ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 3
ตรงมุมหนึ่งในห้างสรรพสินค้า กฤติยากำลังโทร.หาสุรเดช แต่สุรเดชไม่ยอมรับสาย กฤติยาชักหงุดหงิด
“มัวทำอะไรอยู่นะ ไม่รับสาย”
สุรเดชวิ่งมาเจอกฤตา จะลากกฤติยาออกไป
“ไปเร็ว”
“ไปไหนล่ะ? แกบอกว่าเลี้ยงปิ้งย่างไง”
“ค่อยกินวันหน้า...วันนี้พี่จะโดนเผานั่งยางอยู่แล้ว”
กฤติยามองไปเห็นพวกชยางกูรกำลังวิ่งเข้ามา
สุรเดชตกใจ “ไม่ทันแล้ว...เคลียร์ทางให้พี่ด้วย”
สุรเดชชิ่งหลบไปที่มุมหนึ่ง พวกชยางกูรวิ่งมาเจอกฤติยาก็จำได้ กฤติยาบอกให้หยุด
“พวกนายจะไปไหน? ตามหาสุรเดชใช่มั้ย” กฤติยาถาม
“ไม่ต้องมาดักทางถ่วงเวลา ฉันจะกระทืบมัน ไม่อยากเจ็บตัวก็หลบไป”
ชยางกูรผลักกฤติยาให้หลบทาง แล้วจะวิ่งไป
กฤติยาตะโกนบอก “หาให้ตายก็ไม่เจอหรอก..มันอยู่นี่”
กฤติยาชี้ไปที่ซ่อนตัวของสุรเดช สุรเดชตกใจโผล่หน้าขึ้นมาจากที่ซ่อน
“น้องยาฆ่าพี่”
พวกชยางกูรหันกลับ วิ่งไล่สุรเดช สุรเดชวิ่งหนีต่อไป กฤติยามองตาม คิดอะไรบางอย่าง
ด้านชลนิภากำลังเยาะเย้ยนัชชา
“เด็กจะดีได้ เพราะได้รับการสั่งสอนที่ดี เธอคอยดูแล้วกัน ลูกชยางกูรของฉันจะต้องเด่นดัง!”
นัชชามองไปที่มุมหนึ่ง เห็นชยางกูรยกพวกไล่ตีสุรเดช
“คงจะจริงอย่างที่คุณพูด...เด่นดังในทางที่เลว!”
ชลนิภาเห็นพวกชยางกูรไล่ตีสุรเดชก็ตกใจ “ลูกกูร....เกิดอะไรขึ้น”
นัชชาเย้ยกลับ “ภาพมันฟ้องอยู่แล้วนี่คะ..เด็กหนีเรียนยกพวกตีกัน”
ชลนิภาเสียหน้าและเป็นห่วงชยางกูร รีบตามชยางกูร...ธนกรตามไปด้วย
นัชชาหันมาบอกวีรภัทร “ฉันคิดว่าคุณควรเลิกยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวนี้ได้แล้ว”
ทันใดนั้น นิธิก็เรียกชื่อชนกชนม์ขึ้นมา
“พี่ชนกชนม์”
ชนกชนม์กำลังวิ่งตามไปช่วยสุรเดช
วีรภัทรเห็นรีบบอกนัชชา “คุณกับลูกรอที่นี่ก่อน ผมจะรีบกลับมา”
“คุณวีรภัทร!” นัชชาจะร้องห้าม แต่วีรภัทรวิ่งออกไปแล้ว “เมื่อไหร่ฉันจะหมดเวรหมดกรรมกับครอบครัวนี้สักที”
ชยางกูรวิ่งนำมาหยุดที่ลานจอดรถ ดูเหมือนชยางกูรมั่นใจว่าสุรเดชวิ่งมาหลบที่นี่
“ไอ้ลูกหมา.. ออกมาสิวะ...หลบหัวแบบนี้เขาเรียกไอ้หน้าตัวเมีย”
สุรเดชหลบที่หลังเสา ตรงรถคันหนึ่ง
สุรเดชพูดกับตัวเอง “กูยอมเป็นตัวเมียดีกว่าออกไปเป็นควายให้พวกมึงกระทืบเว้ย”
ชยางกูรและพวกเพทายเดินมองหาต่อ
สุรเดชยืนมองพวกชยางกูรไม่ละสายตา แต่แล้วก็มีมือใครคนหนึ่งมาดึงตัวสุรเดชไป สุรเดชตกใจจะต่อยสู้ ชนกชนม์เอามือปิดปาก
“ฉันเอง”
สุรเดชหงุดหงิด “ไอ้เชี่ย ทำเอาเกือบฉี่แตก”
ชยางกูรและพวกเพทายมองหา จังหวะหนึ่งชยางกูรมองไปที่ซ่อนตัวของสุรเดช มั่นใจว่าสุรเดชหลบอยู่ที่นั่น!
สุรเดชใจเสีย “เฮ้ย มันรู้แล้ว..เอาไงดี”
ชนกชนม์บอก “สู้อย่างลูกผู้ชาย”
สุรเดชควักมีดออกมา ชนกชนม์แย่ง เอามาเก็บไว้
“ลูกผู้ชาย ไม่ใช่โจร”
พลางชนกชนม์ลากตัวสุรเดชออกจากที่ซ่อนไป
“เฮ้ย พากูไปตายนี่หว่า!” สุรเดชโวยลั่น
ชยางกูรและพวกเพทายยืนสลอน ชนกชนม์เดินตรงเข้ามาหา สุรเดชใจสั่นแต่ก็ทำทีใจดีสู้ ชนกชนม์เดินตรงมาหยุดประจันหน้ากับพวกชยางกูร
“ส่งตัวมันมา” ชยางกูรสั่ง
“เพื่อนฉันทำผิด แต่ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเกินให้อภัย ฉันจะลบคลิปนั้นทิ้ง” ชนกชนม์บอกสุรเดช “เอามือถือมา”
สุรเดชเสียดายไม่อยากให้ลบ แต่หันไปเห็นพวกชยางกูรมองมาอย่างโกรธแค้น สุรเดชรีบส่งให้ชนกชนม์ทันที
ด้านสุตาภัญช่วยเพื่อนๆ เก็บของ แล้วมองเห็นถุงใส่เสื้อผ้าที่ชนกชนม์ซื้อให้แม่ สุตาภัญคิดอะไรบางอย่าง
เวลาเดียวกัน ที่ลานจอดรถชนกชนม์ลบคลิปออกหมด แล้วบอกชยางกูร
“ฉันลบหมดแล้ว...ขอให้เรื่องจบแค่นี้”
สุรเดชพูดดีๆ กับชยางกูร
“ฉันมีคลิปหนังเป็นร้อย.. เอามั้ย...ญี่ปุ่นเกาหลี”
ชนกชนม์ไม่พอใจที่สุรเดชยังมัวพูดเล่นลากตัวสุรเดชออกไป
“ไปได้แล้ว”
ชนกชนม์จะพาสุรเดชออกไป ชยางกูรพูดขึ้นมา
“ฉันจะมั่นใจได้ไงว่าแกลบหมดแล้ว”
“ลูกเทวดาโกหกใครไม่เป็น...เอาไปดูได้เลยน้องชาย”
สุรเดชส่งมือถือให้ชยางกูรเอาไปดู ชยางกูรรับมา แต่ไม่เปิดดู ทิ้งมือถือลงพื้น
“เฮ้ย” สุรเดชโมโห
ชยางกูรกระทืบมือถืออีกต่างหาก ชนกชนม์ไม่พอใจนัก ชยางกูรกระทืบด้วยความสะใจ
สุรเดชทะยานเข้ามาผลักชยางกูร ก้มเก็บซากมือถือ “ไอ้เชี๊ย แม่กูซื้อให้ มึงทำลายของของแม่กู”
สุรเดชพุ่งเข้าต่อยชยางกูรทันที ชนกชนม์จะห้ามไว้แต่ไม่ทัน....
ชยางกูรสั่งลูกน้อง “เอามันให้ตาย”
เพทายและเพื่อนชยางกูร พุ่งเข้าต่อยสุรเดช ชนกชนม์เห็นก็ทนไม่ได้เข้าไปช่วยสุรเดชทันทีจากนั้นก็ เกิดการตะลุมบอนเป็นสองกลุ่ม
สุรเดชต่อยกับชยางกูรและเพื่อน ส่วนชนกชนม์ต่อยตีกับเพทาย
สุตาภัญวิ่งมาที่มุมหนึ่งภายในห้างสรรพสินค้า พร้อมกับมองหาชนกชนม์ ในมือถือถุงใส่เสื้อของชนกชนม์ที่ซื้อไปให้ชลนิภามาด้วย
ส่วนชนกชนม์กำลังต่อยตีอยู่กับเพทาย ส่วนชยางกูรเข้าต่อยสุรเดช แต่ถูกสุรเดชต่อยหน้าชยางกูร เพื่อนชยางกูรวิ่งเข้ามารุมสุรเดช สุรเดชสู้เต็มที่
ชนกชนม์ต่อยกับเพทาย และฝีมือเหนือกว่าเพทายมาก เพทายทำท่าจะแพ้แล้ว เขาควักมีดออกมาสู้ ชนกชนม์ตกใจ
ชลนิภาวิ่งมองหาชยางกูร ใจสั่นด้วยความเป็นห่วงลูกชาย
“ชยางกูร”
ธนกรวิ่งเข้ามาสมทบ
“ผมจะบอกให้รปภ. รีบไประงับเหตุ คุณรออยู่ตรงนี้ดีกว่า”
ธนกรรีบวิ่งออกไปเลย ชลนิภาอดเป็นห่วงชยางกูรไม่ได้ รีบวิ่งออกตามหาต่อไป
ส่วนที่ลานจอดรถฉากตะลุมบอนยังคงดำเนินต่อไป สุรเดชต่อยตีกับชยางกูร กำลังเป็นต่อจะเข้าไปซ้ำ เพื่อนชยางกูร 2 คนเข้ามารุมสุรเดช จนสุรเดชเสียท่า ล้มลงกับพื้น ชยางกูรเดินตรงเข้ามาจะซ้ำให้หมอบ
“คดีเก่ายังเคลียร์ไม่จบ ยังหาเรื่องอีก แกมันเกิดมาหาตีนจริงๆ ได้..ฉันจัดให้”
ชยางกูรจะเข้าไปกระทืบ สุรเดชชักมีดออกมา ชยางกูรผงะถอยกรูด เพื่อนชยางกูรเห็นจึงชักมีดออกมาทั้งสองคน สุรเดชหน้าเสีย ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
สุรเดชรีบปะเหลาะชยางกูร “เอ่อ..ชยางกูรน้องรัก..ความจริงแล้วมือถือนั่นแม่พี่ไม่ได้ซื้อให้ พี่ซื้อเอง หายโกรธแล้ว ไม่เอาเรื่องด้วย มีดนี่ก็ของปลอม เอาไว้ขู่แย่งไอติมเด็ก” จอมกะล่อนทิ้งมีดในมือ “เราจบนะ” แล้วหันหลังจะเดินออกไป
“ก่อนจบก็ต้องเจ็บ” ชยางกูรกระโดดถีบเต็มแรงจนสุรเดชล้มลง
สุรเดชร้อง “โอ๊ย”
ก๊วนเพื่อนชยางกูรดึงตัวสุรเดชขึ้นมาประจันหน้ากับชยางกูร ขณะที่ชยางกูรขยับเข้าไปกระชากสร้อยป้ายเหล็กเขียนคำว่า “ลูกเทวดา” ที่คอมา
สุรเดชตะโกนก้อง “เอาป้ายกูคืนมา”
ชยางกูรอ่านข้อความที่ป้าย “ลูกเทวดา...น้ำหน้าอย่างแกเป็นได้แค่แก๊งลูกหมา!”
สุรเดชโกรธจัด “หยามกันมากไปแล้ว”
สุรเดชดิ้นจนหลุด พวกชยางกูรจะตามเข้ามาจับตัวอีก สุรเดชทำทีเอื้อมมือไปด้านหลัง เหมือนจะชักปืน
“อยากเป็นไข้โป้งเข้ามาสิวะ”
พวกชยางกูรตกใจ ผงะหยุดกึห สุรเดชชักปืนออกมาแต่ไม่มีปืนจริง สุรเดชทำมือเป็นปืน
“ปัง ปัง ปัง พวกแกหลอกง่ายว่ะ ฮะฮาฮ่า” สุรเดชฉวยโอกาสวิ่งหนีไป
ชยางกูรโกรธมาก ตะโกนก้อง “จับมันให้ได้”
ด้านเพทายถือมีดพุ่งเข้าแทงชนกชนม์ ชนกชนม์ฉากหลบแล้วต่อสู้กับเพทาย จังหวะนั้นชนกชนม์หันไป เห็นพวกชยางกูรวิ่งไล่แทงสุรเดชก็ตกใจ เป็นห่วงเพื่อน
“ไอ้เดช”
ชนกชนม์ทำท่าจะวิ่งไปช่วยสุรเดช แต่เพทายพุ่งเข้ามาแทง ชนกชนม์จึงต้องหลบ แล้วต่อยเตะต่อสู้กับเพทาย
สุรเดชวิ่งหนีที่อีกมุมตรงลานจอดรถ แต่ถูกเพื่อนของชยางกูร 4-5 คน วิ่งดักทาง จะวิ่งกลับทางเก่าก็เจอชยางกูร สุรเดชตกอยู่ในวงล้อมของพวกชยางกูร
สุรเดชทำเป็นพูดดีด้วย “โอ้โห...ส่งคนมาอารักขาล้อมหน้าล้อมหลังยังกะพี่เป็นนายกแน่ะ.....ขำมั้ย?”
พวกชยางกูรมองหน้าเครียด
สุรเดชยิ้มแหยๆ “ไม่ขำ”
“เก็บมุกไว้เล่นในนรกเถอะ”
ชยางกูรคำรามพร้อมกับหยิบมีดพก ดีดปลายมีดขึ้นมาจะเข้ามาทำร้ายสุรเดช จนสุรเดชหน้าเสีย
แต่แล้ว จู่ๆ ก็มีเสียงรถมอเตอร์ไซค์แต่ง ดังกระหึ่มทั่วลานจอดรถ
ส่วนเพทายกำลังจะพุ่งเข้าแทงชนกชนม์ ก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์วิ่งเข้ามาหลายคันเพทายตกใจ ขณะที่ชนกชนม์ยิ้มดีใจ รู้ทันทีว่าก๊วนเพื่อนๆมาช่วย
สุรเดชเองก็กำลังหัวเราะชอบใจ บอกใส่หน้าพวกชยางกูร
“เหล่าเทวดามาช่วยแล้วเว้ยเฮ้ย”
รถมอเตอร์ไซค์ สี่ห้าคันวิ่งเข้ามา วิ่งวนรอบๆ พวกชยางกูร คุมเชิง
พวกชยางกูรหน้าเสีย ตกอยู่ในวงล้อมพวกสุรเดช
เวลาเดียวกันนั้น ในอีกมุมหนึ่งของลานจอดรถ กฤติยายิ้มพอใจที่เพื่อนๆ มาช่วยสุรเดชได้ทัน หลังจากเธอโทร.ไปขอความช่วยเหลือ
สุรเดชตะโกนเย้ยชยางกูร “เข้ามาสิวะ ไอ้หมาหมู่”
พวกชยางกูรใจเสีย..ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ทางด้านชลนิภาวิ่งตามหาชยางกูรออกมาที่ลานจอดรถแล้ว
“ชยางกูร”
ชลนิภาห่วงชยางกูรวิ่งไม่ทันระวัง จนสะดุดทำท่าจะหกล้ม แต่วีรภัทรเข้ามาดึงคว้าตัวชลนิภาไว้ทันด้วยความเป็นห่วง
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
ชลนิภาเห็นว่าเป็นวีรภัทรไม่พอใจ ผลักตัวอดีตสามีออก
“ไม่ต้องยุ่งกับฉัน”
ชลนิภาผลักวีรภัทร แต่ยังเจ็บข้อเท้าอยู่ จึงซวนเซจะล้ม วีรภัทรเข้ามาประคองไว้
“เจ็บก็อย่าฝืนน่า ผมช่วยเอง”
วีรภัทรประคองชลนิภาออกไป ชลนิภาไม่พอใจนัก แต่จำต้องให้วีรภัทรช่วย เพราะเธอปวดข้อเท้า
นัชชากับนิธิตามออกมายืนมอง เห็นภาพวีรภัทรประคองชลนิภา นัชชาไม่พอใจ
ส่วนชนกชนม์ต่อยเพทายจนมีดในมือเพทายตกลงที่พื้น ชนกชนม์เข้าต่อยจนเพทายล้มลงไปกับพื้น..ชนกชนม์คว้ามีดเพทาย ทำท่าจะแทง
จังหวะนั้นเองสุตาภัญวิ่งมาหยุดที่มุมหนึ่ง ร้องตะโกนบอกชนกชนม์
“อย่านะ”
ชนกชนม์หันไปยิ้มให้สุตาภัญ ทิ้งมีดลง แล้วหันมาพูดกับเพทาย
“ลูกผู้ชายตัวจริง เขาไม่ทำร้ายคนไม่มีทางสู้หรอก”
ชนกชนม์เดินกลับไปหาสุตาภัญ
“ฉันแค่ป้องกันตัวเท่านั้น”
แต่แล้วเพทายกลับคว้ามีดที่พื้นจะวิ่งไปแทงชนกชนม์ที่ด้านหลัง สุตาภัญเห็นก็ตกใจร้องลั่น
“ชนกชนม์”
เพทายจะพุ่งเข้าแทงแล้ว ชนกชนม์พลิกตัว หันกลับมาล็อคตัวเพทาย พร้อมกับดึงมีดในมือเพทายมาได้ก่อนจะด่า
“คิดเป็นนักเลงอย่าทำตัวหมาลอบกัด”
ชนกชนม์ศอกและต่อยเพทายทรุดลงกองกับพื้น...
“รีบไปจากที่นี่เถอะ” สุตาภัญบอก
ชนกชนม์ยังเป็นห่วงสุรเดชและชยางกูร “ไอ้เดช กับชยางกูร…”
ชนกชนม์รีบวิ่งไปหาพวกสุรเดช สุตาภัญวิ่งตามไป
สุรเดชเตะต่อยชยางกูรอย่างสะใจ ส่วนด้านหลัง เพื่อนสุรเดชเข้าไปรุมเพื่อนชยางกูร 5 ต่อ 2 สุรเดชถีบชยางกูรเต็มแรง จนเซไปชนกับเพื่อนๆ ตัวเอง
ทั้งสามหมดแรงและตกอยู่ในวงล้อมพวกสุรเดช สุรเดชเดินตรงมากระชากตัวชยางกูรขึ้นมาประจันหน้า
“แกกล้ามากที่ด่าหัวหน้าลูกเทวดาเป็นไอ้ลูกหมา” สุรเดชต่อยชยางกูรอีกหนึ่งหมัด “แต่ลูกเทวดาไม่ทำร้ายคนอ่อนแอกว่า...ถอนคำพูดซะ”
ชยางกูรจ้องหน้า ไม่ยอมพูด
สุรเดชต่อยหน้าอีกที ขึ้นเสียงใส่ “กูบอกให้ถอน”
ชยางกูรจ้องมองสุรเดช แล้วถุยน้ำลายใส่หน้าสุรเดช
“ไอ้ลูกหมาขี้เรื้อน!”
พวกสุรเดชจะเข้ามาต่อยชยางกูร แต่สุรเดชยกมือห้ามไว้ มองหน้าชยางกูร แล้วยิ้มให้..จากนั้นก็รัวหมัดต่อยชยางกูรเป็นชุด จนร่างชยางกูรทรุดลงกองกับพื้น
สุรเดชชักมีดขึ้นมาจะแทง แต่หยุดค้างไว้ตรงกลางอก
“ถ้าไม่ใช่น้องเพื่อนฉัน แกตายไปนานแล้ว แต่ฉันปล่อยแกไปไม่ได้...กฎต้องเป็นกฎ” หันไปถามความเห็นเพื่อนๆ “ว่าไงครับเหล่าเทวดา”
เพื่อนสุรเดชท่องกฎอย่างพร้อมเพรียง “ใครหยามเกียรติลูกเทวดา มันต้องเจ็บ”
สุรเดชเอามีดวนอยู่ตรงหน้าชยางกูร “รอยแผลเป็นบนหน้า...มันจะเตือนให้แกระลึกไว้เสมอ...ว่าอย่าล้อเล่นกับลูกเทวดา”
สุรเดชจะเอามีดปาดหน้าชยางกูร แต่ชนกชนม์วิ่งเข้ามาคว้ามีดแล้วโยนมีดทิ้ง
“แค่นี้ชยางกูรก็เจ็บพอแล้ว...จบเรื่องเถอะ”
สุรเดชยิ้มให้ชนกชนม์ แต่เข้ามาผลักชนกชนม์ออก
“มันเล่นฉันเกือบตาย ฉันปล่อยไว้ไม่ได้”
สุรเดชจะเข้าไปทำร้ายชยางกูร ชนกชนม์เข้ามาขวางสุรเดช
“ไอ้เดช ถ้ายังคิดว่าฉันเป็นเพื่อนแก ฉันขอชีวิตน้องฉัน”
สุรเดชเดินตรงเข้ามาหาชนกชนม์ กระชากคอเสื้อ สองคนสู้สายตากัน
จังหวะนั้นสุตาภัญยืนมองที่มุมหนึ่ง ลุ้นระทึกว่าสุรเดชจะทำอย่างไร
สุรเดชกระซิบคุยกับชนกชนม์ “ฉันแกล้งขู่มันไปงั้นแหละ...แกจะได้เป็นฮีโร่ปกป้องมัน”
ชนกชนม์อึ้ง คาดไม่ถึงกับมุกของเพื่อนจอมกะล่อน
สุรเดชผลักอกชนกชนม์ แสร้งพูดโวยวาย “ก็ได้...ฉันยอมให้ทานชีวิตน้องแก เพราะแกเป็นเพื่อนรัก”
ชยางกูรฟังแล้วค่อยคลายความกังวลใจ สุรเดชเดินตรงมาชี้หน้าชยางกูร
“ต่อไปก็สำนึกในบุญคุณพี่แกบ้าง ไม่งั้นแกตายไปแล้ว”
สุรเดชเข้ามาค้นกระเป๋าชยางกูร แล้วแย่งมือถือไป
“คิดว่าทำตกส้วมแล้วกัน”
ชยางกูรโมโห “เอามือถือฉันคืนมา”
สุรเดชพูดด้วยท่าทางขึงขัง “ชดใช้ที่แกกระทืบของฉันพัง”
สุรเดชกดเปิดกล้องมือถือ แล้วถ่ายภาพคู่กับชยางกูร
“มีรูปใหม่อัพลงเฟสแล้วว่ะ...” สุรเดชมองดูภาพ “รุ่นนี้ถ่ายภาพชัดว่ะ ขอสักคลิป”
ว่าแล้วสุรเดชกดปุ่มเปิดถ่ายวิดีโอ...ร้องบอกเพื่อนๆ
“ฉลองหน่อยเว้ยเฮ้ย...” สุรเดชเป็นต้นเสียงร้องเพลง “ลูกเทวดา...”
บรรดาเพื่อนๆ สุรเดชต่างร้องเพลงลูกเทวดา...สุรเดชวิดีโอ
จังหวะนั้น รปภ.ห้างก็วิ่งเข้ามาเป่านกหวีดสั่งให้หยุด
“เฮ้ยหยุด”
สุรเดชหันไปเห็นก็ตกใจ ตะโกนบอกรปภ..
“ใครเข้ามาโดนระเบิดปิงปอง”
สุรเดชทำทีควักระเบิดจากกระเป๋า แล้วปาใส่ พวกรปภ.ตกใจ ก้มลงกับพื้น สุรเดชทำเสียงระเบิด
“ตู๊ม ตู๊ม ตู๊ม ฮะฮาฮ่า”
พวกสุรเดชต่างหัวเราะชอบใจ แล้วพากันวิ่งไปที่มอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ รปภ.วิ่งตาม
สุรเดชวิ่งไปที่มอเตอร์ไซค์...เพื่อนโยนกุญแจรถคันหนึ่งให้ สุรเดชวิ่งไปสตาร์ทรถ ยกล้อจะขี่ออกไป กฤติยาวิ่งเข้ามาขวาง สุรเดชยิ้มให้ กฤติยากระโดดขึ้นรถซ้อนท้าย สุรเดชขี่รถฝ่ารปภ.ออกไปได้ในที่สุด
ทางด้านชนกชนม์กำลังเข้าไปดูชยางกูร
“กูร..นายเป็นยังไงบ้าง”
ชยางกูรตวัดเสียงใส่ “ไม่ต้องยุ่งกับฉัน”
ว่าแล้วชยางกูรผลักชนกชนม์ออก พวกเพทายวิ่งเข้ามาหาชยางกูร
“รีบตามไปเล่นมันคืน ฉันจะให้พวกหาปืนให้”
ธนกรวิ่งเข้ามา ตะโกนเรียกชยางกูร
“ลูกกูร”
พอพวกเพทายหันไปเห็นธนกร ก็ตัดสินใจวิ่งออกไป ธนกรมองตามพวกเพทาย รู้ทันทีว่าเป็นพวกเด็กเกเร จึงรีบวิ่งไปดูชยางกูร
“ชนกชนม์ มันเกิดอะไรขึ้น”
“ไว้ผมเล่าให้ฟังครับ คุณอาพาน้องกลับก่อนเถอะครับ”
ชนกชนม์รีบวิ่งออกไป เพื่อตามหาสุตาภัญ
เวลาต่อมาสุตาภัญยื่นถุงใส่เสื้อผ้าให้ชนกชนม์
“นายลืมของ ฉันต้องไปแล้วล่ะ”
“กลับมหาลัย?” ชนกชนม์ถาม
“ใช่..ต้องไปถึงก่อนพ่อฉันมารับ” สุตาภัญมองนาฬิกา..กังวลใจ “ว้าย ไม่ทันแน่เลย”
สุตาภัญกังวลใจมาก ชนกชนม์นึกออก จึงคว้าข้อมือสุตาภัญวิ่งออกไป
ไม่นานหลังจากนั้นชนกชนม์ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าคณะนิเทศฯในมหาลัย สุตาภัญลงจากรถถือหมวกกันน็อคไว้ในมือ
“น่าจะทันแล้วล่ะ....ขอบใจมากนะ”
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบใจเธอ ที่เอาของมาให้ แถมยังเป็นห่วงฉัน” ชนกชนม์พูดอย่างจริงใจ “ไม่เคยมีใครเป็นห่วงฉันเหมือนเธอเลยนะ”
ชนกชนม์ยิ้มด้วยความจริงใจให้ สุตาภัญรู้สึกดี ยิ้มตอบ
“ฉันไปก่อนนะ”
สุตาภัญยิ้มให้ชนกชนม์ สุตาภัญหันไปมองที่หน้าคณะซึ่งห่างออกไป แล้วร้องออกมาอย่าง
“คุณพ่อ!”
สองคนมุมหนึ่งที่ห้างสรรพสินค้า วีรภัทรนวดเท้าให้ชลนิภาอยู่ แต่ถูกชลนิภาผลักออก
“พอได้แล้ว...” ชลนิภาควักเงินส่งให้ “นี่เป็นค่านวด...ฉันจะได้ไม่ตกเป็นหนี้บุญคุณ”
วีรภัทรเหนื่อยใจ “คุณชลนิภา..ถึงเราจะหย่าร้างกัน แต่เรายังเป็นเพื่อนกันได้”
“ไม่ได้..วันที่คุณก้าวออกไปจากชีวิตฉัน คุณได้กลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉัน....เราไม่มีความข้องเกี่ยวอะไรกันอีก”
“แต่คุณไม่มีวันตัดขาดความเป็นพ่อลูกของผมกับชนกชนม์ได้”
“มันจะยากอะไรคะ...ฉันนี่แหละ จะเป็นคนตัดสายสัมพันธ์นั้นเอง”
“ผมไม่ยอมคุณเด็ดขาด”
ชลนิภาจะเถียงกลับ...แต่หันไปเห็นธนกรประคองชยางกูรที่มุมหนึ่ง
“ลูกกูรของแม่”
ชลนิภารีบวิ่งไปหาชยางกูรอย่างห่วงใย แล้วพาชยางกูรออกไป
วีรภัทรมองชลนิภา กังวลใจที่อดีตภรรยายังคงโกรธแค้น และไม่ให้อภัย พอวีรภัทรหันกลับ เจอนัชชากับนิธิยืนอยู่..วีรภัทรเดินเข้าไปหา
“ชนกชนม์คงปลอดภัยแล้ว เรากลับกันเถอะ”
นัชชาตบหน้าฉาดใหญ่ “กลับไปดูแลเมียเก่าและลูกคุณซะ ฉันดูแลลูกได้” นัชชาจูงนิธิเดินออกไป
วีรภัทรตกใจ “คุณนัชชา”
ส่วนสุทินเดินตรงเข้ามาสุตาภัญ ถามทันทีน้ำเสียงขุ่น
“นายคนนี้เป็นใคร? ไม่ใช่เพื่อนลูก ทำไมถึงอยู่ด้วยกัน”
สุตาภัญอึ้ง ตั้งตัวไม่ติด
ชนกชนม์รู้สถานการณ์รีบทำเป็นโวยใส่สุตาภัญ “คุณจะอึ้งอีกนานไหม? จ่ายเงินค่ารถมาได้แล้ว”
สุตาภัญฉงน “ค่ารถ”
“เอ้า...ค่ามอ’ไซค์ไง อย่าคิดใช้ความสวยมาหลอกนั่งฟรี ขอโทษ.. ผมมีเมียแล้ว”
สุทินแปลกใจจ้องสุตาภัญเขม็ง “เธอไปไหนมา”
“เอ่อ..ร้านซีร๊อกที่คณะปิดค่ะ ตาออกไปถ่ายรายงาน” สุตาภัญควักเงินให้ชนกชนม์ “ค่ารถนาย” รีบหันมาบอกพ่อ “กลับบ้านเถอะค่ะ”
สุตาภัญจะออกไปกับสุทิน ชนกชนม์เรียกไว้อีก
“เดี๋ยวก่อนสิคุณ”
สุตาภัญหันมามองชนกชนม์ ประมาณว่ามีอะไรอีก เดี๋ยวฉันตายแน่
“หมวกผม...แหม...จ่ายสามสิบคิดแฮ้ปหมวกไปด้วย กะเอาคุ้มเลยนะคุณ เฮ้อ...นักศึกษาสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้จริงๆ”
สุตาภัญนึกได้ รีบคืนหมวกกันน๊อค...แล้วแอบแลบลิ้นใส่ชนกชนม์ แล้วหันกลับไปหาสุทิน
“ต่อไปห้ามนั่งมอเตอร์ไซค์อีก”
“ค่ะ”
สุทินพาสุตาภัญเดินข้ามถนนไปที่รถทันที สุตาภัญขึ้นรถ สุทินขึ้นทางฝั่งคนขับแล้วสตาร์ทเครื่องขับรถออกไปทันที
ชนกชนม์โบกมือลา สุตาภัญเห็นแอบโบกมือตอบ พอสุทินหันกลับมา เห็นชนกชนม์ทำทีเป็นเกาหัว...รถของสุทินวิ่งออกไป
ชนกชนม์ยิ้ม “จะเอาชนะใจพ่อตาได้ไหมเนี่ย” แล้วนึกได้ “พูดอะไรออกไป...เฟี้ยวเงาะว่ะ!”
ชนกชนม์ส่ายหน้าแล้วหัวเราะขำตัวเองอย่างอารมณ์ดี
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 3 (ต่อ)
ตอนเย็นวันนั้น ชนิกานต์ก้าวลงจากรถ เดินยิ้มหน้าบานเข้าไปในบ้าน ธีรดนย์ถือกระเป๋าตามมาส่งให้
“กระเป๋า”
ชนิกานต์หันมารับ แล้วยิ้มร่าขอบใจธีรดนย์
“ขอบใจนะ”
ธีรดนย์อึ้งที่ชนิกานต์ขอบใจตน
ชนิกานต์เดินยิ้มจะเข้าไปในบ้าน...ธีรดนย์พูดไล่หลัง
“วันนี้ฝนคงตกห่าใหญ่ แม่มดร้ายกลายร่างเป็นนางฟ้า”
ชนิกานต์พยายามเก็บอารมณ์ ยิ้มให้ “อย่ามาหาเรื่องฉันนะ คนกำลังมีความสุข ตกอยู่ในห้วงความรัก”
ธีรดนย์สวนขึ้น “รักกุ๊ย”
ชนิกานต์ไม่พอใจ “ชนกชนม์ไม่ใช่กุ๊ย เขาเป็นผู้ชายใจนักเลงต่างหาก”
“แล้วมันต่างจากอันธพาลตรงไหน? หาเรื่องตีกันได้ตลอดเวลา”
“อันธพาลคือพวกระรานคนอื่น แต่ชนกชนม์เขาปกป้องฉันและรักเพื่อนฝูง” ชนิกานต์เย้ยธีรดนย์ “พูดไปคนอย่างแกคงไม่เข้าใจหรอก เพราะแกมันใจปลาซิว”
ธีรดนย์ไม่พอใจ “เธอ”
ชนิกานต์จ้องหน้าขณะถาม “ถามจริงเหอะ ทำไมแกถึงไม่ชอบหน้าเขา...รึว่าแกหึงที่ฉันรักเขา”
ธีรดนย์อึ้ง “เลิกคิดเรื่องนั้นได้เลย เป็นตายร้ายดียังไง ฉันไม่หน้ามืดเอาเธอเป็นแฟน”
ชนิกานต์ย้อนกลับ “ฉันก็ไม่เอาแกเหมือนกัน...แล้วไม่ต้องหวังยัยตาด้วย ฉันจะเป็นกันชนขวางทางแกทุกทาง”
ชนิกานต์ยิ้มเย้ยแล้วเดินเข้าบ้าน ธีรดนย์มองด้วยความเจ็บใจ ตะโกนไล่หลัง
“วันไหนที่เธอผิดหวังรึเสียใจ ฉันจะเป็นคนซ้ำเติมให้เธอจมดิน”
ชนิกานต์เดินเข้ามาในบ้านตรงห้องโถง...พูดกับตัวเอง.
“ฝันไปเหอะ...คนอย่างชนิกานต์สะกดคำว่าเสียใจไม่เป็น”
ชนิกานต์ยิ้มเย้ย จะเดินตรงไป แต่ต้องหยุดกึก
“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ” กัณฐิกานั่นเอง
“แก” ชนิกานต์ไม่พอใจ
“หนูคงหิวแล้ว...วันนี้น้ากัณทำของอร่อยๆ ไว้ให้ทาน...มาสิจ๊ะ”
กัณฐิกาเชื้อเชิญชนิกานต์...ชนิกานต์ยืนมองท่าทางลังเล
ครู่ต่อมากัณฐิกายกอาหารวางเรียงไว้บนโต๊ะ ชนิกานต์เดินเข้ามา
“น้าแอบสืบความลับจากคุณพ่อว่าหนูชอบทานอะไร...น้าตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะ”
ชนิกานต์ยังยืนมองนิ่งๆ
“ถ้ากลัวไม่ถูกปาก ลองชิมก่อนก็ได้จ้ะ”
กัณฐิกาตักอาหารให้ชนิกานต์ชิม ชนิกานต์รับมา แล้วชิมอาหารโดยดี ชนิกานต์ยิ้มพอใจเล็กน้อย แล้วนั่งลง
กัณฐิกายิ้มพอใจ “น้าตักข้าวให้”
“ไม่ต้องค่ะ น้าทำอาหารให้กานต์ทานแล้ว กานต์ขอตอบแทน ตักข้าวให้น้าดีกว่า”
กัณฐิกายิ้มพอใจ คิดว่าชนิกานต์ยอมรับเธอแล้ว จึงส่งจานให้
ชนิกานต์ตักข้าวจากโถ ทำทีจะใส่จานของกัณฐิกา แต่กลับสาดใส่หน้ากัณฐิกาแทน
กัณฐิการ้อง “ว้าย”
“ได้ข้าวแล้วก็ต้องเติมกับด้วย”
ชนิกานต์คว้าจานอาหาร ใส่กับหน้ากัณฐิกาจังๆ กัณฐิกาตกใจร้องโวยวาย
“ว้าย”
“แกงนี้ก็อร่อยนะคุณน้า”
ชนิกานต์ราดแกงใส่หน้ากัณฐิกา จังหวะนั้นธีรดนย์วิ่งเข้ามาจับชนิกานต์ไว้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่ต้องมายุ่งออกไป”
ชนิกานต์คว้าจานอาหารจะเข้าไปละเลงกัณฐิกาอีก ธีรดนย์เข้าไปขวางกัณฐิกาไว้
“หยุดบ้าได้แล้ว ไม่เห็นรึไงว่าคุณกัณฐิกาเธอปวดแสบปวดร้อนไปทั้งตัว”
ชนิกานต์ไม่สน “สมน้ำหน้า..แกเอาใจผิดคนแล้วล่ะ ฉันไม่ใช่คุณพ่อที่จะหลงมารยาแก”
“คุณกัณฐิกาไปล้างหน้าล้างตัวเถอะครับ ผมพาไป”
ธีรดนย์ประคองกัณฐิกาออกไป ชนิกานต์มองเย้ยอย่างสะใจ แต่ไม่พอใจที่ธีรดนย์ปกป้องกัณฐิกา
กัณฐิกากำลังเช็ดหน้าเช็ดตา หลังจากไปล้างคราบอาหารออกจนหมด
ธีรดนย์ถามอย่างเป็นห่วง “คุณกัณฐิกาเป็นยังไงบ้างครับ”
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ขอบใจเธอมากนะ”
“คุณท่านไม่อยู่ คุณกัณฐิกาควรกลับไปก่อน ไม่งั้นชนิกานต์อาจทำร้ายอีก”
“ไม่เป็นไรจ้ะ...ธีรดนย์ เธออย่าบอกเรื่องนี้กับคุณณวัตรฉันไม่อยากให้คุณ ณวัตรลงโทษหนูกานต์”
ธีรดนย์แปลกใจ “คุณยังไปปกป้องเธออีกเหรอครับ”
“ฉันผิดเองที่เข้าไปวุ่นวายกับหนูกานต์ ฉันขอร้องล่ะ”
ธีรดนย์จำยอม “ครับ....ผมขอตัวก่อนครับ” ธีรดนย์จะเดินออกไป
กัณฐิกาคว้าแขนไว้ “ขอบใจเธอมากนะ”
“ครับ”
กัณฐิกาปล่อยแขน ธีรดนย์เดินออกไป ไม่ได้คิดอะไร กัณฐิกามองตาม แววตาพึงพอใจในตัวธีรดนย์
ชนิกานต์เดินเข้ามายืนมองกัณฐิกาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“แกมันร่านจริงๆ พ่อฉันไม่อยู่ก็คิดจะกินเด็กในบ้าน”
กัณฐิกาแอ๊บไม่รู้เรื่อง “หนูพูดอะไร น้าไม่เข้าใจ”
“ต๊าย...แอ๊คติ้งตุ๊กตาทอง กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ที่แกร้องวี๊ดว๊ายปวดแสบปวดร้อนเพราะต้องการให้ธีรดนย์เข้ามาดูแล..อย่าคิดนะว่าฉันรู้ไม่เท่ากันแก”
“หนูกำลังเข้าใจผิด”
ชนิกานต์ตบหน้ากัณฐิกาฉาดใหญ่ กัณฐิกาล้มลงไปที่พื้น
“หลอกฉันไม่สำเร็จหรอก...รีบไสหัวออกไปจากบ้าน ก่อนที่ฉันจะฆ่าแก”
ชนิกานต์ขู่กัณฐิกา แล้วเดินออกไป กัณฐิกาทำทีเป็นเศร้าเสียใจ
ชนิกานต์เดินยิ้มมีความสุขที่ทำร้ายกัณฐิกา
“รู้จักฉันน้อยไปแล้ว...วุ่นวายกับฉันอีก โดนหนักกว่านี้แน่”
ชนิกานต์เหยียดยิ้มอย่างสะใจ แต่แล้วต้องหยุดกึก มองไปตรงหน้า ก่อนจะเดินปรี่เข้าไป
ที่แท้เป็นรูปกัณฐิกาใส่กรอบรูปสวยงาม ถูกแขนแทนตำแหน่งภาพแม่ของชนิกานต์นั่นเอง
ชนิกานต์กรีดร้องลั่นบ้าน “อ๊าย...”
ธีรดนย์กำลังรดน้ำต้นไม้ ได้ยินเสียงกรี๊ดของชนิกานต์ ก็แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น?
ด้านชนิกานต์หยิบของใกล้มือ ปาใส่รูปภาพกัณฐิกาพัลวัน กัณฐิกาเดินตรงเข้ามา
“หนูไม่ชอบรูปนี้เหรอ? ฉันจะได้เอารูปใหม่ใหญ่กว่าเดิมมาติด”
ชนิกานต์โวยวาย “แกกล้าดียังไงเอารูปแม่ฉันออก แล้วเอารูปแกใส่แทน”
“วันก่อนเธอไม่ต้อนรับฉัน...ฉันก็เลยปิ๊งไอเดีย..เอารูปมาติด...เธอจะได้เห็นหัวฉันและรู้ว่าใครใหญ่ที่สุดในบ้าน”
“แกไม่มีสิทธิ์มาจุ้นจ้านในบ้านฉัน นังสารเลว”
ชนิกานต์ปราดเข้าตบหน้ากัณฐิกาฉาดใหญ่ กัณฐิกาไม่พอใจ
“ถ้าแกยังมาตอแยฉัน แกจะโดนหนักกว่านี้”
กัณฐิกาตบหน้าชนิกานต์ทันที
ชนิกานต์ตกใจ “แก” ตบกัณฐิกาอีก
กัณฐิกาตบกลับสองที “แม่เธอคงไม่ได้สอนเรื่องการเคารพผู้ใหญ่ ฉันจะทำหน้าที่แม่เลี้ยงแสนดีสั่งสอนเธอเอง” ว่าแล้วก็ตบหน้าชนิกานต์อีกสองฉาด
ชนิกานต์โกรธจนตัวสั่น “ฉันจะฟ้องคุณพ่อ”
กัณฐิกาท้าทาย “เอาสิ...ระหว่างเมียใหม่ที่เร่าร้อนออดอ้อนเอาใจเก่ง...กับลูกสาวขี้วีน งี่เง่าไร้เหตุผล พ่อเธอจะฟังใคร”
ชนิกานต์แค้นหนัก “แก”
กัณฐิกาปรี่ตรงเข้ามาคุกคามชนิกานต์ “ฉันตั้งใจมาดี พร้อมเป็นมิตร แต่ในเมื่อเธอตั้งป้อมเป็นศัตรูกับฉัน...ฉันก็ต้องเปลี่ยนกลยุทธิ์ ตาต่อตาฟันต่อฟัน”
“ในที่สุดแกก็เผยธาตุแท้ความชั่วออกมา นังสารเลว”
ชนิกานต์ปราดเข้ามาตบตีกัณฐิกา กัณฐิกาก็สู้ทั้งสองตบตีกันพัลวัน
จังหวะนั้นณวัตรวิ่งเข้ามา..เห็นทั้งสองตบตีกันชุลมุน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“คุณพ่อคะ ช่วยกานต์ด้วยค่ะ นังนี่มันตบตีกานต์ค่ะ”
ชนิกานต์ชิงไปฟ้องณวัตรก่อน หวังใส่ร้ายกัณฐิกา ณวัตรมองกัณฐิกา แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ธีรดนย์เดินเข้ามายืนดูที่มุมหนึ่ง...แอบฟังเรื่องราวทั้งหมด ชนิกานต์เข้าไปอ้อนณวัตร
“อย่างที่กานต์เล่าค่ะคุณพ่อ..มันด่ามันตบตีกานต์ มันคิดจะทำร้ายกานต์”
“พอได้แล้ว พ่อไม่อยากฟังเรื่องโกหกไร้สาระ”
ชนิกานต์ตกใจ “คุณพ่อ”
กัณฐิกายิ้มเย้ยด้วยความสะใจ
“คุณกัณ ไม่ใช่คนหยาบคายก้าวร้าว ลูกต่างหากที่เป็นฝ่ายทำร้ายและรังแกคุณกัณ”
ชนิกานต์ผิดหวังมาก เหวี่ยงวีนทันที “คุณพ่อเชื่อมัน แต่คุณพ่อไม่เชื่อกานต์”
“เพราะพ่อรู้จักนิสัยลูกดีพอ”
“คุณพ่อก็เห็นว่ามันเอารูปแม่ออก...” หันไปมองรูปภาพของแม่ “แล้วมันเอารูปมันติดแทน เท่ากับมันไม่ให้เกียรติคุณแม่ ไม่ให้เกียรติคุณพ่อนะคะ”
“พ่อเป็นคนบอกให้คุณกัณทำอย่างนั้นเอง”
ชนิกานต์อึ้ง ด้านธีรดนย์ได้ฟังก็แปลกใจ
“พ่อคิดว่าถ้าพ่อต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคน พ่อควรลืมอดีตได้แล้ว และที่สำคัญ พ่อควรให้เกียรติผู้หญิงคนนั้นในฐานะภรรยาอย่างสมบูรณ์”
ชนิกานต์ฟูมฟาย “คุณพ่อไม่รักคุณแม่ไม่รักกานต์แล้ว”
“พ่อรักลูกมาก....และรักมากเกินไป ลูกถึงได้เอาแต่ใจอย่างนี้ ถึงเวลาที่พ่อต้องหาใครสักคนมาดูแลลูก...พ่อจะแต่งงานกับเธอเร็วๆ นี้”
“ไม่ค่ะ กานต์ไม่ยอมรับมันเป็นแม่ของกานต์”
กัณฐิกาพูดแทรกขึ้นทันทีอย่างเจียมตัว “คุณคะ ยกเลิกงานแต่งของเราเถอะค่ะ..อย่าให้กัณต้องสร้างปัญหาทำลายความรักของคุณกับลูกเลย” พลางเดินเข้ามาพูดดีๆ กับชนิกานต์ “ฉันขอโทษที่ทำให้หนูไม่สบายใจ...หลังจากนี้ไป..ฉันจะไม่อยู่ขวางหูขวางตาหนูอีกแล้ว ฉันจะไปจากชีวิตพ่อของหนูเอง”
ชนิกานต์แปลกใจที่กัณฐิกายอมถอยหนี แต่ยังไม่ไว้ใจนัก
ธีรดนย์ได้ฟังก็ยิ่งซึ้งน้ำใจกัณฐิกา ที่ยอมเสียสละ
“แต่ขอให้เธอรู้ไว้..ฉันมีความปรารถนาดีและความจริงใจที่มอบให้เธอ...” กัณฐิกาบอกลาณวัตร “ฉันดีใจที่ได้รู้จักกับคุณนะคะ...ลาก่อนค่ะ”
กัณฐิกาจะออกไปจากบ้าน ณวัตรเข้ามาคว้าตัวไว้
“ผมไม่ยอมสูญเสียผู้หญิงที่ดีที่สุดไป....ผมเปลี่ยนใจแล้ว...ผมจะแต่งงานกับคุณอาทิตย์หน้า”
ชนิกานต์ไม่พอใจ “คุณพ่อ”
กัณฐิกายิ้มพอใจในสีหน้า ที่ณวัตรติดกับมารยาเธอ
“ลูกเตรียมตัดชุดได้แล้ว พ่อจะให้ลูกเป็นเพื่อนเจ้าสาว” ณวัตรสั่ง
“ไม่ค่ะ กานต์ไม่มีวันไปงานแต่ง กานต์จะรอไปงานศพมัน”
ณวัตรสุดทนปราดเข้ามาตบหน้าชนิกานต์ฉาดใหญ่
“ลูกก้าวร้าวมากไปแล้ว ถึงแม้ลูกไม่เห็นด้วย งานแต่งของเราต้องเกิดขึ้น”
จากนั้นณวัตรพากัณฐิกาเดินออกไป กัณฐิกาลอบยิ้มเย้ยชนิกานต์
ชนิกานต์ตะโกนลั่น “คุณพ่อกลับมาก่อน....คุณพ่อ”
ธีรดนย์ยืนมอง ยิ้มสะใจที่มีคนปราบชนิกานต์แล้ว
ขณะที่อุษากำลังจะเข้าไปในบ้าน เพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย แต่เจอธีรดนย์ที่ยืนหัวเราะอยู่
“ธี....คุณหนูเป็นอะไร? ทำไมมัวยืนหัวเราะ ไม่ไปดูคุณหนู”
“ผมก็แค่สะใจที่มีคนปราบคุณหนูขี้วีนได้สักที”
“ลูกหมายถึงใคร”
“ผู้หญิงคนใหม่ของคุณท่านครับ กำราบยัยคุณหนูเอาแต่ใจซะอยู่หมัด”
อุษาไม่พอใจนัก “แม่สอนแล้วไง..ไม่ให้ต่อว่าหรือทำร้ายจิตใจเธอ”
“ก็มันสะใจจริงๆนี่ครับ ที่ผ่านมาพอไม่ได้ดั่งใจก็วี๊ดๆ กรี๊ดๆ คอยห่มเหงจิตใจคนอื่น เจอยาแรงอย่างนี้คงจุกไปอีกนาน”
อุษาเป็นห่วงชนิกานต์ จะรีบไปดูชนิกานต์
“แม่จะไปไหน”
“แม่จะไปดูคุณหนู...ป่านนี้เธอคงร้องไห้แทบขาดใจ...อาจจะชักอีก”
ธีรดนย์ไม่อยากให้แม่ไปยุ่ง จึงอาสาไปดูแทน
“แม่ไปต้องไปหรอก ผมไปดูเอง”
“ห้ามเยาะเย้ยหรือซ้ำเติมคุณหนูนะ”
ธีรดนย์ยิ้มรับ “ครับ ผมจำได้ดี แม่เคยสอนว่าคนล้มอย่าข้าม”
อุษาจึงคลายความกังวล
ส่วนชนิกานต์ร้องไห้เสียใจ มองกรอบรูปของแม่อยู่ ธีรดนย์เดินเข้ามา เห็นชนิกานต์พูดกับรูปภาพของแม่
“คุณแม่ขา..คุณพ่อไม่รักกานต์แล้ว คุณแม่ช่วยกานต์ด้วยนะคะ”
ชนิกานต์ร้องไห้เสียใจ
ธีรดนย์ยืนมอง รู้สึกสงสารชนิกานต์ขึ้นมา จึงยื่นทิชชู่ให้
ชนิกานต์เห็นเป็นธีรดนย์ก็เสียหน้า “ไม่ต้องยุ่งกับฉัน ออกไป”
“เช็ดน้ำตาซะ”
ชนิกานต์ตวาดแว้ดใส่ “แกคงสะใจสิที่เห็นฉันเป็นแบบนี้”
ธีรดนย์พูดประชด “ใช่..ฉันสะใจที่สุด”
ชนิกานต์รู้สึกผิดหวังที่ธีรดนย์เยาะเย้ยเธอ
“แกคอยเข้าข้างมัน อยากให้มันแย่งความรักคุณพ่อไป ฉันจะได้โดนทิ้ง ใช่มั้ยล่ะ”
“ฉันบอกแล้วไง วันไหนที่เธอผิดหวังรึเสียใจ ฉันจะซ้ำเติมเธอเอง พูดไม่ทันข้ามวันก็เห็นผลซะแล้ว”
ชนิกานต์เจ็บใจไล่ตะเพิด “ออกไป”
ธีรดนย์ยื่นช้อนให้ “เก็บช้อนไว้ ชักขึ้นมาจะได้กัดไว้”
ชนิกานต์หยิบช้อนปาใส่ธีรดนย์
“ฉันเตือนด้วยความหวังดีนะ กัดลิ้นตัวเอง ลิ้นขาดเป็นใบ้ ร้องแบะๆ น่าเกลียดตาย” พูดจบธีรดนย์ก็หัวเราะเยาะ
“ฉันเกลียดแก”
“ฉันก็เกลียดเธอ! ทุกคนในบ้านนี้ก็เกลียดเธอ ไม่มีใครรักเธอสักคน!”
ธีรดนย์ได้ทีด่าชนิกานต์ ชนิกานต์อึ้งตกใจและเสียใจมาก อาการกำเริบดิ้นชักอยู่กับพื้น
“ดิ้นชักให้ตายก็ไม่มีใครรักคนอย่างเธอ”
ธีรดนย์จะเดินหนีออกไป แต่เปลี่ยนใจ วิ่งกลับเข้ามาดูแลชนิกานต์
ขณะที่ชนกชนม์เดินเข้ามาบริเวณบ้าน ได้ยินเสียงธนกรซักไซ้ชยางกูรดังมาจากห้องโถง
“ชยางกูร บอกพ่อมาเรื่องราวเป็นยังไง”
ชนกชนม์ยืนนิ่ง ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร?
ชยางกูรกำลังอธิบายกับธนกรผู้เป็นพ่อ ชลนิภานั่งอยู่ด้วย
“กูรก็เล่าให้พ่อฟังหมดแล้วว่ากูรถูกแย่งโทรศัพท์ กูรไปแย่งเอาคืน”
“พ่อเห็นลูกกับเพื่อนๆวิ่งไล่เหมือนมีเรื่องบาดหมางกันมานาน...คงไม่ใช่ประเด็นแค่โทรศัพท์”
ชลนิภาหงุดหงิด “จะซักไปถึงไหน ลูกกูรไม่ใช่ผู้ต้องหา ไม่เห็นรึไงว่าลูกบาดเจ็บ”
“ยังไงวันนี้ผมก็ต้องรู้ความจริง...ลูกอาจมีบางสิ่งที่ปกปิดเรามานานแล้ว..ว่าไงชยางกูร”
ชลนิภาไม่พอใจ “คุณธนกร ฉันบอกว่าจบก็จบ”
ธนกรไม่ยอม “คุณจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป แล้วเกิดปัญหาใหม่ตามมาอย่างนั้นเหรอ? คุณไม่เคยสงสัยบ้างรึไง ทำไมก๊วนวัยรุ่นที่วิ่งไปกับลูกกูร ไม่ใช่เพื่อนที่มหาวิทยาลัย ท่าทางเป็นนักเลงด้วยซ้ำ”
ธนกรซักขึ้นมา ทำให้ชลนิภานิ่งงันไป เพราะเธอก็สงสัยในประเด็นปัญหานี้เหมือนกัน
“ลูกกูร....ลูกต้องบอกความจริงทั้งหมดกับแม่”
ชยางกูรอึ้ง ถึงทางตัน ไม่กล้าบอกความจริง...
“คือว่า...”
ชนกชนม์เดินตรงเข้ามา บอกเรื่องราวทั้งหมด
“เรื่องนี้ผมอธิบายได้ครับ”
ชยางกูรตกใจ กลัวชนกชนม์เล่าความจริง
“พวกนักเลงที่ไปช่วยน้องเป็นเพื่อนผม..พวกนั้นเห็นว่ากูรถูกทำร้าย..จึงไปช่วยครับ”
ชยางกูรยิ้มพอใจที่ชนกชนม์ช่วยแก้ตัวให้
“ฉันว่าแล้วเชียว...ลูกกูรไม่มีวันคบหากับพวกอันธพาลไร้การศึกษา”
ธนกรไม่เชื่อนะ และยังมีข้อสงสัย ซักชยางกูร
“แล้วลูกไปทำอะไรที่ห้าง ทั้งๆ ที่บ่ายนี้มีเรียน”
ชยางกูรแก้ตัว “พอดีอาจารย์ติดประชุม ยกเลิกการสอนครับ”
ธนกรดักคอ “พ่อโทร.เช็คกับทางคณะแล้ว มีเรียนตามปกติ”
ชยางกูรอึ้ง
ชนกชนม์พูดแทรกขึ้น “ผมเป็นคนชวนน้องมาเองครับ”
ชยางกูรแปลกใจที่ชนกชนม์ช่วยปกป้อง ชลนิภาสงสัยอยากรู้
ชนกชนม์เล่าต่อ “ผมอยากให้น้องได้มาร่วมกิจกรรมจิตอาสา...เพราะน้องเคยบอกว่าอยากช่วยเหลือสังคม...งานนี้น้องมีน้ำใจบริจาคเงินให้ชมรมตั้งเยอะ... ใช่มั้ยกูร”
“ครับคุณแม่..กูรรู้ว่าทำตัวไม่ดีที่หนีเรียน แต่อยากมีจิตอาสา...กูรขอโทษนะครับคุณแม่”
“ไม่ใช่ความผิดของลูก แต่เป็นความผิดของพี่ชายที่ไร้สำนึก” ชลนิภาหันมาเล่นงานชนกชนม์ “ฉันขอสั่งเด็ดขาด ให้แกเลิกคบเพื่อนชั่วๆ ฉันไม่อยากให้ลูกกูรของฉันไปสุงสิงกับคนพวกนั้น”
“ครับ”
ชนกชนม์รับคำ และพร้อมจะปกป้องชยางกูร
ตรงมุมหนึ่งในบ้าน ชนกชนม์จะเดินไป ธนกรเข้ามาดักทางไว้
“ทำไมต้องโกหกแทนชยางกูร”
“ผมพูดความจริงครับ”
“เอาเถอะ...ถึงอาจะคาดคั้นความจริงก็เปล่าประโยชน์ เพราะเธอก็ต้องปกป้องชยางกูร” ธนกรยิ้มให้ชนกชนม์ “อาหวังว่าสักวัน...น้องจะรักเธอเหมือนที่เธอรัก”
ชนกชนม์ยิ้มตอบ “ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ชนกชนม์เดินออกไป ธนกรมองตามด้วยความพอใจ แต่ชลนิภาเข้ามาต่อว่าธนกร
“ทำไมคุณถึงได้เข้าข้างมัน แต่คอยจำผิดลูกตัวเอง”
“ผมไม่เคยจับผิด ..คุณต่างหากที่รักลูกไม่ลืมหูลืมตา แล้วมีอคติกับชนกชนม์”
“คุณก็รู้ว่าทำไมฉันถึงได้เกลียดชังมัน”
“เพียงเพราะชนกชนม์เป็นเชื้อไขจากคุณวีรภัทรอย่างนั้นเหรอ”
“นั่นก็ส่วนหนึ่ง...แต่ที่สำคัญมันเป็นตัวซวย...ตั้งแต่มีมันการค้าขายก็ล่มจม แต่พอได้ลูกกูร...กิจการของเรากลับเจริญก้าวหน้า หมอดูจึงทักอีกว่ามันจะนำหายนะมาให้เรา”
“ผมไม่เชื่ออย่างนั้น....เด็กจะดีได้ก็เพราะได้รับการสอนที่ดี และได้รับความรักจากพ่อแม่...ผมขอล่ะ...คุณเลิกเชื่อดวงแล้วหันมาเชื่อใจลูกของคุณสักที”
“ไม่ ฉันไม่มีวันเชื่อใจมัน รวมทั้งคุณด้วย”
ธนกรสวนขึ้น “แล้วคุณแต่งงานกับผมทำไม เพื่อเอาชนะคุณวีรภัทรอย่างนั้นเหรอ”
ชลนิภาโกรธจัดตวาดเสียงดัง “คุณธนกร”
ธนกรรู้สึกผิดที่ทำให้ชลนิภาโกรธ จึงรีบขอโทษ
“ผมขอโทษ”
ชลนิภาเดินหนีออกไป ธนกรรู้สึกผิดที่ทำให้ชลนิภาไม่พอใจ
ขณะเดียวกันวีรภัทรกำลังงอนง้อ และพยายามอธิบายกับนัชชา
“ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณชลนิภาจริงๆ”
“แต่คุณประคองกอด นั่งนวดเท้าให้ด้วยความห่วงใย จะไม่ให้ฉันคิดเป็นอย่างอื่นได้ยังไง”
“ผมบอกแล้วไงว่าคุณชลนิภาขาแพลง ผมแค่ช่วยนวดเท้าให้”
“ถ่านไฟเก่ากำลังปะทุคุโชน” นัชชาหยัน
“คุณคิดมากน่า”
“ฉันเพิ่งเข้าใจความจริงวันนี้เอง ทำไมคุณถึงได้เป็นห่วงเป็นใยชนกชนม์ เพราะคุณใช้ลูกเป็นสะพานเชื่อมไปหาแม่”
วีรภัทรหมดความอดทน “ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อใจผม”
“เลิกติดต่อกับทุกคนที่บ้านนั่น”
นัชชายื่นคำขาด วีรภัทรอึ้ง
“แล้วทุกอย่างจะจบลงด้วยดี”
นัชชาพูดทิ้งท้าย แล้วเดินออกไป วีรภัทรกลุ้มใจ เพราะยังรักและห่วงใยชนกชนม์
ชนกชนม์ถือถุงใส่เสื้อผ้าที่ซื้อให้ชลนิภา ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้อง ชนกชนม์รีบวางถุงซ่อนไว้ แล้วหันกลับไปมอง
ที่บ้านสุตาภัญ สุรัมภาเดินเข้ามาในห้องนอนสุตาภัญ พร้อมดอกกุหลาบที่ได้จากชนกชนม์ สุตาภัญหันมามองด้วยความแปลกใจ
“มีอะไรเหรอภา”
สุรัมภาชูดอกกุหลาบให้ดู “สวยมั้ย”
“สวยจ้ะ ซื้อมาจากไหน”
“คนน่ารักไม่ต้องซื้อ มีคนให้มา” สุรัมภายิ้มระรื่น
สุตาภัญสงสัย “ใครเหรอ”
“ไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่รู้จักเลย”
“เอ้า..แล้วไปรับมาได้ไง”
“ก็เขาขี่มอเตอร์ไซค์จะชนภาที่มหา’ลัยพี่ตา แล้วก็ให้เป็นดอกกุหลาบเป็นการปลอบขวัญ โรแมนติกอ่ะ เจ้าชายในฝันของภา”
สุรัมภาเคลิ้มฝันถึงชนกชนม์ สุตาภัญเข้ามาจับดอกกุหลาบดู แล้วนึกถึงตอนที่ชนกชนม์ถือช่อดอกกุหลาบเข้ามาที่คณะ
สุตาภัญเพ่งดอกกุหลาบรำพึงออกมา “ใช่”
ชนกชนม์มองไปที่มุมหนึ่งในห้อง แปลกใจที่ชยางกูรเดินเข้ามาในห้องนอนตน
“แกช่วยฉันทำไม”
“นายเป็นน้องฉัน”
“ทั้งๆ ที่ฉันไม่เคยนับถือแกเป็นพี่?”
“นายจะคิดไงก็แล้วแต่...นายก็ไม่สามารถปฏิเสธความสัมพันธ์พี่น้องต่างพ่อได้ หน้าที่ของพี่คือการดูแลน้อง” ชนกชนม์บอกจริงจัง
ชยางกูรไม่ซึ้งสักนิด “อย่าคิดนะว่าบุญคุณครั้งนี้จะทำให้ฉันรู้สึกกับแกดีขึ้น”
“ฉันไม่เคยคาดหวังอะไรอยู่แล้ว อย่างน้อยฉันก็มีความสุขที่ได้ปกป้องนาย”
ชนกชนม์ยืนยันความคิดเดิมชยางกูรไม่สนใจ เดินมองของในห้อง แล้วหันมายิงคำถามตรง
“แกเป็นแฟนกับสุตาภัญ”
ชนกชนม์อึ้ง นิ่งงันไป
ขณะเดียวกันสุตาภัญมองดอกกุหลาบ แล้วเปลี่ยนความคิดว่าคงไม่ใช่ของชนกชนม์
“คงไม่ใช่หรอก”
สุรัมภารับดอกกุหลาบคืนงงๆ “ใช่..ไม่ใช่...อะไรคะ”
สุตาภัญส่งคืนแล้วแก้คำ “แค่คิดว่าดอกนี้คงไม่ใช่ดอกทานตะวัน”
“พี่ตาท่าจะเพี้ยนหนัก”
สุตาภัญเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้อ่านหนังสือเตรียมเอ็นท์ได้เยอะมั้ย”
“ไม่ได้อ่านสักตัวค่ะ..มีคนมากวนใจตลอด”
สุตาภัญฉงน “ใครอ่ะ”
“ก็พี่คนให้ดอกกุหลาบไงคะ หน้าพี่เขาลอยอยู่ในหนังสือ เปิดไปหน้าไหนก็เจอพี่เขายิ้มหวานให้ตลอด” สุรัมภาเดินร่อนทั่วห้อง แววตาเคลิ้มฝัน “อ่านไปไม่เข้าสมอง แต่มันมาเข้ามาอยู่ตรงนี้ตรงนี้” พร้อมกับชี้ที่หัวใจ แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง
“ทะเล้นใหญ่แล้วนะเรา”
สุรัมภานอนเคลิ้มฝัน “อย่างนี้ใช่ไหมพี่ตา ที่เขาเรียกว่าตกอยู่ในห้วงความรัก”
สุตาภัญรีบวิ่งมาปิดปากสุรัมภา
“ห้ามพูดแล้วก็หยุดคิดด้วย...คุณพ่อได้ยินเรื่องนี้ เธอถูกจับล่ามโซ่ขังแน่”
สุรัมภาดีดตัวขึ้นมาจากเตียง “ภาไม่กลัวหรอก ภาจะแปลงร่างเป็นนกน้อย...บินหนีไปจากกรงขัง แล้วไม่กลับมาอีกเลย”
ว่าแล้วสุรัมภาทำท่าเป็นนกโบยบินในจินตนาการ พูดด้วยท่าทีจริงจัง แต่สุตาภัญคิดว่าสุรัมภาพูดเล่นจึงหัวเราะ
“จ้า...แม่นกน้อย”
สุรัมภาบินมาหาสุตาภัญ “ถ้าภามีแฟน พี่ตาต้องช่วยภานะ”
สุตาภัญอึ้งไม่ต่างกับชนกชนม์
ฟากชยางกูรยังรุกถามเอากับชนกชนม์
“ว่าไง...สุตาภัญเป็นแฟนแกรึเปล่า”
ชนกชนม์ไม่กล้ารับ พยายามปิดบังความรู้สึก “เขาเป็น....เพื่อน”
“ดี...ฉันจะจีบ”
ชนกชนม์ห้าม “อย่าไปยุ่งเขาเลย เขาเป็นคนดี ไม่ใช่ผู้หญิงรักสนุกที่นายเคยเจอ นายเองก็มีผู้หญิงในสต๊อกนับไม่ถ้วน”
“นั่นมันแค่ตุ๊กตาหน้ารถ พอเบื่อก็โยนทิ้ง....ฉันต้องการตัวจริง”
“ฉันว่านายสองคนไม่เหมาะกันหรอก”
“ยังไม่ได้คบจะรู้ได้ไงว่าไม่เหมาะ” ชยางกูรสงสัย “แกหึง”
ชนกชนม์รีบกลบเกลื่อน “ฉันมีสิทธิ์หึงได้ไง ฉันไม่ใช่แฟน เป็นแค่เพื่อน”
“ฉันไม่น่าถามแกให้เสียเวลาเลย...ต่อให้เขาเป็นแฟนแก ฉันก็จะแย่ง”
ชนกชนม์อึ้ง ส่วนชยางกูรหัวเราะเดินออกไปจากห้อง ชนกชนม์เริ่มกังวลใจ ไม่อยากให้ชยางกูรมาจีบสุตาภัญคนที่ตนแอบรัก
ขณะเดียวกันสุรัมภายังคงรบเร้าสุตาภัญ
“นะนะนะ ช่วยภานะ”
“ยังไม่ได้บอกพี่เลย จะให้พี่ช่วยอะไร”
“ช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่ให้คุณพ่อคุณแม่รู้...แล้วต้องช่วยเป็นแม่สื่อให้ภาด้วย”
“พี่ยังไม่รู้จักเขาเลย”
“เขาอยู่มหาลัยเดียวกับพี่ตา...อาจรู้จักกันก็ได้....นะนะนะ...คนนี้น้องขอ”
สุตาภัญจำต้องรับปาก “จ้ะ”
สุรัมภาดีใจหอมแก้มสุตาภัญ “พี่ตาน่ารักที่สุดเลย”
สุรัมภากอดพี่สาวอย่างดีใจสุตาภัญยิ้มให้ ในใจเริ่มกังวล กลัวชายในฝันของสุรัมภาจะเป็นชนกชนม์!!
ขณะเดียวกันชนกชนม์ยืนอยู่ที่ระเบียงนอกห้อง มองดูดวงจันทร์
“สุตาภัญ ฉันไม่อยากเป็นแค่เพื่อน ฉันอยากเป็นแฟนเธอ ฉันจะได้ดูแล ไม่ให้ใครมายุ่งกับเธอ”
ชนกชนม์ยืนยิ้มอย่างมีความสุข
สุตาภัญเองก็กำลังยืนมองพระจันทร์ดวงเดียวกัน
“ดวงจันทร์จ๋า...เจ้าชายในฝันของยัยภา ไม่ใช่นายชนกชนม์ใช่มั้ย”
สุตาภัญจ้องมองดวงจันทร์
“ถ้าเป็นคำตอบที่ถูกต้อง...ยิ้มให้ฉันหนึ่งที” เด็กสาวยิ้มให้พระจันทร์ “ขอบใจนะจันทร์”
สุตาภัญยืนยิ้มมองพระจันทร์อย่างมีความสุข
ทางด้านชนิกานต์นอนหมดแรง หลังจากดิ้นชักไปพักใหญ่ มีธีรดนย์คอยบีบนวดให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
“ชาติที่แล้วฉันทำกรรมอะไรไว้ ถึงต้องมาคอยรับใช้เธออยู่อย่างนี้”
ธีรดนย์บ่น ขณะที่ชนิกานต์เริ่มเพ้อ
“คุณพ่อขา กานต์รักคุณพ่อ คุณพ่ออย่าทิ้งกานต์ไปนะคะ กานต์ไม่เหลือใครอีกแล้ว”
ชนิกานต์ละเมอ น้ำตารินไหล ธีรดนย์รู้สึกสงสาร ขยับเข้ามาเช็ดน้ำตาให้ชนิกานต์
“ถ้าเธออ่อนโยน อ่อนหวานเหมือนที่เธอเป็นตอนนี้ก็คงดี ทุกคนคงรักเธอได้ไม่ยาก”
ธีรดนย์จ้องมองใบหน้าชนิกานต์ รู้สึกเคลิ้ม จะก้มจูบชนิกานต์ แต่แล้วหยุด ลุกพรวดขึ้น
“ฉันไม่มีวันให้อภัยกับคนกับร้ายกาจอย่างเธอได้....ชนิกานต์”
ธีรดนย์จ้องมองชนิกานต์อย่างไม่พอใจ แล้วเดินออกไป ปล่อยให้ชนิกานต์นอนหลับน้ำตาไหลอาบแก้มอยู่อย่างนั้น
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 3 (ต่อ)
ฉากชีวิตภายในชุมชนแออัดเช้าวันนี้ไม่ต่างจากวันอื่นๆ ทุกคนต่างรีบเร่งเพื่อภารกิจของตัวเอง เช่นเดียวกับ กฤติยา หรือ แอน ซึ่งกำลังเข็นรถ เพื่อไปยังจุดขายขนมของยายแก้ว
แต่แล้วจู่ๆ สุรเดชจอมกะล่อนก็กระโดดโผล่พรวดมาขวางทางไว้ พร้อมกับคุกเข่าลงต่อหน้ากฤติยา ส่งสายตาหวานซึ้ง แต่แลดูตลก
กฤติยาด่า “มาลาตายเหรอ”
“ไม่ใช่..เขามาบอกรักต่างหาก..รับรักเขานะ” สุรเดชกะพริบตาใส่
กฤติยานึกสนุกแกล้งสุรเดช “หลับตาก่อนสิ”
สุรเดชหลับตาทันที ยิ้มพริมใจ
“ตะเองทำอะไรน้า...จะจุ๊บๆ เขาเหรอ?..เขาจะลืมตาแล้วนะ อ่ะ..หนึ่ง ส่อง ส้าม”
สุรเดชลืมตามอง เห็นมือตัวเองถูกเชือดมัดรวมกับดอกบัว
“เฮ้ย..ยังไม่ตาย”
กฤติยาหัวเราะชอบอกชอบใจ “เอาน้ำมะพร้าวล้างหน้าก็หามเข้าเตาเผาได้เลย”
กฤติยาเข็นรถออกไปชนสุรเดช สุรเดชวิ่งตะโกนไล่หลัง
“ตะเอง...รอเค้าด้วย”
กฤติยาเข็นรถมาจอดตรงจุดประจำ แล้วยกของมาเตรียมเปิดร้านขายขนม สุรเดชตามเข้ามา แกะเชือกที่มัดมือออก เอาดอกบัวมายื่นให้
“เค้าไม่ได้มาลาตาย เขาขอบใจที่น้องแอนมีน้ำใจ บอกให้เพื่อนๆ ไปช่วยเขาอ่ะ”
กฤติยาจัดร้านไปไม่สนใจฟังนัก “ฉันไม่รู้เรื่อง”
“แน่ะ..ทำไก๋...พวกมันบอกพี่หมดแล้วว่าน้องแอนโทรไปเสียงสั่น” สุรเดชพูดล้อเลียนเสียงกฤติยา “พวกพี่อยู่ไหนกัน รีบมาช่วยเร็ว พี่เดชโดนรุม...” แล้วเปลี่ยนเสียงเป็นปกติ “เพราะรักใช่มั้ยอ่ะ”
กฤติยาจัดของต่อ “ฉันแค่คิดว่าคนอย่างแกไม่ควรตายเร็ว ต้องอยู่นานๆ ให้เขารุมกระทืบให้หนำใจก่อน”
“นั่น...พูดเรื่องนี้แล้วจี๊ด...มันน่าน้อยใจนัก พี่เดชอุตส่าห์หลบแล้ว น้องยังไปบอกพวกมันอีก”
“แกต้องโดนประชาบาทาซะบ้าง จะได้สำนึก หาเรื่องไม่เว้นวัน”
“พี่ไม่ได้หาเรื่องนะ แต่เรื่องมาหาพี่เอง” สุรเดชว่า
“โกหกขอให้ฟ้าผ่า”
สุรเดชร้อง “อูย...”
กฤติยาจัดเตรียมของต่อ สุรเดชเข้ามายื่นดอกบัว
“ดอกบัวแทนใจ ให้อภัยต้องรับไว้”
“อย่ามากวนน่า ฉันจะจัดร้าน” กฤติยาชักรำคาญ
สุรเดชเข้ามาจับมือกฤติยาเข้ามากุมไว้
“ภูมิใจจัง มีแฟนขยันทำกิน”
กฤติยาเอามือออก “ฉันไม่ได้เป็นแฟนแก”
“แน่ะ ปากแข็ง เค้ารู้นะตะเองรักเขาแต่ไม่กล้าแสดงออก”
“ยังไม่หายบ้าใช่มั้ย” กฤติยากำหมัดทำท่าจะต่อย
สุรเดชรับหมัดกฤติยาไว้ อ้อล้อต่อ “อย่าต่อยเลย ถ้าจะตีก็มาตีกลางใจนี่”
ว่าพลางสุรเดชจับมือกฤติยาให้มาที่หัวใจ กฤติยาพยายามสลัดมือออก สุรเดชรั้งไว้...แต่แล้วต้องอุทานอย่างตกใจ
“แม่”
กฤติยาแปลกใจ จึงหันกลับไปมองตาม เธอเห็นกัณฐิกาผู้เป็นแม่ยืนอยู่
ด้านธีรดนย์ถือถาดอาหารเข้ามาในห้องชนิกานต์
“ตื่นได้แล้ว แม่ให้เอาอาหารมาให้ กลัวเธอจะอดตาย”
ธีรดนย์มองไป เห็นข้าวของในห้องกระกระจายก็แปลกใจ รื้อผ้าห่มออก เห็นหมอนข้างกับตุ๊กตา
ธีรดนย์ตกใจที่ชนิกานต์ไม่อยู่ในห้อง “หายไปไหน”
ขณะเดียวกัน กัณฐิกาเดินตรงเข้ามาหาสุรเดชและกฤติยา สุรเดชรีบเดินเข้ามาหาก่อนแล้วยกมือไหว้
“สวัสดีครับแม่”
กัณฐิกาขึ้นเสียง “ใครเป็นแม่แก”
สุรเดชแก้เขิน “เอ่อ..ไหว้ว่าที่แม่ยายในอนาคตครับ”
กัณฐิกาพูดใส่หน้า “ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่น”
“อูย...”สุรเดชถอยหลังหลบไป
กัณฐิกาพูดกับกฤติยา “แอน...แม่มา”
กัณฐิกาพูดไม่ทันจบ กฤติยาเดินหนีกลับไปในชุมชน เพื่อต้องการหนีหน้าแม่ กัณฐิกาเรียกไว้
“แอน”
ทว่ากฤติยาไม่สนใจ เดินหนีไปต่อสุรเดชเข้ามาเสนอหน้า
“คุณแม่ไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว คงลืมทางไปบ้าน ผมไปส่งนะครับ”
กัณฐิกามองตาดุ สุรเดชยิ้มแหยๆ
“โอเค...ระเบิดตัวเอง ตู๊ม”
สุรเดชวิ่งออกไปทันที...กัณฐิกามองไปทางที่กฤติยาเดินหนีไป
ณวัตรรู้เรื่องจากธีรดนย์ก็โวยวายเสียงดังลั่นบ้าน
“อะไรนะ ชนิกานต์หนีไป”
อุษารีบสั่งธีรดนย์ “ลูกรีบโทร.ไปหาเพื่อนๆ คุณหนู เผื่อคุณหนูไปอยู่บ้านเพื่อน”
“ครับ” ธีรดนย์เดินเลี่ยงออกไปโทรศัพท์
ณวัตรบ่นอย่างไม่พอใจ “ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ...ทำตัวมีปัญหา เรียกร้องความสนใจได้ตลอดเวลา”
อุษาพยายามขอร้อง “คุณหนูคงเสียใจเรื่องคุณท่านจะแต่งงาน อย่าหาว่าดิฉันละลาบละล้วงเลย คุณท่านยกเลิกการแต่งงานก่อนเถอะค่ะ”
“ไม่ ฉันตัดสินใจดีแล้ว จะช้าหรือเร็วก็ไม่ต่างกัน เพราะคุณกัณฐิกาคือผู้หญิงที่จะเป็นเมียและแม่ที่ดี”
ณวัตรยืนกรานเสียงแข็ง ที่จะแต่งงานกับกัณฐิกา
เวลานั้นยายแก้วอยู่ที่บ้าน เดินถือถาดใส่ใบตองเตรียมตัวไปขายขนม กฤติยาเดินเข้ามาในบ้าน สีหน้าไม่ดีนัก ยายแก้วแปลกใจในท่าทีหลานสาว
“ยายทำขนมชั้นเสร็จแล้ว ยกไปได้เลยลูก”
“จ้ะยาย...” แอน หรือ กฤติยาเดินเลี่ยงเข้าไปทางหลังบ้าน
ยายแก้วมองตามด้วยความแปลกใจในท่าทีของกฤติยาที่มึนตึง
“เป็นอะไร”
ระหว่างนั้นกัณฐิกาเดินเข้ามาในบ้าน ยายแก้วหันไปเห็น รู้สาเหตุของกฤติยาทันที
“วันนี้แม่ไม่ต้องออกไปขายขนม ฉันเหมาเอง” กัณฐิกาเอ่ยขึ้น
ยายแก้วเหน็บเอา “ไปรวยไรมาวะ รึว่าได้ผัวใหม่”
กัณฐิกาบอกอย่างภูมิใจ “ใช่...ฉันจะแต่งงาน”
กฤติยา อยู่ที่มุมหนึ่งของบ้าน ได้ฟังก็รู้สึกสะเทือนใจ
กัณฐิกาพูดต่อ “ต่อไปแม่กับแอนไม่ต้องทำงานหลังขดหลังแข็งอีกแล้ว ฉันจะส่งเงินให้ใช้ทุกเดือน”
ยายแก้วหัวเราะราวกับว่ามีความสุขกับสิ่งที่ลูกสาวบอก “ข้านี่มันวาสนาดีจริงเว้ย ไม่ทันเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต ก็จะได้เสวยสุข นั่งกินนอนกินมีเงินใช้” แต่แล้วหญิงชรากลับโวยใส่ อย่างไม่แยแส “ไม่ต้องให้ข้า..ข้ามีสองมือสองตีนทำกินเองได้”
“แม่ลำบากเพื่อฉันมามากพอแล้ว ไหนจะช่วยเลี้ยงลูกฉันอีก...ขอให้ฉันได้ทดแทนคุณดูแลแม่บ้างเถอะ” กัณฐิกาพูดดีๆ
ยายแก้วจงใจพูดแดกดันให้กฤติยาได้ยิน “ลูกแอนเอ๊ย มาฟังแม่หนูพูดสิ ยายน้ำตาจะไหล...นี่ถ้ากระทรวงวัฒนธรรมได้ยินเข้า คงยกให้แม่หนูได้รับรางวัลลูกดีเด่นแห่งชาติ”
กฤติยายืนฟังที่มุมหนึ่ง ก็รู้สึกเจ็บปวดใจ
“แม่เลิกประชดประชันฉันทีเถอะ ฉันอยากให้แม่กับลูกสบาย นี่จ้ะเงิน” กัณฐิกาควักเงินให้ แต่ยายแก้วปัดออก
“ให้กูอดตายดีกว่ากินของที่ได้มาด้วยเรื่องอัปรีย์ ไปชิงผัวขายตัวมั่วผู้ชาย ข้าไม่เอาเงินบาป”
กัณฐิกาหมดความอดทน “งั้นแม่ก็ทำงานให้ตายคาเตาไฟแล้วกัน”
ยายแก้วมองหน้ากัณฐิกานิ่งๆ รู้สึกเสียใจ
“ฉันจะบอกให้นะ เงินนี้ฉันได้มาด้วยความรักเสน่หา เขาให้ด้วยความเต็มใจ ฉันไม่ได้ขายตัวแลกเงินอย่างที่แม่ว่า”
จังหวะนั้นกฤติยาถือถาดขนมเดินเข้ามา หางทางไม่แลไปทางผู้ให้กำเนิด
“ยายจ้ะ หนูไปเปิดร้านก่อนนะจ๊ะ”
กัณฐิกาเอ่ยขึ้น “แอน แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”
กฤติยาพูดกับยายต่อ “วันนี้ยายไม่ต้องรีบไปขายก็ได้จ้ะ แอนไม่มีเรียน”
“แอน” กัณฐิกาเรียกเสียงดังขึ้น
กฤติยาเดินลิ่วออกไปเลย เสมือนไม่มีกัณฐิกายืนอยู่ตรงนั้น กัณฐิกาตามออกไป ยายแก้วมองตามสองคนเป็นห่วงความรู้สึกกฤติยา
กฤติยาถือถาดใส่ขนม จะเดินออกไปที่ขายขนม กัณฐิกาตะโกนไล่หลัง
“ไปอยู่กับแม่นะ ลูกไม่ต้องลำบาก อยากเรียนอะไรก็ได้เรียน อยากได้อะไรแม่จะซื้อให้ ลูกจะมีเสื้อผ้าสวยๆ ใส่ มีรถนั่งโก้ๆ คุณณวัตรเขาใจดี เขาจะเป็นพ่อที่ดีของลูก”
กฤติยาหันกลับมาย้อน “พ่อคนที่เท่าไหร่คะแม่”
กัณฐิกาอึ้ง
กฤติยาระบายความในใจพรั่งพรูออกมา “ตั้งแต่หนูเกิดมา หนูยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อหนูเป็นใคร? นอกจากฟังชาวบ้านสาธยายว่าหนูเกิดจากความไม่ตั้งใจ ที่โสเภณีพลาดท่าเสียทีให้ลูกค้า”
กัณฐิกาเศร้าใจ กฤติยาระบายต่อ
“พอห้าขวบ หนูก็มีพ่อใหม่ หกขวบเจ็ดขวบ หนูก็มีพ่อเลี้ยงคนใหม่อีกสามคน ไม่ทันครบสิบขวบ หนูก็มีพ่อใหม่เกือบโหล...หนูคงเป็นลูกที่มีความสุขที่สุดในโลก ที่มีพ่อมากกว่าทุกคน”
กฤติยาระเบิดความในใจ แล้วร้องไห้ออกมา กัณฐิการู้สึกเสียใจและสงสาร พยายามเก็บอารมณ์ไว้
“แอนเป็นลูกใครไม่สำคัญ ยังไงแอนก็เป็นลูกแม่...ตอนนี้แม่สบายแล้ว...แม่จะพาไปอยู่ด้วยเราจะได้มีความสุขตามประสาแม่ลูก”
กฤติยาเสียงดัง “หนูไม่ไป หนูมีพ่อใหม่ไม่ซ้ำหน้ามามากพอแล้ว หนูขอมีแม่เพียงคนเดียว....ยายคือแม่ของหนู หนูจะอยู่กับยายจนวันตาย”
กัณฐิกาเริ่มไม่พอใจ “อย่าเรื่องมากนักได้ไหม ฉันให้เวลาแกคิดดูให้ดี...จะเป็นสก๊อยในสลัม หรือเป็นคุณหนูในคฤหาสน์ใหญ่”
กฤติยานิ่ง
กัณฐิกาควักเงินใส่ให้ “เอาเงินไปใช้”
กฤติยาไม่ยอมรับกัณฐิกายัดเงินใส่มือ กฤติยามองหน้าผู้ให่กำเนิด หวังจะได้รับการกอดการสัมผัสไออุ่น
“แม่...” กฤติยาครวญ
กัณฐิกาเดินออกไป ไม่เคยคิดสวมกอดกฤติยาเลย
“หนูไม่ได้ต้องการเงิน”
กัณฐิกาหยุด พูดสวนขึ้น “แล้วต้องการอะไร ใครๆ ก็อยากได้เงินทั้งนั้น เงินเป็นพระเจ้าซื้อได้ทุกสิ่ง”
กัณฐิกาเดินออกไปเลย กฤติยาเสียใจที่กัณฐิกาไม่คิดมอบความรักให้เธอ เด็กสาวทรุดตัวลงร้องไห้โฮ ยายแก้วเข้ามาโอบกอดหลานสาว
“ยายจ๋า...หนูไม่ได้ต้องการอะไรจากแม่...หนูอยากให้แม่กอดหนูสักครั้ง”
ยายแก้วเข้าใจและสงสารกฤติยาเหลือแสน “ยายผิดเองที่สอนแม่หนูไม่ดี...ยายลืมสอนให้รู้ว่า...เงินไม่สามารถซื้อความรักได้”
กฤติยาร้องไห้สะอึกสะอื้น ยายแก้วโอบกอดหลานด้วยความรักและสงสารจับใจ
ทางด้านธีรดนย์เข้ามารายงานณวัตรที่นั่งดูแฟ้มงาน โปรเจ็คท์การสร้างหมู่บ้านใหม่อยู่ในห้องโถงที่บ้าน
“ผมโทรไปแล้ว ชนิกานต์ไม่ได้ไปหาเพื่อนคนไหนเลยครับ”
อุษารีบถาม “แล้วลูกโทร.เข้ามือถือคุณหนูรึยัง”
“เธอไม่รับสายครับ” ธีรดนย์ตอบ
“คุณหนูอาจสั่งห้ามเพื่อนไม่ให้บอก ลูกลองไปดูตามบ้านเพื่อนๆ เลยดีกว่า”
ธีรดนย์อิดออดไม่อยากไป เพราะเบื่อหน่ายกับชนิกานต์
อุษาสั่ง “รีบไปสิ”
“ครับ” ธีรดนย์จำยอม
จู่ๆ ณวัตรพูดเสียงแข็ง “ไม่ต้อง!”
อุษาแปลกใจ “คุณท่านไม่ห่วงคุณหนูเหรอคะ”
“ที่ผ่านมาฉันตามใจมากไป..นิกกี้ถึงได้ใจ...เอะอะไม่ได้ดั่งใจก็สร้างเรื่องเรียกร้องความสนใจ.. คราวนี้ฉันจะดัดนิสัย หนีไปก็ต้องกลับเองได้ ฉันขอสั่งห้ามออกตามหาเด็ดขาด” ณวัตรบอกจริงจัง
ธีรดนย์ยิ้มพอใจ “ครับ”
“ค่ะ”
อุษารับคำไปทั้งที่ยังกังวลใจ เพราะเป็นห่วงชนิกานต์มาก
ที่แท้ชนิกานต์แวะมาหาสุตาภัญที่บ้าน ซึ่งกำลังอยู่ในอาการตกใจอยู่หลังฟังเรื่องจบ
“อะไรนะ จะหนีไปต่างจังหวัด”
“ฉันไม่อยากอยู่บ้านรู้เห็นการแต่งงานของมัน ฉันจะหนีไปแล้วอาจไม่กลับมาอีกเลย” ชนิกานต์ หรือนิกกี้พูดอย่างมุ่งมั่น
สุตาภัญปลอบ “ใจเย็นๆ น่า....เอางี้ ฉันจะไปคุยกับพ่อเธอให้ชะลอเรื่องงานแต่งไปก่อน”
“ไม่มีประโยชน์หรอก พ่อหลงนังมารร้ายหัวปักหัวปำ ไม่รู้ละ เธอต้องไปกับฉัน”
“ฉันไปไม่ได้” สุตาภัญบอก
“ตา...ฉันไม่เหลือใครอีกแล้วนะ...ถ้าเธอไม่ไปกับฉัน ฉันจะฆ่าตัวตาย” ชนิกานต์เริ่มขู่
สุตาภัญตกใจ “เลิกคิดบ้าๆน่า...ฉันอยากช่วยเธอ แต่เธอก็รู้ว่าคุณพ่อไม่ยอมเด็ดขาด”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง..ฉันเตรียมการไว้แล้ว”
สุตาภัญแปลกใจว่าชนิกานต์จะทำอย่างไร
ขณะเดียวกันชนกชนม์ถือถุงใส่เสื้อที่ซื้อให้แม่ มายืนหน้าห้องชลนิภา ชนกชนม์เคาะประตูห้อง แต่แล้วกลับนึกกลัว เปลี่ยนใจเอาถุงวางไว้หน้าห้องแทน แล้ววิ่งไปหลบที่มุมหนึ่ง
ชลนิภาเปิดประตูห้อง ออกมาไม่เจอใครแล้ว
“ใครเคาะ...” ชลนิภามองเห็นถุงใส่เสื้อจึงหยิบขึ้นมา “ของของใคร...อ๋อ...ลูกกูรคงเอามาไถ่โทษเรื่องเมื่อวานนี้”
ชลนิภายิ้มพอใจ เดินลงไปที่ห้องโถงทันที ชนกชนม์หน้าเสียที่ชลนิภาเข้าใจผิด
“ซวยอีกแล้ว”
ภายในห้องโถงบ้านสุตาภัญ ชนิกานต์ยื่นเอกสารให้สุทินอ่าน พลางพูดสำทับ
“โครงการปฎิบัติการทำข่าวท้องถิ่นค่ะ”
“ทำไมต้องไปถึงระยอง” สุทินสงสัย
ชนิกานต์อธิบายต่อ “กลุ่มของเราทำหัวข้อปัญหาประมงชายฝั่งค่ะ ต้องไปสัมภาษณ์ชาวประมงที่นั่น”
สุทินยังสงสัยอยู่ “สุตาภัญเธอทำหน้าที่อะไร”
สุตาภัญอึ้งเพราะไม่ได้เตี๊ยมกับชนิกานต์
ชนิกานต์มองอยู่รีบชิงตอบแทน “ตาเป็นพิธีกรสัมภาษณ์ ขาดตาไม่ได้เลยค่ะ”
“ไปกี่วัน ไปกันกี่คน พักที่ไหน” สุทินถามรัวเร็วเป็นชุด
สุตาภัญอึ้ง ชนิกานต์ชิงตอบแทนอีก “ไปสองวันหนึ่งคืนค่ะ ไปกันห้าคนมีอาจารย์ไปด้วยค่ะ พักกันที่…” ชนิกานระบุที่พักชัดเจน
สุทินสวนคำเสียงเขียว “ฉันถามสุตาภัญ”
ชนิกานต์ต้องหยุดทันที
“ว่าไง....เธอไม่รู้อะไรเลยเหรอ”
“เอ่อ..ตาทำหน้าที่ข้อมูลของคนที่จะไปสัมภาษณ์ ส่วนเรื่องจัดการเป็นหน้าที่ของนิกกี้ค่ะ”
ชนิกานต์รวบรัดตัดความ “คุณอาเซ็นตรงนี้เลยค่ะ”
ชนิกานต์ยื่นเอกสารให้สุทินเซ็นยินยอม
“ฉันไม่ให้ไป” สุทินเสียงแข็ง
ชนิกานต์และสุตาภัญหน้าเสีย
“ฉันไม่เห็นด้วยกับการออกไปต่างจังหวัด มีแต่ความเสี่ยง และไม่จำเป็นต้องออกภาคสนาม เรียนรู้จากตำราก็ได้”
ชนิกานต์ขู่ “นี่เป็นวิชาหลัก..ถ้าไม่ไป ก็ไม่จบค่ะ”
เสาวนิตย์ซึ่งนั่งฟังอยู่นานแล้ว เป็นห่วงลูกสาว
“ให้ลูกไปเถอะค่ะ คุณเองก็อยากเห็นลูกได้เกียรตินิยมไม่ใช่เหรอคะ”
นายทหารจอมเผด็จการสวนทันที “ไม่ต้องออกความเห็น ฉันตัดสินใจเองได้”
“ดิฉันขอโทษค่ะ...” เสาวนิตย์สงบนิ่งไปทันที
สุทินมองหน้าชนิกานต์และสุตาภัญ “ฉันจะเชื่อได้ไงว่าพวกเธอไปทำงานไม่ได้หนีเที่ยว”
ชนิกานต์บอกอีก “ทางคณะจึงออกจดหมายชี้แจงไงคะ ถ้าคุณอายังกังวลใจ โทร.สอบถามจากอาจารย์ประจำวิชาได้เลยค่ะ”
ชนิกานต์ชี้เบอร์โทรศัพท์ที่เอกสาร สุทินมองเบอร์ นิ่งคิดตัดสินใจ ชนิกานต์มองลุ้นๆ สุตาภัญก็กังวลใจกลัวสุทินโทร.ไป
ชนิกานต์อาสา “หนูต่อเบอร์ให้นะคะ”
“ไม่ต้อง”
ในที่สุดสุทินก็ตัดสินใจเซ็นเอกสารอนุญาตให้ ชนิกานต์และสุตาภัญโล่งใจ
ด้านชยางกูรนั่งเล่นเกมในไอแพด ธนกรนั่งดูแบบเครื่องเพชรอยู่ข้างๆ สองพ่อลูกอยู่ในห้องนั่งเล่น จู่ๆ ชลนิภาเข้ามากอดจูบชยางกูร อย่างปลาบปลื้ม
“ลูกกูรของคุณแม่น่ารักมาก อุตส่าห์ซื้อของมาไถ่โทษ เซอร์ไพร้ส์มาก”
ชยางกูรงงเพราะไม่รู้เรื่อง “ของอะไรครับ”
ชลนิภาโชว์ถุงเสื้อในมือ “นี่ไงจ้ะ”
“กูรไม่ได้ซื้อครับ”
ชลนิภาแปลกใจ “แล้วของใครล่ะ”
จังหวะนั้นชนกชนม์เดินเข้ามาบอกชลนิภา
“ผมเองครับ..ผมเห็นว่าเสื้อสวย เหมาะกับคุณแม่ ผมตั้งใจซื้อมาฝากคุณแม่ครับ”
ชลนิภารู้ความจริงก็เปลี่ยนท่าทีเป็นไม่พอใจทันที หันไปบอกแป๋วซึ่งทำความสะอาดอยู่มุมหนึ่งของบ้าน
“นังแป๋ว...เอาไปทิ้ง”
ธนกรลุกมารับถุงถือไว้ “ชนกชนม์ตั้งใจซื้อให้คุณนะ” แล้วเปิดถุงเอาเสื้อมาดูและจำได้ “ดูสิ..เสื้อตัวที่คุณชอบด้วย”
ชลนิภามองเสื้อก็จำได้ว่า เป็นตัวที่เธอชอบแต่ไม่ได้ซื้อ ชลนิภารู้สึกอยากได้
ธนกรเอ่ยชมชนกชนม์ “เธอเลือกได้ถูกใจแม่เขามากเลย”
ชลนิภาเก็บอาการ “ไม่น่าเชื่อ ใจหยาบอย่างแกเลือกซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงเป็นด้วย”
ชยางกูรแขวะ “พี่เขาคงกลายพันธุ์เป็นตุ๊ดเป็นแต๋วมั้งครับ”
ชนกชนม์รีบถาม “คุณแม่ชอบมั้ยครับ”
ด้วยทิฐิชลนิภาโยนเสื้อใส่ชนกชนม์ “เอาของแกคืนไป แล้วไม่ต้องซื้ออะไรให้ฉัน ฉันไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณแก” ลุกเดินหนีไปทันที
ชยางกูรลุกขึ้นหันไปทางแป๋ว “แป๋ว เอาไปทำผ้าขี้ริ้ว อ้อ...ดีใจด้วยนะ แกมีเพื่อนสาวแล้ว” พลางยิ้มเย้ยมาทางชนกชนม์
ธนกรปลอบใจ “ให้เวลากับแม่เขานะ สักวันเขาต้องใจอ่อนและเห็นในความดีของเธอ”
ชนกชนม์หน้าสลด “ผมยอมรับครับว่าท้อ.. แต่ผมไม่ถอย...” แต่ฮึดเป็นยิ้มสู้
ธนกรยิ้มดีใจที่ชนกชนม์ไม่ท้อถอย
แป๋วพูดแทรกขึ้น “แป๋วรู้นะคุณชนกชนม์ไม่ได้เลือกเองหรอก แฟนเลือกให้”
ชนกชนม์ยิ้มเขิน “ไม่ใช่แฟน...แค่เพื่อนสนิทน่ะ”
ธนกรแซว “อาชักอยากเห็นหน้าเพื่อนสนิทคนนั้นแล้วสิ”
ชนกชนม์ยิ้มรับเขินอาย ชยางกูรแอบฟังที่มุมหนึ่ง สงสัยว่าใครกันเป็นเพื่อนสาวคนสนิทของชนกชนม์
สุตาภัญหิ้วเป้พร้อมออกเดินทาง ขณะหันมาถามชนิกานต์
“ไม่ยักรู้ว่าเธอมีเบอร์โทร.อาจารย์ด้วย”
“ใครบอกล่ะ เบอร์ยัยเกอด้าที่คณะ” ชนิกานต์หมายถึงเพื่อนนักศึกษาในคณะ
สุตาภัญตกใจ “เสี่ยงมากนะ..ขืนพ่อฉันโทร.เช็กขึ้นมาเป็นเรื่อง”
“ฉันเตี๊ยมให้เกอด้าสวมบทเป็นอาจารย์ ยัยนี่แอ๊คติ้งเป็นเลิศ รีบไปกันเหอะ” ชนิกานต์ว่า
จู่ๆ เสียงสุทินก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เดี๋ยวก่อน”
สองสาวหันกลับไปเจอสุทิน ทั้งคู่กังวลใจกลัวสุทินจับได้ หรือเกิดเปลี่ยนใจไม่ให้ไป
“ฉันคิดว่าควรมีคนไปควบคุมดูแลพวกเธอ”
ชนิกานต์สยอง หันไปกระซิบถามสุตาภัญ “อย่าบอกนะว่าคุณพ่อเธอไป”
สุตาภัญหันไปมอง เห็นสุรัมภาผู้เป็นน้องสาวถือเป้เข้ามาพร้อมกับเสาวนิตย์
สุตาภัญตะลึง “ภา”
สุทินกำชับสุรัมภา “ลูกต้องทำหน้าที่แทนพ่อ”
“ค่ะ ภาจะดูแลพี่ตาไม่ให้คลาดสายตา แล้วภาจะโทร.รายงานคุณพ่อทุกชั่วโมงค่ะ”
สุทินยิ้มอย่างพอใจ
เสาวนิตย์เอ่ยขึ้น “เดินทางปลอดภัยนะจ๊ะ”
“ค่ะ” สองสาวรับคำพร้อมกัน
จากนั้นสุตาภัญและชนิกานต์หันหลังเดินไปที่รถ ทั้งคู่มองหน้าเป็นเชิงรู้กันประมาณว่า... ‘โดนคุมเข้ม’
สุรัมภาเดินคุมตามหลังมาทำหน้าที่เสมือนผู้คุมไม่มีผิด
ส่วนธีรดนย์กำลังถามชนกชนม์ซึ่งยังอยู่ที่บ้าน
“นิกกี้มาหานายรึเปล่า”
“เขาจะมาที่นี่ทำไม ฉันกับเขาไม่ได้สนิทกัน” ชนกชนม์งงๆ
“ก็เห็นเขาคลั่งนายจะเป็นจะตาย ไม่มาก็ไม่เป็นไร ฉันไปล่ะ”
ธีรดนย์จะเดินออกไป ชนกชนม์นึกเป็นห่วงชนิกานต์ขึ้นมา
“นายโทร.เช็กเพื่อนสนิทรึยัง”
“ฉันโทร.หาทุกคนแล้ว”
“สุตาภัญล่ะ” ชนกชนม์ถาม
“ไม่รับสาย ยัยนิกกี้ไม่ไปหลบที่นั่นหรอก พ่อของตาดุมาก ยิ่งรู้ว่านิกกี้หนีจากบ้าน คงลากไปส่งนานแล้วล่ะ” ธีรดนย์บอกอย่างมั่นใจ
“อย่าเพิ่งคิดไปเองสิ บ้านของสุตาภัญอยู่ใกล้นิดเดียว น่าจะลองไปดู” ชนกชนม์แนะ
“ไม่ต้องมาสอนฉันน่า ฉันเองไม่ได้สนใจอยากตามนักหรอก...ถ้าแม่ไม่บังคับ” ธีรดนย์จงใจพูดแดกดันชนกชนม์ “น่าเบื่อจริงๆ พวกไม่มีความรับผิดชอบสร้างแต่ปัญหา”
ธีรดนย์จะเดินกลับออกไป ชนกชนม์ตะโกนบอก
“ฉันขอเฟสของชนิกานต์กับสุตาภัญหน่อย เผื่อเขาอัพเดทสเตสัส หรือเช็คอิน จะได้รู้ว่าอยู่ไหน”
ธีรดนย์หันกลับมา สนใจวิธีตามหาของชนกชนม์
เวลาผ่านไป รถของชนิกานต์วิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพักหลังสวย สาวๆ ลงจากรถ ชนิกานต์ยืนมองรีสอร์ทหลังสวยริมทะเลอย่างพึงพอใจ
“ที่พักของเรา”
สุตาภัญเองก็ชอบที่พัก “โรแมนติกจัง”
สุรัมภาเดินเข้ามามองด้วยความแปลกใจ
“เพื่อนพวกพี่แล้วก็อาจารย์ล่ะอยู่ไหนคะ”
สุตาภัญตัดสินใจบอก “เอ่อ...ภา..คือว่าพวกพี่มีความจริงจะบอก...”
ชนิกานต์บอกแทนหน้าตาเฉย “พี่มีปัญหาที่บ้าน พี่อยากมาพักผ่อน ก็เลยสร้างเรื่องทั้งหมด”
สุตาภัญบอกต่อ “ภาเข้าใจนะ ภาเองก็จะได้เที่ยวด้วยกัน”
สุรัมภาไม่พอใจ “พี่โกหกคุณพ่อ ภาต้องโทร.รายงาน”
สุรัมภาเดินออกไปเพื่อโทรศัพท์หาสุทิน
“ทำไงดีอ่ะ”
สุตาภัญตกใจมาก ลนลานคิดไม่ออก ชนิกานต์รีบลากตัวไปหาสุรัมภา
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 3 (ต่อ)
ขณะที่ที่สุรัมภากำลังต่อสายถึงสุทิน สุตาภัญพยายามอธิบายและขอร้อง
“ภา..พี่ไม่ได้ตั้งใจจะโกหก แต่พี่จำเป็นจริงๆ พี่ขอร้องนะ”
ชนิกานต์เสริม “ภาอยากได้อะไร พี่ให้ทุกอย่าง.. แต่อย่าบอกคุณอานะ”
“พี่นิกกี้กำลังติดสินบนภา...” สุรัมภาขู่ด้วยท่าทีจริงจัง “เรื่องนี้ต้องรู้ถึงหูคุณพ่อ”
สุรัมภากดโทร.ออกทันที แล้วคุยโทรศัพท์กับสุทิน
“คุณพ่อคะ พี่ตากับพี่กานต์ เขา...”
สุตาภัญและชนิกานต์ตกใจ หน้าเสีย
สุรัมภาพูดต่อ “กำลังอบรมค่ะ”
สุตาภัญและชนิกานต์แปลกใจระคนดีใจ
“กลุ่มพี่ตามีแต่ผู้หญิง อาจารย์ประจำวิชาก็เป็นผู้หญิงค่ะ ไม่มีอะไรน่าห่วง แล้วภาจะรายงานคุณพ่ออีกครั้งนะคะ..สวัสดีค่ะ”
สุรัมภากดวางสาย แล้วหันมายักคิ้วยิ้มให้สุตาภัญและชนิกานต์
สุตาภัญโล่งอกโล่งใจ “ยัยตัวแสบ เล่นเอาพี่แทบช็อก”
ชนิกานต์ขำๆ “ร้ายนักนะเรา”
สุรัมภาทวงสัญญา “อย่าลืมสัญญานะ..ภาอยากได้อะไรพี่นิกกี้ต้องให้ภา”
“จร้า” ชนิกานต์ยิ้มแย้ม
สุตาภัญนึกสงสัย “นึกไงถึงช่วยล่ะ องครักษ์คุณสุทิน”
“คุณพ่อไม่ได้สั่งให้ภามาหรอก แต่ภาขออาสามาเอง อ้างว่ามาคุมพวกพี่ ภาอยากแปลงร่างเป็นนกน้อย เริงร่าท้าลมทะเลให้ฉ่ำปอด”
ชนิกานต์บอก “แล้วจะช้าอยู่ทำไม? ไปแปลงร่างเป็นสาวน้อยแสนซนกันได้แล้ว”
พูดจบชนิกานต์ก็จูงมือสุรัมภาวิ่งเข้าไปทางบ้านพัก สุตาภัญมองตามด้วยความสุขใจ สุตาภัญคิดอะไรบางอย่าง ถ่ายรูปตัวเอง กำลังจะโพสต์ขึ้นเฟสบุ๊ค...ชนิกานต์ย้อนกลับมาเสียก่อน
“เธอทำอะไร”
“ถ่ายรูปเล่น” สุตาภัญ
“ห้ามแชร์ลงอินสตราแกรมหรือเฟสบุ๊ค ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่” ชนิกานต์เสียงขุ่น
สุตาภัญอึ้ง “เธอน่าจะบอกใครสักคนนะ ที่บ้านคงวุ่นวาย”
“ฉันอยากรู้ว่าคุณพ่อรักฉันไหม ถ้าพ่อยังรักและแคร์ฉัน เขาต้องออกตามหาฉัน...” รีบเปลี่ยนเรื่อง “ไป เปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว”
“จ้ะ”
สุตาภัญยิ้มทำเป็นตามน้ำ...ระหว่างเดินไปกดส่งแชร์รูปลงเฟสบุ๊ค อยากให้ธีรดนย์รู้ว่าชนิกานต์อยู่ที่ไหน ไม่อยากให้คนที่บ้านชนิกานต์กังวลใจ
สองหนุ่มอยู่ที่มุมหนึ่งในคฤหาสน์ชนกชนม์ ชนกชนม์เปิดเข้าดูเฟสบุ๊คของสุตาภัญ เห็นภาพสุตาภัญ พร้อมกับที่อยู่ของรีสอร์ท
“รู้แล้วว่าอยู่ที่ไหน”
ธีรดนย์เห็นภาพสุตาภัญก็พอจะเดาเรื่องได้
“ยัยนั่นคงลากตาไปด้วย..ฉันไปล่ะ”
ธีรดนย์เดินออกไปที่รถ ชนกชนม์คิดอะไรบางอย่าง
ธีรดนย์กำลังจะเดินไปยังประตูรถ ชนกชนม์เดินเข้ามาที่ประตูข้างคนขับ
“ฉันไปด้วย”
“ไม่เกี่ยวกับนาย”
“แต่ฉันเป็นห่วง...”
ธีรดนย์ย้อนถาม “ห่วงใคร”
“ก็นายบอกเองว่านิกกี้ชอบฉัน ฉันอยากไปช่วยพูดให้เขายอมกลับบ้าน ฉันวาทศิลป์ดีนะ” ชนกชนม์อ้าง
ธีรดนย์ครุ่นคิดตัดสินใจ ชนกชนม์รอลุ้นๆ
ธีรดนย์ยอมให้ไป เพราะเขาเองเบื่อที่จะพูดกับชนิกานต์
“ครั้งนี้ฉันยอมนาย นายเป็นหนี้บุญคุณฉัน ฉันขออะไรนายก็ต้องให้ฉัน”
“ด้วยความยินดีเพื่อน...” ชนกชนม์ จับมือธีรดนย์
สองคนไม่รู้ตัวว่าชยางกูรแอบดูอยู่ที่มุมหนึ่ง อยากรู้ว่าชนกชนม์กับธีรดนย์ไปไหน?
ด้านชนิกานต์อยู่ในห้องพักแล้ว กำลังรื้อเสื้อผ้าออกมา หยิบชุดหลากหลายออกมาถามสุตาภัญและสุรัมภา
“ใส่ชุดไหนดีอะ เอาแบบเซ็กซี่ซ่อนเปรี้ยว” ชนิกานต์ว่า
“นิกกี้...ฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่าเธอแอบอ้างเรื่องพ่อ ลากฉันมาเที่ยวรึเปล่าเนี่ย” สุตาภัญแซว
“ภายในนะเศร้าปวดร้าวสุดๆ แต่จะให้ฉันมานั่งร้องไห้แข่งกับเสียงคลื่น ไม่ใช่ฉัน.. ฉันก็ต้องใช้ความสนุกเริงร่าวัยใสบำบัดตัวเอง...จริงมั้ยภา” ชนิกานต์หันไปทางสุรัมภา
สุรัมภารับลูก “ถูกต้องค่ะ ณ เวลานี้เป็นเวลาของพวกเรา...เหล่านกน้อยในกรงทอง...ออกบินกันได้แล้วค่ะ”
สามสาวเฮลั่น พร้อมจะสร้างความสุขให้กับชีวิต
“Let’s Go!” สามสาวประสานเสียงอย่างสนุกสนาน
ท่ามกลางบรรยากาศแสนสดใส เท้าของสามสาวๆ ก้าวเดินเข้ามายังชายหาดแสนสวย เดินเรียงแถว สาวๆ แต่ละคน อยู่ในชุดว่ายน้ำตามสไตล์ เดินเริงร่าอยู่ริมทะเล ประหนึ่งว่าเป็นนางแบบถ่ายเอ็มวีก็ไม่ปาน
ชนิกานต์โพสท่าอยู่ที่มุมหนึ่ง ออกแนวเซ็กซี่ ราวกับนางแบบมืออาชีพ สุตาภัญกับสุรัมภาถึงกับอึ้ง ถ่ายรูปให้ชนิกานต์ระวิง
สุรัมภาโพสท่า ออกแนวน่ารัก หวานๆ แอ๊บแบ๊ว มีชนิกานต์ถ่ายรูปให้
ถึงคราวสุตาภัญ โพสท่าเชยมาก ชนิกานต์ต้องเข้ามาจัดท่าให้เซ็กซี่ สุรัมภาเข้ามาสอนให้ทำหน้าแอ๊บแบ๊ว สุตาภัญโพสตามสั่ง แต่กลายเป็นท่าตลกน่าขัน ชนิกานต์ถ่ายรูปให้
สามสาวมีความสุขกับการผลัดกันถ่ายภาพ ชนิกานต์ถ่ายรูปคู่กับสุตาภัญ ก่อนจะมาถ่ายรูปคู่กับสุรัมภา และสุตาภัญถ่ายรูปคู่กับสุรัมภา
ทั้งสามถ่ายรูปด้วยกัน โดยวางกล้องตั้งเวลาไว้ แล้วกอดคอกันอย่างมีความสุข บรรยากาศสวยงามสดใส เห็นความน่ารัก และมิตรภาพของเพื่อนและพี่น้องที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
ไม่นานหลังจากนั้น ธีรดนย์เดินออกจาก ล็อบบี้รีสอร์ทเข้ามาบอกชนกชนม์
“นิกกี้เปิดห้องที่นี่ แต่ตอนนี้ออกไปเล่นน้ำ”
“งั้นแยกย้ายกันตามหาแล้วกัน”
“ถ้าเจอสุตาภัญ รีบโทร.บอกฉัน”
ชนกชนม์ยกมือโอเค แล้วแยกย้ายกันออกตามหาสองสาว
ขณะที่สุตาภัญกำลังก่อปราสาททราย ชนิกานต์ถือน้ำมะพร้าววิ่งเข้ามาหา
“ทำอะไรอ่ะ”
“ปราสาททราย” สุตาภัญบอก
“เสียเวลาน่า สร้างไปเดี๋ยวก็ถูกคลื่นซัดพัง”
“พังก็สร้างใหม่ได้นี่...ตราบใดที่เรายังมีแรงและมีความรัก”
ชนิกานต์มองสุตาภัญกำลังตกแต่งปราสาทให้สวยงาม พร้อมฟังสุตาภัญเล่าถึงความฝัน
“ฉันตั้งใจสร้างปราสาทหลังนี้ให้เป็นปราสาทที่อบอวลไปด้วยความรัก ทุกคนมีความรัก...ห่วงใย..เข้าอกเข้าใจกัน และที่สำคัญ...ทุกคนอยู่อย่างเท่าเทียม รับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เป็นครอบครัวประชาธิปไตย”
สุตาภัญเล่าไม่ทันจบ ชนิกานต์ก็ร้องไห้ออกมา
สุตาภัญถึงกับอึ้ง “เธอร้องไห้ทำไม”
“ถ้าบ้านฉันเป็นอย่างที่เธอพูดก็คงดีสินะ...ฉันอยากให้พ่อรักฉัน ดูแลฉันบ้าง บางทีฉันก็อิจฉาเธอนะ...การที่พ่อเธอเข้มงวด อย่างน้อยก็แสดงให้รู้ว่าท่านรักเธอ”
“มันน่าแปลก...ฉันกลับอิจฉาเธอลึกๆ ที่เธอมีโอกาสคิดตัดสินใจหรือทำอะไรด้วยตัวเอง มีความเป็นอิสระ ไม่ต้องอยู่ในพันธนาการของพ่อ..เหมือนฉัน”
ทั้งสองสาวมองหน้ากัน ต่างเข้าอกเข้าใจกัน สุตาภัญเข้าไปเช็ดน้ำตาให้ชนิกานต์
“หยุดร้องได้แล้ว...เอางี้...ในเมื่อชีวิตจริงไม่เหมือนอย่างในฝัน เรามาร่วมกันสร้างปราสาทแห่งความรักด้วยกัน..เราอยากให้ครอบครัวเราเป็นยังไง เราก็สร้างด้วยมือของเรา”
ชนิกานต์ยิ้มรับ แล้วช่วยกันตกแต่งปราสาททราย
ทันใดนั้น ก็มีลูกบอลชายหาดพุ่งเข้ามากระแทกปราสาททรายบางส่วน พังลง
สุตาภัญร้อง “ปราสาทของฉัน”
สุตาภัญและชนิกานต์หันไปมอง เห็นสุรัมภาวิ่งเข้ามาเก็บบอล หน้าแหยๆ
“อุ๊ย..พังเลยอะ..ภาขอโทษค่ะ”
สุรัมภาพูดจบก็ปาลูกบอลชายหาด ใส่หน้าชนิกานต์
“อุ๊ย หลุดมือ” เด็กสาวหัวเราะร่าชอบอกชอบใจที่ได้แกล้งชนิกานต์
“ยัยตัวแสบ” ชนิกานต์วิ่งมาเก็บบอลจะปาใส่สุรัมภาเอาคืน
“อย่านะ ทำร้ายภา ภาโทร.แฉความลับนะ”
“ขู่ฉันเหรอ งั้นฉันต้องฆ่าปิดปากเธอ”
สุรัมภาวิ่งหนี “พี่ตาช่วยภาด้วย พี่นิกกี้จะฆ่าภา”
แต่สุตาภัญจับตัวสุรัมภาไว้ “จัดการเลย นิกกี้”
สุตาภัญกอดรัดสุรัมภาไว้ สุรัมภาดิ้นวิ่งหนี ชนิกานต์วิ่งไล่ตาม
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ...ยัยตัวร้าย”
ชนิกานต์วิ่งไล่สุรัมภาออกไป สุตาภัญหัวเราะ แล้วหันกลับมาที่ปราสาททราย แต่กลับเห็นชนกชนม์ยืนยิ้มเผล่มาให้ สุตาภัญตกใจ คาดไม่ถึง
“นาย”
ด้านชนิกานต์วิ่งไล่มาถึงมุมหนึ่ง แต่ไม่เจอสุรัมภา
“หลบไปไหนแล้วอ่ะ”
ที่แท้สุรัมภาแอบอยู่ที่มุมหนึ่ง พร้อมกับแลบลิ้นใส่
“ปล่อยให้หาจนเย็นเลย...หนีไปถ่ายรูปดีกว่า”
สุรัมภาวิ่งหลบไปที่มุมอื่นเพื่อถ่ายรูปเล่น ปล่อยให้ชนิกานต์ตะโกนขู่ลมแล้งคนเดียว
“ออกมาเดี๋ยวนี้นะ...พี่จับได้โดนหนักแน่”
ชนิกานต์รู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามาด้านหลัง แต่คิดว่าเป็นสุรัมภา จึงหันกลับมา
“กลัวพี่ล่ะสิ...” ชนิกานต์ตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นใคร “แก!”
ธีรดนย์มองไม่พอใจนัก
สุตาภัญเดินเข้ามาถามชนกชนม์
“นายมาทำอะไร”
“มาช่วยเธอสร้างปราสาททราย”
ชนกชนม์พูดจบก็เข้ามาช่วยก่อปราสาท สุตาภัญเข้ามาร่วมสร้างด้วย
“ถามจริงๆ นายมาทำอะไร แล้วรู้ได้ไงว่าพวกฉันอยู่ที่นี่”
“ก็เธอเป็นคนแจ้งจุดเกิดเหตุในเฟสบุ๊คนี่” ชนกชนม์ว่า
“เปล่าซะหน่อย ฉันก็แค่อัพรูปลงเท่านั้นเอง”
“เธอจงใจให้ธีรดนย์รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ เพราะเธอไม่อยากให้คนที่บ้านนิกกี้กังวลใจ” ชนกชนม์รู้ทัน
แต่สุตาภัญยังไม่ยอมรับความจริง “คิดมากไปรึเปล่า”
ชนกชนม์แซวขำๆ แล้วมันจริงไหมล่ะครับ? นางฟ้าเบอร์ห้า”
สุตาภัญยิ้มแล้วพยักหน้ารับ “ฉันอยากให้คนที่บ้านนิกกี้ตามมา นิกกี้จะได้รู้สึกว่ามีคนรักและเป็นห่วง ธีรดนย์มารับกลับใช่มั้ย”
ชนกชนม์พยักหน้ายิ้มๆ
ส่วนอีกมุมหนึ่งที่ชายหาดขณะนั้นบรรยากาศกำลังมาคุ ชนิกานต์กับธีรดนย์ปะทะคารมกันอยู่
“กลับบ้าน” ธีรดนย์ขึ้นเสียง
“ฉันไม่กลับ”
ชนิกานต์จะเดินหนีไป ธีรดนย์เข้ามาคว้าแขนไว้
“เธอต้องกลับ”
“คุณพ่อสั่งให้แกมารับฉันสิ นึกแล้วเชียวว่าฉันไม่อยู่ ที่บ้านคงวุ่นวาย คุณพ่อคงร้อนใจมากเลยใช่ไหม โทร.แจ้งตำรวจให้ตามหาฉันทุกที่”
ธีรดนย์พูดใส่หน้า “เลิกจินตนาการเพ้อเจ้อได้แล้ว คุณท่านไม่ได้สั่งให้มารับ...แถมยังกำชับไม่ให้ออกตามหาเธอด้วยซ้ำ”
ชนิกานต์อึ้ง “ไม่จริง แกโกหก คุณพ่อเป็นห่วงฉัน”
ธีรดนย์ย้อน “อย่าสำคัญตัวเองผิด แผนของเธอไม่สำเร็จหรอก คุณท่านเอือมระอากับพฤติกรรมของเธอเต็มทน ไม่คิดตามตัว ยังใช้ชีวิตเป็นปกติ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวสักนิด”
ชนิกานต์เสียใจและผิดหวัง เลยพาลใส่ธีรดนย์ “แล้วแกมาทำไม”
“ฉันไม่อยากมานักหรอก ถ้าแม่ฉันไม่สั่งไว้ แล้วที่สำคัญ ฉันไม่อยากให้สุตาภัญเดือดร้อนเพราะเธอ กลับไปได้แล้ว”
“ฉันไม่กลับ ฉันไม่กลับ”
ธีรดนย์เข้ามาคว้าตัวชนิกานต์ แต่อีกฝ่ายดิ้นหนีธีรดนย์รั้งตัวไว้ ทำให้ร่างชนิกานต์เข้ามาแนบชิดอยู่ในอ้อมกอดของธีรดนย์ ทั้งสองมองหน้ากัน ชนิกานต์ได้สติผลักธีรดนย์ออกแล้วเดินหนีไปอย่างฉุนเฉียว
ด้านชนกชนม์ยิ้มหวานซึ้งให้สุตาภัญจนสุตาภัญเขิน...รีบหลบหน้าสร้างปราสาท
“นิกกี้คงดีใจที่ธีมารับกลับ แต่คงไม่ดีใจเท่าที่รู้ว่าแฟนมาด้วย”
“แฟน” ชนกชนม์งง
“นายไง แฟนนิกกี้”
“ไม่ใช่นะ..ฉันตกเป็นแฟนเขา แต่เขาไม่ใช่แฟนฉัน เพราะว่าฉันมี...”
สุตาภัญมองลุ้น...รอฟัง
ชนกชนม์เปลี่ยนคำจากคนรักเป็น “...เจ้าชีวิตอยู่ทั้งคน...ชาตินี้คงไม่มีเวลาหาแฟน ต้องอยู่รับใช้เจ้าชีวิต”
“ถ้าลำบากมากนักไม่ต้องก็ได้นะ ฉันดูแลตัวเองได้” สุตาภัญทำเป็นงอน
“จะว่าลำบากก็ลำบ๊ากลำบาก แต่เต็มใจอ่ะ แล้วเธอล่ะ อยากให้ฉันดูแลไหม”
ชนกชนม์จ้องมองสุตาภัญ...รอฟังคำตอบ สุตาภัญเขินอาย
“ก็แล้วแต่นาย ฉันไม่มีสิทธิ์ไปบังคับจิตใจนายได้”
“บอกตามตรงนะที่ฉันมาที่นี่..เพราะว่าฉันอยากเจอ...”
จู่ๆ สุตาภัญยื่นหน้าเข้าใกล้ ชนกชนม์แปลกใจ หยุดพูด
“อยู่นิ่งๆ”
ชนกชนม์แปลกใจ สุตาภัญยื่นหน้าเข้ามาใกล้..แล้วปัดทรายที่แก้มใกล้ดวงตาให้พร้อมกับใช้ปากเป่าลมให้เศษทรายปลิวออกไป
“ทรายที่ขอบตาหลุดแล้ว เกือบเข้าตาแน่ะ”
“ขอบใจนะ...” ชนกชนม์ จับมือสุตาภัญ “เธอรู้ไหม ไม่เคยมีใครดีกับฉันเหมือนกับเธอเลยนะ”
สุตาภัญเขินยิ้มขำ
“หัวเราะอะไรอ่ะ”
“ก็นายเคยพูดประโยคนี้แล้วอ่ะ”
“ไม่รู้สิ ก็มันออกมาจากใจ...ตรงนี้”
ชนกชนม์จับมือสุตาภัญไปกุมไว้ที่หัวใจของเขา
“รู้สึกไหมล่ะ ว่ามันกำลังเต้นเป็นจังหวะ...เลิฟ”
ชนกชนม์กำมือไปวางไว้ที่หัวใจ สุตาภัญเขินอาย ลุกขึ้น
ชนกชนม์ฉงน “ไปไหน”
“ไปอ้วก”
สุตาภัญยิ้มๆ เดินออกไป ชนกชนม์ขำตัวเอง
“ชนกชนม์เฟี้ยวเงาะอีกแล้ว” ก่อนจะวิ่งตามสุตาภัญไป “ขอไปอ้วกด้วยคน”
ส่วนชนิกานต์กำลังตะโกนบอกธีรดนย์
“ยังไงฉันก็ไม่กลับ แกไปบอกทุกคนด้วยว่า บ้านหลังนั้นจะไม่มีฉันอีกต่อไป”
“อย่าเล่นตัวนักได้ไหม รึต้องให้ชนกชนม์มาพูดเธอถึงยอม”
ชนิกานต์ชะงัก หูผึ่ง “ชนกชนม์”
“ทีนี้ล่ะหูผึ่ง มันมากับฉัน แต่น่าแปลก...ดูมันไม่ค่อยสนใจอยากเจอเธอ เท่ากับใครบางคน” ธีรดนย์พูดเป็นนัย
“แกหมายถึงใคร”
“ไม่รู้...อาจจะเป็นสุตาภัญ”
ชนิกานต์หงุดหงิดทันที “เป็นไปไม่ได้..เขาเป็นแฟนฉันก็ต้องมาหาฉัน ไม่มีผู้หญิงคนไหนสำคัญสำหรับเขาเท่าฉันอีกแล้ว เขาอยู่ไหน”
ชนิกานต์สนใจอยากเจอชนกชนม์มาก
สุตาภัญเก็บเปลือกหอยอยู่ที่มุมหนึ่งของชายหาด เพื่อเอาไปตกแต่งปราสาท ชนกชนม์เดินเข้ามาถาม
“เอาเปลือกหอยไปทำอะไร”
สุตาภัญยิงมุกกวน “ทำกับข้าว”
ชนกชนม์แสร้งทำเป็นหัวเราะ “ตล๊กตลก”
“อย่าเว่อร์น่า ฉันเอาไปตกแต่งปราสาท”
สุตาภัญเห็นเปลือกหอยอยู่ตรงหน้าจะเข้าไปเก็บ ชนกชนม์เข้าไปแย่งเก็บก่อน แล้วเย้ยสุตาภัญ
“หนึ่ง...” พูดอย่างท้าทาย “ใครเก็บได้มากกว่า..มีสิทธิ์ออกคำสั่งให้คนแพ้ทำอะไรก็ได้”
สุตาภัญก้มเก็บเปลือกหอยใกล้ตัวขึ้นมา
“หนึ่ง”
ทั้งสองมองหน้ากัน ประมาณว่าการแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจากนั้นชนกชนม์และสุตาภัญต่างก็วิ่งไปแย่งเก็บหอย
ชนกชนม์เก็บได้เพิ่ม “สอง”
สุตาภัญเก็บได้ทีเดียวสองฝา “สอง สาม”
ชนกชนม์เก็บได้อีกสองฝา “สาม สี่”
สุตาภัญวิ่งเก็บให้มากขึ้น ได้สามฝา
“สาม สี่ ห้า”
ชนกชนม์วิ่งเก็บได้มาสองฝา
“ห้า หก ฉันชนะเธอแล้ว”
ชนกชนม์ยิ้มเย้ย สุตาภัญมองหาฝาหอย เห็นอยู่ไกลๆ จึงรีบวิ่งไป ชนกชนม์วิ่งตาม สุตาภัญกลัวโดนแย่ง รีบเอาเท้าเหยียบหอยไว้ไม่ให้แย่ง ชนกชนม์จึงเอานิ้วไปจี้เอว
สุตาภัญจักจี๋ “อย่านะ จั๊กกะเดียม..”
ชนกชนม์นึกสนุก จี้รอบเอวสุตาภัญถึงทรุดตัวลงกับพื้น พลอยดึงรั้งตัวชนกชนม์ล้มลงมาด้วย ทำให้ทั้งสองนอนทับ หน้าประชิดติดกัน ทั้งสองมองหน้ากันนิ่งนานเหมือนตกอยู่ในภวังค์
จังหวะนั้นชนิกานต์เดินตรงเข้ามา เห็นภาพนั้นพอดี โดยมีธีรดนย์ยืนมองอยู่ด้วยข้างๆ
ชนิกานต์รู้สึกผิดหวังและเสียใจ พาลทำให้โกรธขึ้นมา
“ชนกชนม์” ชนิกานต์รำพึงเบาๆ
ขณะที่สุรัมภาวิ่งข้ามถนน เพื่อไปซื้อไอติม รถของชยางกูรวิ่งมาชะลอที่มุมหนึ่งบริเวณถนนริมชายหาด แล้วหยุด ชยางกูรลดกระจกลง มองหาชนกชนม์
“อย่าหวังว่าจะมีความสุขกับผู้หญิงของฉัน”
ชยางกูรตามมาเพื่อต้องการขัดขวางไม่ให้ชนกชนม์ได้สมหวังกับสุตาภัญ
ตรงมุมชายหาดเวลานั้น สุตาภัญและชนกชนม์รีบลุกขึ้น สองคนปัดเนื้อปัดตัวเอาทรายออก
เสียงธีรดนย์ดังขึ้นมา “ทำอะไรกัน”
“ไม่มีอะไร แย่งเปลือกหอยเอาไปแต่งปราสาท แล้วเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย” ชนกชนม์บอก
“นายบอกว่าจะมาตามตัวนิกกี้ แต่กลับมาวิ่งเล่นทำเรื่องไร้สาระ ฉันไม่น่าให้นายมาด้วยเลย” ธีรดนย์ต่อว่าชนกชนม์
สุตาภัญรีบบอก “อย่าโทษชนกชนม์เลย ตาต่างหากที่เป็นคนชวนเขาแข่งเกม”
“นิกกี้....เธอกลับบ้านเถอะ” ชนกชนม์เอ่ยขึ้น
“ไม่ ไม่มีใครรักฉัน” ชนิกานต์พูดไปเพราะน้อยใจชนกชนม์ “นายเองก็ไม่ได้ห่วงฉัน”
“เธออย่าเข้าใจผิดสิ ทุกคนรักและหวังดีกับเธอนะ” สุตาภัญว่า
ชนิกานต์พาลพาโล และมาลงที่สุตาภัญ “เธอก็เหมือนกันสุตาภัญ เธอเป็นคนบอกให้มันตามมา เธอทรยศฉัน ฉันเกลียดเธอ”
ธีรดนย์ไม่พอใจที่ชนิกานต์ต่อว่าสุตาภัญ
“จะมากไปแล้วนะ ตาทำไปเพราะหวังดี มีแต่เธอนั่นแหล่ะที่ไม่เคยเข้าใจคนอื่น เอาแต่ใจตัวเอง”
“ฉันจะทำอะไร มันก็เรื่องของฉัน แกไม่มีสิทธิ์มาด่าว่าฉัน” ชนิกานต์ตบหน้าธีรดนย์ฉาดใหญ่
ธีรดนย์โกรธจัด “เพราะทำตัวอย่างนี้ไงถึงไม่มีใครรัก เหมือนที่พ่อเธอพูดไว้ไม่มีผิด เกิดมามีแต่สร้างปัญหา”
ชนิกานต์เสียใจมากจึงพูดประชด “ได้..ในเมื่อฉันเป็นตัวปัญหา ฉันก็จะไม่อยู่ให้รกโลก ฉันตายไป ทุกคนคงจะมีความสุข”
พูดจบชนิกานต์ก็วิ่งหนีออกไป ทุกคนตกใจ
“นิกกี้”
สุตาภัญเรียกไว้ และจะวิ่งตามไป ธีรดนย์คว้าแขนไว้
“ไม่ต้องตามหรอก”
สุตาภัญเล่นงานธีรดนย์ “ธีพูดทำร้ายจิตใจนิกกี้มากไปแล้วนะ”
“อย่าไปสนใจเลย...ก็แค่เล่นละครบีบน้ำตา ทำทีขู่ฆ่าตัวตายเหมือนทุกครั้ง คนอย่างนิกกี้ไม่กล้าทำร้ายตัวเองหรอก” ธีรดนย์ว่า
ชนกชนม์ย้อนถาม “แล้วถ้าคิดสั้นจริงๆ ล่ะ”
ธีรดนย์ไม่ตอบ ชนกชนม์หันไปบอกสุตาภัญ
“ฉันไปดูนิกกี้นะ”
สุตาภัญพยักหน้า เพราะเธอเองก็เป็นห่วงชนิกานต์ ชนกชนม์รีบวิ่งตามชนิกานต์ออกไป
“เป็นห่วงเป็นใยออกนอกหน้า....คงจะรักนิกกี้มาก”
ธีรดนย์จงใจพูดให้สุตาภัญรับรู้ว่าชนกชนม์รักชนิกานต์ เพราะลึกๆ แล้ว ธีรดนย์เริ่มหึงที่เห็นชนกชนม์ใกล้ชิดสุตาภัญนั่นเอง
ด้านชนิกานต์วิ่งมาจนสุดสะพานปลาที่ยื่นไปในทะเล ชนิกานต์หยุดยืนร้องไห้เสียใจ คิดถึงคำพูดของธีรดนย์
“เลิกจินตนาการเพ้อเจ้อได้แล้ว คุณท่านไม่ได้สั่งให้มารับ แถมยังกำชับไม่ให้ออกตามหาเธอด้วยซ้ำ!”
ชนิกานต์ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้น
คำพูดธีรดนย์ก้องในหัว “คุณท่านเอือมระอากับพฤติกรรมของเธอเต็มทน”
ชนิกานต์ร้องไห้เสียใจหนัก หันกลับไป ไม่เห็นมีใครตามมา
“ไม่มีใครรักฉันจริงๆ ทุกคนเกลียดชังฉันหมดแล้ว แล้วฉันจะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร”
ชนิกานต์เดินตรงไปยังขอบสะพาน จะกระโดดฆ่าตัวตาย...แล้วหยุด ตัดสินใจ
ทันใดนั้น...ชนกชนม์วิ่งตามมา
“อย่าคิดสั้นนะ”
ชนิกานต์หันกลับไปมองชนกชนม์ ยิ้มให้ชนกชนม์
“ลาก่อน”
ชนิกานต์ทิ้งตัวลงทะเลต่อหน้าต่อตา ชนกชนม์ตกใจแทบช็อค!
“เธอ”
สองคนอยู่ตรงมุมหนึ่งที่ริมทะเล สุตาภัญตัดสินใจจะไปตามชนิกานต์ ธีรดนย์ไม่อยากให้ไป
“ฉันจะไปดูนิกกี้”
“อย่าไปเลย ปล่อยให้เขาอยู่กันสองคน ป่านนี้คงจะสวีทหวานตามประสาคนรัก”
“แต่ฉันเป็นห่วงนิกกี้”
สุตาภัญตัดสินใจวิ่งออกไป ธีรดนย์ไม่พอใจนักที่ทุกคนเป็นห่วงชนิกานต์
ส่วนชนกชนม์วิ่งมาหยุดที่ขอบสะพานปลา ร้องตะโกนเรียกชนิกานต์
“นิกกี้”
ชนิกานต์จมลงอยู่ในทะเล พยายามดิ้นเอาตัวรอด แต่กลับยิ่งจมลงๆ ชนกชนม์ตัดสินใจกระโดดลงไปในทะเล เพื่อช่วยชนิกานต์
ชนิกานต์หมดลมหายใจ แล้วกำลังจมดิ่งลงทะเล
ชนกชนม์เข้ามาคว้าตัวชนิกานต์ไว้ได้..แล้วว่ายน้ำขึ้นไปอยู่เหนือผิวน้ำ
ชนกชนม์อุ้มชนิกานต์วางบนพื้นสะพาน สักครู่หนึ่งชนิกานต์ค่อยๆ ได้สติ
“เธอเป็นยังไงบ้าง” ชนกชนม์ถามด้วยความเป็นห่วง
ชนิกานต์พอเห็นชนกชนม์ก็ดีใจ “อย่าทิ้งฉันนะ”
พูดจบชนิกานต์โผเข้าสวมกอดชนกชนม์ไว้แน่น ชนกชนม์อึ้ง
ชนิกานต์พูดพร่ำ “สัญญากับฉันสิ ว่านายจะไม่ทิ้งฉัน”
“เพื่อนไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว” ชนกชนม์บอก
“ฉันอยากเป็นแฟนนาย ฉันรักนายนะ”
ชนิกานต์โผเข้าสวมกอดชนกชนม์ไว้อีก ชนกชนม์อึ้งทำอะไรไม่ได้ จังหวะนั้นสุตาภัญและธีรดนย์เดินเข้ามายืนมองด้วยความรู้สึกแปลกต่าง
สุตาภัญรู้สึกเจ็บแปลบที่เห็นภาพชนกชนม์กอดชนิกานต์ ส่วนธีรดนย์ยิ้มอย่างพอใจ
โปรดติดตาม "ลูกไม้หลากสี" ตอนที่ 4