แผนร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 2
พิแสงและกนธีเดินออกมาจากโบสถ์แล้วเลี้ยวไปทางหนึ่ง เขมมิกเดินเข้ามาในโบสถ์ พิแสงหันมาเห็นเขมมิกจากทางด้านหลังก็รู้สึกคุ้นๆ จึงตัดสินใจเดินเข้าไปในโบสถ์อีกครั้ง กนธีหันมาไม่เห็นพิแสงแล้ว
“อ้าว...ไปไหนแล้วอ่ะ...ไอ้พิแสง!”
กนธีออกเดินตามหาพิแสงไปอีกทางหนึ่ง เพราะไม่คิดว่าพิแสงจะกลับเข้าไปในโบสถ์อีกครั้ง
เขมมิกก้มลงกราบพระประธานแล้วยกมือไหว้พนมพร้อมกับมองไปที่พระประธาน พิแสงค่อยๆคลานเข้ามานั่งข้างหลังเขมมิกโดยที่เขมมิกไม่รู้ตัว
“ลูกสัญญาค่ะ...ว่าลูกจะล้างมือจากวงการ”
พิแสงงงว่าวงการอะไร
“ถ้าลูกเข้าใจไม่ผิด เพราะการรับจ็อบของลูกใช่มั้ยคะ เพราะฉะนั้นขอเถอะค่ะ ผลกรรมใดที่มันจะเกิดจากการรับจ๊อบของลูก ขอให้ตกอยู่ที่ลูกเพียงผู้เดียว อย่าได้ไปส่งผลกับแม่ของลูกเลยนะคะ แล้วลูกจะถือศีลกินมังสวิรัติ”
พิแสงพยายามกลั้นหัวเราะ เขมมิกได้ยินก็อึ้ง
“ใครหัวเราะขัดจังหวะ...เสียมารยาทจริง”
เขมมิกหันไปทางข้างหลังเตรียมเหวี่ยง แล้วเธอก็ต้องผงะเมื่อเห็นพิแสงนั่งอยู่
“นาย! อีกแล้วเหรอ”
“ชู่ว์...ในโบสถ์ต่อหน้าพระ สำรวมหน่อย” พิแสงว่า
เขมมิกเจ็บใจ แต่ก็พูดเสียงเบาทั้งๆ ที่อารมณ์ยังฉุนเท่าเดิม “ตามฉันมาอีกทำไม หา!”
“ผมมาของผม...ไม่เกี่ยวกับคุณ คุณนั่นแหละตามผมมาอีกทำไมหรือว่าติดใจ...อยากจีบผมจริงๆ”
เขมมิกฉุนกึก “ไอ้!...”
“ชู่ว์!!! เกรงใจสิ่งศักดิ์สิทธิ์หน่อย”
เขมมิกก้มลงกราบพระ แล้วหยิกพร้อมกับลากพิแสงออกไป
“โอ๊ย...เบาๆ อย่ามาแตะต้องตัวผม ปล่อย”
เขมมิกลากพิแสงออกไปจนได้
เขมมิกลากพิแสงออกมาจากโบสถ์
“บอกให้ปล่อยผม”
“ไม่ปล่อย”
พิแสงขืนเอาไว้ไม่ยอมเดิน
เขมมิกออกแรงลาก แต่พิแสงไม่เคลื่อนไปเลย
พิแสงท้า “เก่งนักก็ออกแรงหน่อย ไม่กระดิกเลย ดูเด่ะ”
เขมมิกออกแรงดึง พิแสงยักไหล่
เขมมิกอ้อมหลังไปแล้วผลัก พิแสงยักไหล่อีก
เขมมิกอ้อมมาข้างหน้าแล้วเท้าสะเอวหอบแฮ่กๆ “โอเค...ที่นี่เป็นเขตอภัยทานฉันจะไม่สร้างกรรมใหม่ อโหสิกรรมให้ ไปผุดไปเกิดได้แล้ว ไป”
“ปากเหรอนั่นน่ะ”
“ใช่ ปากดีอีกต่างหากด้วยนะ”
“เอาเหอะ ขี้กียจเถียง แต่อยากรู้...เป็นแอร์โฮสเตสรายได้ก็ดีอยู่นะ ไปรับจ็อบอะไร...ขายตัวเหรอ ถึงต้องมาสารภาพบาปกับพระขนาดนี้”
เขมมิก โกรธมาก “ไอ้....!!”
“ไอ้อะไร!”
“ฉันจะไม่ด่าใคร...ไม่อยากทำผิดศีล แต่ฝากไว้ก่อน เจอกันคราวหน้านอกเขตวัด ฉันเอาคืนแน่ !”
เขมมิกสะบัดหน้าหนีพิแสง พิแสงมองตามยิ้มๆ แต่ยังติดใจอยู่
“จ๊อบอะไรของเขา”
เนตรนิภาเปิดประตูห้องที่คอนโดเข้ามา แล้วทิ้งตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน
“เขม ไปส่งแม่แกมาแล้วนะ” เนตรนิภาบอก
เขมมิกเดินออกมาพร้อมจานใส่แซนวิชอันใหญ่แล้วยื่นให้เนตรนิภา
“แทนคำขอบคุณ” เขมมิกบอก
“น่ารักอ่ะ!!”
เนตรนิภารับจานแซนวิชมากินอย่างอร่อย
เขมมิกนั่งมองอย่างภูมิใจ “อร่อยป่ะ”
“สุดๆอ่ะ”
“เจอไอ้เปี่ยมพงษ์ป่ะ” เขมมิกถาม
“ไม่เจอ” เนตรนิภาตอบ
“ฉันจะเลิกแล้ว”
“เลิกอะไร”
“จ็อบ”
เนตรนิภาอึ้ง “จริงอ่ะ”
“จริง”
“ส้าธุ!! แกพูดจริงๆนะเขม แกเลิกได้ ฉันจะรู้สึกดีมาก มันไม่ได้เป็นฮีโร่ช่วยกู้โลก...แต่มันเป็นการทำบาป”
“แล้วทำไมไม่ห้ามตั้งแต่แรก”
“ถ้าแกคิดจะทำอะไร ใครจะห้ามได้”
“เพื่อนรักฉันจริงๆ...สุดๆอ่ะ นี่ เตรียมชุดไว้หรือยัง”
“ชุด? ชุดอะไร”
“งานพรุ่งนี้ไง...”
เขมมิกลุกหนี
“งานแต่งงานกัปตันพีท??? เฮ้ย..เขม..!!”
เนตรนิภาตกใจจนอึ้งไป
พิแสงนั่งเล่นอยู่ข้างนอกบ้าน กนธีเดินเข้ามา
“พิแสง...ฉันไปนอนก่อนนะ เพลียว่ะ” กนธีบอกเพื่อน
“ไปเหอะ”
กนธีจะเดินไปแต่พิแสงเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน”
“เฮ้ย..ไม่มีทาง ฉันไม่มีวันจูบราตรีสวัสดิ์กับแกแน่ ฉันจะเก็บไว้ให้คุณเขมมิก”
พิแสงได้ยินชื่อแล้วก็เซ็ง “ผู้หญิงดีๆ มีเยอะแยะไม่ชอบ”
“ลางเนื้อชอบลางยาเว้ย อีกอย่าง คุณเขมมิกไม่ดีตรงไหนวะ”
“เรื่องบางเรื่องมันก็ซุกอยู่ใต้พรม ต้องใช้เวลาขุดคุ้ยหาความจริง อย่าเพิ่งตัดสินใจว่าเค้าดีพอ”
“ชีวิตคนเรามันสั้นเว้ย พิแสง..รักแล้วรักเลย นี่คือคอนเซ็ปต์ของฉัน”
กนธีเดินออกไป พิแสงมองตามกนธีด้วยความเห็นใจ พิสิณีเดินเข้ามาหาพิแสง
“พี่ใหญ่คะ”
“ว่าไง..สิณี”
พิแสงเห็นแววตากังวลของพิสิณีแล้วก็เอะใจ
เขมมิกเปิดตู้เสื้อผ้า เนตรนิภาเข้ามายืนซ้อนข้างหลังมองเข้ามาแล้วก็ตกใจจนเหวอ
“เขม!!! แกเอาจริงเหรอเนี่ย”
“จริง...ไง ชุดไปงานแต่งงานของคุณพิทยากับคุณพิสิณี...เจิดป่ะ” เขมมิกถามเพื่อน
“แต่แกอาจจะถูกไล่ออกก็คราวนี้” เนตรนิภาเตือน
“นี่...ฉันแค่เดินเข้างาน ชิลๆ สวยๆ ของฉัน ไม่ได้ทำอะไรผิด จะถูกไล่ออกได้ยังไง”
“ฉันไม่เอาด้วยนะ แรงอ่ะ”
เขมมิกจับตัวเนตรนิภาเข้ามามองเข้าไปในตู้เสื้อผ้า “ไม่แรงหรอก ฉันแค่ไปร่วมแสดงความยินดีกับกัปตันพีท...ส่งให้เค้าเดินเข้าสู่ชีวิตครอบครัวที่เขาใฝ่ฝันด้วยตัวเอง....แค่นั้นจริงๆ”
“มันไม่ใช่แค่นั้นแน่...แกยังไม่ลืมกัปตันพีท แกจะไปแก้แค้น”
“บ้า.....ฉันจะไม่แค้นใครอีก ฉันจะปล่อยวาง ฉันจะเดินทางใหม่บนเส้นทางแห่งความดี เพื่อชีวิตใหม่ของแม่และฉัน...เชื่อฉันน่า ไป ไปอาบน้ำนอน นอนน้อยเดี๋ยวสวยไม่เป๊ะ”
เขมมิกลากเนตรนิภาเดินออกไปทันที
พิแสงจับมือพิสิณีเอาไว้
“จะแต่งงานวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว ทำไมทำหน้าอมทุกข์” พิแสงถามน้องสาว
พิสิณีถามกลับ “เหรอคะ”
“ใช่”
“อาจจะเหนื่อย เพราะไหนจะเตรียมงานแต่ง ไหนจะงานที่ต้องทำช่วยคุณพ่อคุณแม่”
“เห็นว่านายพีทก็ช่วยเราได้มากอยู่นี่”
“ค่ะ พีทเป็นคนขยัน ช่วยเราได้มาก”
พิสิณีทำหน้าหมองลงจนพิแสงจับสังเกตได้
“แล้วทำไม...มีอะไรไม่สบายใจเกี่ยวกับว่าที่สามีเราหรือเปล่า”
“พี่ใหญ่เคยมีความรักหรือเปล่าคะ”
“ถามพี่ทำไม”
“สิณีอยากรู้...ถ้าผู้ชายเคยรักใคร แล้วใช้เวลานานมั้ย กว่าที่เค้าจะลืม”
“ไม่มีใครลืมความรักที่เคยเกิดขึ้นได้หรอก มันจะยังอยู่ในความทรงจำ ลบได้ไม่หมด”
“จริงเหรอคะ...” พิสิณีหวั่นไหว
“สิณี...สิณีกลัวอะไร”
พิศาส่งเสียงเข้ามา
“จะอะไรซะอีกล่ะคะ ถ้าไม่ใช่กลัวพี่พีทจะกลับไปหานังเขมมิก”
“เขมมิก เขมมิกไหน...”
“แอร์โฮสเตสสายการบินของเราค่ะ มันร้าย...มันเป็นแฟนเก่าพี่พีท พี่พีทบอกเลิกกับมัน แต่มันยังตามตื้อพี่พีท พอรู้ว่าถูกทิ้งชัวร์ มันเลยแค้นไม่เลิก อย่าให้ได้เจอแฟนใครนะ มันแย่งหมด” พิศาเล่า
พิแสงอึ้ง
เขมมิกสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายด้วยอาการละเมอ
“ฉันเกลียดแก!!!!!!! ฉันจะฆ่าแก!!!!! ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!!”
เขมมิกนิ่งแล้วก็ลงไปนอนต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พิแสงนั่งคิด
“เขมมิก...”
“มีเขมมิกชั่วๆอยู่แค่คนเดียวล่ะค่ะในโลกนี้ คือมัน!” พิศาบอกพี่ชาย
“น้องเล็ก ไม่เอาน่า จะไปจงเกลียดจงชังเขาทำไมจนป่านนี้” พิสิณีปราม
“ไม่เกลียดได้ไง ก็มันทำให้พิศาต้องถูกเพทายบอกเลิก”
“เราก็โดนด้วยเหรอ” พิแสงถาม
“น้องเล็กไปจ้างเขาให้มาทดสอบเพทายเองค่ะพี่ใหญ่” พิสิณีบอก
“จ็อบมันเสร็จไปนานแล้ว เพทายยังซื่อสัตย์กับเล็ก แต่นังเขมมิกมันไม่ยอมเลิก มันมาอ่อยเพทาย เพทายเป็นแค่คนธรรมดาไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะคะ เล็กเลยต้องกลายเป็นคนไม่มีแฟนอยู่แบบนี้”
“น้องเล็กพูดเกินไป”
“พี่สิณีก็มองมันในแง่ดีเกินไป ระวังเหอะ มันย้อนกลับมาแย่งพี่พีทเมื่อไหร่ เล็กจะหัวเราะให้ฟันหัก”
“น้องเล็ก อย่าพูดแบบนี้”
“โอ๊ย พูดความจริงแล้วทำเป็นรับกันไม่ได้ อย่ามาขอบใจเล็กทีหลังก็แล้วกัน”
พิศาเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป พิแสงมองหน้าพิสิณี
“นายพีทแอบไปเจอกับยัยเขมมิก ลับหลังเราอีกหรือเปล่า สิณี” พิแสงถาม
“ไม่หรอกค่ะ พีทไม่ทำแบบนั้น เราคุยกันรู้เรื่องแล้ว สิณีเชื่อใจพีทค่ะ”
“นายพีทโชคดีที่ได้แต่งงานกับเรา หนักแน่นเข้าไว้นะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่”
“ไปนอนเถอะไป...พรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำพิธีแต่เช้า วันมงคลที่เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิต สิณีต้องสวยและสดใสมากที่สุดนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่”
พิสิณีเดินออกไปโดยที่ยังไม่คลายกังวล พิแสงคิดถึงเขมมิกด้วยทัศนคติที่ไม่ดีนัก
“ยัยเขมมิก มีอะไรเกี่ยวกับตัวเธอที่ฉันยังไม่รู้อีกนะ”
ตกกลางคืน พิทยาและพิสิณีในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ทั้งหล่อและแสนสวยยืนต้อนรับแขกอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรม พิสุทธิ์และแสงสุดาช่วยรับแขกอยู่อีกมุม แสงสุดาร่าเริงและยิ้มแย้มมาก พิศายืนช่วยแจกของชำร่วยหน้าบูดเพราะไม่พอใจ แสงสุดาเห็นหน้าตาของพิศาแล้วไม่พอใจจึงเดินเข้ามาดุ
“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยสิ ยัยเล็ก” แสงสุดาบอก
“หนูอุตส่าห์แต่งตัวสวย แต่ให้หนูมายืนแช่แจกของชำร่วยเนี่ยนะคุณแม่” พิศาไม่พอใจ
“มีแต่ไฮโซ วีไอพีทั้งนั้นที่มางานนี้ แม่อยากให้ใครๆเห็นว่าลูกสาวคนเล็กของแม่สวยมากขนาดไหน ไม่อยากเปิดบิลใหม่หรือไงจ๊ะ”
“แฟนใหม่?? ก็ดีเนอะ ก็ได้ค่ะ ยืนตรงนี้ก็ได้”
กนธีเข้ามาอาสาช่วยพิศา
“ให้ผมช่วยมั้ยครับน้องเล็ก”
“ตาธี...” แสงสุดาเสียงแข็ง
“ครับคุณแม่”
“ไปห่างๆ...ฉันไม่ชอบคนกรุ้มกริ่มเจ้าชู้”
“คุณแม่ไม่ชอบไม่เป็นไรครับ” กนธีหันไปหาพิศา “แต่...”
พิศารีบบอก “น้องเล็กก็ไม่ชอบค่ะ”
กนธีจ๋อย “แหม พี่ล้อเล่น เห็นมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย..ก็เอ็นดูไปตามประสา ไปนะครับ”
กนธีรีบออกไปทันที แสงสุดามองตามด้วยความหมั่นไส้
“ทำตัวแบบนี้ไงล่ะ ถึงไม่มีใครเอาสักที น่าเสียดาย” แสงสุดาพูดกับพิศา “ยัยเล็ก ยิ้ม!”
พิศาปั้นหน้าสวยยิ้มแย้มแจกของชำร่วยไป สาวิกาที่มากับพ่อแม่เอ่ยทัก
“คุณป้าขา สวัสดีค่ะ”
“วิกา สวัสดีค่ะลูก” แสงสุดาพูดกับพ่อแม่สาวิกา “สวัสดีค่ะท่าน...”
สาวิกาวิ่งไปหาพิศา
“คุณเพื่อน ฉันช่วยเอามั้ย”
“ไม่ต้อง ฉันทำเอง ไปยืนข้างหลังฉันไป อย่าเกะกะ” พิศาว่า
“ได้จ๊ะ คุณเพื่อน”
แสงสุดาหันไปหาพิสุทธิ์แต่ก็ไม่เห็นพิสุทธิ์แล้ว
“คุณพิสุทธิ์...ไปไหนแล้วล่ะ รอสักครู่นะคะท่าน เดี๋ยวดิฉันไปตามคุณพิสุทธิ์มาสวัสดีท่านนะคะ”
แสงสุดาเดินออกไปตามหาพิสุทธิ์
พิแสงนั่งดื่มเครื่องดื่มโดยปลีกจากผู้คน พิสุทธิ์ปาดเหงื่อเดินเข้ามา
“ไม่ช่วยพ่อต้อนรับแขกเลยนะเรา ตาใหญ่” พิสุทธิ์ว่า
“มีคุณแม่คนเดียว ก็เหมือนมีผมมีพ่อรวมกันสิบคน” พิแสงบอก
“เออ จริง แม่แกเก่ง เก่งเสมอ แก่แล้วก็ยังเก่ง”
“ไม่งั้นจะเอาคุณพ่ออยู่เหรอครับ”
“ฮ่ะๆๆๆ น่านสิ ฮ่ะๆๆๆ เลยเกรงใจ...ไม่กล้ามีกิ๊ก...ฮ่ะๆๆๆไม่งั้น..ตายแน่”
เสียงอนงค์ดังขึ้น “หัวเราะอารมณ์ดีเชียวนะคะ คุณพิสุทธิ์”
พิแสงกับพิสุทธิ์ชะงักแล้วหันไป
อนงค์และวาศิณีในชุดสวยเป็นพิเศษเดินเข้ามาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม พิสุทธิ์ยิ้มไม่ออก อนงค์และวาศิณีไหว้พิสุทธิ์และพิแสง พิสุทธิ์และพิแสงรับไหว้อย่างงงๆ
“แหม...ทำเป็นงง...ก็เซอร์ไพรส์ไงคะ งานมงคลของคนสำคัญ ที่สนิทชิดเชื้อเหมือนคนในครอบครัวเดียวกันแบบนี้ ถึงไม่เชิญก็ต้องมาค่ะ”
“นายหัวคงไม่ว่าพวกเราใช่มั้ยคะ”
พิสุทธ์และพิแสงมองหน้ากันเจื่อนๆ
พิทยาและพิสิณียืนต้อนรับแขกและร่วมถ่ายรูปกันอยู่ แต่แล้วพิทยาและพิสิณีก็ชะงักจนหน้าเสียเมื่อมองไปทางข้างหน้า พิศาเงยหนาขึ้นมองก็แทบร้องกรี๊ด แขกเหรื่อที่อยู่หน้างานพากันอึ้งไปหมด กนธีเดินเข้ามาดูก็อึ้งจนเหวอ
เขมมิกในชุดที่เหมือนกับชุดเจ้าสาวของพิสิณีเป๊ะ เพียงแต่เครื่องประดับไม่ได้ครบเครื่องเป็นเจ้าสาวเหมือนพิสิณีเดินเข้ามา เขมมิกเดินเยื้องย่างเข้ามาพร้อมกับยิ้มแย้มให้กับทุกคน
กนธีทำแก้วร่วงจากมือ พิทยาและพิสิณีใจเสีย พิสิณีถึงกับใจสั่นและทำหน้าไม่ถูกเพราะรู้สึกอายแขก พิทยาเห็นพิสิณีแล้วสงสารจึงจับมือพิสิณีเอาไว้ เขมมิกเดินแหวกผู้คนเข้าไปหาพิทยา
“สวัสดีค่ะ กัปตันพีท คุณพิสิณี ยินดีด้วยนะคะ”
พิทยากับพิสิณีอึ้งมองเขมมิกตั้งแต่หัวจรดเท้าแต่ก็พูดไม่ออก เขมมิกยังยิ้มเย็นให้กับทั้งคู่ ท่ามกลางเสียงซุบซิบของแขกเหรื่อ พิศาทนไม่ไหวจึงพุ่งเข้ามา โดยมีสาวิกาตามมาติดๆ
“แกคิดจะทำอะไร!”
“ทำอะไรคะ ก็มาแสดงความยินดี”
“ด้วยชุดนี้เหรอ” พิศาถาม
“น้องเล็ก อย่าเสียมารยาท! ตอนนี้!” พิสิณีอายแขก
“แต่มันตั้งใจใส่มาเย้ย ล้อเลียนพี่สิณี!”
“น้องเล็ก!” พิสิณีอายมาก
พิศาจำใจหยุด เมื่อเห็นแขกมองอยู่เป็นตาเดียวแล้วก็ซุบซิบ
“อย่ามองดิฉันในแง่ร้ายสิคะ ล้อเลียนอะไรกัน ชุดเจ้าสาวเป็นชุดที่ศักดิ์สิทธิ์ ดิฉันไม่กล้าทำแบบนั้น...กับคุณทั้งสองคนหรอกค่ะ” เขมมิกพูดกับแขก “ไม่มีอะไรหรอกนะคะ” เขมมิกพูดกับพิทยาและพิสิณี “ขอถ่ายรูปด้วยนะคะ”
เขมมิกเข้าไปอยู่ตรงกลางแล้วโพสท์ให้คนถ่ายรูป เขมมิกจงใจควงแขนพิทยาแต่ไม่ควงพิสิณี พิทยารู้สึกอึดอัด พิสิณีปั้นยิ้ม พิศาทนไม่ไหว ส่วนกนธีเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเดินออกไป
อนงค์และวาศิณียังยิ้มหวานให้พิสุทธิ์และพิแสง
“เราสองคนน่ะ ไม่ว่าหรอก แต่กลัวอีกคนหนึ่งน่ะสิ จะว่า” พิสุทธิ์บอก
“แหม...คุณพิสุทธิ์จะปล่อยให้ความปรารถนาดีของพวกเราถูกทำลายเหรอคะ” อนงค์อ้อน
อนงค์เข้ามาควงแขนพิสุทธิ์พลางส่งสายตาอ้อน พิสุทธิ์ไอค่อกๆๆ แล้วรีบปลดแขนของอนงค์ออก
“หรือรังเกียจคนที่เคยๆกัน....ใจร้ายไปหน่อยมั้งคะ”
พิสุทธิ์เซ็ง “โอ๊วววววววว...ไปกันใหญ่...เฮ้อ”
พิสุทธิ์หายใจไม่ทั่วท้อง พิแสงก็อึดอัดทำอะไรไม่ถูก อนงค์หันไปขยิบตาให้วาศิณีทำตามตัวเอง วาศิณีเลยเข้าไปควงแขนพิแสงบ้าง
“นายหัวคะ...คงไม่ไล่น้ำหวานกับแม่กลับไปหรอกนะคะ”
“อ๋อ..เอ่อ...คือ...”
แสงสุดาเดินเข้ามาด้วยหน้าตาเหวี่ยงเต็มที่
“ใครไม่ไล่ ฉันไล่เอง!!”
พิสุทธิ์กับพิแสงหันไปเห็นแสงสุดาเดินมาก็หน้าซีดเพราะรู้ว่ามีเรื่องแน่
“อ้อ..คุณแสงสุดา สวัสดีค่ะ” อนงค์พูดแบบเชิดๆ
“สวัสดีค่ะ นายแม่ใหญ่”
“กองไว้ตรงนั้น” แสงสุดาพูดห้วนๆ
“เด็กมันไหว้” พิสุทธิ์บอก
“คุณน่ะมานี่!”
แสงสุดาใช้สายตาข่มพิสุทธิ์ออกคำสั่งให้มายืนข้างๆตัว
“ครับ” พิสุทธิ์ยอมมายืนใกล้ๆ
“เราด้วย ตาใหญ่ มายืนใกล้ๆแม่ ไม่ใช่ไปอยู่ใกล้ๆมาร”
“อะไรนะคะ” อนงค์หูผึ่ง
“มาร...มอ อา ร.เรือ อ่านว่ามาร...ไม่มีการศึกษาหรือไง ถึงไม่รู้จัก” แสงสุดาว่า
อนงค์หน้าเสียเพราะไม่พอใจ วาศิณีรีบเข้าประชิดอนงค์ด้วยความกลัว
“การศึกษาน่ะมีค่ะ ตามฐานะ แต่ที่ดิฉันต้องทวนคำเพราะไม่คิดว่าคนที่มีการศึกษามีฐานะมีคนนับหน้าถือตาขนาดคุณแสงสุดาจะกล้าพูดคำๆนี้ออกมา”
“อ๋อ...อารมณ์หึงผัวน่ะ มันทำให้ผู้หญิงไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนทำแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ เธอก็เคยมีผัวนี่ น่าจะเข้าใจ”
อนงค์หน้าเสียอีก
วาศิณีกระซิบ “แม่คะ กลับกันมั้ย”
“กลับไปเลย ไม่ได้เชิญ ทีหลังก็ไม่ต้องเสนอหน้ามา ให้ทำงานที่ฟาร์มอยู่ทุกวันนี้ ถือว่าบุญเท่าไหร่แล้ว อย่าได้พยายามทำอะไรอีกเด็ดขาด” แสงสุดาไล่
กนธีวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“แย่แล้วครับ แย่แล้ว”
พิสุทธิ์โล่งใจ “โอย...เสียงระฆังช่วยชีวิต”
“ขอบคุณครับคุณพ่อ” กนธีพูด
“มีอะไร ตาธี!” แสงสุดาถาม
“เอ่อ...เอ่อ” กนธีอึกอัก
แผนร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 2 (ต่อ)
เขมมิกเดินเข้ามาหาพิสิณีแล้วพูดเบาๆ
“ขอเวลาคุยกับคุณสิณีเป็นการส่วนตัวได้มั้ยคะ”
พิทยาและทุกคนอึ้ง
พิศาโวยลั่น “ใครก็ได้ ช่วยตามร.ป.ภ.ที ลากนังนี่ออกไปข้างนอก ก่อนที่มันจะทำลายงานแต่ง”
“ใครก็ได้ หมายถึงใครคะคุณเพื่อน” สาวิกาถาม
“โอ๊ย! ต้องให้แปลด้วยหรือไง”
“ไม่ต้องจ๊ะ พี่คิดว่า คุณเขมมิกไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายงานแต่งงานของพี่หรอก ใช่มั้ยคะ” พิสิณีถามกลับ
เขมมิกมองพิสิณีอย่างอึ้งๆ เมื่อเห็นความเข้มแข็งที่ไม่ธรรมดาของเธอ
“เขม ผมขอร้อง...คุณกลับไปก่อนเถอะ ทำแบบนี้ทำไม คุณเดือดร้อนแน่” พิทยาว่า
“ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” เขมมิกบอก
“มึนเกินไปหรือเปล่า คนอย่างแก มีเหรอ จะไม่มีแผนทำอะไร” พิศาว่า
“ดูเดือดร้อนกันจัง...กลับก็ได้ค่ะ แต่หลังจากที่ได้คุยกับเจ้าสาวของคุณ” เขมมิกยืนยัน
“คุณจะคุยอะไร” พิทยาถาม
เขมมิกหันมองพิทยาอย่างท้าทาย
พิสิณีหันมาบอก “เชิญห้องเล็กทางด้านโน้นดีกว่าค่ะ”
พิสิณีเดินนำเขมมิกไป เขมมิกเข้ามากระซิบพิทยา
“ให้คุณเห็นไง...ว่าอำนาจการทำลายล้างของฉันสูงแค่ไหน...ฉันไม่ใช่แค่ขู่ แต่ฉันทำจริง....จนกว่าจะแน่ใจว่า คุณจะเลิกตอแยฉัน”
พูดจบเขมมิกก็เดินออกไป พิทยาอึ้ง พิศาหันมามองพิทยาตาเขียว
“มันพูดอะไรกับพี่พีท” พิศาถาม
พิทยาอึ้งแต่ไม่กล้าบอกพิศา พิแสง แสงสุดา พิสุทธิ์ กนธี อนงค์และวาศิณีเดินเข้ามา
“ไหน ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน!” แสงสุดาถาม
เขมมิกเดินเข้ามาหาพิสิณีที่ยืนอย่างสงบนิ่งมาก
“คุณมีเรื่องอะไรก็รีบๆพูดมาเถอะค่ะ ก่อนที่คุณแม่จะมา” พิสิณีบอก
“อ๋อ...คงไม่ทันแล้วล่ะ” เขมมิกว่า
แสงสุดาเดินมาทุบประตูห้อง พิแสง พิสุทธิ์ พิทยา กนธี พิศา สาวิกา เดินตามมาด้วย ส่วนอนงค์และวาศิณีรั้งท้ายเพื่อสังเกตการณ์ความวุ่นวาย อนงค์แอบสะใจอยู่ลึกๆ
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้ จะล็อกทำไม หา!!” แสงสุดาทุบประตู
“ก็แปลว่า เขาไม่อยากให้เราเข้าไปยุ่งน่ะสิคุณ” พิสุทธิ์บอก
“ฉันไม่ได้ถาม แค่บ่น!”
“จ๊ะ”
“คุณแม่ ใจเย็นๆก่อนครับ ผมจัดการเอง” พิแสงเคาะประตู “สิณี เป็นยังไงบ้าง ผู้หญิงวิปริตคนนั้นทำอะไรน้องหรือเปล่า”
ภายในห้องพิสิณียืนคุยกับเขมมิก
“คุณคิดจะทำอะไร ทำร้ายตัวเองแบบนี้ทำไม ไม่คิดบ้างเหรอ หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับหน้าที่การงานของคุณ คุณแม่ฉันเป็นคนแบบไหน คุณน่าจะรู้” พิสิณีบอก
แสงสุดาที่ยืนหน้าห้องออกคำสั่ง
“ตาใหญ่ ไม่ต้องเจรจา นับถอยหลังเลย ถ้าไม่เปิด....แม่จะแจ้งตำรวจ”
“ไม่ต้องนับหรอกค่ะ แจ้งเลย!” พิศายุ
“ยัยน้องเล็ก เฉยๆน่ะ...คุณจ๋า อย่าให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ” พิสุทธิ์ปราม
“นั่นสิครับ ก็แค่ผู้หญิงสองคนคุยกัยกระจุ๊กกระจิ๊ก” กนธีบอก
“กระจุ๊กกระจิ๊กเหรอ จับตัวลูกสาวฉันเป็นตัวประกันชัดๆ ตาพีท! แฟนเก่าเรามันร้าย ไม่คิดทำอะไรบ้างเลยหรือไง”
“นั่นสิ...พีท นายควรแสดงความรับผิดชอบอะไรบ้างนะ” พิแสงว่า
“ผมคิดว่า เขมคงไม่ทำอันตรายอะไรสิณีหรอกครับ” พิทยาบอก
“ผู้หญิงคนนั้นไว้ใจไม่ได้นะคะ พี่พีท ตอนนี้อาจจะบีบคอพี่สิณีด้วยความแค้นอยู่ก็ได้” พิศาว่า
แสงสุดาทนไม่ไหว “สิณี ลูกแม่!! อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ เปิดประตูนะ เขมมิก!!”
ภายในห้อง เขมมิกพูดกับพิสิณีด้วยท่าทีเป็นมิตร
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเสียหายนี่...แค่มาทำความรู้จักกับผู้หญิงที่พีทกำลังแต่งงานด้วยอย่างเป็นทางการ”
“คุณเสียใจเรื่องที่พีทเลิกกับคุณมากใช่มั้ยคะ” พิสิณีถาม
เขมมิกอึ้ง
“ฉันเสียใจด้วยนะคะ ไม่แปลกที่คุณจะรักพีท เพราะเค้าเป็นคนดีมาก”
“พีทเป็นคนดี แต่...” เขมมิกเห็นหน้าพิสิณีแล้วอึ้งจนพูดไม่ออก “คุณรักพีทมากสินะ”
พิสิณีตอบทันที “ค่ะ”
“เพราะไม่อย่างนั้น คุณคงไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายที่มีแต่ตัวอย่างเค้า”
“สำหรับฉัน การที่จะรักใครสักคน ไม่ใช่การลงทุนที่ต้องคำนึงต้นทุนหรือกำไร”
“หวังว่ามันคงจะเวิร์ก หมดเรื่องคุยแล้วล่ะ ขอให้คุณโชคดี ฉันกลับล่ะ”
เขมมิกรีบเบือนหน้าหนีแล้วเดินไปไปเปิดประตูห้องทันที พิสิณีมองตามด้วยความเห็นใจ
กลุ่มผู้สูงอายุที่มากินโต๊ะแชร์เปิดประตูห้องที่แสงสุดาทุบออกมา พิแสงและทุกคนอึ้ง แสงสุดาปราดเข้าไปมองข้างในห้องที่มีแต่โต๊ะที่มีอาหารที่กินกันเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ใช่ห้องนี้” พิแสงมองหน้าพิทยา
พิทยาหลบตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ที่ตัวเองแกล้งบอกห้องผิดเพราะต้องการปกป้องเขมมิก
“แล้วห้องไหนล่ะ!” แสงสุดาถาม
เขมมิกเดินลิ่วออกมาจากห้อง พิสิณีตามหลังมองเขมมิกด้วยความเห็นใจ
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” พิสิณีเรียกไว้
เขมมิกชะงักแล้วหันมา “ฉันเสียใจก็จริง แต่ฉันไม่คิดจะร้องไห้หรอกนะ ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น!!!
“ทางนั้น ทางเข้างานค่ะ ถ้าจะกลับ ต้องทางโน้น”
เขมมิกหน้าแตกแต่ก็เก็บอาการ “เหรอ...ขอบคุณ”
เขมมิกรีบเปลี่ยนทิศเดินออกไป พิสิณีรู้สึกเป็นกังวลกับคนที่อยู่ข้างหลังจึงเดินแยกไปอีกทาง
เนตรนิภาเดินงุ่นง่านรอเขมมิก
“ไหนบอกว่าจะเข้าไปแป๊บเดียว นานเกินไปแล้วนะ เขม....มีเรื่องหรือเปล่า”
เนตรนิภาร้อนใจจึงวิ่งเข้าไปในโรงแรมทันที
เขมมิกรีบวิ่งมาตามทางเดินด้วยความโล่งอกพลางยิ้ม
“เยส!!!” เขมมิกหัวเราะอย่างสะใจ “ฮ่ะๆๆๆๆ ขอโทษด้วยนะพีท...แบบว่า ไม่ได้ตั้งใจป่วนเลยอ่ะ...เบาๆ....แค่พอตื่นเต้น...คริคริ”
พิแสงโผล่มาดักข้างหน้าเขมมิก
“จะรีบกลับไปไหนเล่า?” พิแสงถาม
เขมมิกตกใจ “ว้าย!!”
พิแสงย่างสามขุมเข้าหาเขมมิก เขมมิกถอยกรูด
พิศิณีเข้ามา พิทยาและทุกคนกรูเข้าไปหา
“ที่รัก...เป็นอะไรบ้างหรือเปล่า”
“ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรลูก” แสงสุดาถาม
“พี่สิณีถูกมันตบมาหรือเปล่า” พิศาซัก
“คุณเพื่อนคะ...ดูละครมากไปหรือเปล่าคะ คุณเขมมิกเค้า...” สาวิกาจะพูดแต่พิศารีบขัด
“มันเป็นตัวอิจฉา!”
“เอ้า ใจเย็นๆ...ฟังเจ้าตัวเค้าหน่อย เล่นถามซะไม่เว้นช่องไฟกันเลย” พิสุทธิ์ปราม
“ทุกคนฟังนะคะ...คุณเขมมิกแค่คุยกับสิณี และอวยพรขอให้เราทั้งคู่โชคดีค่ะ” พิสิณีบอก
“เห็นมั้ยคะ นางเอกออก” สาวิกาพูด
“เงียบไปเลยไป น้องเล็กไม่เชื่อ” พิศาบอก
“หรือทุกคนอยากให้มีเรื่องวุ่นวายจนหนังสือพิมพ์เอาไปลงข่าวคะ”
แสงสุดาและทุกคนอึ้ง แสงสุดามีท่าทีอ่อนลง
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว น่าจะให้มันวุ่นวายต่ออีกสักนิดนะคะ จะได้มีกระแส งานแต่งคุณพิสิณีจะได้ดังทั่วประเทศ...เอ๊ะ...หรือว่า..ความจริงแล้ว คุณแสงสุดาจ้างผู้หญิงคนนั้นมาสร้างกระแสคะ พนักงานที่สายการบินไม่ใช่เหรอ” อนงค์ถาม
แสงสุดาไม่พอใจมาก “สมองฉันคิดแผนสร้างกระแสได้ดีกว่านี้ย่ะ เอ๊ะ ลืมไป ว่าสมองเธอคงคิดอะไรได้ตื้นๆ อ่ะนะ โอเค...ไม่ถือๆ”
อนงค์และวาศิณีอึ้ง
“คุณ...พอเถอะ” พิสุทธิ์ปราม
“ปกป้องเหรอ!”
“เปล๊า!!! แค่อยากให้บรรยากาศสงบ นี่วันมงคลของลูก”
พิทยาขัดจังหวะ “ได้เวลาเริ่มพิธีแล้วครับ คุณแม่ เข้าไปด้านในกันเถอะครับ ไปครับที่รัก”
“ค่ะ”
พิทยาควงพิสิณีเข้าไปในงาน พิศาและสาวิกาเดินตามไป แสงสุดาค้อนอนงค์วงใหญ่ก่อนจะรีบเดินเข้างาน อนงค์กำลังจะเดินมาหาพิสุทธิ์ แต่แสงสุดาย้อนกลับมาใหม่แล้วควงแขนพิสุทธิ์
“ควรจะเจียมตัวนะ ว่าเป็นแค่ลูกจ้างฟาร์มหมู...ยืนให้ห่างๆฉันหน่อยนะ เพราะเหม็นขี้หมู จะอ้วก!” แสงสุดาว่า
แสงสุดาลากพิสุทธิ์ออกไป อนงค์อยากจะกรี๊ดแต่วิศิณีเดินเข้ามาปลอบใจ
“คุณแม่คะ...หวานบอกแล้วไม่เชื่อ ว่าไม่ให้มา เห็นมั้ยว่าเค้าดูถูกเราแค่ไหน”
“ยิ่งดูถูก แกยิ่งต้องเอาชนะ ไม่ใช่ยอมแพ้ ห้ามถอย เข้าใจมั้ย!”
อนงค์ลากวาศิณีเข้าไปในงาน
พิทยาจับมือพิสิณีเดินเข้ามาในงาน แขกเหรื่อพากันปรบมือและเปิดทางให้บ่าวสาวเดินขึ้นเวที พิทยาและพิสิณียิ้มแย้มกับแขกขณะที่เดินคุยกัน
พิทยากระซิบถามพิสิณี “คุณโอเคแน่นะที่รัก”
“ค่ะ...”
“เขมเค้า....พูดอะไรเกี่ยวกับผมบ้างหรือเปล่า”
“ทำไมคะ กลัวว่าคุณเขมมิกจะพูดถึงคุณเสียๆหายๆเหรอคะ”
“ใช่....เพราะเขมคงเจ็บแค้นผมมาก ถึงได้ทำแบบนี้”
“เขาแค่แสดงความยินดีกับเรา ไม่ได้พูดถึงคุณเสียหายหรอกค่ะ”
พิทยาโล่งใจ
“คุณแกล้งบอกห้องผิด....เพราะคุณปกป้องคุณเขมมิก คุณยังรักเขมมิกอยู่หรือเปล่า” พิสิณีถาม
พิทยาอึ้ง “ที่รัก...สำหรับเขมมิกมันคืออดีต แต่ปัจจุบันของผมคือคุณนะ”
พิทยาและพิสิณีเดินมาหยุดที่บริเวณด้านหน้าพอดี ทั้งสองหันหน้ามามองหน้ากัน
“พีทคะ....สิณีรักคุณ คุณคือคนที่สิณีมั่นใจแล้วว่าจะมอบชีวิตและหัวใจให้คุณดูแล”
“ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจ ผมสัญญา”
พิทยายกมือพิสิณีขึ้นมาบรรจงจูบอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน แขกทุกคนปรบมือ แสงสุดาและพิสุทธิ์มองอย่างปลื้มใจ พิศา สาวิกา และพ่อแม่ของสาวิกายืนอยู่ข้างหลัง แสงสุดารู้สึกได้ว่าขาดอะไรบางอย่าง
“คุณพิสุทธิ์...รู้สึกมั้ย ว่าเหมือน...งานเราขาดอะไรบางอย่างไปนะ”
“ขาดตาใหญ่ไง...” พิสุทธิ์บอก
“แล้วทำไมไม่เตือน!”
“เอ๊า ก็คิดว่ารู้แล้ว”
พิแสงลากตัวเขมมิกที่ขัดขืนเต็มที่โดยหวังจะพาเข้างานให้ได้ กนธีเดินตามติดเพราะเป็นห่วงเขมมิก
“มานี่!” พิแสงลากเขมมิกไป
“จะพาฉันไปไหน ฉันจะกลับบ้าน” เขมมิกบอก
“ไอ้พิแสง...ปล่อยคุณเขมนะเว้ย คุณเขมจะกลับบ้าน ฉันจะไปส่ง” กนธีว่า
“ไม่ต้อง! มาเอง จะกลับเอง”
“ไอ้พิแสง คุณเขมมิกจะกลับเอง ได้ยินมั้ย” กนธีว่า
“ได้ยิน แต่ไม่สนใจ ไหนๆก็มาแล้ว อยู่ต่อสิ จนกว่างานเลี้ยงจะเลิกรา” พิแสงบอก
เขมมิกสวนทันที “ไม่อยู่!”
“ไอ้พิแสง คุณเขมมิกไม่อยากอยู่” กนธีเสริม
“ไม่อยากรู้เหรอว่าคนที่เค้ารักกันจริงๆน่ะ เค้าทำอะไรกันบ้าง” พิแสงถาม
“ไม่อยากรู้!”
“ไอ้พิแสง คุณ...” กนธีจะพูดต่อแต่พิแสงขัดขึ้น
“ไอ้ธี ไม่เงียบ ต่อย!”
กนธีเงียบแล้วไปอยู่คนเดียวเงียบๆที่มุมหนึ่งทันที
“น่า อยู่เถอะ ดูให้เต็มตา ว่าแฟนเก่าเธอกับน้องสาวฉัน รักกันมากแค่ไหน วันนี้เป็นวันที่เค้าจะประกาศให้สังคมรับรู้ว่าความรักของพวกเค้าได้งอกงาม สุกงอมและพร้อมเดินหน้าสร้างครอบครัวที่น่ารักอบอุ่น”
“ไม่อยากได้ยิน ปล่อย!”
พิแสงสั่ง “เข้าไป!”
พิแสงพยายามดันเขมมิกผ่านเข้าประตูงาน เขมมิกทั้งรั้งทั้งยื้อสุดชีวิตทุกวิธี ในที่สุดเขมมิกก็ถูกพิแสงกระชากเข้าไปในงานจนได้ เนตรนิภาวิ่งมาที่หน้างานแล้วมองหาเขมมิก เนตรนิภาเห็นกนธีจึงวิ่งเข้าไปถาม
“เห็นเขมมั้ย”
“เข็มไหน...ไปถามแม่บ้านดิ่ ทำไม ชายกระโปรงหลุดเหรอ” กนธีกวนกลับ
กนธีก้มลงมองต่ำที่ช่วงล่างชองเนตรนิภา เนตรนิภาโกรธจึงต่อยทันที
“ไอ้ทะลึ่ง!!”
กนธีร้องเสียงหลง “จ๊าก!!!”
พิทยากับพิสิณียืนอยู่บนเวที แสงสุดาและพิสุทธิ์เดินขึ้นไปบนเวที แขกเหรื่อปรบมือรับ อนงค์มองแสงสุดาและพิสุทธิ์ด้วยความหมั่นไส้ วาศิณีปรบมือ อนงค์จึงตีมือวาศิณีทันที พิศาและสาวิกาปรบมือชื่นชม
“เชิญคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าสาวกล่าวอวยพรครับ” พิธีกรบอก
พิสุทธิ์รับไมค์มาจากพิธีกร
“ให้ฉันพูดก่อน” แสงสุดาบอก
“เชิญครับ..เลดี้เฟิร์สครับ...ดูพ่อเป็นตัวอย่างนะพีท ภรรยาคือช้างเท้าหน้า เชื่อเขา เราเจริญ” พิสุทธิ์บอก
พิสุทธิ์ส่งไมค์ให้แสงสุดา แสงสุดารับไมค์ไปทุกคนปรบมือชอบใจกันเกรียวกราว
พิแสงลากตัวเขมมิกเข้ามายืนอยู่แล้วในมุมมืดหลังสุดของงาน พิแสงดันหลังให้เขมมิกมองไปที่เวที
“เห็นมั้ย...ว่าทุกคนมีความสุขกันมากแค่ไหน”
เขมมิกหลับตาปี๋ “ไม่เห็น”
“ก็ลืมตาสิ อ้าว...หลับ...งั้น...”
พิแสงเอานิ้วยกเปลือกตาเขมมิก
เขมมิกร้องเสียงดัง “โอ๊ย !!”
เนตรนิภาพยายามจะเดินผ่านเข้าประตูงาน แต่กนธีดึงเอาไว้
“จะฉุดฉันไว้ทำไม ปล่อย!”
“เรื่องอะไรฉันจะให้คนบ้าอย่างเธอเข้างาน”
“อยากถูกต่อยอีกหรือไง”
“ฉันไม่มีทางพลาดซ้ำสอง อยากต่อย ต่อยเลย แต่ฉันไม่มีวันปล่อยเธอให้หลุดเข้าไปแน่!”
เนตรนิภาหมั่นไส้กนธีจึงหันมาต่อยซ้าย กนธีเบี่ยงตัวหลบได้ เนตรนิภาต่อยขวา กนธีก็หลบได้อีก
เนตรนิภาเจ็บใจจึงต่อยไม่ยั้งแต่กนธีเต้นฟุตเวิร์กหลบได้ทุกครั้ง
เขมมิกตีมือพิแสงเป็นพัลวัน
“ไม่ต้องมายุ่ง”
“จะให้ดูช็อตเด็ด” พิแสงบอก
“ดูเอง”
“ดูซะให้เต็มตา”
พิแสงจับตัวเขมมิกให้หันไปดูด้านหน้าเวทีที่พิสิณีและพิทยากำลังแลกหอมแก้มกัน ทุกคนปรบมือชื่นชม
“เจ็บป่ะ” พิแสงถาม
เขมมิกตอบทันที “ไม่”
“ปากแข็ง ไม่เจ็บแล้วทำไมตาแดงๆเหมือนจะร้องไห้”
“อยากจะให้ฉันเจ็บปวดนักเหรอ”
“เธอสมควรได้รับมัน”
“ขอโทษ...ที่ตาแดง...เพราะหิวน้ำ ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย”
“แถสีข้างถลอกแล้วเธอ”
“อยากให้ฉันอยู่จนจบงาน ขอไปหาอะไรดื่มก่อนได้มั้ย”
“ฉันไปด้วย”
“ฉันไม่หนีหรอก”
“ไว้ใจไม่ได้”
เขมมิกเจ็บใจที่พิแสงตามไม่เลิก เธอออกเดินหาพนักงานเสริฟเครื่องดื่ม แล้วก็เห็นคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ๆเค้กแต่งงาน เขมมิกจึงพุ่งไปทันที โดยมีพิแสงตามไปติดๆ
เนตรนิภาต่อยวืดแล้วยืนหอบ โดยกนธีกับเนตรนิภาหอบกันทั้งคู่
“เหนื่อยยัง” กนธีถาม
“เหนื่อยแล้ว” เนตรนิภาตอบ
“นั่งพักมั้ย”
“ดีเหมือนกัน”
เนรตรนิภาเดินนำกนธีไปนั่ง แต่พอเนตรนิภาเห็นกนธีหย่อนก้นลงปุ๊บเธอก็อาศัยจังหวะที่กนธีไม่ทันระวังตัวรีบเผ่นเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันที
“เฮ้ย หลอกกันนี่หว่า ยัยซิ่ม!”
เนตรนิภาหันมาทำหน้าล้อเลียนใส่กนธีแล้วผลุบหายเข้าไป กนธีวิ่งตามเข้าไปทันที
เขมมิกเดินมาหาพนักงานอย่างเร่งรีบ พลางเหลือบตามองพิแสงที่สาวเท้าตามมาติดๆอย่างไม่ไว้ใจ เนตรนิภาวิ่งหนีกนธีเข้ามาภายในงานแล้วก็พยายามมองหาเขมมิก
พิธีกรบนเวทีประกาศ “เชิญคู่บ่าวสาวตัดเค้กได้เลยครับ”
พิทยาจับมือพิสิณีเดินลงจากเวที เขมมิกเดินเลี้ยวไปเลี้ยวมาเพื่อหลอกล่อพิแสง พิแสงเดินตามอย่างไม่ลดละ เนตรนิภายังมองหาเขมมิกจนเห็นเขมมิกกำลังเดินพุ่งไปที่เค้ก กนธีวิ่งเข้ามาจับตัวเนตรนิภาเอาไว้
พิทยากับพิสิณีกำลังเดินตรงมาที่เค้กในฝั่งตรงข้ามกับเขมมิก เขมมิกเดินเข้ามาหาเค้กแต่มัวแต่กลัวพิแสงจะตามทันเลยไม่ได้ดูข้างหน้า เขมมิกสะดุดชายชุดของตัวเองแล้วค่อยๆเซล้ม เขมมิกหันไปเห็นเค้กอยู่ข้างหน้าเต็มๆ ก็ตกใจจนตาเบิกโพลง
พิแสงเองก็ตกใจรีบวิ่งเข้ามาหาเขมมิกอย่างรวดเร็ว เนตรนิภาเห็นก็ตกใจจนเหวอ พิทยาและพิสิณีก็ตกใจ แสงสุดา พิสุทธิ์ พิศา สาวิกา อนงค์ วาศิณีล้วนแต่ตกใจ
เขมมิกล้มเซลงไปหาเค้กแต่งงาน โดยมีพิแสงเอื้อมมือมาคว้ามือเขมมิกเอาไว้ได้ทัน เขมมิกตกใจมองพิแสงแบบใจสั่น
“อย่าปล่อยมือฉันนะ....” เขมมิกบอก
พิแสงอึ้ง เขมมิกก็อึ้ง แล้วความคิดเขมมิกก็กลับไปสู่อดีต
ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา ภายในบ้านที่ฮัมบูร์ก เขมมิกมองช้อนขึ้นไปเห็นพิแสงในมาดของเพลย์บอยหนุ่ม เท่ห์ เซอร์ หนวดครึ้มเขียวกำลังจับมือเธอเอาไว้
“ฉันไม่ปล่อยมือเธอหรอก....ค่อยๆลุกขึ้นนะ ยัยเบ๊อะเอ๊ย...เดินยังไง ลุกขึ้น” พิแสงบอก
พิแสงออกแรงดึงมือเขมมิกขึ้นมา
ที่เหตุการณ์ปัจจุบัน เขมมิกมองหน้าพิแสงแล้วกระพริบตาถี่
“พี่.....”
แสงสุดาโผล่พรวดเข้ามาเอาเรื่อง
“พิแสง! ลากตัวมันออกมาเดี๋ยวนี้!”
เขมมิกกับพิแสงหันไปมองหน้าแสงสุดา พิแสงเผลอปล่อยมือเขมมิกด้วยความตกใจ
เขมมิกเหวอก่อนจะค่อยๆร่วง “ว้าย!!!”
ทุกคนมองเขมมิกด้วยความตกใจ
เขมมิกค่อยๆ ร่วงลงไปทับโต๊ะวางเค้กทำให้ทุกอย่างล้มระเนระนาดไม่มีชิ้นดี ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะพิทยากับพิศิณี เนตรนิภาจัดการถีบกนธีออกแล้ววิ่งมาหาเขมมิกทันที
เขมมิกนอนอยู่บนพื้น โดยมีเค้ก ดอกไม้ และของอื่นๆ กองอยู่บนตัว เขมมิกลืมตาปริบๆ แล้วมองไปรอบๆ จนเห็นสายตาประนามหยามเหยียดจากทั่วสารทิศมองมาที่เธอ เนตรนิภาวิ่งเข้ามาหาเขมมิก
“ไอ้เขม!”
“เนตร....ฉัน...” เขมมิกตัดสินใจเป็นลมเพื่อหนีสถานการณ์ทันที “คร่อก” เขมมิกแอบขยิบตาให้เนตรนิภา
เนตรนิภารับมุก “เป็นลม! เพื่อนหนูเป็นลมค่ะ อย่ามุงนะคะ ขออากาศปลอดโปร่งให้เพื่อนหนูด้วยค่ะ”
พิแสงและทุกคนยังยืนอึ้ง
“ยังมุงอยู่ใช่มั้ยคะ งั้น หนูพาเพื่อนออกไปสูดอากาศข้างนอกเองก็ได้ค่ะ” เนตรนิภาบอก
เนตรนิภาตัดสินใจลากเขมมิกออกไปทันทีจากวงไทยมุงอย่างทุลักทุเล ทุกคนยังยืนอึ้งโดยไม่ได้สนใจเขมมิกอีกแล้วเพราะพุ่งความสนใจมายังพิสิณีที่ยืนช็อกมองเค้กแต่งงานที่พังทลายลงโดยมีน้ำตาซึม
พิทยาเข้ามากุมมือของพิสิณีเอาไว้ พิแสงมองพิสิณีอย่างเห็นใจและสงสาร
แผนร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 2 (ต่อ)
เนตรนิภาลากเขมมิกที่แกล้งเป็นลมออกมา เขมมิกเหลือกตาขึ้นถาม
“ออกมายังแก”
“ออกมาแล้ว” เนตรนิภาบอก
เขมมิกดีดตัวขึ้นทันที เขมมิกหน้าเสียเพราะเสียใจมาก
“เนตร...ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ”
“ฉันรู้...”
“ฉันไม่ผิดนะ นายนั่นมันปล่อยมือฉัน ฉัน...”
“เขม! แกผิดตั้งแต่แรกแล้ว ที่ใส่ชุดนี้มางานแต่งที่เค้าไม่ได้เชิญ จะด้วยเหตุผลอะไรของแก ฉันไม่รู้ แต่ฉันเข้าใจ....เขม...แกควรจะให้มันจบ แต่แกก็ไม่จบ แถมยังเปิดบิลเรื่องใหม่ขึ้นมาอีก บอกตรงๆงานนี้แก....ชะตาขาดแน่!”
เขมมิกหน้าเสียแล้วก็นึกโกรธตัวเอง
พิสิณียืนน้ำตารื้นอยู่เงียบๆ พิทยาเข้ามาปลอบ
“สิณี...ผมขอโทษแทนเขมด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
พิสิณีทนเสียใจไม่ไหวจึงเดินปลีกตัวออกไป แขกทุกคนฮือฮา อนงค์และวาศิณีสะใจมาก แสงสุดาทั้งโกรธและอับอายจนตัวสั่น
“ฉันจะไม่ยอมยกโทษให้ผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด”
“แต่คุณแม่ครับ ผมก็มีส่วน” พิแสงบอก
“แกเป็นพี่ชายของสิณี สิ่งเดียวที่แกทำให้น้องคือความหวังดี ไม่ใช่การทำลายล้างเหมือนที่นังนั่นทำ ไม่ต้องมาออกรับ!”
พิแสงอึ้ง เขารู้สึกไม่ค่อยดีเพราะมีส่วนร่วมในการทำให้เค้กพัง พิสุทธิ์เดินเข้ามาตบไหล่พิแสงอย่างเข้าใจ แสงสุดาปั้นหน้ายิ้มก่อนจะหันไปประกาศกับทุกคน
“เชิญทุกๆท่านรับประทานอาการกันต่อแล้วกันนะคะ...เค้กไม่มีก็ดีเหมือนกันค่ะ อ้วนค่ะอ้วน เชิญค่ะ เชิญค่ะ” แสงสุดาพูดกับพิสุทธิ์ “ไปช่วยฉันกู้หน้าหน่อย!”
พิสุทธิ์รีบคำ “จ๊ะ”
พิสุทธิ์เดินตามแสงสุดาออกไป กนธีเข้ามายืนข้างๆ พิแสงแล้วมองซากเค้ก
“เฮ้อ..” กนธีถอนหายใจ
อนงค์ผลักวาศิณีให้เข้ามาปลอบใจพิแสง
“นายหัวคะ น้ำหวาน...”
พิแสงไม่ฟัง เขาเดินหนีออกไปอย่างเซ็งๆ
วาศิณีเซ็ง “อ้าว....”
กนธีส่งตาหวานให้วาศิณี “อ้าว...ก็ถอดเสื้อคลุมออกสิครับ จะได้เย็นสบายขึ้น”
“ไม่ขำค่ะ”
วาศิณีเชิดใส่กนธีแล้วเดินหนีไปหาอนงค์
กนธีร้องออกมา “อ้าว...”
เขมมิกในชุดเปื้อนเค้กเดินออกมายืนที่ระเบียงคอนโด เธอเหม่อมองออกไปเพราะรู้สึกแย่
“ขอโทษนะคะ...คุณพิสิณี...ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ...”
เขมมิกค่อยๆทรุดนั่งลงกอดเข่าตัวเองแล้วก็น้ำตาซึม
เช้าวันใหม่ เขมมิกยังนั่งกอดเข่าหลับพิงผนังอยู่ เนตรนิภาเปิดประตูผลัวะออกมาเห็นก็ตกใจ
“ไอ้เขม ตื่น!”
“มีอะไร!”
“โทรศัพท์จากคุณแสงสุดา เรียกตัวแกเข้าพบด่วน ที่เฮดออฟฟิศ”
เขมมิกตกใจ “หา!!”
เขมมิกเครียดและกลุ้มใจขึ้นมาทันที
เขมมิกในชุดสวมหมวกปิดหน้าปิดตา ลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากคอนโดโดยมีเนตรนิภาตามติด
“แกจะหนีไปไหนเขม” เนตรนิภาถาม
“ยังไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้า” เขมมิกบอก
“แต่สักวัน แกก็ต้องเจอเค้าอยู่ดี หนีไม่พ้นหรอก”
“ขอไปตั้งหลักก่อน ยังไม่พร้อมจะรบกับใคร”
“แกไม่ได้ไปรบ แกต้องไปก้มหน้ารับผิดชอบสิ่งที่แกทำลงไป”
“ไว้ก่อน”
“ไอ้เขมมม”
“ใครถามหาฉัน บอกว่าฉัน...ไปบวชชีที่วัดบนดอย บวชแบบไม่มีกำหนด จะได้ไม่มีใครกล้าถามหรือตามฉันกับแกอีก ใครยังกล้า บอกไปเลยว่าบาปตกนรกเป็นมารศาสนา ฉันทำเพื่อแกแล้วนะ โอเคมั้ย”
“เป็นบุญคุณกับฉันมาก ขอบใจ”
“ไปนะ แล้วจะติดต่อกลับมา”
เขมมิกเดินหน้าแล้วก็ต้องเบรกเอี๊ยด เพราะเจอธรรมศักดิ์ขวางอยู่
“สวัสดีครับ คุณเขมมิก” ธรรมศักดิ์ทัก
เขมมิกอึ้ง “หวัดดีค่ะลุง...ไม่ได้เรียกแท็กซี่นะคะ เอ๊ะแล้วรู้จักชื่อหนูได้ยังไง”
ธรรมศักดิ์อึ้ง แล้วก็สำรวจตัวเองว่าเหมือนคนขับแท็กซี่ตรงไหน “เข้าใจผิดแล้วครับ...ผมชื่อธรรมศักดิ์ เป็นลูกจ้างของคุณแสงสุดา...มารับตัวคุณเขมมิกไปพบท่านครับ”
เขมมิกตกใจ “หา!!”
เขมมิกหันไปมองเนตรนิภาเพื่อขอความช่วยเหลือ เนตรนิภายักไหล่ เขมมิกหน้าจ๋อย ธรรมศักดิ์ผายมือเชิญเขมมิก
เขมมิกจำใจเดินไป ธรรมศักดิ์ตามประกบติด
เขมมิกลากกระเป๋ามา ธรรมศักดิ์เดินตามประกบ เขมมิกเลี้ยวไปทางซ้าย ธรรมศักดิ์ก็เลี้ยวตาม เขมมิกเลี้ยวไปทางขวา ธรรมศักดิ์ก็เลี้ยวตาม
“หนูไม่หนีไปไหนหรอกน่าลุง”
“แล้วที่หอบเสื้อผ้าพวกนี้ล่ะครับ จะไปไหน”
“ก็หนีไงคะ” เขมมิกนึกขึ้นได้ว่าพลาด “อุ๊ย...เอ่อ..คือ...”
“รถอยู่ทางโน้นครับ เชิญ....”
เขมมิกเซ็งเพราะหมดหนทางหนีจึงเดินคอตกไป
พิสิณีนั่งซึมอยู่ พิแสงและกนธีที่กำลังจะเดินทางกลับพัทลุงเดินผ่านมา พิแสงเห็นพิสิณีจึงส่งสัญญาณให้กนธีเดินออกไปก่อน จากนั้นพิแสงก็เดินเข้ามาหาพิสิณี
“สิณี”
“พี่ใหญ่”
“อยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามันแท้ๆ...ร่าเริงหน่อยสิ”
“สิณี..รู้สึกไม่ค่อยสบายค่ะ”
“ไม่ใช่โกรธหรือทะเลาะกับนายพีทนะ”
“ไม่ค่ะ พีทดูแลสิณีดีมาก คงกลัวสิณีเสียใจ”
“ก็ดีแล้ว...นายพีทต้องการให้สิณีเชื่อมั่นในตัวเขา”
“สิณีเชื่อค่ะ พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วงนะคะ”
“พี่มีเรื่องอยากจะขอโทษ...เรื่องเมื่อคืน ที่เค้กล้ม..เพราะพี่ปล่อยมือเขมมิก”
“สิณีเห็นค่ะ”
“เฮ้อ...พี่นี่แย่จัง”
“อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ ไม่มีใครตั้งใจให้เรื่องแย่ๆมันเกิดขึ้นหรอกค่ะ สิณีรู้”
“น้องสาวพี่คนนี้ จิตใจดีงามเสมอ...อิจฉานายพีทที่มีเมียแสนประเสริฐ อยากมีบ้าง”
“พี่ใหญ่ก็มองหาสักคนสิคะ....อย่ามัวทำแต่งาน”
“หาแล้ว แต่ไม่ถูกใจ...หรือเนื้อคู่พี่อาจจะยังไม่เกิด”
“หรืออาจจะยังไม่เจอ หรืออาจจะเจอแล้ว แต่ยังไม่คิดว่าจะใช่ หรือ...”
“พอเถอะ เหนื่อยจะคิด ของแบบนี้...เดี๋ยวก็มาเอง พี่ไปล่ะ”
“ค่ะ เดินทางปลอดภัยค่ะ”
พิแสงก้มลงกอดและหอมผมของพิสิณีอย่างเอ็นดูก่อนจะเดินออกไป พิศากับสาวิกาเข้ามาขวาง
“ยังไปไม่ได้ค่ะ พี่ใหญ่” พิศาบอก
“อะไรอีกล่ะเรา” พิแสงถาม
“เราสองคนจะไปส่งพี่ใหญ่ด้วย”
สาวิกามองพิศาหน้าเหรอหราทันที พิศายิ้มเจ้าเล่ห์เพราะอยากจะชงสาวิกาให้พิแสง
“แต่เรานัดกันจะไป...” สาวิกาจะค้าน
พิศารีบตัดบท “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว คุณแม่บอกว่าให้เราสองคนไปส่งพี่ใหญ่”
สาวิกาจำยอม “ไปก็ไปค่ะ”
พิแสงถอนใจกับความเอาแต่ใจของน้องสาวอย่างรู้ทัน
เขมมิกก้าวเข้ามายืนหน้าตึกอันสูงตระหง่านและยิ่งใหญ่ซึ่งมีโลโก้ P บูติกแอร์ไลน์ประทับอยู่บนตัวตึกอย่างเด่นชัด เขมมิกก้าวถอยหลัง ธรรมศักดิ์เข้ามายืนขวางข้างหลังไว้
“เข้าไปเถอะครับ หมดเวลาถอยหลังแล้ว”
“ไม่ได้ถอย แค่ตั้งหลักสู้ต่างหาก” เขมมิกแก้ตัว
“ผมรู้ว่าคนอย่างคุณ...ถ้าคิดจะสู้แล้วสู้ไม่ถอย”
“พูดเหมือนลุงรู้จักหนูมานานงั้นแหละ เพิ่งเคยเจอหน้ากันแท้ๆ”
“ไม่เคยเจอ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้จัก”
เขมมิกแปลกใจ “ลุง...”
ธรรมศักดิ์ตัดบท “อย่าให้ท่านรอนานเลยครับ ไม่ดีหรอก”
เขมมิกถอนใจแล้วเดินหน้าสู้ ธรรมศักดิ์มองตามเขมมิกอย่างพึงพอใจ
กนธียืนรออยู่ที่รถคันงามกับคนขับรถ พิแสงเดินมากับสาวิกาที่พิศาจงใจให้เดินเคียงคู่กับพิแสงมาที่รถ สาวิกาทำหน้าเจื่อนๆ และเขินๆ พิแสงเหลือบมองอย่างรู้ทัน
“น้องเล็ก” พิแสงเรียก
พิศารับคำ “คะ”
“อยากคุยด้วย”
“อุ๊ย...เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีงานด่วน วิกาไปส่งพี่ใหญ่แทนฉันหน่อยนะ บาย!”
พูดจบพิศาก็วิ่งหนีหายไปทันที
“เอ่อ คุณเพื่อนคะ ทิ้งทุ่นกันแบบนี้เลยเหรอคะ.....”
“อยากไปส่งพี่จริงๆเหรอ วิกา”
“ไม่เลยค่ะ วิกาอยากไปช็อปปิ้งมากกว่า”
“งั้นก็ไปสิ”
“แต่คุณเพื่อนไม่ว่างแล้วนี่คะ”
“หัดทำอะไรด้วยตัวเองซะบ้าง อย่าเอาตัวไปติดยัยน้องเล็กมากนัก”
“จะดีเหรอคะ”
กนธีเข้ามาพูดกับสาวิกา “ดีสิครับ....เอางี้ นั่งรถไปด้วยกัน เดี๋ยวพี่ไปส่ง” กนธีโอบไหล่สาวิกาแล้วเดินไป “อยากไปช็อปปิ้งที่ไหน..บอกพี่ เดี๋ยวจัดให้”
“ไอ้ธีเอ๊ย...ตลอด!”
พิแสงเดินตามกนธีไป
แสงสุดาคุยโทรศัพท์อยู่กับพิศาที่อยู่ที่บ้าน
“ดีมาก ลูก น้องเล็ก” แสงสุดาชม “พยายามให้สาวิกาเพื่อนลูกใกล้ชิดตาใหญ่มากๆ จะได้คุ้นเคยกัน เพราะแม่คิดว่าจะทาบทามขอหมั้นหนูสาวิกาให้ตาใหญ่”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“แค่นี้ก่อนนะลูก จ๊ะ รักลูกเหมือนกันจ๊ะ” แสงสุดาวางสาย “เข้ามา!”
เลขาเปิดประตูเข้ามารายงาน
“คุณธรรมศักดิ์มาแล้วค่ะ”
“ให้เข้ามาเลย”
แสงสุดานั่งวางท่าเป็นฮองเฮาที่โต๊ะทำงานทันที ธรรมศักดิ์เดินนำเขมมิกเข้ามา เขมมิกตัดสินใจเผชิญหน้ากับแสงสุดาอย่างกล้าหาญ
เขมมิกเอ่ยทัก “สวัสดีค่ะ”
“ว่ายังไง เมื่อคืนนอนหลับสบายดีมั้ย” แสงสุดาถาม
“จะไล่ออกก็ไล่เลยค่ะ สวัสดีค่ะ”
พูดจบเขมมิกก็ไหว้ลาทันที
“ฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่าจะไล่เธอออก”
“อะไรนะคะ”
แสงสุดายิ้มอย่างมีแผนการ
ขนิษฐาที่แต่งตัวเสร็จแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะกระจกด้วยความรู้สึกอ่อนเพลียมาก ขนิษฐาหยิบหวีขึ้นมาแปรงผมก่อนจะคลำที่หลังหูจนเจอก้อนเนื้อ ขนิษฐาเลื่อนมาคลำที่ต้นคอก็สะดุดกับก้อนเนื้อ เลื่อนมาคลำที่ไหปลาร้าก็เจอกับก้อนเนื้ออีก ขนิษฐารู้สึกว่าตัวเองกำลังมีความผิดปกติก็หน้าเสียและใจคอไม่ดี เปี่ยมพงษ์แต่งตัวหล่อเดินเข้ามาส่องกระจก หวีผม เช็คความหล่อ
ขนิษฐาเอ่ยถาม “จะออกไปไหน”
“ทำไม”
“ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายมาหลายวันแล้ว พาไปหาหมอหน่อยสิ”
“ไม่มีเงิน”
“แต่เขมมันเพิ่งจะให้เงิน”
“หมดแล้ว เพิ่งเอาไปใช้หนี้ เหลือไม่กี่บาท ก็ขอลูกแกอีกสิ เดี๋ยวมันก็ให้ หรือไม่ก็ให้มันพาไป รักแม่นัก ก็ให้มันดูแล”
เปี่ยมพงษ์เดินออกไปทันที ขนิษฐาน้ำตาซึมด้วยความเสียใจ
แสงสุดาพยักเพยิดให้ธรรมศักดิ์ ธรรมศักดิ์โค้งคำนับแล้วเดินไปกดล็อกประตู
เขมมิกสะดุ้งเพราะไม่ไว้ใจ “ทำไมต้องล็อกประตู จะทำอะไรฉัน อย่านะ”
“คิดว่าฉันจะทำร้ายเธอในห้องทำงานของตัวเองเหรอ”
“ใครจะไปรู้ คุณอาจจะทำ แล้วก็ปกปิดหลักฐาน อ้างว่า...ฉันเป็นบ้า ทำร้ายตัวเอง คุณพยายามห้ามแล้ว แต่ฉันก็สติแตก...”
แสงสุดาตัดบท “พอๆๆ เอาจินตนาการของเธอไปใช้ในยามจำเป็นดีกว่า”
“ก็ใช้อยู่นี่ไงคะ เผื่อจะเตือนสติคุณได้บ้างว่า...ถ้าคุณทำอะไรฉัน อย่าหวังว่าจะลอยนวล”
แสงสุดาหัวเราะชอบใจ “ฮ่ะๆๆๆๆ เขมมิก เขมมิก เขมมิก”
“ทราบค่ะว่าชื่อเพราะ พระท่านตั้งให้ แปลว่า...”
“พอ! ไม่ได้อยากรู้!”
ธรรมศักดิ์แอบส่ายหน้าระอาทั้งแสงสุดาทั้งเขมมิก
“เขมมิกที่ต้องรับจ๊อบหาเงินใช้หนี้ที่พ่อและภรรยาน้อยเป็นคนสร้าง ในขณะที่แม่ก็กลายเป็นผู้หญิงขี้เมา มีสามีใหม่ที่ไม่ได้เรื่อง คอยเกาะดูดเลือดไปวันๆ ไม่ทำงานทำการ เขมมิกที่ตระเวณพาแม่ทำบุญหวังชีวิตที่ดีกว่าในวันข้างหน้า เขมมิกที่....”
เขมมิกขัดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “รู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงคะ”
เขมมิกหันไปมองธรรมศักดิ์ “ลุง!”
“ก็แค่ทำหน้าที่เป็นนักสืบในบ้างครั้ง นอกเหนือจากเป็นทนายความครับ”
เขมมิกพูดกับแสงสุดา “คุณต้องการอะไรกันแน่”
“ฉันรู้ว่าเธอ....เดือดร้อนแค่ไหนถ้าต้องถูกไล่ออก ซึ่งความจริงมันก็มีเหตุผลอันสมควรที่ฉันจะทำอย่างนั้น ถูกมั้ย”
เขมมิกอึ้งเพราะไม่เข้าใจ เธอนึกหวั่นกับแผนการของแสงสุดาที่กำลังยิ้มน่ากลัวเหมือนนางเสือเตรียมตะครุบเหยื่อ
เปี่ยมพงษ์นั่งใส่รองเท้าอยู่หน้าบ้าน เนตรนิภาเดินเข้ามาพร้อมถุงกับข้าว เปี่ยมพงษ์มองเนตรนิภาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“วันนี้แต่งตัวน่ารักจังนะจ๊ะ หนูเนตร”
“อ๋อ น่ารักทุกวันค่ะ แฟนหนูก็ชม”
“อะไรกัน มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อวานค่ะ”
“เหรอจ๊ะ แฟนทำงานทีไหนจ๊ะ เป็นสจ๊วตหรือกัปตัน”
“เป็นมือปืนรับจ้างค่ะ อยู่ซุ้มมือปืนเพชรบุรี”
เปี่ยมพงษ์หน้าซีดแล้วรีบเดินออกไปเลย
เนตรนิภารำคาญ “ชิ!”
ขนิษฐาเดินมาอย่างอิดโรย
“อ้าว หนูเนตร.....”
“หนูซื้อกับข้าวมาฝากค่ะ ป้า...เดี๋ยวเอาไปใส่จานให้นะคะ”
“จ๊ะ”
เนตรนิภาเดินเข้าไปในครัว ขนิษฐามองตามพอคล้อยหลังเนตรนิภา ขนิษฐาก็หยิบขวดเหล้าแบนที่เหน็บหลังอยู่ขึ้นมาดื่มทันที
เขมมิกไม่พอใจแสงสุดามาก
“ถ้าคุณไม่ไล่ฉันออก ฉันจะลาออกเอง”
“ฉันก็จะแทงบัญชีดำ จะไม่มีสายการบินที่ไหนรับเธอไปเป็นลูกเรืออีก” แสงสุดาขู่
“คุณต้องการอะไรกันแน่ อันนั้นก็ไม่เอา อันนี้ก็ไม่ใช่”
“ฉันต้องการให้เธอทำงานให้ฉัน”
“ก็ทำอยู่นี่ไงคะ ปล่อยฉันออกจากห้องนี้ ฉันก็จะออกไปเป็นลูกเรือปฏิบัติหน้าที่ให้กับสายการบินตามปกติ”
“งานที่ว่า....ไม่ใช่การเป็นลูกเรือ”
“แล้วจะให้ฉันไปทำอะไร”
แสงสุดายิ้มกริ่ม
พิแสงและกนธีกำลังจะไปเช็กอินเครื่องบิน แต่จู่ๆ อนงค์และวาศิณีก็วิ่งเข้ามาหา
“นายหัวคะ นายหัว!!!”
พิแสงกับกนธีหยุดกึกแล้วหันไปมองด้วยความแปลกใจ
“คิดว่าคุณอนงค์กับน้ำหวานกลับรถไฟไปแล้วซะอีก” พิแสงบอก
“ตอนแรกก็ว่าจะนั่งรถไฟกลับ แต่น้ำหวานสิคะ...” อนงค์พูด
“น้ำหวานทำไมครับ” พิแสงถาม
“ลูกน้ำหวานปวดท้องกระเพาะน่ะค่ะ น้าก็กลัวน้องจะไม่ไหว เลยตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินบินกลับ”
พิแสงหันมองน้ำหวานที่ยืนทำหน้าซีดอยู่
“จู่ๆก็เป็นเหรอ หาหมอหรือยัง” พิแสงถาม
“ยังค่ะ ว่าจะไปหาหมอ...” วาศิณีตอบ
กนธีพูดแทรก “หมอปิ๊นสิ...หมอปิ๊นรักษาได้”
“คุณธีคะ ลูกสาวฉันไม่ใช่หมู” อนงค์ว่า
“แหม ก็หลักการเดียวกัน....” กนธีบอก
วาศิณีตัดบท “นายหัวคะ รีบไปเช็กอินเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทัน น้ำหวานดูแลให้เองค่ะ”
วาศิณีเดินหนีกนธีไปกับพิแสง
กนธีถามอนงค์ “ไปไฟล์ทเดียวกับพิแสงเหรอครับ”
“ค่ะ...” อนงค์ตอบ
“แหม...จงใจ๊จงใจนะครับ”
“บังเอิญค่ะ”
กนธีทำเสียงสูง “เหร้ออออ”
อนงค์ไม่อยากจะสนทนากับกนธีอีกจึงเดินหนี
“ไอ้พิแสงมีอะไรดีนักหนาวะ ทำไมมีแต่คนชอบมัน...อ๋อ...รูปหล่อ รวย จบ”
กนธีรีบเดินตามไป
เขมมิกประกาศลั่น
“ฉันไม่ทำค่ะ!”
“ทำไมล่ะ ออกจะเป็นงานที่เธอถนัด และถ้าเธอทำสำเร็จ ฉันจะอนุญาตให้เธอกลับมาเป็นลูกเรือเหมือนเดิม พร้อมเงินตอบแทนก้อนโต”
“ให้ไปสร้างความร้าวฉานระหว่างลูกชายคุณกับผู้หญิง แล้วดึงตัวเค้ากลับมากรุงเทพ ทิ้งฟาร์มของคุณปู่ที่เป็นมรดกตกทอดเพื่อมาบริหารธุรกิจสายการบิน...คุณคิดได้ยังไง”
“เมื่อเธอเป็นแม่คน เธอจะเข้าใจ”
“ทำไมคนเป็นแม่ชอบพูดแบบนี้ ทำไมไม่ถามหัวใจของลูกบ้าง”
“ลูกจะไปรู้จักชีวิตดีกว่าแม่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนได้ยังไง”
“แต่แม่ก็ต้องเข้าใจสิว่าลูกน่ะเลี้ยงได้แต่ตัว แต่หัวใจมันบังคับกันไม่ได้”
แสงสุดาฉุน “เธอ!”
“คะ?”
ธรรมศักดิ์เผลอถอนหายใจเสียงดัง “เฮ้อ!!!”
แสงสุดาฉุน “คุณธรรมศักดิ์!”
“ขอประทานโทษครับ”
“ฉันจะไม่เถียงกับเธอเรื่องเหตุผลอีก เอาเป็นว่า จะทำหรือไม่ทำ”
“ขอโทษนะคะ ฉันประกาศล้างมือจากวงการแล้วค่ะ”
เขมมิกเดินออกไปปลดล็อกประตู ธรรมศักดิ์จะขวาง
แสงสุดาบอก “ปล่อยไป!”
“ขอบคุณที่เข้าใจค่ะ ตกลง....ฉันยังคงทำงานเป็นลูกเรือต่อไปนะคะ”
“ไม่! ฉันไล่เธอออก และเธอก็ติดบัญชีดำ อย่าหวังว่าจะมีหน้าไปทำงานที่ไหนได้อีก”
เขมมิกเจ็บใจแต่ก็หยิ่งเกินกว่าจะคืนคำ
“ลาก่อนค่ะ...” เขมมิกเอ่ย
เขมมิกเชิดเดินออกไป แสงสุดาทิ้งตัวลงนั่งอย่างขัดเคืองใจ
เขมมิกที่เดินอย่างเข้มแข็งออกมาจากห้องแสงสุดา พอคล้อยหลังความเข้มแข็งก็เปลี่ยนเป็นความเสียใจ เขมมิกน้ำตารื้นจนร่วงลงมา เธอรีบจ้ำเดินออกจากออฟฟิศไปทันที
เนตรนิภายกจานอาหารมาให้ขนิษฐาที่เริ่มกึ่มเพราะฤทธิ์เหล้า
“ป้า....ดื่มอีกแล้ว”
“แล้วไม...ดื่มเพื่อลืมมันไง...จบป่ะ”
“เดี๋ยวได้จบชีวิตแน่ ทานอะไรหรือยังล่ะคะ ถึงได้ดื่มเนี่ย เดี๋ยวก็กระเพาะทะลุหรอก ทานก่อนค่ะ”
“นี่แม่ชี...”
“เนตรค่ะ”
“แม่ชีเนตร”
“เฮ้อ...ค่ะ มีอะไรค่ะ”
“นังเขมอยู่ไหน โทรหามันหน่อย เดี๋ยวนี้เลย”
“เขมติดธุระสำคัญอยู่ค่ะ เดี๋ยวค่อยโทรนะคะ”
“แม่มันไม่มีเงินใช้ สำคัญกว่าเรื่องอื่นทั้งหมด จบป่ะ”
“จบก็ได้ค่ะ แต่ป้าต้องทานข้าวก่อน ไม่งั้น หนูไม่โทร”
“กินไม่ลง”
“ก็ต้องกิน”
ขนิษฐาปวดท้อง “อูย...”
“นั่นไง....โรคกระเพาะถามหาแล้วไง”
ขนิษฐามือไม้อ่อนและหายใจหอบ
เนตรนิภาตกใจ “ป้า ป้าเป็นอะไร”
“เหนื่อย....” ขนิษฐาบอก
“เนตรพาไปหาหมอนะ ป้าอาการไม่ค่อยดีเลย”
เนตรนิภารีบประคองขนิษฐาออกไปทันที
เขมมิกเดินคิดมากมาตามทางเพราะกังวลกับอนาคตของตัวเอง เสียงมือถือดังขึ้น เขมมิกรีบกดรับ แล้วพยายามทำเสียงเป็นปกติที่สุด
“ว่าไง เนตร....” เขมมิกตกใจ “อะไรนะ แม่!!”
เขมมิกกดวางสายแล้ววิ่งออกไปทันที
แผนร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 2 (ต่อ)
เขมมิกเดินเร่งรีบมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน เนตรนิภาหันไปเห็นก็ลุกขึ้นทันที เขมมิกตรงรี่เข้ามาหาเนตรนิภาแล้วถามละล่ำละลัก
“แม่เป็นอะไร!”
“แม่แก....” เนตรนิภาฉงน
เขมมิกร้องไห้โฮแทรกขึ้นมา “ไม่นะ แม่ต้องไม่เป็นอะไรนะ ฮือๆๆ เมื่อวานแม่ยังดีๆอยู่เลย ฉันมาช้าไปใช่มั้ย”
“เฮ้ย เขมใจเย็นๆก่อน ทำใจดีๆไว้นะ แม่แก....”
เขมมิกแทรกขึ้นมาอีก “ฉันไม่ดีเอง ฉันไม่ได้อยู่ดูใจแม่ ฉัน....”
ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกมา ขนิษฐานอนบนเตียงที่เจ้าหน้าที่เข็นออกมาพร้อมหมอที่เดินออกมาด้วย ขนิษฐานอนลืมตาพอเห็นเขมมิก เธอก็ยิ้มดีใจ
“เขม...”
“แม่ยังไม่ตาย!!” เขมมิกเข้าไปกอดแม่ด้วยความดีใจแล้วหันไปวีนเนตรนิภา “เนตร ทำไมแกไม่บอกฉัน! ปล่อยให้ฉันแช่งแม่อยู่ได้!”
“แกเปิดโอกาสให้ฉันบอกตอนไหนล่ะ!”
เขมมิกจ๋อยแต่ก็รีบไปหาขนิษฐา “แม่....เขมมาแล้ว แม่ไม่เป็นไรมากใช่มั้ย” เขมมิกพูดกับหมอ “อาหมอคะ ใช่มั้ยคะ”
“เป็นตับอักเสบครับ ต้องนอนโรงพยาบาลสักระยะนะ”
“ค่ะ...” เขมมิกรับทราบ
“ทำไม เบื่อจะเลี้ยงแม่แล้วหรือไง ถึงได้คิดว่าแม่ตาย” ขนิษฐาถาม
“เปล่า........”
“ฉันยังอยู่ทะเลาะกับแกได้อีกนานน่ะ” ขนิษฐาบอก
เขมมิกยิ้มจ๋อย แต่ก็โล่งใจที่ขนิษฐาไม่เป็นอะไร เธอหันไปสบตาเนตรนิภา
“โวยวาย โวยวาย...” เนตรนิภาล้อ
หมอพูดกับเจ้าหน้าที่ “พาคนไข้ไปห้องพักไป....”
เจ้าหน้าที่เข็นเตียงขนิษฐาออกไป หมอหันมาพูดกับเขมมิก
“หมอมีเรื่องจะปรึกษาหนูเขม เกี่ยวกับอาการของคุณแม่”
เขมมิกกับเนตรนิภาสบตากันแล้วรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที
เขมมิกและเนตรนิภานั่งฟังหมอ หมอพูดด้วยสีหน้ากังวล
“หมอจะขอตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ...เพื่อหามะเร็ง”
เขมมิกกับเนตรนิภาตกใจ “มะเร็ง!!”
“จากการตรวจเบื้องต้น นอกจากอาการของตับอักเสบเพราะคนไข้มีประวัติดื่มหนักมาระยะหนึ่ง...ยังมีอาการต่อมน้ำเหลืองโต หมอจึงอยากตรวจให้แน่ใจ”
เขมมิกใจคอไม่ดีจึงทรุดนั่งอย่างอ่อนแรง เนตรนิภาตามมาปลอบใจ
“ทำใจดีๆนะเขม....แม่แกอาจจะไม่เป็นก็ได้”
“หมออยากให้ทำใจยอมรับไว้ก่อน...ว่ามีความเป็นไปได้สูง” หมอบอก
“โธ่....อาหมอก็” เนตรนิภากลุ้มใจ
“เราต้องเผชิญหน้ากับความจริง จะได้รักษาอย่างถูกต้อง”
“ค่ะ...แต่ขอร้องอาหมอได้มั้ยคะ ว่าอย่าบอกแม่เขม เขมไม่อยากให้แม่เสียกำลังใจ”
“ได้ครับ”
เขมมิกกับเนตรนิภาพูดพร้อมกัน “ขอบคุณค่ะ...”
เขมมิกไหว้ขอบคุณหมอแต่ยังคงใจเสีย เนตรนิภาเห็นใจเขมมิกมาก
“แม่....” เขมมิกใจเสีย
ขนิษฐานอนหลับอยู่บนเตียง เขมมิกกับเนตรนิภาเปิดประตูเข้ามา
“แม่หลับไปแล้ว” เขมมิกบอก
“งั้นฉันจะกลับไปเอาเสื้อผ้ามาให้แก....จะอยู่กี่วันก็ไม่รู้นะ จ้างพยาบาลพิเศษช่วยเฝ้ามั้ยตอนที่แกไปบิน” เนตรนิภาถาม
“ไม่ต้องจ้างหรอก ฉันอยู่กับแม่เอง เอามาหลายๆชุดแล้วกัน”
“หมายความว่า....”
“ใช่...” เขมมิกกลัวแม่ได้ยินจึงพูดเบาๆ “ฉันถูกไล่ออก...ก็สมควรแล้ว”
“เขม....”
“โอย...ทั้งสวยทั้งเก่งอย่างฉัน หางานใหม่ได้ไม่ยากหรอก รีบไปเลยไป”
“อืม เดี๋ยวมานะ...”
เขมมิกพยักหน้า เนตรนิภาจะออกไปแต่เขมมิกเรียกไว้
“เนตร!”
“อะไร”
“ขอบใจมากนะ เพื่อน...ฉันรักแกว่ะ” เขมมิกเข้าไปกอดเนตรนิภา
“ก็ลองไม่รักสิ ทำให้ถึงขนาดนี้แล้ว อกตัญญูเมื่อไหร่ ฉันเลิกคบแกแน่”
เขมมิกผลักเนตรนิภาออกไป “แต่รักน้อยลงแล้วล่ะ โคตรทวงบุญคุณเลย”
เนตรนิภายิ้มให้เขมมิกเพื่อให้กำลังใจ เขมมิกเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนดี เนตรนิภาเดินออกไป เขมมิกเดินเข้ามามองขนิษฐาด้วยความรักและเป็นห่วง เขมมิกค่อยๆตัดอารมณ์แล้วห่มผ้าให้ขนิษฐามิดชิดขึ้นเพราะกลัวแม่จะหนาวก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วมองขนิษฐานิ่งๆ
ขนิษฐาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอาการน้ำตาซึม เพราะได้ยินเรื่องทั้งหมด นึกสงสารลูกสาวโดยที่เขมมิกไม่เห็น
รถจี๊ปประจำฟาร์มเพื่อนเกษตรแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพัก ชมพู่ยืนยิ้มรอรับอยู่หน้าบ้าน เสริมเป็นคนขับ ส่วนหลอดนั่งคู่มากับเสริม
จนเมื่อรถจอดนิ่งสนิท หลอดก็รีบลงมาเปิดประตูรถ ชมพู่เดินไปเปิดท้ายรถเพื่อขนกระเป๋าโดยเอาแต่ของพิแสงมา พิแสงก้าวลงมาก่อน วาศิณีตามลงมาโดยทำเป็นลงลำบาก กนธีทีรออยู่ข้างหลังรีบจี้
“อ้าว...ขาเปลี้ยโดยกระทันหันเหรอครับ คุณน้ำหวาน”
อนงค์ตอบแทนลูกสาวด้วยเสียงแหลมดังมาจากข้างในรถ “แหม คนปวดท้อง ไม่ค่อยสบายจะให้แคล่วคล่องว่องไวเป็นกระจงป่าหรือไงคะ”
“โห...เสียงดังได้อีก หูอื้อไปข้างหนึ่งแล้วครับ คุณอนงค์” กนธีว่า
“มา ผมช่วย” พิแสงบอก
พิแสงยื่นมือให้วาศิณี
“ขอบคุณค่ะ นายหัว”
วาศิณียื่นมือไปจับมือพิแสง หลอด เสริม และชมพู่ยืนมองพลางซุบซิบ
ปริญญ์เดินเข้ามาเห็นพิแสงกำลังช่วยวาศิณีพอดีก็อึ้งจนหน้าเสีย
อนงค์รีบผลักกนธีให้ลงจากรถไปเร็วๆ “เร็วๆสิ คุณธี!”
กนธีจะหล่นจากรถ “เฮ้ยๆๆๆ เดี๋ยวตกครับ คุณอนงค์ ยอ ยอ ยอ!”
“ยอ...ใช้กับควายนะครับคุณธี!” ปริญญ์บอก
“ว้าย! คุณธี!” อนงค์รีบลงมาเอาเรื่อง “ด่าฉันเป็นควายเหรอ”
ชมพู่ หลอดและเสริมพูดพร้อมกัน “ใช่ครับ /ใช่ค่ะ!...อุ๊บส์!!” ทุกคนปิดปากทำไม่รู้ไม่ชี้
“ขอโทษนะครับ คุณอนงค์ จริงๆแล้วผมจะบอกว่า...หยุดๆๆ แต่ปากมันดันพูด ยอๆๆๆ ไปได้ไงก็ไม่รู้ ขอบใจนะหมอปิ๊นที่ช่วยทัก ไม่งั้น นอนไม่หลับเลยนิ”
อนงค์ค้อนให้กนธีแล้วหันไปเห็นวาศิณีกำลังจับมือพิแสงอยู่ เธอจึงรีบขยิบตาให้วาศิณีทำสำออย
“โอ๊ย....น้ำหวานปวดท้องอีกแล้ว” วาศิณีซบพิแสง
ปริญญ์เห็นแล้วปวดใจจึงรีบเมิน
“รีบไปพักเถอะ เดินไหวมั้ย” พิแสงถาม
อนงค์รีบตอบแทนลูกสาว “ท่าทางจะไม่ไหวนะคะ”
“งั้นผมอุ้มไปส่งที่บ้านให้เอง มา!” หลอดอาสา
“ไม่ต้อง!”
วาศิณีเผลอแยกจากพิแสง พิแสงเริ่มอึดอัดจึงเดินฉีกออกไปโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
“งั้นผมเอง! มา!” เสริมบอก
อนงค์เอ่ยไล่ “แกก็ไปไกลๆ!”
“เฮ้ย...อย่ามาลงที่ผมนะ ผมไม่ค่อยมีแรง ยกไหวแค่แก้วกาแฟ” กนธีบอก
“แหม!!! สงสัยคงต้องเดินกลับไปเองล่ะคะ คุณป้าอนงค์ขา เพราะเป้าหมายที่ท่านเล็ง...ไม่อยู่แล้ว” ชมพู่บอก
อนงค์และวาศิณีหันไปหาพิแสงแต่พิแสงไม่อยู่แล้ว “อ้าว....”
ปริญญ์มองวาศิณีด้วยความผิดหวัง
“สถานการณ์ขณะนี้ คนแถวบ้านชมพู่เรียกว่า...พลาด ฮ่ะๆๆ”
ชมพู่ หลอด และเสริมหัวเราะชอบใจ กนธีร่วมหัวเราะด้วย อนงค์และวาศิณีเจ็บใจ
“น้ำหวาน กลับ!” อนงค์สั่งลูกสาว
อนงค์ลากวิศิณีออกไป
“ป้า กระเป๋าเสื้อผ้า เอาไปด้วย ไม่มีขี้ข้าหิ้วไปให้หรอก!” ชมพู่บอก
“น้ำหวาน ขน!”
อนงค์เดินตัวปลิวจากไป วาศิณีงงแต่ก็เดินไปหิ้วกระเป๋า ปริญญ์เข้าไปช่วยหิ้ว
“คุณไม่ค่อยสบาย ผมช่วย”
วาศิณีอึ้ง เธอปล่อยให้ปริญญ์ถือกระเป๋าเดินนำไป แล้วจึงค่อยเดินตาม ชมพู่ หลอด เสริม และกนธีมองตามอย่างอึ้งๆ
“หมอปิ๊น...โคตรหล่อ!” กนธีแซว
“หล่อซะเปล่า แต่ชาติเหรอ คุณน้ำหวานเป็นอะไรที่ไหน!” หลอดว่า
“ก็รักไปแล้ว...พี่หลอดไม่เคยมีความรัก ไม่เข้าใจหรอก” เสริมบอก
กนธี หลอด และชมพู่มองเสริมทึ่งๆ “อั๊ยยะ!!”
อนงค์ยืนหงุดหงิดมองปริญญ์ที่ถือกระเป๋ามาส่งวาศิณีอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ขอบคุณค่ะ หมอปิ๊น...สวัสดีค่ะ ไว้เจอกันนะคะ” พูดจบอนงค์ก็เดินเข้าไปเลย
ปริญญ์อึ้งแล้ววางกระเป๋าลง “ครับ”
วาศิณียิ้มหวานให้ปริญญ์ “ขอบคุณนะคะ อย่าไปถือสาแม่เลยนะคะ แม่คงเหนื่อยจากการเดินทาง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ”
“ไว้เจอกันนะคะ”
“ครับ...”
ปริญญ์จะเดินออกไปแต่วาศิณีเรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะ”
ปริญญ์ชะงักแล้วหันมา “ครับ”
วาศิณีหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา “ขออนุญาตนะคะ...” วาศิณีซับเหงื่อที่หน้าผากของปริญญ์
ปริญญ์อึ้งแล้วยิ้มเขิน
“เรียบร้อยแล้วค่ะ น้ำหวานขอตัวนะคะ”
วาศิณีเดินเข้าไปในบ้านแล้วแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ ปริญญ์ยืนหัวใจพองโต
พอพิแสงเดินเข้ามานั่งพักในบ้าน ปุ๊กลุ๊กเดินเข้ามาหา พิแสงอุ้มปุ๊กลุ๊กขึ้นมามองหน้า
“ว่าไง...ปุ๊กลุ๊ก”
พิแสงอึ้งขณะที่มองหน้าหมูเพราะจู่ๆ ภาพใบหน้าของเขมมิกตอนกำลังเหวอในงานแต่งงานหลังจากล้มทับเค้กลอยซ้อนขึ้นมา
พิแสงตกใจ “เฮ้ย!!”
พิแสงสะบัดหน้าไล่ความคิดจนเห็นเป็นหน้าหมูปกติ พิแสงโล่งใจจึงกอดปุ๊กลุ๊กเอาไว้
“ยังตามมาหลอกมาหลอน....ไปที่ชอบที่ชอบเถอะ...ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีกเลย” พิแสงวางปุ๊กลุ๊กลง “ฉันไปทำงานก่อนนะ อย่าดื้อ อย่าซน เข้าใจมั้ย”
ปุ๊กลุ๊กมองหน้าพิแสงเหมือนจะเข้าใจ พิแสงยิ้มๆ แล้วเดินออกไป ชมพู่เตรียมของว่างเดินเข้ามา
“นายหัวไม่รับของว่างก่อนเหรอคะ”
“ไม่หิว”
พิแสงเดินลิ่วออกไป ชมพู่มองตามอย่างเซ็งๆ เพราะเป็นห่วงเจ้านาย ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“หนึ่ง...สอง...สาม...สี่...”
เสียงโทรศัพท์เงียบไป
ชมพู่นับอีก “หนึ่ง..สอง..สาม...สี่”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ชมพู่ตัวแข็งอย่างตื่นตัว เธอวางถาดของว่างลงแล้วทำตัวเยี่ยงสปายค่อยๆ คืบคลานตีลังกาไปที่โทรศัพท์แล้วยกหูขึ้นทำเสียงเข้ม
“ฮัลโหล....มนุษย์ไฟฟ้าสีชมพูรับสาย...ทางปลอด พร้อมรับคำสั่งค่ะ”
แสงสุดาคุยโทรศัพท์กับชมพู่
“พูดให้เหมือนคนปกติเขาพูดกันได้มั้ย นังชมพู่! ยิ่งแกทำตัวผิดปกติ ใครมาได้ยิน เดี๋ยวก็โดนจับได้หรอก”
ชมพู่มองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็นใคร
“ก็บอกแล้วไงคะ ว่าทางปลอดๆ ใครจะมาได้ยินล่ะคะนายแม่ใหญ่ขา!”
“นังชมพู่! เคยบอกแล้วไง ว่าไม่ต้องเรียกชื่อฉัน”
“ขอโทษค่ะ...เรียกใหม่ค่ะ...น้องไบร์ท” ชมพู่แอบแหวะ
“ดี! เฉพาะเวลาเรียกชื่อฉันที่ต้องใช้รหัส...นอกนั้นไม่ต้อง ให้พูดปกติ เป็นไง ตาใหญ่ปลอดภัยดีมั้ย”
“กลับมาแบบครบสามสิบสองประการค่ะ พร้อมผีชัตเตอร์ ขี่คอมาด้วยสองตัว”
“อะไรนะ!!!” แสงสุดาเสียงดัง
ชมพู่หูแทบแตก “โอย..น้องไบร์ทขา จะตะโกนใส่หูพี่ยุทธ์ เอ้ย!..ใส่หูชมพู่ทำไมคะ”
“ก็ฉันไม่พอใจ แล้วนังผีสองตัวนั่น ขี่คอตาใหญ่มาได้ยังไง”
“ก็กลับมาเที่ยวบินเดียวกันนี่คะ แถมออดอ้อนออเซาะว่าไม่สบาย ดีนะคะที่นายหัวไม่หลงกล”
“มันร้ายนัก...แกจับตาดูต่อไป มีอะไรไม่ชอบมาพากล รีบรายงานฉัน!!”
แสงสุดากดวางสายด้วยความหงุดหงิด พอหันมาก็ตกใจเพราะคุณหญิงสร้อยเพชรมายืนอยู่ข้างหลัง
“ว้าย!!! คุณพี่!!!”
“ว้าย!!! ค่ะคุณน้อง!!”
สองสาวสูงวัยเกือบจะหัวใจวาย จู่ๆ พิสุทธิ์ก็โผล่เข้ามาอีก
แสงสุดากับสร้อยเพชรตกใจ “ว้าย!!! คุณพิสุทธิ์”
“แหม...ขวัญอ่อนกันจริงๆนะครับ สองสาว”
สร้อยเพชรนั่งลงคุยกับแสงสุดาและพิสุทธิ์
“มาตามนัดค่ะ” สร้อยเพชรบอก
“ใครนัดครับ” พิสุทธิ์ถาม
“ฉัน” แสงสุดาตอบแทน
“โอเค”
“แล้วหนูสาวิกาล่ะคะ ไม่มาด้วยกันเหรอคะ” แสงสุดาถามต่อ
“ไม่มาดีแล้วค่ะ จะได้คุยกันสะดวกๆ” สร้อยเพชรบอก
“แล้วท่านรัฐมนตรีไม่มาเหรอครับ” พิสุทธิ์ถาม
“อย่ามาเลยค่ะ เดี๋ยวคุยไม่สะดวก”
พิสุทธิ์จะพูดต่อ “แล้ว...”
“จะถามหาใครอีกเหรอคุณพิสุทธิ์” แสงสุดาขัด
“ไม่แล้วจ๊ะ”
“แล้วจะถามอะไรอีก”
“ก็จะถามว่า นัดกันมาคุยเรื่องอะไรกันเหรอครับ”
แสงสุดายิ้มกริ่มกับสร้อยเพชร ทั้งสองหัวเราะร่าเริงแต่ไม่พูดอะไร
“อ๋อ....คุยกันตามประสาผู้หญิง งั้นผมไม่กวนแล้วกันนะ เดี๋ยวจะไม่สะดวก”
“อยู่ด้วยกันดีแล้วค่ะ....เพราะคุณก็ต้องรับรู้ไว้ ว่าฉันจะขอเจรจาหมั้นหมายหนูสาวิกาให้กับตาใหญ่” แสงสุดาบอก
พิสุทธิ์ตกใจ “เวร...”
“คุณพิสุทธิ์!”
“ผมบอกว่าเวล..แปลว่าดี”
แสงสุดาค้อนให้พิสุทธิ์แล้วหันไปหัวเราะกับสร้อยเพชรต่อ พิสุทธิ์ถอนใจเฮือกเพราะกลุ้มใจแทนพิแสง
พิแสงในสภาพมอมแมมเดินมากับปริญญ์
“ต้องเตรียมความพร้อมให้กับแม่พันธุ์ รีดน้ำเชื้อไอ้ทีเด็ดเรียบร้อยเมื่อไหร่ จะได้จัดการเลย” พิแสงบอก
ปริญญ์ยืนยิ้มเหม่อเพราะคิดถึงสัมผัสของวาศิณีอยู่ พิแสงเห็นก็รู้ทัน
“คิดถึงหมูตัวไหนอยู่ล่ะ หมอปิ๊น”
ปริญญ์เผลอตอบ “น้ำหวาน...”
“หมูฟาร์มผมมีชื่อน้ำหวานด้วยเหรอ”
“เอ่อ...เปล่า...คือ...ผมพูดชื่อน้ำหวานออกไปเหรอ”
“เออ”
ปริญญ์ยิ้มๆ
“ในฐานะเพื่อน...ขอบอกว่า จะทำอะไรก็รีบๆทำซะ”
“ผมรีบแน่นอน อีกไม่เกินสามวัน....รีดน้ำเชื้อทีเด็ดเสร็จเรียบร้อย”
“ผมหมายถึงเรื่องผู้หญิงที่ชื่อน้ำหวานต่างหาก ไม่ใช่หมู”
“เอ่อ...ผม...ไม่...กล้า”
“หมอ...ก่อนที่ความรักจะหลุดมือไป จงทิ้งความไม่กล้าเอาไว้ข้างหลัง แล้วใส่เกียร์เดินหน้า”
“คำแนะนำจากเพลย์บอยตัวพ่อสินะครับ”
พิแสงรีบบอก “อดีต”
“แล้วปัจจุบันล่ะครับ”
“ผมมีแต่หมู...ส่วนคุณ เลิกคิดถึงหมู แล้วไปคิดถึงผู้หญิงซะบ้าง เอาใจช่วยนะ ขอให้ประสบความสำเร็จ”
“แต่คุณน้ำหวาน...ชอบคุณ”
“ผมคิดกับเธอแค่เป็นน้องสาว เคลียร์นะ”
พิแสงตบไหล่ให้กำลังใจปริญญ์แล้วเดินเข้าบ้านไป ปริญญ์รู้สึกมีกำลังใจ
วาศิณีที่ยืนแอบฟังอยู่ รู้สึกเจ็บใจที่พิแสงบอกว่าคิดกับเธอแค่น้องสาว
ด้านขนิษฐานอนอยู่ในห้องพักฟื้นคนไข้ในโรง’บาล เขมมิกและเนตรนิภานั่งอยู่บนโซฟาในห้อง
“เปี่ยมพงษ์รู้หรือยัง ว่าแม่ไม่สบาย” ขนิษฐาถาม
เขมมิกนิ่งเพราะไม่พอใจ
“หนูโทรไปบอกแล้วค่ะ” เนตรนิภาตอบแทน
“แล้วทำไม ป่านนี้ยังไม่โผล่หน้ามา”
“ก็ช่างมันสิแม่” เขมมิกว่า
“เขาไม่เป็นห่วงฉันบ้างเลยเหรอ” ขนิษฐาตัดพ้อ
“ถ้าห่วง ก็มาแล้ว ไม่เห็นต้องถาม”
เนตรนิภาปรามเพื่อน “เขม ไม่เอาน่ะ”
เขมมิกหยุดพูดแต่ก็หงุดหงิด เธอจะเดินออกไป
ขนิษฐาเรียกไว้ “เขม!”
เขมมิกชะงัก “คะ??”
“แกถูกไล่ออกจากงานเหรอ”
เขมมิกอึ้งแล้วมองหน้าเนตรนิภา เนตรนิภารีบส่ายหัวพร้อมส่งสายตาว่าไม่รู้เรื่อง
“แม่ได้ยินที่แกกับหนูเนตรคุยกันเมื่อกลางวัน”
“เขม...เอ่อ....”
“ทำไม”
“เอ่อ..เขม...เอ่อ....” เขมมิกหันไปขอความช่วยเหลือจากเนตรนิภา
“ว้าย...ลืม พรุ่งนี้มีบินไฟล์ทเช้ามืด...ขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ ไปนะเขม” เนตรนิภาเอาตัวรอด
เนตรนิภารีบออกไปทันที เขมมิกเจ็บใจเพื่อนที่หนีออกไปแบบนี้
ขนิษฐาถามย้ำ “ทำไม เขม”
“อ๋อ...คือ...เขม....เอ่อ...”
“แม่ต้องการความจริงนะ ไม่ใช่เรื่องโกหก”
“เขมไม่เคยโกหกแม่นะ...สาบาน..ที่เขมถูกไล่ออกเพราะเขม...ไปต่อยหน้าผู้โดยสาร...ซึ่งเป็น...ลูกชายของเจ้าของสายการบินที่เขมทำงานอยู่”
“ไอ้เขมม”
เขมมิกยิ้มแหย ขนิษฐาเซ็ง
“แต่ไม่ต้องห่วงนะแม่”
“แกสวย แกเก่ง หางานใหม่ได้ไม่ยากใช่มั้ย” ขนิษฐาพูดอย่างรู้ทัน
“ถูก....”
“มั่นใจในตัวเองมันก็ดี แต่ก็อย่าประมาทนะลูก มันจะทำให้เราพลาด”
“ใช่...เขมประมาทเอง...แต่เขมก็ยังมั่นใจนะแม่ ถ้าแม่เป็นกำลังใจให้เขมหางานใหม่”
“แม่อวยพรลูกเสมอ...ขอให้เขมได้งานใหม่ที่ดี อย่าเลือกงานนะลูก ขอเพียงเป็นงานสุจริต แม่สนับสนุนเขมทั้งนั้น”
“ค่ะ แม่ แม่นอนพักเถอะ นะ พักผ่อนมากๆ จะได้หายเร็วๆ เนาะ”
เขมมิกจัดให้ขนิษฐานอนพักแล้วดับไฟ ก่อนจะไปนั่งที่โซฟาเงียบๆ เพื่อมองแม่นอนหลับแต่ตัวเองกลับเครียด
เขมมิกนึกถึงคำพูดของแสงสุดา
“.....และเธอก็ติดบัญชีดำ อย่าหวังว่าจะมีหน้าไปทำงานที่ไหนได้อีก”
เขมมิกเครียดเพราะหวั่นใจว่าสถานการณ์จะเป็นไปอย่างที่แสงสุดาพูด
“คอยดูแล้วกัน เขมมิกไม่มีวันตกงานหรอก ยัยฮองเฮา!”
วันต่อมา เขมมิกโวยวายหลังจากไปสมัครงานมาแล้วหลายที่
“ไม่มีใครรับฉันเลย เดินเข้าเดินออกไม่รู้กี่บริษัท จนรองเท้าฉันสึกหมดแล้วเนี่ย...คู่โปรดซะด้วย โธ่...ชาแนลของเจ้!!”
“เออ แทนที่จะเป็นห่วงตัวเอง กลับเป็นห่วงรองเท้า” เนตรนิภาว่า
“ก็รองเท้ามันไม่อึดเหมือนฉันนี่...ฉันยังไม่ยอมแพ้”
“จริงเหรอ”
เขมมิกห่อเหี่ยว “ไม่จริง! ยัยฮองเฮานั่นพูดจริงทำจริง ฉันติดบัญชีดำ!”
“คุณแสงสุดาแค้นแกมากขนาดนี้เลยเหรอ”
“เพราะฉันไม่ยอมทำงานบางอย่างให้เค้า”
“งานอะไร...”
“ช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากพูดถึงมัน”
เสียงมือถือของเขมมิกดังขึ้น เขมมิกรีบหยิบขึ้นมาหลังจากเห็นเบอร์
“เบอร์โรงพยาบาล” เขมมิกรีบรับ “ฮัลโหล..เขมมิกค่ะ”
พิแสงคุยโทรศัพท์กับพิสุทธิ์
“คุณแม่จะหมั้นสาวิกาให้ผม!”
พิสุทธิ์แอบคุยโทรศัพท์อยู่ที่มุมหนึ่งของบ้านในที่ลับตาคน
“เออสิวะ! แกจะว่าไงตาใหญ่”
“คุณพ่อก็น่าจะรู้ว่าคำตอบของผมคืออะไร” พิแสงบอก
“พ่อรู้ว่าแกไม่มีทางยอม แต่ที่พ่ออยากรู้คือ..แกจะทำยังไงกับแม่ของแกให้เขาเปลี่ยนใจต่างหาก ซึ่ง...มันเป็นมิชชั่นอิมพอสสิเบิ้ลชัดๆ ไม่มีทางเป็นไปได้”
พิแสงอึ้ง
“โทรมาบอกให้รู้ตัวว่าชะตาแกกำลังจะถึงฆาต จะได้เตรียมทางหนีทีไล่ แค่นี้นะ เดี๋ยวแม่แกจะจับได้ว่าพ่อแอบส่งสาร”
พิสุทธิ์รีบวางสาย แสงสุดาโผล่หน้าเข้ามา
“ตาใหญ่ว่าไงบ้าง” แสงสุดาถาม
“อึ้งไปเลย..สงสัยช็อก...” พิสุทธิ์ตกใจจนสะดุ้งโหยง “เย้ย!! คุณ!”
แสงสุดาเท้าสะเอวท่าทางเอาเรื่องพิสุทธิ์ พิสุทธิ์ยิ้มหน้าเจื่อน
ขณะเดียวกันนั้น เขมมิกกับเนตรนิภาวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบด้วยท่าทางร้อนใจ
หลอดกับเสริมกำลังดูแลต้นสมุนไพรในสวน พิแสงเดินเข้ามาด้วยท่าทางหงุดหงิด หลอดและเสริมสะกิดกันให้ดูพิแสง หลอดกับเสริมใจคอไม่ค่อยดีที่เห็นพิแสงหงุดหงิดจึงพากันหลบ
พิแสงรู้โดยไม่ต้องมอง “ไม่ต้องหนี! ไอ้หลอด ไอ้เสริม! พั่นพรือต้องหลบ หา!”
หลอดกับเสริมค่อยๆโผล่ขึ้นมายิ้มแหย
“ไอ้ทีเด็ดยังอยู่ดีนะครับ นายหัว” หลอดรายงาน
“คอกหมูตอนนี้สะอาดเอี่ยม ยิ่งกว่าห้องนอนผมอีกนะครับ นายหัว” เสริมบอก
พิแสงมองหน้าหลอดกับเสริมเครียด หลอดกับเสริมไม่กล้าพูดอะไรอีก
พิแสงอ่อนลง “ฉันอยาก....”
หลอดพูดแทรก “อารมณ์ขึ้นลง สงสัยจะเป็นโรคลักปิดลักเปิด งั้นกินนี่เลยนายหัว ลูกมะม่วงไม่รู้หาว”
หลอดเด็ดลูกมะม่วงไม่รู้หาวให้พิแสง พิแสงรับมาแล้วยัดใส่ปากหลอด
“แกกินก่อนเลยไป เลือดจะได้ไม่ออกตามไรฟัน”
“แต่สงสัยจะออกทั้งปากแล้วล่ะ พี่หลอด” เสริมว่า
“ไอ้เสริม!” หลอดฉุน
“ไอ้เสริมพูดถูก ฉันจะบอกว่าฉันอยากออกไปข้างนอก ไม่ได้ให้แกมาวินิจฉัยโรคแล้วรักษา!!! แถมยังวินิจฉัยผิดอีกต่างหาก” พิแสงว่า
“เอ๊า ก็ผมเป็นห่วงนายหัว กลัวจะไม่สบาย เห็นเครียดๆ เลยเล่นมุกขำๆ” หลอดบอก
“นายหัวครับ...ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้หนีนะครับ มีปัญหาเราก็ต้องแก้”
“แต่ถ้าไม่รู้จะแก้ยังไง แก้ผ้าก็ได้ครับนายหัว” หลอดเล่นมุก
พิแสงรับมุก “ไป ไปแก้ผ้ากัน”
เสริมกับหลอดตกใจ “เฮ้ย!!”
“ฉันพูดจริง ไปออกรถ แกสองคนก็ต้องไปแก้ผ้ากับฉัน”
เสริมกับหลอดตกใจ “เฮ้ย!!”
พิแสงเดินกลับออกไป
“หรือว่า...ที่นายหัวไม่ยอมมีเมีย...เพราะนายหัวเป็น...”
หลอดสงสัยว่าเจ้านายจะเป็นตุ๊ด!
โปรดติดตาม "แผนร้ายพ่ายรัก" ตอนที่ 3