บ่วงรัก ตอนที่ 12
แสงแดดช่วงเวลาตอนกลางวัน สาดลำแสงส่องเป็นประกายเงางดงามทั่วบริเวณวัด ขณะที่เพชรแท้นั่งคุกเข่าพนมมืออยู่กลางศาลาการเปรียญ ต่อหน้าพระสงฆ์รูปหนึ่งซึ่งกำลังเจริญพระพุทธมนต์ และทำพิธีรดน้ำมนต์สะเดาะห์เคราะห์ให้เพชรแท้ เพื่อความเป็นสิริมงคล
“หมดทุกข์หมดโศก หมดโรคหมดภัย มีแต่ความสุขความเจริญ มีเงินมีทองนะโยม...”
เสียงสวดมนต์ฟังดูเข้มขลัง ขณะที่น้ำมนต์สาดซัดลงมาที่ศีรษะ และลำตัวของเพชรแท้จนเปียกชุ่ม
เพชรแท้พนมมือ ก้มหน้านิ่งรับน้ำมนต์ สัมผัสรับรู้ถึงความขลัง และพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองถูกชุบชีวิตให้กลายเป็นคนใหม่
พระรดน้ำมนต์ให้จนเสร็จพิธี เพชรแท้ก้มหน้าลงกราบ 3 ครั้ง พิณทองกับพรรณีซึ่งนั่งพับเพียบอยู่ห่างออกไป กราบลงพร้อมๆ กัน ทั้งสองคนมองเพชรแท้ แล้วยิ้มออกมาอย่างชื่นใจ
เพชรแท้เช็ดหน้าเช็ดตัวเรียบร้อยแล้ว กำลังเดินออกมาหน้าศาลาพร้อมกับพรรณี และพิณทอง สามคนคุยกันมา
“ดีใจด้วยนะลูก เพชรพ้นผิดแล้ว หมดทุกข์หมดโศกกันซะที ต่อไปนี้ ขอให้โชคดี เจอแต่เรื่องดีๆ นะลูก”
“ขอบคุณครับ แม่”
“บ้านเราจะได้กลับมาสงบสุขเหมือนเดิมซะที”
เพชรแท้พยักหน้ากับน้องสาว แต่อดคิดถึงเรื่องคดีไม่ได้ “อยากรู้จัง ตำรวจเขาจะทำยังไงต่อกับคนที่เขาจับได้”
“เขาก็คงเอาไปสอบสวน...หน้าตาอย่างนั้น มันจะไปรู้จักท่านได้ยังไง ต้องมีใครจ้างมันมาทำร้ายท่านอยู่แล้ว” พิณทองมั่นใจ
“เราก็รู้กันอยู่ว่าเป็นใคร” เพชรแท้บอกพร้อมกับถอนหายใจ “เสียดาย ไม่รู้ว่าตำรวจจะเอาผิดมันได้หรือเปล่า”
“กรรมใดใครก่อนะลูก มันก็ต้องย้อนกลับไปสนองคนนั้น ถึงจะรวยล้นฟ้าแค่ไหน ก็ไม่มีทางหนีบาปกรรมไปได้หรอก เชื่อแม่เถอะ สำคัญว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นแหละ” พรรณีว่า
“ช่วยกันภาวนาให้กรรมมันสนองเร็วๆ หน่อยเถอะแม่...ถ้ายังไม่ได้เห็นคนที่มันสั่งฆ่าพ่อเข้าไปนอนในคุก เพชรคงไม่มีวันสบายใจแน่ๆ” เพชรแท้บอก
สามแม่ลูกชะงัก เพราะเจอชนะศึกยืนรออยู่
“คุณชนะศึก!” พิณทองแปลกใจ
เพชรแท้กับชนะศึกจ้องหน้า ประสานสายตากัน ไม่มีใครยอมใคร
“เพชรแท้ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ” ชนะศึกเอ่ยขึ้น
ที่มุมหนึ่งของวัด เพชรแท้เดินเข้าไปหาชนะศึก พรรณีกับพิณทองเดินตามมา เพชรแท้ถามน้ำเสียงเรียบ ๆ
“มีอะไรอีก”
“เมื่อศาลตัดสินให้คุณเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว คุณก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับมรดกของคุณพ่อ ตามความต้องการของท่านที่ทำพินัยกรรมเอาไว้ก่อนเสียชีวิต”
“ฉันไม่เคยอยากได้”
“แต่คุณพ่อคงอยากให้...ถือซะว่าทำเพื่อพ่อก็แล้วกัน”
เพชรแท้นิ่งไปครู่หนึ่ง สีหน้ายอมรับกลายๆ
“อีก 2-3 วัน ทนายของผมจะนัดคุณเข้าไปอ่านพินัยกรรม ขอให้ไปตามที่นัดหมายด้วย”
“เท่านั้นใช่ไหม” เพชรแท้ขอตัว
ชนะศึกอึ้งไปนิดหนึ่ง แล้วพูดออกมาอย่างไว้ตัว
“ยังมีอีกเรื่องนึง...ขอแสดงความยินดีกับคุณด้วยนะ เรื่องคดี”
“ขอบใจ...ฉันก็ขอแสดงความเสียใจกับแกด้วยเหมือนกัน” เพชรแท้ยิ้มเยาะเป็นนัย “เรื่องคดีน่ะ”
ชนะศึกฉงน “หมายความว่าไง”
“แกก็รู้ว่าฉันหมายความว่ายังไง เขาจับคนที่ยิงพ่อได้แล้ว ไอ้คนที่บงการอยู่เบื้องหลัง มันคงต้องนั่งไม่ติดกันบ้างล่ะ...อีกไม่นานหรอก มือปืนมันต้องสารภาพว่าใครบงการ...ฉันเลยขอแสดงความเสียใจล่วงหน้าเอาไว้เลยก็แล้วกัน”
พูดจบเพชรแท้หัวเราะหึๆ แล้วเดินไปหาพรรณี
ชนะศึกยืนนิ่ง อึ้งไป เข้าใจความหมาย พรรณี เพชรแท้ และพิณทองเดินออกไป แต่พิณทองยังเหลียวหันมาดูชนะศึกเหมือนคิดบางอย่างในใจ
ชนะศึกเดินมาถึงรถที่จอดอยู่ตรงลานจอดรถ สีหน้าไม่สบายใจนัก ขณะที่ชนะศึกกำลังจะเปิดประตู พิณทองเดินเข้ามาหา
“คุณชนะศึก”
ชนะศึกชะงัก หันไปตามเสียง
“พิณทอง”
พิณทองพูดขึ้นทันที “พิณว่า...คุณควรจะขอโทษพี่เพชร”
“ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผมก็แค่ทำตามกฎหมาย แค่พยายามจะเอาตัวคนผิดมารับโทษเท่านั้นเอง”
พิณทองหยั่งเชิง “แต่ถ้าคนผิดไม่ใช่พี่เพชรล่ะคะ คุณจะทำขนาดนี้ไหม”
ชนะศึกตอบทันที “ทำสิ ผมต้องทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว ใครก็ตามที่ทำผิด ก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย...ไม่ว่าใครทั้งนั้น”
“ไว้พิณจะคอยดูก็แล้วกัน ว่าคุณเป็นคนอย่างที่คุณพูดจริงหรือเปล่า”
พิณทองมองหน้าชนะศึกนิดหนึ่ง แล้วเดินจากไป
ชนะศึกมองตามหลังพิณทอง ความรู้สึกหนักอึ้ง
อังคณาเดินมาที่เคาน์เตอร์บาร์ ด้วยผมทรงเดิมกับตอนที่บอกชนะศึกว่าจะออกไปทำผม อังคณาถือโทรศัพท์มือถือมาด้วย
อังคณาพยายามจะเปิดขวดไวน์ แต่ก็อดเหลือบมองโทรศัพท์ไม่ได้ อังคณาเปิดขวดไม่สำเร็จ เพราะมัวแต่กังวลใจ เสียงชนะศึกดังขึ้นข้างหลัง
“ผมเปิดให้ดีกว่าครับ คุณแม่”
อังคณาสะดุ้งสุดตัว แล้วรีบกลบเกลื่อน “ตาชนะ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ มาเงียบๆ ตกใจหมด...แล้วนี่ไปไหนมา”
“ไปธุระครับ” ชนะศึกหยิบขวดไวน์ขึ้นมาเปิด มองอังคณาอย่างจับกิริยา “คุณแม่ไม่ได้ไปทำผมนี่ครับ”
“อ๋อ” อังคณาอ้อมแอ้ม “แวะไปที่ร้านแล้ว เผอิญคนมันแน่น แม่ขี้เกียจคอย”
“เลยกลับ ไม่ทำเลยเหรอครับ”
“ฮื่อ ก็ช่างที่ร้านเขาไม่ว่าง มีแขกรออยู่อีกตั้ง 2-3 คน แม่เลยตัดสินใจกลับเลยดีกว่า”
ชนะศึกพยักหน้า เปิดขวดสำเร็จ รินไวน์ใส่แก้ว ส่งให้อังคณา
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“ขอบใจนะ”
อังคณาถือแก้ว พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือเดินเลี่ยงไป ชนะศึกมองตามด้วยสีหน้าสงสัยคาใจมาก อีกมุมหนึ่ง
ชนกนันท์จดสายตามองจ้องอังคณาอยู่ สงสัยไม่ต่างกัน
อังคณาเดินเข้ามาในห้อง จิบไวน์แก้กลุ้ม คิดหนักว่าชนะศึกเริ่มสงสัยตัวเอง ระหว่างนั้นชนกนันท์เปิดประตูเข้ามา อังคณายินเสียงจึงหันขวับมามองอย่างไม่พอใจ
“ยัยนก ทำไมไม่เคาะประตูก่อน”
ชนกนันท์พูดขึ้นลอยๆ น้ำเสียงเรียบๆ แต่จริงจัง “เมื่อกลางวันคุณแม่ไม่ได้ไปทำผม”
อังคณาชักสีหน้างวยงง “อะไรของแก”
ชนกนันท์พูดต่ออย่างช้าๆ แต่หนักแน่นจริงจัง
“คุณแม่ไม่เคยไปทำผมโดยที่ไม่โทร.นัดล่วงหน้า และต่อให้คุณแม่ไม่ได้นัด คุณแม่ก็ไม่จำเป็นต้องรอ ช่างที่ร้านต้องทิ้งทุกอย่างมาดูแลคุณแม่ เพราะคุณแม่คือลูกค้าคนสำคัญที่สุดของเขา...คุณแม่โกหกพี่ชนะ”
อังคณาขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ “ยัยนก แกกำลังกล่าวหาแม่นะ”
“นกไม่ได้กล่าวหา คุณแม่โกหกพี่ชนะ คุณแม่กำลังมีความลับกับพวกเรา คุณแม่กำลังทำอะไรอยู่คะ ทำไมถึงต้องเป็นความลับ” ชนกนันท์ต่อปากต่อคำ
“ยัยนก ออกไปก่อน แม่ไม่อยากคุยกับแก”
ชนกนันท์ยิ่งรุกหนัก “สิ่งที่คุณแม่ปิดเอาไว้มันคืออะไรคะ มันเลวร้ายมากขนาดไหน ทำไมถึงบอกนกกับพี่ชนะไม่ได้”
อังคณาบันดาลโทสะทนไม่ไหว ขว้างแก้วไวน์เฉียดตัวชนกนันท์ไปเฉียดฉิว พร้อมกับตวาดเสียงดัง
“แม่บอกให้ออกไป”
ชนกนันท์ตกใจสุดขีด อังคณาหน้าซีดตัวสั่นเทิ้ม
“แล้วอย่าได้บังอาจมาถามอะไรเซ้าซี้แบบนี้อีก แม่เป็นแม่ของแกนะ ยัยนก แม่ไม่ใช่นักโทษให้พวกแกมาสอบสวน! ออกไป!”
ชนกนันท์เสียหน้ารีบเดินออกไป อังคณายืนนิ่งเครียดจัด
ด้านชนะศึกเดินคิดเรื่องอังคณามาเรื่อยๆ ริมถนน จนมาหยุดอยู่ที่ร้านขายดอกไม้ร้านหนึ่ง ชนะศึกมองเข้าไปในร้านเห็นพิณทองกำลังเลือกดอกไม้อยู่
ชนะศึกมองพิณทองด้วยความสำนึกผิดที่เคยทำไม่ดีกับพิณทอง จึงตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านเพื่อขอโทษ
ภายในร้านขายดอกไม้ พิณทองกำลังเดินดูดอกไม้หลายๆ ชนิดอย่างเพลิดเพลิน จังหวะหนึ่งเหลือบไปเห็นกระถางกล้วยไม้แบบเดียวกับที่ชนะศึกเคยซื้อให้
พิณทองหวนคิดถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น
ขณะที่พิณทองหยิบกระถางกล้วยไม้นั้นขึ้นมา เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเงาชนะศึกในกระจกกำลังยืนอยู่ข้างหลัง
“ไม่ต้องหันมาก็ได้นะ ถ้าไม่อยากมองหน้ากัน” ชนะศึกเอ่ยขึ้น
พิณทองตัดสินใจหันไปเผชิญหน้ากับชนะศึก
“พิณไม่ใช่คนทำผิดคิดร้าย ไม่จำเป็นต้องหลบหน้าใครนี่คะ”
แล้วพิณทองก็หันหลังเดินไปดูดอกไม้อีกมุมหนึ่ง ชนะศึกเดินตามมา
“มาซื้อดอกไม้เหรอ
พิณทองตอบโดยไม่ยอมหันมามองหน้าชนะศึก
“ไม่มีปัญญาซื้อหรอกค่ะ”
“งั้นผมซื้อให้เอามั้ย”
“อย่าเลยค่ะ พิณไม่รู้ว่าคุณจะมาไม้ไหน”
ชนะศึกฉุนนิดๆ “ผมไม่น่าไว้ใจขนาดนี้เลยเหรอ”
“สมัยนี้ใครก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้นแหละค่ะ” พิณทองหันหน้าไปหาชนะศึก พูดแดกดัน “ยิ่งคนที่เคยร้าย มาทำเป็นดีด้วย เราต้องยิ่งระวัง”
พูดจบพิณทองเดินผ่านชนะศึกไป
“ผมบอกแล้วไง ผมไม่เคยคิดทำร้ายคุณเลยนะ”
พิณทองหยุดหันกลับมา
“พิณเลิกเชื่อคำพูดของคุณไปแล้วล่ะค่ะ พิณดูที่การกระทำมากกว่า”
“แล้วสักวัน ผมจะทำให้คุณเห็น ว่าผมเป็นคนอย่างไง”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เพราะคุณจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวกับพิณอยู่ดี”
ชนะศึกหน้าเสีย มองจ้องตาพิณทอง
ผึ้งเดินถือของเข้ามาในร้าน
“ได้แล้วพิณ”
“กลับบ้านกันเถอะผึ้ง” พิณทองเอ่ยขึ้น
“ไปซี เดี๋ยวน้าณีรอ” ผึ้งหันไปมองชนะศึก
พิณทอง และผึ้งเดินออกจากร้านไป ชนะศึกมองตามเรียกไว้
“พิณทอง”
ชนะศึกเดินตามพิณทองออกไป
ชนะศึกเดินตามพิณออกมาที่บริเวณหน้าร้านขายดอกไม้
“พิณทอง รอเดี๋ยวก่อนซี พิณทอง”
พิณทองหยุดเดิน หันมาหาชนะศึก
“ระหว่างผมกับเพชรแท้ก็เรื่องหนึ่ง ระหว่างแม่คุณกับแม่ผมก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ว่าเรื่องระหว่างเราไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้” ชนะศึกว่า
พิณทองน้ำตาไหลริน “ระหว่างคุณกับพิณ ไม่มีคำว่าเราหรอกค่ะ พิณก็คือพิณ คุณก็คือคุณ”
“คุณอยากให้เป็นแบบนั้นใช่ไหม” ชนะศึกถาม
“มันไม่มีทางอื่นหรอกค่ะ”
พิณทองหันหลังเดินจากไปพร้อมกับผึ้ง ชนะศึกมองตามด้วยความเสียใจ
พิณทองนั่งร้องไห้อยู่ในแท็กซี่มาตลอดทาง ผึ้งคอยช่วยปลอบ
“ไม่เป็นไรนะพิณ”
พิณทองพยักหน้า ฝืนยิ้ม
“ให้มันจบแบบนี้แหละ ดีแล้ว”
ปากก็พูดไป แต่น้ำตาพิณทองยังคงไหลรินออกมาอยู่อย่างนั้น
บ่วงรัก ตอนที่ 12 (ต่อ)
รุ่งเช้าพรรณี พิณทอง และเพชรแท้นั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันภายในบ้าน เป็นภาพรายงานข่าวการสอบสวนยักษ์
“ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงทำการสอบสวนนายยักษ์หรือ พิชัย ชื่นจิตร ผู้ต้องหาคดีลอบฆ่านักธุรกิจใหญ่ นายธานินทร์ เลิศชัยวัฒน์ แต่ผู้ต้องหาก็ยังปฏิเสธที่จะให้การเพิ่มเติม...” ผู้ประกาศข่าวรายงาน
ในจอทีวี เป็นภาพยักษ์ถูกคุมตัวกลับเข้าห้องขัง โดยไม่ยอมพูดให้การอะไรกับใครทั้งนั้น
เวลาเดียวกันอังคณาดูข่าวทีวีอยู่ที่บ้านเลิศชัยวัฒน์ สีหน้าเครียดเคร่ง เสียงผู้ประกาศรายงานข่าวต่อ
“ตำรวจสันนิษฐานว่า จะต้องมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง และจะทำการสอบสวนต่อไป จนกว่านายยักษ์จะให้การสารภาพว่าใครคือผู้จ้างวานฆ่านายธานินทร์ ซึ่งทางสถานีจะติดตามข่าว และรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป”
อังคณาเครียดมาก ทนดูไม่ไหว หยิบรีโมทขึ้นมา กดจอทีวีดับพรึบลง
ทีวีที่บ้านพรรณีก็ปิดลงด้วย เพชรแท้ครุ่นคิด พิณทองกับพรรณีคุยกันเรื่องนายยักษ์
“พี่เพชรว่าเขาจะยอมพูดความจริงไหม”
“ถ้าเป็นแม่ แม่จะบอกตำรวจเขาไปนะ อย่างน้อย ก็ดีกว่ามารับโทษคนเดียว”
“นายยักษ์นี่เขาไม่ได้เป็นคนต้นคิดฆ่าท่านนี่ ถ้าตำรวจเขาจับตัวการได้ เขาอาจจะลดโทษให้นายยักษ์ก็ได้นะ” พิณทองออกความเห็น
“ฆ่าคนตาย ลดโทษยังไงก็ต้องคิดคุกหัวโต” เพชรแท้พูดพลางครุ่นคิด ตริตรอง “เพชรว่า ไอ้ยักษ์มันคงไม่โง่รับโทษคนเดียวหรอก แต่ที่มันหุบปากเงียบอยู่จนทุกวันนี้ มันคงรออะไรซักอย่าง”
“อะไรล่ะลูก” พรรณีฉงน
“เพชรก็นึกไม่ออกเหมือนกัน แม่ แต่เพชรว่า...มันต้องมีอะไรที่เราไม่รู้อีกแน่ๆ”
เพชรแท้ครุ่นคิด
ตอนกลางวันที่เรือนจำคลองเปรม ตรงบริเวณที่ลงชื่อขอเยี่ยมนักโทษ เพชรแท้ยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะเจ้าหน้าที่
“ขอเยี่ยมนายยักษ์เหรอ” เจ้าหน้าที่ตรวจดูเอกสาร “มีญาติมาเยี่ยมไปแล้วนี่ วันนี้เยี่ยมไม่ได้แล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
“ใครมาเยี่ยมเหรอครับ” เพชรแท้สงสัย
“เมียเขา เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง” มองไปทางหนึ่ง แล้วชี้ให้ดู “โน่นไง เดินอยู่โน่น”
เพชรแท้มองตามไป เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินอยู่หน้าเรือนจำ ท่าทางลับๆ ล่อๆ
เพชรแท้ออกมาจากเรือนจำ เดินตามเมียของยักษ์ไป แล้วทันใดเพชรก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นชายคนหนึ่งเดินเข้าไปคุยกับเมียของยักษ์ พอชายคนนั้นหันมาปรากฏว่าเป็นเรืองโรจน์
เมียของยักษ์เดินตามเรืองโรจน์ไปขึ้นรถ เพชรแท้รีบตรงไปที่มอเตอร์ไซค์ของตน ขับตามรถของเรืองโรจน์แล่นออกไปจากเรือนจำทันที
ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เรืองโรจน์เดินเข้ามาพร้อมกับเมียของยักษ์ เรืองโรจน์ถือกระเป๋าใส่เงิน ที่ได้มาจากอังคณา เข้ามาด้วย สองคนไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่ง เพชรแท้ค่อยๆ โผล่หน้าเข้ามา มองไปที่เรืองโรจน์ เห็นเรืองโรจน์นั่งหันหลังให้ประตู กำลังสั่งกาแฟ เพชรแท้แอบฟัง
เรืองโรจน์คุยกับเมียยักษ์ “เขาบอกอะไรเธอบ้างหรือยัง”
“เขาบอกให้เอาเงินจากคุณ พอได้เงินแล้วก็ไปบอกเขา”
“เงินอยู่นี่แล้ว”
เรืองโรจน์ว่าพลางยกกระเป๋าขึ้นมา มองซ้ายมองขวานิดหนึ่ง ก่อนจะส่งกระเป๋าใบนั้นให้เมียของยักษ์
“เงินอยู่ในกระเป๋านี่”
เพชรแท้ยิ่งสนใจฟัง
“ในนั้นน่ะล้านนึง แล้วฝากไปบอกไอ้ยักษ์ด้วย ถ้ามันยอมรับว่าทำผิดคนเดียว ไม่ซัดทอดมาถึงฉันหรือเจ้านาย พอศาลตัดสิน แล้วพวกฉันปลอดภัย เธอก็จะได้อีกเก้าล้าน”
เมียยักษ์พยักหน้า เพชรแท้พอใจได้รู้เบาะแสอะไรบางอย่างแล้ว
ครู่ต่อมาเมียยักษ์เดินออกมาจากร้านเพียงลำพัง ท่าทางระแวดระวัง เมียยักษ์เดินกอดกระเป๋าใส่เงินแน่น เดินตรงไปที่ริมถนน เพื่อเรียกแท็กซี่ เมียยักษ์ชะเง้อชะแง้ เพชรแท้เดินเข้ามาใกล้ๆ เมียของยักษ์เริ่มระแวง นึกตกใจ ขยับจะหนี เพชรแท้จับแขนเมียยักษ์เอาไว้
“อย่าหนีนะ!”
“แกจะทำอะไรฉัน...ปล่อย”
เพชรแท้บีบแขนแน่น “แกจำฉันไม่ได้เหรอ ฉันชื่อเพชรแท้ ลูกชายของนายธานินทร์ เลิศชัยวัฒน์ คนที่ผัวแกฆ่าตายไง! ทีนี้จำได้ยัง”
เมียยักษ์ตกใจแทบช็อค เข่าอ่อนไปเลย ยกมือไหว้ขอร้องปลกๆ
“ปล่อยฉันเถอะนะ...ฉันขอโทษ”
ชนกนันท์กับชนะศึกเดินปรี่เข้ามาที่สถานีตำรวจ ท่าทางเร่งร้อน ครู่ต่อมาสองพี่น้องนั่งอยู่ภายในห้องสารวัตร ที่แจ้งความคืบหน้าเรื่องคดี
“คนที่นำเงินมาให้เมียนายยักษ์ เพื่อเป็นค่าจ้างปิดปาก คือนายเรืองโรจน์ อธิกร ครับ”
ชนกนันท์กับชนะศึกตกใจมาก
“เรืองโรจน์เหรอ”
“เรืองโรจน์เป็นคนสั่งฆ่าพ่องั้นหรือ” ชนกนันท์คาใจ
“ลำพังเรื่องความแค้นที่โดนไล่ออกจากงาน นายเรืองโรจน์ไม่น่าลงทุนทำถึงขนาดนี้...เมียนายยักษ์บอกว่า ถ้าหากนายยักษ์ยอมรับผิด ไม่ให้การซัดทอดไปถึงใคร นายเรืองโรจน์จะให้เงินสดๆ สิบล้านบาทเป็นค่าปิดปาก”
“เงินสดสิบล้านเชียวเหรอ เรืองโรจน์จะไปเอามาจากไหน” ชนะศึกไม่อยากเชื่อ
“นั่นนะซี...ลำพังเงินก้อนแรกที่อยู่ในกระเป๋า ที่เรายึดไว้เป็นของกลางน่าก็ล้านนึงแล้ว”
พลางสารวัตรหยิบกระเป๋าของกลางขึ้นมา
ชนะศึกตะลึง กระเป๋าใบนั้นคือกระเป๋าที่เรืองโรจน์ได้จากอังคณาไปเมื่อวาน
ชนกนันท์ก็ตะลึงเช่นกัน เพราะเธอจำได้ว่ากระเป๋าใบนั้น เหมือนกระเป๋าใบที่อังคณาถืออกจากบ้านไม่มีผิด
ชนะศึกเดินออกมาหน้าห้องสารวัตร ท่าทีเงียบขรึม นั่งลงที่เก้าอี้ก้มหน้าใช้มือกุมหน้าผาก เครียดจัด
จังหวะนั้นที่ห้องข้างๆ กัน เพชรแท้เปิดประตูเดินออกมา เห็นชนะศึกจึงเดินเข้าไปหา
“เป็นไง คราวนี้รู้หรือยังว่าใครเป็นตัวการฆ่าพ่อ”
ชนะศึกมองหน้าเพชรแท้ รู้ว่าเพชรแท้หมายถึงอังคณา ซึ่งเขาเองก็รู้ แต่ไม่อยากยอมรับ จึงพูดบ่ายเบี่ยง
“รอให้ตำรวจเป็นคนพิสูจน์ดีกว่า”
เพชรแท้เหน็บ “ทำใจไม่ได้ซีนะ...ฉันเข้าใจ มันไม่ง่ายหรอกที่จะยอมรับว่าแม่ของตัวเองเป็นผู้ร้ายฆ่าคน”
“แกไม่มีหลักฐาน” ชนะศึกเถียง
เพชรแท้ยิ้มเยาะ “ก็ไอ้เรืองโรจน์นั่นไง นึกเหรอว่าถ้ามันโดนจับ มันจะไม่พาแม่แกเข้าคุกไปด้วย”
“แม่ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับมัน”
เพชรแท้จ้องชนะศึกนิ่ง แวบหนึ่งนั้นก็อดรู้สึกเห็นใจชนะศึกไม่ได้เหมือนกัน “เดี๋ยวเราคงได้รู้กัน...แต่บอกไว้ก่อนนะ ฉันไม่ปล่อยแม่แกลอยนวลแน่ๆ”
เพชรแท้เดินหน้าเหี้ยมออกไป
ชนกนันท์เปิดประตูออกมา เห็นเพชรแท้เดินไป มองตามตาขวางแล้วหันมาถามชนะศึก
“มันมาหาเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าคะ”
“เปล่า”
ชนะศึก และชนกนันท์เครียดพอกัน
คืนนั้นชนกนันท์กลับบ้านอย่างค้างคาใจ กำลังย่องเข้ามาในห้องอังคณา ตรงดิ่งเข้าไปที่ห้องเก็บเสื้อผ้า เปิดตู้ใบใหญ่ที่เก็บกระเป๋า และรองเท้าของอังคณา รื้อตู้หากระเป๋าใบนั้นอย่างร้อนรน
ชนกนันท์หาไปเรื่อยๆ ใบแล้วใบเล่า แต่ไม่เจอชนกนันท์หน้าเสีย พึมพำ
“อยู่นะ ขอร้องล่ะ ขอให้อยู่เถอะ”
ชนกนันท์รื้อไปเรื่อยๆ จนหมดตู้ ดึงกระเป๋าใบสุดท้ายออกมาจากตู้ กระเป๋าหลายสิบใบกองเกลื่อนรอบตัว แต่ไม่มีกระเป๋าใบนั้นอยู่เลย
“ไม่มีจริง ๆ ด้วย ไม่จริง ต้องมีซี”
เสียงอังคณาดังขึ้น “ยัยนก”
ชนกนันท์สะดุ้งเฮือก หันมา เห็นอังคณายืนจังก้าอยู่ด้านหลัง มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
อังคณาหน้าตาดุดัน ถามเสียงเหี้ยม “เข้ามารื้อของในห้องแม่ทำไม”
ชนกนันท์กลืนน้ำลายลงคอ กลัวก็กลัว แต่จากสภาพการณ์จะโกหกไม่ได้แล้ว เลยตัดสินใจ
“นกมาหากระเป๋า”
อังคณาถามเสียงเครียด “กระเป๋าอะไร”
“กระเป๋าสีดำ ใบใหญ่ๆ ที่คุณแม่เอาใส่ของไปเมื่อวันก่อนน่ะค่ะ จำได้ไหมคะ”
อังคณาฉงน “จะหาไปทำไม”
“นก...จะขอยืม แม่เอาไปไว้ที่ไหนคะ มันไม่อยู่ที่นี่ นกหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ”
อังคณานิ่งไป รู้แล้วว่าลูกสาวสงสัยตน ชนกนันท์มองอังคณา กลั้นใจถาม
“กระเป๋าใบนั้นอยู่ไหนคะ แม่”
อังคณาหันมา มองหน้านก นิ่งนาน ก่อนจะพูดเสียงเรียบ
“แม่ทำหายไปแล้ว...ออกไปจากห้องแม่ แล้วตั้งแต่นี้ต่อไปอย่าได้เข้ามาวุ่นวายในห้องแม่แบบนี้อีก เข้าใจไหม”
ชนกนันท์ยังนิ่งอยู่ เสียใจท่วมท้น ไม่ตอบอะไร
“เข้าใจไหม”
ชนกนันท์รู้สึกตัว “ค่ะ”
ชนกนันท์เดินออกไป ปิดประตูลง อังคณามองตาม
ชนกนันท์วิ่งเข้ามาในห้องทรุดลงไปที่โซฟา ร้องไห้โฮ มั่นใจแล้วว่าอังคณาคือตัวการอยู่เบื้องหลังการสั่งฆ่าพ่อแน่นอน
เวลาต่อมาโทรศัพท์มือถือของเรืองโรจน์ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงานที่คอนโดดังขึ้น ครู่หนึ่งเรืองโรจน์เข้ามา แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
“ครับ...คุณอังคณา”
อังคณาอยู่ในห้องนอนพูดโทรศัพท์ ท่าทางลนลานกลัวความผิดจะมาถึงตัว
“ทำงานประสาอะไร รู้ไหม แกทำพวกเราเดือนร้อนกันไปหมดแล้ว”
เรืองโรจน์งง “เดี๋ยวก่อนครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
อังคณาด่าอย่างเกรี้ยวกราด
“ก็ไอ้เมียของคนที่แกจ้างไง มันหักหลังแกเข้าให้แล้ว มันเพิ่งสารภาพกับตำรวจ ว่าแกเป็นคนจ้างผัวมันฆ่าคุณธานินทร์!”
เรืองโรจน์ตกใจ “หา! คุณรู้ได้ยังไง”
“ตำรวจตามลูกๆ ของฉันไปสอบปากคำแล้วน่ะซี” อังคณาโวยวาย “แกตกลงกับมันยังไงหา เรืองโรจน์ ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ แล้วนังนั่นมันจะพูดถึงฉันหรือเปล่า เรื่องมันลามปามมาถึงฉันไหม...” เห็นเรืองโรจน์เงียบไป “นี่ แกฟังฉันอยู่หรือเปล่า”
ที่นอกห้องเรืองโรจน์ มีแสงไฟสีแดง และน้ำเงินจากไฟสัญญาณรถตำรวจสาดแวบๆ ส่องเข้ามาในห้อง เรืองโรจน์เดินไปดูที่หน้าต่าง ด้วยความแปลกใจ
เรืองโรจน์มองลงไปที่หน้าคอนโด เห็นรถตำรวจ 2-3 คัน แล่นเข้ามาจอด ตำรวจหลายคนลงมาจากรถ
เรืองโรจน์บอกเสียงเครียด “ตำรวจมาที่นี่”
อังคณาตกตะลึง “ว่าไงนะ”
“พวกมันต้องมาจับผมแน่ ๆ ผมอยู่ไม่ได้แล้ว”
“เดี๋ยว เรืองโรจน์ แกจะไปไหน”
“แล้วผมจะโทรไปหาคุณอีกที”
เรืองโรจน์วางสาย แล้ววิ่งออกจากห้องไปทันที
อังคณาวางสาย หน้าซีดเผือด
“ถ้าแกโดนตำรวจจับ ฉันจะทำยังไงดี”
อังคณาคิดหาทางเอาตัวรอด
บ่วงรัก ตอนที่ 12 (ต่อ)
ทางด้านเรืองโรจน์ออกมาจากห้อง มองซ้ายมองขวา แล้วรีบวิ่งไปที่บันไดหนีไฟ เดินแกมวิ่งหนีลงไป ตำรวจ 2 คนกำลังวิ่งขึ้นบันไดมา เห็นเรืองโรจน์พอดี เรืองโรจน์หันหลังกลับวิ่งขึ้นไปที่ทางเดิน
ประตูลิฟต์เปิดออก ตำรวจ 2-3 คน ออกมา เห็นเรืองโรจน์วิ่งอยู่ จึงวิ่งตาม ผู้หมวดหัวหน้าทีมสั่งการ
“จ่า ลงไปดูข้างล่าง”
“ครับ”
เรืองโรจน์วิ่งลงบันไดหนีไฟ ตำรวจ 2-3 คน วิ่งไล่ตามไปติดๆ
เรืองโรจน์ลงบันไดหนีไฟ มีตำรวจ 2-3 คนวิ่งไล่ตาม เรืองโรจน์หนีลงมาถึงชั้นล่าง หาที่ซ่อนตัวหลังเสาข้างคอนโด ตำรวจตามมาจึงมองไม่เห็น ครู่หนึ่งเรืองโรจน์ค่อยๆ เดินออกมาที่ข้างคอนโด แอบอยู่ข้างรถคันหนึ่ง เห็นตำรวจยังเดินไปเดินมา เรืองโรจน์เครียด เหงื่อแตก
เรืองโรจน์เดินหนีไม่ทันระวัง มีรถยนต์ขับมาพุ่งชนเรืองโรจน์จนล้มไปกองกับพื้น ตำรวจคนหนึ่ง เห็นว่ามีอุบัติเหตุจึงรีบมาดู เห็นเรืองโรจน์นอนสลบอยู่ แต่พอตำรวจเข้ามาใกล้ เรืองโรจน์ลุกขึ้นต่อสู้กับตำรวจ และแย่งปืนตำรวจไปได้ เรืองโรจน์ตรงไปที่รถยนต์คันที่ชน ทำร้ายเจ้าของรถ และแย่งรถขับหนีไป
เช้าวันต่อมา มีนักข่าวหลายคนจับกลุ่มกันอยู่ที่หน้าสถานีตำรวจ สักครู่หนึ่งอังคณาเดินทางมาถึง นักข่าวกรูเข้ามารุมล้อม ตำรวจคอยกันนักข่าวไม่ให้รบกวนอังคณามากนัก นักข่าวยิงคำถามทันที
“ตำรวจจับคนที่บงการฆ่าคุณธานินทร์ได้แล้ว คุณอังคณารู้สึกยังไงบ้างคะ”
“ที่ตำรวจบอกว่านายเรืองโรจน์ อดีตเลขาของคุณธานินทร์เป็นคนจ้างวาน คุณอังคณาคิดว่ามีความเป็นไปได้ไหมคะ”
อังคณาเงียบกริบ ไม่ยอมตอบคำถามเดินขึ้นสถานีตำรวจไป
เวลาต่อมาอังคณานั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะทพงานสารวัตรเจ้าของคดี กำลังคุยกับสารวัตรอยู่
“ตกลงเรืองโรจน์เป็นคนเอาเงินไปให้เมียของมือปืนเพื่อปิดปากเหรอคะ”
“ครับ เรามีพยาน และหลักฐานพร้อม ทางเมียของนายยักษ์ก็สารภาพว่าเรืองโรจน์เป็นคนจ้างให้สามีของเขาไปฆ่าคุณธานินทร์ คุณอังคณาพอจะนึกออกไหมครับว่าทำไม”
อังคณาแสร้งทำเป็นเสียใจ นิ่งคิดก่อนจะเอ่ยออกมา “ก็คงเรื่องเงิน ๆ ทองๆ นี่แหละค่ะ คุณธานินทร์เคยไว้ใจให้เรืองโรจน์ดูแลเงินส่วนตัวของเขา พอเกิดเรื่องขึ้นมา คุณธานินทร์แกก็คงจัดการไป...สามีดิฉันเป็นคนใจดี ไม่ค่อยอยากเอาความกับใคร เลยไล่เรืองโรจน์ออกไปเงียบๆ” จู่ๆ ทำเป็นนึกขึ้นได้ “ฉันจำได้แล้วค่ะ ก่อนจะเกิดเรื่อง คุณธานินทร์เคยเล่าให้ฟังว่าเรืองโรจน์โทรมาอาละวาดโวยวาย ว่าคุณธานินทร์ทำให้เขาเดือดร้อน อับอายขายหน้า...เขาโกรธมากจริงๆ”
“มากพอที่จะคิดทำร้าย หรือจ้างใครมาฆ่าคุณธานินทร์ไหมครับ” สารวัตรถามนำ
อังคณานิ่งคิด บีบน้ำตา แล้วพยักหน้าช้า ๆ
“ค่ะ”
วันต่อมา เพชรแท้กำลังอ่านข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่ที่บ้าน ท่าทีฮึดฮัดขัดใจ ปิดหน้าหนังสือพิมพ์ลง
“กลายเป็นเรื่องลูกน้องแค้นเจ้านายไปแล้ว”
พรรณีกับพิณทองกำลังทำงานเย็บผ้า สอยผ้า กันอยู่
“ยังไงลูก”
“ก็เรื่องไอ้เรืองโรจน์ไงครับ ตำรวจบอกว่ามันจ้างคนฆ่าพ่อ เพราะแค้นที่ถูกพ่อไล่ออกจากงาน” เพชรแท้พูดอย่างฉุนเฉียว
“โกหกชัดๆ”
พิณทองว่าพลางละสายตาจากงาน หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านบ้าง
“ข่าวเขาไม่ได้พูดถึงคุณอังคณาเลย ไม่ได้บอกว่ามีใครร่วมมือกับเรืองโรจน์ด้วย”
เพชรแท้เจ็บใจ “แปลว่าตำรวจเขาเชื่อว่าไอ้เรืองโรจน์เป็นคนทำ ถ้าเขาจับมันได้ เรื่องก็จบ...ให้ตายสิ มันจะรอดไปได้จริงๆ เหรอนี่”
พิณทองพูดอย่างปลงๆ “คุณอังคณาเขาพูดถูก...ไม่มีใครทำอะไรเขาได้จริงๆ”
“ไม่จริงหรอกลูก บาปกรรมมีจริงนะลูก อังคณาทำบาปไว้มาก เขาหนีกรรมที่ก่อไว้ไม่พ้นหรอก เชื่อแม่ซี” พรรณีบอก
เย็นนั้นเรืองโรจน์อยู่ในห้องพักที่โรงแรมจิ้งหรีด สีหน้าเครียดเคร่ง ดื่มเหล้าย้อมใจ และกดเปิดทีวีดูข่าว เห็นเป็นภาพการจับกุมตัวนายยักษ์ และภาพหน้าของเรืองโรจน์ประกอบการรายงานข่าว
“ข่าวคืบหน้าคดีฆาตกรรมนายธานินทร์ เลิศชัยวัฒน์ มหาเศรษฐีหมื่นล้าน จากการที่นายยักษ์ หรือนายพิชัย ชื่นจิตร มือปืนได้ให้การซัดทอดว่า นายเรืองโรจน์ อธิกร อดีตเลขานุการของนายธานินทร์ เป็นผู้จ้างวานให้เขาทำนั้น วันนี้ ทางตำรวจได้สรุปว่า สาเหตุการฆาตกรรม เกิดจากความแค้นที่นายเรืองโรจน์ ถูกนายธานินทร์ไล่ออก เพราะจับได้ว่านายเรืองโรจน์ยักยอกเงินส่วนตัวของเขา” ผู้ประกาศข่าวรายงาน
เรืองโรจน์บันดาลโทสะ เอาเท้าถีบจอทีวีล้มไปด้วยความโมโห
“ไอ้บ้า...มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไงวะ”
เรืองโรจน์โกรธ และเครียดจัด
เวลาเดียวกันชนกนันท์กำลังดูทีวีอยู่เช่นกัน เสียงผู้ประกาศรายงานข่าวดังต่อเนื่องมา
“ขณะนี้ นายเรืองโรจน์ได้หลบหนีจากคอนโดที่พักอาศัย ทางตำรวจก็กำลังเร่งออกติดตามจับกุมตัวนายเรืองโรจน์ อธิกร มาดำเนินคดีต่อไป”
ชนกนันท์กดรีโมทปิดทีวี เสียงอังคณาดังขึ้นมา
“ยัยนก”
นกสะดุ้งเฮือก หันมาเจออังคณายืนอยู่กลางห้องแล้ว
“เห็นข่าวเรืองโรจน์แล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”
อังคณาเดินมานั่งลงข้างลูกสาว ชนกนันท์ขยับตัวอย่างระแวง
“ไม่นึกเลยนะว่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ ลูกเสือลูกตะเข้แท้ๆ เชียว เสียแรงคุณพ่อชุบเลี้ยงมันมาตั้งหลายปี ยังทำได้”
ชนกนันท์นิ่งฟัง สีหน้าเครียด อังคณาคุยต่อไป สังเกตท่าทีของลูกสาวไปด้วย
“อย่างว่า...แม่เองก็ยังหลงไว้ใจ มันเป็นคนทำเองแท้ๆ มันยังมาเป่าหูแม่ว่าคนอื่นเป็นตัวการ นกรู้ไหม มันมาหลอกเอาเงินแม่ไปตั้งล้าน” อังคณามองหน้าชนกนันท์ขณะถาม “นกรู้นี่ใช่ไหม ว่าเงินล้านในกระเป๋าใบนั้นน่ะ เป็นเงินของแม่”
ชนกนันท์เสียงสั่น “ค่ะ”
“มันว่าเงินนั่น จะทำให้เมียไอ้ยักษ์สารภาพว่าใครจ้างผัวมันฆ่าคุณพ่อ แม่อยากแก้แค้นแทนพ่อ เลยหลงร่วมมือกับมันไป...” มองตาชนกนันท์เขม็ง “นี่ถ้ามีใครรู้ว่ากระเป๋ากับเงินนั่นเป็นของแม่ แม่คงพลอยเดือดร้อนไปด้วยแน่ๆ”
ชนกนันท์หลบตาวูบ “ค่ะ”
“ดีนะที่ไม่มีใครรู้ นอกจากเราสองแม่ลูก...ไหนๆ เราก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนผิด ปล่อยให้ตำรวจเขาจับไอ้เรืองโรจน์เข้าคุกไปง่ายๆ ดีกว่านะลูก อย่าพูดอะไรให้เรื่องราวมันวุ่นวายไปกว่านี้อีกเลย ดีไหมลูก”
ชนกนันท์ยังระแวงอยู่ อังคณาจับมือยิ้มให้ แต่มองตาคาดคั้น สองมือของเธอบีบมือแน่นจนชนกนันท์รู้สึกเจ็บ
“ดีไหมยัยนก”
ชนกนันท์กลัวจับจิต “ค่ะ”
อังคณาคลายมือจากชนกนันท์อย่างพอใจ แต่ยังไม่วางใจเสียทีเดียว จากนั้นอังคณาก็ลุกเดินออกไป
วันต่อมา ภายในห้องประชุม ที่สำนักงานทนายความของจรัล เพชรแท้ พรรณี และพิณทองนั่งอยู่ด้านหนึ่ง จรัล และชนะศึกนั่งอยู่อีกด้าน พินัยกรรมได้ถูกอ่านไปแล้ว
“นั่นก็คือทั้งหมดที่คุณธานินทร์ยกให้แก่คุณเพชรแท้นะครับ” จรัลเอ่ยขึ้น
เพชรแท้นั่งฟังนิ่ง พรรณีรำพึง
“มันมากเหลือเกิน มากเกินไป”
“พินัยกรรมระบุเอาไว้อย่างนี้ ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้...วันนี้ จะเป็นการแจ้งพินัยกรรมของท่านให้ทราบไว้ก่อนเท่านั้นนะครับ สำหรับการโอนทรัพย์สินให้กับคุณเพชรแท้ ทันทีที่ศาลชั้นต้นมีคำตัดสินออกมา ผมจะรีบดำเนินการต่อให้เร็วที่สุด” จรัลบอก
“เท่านี้ใช่ไหม” เพชรแท้ถาม
“ใช่ จากนี้ไปก็รอรับมรดกได้เลย” ชนะศึกลุกขึ้นยืน มองเพชรแท้ “ขอแสดงความยินดีด้วยนะ หวังว่าจะใช้เงินที่ได้ไปในทางที่เป็นประโยชน์”
เพชรแท้ลุกขึ้นยืนมองจ้องหน้าชนะศึก “ฉันบอกแล้ว ฉันไม่เคยอยากได้เงินนั่น...สิ่งเดียวที่ฉันอยากได้ตอนนี้ คือความยุติธรรม” ชนะศึกอึ้ง “ฉันอยากให้ไอ้คนที่เป็นตัวการฆ่าพ่อฉัน เข้าไปอยู่ในคุก ชดใช้สิ่งที่มันทำ...ในฐานะลูกของพ่อ ฉันต้องการแค่นี้...แล้วแกล่ะ ชนะศึก”
เพชรแท้มองจ้องหน้าชนะศึกเขม็ง ชนะศึกนิ่งอึ้งไป พูดไม่ออก แล้วเดินหนีไป พิณทองมองอยู่รู้สึกสงสาร
พิณทองบอกพรรณี “แม่จ๋า เดี๋ยวพิณมานะจ๊ะ”
พรรณีพยักหน้ารับ พิณทองเดินตามชนะศึกออกไป
ชนะศึกเดินออกมาหน้าห้องประชุม พิณทองเดินตามหลังมา
“คุณชนะศึกคะ”
ชนะศึกหันมา “พิณทอง” ชายหนุ่มฝืนยิ้ม “ดีใจด้วยนะ จากนี้ไป ครอบครัวของคุณก็จะได้อยู่กันอย่างมีความสุข”
“ขอบคุณค่ะ แต่อย่างที่พี่เพชรบอก เราคงยังสบายใจไม่ได้ ถ้าคนร้ายยังไม่ถูกลงโทษ”
ฟังคำพูดพิณทอง ชนะศึกถอนใจ
“ยังไงคนทำผิดก็ต้องรับโทษ คุณไม่ต้องห่วงหรอก”
“พิณรู้ว่ามันยากนะคะ การทำสิ่งที่ถูกต้อง ทั้ง ๆ ที่มันขัดกับความรู้สึกในใจของเรา...แต่พิณก็ยังหวังว่าในที่สุด คุณจะทำมันได้สำเร็จ”
“คุณว่าผมเป็นคนเลว ไว้ใจไม่ได้ไม่ใช่หรือ คุณจะมาหวังอะไรกับคนอย่างผม”
“พิณหวังว่า คุณจะพิสูจน์ตัวเองว่าคุณไม่ใช่คนอย่างนั้น” พิณทองจับแขนชนะศึกปลอบ “ทำมันให้สำเร็จนะคะ คุณชนะศึก พิณจะคอยเอาใจช่วยคุณ”
ชนะศึกจับมือพิณทองไว้ ทั้งสองมองตากันอีกครั้ง ทั้งที่เศร้าๆ ทว่าชนะศึกกลับรู้สึกอบอุ่นในใจ
“ขอบคุณ”
แล้วชนะศึกก็เดินออกไป
ช่วงตอนกลางวัน บนท้องถนนรถรายังคลาคล่ำจอแจ สามแม่ลูกนั่งอยู่ในรถแท็กซี่แล้ว พรรณีกับพิณนั่งด้านหลัง เพชรแท้นั่งหน้า สามคนคุยกัน
“เมื่อกี๊คุยอะไรกับเขาเหรอ” เพชรแท้เอ่ยขึ้น
พิณทองนิ่งอยู่นิดหนึ่ง “เขาแสดงความยินดีกับเรา พิณก็เลยบอกว่าเรายังไม่มีความสุขจนกว่าตำรวจจะจับตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังได้”
พรรณีเองก็อยากรู้ “แล้วเขาว่ายังไง”
“พิณว่าเขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร เพียงแต่มันคงยากที่ทำ พิณเลยบอกว่าพิณเข้าใจ และพิณจะเป็นกำลังใจให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
พรรณีจับมือพิณทองกุมไว้ตบมือเบาๆ “ลูกทำถูกแล้ว”
เพชรแท้มองน้องสาว “ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะไม่พอใจ แต่ถึงวันนี้เขากลับไม่พูดอะไร เพชรพอจะเข้าใจความรู้สึกของชนะศึกเหมือนกัน”
รถแท็กซี่ที่สามคนนั่งมาวิ่งมาช้าๆ บนถนน ผ่านบริเวณหน้าโรงแรมที่เรืองโรจน์พัก และห่างออกไปประมาณ 50 เมตร เพชรแท้เห็นเรืองโรจน์ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ในตู้โทรศัพท์ เพชรแท้ชะงัก
“เฮ้ย มันนี่”
พิณทองงง “ใครพี่เพชร”
“ไอ้เรืองโรจน์” เพชรแท้รีบบอกคนขับแท็กซี่ “พี่จอดก่อน จอดๆ”
รถแท็กซี่หยุด เพชรแท้เปิดประตูรถ วิ่งออกไปเลย
ที่ริมถนนหน้าโรงแรม เรืองโรจน์กดโทรศัพท์ จะโทร.หาอังคณา แต่มองเห็นเพชรแท้วิ่งเข้ามาจึงตกใจรีบวิ่งหนี
เพชรแท้ร้องตาม “เฮ้ย อย่าหนีนะ”
เพชรรีบวิ่งตามเรืองโรจน์เข้ามาในซอยไม่ห่างนัก ครู่หนึ่งเรืองโรจน์วิ่งหนีอย่างว่องไวไปซ่อนตัว เพชรแท้ตามมา
เรืองโรจน์ลุ้นว่าเพชรแท้จะเห็นตนหรือเปล่า แต่แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นเพชรแท้มายืนอยู่ข้างหลัง เรืองโรจน์หนีต่อ
“หยุดนะเว๊ย”
เพชรแท้วิ่งไล่ตามเรืองโรจน์ จนใกล้จะถึงตัวก็กระโดดเข้าตะครุบตัวเรืองโรจน์ไว้ ทั้งสองต่อสู้กัน ในที่สุดเพชรแท้ก็จับตัวได้บีบคอเรืองโรจน์ไว้
“แกหนีไม่พ้นแล้ว ไอ้เรืองโรจน์”
เรืองโรจน์เจ็บ ร้องลั่น “โอ๊ย ปล่อยกูก่อน ปล่อยกู”
“กูปล่อยมึงแน่ แต่กูจะปล่อยมึงให้ตำรวจ มึงต้องเข้าไปอยู่ในคุก” เพชรแท้เน้นคำ “พร้อมๆ กับนายของมึง”
เรืองโรจน์อึ้งไปครู่หนึ่ง “มึงรู้ใช่ไหมว่าใครอยู่เบื้องหลัง”
“ใช่ มึงต้องไปหาตำรวจกับกู แล้วบอกทุกอย่างกับตำรวจ กูจะเอาอังคณาเข้าคุกให้ได้ ไป”
เพชรแท้จะลากตัวเรืองโรจน์ไป แต่เรืองโรจน์รั้งไว้ ถ่วงเวลา ทำทีเป็นหวาดกลัว คิดหาทางเอาตัวรอด
“มึงนึกเหรอว่าตำรวจจะทำอะไรคุณอังคณาได้ เขามีเงิน มีอำนาจล้นฟ้า ยกเว้น แต่มึงจะมีหลักฐานที่มัดตัวเขาจนดิ้นไม่หลุด”
“ก็ตัวมึงนี่ไง หลักฐาน” เพชรแท้บอก
“ใครจะเชื่อกู ดีไม่ดีกูอาจจะโดนฆ่าตายในคุกก่อนจะได้พูดอะไรด้วยซ้ำ ยกเว้นแต่ว่า...”
เพชรแท้คาดคั้น “อะไร”
“กูใช้โทรศัพท์แอบอัดเสียงตอนที่คุณอังคณาสั่งงานให้กูไปจัดการเผาบ้าน และลอบยิงคุณธานินทร์ การ์ดอัดเสียงยังอยู่ที่กู ถ้ามึงปล่อยกูไป กูจะให้หลักฐานกับมึง” เพชรแท้ลังเล “มึงจะเอาอังคณาเข้าคุกไม่ใช่เหรอ กูมันแค่คนรับใช้ เอากูให้ตำรวจแล้วมึงจะได้อะไร”
“กูไม่ต่อรองกับคนอย่างมึง” เพชรแท้บีบคอเรืองโรจน์แน่นขึ้น “การ์ดนั่นอยู่ไหน เอามา ไม่งั้นมึงตายอยู่ตรงนี้แหละ”
เรืองโรจน์ร้อง “โอ้ย ๆ กูยอมแล้ว อย่าฆ่ากู กูยอมแล้ว...มันอยู่ในกระเป๋า”
เพชรแท้คลายมือ แต่ยังจับตัวไว้ เรืองโรจน์ค่อยๆ หยิบซองกระดาษออกมาจากกระเป๋า เพชรแท้จับตามอง
“การ์ดอยู่ในนี้”
เรืองโรจน์แกล้งทำซองหล่นลงพื้น เพชรแท้รีบก้มลงคว้า เรืองโรจน์ฉวยโอกาสยกเข่ากระแทกเพชรแท้ ถีบเต็มแรงจนเพชรแท้กระเด็นกระดอน แล้ววิ่งหนีไป
เพชรแท้เปิดซองกระดาษดูจนทั่ว ปรากฏว่าเป็นซองเปล่าไม่มีอะไรทั้งนั้น เพชรแท้คำรามด้วยความเจ็บใจ
“มึงหลอกกูจนได้ไอ้เรืองโรจน์”
เพชรแท้ขยำซองทิ้งด้วยความเจ็บใจ แต่แล้วสายตาก็ไปหยุดมองตรงมุมซอง เห็นชื่อโรงแรมที่เรืองโรจน์พัก เพชรแท้ยิ้มออกมาได้
บ่วงรัก ตอนที่ 12 (ต่อ)
ค่ำคืนนั้น โทรศัพท์มือถือกรีดเสียงดังขึ้น อังคณาเห็นเบอร์แปลกๆ ก็ลังเลใจ แต่ในที่สุดก็รับ
“ฮัลโหล”
เรืองโรจน์อยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะ ท่าทางโทรมมาก พูดโทรศัพท์อย่างหัวเสีย
“ผมเองคุณอังคณา”
อังคณาตกใจ “เรืองโรจน์! แกอยู่ที่ไหน”
“ช่างผมเถอะ ผมกำลังเดือนร้อน ตำรวจตามล่าผม วันนี้ไอ้เพชรมันเจอผมด้วย ผมไม่รู้จะหนีไปไหนแล้ว คุณต้องช่วยผม”
“แกจะเอายังไง”
“ผมต้องหนีออกนอกประเทศ ผมต้องการเงินไว้ใช้จ่าย คุณต้องเอามาให้ผม...ยี่สิบล้าน” เรืองโรจน์เน้นคำ
อังคณาฉุนกึก “ยี่สิบล้านเรอะ มันมากไป”
เรืองโรจน์ขู่ทันที “ไม่มากหรอก เมื่อเทียบกับหลักฐานที่ผมมี หลักฐานที่จะเอาคุณเข้าคุกได้”
อังคณางง “หลักฐาน...หลักฐานอะไรของแก”
เรืองโรจน์มองซ้ายมองขวาก่อนพูด
“ตอนที่เราคุยกัน ผมแอบอัดเสียงของคุณเอาไว้ ข้อความในนั้นมันจะบอกให้คนรู้ว่า คุณอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด ถ้าผมไม่รอด...ผมจะส่งซิมการ์ดนั้นให้ตำรวจ”
อังคณาตกใจมาก เหมือนคนจะหมดแรง เงียบไปนิดหนึ่ง “แกจะเอาไง
“เอาเงินยี่สิบล้านไปให้ผม เจอกันที่ใต้ทางด่วนเมืองทอง ตีสอง คืนนี้”
“เงินขนาดนั้น ฉันหาไม่ทันหรอก”
“ต้องทันซี จำเอาไว้นะ ถ้าคืนนี้ ผมไม่ได้เงิน...ผมจะส่งหลักฐานนี้ให้ไอ้เพชรแท้ มันคงดีใจมากเลยถ้าเอาคุณเข้าตารางได้”
อังคณาตกใจจนทำโทรศัพท์ร่วงหล่นลงพื้น แล้วพยายามพยุงตัวเองไปทรุดลงนั่งที่เตียง เสียงเรืองโรจน์ยังดังออกมาจากโทรศัพท์
“คุณอังคณา...ยังฟังอยู่ไหม คุณอังคณา จำไว้นะ ผมต้องได้เงินยี่สิบล้าน ไม่เช่นนั้นคุณได้ไปนอนในคุกแน่”
อังคณามองโทรศัพท์ที่มีเสียงเรืองโรจน์ลอดออกมาด้วยความกลัวความผิดจับใจ
อังคณาแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย พร้อมที่จะออกไปข้างนอก เดินมาที่ตู้เซฟหยิบเงินใส่กระเป๋า รูดซิปปิด ก่อนจะเหลือบตาดูนาฬิกา บอกเวลาเที่ยงคืน อังคณาหยิบกุญแจรถ คว้ากระเป๋า แล้วเดินตรงไปที่ประตู
อังคณาเปิดประตูได้นิดหนึ่งต้องชะงัก เพราะเห็นชนะศึกเปิดประตูห้องของเขาออกมาพอดี
อังคณาตกใจสุดขีด รีบปิดประตูปัง แล้วเดินไปหยิบเสื้อคลุมนอนมาสวมปิดทับชุดไว้
ชนะศึกรู้สึกแปลกใจ ร้องเรียก
“คุณแม่ครับ”
ชนะศึกจะเปิดประตู ปรากฏว่าล็อค ชนะศึกยิ่งแปลกใจ เคาะประตู
“คุณแม่มีอะไรหรือเปล่า คุยกับผมหน่อยได้ไหมครับ...คุณแม่ครับ คุณแม่...”
อังคณาเปิดออกมา สวมเสื้อคลุมมิดชิดเหมือนจะเข้านอน กระเป๋าถูกเอาไปซ่อนแล้ว
“คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
อังคณาตีหน้าซื่อ “เปล่านี่”
“ตะกี๊ทำไมทำหน้าแปลกๆ...เหมือนตกใจอะไรซักอย่าง”
“ไม่มีอะไร ชนะยังไม่นอนอีกหรือ”
“ผมนอนไม่หลับ เผอิญเห็นไฟห้องแม่เปิดอยู่ เลยคิดว่า...”
อังคณาตัดบท “แม่กำลังจะเข้านอน ง่วงแล้ว ชนะมีอะไรเอาไว้คุยกันพรุ่งนี้แล้วกันนะ”
อังคณาจะปิดประตู ชนะศึกจับประตูไว้
“เดี๋ยวครับ คุณแม่”
อังคณากลัวระคนระแวง พยายามข่มไว้ “อะไรอีก”
“ไม่มีอะไรแน่นะครับ”
อังคณาฝืนยิ้ม “ไม่มีจ้ะ นอนเถอะ กู้ดไนท์”
“กู้ดไนท์ครับ”
อังคณาปิดประตูห้อง ชนะศึกยืนนิ่งคิดกังวล
ด้านชนกนันท์นอนไม่หลับ นั่งใจลอยมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง เห็นท้ายรถของอังคณาวิ่งออกไปจากบ้าน ก็แปลกใจ
“รถคุณแม่นี่” หันไปดูนาฬิกาเที่ยงคืนกว่าแล้ว “ไปไหนของเขา”
ชนกนันท์มองตามไปอย่างสงสัย
อังคณาขับรถมาถึงถนนใต้ทางด่วน บริเวณนั้นเปลี่ยวมาก มองไปรอบๆ ไม่มีรถหรือคนผ่านไปมาเลย ก็ยิ่งรู้สึกกลัว อังคณาเปิดประตูลงมาจากรถมองหา และร้องเรียกเรืองโรจน์
“เรืองโรจน์”
อังคณาหันหลังกลับมา เรืองโรจน์มายืนอยู่ด้านหลังแล้ว
“อยู่ไหน เงินอยู่ไหน”
อังคณาอึกอัก “เรืองโรจน์...คือฉัน”
“ไม่ได้เอามาเหรอ คุณไม่เอาเงินมาเหรอ”
“เอามา อยู่ในรถ”
เรืองโรจน์หันไปที่รถอังคณาทันที กำลังจะเดินไป อังคณารีบเข้าไปขวาง
“แล้วหลักฐานล่ะ”
“หลักฐานอะไร”
“หลักฐานที่แกว่าแกมีน่ะ เอามาให้ฉันก่อน ไม่งั้นฉันไม่ให้เงินแก”
“ผมต้องการเงินก่อน”
“ไม่ได้ เอาหลักฐานมาก่อน”
เรืองโรจน์ผลักอังคณาออกไป “หลีกไป”
เรืองโรจน์เดินมาเปิดประตูรถ พอเห็นกระเป๋าวางอยู่ก็หยิบออกมา
“ได้เงินแล้วก็เอาหลักฐานมาให้ฉันซี” อังคณาเร่ง
“ผมไม่ได้เอามา”
“อะไรนะ แกจะทำอย่างนั้นไม่ได้นะ อย่างนี้วันหลังแกก็จะมาเรียกร้องเอาเงินจากฉันอีกน่ะซี”
เรืองโรจน์บอก “ใช่ เงินผมหมดผมก็จะมาเอาจากคุณอีก”
“แกจะโกงฉันเหรอ”
“ทำไมผมต้องต้องซื่อสัตย์กับคนเลวอย่างคุณด้วย คุณเองก็ไม่เคยให้สิ่งที่สัญญากับผมไว้เลย”
เรืองโรจน์เปิดกระเป๋าดู เห็นมีเงินในนั้นล้านกว่าบาทก็โมโห
“อะไรเนี่ย นี่มันไม่ใช่เงินยี่สิบล้านนี่”
“แกก็เอาหลักฐานมาให้ฉันก่อนซี เดี๋ยวส่วนที่เหลือจะตามมา”
“อีบ้า”
เรืองโรจน์โกรธจัดตบหน้าอังคณาฉาดใหญ่ จนอังคณาหงายหลังไป
“จนถึงขนาดนี้มึงยังจะมาเล่นเล่ห์เหลี่ยมกับกูอีกเหรอ อยากติดคุกมากใช่ไหม อยากไปนอนกับพวกฆาตกรในนั้นนักเหรอ”
“ถ้าแกไม่เอาหลักฐานมาให้ฉัน ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เงิน”
อังคณาลุกขึ้นยื้อแย่งกระเป๋าเงินจากเรืองโรจน์
“ถ้ามึงอยากได้หลักฐาน มึงต้องเอาเงินทั้งหมดมาให้กู”
“ฉันให้แกแน่ ถ้าฉันได้หลักฐานนั่นเสียก่อน”
อังคณาแย่งกระเป๋าเงินคืนมาได้ แล้วรีบวิ่งกลับไปขึ้นรถ เรืองโรจน์วิ่งตามมา แต่พลาดลื่นหกล้ม อังคณาจึงหนีเข้ามานั่งในรถได้ทัน แล้วกดล็อคประตู เรืองโรจน์ลุกขึ้นวิ่งตาม และตะโกนตามหลังไป
“เอาเงินมาให้กูอีก เอามาอีก”
อังคณาติดเครื่องแล้วถอยรถออกไปอย่างเร็ว
เรืองโรจน์แค้นตะโกนตามขู่ออกไป “มึงเข้าคุกแน่อีอังคณา ได้ไปตายในคุกแน่ๆ กูจะบอกทุกคน กูจะบอกลุกมึงว่ามึงฆ่าผัว มึงฆ่าผัว”
อังคณาหยุดรถเอี๊ยด เมื่อได้ยินสิ่งที่เรืองโรจน์พูด ฉับพลันนั้นเอง อังคณาตระหนักว่าตัวเองไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว อังคณาเหยียบคันเร่งจนมิด รถของเธอพุ่งอย่างเร็วตรงไปหาเรืองโรจน์ แล้วพุ่งเข้าชนเรืองโรจน์ทันที เรืองโรจน์ไม่ทันตั้งตัว จะกระโดดหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว เขาถูกรถชนอย่างแรงจนกระเด็นไป รถอังคณาวิ่งเลยร่างของเรืองโรจน์ไป แล้วอังคณาก็จอดรถ อังคณาลงมาจากรถ
อังคณาเดินมาหยุดดูเรืองโรจน์ใกล้ๆ เห็นเรืองโรจน์นอนแน่นิ่ง เลือดไหลโทรมกาย
“เรืองโรจน์ เรืองโรจน์” อังคณาร้องเรียก
ไม่มีเสียงตอบจากเรืองโรจน์ อังคณาค่อยๆ ก้มลงไปมองใกล้ๆ แต่แล้วทันใดนั้นเรืองโรจน์ก็ลืมตาโพลงขึ้นพยายามพูด “มึง มึงฆ่ากู” พร้อมกับยื่นมือออกมาจะจับตัวอังคณา
อังคณาตกใจกระโดดถอยออกมา เรืองโรจน์พยายามกระเสือกกระสนดิ้นรนจะมาจับตัวอังคณาให้ได้
“มึง มึงไม่รอดหรอก”
แล้วเรืองโรจน์ก็หมดแรง มือตก สงบแน่นิ่งไป
อังคณารออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเรืองโรจน์ไม่ขยับแน่ จึงเดินเข้าไปใกล้ๆ เห็นเรืองโรจน์นอนลืมตาโพลง มั่นใจว่าคราวนี้เขาตายแน่ อังคณารู้สึกกลัว หันกลับจะไปขึ้นรถ แล้วอังคณาก็ต้องชะงัก เมื่อมองไปที่ถนน เห็นแผ่นป้ายทะเบียนรถของเธอตกอยู่ที่พื้น มีเลือดของเรืองโรจน์เลอะเทอะไปหมด
อังคณาหยิบป้ายทะเบียนรถเปื้อนเลือดนั้นขึ้นมาดู มือไม้สั่น กลัวจนทำอะไรไม่ถูก
ในเวลาค่อนรุ่ง รถของอังคณาแล่นเข้ามาที่หน้าบ้านเลิศชัยวัฒน์ แล้วตรงเข้าไปจอดที่โรงรถเลย พอจอดรถเสร็จแล้วก็ลงมาจากรถปิดประตู อังคณาเดินออกมา
ชนกนันท์ที่แอบอยู่ในความมืด เดินอ้อมออกมาจากอีกทาง แล้วเดินตรงไปที่รถของอังคณา ชนกนันท์เดินมาจนใกล้จะถึง มองจากหน้ารถจนถึงท้ายรถในความมืด ชนกนันท์มองเห็นไม่ถนัดนัก จู่ๆเสียงอังคณาดังขึ้นข้างหลัง
“ทำอะไร”
ชนกนันท์สะดุ้งเฮือก “แม่”
“มาทำอะไรตรงนี้”
“เอ่อ นก มา...นกได้ยินเสียงรถ เลยมาดูว่าใคร นี่ตั้งตีสามแล้ว แม่ไปไหนมาคะ”
“ไปธุระข้างนอก แล้วรถมันเสีย...เราเองก็เถอะ ดึกป่านนี้แล้วทำไมไม่หลับไม่นอน...ไป เข้าบ้านไป”
อังคณายืนมอง ชนกนันท์ก้มหน้าเดินกลับเข้าบ้านไป
อังคณามองตามจนชนกนันท์ลับตาไปแล้วจึงเดินไปที่รถ เปิดประตูด้านคนขับออก หยิบกระเป๋าเงินที่เตรียมเอาไปให้เรืองโรจน์ออกมาพร้อมกับปิดประตูรถ แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน
โปรดติดตาม "บ่วงรัก" ตอนที่ 13 (อวสาน) พรุ่งนี้