่เราสามคน เราจะอยู่กันอย่างมีความสุข”
เพชรหน้าหมองเศร้า “ยังไงผมก็ไม่มีความสุข”
พลอยชักฉุน ถามเสียงห้วน “ทำไมเพชร”
“นั่นสิเพชรทำไม ถ้าแกไม่อยากแก้แค้นคนพวกนั้น ได้...เราจะไม่ยุ่งกับพวกมันอีก ต่างคนต่างอยู่” ปากทับทิมว่า แต่ตาวาววับไม่ยอมแน่ๆ
“ผม....ผม”
ทับทิมเริ่มหงุดหงิด “แกจะเอาอะไรอีก มีแม่ มีพี่ ชีวิตแกไม่มีความสุขอีกรึไง”
“ผมเพิ่งรู้ คนที่อยู่ แบบไม่มีหัวใจเป็นยังไง...ผมอยากมีน้ำหนึ่งในชีวิต!” เพชรบอกเสียงเข้ม
“เพชร”
ทับทิมกับพลอยทั้งโกรธทั้งตกใจ
อ่านต่อหน้า 3
มารกามเทพ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ตกตอนกลางคืน ทับทิมประคองพลอยเดินออกมา สองคนหน้าตาบูดเบี้ยว เนื้อตัวสั่นสะท้านด้วยแรงโกรธ
พลอยนั้นเสียงสั่นเครือ เริ่มหวงเพชร กลัวจะเสียไปจริงๆ “เพชรอยากมีนังน้ำหนึ่ง”
ทับทิมเค้นคำเสียงเบาแต่ฟังดูเหี้ยมเกรียม “ก็แกอยากใจอ่อนเอง เพราะถ้าแกจัดการกับมันตั้งแต่ตอนนั้น ป่านนี้ความแค้นของแกจบไปนานแล้ว นี่อะไร? แกยังปล่อยไอ้เกรียงศักดิ์ไปอีก”
“พลอยไม่ได้ปล่อย มันหนีไปเอง” พลอยบอก
“มันหนี” แววตาทับทิมหวาดวิตก “มันหนีไปได้ งั้นมันต้องกลับมาเอาผิดแกแน่ๆ”
“พลอยไม่ยอม...พลอยจะใช้นังน้ำหนึ่งมาเป็นตัวล่อ”
“งั้นแกจัดการนังน้ำหนึ่ง...ส่วนแม่...จะไปจัดการกับศัตรูที่มันทำร้ายเพชร”
“ใครคะ” พลอยงง สงสัย รู้แค่เพชรถูกปรักปรำ ไม่เคยรู้จักนักปราชญ์
“คนที่มันใส่ร้ายปรักปรำเพชร ไอ้นักปราชญ์”
ดวงตาของพลอยและทับทิมวาวโรจน์ เอาเรื่องกันทั้งคู่
วันต่อมา สองแม่ลูกแวะมาเพื่อเยี่ยมดาราณี แต่ต้องประหลาดใหญ่เมื่อเห็นเกรียงศักดิ์อยู่ด้วย นักปราชญ์มองเกรียงศักดิ์อย่างแปลกใจ
“คุณลุงไปเที่ยวพักผ่อนมาจริงเหรอครับ”
เกรียงศักดิ์หลบตา พูดกลบเกลื่อน “ก็ใช่สิ...ทำไมเหรอ”
นักปราชญ์กับอารีย์มองหน้ากัน อารีย์ยิ้มกลบเกลื่อน
“เอ่อ...แล้วคุณสมบัติไปด้วยหรือเปล่าคะ”
“เปล่า...มีอะไรเหรอครับ”
“คุณพ่อออกไปจากบ้านน่ะครับ...คุณแม่นึกว่าไปกับคุณลุง”
อารีย์หน้าเจื่อนลง ดาราณีรีบปลอบ
“เดี๋ยวสบายใจคุณสมบัติก็คงกลับมาน่ะคะ”
“ถ้าไปพักผ่อนธรรมดา ฉันไม่ว่าหรอกค่ะ กลัวจะแอบไปหาเมียน้อย”
เกรียงศักดิ์ ดาราณี น้ำหนึ่งซึ่งอยู่ด้วยก็อึ้ง คำว่าเมียน้อยสะเทือนซางกันไปทุกตัวคน
ขณะที่น้ำหนึ่งเดินออกมาที่สนาม นักปราชญ์เดินตามมา
“น้องน้ำหนึ่งไม่ต้องแสลงหัวใจหรอกนะครับ เป็นตามธรรมดาที่ผู้ชาต้องมีเมียน้อย”
“ผู้ชายดีๆ เค้าไม่ทำอย่างนั้นหรอกค่ะ”
นักปราชญ์หัวเราะหยามหยัน “งั้นไอ้เพชร ก็คงเป็นแค่คนเลวๆ คนหนึ่ง”
น้ำหนึ่งหันขวับมามองนักปราชญ์ตาวาว นักปราชญ์ยิ้มแกมเยาะ
“พี่พูดผิดตรงไหนครับ ในเมื่อ มันมีเมียอยู่แล้ว ยังหลอกน้องน้ำหนึ่งให้เป็นเมียน้อยมันอีก”
“น้ำหนึ่งไม่เคยเป็นเมียน้อยของใคร”
นักปราชญ์มองมาอย่างดูแคลน “น้องน้ำหนึ่งไม่ต้องกลัวหรอก ว่าพี่จะรับไม่ได้ ต่อให้น้องน้ำหนึ่งเป็นเมียน้อยไอ้เพชรมันจริงๆ พี่ก็รับได้...เพราะพี่รักน้ำหนึ่ง”
ดวงตาของนักปราชญ์ไม่ได้บอกว่ารักน้ำหนึ่งแม้สักน้อย น้ำหนึ่งมองนักปราชญ์อย่างแขยง
“พี่ไม่ได้ชื่อนักปราชญ์เลยนะคะ เพราะคำพูดแต่ละคำมันโง่สิ้นดี”
นักปราชญ์โกรธจัด กระชากแขนเต็มแรง “น้ำหนึ่ง”
“ปล่อย” น้ำหนึ่งกระชากแขนตัวเองกลับ ท่าทีเด็ดขาด เอาจริง ไม่ได้อ่อนแออีกต่อไป
นักปราชญ์จ้องหน้าน้ำหนึ่งอย่างโกรธแค้น น้ำหนึ่งไม่ยอม
“คุณคิดว่า ฉันกลัวไม่ได้แต่งงานจนตัวสั่นเหรอคะ ถึงได้วิ่งไปหาคุณ จะบอกอะไรให้นะคะ ต่อให้ฉันจะเป็นที่สองที่สามของพี่เพชร ฉันก็ยินดีมากกว่าเป็นที่หนึ่งของคุณ”
น้ำหนึ่งสะบัดหน้าหันกลับ
นักปราชญ์หัวเราะเยาะ “น้ำหนึ่งคงเห็นเรื่องเมียน้อยเป็นเรื่องธรรมดา เพราะคุณลุงเอาก็มี
เมียน้อย” นักปราชญ์สร้างเรื่อง “ขนาดหลบไปพักผ่อน ก็ยังหลบไปอยู่บ้านเมียน้อย”
ว่าแล้วนักปราชญ์ยื่นมือถือมาตรงหน้า น้ำหนึ่งมองภาพพลอยในมือถือ
“ผู้หญิงคนนี้คือพลอยประดับ เมียน้อยคุณลุง”
น้ำหนึ่งหน้าซีดตัวสั่นเทิ้ม
คืนนั้นขณะเดียวกันพลอยยืนนิ่ง มองดูที่หลุมฝังศพของจินดาที่บัดนี้ถูกกลบไปเรียบร้อย พลอยคิดในใจ
“ยังไง...คนพวกนั้นจะต้องได้มาอยู่ในหลุมนี้...เป็นเพื่อนพ่อแม่นอน”
จู่ๆ พลอยก็เห็นภาพหลอน เป็นโครงกระดูกจินดาลุกขึ้นมานั่ง พลอยร้องกรี๊ดออกมาสุดเสียงเนื้อตัวสั่นเทา เอามือปิดหนาปิดตา ก่อนที่จะเอามือออก เมื่อสรรพสิ่งรอบตัว เงียบสนิท
“ต้องเข้มแข็ง.....เธอต้องเข้มแข็งพลอย!! เธอต้องเข้มแข็งเพื่อจัดการกับทุกคน”
ฝ่ายน้ำหนึ่งนอนกระสับกระส่ายไม่หลับ ท่าทางคิดไม่ตก เสียงมือถือดังลั่น น้ำหนึ่งหยิบมารับ พอเห็นเป็นเบอร์ของพลอย น้ำหนึ่งก็เกิดลังเล ก่อนที่จะกดสายไม่รับ
พลอยโกรธมาก “แกกดสายฉันทิ้ง กล้ามาก นังน้ำหนึ่ง!”
พลอยพยายามหักห้ามใจ โทร.ไปอีก น้ำหนึ่ง ไม่รับ พลอยโกรธกดส่ง SMSไป คราวนี้
น้ำหนึ่งหยิบมาอ่าน
“เพชรอาการสาหัสอยู่โรงพยาบาล...อยากเจอน้ำหนึ่ง เพชรรักน้ำหนึ่งมาก”
ดวงหน้าของน้ำหนึ่งว้าวุ่น ความรัก ความห่วงใยยังตัดไม่ขาด พลอยนั่งมองโทรศัพท์อาการลุ้นๆ เสียงมือถือดัง พลอยยิ้มเยาะ
“พอเป็นเรื่องผู้ชาย...เร็วนักนะนังน้ำหนึ่ง” พอกดรับสายก็ทำเสียงเศร้า “น้ำหนึ่ง....น้ำหนึ่ง
ยอมรับสายพี่แล้ว”
น้ำเสียงน้ำหนึ่งเป็นห่วงมาก “พี่เพชรเป็นอะไรคะ”
พลอยค้อนขวับ เบ้ปาก คิดในใจคำแรกก็ถามถึงผู้ชาย “มีอุบัติเหตุ แต่เพชรเจ็บหนัก เพชรต้องการกำลังใจนะน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งสุดแสนจะกลัดกลุ้ม ว้าวุ่นใจอย่างหนัก
เวลาเดียวกันเพชรนอนซึมอยู่บนเตียง ในมือกดมือถือท่าทางลังเล เห็นเป็นเบอร์น้ำหนึ่ง เช่นเดียวกับน้ำหนึ่ง ที่เดินว้าวุ่นใจอยู่ที่สนาม มองมือถือในมือ ซึ่งเห็นเป็นเบอร์เพชร ต่างคนต่างจะกดหากันแต่ไม่กล้า
“น้ำหนึ่งคงโกรธเรามาก”
“ยังไงพี่เพชรก็ใจร้ายกับเรา..ตัดใจดีกว่าน้ำหนึ่ง”
ต่างคนต่างคิด และต่างคนจึงต่างไม่ยอมโทร. แต่แล้วแรงรักแรงคิดถึงในใจซึ่งมีมากกว่าทิฐิก็ทำหน้าที่ของมัน
“ง้อคนที่รัก จะเป็นไรไปวะเพชร”
“แค่โทร.ถาม....ไม่เป็นไรหรอกน้ำหนึ่ง”
แล้วต่างคนต่างโทร.หากัน เสียงสัญญาณดังออกมาว่าสาย ไม่ว่างทั้งคู่ น้ำหนึ่งกับเพชรตาละห้อย
“พี่เพชรคุยกับใครอยู่”
“ห่างกันไม่เท่าไหร่ ...ลืมกันแล้วเหรอน้ำหนึ่ง!”
ต่างคนต่างเศร้าใจ
เพชรนอนเศร้าใจอยู่บนเตียง น้ำหนึ่งตัดใจ เดินเข้าบ้านไป
ฝ่ายเกรียงศักดิ์ประคองดาราณีหัดเดินพลางคุยกันไปด้วย ดาราณีถามอย่างตกใจ
“อะไรนะคะ พลอยแทงเพชร”
น้ำหนึ่งจะเดินมาหาได้ยินพอดี จึงแอบฟังด้วยความตกใจ เกรียงศักดิ์พูดด้วยความเสียใจ
“พลอยตั้งใจจะทำผมน่ะ แต่เพชรห้ามเอาไว้ เพชรเลยรับเคราะห์แทน”
น้ำหนึ่งเป็นห่วงเพชรขึ้นมาอีก ดาราณีหน้าสลด
“ทำไมพลอยถึงได้ใจร้ายอย่างนี้”
"เป็นเพราะผม..ต้นเหตุทั้งหมดคือผม..." เกรียงศักดิ์ มีสีหน้าสลดลง "ผมก็เป็นแค่ผู้ชายมักง่ายคน
หนึ่ง ที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น....ผมทำร้ายเค้า โดยไม่เคยคิดว่าเค้าจะเจ็บปวด เป็นความแค้นฝังใจ พลอยมีอาการทางจิต....เท่านั้นไม่พอ..ผมยังทำร้ายคุณ"
"ฉันบอกแล้วไงคะ มันผ่านไปแล้ว ฉันขออโหสิให้กับทุกคน....สิ่งที่ฉันเป็นห่วง..คือน้ำหนึ่ง ฉันเป็นห่วงน้ำหนึ่งจริงๆ...กลัวว่า...ลูกจะตัดใจจากเพชรไม่ได้"
"น้ำหนึ่งรักเพชร และเพชรก็รักน้ำหนึ่ง เค้าสองคนรักกัน...เพียงแต่...ถ้าเพียงแต่จะไม่มีพลอย"
ขณะเดียวกันพลอยแกว่งชิงช้าที่ผูกลงมาจากต้นไม้ใหญ่ไปมา ภาพจำผุดขึ้นมา เห็นเด็กชายเพชรนั่งอยู่บนชิงช้า เพชรหัวเราะร่าอย่างมีความสุข ขณะที่พลอยแกว่งชิงช้าไปมา พูดเบาๆ
“รอหน่อยนะเพชร...พี่กำลังจะหาของเล่นมาให้เพชร...ของเล่น ที่เพชรต้องการ”
พลอยยิ้มหยันด้วยดวงตาอันน่ากลัว
รุ่งเช้าเกรียงศักดิ์ ดาราณีถามน้ำหนึ่งท่าทีตกใจ
“อะไรนะลูกจะไปอังกฤษ”
"ลูกอยากไปหาที่เรียนต่อน่ะค่ะ"
"ไว้พ่อไปด้วย"
"คุณพ่ออยู่ตอบคำถามนักข่าวแล้วก็ดูแลคุณแม่ดีกว่านะคะ" น้ำหนึ่งเย้า
ดาราณีกับเกรียงศักดิ์มองหน้ากัน น้ำหนึ่งยิ้ม
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ว่าน้ำหนึ่งจะไปหาพี่เพชร น้ำหนึ่งกับพี่เพชรจบกันไปนานแล้ว เราไม่มีอะไรกันอีก”
“เปล่า..พ่อไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น..พ่อห่วง น้ำหนึ่งจะไปกินอยู่ยังไงที่เมืองนอกคนเดียว”
“ที่ผ่านมา น้ำหนึ่งก็ทำผิดต่อคุณพ่อคุณแม่ด้วยการหนีไปอยู่กับผู้ชายคนเดียว น้ำหนึ่งเอาตัวรอดได้ค่ะ ให้น้ำหนึ่งไปนะคะ”
ดาราณี เกรียงศักดิ์ได้แต่มองหน้ากัน
ไม่นานหลังจากนั้น อาหารหน้าตาดี น่าทาน แต่อุดมไปด้วยไขมัน เช่น ขาหมู แกงกะทิ หมูสามชั้นทอด สองแม่ลูกสนทนากันไประหว่างรับประทานอาหารด้วยกัน อารีย์บอกนักปราชญ์
“แม่คิดว่าแกควรไป”
“ไปตามเด็กนั่นน่ะเหรอครับ”
“ก็ไม่เด็กแล้วนะ ตามไปรวบหัวรวบหาง แต่งๆกันซะ แม่จะได้สบายใจ ว่า ธุรกิจ ของเรา จะมีท่านเกรียงศักดิ์ดูแล”
“ถ้าไม่เพราะผลประโยชน์ ผมไม่มีทางกินของเหลือเดินไอ้เพชรแน่”
“ก็ไม่ต้องกิน แต่งแค่ในนาม แล้วแกก็ไปหากินที่อื่น อยากกินอะไรก็กิน แม่ตามใจ”
“ขอบคุณครับแม่...แค่ฟังผมก็สนุกแล้วล่ะ”
จังหวะนี้ป้าใจ แม่บ้านเดินเข้ามาดูแล อารีย์กับนักปราชญ์บอกทำนองเดียวกัน
“อาหารอร่อยนะวันนี้”
“นั่นสิ....ไปได้เคล็ดลับที่ไหนมาป้าใจ อร่อยจริง”
“ไม่ใช่ฝีมือป้าหรอกค่ะ ฝีมือแม่ครัวคนใหม่ ที่คุณประกาศหาไงคะ” ใจบอก
อารีย์กับนักปราชญ์พยักหน้า ไม่ได้สนใจอะไร ทานอาหารกันต่อ
ส่วนในครัว ทับทิมอยู่ในชุดแต่งกายแบบแม่ครัวทั่วไป แต่บัดนี้ผมของทับทิมหยิกหยองด้วยวิกผมปลอม ดวงหน้าเต็มไปด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะ แบบพวกนางโชว์ จำหน้าจำตาแทบไม่ได้ ทับทิม ยืนทำขนมหวานช้าๆ ใจเดินเข้ามา
“แม่ไพลิน...นายชมว่าอาหารอร่อยนะ”
ทับทิมยิ้มไม่ว่าอะไร ป้าใจชะโงกหน้ามามอง
“แกงบวชฟักทอง น่ากินจัง....ตักไว้เลยนะ....ท่านทานอาหารคาวเสร็จ ฉันจะได้ยกไปเสิร์ฟ” ใจเดินออกไป
ทับทิมมองตามใจ พออีกฝ่ายคล้อยหลังก็ล้วงหยิบกำมะถันป่นละเอียดออกมา ค่อยๆ เท
ลงไปในแกงบวชฟักทอง
“อาหารทุกอย่างผสมด้วยยาวิเศษของฉัน ..อร่อยแน่นอน!”
ทับทิมหันมา ใบหน้าใต้เครื่องสำอางหนาเตอะแลดูน่ากลัว “ไม่มีอะไร ที่ฉันทำไม่ได้!”ทับทิมหัวเราะเย้ยหยันเบาๆ
อารีย์กับนักปราชญ์กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย!!
ฝ่ายพจนีย์ เดินกระวนกระวายอยู่ในบ้าน
“ยัยน้องบ้า...จะไปไหนมาไหน ไม่ชอบบอกเอาซะเลย”
พจนีย์เดินไปเปิดดูตู้เสื้อผ้า เห็นเสื้อผ้าอยู่ครบ กระเป๋าเดินทางก็อยู่
“เสื้อผ้ายังอยู่ทุกอย่าง...อย่าบอกนะว่ารจ” สีหน้ารจนีย์กังวลเป็นที่สุด
พลอยบอกพจนีย์หน้าซื่อเมื่อถูกถาม ทำท่าทางเหมือนคิดไปด้วย
“พี่ไม่เห็นรจมาที่นี่นะ หรือมา แล้วพี่ไม่เห็นก็ไม่รู้ พอดีพี่ไปเฝ้าเพชรที่โรงพยาบาลทุกวัน” พลอยแกล้งทำเป็นงง “แล้วทำไม พจน์ถึงคิดว่ารจมาที่นี่ล่ะ”
“พจน์ก็แค่ถามดู”
“รจหนีไปทำใจหรือเปล่า”
พจนีย์งง “ทำใจ”
“อย่าหาว่าพี่ยุแยงตะแคงรั่วเลยนะ พี่รู้...ที่ผ่านมา รจแอบชอบเพชร...รจเคยแอบไปเยี่ยมเพชรที่โรงพยาบาลด้วย แต่พี่ให้กลับไป เพราะยังไง พจน์ก็อยู่ในฐานะเมียของเพชร จะเมียจริงหรือเมียกำมะลอก็ช่างเถอะ มันดูไม่งาม ที่พี่น้อง จะมายุ่งกับผู้ชายคนเดียวกัน รจคงจะน้อยใจ”
“ถ้ามันจะน้อยใจเพราะเรื่องแค่นี้ก็ช่างมันเถอะค่ะ ดี ให้รจนามันไปๆซะ ไม่งั้นมีเรื่องน้องแย่งแฟนพี่ อายเค้าตาย”
ดวงตาของพจนีย์เป็นประกายวาบขึ้น พลอยแอบยิ้มพอใจ
พจนีย์เดินออกมาท่าทางกังวล ไม่เหลืออาการแค้นเคืองรจนาเหมือนที่ทำต่อหน้าพลอย
“อย่าให้ฉันเจอแกในสภาพศพนะรจนา”
พจนีย์เดินไป แต่ต้องชะงัก เมื่อในหางตาเห็นรองเท้าข้างหนึ่งซุกอยู่ในกอหญ้าใต้ต้นไม้ข้าง
ทาง พจนีย์ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เดินไปหยิบรองเท้าข้างนั้นขึ้นมา จำได้ว่าตนเห็นรจนาสวมรองเท้าแบบนี้
“รจนา” พจนีย์หน้าซีดเผือด ทั้งกลัวทั้งตกใจ
ด้านหลังรจนีย์ในระยะไกลออกไป พลอยยืนยิ้มมองมา คำรามในใจ
“แกคิดว่า ฉันจะโง่กว่าพวกแกเหรอนังพจนีย์”
ด้านหมอณัฐนอนกระสับกระส่าย ยังไม่หลับ ท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่
นึกถึงตอนที่พลอยทำหน้าเหลอหลาบอกเรื่องกระเป๋า
“กระเป๋าคุณหมอ...พลอยไม่เห็นนะคะ”
“ไม่เห็นเหรอครับ...หมอนึกว่าหมอลืมไว้ที่นี่ซะอีก”
“ไม่ได้ลืมค่ะ” พลอยยิ้มกว้างขณะพูดเย้า รู้ว่าตัวเองเป็นต่อ “แต่ถ้าลืมหัวใจเอาไว้ล่ะ ใช่เลย”
พลางพลอยยื่นมือมาเขี่ยปกเสื้อของหมอ หว่านเสน่ห์ใส่ หมอณัฐแทบละลาย
หมอณัฐจับมือพลอยไว้ “หมอไม่เคยลืมนะครับ หมอตั้งใจ ตั้งใจ ที่จะให้ หัวใจ คุณพลอย”“ขอบคุณค่ะ” พลอยตีหน้าสลดดึงมือออก “แต่พลอยอยากให้ หมอเคลียร์กับคุณอลิส
ก่อน หมอก็รู้....คุณอลิสไม่ชอบพลอย”
“ผมจะรักใครอลิสไม่เกี่ยว”
“เกี่ยวสิคะ การแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของสองคน แต่คือการรวมสองครอบครัวไว้ด้วยกัน พลอยอยากมีความสุขที่สุด ตอนแต่งงานค่ะ”
พลอยยิ้มแย้ม แค่นี้หมอณัฐก็ปลื้มลืมทุกสิ่ง เผลอยิ้มตอบออกมา แต่ต้องหุบยิ้มเมื่อสายตามองเห็นกระเป๋ายาของตัวเองซุกอยู่ใต้โซฟา เหมือนถูกซ่อนเอาไว้
คิดแล้วหมอณัฐลุกพรวดขึ้นมาหน้าเครียด
“คุณพลอยโกหกเราทำไม” หมอหนุ่มแสนดีได้แต่ถามตัวเอง ยิ่งคิดยิ่งเครียด ยิ่งกลุ้ม ไม่เข้าใจ
วันต่อมาอลิสบอกหมอณัฐ
“พี่หมอไม่เห็นจะต้องถามเลย ว่าอลิสเกลียดยัยพลอยบ้าทำไม ในเมื่อพี่หมอก็รู้คำตอบอยู่แล้ว เชื่ออลิสนะคะ คุณพลอยบ้า เป็นตัวอันตรายสำหรับทุกคน”
อลิสตอกย้ำ คราวนี้ดวงตาของหมอณัฐเริ่มมีความคลางแคลงใจ
ทุกคนมาส่งน้ำหนึ่งในชุดเดินทางที่หน้าบ้าน ดาราณีถามอ่อนโยน
“น้ำหนึ่งจะไม่ให้พ่อกับแม่ไปส่งจริงๆ เหรอลูก”
“ไม่ดีกว่าค่ะ...เดี๋ยวไปร้องไห้กลางสนามบิน อายเค้า”
เกรียงศักดิ์เห็นด้วย “นั่นน่ะสิ”
“งั้นให้นวลไปส่งนะคะ”
“ป้านวลนั่นล่ะค่ะยิ่งแล้วใหญ่ ร้องไห้กว่าใครเพื่อนเลย ไม่ต้องห่วงค่ะน้ำหนึ่งโตแล้ว...น้ำหนึ่งไปนะคะ”
“เดินทางปลอดภัยลูก” เกรียงศักดิ์บอกลา
“ฝากคุณแม่ด้วยนะคะ”
“พ่อจะทำให้แม่เดินให้ได้ ก่อนน้ำหนึ่งกลับมา” เกรียงศักดิ์บอก
ดาราณียิ้มให้ลูกสาวสุดสวาท “แม่จะเดินให้ได้ค่ะ”
“น้ำหนึ่งจะรีบกลับมาค่ะ” น้ำหนึ่งหันมาทางนวล “ฝากคุณพ่อคุณมาด้วยนะป้านวล”
“ค่ะ”
น้ำหนึ่งนั่งรถคนรถขับออกไป
เกรียงศักดิ์พาดาราณีเข้าไปในบ้าน ดาราณีสีหน้าไม่ค่อยดี
“ลูกบอกแล้วไง ว่าไม่ต้องห่วง”
“คุณว่า...น้ำหนึ่งจะกลับไปหานายเพชรมั้ยคะ”
“ไม่..ผมว่าไม่..ผมมั่นใจ ทุกอย่างมันจบลงแล้วจริงๆ”
“ขอให้เป็นอย่างที่คุณว่าจริงๆ ค่ะ” ดาราณียังอดกังวลไม่ได้อยู่ดี
น้ำหนึ่งนั่งอยู่ในรถ ที่ขับแล่นมาตามทาง ดวงตาคล้ายมีเรื่องคิดว้าวุ่นในใจ
“จะหนีไปได้ยังไงเนี่ย”
จู่ๆ รถเกิดกระตุก เหมือนรถจะเสีย น้ำหนึ่งแอบดีใจ ถามคนขับไป
“รถเป็นอะไรจ๊ะ”
“ไม่ทราบครับ...เดี๋ยวผมขอดู ครู่เดียวนะครับคุณน้ำหนึ่ง” คนขับจอด แล้วรีบลงจากรถ น้ำหนึ่งหิ้วกระเป๋าตามลงมาพลางบอก “ไม่ต้องรีบจ้ะะ เช็กให้ดี...เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่ไปเองได้”
“แต่ผมกลัวคุณท่าน”
“ก็อย่าบอกท่านสิจ้ะ...เรื่องแค่นี้เอง...” น้ำหนึ่งมองนาฬิกา “จวนได้เวลาแล้ว ฉันต้องรีบไป
ฝากดูแลคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะ”
“ครับ”
น้ำหนึ่งโบกแท็กซี่ ขึ้นไปนั่งรวดเร็ว คนขับแท็กซี่ถาม
“ไปไหนครับ”
“หมอชิตค่ะ”
น้ำหนึ่งตอบทันที
มารกามเทพ ตอนที่ 14 (ต่อ)
พจนีย์เดินออกมาท่าทางกังวล ไม่เหลืออาการแค้นเคืองรจนาเหมือนที่ทำต่อหน้าพลอย
“อย่าให้ฉันเจอแกในสภาพศพนะรจนา”
พจนีย์เดินไป แต่ต้องชะงัก เมื่อในหางตาเห็นรองเท้าข้างหนึ่งซุกอยู่ในกอหญ้าใต้ต้นไม้ข้าง
ทาง พจนีย์ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เดินไปหยิบรองเท้าข้างนั้นขึ้นมา จำได้ว่าตนเห็นรจนาสวมรองเท้าแบบนี้
“รจนา” พจนีย์หน้าซีดเผือด ทั้งกลัวทั้งตกใจ
ด้านหลังรจนีย์ในระยะไกลออกไป พลอยยืนยิ้มมองมา คำรามในใจ
“แกคิดว่า ฉันจะโง่กว่าพวกแกเหรอนังพจนีย์”
ด้านหมอณัฐนอนกระสับกระส่าย ยังไม่หลับ ท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่
นึกถึงตอนที่พลอยทำหน้าเหลอหลาบอกเรื่องกระเป๋า
“กระเป๋าคุณหมอ...พลอยไม่เห็นนะคะ”
“ไม่เห็นเหรอครับ...หมอนึกว่าหมอลืมไว้ที่นี่ซะอีก”
“ไม่ได้ลืมค่ะ” พลอยยิ้มกว้างขณะพูดเย้า รู้ว่าตัวเองเป็นต่อ “แต่ถ้าลืมหัวใจเอาไว้ล่ะ ใช่เลย”
พลางพลอยยื่นมือมาเขี่ยปกเสื้อของหมอ หว่านเสน่ห์ใส่ หมอณัฐแทบละลาย
หมอณัฐจับมือพลอยไว้ “หมอไม่เคยลืมนะครับ หมอตั้งใจ ตั้งใจ ที่จะให้ หัวใจ คุณพลอย”“ขอบคุณค่ะ” พลอยตีหน้าสลดดึงมือออก “แต่พลอยอยากให้ หมอเคลียร์กับคุณอลิส
ก่อน หมอก็รู้....คุณอลิสไม่ชอบพลอย”
“ผมจะรักใครอลิสไม่เกี่ยว”
“เกี่ยวสิคะ การแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของสองคน แต่คือการรวมสองครอบครัวไว้ด้วยกัน พลอยอยากมีความสุขที่สุด ตอนแต่งงานค่ะ”
พลอยยิ้มแย้ม แค่นี้หมอณัฐก็ปลื้มลืมทุกสิ่ง เผลอยิ้มตอบออกมา แต่ต้องหุบยิ้มเมื่อสายตามองเห็นกระเป๋ายาของตัวเองซุกอยู่ใต้โซฟา เหมือนถูกซ่อนเอาไว้
คิดแล้วหมอณัฐลุกพรวดขึ้นมาหน้าเครียด
“คุณพลอยโกหกเราทำไม” หมอหนุ่มแสนดีได้แต่ถามตัวเอง ยิ่งคิดยิ่งเครียด ยิ่งกลุ้ม ไม่เข้าใจ
วันต่อมาอลิสบอกหมอณัฐ
“พี่หมอไม่เห็นจะต้องถามเลย ว่าอลิสเกลียดยัยพลอยบ้าทำไม ในเมื่อพี่หมอก็รู้คำตอบอยู่แล้ว เชื่ออลิสนะคะ คุณพลอยบ้า เป็นตัวอันตรายสำหรับทุกคน”
อลิสตอกย้ำ คราวนี้ดวงตาของหมอณัฐเริ่มมีความคลางแคลงใจ
ทุกคนมาส่งน้ำหนึ่งในชุดเดินทางที่หน้าบ้าน ดาราณีถามอ่อนโยน
“น้ำหนึ่งจะไม่ให้พ่อกับแม่ไปส่งจริงๆ เหรอลูก”
“ไม่ดีกว่าค่ะ...เดี๋ยวไปร้องไห้กลางสนามบิน อายเค้า”
เกรียงศักดิ์เห็นด้วย “นั่นน่ะสิ”
“งั้นให้นวลไปส่งนะคะ”
“ป้านวลนั่นล่ะค่ะยิ่งแล้วใหญ่ ร้องไห้กว่าใครเพื่อนเลย ไม่ต้องห่วงค่ะน้ำหนึ่งโตแล้ว...น้ำหนึ่งไปนะคะ”
“เดินทางปลอดภัยลูก” เกรียงศักดิ์บอกลา
“ฝากคุณแม่ด้วยนะคะ”
“พ่อจะทำให้แม่เดินให้ได้ ก่อนน้ำหนึ่งกลับมา” เกรียงศักดิ์บอก
ดาราณียิ้มให้ลูกสาวสุดสวาท “แม่จะเดินให้ได้ค่ะ”
“น้ำหนึ่งจะรีบกลับมาค่ะ” น้ำหนึ่งหันมาทางนวล “ฝากคุณพ่อคุณมาด้วยนะป้านวล”
“ค่ะ”
น้ำหนึ่งนั่งรถคนรถขับออกไป
เกรียงศักดิ์พาดาราณีเข้าไปในบ้าน ดาราณีสีหน้าไม่ค่อยดี
“ลูกบอกแล้วไง ว่าไม่ต้องห่วง”
“คุณว่า...น้ำหนึ่งจะกลับไปหานายเพชรมั้ยคะ”
“ไม่..ผมว่าไม่..ผมมั่นใจ ทุกอย่างมันจบลงแล้วจริงๆ”
“ขอให้เป็นอย่างที่คุณว่าจริงๆ ค่ะ” ดาราณียังอดกังวลไม่ได้อยู่ดี
น้ำหนึ่งนั่งอยู่ในรถ ที่ขับแล่นมาตามทาง ดวงตาคล้ายมีเรื่องคิดว้าวุ่นในใจ
“จะหนีไปได้ยังไงเนี่ย”
จู่ๆ รถเกิดกระตุก เหมือนรถจะเสีย น้ำหนึ่งแอบดีใจ ถามคนขับไป
“รถเป็นอะไรจ๊ะ”
“ไม่ทราบครับ...เดี๋ยวผมขอดู ครู่เดียวนะครับคุณน้ำหนึ่ง” คนขับจอด แล้วรีบลงจากรถ น้ำหนึ่งหิ้วกระเป๋าตามลงมาพลางบอก “ไม่ต้องรีบจ้ะะ เช็กให้ดี...เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่ไปเองได้”
“แต่ผมกลัวคุณท่าน”
“ก็อย่าบอกท่านสิจ้ะ...เรื่องแค่นี้เอง...” น้ำหนึ่งมองนาฬิกา “จวนได้เวลาแล้ว ฉันต้องรีบไป
ฝากดูแลคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะ”
“ครับ”
น้ำหนึ่งโบกแท็กซี่ ขึ้นไปนั่งรวดเร็ว คนขับแท็กซี่ถาม
“ไปไหนครับ”
“หมอชิตค่ะ”
น้ำหนึ่งตอบทันที
ฟากเพชรนอนกระวนกระวายกระสับกระส่าย ไม่สบายใจหนัก จะยกมือกดโทรศัพท์โทร.ออก แต่ก็เปลี่ยนใจ พิมพ์ข้อความแทน เห็นเป็นตัวหนังสือข้อความว่า
“พี่รักน้ำหนึ่ง พี่จะไปหาน้ำหนึ่ง น้ำหนึ่งอภัยให้พี่นะ”
เพชรส่งข้อความ
ขณะเดียวกันนวลทำความสะอาดห้องน้ำหนึ่ง ยินเสียงมือถือ
“อ้าว! คุณน้ำหนึ่งไม่ได้เอามือถือไป” นวลเดินมาหยิบมือถือกดอ่านข้อความก็
ตกใจ “ข้อความจากนายเพชร” นวลทำสีหน้าตกใจ ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นโกรธ พิมพ์ข้อความกดส่ง
เพชรเห็นมือถือดังรีบเปิดดูอย่างดีใจ แต่กลับจ๋อย
“อย่ามายุ่งกับฉันอีก ผู้ชายเฮงซวย เลว”
เพชรมีสีหน้าฉงน น้ำหนึ่งไม่เคยรุนแรง ส่วนนวลหยิบมือถือของตัวเองโทร.ออกแทน
นักปราชญ์คุยโทรศัพท์กับนวลเสียงห้วนตกใจ
“ว่าไงนะนวล คุณน้ำหนึ่งไปอังกฤษ”
นวลพูดกระซิบ “ค่ะ...คุณนักปราชญ์รีบตามไปนะคะ...นวลกลัว คุณน้ำหนึ่งจะแอบกลับไปหาไอ้เพชร”
“ได้...ขอบใจมาก ฉันจะตบรางวัลให้นวลเต็มที่เลย” นักปราชญ์วางสายบอกอารีย์ที่ยืน
ข้างๆ “ผมจะไปอังกฤษกับน้ำหนึ่งครับคุณแม่”
ทางฝั่งนวลหน้าตึง สายตาไม่พอใจ ไม่อยากให้เพชรยุ่งกับน้ำหนึ่งอีก
“คุณท่านกับคุณหญิงใจดีเกินไป ต้องให้คุณนักปราชญ์จัดการแกดีแล้วไอ้เพชร”
นวลไม่รู้ว่า สิ่งที่ทำจะนำความเสียใจอย่างใหญ่หลวงมาให้ตัวเองในภายภาคหน้า
ด้านเพชรมองดูมือถือ ท่าทางกังวล
“น้ำหนึ่งต้องโกรธมาก ถึงได้ว่าเราขนาดนี้”
พยาบาลเวรเดินเข้ามาพอดี “ขอดูอาการหน่อยนะคะคุณเพชร” จากนั้นก็ตรวจตามหน้าที่
“ผมอยากออกจากโรงพยาบาล” เพชรเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวเรียนคุณหมอให้นะคะ”
พยาบาลเดินออกไป เพชรยิ้มสีหน้ามีความหวัง
ทางด้านเกรียงศักดิ์สีหน้าแววตาเป็นกังวลตลอดเวลา และดูเหมือนจะไม่สบายใจมาก ดาราณีมองทั้งกังวลและเป็นห่วง ถามสามีด้วยน้ำเสียงอาทร
“คุณบอกไม่ให้ฉันห่วงลูก แล้วทำไมคุณทำหน้าอย่างนี้ล่ะคะ”
เกรียงศักดิ์เกรงใจ “ผม..ผมไม่สบายใจเรื่องเพชรน่ะ”
สีหน้าดาราณี เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย ระคนหม่นหมอง เกรียงศักดิ์รีบบอก
“ผมไม่ได้มีอะไรกับพลอยแล้วนะ ที่ผมไม่สบายใจเรื่องเพชร เพราะผมเป็นต้นเหตุให้เค้าเจ็บตัว...” เสียงเกรียงเศร้าลงอีก “และที่สำคัญ....ผมไม่สบายใจมากตลอด ที่เราใส่ร้ายเค้าเรื่องตาหวาน”
“คุณอยากไปหาเค้า” ดาราณีถาม
“ในฐานะลูกผู้ชาย ผมควรทำอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะ”
“ขอบคุณมากคุณหญิง...ขอบคุณจริงๆ ที่ให้อภัย เข้าใจผมทุกอย่าง” เกรียงศักดิ์ดึงคุณหญิงมากอด
“เพราะฉันรู้...ความแค้น ความโกรธ มันทำลายทุกคน ฉันจะไม่ยอมให้ ความแค้น ความโกรธ ทำลายตัวฉันเองค่ะ”
ส่วนพจนีย์เดินเร็วรี่มาตามทางในโรงพยาบาล ท่าทางร้อนรนครุ่นคิดในใจ
“เราต้องบอกเรื่องรจกับพี่เพชร ไม่งั้น เราคนเดียว เอาพี่พลอยไม่อยู่แน่”
พจนีย์จะเดินเลี้ยวไปทางห้องพักของเพชร แต่ต้องชะงักและตะลึงเมื่อเห็นพลอยเดินมาจากอีกฝั่ง
“พี่พลอย” สายตาพจนีย์ที่มองพลอยมีทั้งความกลัว และความเกลียดชัง
“ยังไงพจน์ก็เป็นแค่เมียในนาม ไม่จำเป็นต้องมาเยี่ยมเพชรหรอกมั้ง” พลอยเห็นเช่นกัน
พจนีย์ตะกุกตะกักมองไม่ไว้ใจ “เอ่อ....ยังไง พจน์ก็ห่วงพี่เพชร”
พลอยจ้องมองพจนีย์เขม็ง พูดนิ่งๆ แต่ดุดัน “เอาเวลาไปห่วงรจนาไม่ดีกว่าเหรอ” พลอยพยายามล่อหลอก แต่ดวงตาท้าทายอยู่ในที “พี่ว่ารจนาน่าห่วงจะตาย”
พจนีย์มองจ้องตอบ รู้ความนัยนั้น “ค่ะ....รจนาน่าห่วง”
พลอยพูดท้าทายอีก “งั้น...ก็ไปตามรจนาสิจ้ะ ไม่ต้องมาตามเพชร เพราะยังไง พจน์กับเพชรก็ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกัน”
พจนีย์มองพลอยตาขวาง นาทีนี้ความโกรธเกลียดเคียดแค้นชิงชังเริ่มคุมไม่อยู่
“เหมือนกับที่พี่พลอยไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่เพชร”
พลอยมองงงๆ ดวงตาวาววับ ขึ้งโกรธ พจนีย์ย้อนทันที
“เพราะความจริง พี่พลอยกับพี่เพชรไม่ได้เป็นพี่น้องกัน มันดูไม่ค่อยดีนักนะคะ ที่พี่พลอย จะห่วงใยพี่เพชรขนาดนี้” พจนีย์มองที่ขาพลอยขณะพูด “โดยเฉพาะ ขาพี่พลอยเองก็ยังเดินไม่ได้ดีเท่าไหร่ กลับไปดูแลขาตัวเองจะดีกว่าค่ะ”
พลอยโกรธจัด “พจนีย์”
พจนีย์ไม่สนจะเดินไป พลอยคว้าแขนเอาไว้บีบแน่นเต็มแรง
“อย่าคิดลองดีกับฉัน”
พจนีย์จ้องหน้าสู้ “พจน์ไม่กล้าหรอกค่ะ แต่พี่พลอยคงเคยได้ยินคำว่า หมาจนตรอก พี่พลอยบังคับให้พจน์ทำอย่างนี้เอง”
พจนีย์ไม่ยี่หระเดินตรงไป พลอยเดินตามไปอย่างรวดเร็ว ทั้งโกรธและกลัวพจนีย์จะเจอกับเพชรก่อน
พจนีย์เดินมากระชากประตู พลอยตามมาสีหน้ากังวล
สองคนร้องเรียก “เพชร” / “พี่เพชร”
เพชรไม่อยู่ในห้อง พจนีย์กับพลอยมองหน้ากัน พยาบาลเดินเข้ามาพอดี
“คุณเพชรกลับไปแล้วค่ะ”
พลอยงง “กลับไปแล้ว”
“ค่ะตะกี้นี้เอง คุณหมออนุญาตให้กลับได้”
พจนีย์ได้ยินอย่างนั้นก็รีบวิ่งไป พลอยตามไปทั้งที่ยังเดินไม่ปกติ พยาบาลมองพลอยอึ้งๆ
พจนีย์วิ่งจะไปตามเพชร ถูกมือพลอยที่ตามมากระชากข้อมือพจนีย์ไว้สุดแรง
พลอยมองตาขวางเข้มเอาจริง “หยุดเดี๋ยวนี้นะพจนีย์”
พจนีย์ไม่หยุด หันมามองตาขวาง จะวิ่งไปอีก พลอยผลักพจนีย์อย่างแรงจนล้มลงหัวโขก
เข้ากับกำแพง พจนีย์ร้องสุดเสียงเจ็บมาก พลอยคำราม โกรธจัดที่ถูกขัดใจ
“ไปแจ้งตำรวจไป ฉันยินดีจ่าย 500 แล้วเธออย่าหวัง ว่าจะได้มีโอกาสเห็นหน้าเพชรอีก” พลอยพูดจบจะเดินไป
พจนีย์ตกใจ “พี่พลอยจะพาพี่เพชรไปไหน”
พลอยพูดขึ้นมาลอยๆ “ไปไหนก็ได้ ที่มีฉันกับเพชร แค่สองคน” แล้วเดินหนีไป
“พี่พลอย..พี่พลอย” พจนีย์จะลุกแต่ก็เสียหลักเซล้มลงไปอีก เพราะเจ็บ
แดดเริ่มคล้อยต่ำ ล่วงเข้าสู่เวลายามเย็น เพชรเดินมาที่หน้าโรงพยาบาล ท่าทางยังอิดโรยไม่สู้ดี
จังหวะเดียวกันน้ำหนึ่ง นั่งอยู่บนรถประจำทาง เห็นใกล้จะถึงสถานีขนส่งของจังหวัดแล้ว เพชรคว้ามือถือจะโทร.หาน้ำ แต่ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งเลี้ยวมา รถคันนั้นแล่นไปก่อนถอยหลังกลับมา เพชรหยุดมองอย่างแปลกใจ แล้วก็เห็นเกรียงศักดิ์ก้าวลงมา สองคนมองหน้ากัน
“เกือบคลาดกันซะแล้ว โชคดีที่เจอ ฉัน จะมาเยี่ยมเธอ”
เพชรมองไม่แน่ใจ ท่าทางเกรียงศักดิ์เหมือนมาดี แต่มีชนักเรื่องพลอยทำร้าย เรื่องที่ใส่ร้าย
เพชรฆ่าตาหวาน และเรื่องน้ำหนึ่ง สายตาเพชรที่มองเกรียงศักดิ์ดูหวาดระแวดระวังตัว เกรียงศักดิ์พูดอีก
“ฉัน...มาขอโทษ...และขอบคุณเธอมากที่ช่วย”
ดวงตาของเพชรเปล่งประกายวาบขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ทิฐิในใจลดลง แต่เพชรก็ตอบเสียงห้วน
“ผมไม่อยากให้พี่พลอยทำผิดไปมากกว่าเดิม”
เกรียงศักดิ์มองเพชร คาดไม่ถึงเหมือนกัน เพชรจะพูดอย่างนี้ สองคนมองหน้ากัน
“ฉันเองต่างหากที่เป็นคนผิด ทำให้พลอยต้องทำอย่างนั้น ฉันขอโทษ” แววตาท่านรัฐมนตรีใหญ่เสียใจมาก “ขอโทษเธอจริงๆ นะเพชร รวมทั้ง...เรื่อง...” เกรียงศักดิ์อ้ำอึ้ง “ของ ตาหวาน”
เพชรมองหน้าเกรียงศักดิ์อีก ยิ่งแปลกใจ
“แต่ตอนนั้น ฉันโกรธ ฉันแค้นเธอ เพราะฉันรัก ฉันหวงน้ำหนึ่ง ก็เหมือนกับที่เธอรัก และห่วงพลอย เรา...อโหสิกรรมต่อกันได้มั้ยเพชร ขอให้เรื่องราวระหว่างเรา มันจบลงแค่นี้
เพชรอึ้งนิงงันไป เกรียงศักดิ์ยื่นมือออกมาให้เพชรจับ เพชรมอง ก่อนตัดสินใจ ยื่นมือออกไป
“ครับขอให้เรื่องทุกอย่างระหว่างพวกเรา มันจบลงแค่นี้ ผมอโหสิกรรม”
พลอยวิ่งมาทางด้านหลัง ชะงักทันทีที่เห็นเพชรจับมือกับเกรียงศักดิ์ พลอยอึ้ง เหมือนหัวใจถูกกระชากอย่างแรง เพชรคืนดีกับเกรียงศักดิ์ เพชรพูดความในใจต่อ
“แต่ผมก็อยากให้ท่านเห็นใจ” เกรียงศักดิ์มองรอฟัง “ผมรักน้ำหนึ่ง ผมรักน้ำหนึ่งจริงๆผมขออย่างลูกผู้ชาย ท่านให้ผมแต่งงานกับน้ำหนึ่งนะครับ” แววตาของเพชรมองมา อ้อนวอนอย่างลูกผู้ชาย
พลอยกรีดร้องทั้งน้ำตา “ไม่นะเพชร ไม่...”
สองคนหันขวับ “พี่พลอย” / “พลอย”
พลอยแทบใจจะขาด หวงเพชรมาก ถลาเข้ามา “ไม่ยอม พี่ไม่ยอม”
“พี่พลอย”
พลอยกระชากเพชรออกมาห่างเกรียงศักดิ์ “ท่านเอาทุกอย่างไปจากพลอยแล้ว ยังจะเอาน้องชายพลอยไปอีก พลอยไม่ให้ พลอยไม่ยอม แอร๊ย”
พลอยกระชากเพชรออกมาอีก ร้องกรี๊ดๆๆ เพชรพยายามห้าม มือของพลอยสะบัดป่ายเปะไปถูกแผลของเพชรที่ยังไม่หายดี เพชรร้อง “โอ๊ย” ด้วยความเจ็บ แต่พลอยไม่ได้ยินแล้ว พลอยห่วงแต่ตัวเองร้องกรี๊ดๆ ในที่สุดร่างของพลอยก็ร่วงผล็อยลงไป
“พลอย” / “พี่พลอย”
เพชรอุ้มพลอยเดินเข้าไปหาหมอข้างในทั้งที่ตัวเองบาดเจ็บเป็นห่วงพลอยมาก เกรียงศักดิ์
มองตามไป สลดใจ แต่ไม่เดินตาม
เกรียงศักดิ์ได้แต่พึมพำในใจ “หยุดซะทีเถอะพลอย หยุดซักที”
ด้านพจนีย์ทำแผลที่ศีรษะเดินออกมา เห็นพลอยนอนอยู่บนรถเข็นโดยมีเจ้าหน้าที่พาเข้าห้องฉุกเฉิน เพชรตามประกบท่าทางเป็นห่วง ว้าวุ่นใจ มือหนึ่งกุมแผลตัวเองตลอดเวลา
“พี่พลอย สร้างเรื่องอะไรอีก” พจนีย์ตาลุกวาว “ดี” แล้วรีบออกจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
น้ำหนึ่งเดินเข้ามาในบ้านเชิงเขา อันเงียบสงัดและมืดสนิท เสียงของพลอยดังก้อง
“เพชรรักและคิดถึงน้ำหนึ่งมาก น้ำหนึ่งกลับมาหาเพชรนะ พรุ่งนี้เพชรจะออกจากโรงพยาบาล เค้าจะไม่รักษาตัวต่อ ถ้าน้ำหนึ่งไม่กลับมา”
น้ำหนึ่งมองเข้าไปด้านในอย่างกังวล “พี่เพชร เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมบ้านมืดอย่างนี้”
น้ำหนึ่งเดินเข้าไปในบ้าน อย่างระแวดระวัง จู่ๆ มีมือของใครคนหนึ่งคว้าหมับเข้าที่ไหล่
น้ำหนึ่งกรี๊ดสุดเสียงหันมามอง เห็นเป็นพจนีย์
พจนีย์มาด้วยสายตาเป็นมิตร ไม่ได้มองอย่างศัตรูแล้ว “ฉันเอง”
น้ำหนึ่งมองมาอย่างงุนงงปนตกใจ “คุณพจนีย์”
“กลับมาทำไม”
“พี่พลอยบอกว่า พี่เพชรอาการสาหัส ขอให้ฉันกลับมา”
“ไม่มีทางที่พี่พลอยจะเป็นคนดีขนาดนั้น พี่พลอยต้องมีแผนอะไรแน่ ฉันว่าเธอรีบกลับไปเถอะ ก่อนที่พี่พลอยจะมา”
“ไม่...ฉันจะไปหาพี่เพชร” น้ำหนึ่งดึงดันจะเดินเข้าไป
“พี่เพชรไม่ได้อยู่ที่นี่ อยู่โรงพยาบาล” พจนีย์บอกแล้วทำท่าฉุกใจคิดก่อนถาม “เอ๊ะ...นี่พี่พลอยบอกเธอเหรอว่าให้มาที่นี่” น้ำหนึ่งพยักหน้า พจนีย์ทำหน้ายุ่ง “พี่พลอยต้องหลอกเธอมาที่นี่แน่ๆ” พจนีย์ผลักน้ำหนึ่งอย่างแรง “รีบไปเร็ว”
น้ำหนึ่งยิ่งงง “อะไรของคุณ”
พจนีย์ชักหงุดหงิด “อย่าถามอะไรโง่ๆอีกได้มั้ย ฉันบอกให้รีบไป ก็รีบไปสิ ไม่งั้นเธออาจจะเจออย่างน้องของฉันก็ได้”
“คุณรจนาเป็นอะไร”
“หายตัวไป ฉันว่า พี่พลอยต้องเป็นตัวการแน่ๆ”
น้ำหนึ่งงุนงง มีสีหน้าว้าวุ่นใจหนัก
อ่านต่อตอนที่ 15