หยกเลือดมังกร ตอนที่ 19
“ปล่อยฉันได้แล้วหยก..พอแล้ว..บอกให้ปล่อยไง”
หยกพากิ่งเหมยเข้ามาแล้วชะงัก เมื่อเห็นดุจแพรจึงไม่กล้าปล่อยกิ่งเหมยลง
“คุณแพร !!”
กิ่งเหมยสงสัย
“คุณแพรมาที่นี่เหรอหยก”
“จ้ะกิ่งเหมย” กิ่งหมยเป็นคนตอบ
บริเวณตึกร้างธงรบสวมแว่นดำหิ้วกระเป๋าหนักๆใบหนึ่งเดินเข้ามาเจอกับพวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆาสองคน
“เดี๋ยว…หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ”
ธงรบหยุดตามที่พวกมันสั่งแล้ววางกระเป๋าลง และชูมือขึ้นแสดงว่าไม่ได้มาร้าย
“ฉันมาทำธุรกิจ ไม่เป็นอันตรายกับใครหรอกน่า”
“เป็นคำสั่งของหัวหน้า พวกเราต้องดูให้ดีว่าใครเป็นใคร”
“ทำธุรกิจนี้ใครเป็นใคร มันคงไม่สำคัญเท่าเงินเท่าไหร่มากกว่ามั้ง”
ธงรบท้าทายพวกมันให้เปิดกระเป๋าที่ถือมา เมื่อหยิบมาเปิดดูแล้วก็อึ้งไปเพราะมีเงินจำนวนมากอัด แน่นอยู่ในนั้น
“นั่นเป็นแค่มัดจำ ส่วนของถ้าพวกแกเอามาให้ฉันได้เมื่อไหร่ อีกสองเท่าของที่เห็นฉัน จ่ายสดได้ทันที ฝากไปบอกเจ้านายแกด้วยฉันชอบทำธุรกิจแบบไว้เนื้อเชื่อใจกัน”
ธงรบลดมือลงแล้วเดินออกไป ทิ้งให้พวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆามองเงินในกระเป๋าแล้วคิดเอาไงดี
ธงรบเดินออกมาหาเจ้าสัวเล้ง ที่นั่งรออยู่ในรถห่างออกมาจากตัวตึกพอสมควร
“เรียบร้อยแล้วครับเจ้าสัว..พวกมันติดเบ็ดที่ผมล่อเอาไว้แน่ๆ”
นนท์มองไม่ไว้ใจ
“ถ้าแกคิดตุกติกกับเจ้าสัวล่ะก็ ฉันจะตามล่าลากคอแก”
“ไม่ต้องย้ำหรอก ฉันรู้ดีว่าถ้าเจ้าสัวอยากให้ใครตายรับรองมันไม่มีทางรอด แต่ที่ฉัน อยากรู้มากกว่าก็คือ ถ้าคนที่เจ้าสัวอยากให้ตายมันเป็นสายเลือด เจ้าสัวจะสั่งตายยังไง”
“รอให้ฉันเห็นกับตาก่อนว่าเป็นมานพจริงๆ แล้วแกจะรู้ว่าฉันจะทำยังไง”
“ผมรอแน่ครับเจ้าสัว..และผมก็เชื่อว่าเจ้าสัวจะต้องไม่ปล่อยมันไปแน่”
เจ้าสัวเล้งมองธงรบอย่างกังวล
ในโรงสี...ลูกน้องเอากระเป๋าเงินที่ได้มาจากธงรบให้โหงวดู
“นี่มันกล้าทุ่มขนาดนี้เลยเหรอ...ทั้งๆที่ของยังไม่ถึงมือเนี่ยนะ”
“ครับเฮีย มันยังบอกว่าถ้าเอาของไปให้มันเมื่อไหร่ มันจะให้เพิ่มเป็นสองเท่า” ลูกน้องรายงาน
“ไอ้พวกเจ้าบุญทุ่มที่ไหนวะ”
โหงวหยิบเอาธนบัตรเป็นปึกออกมาจากกระเป๋ามามองอย่างครุ่นคิด ระหว่างนั้นมานพเข้ามา
“มีอะไรกัน”
มานพมองเงินในมือกับกระเป๋าเงินตรงหน้าอย่างสงสัย
ธงรบยืนมองแผนที่ในโทรศัพท์ไอโฟน พอเห็นสัญญาณเป้าหมายนิ่งอยู่กับที่ก็รีบเดินมาบอกเจ้าสัวเล้ง
“สัญญาณนิ่งไปครู่ใหญ่แล้ว..แสดงว่าพวกมันเอาเงินเข้าไปที่รังของมันแล้ว”
เจ้าสัวพยักหน้าให้นนท์เอาไอโฟนของธงรบมาดูแผนที่ นนท์ดูแล้วก็ชะงัก
“ว่าไงนนท์”
“เจ้าสัวครับ...รังของพวกพยัคฆ์เมฆามันอยู่ที่...เอ่อ..คือ...”
นนท์ไม่กล้าพูดออกมา เจ้าสัวจึงแย่งมาดูเอง พอเห็นสถานที่บนแผนที่ก็อึ้ง
มานพเอาเงินออกมาจากกระเป๋า แล้วโยนให้ลูกน้องเอาไปใช้
“ถ้าคิดว่ามันไม่ใช่พวกที่น่าไว้ใจ แกก็ไปจัดการกับมัน ส่วนเงินพวกนี้ก็เอาไปแจกให้ พรรคพวกแก ถือว่าเป็นของขวัญจากฉัน”
“แต่มันว่าถ้าเราเอาของไปให้มัน มันจะจ่ายอีกเพียบเลยนะครับนายมานพ ตอนนี้เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับฉันแล้ว..ไปได้แล้ว”
“ขอบคุณครับนาย”
ลูกน้องจะออกไป แต่โหงวยังไม่หายสงสัย
“เดี๋ยว..เอากระเป๋านั่นมานี่สิ”
“อะไรอีกล่ะเตี่ย” มานพทำเสียงรำคาญ
“อั้วว่ามันแปลกๆ”
โหงวเอากระเป๋าเงินมาพลิกดูรอบๆดูข้างในอย่างละเอียด ยกมาเขย่าแล้วก็ได้ยินเสียงบางอย่างกุ๊กกั๊กอยู่ข้างใน เลยเอามีดพกออกมากรีดกระเป๋าออกแล้วสิ่งที่เจอก็คือไอโฟนอีกเครื่องที่เปิดสัญญาณให้ตามหาเครื่องเอาไว้
“ไอ้โง่เอ้ย...มันเปิดสัญณาณโทรศัพท์ให้ตามเจอที่นี่”
โหงวรีบกระทืบไอโฟนให้แตกละเอียด แล้วชกเปรี้ยงลูกน้องจนเลือดกบปาก
“ผมขอโทษครับเฮีย”
“หรือว่าจะเป็นพวกตำรวจอีก” มานพสงสัย
“พวกไหนก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น แกอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วมานพ”
ไม่ทันขาดคำชาญรีบวิ่งเข้ามา
“นาย..แย่แล้วครับ..เราโดนบุก”
“ฝีมือใคร..ตำรวจรึเปล่า”
ชาญหน้าซีด
“ไม่ใช่ตำรวจครับนาย”
เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ภายใต้การนำของธงรบที่พาลูกน้องของเจ้าสัวเล้งลุยเข้ามาเปิดฉากถล่มยิง พวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆาพยายามยิงตอบโต้สู้ยิบตา แต่ก็เจอธงรบโชว์ฟอร์มแม่นบุกลุยสอยพวกมันไปหลายนัด
ธงรบยิงจนกระสุนหมด และกำลังจะเปลี่ยนแม๊กกาซีนมีพวกมันคนหนึ่งโผล่เข้ามาเล่นงานจากข้างหลังพร้อมดาบ เขากระโจนหลบฉิวเฉียดก่อนจะใช้เชิงมวยมือเปล่าสู้กับมันอย่างมันส์หยด ก่อนจะเกือบพลาดท่าถูกฟัน นนท์ก็ตามเข้ามาช่วยยิงแสกหน้ามันตายคาที
ธงรบเป่าปากโล่งอก
“เกือบไปแล้ว..ขอบใจนะ แล้วเจ้าสัวล่ะ”
“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้าสัว เขาไม่ต้องการให้ใครยุ่ง”
นนท์บอกธงรบแล้วไม่ทันไรพวกมันก็โผล่มาอีกแล้วยิงใส่ ทั้งคู่ต้องกระโจนหลบ
เจ้าสัวเล้งเดินหน้าตาเอาเรื่องมาจากอีกด้าน ลูกน้องพยัคฆ์เมฆาสองคนโผล่มาขวางไม่ให้เข้าไป เจ้าสัวต้องโชว์ชั้นเชิงมวยเล่นงานพวกมันอย่างหนักหน่วง ดุดัน พอๆกับอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน พวกมันคนหนึ่งใช้มือเปล่าสู้ไม่ได้ อีกคนเลยใช้เรื่องทุนแรงเป็นโซ่ที่ปลายมีเคียวควงไปมา เจ้าสัวจึงจัดชุดใหญ่ สั่งสอน เอาโซ่ของมันมารัดคอมันเองจนแน่นิ่งก่อนจะเดินลุยเข้าไปต่อ
โหงว มานพและชาญเลี่ยงออกมาอีกทาง
“แกรีบพามานพออกไปจากที่นี่ ฉันจะอยู่จัดการพวกมันเอง” โหงวสั่ง
“แต่ฉันอยากรู้ว่ามันเป็นใคร กล้าดียังไงถึงบุกมาเล่นงานฉันถึงที่นี่ได้” มานพจะไม่ยอมไป
โหงวดึงคอเสื้อมาสั่ง
“ลื้ออย่ามาอวดเก่งเอาเวลานี้เลยมานพ ลองถ้ามันวางแผนบุกมา เหยียบจมูกเราถึงที่นี่ได้ พวกมันก็ต้องไม่ธรรมดาแล้ว”
“ไม่ธรรมดาสิดี จะได้เก็บมันให้หมด ต่อไปจะไม่ได้ไม่มีใครกล้าอีก”
โหงวผลักมานพไปทางชาญ
“แต่ถ้าลื้อเป็นอะไรตอนนี้ ทุกอย่างจะได้ชิบหายหมด ลื้อจะเอาอย่างนั้นเหรอ”
ชาญเร่ง
“รีบไปเถอะครับนาย อย่าเพิ่งมาเสี่ยงตอนนี้เลย”
“ก็ได้วะ”
“เดี๋ยว...” โหงวโยนหน้ากากงิ้วให้มานพ “ระวังอย่าให้คนอื่นรู้ว่าลื้อเป็นใคร”
มานพรับหน้ากากแล้วรีบออกไปกับชาญ ลูกน้องเจ้าสัวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจะยิง โหงวหันไป ยิงใส่ก่อนทันที..เปรี้ยง !!
ธงรบกับนนท์ลุยเข้าไปด้านใน ยิงสู้กับพวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆา พวกมันลุยเข้ามาระยะประชิดเลยต้องมี การใช้มือเปล่าสู้กันจนพวกมันโดนเล่นงาน
เปรี้ยง !! นนท์ถูกยิงเฉี่ยวเข้าที่แขนจากฝีมือของโหงวที่โผล่เข้ามา
“กล้าบุกเข้ามาถึงรังของพวกอั้ว...ลื้อไม่ได้ตายดีหรอกเว้ย”
นนท์ตะลึง
“ไอ้โหงว !! นี่แก”
โหงวอึ้ง
“ไอ้นนท์..ลูกน้องไอ้เล้ง ? นี่หมายความว่า...”
“ไอ้เป๋...เจ้าสัวรู้ความจริงแล้ว วันนี้แกโดนล้างแค้นแน่”
โหงวหน้าเสีย ยิงใส่นนท์อีกแต่ธงรบช่วยดึงนนท์หลบวิถีกระสุนไปอย่างฉิวเฉียด พอลุกขึ้นได้อีกครั้งโหงวก็หนีหาย ไปแล้วอย่างรวดเร็ว
“ไอ้โหงว !!”
“ไอ้เป๋นั่นเป็นใคร” ธงรบสงสัย
“ศัตรูที่เจ้าสัวตามล่ามันมาตลอดชีวิต ที่แท้มันก็บงการอยู่เบื้องหลังคุณมานพนี่เอง” นนท์บอกเครียดๆ
มานพกำลังจะออกไปจากโรงสีพร้อมกับชาญ แต่เสียงเจ้าสัวดังขึ้น
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ..แกไม่ต้องซ่อนตัวเองอยู่หลังหน้ากากนั่นอีกแล้วมานพ”
มานพหันหน้ามาทั้งๆที่ยังสวมหน้ากากงิ้วอยู่
“ถ้าแกกล้าประกาศว่าพยัคฆ์เมฆาจะยิ่งใหญ่เหนือฉัน แกก็ต้องกล้าเล่นกับฉันซึ่งๆหน้า ไม่ใช่ขี้ขลาดอยู่แบบนี้ !!”
มานพยืนนิ่งแล้วค่อยๆถอดหน้ากากงิ้วโยนทิ้ง ยอมเปิดหน้าที่แท้จริงให้เห็นกันจะๆ
“ใช่ !! ฉันนี่แหละพยัคฆ์เมฆาที่จะขย้ำมังกรไร้น้ำยาอย่างแก..ไอ้เล้ง !!”
เจ้าสัวเจ็บปวดโกรธแค้นตาแดงก่ำ
“มานพ !!..แก..ทำไม..ทำไม !”
“แกอย่ามาถามฉันเลยว่าทำไม เพราะกว่าที่ฉันจะสาธยายความเกลียดที่มีต่อแกหมด ใช้เวลาทั้งคืนก็คงไม่พอ”
“นี่แก…แกเกลียดหน้าพ่อบังเกิดเกล้าของแกได้ยังไง”
“พ่อเหรอ..ฮ่าๆๆๆ แกไม่ใช่พ่อฉันหรอกไอ้เล้ง เพราะฉันไม่ได้มีสายเลือดของแกอยู่ในตัว แม้แต่หยดเดียว”
“หมายความว่าไง...ฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่เล็กๆ ฉันเห็นแกมาตั้งแต่…”
เจ้าสัวพูดไปก็ชะงักเมื่อนึกถึงวันที่ได้เจอมานพครั้งแรก หลังเหตุการณ์ที่พราวแสงตายแล้วดวงแขพามานพมาหาตน...ดวงแขโผเข้ามาซบอกกอดเจ้าสัวอย่างดีใจ
“ฉันนึกว่าฉันจะช่วยคุณไว้ไม่ได้แล้วซะอีก”
“ฝีมือเธอเหรอที่เอาหลักฐานจ้างวานของมันไปให้ตำรวจ”
“ค่ะ...ฉันหมั่นไปไหว้บรรพบุรุษของคุณ อ้อนวอนขอให้คุณปลอดภัย แล้วโชคก็เข้าข้าง ทำให้รู้ความลับของมัน”
“ขอบใจเธอมากนะดวงแข”
“ไม่ใช่ฉันคนเดียวนะคะที่ดีใจ...ทายาทของคุณเขาก็ถามหาคุณทุกวันเหมือนกัน”
ดวงแขพูดไปก็หันไปให้เจ้าสัวดูมานพที่เดินเข้ามา
“ตานพ...เรียกพ่อสิลูก”
มานพเดินเข้ามาหาเจ้าสัว ที่พอเห็นสายเลือดตัวเองก็จุกอก
“มานพ”
“พ่อครับ”
เจ้าสัวดีใจจนน้ำตาซึม เข้าไปดึงมานพมากอดไว้อย่างดีใจ
“ขอบคุณบรรพบุรุษ ที่ทำให้ฉันยังเหลือสายเลือดมังกรอยู่”
เจ้าสัวเล้งแทบจะประครองตัวไม่อยู่ เพราะความเจ็บปวดรวดร้าวที่รู้ว่าตัวเองถูกหลอก
“แก...ถ้าแกไม่ใช่สายเลือดของฉัน แล้วแกเป็นลูกใคร..นังดวงแขมันเอาลูกใครมาหลอก ว่าเป็นสายเลือดฉัน”
“แกจะอยากรู้ไปทำไมวะไอ้เล้ง..เพราะถึงแกรู้ไปมันก็ไม่ได้ช่วยทำให้แกรอดจากเงื้อมือ ของฉันไปได้หรอก..ชาญ !!”
ชาญรับคำแล้วเดินดิ่งไปใช้เชิงมวยเล่นงานเจ้าสัว แต่ก็ถูกเต้าสัวโชว์ชั้นเชิงที่เก๋ากว่า ดุดันกว่าทั้งซัดด้วยหมัดและ ท่าเตะอย่างหนักหน่วงเล่นงาน จนเซถลาเลือดกบปาก ชาญเจ็บเอาเรื่อง
“นายครับ”
มานพจ้องเล้งเขม็ง เมื่อเห็นว่าลูกน้องรับมือไม่ได้ก็ปลดกระดุมแล้วถอดเสื้อออกเผยให้เห็นรอยสักพยัคฆ์เมฆาอันน่าเกรงขาม
“งั้นฉันเอง”
มานพร้องเสียงดังแล้วปรี่เข้าไปประเคนหมัดเข่าศอกใส่เจ้าสัวไม่หยุด เจ้าสัวโต้ตอบด้วย เชิงมวยที่สุขุมกว่า ก่อนจะซัดหมัดเข้าหน้ามานพอย่างจังจนมานพผงะ เจ้าสัวตกใจเพราะยังมีความรักลูกอยู่
“มานพ !!”
มานพเช็ดเลือดมุมปากแล้วปรี่เข้าไปซัดเจ้าสัวหนักๆเอาคืนอย่างรุนแรง จนเจาสัวเป็นฝ่ายโดนถีบกระเด็นไปกระแทกกับกองไม้ เมื่อเจ้าสัวลุกขึ้นมา มองอย่างโกรธแค้น
“เข้ามาเลยไอ้เล้ง แกมันก็แค่ไอ้มังกรไร้น้ำยา..หมดยุคที่แกจะยิ่งใหญ่อีกแล้ว”
เจ้าสัวจ้องมานพเขม็งก่อนจะถอดเสื้อออก แล้วโยนทิ้งเผยให้เห็นรอยสักมังกรที่แผ่นหลัง ใบหน้าเล้งเจ็บปวดปน โกรธแค้นสุดๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
เจ้าสัวมีความสุขกับมานพ ขณะที่เชิดสิงโตปะทะมังกร
“ขอให้พ่อมีอายุมั่นขวัญยืน อยู่เป็นร่มเงาให้ผมนานๆนะครับ”
“มานพ”
เจ้สัวเล้งมองลูกชายด้วยความปลาบปลื้มยินดี เอาแหวนหยกมาสวมที่นิ้วแล้วตบบ่าบีบไหล่
“ขอบใจมากมานพ..แกคือลูกชายที่สวรรค์ส่งมาให้ฉัน..แกจะต้องเป็นมังกรวารีที่ยิ่งใหญ่ กว่าฉันแน่นอน”
เจ้าสัวเจ็บแค้น พุ่งเข้าไปปะทะกับมานะ หมัดต่อหมัด อย่างรุนแรงหนักหน่วงไม่มีใครยอม
ทั้งเจ้าสัวและมานพถีบกันแรงๆจนกระเด็นไปทั้งคู่ มานพเริ่มเพลี่ยงพล้ำลุกไม่ขึ้น ชาญจะเข้าไปซ้ำ แต่ก็โดนเตะทีเดียวตัวหมุนคว้าง จากนั้นก็ดิ่งเข้าไปหามานพที่ต้องเริ่มถอยและคลานหนี
“จะหนีไปไหน...ไอ้ลูกทรพี”
เจ้าสัวตามไปถีบมานพโครมจนล้มกลิ้ง แล้วหันไปคว้าท่อนไม้ขึ้นมาแล้วเดินตาม มานพพยายามร้องขอ
“อย่า..อย่านะครับพ่อ..ผมยอมแล้ว..ผมขอโทษ”
“ขอโทษเหรอ..คำขอโทษของไอ้ปลิ้นปล้อนอย่างแกมันช่วยชีวิตแกไม่ได้อีกแล้ว..ทรพี”
เจ้าสัวฟาดไม้ลงไปที่มานพไม่ยั้งอย่างรุนแรงบ้าคลั่ง มานพได้แต่ยกมือปัดป้องและร้องครวญคราง
“อย่าพ่อ..ผมขอโทษ..ผมขอโทษ”
เจ้าสัวไม่หยุด ฟาดมานพจนกระทั่งเสียงปืนดังขึ้นด้วยฝีมือของโหงว
“ปล่อยลูกชายอั้วเดี๋ยวนี้ไอ้เล้ง”
เจ้าสัวหันไปเห็นโหงวขับรถเข้ามารอรับตัวมานพ พร้อมกับใช้ปืนขู่ ชาญเห็นมีคนมาช่วยก็รีบเข้าไปช่วยประคองมานพพาไปหาโหงว
“ไอ้โหงว..ที่แท้มันก็ลูกแก”
“เร็วสิวะไอ้ชาญ”
ชาญรีบพามานพขึ้นรถได้อย่างปลอดภัย โหงวแค้นๆ
“ลื้อไม่ได้ฉลาดไปกว่าอั้วหรอกไอ้เล้ง แต่ลื้อมันโคตรโง่เลยต่างหาก โง่ที่หลงเชื่อเลี้ยงลูก อั้วให้มาฆ่าลื้อไง”
โหงวยิงใส่เจ้าสัวทันทีแต่เจ้าสัวกระโจนหลบ โหงวรีบขับรถพามานพออกไป เจ้าสัวพยายามจะวิ่งตามแต่ไม่ทัน
“ไอ้โหงว...มานพ !!”
เจ้าสัวยืนกัดฟันกรอดเจ็บแค้นเป็นอย่างมาก
บริเวณดาดฟ้า...ดุจแพรอยู่กับกิ่งเหมยสองคน
“ว่าไงนะคะ...คุณแพรน่ะเหรอจะแต่งงาน” กิ่งเหมยตกใจ
“จ้ะกิ่งเหมย”
“กับใครคะ”
“กับอู๊ดดี้จ้ะ”
“แต่คุณแพรไม่ได้รักเขา...แล้วจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง”
“วันนี้ฉันอาจจะยังไม่รักเขาแต่ในเมื่อเขารักฉันมาก เขาก็ต้องทำให้ฉันมีความสุขได้”
“แต่ฉันคิดว่าคุณทำอย่างนี้เพราะ...”
กิ่งเหมยนิ่งไป ดุจแพรมองหน้า
“เพราะประชดเธอกับหยกน่ะเหรอ...ไม่ใช่นะกิ่งเหมย ฉันอยากเห็นเธอสองคนมีความสุข ด้วยกันจริงๆ แต่ที่ฉันเลือกแต่งงานกับอู๊ดดี้เพราะฉันอยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ป๋าจะได้ เลิกเป็นมาเฟียซะที”
ดุจแพรน้ำตาคลอและสะอื้นเบาๆ กิ่งเหมยรับรู้ได้ว่าเธอเสียใจ
“นี่เป็นทางเลือกเดียวของฉันที่จะช่วยรักษาชีวิตทุกคนไว้ได้ เพราะจุดจบของมาเฟียถ้า ไม่ติดคุกก็ต้องตาย มันไม่มีทางเลือกอื่น”
กิ่งเหมยฟังแล้วอดเป็นห่วงหยกไม่ได้ ดุจแพรเห็นสีหน้าก็เข้าใจกิ่งเหมย
“สำหรับหยกเธอไม่ต้องห่วงนะ หยกจะไม่มีทางมีจุดจบเหมือนมาเฟียคนอื่นๆแน่นอน”
“หมายความว่ายังไงคะ คุณแพร”
ดุจแพรมองหน้ากิ่งเหมย พร้อมจะเล่าให้ฟัง...หยกที่ยืนไกลออกมาได้ยินสิ่งที่ดุจแพรบอกกิ่งเหมย
ก่อนหน้านี้ ดุจแพรเข้ามาบอกเสี่ยตงอย่างจริงจัง
“แพรตกลงค่ะป๋า แพรจะยอมแต่งกับอู๊ดดี้แล้วย้ายไปอยู่อังกฤษ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนที่ ป๋าต้องทำตาม”
“ข้อแลกเปลี่ยนอีกแล้ว ที่ป๋าอยากให้แพรแต่งงานไปอยู่ที่อื่น ป๋าทำเพื่อแพรทั้งนั้น แล้วทำไมแพรจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกับป๋าอีก”
“ป๋าก็รู้ว่าแพรไม่ได้รักเขา”
“เฮ้อ...อยู่ไปเดี๋ยวก็รักกันเอง ไอ้อู๊ดดี้มันรักเราจะตาย”
เสี่ยตงไม่ยอมคุยด้วยดุจแพรเลยต้องเดินไปขวาง
“แต่ป๋าต้องทำตามที่แพรขอ...ถ้าป๋ายังอยากเห็นแพรมีความสุขจริงๆ
เสี่ยตงนิ่งไปครู่
“เอ้าก็ได้...ว่ามา...อยากให้ป๋าทำอะไร”
“ป๋าต้องปล่อยหยกไปเพราะเขาจะไม่ใช่ลูกน้องป๋าอีกแล้ว แพรขอล่ะ ป๋าต้องปล่อยให้ เขามีชีวิตสงบสุขกับกิ่งเหมย”
“ยัยแพร !!”
เสี่ยตงตกใจมาก
หยกที่ฟังอยู่ถึงกับอึ้งไปไม่ต่างจากกิ่งเหมย หยกรีบเดินเข้ามาทันที
“คุณไม่ควรทำเพื่อผมนะครับคุณหนู...ผมทำให้คุณต้องเสียใจ ไม่ควรได้รับการช่วยเหลือ อะไรจากคุณทั้งนั้น”
“เรื่องระหว่างเธอกับฉัน ไม่มีอะไรที่ต้องติดค้างกันอีกแล้วนะหยก และที่ฉันทำลงไปฉันก็ ไม่ได้ทำเพื่อเธอคนเดียว แต่เพื่อน้องสาวของฉันด้วยต่างหาก”
“แต่ว่า...”
“พอได้แล้วหยก...หรือว่าเธออยากเห็นฉันเป็นนางร้าย กรี๊ดๆๆจะแย่งเธอให้ได้”
หยกเจอดุจแพรย้อนดักคอเข้าไปก็พูดไม่ออก กิ่งเหมยรู้สึกซาบซึ้งกับดุจแพร
“ฉันขอบคุณมากนะคะคุณแพร คุณอยากเห็นเรามีความสุข...แต่คุณก็ต้องมีความสุข ด้วยสิคะ”
“การได้เห็นคนที่ฉันรักมีความสุขนั่นแหละคือความสุขของฉัน ถ้าฉันช่วยอะไรได้ บอกฉัน เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ จะให้ฉันช่วยหาหมอเก่งๆมารักษาเธอก็ได้นะ”
“เรื่องนั้นฉันคงไม่รบกวนคุณหรอกค่ะ ฉันกำลังรอความหวังจากผู้ที่พร้อมจะบริจาคดวง ตาให้ ถ้าโชคเข้าข้างไม่ต้องรอนาน ฉันก็จะได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง”
“จริงเหรอกิ่งเหมย...ฉันดีใจจังเลย”
ดุจแพรดึงกิ่งเหมยมาสวมกอดด้วยความดีใจ
ดวงแขคุยโทรศัพท์กับโหงวอย่างตื่นตระหนก
“หา !! เล้งรู้เรื่องตานพแล้วเหรอ...แล้วทำไมแกเพิ่งจะโทรมาบอกฉัน”
โหงวพามานพมารักษาตัว และหลบซ่อนที่ห้องทำงานในเลาจ์
“มานพโดนไอ้เล้งเล่นงานมาหนัก ฉันต้องพามารักษาตัวและหาที่ซ่อนให้”
โหงวพูดไปไม่ทันขาดคำเสียงร้องเจ็บแผลของมานพที่ถูกลูกน้องช่วยทำแผลก็ดังลั่น
ดวงแขตกใจ
“มานพ...มานพเป็นอะไรมากรึเปล่า”
“ถ้าฉันไม่ลากมันออกมา ไอ้เล้งได้ฆ่ามันแน่...เหลือก็แต่เธอนั่นแหละ รีบหนีออกมาจาก ที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้นไอ้เล้งเล่นเธอหนักแน่”
“ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ดวงแขรีบวางสายหน้าตาเครียดอย่างมาก พอตั้งสติได้ก็รีบไปคว้ากระเป๋าเดินทางมาเก็บทรัพย์สิน พวกกล่อง เครื่องเพชร ทองและเงินสดที่มีอยู่ทั้งหมดยัดใส่ลงกระเป๋า
ดวงแขลากกระเป๋ารีบลงจากบันไดชั้นสองลงมา แต่เจอนนท์กับลูกน้องรีบมาขวางทางไว้
“คุณนายจะไปไหนครับ”
“ฉันจะไปไหนมันเกี่ยวอะไรกับพวกแก...หลบไป”
“แต่เจ้าสัวสั่งห้ามไม่ให้คุณนายออกไปจากบ้านนี้เด็ดขาด...กลับเข้าไปในห้องเถอะครับ”
“ไม่...ถ้าพวกแกไม่หลบฉันล่ะก็”
ดวงแขชักปืนออกมาจากกระเป๋าถือแล้วเล็งไปที่นนท์
“ฉันยิงพวกแกเรียงตัวแน่...หลบไป !!”
นนท์กับลูกน้องชะงัก ระหว่างนั้นเจ้าสัวเล้งเดินเข้ามาจากประตูใหญ่
“ผู้หญิงอย่างเธอคิดจะสู้กับลูกน้องฉัน มันไม่คิดสั้นไปหน่อยเหรอดวงแข”
ดวงแขหน้าตื่น
“เล้ง !!”
“ทิ้งปืนซะ...ก่อนที่จะโดนลูกน้องฉันเล่นงาน”
“ฉันจะไม่ยอมตายอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยฝีมือแกหรอก...ไอ้เล้ง”
ดวงแขหันปากกระบอกปืนจะยิงใส่ แต่กลับถูกนนท์จู่โจมเข้าไปใช้มือเปล่าแย่งปืนมาจากมือแล้วจัดการ ปลดแม๊กกาซีนอย่างรวดเร็ว ลูกน้องอีกคนตบหน้าดวงแขแล้วจับตัวล็อคเอาไว้
“ปล่อยฉันนะ...ปล่อย...บอกให้ปล่อย”
ดวงแขร้องโวยวายดังลั่น ส่วนเล้งใจเย็นค่อยๆเดินเข้าไปหาดวงแข
“เธอก็รู้จักฉันดีนะดวงแขว่าฉันเป็นคนยังไง เธอรู้ดีว่าฉันเกลียดการโกหกและทรยศ หักหลังที่สุด”
ดวงแขหน้าเสีย
“เล้ง...ฉัน...ฉันขอโทษ บอกให้ลูกน้องเธอปล่อยฉัน แล้วเรามาคุยกันดีๆนะเล้ง”
“เธอจะมาคุยอะไรกับฉันอีกดวงแข จะหาข้ออ้างมาแก้ตัวเพื่อให้ตัวเองรอด ด้วยการดูถูก ว่าฉันเป็นไอ้โง่อย่างนั้นเหรอ”
“ฉัน...ฉันจำเป็นจริงๆนะเล้ง ฉันถูกบังคับให้ทำ...ไอ้โหงวมันสั่ง...ถ้าฉันไม่ทำ มันขู่จะฆ่าฉัน”
เจ้าสัวยิ่งเจ็บใจที่ดวงแขพยายามจะปลิ้นปล้อนเลยตบหน้าทันที...เพี๊ยะ !!
“เธอหักหลังไอ้โหงวส่งมันเข้าคุก แล้วเอาลูกชายมันมาตบตาว่าเป็นสายเลือดคนสุด ท้ายของฉัน...ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว...เลิกตอแหลสักที !!”
“เล้ง...ฉันขอโทษ ฉันเห็นเธอไร้ทายาทสืบสกุล ฉันก็เลยอยากให้มานพได้โอกาสนี้ อย่าโกรธฉันเลยนะเล้ง ที่ผ่านมาเธอก็รักมานพได้ทั้งที่เขาไม่ใช่สายเลือดนะ”
ดวงแขร้องไห้ พยายามเข้ามากอดขาเจ้าสัว
“ฉันเป็นเมียเธอนะเล้ง ฉันปรนนิบัติดูแลเธอมาตั้งหลายปี ฉันช่วยจัดการกับไอ้โหงวให้ เธอ ฉันช่วยทำให้เธอได้อุ้มลูกเหมือนอย่างคนอื่นเขา ยกโทษให้ฉันเถอะ ไว้ชีวิตฉัน แล้ว ฉันจะไม่มายุ่งกับเธออีก...นะเล้ง...ฉันขอร้องล่ะ...”
เจ้าสัวยืนนิ่งมองดวงแขอย่างครุ่นคิดก่อนจะเหลือบไปมองกระเป๋าเดินทางที่ดวงแขจะเอาติดตัวออกไปด้วย เขาสงสัยว่าในนั้นมีอะไรเลยพยักหน้าให้ลูกน้องเปิดออกแล้วเทออกมา สร้อยเพชร เงินสด และของมีค่ามากมายถูกเทออกมากองตรงหน้า ดวงแขหน้าเสีย
”ทั้งหมดนี่คือของที่ฉันปรนเปรอเธอมาทั้งชีวิต...เห็นแค่นี้ฉันก็รู้แล้วว่าเธอไม่คิดจะจน ตรอกหรอกดวงแข แต่คนอย่างเธอพร้อมที่จะแว้งกัดคนที่เลี้ยงเธอมาได้ตลอดเวลา”
เจ้าสัวจิกหัวดวงแขขึ้นมาอย่างเอาเรื่องสุดๆ
“เล้ง...ไว้ชีวิตฉันเถอะ...ฮือๆๆ...อย่าฆ่าฉันเลย...ฮือๆๆ”
เจ้าสัวเล้งตัดสินใจ
“เธออยากให้ฉันให้โอกาสเธออีกครั้งใช่มั้ย”
ดวงแขพยักหน้า
“ได้...ฉันจะให้ โอกาสเธอ”
เจ้าสัวบอกดวงแขแล้วผลักไปให้ลูกน้องจับตัวไว้ ส่วนเขาก็เดินออกจากบ้านไปแล้วให้ลูกน้องพาดวงแขตามเขาไป ดวงแขหน้าตื่นหวาดกลัว
“จะพาฉันไปไหนน่ะเล้ง...เล้ง...จะพาฉันไปไหน”
รถเจ้าสัวเล้งจอดที่บริเวณที่ทิ้งขยะซึ่งเป็นแหล่งเสื่อมโทรมแห่งหนึ่ง เจ้าสัวลงจากรถหน้านิ่งเคร่งขรึม ส่วนดวงแขที่ถูกจับมัดตัวมาด้วยและมีถุงผ้าดำคลุมหัวถูกพาตัวออกมาจากรถ ดวงแขมองไปรอบๆอย่างระแวง
“เธอ...เธอพาฉันมาที่นี่ทำไมล่ะเล้ง”
“เธอเรียกร้องโอกาสจากฉัน ฉันก็จะให้เธอไง”
เจ้าสัวพยักหน้าให้นนท์แก้มัดเชือกที่มือให้ ดวงแขดีใจ
“เธอจะปล่อยฉันจริงๆใช่มั้ยเล้ง...ขอบคุณมากนะ”
ดวงแขจะเข้าไปไหว้ขอบคุณ แต่นนท์กลับชักปืนมาจ่อไม่ให้เข้าใกล้
“ฉันเหลือแต่ตัวแบบนี้แล้ว จะทำอะไรเล้งได้ ฉันก็แค่อยากขอบคุณเขา”
“เธอไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกดวงแข ที่ฉันยอมปล่อยเธอเพราะเห็นว่าเธออยู่กับฉันมา นาน ดูแลฉันมาอย่างดีตลอด ยังไงฉันก็ไม่ให้เธอไปแต่ตัวแน่”
เจ้าสัวพูดเสร็จก็หันไปที่ลูกน้องให้เอากระเป๋าสมบัติของดวงแขออกมา แต่แทนที่จะยื่นให้ทั้งกระเป๋าพวกลูกน้องกลับเอาสร้อยคอ แหวนเพชร ทั้งหมดมาประโคมสวมใส่ให้ดวงแขจนพราวแพรวแวววาวไปทั้งตัว ดวงแขงง
“ทำอย่างนี้หมายความว่ายังไงน่ะเล้ง”
“สมบัติพวกนี้ฉันซื้อมาให้เธอ ในเมื่อเธอจะไปจากฉัน ฉันก็ไม่คิดจะเอาคืน ถ้าเธอรอด ไปได้มันก็จะเป็นสมบัติให้เธอตั้งตัวได้”
ดวงแขชะงัก
“รอดไปได้ ฉันไม่เข้าใจ”
เจ้าสัวเล้งหน้านิ่งไม่พูดอะไรหันไปให้นนท์เป็นคนจัดการต่อ นนท์พยักหน้ารับคำสั่งแล้วเอาปืนจ่อดวงแข
“บอกลาเจ้าสัวได้แล้วครับคุณนาย”
ดวงแข ยิ่งระแวงและกลัว
“เล้ง...เธอจะให้ลูกน้องทำอะไรฉัน”
“ลาก่อนดวงแข...ขอบใจมากสำหรับวันเวลาที่เธอเคยรักฉัน ที่ผ่านมาไม่ว่าเธออยากได้ อะไรฉันก็ให้เธอหมดทุกอย่าง เพราะฉะนั้นฉันถือว่าได้ตอบแทนเธอไปหมดแล้ว จากนี้ ไปเราไม่มีให้ติดค้างกันอีก”
เจ้าสัวบอกดวงแขแล้วเดินไปนั่งรอลูกน้องในรถ ปล่อยให้นนท์เอาปืนจี้พาดวงแขออกไป
“เล้ง...เล้ง...เล้ง”
เจ้าสัวนั่งนิ่งๆอยู่ในรถแววตาเคร่งขรึมราวกับพญามังกร
อีกด้านหนึ่งของกองขยะที่มีพวกคนจรจัดกับขอทานจับกลุ่มชกต่อยแย่งตีของมีค่าที่หาได้จากกองขยะ พวกนั้นเป็นผู้ชายกันหมด เนื้อตัวสกปรกมอมแมม ดวงแขที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยสร้อยเพชร แหวนเพชรของมีค่าเต็มตัวถูกนนท์เอาปืนจี้หลังพาเข้ามา ทันทีที่เธอเห็นภาพขอทานพวกนั้นก็ตกใจหน้าเสียรู้ชะตาตัวเองทันที
“นี่...นี่เล้งสั่งให้แกพาฉันมาที่นี่เหรอ”
“ครับคุณนาย”
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 19 (ต่อ)
“ไม่นะนนท์...พาฉันไปที่อื่น...อย่าพาฉันมาที่นี่”
ดวงแขจะเดินหนีแต่ถูกนนท์เอาปืนจี้ขู่จริงจัง
“เจ้าสัวให้โอกาสคุณนายได้หนีแล้ว เพราะฉะนั้นคุณนายต้องรับไปไม่งั้น...” นนท์ขึ้นไกปืน “เลือกเอาครับว่าจะตายหรือจะหนี”
“แต่ไอ้พวกนั้นมันต้องเล่นงานฉันแน่...พาฉันกลับไปเถอะนะ...ฉันขอร้อง”
“เลือกครับคุณนาย...จะตายหรือจะหนี”
นนท์นิ้วแตะไกปืนพร้อมจะยิงทิ้งทำให้ดวงแขกลืนไม่เข้าคายไม่ออกรีบวิ่งออกไปทันที เธอวิ่งออกมาได้แค่ไม่กี่ก้าวพวกขอทานกับคนจรจัดหน้าตาน่ากลัวพากันเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังมองสร้อยคอ แหวนเพชร ของมีค่าทั้งตัวอย่างตาเป็นมัน
“อย่านะ...ถอยไป...ไปให้พ้น อย่าเข้ามาใกล้ฉัน...ไป...ฉันบอกให้ไป”
ขอทานคนหนึ่งเข้ามาใกล้ ดวงแขรีบผลักมัน อีกคนเข้ามาจับแขน ดวงแขรีบแกะมือมัน
“บอกว่าอย่ามายุ่งกับฉัน...ไปให้พ้น...ไอ้โสโครก”
ดวงแขสบัดตัวและผลักพวกมันก่อนจะรีบวิ่งหนี พวกมันทั้งหมดมองตามตาเป็นมันก่อนจะพากันวิ่งไล่ตาม
นนท์เดินกลับมาที่รถ เข้ามานั่งที่นั่งคนขับ
“เรียบร้อยแล้วครับเจ้าสัว”
“ชีวิตคนเราก็แค่นี้ หมดบุญที่ทำก็ต้องชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อ”
นนท์พยักหน้ารับแล้วขับรถเคลื่อนออกไปช้าๆ
ดวงแขวิ่งล้มลุกคลุกคลานหนีพวกขอทานกับคนจรจัดที่วิ่งไล่ตามมา
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย”
รถวิ่งช้าๆมาตามถนน เจ้าสัวเล้งอยู่ในรถหางตามองดวงแขที่กำลังวิ่งหนีอยู่ข้างทางอย่างนิ่งเฉย ดวงแขเห็นรถก็รีบวิ่งร้องตะโกนดังลั่น
“เล้ง...อย่าทำกับฉันแบบนี้ ช่วยฉันด้วย...เล้ง...เล้ง”
เจ้าสัวเฉยเมยใบหน้าไร้อารมณ์ใดๆทั้งสิ้น
“เล้ง...ฉันขอโทษ...เล้ง...ช่วยฉันด้วยสิ...เล้ง”
ดวงแขวิ่งจนสะดุดหกล้ม เจ้าสัวค่อยๆกดเลื่อนกระจกขึ้นจนปิดสนิท แม้เธอจะพยายามตะเกียกตะกายแต่เขาก็ไม่แยแสนั่งรถออกไป ทิ้งให้ดวงแขอยู่ท่ามกลางวงล้อมของพวกขอทาน คนจรจัดที่ตามมาทัน
“ออกไป อย่ามายุ่งกับฉัน...ออกไป...ออกไป”
พวกมันแสยะยิ้มมองสมบัติของดวงแขตาลุกวาว คนหนึ่งมากระชากสร้อยคอออกไปจากคอ
“อยากได้ใช่มั้ย...เอาไปให้หมดเลย เอาไป...ฉันให้พวกแก แล้วไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
ดวงแขถอดสร้อยถอดแหวนทั้งหมดแล้วโยนให้พวกมันจนหมดตัว พวกมันเลยกรูกันเข้ามาแย่งกันใหญ่ บางคน ถึงกับชกต่อยกันอย่างบ้าคลั่ง ดวงแขเห็นพวกมันกำลังวุ่นวายกับการแย่งสมบัติเลยรีบลุกหนี แต่ล้มไปข้อเท้าเจ็บทำให้เดินกระเผลก ดวงแขกระเสือกกระสนหนีไปได้ไม่กี่ก้าว พวกมันทั้งหมดก็หยุดแย่งสมบัติแล้วหันมามองเธอตาลุกวาวอีก
“ยัง...ยังจะเอาอะไรอีก...ฉันให้พวกแกไปหมดแล้วนะ...ไปสิ...อย่ามายุ่งกับฉัน”
พวกมันไม่ยอมไปไหนกลับพากันกรูเข้ามาใกล้ดวงแข สายตาโลมเลียเธออย่างหื่นกระหาย ดวงแขตื่นกลัว
“อย่า...อย่านะ...อย่าเข้ามาใกล้ฉัน ถ้าพวกแกปล่อยฉันไป พวกแกจะได้มากกว่าที่ ได้ไปเมื่อกี้อีก...ฉันพูดจริงๆนะ ลูกฉันมีให้พวกแกอีกเยอะ”
พวกมันไม่สนใจยิ้มหื่นล้อมเธอจนไม่สามารถหนีไปไหนได้อีกตกอยู่ในวงของพวกมันเต็มๆ เสียงหัวเราะอย่าง หื่นกระหายของพวกมันดังลั่น ดวงแขหน้าตื่นตกใจกลัวสุดฤทธิ์ ยกมือไหว้ขอร้องรอบวง
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ...ฉันขอร้อง...ปล่อยฉันไปเถอะ...ปล่อยฉัน...ปล่อยฉัน...กรี๊ดดด”
เสียงกรีดร้องของดวงแขดังลั่นอย่างน่าเวทนา
วันใหม่...หยกอยู่กับธงรบ
“ถ้าแกได้เห็นกับตาตัวเองว่าเจ้าสัวเล้งโมโหมากขนาดไหนที่รู้ว่าโดนลูกชายตัวเองหัก หลัง แกจะสะใจเหมือนฉันเลยไอ้หยก นั่งดูมาเฟียมันกัดกันเองเหมือนดูหมากัดกัน”
“มันไม่ใช่เรื่องน่าสะใจหรอกครับหมวด สำหรับผมแล้วผมไม่ถือว่าเขาเป็นมาเฟีย”
“ถึงหน้าฉากเขาจะเป็นนักธุรกิจใสซื่อมือสะอาด แต่แกก็เห็นอยู่ว่าเจ้าสัวเล้งเลี้ยงนัก เลงไว้เพียบ”
“เขาทำอย่างนั้นเพราะต้องการเปลี่ยนนักเลงให้เป็นคนดี”
“แกเป็นสายอยู่กับพวกมาเฟียมาตั้งนาน...แกเชื่อเหรอว่าเจ้าสัวเล้งจะทำได้”
หยกนิ่งไป
“เขาใช้คุณธรรมในการปกครองคน อ่อนให้คนดีแข็งให้คนเลว เพราะเป็นเขา ผมถึงเชื่อ”
“แต่แกอย่าลืมนะหยก...ตอนนี้เราไม่มีผู้การหนุนหลัง ถ้าจะจัดการกับพวกมาเฟีย ทาง เดียว ก็คือต้องให้มันฟัดกันเองให้พวกมันนองเลือดจนชิบหายกันไปเอง”
หยกฟังแผนการของธงรบแล้วแต่ใจคอไม่ค่อยดีเพราะสังหรณ์ใจ ธงรบตบบ่า
“เอาน่า...แกจะต้องไปกังวลอะไรอีกวะ ก็เห็นคุณแพรช่วยไม่ให้แกต้องเข้าไป เกี่ยวข้องกับไอ้เสี่ยตงได้แล้วนี่หว่า จากนี้ไปแกจะได้แต่งงานมีความสุขกับกิ่งเหมยไง”
“แล้วคุณล่ะหมวด คุณจะเรียกคืนชีวิตคุณมาได้ยังไง”
“จะต้องมาห่วงฉันทำไม...ถึงเวลาแกแต่งงานไปแล้ว แกจะต้องเสียดายชีวิตโสดแบบฉัน”
ธงรบหัวเราะกวนเดินออกไป
กิ่งเหมยเช็ดทำความสะอาดโต๊ะอยู่ในบ้าน หยกเดินเงียบๆเข้ามาข้างหลังพร้อมกับดอกไม้ช่อหนึ่ง กิ่งเหมยได้ยินเสียง
“ใครน่ะ”
หยกอมยิ้มไม่ตอบแต่เดินเข้าไปใกล้ๆแล้วยื่นดอกไม้สวยๆช่อนั้นเข้าใปใกล้ๆหน้าของเธอ
“หอมจัง...หยก...เธอใช่มั้ย”
“ใช่...ฉันเอง...ทำไมถึงคิดว่าเป็นฉันล่ะ”
“คงไม่มีใครอุตริเอาดอกไม้หอมๆมาจ่อหน้าฉันแบบนี้หรอกถ้าไม่ใช่เธอ”
“เอ้า...ก็เธอมองไม่เห็นความงามของดอกไม้ ฉันก็อยากให้เธอได้ชื่นชมกลิ่นหอมๆแทนไง”
“อย่ามาปากหวานเลย...ถ้าดอกไม้มีผึ้งตอมอยู่ฉันก็คงโดนผึ้งต่อยจมูกบวม เธอคิดจะ แกล้งฉันต่างหาก...ใช่มั้ยล่ะ”
“หูย...นี่ฉันกำลังจะเป็นว่าที่สามีเธอนะ ฉันแค่อยากจะหวานกับเธอ แต่ดันมาคิดเป็น ตุเป็นตะ สงสัยแต่งงานกันไปมีหวังต้องฟังเธอบ่นฉันจนหูชาแน่”
กิ่งเหมยชะงัก
“หยก !!”
กิ่งเหมยงอนๆ แล้วหยิบไม้เท้าเดินออกไปทันที
“อ้าว...กิ่งเหมย”
กิ่งเหมยออกมานั่งที่ม้าหินหน้าบ้าน อย่างงอนๆ หยกตามออกมาง้อ
“ไม่เอาน่า...แค่นี้ก็ต้องงอนด้วย ฉันก็พูดไปอย่างนั้น เรื่องฟังเธอบ่นฉัน ฉันฟังมาตลอด ชีวิตแล้ว รับรองว่าไม่มีหือเธอแน่ๆ จะยอมให้ภรรยาคนสวยคนเดียวเลย”
หยกพูดไปก็ดึงมือกิ่งเหมยมากุม แต่เธอกลับดูจริงจังขึ้นมาแล้วดึงมือออก
“ทำไมล่ะกิ่งเหมย”
“เธอไม่คิดบ้างเหรอหยก”
“คิดอะไรอีก...หรือว่าเธอจะเปลี่ยนใจ ฉันไม่ยอมนะกิ่งเหมย”
“ฉันไม่ได้จะเปลี่ยนใจแต่ว่า...ฉันกังวล เรารู้จักกันมาทั้งชีวิต เป็นเพื่อนกันมาตลอด แล้ว อยู่ๆเราต้องมาเป็นสามีภรรยากัน ฉันก็เลย...”
“เธอกลัว...กลัวว่าการแต่งงานจะเปลี่ยนแปลงความรักของเราใช่มั้ย”
“ฉันไม่ใช่คนปกตินะหยก ลำพังคนธรรมดาอยู่ด้วยกันยังเลิกได้เลย”
“ใครจะเป็นยังไงก็ช่างมันแต่ไม่ใช่ไอ้หยกแน่นอน”
“จริงนะหยก...เธอต้องรู้ไว้นะ ถ้าชีวิตข้างหน้าฉันไม่มีเธอ...ฉันขอตายซะดีกว่า”
กิ่งเหมยกังวลจนน้ำตาคลอ หยกเลยต้องช่วยปาดน้ำตาให้อย่างอบอุ่น
“มาพูดเรื่องตายอะไรกันตอนนี้ ชีวิตเรากำลังจะมีความสุขนะกิ่งเหมย”
กิ่งเหมยน้ำตาไหล
“ก็ฉันกลัวนี่”
หยกดึงกิ่งเหมยมาซบบ่าแล้วลูบหัวปลอบใจคนรัก ระหว่างนั้นส้มเช้งเข้ามาพร้อมหิ้วถุงกระดาษมาด้วย ส้มเช้งกระแอม
“อะแฮ่ม...กลางวันแสกๆนะเว้ยเฮ้ยพวกแก ไม่อายชาวบ้านที่เขาเดินไปเดิน มาบ้างเหรอไง”
หยกกับกิ่งเหมยรีบผละออกจากกัน
“มีธุระอะไรเหรอส้มเช้ง”
“ฉันมีธุระกับกิ่งเหมย แต่ถ้าเพื่อนฉันยังไม่พร้อมขออ้อนว่าที่สามีก่อนก็ไม่เป็นไร ฉันไป รอที่บ้านก็ได้”
หยกเซ็ง
“เยอะไปแล้วส้มเช้ง...ที่มามีธุระอะไร”
“ก็...”
กิ่งเหมยนึกขึ้นได้เลยรีบลุกพรวดเสียงดังขัดทันทีไม่ให้ส้มเช้งพูด
“ส้มเช้ง !!”
“เออใช่...เกือบลืม”
ส้มเช้งรีบเข้าไปดันหยกออกไปห่างๆแล้วจับมือกิ่งเหมยดึงเข้าบ้าน
“หลบไปเลยไอ้หยก...นี่เป็นเรื่องของผู้หญิง...ห้ามยุ่ง”
ส้มเช้งรีบลากกิ่งเหมยพาเข้าบ้าน พร้อมกับถุงกระดาษที่หิ้วมาด้วย
ตงเดินโอบไหล่ดุจแพรมาตามทางเดินในบ้านกับอู๊ดดี้
“ผู้ใหญ่คุยกันเรียบร้อยแล้วตกลงไม่มีปัญหาอะไร ถ้าอู๊ดดี้อยากไปจัดงานที่อังกฤษก็ได้ ตามสะดวก”
“แต่อยากให้สะดวกคุณอาด้วยครับ”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว จะให้อาบินไปเมื่อไหร่ก็ได้”
ดุจแพรออกความเห็น
“งั้นถ้าแพรขอเป็นจัดงาน ตอนที่ป๋าย้ายไปอยู่ที่โน่นถาวรเลย จะดีกว่ามั้ยคะ”
“ไม่เอาน่าแพร...เจ้าบ่าวเขาอยากแต่งงานเร็วๆ แพรจะให้เขามารอพ่อตาเคลียร์ธุรกิจให้ เสร็จก่อนได้ยังไง ไม่ได้ๆๆ...เดี๋ยวไม่ทันอุ้มหลานใช่มั้ยอู๊ดดี้”
อู๊ดดี้ยิ้มรับ
“ครับ”
ดุจแพรจะแย้ง
“แต่ว่า...”
ตงจิกสายตาดุตำหนิ
“แพร...คุยกันแล้วนะ”
ดุจแพรจ๋อยๆ
“ค่ะป๋า”
ระหว่างนั้นเก่งเดินเข้ามาหน้าตาเหมือนมีเรื่องมารายงาน ตงพยักหน้ารับรู้
“เอาล่ะ...” ตงจับมืออู๊ดดี้มากุมมือลูกสาวตัวเอง “จากนี้ไปฉันคงต้องฝากยัยแพรให้อยู่ใน ความดูแลของเธอแล้วนะอู๊ดดี้”
“ครับอา”
“ส่วนลูก...ต่อไปห้ามดื้อกับอู๊ดดี้ พ่อยกเขาให้เราแล้วเพราะฉะนั้น เราต้องฟังเขา”
“ค่ะป๋า”
ตงยิ้มชอบใจแล้วปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันก่อนจะตามเก่งออกไป อู๊ดดี้หันมายิ้มกับดุจแพรโดยที่มือยังกุมมือเธอเอาไว้แน่น...แน่นจนดุจแพรรู้สึกแปลกใจกับรอยยิ้มแปลกๆซ่อนเลศนัยที่อู๊ดดี้มีให้เธอ
ตงเดินเข้ามาที่โต๊ะทำงานฟังเก่งรายงาน
“ว่าไงนะ...ไอ้เล้งน่ะเหรอล้มงานเปิดตัวลูกชายมัน”
“ครับ อยู่ๆก็ล้มงานไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย นักข่าวพยายามถามเหตุผลก็ไม่ยอมบอกอะไร ส่วนลูกชายกับเมียก็หายหน้าไปไม่ยอมออกมาตอบคำถามด้วย”
ตงสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นกับมัน...ฉันนึกว่าไอ้เล้งจะเลิกทำธุรกิจแล้วมาลุยกับฉันอย่างเดียว ซะอีก”
ตงแปลกใจสงสัยอยากรู้
อู๊ดดี้บีบมือดุจแพรพาเดินมาที่บริเวณสระว่ายน้ำ
“อู๊ดดี้...ฉันเจ็บมือ...อู๊ดดี้...ปล่อยเถอะ”
อู๊ดดี้ไม่ยอมปล่อยจนเธอต้องเป็นคนแกะมือเอง
“ทำอะไรของเธอน่ะ”
“ฉันขอโทษ ฉันไม่คิดว่าจะทำให้เธอเจ็บมาก”
“ไม่เจ็บอะไร...เธอบีบมือฉันอย่างกับจะจิกให้เล็บมันทะลุลงไปอย่างนั้นแหละ”
“เหรอ...งั้นขอฉันดูมือเธอหน่อยสิ”
อู๊ดดี้เข้าไปใกล้แล้วขอดูมือ ดุจแพรค่อยๆยื่นมือให้ดูอย่างไม่คิดอะไร แต่พอเขาจับมือเธอได้ก็ดึงรวบเธอมากอด แน่นๆทันที
“นี่เธอทำอะไรน่ะ...ปล่อยฉันนะอู๊ดดี้”
“ปล่อยเหรอ...เธอเป็นของฉันแล้วลูกปลาน้อย เพราะฉะนั้นเธอไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้อง อะไร มันอยู่ที่ความพอใจของฉันเท่านั้นที่จะปล่อยหรือไม่ปล่อยเธอไป”
ดุจแพรอึ้ง
“อู๊ดดี้...นี่เธอ !!”
อู๊ดดี้ยิ้มร้าย
“ใช่แล้วลูกปลาน้อย...ฉันไม่ใช่ไอ้โง่หรือพระรองที่แสนดีที่จะยอมกินน้ำใต้ศอก ของเหลือเดนจากใครมาง่ายๆหรอก”
“เธอคิดจะแก้แค้นฉันเหรอ”
“แก้แค้นเหรอ...แค่คำนั้นมันยังน้อยไป ต้องเพิ่มคำว่าฉันสนุกกับเรื่องนี้ไปด้วย เพราะฉัน จะได้ชีวิตเธอมาอยู่ในมือฉัน จะสั่งซ้ายหันขวาหัน จะทรมานเธอยังไงก็ได้...ฮ่าๆๆ”
ดุจแพรหน้าเสียรีบผลักอู๊ดดี้แล้วจะเดินหนี แต่เขาตามไปดึงมือเอาไว้
“เธอหนีฉันไปไหนไม่ได้หรอกลูกปลาน้อย...เพราะฉันรู้เรื่องที่เธอตกลงกับพ่อเธอไว้แล้ว เอาเลย...ถ้าเธออยากให้พ่อเธอเป็นมาเฟียต่อ อยากเห็นไอ้หมอนั่นเป็นกุ๊ยไปตลอดชีวิต”
ดุจแพรตกใจและโกรธปรี่เข้าไปเงื้อมือจะตบ แต่ชะงักค้างน้ำตาคลออย่างเจ็บปวด
“ถ้าฉันขอโทษเธอ...เธอจะปล่อยฉันไปรึเปล่า”
“ฉันตามตื้อให้โอกาสเธอมานานแล้ว เพราะฉะนั้นคำขอโทษตอนนี้มันสายไปแล้ว”
ดุจแพรได้ยินแบบนั้นเลยตบหน้าทันที...เพี๊ยะ แต่อู๊ดดี้กลับยิ้มชอบใจ
“นอกจากจะไม่ขอโทษแล้วยังซ้ำเติมฉันอีก...เธอเลือกชีวิตต่อไปของเธอได้น่าสนใจ มาก...ลูกปลาน้อย...หึๆๆๆ”
แววตาของอู๊ดดี้ดูร้ายกาจจนทำเอาดุจแพรถึงกับน้ำตาไหลพราก
ส้มเช้งรออยู่ในห้องนอนกิ่งเหมย
“เข้ามาเถอะน่ากิ่งเหมย...ให้ฉันดูสิ...ฉันจะได้แก้ให้แกถูก”
“แต่ฉันอายแก”
“โหย...แกเอ้ย...ถ้าแค่นี้อาย ฉันว่าแกไม่ต้องตงไม่ต้องแต่งหรอก ยกไอ้หยกให้คุณแพร เหมือนที่แกเคยทำดีกว่า”
กิ่งเหมยรีบเดินเข้ามา
“อย่ามาว่าฉันแบบนั้นนะส้มเช้ง !! ฉันทำแบบนั้นเพราะฉันอยากเห็น หยกได้มีชีวิตที่ดีต่างหาก”
ส้มเช้งไม่เถียงกิ่งเหมย เพราะกำลังตะลึงในความสวยงามของเพื่อนในชุดเจ้าสาวสวยๆน่ารักที่ส้มเช้งตัดมาให้
“ไอ้เหมย...ชีวิตดีๆของไอ้หยกน่ะอยู่ตรงนี้ต่างหาก ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก”
“แก...แกหมายถึง...”
“ก็เออน่ะสิ...น่าเสียดายชมัดเลยที่แกดันตาบอดมองไม่เห็นตัวเอง แกรู้มั้ยว่าแกเป็นว่า ที่เจ้าสาวที่สวยที่สุดที่ฉันเคยเห็นมาเลย”
“แกอย่ามาปากหวานกับนะ...เพราะชุดที่แกตัดมาให้รึเปล่า”
“ไอ้บ้าเอ้ย...ฉันจะโกหกแกไปเพื่ออะไร ชุดนี้ฉันตัดให้แกฟรีไม่คิดตังค์ แกสวยฉันก็ต้อง ชมว่าสวยสิ”
“ฉันสวยจริงๆเหรอแก”
“เอ๊ะไอ้นี่...ก็สวยจริงน่ะสิ สวยอย่างกับนางฟ้าเลย...นางฟ้าของไอ้หยก”
กิ่งเหมยฟังส้มเช้งชมแล้วทรุดนั่งซึม
“เอ้า...เป็นอะไรไปอีกล่ะ...เฮ้ย ร้องไห้อีกแล้ว”
“ก็...ก็ฉันเสียดายอ่ะแก ฉันอยากเห็นตัวฉันเองเวลาที่ได้เป็นนางฟ้าของหยก...ฮือๆๆ”
กิ่งเหมยร้องไห้สะอื้น ส้มเช้งถอนใจ
“โอ้ยย...ฉันจะบ้าตาย แกนี่มันโคตรเจ้าน้ำตาเลย ดีใจก็ร้องไห้ เสียใจก็ร้องไห้”
ส้มเช้งบ่นไปแต่ก็ดึงเพื่อนมาโอบกอด
“ฟังนะแก...ถึงแกจะไม่ได้เห็นตัวเอง แต่แค่ไอ้หยกมันได้เห็นว่าแกสวยแค่ไหนในชุด เจ้าสาว ถ้ามันไม่ลงไปดิ้นตายเป็นไส้เดือนโดนขี้เถ้าล่ะก็ ฉันให้แกตื้บเลย”
กิ่งเหมยหลุดขำ
“แกเนี่ยก็...ไส้เดือนโดนขี้เถ้าเลยเหรอ”
“เออ...ก็ไอ้หยกมันผอมๆตัวยาวๆแห้งอย่างกับไส้เดือนไม่ใช่เหรอแก”
กิ่งเหมยหลุดหัวเราะขำอารมณ์ดีขึ้นมาทันที ระหว่างนั้นเสียงหยกดังเข้ามา
“ส้มเช้ง...เสร็จธุระกับกิ่งเหมยของฉันรึยัง...ฉันจะขึ้นไปแล้วนะ”
กิ่งเหมยกับส้มเช้งตกใจ
“อย่าให้หยกขึ้นมาเห็นฉันตอนนี้นะ”
“เออ...รู้น่า...แกรีบถอดชุด เดี๋ยวฉันจะไปกันมันไว้เอง”
ส้มเช้งรีบออกไปทิ้ง กิ่งเหมยให้นั่งอมยิ้มมีความสุขสวยงามน่ารักในชุดแต่งงาน
ส้มเช้งรีบลงมาชั้นล่างเจอหยกกำลังจะขึ้นไปพอดี
“จะขึ้นไปทำไม...เดี๋ยวกิ่งเหมยก็ลงมาแล้ว”
“เธอกับกิ่งเหมยมีความลับอะไรกัน...บอกมานะ”
“ความลับอะไร...ไม่มี”
“ส้มเช้ง !!...ก็ได้ ฉันไม่ถามเธอ ฉันจะไปถามกิ่งเหมย ยังไงก็ต้องบอกฉัน”
“แต่เรื่องนี้ถามไปกิ่งเหมยก็ไม่บอกแกหรอก ไปๆๆ...อย่าสอดรู้สอดเห็นให้มาก รู้จักอด เปรี้ยวไว้กินหวานบ้าง ไม่งั้นมันจะไม่ตื่นเต้น”
ส้มเช้งดันหยกให้ถอยไปไกลๆ ระหว่างนั้นคมทวนเข้ามา
“ไอ้หยก...ตามหาซะทั่วมาอยู่นี่เอง”
“มีอะไรเหรอพ่อ”
“มานี่...ข้ามีอะไรจะให้เอ็ง”
“อะไรเหรอพ่อ”
ส้มเช้งได้ทีรีบไล่
“รีบๆพาไอ้หยกไปเลยน้า...ไปสิไอ้หยก...ไปๆๆๆ”
ส้มเช้งดันหยกให้ออกไปกับคมทวนแล้วมองตามอมยิ้มชอบใจ
หยกเดินตามคมทวนเข้าไปข้างในเรือนแพ คมทวนยืนมองดูภาพถ่ายของพราวแสงรอจนหยกตามเข้ามา
“พ่อชวนผมมาที่นี่ทำไมครับ”
“เอ็งได้คุยกับแม่เอ็งรึยังเรื่องที่เอ็งจะแต่งงาน”
“คุยแล้วครับพ่อ แต่กับรูปแม่ที่บ้าน”
“ถ้าแม่เอ็งยังอยู่ เขาคงดีใจที่จะได้เห็นเอ็งมีครอบครัว ยิ่งเป็นหนูกิ่งเหมย แม่เอ็งคง ยิ่งชอบ”
“ทำไมล่ะพ่อ”
“เพราะตอนเอ็งยังแบเบาะกินนมแม่อยู่ เอ็งชอบงอแงอาละวาดจนเขาแทบไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน เขาโกรธเอ็งก็เลยบ่นว่าถ้าเอ็งโตก็ขอให้เอ็งเจอผู้หญิงที่ทำให้เอ็งต้องคอย เอาใจเหมือนที่เขาต้องประคบประหงมเอ็งตลอด”
คมทวนเล่าไปก็ยิ้มขำไปทำให้หยกยิ้มไปด้วยก่อนจะเข้าไปยืนมองภาพถ่ายของแม่
“ผมคิดถึงแม่จังเลยครับพ่อ”
คมทวนเข้าไปตบบ่าบีบเบาๆ
“แต่นี่เอ็งก็ทำให้แม่เอ็งภูมิใจแล้วล่ะ...เอ้านี่...ของที่ข้าจะให้เอ็ง”
หยกมองกล่องเล็กๆในมือที่คมทวนยื่นให้เขาอย่างสงสัยว่าเป็นอะไร
หยกมองแหวนทองคำเกลี้ยงๆวงหนึ่งที่ได้มาจากคมทวน
“แหวนนั่นเป็นแหวนที่พ่อเคยซื้อให้แม่เอ็งใส่ แต่เขาไม่เคยหยิบเอามาใส่เลย”
“ทำไมล่ะครับพ่อ”
“เขาว่าใส่แล้วกลัวจะเก่า ก็เลยบอกให้ข้าเก็บเอาไว้ให้เอ็งหมั้นสาวดีกว่า แต่ข้ารู้ว่ามัน ไม่ใช่เหตุผลนั้นหรอก”
คมทวนพูดไปก็หน้าเศร้า หยกเข้าไปจับบ่าอย่างปลอบใจ
“พ่ออาจจะคิดว่าเพราะแม่ลืมคนรักของแม่ไม่ได้แม่ถึงไม่ยอมใส่แหวนของพ่อ แต่ผมไม่ เชื่อหรอกครับ ผู้ชายดีๆอย่างพ่อใครอยู่ด้วยก็ต้องรักทั้งนั้น”
“แกไม่ต้องยอให้พ่อตัวลอยหรอก สมบัติอย่างอื่นพ่อไม่มีให้นอกจากแหวนวงนี้วงเดียว”
“ผมพูดจริงนะพ่อ…ไม่งั้นแม่จะไว้ใจให้พ่อเลี้ยงดูผมเหรอทั้งๆที่แม่จะส่งผมให้ไปอยู่กับ พ่อแท้ๆของผมก็ได้”
คมทวนฟังหยกแล้วหนักใจ เพราะรู้ดีว่าเหตุผลของพราวแสงคือไม่อยากให้หยกกลับไปอยู่กับเจ้าสัวเล้ง
“ไอ้หยก...งั้นพ่อถามเอ็งจริงๆ เอ็งยังคิดอยากตามหาพ่อที่แท้จริงของเอ็งอยู่รึเปล่า”
หยกนิ่งไปครู่
“ตอนที่พ่อโยนหยกของผมทิ้งไป...ตอนนั้นผมเสียใจมากคิดว่าคงหมดหวังแล้ว ที่จะได้รู้กำพืดตัวเอง แต่หลังจากนั้นผมกลับมาคิดได้ว่า อดีตของผมมันไม่ได้มีความ หมายเท่ากับปัจจุบันที่ผมมีพ่อที่รักและเลี้ยงดูผมมาอย่างดี”
หยกพูดไปก็คุกเข่าพนมมือต่อหน้าคมทวนอย่างกตัญญู
“วันนี้ผมเทิดทูนพ่อคนนี้ของผมอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้แล้ว ส่วนเขาถ้าจะได้เจอกัน ก็ขอให้เป็นไปตามโชคชะตาและฟ้าลิขิต”
หยกบอกแล้วบรรจงกราบแทบเท้าเล่นเอาคมทวนถึงกับน้ำตาคลอปนกันทั้งความดีใจที่ลูกรักตัวเอง และเสียใจที่ต้องปิดบังความลับของลูกเอาไว้
“ไอ้หยก...ไอ้หยกลูกพ่อ”
คมทวนกอดลูกชายเอาไว้ อย่างอึดอัดและหนักใจเป็นที่สุด
คมทวนเข้ามาในบ้านเปิดกล่องที่เก็บหยกเลือดมังกรเอาไว้แล้วน้ำตาคลอ
“ไอ้หยก...พ่อควรจะต้องทำยังไงกับเอ็ง...พ่อต้องกลายเป็นคนลิขิตชีวิตเอ็ง...พ่อไม่อยาก ทำแบบนี้เลย...โธ่เว้ย !!”
คมทวนเจ็บใจตัวเองทุบโต๊ะปัง น้ำตาคลอเสียใจ
ในคฤหาสน์...เจ้าสัวเล้งนั่งนิ่งแววตาเจ็บปวดเสียใจอยู่คนเดียวที่โต๊ะทำงาน ในมือกำหยกครึ่งชิ้นเอาไว้แน่น นนท์เข้ามาพร้อมกับคนใช้ที่ยกถาดอาหารมาให้
“เจ้าสัวครับ...เจ้าสัวนั่งอยู่อย่างนี้มาทั้งคืนทั้งวันแล้วนะครับ ผมว่าทานอะไรสักหน่อย ดีกว่านะครับ”
เจ้าสัวเล้งนิ่งไม่ตอบ นนท์เลยต้องถือวิสาสะ
“เอาเข้าไปให้เจ้าสัว”
คนใช้ยกถาดเข้าไปวางที่โต๊ะ แต่เจอเจ้าสัวเล้งหันมาเกรี้ยวกราด ปัดทิ้งอย่างอารมณ์เสียและเสียงดังใส่
“เอาออกไปให้พ้น...ฉันไม่กินอะไรทั้งนั้น”
คนใช้ตกใจกลัวรีบถอยไปหลบ นนท์พยายามจะคุย
“เจ้าสัวครับ...แต่ว่า”
“ออกไปให้หมด...ฉันบอกให้ออกไป...ไป !!”
นนท์รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยรีบพาคนใช้ออกไป ทิ้งให้เจ้าสัวเล้งอยู่คนเดียวกำหยกเลือดมังกรครึ่งชิ้นขึ้นมาแววตาเจ็บ
“ด้วยมือของฉัน...ฉันทำให้มังกรวารีมาถึงหายนะแล้วใช่มั้ยพราวแสง”
ในห้องทำงานของเล้าจ์ มานพที่ตามตัวยังมีผ้าพันแผลผลจากการโดนเจ้าสัวเล้งเล่นงานเดินไปเดินมากระวนกระวายใจ แล้วหันไปตวาดลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่กับตนเอง
“แกไม่ต้องมาอยู่กับฉัน...ไปช่วยคนอื่นตามหาแม่ฉันให้เจอ”
ลูกน้องรับคำสั่งแล้วรีบเดินออกไป โหงวหันมาตบบ่ามานพ
“ใจเย็นๆน่ามานพ ถ้าไอ้เล้งมันคิดฆ่าดวงแขจริงๆ ป่านนี้มันคงเรียกให้แกกับฉันไปดูศพ ให้เจ็บใจไปแล้ว”
“ก็ลองมันกล้าทำกับแม่ฉันแบบนั้นดูสิ”
มานพโวยวายแล้วเดินไปนั่งอย่างหัวเสีย ระหว่างนั้นชาญรีบเข้ามา
“นายครับ...พบคุณนายแล้วครับ”
“แม่ฉันเป็นยังไง...อยู่หรือตาย”
ชาญนิ่งหน้าเสียไม่กล้าพูด
“คือ...”
มานพตวาด
“ว่าไงล่ะวะ...แม่ฉันอยู่หรือตาย”
“ยังอยู่ครับ...แต่ว่า...”
“แต่อะไร” มานพกระชากคอเสื้อตะคอกถาม “แต่อะไรโว้ย”
“นายดูเองดีกว่าครับ”
ลูกน้องพาดวงแขในสภาพเนื้อตัวสกปรกมอมแมม เสื้อผ้าขาดวิ่น ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะถูกรุมโทรมมา สภาพ จิตใจไม่เหลือความเป็นคนปกติเลยแม้แต่น้อยเอาแต่ร้องห่มร้องไห้หวาดกลัวตัวสั่นและหวีดร้อง
“ปล่อยฉัน...กลัวแล้ว...อย่าเข้ามา...ไป...ไปให้พ้น...กรี๊ดด...กลัวแล้ว...อย่าทำฉันเลย ฮือๆๆ กลัวแล้ว...กรี๊ดด”
มานพอึ้ง
“แม่...แม่...นี่ผมเองนะแม่...ผมลูกแม่ไง”
ดวงแขหันมาตาขวางอย่างบ้าคลั่ง
“ไปให้พ้นอย่ามาใกล้ฉัน อย่ามาโดนตัวฉันนะ...ไป...ไป ช่วยด้วย...ช่วยฉันด้วย...ไม่เอาแล้วกลัวแล้ว”
ดวงแขพยายามจะวิ่งหนีแต่ก็ถูกพวกลูกน้องจับตัวเอาไว้ เธอเลยได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญน่าเวทนา โหงวเข้ามาถาม
“เกิดอะไรขึ้นกับดวงแข...ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้”
“พวกผมไปตามเจอคุณนายอยู่ที่กองขยะ กำลังถูกพวกคนจรจัดผลัดกันรุมโทรมครับ”
มานพอึ้ง
“ว่าไงนะ...ฝีมือไอ้เล้งใช่มั้ย...มันทำกับแม่ฉันแบบนี้ใช่มั้ย”
โหงวแววตากร้าว
“ก็จะใครซะอีกล่ะมานพ...มันทำแบบนี้เพราะต้องการประกาศศึกกับเรา มันต้องการให้ เห็นว่ามันพร้อมจะทำลายเราให้ย่อมยับได้ตลอดเวลา”
มานพเจ็บใจกัดฟันจนขึ้นสันกำหมัดแน่นแววตาดุดันสุดๆ
“ไอ้เล้ง...มึงกับกูต้องตายกันข้าง”
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 19 (ต่อ)
เจ้าสัวเล้งกวาดรูปถ่ายครอบครัว ที่เคยถ่ายคู่กับมานพและดวงแขลงมาจากโต๊ะจนแตกกระจาย ก่อนจะหยิบภาพถ่ายสองสามใบออกมาจากกรอบรูปแตกๆแล้วโยนลงถังขยะ อีกรูปหนึ่งถูกจุดไฟ เขามองอย่างโกรธแค้นก่อนจะโยนลงถังขยะที่มีรูปอื่นๆอยู่ในนั้น
“ถ้าแกอยากลองดีกับฉัน...แกได้เจอฉันสั่งสอนแกแน่ไอ้ทรพี” เจ้าสัวบอกตัวเองอย่างแค้นใจ
นนท์กับลูกน้องเดินเข้ามาเคาะประตูเรียกเจ้าสัวเล้งที่หน้าห้องทำงาน
“เจ้าสัวครับ…เจ้าสัว”
นนท์เคาะเรียกอยู่อีกสองสามครั้งก็ไม่ได้ยินเสียงตอบ
“เจ้าสัวคงหลับไปแล้วมั้งครับลูกพี่”
“แต่เจ้าสัวไม่เคยนอนในห้องทำงาน”
นนท์อดเป็นห่วงเจ้าสัวไม่ได้ ตัดสินใจเอากุญแจห้องขึ้นมาเพื่อจะไขเข้าไปข้างใน ลูกน้องรีบเตือน
“จะดีเหรอครับลูกพี่...เจ้าสัวสั่งไม่ให้ใครเข้าไปรบกวน ถึงจะเป็นลูกพี่ก็เถอะ”
“ฉันห่วงเจ้าสัวเว้ย..เป็นไงเป็นกัน”
นนท์ตัดสินใจใช้กุญแจไขเปิดประตูเข้าไป
นนท์เข้ามาในห้อง เห็นสภาพห้องที่มีเศษกระจกจากรูปที่แตกตกอยู่เกลื่อน ภาพถ่ายครอบครัวที่ ถูกไฟเผาอยู่เหลือแต่เศษอยู่ในถังขยะ
“เจ้าสัวครับ”
“เจ้าสัวไม่อยู่นี่ครับลูกพี่”
นนท์ใจคอไม่ดี
“หรือว่าเจ้าสัวอยากไปแก้แค้น !!”
นนท์รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที ลูกน้องรีบวิ่งตาม
หยกพยายามเดินตามถามกิ่งเหมยขณะที่อยู่ด้วยกันบนดาดฟ้า
“บอกฉันหน่อยน่ากิ่งเหมย..เธอกับส้มเช้งงุบงิบอะไรกัน”
“ก็บอกว่าไม่มีอะไรไง”
“ไม่มีอะไรได้ไง ก็ฉันเห็นเธอสองคน มีลับลมคมนัย ไม่ยอมให้ฉันรู้”
“เรื่องผู้หญิงเขาคุยกันทำไมเธอต้องอยากรู้ด้วย”
“ที่อยากรู้เพราะพอฉันพูดขึ้นมา ฉันเห็นเธอหน้าแดงๆ เหมือนกลัวอายถ้าฉันจะรู้”
“ถ้ารู้ว่าฉันอายแล้วยังอยากจะรู้อีกเนี่ยนะ”
หยกยิ้ม
“ก็ฉันชอบเวลาเธออายนี่..แก้มเธอแดงๆ อมแก้มป่องๆ ตาโตๆ โอ้ย น่ารักแบบนี้ ขอกอด ทีนะเมียจ๋า จุ๊บๆด้วย”
หยกโผเข้าไปกอดทันที กิ่งเหมยตกใจรีบตีมือผลักหยกสุดฤทธิ์
“ไอ้บ้าหยก...อย่ามาทำอย่างนี้นะ ไอ้ฉวยโอกาส ไอ้ทะลึ่ง ไอ้โรคจิต”
“แหม...แค่กอดแค่นี้ โวยวายว่าฉันเป็นพวกโรคจิตเลยนะ”
“จะไม่ให้โวยวายได้ไง ยังไม่ได้แต่งกันซะหน่อยมาขี้ตู่เรียกเมียจ๋า”
“ช้าเร็วก็ต้องเรียก ลองซ้อมเรียกไว้ก่อนไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้”
หยกแกล้ง
“เมียจ๊ะ”
“หยก !!”
“เมียจ๋า”
“ไอ้บ้า..เขินนะ”
“ยิ่งเขินก็ยิ่งน่ารักน่ะสิ..งั้นแกล้งเขินเยอะๆเลยดีกว่า”
ธงรบเข้ามา แซวทันที
“เฮ้ย..เลี่ยนว่ะไอ้หยก อยากอ้วกเว้ย”
“คุณธงรบ”
กิ่งเหมยรีบใช้ไม้เท้าคลำทางเดินมาตามเสียงของธงรบ
“คุณมาก็ดีแล้วค่ะ..ช่วยพาคนโรคจิตนี่ไปไกลๆได้มั้ยคะ”
“อ้าว...รักแฟนนี่เรียกว่าโรคจิตเลยเหรอกิ่งเหมย”
“พอเหอะไอ้หยก..ก่อนที่ฉันจะอ้วกแตกเพราะความเลี่ยนของแก” ธงรบหันไปที่กิ่งเหมย “ได้สิ ครับคุณกิ่งเหมย ผมตั้งใจจะมาขัดคอ..เอ้ย..จะมาลากคอมันไปอยู่พอดี”
ธงรบบอกแล้วเข้าไปล็อคคอหยกอย่างสนิทสนม
“มานี่..ไปกับฉันเลยไอ้หยก”
หยกงง
“จะชวนผมไปไหนเนี่ย”
“ทำลืม..ก็ที่นัดกันว่าจะให้ฉันเลี้ยงฉลองให้แกไง”
หยกชะงักมองหน้าธงรบ ไม่รู้ว่าก่อนว่านัดกันแต่ก็พอเข้าใจ
“อ๋อ...เกือบลืมไป”
“ไม่ต้องห่วงนะครับคุณกิ่งเหมย ผมไม่ล่อลวงว่าที่เจ้าบ่าวคุณไปทำให้เสียคนหรอก แต่อาจเสียหมาเล็กน้อย ฮ่าๆ ใช่มั้ยไอ้หยก”
“คืนนี้รอฉันที่นี่นะกิ่งเหมย ฉันกลับไม่ดึกหรอก”
หยกหันไปพยักหน้ากับธงรบแล้วพากันออกไป กิ่งเหมยเป็นห่วง
“อย่ามีเรื่องกลับมานะหยก”
ธงรบเดินมาหยุดรอตรงบันได หยกตามเข้ามา
“โทษทีนะหยก..ฉันไม่ได้อยากมาขัดจังหวะความสุขของนาย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ หมวดมีอะไรก็ว่ามาเลย”
“ไม่กี่ชั่วโมงมาเนี่ย เจ้าสัวเล้งโทรหาฉันถามเรื่องของแกงค์พยัคฆ์เมฆา น้ำเสียงเขาฟังดู ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันเดาว่าเขาคงอยากแก้แค้น”
หยกสนใจทันที
“แล้วทำไมหมวดเพิ่งมาบอกผม คนอย่างเจ้าสัวถ้าคิดจะลงมือทำอะไร ต้อง ไม่ใช่เรื่องเล็กแน่”
หยกจะรีบออกไปแต่ธงรบคว้าไหล่ไว้
“เดี๋ยว..ไอ้หยก ที่ฉันมาบอก ไม่ได้ให้แกคิดไปช่วยเจ้าสัวเล้งนะเว้ย อย่าลืมสิวะ..หน้าที่ของเราคือกวาดล้างมาเฟีย ถ้าพวกมันจะฟัดกันเองก็เรื่องของมัน เราแค่รอเก็บหลัก ฐานไว้มัดตัวพวกมันให้ดิ้นไม่หลุดแค่นั้น”
“แต่ว่า...”
“บุญคุณของไอ้เล้งกับแก..มันเป็นเรื่องผลประโยชน์ของมาเฟีย แกอย่าไปยึดติดนักสิวะ
คำเตือนของธงรบ ทำเอาหยกนิ่งไปและยังอดเป็นห่วงเจ้าสัวไม่ได้
ในผับแห่งหนึ่งที่เป็นธุรกิจเครือข่ายของพยัคฆ์เมฆา เจ้าสัวเล้งสวมแว่นดำเข้ามานั่งที่เคาท์เตอร์ทำตัว เป็นลูกค้าธรรมดา หญิงสาวขายบริการคนหนึ่งข้ามานั่งข้างๆแล้วเสนอตัว
“สนใจไปสนุกกับหนูมั้ยคะป๋า”
เจ้าสัวนิ่งอยู่ครู่ก่อนจะควักแบงค์วางที่เคาท์เตอร์
“ฉันมีเรื่องสนุกที่อยากทำอยู่แล้ว”
“แหม...แต่ท่าทางเงินหนาอย่างป๋าเนี่ย เปย์ให้หนูดีกว่านะ รับรองหนูจัดให้ถึงใจกว่าเยอะ”
“แน่ใจเหรอ”
หญิงสาวเข้าไปนัวเนีย
“จริงสิคะป๋า”
เจ้าสัวถอดแว่นดำออก มองหน้าหญิงสาวชัดๆยิ้มเหมือนจะตอบตกลง พร้อมยื่นมือลูบไล้ไปที่ไหล่หญิงสาวก่อน จะจับตัวหันหลังแล้วกระชากชุดเกาะอก ลงมาจนเห็นแผ่นหลังหญิงสาวซึ่งมีรอยสักรูปเสือขนาดฝ่ามือ หญิงสาวตกใจรีบเอามือปิดหน้าอก
“นี่แกจะทำอะไรฉัน..ช่วย…”
หญิงสาวจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่เจ้าสัวเอามือปิดปากแล้วขู่ที่ข้างๆหูเธอ
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนของพยัคฆ์เมฆาและที่นี่ก็เป็นแหล่งทำเงินของพวกมัน ถ้าเธอไม่ร้อง โวยวาย ฉันก็จะไม่หักคอเธอ”
หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างกลัวๆ เจ้าสัวจึงปล่อยมือออกจากปาก
“ดีมาก..ทีนี้ก็ไปบอกพรรคพวกของเธอว่าฉัน..เจ้าสัวเล้งแห่งมังกรวารี มาอยู่ที่นี่แล้ว”
หญิงสาวตกใจ
“ไปได้แล้ว”
หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วรีบออกไปพร้อมกับมือที่ปิดหน้าอก เจ้าสัวลุกขึ้นมองตามด้วยสายตาอย่างพญามังกรที่พร้อมสำแดงฤทธิ์เดชอันเกรี้ยวกราดให้ราบคาบ
นนท์รีบเดินออกมาจากคฤหาสน์ ลูกน้องที่ส่งไปหาข่าวรีบเข้ามารายงาน
“ไม่มีข่าวของเจ้าสัวเลยครับลูกพี่”
นนท์โมโห
“โธ่เอ้ย !! พวกแกตั้งกี่คน ทำไมช่วยกันดูแลเจ้าสัวไม่ได้ ปล่อยให้ออกไปคนเดียวได้ไงวะ”
“บางทีเจ้าสัวอาจจะอยากไปหาที่เงียบๆอยู่คนเดียวก็ได้ครับ”
นนท์กระชากคอเสื้อลูกน้องมาตะคอกใส่หน้า
“ฉันทำงานให้เจ้าสัวมาทั้งชีวิต ฉันรู้ดีว่านี่ แหละคือเวลาที่มังกรต้องการสำแดงเดช อาละวาดฟาดหัวฟาดหาง ถ้าไม่นองเลือด ก็จะไม่หยุดเด็ดขาด”
นนท์ผลักลูกน้องออกไปเต็มแรงแล้วสั่งเสียงเด็ดขาด
“ตามหาเจ้าสัวให้เจอ...ไป !!”
พวกลูกน้องรีบพากันออกไป นนท์เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
มานพดูแลดวงแขที่อยู่ในอาการเหม่อลอยอย่างคนบ้า
“แม่ครับ...แม่...นี่ผมเองนะ”
มานพแตะไหล่ดวงแขเบาๆแต่ทำให้ดวงแขสะดุ้งตกใจหันมากรีดร้อง
“อย่า...อย่ามาโดนตัวฉัน ฉันกลัวแล้ว...อย่า...ฉันขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรฉันเลย”
“แม่...ผมไม่ใช่ไอ้พวกนั้น นี่ผมมานพ ผมลูกแม่นะ”
ดวงแข ไม่รู้อะไรทั้งนั้น
“ฉันกลัวแล้วฮือๆ...อย่าทำฉันเลยนะ...ฉันกลัว...ฮือๆ”
ดวงแขตัวสั่นร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วค่อยๆก้มลงไปคุกเข่าพนมมือกราบแทบเท้ามานพ
“ฉันกราบแล้วนะ...อย่าทำฉันเลย...ฉันกราบแล้ว...ฮือๆ”
มานพเจ็บปวด
“แม่ !”
มานพเจ็บใจรีบจับไหล่ดวงแขขึ้นมาดวงตาแข็งกร้าว
“ไอ้พวกนั้นมันทำให้แม่ต้องเป็นแบบนี้ ผมไม่เอามันไว้แน่...ชาญ !!”
“ได้เลยครับคุณมานพ”
ชาญตอบรับอย่างรู้ใจ
ค่ำนั้น...พวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆาระดับหัวหน้าเครือข่ายธุรกิจกำลังนั่งนับเงินจากการทำธุรกิจผิด กฎหมายอยู่ในห้องวีไอพี หญิงสาวก็รีบเข้ามา
“พี่..พี่..แย่แล้ว”
“อะไรวะ ตำรวจบุกเหรอ”
“เปล่า..เจ้าสัวเล้งมังกรวารี มันบุกมาที่นี่”
“หา !!..มันยกพวกมาเหรอ” หัวหน้าตกใจมาก
โหงวเดินพูดโทรศัพท์เข้ามาที่บริเวณในเล้าจ์
“โหงว ว่าไงนะ..ไอ้เล้งมันบุกไปที่นั่นคนเดียวเหรอ ถ้ามันกล้าบ้าบิ่นขนาดนั้นล่ะก็ ปิดทาง ออกทุกทาง แม้แต่มดตัวเดียวก็อย่าให้รอดออกไปได้ ฉันจะรีบตามไปสมทบ”
โหงวตัดสายแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงาน
“มานพ...โอกาสล้างแค้นไอ้เล้งมาถึงแล้ว..มานพ”
โหงวไม่เจอใครอยู่ในห้องก็แปลกใจ หันไปถามลูกน้องที่เพิ่งตามเข้ามา
“มานพอยู่ไหน”
บริเวณกองขยะ มานพก้าวลงจากรถพร้อมกับพาดวงแขลงมาด้วย ดวงแขมาถึงที่นี่ก็ตกใจกลัวสติแตก
“ไม่เอา..กลัวแล้ว..กลัวแล้วฮือๆ”
“แม่จะกลัวทำไม..ผมอยู่กับแม่ที่นี่แล้ว ผมพาแม่มาเพราะจะให้แม่จัดการกับไอ้พวกที่ มันย่ำยีแม่”
“กลัว..ไม่เอา..กลัวแล้ว..ฮือๆ” ดวงแขร้องอย่างขวัญเสีย
“ไอ้ชาญ”
มานพตะโกนเรียกได้ครู่ ชาญก็เอาปืนจ่อหลังพาพวกขอทานกับคนจรจัด ที่รุมโทรมดวงแขเดินเรียงแถวเข้ามา
“ไอ้พวกนี้แหละครับนาย”
“ปล่อย..ปล่อยพวกเราเถอะ พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลย”
“แม่ครับ..ไอ้พวกนี้ใช่มั้ยที่มันทำร้ายแม่”
ดวงแขชำเลืองไปมองแล้วก็ต้องตกใจกลัวสติแตก รีบเอามือปิดหน้าร้องห่มร้องไห้
“ไม่เอาแล้ว..อย่าเข้ามา...ฮือๆ..ไม่เอา..ไม่เอา…”
“มันทำให้แม่ต้องเป็นแบบนี้เพราะฉะนั้น..มันสมควรได้รับการลงโทษ”
มานพคว้าข้อมือดวงแขแล้วพากเดินไปยืนต่อหน้าพวกมัน ที่คุกเข่ากลัวตัวสั่น
“ดูให้ดีนะครับแม่..คนที่กล้ามาแตะต้องเรามันต้องลงเอยแบบนี้”
มานพหันปากกระบอกปืนไปที่คนแรกแล้วลั่นไก..เปรี้ยง !!
ขอทานคนแรกตายคาที่เพราะกระสุนแสกหน้า คนอื่นๆเห็นเข้าก็ตกใจกลัวร้องเสียงหลง พยายามจะลุกหนีแต่ก็ โดนชาญจับตัวกดเอาไว้ มานพยิ้มร้ายอย่างโหดเหี้ยม
บริเวณผับ... พวกลูกน้องในผับกับการ์ดเดินเข้ามา ไล่แขกที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปจนหมด แล้วพากันไปปิดประตูทางออกชนิดปิดตาย ไม่ให้ใครออกไปได้อีก เจ้าสัวเล้งยืนนิ่งเฉยไม่ยี่หระไม่สะทกสะท้าน และตอบสนองพวกมันด้วยการถอดเสื้อสูทออก พับแขนเสื้อ ปลดกระดุม เอาสนับมือออกสวมแล้วกำหมัดแน่น ขณะที่หัวหน้าเครือข่ายกับลูกน้องนับเป็นสิบคนทยอยเดินมาล้อมวง
“แน่มากนะเจ้าสัวเล้ง..ตัวคนเดียวแต่กล้าบุกมาถึงที่ ไม่กลัวพวกเรายิงตายเหรอไง”
“ฉันอยู่วงการมาเฟียมาทั้งชีวิต เห็นมีคนอยู่แค่สองจำพวกในโลกของมาเฟียเท่านั้น พวก แรกเป็นอันธพาลตัวจริง กล้ารับคำท้าอย่างลูกผู้ชาย พวกนี้ถ้าฝีมือดีอนาคตมันรุ่งแน่ ส่วนอีกพวกคือไอ้กุ๊ยหางแถว เก่งแต่ลอบกัดอย่างหมา ไม่กล้าสู้ซึ่งหน้า ไอ้พวกนี้มันจะ เป็นได้แค่ลูกน้องหางแถว ที่รอวันให้ลูกพี่สั่งให้ไปตายอย่างหมาข้างถนน”
หัวหน้ากับพรรคพวกมองเจ้าสัวอย่างเอาเรื่อง เจ้าสัวจึงชี้หน้าพวกมันแล้วกวักมือท้าทาย
“หน้าอย่างแก..อยากจะเป็นหัวหน้าหรือหมาข้างถนน”
“ไอ้เจ้าสัวเล้ง..ปากเก่งอย่างนี้ มิน่า ถึงไม่มีใครอยากให้แกมีชีวิตอยู่..เฮ้ย..มัน อยากสู้ก็ให้มันสู้เลย..จัดให้หนัก”
พวกลูกน้องเก็บปืนแล้วหันมาใช้เครื่องทุ่นแรงเป็นอาวุธอย่างอื่น ทั้งมีดสั้น ดาบ สนับมือ ขวาน หัวหน้าพยักหน้าให้คนแรกเข้าไปลุย มันร้องเสียงดังพร้อมกับควงขวานปรี่เข้าหาเจ้าสัว สุดท้ายก็ถูกเจ้าสัวเล่นงานมันซะหมอบ หัวหน้าพวกมันเจ็บใจหันไปสั่งให้อีก 2 คนเข้าไปจัดการ พวกมันมีดาบกับมีดสั้น เข้ามาล้อมเจ้าสัวไว้
หยกบิดมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้ามาตามถนนอย่างรวดเร็ว ธงรบขับไล่หลังมา เร่งเครื่องจนแซงหยกแล้วไปจอดขวางกลางถนนจนหยกต้องจอด แล้วรีบลงจากรถตรงมาหา
“ไอ้หยก..ตกลงแกจะไม่ฟังฉันเลยใช่มั้ย”
“เรื่องอื่นเราคงต้องร่วมมือกัน แต่เรื่องนี้ผมปล่อยไปไม่ได้ จุดจบของเจ้าสัวเล้งไม่ใช่ ความตาย”
“แกมันบ้าไปแล้วไอ้หยก..ฉันว่าแกฝังตัวอยู่กับพวกมาเฟียจนลืมไปแล้วว่าตัวตนที่แท้ จริงของแกเป็นใคร”
“ผมไม่เคยลืมว่าผมเป็นตำรวจต้องใช้ความดีเลวเป็นเครื่องตัดสินคน”
“งั้นแกก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเจ้าสัว กลับไปซะ”
ธงรบเข้าไปผลักไหล่ แต่กลับถูกหยกปัดมือ แล้วแย่งปืนจากเอวธงรบมาได้อย่างว่องไว หยกยกปืนเล็งไปที่ล้อรถของธงรบแล้วลั่นไก..เปรี้ยง !!
“ไอ้หยก..นี่แก...”
“ขอโทษด้วยนะครับหมวด..ผมไม่อยากเสียเวลา ชีวิตของเจ้าสัวอาจจะไม่ปลอดภัย”
หยกยึดปืนธงรบมาเหน็บเอว แล้วรีบไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ ธงรบตามไปด่าซ้ำ
“ไอ้เวรเอ้ย..ไอ้เจ้าสัวเล้งมันเป็นพ่อแกเหรอไงวะ แกถึงต้องเสี่ยงเพื่อมันขนาดนี้:”
“ผมต้องเสี่ยงเพราะไม่อยากตัดสินคนดีให้เป็นคนเลว เพราะแค่การกระทำที่ผิวเผินของเขาน่ะสิครับ”
หยกบอกแล้วก็บิดคันเร่งพุ่งทะยานไปทันที ทิ้งธงรบไว้กับรถยางแตก
เจ้าสัวเล้งสู้กับมือดาบกับมือมีดสั้น พวกมันรุมเข้าใส่พร้อมกัน ทำให้เจ้าสัวต้องสู้อย่างลำบาก ถึงจะโชว์ฝีมือสั่งสอนไปได้อย่างสวยงาม แต่ก็พลาดท่าถูกดาบฟันเสื้อขาดเลือดซิบ พวกมันหัวเราะชอบใจที่เจ้าสัวเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่เขาจ้องพวกมันเขม็งไม่มีความกลัวแสดงออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย กลับถอดสนับมือทิ้งแล้วถอดเสื้อออกเผยให้ เห็นรอยสักมังกรวารีอันน่าเกรงขาม
เสียงปืนดังสนั่นลั่นไปทั่วกองขยะ คนจรจัดรายล่าสุดถูกมานพยิงตายอย่างโหดเหี้ยมไร้ความปราณี จนเหลือขอทานอีกแค่คนเดียวที่กลัวจนฉี่ราดร้องอ้อนวอน
“อย่า..อย่าฆ่าฉันเลย..กลัวแล้ว..ผิดไปแล้ว”
“ดูให้ดีนะครับแม่..ผมจะปล่อยให้กากเดนอย่างพวกมันมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไม่ได้”
มานพหันปากกระบอกปืนไปที่มันและพร้อมจะยิง แต่มันคิดจะหนีเลยลุกพรวดแล้วกระแทกชาญจนเซ ก่อนจะ รีบวิ่งหน้าตั้งเอาตัวรอด ชาญจะตาม
“ไม่ต้อง...มันไม่รอดหรอกชาญ”
มานพยิ้มร้ายปล่อยให้มันวิ่งล้มลุกคลุกคลานแล้วเอาปืนไปใส่มือดวงแขให้นิ้วแตะไก ส่วนตัวเองก็ช่วยจับเล็งไป ที่ขอทานที่กำลังวิ่ง
“ผมช่วยเองนะครับแม่..มันทำให้แม่เป็นแบบนี้..มันสมควรตายด้วยมือแม่”
มานพบีบมือดวงแขแล้วช่วยให้ลั่นไก..เปรี้ยง !! กระสุนเจาะหลังล้มตายคาที่ ดวงแขตกใจเสียงปืนร้องกรี๊ดๆ
“แม่..ผมช่วยแม่แล้ว..แม่ต้องกลับมาเป็นปกติสักที..กลับมาเป็นปกติสิครับ..แม่”
“ไม่เอา..กลัว..กลัวแล้ว..ปล่อยฉันนะ..ฉันกลัว..ฮือๆ”
ดวงแขพยายามปัดป้องไม่ให้มานพโดนตัว และเอาแต่ร้องหวาดกลัวจนมานพหงุดหงิด
“โธ่เว้ย...นี่ฉันต้องเลี้ยงดูแม่ที่ต้องเป็นบ้าแบบนี้ไปตลอดชีวิตเลยเหรอไงวะ !! ไม่ชอบอยู่ กับคนบ้านะเว้ย”
มานพได้แต่ยืนหัวเสียระหว่างนั้น โหงวตามเข้ามาพร้อมกับลูกน้อง
“เรื่องแม่แก..แกแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วมานพ”
“เตี่ย !!”
โหงวหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องเข้าไปพาตัวดวงแขออกไป
“แกอย่ามาเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย..รีบพาคนของเราไปจัดการกับไอ้เล้งดีกว่า..โอกาสที่ไอ้ เล้งจะเลือดเข้าตาบ้าระห่ำเดินเข้าถ้ำเสือเดี่ยวๆแบบนี้ ไม่มีให้เห็นง่ายหรอก”
มานพฟังโหงวแล้วสนใจขึ้นมาทันที
เจ้าสัวเล้งใช้เชิงมวยต่อสู้กับมือมีดจนสามารถจัดการกับมือมีดสั้นได้สำเร็จ เหลือมือดาบอีกคนที่ปรี่เข้ามา เจ้าสัวเกือบโดนฟันแต่ก็ตอบโต้กลับเล่นงานจนอยู่ หมัดและแย่งเอาดาบจากมันมาเป็นอาวุธในมือ
“ไม่ธรรมดาเลยเจ้าสัวเล้ง”
“ที่เหลือทั้งหมดจะเข้ามาทีเดียวก็ได้ ไอ้มานพหัวหน้าของพวกแกมันจะได้เห็นว่าแค่ฉันคนเดียวก็โค่นพยัคฆ์ได้สบาย”
หัวหน้าเจ็บใจ
“เฮ้ย..คำสั่งนาย ถ้าใครเอาหัวไอ้เล้งไปให้นายได้ นายมีรางวัลใหญ่ให้ไม่อั้น"
พวกลูกน้องที่เหลือทั้งหมดพากันยิ้มชอบใจ ดาหน้าพร้อมลุยใส่เล้งพร้อมๆกัน เจ้าสัวกำมีดแน่นพร้อมสู้อีกครั้ง
หยกขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าผับเจอการ์ด 2 คนเฝ้าประตูผับอยู่ หยกจะเดินเข้าไปแต่พวกมันขวาง
“ร้านปิดแล้ว..ไปที่อื่นไป”
“ไม่ได้มาเที่ยว..มาช่วยคน”
“ช่วยใครวะ”
“ก็คนที่พวกแกกำลังรุมยำเขาอยู่ข้างในไง”
หยกพูดเสร็จก็ซัดเข้าหน้ามันจังๆ อีคนเลยเข้าสู้ หยกหันมาเปิดฉากบู๊แลกหมัดกับมันสองคน อย่างไม่กลัว
ในผับ…เจ้าสัวเล้งเปิดฉากสู้กับพวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆาแบบ 1 ต่อ 5 เขางัดฝีมือสู้สุดฤทธิ์ แรกๆคนสองคน เขาสามารถจัดการได้ แต่พอคนที่สามที่สี่เข้ามาเล่นงานต่อเนื่อง เขาก็เริ่ม เพลี่ยงพล้ำเป็นฝ่ายถูกเล่นงานกลับ พวกมันคนหนึ่งกระโดดถีบ จนเจ้าสัวกระเด็นไปกระแทกกับผนังลงมาทรุดมือ กุมหน้าอก เช็ดเลือดริมฝีปาก
ด้านนอก หยกซัดการ์ดด้วยเชิงมวยหนักจนพวกมันหมดสภาพแน่นนิ่ง แล้วตรงไปที่หลังผับ ที่มีถังแก๊สซึ่งตั้งเรียงรายมีลูกกรงปิดล็อคกุญแจเอาไว้ หยกใช้คีมตัด เหล็กมาตัดกุญแจแล้วเข้าไปถอดท่อแก็สออกอย่างรวดเร็ว
เจ้าสัวฮึดลุกขึ้นสู้กับพวกมันอีกครั้งอย่างบ้าบิ่น แม้ว่าจะเริ่มอ่อนแรงและล้าจนถูกพวกมันรุมเล่นงานแต่เขาก็ยังทรหดยืนหยัดสู้
“หัวหน้า อึดมาได้ถึงขนาดนี้ นับถือว่าแกสุดยอดจริงๆไอ้มังกรเฒ่า แต่มันก็แค่นี่แหละวะ เพราะ เดี๋ยวพอนายของข้ามาแกจะต้องทรมานแสนสาหัสแน่”
พวกมันหัวเราะเยาะใส่เจ้าสัวที่เจ็บใจแต่ไม่คิดยอมแพ้ ระหว่างนั้นเองเสียงระเบิดดัง..ตู้ม !! มาจากด้านหลัง ลูกน้องรีบเข้ามา
“ลูกพี่..ถังแก๊สข้างหลังระเบิด ไฟลามไปทั่วแล้ว”
พวกมันตกใจไม่ทันทำอะไรหยกก็โผลาเข้ามาพร้อมกับยิงปืนใส่..เปรี้ยงๆ พวกมันวงแตกรีบกระโจนหาที่หลบ หยกเลยฉวยโอกาสเข้าไปช่วยเจ้าสัว
“รีบไปจากที่นี่เถอะครับเจ้าสัว”
“หยก..เธอมาที่นี่ได้ยังไง”
“อย่าเพิ่งถามอะไรเลยครับ”
พวกมันโผล่ออกมาจะยิง หยกหันขวับไปยิงใส่..เปรี้ยง !!
“รีบไปเถอะครับ !!”
หยกช่วยประคองเล้งพาออกไปพร้อมกับยิงปืนใส่พวกมันไม่หยุด
หยกประคองพาเจ้าสัวเล้งออกมาโดยเอาเสื้อคลุมตัวเองสวมทับให้เจ้าสัว แต่ระหว่างนั้นรถมานพขับเข้ามาจอด...มานพกับโหงวลงจากรถเห็นเจ้าสัวกับหยกกำลังจะหนี
“ไอ้เล้ง...คิดจะหนีเหรอ”
มานพยิงใส่เปรี้ยงๆ แต่หยกพาเจ้าสัววิ่งหลบกระสุนแล้วยิงสวนไปหลายนัด ก่อนจะพาเล้งขึ้นมอเตอร์ไซค์บิดหนี ไปอย่างรวดเร็ว มานพรีบวิ่งตามพร้อมยิงปืนไล่หลังไม่หยุดแต่ไม่โดนสักนัด
“โธ่เว้ย !!”
ระหว่างนั้นหัวหน้าในผับรีบวิ่งออกมา
“นายครับ..แย่แล้วครับ ข้างในกำลังวอดวายหมดเลย”
มานพหันมากระชากคอเสื้ออย่างเจ็บใจ
“แค่ไอ้แก่นั่นคนเดียวแกยังปล่อยให้มันมาเผา ธุรกิจของฉันได้..ถ้าพวกแกปล่อยให้ที่นี่เหลือแต่ตอล่ะก็..ฉันจะเผาพวกแกทั้งเป็น”
มานพผลักลูกน้องกระเด็น แล้วรีบกลับไปขึ้นรถพร้อมกับชาญและบุกน้องอีกสองสามคน
“ตามไปลากคอมันมาให้ได้”
มานพกับลูกน้องออกรถแรงตามไปอย่างรวดเร็ว
“มานพ...มานพ !!”
โหงงมองตามเป็นห่วงมานพก่อนจะหันไปมองที่ผับที่ไฟกำลังลุกโหมอย่างแรง พวกลูกน้องวิ่งกันอลหม่าน
ส้มเช้งเดินมาตามกับกิ่งเหมยสองคนตามทางเดินในตรอก
“แกนะแก..ฉันกำลังดูละครบู๊กำลังมันส์เลย ขัดจังหวะจริงๆ”
“เอาน่า..เดี๋ยวถึงบ้านฉันแล้วแกก็ไปดูต่อก็ได้”
“ต่ออะไรล่ะ ละครจะจบก่อนน่ะสิ..อะไรก็ไม่รู้เวลาอยากอยู่กันสองคน กุ๊กกิ๊กหนุงหนิง งุงิงุงิ มันไม่เห็นหัวเพื่อนหรอก แต่พอเหงาต้องอยู่คนเดียวขึ้นมา โทรตามเพื่อนยิกๆ
“แกนี่ขี้บ่นเป็นป้าแก่ๆเลยนะ ถ้าฉันมีลูกเมื่อไหร่นะ ฉันจะไม่ให้แกเป็นแม่ทูนหัว เพราะ เดี๋ยวลูกฉันปากกรรไกรแบบแก”
“เหรอยะ..คิดไกลนะเนี่ย สงสัยฝักใฝ่อยากมีลูกกับไอ้หยกเต็มที่”
กิ่งเหมยชะงัก
“ไอ้บ้า..ทะลึ่งอีกคนแล้วนะแก”
กิ่งเหมยทุบส้มเช้ง ระหว่างนั้นส้มเช้งชะงักเพราะเจอดุจแพรมายืนเดินไปเดินมาป้วนเปี้ยนอยู่หน้าบ้าน
“เดี๋ยวแก”
“อะไร”
“นั่นคุณแพรมาเดินป้วนเปี้ยนอะไรหน้าบ้านแกอ่ะ”
“ค่ำๆมืดๆเนี่ยนะ..คุณแพรมาทำอะไร”
“เอ้า..มาด้วยกันแล้วจะรู้มั้ยล่ะแก” ส้มเช้งมองดุจแพรอย่างสงสัย
ในบ้าน…ดุจแพรอยู่กับกิ่งเหมยและส้มเช้ง โดยพยายามกลบเกลื่อนเรื่องตัวเองไม่ให้กิ่งเหมยรู้ว่ากำลังเสียใจ
“คือ..ฉันผ่านมาก็เลยแวะมาดูน่ะว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”
ส้มเช้งตอบแทน
“ไอ้เหมยมันจะเป็นอะไรได้ล่ะคะคุณแพร นอกจากกำลังสำลักความสุข”
“ส้มเช้ง !!” กิ่งเหมยปราม
ดุจแพรแอบเศร้าแต่แกล้งยิ้ม
“ไม่เห็นจะต้องอายเลยนี่กิ่งเหมย ได้อยู่กับคนที่เรารัก ได้มีความ สุขร่วมกัน ฉันสบายใจจังที่เธอมีความสุข”
ดุจแพรพูดไปน้ำตาก็เอ่อและพยายามเช็ดไม่แสดงว่าเสียใจ ส้มเช้งสะกิดกิ่งเหมย
“แก..คุณแพรดีใจกับแกจนร้องไห้เลย”
กิ่งเหมยสงสัย
“ส้มเช้ง..แกจะไปดูละครต่อไม่ใช่เหรอ ไม่รับยไปล่ะเดี๋ยวก็ไม่ทันจบหรอก”
“แล้วแกล่ะ”
“ฉันมีคุณแพรอยู่เป็นเพื่อนแล้ว แกไปเถอะ”
“ก็ดี..งั้นฝากกิ่งเหมยด้วยนะคะคุณแพร”
ส้มเช้งบอกดุจแพรแล้วเดินออกไป กิ่งเหมยคลำมือไปบนโต๊ะแล้วบอกดุจแพร
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 19 (จบตอน)
“ฉันขอมือคุณหน่อยได้มั้ยคะคุณแพร”
ดุจแพรสงสัยแต่นยื่นให้ให้จับมือ
“ทำไมเหรอกิ่งเหมย”
กิ่งเหมยบีบมืออย่างห่วงใย
“เราเป็นพี่น้องกันนะคะ..ถ้าคุณมีเรื่องไม่สบายใจอะไร บอกฉันมาเถอะค่ะ”
ดุจแพรชะงักไม่คิดว่ากิ่งเหมยจะอ่านเธอออก
เจ้าสัวเล้งเดินเข้ามาหยุดที่หน้าโกดัง หยกเดินตามหลังเข้ามา
“ขอบใจเธอมากนะหยก แต่เธอไม่ควรทำแบบนี้ นี่เป็นปัญหาระหว่างฉันกับพวกมัน คนอื่นไม่เกี่ยว”
“ถ้าเจ้าสัวยกพวกมาจัดการกับพวกมันอย่างสมน้ำสมเนื้อ ผมคงไม่เข้ามายุ่ง แต่นี่เจ้าสัว คิดอะไรอยู่ ตัวคนเดียวแต่ไปลุยกับพวกมันมือเปล่า”
“หึ..นี่แหละชีวิตมังกรวารีอย่างฉัน เมื่อตัดสินใจผิดพลาด โง่ให้คนอื่นมาหลอกใช้ ฉันถึง ต้องสะสางด้วยตัวเอง ไม่ให้ลูกน้องต้องมาเสียเลือดเสียเนื้อเพราะความโง่ของเจ้านาย”
“แต่ผมว่าคุณหาเรื่องตายมากกว่า เพราะคุณคิดว่าคุณไม่เหลือใครอีกแล้ว เลยอยากจบ ชีวิตตัวเองด้วยวิถีของมาเฟีย”
“หยก !!”
“ผมพูดถูกใช่มั้ยครับเจ้าสัว”
หยกกับเจ้าสัวเล้งนิ่ง มองหน้ากัน
มานพขับเข้ามาจอดบริเวณโกกัง แล้วลงจากรถพร้อมกับชาญและลูกน้อง
“พวกแกทุกคนฟังฉัน คนที่ฉันเกลียดขี้หน้าที่สุดมันอยู่ข้างในนั้น ฉันไม่ต้องการเห็นมัน มีชีวิตอยู่ แต่ฉันก็ไม่อยากให้มันตายง่ายๆ เพราะฉันต้องได้เห็นมันทรมานร้องขอชีวิต จากฉันก่อน”
“ได้ยินที่นายสั่งแล้วใช่มั้ย”ชาญกำชับ
พวกลูกน้องพยักหน้ารับเข้าใจ เตรียมพร้อมอาวุธครบมืออย่างน่ากลัว ชาญยื่นปืนให้มานพ
“ถ้าพวกแกรู้ว่าฉันต้องการอะไรแล้ว...ก็พร้อมเปิดเกมส์ล่ากัน ได้เลย”
พวกลูกน้องเฮเสียงดังลั่นแล้วพากันเดินเข้าไปข้างใน มานพมองตามแล้วยิ้มร้ายน่ากลัว
เจ้าสัวเล้งมองหน้าหยกอย่างสงสัย
“เธอรู้เรื่องของฉันได้ยังไง”
“พวกพยัคฆ์เมฆาเปิดหน้าไพ่ออกมาแล้วว่ามีใครเป็นหัวหน้า ตอนนี้ข่าวของเจ้าสัวกับ ลูกชายกระจายออกไปถึงทุกแกงค์แล้ว”
เจ้าสัวยิ้มเยาะ
“ใช่...เพราะฉันพลาดเสียรู้ให้มัน ฉันถึงต้องจบเรื่องน่าอายนี่ด้วยตัวเอง”
“แต่ทำอย่างนี้มันไม่มีประโยชน์หรอกครับ เจ้าสัวจะตายก่อนที่จะได้แก้แค้น แล้วพวก
พยัคฆ์เมฆาก็จะขึ้นมายิ่งใหญ่ ความตั้งใจที่จะเปลี่ยนโจรให้เป็นสุภาพบุรุษก็จะตายไป พร้อมกับเจ้าสัว”
เจ้าสัวแปลกใจ
“หยก..นี่เธอมั่นใจฉันเหรอว่าฉันจะทำได้ ทั้งๆที่ไม่เคยมีใครเชื่อฉันเลย”
“ถ้าเป็นคนอื่นผมก็คงไม่มั่นใจ แต่ถ้าเป็นเจ้าสัว..ผมว่านั่นคือความหวัง”
เจ้าสัวอดทึ่งไม่ได้
“ฉันไม่คิดเลยนะหยกว่าเธอจะมองฉันขาดและรู้จักฉันดีขนาดนี้”
“นั่นอาจเป็นเพราะว่าผมมีนิสัยที่คล้ายกับเจ้าสัวมั้งครับ:
เจ้าสัวนิ่งมองหยกแล้วอดคิดถึงพราวแสงไม่ได้
“เหมือนจริงๆ..เธอช่างเหมือนกับ...”
เจ้าสัวเล้งไม่ทันพูดชื่อพราวแสงออกมา ธงรบก็ขับรถเข้ามาจอด..เอี๊ยด
มานพกับชาญและลูกน้องพากันเข้ามาล้อมโกดัง มานพส่งสัญญาณมือให้ชาญกับลูกน้องแยกไป กลุ่มหนึ่ง ส่วนตัวเองแยกไปอีกทางกับลูกน้องอีกคน
ทางด้านธงรบรีบลงจากรถแล้วเข้ามาที่เล้งกับหยกอย่างรีบร้อน หยกชะงักที่เห็นธงรบทั้งคู่มองหน้ากัน แต่ไม่แสดงตัวว่ารู้จักกันต่อหน้าเจ้าสัวเล้ง
“ธงรบ..นี่ตามฉันเจอได้ยังไง”เจ้าสัวเล้งแปลกใจ
“เรื่องนั้นอย่าเพิ่งถามผมเลยครับเจ้าสัว..ตอนนี้ไอ้มานพมันยกพวกมาปิดที่นี่ไว้แล้ว มันต้องการฆ่าเจ้าสัว ทางเดียวที่จะรอดคือต้องลุยอย่างเดียว”
“เรื่องลุยกับมันฉันตั้งใจเอาไว้อยู่แล้ว”
หยกแย้ง
“เจ้าสัวจะเอาอะไรไปสู้พวกมัน แค่ความบ้ากับบ้าบิ่นมันไม่ช่วยให้เจ้าสัวรอดได้หรอก”
“ใช่..แต่นี่คือการแก้แค้น ฉันแค่ต้องทำมันทำเท่านั้นหยก ผลจะออกมาเป็นยังไงก็ถือว่า ฉันได้ทำ”
“งั้นผมจะอยู่ช่วยเจ้าสัว”
“ไม่..ฉันจะไม่ยอมให้เธอเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่เด็ดขาด เธอต้องกลับไปดูแลครอบครัวเธอ”
ธงรบตัดบท
“เอาล่ะๆ..ถ้ามัวแต่มาเถียงกันแบบนี้ พวกมันคงบุกมาถล่มแน่ๆ ทางที่ดีพวกเราทั้งหมด ควรตั้งรับพวกมันแล้วลุยให้ถึงที่สุดเลยดีกว่า”
ธงรบบอกทั้งคู่แล้วเดินไปเปิดท้ายรถที่ขับเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่ข้างในมีอาวุธเพียบ
.”ลุยกับพวกมันมือเปล่ายังไงก็ไม่รอด แต่ถ้ามีของทุ่นแรงบวกความบ้าของพวกเรา..พวก มันต้องคิดผิดแน่”
ธงรบหยืบปืนขึ้นมากระบอกหนึ่งแล้วยิ้มกวนๆเอาเรื่อง ระหว่างนั้นเสียงปืนดัง..เปรี้ยงๆ ชาญพร้อมกับพวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆาปรากฏตัวขึ้นพร้อมสาดปืนใส่หลายสิบนัดไม่ยั้ง ทั้งสามคนกระโจนหาที่หลบแล้วเปิดฉากยิงตอบโต้
“ต้องแยกกัน..ไม่งั้นไม่รอดแน่”
เจ้าสัวกับหยกพยักหน้ารับเห็นด้วย ธงรบยิงสวนเปิดทางแยกออกไปคนแรก
“ระวังตัวตัวด้วยนะหยก..สัญญากับฉันว่าเธอจะต้องไม่ตาย” เจ้าสัวหันมาสั่ง
“ครับ..เจ้าสัวก็เหมือนกัน”
หยกยิงใส่พวกลูกน้องแล้วรีบแยกไป เจ้าสัวก็แยกออกไปอีกทาง ชาญพาลูกน้องตามไป
ธงรบรีบวิ่งหนีลูกปืนที่สาดใส่ไล่หลังจนกระสุนหมดแม๊ก จากนั้นจึงไปหลบที่หลังกองไม้ พอพวกมัน โผล่มาใกล้ระยะสู้ประชิดตัวได้ก็ปรี่ออกมาใช้เชิงมวยเล่นงานแย่งปืนจากมือ แล้วเปิดฉากดวลหมัดหนักๆ งัดออกมาไม่ยั้ง
ชาญกับลูกน้องที่ไล่ตามเจ้าสัวเล้งเข้ามา แต่ไม่เจอตัวเลยพากันแปลกใจ พวกมันแยกย้ายกัน เดินหาที่ ซอก ตามที่ๆคิดว่าเจ้าสัวน่าจะหลบอยู่ ทันใดเจ้าสัวโผล่เข้ามาข้างหลังลูกน้องคนหนึ่งอย่างเงียบๆเอาปืนจ่อหลัง มันจะขัดขืน
“อย่า !!”
เจ้าสัวจัดการทุบมันเข้าที่ต้นคอทีเดียวมันสลบเหมือด ชาญได้ยินเสียงรีบตามเข้ามายิง เจ้าสัวรีบวิ่งหนี ออกไปอย่างรวดเร็ว มันรีบไล่ตามแต่ก็ไม่เห็นตัว
“อยู่ไหนวะ..ออกมาสิเว้ย..แน่จริงก็ออกมาเจ้าสัว”
ชาญยิงปืนกราดไปทั่วหวังว่าจะยิงโดนสักนัด มันยิงจนกระสุนหมด เจ้าสัว
ก็ปรากฏตัวออกมาจ้องมันอย่างร้ายกาจ ชาญรีบเอาแม๊กกาซีนออกมาจะเปลี่ยนชุดใหม่ใส่เข้าไป แต่จังหวะนั้นเจ้าสัววิ่งเข้าใส่แล้วเปิดฉากด้วยเชิงมวย
หยกวิ่งออกมาอีกด้านหนึ่งของโกดังแล้วต้องชะงัก เมื่อเจอลูกน้องมานพโผล่ออกมายิงขวางทาง หยกกระโจนหลบก่อนจะหาจังหวะเมื่อมันเข้ามาใกล้ก็จัดการกับมันด้วยมือเปล่า
มานพโผล่มาข้างหลังแล้วยกปืนเล็งจะยิง หยกหันไปเห็นก็รีบดึงตัวลูกน้องมานพมาเป็นโล่ให้ตัวเอง
เปรี้ยงๆ !
มานพยิงใส่ไม่ยั้งโดยไม่สนใจว่าจะเป็นการยิงใส่ลูกน้องตัวเองนับไม่ถ้วน หยกผลักลูกน้องมานพใส่ทำให้ปืนมานพหลุดมือ หยกเลยรีบกระโจนเข้าไปถีบมานพจนเซ
“ไอ้หยก..แกมันชอบสอดเรื่องคนอื่นอยู่เรื่อย ถ้าไม่สั่งสอนแกซะบ้าง แกก็คงไม่เลิก จุ้นจ้าน”
มานพถอดเสื้อสูทออกหักนิ้วบิดคอวางท่าพร้อมสู้กับหยกเต็มที่
“แน่ใจเหรอว่าจะตัวๆกับฉัน ไอ้พวกเพลย์บอยอย่างแก ก็ดีแต่ใช้ลูกน้องทำงาน”
“ถ้าแกคิดว่าฉันดีแต่สั่งลูกน้องอย่างเดียว ก็ลองดูสิวะ”
มานพกวักมือเรียกท้าทาย หยกปรี่เข้าไปสู่กับมานพ ทั้งสองเปิดฉากเชิงมวยงัดเข้าใส่กันสุดฤทธิ์ หยกโหมทั้งหมัดเข่าศอกแต่มานพก็รับเชิงมวยได้อย่างง่ายดาย
มานพสวนกลับใส่เมื่อหยกเพลี่ยงพล้ำเพราะประมาทแถมยังขี้โกงกำทรายที่พื้นพกสาดใส่หน้าจนหยกตาพร่า มองไม่เห็น จากนั้นหยกก็โดนมานพอัดทั้งหน้าและลำตัวจนกระเด็นไปกระแทก กำแพงทรุดลงไปจุก
“ฮ่าๆ เป็นไงไอ้หยก..เห็นรึยังความแตกต่างระหว่างกุ๊ยหางแถวอย่างแกกับหัวหน้า มาเฟียอย่างฉัน อย่างแกมันก็แค่ก้อนกรวดที่ขวางทาง เห็นแล้วมันเกะกะลูกตาชมัด”
มานพตามเข้าไปใช้เชิงมวยเล่นงานหยกที่ยังไม่หายจุกดี มานพซ้ำหลายหมัดทำเอาหยกตั้งรับไม่ไหวโดนไปหนัก จนเกือบหมอบ
“ถ้าแกยังไม่เข้าใจฉันก็จะช่วยเตือนสติให้แกจำให้ขึ้นใจ..กุ๊ยอย่างแกดีก็แค่กระดิกหาง รอรับคำสั่ง แต่หัวเสืออย่างฉันคือคนที่กำหนดความเป็นความตายให้คนอื่นได้”
มานพจิกหัวหยกขึ้นมาแล้วอัดใส่ไม่ยั้งเข้าไปอีกหลายหมัดจนหยกเริ่มโงนเงน
“หมารับใช้อย่างแกเมื่อไม่มีแรงก็หมดประโยชน์..สุดท้ายมันก็ต้องตายอย่างเดียว”
มานพง้างหมัดจะจัดการแต่หยกกลับยกมือขึ้นรับหมัดมานพไว้..หมับ !!
เพราะหยกฮึดแรงเฮือกสุดท้ายขึ้นมา
“ฉันอาจจะเป็นหมารับใช้ของพวกมาเฟีย เป็นก้อนกรวดที่เกะกะขวางทางแก...”
หยกฮึดแรงงัดกลับเต็มกำลัง บิดมือมานพจนเริ่มพลิกกลับมาเป็นฝ่ายเหนือกว่า
“แต่อย่าลืมว่าหินผาที่ยากกำจัด ก็มาจากก้อนกรวดก้อนเล็กๆมารวมกัน !!”
หยกโหมแรงใส่เต็มที่จับมานพบิดจนร้องลั่นเพราะเจ็บแขน..อ๊ากกกกกก
มานพซวนเซเจ็บ หยกไม่รอช้าตามไปใช้เชิงมวยสั่งสอนกลับ ทั้งหมัดเข่าศอกจนมานพ ตั้งรับไม่ทันโดนหยกอัดเละ
ชาญใช้เชิงมวยสู้กับเจ้าสัวเล้ง แล้วสู้ไม่ได้โดนเล่นงานกระชากคอเสื้อขึ้นมาง้างหมัดจะจบแต่ชาญรีบร้อง
“อย่า..ผม..ผมยอมแล้วครับเจ้าสัว”
เข้าสัวหมัดค้าง ชาญเลยฉวยโอกาสคว้าไม้ใกล้มือฟาดใส่จนเจ้าสัวเจ็บแขนแล้วรีบฉวย โอกาสวิ่งหนีไปทันที เจ้าสัวมองตามเจ็บใจที่พลาดปล่อยให้มันเล่นงาน
หันมามองที่แขนตัวเองเห็นเลือดไหลมาตามแขน
ธงรบเล่นงานลูกน้องพยัคฆ์เมฆาจนมันหมอบสู้ไม่ได้ ธงรบกำลังจะง้างหมัดจบแต่ต้องชะงักเพราะ ได้ยินเสียง..คลิ๊กขึ้นไกปืน
“ถ้าฉันเป็นแก..ฉันจะค่อยๆคิด ตั้งสติดีๆว่าเวลามีปืนมาจ่อหัวแบบนี้ จะเลือกอยู่หรือจะ เลือกตาย”โหงวถามเยงกร้าว
“แก !!”
“จุ๊ๆ!..บอกแล้วไง..ตั้งสติดีๆแล้วค่อยคิดๆ เพราะยังไงแกก็เร็วไม่เท่าลูกปืนหรอก”
ธงรบขบกรามแน่นเจ็บใจ ส่วนโหงวยิ้มร้ายกาจ
หยกกระชากตัวมานพขึ้นมาจากสภาพที่โดนหยกเล่นงานจนสะบักสบอม
“ปล่อยฉันนะไอ้หยก..ฉันยอมรับแล้วว่าดูถูกแกเกินไป ฝีมือแกแบบนี้ถ้ามาอยู่กับฉัน ฉันจะดันให้แกยิ่งใหญ่ไปพร้อมๆกับฉัน”มานพพยายามต่อรอง
“ฉันไม่ได้เข้ามาวงการนี้เพราะอยากยืนอยู่บนความเดือดร้อนของคนอื่นหรอก”
“คนที่เข้ามาเป็นมาเฟีย มันไม่มีข้ออ้างอย่างอื่นหรอก”
“มีสิ..แต่แกคงไม่ทันได้รู้หรอก เพราะเจ้าสัวเล้งคงจะจัดการกับแกก่อน”
“นี่..นี่แกจะเอาฉันไปให้ไอ้เล้งเหรอ..อย่านะเว้ยไอ้หยก ไอ้เล้งจ่ายให้แกเท่าไหร่ ฉันจะ ให้เพิ่มอีก”
“ก็บอกแล้วไง..ฉันไม่ได้ทำเพื่อเงิน”
หยกลากคอมานพจะเดินออกไป แต่ต้องชะงักเพราะเสียงโหงวที่ดังแทรกเข้ามา
“ปล่อยมานพไปซะ..ไม่งั้น..พรรคพวกแกสมองกระจายอยู่ที่นี่แน่”
หยกอึ้งไปเพราะเห็นหมวดธงรบโดนโหงวเอาปืนจ่อลากตัวเข้ามากลายเป็นตัวประกัน สภาพธงรบถูกเล่นงานซะ จนตาปรือแทบหมดสภาพ
“หมวด !!”
มานพหัวเราะชอบใจ
“ดีมากเตี่ย..แบบนี้สิค่อยสมกับเป็นพ่อลูกกันหน่อย”
“แกคงไม่ได้ถูกลูกชายฉันเล่นงานจนหูหนวกหรอกนะไอ้หยก...ปล่อยมานพเดี๋ยวนี้”
หยกนิ่งเจ็บใจมองธงรบอย่างเป็นห่วง ระหว่างนั้นเจ้าสัวเล้งเข้ามาเรียกหยกเสียงดัง
“หยก !! ถ้าปล่อยมันไป มันจะกลายเป็นเสือติดปีก มันจะย้อนกลับมาถล่มพวกเราไม่ เหลือแน่”
โหงวหัวเราะ
“ไอ้เล้ง..แสดงว่าแกเองก็รู้ดีว่าถ้าฉันหนุนมานพเมื่อไหร่ บัลลังค์ที่แกเคยหวงนักหวง หนาก็จะกลายเป็นหอกคอยทิ่มแทงจนแกต้องเน่าตาย”
“ฉันไม่เคยกลัวแกหรอกไอ้โหงว..ต่อให้แกจะฉลาดเป็นกรด แต่แกมันก็แค่ไอ้เป๋ที่ดีแต่ โลภมาก สักวันแกต้องตายด้วยมือฉันแน่”
“วันนั้นมันไม่มีมาถึงหรอกไอ้เล้ง..เพราะสายเลือดของฉันที่แกเฝ้าฟูมฟักมาตลอดจะ เป็นคนฆ่าแกกับมือ”
“ไอ้โหงว”เจ้าสัวเจ็บใจ
”แกได้ยินแล้วใช่มั้ยไอ้หยก..คนฉลาดเขาต้องเลือกเล่นเกมส์ที่มีโอกาสชนะมากกว่าแพ้ และผู้ชนะคือคนที่สามารถกำหนดชีวิตคนอื่นได้ แกคงไม่เลือกโง่ๆนะไอ้หยก”
หยกนิ่งไปครุ่นคิดตัดสินใจ ยิ่งเห็นสภาพที่ธงรบโดนโหงวจับเป็นตัวประกันแล้วยิ่งตัดสินใจลำบาก
“หยก..ฉันต้องได้ตัวมานพ”เจ้าสัวบอกเสียงเข้ม
“ฉันจะช่วยให้แกตัดสินใจง่ายๆแล้วกันนะไอ้หยก..หนึ่ง..สอง...”
โหงวง้างไกเตรียมจะยิงทิ้งธงรบ หยกเลยต้องตัดสินใจผลักมานพออกไปคืนตัวให้ โหงวยิ้มชอบใจผลักธงรบลงพื้นแล้วเข้าช่วยมานพออกมาโดยเอาปืนกวาดไม่ให้เจ้าสัวเข้ามายุ่ง
“อย่าเว้ยไอ้เล้ง..ฉันจะยังไม่ถือว่าวันนี้คือชัยชนะของฉัน แต่เป็นแค่การเปิดฉากสงคราม ของแกกับฉันเท่านั้น...ฮ่าๆ”
โหงวหัวเราะสะใจแล้วพาตัวมานพออกไป เจ้าสัวได้แต่มองตามอย่างเจ็บใจ แล้วหันมาเอาเรื่องกับหยก
“แกไม่ควรปล่อยมันไป..แกคิดผิดแล้วหยก !! ไม่มีใครปล่อยเสือเข้าป่าเพื่อให้มันย้อนกลับมาฆ่าตัวเองหรอก”
หยกผลักอกเจ้าสัวอย่างไม่พอใจ
“หมวดเขาช่วยให้คุณรู้ความจริงเรื่องมานพ เขาเป็นคนของ คุณ แต่คุณจะปล่อยให้เขาตายเพื่อสนองความแค้นตัวเองเหรอเจ้าสัว ผมนึกว่าผมจะศรัทธาคุณได้ซะอีก..แต่สุดท้ายคุณก็ไม่ต่างจากพวกนั้น
หยกช่วยประครองธงรบแล้วพาเดินออกไป ทิ้งเจ้าสัวให้ยืนนิ่งงันอยู่ตามลำพัง
วันใหม่...หยกทำข้าวต้มร้อนๆวางบนโต๊ะ กิ่งเหมยเดินเข้ามา
“มาแล้วเหรอกิ่งเหมย...มาสิ...ฉันทำข้าวต้มให้เธอ เช้าๆแบบนี้กินอะไรร้อนๆดีกว่านะ”
หยกเอาใจกิ่งเหมยเข้าไปจูงมือมานั่งที่โต๊ะแล้วเอาข้าวต้มมาเป่า
“เพิ่งจะเสร็จก็เลยยังร้อนอยู่ ให้ฉันป้อนเธอแล้วกันนะ เพราะเดี๋ยวเธอทำหกลวกใส่ตัว”
“พอเลย...บอกฉันมานะหยก ที่มาเอาใจฉันแบบนี้ เมื่อคืนเธอไปมีเรื่องมาใช่มั้ย”
หยกชะงัก
“จะไปมีเรื่องได้ไง ก็เมื่อคืนฉันหมวดพาฉันไปเลี้ยงไง”
“อย่ามาโกหกนะ ไม่งั้นฉันจะเอาข้ามต้มร้อนๆเนี่ยลวกเธอจริงๆ”
กิ่งเหมทตีหน้าเอาจริงจนหยกรู้ว่าโกหกไปก็ไม่คงไม่รอด
“ก็ได้ๆ...ฉันบอกความจริงก็ได้ มันเป็นเรื่องจำเป็นที่ฉันต้องไปช่วยชีวิตคนๆหนึ่งไว้”
“ใคร”
คมทวนหิ้วถุงกับข้าวที่ซื้อมาฝากกิ่งเหมยเดินมาถึงหน้าบ้านก่อนจะหยุดชะงักเพราะได้ยินเสียงคุยของทั้งคู่ดังออกมา
“เจ้าสัวเล้ง เขาเป็นใคร ทำไมเธอถึงต้องไปช่วยชีวิตเขาด้วย”
คมทวนถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินเรื่องที่เล็ดลอดออกมาจากข้างใน...หยกอ้ำอึ้งไม่ค่อยอยากเล่าเท่าไหร่
“ว่าไงล่ะหยก...เธอสัญญากับฉันแล้วนะ”
“เจ้าสัวเล้งเป็นศัตรูกับเสี่ยตง แต่ฉันนับถือน้ำใจเขาเพราะเขาไม่ใช่คนเลว”
“แต่เธอรับปากฉันแล้วว่าเธอจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับพวกนั้นอีก”
“ใช่...ฉันรับปาก...แต่ว่า…”
“แต่เธอทำไม่ได้ เพราะเธอไม่คิดจะเอาตัวเองออกมาจากชีวิตแบบนั้น”
“ฉันเปล่านะกิ่งเหมย เพื่อเธอฉันทำได้ทุกอย่าง แต่ก็อย่างที่บอกเธอไปแล้วไง...ยังไม่ถึง เวลาที่ฉันจะอธิบายให้เธอเข้าใจ”
“แล้วเมื่อไหร่จะถึงเวลาล่ะหยก หรือฉันต้องรอให้เธอติดคุก ถูกฆ่าตายก่อน ฉันถึงจะรู้ว่า อะไรเป็นอะไรใช่มั้ย”
หยกหนักใจที่โดนกิ่งเหมยจี้ให้เขาพูดความจริง ระหว่างนั้นคมทวนรีบเข้ามาขัดจังหวะ
“มีอะไรกัน...เสียงดังไปถึงหน้าบ้านเลย”
“น้าคมทวน...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“แน่ใจนะ...น้าได้ยินเหมือนกำลังเถียงกัน...” คมทวนหันไปมองไม่พอใจหยก “ไอ้หยกใช่มั้ยที่ทำให้ กิ่งเหมยอารมณ์ไม่ดี...ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวน้าสั่งสอนมันให้เอง” คมทวนเข้าไปดึงหูหยกแรงๆ “มานี่ เลยไอ้หยก...ต่อให้เอ็งกำลังจะมีเมีย แต่ถ้าสันดานไม่ดีข้าก็ยังดันสันดานเอ็งได้อยู่”
คมทวนลากหยกออกไปเสียงร้องหยกดังโอ๊ยๆๆ
หยกโดนคมทวนลากเข้ามาในบ้าน
“โอ๊ยๆๆ...เบาๆหน่อยสิพ่อ ยังไม่รู้เรื่องอะไรสักหน่อย พ่อก็มาเล่นงานแต่ผมแบบนี้ เข้า ข้างแต่ว่าที่ลูกสะใภ้นี่”
“ข้าได้ยินที่เอ็งคุยกับกิ่งเหมย ทำไมเอ็งต้องหาเรื่องใส่ตัวไปช่วยชีวิตเจ้าสัวเล้งด้วย”
“ก็เขากำลังหาเรื่องตายน่ะสิพ่อ”
คมทวนสงสัย
“เอ็งหมายความว่าไง”
“เขาเพิ่งรู้ความจริงว่าลูกชายที่เลี้ยงมาตลอดชีวิตไม่ใช่สายเลือดตัวเอง แต่เป็นลูกของ ศัตรูที่หันมาร่วมมือกันทรยศหักหลังคิดทำลายล้างเขา”
คมทวนอึ้งไป
“นี่...นี่เจ้าสังเล้งรู้เรื่องสายเลือดตัวเองแล้วงั้นเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิพ่อ”
คมทวนตกใจพูดอะไรไม่ออกจนสีหน้าอ่านออกได้ชัดเจน
“พ่อ...ทำไมอยู่ๆพ่อถึงสนใจเรื่องเจ้าสัวเล้งขึ้นมาล่ะ”
คมทวนอึกอัก
“เอ่อ...ข้า...ข้าก็แค่ถามเอ็งเฉยๆเพราะเอ็งเคยลากข้าให้ไปช่วยชีวิตเขาไว้ไงวะ”
“ใช่พ่อ...ตั้งแต่ผมต้องเข้าไปพัวพันกับพวกมาเฟีย ก็มีแต่เจ้าสัวเล้งนี่แหละ ที่แตกต่าง จากคนอื่น”
คมทวนบีบแขนหยก
“แต่เอ็งกำลังจะแต่งงานกับกิ่งเหมย คุณดุจแพรก็ยื่นโอกาสให้เอ็งได้ ก้าวออกมาจากขุมนรกพวกนั้นแล้ว พ่อไม่อยากให้เอ็งทำลายโอกาสดีๆเพราะไอ้เจ้า สัวนั่น...เอ็งอย่าเข้าไปยุ่งกับเขาอีกได้มั้ยไอ้หยก”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับพ่อ...ผมจะไม่ยุ่งกับเขาอีก เพราะหลังจากที่ผมไปช่วยเขามา ผมถึงได้รู้ว่า...ผมมองคนผิดไป มาเฟียก็คืออาชญากร...สำนึกดีไม่มีอยู่ในตัวหรอก”
หยกบอกพ่อแล้วหันมาหน้าเคร่งเครียด แต่คมทวนฟังแล้วอดเป็นห่วงเรื่องนี้ไม่ได้ว่ามันจะไม่หยุดแค่นี้แน่
ในห้องส่วนตัวอู๊ดดี้กินอาหารจีนอยู่กับดุจแพร
“เป็ดย่างที่นี่ถึงจะรสชาติสู้ร้านประจำของฉันที่อังกฤษไม่ได้ แต่ก็พอแก้ขัดเวลาอยาก ได้อยู่...ตักให้ฉันอีกสิลูกปลาน้อย”
“มีมือก็ตักเองสิ”
“แต่ฉันอยากให้เธอบริการฉันนี่ ป้อนเข้าปากได้ด้วยก็ดี”
“มันจะมากไปแล้วนะอู๊ดดี้”
ดุจแพรฉุนจะออกไปแต่โดนอู๊ดดี้คว้าแขนมาบีบ
“นี่เธอยังกล้าพยศกับฉันอีกเหรอ...ไอ้ที่ฉันขู่เธอไปมันไม่เข้าหูเธอเลยใช่มั้ย”
“ปล่อยฉันนะอู๊ดดี้”
“ถ้าฉันไม่ปล่อยแล้วเธอจะทำอะไร...จะร้องตะโกนให้ใครช่วย อย่าลืมนะว่าป๋าเธอยกเธอ ให้ฉันแล้ว ทุกคนที่นี่รู้เหมือนกันหมดว่าเธอกับฉันเราเป็นอะไรกัน”
ดุจแพรเจ็บใจหันไปตบหน้าทันที เพี๊ยะ !! อู๊ดดี้หน้าหันแต่กลับยิ้มชอบใจ
“ฉันทำตัวเป็นสุภาพบุรุษกับเธอมาตลอด แต่เธอก็ยังไปชอบไอ้กุ๊ยกระจอก ถ้าในเมื่อเธอ ชอบแบบเลวๆ ฉันก็จะเลวสุดๆให้ดู”
อู๊ดดี้จู่โจมจับดุจแพรมาบีบไหล่สองข้างกระชากตัวเข้ามาประชิดเตรียมใช้กำลังข่มเหง ดุจแพรตกใจ
กิ่งเหมย อ่างและสลึงเข้ามาในภัตตาคารอาหารจีน สลึงมองรอบๆอย่างสงสัย
“นี่กิ่งเหมยไปรวยอะไรมา...อยู่ๆถึงพาพวกน้ามาเลี้ยงเหลาหรูๆแบบนี้เนี่ย”
อ่างเคาะกะโหลกสลึง
“หลานมาขอแรงให้ช่วยทำธุระให้ แต่เอ็งดันคิดแต่เรื่องกิน”
“โธ่เอ้ย...ชาตินี้จะมีโอกาสได้เข้าเหลาหรูๆแบบนี้สักกี่ครั้งวะ”
กิ่งเหมยยิ้ม
“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะน้า...เหมยสัญญาว่าเสร็จธุระแล้วเหมยจะเลี้ยงพวกน้าเอง”
สลึงเลียปากแพล่บ ลาภปากแต่ก็โดนอ่างเขกกะโหลกอีก
“นี่แน๊ะ...ไม่ต้องไปตามใจมันหรอก ว่าแต่ตกลงกิ่งเหมยขอแรงให้พวกน้ามาช่วยอะไรล่ะ”
“ช่วยเหมยคุยกับใครคนนึงค่ะ แต่คุยดีๆเขาคงไม่ฟัง”
“อ๋อ...งั้นน้าพอเข้าใจแล้ว”สลึงพยักหน้ารับ
ดุจแพรถูกอู๊ดดี้จับกดลงบนโต๊ะแล้วพยายามปลุกปล้ำเธออย่างบ้าคลั่ง
“ปล่อยฉันนะอู๊ดดี้...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
“ไม่มีใครช่วยเธอหรอก...ฉันไล่ลูกน้องป๋าเธอไปหมดแล้ว พวกมันไม่มีใครกล้ามาขัด ความสุขของเราหรอก”
โปรดติดตามตอนที่ 20