ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 5
ชนิกานต์ไม่พอใจเมื่อเห็นท่าทีระรื่นของสุรัมภา จึงเข้ามาแย่งกล่องเพชร พร้อมกับกันมือสุรัมภาออกจากมือชนกชนม์ ก่อนจะส่งกล่องเพชรให้ธีรดนย์
“เอาไปให้นายหญิงแกได้แล้ว ก่อนจะช็อกตายไปซะก่อน”
ธีรดนย์รับกล่องแล้วเดินออกไปแล้ว ชนิกานต์หันมาบอกชนกชนม์
“ฉันไปเตรียมตัวก่อนนะงานจะเริ่มแล้ว”
พอชนิกานต์เดินออกไป สุตาภัญเข้ามาแสดงความยินดีกับชนกชนม์
“ดีใจด้วยนะ หมดกังวลสักที”
จู่ๆ ชลนิภาก็ปราดเข้ามาตบหน้าชนกชนม์ฉาดใหญ่
ชนกชนม์ตกใจมาก “คุณแม่”
ชลนิภายังเข้าไปตบตีตามตัวชนกชนม์ไม่ยั้ง
วีรภัทรซึ่งอยู่ด้วยทนดูไม่ไหว “หยุดเถอะ”
“คุณไม่เกี่ยว! ออกไป! ฉันจะสั่งสอนลูกสารเลว”
ชลนิภาจะเข้าไปตบตีชนกชนม์อีก ธนกรเข้ามาห้าม
“คุณตบตีลูก ไม่อายคนอื่นบ้างรึไง”
ชลนิภามองไป เห็นคนอื่นมองมาเป็นตาเดียว จึงหยุดตี หันมาด่าชนกชนม์แรงๆ
“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหม ถ้าแกทำพลาด ฉันจะเอาเลือดหัวออก ฉันอยากฆ่าแกนัก”
สุตาภัญขอร้อง “คุณอาอย่าว่าชนกชนม์เลยค่ะ หนูเป็นคนผิดเอง หนูทำเครื่องเพชรหาย”
สุรัมภาเข้ามาเสริม “เราหาเครื่องเพชรเจอแล้ว อย่าลงโทษพี่ชนกชนม์เลยค่ะ”
ชลนิภาตวาดแว้ดใส่ “ไม่ต้องมายุ่งเรื่องในครอบครัวฉัน!”
สุรัมภาตกใจมาก สุตาภัญเข้ามาจับตัวสุรัมภาถอยห่างออกมา
ชลนิภาชี้หน้าชนกชนม์ “ฉันบอกแล้วว่ามันเป็นตัวซวย ทำอะไรมีแต่ผิดพลาดล้มเหลว!” ก่อนจะหันมาต่อว่าธนกร “ฉันไม่น่าเชื่อคุณเลย ต่อไปฉันจะไม่ฟังคุณอีกแล้ว”
ชนกชนม์รู้สึกแย่ที่ทำให้ธนกรโดนตำหนิไปด้วย
“คุณแม่ครับ ความผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะผม คุณแม่ลงโทษผมเถอะครับ”
“ฉันเกือบต้องชดใช้เครื่องเพชรชุดใหม่เป็นล้าน แกทำลายชื่อเสียงบริษัทฉัน! แกต้องชดใช้อย่างสาสม กลับบ้านไปกับฉัน”
วีรภัทรเข้ามาปกป้องชนกชนม์
“ผมขอคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว”
ชลนิภาตวัดเสียงใส่ “ฉันไม่มีอะไรจะคุยด้วย”
วีรภัทรหันมาบอกชนกชนม์ “ลูกอยู่ต่อเถอะ ในเมื่อเราทำผิดพลาด ลูกควรอยู่ช่วยงาน อย่าให้เขาว่าเราหนีความรับผิดชอบ”
ชนกชนม์ลังเล ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร
ธนกรเอ่ยขึ้น “ทำตามที่คุณพ่อแนะนำ”
ชลนิภาเหลียวขวับไม่พอใจธรกร “คุณ”
“เชิญทางด้านโน้น”
วีรภัทรเชิญชลนิภาไปคุยด้วย ชลนิภาไม่อยากคุย หันไปสั่งธนกร
“คุณธนกร กลับ!”
ชลนิภาเดินออกไป ธนกรเดินตาม วีรภัทรตัดสินใจเดินตามออกไป ชนกชนม์มองตามสามคนด้วยความเป็นห่วง เกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก
ชลนิภาเดินนำมา มีธนกรเดินตาม และวีรภัทรเดินตาม ตะโกนบอกชลนิภา
“ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
ชลนิภาหยุดเดิน เพื่อฟังวีรภัทร แต่ยังไม่หันมา
“หลังจากนี้ผมจะไม่มารบกวนคุณอีก
ชลนิภาหันกลับมา บอกวีรภัทร
“ฉันมีเวลาให้ห้านาทีสำหรับคนแปลกหน้า”
วีรภัทรหันไปมองธนกร เป็นเชิงขอร้องประมาณว่า...ขอเวลาคุยส่วนตัว ธนกรยิ้ม เข้าใจ หันมาบอกชลนิภา
“ผมไปรอที่รถ”
ธนกรเดินไป ชลนิภาจ้องมองวีรภัทร
“มีอะไรก็ว่ามา”
ด้านชนกชนม์ยังคงกังวลใจเรื่องพ่อกับแม่ สุตาภัญปลอบใจ
“ปล่อยเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ นายไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ มีแต่จะทำให้คุณแม่นายโกรธมากขึ้น”
ชนกชนม์ประชดตัวเอง “นั่นสิ..ฉันมันเป็นตัวปัญหา”
สุตาภัญเย้า “ทำหน้าเศร้าอยู่ได้ ไม่ดีใจเหรอที่ไม่ต้องเสียเงินฟรีๆ ตั้งล้านนึง”
ชนกชนม์รู้สึกดีขึ้น หันมาขอบคุณสุรัมภา “นั่นสิ...ขอบใจน้องภาอีกครั้งนะ ไม่ได้น้องภาพี่เจอศึกหนักแน่”
สุรัมภายิ้มแฉ่ง “ภาเต็มใจช่วยพี่ชนกชนม์ค่ะ พี่ชนกชนม์เป็นหนี้บุญคุณภาแล้วนะ”
“ครับ....พี่ต้องหาโอกาสชดใช้ภา” ชนกชนม์ว่า
สุตาภัญเห็นสุรัมภาใกล้ชิดชนกชนม์เกินไป จึงหาทางดึงตัวออกไป
“แขกใกล้มาแล้ว.....ฉันขอไปเตรียมตัวก่อน” ดึงมือสุรัมภา “ไปกันเถอะภา”
“เจอกันในงานนะคะ”
สุรัมภายิ้มให้ ชนกชนม์ยิ้มตอบ แล้วหันไปมองทางที่วีรภัทรเดินออกไป แปลกใจไม่หายว่าพ่อคุยเรื่องอะไรกับแม่
ส่วนวีรภัทรกำลังขอร้องชลนิภา
“คุณเลิกโทษตำหนิว่าลูกสักที ไม่มีลูกคนไหนอยากเกิดมาแล้วถูกพ่อแม่ตราหน้าว่าเป็นตัวซวยหรอก”
ชลนิภาเหยียดยิ้ม “ฉันเพิ่งคิดได้เดี๋ยวนี้เอง ที่ชนกชนม์ซวยซ้ำซวยซากเพราะได้เชื้อซวยมาจากคุณ”
“คุณจะโทษเป็นเพราะผมก็ได้...แต่ผมขอเถอะ ถ้าลูกทำผิดก็ตำหนิและสอนในสิ่งที่ดี แต่หากลูกทำดี คุณก็ควรชมแกบ้าง”
ชลนิภาหันหน้าหนี ไม่อยากฟัง
“คำชมเพียงคำเดียวของพ่อแม่ จะทำให้ลูกเห็นคุณค่าในตัวเอง มันจะเป็นแรงผลักดันให้ลูกสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ในชีวิต”
ชลนิภาเหน็บ “เก็บคำสวยหรูไว้สอนลูกเมียใหม่นั่นเถอะ”
ระหว่างนั้นนัชชาจูงมือนิธิยืนฟังอยู่ที่มุมหนึ่ง
“หมดเวลาฟังเรื่องไร้สาระแล้ว”
ชลนิภาจะเดินกลับไป วีรภัทรคว้ามือไว้ ชลนิภาหันกลับมา นัชชาเห็นภาพนั้นก็ไม่พอใจ
นิธิถามประสาเด็ก “คุณแม่ครับ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครครับ”
“ภรรยาคุณพ่อ” นัชชาน้ำตาซึม
“แล้วคุณแม่ล่ะครับ”
นัชชาร้องไห้ แล้วจูงมือนิธิออกไปเลย
ส่วนชลนิภาสะบัดมือวีรภัทรออก
“ปล่อยฉันนะ”
“ต่อไปนี้ผมจะไม่วุ่นวายหรือยุ่งเกี่ยวกับลูกอีก เพื่อความสบายใจของคุณและผมไม่อยากให้นัชชากังวลใจในเรื่องนี้ ผมฝากคุณดูแลลูกด้วย ผมรักลูกมาก”
วีรภัทรพูดจบก็เดินออกไป ชลนิภามองตามด้วยแววตาเหยียดเย้ย
“ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน”
ขณะที่สุรัมภาจะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว สุตาภัญยื้อไว้ถามเรื่องคาใจ
“ภาเจอเครื่องเพชรได้ยังไง”
“ภาเล่าไปหมดแล้วไงคะ” เด็กสาวจะเดินเข้าไปในห้อง
“หัวขโมยคงไม่กลัวเด็กผู้หญิงวัยสิบเจ็ด ถึงขั้นทิ้งเพชร” สุตาภัญตั้งข้อสังเกต
สุรัมภาอึ้งกลัวสุตาภัญรู้ความจริง
“ถ้าพี่เป็นหัวขโมยคนนั้น..พี่จะหอบเพชรหนีไป”
สุรัมภาทำทีเป็นไม่พอใจย้อนถาม “พี่ตาไม่เชื่อใจภา”
“พี่แค่แปลกใจ”
สุรัมภาตีหน้าเศร้าทำตัวให้น่าความสงสาร
“ภาไม่ใช่เด็กเลี้ยงแกะ รึพี่ตาคิดว่าภาเป็นขโมย กลัวถูกจับได้จึงโยนความผิดให้คนอื่น”
สุรัมภาน้ำตาซึม ทำทีเป็นเสียใจหนักหนา สุตาภัญเข้ามาเช็ดน้ำตาให้น้องสาว
“พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจว่าภา พี่รักและเชื่อใจภาเสมอ”
จังหวะนั้นชนิกานต์เดินเข้ามาหาสองสาว
“สุตาภัญ..ยกของชำร่วยไปวางหน้างานได้แล้ว”
“จ้ะ”
สุตาภัญเดินเข้าไปในห้อง เพื่อช่วยเตรียมงาน สุรัมภาเห็นชนิกานต์ก็เช็ดน้ำตา จะเดินตามเข้าไป ชนิกานต์พูดดักคอไว้
“อย่าคิดว่าสิ่งที่เธอทำจะมัดใจชนกชนม์ได้ เขาแยกแยะออกระหว่างความรักกับบุญคุณ”
สุรัมภาย้อนเอา “ภาคงห้ามความคิดพี่นิกกี้ไม่ได้ พี่นิกกี้ก็ห้ามใจพี่ชนกชนม์ไม่ได้เหมือนกัน”
ชนิกานต์ไม่พอใจ “สุรัมภา”
“พี่ก็เห็นนี่คะว่าพี่ชนกชนม์ปลื้มภามากแค่ไหน? เราเลิกคุยเรื่องนี้เถอะค่ะ..เดี๋ยวงานแต่งคุณพ่อพี่จะกร่อย”
สุรัมภายิ้มเย้ยนิดๆ แล้วเดินเข้าไปในห้อง
“ฉันไม่มีวันยอมแพ้เธอหรอก แล้วงานคืนนี้ก็ไม่กร่อยด้วย มีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้นแน่นอน”
ดูเหมือนชนิกานต์มีแผนการร้ายบางอย่างในหัวแล้ว
ขณะเดียวกันกฤติยามองกรอบรูปที่มีภาพถ่ายร่วมกันของกัณฐิกา ยายแก้วและกฤติยาวัยเด็ก ยายแก้วเดินออกมาเห็น แปลกใจ
“ลูกยังเก็บภาพนี้ไว้อีกเหรอ”
“มันมีค่าต่อหนูมากค่ะยาย มันอาจเป็นภาพแรกและภาพสุดท้ายที่เราได้ถ่ายด้วยกัน”
“ไม่หรอก หลังจากนี้ เขาก็อาจพาเราไปอยู่ด้วย ลูกจะได้มีความสุขพร้อมหน้าครอบครัวอีกครั้ง”
“หนูไม่อยากไปไหน หนูอยากอยู่กับยาย”
ยายแก้วตัดบท “งานจะเริ่มแล้ว ไปอาบน้ำได้แล้ว”
ยายแก้วดันตัวกฤติยาให้ออกไป กฤติยาวางรูปไว้บนโต๊ะที่เดิมแล้วเดินออกไป
ไม่นานต่อมากฤติยาแต่งตัวสวยงาม เดินตามทางเดินในสลัม มียายแก้วเดินประกบ
“ยายไม่ต้องส่งหนูก็ได้”
“ยายไม่ไว้ใจพวกมัน”
หญิงชราหันไปมองที่มุมหนึ่ง เห็นวัยรุ่นสองคนนั่งกินเหล้า แซวกฤติยา
“วะว้าว..นางฟ้ามาจุติ” คนหนึ่งบอก
“กูอยากขึ้นสวรรค์ไปฟันนางฟ้าจริงเว้ย” อีกคนว่า
จากนั้นสองคนก็เป่าปากวี้ดวิ้วแซว
ยายแก้วด่า “แม่มึงเป็นนกรึไง”
วัยรุ่นสองคนไม่พอใจ จะลุกขึ้นมาเอาเรื่อง กฤติยาดึงมือยายแก้วเดินหนี
“อย่าไปยุ่งกับพวกมันเลยยาย”
ยายแก้วบ่นโหวกเหวกโวยวายมาจนถึงหน้าปากซอย
“เมื่อไหร่ตำรวจจะลากคอไอ้ขี้ยาเข้าตะรางสักที”
กฤติยาอ้อน “ยายน่าจะไปกับหนูด้วย”
“ไม่อยากไปทำขายหน้านังกัณ” หญิงชรานึกได้ “วันนี้ลูกสวยมากมือถือมีกล้องไหม”
“มีจ้ะ”
“ยายอยากถ่ายรูปด้วย”
กฤติยาใช้มือถือถ่ายรูปคู่กับยาย
“ถ่ายเดี่ยวให้ยายอีกสักรูป”
กฤติยาถ่ายรูปเดี่ยวให้ยายแก้ว
ยายแก้วมองดูรูปในจอมือถือ “สวย ยายมีรูปติดหน้าโลงศพแล้ว”
“ยายอย่าพูดอย่างนั้นสิ! ยายต้องอยู่กับหนูนานๆ”
“จ้ะ..ไป..ไปได้แล้ว”
ก่อนที่กฤติยาจะเดินออกไป เธอเข้ามาสวมกอดยาย
“หนูรักยายนะจ๊ะ”
“ยายก็รักหนูจ้ะ”
ยายแก้วยืนส่ง กฤติยายิ้มแล้วเดินออกไป
วัยรุ่นสองคนยืนมองที่มุมหนึ่ง เหมือนคิดจะทำอะไรบางอย่าง
บรรยากาศในงานแต่งของณวัตรกับกัณฐิกาเป็นไปอย่างชื่นมื่น แขกที่มาร่วมงาน ถือของขวัญมามอบให้ณวัตรและกัณฐิกาตรงซุ้มถ่ายภาพบ่าวสาว
“ขอให้คุณณวัตรมีความสุขนะครับ เจ้าสาวสวยมาก น่าอิจฉาจริงๆ”
กัณฐิกาไหว้ “ขอบพระคุณค่ะ..เชิญถ่ายรูปด้วยกันค่ะ”
ธีรดนย์ถ่ายรูปให้ณวัตร กัณฐิกากับแขกที่มาร่วมงาน
“ตามสบายนะครับ” ณวัตรยิ้มแย้ม
แขกเดินเข้าไปยังบริเวณงาน สุตาภัญเข้ามารับกล่องของขวัญจากกัณฐิกา
“หนูนิกกี้อยู่ไหนคะ กัณอยากชวนมาถ่ายรูปครอบครัวร่วมกัน” กัณฐิกาถาม
ณวัตรไม่เห็นชนิกานต์ หันไปบอกสุตาภัญ
“หนูตาช่วยไปตามนิกกี้ให้อาหน่อย”
“ได้ค่ะ”
เสียงชนิกานต์ดังแทรกเข้ามา “นิกกี้มาแล้วค่ะ”
สุตาภัญหันไปมอง เห็นชนิกานต์เดินเข้ามาหยุดในชุดใหม่ ซึ่งเป็นชุดเดรสสั้นที่สั้นมาก ออกแนวเซ็กซี่ไม่เหมาะสมกับงาน
ชนกชนม์หันมามองชนิกานต์ก็แปลกใจที่ชนิกานต์แต่งตัวเปรี้ยวมาก..
“นิกกี้”
เสาวนิตย์เห็นก็ถึงกับยกมือทาบอก ตกใจ
“คุณพระช่วย”
สุรัมภามองฉงน แปลกใจว่าชนิกานต์จะทำอะไร
ชนิกานต์เดินเข้ามาด้วยความมั่นใจ สุตาภัญรีบเข้าไปเตือนชนิกานต์
“เธอแต่งอะไร.. ชุดนี้ไม่เหมาะเลย กลับไปเปลี่ยนชุดเดิมเถอะ”
ธีรดนย์เข้ามาต่อว่าชนิกานต์
“รู้ตัวรึเปล่าทำอะไรอยู่”
ชนิกานต์ไม่สนใจ ผลักธีรดนย์ออก แล้วตรงเข้าไปหาณวัตรและกัณฐิกา
ณวัตรไม่พอใจเสียงดุใส่ “ทำไมแต่งตัวแบบนี้”
“นิกกี้เพิ่งคิดได้ว่าเพื่อนเจ้าสาวควรแต่งตัวให้เข้าคอนเซ็ปท์เจ้าสาว” มองเหยียดกัณฐิกา “ในเมื่อเจ้าสาวเป็นโสเภณี เพื่อนเจ้าสาวก็ต้องเซ็กซี่ให้ถึงใจ”
กัณฐิกาเสียหน้ามาก
“เลิกพูดหยาบคายได้แล้ว ลูกต้องให้เกียรติคุณกัณฐิกา”
“ผู้หญิงขายตัวแลกเลิกมีเกียรติด้วยเหรอคะ นึกว่ามีแต่กาม”
ณวัตรโกรธจัด “ไม่น่ารักเอาซะเลย กลับบ้านไปเดี๋ยวนี้” พลางหันไปสั่งธีรดนย์ “ธีรดนย์ พานิกกี้กลับบ้าน”
“ครับ”
“นิกกี้ไม่กลับค่ะ นิกกี้ต้องทำหน้าที่เพื่อนเจ้าสาว”
ชนิกานต์ยิ้มทำทีเป็นมิตรกับกัณฐิกา
“ว้าย..งานไม่ทันเริ่ม เหงื่อตก หน้าเยิ้มซะแล้ว ต้องซับหน้าค่ะ”
ชนิกานต์หยิบผ้าเข้าไปซับหน้ากัณฐิกา ทั้งสองคุยกันได้ยินกันเพียงสองคน
“เธอคิดทำอะไร”
“ถามโง่ๆ ฉีกหน้าแกไง..ยัยแม่มด”
ชนิกานต์ซับหน้า กัณฐิกาจับมือ แล้วเอามือออก ตีสีหน้ายิ้มแย้มแต่กัดฟันพูด
“แผนตื้นๆ ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
กัณฐิกาเอามือชนิกานต์ออก แล้วบอกณวัตร
“คุณคะ เราเข้าไปดูแลแขกด้านในเถอะค่ะ”
กัณฐิกามองเชิดชนิกานต์ คิดจะหนีหลบเข้าไป แต่ชนิกานต์เข้ามาคว้ามือไว้หมับ
“นิกกี้ลืมไป นิกกี้มีของขวัญให้คุณแม่เลี้ยงคนใหม่ด้วยค่ะ” ชินกานต์หันมาบอกสุตาภัญ “ตา ช่วยหยิบกล่องสีชมพูให้หน่อย”
“จ้ะ” สุตาภัญยิ้มรับอึ้งๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะรับแขก เพื่อเอาของขวัญให้ชนิกานต์
ชนกชนม์สงสัยในพฤติกรรมของชนิกานต์
“นิกกี้จะทำอะไรอีก”
สุรัมภาและเสาวนิตย์ก็มองหน้ากัน ด้วยความสงสัยอยากรู้เช่นกัน
สุตาภัญถือกล่องของขวัญมาหาชนิกานต์ ด้วยสีหน้ากังวลใจ
“ในนี้มีอะไร”
“ของที่เหมาะกับยัยแม่มด!”
ชนิกานต์บอก แล้วจะเอากล่องของขวัญไป สุตาภัญรั้งมือไว้
“หยุดเล่นได้แล้ว”
ชนิกานต์หันมายิ้มสะใจ “ฉันไม่ได้เล่น ฉันเอาจริง”
ชนิกานต์ถือกล่องของขวัญเดินไปหากัณฐิกา ณวัตรเดินเข้ามาขวางไว้ ไม่ไว้ใจชนิกานต์
“ด้วยรักและจากใจลูกค่ะ”
ชนิกานต์ส่งกล่องของขวัญให้ กัณฐิกาจำต้องฝืนยิ้มแล้วรับกล่องมา
“ขอบใจมากนะจ้ะ” กัณฐิกาบอกธีรดนย์ “ธีรดนย์เอาไปเก็บ”
“ให้เกียรติลูกเลี้ยงแสนดีหน่อยสิคะ”
กัณฐิกาอึ้ง
ชนิกานต์พูดต่อ “เปิดเลย”
สุตาภัญมองด้วยความกังวลใจ กลัวเกิดเรื่องไม่ดี
กัณฐิกายิ้มเยื้อน แล้วเปิดกล่องของขวัญ ซึ่งเป็นกล่องที่ดึงริบบิ้นออก แล้วเปิดฝาด้านบนได้เลย กัณฐิกาเปิดฝากล่องของขวัญ ตุ๊กตาหน้าผีดีดใส่หน้าดึ๋ง
กัณฐิกาตกใจร้อง “ว้าย”
ชนกชนม์ สุรัมภาและเสาวนิตย์เข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง
ชนิกานต์หัวเราะเยาะแล้วก็ด่ากัณฐิกา
“ตุ๊กตาผีเหมาะกับหน้าผีใจผีอย่างแก”
กัณฐิกายังตกใจอยู่ ถึงกับเซจะเป็นลม
“กัณจะเป็นลมค่ะ”
ชนิกานต์เหยียดเย้ย “ขวัญอ่อนจริงนะคะคุณแม่เลี้ยง หวังให้พ่อฉันโอ๋ปลอบใจด้วยเงินกี่ล้านล่ะ”
ณวัตรฉุน “นิกกี้หยุดได้แล้ว”
ชนิกานต์ย้อนกลับ “คุณพ่อเคยพูดเองว่านิกกี้ต้องการอะไร จะทำอะไร คุณพ่อเต็มใจเสมอ”
ณวัตรขึ้นเสียง “แต่ไม่ใช่มาพังงานแต่ง”
“นิกกี้ไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย นิกกี้แค่อยากทดสอบว่าคุณแม่ใหม่ใจแข็งพอจะสู้กับลูกเลี้ยงแสนซนได้รึเปล่า ๆ” พลางหันมาเยาะกัณฐิกา “สู้ไม่ไหวก็หนีกลับเข้าบาร์ ไปล่าเหยื่อรายใหม่”
ณวัตรไม่พอใจ “นิกกี้” จะตบหน้าชนิกานต์ เสาวนิตย์เข้ามาห้ามไว้
“ใจเย็นๆ ค่ะ...แขกกำลังทยอยมา”
ณวัตรบอกชนิกานต์ “อย่าให้พ่อหมดความอดทน”
ชนิกานต์เชิดหน้าไม่สนใจ
เสาวนิตย์บอกสุตาภัญ “ลูกตา..พาเพื่อนออกไปก่อน”
“ค่ะ”
สุตาภัญเข้าไปพาลากชนิกานต์พาเดินออกไปจากซุ้มงานแต่ง ชนิกานต์ขัดขืน แต่สุตาภัญไม่ยอมลากออกไปจนได้
ชนกชนม์เป็นห่วง รีบตามออกไป สุรัมภาจึงตามชนกชนม์ไปด้วย
ณวัตรสั่งธีรดนย์ “ธีรดนย์...ดูแลอย่าให้นิกกี้ก่อเรื่องอีก ถ้าเกิดปัญหา..ฉันจะถือว่าเป็นความบกพร่องของเธอ”
“ครับ..คุณท่าน”
ธีรดนย์รู้สึกเครียดที่ถูกกดดันเพราะชนิกานต์ รีบเดินตามกลุ่มชนิกานต์ไป
ณวัตรหันมาถามกัณฐิกา “คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
กัณฐิกายิ้มหวานให้ณวัตร แต่พอลับหลังก็ตีสีหน้าไม่พอใจชนิกานต์และแค้นอย่างแรง
สุตาภัญพาชนิกานต์ออกมา ชนิกานต์สะบัดตัวออก
“ปล่อยฉันนะ...ฉันจะไปประจานความชั่วช้าของนังแม่เลี้ยง”
ชนิกานต์จะกลับเข้าไปในบริเวณงาน แต่สุตาภัญขวางไว้
“เธอกลับไปสงบสติอารมณ์ที่บ้านดีกว่า..ฉันไปอยู่เป็นเพื่อน”
สุตาภัญเข้าไปดูแล ชนิกานต์ผลักออก
“บอกแล้วไง อย่ายุ่งกับฉัน”
“พี่นิกกี้ทำตัวอย่างนี้ไม่น่ารักเลย จริงมั้ยคะพี่ชนกชนม์”
ว่าพลางสุรัมภาเข้าไปแกะแขนถามชนกชนม์ ชนิกานต์ยิ่งไม่พอใจ ต่อว่าสุตาภัญ
“ยัยตา ช่วยควบคุมกริยาน้องเธออย่าสตอเบอรี่ให้มากนัก”
ชนิกานต์เข้ามาจับตัวสุตาภัญ ธีรดนย์ไม่พอใจ ปกป้องสุตาภัญ
“เลิกพาลคนอื่นได้แล้ว.. ปัญหาทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเธอ”
“แกก็ไม่ต้องสาระแน! ออกไปไกลๆ ฉันไม่อยากเห็นหน้า”
ชนิกานต์อาละวาด ตวาดใส่ธีรดนย์ ชนกชนม์ตัดสินใจเข้ามาพูดกับชนิกานต์
“ถ้าเธอไม่เชื่อใจคุณกัณฐิกา เธอก็ต้องหาหลักฐานพิสูจน์ความจริงให้คุณพ่อเธอเห็น....แต่ถ้าเธอยังคงมุทะลุ ตั้งแง่และคอยรังควาญ คนที่ผิดจะกลายเป็นเธอ และคุณพ่อเธอ ก็จะรักและสงสารคุณกัณฐิกามากขึ้น”
ชนิกานต์ฟังที่ชนกชนม์พูดแล้วคิดตาม และเริ่มอ่อนลง
“หยุดก่อกวนเถอะ...ฉันขอ...”
ชนิกานต์สวนขึ้น “นายขอ ฉันให้นายได้...แล้วถ้าฉันขอนายบ้างล่ะ...”
ชนกชนม์อึ้ง งวยงงว่าชนิกานต์จะขออะไร? สุตาภัญเองก็อยากรู้ว่าชนิกานต์จะขออะไร?
ชนิกานต์โพล่งขึ้น “เป็นแฟนฉัน”
ชนกชนม์อึ้ง สุตาภัญรู้สึกตกใจ สุรัมภาตาขวางไม่พอใจที่ชนิกานต์
“ให้ฉันได้ไหม?” ชนิกานต์คาดคั้น
“ฉันให้ได้แค่ความเป็นเพื่อน” ชนกชนม์บอก
ชนิกานต์ผิดหวังมาก ขณะที่สุรัมภายิ้มพอใจ
“นายมีใคร”
ชนิกานต์หันไปมองที่สุรัมภา แล้วก็สุตาภัญ ชนกชนม์หันไปมองสุรัมภา แล้วก็มองไปยังสุตาภัญ
สุตาภัญอยากรู้ว่าชนกชนม์จะตอบอย่างไร? ธีรดนย์มองไปยังสุตาภัญ...อยากรู้คำตอบ
“ฉันไม่มีใคร”
ธีรดนย์ยิ้มพอใจ..ที่ชนกชนม์ไม่ได้ตอบว่าสุตาภัญ
“ฉันรู้สึกกับเธอแค่เพื่อนจริงๆ”
“แต่ฉันรู้สึกกับเธอมากกว่านั้น”
ชนิกานต์วิ่งเข้าไปในห้องจัดงานทันที ธีรดนย์ยิ้มสะใจที่ชนิกานต์อกหัก
“นิกกี้!”
สุตาภัญเป็นห่วงชนิกานต์ วิ่งตามชนิกานต์เข้าไปในงานแต่ง ธีรดนย์หันมาเล่นงานชนกชนม์
“เรื่องกำลังจบลงด้วยดี นายก็หาเรื่องใหม่ได้ทุกครั้ง”
ธีรดนย์ต่อว่าชนกชนม์แล้วกลับเข้าไปในงาน เพื่อดูชนิกานต์ ชนกชนม์ยืนนิ่งรู้สึกผิดที่ทำให้ชนิกานต์ผิดหวัง
“พี่ชนกชนม์ไม่ไปปลอบใจพี่นิกกี้เหรอคะ”
“เจ็บวันนี้ดีกว่าปล่อยให้หลงรักพี่แล้วต้องเจ็บอีกนาน พี่ไม่อยากให้ความหวังกับใคร”
สุรัมภายิ้มแย้ม “ใช่ค่ะ...รักคนที่เขารักเราดีกว่า”
สุรัมภาพูดแล้วปรายตาให้ท่าชนกชนม์ แต่ชนกชนม์ไม่รู้ตัว..เดินกลับเข้าไปในงาน
“หมดคู่แข่งแล้ว”
สุรัมภายืนยิ้มอยู่คนเดียว
กลับเข้ามาในงาน ชนิกานต์มายืนหลบอยู่ตรงมุมอยู่ที่บาร์เหล้า และยกเหล้าว๊อดก้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว แล้วหยิบแก้วใหม่ขึ้นดื่มต่อ สุตาภัญตามเข้ามาห้าม
“เหล้าไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก”
“อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันลืมฝันร้านเมื่อกี้”
ชนิกานต์คว้าแก้วขึ้นดื่มอีก
“ฝากบอกน้องเธอด้วย ฉันยังไม่แพ้..ที่ชนกชนม์ไม่กล้ารับเป็นแฟนฉันเพราะติดหนี้บุญคุณยัยภา”
“มันไม่เกี่ยวกันเลยนะ คนจะรักกันต้องเกิดจากความรักไม่ใช่หนี้บุญคุณ”
“สุตาภัญเธออยู่ข้างใคร”
สุตาภัญอึ้ง
“เธอรู้ตั้งแต่แรกว่าฉันรักชนกชนม์ ทำไมถึงปล่อยให้น้องเธอแย่งแฟนฉัน”
“ฉันไม่เคยสนับสนุนให้ภาคิดอย่างนั้น”
“พิสูจน์ด้วยการทำให้ชนกชนม์รักฉัน”
“ฉันไม่มีสิทธิ์ไปบังคับใจเขาได้”
“งั้นก็บังคับอย่าน้องสาวเธอแย่งแฟนฉัน”
สุตาภัญอึดอัดใจ ทำตัวไม่ถูก ชนิกานต์เข้ามาผลักสุตาภัญ
“ไปสิ ไปจัดการน้องเธอซะ”
ธีรดนย์เข้ามาปกป้องสุตาภัญ
“เลิกบ้าซะทีน่า ตาไม่เกี่ยวอะไรด้วย”
สุตาภัญตัดสินใจเดินออกไปจากห้องจัดเลี้ยง
“เธอกำลังทำลายมิตรภาพที่ดีเพียงเพราะผู้ชายชั่วๆ คนหนึ่ง”
ชนิกานต์เอาเหล้าสาดหน้าธีรดนย์ “แกกล้าดียังไงมาด่าแฟนฉัน”
ธีรดนย์ไม่พอใจเข้ามาจับตัวอย่างแรง ชนิกานต์ตกใจ ธีรดนย์ได้สติผลักชนิกานต์ออก
“วันไหนที่เธอไม่มีใคร...วันนั้นล่ะฉันจะเป็นคนซ้ำเติมเธอ”
“ไอ้มารผจญ ฉันเกลียดแก”
ชนิกานต์คว้าแก้วเหล้าขึ้นมาซัดใส่หน้าธีรดนย์อีกครั้ง แล้วเดินออกไปจากห้องจัดเลี้ยงธีรดนย์โกรธจะตามไป แต่ต้องหาผ้ามาเช็ดหน้าตาและเสื้อผ้าก่อน
สุตาภัญเดินออกมา เจอกับชนกชนม์ ทั้งสองคนต่างนิ่งงัน
“นิกกี้เป็นยังไงบ้าง”
“ต้องปล่อยให้ทำใจสักพัก..เวลาคงช่วยทำให้ดีขึ้น”
“ฉันขอโทษนะ ที่ทำให้เพื่อนเธอเสียใจ”
“ขอโทษฉันทำไม หัวใจเป็นของนาย ฉันบังคับนายไม่ได้”
“อย่าลืมสิ...เธอเป็นเจ้าชีวิตฉัน”
สุตาภัญแปลกใจที่ชนกชนม์พูดเรื่องนี้อีก...
“เจ้าชีวิตสามารถขออะไรได้ทุกอย่างไหม”
“แม้กระทั่งหัวใจ...ฉันก็ให้เธอได้”
ชนกชนม์มองยิ้มให้สุตาภัญ...พยายามบอกรักอยู่ในที...
“ฉันอยากขอ...”
ชนกชนม์ยิ้ม รอฟังคำขอ และพร้อมจะให้ แต่สุรัมภาเข้ามาแทรกก่อน
“พี่ชนกชนม์คะ ภาอยากถ่ายรูปลงเฟสบุ๊ค ถ่ายรูปให้ภาหน่อยนะคะ”
จากนั้นสุรัมภาคว้าชนกชนม์ออกไป
สุตาภัญผิดหวังที่ไม่ทันได้ขอความรักจากชนกชนม์ให้ชนิกานต์
ณวัตรบอกกัณฐิกา
“ใกล้เริ่มพิธีแล้ว เราเข้าไปข้างในเถอะ”
ณวัตรจะพากัณฐิกาเข้าไปในงาน
เสียงใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “สวัสดีค่ะ”
ณวัตรและกัณฐิกาหันกลับไปมอง เห็นกฤติยายืนยิ้มให้ในชุดสวย ณวัตรจ้องมองด้วยความพึงพอใจในความสวยของกฤติยา
“คุณณวัตรคะ...ญาติของกัณ....ชื่อกฤติยา”
กฤติยายกมือไหว้ หวังได้รับการแนะนำว่าเป็นลูกสาว
“แกเป็นหลานของกัณเองค่ะ”
กฤติยารู้สึกผิดหวังมาก ที่กัณฐิกาโกหกณวัตร
“แกเป็นลูกของลูกพี่ลูกน้องกัณอีกที เป็นญาติห่างๆค่ะ กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก อยู่กับยายแกสองคน”
“ฉันดีใจนะที่หนูมา...รุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวฉัน คงจะเป็นเพื่อนกันได้”
ณวัตรเข้าไปจับตัวกฤติยา ด้วยความพึงพอใจ
จังหวะนั้นเพื่อนณวัตรมายืนเรียกอยู่ที่มุมหนึ่ง
“ขอตัวเจ้าบ่าวหน่อยครับ”
“เพื่อนผมมาแล้ว...ฝากคุณดูแลหลานด้วย”
ณวัตรยิ้มให้กฤติยา แล้วเดินออกไป
“ทำไมมาป่านนี้ แล้วแม่ล่ะ”
“ยายไม่อยากมาเป็นตัวละครประกอบฉากของแม่”
กฤติยาพูดแดกดันจบก็เดินออกไป กัณฐิกาไม่พอใจ รีบตามไป
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 5 (ต่อ)
ทางด้านชนกชนม์กำลังถ่ายรูปให้สุรัมภา
“ขอรูปคู่ด้วยค่ะ”
สุรัมภาดึงตัวชนกชนม์เข้ามาถ่ายรูปคู่ ชนกชนม์ยกกล้องถ่ายรูปให้
“พี่หิวแล้ว ขอเข้าข้างในก่อนนะ”
ชนกชนม์ส่งกล้องคืนให้สุรัมภา สุรัมภาจะเดินตามไป ถูกสุตาภัญเรียกไว้
“ภา”
สุรัมภาแปลกใจว่าสุตาภัญมีเรื่องอะไร?
กฤติยาจะเดินหนีมาตรงมุมหนึ่งที่หน้างาน กัณฐิกาเดินเร็วๆ ไล่ตาม
“แกจะไปไหน”
“แอนไม่อยากเห็นแม่เล่นละครหลอกตัวเองหลอกคนอื่นทั้งชีวิต”
“แม่ขอโทษ แม่จำเป็น”
กฤติยาระเบิดความรู้สึกออกมาแล้วร้องไห้
“ไหนแม่บอกว่าแม่รักแอน แม่พร้อมจะดูแลแอน แล้วแม่ทำอย่างนี้กับแอนได้ไง”
“คุณณวัตรเขารับเรื่องนี้ไม่ได้ แม่ถึงต้องให้แกเล่นบทหลาน แล้วมันต่างกันตรงไหน ยังไงแกก็เป็นญาติฉัน”
กฤติยาเสียใจ ในเหตุผลของกัณฐิกา
ระหว่างนั้นชนิกานต์เดินเซออกมาด้วยอาการเมามาย เห็นกัณฐิกาคุยกับกฤติยาก็หยุดฟัง
“ปาดน้ำตาแล้วกลับเข้าไป”
“ไม่ค่ะ แอนจะกลับ”
“อย่าดื้อกับฉัน แกต้องอยู่ทำความรู้จักกับคุณณวัตร ฉันจะขอให้เขารับแกมาอยู่ด้วย”
ชนิกานต์จับประเด็น ไม่พอใจที่กัณฐิกาจะพากฤติยามาอยู่ในบ้าน
“แม่เหนื่อยกับการสร้างเรื่องมามากแล้ว อย่าเอาแอนไปเป็นภาระแม่เลย”
ชนิกานต์ตกใจเมื่อได้ยินเรื่องแม่ลูก
“แอนจะอยู่กับยาย”
“แกเป็นลูกฉันแกต้องอยู่กับฉัน”
กฤติยาไม่ฟัง เดินออกไป กัณฐิกาจะตามไป แต่ณวัตรเข้ามาขัด
“คุณกัณ..ถึงเวลาขึ้นเวทีแล้ว”
“ค่ะ”
กัณฐิกาจำต้องกลับเข้าไปในงาน ในใจคงพะวงเรื่องกฤติยา
ชนิกานต์คิดแผนอะไรบางอย่าง ยิ้มเย้ยด้วยความสะใจ
ส่วนสุตาภัญตัดปัญหาโดยการชวนสุรัมภากลับบ้าน
“เรากลับกันได้แล้ว”
“ภาไม่กลับ พี่ตาเลิกเข้าข้างเพื่อน ภาเป็นน้องพี่ตานะ”
“เพราะเป็นน้องไง พี่ถึงต้องทำอย่างนี้ พี่ไม่ยอมให้ภาเป็นมือที่สาม ทำลายความรักของใคร”
“ภาไม่ได้แย่งนะคะ พี่ชนกชนม์ปฎิเสธพี่นิกกี้เอง พี่ชนกชนม์มีใจให้ภา”
เสาวนิตย์เข้ามาหา แปลกใจที่เห็นทั้งสองขึ้นเสียงกัน
“มีอะไรกันลูก”
“เปล่าค่ะ” สุรัมภาเดินหนีเข้าไปในงาน
“ลูกเป็นพี่นะ อะไรที่ยอมได้ก็ยอมเถอะ อย่าขัดใจน้อง คุณพ่อไม่ชอบให้พี่น้องทะเลาะกัน”
“ค่ะ”
สุตาภัญยิ่งหนักใจขึ้นไปอีก บอกความจริงกับเสาวนิตย์ก็ไม่ได้
กฤติยาจะเดินกลับออกไป ชนิกานต์เข้ามาขวางไว้ กฤติยาอึ้ง
“เธอเป็นอะไรกับกัณฐิกา?”
กฤติยาไม่อยากตอบ จะเดินหนีไป ชนิกานต์จับตัวกระชากกลับมา
“หูหนวกเป็นใบ้ไม่ได้ยินรึไง...ฉันถามว่าเธอเป็นอะไรกับกัณฐิกา”
กฤติยาชักไม่พอใจ “ฉันไม่จำเป็นต้องตอบ”
กฤติยาไม่ตอบ จะเดินหนีออกไป ชนิกานต์ดึงมือไว้
“เธอเป็นแม่ลูกกันใช่มั้ย”
กฤติยาอึ้ง “ใช่”
ชนิกานต์ยิ้มพอใจ
“ไม่ใช่” กฤติยาเปลี่ยนใจจะเดินหนีไป
ชนิกานต์ไม่พอใจที่กฤติยากลับคำ “ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่น!” ยิ้มเย้ย “ไม่ตอบก็ได้..งั้นไปบอกความจริงต่อหน้าทุกคนในงาน”
กฤติยาตกใจ
ชนิกานต์เข้าไปลากตัวกฤติยาเพื่อพาไปยังงานแต่ง
“ปล่อยนะ”
กฤติยาพยายามดิ้นหนี แต่ชนิกานต์จับมือไว้ไม่ปล่อย ลากเข้าไปในงาน ธีรดนย์เข้ามาปกป้องกฤติยา
“เธอทำอะไร?....หยุดบ้าได้แล้ว”
กฤติยารู้สึกดีที่ได้เจอธีรดนย์ และธีรดนย์เข้ามาปกป้อง
“ผมขอโทษนะที่ทำให้เธอตกใจ”
ชนิกานต์แหวใส่ “แกไม่ต้องยุ่ง! ออกไป”
“ปล่อยผู้หญิงคนนี้ได้แล้ว”
ธีรดนย์เข้ามายื้อไม่ให้ชนิกานต์ลากตัวกฤติยาไปง่ายๆ ชนิกานต์ฉุดกระชากไม่ยอม แล้วฉวยโอกาสเตะผ่าหมากธีรดนย์
“โอ๊ย” ธีรดนย์ทรุดลงกองกับพื้น
ชนิกานต์ยิ้มสะใจลากตัวกฤติยาเข้าไปในงาน
ชนกชนม์เข้ามาเห็นก็ตรงเข้ามาช่วยธีรดนย์
“นายเป็นอะไร ปวดเข่า”
ธีรดนย์ส่ายหน้า
ชนกชนม์ซัก “อ๋อ..ไส้เลื่อน”
ธีรดนย์เอาแต่ส่ายหน้า
ชนกชนม์เดาต่อ “ไข่ดัน”
“ไม่ต้องถาม ช่วยพยุงพาฉันเข้างานไปเร็ว ก่อนยัยนิกกี้อาละวาด!”
ชนกชนม์เข้าไปพยุงตัวธีรดนย์กลับเข้าไปในงานเลี้ยง
ขณะที่ณวัตรและกัณฐิกายืนรับแขกอยู่ตรงบริเวณด้านหน้าเวที พิธีกรกำลังประกาศงานลำดับต่อไป
“ขณะนี้ได้เวลาสำคัญ ผมขอเชิญประธานของงานมากล่าวอวยพรคู่บ่าวสาว...”
พิธีกรยืนรอประธาน แต่จู่ๆ ชนิกานต์ลากตัวกฤติยาขึ้นมาบนเวที แล้วเข้าไปแย่งไมโครโฟนจากพิธีกร ชนกชนม์พาธีรดนย์เข้ามาในงานเห็นก็ตกใจ
“นิกกี้” ทุกคนอุทาน
กัณฐิกาตกใจที่เห็นกฤติยาอยู่บนเวที
“ยัยแอน”
บรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยงมาคุสุด ชนิกานต์ถือไมโครโฟนมาพูดกลางเวที ด้วยอาการเมามาย ณวัตรและกัณฐิกายืนอยู่ที่โต๊ะหน้าเวที แปลกใจมาก
“งานนี้คงไม่จำเป็นต้องให้ประธานอันทรงเกียรติมากล่าว เพราะเป็นงานแต่งของคนไร้ศักดิ์ศรี”
ทุกคนในงานต่างตกตะลึง
ชนิกานต์พูดต่อ “เป็นงานแต่งของโสเภณีตกยาก แถมพ่วงท้ายแม่หม้ายลูกติด”
ณวัตรหันไปมองกัณฐิกา
“มันหมายความว่าไง”
กัณฐิการีบแก้ตัว “หนูนิกกี้เธอใส่ร้ายกัณค่ะ”
“นิกกี้จะทำให้คุณพ่อตาสว่าง ว่านังแม่มดสร้างเรื่องหลอกเราไว้ยังไงบ้าง ผู้หญิงคนนี้จะเป็นกุญแจไขความจริงทั้งหมด” ชนิกานต์บอกอย่างมั่นใจ
ทุกคนในงานหันไปมองกฤติยาเป็นตายเดียว กฤติยารู้สึกอาย จะเดินหนีลงไป..แต่ชนิกานต์ดึงตัวไว้
“บอกความจริงอย่างที่ฉันได้ยินเธอคุยกับแม่เลี้ยงฉัน ว่าเธอเป็นแม่ลูกกัน”
กฤติยามองไปยังกัณฐิกา เห็นกัณฐิกาดูกังวลใจ และพยายามส่งสายตาไม่ให้กฤติยาบอกความจริง
กฤติยาพูดช้าๆ “คุณกัณฐิกาเป็น...”
ทุกคนลุ้นว่ากฤติยาจะตอบอย่างไรต่อ
“แม่….”
ทุกคนฮือฮา ต่างตกใจ
กฤติยาพูดต่อประโยค “บุญธรรม”
กัณฐิกาโล่งใจ ณวัตรก็ยิ้มอย่างพอใจ ชนิกานต์ตาขวางไม่พอใจอย่างแรง กฤติยาบอกต่อ
“หลังจากแม่ฉันตาย น้ากัณฐิกาก็รับฉันเป็นลูกบุญธรรม ด้วยความเป็นญาติกัน บางทีฉันก็เรียกน้ากัณว่าน้า...”
ชนิกานต์สวนขึ้นมา “โกหก! ฉันได้ยินเต็มสองหูว่าเธอเป็นแม่ลูกกัน”
“ฉันพูดความจริง”
ชนิกานต์ชี้ไปที่กัณฐิกา “นังแม่มดเป็นแม่เธอ”
กฤติยาตะโกนสุดเสียง “แม่ฉันตายแล้ว”
พูดจบกฤติยามองไปยังกัณฐิกาตาวาววับ กัณฐิกาอึ้ง
“แม่ฉันตายแล้วจริงๆ ฉันมาในวันนี้เพื่อขอบคุณน้ากัณที่คอยส่งเสียฉัน แต่หลังจากนี้ ฉันดูแลตัวเองได้แล้ว ฉันจะไม่รบกวนน้ากัณอีก”
กัณฐิการู้สึกเสียใจที่กฤติยา ประกาศตัดความสัมพันธ์แม่ลูก
พอกฤติยาพูดจบก็วิ่งหนีลงไปจากเวที ผ่านธีรดนย์ไป ธีรดนย์รู้สึกสงสารกฤติยาจับใจ
กฤติยาวิ่งออกไปจากงาน สุตาภัญและชนกชนม์มองตามไป
ชนิกานต์ยังตะโกนด่าไล่หลังไป “กลับมาก่อน ยัยลวงโลก”
ณวัตรบอกธีรดนย์ “ลากตัวลงเวทีได้แล้ว”
ธีรดนย์รีบวิ่งไปบนเวทีจะลากตัวชนิกานต์ลงมา
ชนิกานต์โวยลั่น “พวกแกหลอกลวงทั้งตระกูล คิดจะมากอบโกยสูบสมบัติพ่อฉัน” ชี้ไปที่กัณฐิกา “ตัวมันไม่มีอะไรติดตัวมาเลย นอกจากหนังเหี่ยวๆ มีดีก็คงรสชาติแซบเว่อร์บนเตียง!”
แขกในงาน ต่างหันไปมองกัณฐิกาเป็นตาเดียว กัณฐิกาเสียหน้ามาก อับอายจนเป็นลมไป
ณวัตรตกใจ “คุณกัณ”
เสาวนิตย์อยู่ใกล้เข้าไปช่วยประคอง
“พาออกไปข้างนอกก่อนค่ะ”
แขกในงานเข้ามาช่วยพยุงเสาวนิตย์ประคองกัณฐิกาออกไปจากงาน ชนิกานต์ยิ้มสะใจที่ทำให้กัณฐิกาเป็นลม
ณวัตรหันไปมองเสาวนิตย์ที่ประคองกัณฐิกาออกไป แล้วเดินตรงไปหาชนิกานต์บนเวที
ชนิกานต์ดีใจ “นิกกี้ดีใจนะคะที่คุณพ่อรักนิกกี้ ไม่สนใจมัน กลับมาอยู่กับลูกสาวแสนดีคนนี้”
ณวัตรเดินขึ้นมาแล้วตบหน้าชนิกานต์เต็มแรง ชนิกานต์เซล้มลงกับพื้น ชนกชนม์และสุตาภัญตกตะลึง สงสารชนิกานต์
จากนั้นณวัตรคว้าไมโครโฟนขึ้นประกาศกลางงาน
“ผมขอโทษด้วยครับ งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้จบลงแล้ว”
แขกในงานต่างอึ้ง ไม่กล้าอยู่ต่อ ทยอยออกไปจากงาน สุตาภัญและชนกชนม์ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ณวัตรต่อว่าชนิกานต์
“พอใจรึยังกับสิ่งที่เธอทำลงไป”
“นิกกี้ทำไปเพราะรักคุณพ่อนะคะ”
“หยุดพูดคำว่ารักได้แล้ว ลูกเห็นแก่ตัว ไม่เคยคิดถึงความสุขของคนอื่น ต่อไปนี้เราไม่มีอะไรจะพูดกันอีก”
ณวัตรประกาศกร้าว จะเดินออกไป ชนิกานต์รั้งไว้
“คุณพ่ออย่าทิ้งนิกกี้นะคะ”
ณวัตรสะบัดตัวชนิกานต์ออก ร่างชนิกานต์ทรุดลงบนเวที ชนกชนม์และสุตาภัญสงสารชนิกานต์
ชนิกานต์ตะโกนก้อง “คุณพ่ออย่าทิ้งนิกกี้ไป”
ณวัตรใจแข็งเดินออกไปจากงาน ชนิกานต์ร้องไห้เสียใจ
สองคนเดินออกมาบริเวณหน้าประตูห้องจัดเลี้ยง กัณฐิกาแสร้งทำเป็นผู้เสียสละ
“คุณคะ....ฉันขอไปเอง”
“ผมไม่ยอมให้คุณไปไหนทั้งนั้น...เราเป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์แล้ว”
“ยกเลิกการไปฮันนีมูนเถอะค่ะ คุณจะได้อยู่กับลูก หนูนิกกี้ต้องการคุณ” กัณฐิกาสวมบทแม่เลี้ยงแสนดี
“แกต้องเรียนรู้ความเจ็บปวดกับสิ่งที่แกทำลงไป...เข้าห้องพักผ่อนได้แล้ว...พรุ่งนี้เราต้องเดินทางแต่เช้า”
“ค่ะ”
ณวัตรพากัณฐิกาเดินออกไป กัณฐิกาหันหลังไปมองชนิกานต์ที่กำลังรู้สึกพ่ายแพ้หมดรูป และเสียใจหนักกว่าเดิม กัณฐิกายิ้มเย้ยอย่างผู้ชนะให้ แล้วเดินออกไป
ภายในห้องจัดเลี้ยงเวลานั้น ชนิกานต์ร้องไห้ ธีรดนย์เดินเข้ามาหา...ยื่นมือมารับ
“เก็บน้ำตาไปร้องไห้ที่บ้าน อย่าให้เปื้อนพรมที่นี่!”
ชนิกานต์ผลักธีรดนย์ออก ชนิกานต์ทรงตัวลุกขึ้น ตะโกนเรียกชนกชนม์
“ชนกชนม์”
ชนกชนม์จะเดินออกไปแล้ว นึกแปลกใจจึงหันกลับมา สุตาภัญเองก็แปลกใจว่าชนิกานต์จะพูดอะไร
“คุณพ่อไม่รักฉันแล้ว ไม่มีใครรักฉัน..ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว...ฉันรักเธอมากนะ เธออย่าทิ้งฉันไป..เป็นแฟนกับฉันได้ไหม?”
ชนกชนม์อึ้ง ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร
สุตาภัญซึ่งยืนอยู่กับสุรัมภา เดินตรงไปหาชนกชนม์ สุรัมภาแปลกใจว่าสุตาภัญไปทำอะไร? ชนิกานต์ยืนรอฟังคำตอบจากชนกชนม์
สุตาภัญเดินเข้ามาหาชนกชนม์ช้าๆ
“เธอสัญญากับฉันแล้ว...ฉันเป็นเจ้าชีวิตเธอ...ฉันขอหัวใจเธอ...”
ชนกชนม์มองหน้าสุตาภัญรอฟัง
“ให้กับเพื่อนฉัน”
สุตาภัญพูดจบ น้ำตาไหล
ชนกชนม์อึ้งกับสิ่งที่สุตาภัญขอ ถามต่อด้วยความอยากรู้
“เธอไม่อยากได้หัวใจของฉัน”
“ใช่” สุตาภัญน้ำตาร่วง
“เธอไม่เคยชอบฉัน”
สุตาภัญยิ้มทั้งน้ำตา “ฉันจะชอบนายได้ไง...ฉันมีคนรักแล้ว”
ชนกชนม์แปลกใจ ไม่เชื่อสุตาภัญ
“เธอผลักไสหัวใจตัวเองเพื่อยกฉันให้เพื่อนเธอ”
“นายเข้าใจผิดแล้วล่ะ ฉันขอโทษนะที่ไม่เคยบอกนาย ฉันเป็นแฟนกับธีรดนย์”
ชนกชนม์หันไปมองธีรดนย์ที่อยู่หน้าเวที ไม่เชื่อในสิ่งที่สุตาภัญบอก สุตาภัญหันไปเรียกธีรดนย์
“ธี...ตาจะกลับแล้ว..ไปส่งตาที่รถหน่อยสิ”
ธีรดนย์ยิ้มด้วยความพอใจที่สุตาภัญต้องการเขา จึงเดินเข้ามาหา
สุตาภัญจะเดินไปหาธีรดนย์แล้ว แต่ชนกชนม์จับมือไว้อยู่
สุตาภัญอึ้ง เอามือชนกชนม์ออก แล้วหันไปจับมือธีรดนย์ที่เดินมาถึง สุตาภัญเดินออกไปน้ำตาไหลรินออกมา
ชนกชนม์รู้สึกเจ็บปวด ตัดสินใจบอกชนิกานต์เสียงดังเพื่อให้สุตาภัญที่กำลังเดินออกไปได้ยิน
“หยุดร้องได้แล้วคนดี...แฟนผมต้องไม่ขี้แย”
ชนิกานต์ดีใจน้ำตาไหล วิ่งเข้ามากอดชนกชนม์
“ฉันรักเธอมากนะ” ชนิกานต์ยิ้มทั้งน้ำตา
สุรัมภาไม่พอใจที่สุตาภัญทำให้ชนกชนม์ยอมเป็นแฟนกับชนิกานต์ จึงเดินหน้าบึ้งออกไป
ชนกชนม์กอดชนิกานต์ไว้พูดปลอบ
“เป็นแฟนผม ต้องเข้มแข็งนะครับ”
สุตาภัญน้ำตาไหล เดินออกจากห้องไป ชนกชนม์กอดชนิกานต์ น้ำตาไหลเช่นเดียวกัน
ด้านธีรดนย์จูงมือสุตาภัญมาบริเวณหน้าโรงแรม จะไปส่งต่อ
สุตาภัญดึงมือออก “ธีส่งแค่นี้ก็พอ ขอบใจมากนะ”
สุตาภัญจะเดินออกไป ธีรดนย์เข้ามาจับมือมองตาซึ้ง
“วันนี้ผมมีความสุขมาก ผมหวังว่าผมจะได้ดูแลตาทุกๆ วัน”
สุตาภัญยิ้มให้ แล้วเดินออกไป ธีรดนย์มองตาม ยิ้มอย่างมีความสุข
ขณะที่กฤติยาจะเดินกลับเข้าบ้าน เจอสุรเดชเข้ามายืนดักหน้า กฤติยาเดินหนี สุรเดชพูดถากถาม
“แต่งตัวแจ่มไปชุบตัวเป็นคุณหนู จะได้ผัวหน้าตาดีมีการศึกษาอย่างไอ้ธีรดนย์รึไง”
“ไหนบอกว่าจะไม่ยุ่งกับฉัน”
“ก็คนมันรัก ห้ามใจไม่ได้เว้ย”
“ถ้าคิดมาพูดจาเหน็บแนมก็ไม่ต้องมา”
สุรเดชบอกอย่างจริงใจ “เป็นห่วง รู้ว่าไปงานแต่งแม่ต้องกลับดึก ก็เลยมารับไปส่งบ้าน”
กฤติยารู้สึกดีที่มีคนเป็นห่วง ยิ้มรับ สุรเดชยืนอยู่ห่างๆ
“ไปส่งก็รีบสิ....ยายฉันรอแล้ว”
สุรเดชยิ้มพอใจ กฤติยาเดินตามไป
ส่วนยายแก้วกำลังยกขนมลงจากเตาถ่าน ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในบ้านก็คิดว่าเป็นกฤติยา
“งานสนุกมั้ยลูก”
พอยายแก้วหันกลับไป เจอวัยรุ่นขี้ยาสองคนยืนถือมีดมองมาอย่างประสงค์ร้าย
“อีแก่เอาเงินมาสองพัน” หนึ่งในสองขู่
“กูไม่มีไอ้ขี้ยา ออกไปจากบ้านกูนะ” ยายแก้วร้องตะโกนให้คนช่วย “ช่วยด้วย โจรปล้น”
วัยรุ่นตกใจ เข้าไปปิดปากยายแก้ว จะล้วงเอาเงินในกระเป๋าเสื้อ
“กูบอกให้เงียบ เอาเงินมา” มันแย่งเงินแล้วกระชากสร้อยทอง
ยายแก้วแย่งสร้อยคืน “เอาสร้อยกูมา” หญิงชราฮึดร้องตะโกนอีกครั้ง “ช่วยด้วย”
เสียงร้องของยายแก้วตะโกนดังกว่าเดิม และจะหนีออกไป วัยรุ่นตกใจ ผลักยายแก้วล้มลงจนตัวไปกระแทกโต๊ะที่วางเตาถ่าน เตาถ่านล้มลง ถ่านไฟตกที่พื้นไหม้กองถุงกระดาษที่ใส่ขนม และเริ่มไหม้ไปทั่วในห้อง
“รีบหนีไป” วัยรุ่นอีกคนบอกเพื่อนชั่วของมัน
ยายแก้วจะลุกตามไป แต่เห็นไฟไหม้ลามในห้อง หญิงชราตกใจกลัว
“ช่วยด้วย ไฟไหม้”
สุรเดชเดินมาส่งกฤติยาจวนจะถึงหน้าบ้าน
“พี่ส่งถึงห้องนอนเลยนะ” จอมกะล่อนยิ้มๆ
“อย่าทะลึ่ง”
สุรเดชหน้าเสีย “พี่หมายถึงห้องนอนยายแก้วจ้ะ”
กฤติยาเดินตรงมา เห็นควันไฟลอยมาทางบ้าน ชาวบ้านตะโกนโหวกเหวกหน้าบ้าน
“ช่วยกันดับไฟเร็ว ไฟไหม้บ้านยายแก้ว”
กฤติยาและสุรเดชได้ยินก็ตกใจ
“ยาย”
ยายแก้วฝืนลุกขึ้น จะวิ่งหนีออกไปจากบ้าน แต่สายตามองเห็นภาพถ่ายครอบครัวที่กฤติยารักมาก จึงเปลี่ยนใจ วิ่งกลับเข้าไปในบ้านอีก
ฝ่ายกฤติยาวิ่งมาถึงหน้าบ้าน เห็นไฟลุกโชน ชาวบ้านต่างออกมาช่วยกันตักน้ำดับไฟ..แต่ไฟโหมหนัก
“ยาย ยาย”
กฤติยาตกใจจะเข้าไปในบ้าน สุรเดชรั้งตัวไว้
“เข้าไปไม่ได้ ไหม้ทั้งหลังแล้ว”
“ปล่อย ฉันจะไปช่วยยาย”
กฤติยาจะเข้าไปให้ได้ ตัดสินใจหยิบผ้าห่มที่ตากไว้แถวนั้นคลุมตัวกฤติยาแล้วแย่งถังน้ำชาวบ้านมาราดผ้าห่มวิ่งตะลุยเข้าไปด้านใน เพื่อช่วยยายแก้ว
“ยาย”
ขณะนั้นยายแก้วกระเสือกกระสนมาที่โต๊ะ แต่เกิดสำลักควัน มือควานหากรอบรูปครอบครัวของกฤติยา ยายแก้วปัดคลำหาจนเจอ หญิงชราดีใจได้รูป กำลังจะออกไป แต่สำลักควันอย่าสงแรง ล้มลงกับพื้น กฤติยาและสุรเดชเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“ยาย”
ไม่นานต่อมาสุรเดชค่อยๆ วางร่างยายแก้วลงไว้ที่พื้นศาลาชุมชน
“ยาย...ยายไม่เป็นอะไรนะ รถพยาบาลกำลังมารับยายแล้ว”
ยายแก้วค่อยๆรู้สึกตัว แต่อ่อนแรงเต็มทน
“ยายไม่ไหวแล้ว”
“ยายต้องอยู่กับหนู....อย่าทิ้งหนูไป”
ยายแก้วส่งภาพครอบครัวในมือให้กฤติยา
“ยายเอารูปของหนูมาให้ เราจะอยู่ด้วยกัน”
กฤติยารู้ว่ายายพยายามเอารูปมาให้ก็ยิ่งเสียใจ ร้องไห้จนตัวโยน
“ยาย”
“จำคำยายไว้นะ...ไม่มีแม่คนไหน..ไม่รักลูกหรอก”
ยายแก้วพูดจบก็สิ้นใจตาย
กฤติยากอดร่างยายแก้วร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ “ยาย...ยายจ๋า”
สุรเดชยืนมองน้ำตาไหล สงสารสองยายหลาน
กฤติยาเขย่าร่างยายแก้วร้องครวญคร่ำอย่างน่าเวทนา “อย่าทิ้งหนูไป...แล้วหนูจะอยู่กับใคร?”
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 5 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ แป๋วเดินมาหยุดหน้าห้องแล้วเคาะประตูห้องนอนเรียกชนกชนม์
“คุณชนกชนม์คะ คุณชนกชนม์คะ”
แป๋วจะเคาะอีก ชนกชนม์เปิดประตูพอดี
“ว้าย...ขอโทษค่ะ”
“มีอะไรเหรอพี่แป๋ว”
“คุณผู้หญิงเรียกพบด่วนค่ะ! คุณชนกชนม์คล้องพระติดตัวด้วยนะคะ..ท่าจะเกิดมหันตภัย” แป๋วเย้าตามประสา
ชนกชนม์แปลกใจว่าชลนิภามีเรื่องอะไร?
ชลนิภายืนคิดถึงเหตุการณ์ที่คุยกับวีรภัทรเมื่อคืนนี้อยู่ในห้องนอน
“คุณเลิกโทษตำหนิว่าลูกสักที.. ไม่มีลูกคนไหนอยากเกิดมาแล้วถูกพ่อแม่ตราหน้าว่าเป็นตัวซวยหรอก!”
ชลนิภาดึงตัวเองกลับมาแล้วคิดต่ออีก
“ต่อไปนี้ผมจะไม่วุ่นวายหรือยุ่งเกี่ยวกับลูกอีก..เพื่อความสบายใจของคุณและผมไม่อยากให้นัชชากังวลใจในเรื่องนี้....ผมฝากคุณดูแลลูกด้วย ผมรักลูกมาก”
ชลนิภาบ่น “ดูแลครอบครัวตัวเองให้ดีก่อนจะสอนคนอื่น”
เช้าวันเดียวกัน ทางด้านนัชชาหอบกระเป๋าจูงเด็กชายนิธิลงมาจากห้องนอน จะออกไปจากที่นี่
“คุณนัชชา คุณฟังผมอธิบายบ้างสิ” วีรภัทรตามง้อ
“เราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว สิ่งที่ฉันพูดไว้มันเป็นจริง คุณเอาชนกชนม์มาอ้างเพื่อสานสัมพันธ์กับเมียเก่า”
“ผมบอกคุณแล้วไง ผมเพียงไปล่ำราและฝากฝังให้คุณชลนิภาดูแลชนกชนม์ หลังจากนี้ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวอีก”
นัชชาไม่รับฟัง จูงมือนิธิออกไป
“ฉันเบื่อฟังคำแก้ตัว...ลูกนิธิไปกับคุณแม่”
นัชชาจูงมือนิธิออกไปจากบ้าน วีรภัทรเสียใจ
ขณะที่นัชชาจูงมือนิธิจะออกไปจากบ้าน นิธิร้องไห้ออกมา
“คุณแม่ครับ..นิธิอยากอยู่กับคุณพ่อ”
“คุณพ่อไม่รักเราแล้ว เราจะไปอยู่ด้วยกันเพียงสองคน”
นัชชาจูงมือนิธิจะพาออกไปจากบ้าน วีรภัทรวิ่งตามออกมาเรียกไว้
“ได้โปรดเถอะ อย่าทำอย่างนี้เลย”
นัชชาจูงมือนิธิอยู่ นิธิสะบัดมือวิ่งกลับไปหาวีรภัทร
“คุณพ่อครับ...นิธิรักคุณพ่อ”
นัชชาไม่พอใจ สั่งเสียงเขียว “นิธิกลับมา”
“คุณแม่ครับ อย่าทะเลาะกันเลยครับ นิธิอยากอยู่บ้านนี้..นิธิอยากอยู่กับคุณพ่อคุณแม่”
นัชชารู้สึกเศร้าใจสงสารลูกชาย แต่ยังโกรธสามีอยู่ วีรภัทรน้ำตาซึม เดินเข้าหานัชชา..
“ผมขอร้อง...อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกเลย”
วีรภัทรพูด พร้อมๆ กับที่ภาพจำแสนเจ็บปวดในอดีต ผุดขึ้นในหัว
วันนั้นในอดีต วีรภัทรถือกระเป๋าจะเดินออกไป เด็กชายชนกชนม์วัยเด็ก วิ่งเข้ามากอดวีรภัทร ร้องไห้อ้อนวอน
“คุณพ่อครับ คุณพ่ออย่าทิ้งผมไป! ผมจะไปอยู่กับคุณพ่อ”
ชลนิภาเข้ามากระชากตัวชนกชนม์ไว้
“คุณเอาลูกไปไม่ได้ ลูกต้องอยู่กับฉัน”
วีรภัทรสงสารลูกชาย “ชนกชนม์... แล้วพ่อจะแวะมาเยี่ยมลูก”
“ไม่ได้...ไปแล้วก็ไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก!”
วีรภัทรดึงตัวเองกลับมาแล้วบอกนัชชา
“ที่ผ่านมาผมเจ็บปวดมากพอแล้ว...อย่าพรากลูกไปจากผมอีก”
นัชชานิ่งคิดตัดสินใจ จังหวะนั้นนิธิเข้าไปจูงมือนัชชาเข้ามาหาวีรภัทร
“นิธิจำได้นะครับ คุณแม่เคยสอนนิธิว่า...เราเป็นครอบครัวเดียวกัน...ต้องรักกัน...คุณแม่ไม่รักพวกเราแล้วเหรอครับ” เด็กชายตัวน้อยพูดเจื้อยแจ้ว
นัชชาน้ำตาซึม เข้าไปโอบกอดนิธิ วีรภัทรรู้ว่านัชชาใจอ่อนจึงเข้ามาสวมกอด ให้คำมั่น
“ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจอีก....ผมสัญญา”
นัชชาพยักหน้ายอมให้อภัยสามี วีรภัทรเข้าสวมโอบกอดนัชชาและนิธิ
ชนกชนม์เดินตรงเข้ามาในห้องทำงานแม่ที่บ้าน ชลนิภาหันหลังกลับมา ในมือถือไม้เรียว ชนกชนม์จ้องมอง คิดว่าชลนิภาจะลงโทษเรื่องเมื่อคืน
“ผมพร้อมรับการลงโทษเรื่องเมื่อคืนนี้ครับ”
“ฉันไม่อยากสืบความยาวสาวความยืด....ให้มันจบไป!”
ชลนิภาหักไม้เรียวแล้วโยนทิ้ง ชนกชนม์รู้สึกที่ดีชลนิภาให้อภัยเขา
“ผมขอบคุณคุณแม่มากครับ ผมจะไม่ทำให้เกิดความผิดพลาดอีกครับ ผมขอตัวนะครับ” พลางจะเดินออกไป
ชลนิภาเอ่ยขึ้น “ฉันยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับแก”
ชนกชนม์หันกลับมา แปลกใจว่าชลนิภาต้องการคุยเรื่องอะไรอีก
ส่วนที่ห้องโถงบ้านสุตาภัญ สุทินกำลังซักเรื่องไปงานเมื่อคืนนี้
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไรนี่คะ”
“แล้วทำไมน้องถึงได้กลับมาเซื่องซึม ไม่มีความสุข”
สุตาภัญหนักใจ ไม่กล้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
“ตอบฉันมา”
สุตาภัญแก้ตัว “คุณพ่อก็รู้ว่าพอดึกภามักจะงอแง..ง่วงนอนน่ะค่ะ”
สุทินมองสุตาภัญ ไม่ค่อยเชื่อใจนัก
“หมดธุระแล้ว..ตาขอตัวไปอ่านหนังสือนะคะ”
สุตาภัญจะกลับห้อง กลัวถูกซักรายละเอียดเรื่องเมื่อวานนี้..
“เดี๋ยวก่อน!”
สุตาภัญแปลกใจ
ด้านชนกชนม์ยืนรอฟังชลนิภา
“ฉันถือว่าที่ผ่านมา แกทำผิดพลาด และทำให้ฉันผิดหวังมามากพอแล้ว...หากเกิดอะไรขึ้นอีกเพียงครั้งเดียว...” ชลนิภาพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดท่าทีจริงจัง “ฉันจะไม่อดทนกับแกอีกต่อไป”
ชนกชนม์อึ้งที่ชลนิภาพูดคาดโทษแบบนี้
“ไปได้แล้ว”
ชนกชนม์มองหน้าแม่ “ผมจะไม่สัญญาอะไรทั้งนั้น เพราะคำสัญญาของผมอาจไม่ทำให้คุณแม่มั่นใจและไว้ใจผม แต่ผมจะลงมือทำและทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ให้คุณแม่มีความสุขและภูมิใจในตัวผม”
ชนกชนม์พูดด้วยความมั่นใจ ชลนิภารับฟัง แต่ไม่เชื่อใจ
จังหวะนั้นแป๋วเข้ามาในห้อง
ชลนิภาสงสัย “มีอะไร”
ส่วนสุทินบอกธุระกับสุตาภัญ
“วันนี้ฉันไปตีกอล์ฟกับท่านปลัดที่เขาใหญ่...แม่เธอต้องไปดูแลฉัน”
เสาวนิตย์ถือกระเป๋าเข้ามายืนในห้องโถง
สุทินพูดต่อ “และค้างหนึ่งคืน....เธอมีหน้าที่ดูแลน้อง”
สุตาภัญยิ้มรับ “ได้ค่ะ ตาจะดูแลน้องให้ดีที่สุดค่ะ”
“ฉันรู้ว่าเธออึดอัดที่ฉันคอยจ้ำจี้จ้ำไช แต่ฉันต้องล้อมกรอบเธอไว้ก่อนจะเกิดปัญหา” สุทินขู่เสียงดุ “อย่าให้เกิดเรื่อง!”
“ค่ะ”
สุทินมองกางเกงขาสั้นสุตาภัญ “แล้วก็ห้ามใส่กางเกงตัวนี้ให้ฉันเห็นอีก”
“ค่ะ”
สุทินเดินออกไป สุตาภัญถอนหายใจโล่งอก
เสาวนิตย์เอ่ยขึ้น “เช้านี้น้องยังไม่ยอมลงมาเลย แม่ฝากด้วยนะ แล้วอย่าลืมล่ะ...อย่าทำให้น้องเสียใจ”
“แม่ก็รู้ว่าตารักยัยภามาก...” สุตาภัญเข้าไปหอมแก้มลา “เดินทางปลอดภัยนะคะ”
เสาวนิตย์ยิ้มคลายความกังวล..ถือกระเป๋าเดินออกไป สุตาภัญหันกลับไปมองยังห้องนอนสุรัมภา
ส่วนแป๋วยังนั่งยิ้ม ชลนิภาถาม
“ว่าไง!! มีใครมาหาฉัน”
“เปล่าค่ะ มาหาคุณชนกชนม์ค่ะ”
ชลนิภาเสียหน้าเล็กน้อยที่เข้าใจผิด
แป๋วบอกชนกชนม์ “รีบไปสิคะ แขกคนสำคัญรอนานแล้วค่ะ”
ชนกชนม์แปลกใจว่าเป็นใครมาหา เดินออกไป แป๋วจะเดินตามไปด้วย
ชลนิภาแว้ดขึ้น “นังแป๋ว”
“ขา...”
“ใคร”
แป๋วกวน ทำเป็นไม่เข้าใจ “แป๋วค่ะ ชื่อแป๋ว”
ชลนิภาด่า “รู้แล้ว ฉันถามว่าใครมาหาชนกชนม์”
ด้านสุตาภัญเดินเข้ามาในห้องนอนสุรัมภาไม่ทันมอง
“สายแล้วนะภา ลงไปทานอาหารเช้าได้แล้วจ้ะ”
สุตาภัญเข้ามาในห้องก็ตกใจ เมื่อเห็นพื้นในห้องเต็มไปด้วยข้าวของเกลื่อนกระจาย และมีภาพถ่ายถูกตัดทิ้งไว้เต็มห้อง
สุตาภัญแปลกใจ มองไปที่เตียงนอน เห็นสุรัมภาถือกรรไกรอยู่ กำลังตัดภาพถ่ายคู่กันระหว่างสุรัมภากับชนิกานต์ตอนไปเที่ยวทะเล
สุรัมภาตัดภาพชนิกานต์ร่วงลงพื้น สุตาภัญแปลกใจและตกใจในการกระทำของสุรัมภา
ชนกชนม์เดินมาที่ห้องโถง ชนิกานต์ปราดเข้าไปหาชนกชนม์
“อรุณสวัสดิ์ค่ะแฟน”
ชนกชนม์อึ้ง “เอ่อ...เรียกชื่อดีกว่าไหม”
“ทำไมล่ะ ก็เราเป็นแฟนกันแล้วนี่. วันนี้แฟนมาแนะนำตัวกับคุณแม่ ท่านจะได้รักและเอ็นดูแฟน คุณแม่อยู่ไหนคะ”
ชนิกานต์มองหาชลนิภา ชนกชนม์ไม่อยากให้ชนิกานต์เจอชลนิภา เพราะรู้ว่าชลนิภาไม่พอใจ
“คุณแม่ไม่อยู่...”
ชนกชนม์พูดไม่ทันจบ ชลนิภาเดินตรงเข้ามา
“ฉันอยู่นี่!”
ชนิกานต์ยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะคุณแม่ หนูนิกกี้” พลางเข้าไปควงแขนชนกชนม์ “เป็นแฟนชนกชนม์ค่ะ”
แป๋วสะดุ้งตกใจ “ว้าย..เปิดตัวแรง”
ชลนิภาไม่พอใจชนิกานต์ ขณะที่ชนกชนม์ทำตัวไม่ถูก
ทางด้านสุรัมภาหยิบเอาภาพชนิกานต์รูปอื่นๆ มาตัดทิ้งอีก สุตาภัญเข้ามาแย่งกรรไกรห้ามไว้
“ไม่เอาน่าภา พอเถอะ”
“ไม่ค่ะ ภาเกลียดพี่นิกกี้ ได้ยินมั้ยภาเกลียด”
สุรัมภาพยายามฉีกภาพถ่ายชนิกานต์
“ภาทำอย่างนี้แล้วภาได้อะไร”
สุรัมภาสวนขึ้น “พี่ตาไม่เข้าใจภา พี่ตาไม่รู้หรอกว่าคนที่ถูกแย่งชิงคนรักรู้สึกยังไง”
“ทำไมพี่จะไม่เข้าใจ พี่รู้ว่ามันเจ็บปวด...แต่ในเมื่อเราไม่มีทางเลือกอื่น เราก็ต้องยอมปล่อยมันไป”
สุรัมภาหยุดฉีกภาพ แปลกใจที่สุตาภัญระเบิดอารมณ์ออกมา สุตาภัญค่อยๆ ตั้งสติสอนน้องสาว
“ความรักไม่ได้หมายถึงการครอบครองเสมอไป หากแต่เราเห็นคนรักมีความสุข นั่นก็ทำให้เราสุขใจ”
“แล้วพี่ตารู้ได้ไงว่าเขาไปอยู่กับคนอื่นแล้วจะมีความสุข”
นั่นซิ...สุตาภัญคิดตามที่สุรัมภาตั้งคำถาม
ชนกชนม์อึดอัดใจ รีบแนะนำตัวชนิกานต์
“คุณแม่ครับ..ชนิกานต์ เป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยครับ”
ชนิกานต์ต่อว่าชนกชนม์ “แฟนเลิกอายได้แล้ว...” ชนิกานต์หันมาบอกย้ำกับชลนิภา “เราเป็นแฟนกันค่ะ
ชยางกูรเดินผ่านมาได้ยิน ก็ไม่พอใจที่ชนิกานต์มาที่บ้าน และคิดจะใส่ร้ายชนกชนม์
ชลนิภาต่อว่าชนิกานต์
“ฉันไม่สนใจว่าเธอเป็นอะไรกัน แต่อย่ามาที่นี่อีก”
“ทำไมล่ะคะคุณแม่”
ชลนิภาขึ้นเสียง “ฉันไม่ใช่แม่เธอ”
ชนิกานต์อึ้ง
“เป็นผู้หญิงเที่ยวโร่บุกบ้านผู้ชาย! น่าเกลียด” ชลนิภาด่าอยู่ในที
“ความรักเป็นสิ่งสวยงามค่ะ ไม่จำเป็นต้องเก็บตัวไว้ในลิ้นชัก รักแล้วก็แสดงออกได้เลย”
ชลนิภาอึ้งที่ขนาดถูกด่า ชนิกานต์ยังไม่หยุด
“แล้วนิกกี้ก็เห็นว่าการเข้ามาทักทายญาติแฟน ถือเป็นการให้เกียรติ”
“แต่ฉันถือว่าสิ่งที่เธอทำ ไร้มารยาท! เคยถามฉันสักคำไหมว่าฉันยินดีให้เธอมารึเปล่า”
ชนิกานต์อึ้ง แล้วยกมือไหว้ “ขอโทษค่ะ” ชนิกานต์เปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มร่า ขณะยกมือทำท่าโทรศัพท์ “แต่คราวหน้านิกกี้จะโทรศัพท์มาถามก่อนนะคะ”
แป๋วเสนอหน้าเห็นด้วย “เป็นทางออกที่สุดยอดค่ะคุณผู้หญิง”
ชลนิภามองตาเขียวใส่แป๋ว แป๋วรับหลบฉากไป ชลนิภาหันไปต่อว่าชนกชนม์
“ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด คิดพาผู้หญิงเข้าบ้าน สิ้นคิด”
“คุณแม่กำลังเข้าใจผิด เราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ ครับ นิกกี้เขามารับผมไปติวหนังสือ ใช่มั้ยนิกกี้”
ชนกชนม์ส่งสัญญาณให้ชนิกานต์รับลูก
“ค่ะ”
“ไปเถอะนิกกี้..เพื่อนๆ รออยู่” ยกมือไหว้ชลนิภา “ผมไปก่อนนะครับ”
“ลาก่อนค่ะคุณแม่...” ชนิกานต์ จะพูดคำว่าแฟนแต่เจอ ชนกชนม์มองดุ ปราม
“คุณแม่เพื่อน...”
ชนิกานต์ไหว้ลาชลนิภา ชนกชนม์รีบลากตัวออกไป ชลนิภามองไม่พอใจ ชยางกูรเดินเข้ามาใส่ไฟชนกชนม์
“พี่ชนกชนม์เสน่ห์แรงนะครับ มีผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า”
“ลูกกูรหมายความว่าไง”
ชลนิภาหูผึ่งอยากรู้เรื่องราวของชนกชนม์
ส่วนสุรัมภายิงคำถามสุตาภัญอีกครั้ง
“ว่าไงคะพี่ตา พี่ตารู้ได้ยังไงว่าพี่ชนกชนม์เขามีความสุข”
“เขาต้องมีความสุขสิ ในเมื่อเขาได้อยู่กับคนที่เขารัก”
สุรัมภาเถียง “ไม่จริง...พี่ชนกชนม์ไม่ได้รักพี่นิกกี้ พี่ตาต่างหากที่เป็นคนสั่งให้ พี่ชนกชนม์เลือกพี่นิกกี้”
สุตาภัญอึ้งที่สุรัมภารู้เรื่องนี้
“พี่ตารักเพื่อนมากกว่าน้องตัวเอง ภาเกลียดพี่”
สุรัมภาหยิบภาพถ่ายคู่ ระหว่างสุตาภัญกับเธอขึ้นมา
“พี่รักภามากนะ” สุตาภัญยืนยัน
สุรัมภาหยิบกรรไกรขึ้นมาจะตัดภาพถ่าย พูดขู่
“ไม่อยากให้ภาตัดพี่ตัดน้อง....พี่ตาทำให้พี่ชนกชนม์เลิกกับพี่นิกกี้”
“พี่ทำอย่างนั้นไม่ได้”
สุรัมภาเสียใจใช้กรรไกรตัดภาพสุตาภัญออกจากภาพถ่ายคู่ของตัวเอง ภาพสุตาภัญร่วงลงพื้น
“เราไม่ใช่พี่น้องกันอีกต่อไป”
สุรัมภาวิ่งออกจากห้องไปทันที สุตาภัญตกใจระคนเสียใจ
“ภา”
ขณะนั้นชนกชนม์พาชนิกานต์ออกมานอกบ้านแล้ว
“แม่แฟนดุจัง แต่แฟนไม่ถอยหรอก เขาบอกว่าผู้ใหญ่จะใจอ่อนถ้าเราเข้าหาบ่อยๆ”
ชนกชนม์สยอง “เอ่อ...นานๆ มาทีก็ได้”
ชนิกานต์อ้อน “ได้ค่ะ แฟนขออะไรแฟนก็ให้ได้”
“เรียกชื่อเหมือนเดิมเถอะ เรียกแฟนมันจั๊กกะจี้”
“แฟนเข้าใจว่าแฟนยังไม่ชิน แต่ต้องหัดไว้” ชนิกานต์พูดพร้อมกับควงแขนชนกชนม์หมับ “ไปเที่ยวกัน! นี่จะเป็นเดทแรกของแฟน”
ชนกชนม์ไม่ทันได้ปฎิเสธ ชนิกานต์ควงชนกชนม์ออกไปที่รถแล้ว
เวลาเดียวกันชลนิภาเดินตามออกมา เห็นชนิกานต์ขับรถพาชนกชนม์ออกไปจากบ้านพอดี
ชยางกูรเข้ามายืนข้างแม่ พูดใส่ไฟอีก
“นอกจากยัยนิกกี้แล้ว ยังมีผู้หญิงในคณะอีกหลายคนที่พี่ชนกชนม์ไปโปรยเสน่ห์ ไม่รวมน้องสาวเพื่อนในคณะ”
ชลนิภาตกใจ “เด็กมัธยม”
“กูรไม่คิดจะฟ้องนะครับ แต่กูรไม่อยากให้คุณแม่ต้องปวดหัวกับปัญหาท้องก่อนแต่ง คุณแม่ควรปรามพี่เขาบ้าง”
“มันทำเรื่องงามหน้า แม่ไม่ปล่อยไว้แน่”
ชลนิภาคาดโทษชนกชนม์อย่างแค้นเคือง ชยางกูรยิ้มพอใจที่เป่าหูแม่ใส่ไฟชนกชนม์ได้สำเร็จ
สุรัมภาวิ่งหนีออกมานอกบ้าน สุตาภัญวิ่งตามมา
“ภา กลับมาก่อน”
สุรัมภาวิ่งหนีไม่สนใจสุตาภัญ วิ่งออกไปที่กลางถนน ในจังหวะนั้นรถของชนิกานต์พุ่งตรงเข้ามาพอดิบพอดี ชนิกานต์เบรกรถทันที
สุรัมภายืนตกใจอยู่ ชนกชนม์เปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับก้าวลงมาถาม
“ภาเป็นยังไงบ้าง”
สุรัมภาดีใจ “พี่ชนกชนม์”
สุตาภัญวิ่งเข้ามาเห็นชนกชนม์ ชนิกานต์เปิดประตูฝั่งคนขับออกมา
“ไม่มีอะไรทำรึไง เที่ยววิ่งให้รถชนเล่น”
สุรัมภาเจอหน้าชนิกานต์ก็ไม่พอใจ รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายมาหาชนกชนม์ ก็ยิ่งเสียใจ วิ่งหนีเตลิดออกไปทันที
สุตาภัญจะวิ่งตามไป ชนกชนม์เข้ามาคว้ามือไว้
“สุตาภัญ...เกิดอะไรขึ้น”
ชนิกานต์มองมา ไม่พอใจนักที่ชนกชนม์จับมือถือแขนสุตาภัญต่อหน้าตน สุตาภัญเอามือชนกชนม์ออก
“ทะเลาะกันนิดหน่อย”
“มีอะไรให้ฉันช่วยรึเปล่า”
สุตาภัญไม่สามารถบอกความจริงเรื่องที่สุรัมภาหลงรักชนกชนม์ได้
“อย่าไปยุ่งเรื่องไร้สาระเลย ยัยภาก็คงงอแงอยากได้ของ พอไม่ได้ดั่งใจก็เรียกร้องความสนใจ แฟนไปเถอะ..แฟนหิวแล้ว”
ชนิกานต์เข้ามาควงแขนชนกชนม์
“แฟนขับดีกว่า...แฟนจะได้นั่งข้างๆ แฟน”
ชนกชนม์เดินไปที่ประตูด้านคนขับ
ชนิกานต์หันมาบอกสุตาภัญ “ไปก่อนนะตา..เดทแรกกับแฟนอ่ะ”
สุตาภัญฝืนยิ้มรับเนือยๆ
ชนกชนม์ยืนมองจ้องสุตาภัญอย่างห่วงใย ชนิกานต์เหลือบมองเห็น ก็เร่งชนกชนม์
“ไปได้แล้วค่ะแฟน”
ชนกชนม์เข้าไปนั่งในรถ ขับรถพาชนิกานต์ออกไป สุตาภัญมองตาม รู้สึกเศร้าใจ แล้วก็เป็นห่วงสุรัมภา
“ภา”
ขณะที่รถของชนิกานต์วิ่งออกไป สุรัมภาแอบยืนมองที่มุมหนึ่ง และเพ่งมองเข้าไปในรถ เห็นชนิกานต์นั่งอิงซบชนกชนม์ สุรัมภาน้ำตาร่วงเสียใจเอามากๆ
จังหวะนั้นชยางกูรเดินเข้ามาหาสุรัมภา
“น่าสงสาร...อุตส่าห์ทำดีไม่มีคนเห็นใจ รู้งี้เอาเพชรไปขายแบ่งเงินกันใช้สบายใจกว่าเยอะ”
สุรัมภาหงุดหงิด “ขืนพูดอีกคำเดียว ฉันจะแฉว่าแกเป็นคนขโมยเพชร”
ชยางกูรท้า “เอาสิ...เธอก็โดนข้อหาสมรู้ร่วมคิด หมดสิทธิ์ได้ความรักจากพี่ชายฉัน”
สุรัมภาไม่พอใจที่ถูกขู่ “ฉันไม่น่าร่วมมือกับคนชั่วอย่างแก”
“อย่ามองฉันในแง่ร้ายนัก ในฐานะที่เคยช่วยเหลือกันมา...ฉันจะบอกสูตรลับจับผู้ชายให้”
สุรัมภาจะเดินออกไปแล้ว หันกลับมาฟังชยางกูร
“เลิกทำตัวอ่อนใสไร้เดียงสาได้แล้ว” ชยางกูรเดินสำรวจรอบตัวสุรัมภา ตั้งแต่หัวจดเท้า “เปลี่ยนตัวเองซะใหม่ให้เร้าใจ รับรองว่าใครเห็นก็อยากกิน”
ชยางกูรเข้ามาจับตัวสุรัมภาดูไปดูมา สุรัมภาสะบัดตัว แล้วโบกรถแท็กซี่ที่ผ่านมาก่อนจะรีบขึ้นรถออกไป
ชยางกูรเหลียวไปที่มุมหนึ่งเห็นสุตาภัญกำลังเดินตามหาสุรัมภา ก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 5 (ต่อ)
สุตาภัญมองหาสุรัมภาในจังหวะที่ชยางกูรเดินเข้ามาหา พอสุตาภัญเห็นหน้าชยางกูรก็ไม่อยากเสวนาด้วยจึงเดินหนีไป
“ไม่อยากรู้รึไงว่าน้องสาวเธอไปไหน?” ชยางกูรพูดเป็นนัย
สุตาภัญหันกลับมาหาชยางกูรทันที
“ภาอยู่ไหน”
ชยางกูรมองไปทางที่รถของเขาที่จอดอยู่ “ขึ้นรถสิ ฉันจะพาไป”
“อย่าหวังว่าฉันจะไว้ใจนายอีกต่อไป” สุตาภัญเดินหนีทันที
ชยางกูรคว้าแขนไว้ “ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเชียว”
“นายไม่ได้น่ากลัว แต่ไม่น่าไว้ใจและน่าขยะแขยงที่สุด”
สุตาภัญจะเดินหนี ชยางกูรไม่ยอมให้ไปเข้ามากอดรัดสุตาภัญไว้ สุตาภัญตกใจ
“ปล่อยฉันนะ!”
“อย่าปิดกั้นตัวเอง...ลองสักครั้งแล้วเธอจะติดใจ!”
ชยางกูรจะจูบสุตาภัญ สุตาภัญดิ้นหลุดแล้วตบหน้าชยางกูรฉาดใหญ่
“ฉันไม่ใช่ของเล่นของนาย ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี อย่ายุ่งกับฉันอีก ไม่งั้นฉันจะให้นายไปสนุกในคุก”
สุตาภัญพูดขู่ชยางกูร แล้วออกตามหาสุรัมภา
ชยางกูรล้อเลียนเสียงสุตาภัญ “ไม่งั้นฉันจะให้นายไปสนุกในคุก...” แล้วเปลี่ยนคำพูดเป็นจริงจัง “ฉันอยากสนุกกับเธอมากกว่า...สุตาภัญ”
ชยางกูรคิดหาทางจะจัดการสุตาภัญ
ไม่นานต่อมา ชนิกานต์ควงแขนชนกชนม์เข้ามาในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แล้วยกโทรศัพท์ถ่ายรูปคู่
“ยิ้มค่ะ”
ชนกชนม์จำต้องยิ้มชนิกานต์กดถ่ายรูป แล้วอัพลงเฟสบุ๊ค
ชนกชนม์เขินๆ “ต้องโพสลงเฟสด้วยเหรอ”
“ประกาศให้โลกนี้ว่าแฟนมีเจ้าของแล้ว” ชนิกานต์เข้ามาควงแขน “ไปหาอะไรอร่อยทานแล้วดูหนังกันนะ”
ชนิกานต์ควงแขนชนกชนม์จะออกไป ชนกชนม์หันไปมองที่มุมหนึ่ง เห็นธีรดนย์อยู่ในร้านขายเครื่องดนตรี ก็สงสัย บอกชนิกานต์
“ผมขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
“จ้ะ...แฟนรีบตามไปนะ”
ชนิกานต์เดินออกไป ชนกชนม์มองไปยังร้านขายเครื่องดนตรี
ขณะที่ ธีรดนย์ลีดกีต้าร์ทดสอบเสียงอยู่ และแล้ว...เสียงกีต้าร์อีกตัวดังขึ้น ธีรดนย์แปลกใจหันไปมอง เห็นชนกชนม์ลีดกีต้าร์อีกตัวเดินเข้ามาเล่นเพลงเดียวกัน
ธีรดนย์ไม่ยอมแพ้ ลีดกีต้าร์สู้ ชนกชนม์ก็สู้ ทั้งสองต่างลีดในท่อนเพลงเดียวกัน คนขายเดินเข้ามาปรบมือให้สองหนุ่ม
“น้องสองคนเข้าขากัน รู้จังหวะรู้ใจ เป็นเพื่อนรักกันใช่ไหม”
ชนกชนม์มองหน้าธีรดนย์ แล้วยิ้มรับ
คนขายถามธีรดนย์ “เอาตัวนี้นะ พี่ห่อให้เลย”
ธีรดนย์มองป้ายราคา “ยังก่อนพี่...ขอบคุณครับ”
ธีรดนย์ส่งกีต้าร์คืนให้คนขาย หันมาบอกชนกชนม์
“ฉันไปก่อน นัดโจซ้อมวง เย็นนี้ไปเล่นที่ร้านแล้ว”
ธีรดนย์เดินออกไป ชนกชนม์มองตาม รู้ทันทีว่าธีรดนย์อยากได้กีต้าร์ตัวใหม่
ครู่ต่อมาธีรดนย์เดินออกไป ยินเสียงชนกชนม์ดังมาจากด้านหลัง
“ธี..นายลืมของ”
ธีรดนย์หันกลับไปมอง ชนกชนม์ถือกีต้าร์เดินเข้ามายื่นให้
“ฉันไม่เอาของๆ ใคร”
ชนกชนม์บอก “ฉันรู้...แต่ฉันให้ในฐานะคนฟัง ฉันอยากฟังดนตรีดีๆ” แล้วส่งให้
ธีรดนย์ไม่ยอมรับ “ตัวเก่าก็เสียงใช้ได้...” แล้วทำท่าจะเดินออกไป
ชนกชนม์เอ่ยขึ้น ถามวัดใจ “แกเป็นเพื่อนฉันเปล่าวะ”
ธีรดนย์หันกลับมามอง
“เพื่อนกันให้กันได้ ไม่มีข้อแม้ ไม่มีข้อแลกเปลี่ยน” ชนกชนม์ว่า
ธีรดนย์ยิ้มให้
“แต่คราวหน้าฉันขอเล่นด้วย”
ธีรดนย์ยิ้มชกตัวชนกชนม์เบาๆ “ไอ้เจ้าเล่ห์”
ชนกชนม์จะเดินออกไป ธีรดนย์ตะโกนบอก
“ขอบใจมากเพื่อน”
ชนกชนม์ทำท่าตะเบ๊ให้ แล้วเดินออกไปธีรดนย์ดีใจที่ได้กีต้าร์ใหม่
เวลาเดียวกันกฤติยามีสีหน้าเศร้าหมอง ขณะเดินถือกรอบรูปยายแก้ว เข้ามาในวัดของชุมชน ภาพนั้นเป็นภาพที่กฤติยาถ่ายไว้ก่อนไปงานแต่งกัณฐิกานั่นเอง
กฤติยายกมือลูบภาพยายแก้วน้ำตารินไหล
“โทร.บอกแม่รึยัง” สุรเดชซึ่งมาช่วยงานถาม
กฤติยาปาดน้ำตาแล้วบอก “อย่าไปสนใจเลย ป่านนี้เขาคงมีความสุขกับชีวิตใหม่ที่เขาต้องการ”
“จำคำยายไม่ได้รึไง ไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูก แล้วพี่ก็เชื่อว่า ไม่มีลูกคนไหนไม่รักแม่”
สุรเดชพูดเตือนสติให้กฤติยาคิดดีๆ กฤติยานิ่งคิดตัดสินใจ
ต่อจากตอนที่แล้ว
ขณะที่กัณฐิกากำลังแต่งหน้าทาปากที่หน้ากระจก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น กัณฐิกาเห็นชื่อก็หน้านิ่วด้วยความแปลกใจ
“แอน”
กฤติยาคุยโทรศัพท์บอกกัณฐิกา
“แม่....ยายตายแล้ว”
กัณฐิกาตกใจแทบช็อก
“แกพูดอะไร นี่ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะ”
“ยายถูกพวกเล่นยาทำร้ายชิงเงิน แล้วไฟไหม้บ้าน ยายตายเพราะเข้าไปเอารูปภาพของแม่”
กัณฐิกาช็อกมือสั่น...น้ำตาไหล
“แม่รีบมาที่วัด ทุกคนรอทำพิธีรดน้ำศพยาย”
กฤติยาหันไปที่มุมหนึ่ง เห็นศพยายแก้วนอนนิ่งอยู่ในศาลาสวดศพภายในวัด
กัณฐิกามองตั๋วเดินทางไปฮันนีมูนมัลดีฟแล้วบอก “ฉันไปไม่ได้”
กฤติยาได้ฟังทั้งเสียใจและน้อยใจ กฤติยาทนไม่ไหวแล้วตะคอกถาม
“มีธุระอะไรสำคัญกว่างานศพแม่ของตัวเอง”
กัณฐิกาได้ฟังก็สะเทือนใจ น้ำตาไหล
ณวัตรเปิดประตูห้องเข้ามาบอกกัณฐิกาพอดี
“ทะเลมัลดีฟกำลังรอคุณอยู่นะครับที่รัก”
กฤติยาได้ยินจึงรู้ว่ากัณฐิกาปฎิเสธเพื่อไปมัลดีฟ ก็ยิ่งเจ็บปวดใจ
“กัณพร้อมแล้วค่ะ...ต้องเป็นฮันนีมูนที่พิเศษสุดค่ะ”
กัณฐิกาปิดสายโทรศัพท์ แล้วลุกหยิบตั๋วเดินออกไปกับณวัตร
“คุณร้องไห้ทำไม”
“กัณดีใจค่ะที่จะได้ใช้ชีวิตกับคุณ กัณไม่มีใครอีกแล้ว...นอกจากคุณ”
กัณฐิกาเข้ามาควงณวัตรเดินออกไป
ส่วนกฤติยาวางสายแม่ ด้วยอาการเสียใจ น้ำตาไหลพราก
“เข้าไปรอแม่ที่ศาลาเถอะ”
“แม่จะมาได้ไง แม่ตายไปก่อนยายอีก”
กฤติยาน้ำตาไหล...ถือกรอบรูปยายเดินไปยังศาลาวัดสวดศพ สุรเดชมองตาม สงสารกฤติยาจับใจ
คืนนั้นสุตาภัญโทรศัพท์คุยกับธีรดนย์ ด้วยความกังวลใจ
“ธี...ภายังไม่กลับบ้านเลย ธีว่างไหม มาหาตาได้ไหม”
ธีรดนย์ยืนคุยสายอยู่ที่รถบริเวณหน้าผับ
“ผมอยากไปช่วยตานะ...แต่ผมต้องขึ้นเล่นดนตรีแล้ว”
เสียงโจตะโกนเรียก “ธี...ช่วยขนเครื่องหน่อย”
“แค่นี้ก่อนนะตา เลิกงานแล้วผมโทร.หา”
ธีรดนย์กดวางสาย แล้วเดินไปช่วยโจขนเครื่องดนตรี
สุรัมภาอยู่ในชุดเที่ยวกลางคืน เดินตรงมายืนตรงทางเข้าที่หน้าผับ แล้วเกิดกังวลใจ
“เข้าได้ไง...ฉันอายุไม่ถึง”
พลอย นานา และเจน เด็กสาวของชยางกูรเดินเข้ามาหาสุรัมภา
“ไม่ต้องห่วง...ร้านประจำของพวกฉัน ความสวยจะเป็นบัตรผ่าน” พลอยว่า
“เพื่อนแกอ่อนหัดซะจริง พากลับไปดื่มนมเข้านอนไป๊”
นานาและเจนหัวเราะเยาะสุรัมภาคิกคัก สุรัมภาหน้าเสีย
“อย่าทำให้ฉันเสียหน้า เข้าไปดื่มเหล้าให้ลืมรักเฮงซวย คืนนี้แกอยากได้แฟนกี่คน ฉันจัดให้”
พลอยลากสุรัมภาเข้าไปในผับ
ระหว่างนั้นธีรดนย์ซึ่งกำลังขนเครื่องดนตรีเข้าร้าน เหลียวไปเห็นสุรัมภาก็ดีใจ รีบหยิบโทรศัพท์โทร.หาสุตาภัญทันที
สุตาภัญคุยโทรศัพท์กับธีรดนย์สีหน้าแววตาดีใจมาก
“ขอบใจมากนะธี...ตาจะรีบไป”
สุตาภัญวางสายแล้วรีบออกไปจากบ้านทันที
ส่วนธีรดนย์วางสายแล้วแบกกีต้าร์ตัวใหม่ที่ชนกชนม์ให้มา มองสุรัมภาที่เดินเข้าไปในร้านอย่างแปลกใจ
“ภามาที่นี่ได้ยังไง”
ไม่นานนัก ชนิกานต์เดินนำชนกชนม์เข้ามาในผับเดียวกัน เสียงดนตรีอินโทรเพลงดังขึ้น
“นิกกี้ชอบเที่ยวแบบนี้เหรอ” ชนกชนม์ถาม
“นานๆ มาถี่” ชนิกานต์ยิ้มยั่ว
ชนกชนม์แซว “ผมว่านานๆ มาทีดีกว่านะ”
“ค่ะ...วันนี้แฟนอยากพาแฟนมาอวด”
ชนิกานต์เดินควงชนกชนม์ ผ่านบรรดาผู้ชายที่หันมามอง และถูกชนิกานต์เชิดใส่
“พวกผู้ชายมือบอนจะได้เลิกกวนใจแฟนสักที”
ธีรดนย์อยู่บนเวทีกำลังจะร้องเพลง...เสียงปรบมือในร้านดังขึ้นเกรียวกราว
ชนิกานต์มองไปบนเวทีเซ็งๆ “เจอมันอีกแล้ว! หมดอารมณ์เปลี่ยนร้านเหอะ”
“อยู่นี่ล่ะดีแล้ว ให้กำลังใจธี”
ชนกชนม์ยกมือทักทายธีรดนย์ ธีรดนย์ตะเบ๊ทักชนกชนม์อย่างสนิทสนม
ชนิกานต์ทำหน้าเหม็นเบื่อธีรดนย์ พาชนกชนม์เข้าไปหาที่นั่งในร้าน
ดูเหมือนจะเป็นวันรวมญาติ เพราะชยางกูรกับเพทาย ปอน และแก๊งเพื่อนก็กำลังเดินเข้ามาในร้าน และส่ายตามองหาที่นั่ง
“ลงโต๊ะโน้น.. พวกนานามาด้วย” เพทายชี้ไปที่โต๊ะหนึ่ง
ชยางกูรหันไปมองที่โต๊ะนานา เห็นนานาก็ไม่สนใจ
“ฉันไม่ชอบกินของเก่า”
“แต่สมาชิกใหม่...เนื้อสดหอมหวาน”
เพทายเพ่งมองตรงไปยังสุรัมภา...ซึ่งกำลังดื่มเหล้าอยู่โต๊ะนานา ชยางกูรมองตาม เห็นสุรัมภาก็สนใจ ผลักเพทายออกไป แล้วเดินนำไปที่โต๊ะเอง
“งานนี้แกโดนปาดหน้าเค้กอีกแล้ว”
ปอนยิ้มเย้ยที่ชยางกูรคิดแย่งสุรัมภา เพทายไม่พอใจนิดๆ เดินตามชยางกูรไปที่โต๊ะพวกนานา
สุรัมภายกแก้วเหล้าดื่มจนหมด
“ให้ได้อย่างนี้สิถึงจะใจ”
พลอยเชียร์อัพ รินเหล้าให้อีกแก้ว ขณะที่นานาหันไปทางมุมหนึ่ง แล้วร้องออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจ
“แฟนฉันมาแล้ว”
สุรัมภาหันไป เจอชยางกูรเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะ มีเพทายและปอนตามหลัง สุรัมภารีบเดินหนีออกไป แต่ชยางกูรคว้าตัวไว้
“จะรีบไปไหน เหล้ายังไม่หมดขวดเลย”
“เห็นหน้าแกแล้วฉันหมดสนุก” สุรัมภาหันมาบอกพลอย “พลอย ฉันกลับนะ”
สุรัมภาจะเดินออกไป เห็นชนกชนม์อยู่กับชนิกานต์ที่มุมหนึ่งในร้าน
ชยางกูรเห็นด้วยจึงเอ่ยขึ้น “เชื่อฉันเถอะ...คืนนี้สนุกแน่”
ชยางกูรหยิบเหล้าชนกับแก้วสุรัมภา สาวน้อยใจแตกมองไปยังชนกชนม์ แล้วยกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
เวลาต่อมา สุตาภัญเดินเข้ามาในร้าน โดยมีธีรดนย์มารอรับ
“ภาอยู่ไหน”
“นั่งอยู่โต๊ะโน้น มากับกลุ่มเพื่อน”
ธีรดนย์ชี้ไปที่โต๊ะพวกนานา สุตาภัญมองไปไม่เห็นสุรัมภา
“ไม่มีนี่”
“ไปไหนแล้วล่ะ”
ธีรดนย์และสุตาภัญแปลกใจว่าสุรัมภาหายไปไหน?
ส่วนชนิกานต์ยกแก้วเหล้าคล้องแขนชนกชนม์จะดื่ม
“สำหรับความรักของเรา หมดแก้วค่ะ”
ชนกชนม์ยิ้มรับ จะยกขึ้นดื่มอยู่แล้ว เห็นสุรัมภาเดินเข้ามายืนหน้าทั้งสองคน
ชนกชนม์แปลกใจ “ภา..ภามาได้ยังไง? ภาไม่ควรมาที่นี่”
“ยัยภาคงอยากมาแสดงความยินดีกับแฟน...มาสิ...มาดื่มด้วยกัน”
ชนิกานต์ระรื่นชวนสุรัมภาดื่ม สุรัมภาบอกชนิกานต์
“พี่นิกกี้คะ ภาขอคุยด้วย”
“มีอะไรก็คุยสิ พี่กับแฟนไม่มีอะไรปิดบังกัน”
ว่าพลางชนิกานต์หันไปอิงซบชนกชนม์ สุรัมภาเจ็บใจแต่ยิ้มให้
“มันเป็นเรื่องของผู้หญิง พี่ชนกชนม์คงไม่อยากฟัง...ภารอข้างนอกนะคะ แต่ถ้าพี่นิกกี้ไม่กล้า ก็ไม่เป็นไรค่ะ”
สุรัมภาพูดท้าทาย ชนิกานต์ไม่พอใจ หันไปบอกชนกชนม์
“แฟนรออยู่ตรงนี้นะคะ”
ชนิกานต์เดินออกไป ชนกชนม์สงสัยว่าสองคนจะคุยอะไรกัน
ระหว่างนั้นสุตาภัญและธีรดนย์เข้ามาที่โต๊ะชนกชนม์
“นายเห็นน้องสาวฉันไหม”
ชนกชนม์แปลกใจที่เห็นสุตาภัญมาที่ผับคืนนี้
ชนิกานต์เดินตรงมาหาสุรัมภาที่ยืนรออยู่ด้านหลังผับ
“เชื่อพี่รึยัง ว่าชนกชนม์เขารักพี่”
สุรัมภาสวนคำ “ภาขอพี่ชนกชนม์”
ชนิกานต์หัวเราะเยาะ “เธอเมาหรือเสียสติ”
สุรัมภาทวงสัญญา “ตอนไปทะเล ภาช่วยปิดบังความลับของพวกพี่ พี่สัญญากับภาว่าภาขออะไรก็จะให้”
ชนิกานต์หัวเราะขำ “ เด็กหนอเด็ก อย่าเอาเรื่องนั้นมาต่อรองเลย พ่อเธอจับได้...มันไม่เป็นความลับอีกต่อไป”
สุรัมภาพูดอย่างจริงจัง “แต่พี่นิกกี้สัญญากับภา”
“พี่ให้อย่างอื่นได้แต่ไม่ใช่แฟน”
สุรัมภาไม่พอใจ
“กลับบ้านไปได้แล้ว พี่ไม่อยากเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ” ชนิกานต์พูดพลาง ยิ้มเย้ย “พี่จะสนุกกับแฟนพี่”
ชนิกานต์จะหันกลับเข้าไปในร้าน เจอพลอยกับเจนยืนดักไว้อย่างเอาเรื่อง
พลอยถามขึ้น “ยัยนี่ใช่มั้ยที่แย่งแฟนแก”
ชนิกานต์หันกลับไปหาสุรัมภา ไม่พอใจที่สุรัมภาให้เพื่อนมาดักทาง
ส่วนธีรดนย์กำลังซักชนกชนม์
“ว่าไงชนม์...นายเห็นสุรัมภาไหม”
“ภาออกไปคุยกับนิกกี้เมื่อกี้นี้เอง” ชนกชนม์บอก
สุตาภัญร้อนใจ “ไปคุยที่ไหน”
“ข้างนอกร้าน เดี๋ยวคงกลับมา” ชนกชนม์นึกสงสัย “มีเรื่องอะไรกันรึเปล่า”
ชนกชนม์มองอย่างสงสัย สุตาภัญไม่กล้าเล่าความจริงเรื่องน้องสาวคลั่งชนกชนม์อย่างหนัก
“ไม่มีอะไร...ฉันไปก่อนนะ”
สุตาภัญเดินออกไป ธีรดนย์จะตามไป โจเข้ามาเรียก
“เฮ้ยธี...ถึงคิวขึ้นร้องแล้ว” แล้วโจก็เดินออกไป ธีรดนย์อยากไปช่วยสุตาภัญ แต่ไปไม่ได้ หันมาบอกชนกชนม์
“ฉันฝากช่วยดูอย่าให้ยัยนิกกี้ก่อเรื่องอีก! แล้วก็ฝากดูแลแฟนฉันด้วย”
ชนกชนม์เจ็บปวดใจที่ธีรดนย์แสดงตัวเป็นแฟนสุตาภัญ ฝืนยิ้มให้ แล้วเดินตามสุตาภัญออกไป
ธีรดนย์มองตาม เป็นห่วงทั้งสุตาภัญและสุรัมภา
ขณะที่สุตาภัญกำลังรีบเดินออกไปหลังร้าน ชยางกูรเหลียวไปเห็นสุตาภัญก็ดีใจ จะตามออกไป ถูกนานาคว้าตัวไว้
“กูรจะไปไหน”
“ไปหาผู้หญิงของฉัน” ชยางสะบัดนานาออกอย่างไม่ไยดี
“กูรพูดงี้ได้ไง.. นานาเป็นแฟนกูร”
ชยางกูรย้อนเอา ด่าแสบ “ผู้หญิงที่มานอนเพราะอยากได้เงินอยากได้โทรศัพท์ เขาไม่เรียกว่าแฟน”
ชยางกูรเดินออกไป เพทายและปอนตามออกไป นานากรี๊ดลั่นไม่พอใจที่ถูกชยางกูรทิ้ง
ฝ่ายชนิกานต์หันไปสั่งสุรัมภาหน้าดุดัน
“บอกให้เพื่อนเธอออกไป”
สุรัมภานิ่ง จนพลอยถาม
“ตบสั่งสอนมันเลยไหม? เอาไงยัยภา”
ชนิกานต์หันไปมองสุรัมภา อยากรู้ว่าสุรัมภาตัดสินใจยังไง
“แล้วแต่พวกเธอ”
ชนิกานต์ตกใจที่สุรัมภาจงใจให้เพื่อนๆทำร้ายตัวเอง ชนิกานต์จะเดินออกไป พลอยและเจนเข้ามาตบก่อน ชนิกานต์ไม่พอใจ ตบสู้ ทั้งสามรุมตบตีกัน สุรัมภายืนมอง ด้วยความสะใจและแค้นใจที่ชนิกานต์แย่งชิงคนรักไปจากเธอ
สุตาภัญวิ่งเข้ามาเห็นเหตุการณ์
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
สุตาภัญจะเข้าไปช่วยชนิกานต์ แต่ถูกสุรัมภาดึงตัวไว้
“เรื่องนี้พี่ตาไม่เกี่ยว”
สุตาภัญตกใจมาก “ภา...ภาทำอะไรลงไปรู้ตัวรึเปล่า...” แล้วหันตะโกนห้ามพลอยกับเจน “ฉันบอกให้หยุด”
พลอยกับเจนไม่ฟัง รุมตบตีชนิกานต์ต่อ ชนิกานต์พยายามสู้ แต่สู้แรงทั้งสองไม่ได้..
“ภาปล่อยพี่”
“เราไม่ใช่พี่น้องกัน...ไม่ต้องมายุ่ง!”
สุรัมภาผลักสุตาภัญออกไป ชนกชนม์วิ่งเข้ามาประคองสุตาภัญไว้ทัน
“นี่มันอะไรกัน หยุดได้แล้ว”
ชนกชนม์ปราดเข้ามาตะโกนห้าม แล้ววิ่งเข้าไปช่วยชนิกานต์ พลอยกับเจนถอยออกห่าง
“โทร.เรียกตำรวจมาจับตัวพวกมันให้หมด..นิกกี้ไม่ยอมโดนตบฟรี” ชนิกานต์ประกาศกร้าว
พลอยกับเจนตกใจกลัว รีบวิ่งหนีออกไป
“ภา..บอกพี่มา...เกิดเรื่องอะไรกัน”
สุตาภัญถาม สุรัมภาไม่กล้าบอกความจริง กลัวชนกชนม์ไม่รัก
“ภาไม่รู้เรื่อง”
ชนิกานต์พูดใส่หน้า “บอกความจริงไปสิ ว่าเธออกหักจากชนกชนม์ แล้วเอาเพื่อนมารุมตบฉัน”
สุตาภัญและชนกชนม์รู้ความจริงก็ตกใจ
“ภาทำอย่างนี้ได้ยังไง” สุตาภัญแทบช็อก
“ไม่จริงใช่ไหมภา”
ชนกชนม์จ้องหน้าคาดคั้นความจริงจากสุรัมภา
“ภาไม่รู้เรื่อง” สุรัมภาตกใจวิ่งหนีไป
ชนกชนม์หันมาบอกสุตาภัญ “เธอดูแลนิกกี้ ฉันจะไปคุยกับภาเอง”
จากนั้นชนกชนม์รีบวิ่งตามสุรัมภาไป สุตาภัญเข้ามาดูชนิกานต์ ทั้งทีเป็นห่วงน้องสาวมาก
ชยางกูรมองไปที่สุรัมภาวิ่งผ่านหน้าไป แล้วพยักหน้าบอกเพทายอย่างรู้กัน
“แกชอบกระดูกอ่อน...ไปจัดการซะ”
เพทายยิ้มย่องแล้วเดินออกไป ปอนตามไปด้วย
ชยางกูรมองไปทางสุตาภัญ คิดหาทางจัดการกับสุตาภัญให้ได้
สุรัมภาวิ่งเตลิดออกมาทางหน้าผับ ชนกชนม์วิ่งตามเข้ามาขวางไว้..
“ภาทำอย่างนี้ไม่น่ารักเลย”
สุรัมภาสวนกลับ “แล้วภาต้องทำยังไงพี่ชนกชนม์ถึงจะรักภา”
ชนกชนม์อึ้ง ไม่คิดว่าสุรัมภารักเขาและจะพูดออกมาขนาดนี้ สุรัมภาโผเข้ามากอดชนกชนม์เต็มรัก ชนกชนม์ตกใจ
“กอดภาสิ จูบภาสิ” สุรัมภาบอก
“อย่าภา”
“พี่ชนกชนม์ไม่ชอบเหรอคะ”
“ความรักกับความใคร่มันคนละเรื่องกัน”
ชนกชนม์เอามือดันตัวสุรัมภาออก สุรัมภาผิดหวังและเสียใจ
“แล้วพี่มาทำดีกับภาทำไม”
“พี่เห็นว่าภาเป็นน้องที่น่ารัก พี่ไม่เคยคิดกับภามากกว่าคำว่าน้อง”
“ได้ค่ะ..ในเมื่อพี่เห็นภาเป็นแค่น้อง ยังมีผู้ชายอีกมากเห็นภาเป็นมากกว่านั้น” เด็กสาวจะกลับเข้าไปในผับ
“การประชดไม่ช่วยอะไรหรอก นอกจากทำให้ภาเสียใจอย่าทำร้ายตัวเองด้วยวิธีนี้เลย ภาเป็นคนมีค่า ต้องมีสักคนที่รักภาอย่างที่ภาเป็น”
สุรัมภาหัวใจสลายมองหน้าชนกชนม์ร้องไห้ “แต่ไม่ใช่พี่”
ชนกชนม์เช็ดน้ำตาให้ “เราเป็นพี่น้องกันเถอะ”
สุรัมภาปัดมือชนกชนม์ออก “ในชีวิตนี้ภารักใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากพี่ชนกชนม์!”
สุรัมภาวิ่งหนีออกไปทางด้านหน้าผับ ชนกชนม์เป็นห่วงจะตามไป ชนิกานต์เข้ามาจับตัวไว้
“ไม่ต้องไปสนใจเด็กสติแตกบ้าบอ”
สุตาภัญร้อนใจ “ภาไปไหนแล้ว”
“วิ่งไปด้านหน้า”
“ตา..เธอรีบลากตัวน้องเธอกลับบ้านไปสั่งสอนซะ อย่าให้มาระรานฉันอีก ไม่งั้นฉันเอาเรื่องแน่”
สุตาภัญรีบวิ่งตามสุรัมภาออกไป ชนกชนม์มองตามด้วยความเป็นห่วง
“กลับกันเถอะค่ะ”
ชนกชนม์ละล้าละลังเป็นห่วงสุตาภัญและสุรัมภา ขณะถูกชนิกานต์ลากชนกชนม์ไปที่รถ
สุรัมภาวิ่งหนีมาเจอเพทายเข้า
“ผู้ชายงี่เง่ามันไม่เห็นค่าเธอ...แต่เธอมีค่าสำหรับฉัน”
สุรัมภากลัวเพทาย จะหนีไปอีกทาง เจอปอนดักทางไว้
“พวกแกทำอะไร”
สุรัมภากลัวเพทายและปอน เพทายฉวยจังหวะเข้ามาต่อยท้องสุรัมภาจนจุกตัวงอเป็นกุ้ง
“ขอโทษนะที่ทำให้เธอเจ็บ แล้วฉันจะไถ่โทษทำให้เธอมีความสุขทั้งคืน”
เพทายอุ้มสุรัมภาไปที่รถ
ฝ่ายสุตาภัญวิ่งตามหาสุรัมภา จู่ๆ รถชยางกูรวิ่งเข้ามาเทียบสุตาภัญ
“ฉันเห็นแก๊งวัยรุ่นอุ้มตัวน้องเธอออกไป”
สุตาภัญตกใจ “ภา”
“ขึ้นรถเร็ว”
สุตาภัญไม่ยอมขึ้นรถชยางกูร ตัดสินใจวิ่งไปที่ถนน เพื่อรอเรียกแท็กซี่ ชยางกูรไม่พอใจที่สุตาภัญไม่ยอมขึ้นรถกับตน
ด้านชนิกานต์เดินมาที่รถกับชนกชนม์ ยังต่อว่าสุตาภัญไม่เลิก
“สุตาภัญตามใจน้องมากไป ยัยภาถึงเอาแต่ใจไร้สติ”
ชนกชนม์เปิดประตูรถฝั่งคนขับให้ชนิกานต์ ชนิกานต์เข้าไปนั่ง
“ถึงบ้านแล้วโทรบอกฉันนะ”
ชนกชนม์ปิดประตูรถ แล้วรีบวิ่งออกไป ชนิกานต์ตะโกนไล่ตามหลัง
“แฟนจะไปไหน”
ธีรดนย์วิ่งออกมายืนมองที่มุมหนึ่ง แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ขณะที่สุตาภัญยืนโบกเรียกแท็กซี่ แต่แท็กซี่ไม่จอดสักคัน ชยางกูรขับรถเข้ามาเทียบ เร่งเร้าสุตาภัญ
“ไปกับฉัน.. เดี๋ยวตามไปไม่ทันหรอก”
สุตาภัญกังวลใจ ตัดสินใจขึ้นรถ ชยางกูรยิ้มพอใจ แล้วขับรถออกไป ชนกชนม์วิ่งมาเห็นสุตาภัญอยู่ในรถชยางกูรก็ตกใจเป็นห่วง
“ชยางกูร”
ธีรดนย์วิ่งเข้ามาหาคาดคั้นเอากับชนกชนม์
“นายปล่อยให้ตาไปกับน้องนายได้ไง? มันพาตาไปไหน”
“ฉันไม่รู้จริงๆ รีบตามไปเถอะ”
ชนกชนม์และธีรดนย์รีบไป เพื่อช่วยกันตามหาสุตาภัญ
ทางด้านเพทายกับปอนเลี้ยวรถเข้าโรงแรมละแวกนั้น ขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น 7 แล้วไขกุญแจเปิดประตูเข้าห้องที่เปิดเตรียมไว้แล้ว เพทายอุ้มร่างไร้สติของสุรัมภา มาวางลงบนเตียง ปอนซึ่งตามเข้ามาในห้อง ถอดเสื้อออกทันทีเตรียมจัดการ เพทายหันไปเห็นก็โวยวาย
“มึงทำอะไร”
“สนุกด้วยกันไง” ปอนยิ้มหื่นแล้วถอดเสื้อต่อ
เพทายไม่ยอม “ตามคิวเว้ย”
“เสียเวลา...แซนด์วิชเลยดีกว่า”
ปอนถอดเสื้อโยนลงบนเตียง เพทายหยิบเสื้อซัดใส่หน้าปอน
“กูไม่ชอบกินแซนด์วิช”
ปอนเซ็งถือเสื้อเดินออกไปจากห้อง ตะโกนกลับมา
“เร็วๆ นะเว้ย”
เพทายหันกลับไปมองสุรัมภาที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ยิ้มย่อง
“แจ๊คพ๊อตได้ของดีแบ่งได้ไงวะ”
สุรัมภานอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง
ชยางกูรขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถโรงแรม สุตาภัญเปิดประตูออกมามองหาสุรัมภาชยางกูรเปิดมาแล้วชี้ไปที่รถคันหนึ่ง
“นั่นไงรถพวกมัน”
สุตาภัญหยิบโทรศัพท์กดแจ้ง 191 อย่างร้อนใจ
“คุณตำรวจคะ..น้องฉันสาว...”
ชยางกูรตกใจแย่งไม่คิดว่าสุตาภัญจะแจ้งตำรวจ จึงแย่งโทรศัพท์มาตัดสายทันที
สุตาภัญโมโห “นายทำอะไร ฉันจะเรียกตำรวจมาช่วยภาแล้วจับพวกมัน”
“เธออยากให้น้องเธอตกเป็นข่าว ให้พ่อแม่รู้เรื่องนี้รึไง”
สุตาภัญอึ้ง ลืมคิดถึงเรื่องนี้ ในที่สุดก็ยอม ชยางกูรส่งโทรศัพท์คืนให้สุตาภัญ
“รีบเข้าไปช่วยเร็ว”
ชยางกูรนำวิ่งเข้าไปในโรงแรม สุตาภัญวิ่งตามไป
ด้านสุรัมภายังคงนอนไม่ได้สติ มือเพทายลูบไล้ที่ใบหน้า สูดหอมดอมดมกลิ่นกายสุรัมภา
“ของสดของดี มันหอมน่ากินจริงๆ”
เพทายถอดเสื้อตัวเองออก
“เธอเองก็คงอยากกินของอร่อย”
เพทายคว้าผ้าขนหนู เดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ
สุรัมภานอนไม่ได้สติอยู่อย่างนั้น
สุตาภัญวิ่งตามชยางกูรไปที่เคาเตอร์ด้วยความกังวลใจ
“เมื่อกี้วัยรุ่นสองคนพาผู้หญิงมาเปิดห้องไหน”
พนักงานโกหก “ตั้งแต่หัวค่ำยังไม่มีใครเปิดห้องเลย”
ชยางกูรตะคอกใส่ “ฉันไล่ตามพวกมันมา แกอยากตายรึไง”
ชยางกูรกระชากคอเสื้อพนักงานอย่างแรง พนักงานตกใจ..เอามือจับมือชยางกูรไว้
“กุญแจห้อง” ชยางกูรสั่ง
พนักงานรีบส่งกุญแจให้ “นี่ครับ กุญแจสำรอง อยู่ชั้นเจ็ดผมพาไป”
ชยางกูรรับกุญแจ “ไม่ต้อง”
สุตาภัญเร่ง “รีบไปเร็ว”
ชยางกูรวิ่งนำสุตาภัญเพื่อขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นเจ็ด จังหวะนั้นมีแท็กซี่อีกคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดหน้าโรงแรม
โปรดติดตาม "ลูกไม้หลากสี" ตอนที่ 6