xs
xsm
sm
md
lg

เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 6

ในราวป่าเขตหมู่บ้านม่อนช้างเผือก กล้านั่งเป่าใบไม้เป็นท่วงทำนองเพลงเหงาๆ สายตาเหม่อมองออกไปไกล ศรีแพรเดินตามเสียงมาจนเห็นกล้ากำลังเป่าใบไม้เป็นเพลงอยู่ ศรีแพรขยับแอบเข้าไปดูใกล้ๆ โดยที่กล้าไม่รู้ตัว

ดอกไม้สีขาวร่วงลงมาบนพื้นเบื้องหน้ากล้า กล้าเห็นก็หยุดเป่า คิดไปถึงหน้าของราชาวดี กล้าลุกขึ้นเอื้อมมือจะไปหยิบ แต่แล้วเมื่อมือกล้าหยิบถึง กล้ากลับต้องชะงักนิ่งเมื่อเห็นงูจงอางแผ่แม่เบี้ยอยู่เบื้องหน้า
“อย่าขยับ” ศรีแพรบอกเบาๆ แล้วค่อยๆ ย่องเข้ามาโดยเบาฝีเท้าที่สุด ศรีแพรจ้องไปที่งูเขม็ง งูจ้องมาที่ศรีแพร “อิติปิโส ภควา สี่เขี้ยวสองตา ยานะพุทโธ”
ศรีแพรเป่ามนต์ไป คลื่นมนต์ที่กระทบงูจงอาง งูจ้องนิ่ง
“กลับไปที่อยู่ของเจ้านะ”
งูเลื้อยกลับออกไปอีกทางโดยไม่ทำอะไรกล้า กล้าโล่งอก
“ขอบใจนะ”
สองคนอยู่ใกล้กัน ศรีแพรเขิน ขยับออก
“ถือว่าข้าทำแทนลำดวนมันแล้วกัน มันฝากมาขอบใจเอ็งที่ช่วยไม่ให้มันต้องเป็นเมียคนอื่น”
“พ่อผมสอนไว้ว่าเกิดเป็นผู้ชายก็ต้องปกป้องผู้หญิง”
“พ่อนายนี่ต่างกับไอ้น้าบ้ากามของนายชะมัด จริงสิ แล้วนายทำไมไม่อยู่บ้าน เข้าป่ามานี่จะไปไหนกัน เข้ามาทำไม?”
กล้าอึกอัก เปลี่ยนเรื่อง
“เอ่อ นี่ผมไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าคุณรู้คาถาสะกดพวกสัตว์ด้วย”
“อยู่ป่าก็รู้แค่วิชาพวกนี้แหละ ไว้ป้องกันตัวเล็กน้อยๆ พวกข้ารักสงบสู้อะไรกับใครก็ไม่เป็น พอถูกรังแก ก็ได้แต่ถอยๆๆ”
“แล้วพวกเอ็งไม่คิดจะสู้บ้างรึ”
กล้ากับศรีแพรมองตามเสียงจึงเห็นขุนโชติยืนอยู่ ในใจหวังปลุกระดมเต็มที่

หน้าเรือนสำริด ขุนโชติยืนอยู่เบื้องหน้าชาวบ้าน
“เพื่อเป็นการไถ่โทษ ข้าจักสอนวิชาให้พวกเอ็ง เราจักยอมให้ผู้ใดมาข่มเหงอีกมิได้” ชาวบ้านต่างซุบซิบปรึกษาหารือกัน “หากพร้อมใจสู้ ขอพวกเอ็งจงก้าวออกมา”
ศรีแพรก้าวออกมาคนเดียว ส่วนสำริดกับชาวบ้านมองกันเลิ่กลั่ก ศรีแพรจ้องจันทา จันทาส่ายหน้าไม่เอาด้วย ศรีแพรทำหน้าดุใส่ จันทาหน้าเหยจำต้องก้าวออกมายืนด้วยกัน ขุนโชติ เสือดำ เสือไท งงที่ไม่มีใครเล่นด้วยเลย
“ข้าบอกแล้วว่าไม่ได้ผลหรอก” ศรีแพรบอกขุนโชติ คำพันกับพวกพากันยิ้ม สะใจ
“เอ่อ เรื่องนี้ ข้าขอขอบใจพวกท่านที่ห่วงใย แต่ พวกเราไม่อยากมีเรื่องกับใคร หากจำเป็นจริงๆ ก็ ก็ขอแค่
ย้ายที่อยู่ก็พอ” สำริดบอก ขุนโชติไม่ยอม
“หากพวกปางไม้ตามราวีไม่เลิก พวกเอ็งจักทำเยี่ยงไร ต้องหนีอยู่ร่ำไปงั้นรึ”
กล้าที่ยืนฟังอยู่นานไม่เห็นด้วย
“บ้านเมืองมีกฎหมาย เราควรจะแจ้งตำรวจ ให้ตำรวจจัดการ”
“เราเคยแจ้งแล้ว แต่ตำรวจมันกลับจะมาจับพวกเราแทน มันบอกว่าเรามายึดครองพื้นที่อุทยาน ทั้งๆ ที่เราอยู่ที่มาตั้งหลายชั่วอายุคนแล้ว”
“เห็นมั้ย พวกตำรวจมันเลวยิ่งกว่าโจร เราพึ่งพามันไม่ได้ดอก เชื่อข้า เราต้องลุกขึ้นสู้”
ทุกคนเริ่มฮือฮา
“เอ่อ ใจเย็นนะท่าน ข้าว่ามันต้องมีทางออกที่ดีกว่านี้” สำริดบอก ทุกคนรอฟัง “แต่ขอข้าคิดดูก่อนนะ”
ทุกคนเซ็ง ขุนโชติดูขัดใจคำพันครุ่นคิดเพราะจิรงๆ แล้วเขาเป็นสายให้กับพวกภูมินทร์และอยากเป็นใหญ่แทนสำริดไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

พวกขุนโชติเข้ามาที่เรือนพักอย่างอารมณ์เสีย
“ไอ้ชาวป่าพวกนี้ขี้ขลาดตาขาวนัก ที่พี่โชติจักเอาพวกมันมาเป็นกำลังให้เรา คงเหลวแน่”
“ข้าดูแล้ว พวกมันไม่พอใจหัวหน้ามันนักดอก หากเรากำจัดศัตรูให้มันแจ้งใจว่าเราเข้มแข็งกว่าหัวหน้ามัน ปกครองพวกมันได้ มันจักมาสวามิภักดิ์เราเอง”
“พี่จักให้พวกข้าทำกระไร สั่งมาเลย”
“บุกเข้าไปกุดหัวพวกปางไม้นั่นซะ”
“แต่เราไม่รู้ว่าบ้านช่องมันอยู่ที่ใด”
เสียงเคาะประตูถี่ๆ
“ผู้ใดกัน”
“ข้าศรีแพร”
ขุนโชติเปิดประตู
“มีกระไร”
“ข้าอยากแก้แค้นไอ้พวกปางไม้ ข้าจะฝึกวิชากับพวกท่าน”
“เป็นผู้หญิงจะทำกระไรได้”
“ถึงข้าจะเป็นหญิง แต่ข้าก็ไม่ใจเสาะเหมือนชาวม่อนช้างเผือกคนอื่นๆ”
ขุนโชติมองหน้ากับลูกน้อง
“หากเอ็งใจกล้าจริง แลอยากแก้แค้นไอ้พวกศัตรู เอ็งจงไปกับข้า”

หน้าบ้านพักราชาวดี เป็นบ้านหลังเล็กๆ สไตล์รีสอร์ท ภูมินทร์เข้ามาเคาะประตู ในมือมีของว่างพวกขนม น้ำผลไม้
“วดีๆ เปิดประตูให้พี่เข้าไปหน่อย วดี”
ประตูเปิดออก ภูมินทร์ยิ้มหวานแต่ต้องชะงัก เพราะกลับกลายเป็นคะนึงนิจแทน ภูมินทร์แปลกใจ ชะโงกมองในห้องคะนึงนิจแง้มประตูลงไม่ให้มอง
“นิจมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ทำไมไม่อยู่ที่ห้องตัวเอง แล้ววดีล่ะ”
คะนึงนิจรู้ทันพี่ชาย
“ก็นิจอยากนอนเป็นเพื่อนวดี ยิ่งต่างถิ่นต่างที่วดีเค้าก็ยังไม่คุ้นว่าแต่พี่ภูเถอะ มีธุระอะไรกับวดี” ภูมินทร์เซ็ง
“พี่ก็จะเอาของว่างมาให้ เห็น วดีเค้าไม่ค่อยทานอะไร”
“แหม แค่นี้ให้คนงานเอามาให้ก็ได้ ไม่ต้องลำบากพ่อเลี้ยงภูมินทร์หรอก”
คะนึงนิจหยิบขนมในจานกิน ตามด้วยน้ำผลไม้
“ทำอะไรเนี่ย”
“นิจก็ช่วยจัดการแทนเพื่อนไง วดีเค้าเพลียหลับไปแล้ว”
คำนึงนิจจะปิดประตู แต่ภูมินทร์ดึงไว้
“อย่ามาโกหกพี่ พี่ไม่เชื่อ ทำไมห๊ะ ทำไมนิจถึงได้ใจดำกับพี่ชายตัวเองนัก ในสายตานิจยังเห็นพี่คนนี้เป็นพี่ชายอยู่มั้ย”
“ก็เพราะยังเห็นว่าเป็นพี่ชายไง นิจถึงไม่อยากให้พี่ภูทำอะไรที่เลวร้ายไปมากกว่านี้”
“อะไร อะไรที่เลวร้าย นิจเชื่อที่แม่ไอ้กล้ามันพูดเหรอ”
“เรื่องมันจะจริงหรือเปล่า พี่ภูรู้อยู่แก่ใจ นิจจะเชื่อหรือไม่มันไม่สำคัญ”

คะนึงนิจปิดประตูใส่หน้า ภูมินทร์สะกดอารมณ์โกรธ

คะนึงนิจยืนพิงประตู ถอนหายใจ คิดถึงพี่ชายเรื่องเดิมๆ

“ใครมาหาเหรอจ๊ะนิจ” ราชาวดีถาม
“อ๋อ คนงานเอาของว่างมาให้น่ะ”
“เราอยากไปนอนเฝ้าพ่อ นิจอยู่คนเดียวได้มั้ย”
“อ้าว ก็ครูเค้าบอกเองว่าไม่ให้วดีไปเฝ้าไม่ใช่เหรอ”
“แต่เราเป็นห่วง นิจก็รู้ว่าอารมณ์พ่อไม่อยู่กับร่องกับรอยเลยเกิดใครทำอะไรไม่ถูกใจขึ้นมา”
“นั่นซิ ครูไม่เคยเป็นคนอารมณ์เสียง่ายแบบนี้เลย แล้วที่แปลกก็คือเกิดถูกอกถูกใจอะไรพี่ภูขึ้นมาไม่รู้ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทำเหมือนกับจะอยากได้พี่ภูเป็นลูกเขยอย่างงั้น”
“พูดอะไรนิจ”
“ก็มันจริงนี่ วดีไม่รู้สึกหรือไงว่าครูน่ะเชียร์พี่ภูมากๆ พี่ภูก็ทำเป็นคนดีจนน่าหมั่นไส้”
“พี่ชายทำตัวดี นิจไม่ดีใจเหรอ”
“ถ้าดีจริงนะ แต่นี่ ไม่รู้เราอาจคิดมากไป วดี แล้วถ้าพี่ชายเราเค้าเกิดชอบเธอจริงๆ ล่ะ”
“เราคงชอบใครไม่ได้อีกแล้ว”
“เธอยังรอพี่กล้าอยู่เหรอ ทั้งๆ ที่เค้าเป็นนักเลง เป็นนักโทษหนีคดีเนี่ยนะ”
“ตราบใดที่เรายังไม่ได้พบ ได้พูดกับเค้า เราไม่เชื่อว่าเค้าจะร้ายกาจแบบนั้น หรือนิจเชื่อ?”
“ถึงไม่เชื่อแล้วจะมีประโยชน์อะไร เราจะมีโอกาสได้เจอเค้าอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ทั้งคู่เหม่อไปข้างนอก

ขณะนั้นกล้าเดินเข้ามาหาขุนโชติในเรือนพัก แต่ไม่เจอพวกขุนโชติ
“น้า น้าโชติ น้าดำ น้าไท”
อีกมุมหนึ่งของหมู่บ้าน สำริดถือกิ่งไม้ที่มีรังมดป่าอยู่ต่อหน้าจันทาที่ถูกจับมัดกับต้นไม้
“พ่อเฒ่า ปล่อยข้าเถอะ ข้ากลัวแล้ว”
สำริดฉีกยิ้มเหี้ยม
“ไม่ ถ้าเจ้าไม่รู้ทำไมต้องแอบซ่อนตัวด้วย ข้าจะไม่ปล่อยจนกว่าเจ้าจะพูดความจริง” สำริดทำเหี้ยมถือรังมดป่าเฉียดเนื้อตัวจันทา “รังมดป่า รังมดป่า”
“ฮือๆ พูดก็ซวยไม่พูดก็ซวย สงสารจันทาผู้น่ารักเถอะนะจ๊ะ”
“จ๊ะ น่ารักใช่ไหมจ๊ะ” สำริดยิ้มให้แล้วเขย่ารังใส่จันทาทันที
จันทากลัวมาก ถูกมดกัด ดิ้นไปมาร้องลั่น
“โอ๊ย อุ๊ย อ๊าย บอกแล้วๆ ไอ้จันทายอมบอกแล้วจ้า ฮือๆ”
สำริดรอฟังคำสารภาพ

สำริดกับพวกเดินดุ่มมาพร้อมอาวุธป้องกันตัว กล้าเดินมาสมทบ
“จะไปไหนกันครับ”
“ไอ้จันทามันบอกว่าศรีแพรจะไปที่ปางไม้”
“แย่แล้ว”
“ทำไม พ่อหนุ่ม”
“พวกน้าโชติก็หายไป ศรีแพรอาจจะไปกับพวกเค้าก็ได้”
สำริดร้อนใจ

ขณะนั้นกลุ่มของขุนโชติมาถึงปางไม้ภูมินทร์ ขุนโชติมองไปที่ปางไม้ภูมินทร์เห็นยามกำลังถือปืนเดินยามอยู่
ศรีแพรมีคชกุศและหน้าไม้ของตนเอง
“มันวางเวรยามแน่นหนาอย่างงี้จะเข้าไปยังไง”
“เรื่องเล็ก เอ็งรออยู่ด้านนอกนี่แหละ”
“พวกท่านให้ข้าร่วมรบด้วยเถอะนะ ข้าจะพิสูจน์ให้พ่อได้เห็นว่าชาวม่อนช้างเผือกไม่ใช่พวกขี้แพ้”
“เอ็งใจเด็ด น่านับถือนัก เช่นนั้นก็เข้าไปด้วยกัน”
เสือดำกับเสือไทพยักหน้ารับ เตรียมพร้อม

ภูมินทร์เข้ามากวาดของในห้องลงอย่างโมโห แล้วมองเหลือบไปเห็นดาบประจุพรายที่เอามาด้วย ภูมินทร์หยิบขึ้นมาถอดฝักออกเอามือลูบคม ภูมินทร์เหลือบไปเห็นตุ๊กแกบนผนังก็เอาดาบฟันตกลงขาดสองท่อน ดาบได้ดื่มเลือดเกิดแสงวาบ
ดาบในมือขุนโชติเกิดแสงวาบเหมือนกัน ขุนโชติชะงัก
“ดาบของข้า ดาบประจุพรายของข้าอีกเล่มอยู่ที่นี่ รีบเข้าไป”
เสือดำยิงลูกดอกหน้าไม้ไปปักที่อกยามคนหนึ่งจนล้มลงไปตายทันที ยามที่เหลือต่างพากันสาดกระสุนรัวใส่พวกขุนโชติ
“พวกเรา บุก”

ขุนโชตินำ เสือดำ เสือไท และศรีแพรบุกเข้าปางไม้ ขุนโชติไปถึงรั้ว ใช้ดาบฟันรั้วขาดกระเด็นอย่างง่ายดาย

คะนึงนิจอยู่ในห้องกับราชาวดี ตกใจเมื่อได้ยินเสียงปืน

“เสียงปืนนี่”
“นั่นสินิจ ทำยังไงดี เราเป็นห่วงพ่อ”
“เราจะออกไปดูเอง วดีรีบไปหาครูนะ แล้วยังไงเราจะตามไปหาที่นั่น”
ราชาวดีพยักหน้ารับ คะนึงนิจรีบออกจากบ้านไป ราชาวดีมองตามรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

ขุนโชติ เสือดำ เสือไท ศรีแพร บุกเข้ามาในบ้าน ทันใดสมุนภูมินทร์จำนวนหนึ่งถือปืนเข้ามากรูล้อมไว้ แล้วระดมยิงใส่พวกขุนโชติทันที แต่มีวงกลมใสครอบพวกขุนโชติอยู่ กระสุนชนกับครอบแก้วเกิดประกายไฟ กระสุน ร่วงลงพื้นหมดสมุน ต่างอึ้ง ศรีแพรทึ่งมาก ขุนโชติแสยะยิ้มเหี้ยม ปรี่เข้าไปใช้ดาบฟันพวกสมุนภูมินทร์ เสือไทตวัดขวานออกไป หมุนเป็นวงคว้าง จัดการสมุนล้มตาย เสือดำก็ใช้หน้าไม้ยิงลูกดอกอย่างรวดเร็ว ส่วนศรีแพรอาศัยความไว หลบหลีก และใช้คชกุศเกี่ยวปืนสมุนทิ้งแล้วเตะกระเด็นไป

ภูมินทร์ถือดาบประจุพรายออกมาจากห้อง คมวิ่งมาสมทบ
“เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่รู้ครับ ผมเพิ่งมาถึงได้พักหนึ่ง กำลังเข้ามาหาพ่อเลี้ยงก็ได้ยินเสียงปืน”
พวกขุนโชติวิ่งเข้ามาถึง ขุนโฃติเห็นดาบประจุพรายในมือภูมินทร์
“ดาบข้า”
ขุนโชติปรี่เข้าไปฟันภูมินทร์ทันที ภูมินทร์เห็นก็เอาดาบรับคมดาบของขุนโชติไว้ได้ทัน ขุนโชติกับภูมินทร์ใช้ดาบประจุพรายฟันกัน เกิดประกายไฟขึ้น สองคนใช้ดาบดันกันไว้ไม่ยอมกัน เสือดำ เสือไท เข้ารุมคม คมปัดป้อง ลูกน้องวิ่งตามมาช่วย ขณะที่ศรีแพรยังสู้กับลูกน้องภูมินทร์คนอื่นอยู่
ขุนโชติยิ้มเหี้ยม แรงเยอะกว่า หมุนดาบของตนตวัดดาบในมือภูมินทร์หลุดลอยขึ้นฟ้าแล้วถีบภูมินทร์กระเด็นไป ดาบร่วงลงมาอยู่ที่มือขุนโชติพอดิบพอดี
“ดาบประจุพรายนี้เป็นของข้า จำไว้”
ขุนโชติบอกแล้วฟันภูมินทร์ ภูมินทร์กลิ้งหลบ ข้าวของถูกฟันกระจุย คมหลุดมาจากพวกเสือดำ เสือไท ปรี่เข้ามาดึงตัวภูมินทร์ แล้วพาวิ่งหนีออกไป ขุนโชติไม่ตาม มองดาบทั้งสองเล่ม พอใจที่ได้ของๆ ตนกลับคืนมา

ภูมินทร์กับคมวิ่งหนีออกมา คะนึงนิจสวนเข้ามา
“ยัยนิจ”
“พี่ภู ทำไม? นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่ต้องถาม แกเอาตัวยัยนิจไปซ่อนที่ปลอดภัยก่อน ไปเร็ว”
คมพยักหน้ารับ แล้วฉุดตัวคะนึงนิจ พาวิ่งออกไป ภูมินทร์วิ่งไปอีกทาง

สำริดนำกล้ากับพวกมาถึงปางไม้ภูมินทร์ แล้วทั้งหมก็ได้เสียงยิงปืนดังสนั่น ทุกคนเครียด
“เรามาช้าไป”
กล้าบอก สำริดห่วงศรีแพรมาก
“ศรีแพร พวกเราต้องตามตัวศรีแพรให้พบให้ได้”
สำริดวิ่งเข้าไปที่ปางไม้ทันที กล้าและที่เหลือตาม

หน้าโรงเก็บไม้ กล้า สำริด ปันนา ชาวม่อนช้างเผือก 2-3คน สู้กับลูกน้องภูมินทร์อยู่ กล้าถีบลูกน้องภูมินทร์คนหนึ่งหงายไป ก่อนจะวิ่งแยกออกไปอีกทาง
เสือดำใช้หน้าไม้ เสือไทใช้ขวาน บุกเข้ามาในบ้านพักใหญ่ ฆ่าสมุนภูมินทร์ แล้วกระชากสร้อยทองที่คอ ทรัพย์สินอื่นๆ แล้วเก็บใส่ถุงที่พกมากับตัวอย่างชอบใจ
คมพาตัวคะนึงนิจเข้ามา แล้วพาไปอีกทาง คลาดกับกล้าที่เข้ามาแล้ววิ่งไปอีกทาง
ขณะนั้นราชาวดีกึ่งเดินกึ่งวิ่งจะไปหาพ่อ กังวลใจมาก เสียงปืนดังแว่วมาเป็นระยะ กล้าเข้ามาอีกทางเจอกัน“วดี”
“พี่กล้า”
อารามดีใจ กล้าโผเข้ากอดราชาวดี ราชาวดีได้สติ ขืนตัวออกมา
“พี่กล้า พี่กล้าแหกคุกจริงเหรอ แล้วทำไมพี่กล้ามาที่นี่ได้”
“พี่ไม่ได้แหกคุก มีคนไปปล้นนักโทษแล้วพาพี่ออกมา แล้วพี่ก็ไม่ได้ฆ่าเบิ้มด้วย วดีต้องเชื่อพี่นะ ตอนที่เกิดเรื่อง
พี่ออกจากกุฎิมาโทรศัพท์หาวดี จำได้มั้ย”
“ค่ะ แต่ ทำไมถึงมีคนเห็นว่าเป็นพี่กล้าที่ยิงเบิ้ม”
“พี่ก็ไม่รู้ แล้วนี่ทำไมวดีถึงอยู่ที่นี่”
“วดีพาพ่อมาพักฟื้น คือที่นี่เป็นปางไม้ของ...”
“ไอ้กล้า” ภูมินทร์เข้ามา จ่อปืนเล็งกล้า “แกกล้ามากที่บุกมาถึงถิ่นฉัน”
“พ่อเลี้ยงภูมินทร์ หรือว่าที่นี่คือปางไม้ไพรพญา”
“อย่าบอกนะว่า แกบุกเข้ามาโดยที่ไม่รู้ว่า ที่นี่เป็นปางไม้ของฉัน แกตั้งใจจะมาลอบทำร้ายฉันใช่มั้ย”
“ฉันไม่เคยลอบกัดใคร”
“ฆาตกรอย่างแกทำได้ยิ่งกว่านั้นอีก วดีถอยออกมา พี่ต้องจับมันส่งตำรวจ”
ราชาวดีละล้าละลัง ภูมินทร์เลยเอื้อมไปกระชากตัวมา แล้วระเบิดกระสุนใส่กล้า

กล้ากลิ้งตัวหลบแล้ววิ่งหนี

ครูเริงนอนอยู่ในห้อง ตกใจเมื่อได้ยินเสียงปืนแว่วจากข้างนอก เสียงคนโวยวายดังเข้ามาจึงแปลกใจลุกเปิดประตูออกไปดู

ทางเดินหน้าบ้านพัก กล้าเดินเข้ามาด้วยท่าทางระแวดระวัง ทันใดนั้นครูเริงเปิดประตูออกมา กล้าตกใจชักมีดพร้าระวังตัว ครูเริงตกใจที่เห็นกล้าถือพร้ายืนอยู่ กล้าเห็นครูเริงก็อึ้งไป
“ครู ทำไม”
“กล้า” ครูเริงมองมีดพร้าที่กล้าถืออยู่แล้วตกใจ ตะโกนออกมา “ชะ ช่วยด้วย โจร โจร” ครูเริงคว้าแจกันในห้องมาไล่ทุบกล้า “ออกไป ออกไป ไอ้นักเลง ไอ้ชั่ว”
กล้าทรุดลงไป ไม่สู้พยายามอธิบาย จับแจกันที่เริงจะทุ่มไว้
“ครู ฟังผมก่อนครับครู ผมไม่ใช่...”
แต่แล้วครูเริงก็ชะงัก ตาเหลือก กล้าอึ้ง เพราะเห็นว่าที่อกครูเริงถูกแทงจากด้านหลังจนทะลุ กล้าตกใจมาก ปลายมีดถูกชักกลับไป เผยให้เห็นว่าขุนโชติเป็นคนแทงครูเริง
“ครู”
ครูเริงล้มมาบนตัวกล้า ทำให้พร้าที่ถือในมือเสียบเข้าที่ตัวอีกที ครูเริงตายคาที่
ราชาวดีกับภูมินทร์เข้ามาเห็นที่พร้าเสียบพอดี กล้าตกใจสุดๆ ราชาวดีเห็นพ่อตายก็ช็อค “พ่อ”!
ภูมินทร์ชักปืน เล็ง
“ไอ้กล้า แกฆ่าครูเริง”
ภูมินทร์จะยิงกล้า ขุนโชติว่าคาถามหาอุตย์ทำให้ยิงไม่ออก คมนำลูกน้องภูมินทร์เข้ามาระดมยิง กล้าต้องกลิ้งหลบ ขุนโชติโดนกระสุนไม่ระคายผิว แต่ห่วงกล้าก็เลยดึงกล้ากำบังกายหายไป ราชาวดีโผเข้ากอดครูเริง ร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ
“พ่อ พูดกับวดีซิคะ พ่อ”
“ตามล่ามันให้เจอ ไป”
คมพาลูกน้องออกไป

มุมหนึ่งในปางไม้ ศรีแพรใช้คชกุศสู้กับสมุน เกี่ยวตวัดปืนร่วง แล้วเท้ายันจนหน้าหงายไป สมุนอีกคนเข้ามา ง้างมีดฟันศรีแพร ศรีแพรถอยแต่สะดุดล้มลง สมุนยิ้มร้าย เตะศรีแพรอย่างไม่ปรานีจนศรีแพรจุกตัวงอ สมุนได้ทีแทงมีดลงไปเต็มแรง ศรีแพรตกใจ ทันใดคชกุศของสำริดก็ลอยคว้างมา เกี่ยวมีดดาบของสมุนกระเด็นไป
สำริด ปันนา จันทา ยืนอยู่ สมุนรีบหนีไป จันทากับสำริดรีบเข้าไปประคองศรีแพร
“พ่อ...เจ้าบอกพ่อทำไม” ศรีแพรต่อว่าจันทา สำริดจ้องดุ
“เจ้าหยุดได้แล้ว ก่อเรื่องอะไรรู้ตัวบ้างไหม” คำพันกับพวก 2 คนวิ่งเข้ามาสมทบ “ พวกเจ้า”
สำริดแปลกใจที่เจอคำพันที่นี่ คำพันทำเป็นรีบร้อน
“พวกข้าตามมาช่วย พ่อเฒ่า ข้าว่าเราแยกย้ายไปตามพวกที่เหลือก่อนเถอะ”
สำริดพยักหน้ารับเห็นด้วย
“พวกเจ้าระวังตัวด้วย แล้วรีบกลับไปเจอกันที่หมู่บ้าน”
สำริดบอก แล้ววิ่งพาพวกปันนา จันทา ศรีแพร ออกไป คำพันกับพวกมองตาม สักพักสมุนภูมินทร์กลับเข้ามา
“บอกนายด้วย ข้าจะลอบออกมาส่งข่าวให้เป็นระยะ”
คำพันบอกสมุน สมุนพยักหน้ารับ พวกคำพันวิ่งออกไปอีกทาง

ส่วนที่โรงพยาบาล จ่าลุยนอนหมดสติอยู่ในห้อง ICU มีนุกูล กระเต็น สุพจน์เฝ้าอยู่ด้านนอก นุกูลน้ำตาคลอเป็นห่วงพ่อ สุพจน์เห็นกระเต็นเครียดจัดจึงพูดปลอบใจ
“คุณเต็นอย่ากังวลไปเลยครับ จ่าลุยถึงมือหมอแล้ว เค้าต้องปลอดภัย”
กระเต็นมองจ่าลุยกับนุกูลหน้าเศร้า
“จ่าลุยออกจากห้องผ่าตัดมาจะครบวันแล้วนะ แต่ป่านนี้ยังไม่ได้สติเลย ฉันกลัวว่า...” หาญกับจุกตามมาสมทบพอดีกระเต็นรีบเข้าไปถาม “หมอเค้าว่ายังไงบ้าง”
“ยังไม่พ้นขีดอันตราย หมอยังต้องรอดูอาการต่อ”
กระเต็นหมดแรง นุกูลปล่อยโฮ
“พ่อ พ่อ”
หาญพยายามปลอบใจ
“ทุกคนล้วนมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีวิบากกรรมที่ต้องชดใช้ แต่ยังไงข้าก็เชื่อว่าพ่อเอ็งต้องปลอดภัย”
“วิบากกรรม ที่ไอ้พ่อเลี้ยงภูมินทร์ มันหยิบยื่นให้นะสิ เพราะฉันแท้ๆ ถ้าจ่าลุยไม่เอาตัวมาขวาง ก็คงไม่...”
กระเต็นรู้สึกผิด โกรธตัวเอง
“ใช่ ผมจะไม่ยอมให้มันทำเราฝ่ายเดียว ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต” นุกูลบอกอย่างแค้นๆ
“พ่อนายยังนอนอยู่นี่ จะไปก่อเรื่องอะไรอีก หน้าที่จัดการคนร้าย มันหน้าที่พวกตำรวจ นายมีหน้าทีดูแลพ่อแล้วก็เรียนหนังสือให้จบ”
ตำรวจท่าทางรีบร้อนเข้ามาหาสุพจน์
“มีข่าวด่วนจากทางเหนือครับผู้การ”
“เรื่องอะไร”
“เราเจอตัวนายกล้าแล้วครับ”
“กล้า” กระเต็นดีใจรีบเข้ามาถาม “เจอกล้าที่ไหน”

หาญแปลกใจเมื่อรู้ว่ากล้าอยู่ที่ไหน
“ปางไม้ไพรพญา กล้าไปทำอะไรที่นั่น”
“กล้าบุกเข้าไปฆ่าคนตายในนั้น”
“อีกแล้วเหรอ”จุกบอกแล้วนึกได้ว่ากระเต็นอยู่ด้วย จึงชะงัก
“ฆ่าคน กล้าฆ่าคนตายอีกแล้ว ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ กล้าไม่รู้จักใครที่นั่น ไม่มีเหตุผลที่ต้องฆ่าใครทั้งนั้น ลูกน้องคุณพจน์คงจะฟังมาผิดแล้วล่ะ”
“คุณรู้มั้ยว่าใครเป็นเจ้าของปางไม้ไพรพญา พ่อเลี้ยงภูมินทร์ไง” ทุกคนอึ้ง “เค้าเป็นคนแจ้งความเอง บางทีกล้าอาจตามขึ้นไปล้างแค้น ก็เป็นได้”
กระเต็นแค้น โวยวาย
“ไอ้พ่อเลี้ยงเจ้าเล่ห์ จะไปเชื่อมันได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นศัตรูกับกล้า มันจ้องหาโอกาสจะใส่ความกล้าอยู่แล้ว พวกมือปืนที่มาถล่มอู่จ่าลุย ก็ไม่แคล้วเป็นฝีมือมัน”
“แต่เด็กที่ชื่อราชาวดี เป็นลูกสาวของคนตาย เค้าเป็นพยานยืนยันว่า ฆาตกรคือกล้า”
“ราชาวดี”

กระเต็นช็อกที่เหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม ในใจชักลังเล หรือกล้าจะผิดจริง? แต่หาญยังสงสัยว่าจะมีเบื้องหลัง

เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 6 (ต่อ)

กล้าเดินอารมณ์เสียมาตามทางออกหมู่บ้านม่อนช้างเผือก กำลังมุ่งหน้าจะกลับไปที่ปางไม้ ขุนโชติตามมาดึงแขนไว้

“เอ็งจะไปไหน ไอ้หนุ่ม”
กล้าสะบัดมือขุนโชติออก
“ผมไม่ได้ฆ่าครูเริง ผมจะกลับไปอธิบายให้วดีฟัง”
เสือไท เสือดำ ศรีแพร จันทา ตามเข้ามาสมทบ
“เอ็งกลับไปก็ป่วยการ รังแต่จะโดนจับเสียเปล่า ๆ”
“ผมไม่สนหรอก จับก็จับ” กล้าจ้องขุนโชติอย่างไม่กลัว “ทำไม ทำไมถึงต้องฆ่าคนบริสุทธิ์ ทำไมต้องฆ่าครูเริงด้วย”
“พี่โชติช่วยชีวิตเอ็งไว้แท้ๆ เอ็งยังไม่สำนึกอีก” เสือไทบอกอย่างโมโหและจะเอาเรื่องกล้า “เอ็งอย่ายุ่งไอ้ไท นี่เป็นเรื่องระหว่างมันกับข้า”
ขุนโชติบอก เสือดำสบตาเสือไท ทำนองให้ใจเย็นไว้ เสือไทหงุดหงิดแต่ต้องยอมตามขุนโชติ
“ช่วยเหรอ ช่วยแหกคุก ช่วยฆ่าคนตาย ช่วยให้ทุกอย่าง เลวร้ายลงน่ะซิ ผมไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือแบบนี้ ครูเริงเป็นพ่อของวดี ผู้หญิงที่ผมรัก น้ารู้ไหม”
ศรีแพรได้ยินถึงกับอึ้ง จันทาเหลือบมองดูอาการลูกพี่ ขุนโชติพยายามใจเย็น
“ข้าไม่สนว่ามันจักเป็นใคร ในเมื่อมันอยู่ข้างศัตรู ย่อมเป็นศัตรูของข้าด้วย ไอ้หนุ่ม ยามศึกย่อมต้องมีสูญเสีย
เป็นของธรรมดา เอ็งจักอ่อนแอเยี่ยงนี้มิได้”
“แต่เราไม่มีศึก ไม่มีสงคราม ผมแค่ตามไปช่วยศรีแพรเท่านั้น หยุดเอาความคิดเรื่องฆ่าฟันกัน มายัดเยียดให้คนอื่นซะที” กล้าจ้องหน้าขุนโชติ “ที่นี่ไม่มีใครเป็นโจรโดยสันดานหรอก” กล้าหุนหันเดินออกไป ขุนโชติไม่ยอม ตามมาขวางหน้าไว้ กล้าเอาจริง ตั้งการ์ดจะสู้ “ถอยไป”
ขุนโชติมองนิ่ง เป่าคาถาลงกำปั้น สะบัดออก คลื่นมนต์กระทบตัวกล้า กล้ายืนนิ่งอยู่ในท่าตั้งการ์ด ไม่ไหวติงศรีแพรตกใจ รีบวิ่งไปหากล้าก้วยความเป็นห่วง
“เจ้าทำอะไร ทำไมเค้าถึงยืนนิ่งแบบนี้”
“เอ็งไม่ต้องเป็นกังวล ข้าแค่ใช้นะจังงังสะกดมันไว้เท่านั้น”
กล้ายืนนิ่ง แววตาไร้ความรู้สึกใดๆ

เสือดำแบกกล้ามาวางลงตรงมุมหนึ่งในเรือน กล้ายังต้องมนต์นะจังงังอยู่ มือและเท้าถูกมัด ขุนโชติ เสือไท ศรีแพร จันทา ยืนมองอยู่ไม่ห่าง สำริดพรวดเข้ามาเห็นกล้าก็ตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น ถึงกับต้องมัดมือมัดเท้ากันเลยเหรอ” สำริดเห็นกล้าไม่ไหวติง สงสัยจึงเข้าไปดู“พ่อหนุ่มๆๆ” สำริดลองเอามือแตะตัว กล้าคอพับ สำริดตกใจ กระโจนหนี “เฮ้ย พ่อหนุ่มนี้ตายแล้ว”
“เค้าถูกมนต์สะกดนะพ่อ ยังไม่ตาย”
สำริดเสียฟอร์มค่อยๆ เก๊กมาด มองขุนโชติขอคำอธิบาย
“ตกลงบอกได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้น”
“หลานข้ามันหัวรั้นนัก ข้าจึงต้องลงทัณฑ์เสียบ้าง แต่เอ็งไม่ต้องตกใจไป รุ่งสางเมื่อใด มนต์สะกดก็จักคลายลงเอง”
สำริดมองศรีแพรเชิงถาม ศรีแพรรีบปฏิเสธ
“ไม่เกี่ยวกับข้านะพ่อ ก็ไอ้คนเมืองมันจะกลับไปที่ปางไม้”
สำริดกลุ้ม บ่นศรีแพร
“โธ่เอ้ย จะไม่เกี่ยวได้ยังไง เจ้าไม่น่าบุ่มบ่าม บุกไปที่นั่นดูสิ เกิดเรื่องขึ้นมาจนได้ แล้วคราวนี้จะทำยังไง พวกพ่อเลี้ยงมันไม่ปล่อยเราไว้แน่”
ขุนโชติหงุดหงิดที่สำริดขี้ขลาด
“เอ็งก็ต้องลุกขึ้นสู้สิวะ จะมัวตาขาว หดหัวอยู่ได้เยี่ยงไร”
สำริดห่วงลูกบ้านจะมีภัย
“พวกข้าจะเอาอะไรไปสู้ ทั้งคนทั้งอาวุธล้วนเป็นรอง แล้วป่านนี้ทางโน้นคงแจ้งตำรวจไปแล้วว่าเราบุกรุก ท่านขุนโชติ ท่านควรหนีไปที่อื่นดีกว่า พวกข้าก็ต้องเตรียมตัวอพยพออกจากที่นี่”
ขุนโชติชักดาบ แล้วฟันฉับที่สำริดทันที ศรีแพรรีบพุ่งเข้ามาขวาง สำริดกับจันทาต่างตกใจ
“เฮ้ย”
ผ้าโพกหัวของศรีแพรขาดร่วงลงมากองกับพื้น ศรีแพรยืนอึ้ง ผมยาวปลิวไสว สำริดมองดูตัวสั่น “ศรีแพร ลูกพ่อ เจ้าไม่เป็นไรนะ”
“ไม่ ไม่เป็นไร”
“ข้านับถือน้ำใจเอ็ง เด็ดเดี่ยวผิดกับผู้พ่อของเอ็งนัก” ขุนโชติบอกอย่างชื่นชสม สำริดสลด
“ทำไมต้องทำร้ายพ่อด้วย ไหนว่าอยากช่วยพวกเรา”
“ถ้าข้าหมายเอาชีวิต หัวเอ็งคงหลุดไปแล้ว” ศรีแพรนึกได้ว่าตัวเองเฉียดตาย ขุนโชติจ้องสำริด ไพ่อเอ็งหมิ่นฝีมือข้า ข้าไม่ได้ขลาดเขลา คิดแต่จะหนีเอาตัวรอด ข้าขุนโชติแห่งทุ่งพระกาฬไม่เคยก้มหัวให้ผู้ใด ข้าจักแสดงให้พวกเอ็งประจักษ์ ว่าไม่มีผู้ใดมีชัยเหนือข้าได้”
ขุนโชติเดินออกไปด้วยท่าทีขึงขัง เสือดำกับเสือไทรีบตาม สีหน้าพอใจที่จะได้สู้ โดยเฉพาะเสือไทจ้องศรีแพรตาเป็นมัน จันทากลืนน้ำลายเอื๊อก มองตาม ขนลุก สำริดกลัวทั้งขุนโชติ กลัวทั้งพวกปางไม้ สบตาศรีแพรต่างไม่รู้ว่าขุนโชติจะมาไม้ไหน

ราชาวดีนั่งร้องไห้อยู่ในห้องพัก ตาแดงกล่ำ ไม่ได้นอนทั้งคืน สักพักคะนึงนิจเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมอาหารเช้า คะนึงนิจมีท่าทางอิดโรยไม่แพ้กัน
“วดีกินอะไรหน่อยนะ แล้วจะได้นอนพัก เธอยังไม่ได้นอนทั้งคืนเลย”
“ตั้งแต่แม่ตาย เราก็มีกันแค่สองคนพ่อลูก ตอนนี้พ่อมาจากเราไปอีกคน แล้วต่อไป เราจะทำยังไง”
คะนึงนิจเข้าไปกอดเพื่อนที่ร้องไห้
“วดียังมีเรานะ เราจะไม่ทิ้งวดีไปไหน เราสัญญา”
“ทำไม ทำไมต้องเป็นพี่กล้าด้วย ทำไมล่ะนิจ”
คะนึงนิจไม่มีคำตอบให้ เพราะตัวเองก็สับสนไม่ต่างกัน สองสาวกอดกันแน่น ภูมินทร์เปิดประตูเข้ามา
“วดีเป็นยังไงบ้าง” ราชาวดีไม่ตอบอะไร คะนึงนิจสบตาพี่ชาย ได้แต่ส่ายหัวเพราะเพื่อนยังอาการแย่ “พี่ขอโทษ ถ้าพี่ไม่ชวนมาที่นี่ ครูก็คงไม่ตาย”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ”
“พี่ภูหายไปไหนมา นิจไม่เห็นพี่ภูเลยตั้งแต่มีเรื่อง” คะนึงนิจถามอย่างสงสัย ภูมินทร์ทำเป็นหนักใจ
“พี่เข้าเมืองไปแจ้งความ และขอกำลังตำรวจมาคุ้มกันที่นี่เราไม่รู้ว่าไอ้กล้ากับพวกม่อนช้างเผือก จะบุกมาอีกเมื่อไหร่ เราต้องป้องกันตัวไว้ก่อน” ภูมินทร์สบตาราชาวดี “แต่ถ้าวดีไม่อยาก เอาเรื่องกล้า ที่ฆ่าครู พี่ก็จะไปถอนแจ้งความ”
ราชาวดีได้ฟังยิ่งร้องไห้
“พี่ภู จะพูดเรื่องนี้อีกทำไม” คะนึงนิจดุพี่ชาย
“ที่จริงพี่ไม่อยากทำอย่างนี้หรอกนะ แต่พี่ทนไม่ได้ ถึงมันจะโกรธแค้นพี่ยังไงก็ไม่ควรทำกับคนบริสุทธิ์แบบนี้
ไอ้กล้ามันไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะถือว่าตัวเองเป็น ลูกนายตำรวจใหญ่ ใครก็หยุดไม่อยู่”
ราชาวดีทนฟังต่อไม่ไหว จะลุกหนี
“วดีปวดหัว ขอตัวก่อนนะคะ”
แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หน้ามืด เซ คะนึงนิจประคองไว้พอดี
“วดีเป็นอะไร ไหวมั้ย ไปที่เตียงก่อนเถอะ”

คะนึงนิจพาราชาวดีไปนั่งที่เตียงหายาดมให้ดม ภูมินทร์มองตามยิ้มพอใจที่แผนไปได้ด้วยดี

ภายในห้องเก็บศพโรงพยาบาลเล็กๆ ในตัวจังหวัดแถบภาคเหนือ มีหนึ่งศพถูกผ้าคลุมไว้ที่บนเตียง สุพจน์นำหาญกับกระเต็นเข้ามา เมื่อเปิดผ้าคลุมออกจึงเห็นเป็นศพครูเริง

“ตามรายงานการชันสูตรศพ ผู้ตายมีบาดแผลถูกแทงจากด้านหลังและด้านหน้าอย่างละแผลไม่มีร่องรอยการต่อสู้อื่น”
กระเต็นสบตาหาญ หาญเข้าไปใกล้ สารวัตรเข้ามาหาสุพจน์ ท่าทางเครียด
“ผู้การครับ มีคำสั่งด่วนจากกรมตำรวจเข้ามาครับ”
สุพจน์รู้ว่าเป็นความลับราชการ
“ผมขอตัวซักครู่นะ”
สุพจน์รีบออกไปคุยนอกห้อง
“ถอยออกไปก่อน ข้าต้องใช้สมาธิ”
หาญบอก กระเต็นถอยห่างไปที่ประตู หาญเอื้อมมือสัมผัสศพครูเริง หลับตา ร่ายคาถา เพ่งตาทิพย์
ภาพเคลื่อนเข้าที่หน้าหาญ แล้วหาญก็เห็นเป็นห้องพักครูเริงที่ปางไม้แทน หาญยืนมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า
จึงเห็นว่าขุนโชติฆ่าเริง
หาญลืมตาขึ้น รู้ว่ากล้าถูกใส่ร้ายอีกจึงยิ่งเครียด
“เป็นยังไง กล้าไม่ได้ทำใช่มั้ย” กระเต็นถามอย่างร้อนใจ
“ไม่ใช่กล้า เป็นขุนโชติที่เป็นคนลงมือ”
“กล้าไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ”
กระเต็นวิ่งออกไป หาญเรียกไว้ไม่ทัน
“ขุนโชติ เอ็งกับข้าต้องก่อเวรก่อกรรมกันไม่มีที่สิ้นสุดหรือยังไง”
หาญรำพึงออกมา

“มีคำสั่งจากท่านรองฯอำนวย ให้กองปราบฯสนธิกำลัง กับท้องที่ เข้าไปจับกุมตัวนายกล้าออกมาจาก บ้านม่อนช้างเผือก ภายในเที่ยงวันนี้เลยครับ”
สารวัตรบอกกับสุพจน์ สุพจน์ถึงกับเครียด
“วันนี้เลยเหรอ ตกลง คุณเตรียมคนให้พร้อม ผมจะนำทีมไปจับเอง”
กระเต็นพรวดเข้ามา
“ไม่ได้นะ ฉันไม่ยอมให้คุณไปจับกล้าเด็ดขาด”
“ตอนนี้กล้าเป็นผู้ต้องหา ผมเป็นตำรวจ ผมต้องทำตามหน้าที่”
“กล้าไม่ใช่ผู้ต้องหา กล้าไม่ผิด พ่อ เอ่อ พี่สิงห์เห็นในนิมิตว่าผู้ร้ายตัวจริงคือขุนโชติ”
สารวัตรงง สุพจน์รีบปราม
“ผมเป็นตำรวจ ทุกอย่างต้องใช้พยานหลักฐานถ้ากล้าไม่ผิด เราก็ต้องต่อสู้กันในศาล”
“เอาซิ ถ้าคุณเอาตำรวจไปจับกล้า ถือว่าคุณกับครอบครัวเราขาดกัน”
“คุณเต็น”
สุพจน์กลุ้มใจที่กระเต็นเข้าใจผิด

หาญคลุมผ้าศพไว้ตามเดินแล้วจะออกจากห้อง แต่ปรากฎว่าเตียงเหล็กที่ว่างอยู่ก็เลื่อนมาขวางประตูไว้อย่างรวดเร็ว หาญแปลกใจทันใดศพครูเริงก็ลุกขึ้น จ้องมองหาญตาแดงกล่ำ ดันเตียงพุ่งเข้ากระแทกหาญ หาญหมุนตัวหลบได้ทัน เพ่งตาทิพย์จึงเห็นร่างครูเริงกลายเป็นร่างเสือทับ
“ไอ้ทับ ที่แท้อาจารย์ยอดก็อยู่เบื้องหลังอีกแล้วเหรอ”
“หึ ข้าสมเพชเอ็งจริงๆ วะไอ้หาญ เอ็งกับลูกหลานเอ็งไปทำเวร ทำกรรมอะไรไว้วะ ถึงมีแต่คนจ้องอาฆาต ฮ่าๆๆ”
หาญชะงัก นึกถึงกรรมที่ตัวเองก่อไว้กับขุนโชติ เสือทับพุ่งเข้าโจมตีหาญ หาญตอบโต้ ฝีมือสูสีกัน หาญดึงสร้อยลูกสะกดหัวใจสิงห์ขึ้นมาหมายเผด็จศึก เสือทับรู้ทัน เพ่งจิต ตวัดมือ เตียงเหล็กทั้งสองเตียงพุ่งเข้ากระแทกหาญพร้อมกัน ลูกสะกดหล่นจากมือหาญ เสือทับพุ่งเข้ามาบีบคอหาญแน่น ดันจนร่างหาญติดกำแพง หาญหายใจไม่ออก ว่าคาถา เพ่งจิตสร้อยลูกสะกดที่หล่นพื้นพุ่งกลับมาเข้ามือหาญ หาญดีดลูกสะกด ทะลุเข้าร่างครูเริง
“ฮ่ะๆๆ ไอ้หาญ เอ็งไม่มีทางทำอะไรข้าได้หรอก เอ็งฆ่าข้าได้แค่ครั้งเดียว”
“กล้าอยู่กับพวกเอ็งใช่มั้ย”
“ใช่ และมันจะอยู่กับพวกข้าตลอดไป”
“ไม่ ข้าขอร้อง ปล่อยกล้า ถ้าเอ็งแค้นข้าก็เอาชีวิตข้าไป”
“นั่นน่ะง่ายไป ไอ้หาญ เอ็งต้องตายทั้งเป็น”
เสียงเคาะประตูปังๆ
“พี่สิงห์ เกิดอะไรขึ้น”
วิญญาณเสือทับออกจากร่างครูเริงไปทันที สุพจน์กับสารวัตรกระแทกประตูเข้ามา กระเต็นตาม สุพจน์เห็นหาญพยุงศพครูเริงไว้
“เกิดอะไรขึ้นครับ พี่สิงห์จะทำอะไรน่ะ”
หาญปล่อย ครูเริงลงไปกองกับพื้น สารวัตรเข้าดูศพเห็นแผลเพิ่ม
“รอยแผลนี้เพิ่งเพิ่มมาใหม่ ฝีมือคุณเหรอ”
หาญสบตากระเต็น
“ข้าเพิ่งสู้กับวิญญาณไอ้ทับ มันสิงร่างครูเริง”
“อะไรนะ”
“คุณไปตามเจ้าหน้าที่มาจัดการศพ ไป ทางนี้ผมสอบเองสารวัตรรับคำสั่งแล้วไป เรื่องแบบนี้มันเข้าใจยากนะครับ พี่สิงห์”
“ข้ารู้”
“นี่ไงหลักฐาน เห็นมั้ยว่ามันตั้งใจเล่นงานเรา”
“คุณเต็น คุณจะให้ผมจับผีไปเข้าคุกเหรอ”
“ฉันให้คุณจับไอ้ภูมินทร์ต่างหาก ถ้าคุณไม่จับ ฉันไปเอง” กระเต็นเดินออก
“กระเต็น อย่าเพิ่งวู่วาม” กระเต็นไม่ฟัง “รีบตามไปเถอะ” หาญบอกสุพจน์
“แล้วพี่สิงห์ละครับ”

“ข้าจะไปสืบอีกทางหนึ่ง แล้วจะตามไปสมทบ”

ตรงลานกลางหมู่บ้านม่อนช้างเผือก เสือดำกับเสือไทคุมชาวบ้านให้ช่วยกันเหลาไม้แหลม เพื่อทำอาวุธและขวากสำหรับป้องกันหมู่บ้าน ปันนากับชาวบ้านต่างหวาดกลัวกับท่าทีที่ดุดันของทั้งคู่

คำพันเดินหลบๆ ดูสังเกตการณ์ กลุ่มผู้ชายกำลังช่วยกันฝังไม้แหลมลงดินเป็นขวากและหลุมพรางไว้รอบๆหมู่บ้าน เสือดำเป่ามนต์กำบังทำให้ไม่เห็นกับดักที่วางไว้ แล้วไปคุมงานส่วนอื่นต่อ คำพันจึงแอบใช้ตะขอคชกุชขีดที่พื้นดินทำเป็นสัญญลักษณ์เอาไว้ เสือไทหันมาเห็นก็ตวาดขึ้น

“เอ็งทำกระไรวะ หรือเอ็งเป็นไส้ศึก ริทำหมุดหมาย ไว้แจ้งแก่ศัตรู”
คำพันรีบเอาตีนลบรอยขีดที่พื้น
“ปะ เปล่า ข้าแค่เก็บตะขอคชกุศที่หล่น ไม่ได้ทำอะไร”
คำพันรีบเก็บตะขอคชกุศ แล้วออกไป เสือไทจ้องมองจับผิด ห่างออกมาจะเห็นสำริดยืนดูอยู่สีหน้าไม่สบายใจ
ขุนโชติเดินเข้ามาท้ายหมู่บ้าน เท้าแตะโดนเชือกที่ขึงซ่อนไว้กับพื้น ทันใดลูกดอกนับสิบก็พุ่งเข้าหา ขุนโชติตวัดดาบสองมือฟัน จนลูกดอกร่วงหล่น ศรีแพรกับจันทาตามเข้ามา
“เยี่ยม ฝีมือวางค่ายกลของเอ็ง นับว่าเป็นเอกไม่แพ้ชายชาตินักรบ”
“ข้าแค่จดจำมาจากแม่ศรีวรรณของข้า”
“หึ ที่นี่มันเกิดอาเพศหรือกระไร หญิงถึงได้ห้าวหาญ ผิดกับชายนัก แต่เอ็งไม่ต้องหวั่นไป แค่พวกข้าสามคนก็พอรับมือศัตรูทั้งกองทัพ”
ขุนโชติออกไปด้วยความมั่นใจ
“เจ้าไปพักเถอะ ข้าจะตรวจดูอีกสักหน่อย” ศรีแพรบอกกับจันทา จันทาดีใจรีบวิ่งปรู๊ดไป สวนกับสำริดที่เข้ามาหา สีหน้าเครียด “พ่อ ทางโน้นเสร็จแล้วเหรอ”
สำริดพยักหน้าพลางถอนใจ
“ข้าว่า เราไม่ควรทำแบบนี้”
“โธ่พ่อ เราจะยอมให้มันรังแกต่อไปอีก ไม่ได้แล้วนะ พ่อจำไม่ได้เหรอว่าแม่ตายเพราะพวกเราเอาแต่หนี ทิ้งให้แม่สู้อยู่คนเดียว” สำริดหน้าเศร้าลง
“ข้าไม่เคยลืมเรื่องนั้น ข้าเองก็เสียใจมาจนทุกวันนี้”
ศรีแพรขยับเข้ากอดพ่อ รู้ว่าพ่อเจ็บปวด
“ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะรื้อฟื้นขึ้นมาอีก”
สำริดมอง ยิ้มและลูบหัวศรีแพรด้วยความรัก ก่อนจะหยิบเบี้ยแก้มอบให้ศรีแพร ศรีแพรมองเบี้ยแก้ในมือตัวเอง
“เบี้ยแก้”
“ใช่ เบี้ยแก้นี้เป็นของคู่กายที่แม่เจ้ารักมาก ข้าอยากให้เจ้าเก็บมันไว้กับตัว ครั้งนี้ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เจ้าเองก็ควรมีอะไรไว้คุ้มภัย”
“พ่อคิดมากเกินไปแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้ใครทำอะไรพ่อแล้วก็พี่น้องของเราเด็ดขาด พ่ออย่ากังวลไปเลยนะ”
สำริดนึกถึงอดีตแล้วน้อยเนื้อต่ำใจ แต่เห็นว่าลูกไม่รับเลยโกหก
“เบี้ยแก้นี้เป็นของคนดีมีวิชา ที่เป็นผู้มีพระคุณของแม่เจ้า สวมไว้ วิญญาณแม่เจ้าจะได้สบายใจ เชื่อพ่อเถอะ”
ศรีแพรจำใจรับมาสวมคอไว้

ที่ปางไม้ภูมินทร์ ราชาวดีนอนหลับอยู่บนเตียงโดยมีคะนึงนิจนั่งเฝ้าเพื่อนรักอยู่ไม่ห่าง ภูมินทร์ตามเข้ามาด้วยความเป็นห่วง
“วดียังไม่ฟื้นอีกเหรอ”
“คงจะเพลียน่ะคะ วดีร้องไห้ทั้งคืนเลย นิจสงสารเพื่อนทำไมถึงต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้”
“เพราะไอ้กล้าไง พี่จะต้องลากตัวมันมาขอขมาวดีให้ได้” คะนึงนิจเถียงไม่ออก “นิจไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้วดีหน่อยเถอะ ดูสิเหงื่อออกเต็มหน้าเลย เดี๋ยวพี่นั่งเฝ้าแทนให้”
คะนึงนิจเห็นเหงื่อซึมออกมาตามใบหน้าราชาวดี จึงเดินออกไป แต่นึกได้หันกลับมามองลังเล
“นิจว่า ไว้ให้วดีตื่นค่อยเช็ดตัวดีกว่าค่ะ” ภูมินทร์รู้ตัว
“ไม่ไว้ใจให้พี่อยู่กับวดีเหรอ พี่รู้ดีนะว่าตอนนี้วดีรู้สึกยังไง พี่ยังจำได้ ถึงความรู้สึกที่เราสองพี่น้อง ต้องเสียพ่อกับแม่ไป” คะนึงนิจสบตาภูมินทร์ ภูมินทร์เข้าไปจับบ่าน้อง “นิจ นิจเป็นน้องสาวคนเดียวของพี่นะ นิจอย่าทำให้พี่รู้สึก
ว่าอยู่ตัวคนเดียวในโลกได้มั้ย”
“ได้ นิจจะเชื่อใจพี่ภูอีกครั้ง”
คะนึงนิจยิ้มให้แล้วออกไปนอกห้อง ภูมินทร์มองตาม ยิ้มพอใจ เดินไปนั่งใกล้ราชาวดี เฝ้ามองด้วยความเสน่หา อดไม่ได้ที่จะลูบไล้ใบหน้าราชาวดี
“หึ ฉันต้องขอบคุณแกจริงๆ ไอ้กล้าที่ทำให้เรื่องของวดีมันง่ายขึ้นเยอะ”
ภูมินทร์กำลังก้มลงจูบราชาวดี ทันใดเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“นายครับนาย แย่แล้ว”
ภูมินทร์ชะงัก หงุดหงิด เดินมาเปิดประตู
“อะไรของแกวะไอ้คม”
“ตำรวจมาขอพบนายครับ”

ภูมินทร์แปลกใจ

ภูมินทร์เดินออกมานอกบ้านเห็นกระเต็นยืนรออยู่กับสุพจน์และตำรวจอีกนาย จึงยิ้มเยาะ

“นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็คุณนายมาตามหาลูกชาย ไม่ใช่สิ มาตามหาไอ้ฆาตกรเหรอครับ”
กระเต็นโมโหพุ่งเข้าไปตบหน้าภูมินทร์ ทุกคนตกใจ พวกคมจะเข้าทำร้ายกระเต็นแต่สุพจน์ขวางไว้ ดึงกระเต็นหลบ
“ไอ้อันธพาล จ้องแต่หาเรื่อง ใส่ความกล้าไม่จบไม่สิ้น เมื่อไหร่แกจะหยุดทำตัวเป็นหมาลอบกัดซะที ฉันรู้แผนชั่วของแกหมดแล้ว”
“มันจะมากไปแล้วนะ อย่าคิดว่ามีนายตำรวจหนุนหลังแล้วจะทำอะไรก็ได้”
สุพจน์จับกระเต็นไว้
“คุณเต็นคุณไปทำร้ายเค้าอย่างนั้น เค้าเอาผิดคุณได้นะ”
“ฉันไม่กลัว แล้วทีมันทำกับฉันล่ะ มันส่งมือปืนไปยิงพวกฉันที่อู่ ใส่ร้ายกล้าว่าฆ่าคน ผิดทั้งข้อหาจ้างวาน แล้วก็แจ้งความเท็จ แต่มันก็ยังลอยนวลอยู่”
“คุณนายนั่นแหละที่กำลังใส่ร้ายผม มือปงมือปืนอะไรกันผมไม่เคยรู้เรื่อง แล้วที่ไอ้กล้ามันบุกเข้ามา ฆ่าครูเริงตาย ถึงที่นี่ ผมก็ไม่ได้ใส่ความ พยานรู้เห็นมีตั้งเยอะแยะ”
“พยานพวกนั้น มันก็คนของแกทั้งนั้น” คะนึงนิจประคองราชาวดีออกมา ชะงักที่เห็นกระเต็น “มาแล้วเหรอแม่ตัวดี ฉันไม่สนหรอกนะว่าเธอกับไอ้พ่อเลี้ยงนี่จะมีอะไรกัน แต่ทำไมต้องใส่ร้ายกล้าด้วย ต้องเอากันถึงตายเลยรึไง”
“วดีไม่ได้ใส่ร้ายพี่กล้า แต่วดีเห็นกับตาตัวเองว่าพี่กล้าเป็นคนฆ่าพ่อของวดี” คะนึงนิจบอก กระเต็นมองราราวดี
“จริงค่ะ วดีเห็นจริงๆ” ราชาวดีบอกอย่างเจ็บปวด กระเต็นยิ่งโกรธ
“แกโกหก ฉันไม่เชื่อ แกมันผู้หญิงแพศยา”
กระเต็นสะบัดผลักสุพจน์ จะเข้าไปตบราชาวดี แต่ภูมินทร์คว้ามือไว้
“คุณทำผมได้ แต่ผมจะไม่ยอมให้คุณทำร้ายวดีเด็ดขาด”
สุพจน์ต้องปรามกระเต็น
“ผมขอโทษด้วยนะครับ เรื่องครูเริงถูกฆ่ารับรองว่าทางตำรวจจะสืบหาคนร้ายให้ได้”
“ก็ขอให้เป็นอย่างงั้นเถอะ อย่าให้ผมต้องสิ้นศรัทธากับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เลย”
กระเต็นฮึดฮัด แต่คราวนี้สุพจน์เข้มใส่กระเต็น
“ถ้าคุณไม่อยากกลายเป็นผู้ต้องหาไปอีกคน คุณต้องกลับเดี๋ยวนี้”
สุพจน์รีบดึงกระเต็นกลับพร้อมตำรวจ ภูมินทร์มองตามด้วยความโมโห ราชาวดีน้ำตาไหล คะนึงนิจสงสารเพื่อน แต่ก็เห็นใจกระเต็น

เรือนที่ขังกล้า ศรีแพรมองผ่านช่องประตูเห็นกล้าที่ถูกมัดมือมัดเท้านั่งอยู่ข้างใน กล้าพยายามออกแรงดึงมือและเท้าให้หลุดจากเชือกแต่ก็ไม่สำเร็จ กล้าเครียดคิดหาทางหลุดพันธนาการให้ได้
กล้าคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เพชรถูกมัดมือด้วยเชือกอย่างแน่นหนาอยู่ ร่ายคาถา เป่ามนต์ไล่จากต้นแขนจนถึงปลายมือ ทันใดนั้นเชือกก็คลายตัวออก เพชรสะบัดเชือกหลุดลงไปกองกับพื้นอย่างง่ายดาย กล้าตื่นตาตื่นใจมาก เพชรยิ้ม
“พ่อสอนให้ผมบ้างนะครับ”
“ได้ คาถาบทนี้ ใช้เมื่อคับขันเท่านั้นนะลูก”
กล้ารีบพยักหน้ารับ
เมื่อคิดได้อย่างนี้กล้าจึงหลับตา ท่องคาถาในใจ
“วิ เว สุ เว อะ ยะ เวย ยะ เส เพ เส วะเส ตะ อะ เส”
กล้าเป่ามนต์จากต้นแขนไปถึงปลายมือ เชือกคลายตัวออก กล้าดีใจคิดว่าจะคลายปมได้ สะบัดเชือกอย่างแรง แต่แล้วเชือกกลับเรืองแสงสีแดงขึ้น แล้วมัดกล้าแน่นกว่าเดิม
“โอ๊ย” กล้าสีหน้าเครียด“เชือกอาคม”
ศรีแพรเปิดประตูเข้ามาหากล้าพร้อมจานข้าว
“ป่วยการน่า เจ้าสู้อาคมของน้าตัวเองไม่ได้หรอก” ศรีแพรบอกพร้อมกับป้อนข้าวให้ “เอ้านี่ข้าว กินซะ” แต่กล้าไม่ยอมอ้าปาก เบือนหน้าหลบ “ไอ้คนเมือง นี่เจ้าจะใจแข็งไปถึงไหน อยากอดตายรึไง”
กล้าสบตาศรีแพร
“ศรีแพร ผมรู้ว่าคุณเป็นคนมีน้ำใจ แก้เชือกให้ผมเถอะ นะ”
ศรีแพรสะท้าน แต่ยังใจแข็ง
“เจ้าอย่ามาหลอกชมข้าหน่อยเลย ข้ารู้ว่าเจ้าจะไปทำอะไร ข้าคงปล่อยไปไม่ได้หรอก พวกมันไม่เอาเจ้าไว้แน่”
“ยังไงผมก็ต้องกลับไปที่ปางไม้นั่น จะปล่อยให้วดีเข้าใจผมผิด อยู่อย่างนี้ไม่ได้”
“เจ้ายอมเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง ด้วยเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ”
“วดีสำคัญที่สุดสำหรับผม”
“แล้วจะให้ข้าทำยังไง เจ้ารักคนรักของเจ้า แล้วข้าล่ะ” ศรีแพรจะบอกว่าตัวเองชอบกล้าแต่ชะงัก “ข้า...
ข้าก็รักหมู่บ้านของข้าเหมือนกัน”

ศรีแพรอารมณ์เสีย กระแทกจานข้าวแล้วเดินหนีออกไป กล้ามองตามเซ็ง

เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 6 (ต่อ)

ศรีแพรเดินหงุดหงิดออกมา เจอยามชายทั้ง 2 คน มองหน้า

“พวกเจ้าเอาข้าวให้ด้วยละกัน ข้าไม่ว่าง”
ยามชายสองคนเดินเข้าเรือนที่ขังกล้าไป จันทาเข้ามาพอดี
“อ้าว ลูกพี่ ทำไมไอ้คนเมืองกินเร็วนักล่ะ ข้าว่าจะมาช่วยซะหน่อย”
“กงกินที่ไหนกันล่ะ เอาแต่ตื้อให้ข้าแก้มัดจะกลับไปที่ปางไม้นั่นให้ได้”
“แหม เค้าก็คงรักผู้หญิงของเค้ามากไงลูกพี่ ดูสิ ถึงขนาดทะเลาะกับน้าตัวเอง จนถูกจับขังแบบนี้”
“ใช่ รักมาก รักจนยอมตายได้” ศรีแพรประชด จันทาชื่นชม ทำท่าละเมอเพ้อพกไป
“นี่สิ รักอมตะ ชั่วฟ้าดินสลาย...”
ศรีแพรหมั่นไส้ ถีบจันทาเข้าให้ จันทาเซแซ่ดๆ ไป ศรีแพรไล่เตะอีก จันทาวิ่งหนีอุตลุด
หาญย่นระยะทางเข้ามาในป่า หลับตาเพ่งหาคลื่นวิญญาณของเสือทับ เสือทับปรากฏกาย

“ฮ่ะๆๆไม่ต้องเพ่งหาข้าให้เหนื่อยแรงหรอก”
“ถ้าเอ็งไม่บอกว่าหลานข้าอยู่ที่ไหน ข้าจะสะกดวิญญาณเอ็งไว้อีกครั้งไม่ให้ได้ผุดได้เกิด”
“โอ๊ะๆๆๆ ท่านผู้ทรงศีล อย่าเพิ่งมีโทสะ เดี๋ยวศีลที่อุตส่าห์รักษามาจะขาดซะเปล่า”
“ปล่อยเอ็งไป เอ็งก็ไปทำร้ายผู้บริสุทธิ์ นอกจากเอ็งจะกลับตัวกลับใจ”
“ฝันไปเถอะ ถ้าคิดว่าแน่ก็จับข้าให้ได้”
เสือทับหายตัวอีก หาญย่นระยะทางแหวกอากาศตาม


ที่ปางไม้ภูมินทร์ คนงานช่วยกันขนสัมภาระของราชาวดีขึ้นรถ ภูมินทร์เดินนำราชาวดีกับคะนึงนิจออกมา
“นิจกับวดีกลับกรุงเทพไปก่อนนะ ศพครูน่ะพี่จะส่งขึ้นเครื่องตามไป ส่วนเรื่องงานศพก็ไม่ต้องห่วง พี่จะเป็นเจ้าภาพเอง”
คะนึงนิจมองบรรยากาศรอบๆ อย่างสงสัย
“ทำไมวันนี้ปางไม้ถึงดูเงียบๆ คนงานหายไปไหนหมด”
“ที่จวนผู้ว่าฯมีงาน พี่เลยส่งคนไปช่วยจัดสถานที่” ภูมินทร์เปิดประตูรถให้ “พี่สะสางเรื่องทางนี้เสร็จ แล้วจะรีบตามไป”
“ขอบคุณมากนะคะ ที่เป็นธุระจัดการทุกอย่างให้”
ภูมินทร์ตีหน้าเศร้า
“พี่พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เผื่อมันจะชดใช้ความผิดของพี่ได้บ้าง”
“ที่พ่อต้องตายไม่เกี่ยวกับคุณหรอกค่ะ มันเป็นกรรมของพ่อกับวดีเอง”
ราชาวดีสะเทือนใจรีบขึ้นรถไป ภูมินทร์ยิ้มสะใจ คะนึงนิจกำลังจะขึ้นรถตามแต่ยังมีเรื่องคาใจจึงดึงภูมินทร์ออกห่างรถ
“พี่ภู พี่ไม่ได้ส่งคนไปทำร้ายน้ากระเต็นจริงๆ ใช่มั้ย”
“พี่สาบานได้ว่าพี่ไม่รู้เรื่อง ไอ้กล้าไปก่อเรื่องไว้ที่ไหนบ้างก็ไม่มีใครรู้ พวกที่ไปยิง มันอาจจะไปล้างแค้นแทนเพื่อนที่ตายก็ได้” คะนึงนิจลังเล “เอางี้มั้ย ถ้าเจอกล้าอีกที พี่จะไม่สู้จะยอมให้มันฆ่า นิจจะได้เชื่อพี่”
“พี่ภูไม่ต้องมาประชดนิจ”
“พี่รักวดีด้วยใจจริง แล้วตั้งใจจะเลิกเรื่องสกปรกทุกอย่างให้โอกาสพี่ได้กลับตัวนะ” ภูมินทร์สบตาน้องสาว
“เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม นิจจำไม่ได้เหรอว่าตอนเด็กๆ เราพี่น้องรักกันมากแค่ไหน”
“พี่ภู”
ภูมินทร์ดึงคะนึงนิจมากอด แต่คะนึงนิจยังสับสน

รถที่ไปส่งคะนึงนิจกับราชาวดีแล่นหายลับตาไป ภูมินทร์ยืนมองจากระเบียง อาจารย์ยอดเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าแปลกใจ
“จริงเรอะ ที่มันบอกว่าเป็นเจ้าของดาบเล่มนั้น”
“ครับ มันชิงดาบไปจากผม แล้วตัวมันเองยังใช้ดาบอีกเล่มที่เหมือนกันด้วย”
“ดาบทั้งสองเล่มนั้นคือดาบประจุพราย อาวุธคู่กายของขุนโชติแห่งทุ่งพระกาฬ ฮ่าๆๆ เอ็งเจอดีเค้าให้แล้วพ่อเลี้ยง”
“อาจารย์หมายความว่าพ่อเลี้ยงเจอผี” เสี่ยไพบูลย์บอก
“ไม่ใช่แน่ ผมมั่นใจว่ามันเป็นคน” ภูมินทร์บอกอย่างมั่นใจ
“เป็นไปได้ยังไง ขุนโชติโด่งดังเมื่อกว่าร้อยปีที่แล้วถ้าจะมาปรากฎตัวตอนนี้ มีทางเดียวต้องเป็น...”
“ในเมื่อเสือหาญมันยังกลับเป็นหนุ่มได้ ทำไมขุนโชติจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งไม่ได้ล่ะ” อาจารย์ยอดเดินกลับเข้ามานั่ง “นอกจากมีวิชาอมฤตเทวาจะย้อนอายุให้คนกลับมาเป็นหนุ่มเป็นสาวได้ ก็ยังมีวิธีที่จะชุบชีวิตให้คนตายฟื้นคืน”
“มหัศจรรย์อย่างงั้นเชียวหรืออาจารย์ ทำไมอาจารย์ไม่ทำพิธีนี้ให้กับผมบ้าง เสียแรงเป็นลูกศิษย์อาจารย์กันมานาน” เสี่ยไพบูลบ์บอก
“ได้ แต่เอ็งต้องตายก่อนแล้วข้าจะเอากระดูกเอ็งไปชุบชีวิตในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์”
“หะ เอ่อ ถ้างั้นก็อย่าเพิ่งเลย”
“แต่ถ้ามันคือขุนโชติจริง เราจะรับมือยังไงในเมื่อมันไปอยู่กับพวกม่อนช้างเผือก”
“วิธีจัดการศัตรูที่เหนือกว่า ไม่ใช่แค่กำจัดมันอย่างเดียวหรอก” วิญญาณเสือทับแว่บเข้ามา ยืนด้านหลัง “พูดถึงก็มาเลย งานสำเร็จแล้วรึ เสือทับ”
เสือทับพยักหน้า
“ใช่ ไอ้หาญมันถูกข้าล่อไปที่ม่อนช้างเผือกแล้ว”
ไพบูลย์กับภูมินทร์เหลียวมองเลิ่กลั่ก
“เสือทับมาเหรอ อาจารย์ ไหน อยู่ไหน” เสี่ยไพบูลย์นึกกลัว เสือทับแว่บมาข้างหน้าเสี่ยไพบูลย์
“ข้าอยู่นี่” เสี่ยไพบูลย์เด้งตัวหนี
“เฮ้ย”
“มันเป็นใคร” ภูมินทร์ตกใจ แต่ควบคุมสติได้
“มันคือเสือทับ โจรชุมเสือเมฆที่ทรยศเป็นสายให้ตำรวจเลยถูกเสือเมฆกับไอ้หาญฆ่าตาย”
“วิญญาณเสือทับ ที่ช่วยเราฆ่าสัปเหร่อกล่ำใช่มั้ย”
“ใช่ ตอนนี้เสือทับ เป็นพวกเดียวกับเรา เพราะเรามีศัตรูคนเดียวกัน” ภูมินทร์ตั้งสติได้ “เอ็งทำดีมากทับ”
เสือทับหายตัวไป
“แต่ผมก็ยังมองไม่ออกว่าเราจะเกลี้ยกล่อมขุนโชติมาเป็นพวกเราได้ยังไง”
เสี่ยไพบูลย์มองหน้ากับอาจารย์ยอด แล้วก็เดินไปหยิบรูปหลวงณรงค์จากกระเป๋าเอกสาร ที่เป็นรูปเดียวกับในพิพิธภัณฑ์แต่สำเนามายื่นให้ภูมินทร์
“นี่คือรูปหลวงณรงค์ฤทธิ์โยธา”
“เสือหาญ”
“เข้าใจแล้วใช่มั้ย ทีนี้พวกเราเตรียมตัวไปส่งวิญญาณไอ้หาญกับไอ้กล้าได้แล้ว”

อาจารย์ยอดยิ้มเหี้ยม เสี่ยไพบูลย์หวาดๆ เกาะแขนภูมินทร์

จังหวะนั้นช่องอากาศถูกแหวกออก หาญย่นระยะทางออกมาพร้อมกับมองไปรอบๆ เสียงศรีแพรดังแว่วมา

“หยุดนะ ไอ้จันทา”
จันทาวิ่งหนีศรีแพรเข้ามา
“ว้าก ไม่หยุดๆ”
หาญรีบหลบเข้าหลังต้นไม้ได้อย่างฉิวเฉียด จันทามองหาทางหนีศรีแพรแล้ววิ่งหลบออกไปอย่างเร็ว ศรีแพรวิ่งหอบตามเข้ามา
“ไอ้จันทา ออกมานะ ข้ารู้เจ้าหลบอยู่แถวนี้แน่” ศรีแพรมองหาจันทา หาญยืนหลบนิ่ง เงียบ มองศรีแพรแล้วตะลึง
“ศรีวรรณ”
ศรีแพรเดินย่องไปทางหาญ ใกล้เข้าๆ จนเกือบจะเห็น เสียงช้างร้องดังขึ้นพอดี ศรีแพรหันไปเห็นช้างบุญช่วยเดินเข้ามา
“บุญช่วย เจ้าตามข้ามางั้นรึ” บุญช่วยร้องพลางโยกหัวตอบ ศรีแพรเข้าไปลูบงวงช้าง ถอนหายใจ เศร้า “เจ้าจะมาปลอบข้าใช่มั้ย ทำไมข้าถึงรู้สึกเจ็บๆ ในนี้ก็ไม่รู้” ศรีแพรจับอกตัวเอง “ไม่ มันต้องไม่ใช่เพราะนายกล้า เจ้าคนเมืองนั่น” หาญได้ยินก็เอะใจ “ถ้าข้าไม่ช่วยนายกล้าให้ออกไปเจอผู้หญิงที่เค้ารัก ข้าจะเป็นคนเลวหรือเปล่า”
ศรีแพรน้ำตาคลอ บุญช่วยใช้งวงลูบหัวปลอบใจศรีแพร ศรีแพรรีบยืดอกทำเข้มแข็งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ขอบใจนะบุญช่วย ที่ปลอบข้า มีเจ้าเท่านั้นแหละที่เป็นเพื่อนแท้ของข้า ไป ไปอาบน้ำกัน”
บุญช่วยย่อขาหน้าให้ศรีแพรปีนขึ้นหลังช้าง เจ้านายกับช้างคู่ใจเดินไปทางลำน้ำ
หาญขยับออกจากที่ซ่อน มองตาม เห็นแต่ด้านหลังของศรีแพรหายลับไป

ท้ายหมู่บ้านม่อนช้างเผือก หาญเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง แต่ต้องหยุดชะงัก รู้สึกผิดปกติ หาญหลับตาร่ายคาถา ลืมตาขึ้นใหม่จึงเห็นวงคลื่นอาคมครอบอาณาเขตนั้นอยู่

“ไอ้ขุนโชติใช้อาคมกำบังไว้ กล้าต้องอยู่ที่นี่แน่”
หาญเอาลูกสะกดออกมา พลางว่าคาถา แล้วสะบัดออกไป ลูกสะกดเรืองแสง ลอยออกจากมือหาญ พุ่งกระจายไปบนท้องฟ้า ลูกสะกดกระจายตัวไปทำลายคลื่นอาคม

ที่ทางเข้าหมู่บ้าน ขณะนั้นปันนากำลังนำชาวม่อนช้างเผือกจำนวนหนึ่งขุดหลุมพรางกับดักโดยมีสำริดยืนกำกับ
“ข้าว่าพอกันได้แล้วมั๊ง หลายหลุมแล้วนะ ลูกหลานเราพลาดมาร่วงตุ๊บเข้า แย่เลยนา”
ขุนโชติกับเสือดำ เสือไท เข้ามาพอดี
“ไม่ได้ หากทำเช่นนั้นจะเรียกว่าการศึกกระนั้นรึ”
ปันนากับลูกบ้านมองหน้ากัน ก่อนจะขุดกันต่อ สำริดห่อเหี่ยวเพราะลูกบ้านเริ่มไม่เชื่อฟังตน ขุนโชติพอใจ แต่แล้วกลับรู้สึกแปลกๆ มองไปบนฟ้า แล้วขุนโชติก็เห็นวงคลื่นอาคมของตนกลายเป็นละอองฝุ่นก่อนจะสลายไป ขุนโชติหน้าเครียด สั่งการสำริด
“พวกเอ็งเตรียมตัวให้ดี มีคนบุกรุก” ขุนโชติหันบอกเสือดำ เสือไท “มันมีอาคม เอ็งสองคนตามข้ามา เร็ว”
ขุนโชติเดินนำออกไป เสือไท เสือดำรีบตาม สำริดกับพวกต่างมองกัน หน้าตื่น คำพันแอบตามพวกขุนโชติไป

ขณะนั้นยาม 2 คนยืนรักษาการณ์อยู่หน้ากระท่อมที่ขังกล้า ทันใดทั้งสองก็สะดุ้งเพราะถูกหาญเอามือฟันเข้าที่ท้ายทอยจนร่วงสลบไป หาญค่อยๆ ปรากฎกายขึ้น มีใบพลูเหน็บหู
หาญเปิดประตูเข้ามา ดีใจที่เจอกล้า
“กล้า” กล้าถูกมัดอยู่ รีบปรี่เข้าไปหา “ไม่เป็นไรใช่ไหม”
กล้าจ้องหน้าหาญอึ้ง
“คุณเป็นใคร”
“ข้าเป็นปู่ของเอ็ง” กล้าแปลกใจ ไม่เชื่อ
“ปู่หาญ เป็นไปไม่ได้ ปู่บวชเป็นพระแล้วตอนนี้ก็แก่แล้ว”
“ข้าสึกออกมา ทำพิธีย้อนอายุเพื่อช่วยเอ็ง อย่าเพิ่งถามอะไรเลย ออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน”
กล้าไม่ไว้ใจแต่อยากรู้ว่าจะมาไม้ไหน
“เชือกนี่มันถูกลงอาคมไว้”
หาญพยักหน้ารับรู้ ร่ายคาถา
“ยะ ธา พุทธะ โม นะ”
เกิดแสงเรืองขึ้นใต้ฝ่ามือหาญ ไล่ไปตามเชือกที่มัดมือและเท้า ทันใดเชือกก็ร่วงลงไปกองกับพื้น
หน้าเรือน ยามทั้งสองคนยังสลบอยู่ พวกขุนโชติเข้ามาเห็นก็ตกใจ เสือดำกับเสือไทหายเข้าไปในเรือน กลับมารายงาน เสือดำชูเชือกอาคมให้ดู
“ไอ้หนุ่มกล้าไม่อยู่แล้ว มีคนคลายมนต์ของพี่แล้วพามันไป”
“ข้าว่าคงไปได้ไม่ไกลนัก ข้าจักจับมันกลับมาเอง” เสือไทบอก
“อย่าชะล่าใจไป ผู้ที่มาช่วยมันได้ ย่อมมีฝีมือพอตัว จงระวังให้จงหนัก”

ขุนโชตินำสมุนคู่ใจออกตามล่าตัวกล้า

ทางด้านหาญพากล้าหนีออกมาทางท้ายหมู่บ้าน กล้าขืนตัวไว้

“เดี๋ยว ผมจะเชื่อได้ยังไงว่าคุณคือป่หาญ”
หาญรีบหยิบตะกรุดสามกษัตริย์ออกมา
“ตะกรุดนี้คงจะยืนยันได้ว่าข้าคือปู่หาญของเอ็ง”
“ปู่” กล้ารีบกราบหาญ
“ตอนนี้แม่เอ็งรออยู่ ตั้งแต่เกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น เค้าก็เป็นห่วงเอ็งมาก”
“ผมไม่ได้ฆ่าคนตาย แล้วก็ไม่เคยคิดหนี แต่ขุนโชติเป็นคนเอาตัวผมมา”
หาญได้ยินก็พอใจ
“ปู่รู้ ปู่เคยเจอขุนโชติแล้ว เพราะกรรมที่ปู่เป็นคนก่อเอ็งกับแม่ถึงต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“ปู่พูดอะไรครับ ผมไม่เข้าใจ ปู่รู้จักขุนโชติ?”
“ไว้ปู่จะอธิบายให้ฟัง เราต้องรีบไปจากที่นี่ ตำรวจกำลังจะบุกหมู่บ้าน เราต้องรีบกลับไปห้าม”
ศรีแพรเข้ามา
“หยุดเดี๋ยวนี้”
ทันใดศรีแพรพุ่งเข้ามาโจมตีจากด้านหลัง หาญผลักกล้าให้หลบ ตะกรุดสามกษัตริย์ตกลงกับพื้น ศรีแพรจู่โจมหาญ หาญตั้งรับซัดเบาๆ จนศรีแพรถลาไป หาญมองตามแล้วชะงักเมื่อเห็นศรีแพรอยู่หน้าช้างบุญช่วย หันกลับมา ในมือถือคชกุศ จ้องหาญท่าทางเอาเรื่อง
“เจ้าเป็นใคร แล้วจะพาไอ้คนเมืองนี้ไปไหน” ศรีแพรนึกได้ก็ตกใจ “พวกปางไม้ส่งเจ้ามาใช่มั้ย”
ศรีแพรพุ่งเข้าใส่หาญ โจมตีด้วยคชกุศ หาญได้แต่ตั้งรับ จับศรีแพรไว้ แต่ยิ่งจ้องหน้ายิ่งเหมือนเลยเสียสมาธิศรีแพรไม่สน เอาหัวโขกหาญจนเซไป ศรีแพรตามจะซ้ำ กล้ารีบเข้าไปกระชากคชกุศจากมือศรีแพร
“หยุดได้แล้ว”
“ห้ามข้าทำไม มันเป็นพวกศัตรู แล้วยังจะทำร้ายเจ้า”
กล้ารู้ว่าศรีแพรเข้าใจผิด
“ไม่ใช่นะศรีแพร เค้าไม่ได้มาทำร้ายแต่มาช่วย ผมต้องกลับไปมอบตัวก่อนที่ตำรวจจะบุกมาที่นี่ ไม่งั้นอาจมีการปะทะ กันจนนองเลือด คุณต้องช่วยผม” ศรีแพรลังเล หาญมองศรีแพรแล้วพึมพำ
“ศรีแพร”

ในป่าด้านหน้าหมู่บ้านม่อนช้างเผือก ตำรวจกระจายกำลังกันแอบซุ่ม รอคำสั่งอยู่ กระเต็นกับสุพจน์เข้ามา กระเต็นยังฉุนเฉียว
“ทำไมคุณพจน์ไม่จับไอ้พ่อเลี้ยงนั้นมาเค้นความจริง ทำไมต้องกลัวคนเลวอย่างนั้นด้วย”
“ผมเป็นตำรวจ ผมไม่เคยกลัวคนเลว ถ้ามีหลักฐานว่าเค้าผิดผมจับแน่”
“หลักฐานๆๆ มิน่าพวกโจรในเสื้อสูทมันถึงเกลื่อนเมืองก็เพราะมัวแต่รอหลักฐานนี่แหละ ถามหน่อย ใครที่ไหนมันทำชั่ว แล้วจะทิ้งใบเสร็จไว้บ้าง”
“แต่ถ้าทุกคนใช้อารมณ์ความรู้สึกตัดสินถูกผิดบ้านเมืองมันจะเป็นยังไง”กระเต็นเถียงไม่ออก “นี่ก็เลยเวลามามากแล้ว ผมคงต้องบุกม่อนช้างเผือก”
“แต่ฉันอยากรอพี่สิงห์ก่อน”
“คงไม่ได้แล้วครับ ขืนช้าพวกม่อนช้างเผือกอาจไหวตัวทัน แล้วกล้านั่นแหละที่จะเป็นอันตราย” สุพจน์สบตากระเต็น “คุณเต็นไม่ต้องห่วงนะครับ ผมรับรองว่ากล้าจะปลอดภัย”
สุพจน์กระชับปืนในมือ ส่งสัญญาณให้ตำรวจทุกคนออกจากที่ซ่อนตรงไปยังหมู่บ้าน กระเต็นหน้าเครียด ห่วงกล้ามาก

ห่างออกไปที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ชาวม่อนชายแอบซุ่มบนต้นไม้มองตำรวจอยู่เช่นกัน ชาวม่อนชายยิงธนูให้สัญญาณ ปลายธนูผูกผ้าแดงไว้ ไปที่ต้นไม้อีกจุดที่ปันนาปีนอยู่ ปันนาเห็นสัญญาณตกใจ

ลานกลางหมู่บ้านสำริดผูกผ้าขาวกับท่อนไม้ เป็นธงขาว ปักไว้กลางลาน ปันนาวิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงาน
“พ่อเฒ่าๆ แย่แล้ว พวกตำรวจล้อมหมู่บ้านเราไว้หมดแล้ว”
“ต...ตำรวจเหรอ” สำริดตกใจ
“ข้าว่าพวกปางไม้ มันคงไปแจ้งความที่เราบุกรุก”
ลูกบ้านที่นั่งรวมกันอยู่ต่างแตกตื่น
“ใจเย็นๆ กันก่อน ถ้าเราไม่ต่อสู้ ตำรวจก็ไม่ทำอะไรเราหรอก ทุกคนจงฟังข้าให้ผู้หญิง เด็กและคนแก่มาอยู่รวมกันที่ธงนี้ ข้ารับรองความปลอดภัย ข้าจะออกไปเจรจากับตำรวจเอง” สำริดบอกลูกบ้าน จันทาเข้ามาชะเง้อมองหาศรีแพรในกลุ่มลูกบ้าน “ไงไอ้จันทา เจอตัวศรีแพรรึยัง”
“ยังเลยจ้ะพ่อเฒ่า ข้าหาจนทั่วหมู่บ้านแล้ว”
“ไปหาใหม่สิวะ แล้วพาตัวให้มารวมกันที่นี่ เร็ว”

จันทารีบกลับออกไป คำพันแอบฟังอยู่เก็บข้อมูลทุกอย่าง

ศรีแพรวิ่งนำหาญกับกล้าเข้ามา แล้วชี้ไปที่ลำธารเบื้องหน้า

“เราพ้นเขตบ้านม่อนช้างเผือกมาแล้ว ข้ามลำธารนี้กับดอยลูกหน้าก็จะเจอถนน ข้าคงส่งเจ้าได้แค่นี้
ข้าต้องรีบกลับไปเตรียมรับมือผู้บุกรุก”
“คุณไม่ต้องห่วง ผมจะรีบไปมอบตัว ทุกคนที่ม่อนช้างเผือกต้องปลอดภัย”
“ข้าดูแลตัวเองได้ เจ้ารีบไปเถอะน่า”
“ศรีแพร ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่นี่ ถ้ามีโอกาสผมจะกลับมาอีก ผมสัญญา” ศรีแพรเศร้า ไม่รู้จะเจอกันอีกเมื่อไหร่ “เราไปกันเถอะครับ”
แต่หาญที่ยังคาใจอยู่ จึงเดินเข้ามาหาศรีแพร กล้าแปลกใจ
“เอ็งรู้จักผู้หญิงที่ชื่อศรีวรรณรึเปล่า” ศรีแพรตกใจ
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ทำไมเจ้าถึงรู้จักแม่ข้า”
“ที่แท้เจ้าเป็นลูกศรีวรรณ แล้วตอนนี้แม่เอ็ง...” หาญถามยังไม่จบ ทันใดขวานของเสือไทก็ลอยคว้างเข้ามาที่พวกหาญอย่างเร็ว “ระวัง”
หาญคว้าขวานได้ติดมือ แล้วเหวี่ยงกลับไป เงาดาบสีแดงพุ่งมาปะทะ ขวานสะบั้นเป็นสองท่อน ขุนโชติ เสือดำ เสือไท เดินหน้าเหี้ยมเข้ามา ขุนโชติเห็นหาญก็ยิ้มชอบใจ
“ข้ารอวันที่จักได้เจอเอ็งอีกครั้ง ในที่สุดชะตาของเราก็ต้องกัน”
“ข้าไปทุ่งพระกาฬตามที่เอ็งนัด ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดเอ็งถึงแค้นหลวงณรงค์นัก”
“เป็นเยี่ยงนั้นก็ดี เอ็งจะได้ตายตาหลับ”
ขุนโชติไม่รอช้า ร่ายกสินไฟ เกิดลูกไฟขึ้นที่มือ ขุนโชติสะบัดลูกไฟใส่หาญทันที หาญเคลื่อนตัวหลบได้ทัน แต่ขุนโชติก็สะบัดลูกไฟใส่อีก ต้นไม้ระเบิดไฟลุกท่วม กล้าเป็นห่วงหาญ วิ่งเข้าไปขวาง
“พอได้แล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน เพิ่งเจอหน้าก็คิดจะฆ่ากันให้ตาย”
“ไอ้หนุ่ม เอ็งไม่รู้กระไร จงหลบไปเสีย”
“ไม่ ผมจะไม่ยอมให้พวกน้าทำอะไรปู่ผมแน่”
ขุนโชติ เสือไท เสือดำ รวมทั้งศรีแพรต่างอึ้ง
“ปู่ เอ็งบอกว่ามันคือปู่ของเอ็งกระนั้นรึ”
“ช่างน่าขันยิ่งนัก อายุมันไม่ต่างจากพี่โชติของข้า มันจะเป็นปู่เอ็งได้เยี่ยงไร”
“คนมีวิชาแก่กล้าเช่นเอ็ง คงรู้จักพิธีอมฤตเทวาใช่มั้ย”
“เอ็งกำลังจะบอกว่า เอ็งกลับเป็นหนุ่มเพราะพิธีอมฤตเทวา”
“ข้าคือเสือหาญ เกิดในแผ่นดิน พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่หก”
“หากเอ็งทำพิธีอมฤตเทวาย้อนอายุได้จริง ข้าก็ยิ่งแน่ใจว่าเอ็งคือหลวงณรงค์ ป่วยการจะโป้ปดมดเท็จเพื่อเอาตัวรอด เพราะข้าจักต้องสังหารเอ็งให้จงได้”
“ผมไม่ยอมให้น้าทำอะไรปุ่ผมเด็ดขาด แค่ครูเริงคนเดียวก็เกินพอแล้ว”
ขุนโชติเห็นท่าทีจริงจังของกล้า หวนนึกอะไรได้
“หึ ชะตาช่างเล่นตลกนัก นี่ข้าหลงเอ็นดูลูกหลานศัตรูอยู่รึนี่” ขุนโชติจ้องหน้ากล้า หาญดันกล้าให้หลบ“ปู่กับขุนโชติมีวิบากกรรมร่วมกันมา ปล่อยให้ปู่จัดการเรื่องนี้เองเถอะ” หาญสบตาขุนโชติ เสือดำ เสือไท อย่างรู้สึกผิด “หากชาติก่อนข้าทำผิดต่อพวกเอ็งไว้จริง ขอพวกเอ็งจงอโหสิกรรม ข้ายินดีรับผลกรรมนั้นแต่เพียงผู้เดียว พวกเอ็งหยุดจองเวรกับคนที่ไม่เกี่ยวข้องซะเถอะ”
“ไม่มีทาง” ขุนโชติ เสือดำ เสือไท จ้องหาญราวจะกินเลือดกินเนื้อ “เอ็งฆ่าลูกฆ่าเมีย และกักขังวิญญาณของพวกข้า เช่นนี้จักให้ข้าอภัยกระนั้นรึ ไอ้ดำ ไอ้ไท เอ็งจงดู ข้าจักกุดหัวมัน เซ่นสังเวยดวงวิญญาณพี่น้องเรา”
ขุนโชติชูดาบคู่ขึ้นฟ้า จู่ๆ มีลม เมฆดำเคลื่อนเข้าปกคลุมเหนือบริเวณ
“กล้า ถอยไปก่อน”
ศรีแพรพยายามดึงกล้าให้หลบ
“ไม่ ถ้าน้าจะฆ่าปู่หาญ น้าก็ต้องฆ่าผมด้วย” กล้าบอกกับขุนโชติ
“ได้ ต่อแต่นี้ข้าจักถือว่าเอ็งเป็นศัตรูของข้าเช่นกัน”
ขุนโชติจ้องหาญเหี้ยม บริกรรมคาถาเป่าลงบนดาบทั้งสอง อักขระสีเลือดบนดาบเรืองรองขึ้น ตวัดดาบ เงาดาบสีแดงพุ่งเข้าใส่กล้าทันที หาญผลักกล้ากับศรีแพรหลบ ทำให้ตัวเองโดนเงาดาบไปเต็มๆ ร่างหาญต้านพลังจากดาบทั้งสองของขุนโชติไม่ได้ ถูกดันถอยชนต้นไม้ หาญเจ็บจุก

ที่ทางเข้าบ้านม่อนช้างเผือก สำริดถือธงขาวอีกผืน เดินนำหน้าปันนาและลูกบ้านผู้ชายออกไป ท่าทางกลัวๆห่างออกไปสุพจน์กับกระเต็นนำกำลังตำรวจบุกเข้ามาพอดี ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน สำริดรีบยกมือเหนือหัว
“พวกข้าไม่มีอาวุธและไม่คิดสู้ อย่าทำอะไรพวกข้าเลยนะ”
“ส่งตัวนายกล้าออกมา เรารู้ว่าเค้าซ่อนอยู่ที่นี่”
“ได้ๆ ข้าจะพาพวกท่านไปเอง”
สุพจน์สั่งให้ตำรวจเก็บอาวุธ ทันใดคำพันที่ซ่อนอยู่แถวนั้นก็ชักปืนยิงไปที่ตำรวจๆ ที่อยู่ข้างกระเต็นล้มลง ทุกคนตกใจ สุพจน์รีบผลักกระเต็นหาที่กำบัง ตำรวจที่เหลือยิงป้องกันตัว ตำรวจบางส่วนถูกกับดักที่ซ่อนไว้เล่นงาน
ปันนาลากสำริดกลับมาหลบในหมู่บ้าน
“ใครเป็นคนยิงวะ ข้าสั่งแล้วไงไม่ให้สู้”
“พวกเราไม่มีปืนพ่อเฒ่า”
คำพันที่ซุ่มอยู่ยิงใส่ตำรวจอีก แล้วหลบไป ตำรวจเลยยิงเข้ามาอีก ลูกบ้านที่รวมกลุ่มกันต่างแตกตื่น หนีตายโกลาหล
“หยุดยิงก่อน”
สำริดยื่นธงขาวออกจากที่กำบังโบกไปมา แต่กลับถูกยิงจนธงกระจุย
“นี่มันชุมโจรชัดๆ ทั้งซ่อนคนร้าย ทั้งต่อสู้เจ้าหน้าที่ ผู้การจะกวาดล้างเลยมั้ยครับ” สารวัตรบอก สุพจน์ตัดสินใจ
“บุกเข้าไป จับผู้ต้องหาออกมาให้ได้ ใครต่อสู้จัดการได้เลยแต่อย่าทำร้ายเด็กกับผู้หญิง”

กระเต็นเครียดที่ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากปะทะกัน

เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 6 (ต่อ)

กล้าจะเข้าไปดูหาญ เสือไทกับเสือดำขวางไว้ กล้าสู้ด้วยหมัด แต่ถูกรุม ศรีแพรเข้าไปช่วยด้วยตะขอคชกุศ

“ไม่ใช่กงการกระไรของเอ็ง อย่าแส่ดีกว่า”
“พวกเจ้าเล่นหมาหมู่ ข้าคงไม่แส่ไม่ได้”
ศรีแพรโจมตี เสือดำตั้งรับ ก่อนจะซัดศรีแพรกระเด็น จุก เสือไทล็อกตัวกล้าไว้ เสือดำตามเข้าไปอัดที่ท้อง กล้าดิ้นแต่สู้แรงไม่ได้ เสือไทสะใจ
“ฮ่าๆ วันนี้เอ็งได้ดูปู่ของเอ็งตายแน่ๆ ไอ้หนุ่ม”
หาญใส่สนับพลางว่าคาถาปลุกเสือเผ่น
“พยัคโฆ พยัคฆา”
รอยสักเสือเผ่นเรืองแสงขึ้น ขุนโชติกับหาญปรี่เข้าปะทะกัน ทั้งสองฝีมือสูสี ท่ามกลางลมพายุและเสียงฟ้าร้องครืนครั่น
ขุนโชติใช้ดาบฟันไปที่หาญ หาญเคลื่อนตัวหลบ ต้นไม้ขาดเป็นสองท่อน หาญเป่าคาถาลงกำปั้น
“หมัดธนูมือ” แล้วซัดสวนไปที่ขุนโชติ ขุนโชติผงะเซ “ขุนโชติ ยุติเพียงเท่านี้และอย่าก่อกรรมต่อกันอีกเลย”
“ข้าจักหยุด ต่อเมื่อเอ็งตาย”
ขุนโชติไม่ฟัง ยิ่งโมโห ควงดาบตวัดไปมา เงาดาบพุ่งเข้าตัดกิ่งไม้ด้านบนแล้วร่วงลงใส่หาญเป็นเหมือนห่าฝน
กล้าเห็นตกใจ
“ปู่หาญ”
กล้าสะบัดเสือไทที่ล็อกตนออก อัดเสือดำ จะวิ่งเข้าไปช่วยหาญ เสือดำง้างธนูในมือยิง ลูกธนูพุ่งตรงเข้ากลางหลังกล้า แต่ศรีแพรมาดึงกล้าหลบวิถีลูกธนูได้หวุดหวิด เสือดำยิงธนูซ้ำอีกนับสิบดอก กล้าตั้งตัวได้กลิ้งหลบไปมา เสือดำยังคงไล่ยิง กล้าพาศรีแพรหนีลัดเลาะไปตามลำน้ำ คำพันวิ่งเข้ามาแอบมองเห็นกล้าหนีไป
หาญดึงลูกสะกดออกว่าคาถาแล้วเป่า สะบัดไปกลายเป็นแส้ตวัดฟาดกิ่งไม้แหลมจนขาดสะบั้น หาญเห็นกล้ากับศรีแพรวิ่งหนีเสือดำกับเสือไทไปทางปลายน้ำ หาญรีบตามไปช่วย ขุนโชติไล่ตาม ทั้งคู่ผ่านคำพันที่เข้ามาซุ่มอยู่มองอย่างตื่นเต้น

ที่ลานกลางบ้านม่อนช้างเผือก สุพจน์นำกำลังตำรวจเคลื่อนที่เข้าจู่โจมพร้อมอาวุธปืน ลูกบ้านบางส่วนที่เป็นผู้หญิง เด็ก คนแก่ ต่างหนี สมุนภูมินทร์ปลอมเป็นชาวบ้านเข้ามาสมทบ แอบตามมุมต่างๆ คอยยิงชาวบ้านล้มตายไปหลายคน ปันนาทนไม่ไหวคิดว่าเป็นฝีมือตำรวจ
“ข้าทนไม่ไหวแล้ว พ่อเฒ่าจะหลบก็หลบไปคนเดียวเถอะ พวกเราสู้ตาย”
ปันนาและผู้ชายบางคนฮึดสู้ ใช้ตะขอคชกุศหรือมีดพร้าเข้าปะทะ หลายคนโดนยิงตายไปอย่างอเน็จอนาจ สำริดช็อก

ภูมินทร์อยู่บนเนินในป่าใช้กล้องส่องทางไกลมองไปยังหมู่บ้านม่อนช้างเผือกเบื้องล่าง เสียงปืนดังแว่วมาภูมินทร์สบตาอาจารย์ยอดกับเสี่ยไพบูลย์ ยิ้มพอใจ
“หึ รู้สึกว่าแผนของเราจะลุล่วงไปด้วยดี”
คำพันเข้ามารายงาน
“นาย มีคนมาช่วยไอ้กล้า ตอนนี้กำลังต่อสู้กับขุนโชติอยู่ ฝีมือแกร่งพอกัน ข้าได้ยินไอ้กล้าเรียก ปู่หาญ”
“ในที่สุดมันก็มาตามที่ข้าคิด ถึงเวลาที่ข้าต้องลงมือแล้ว”
อาจารย์ยอดออกไป ภูมินทร์หันมาสั่งคม
“ได้เวลากำจัดให้สิ้นซาก เผาหมู่บ้านมันอย่าให้เหลือ”
คมรับคำแล้วจะออกไป คำพันรีบขวาง
“เผาหมู่บ้านข้า อะไรกัน เราไม่ได้ตกลงกันแบบนี้ นายบอกถ้าข้ามารับใช้นาย นายจะให้ข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่ไม่ใช่เหรอ”
“เรอะ ฉันพูดอย่างนั้น งั้นแกก็ล่วงหน้า ไปรอลูกบ้านของแก ก่อนแล้วกัน” ภูมินทร์ชักปืนเล็ง คำพันตกใจ “ฉันไม่คิดจะเลี้ยงนกสองหัวอย่างแกหรอก” เสียงปืนดังปัง

ที่ลานกลางหมู่บ้านร่างปันนาทรุดลงเพราะถูกตำรวจยิง สำริดรีบวิ่งเข้ามาประคอง
“ปันนาๆๆ”
ปันนาขาดใจตาย สำริดเสียใจมาก มองไปรอบๆ ตัว สำริดเห็นลูกบ้านของตัวเองกำลังสู้กับตำรวจ หลายคนถูกยิงตายเป็นใบไม้ร่วง สำริดน้ำตานอง คว้าอาวุธ วิ่งออกไปสู้
สุพจน์กับกระเต็นต่อสู้อยู่กับชาวบ้าน สำริดพุ่งเข้ามาหา ง้างคชกุศฟัน
“คุณพจน์ระวัง”
สุพจน์เบี่ยงหลบ อัดสำริดจนจุก สำริดสู้ไม่ถอยแม้ฝีมือจะเป็นรอง
ทันใดเสียงปืนก็ดังขึ้น สำริดผงะ ล้มฟุบจึงเห็นเป็นสารวัตรที่ตามเข้ามาช่วย กระเต็นอัดชาวบ้านลงไปสลบ แล้ววิ่งมาหาสำริด
“ทำไม ทำไมต้องฆ่าคนของข้าด้วย” สำริดถามออกมา
“กล้าอยู่กับพวกแกใช่มั้ย บอกมาลูกชายฉันอยู่ไหน”
สำริดหมดสติไป จันทาซุ่มดูอยู่ในเรือนหลังหนึ่ง ตกใจ หาทางหลบหนี

ในป่า วิญญาณเสือทับ เคลื่อนที่ออกจากความมืดมิด เสียงสวดคาถาของอาจารย์ยอดดังก้อง “จิ เจรฺนิ จิตตัง เจตะสิกัง รูปัง
นิพพานนัง นะมะพะทะ ปัฐะวีระธาตุ
ทีฆังวา ภะกะสะจะ ชีวัง
อฺตเตหิ อาคัจฉามิ”
เสือทับเคลื่อนที่ตรงไปหาอาจารย์ยอดที่กำลังนั่งบริกรรมคาถาอยู่ แล้วหยุดตรงหน้า วิญญาณเสือทับค่อยๆปรากฎร่างขึ้น อาจารย์ยอดลืมตามอง
“ถึงเวลาเอ็งแสดงฝีมืออีกแล้ว เสือทับ”

เสือทับยิ้มเหี้ยม

ศรีแพรกับกล้าวิ่งหนีมาที่น้ำตก ตามด้วยเสือดำกับเสือไท ทั้งสองจนมุมที่ขอบน้ำตก กล้าเห็นเบื้องล่างน้ำตกเป็นเหวลึกมีสายน้ำทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา

“ข้าหมั่นไส้มานานแล้ว วันนี้ล่ะจะได้ฉีกเนื้อเอ็งให้สาใจ”
ทั้งสองเสือเข้าโจมตี กล้ากับศรีแพรได้แต่ตั้งรับ ศรีแพรเพลี่ยงพล้ำ กล้าเข้าไปขวางจึงถูกอาวุธบาดเจ็บ เสือไทตามมาซ้ำแต่หาญมาช่วยไว้ทัน อัดเสือทั้งสองถลาไป
“พวกเอ็งหลบไป ข้าจะจัดการเอง” หาญบอกกับกล้า
หาญตวัดลูกสะกดซัดโดนเสือดำกับเสือไท แล้วพุ่งเข้าไปอัดหมัดธนูมือซ้ำจนเสือทั้งสองกระเด็น กระอักเลือด
ขุนโชติตามเข้ามาพอดี ตวัดดาบคู่เข้าโจมตี หาญสะบัดลูกสะกดตั้งรับ
วิญญาณเสือทับเห็นศรีแพรประคองกล้าที่บาดเจ็บอยู่ตรงริมตลิ่ง กล้าเป็นห่วงหาญจะเข้าไปช่วย แต่ศรีแพรไม่ยอม
“อยากตายรึไง เจ้ายังบาดเจ็บอยู่”
“ปล่อยผม ผมต้องไปช่วยปู่หาญ”
กล้าแกะมือศรีแพรออกแล้วจะเข้าไปช่วยหาญสู้ ทันใดร่างกล้าก็สะดุ้ง แววตาเปลี่ยนเป็นอำมหิต ศรีแพรตามมาคว้าแขนกล้าไว้
“ข้าไม่ให้เจ้าไป”
กล้าจ้องมองตะขอคชกุศในมือศรีแพร แย่งมา แล้วเหวี่ยงศรีแพรไปอย่างแรง กล้ายิ้มเหี้ยม ที่ดวงตากล้าจะเห็นเงาเสือทับอยู่ในแววตา
หาญกับขุนโชติกำลังต่อสู้กันอย่างสูสี จู่ๆ กล้าก็เข้ามาแทรกกลาง ใช้ตะขอคชกุศตวัดสู้กับขุนโชติ ขุนโชติผงะถอยไปด้วยความแปลกใจที่กล้ามีพลังมากขึ้น หาญตามเข้ามาช่วย ทันใดกล้าก็หันกลับไปฟันคชกุศลงที่ไหล่หาญ หาญถึงกับทรุด
“กล้า” หาญอึ้ง
ศรีแพร ขุนโชติ เสือดำ เสือไท ต่างแปลกใจ

จันทาแอบอยู่ที่เรือนหลังหนึ่งเห็นคมและสมุนเข้ามาพร้อมคบไฟในมือ ทั้งหมดมีผ้าปิดหน้า
“เผาให้หมดทุกหลัง ระวังอย่าให้ตำรวจเห็น”
สมุนกระจายกันออกไป คมโยนคบไฟเข้าไปในเรือนแล้วออกไป
ไฟติดพรึ่บไปทั่ว จันทาที่หลบอยู่ได้กลิ่นไหม้ ตกใจ รีบลุกขึ้น
“ไฟไหม้ๆๆ ตายแน่ ไอ้จันทาตายแน่ๆ”
จันทาหาทางหนี นึกได้ รีบงัดฝากระดานขึ้นแล้วมุดหนีไป สักพักกระเต็นกับสุพจน์ก็วิ่งเข้ามา กระเต็นร้องเรียก มองหากล้า
“กล้าๆ กล้าอยู่ไหนลูก”
“คุณเต็นมันอันตรายนะครับ”
“กล้าอาจจะถูกขังอยู่ในนี้”
กระเต็นไม่ฟังกลับเดินเข้าไปอีก ทันใดไม้ก็ร่วงลงมาฟาดใส่กระเต็น สุพจน์ตกใจ
“คุณเต็น”
ไฟโหมแรงขึ้นรอบๆ บ้าน สุพจน์รีบเข้าไปช่วย อุ้มกระเต็นที่สลบออกไป

ที่น้ำตก หาญออกแรงดันจนกล้าผงะไป
“กล้าเป็นอะไรไป”
“จำข้าไม่ได้เหรอไอ้หาญ”
หาญสงสัยที่แววตากล้าผิดปกติไป เพ่งตาทิพย์มอง แต่ทันใดขุนโชติก็กลับเข้ามาโจมตีจนหาญเสียสมาธิ
กล้าเองก็ไม่ลดละ พุ่งกลับมาจู่โจมหาญเช่นกัน กลายเป็นหาญถูกรุม
“ไอ้หนุ่ม ข้าไม่รู้ดอกว่าเอ็งคลุ้มคลั่งด้วยเหตุอันใด แต่หัวไอ้หลวงณรงค์ต้องเป็นของข้า”
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ไอ้โจรหลงยุค”
กล้าหันไปสู้กับขุนโชติแทน ขุนโชติร่ายกสินไฟพุ่งเข้าใส่กล้า กล้าสะบัดมือเกิดคลื่นพลังเข้าปะทะลูกไฟแตกกระจาย ศรีแพรเข้ามาหาหาญ
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมไอ้คนเมืองถึงเป็นแบบนี้”
“ข้าก็ไม่รู้ เหมือนไม่ใช่กล้า”
กล้ากระโจนเข้ามาสู้ต่อ หาญผลักศรีแพรให้หลบ แล้วตั้งรับกล้า ไม่คิดสู้เลยถูกกล้าซัดไปหลายดอก ห่างออกไปจะเห็นเสือดำและเสือไท มาสมทบกับขุนโชติที่ยืนดูอยู่
“มันกระไรกันพี่โชติ ไอ้หนุ่มนั้นมันเสียสติไปแล้วรึ”
“ไอ้หนุ่มคล้ายโดนสะกดด้วยอาคม หรือถูกผีร้ายสิงสู่”
ศรีแพรทนไม่ได้เข้าไปขวางกล้าไว้
“เจ้าเป็นบ้าอะไร ทำอะไรอยู่รู้ตัวมั้ย”
กล้าจ้องมองศรีแพรอย่างเจ้าชู้
“ให้ข้าฆ่าไอ้หาญเสร็จก่อน แล้วข้าจะมาคุยกับเอ็งนะนังคนสวย”
“เจ้าเลอะเลือนไปแล้วเหรอ”
“เอ็งมันน่ารำคาญซะจริง ถ้าอยากตายข้าจะสงเคราะห์ให้”
กล้าใช้คชกุศฟันศรีแพร หาญมาขวางใช้สองมือรับคชกุศไว้
“เอ็งไม่ใช่กล้า เอ็งเป็นใครกัน” กล้ายิ้มสะใจ
“คนที่จะส่งเอ็งลงนรกไงไอ้หาญ”
หาญเห็นเงาเสือทับในแววตากล้า
“ไอ้ทับ”
ห่างออกไป ขุนโชติฉวยโอกาสที่ทุกคนเผลอ ร่ายกสินไฟ เป่าลงฝ่ามือทั้งสอง แล้วซัดไป ลูกไฟพุ่งเข้าหากล้ากับหาญ หาญหันมาเห็น ห่วงหลานจึงผลักกล้าให้หลบ แต่ตัวเองไม่พ้น ทันใดศรีแพรก็กระโจนเข้ามาดึงหาญหลบได้ฉิวเฉียด ไฟลุกท่วมต้นไม้ด้านหลัง
ขุนโชติกระหน่ำซัดลูกไฟออกจากฝ่ามือทั้งสอง หาญดึงศรีแพรวิ่งหลบไปตามลำธาร เกิดระเบิดไล่ตามหลัง ลูกไฟขนาดใหญ่อีกลูกพุ่งเข้ามาหา หาญสะบัดแส้ลูกสะกดเข้าปะทะเกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหว ศรีแพรกระเด็นตกลงไปในน้ำลึกกำลังจะไหลตกหน้าผา หาญกระโจนลงน้ำสะบัดแส้ไปคว้าตัวศรีแพรไว้ ดึงเข้ามากอด อีกมือคว้าโขดหินสุดท้ายไว้ได้ทัน
หาญกับศรีแพรห้อยอยู่ที่ขอบน้ำตก หาญออกแรงยื้อสุดชีวิต แต่แล้วเป็นกล้าที่เข้ามามอง
“ข้าอิจฉาเอ็งจริงๆ วะไอ้หาญ จะตายทั้งทียังมีหญิงงามคู่กาย ฮ่าๆๆ”
กล้าง้างคชกุศฟันเข้าที่มือหาญ
“อ๊าก”
หาญต้องปล่อยมือด้วยความเจ็บปวด หาญกับศรีแพรตกลงไปที่ก้นเหวพร้อมกัน เสือทับมองตามหัวเราะสะใจ
“ไอ้กล้า” ขุนโชติ เสือดำ เสือไท ตามเข้ามา สีหน้าโกรธแค้น “ข้าเฝ้ารอวันนี้มานับร้อยปี แต่เอ็งกลับพรากชีวิตไอ้หลวงณรงค์ไปจากข้า”
“หน้าที่ของข้าคือฆ่า เรื่องอื่นข้าไม่สน”
ทั้งสองฝ่ายประจันหน้าพร้อมฆ่ากันให้ตาย ทันใดอาจารย์ยอดก็ปรากฎตัวขึ้น
“จะฆ่าแกงกันทำไม ในเมื่อเรามีศัตรูคนเดียวกัน หมดหน้าที่ของเอ็งแล้วไอ้ทับ เอ็งไปได้”
วิญญาณทับออกจากร่างกล้า สักพักกล้าก็สลบ ขุนโชติจ้องอาจารย์ยอดอย่างระแวง
“เอ็งใช้ผีบริวารมาสิงไอ้กล้า เอ็งเป็นใคร ต้องการสิ่งใด”

อาจารย์ยอดยิ้มเจ้าเล่ห์ มีแผนในใจ

ติดตาม "เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง" ตอนที่ 6 (ต่อ) เวลา 09.00 น.

กระท่อมลับหลังปางไม้ภูมินทร์ กล้ายังสลบถูกมัดอยู่ ขุนโชติ เสือไท เสือดำ ยืนเผชิญหน้ากับอาจารย์ยอด ภูมินทร์ เสี่ยไพบูลย์
“ข้าขุนโชติไม่ต้องการสมัครพรรคพวกอย่างพวกเอ็ง” ขุนโชติเอาดาบชี้กล้า “ไอ้หนุ่มคนนี้เป็นของข้า หากเอ็งคิดชิงมันไปเอ็งก็เป็นศัตรูกับข้า”
“พวกเราไม่เคยคิดเป็นศัตรูกับท่านเลย ท่านขุนโชติ”
“มีกระไรก็พูดมาตรงๆ เสียเถิดวะ อย่ามัวพิรี้พิไร”
“หึๆ  การจะฆ่าไอ้กล้าน่ะมันแสนง่าย แต่ถ้าเชือดมันตอนนี้ ความแค้นที่สั่งสมมานับร้อยปีจะหมดลงเหรอ ขืนให้มัน ตายง่ายๆ ก็เท่ากับสงเคราะห์ให้มันพ้นทุกข์ แล้วมันจะสาสม กับความเลวทรามที่ไอ้หลวงณรงค์ทำไว้กับพวกท่านได้ยังไง” ขุนโชติบอก
“แล้วนี่มันกงการอะไรของพวกเอ็ง” เสือไทบอก ขุนโชติรีบห้ามไว้
“ไอ้ไท หยุดประเดี๋ยวก่อน พวกข้าตายไปนับร้อยปีแล้วแต่เอ็งกลับพูดเหมือนตาเห็นว่าหลวงณรงค์ ทำกระไรกับพวกข้าไว้บ้าง”
อาจารย์ยอดแอบยิ้ม เข้าทางแกล้งตีหน้าเครียด
“เรื่องนี้เค้าโจษจันกันมาตั้งแต่ข้ายังไม่เกิด ท่านรู้ไหมหลังจากที่หลวงณรงค์ทลายชุมโจรของท่านแล้ว เกิดอะไรขึ้น?” อาจารย์ยอดสบตาขุนโชติ เสือดำ เสือไท “มันเอาสมบัติที่ชิงมาจากพวกท่านปรนเปรอความสุขให้ตัวเอง ต่อหน้าทำเป็นแจกทรัพย์เป็นทานแก่ชาวบ้าน ประกาศว่าสมบัติของโจรหนักแผ่นดิน ชาวบ้านทุกคนควรมีสิทธิ์ แต่เบื้องหลัง มันนั่นแหละที่ปล้นฆ่าชาวบ้าน แล้วโยนความผิดให้ชุมโจรต่างๆ เหมือนกับที่มันใส่ร้ายท่าน” อาจารย์ยอดทำสีหน้าเจ็บปวด “มันเลวขนาดนี้ แต่กลับได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษมีคนกราบไว้บูชา”
ขุนโชติ เสือดำ เสือไท ยิ่งแค้นหนัก
“ไอ้หลวงณรงค์ เจ็บใจนัก ข้ายังไม่ทันเอาเลือดของมันมาสังเวยพี่น้องข้าให้หายแค้น มันก็ตายไปเสียแล้ว”
“จริงอยู่ถึงหลวงณรงค์จะตายไปแล้ว แต่ทายาทของมันยังอยู่ไฟแค้นที่สุมอกข้ามภพข้ามชาติคงไม่หมดไป” อาจารย์ยอดชี้กล้า “เพียงแค่พวกท่านได้ฆ่าไอ้กล้านี้หรอก” ทั้งสามโจรคิดตาม “ทำไมพวกท่าน ไม่ทำให้มันทุกข์ทรมานเหมือนตายทั้งเป็นล่ะ”
“แล้วพวกเอ็ง มีความแค้นอะไรกับไอ้กล้า”
“ผมเสี่ยไพบูลย์ เป็นพ่อค้าขายวัตถุโบราณ ไอ้เพชรพ่อของไอ้กล้ามันใช้อำนาจความเป็นตำรวจ บังคับให้ผมร่วมมือกับมันขโมยตัดเศียรพระขาย  แล้วแบ่งส่วนแบ่งให้มัน แต่ผมไม่ยอมมันก็เลยซ้อมผมจนตาบอด  ขาพิการ”
“ผมเป็นเจ้าของปางไม้ไพรพญา พวกตำรวจต้องการรีดไถผม แต่ผมไม่ยอม มันก็พยายามยัดข้อหาใส่ร้ายว่าผมตัดไม้ทำลายป่า ทั้งๆ ที่ผมมีสัมปทานถูกกฎหมาย”
“แต่พวกม่อนช้างเผือกบอกว่าถูกพวกเอ็งรังแก”
“ชาวบ้านพวกนั้นถูกพวกตำรวจมันหลอกน่ะซิ  ตำรวจเองต่างหากที่แอบล่าสัตว์ป่าแล้วก็โยนความผิดให้ผม”
“สองคนนี้เป็นลูกศิษย์ข้าๆ ทนเห็นมันถูกรังแกไม่ได้ ข้ารู้ว่าขุนโชติแห่งทุ่งพระกาฬยิ่งใหญ่เกรียงไกรเป็นขุนโจรในตำนานที่ไม่มีใครเทียบได้ และท่านเท่านั้นที่จะต่อกรกับตำรวจชั่ว แก้แค้นให้พวกเรา”
เมื่อถูกชมขุนโชติก็รู้สึกเหิมเกริม
“ที่แท้เรื่องเป็นเยี่ยงนี้”
“ถ้าเราร่วมมือกันข้ารับรองว่า วิญญาณไอ้หลวงณรงค์ในยมโลกจะต้องรับรู้ว่าหลานมันโดนอะไรบ้าง หึหึ  มันคงทุกข์ทน เจ็บปวด ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่ ฮ่าๆๆๆ”
ขุนโชติจ้องกล้าแววตาแค้นแล้วตัดสินใจยอมเป็นพวกเดียวกับอาจารย์ยอด
 
วันต่อมาที่โพรงถ้ำแห่งหนึ่ง หาญค่อยๆ ลืมตาขึ้นจึงพบว่านอนเกยอยู่ริมน้ำ หาญค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นซึ่งหาญบาดเจ็บจากการปะทะก่อนหน้านี้
หาญมองไปรอบๆ เห็นเป็นถ้ำขนาดใหญ่ มีกิ่งไม้ เถาวัลย์แซมตามผนัง  เหนือขึ้นไปเป็นปล่องถ้ำสูงชัน บึงน้ำอยู่ตรงกลาง  ควันลอยเอื่อยๆ ที่ผิวน้ำ
“ศรีแพร”หาญนึกถึงศรีแพร พลางร้องเรียก มองหา “ศรีแพร ศรีแพร” หาญเห็นศรีแพรนอนสลบอยู่ที่ริมน้ำอีกฟาก หาญรีบวิ่งเข้าไปประคองทันที “ศรีแพร” ศรีแพรรู้สึกตัว มึนงง “เป็นไงบ้าง รู้สึกเจ็บตรงไหนบ้างไหม”
“ข้าอยู่ที่ไหน”
“เอ็งอยู่ในถ้ำ เราสองคนตกจากน้ำตกลงมาก้นเหว แล้วคงไหลมาตามกระแสน้ำ”
ศรีแพรเห็นหาญประคองกอดตัวเองอยู่รีบผลักออก ลุกขึ้น เบี้ยแก้ร่วงจากคอหล่นข้างๆ ตัว หาญมอง หยิบขึ้นมาดู จำได้ถึงกับอึ้ง
“เบี้ยแก้นี่มัน...”
หาญนึกถึงตอนที่เอาเบี้ยแก้มอบให้กับศรีวรรณ ศรีแพรมองเบี้ยแก้ของตนในมือหาญ
“นั่นของแม่ข้า เอามานี่” ศรีแพรรีบแย่งคืนแล้วผูกเบี้ยแก้ห้อยไว้กับคอตามเดิม หาญ         ทั้งแปลกใจ ดีใจ
“แม่งั้นรึ  แล้วแม่ของเอ็งล่ะ ตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหน”
“แม่ข้าตายไปตั้งแต่ข้ายังเด็ก”  หาญได้ยินก็เศร้าใจ ศรีแพรสังเกตเห็น “ทำไม เจ้ารู้จักแม่ข้างั้นเหรอ”
“เบี้ยแก้นั่น ข้าเป็นคนให้แม่เจ้าไว้เอง”
ศรีแพรได้ยินก็ฉุน
“ไม่จริง เจ้าโกหก ป่านนี้คนๆ นั้นคงแก่ตายไปแล้ว จะเป็นเจ้าได้ยังไง” ศรีแพรระวังตัว
“ข้าพูดความจริง แต่เรื่องบางเรื่องมันก็ซับซ้อนเกินจะอธิบาย ข้าว่าเราหาทางออกจากที่นี่ก่อนจะดีกว่า”
“ไม่ เจ้าอย่าเฉไฉ ข้าต้องเค้นความจริงจากปากเจ้าให้ได้ เจ้าเป็นใครกันแน่”
ศรีแพรดึงมีดสั้นที่เหน็บไว้ที่เท้าปรี่เข้าแทงหาญ หาญเบี่ยงตัวหลบและพยายามปรามให้ใจเย็น                                
“ใจเย็นก่อนศรีแพร ข้าไม่ได้คิดร้าย”
“ข้าไม่เชื่อ”

หาญใช้มือเปล่าฟันแขนศรีแพรจนมีดร่วง ก่อนจะวาดคาถานะจังงัง ศรีแพรชะงัก ยืนนิ่ง ไม่เคลื่อนไหว หาญมองศรีแพรเครียด

หาญแบกตัวศรีแพรวางพิงถ้ำ ว่าคาถาแล้วเป่า ศรีแพรรู้สึกตัวแต่ยังขยับตัวไม่ได้
“เจ้าทำอะไรข้า ทำไมข้าขยับตัวไม่ได้  ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ”
“ข้าขอโทษ แต่เอ็งจงพักตรงนี้ก่อน ไว้ข้าหาทางออกจากที่นี่ได้จะรีบกลับมารับเอ็งทันที”
ศรีแพรมองชำเลืองมองปล่องถ้ำ
“ปล่องถ้ำสูงขนาดนั้น  ถ้าเจ้าตกลงมาตาย แล้วใครจะปล่อยข้าล่ะ”
“ใครว่าข้าจะปีนขึ้นไปทางปล่องถ้ำ ในเมื่อสายน้ำพัดเราเข้ามาข้าก็จะย้อนทางกลับไป”
หาญเดินไปที่ริมบึงถอดเสื้อเกี่ยวกิ่งไม้ไว้แล้วกระโดดลงน้ำ  ดำน้ำหายไป ศรีแพรมองตาม พยายามขยับตัว แต่ไม่สำเร็จ
ห่างออกไปจะเห็นตะขาบพิษ ปล้องสีดำสลับสีแดง คลานเข้ามาหาช้าๆ
ห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล สุพจน์นั่งเฝ้ากระเต็นอยู่ที่ข้างเตียงด้วยความเป็นห่วง สุพจน์มองกระเต็นด้วยความสงสาร อยากจะเอื้อมมือจะไปจับมือกระเต็นแต่ก็ต้องถอยมือกลับ
“ผมมันไม่เอาไหน แค่ดูแลพวกคุณสองคนก็ทำไม่ได้”
กระเต็นค่อยๆ ลืมตาขึ้น สุพจน์เห็นกระเต็นตื่นก็ดีใจ
“คุณเต็น คุณเต็นครับ” กระเต็นหันมองสุพจน์
“คุณพจน์ ที่นี่” กระเต็นพยายามจะดันตัวขึ้นนั่ง สุพจน์รีบกุลีกุจอหมุนเตียงให้กระเต็น
“เป็นไงบ้างครับ ปวดหัวมึนหัวอะไรบ้างไหม”
กระเต็นไม่สนใจสิ่งที่สุพจน์ถาม
“กล้า กล้าล่ะคะ กล้าอยู่ไหน คุณช่วยกล้าออกมาได้แล้วใช่ไหม” สุพจน์ได้ยินก็อึกอัก ไม่รู้จะตอบยังไง กระเต็นรู้ทันทีว่าช่วยไม่ได้ กระเต็นผิดหวังมากทุบสุพจน์ “ทำไม ทำไม ทำไม”
“โอ๊ยๆ คุณเต็น ใจเย็นก่อนสิครับ”
กระเต็นโมโหลุกขึ้นมาจากเตียง เซ สุพจน์ไปรับตัวไว้ กระเต็นพยายามผลักออก กระเต็นทั้งผลักทั้งทุบสุพจน์ พลางร้องไห้
“ทำไมคุณไม่ช่วยกล้า คุณอยากให้กล้ากลายเป็นโจรนักรึไง คุณรู้ไหมว่าหัวอกคนเป็นแม่มันเจ็บปวดแค่ไหน”กระเต็นผลักสุพจน์เต็มแรง “ฉันจะไม่ยอมให้กล้าเป็นโจร กล้าต้องไม่เป็นโจร”
สุพจน์ทั้งโมโห ทั้งเสียใจ
“แต่มันเป็นไปแล้ว ตอนนี้ตำรวจทั้งประเทศกำลังพลิกแผ่นดินล่าตัวกล้า กล้าเป็นโจร เค้าเป็นโจรไปแล้ว”
กระเต็นได้ยินก็ช็อค น้ำตาร่วงเผาะ
“ไม่จริง ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ไม่จริง”
“คุณเต็น คุณเต็น”
กระเต็นเหมือนคนไร้สติ
“กล้าไม่มีวันเป็นโจร ไม่จริง ไม่จริง ไม่ใช่กล้า”
แล้วกระเต็นก็กรี๊ดสลบไป สุพจน์รีบเข้าประคอง
“คุณเต็นๆ พยาบาลๆ”
 
อีกด้านหนึ่ง ศพของครูเริงถูกนำกลับมาประกอบพิธีที่วัด ราชาวดีก้มกราบศพของพ่อด้วยความสะเทือนใจ
“พ่อ วดีไม่เหลือใครแล้ว พ่อกลับมาหาวดีได้ไหม”
ราชาวดีร้องไห้โฮ คะนึงนิจรีบมาประคองพลางปลอบ
“วดี ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร เราอยู่นี่แล้ว เราจะไม่ทิ้งวดีไปไหน”
ดวงใจยืนมองราชาวดีอยู่มุมหนึ่ง เธอรู้สึกเศร้าใจแทนเพื่อน พวกนุกูล ป๋อง โป้ง เปี๊ยก เดินเข้ามาในศาลาวัด ดวงใจรีบเข้าไปขวางไว้
“นี่พวกนายจะมาทำไม”
นุกูลกับพวกมองกันอึ้งๆ   
“ดวงใจ พวกเรามาแสดงความเสียใจกับวดี ให้พวกเราเข้าไปเถอะนะ”
ป๋อง โป้ง เปี๊ยก พยักหน้าสมทบ
“ไม่จำเป็น พี่กล้าของพวกนายทำอะไรไว้ก็น่าจะรู้ อย่าให้วดีต้องมาเจอพวกนายอีกจะดีกว่า”
“โธ่ ดวง”
“จะไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอยะ” งามตากับเพียงพิศเดินเข้ามา “พวกนี้เค้าไม่เกี่ยวอะไรด้วยซักหน่อย แบบนี้เค้าเรียกว่าพาลจริงมั้ย”
“จริงที่สุด” 
ดวงตากับงามตาจ้องกันจะเอาเรื่อง คะนึงนิจเข้ามาห้ามทัพ
“อะไรกันน่ะ”
ดวงใจหยุดทั้งที่อยากตบนัก งามตาจึงพูดเย้ย
“ไม่รู้จะอะไรนักหนา พวกเราก็แค่จะมาแสดงความเสียใจกับวดีก็เท่านั้น เฮ้อ  ใครจะไปรู้ว่าเทพบุตรจะกลายเป็นพญายมไปได้”
“ถ้าจะมาเพื่อแสดงความเสียใจจริงๆ ก็หุบปากแล้วไปเคารพศพ แต่ถ้าไม่ ก็ออกไปจากศาลาตอนนี้”
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาไล่”
“งาม พอเถอะ”
“อย่ายุ่ง”
ทันใดภูมินทร์ก็เข้ามา คมตาม ภูมินทร์มองพวกนุกูล
“มีอะไรรึเปล่านิจ”
“เรื่องไร้สาระน่ะค่ะพี่ภู เราเข้าไปข้างในกันดีกว่า”  

จบตอนที่ 6
กำลังโหลดความคิดเห็น