xs
xsm
sm
md
lg

ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ท่านชายในสายหมอกตอนที่ 3
ขิงและโซว์วิ่งหนีอำนาจและลูกน้องมาถึงทางข้ามรางรถไฟ พนักงานกำลังจะปิดที่กั้นเพราะรถไฟกำลังจะมา ทั้งสองรีบวิ่งข้ามไปอย่างเฉียดฉิว อำนาจและลูกน้องจะวิ่งตามไปก็ไม่ได้เพราะรถไฟแล่นมาพอดี อำนาจและลูกน้องยืนรอด้วยความหงุดหงิด
รถไฟแล่นเข้ามาจอดที่สถานีแล้ว ทั้งสามรีบเบียดผู้โดยสารที่จะลงเพื่ข้ามไปอีกฝั่ง แต่ว่าทั้งสองก็ไม่เห็น โซว์กับขิงแล้ว
โซว์และขิงเองแอบขึ้นรถไฟแล้วข้ามฝั่งกลับมาที่เดิม โดยที่อำนาจและลูกน้องทั้งสองมองไม่เห็น
เสียงประกาศที่สถานีดังขึ้น “ขณะนี้รถไฟ ขบวน 4852 ขบวนจากหัวลำโพงไปหาดใหญ่ ผู้โดยสารที่มีความประสงค์จะขึ้นรถสายนี้ ...”
“รถไฟขบวนนี้แหละ” ขิงบอก
ขิงรีบดูตั๋วก่อนจะพาโซว์วิ่งไปยังตู้ที่ต้องขึ้น ขิงและโซว์ขึ้นไปแล้วอำนาจและลูกน้องทั้งสองก็วิ่งกลับมามองหาแต่ทั้งหมดก็ไม่เห็นใครแล้ว อำนาจมองขบวนรถไฟแล้วยิ้มร้าย

ตุ๊กหิ้วถุงขนมเดินเข้ามา เขามองไปที่สถานีก็ไม่เห็นใคร พอมองไปที่รางก็เห็นรถไฟแล่นออกไปแล้ว ตุ๊กโมโหจนร้องโวยวายออกมา
“นี่ไม่มีใครคิดจะรอตรูรึไงฟะ....ไอ้พวกบ้า กลับมาก่อน รอตุ๊กด้วย .....”
ตุ๊กพยายามวิ่งตามรถไฟแต่ก็วิ่งไม่ทัน

ปีเตอร์รีบออกมาจากบ้านของชรินทร์ด้วยท่าทางตื่นๆ ฉาดประภา ชรินทร์ และติ๊งโหน่งพยายามรั้งไว้ “ทำไมเจ้าชายจะรีบกลับละเพคะ” ฉาดประภาถาม “ยังมีโชว์ของน้องติ๊งโหน่งอีกตั้งหลายโชว์ที่ยังไม่ได้ทอดพระเนตร”
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะเท่าที่ดูไปก็เก็บไปฝันร้าย..เอ๊ย ฝันดีได้หลายคืนแล้ว” ปีเตอร์ตื่นกลัว
“น่าเสียดายนะเพคะ พระองค์น่าจะอยู่สานสัมพันธ์กับหม่อมชั้นอีกสักนิด อยากเล่นน้ำฝักบัว น้ำในสระ น้ำคลอง หรือว่าน้ำอื่นๆ ติ๊งยินดีเล่นกับพระองค์เสมอ ถ้าพระองค์ต้องการ” ติ๊งโหน่งบอก
“ไม่ต้องหรอก แค่นี้เราก็สุขสำราญบานฤทัยแล้ว”
“งั้นหม่อมชั้นจะให้น้องติ๊งไปเฝ้าพระองค์บ่อยๆ” ฉาดประภาเสนอ
“นานๆครั้ง หรือ ไม่ต้องมาเลยก็ได้ ... จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
“ที่ไม่ให้ติ๊งไป เพราะเจ้าชายจะมาหาติ๊งเองใช่มั้ยเพคะ” ติ๊งโหน่งถาม
“โอ๊ย ตีความไปนั่น ... เรากลับก่อนดีกว่า ก่อนที่เรื่องมันจะมากไปกว่านี้”
ปีเตอร์รีบขึ้นรถแล้วปิดประตูก่อนจะสั่งให้คนขับรถออกรถไปโดยเร็ว ติ๊งโหน่งมองตามอย่างมีความสุขสุดๆ
“คุณพ่อกับคุณแม่ว่าเจ้าชายจะทรงรักติ๊งโหน่งมากขึ้นมั้ยคะ”
“แน่นอน ก็ติ๊งโหน่งของพ่อน่ารักขนาดนี้ ยังไงเจ้าชายก็ต้องรักมากขึ้นๆๆๆ” ชรินทร์สนับสนุน
“สะใจยายลัดลดา ไว้คอยดูหนังสือพิมพ์พรุ่งนี้เถอะ รับรองอกแตกตายแน่” ติ๊งโหน่งสะใจ
ติ๊งโหน่งยิ้มแล้วหัวเราะชอบใจสุดๆ พร้อมกับร้องเสียงม้าฮี้ฮี้แทรกออกมากับเสียงหัวเราะนั้นด้วย

โซว์และขิงนั่งอยู่บนรถไฟที่แล่นไปตามราง ทั้งสองคนมีท่าทางโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ตกลงว่านี่เรากำลังจะไปที่บ้านยายของนาย” โซว์สรุป
“ใช่ แต่นายต้องทำใจนะ บ้านยายผมคงลำบาก เพราะว่ายายผมจนมากๆ หวังว่านายคงจะทนได้นะ” ขิงบอก
“ตอนนี้จนหรือรวยไม่สำคัญแล้ว ขอแค่ปลอดภัยก็พอแล้ว”

คนใช้ของชรินทร์เดินถือสูทของปีเตอร์เข้ามาหาติ๊งโหน่ง
“นั่นของใครน่ะ” ฉาดประภาถาม
“ไม่ทราบค่ะ เห็นแขวนอยู่ในห้องน้ำ”
ติ๊งโหน่งรีบเข้าไปฉวยมาจากคนใช้ “ต้องเป็นของเจ้าชายที่ให้ติ๊งโหน่งไว้ดูต่างหน้าแน่ๆ”
ติ๊งโหน่งเปิดเสื้อสูทออกสูดดม
“ดมซิคะ คุณพ่อ คุณแม่”
ชรินทร์กับฉาดประภาถึงกับผงะและไม่ยอมดม
“พ่อว่าเราต้องรีบส่งคืนให้เจ้าชายนะลูก” ชรินทร์บอก
ติ๊งโหน่งหน้าเสีย “ไม่ได้ ติ๊งไม่ยอม ติ๊งจะเก็บเอาไว้ เวลาที่ติ๊งคิดถึงเจ้าชาย ติ๊งจะได้เอามา” ติ๊งโหน่งสูดกลิ่นเสื้อฟอดใหญ่
ชรินทร์กับฉาดประภาเห็นกิริยาของลูกสาวแล้วก็อยากจะยี้
ติ๊งโหน่งทำหน้าชื่นใจสุดๆ “ชื่นใจจริงๆ”
พูดจบติ๊งโหน่งก็เอาเสื้อปีเตอร์มากอดแล้วก็วิ่งหนีขึ้นข้างบนไปทันที ชรินทร์และฉาดประภามองหน้ากันอย่างเครียดๆ

ที่โรงแรมหรู ปีเตอร์เปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเครียดและเหนื่อยมาก
“โอ๊ย !! กว่าจะหนีออกมาจากยายฮิปโปนั่นได้” ปีเตอร์มองเวลา “ตายละเสียเวลาไปเยอะแล้ว ต้องรีบเอาการ์ดถ่ายรูปผู้ร้ายยิงคนตายของเจ้าชายไปซ่อม”
ปีเตอร์พยายามมองหาการ์ดแต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ปีเตอร์พยายามคิดย้อนกลับไปในอดีต

ปีเตอร์นึกถึงตอนที่ติ๊งโหน่งไม่สนใจฟัง เธอเดินทำหน้านางแมวยั่วสวาทเข้ามาผลักเขาไปชิดกำแพง ก่อนจะเอามือไล้ไปตามหน้าท้องแล้วถอดเสื้อสูทของเขาออก โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
“เอ่อ..ไม่ต้องถอดให้ก็ได้ เราทำเองได้”
ติ๊งโหน่งเอาเสื้อสูทไปแขวนไว้ในห้องน้ำ
ปีเตอร์นึกได้ก็ถึงกับช็อค
“ซวยละซิ ....อยู่ที่บ้านยายฮิปโป !”
ปีเตอร์หน้าเครียดเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี

ขิงและโซว์นั่งรถไฟไปด้วยกัน อยู่ดีๆขิงก็ลุกขึ้นยืน โซว์แปลกใจ
“จะไปไหน”
“ห้องน้ำ” ขิงพูดประชด “จะตามไปด้วยกันมั้ยล่ะ”
โซว์ส่ายหน้า ขณะขิงกำลังจะเดินไปเธอเห็นอำนาจกับลูกน้องกำลังเดินเข้ามา ขิงรีบดึงโซว์ให้ลุกขึ้น
“ก็บอกว่าไม่ไปไง” โซว์บอก
“พวกมันตามเราขึ้นมาบนรถไฟ” ขิงบอก
โซว์หันไปเห็นอำนาจและลูกน้องทั้งสองกำลังเดินเข้ามา
ลูกน้องคนหนึ่งหันมาเห็นก็รีบชี้ “ลูกพี่มันอยู่นั่น”
อำนาจและลูกน้องทั้งสองรีบวิ่งเข้ามา ขิงรีบวิ่งหนีแต่โซว์ยังวิ่งไม่ทัน ลูกน้องทั้งสองคนเข้าไปจับโซว์ไว้ ืโซว์หันกลับไปจับลูกน้องคนหนึ่งทุ่มลงไปกองกับพื้น ก่อนจะกระโดดเตะลูกน้องอีกคนจนลงไปนอนกอง อำนาจจะเข้ามา โซว์เตรียมสู้ แต่อำนาจหยิบปืนออกมาจะยิงโซว์
ขิงรีบหยิบสัมภาระของคนอื่นมาปาใส่หน้าอำนาจก่อนจะรีบพาโซว์วิ่งหนีไป อำนาจเสียหลักไปเล็กน้อยแต่ก็รีบวิ่งตามโซว์และขิงไป

ขิงและโซว์วิ่งหนีอำนาจผ่านขบวนรถไฟตู้แล้วตู้เล่า จนมาถึงตู้สุดท้ายซึ่งวิ่งหนีไปไหนไม่ได้แล้ว อำนาจเดินถือปืนตรงเข้ามา
“จะหนีไปไหน ถ้ารู้ว่าพวกแกทำชั้นยุ่งยากขนาดนี้ ชั้นน่าจะฆ่าแกตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
อำนาจเตรียมจะยิงขิงและโซว์ โซว์และขิงไม่มีทางหนีแล้ว โซว์มองไปข้างนอกจนเห็นว่ารถไฟกำลังแล่นผ่านแม่น้ำ อำนาจเดินใกล้เข้ามาและกำลังจะยิง โซว์ตัดสินใจจับมือขิงแล้วกระโดดลงจากรถไฟที่กำลังแล่นอยู่ทันที อำนาจวิ่งจะตามไปยิงแต่ขิงและโซว์ตกลงไปในแม่น้ำแล้ว อำนาจมองอย่างเจ็บใจ
“โธ่เว๊ย !!!”

โซว์ทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากแม่น้ำ เขามองไปรอบๆ อย่างดีใจ
“เรารอดแล้ว เรารอดแล้ว”
โซว์มองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นขิงขึ้นมาจากน้ำก็รู้สึกตกใจ
“บอย ...บอย ...นายอยู่ไหน...บอย !”


โซว์ร้องตะโกนเรียกหาขิงด้วยสีหน้าร้อนรนเพราะกังวลใจ
“บอย! บอย!!
โซว์มองหาจนกระทั่งเห็นขิงนอนคว่ำหน้าอยู่เหนือน้ำ โซว์ตกใจหน้าตาตื่น เขารีบว่ายน้ำไปหาขิงแล้วจับตัวเธอพลิกขึ้นมาทำให้รู้ว่าขิงหมดสติอยู่
โซว์เริ่มใจไม่ดี เขารีบพาขิงขึ้นมาที่ริมแม่น้ำแล้วเขย่าตัวพร้อมกับร้องเรียก
“บอย..บอย...”
โซว์เห็นขิงหน้าซีดท่าทางไม่ดีเขาจึงรีบผายปอดแบบเม้าท์ทูเม้าท์แต่ขิงก็ยังไม่ตื่น โซว์ยกมือขึ้นมากำลังจะทาบมือลงไปที่อกเพื่อปั๊มหัวใจ
ทันใดนั้นขิงก็สำลักน้ำออกมา เธอลืมตาขึ้นมองเห็นมือโซว์กำลังจะเอามือมาโดนหน้าอกตัวเองก็ถึงกับหน้าตาตื่น ขิงลุกขึ้นตบหน้าโซว์ดังเพียะ!!
“คนฉวยโอกาส!!” ขิงต่อว่า
โซว์หันมามองขิงอย่างงงๆ ยิ่งเห็นขิงยกมือปิดหน้าอกตัวเองโซว์ก็ยิ่งแปลกใจ
“นายจะบ้าเหรอไง? ชั้นกำลังจะปั๊มหัวใจช่วยชีวิตนาย” โซว์บอก
ขิงหน้าแตก
“คิดมาได้ว่าชั้นจะฉวยโอกาส ชั้นไม่ได้แบบนั้นซักหน่อย” โซว์ทำท่าขยะแขยงเล็กๆ
ขิงนึกได้ว่าเธอปลอมตัวเป็นผู้ชายอยู่จึงเอามือลง
“ขอโทษๆ มันมึนๆ ก็เลยเห็นหน้านายไม่ชัด ...อย่าโกรธกันเลยนะ” ขิงเสียงอ่อย
โซว์ใจเย็นลง แล้วทั้งคู่ก็หันไปมองรอบๆ ซึ่งเห็นแต่ป่าเท่านั้น
“เราอยู่ที่ไหน?” ขิงเอ่ยถาม
“นายถามชั้นแล้วชั้นจะรู้มั้ยล่ะ” โซว์บอก
“อ้าว? นายไม่รู้ได้ไง เป็นคนพากระโดดลงมาแท้ๆ”
“หนีได้ก็ต้องรีบหนีก่อน ใครจะไปนั่งดูว่าจะโดดลงมาที่ไหน?”
ขิงถอนหายใจเพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นไม้ ภูเขา โดยไม่มีผู้คนอยู่เลย
“มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด เราจะออกไปจากที่นี่ได้มั้ยเนี่ย”
ขิงกับโซว์มองหน้ากันด้วยความเครียดเพราะไม่รู้จะทำยังไง

ณ ห้องพักในโรงแรมหรู พัชรียิ้มแฉ่งด้วยความมั่นใจอยู่ตรงหน้าปีเตอร์
“ได้แน่นอนไม่มีปัญหาค่ะ แค่ไปเอาเอสดีการ์ดคืนมาจากคุณติ๊งโหน่งใช่มั้ยคะ”
“อ่าใช่ แต่ว่าห้ามให้ยัยฮิปโป.. เอ๊ย ติ๊งโหน่งรู้เด็ดขาด เพราะเอสดีการ์ดอันนั้นสำคัญกับชั้นมาก” ปีเตอร์กำชับ
พัชรีทำหน้าตาสอดรู้ขึ้นมาทันที “เหรอคะ? ข้อมูลในนั้นคงจะเป็นความลับระดับชาติเลยใช่มั้ยคะเจ้าชาย”
“อยากรู้มากเหรอ” ปีเตอร์ถาม พัชรีพยักหน้า “ไม่บอก” ปีเตอร์ตอบ พัชรีเซ็ง “รีบไปเอาเอสดีการ์ดคืนมาให้เราได้แล้ว”
พัชรีทำหน้าเซ็ง “เพคะเจ้าชาย”

พัชรีเดินออกมาจากห้องก่อนหันไปมองที่ประตูห้องสูทด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“คนอย่างพัชรีถ้าอยากรู้อะไร ต้องรู้ให้ได้ ต่อให้เป็นเจ้าชายก็ห้ามเราไม่ได้หรอก ฮ่าๆๆ” พัชรีนึกขึ้นมาเอง “หรือว่าในเอสดีการ์ดจะเป็นคลิปลับของเจ้าชาย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง พัชรีเอ๊ยพัชรี เธอดังแน่ โฮะๆๆๆ”
พัชรีหัวเราะอย่างมีความสุขแล้วเดินอย่างร่าเริงออกไป

อำนาจยืนคุยโทรศัพท์มือถือกับชรินทร์ โดยมีลูกน้องทั้งสองยืนลุ้นอยู่ข้างๆ
“แน่ใจครับนาย ผมเป็นคนฆ่ามันเองกับมือ จะไม่เห็นศพพวกมันได้ยังไงล่ะครับ นายไม่ต้องห่วง ผมเก็บกวาดจนสะอาด ไม่ทิ้งร่องรอยมาถึงนายแน่”

อำนาจกับลูกน้องทั้งสองเดินออกมาจากสถานีรถไฟ ลูกน้องคนหนึ่งมีหน้าตาไม่สบายใจ
“ทำไมลูกพี่ไปโกหกนายแบบนั้นล่ะครับ เรายังไม่ทันได้เห็นศพมันสองคนด้วยซ้ำ”
“แกจะเสียงดังทำไมวะ มันกระโดดลงไปสูงขนาดนั้น ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต แล้วแกก็ไม่ต้องปากสว่างไปบอกนาย ไม่งั้นแกตายแน่”
ลูกน้องคนนั้นหน้าซีด แล้วอำนาจก็เดินออกไป

บรรยากาศป่าในยามค่ำคืนทั้งมืดและเงียบสงัด ขิงกับโซว์เดินมาตามทางจนเหนื่อยทั้งคู่ ขิงเดินต่อไปไม่ไหวจึงหยุดหอบ
“ผมเดินต่อไปไม่ไหวแล้วนาย ขาผมจะหลุดออกมาอยู่แล้ว”
โซว์เหนื่อยเหมือนกันแต่ก็ฮึดสู้ “แข็งใจหน่อยสิ เป็นผู้ชายทำไมอ่อนแออย่างนี้”
“ผู้ชายก็คนนะ มันต้องมีเหนื่อยมีเมื่อยกันบ้าง ใครจะบ้าพลังเหมือนนายล่ะ” ขิงบ่น “ผมไม่น่าบ้าจี้หนีตามนายมาเลย ดูสิต้องมาระหกระเหเร่ร่อน ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าจะออกไปได้รึเปล่า อนาคตผมต้องมาพังเพราะนายแท้ๆ เรียนก็ยังเรียนไม่จบ เงินเก็บที่จะสร้างบ้านให้ยายก็ยังไม่มี เพราะนายคนเดียว”
โซว์ได้ฟังก็ทนไม่ไหว “นายคิดว่านายแย่คนเดียวเหรอไง ชั้นเองก็มีพ่อมีแม่ มีบ้านที่ต้องกลับไปเหมือนกัน ชั้นก็ไม่ได้อยากเจอเรื่องแบบนี้ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องคิดหาทางแก้ไข ไม่ใช่เอาแต่ฟูมฟาย ไม่มีสติ”
“คุณก็พูดได้สิ คุณมันรวยนี่ ไม่เหมือนผม เงินก็ไม่มี พ่อแม่ก็ไม่มี ถ้าผมเป็นอะไรไป ยายผมจะอยู่กับใคร” ขิงเงยหน้ามองฟ้าแบบสุดจะทน “สวรรค์ทำไมต้องแกล้งกันอย่างนี้ด้วย!!”
ทันใดนั้น ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมา ขิงสะดุ้งตกใจและรีบมายืนข้างๆ โซว์ ฝนตกลงมาซู่ใหญ่ ขิงกับโซว์เหวอ
“เพราะนายแท้ๆเลยฝนถึงตก” โซว์ว่า
ขิงหน้างอ โซว์หันไปมองหาที่หลบฝน แล้วเขาก็เห็นกระต๊อบกลางป่า โซว์ยิ้มดีใจ

ขิงกับโซว์วิ่งหลบฝนเข้ามาในกระต๊อบ ฝนยังคงตกหนักไม่หยุด โซว์ชะโงกหน้าออกไปมอง
“ท่าทางจะไม่หยุดตกง่ายๆนะเนี่ย” โซว์หันมาทางขิง “รีบถอดเสื้อเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
ขิงตกใจ โซว์ถอดเสื้อของตัวเองออก ขิงรีบหันหน้าไปทางอื่น โซว์หันมาถามขิง
“ทำไมไม่ถอดเสื้อ?”
“เอ่อ ไม่เป็นไร” ขิงบอก
“ไม่เป็นไรได้ไง ถ้าไม่สบายขึ้นมาตอนนี้จะลำบากนะ”
ขิงทำหน้าไม่ถูก โซว์ก็สังเกตเห็นหน้าอกของขิงเพราะเสื้อของขิงเปียกฝนจึงแนบไปกับลำตัว
“ทำไม...หน้าอกนายดูใหญ่ๆ” โซว์ถาม ขิงหน้าถอดสี โซว์ถาม “นายเล่นกล้ามอกเหรอ?”
ขิงหันขวับ “ไอ้ลามก!!”
โซว์สงสัย “นี่!! ชั้นชักจะสงสัยแล้วนะ นายเป็นตุ๊ดรึเปล่า”
“เปล่า”
“ถ้าเปล่าก็ถอดเสื้อสิ ไม่ต้องอายหรอกน่า” โซว์ย้ำ
ขิงส่ายหัว “ไม่ถอด”
“ถ้านายไม่ถอด ชั้นจะถอดให้”
โซว์มองขิงเพราะอยากพิสูจน์ว่าเธอเป็นตุ๊ดรึเปล่า ขิงยกมือขึ้นปิดหน้าอกแล้วส่ายหัวไม่หยุด
“อย่านะ!!”
โซว์ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเดินเข้ามาหา ขิงถอยไปติดกำแพง โซว์ตรงเข้ามาจะถอดเสื้อ ขิงเงื้อมือตบ โซว์หลบแล้วกอดขิงหมับ ขิงตกใจ
“เฮ้ย!! ปล่อยนะเว๊ย”
“นายเป็นตุ๊ดแน่ๆ ยอมรับมาเถอะน่าบอย”
“ไม่ใช่นะเว๊ย เฮ้ย ปล่อยนะ ปล่อย” ขิงดิ้น
โซว์กอดขิงแน่น ขิงพยายามดิ้นจนหลุด โซว์จับแขนขิงเอาไว้ ทำให้ขิงล้มและดึงโซว์ล้มไปด้วย โซว์ล้มลงไปทับตัวขิงทำให้มือของโซว์โดนหน้าอกขิงทั้งสองข้างไปเต็มๆ โซว์ตกใจที่หน้าอกของขิงนุ่ม โซว์รีบเด้งตัวลุกขึ้น
“นายไม่ใช่ตุ๊ด แต่เป็นกะเทยนี่หว่า”
ขิงหลุดปากออกมา “ไอ้บ้า! ชั้นเป็นผู้หญิงต่างหากล่ะ”
โซว์ตกใจ “ห๊ะ!”
ขิงโมโหมากจึงต่อยหน้าโซว์เต็มแรง โซว์หน้าหงายล้มไปกองบนพื้น ขิงตกใจที่ตัวเองต่อยแรงไป

โซว์นั่งจับจมูกที่บวมแดงด้วยความเจ็บ เขาเหล่ขิงด้วยความโมโห ขิงนั่งนิ่งเพราะยังไม่ค่อยกล้าสู้หน้าโซว์เพราะอายที่ถูกจับหน้าอก
“คนโกหก คนหลอกลวง ทำไมไม่บอกความจริงว่านาย..เอ่อ เธอเป็นผู้หญิง” โซว์ว่า
“ตอนแรกก็ไม่ได้ปิด แต่มีบางคนตาถั่วคิดว่าเป็นผู้ชายเอง ช่วยไม่ได้” ขิงบอก
“ก็ผู้หญิงบ้าที่ไหน จะมาแต่งตัวเป็นผู้ชายเดินไปทั่วถนนข้าวสารแบบนั้น”
“ชั้นไม่ได้ใส่เล่น ชั้นใส่มาทำงานต่างหาก”
“แต่ถึงครั้งแรกชั้นจะเข้าใจผิด แต่ครั้งที่สองนายจงใจหลอกชั้น”
ขิงหน้าเสียเล็กน้อย แต่เธอก็ยืดหน้ารับความจริงอย่างกล้าหาญ
“ก็ใช่ ชั้นยอมรับว่าชั้นจงใจใช้ความเข้าใจผิดของนาย ...แต่ขืนชั้นบอก นายก็ไม่รับชั้นเข้าทำงานน่ะสิ”
โซว์มองหน้าขิงอย่างแปลกใจ “อยากได้งานนี้มากขนาดนี้เลยเหรอ”
“งานดี เงินดี ใครจะไม่อยากได้” ขิงบอก
“แน่ใจนะว่าอยากทำงานอย่างเดียว ไม่ได้คิดจะทำอย่างอื่นด้วย” โซว์ถาม
ขิงฉุนจึงลุกขึ้นยืน “พูดงี้หมายความว่าไง ถึงชั้นจะเห็นแก่เงิน อยากได้เงินยังไง ชั้นก็ไม่ขายตัวหรอกนะจำไว้ เดี๋ยวได้โดนชกอีกหรอก”
โซว์ผงะรีบยกมือขึ้นปิดจมูก เขามองหน้าขิงอย่างพิจารณาเพราะรู้สึกคุ้นๆ แล้วก็นึกขึ้นมาได้
“เฮ้ย ชั้นจำเธอได้แล้ว เธอคือคนที่ขโมยกล้องถ่ายรูปของชั้น”
ขิงคว้าของปาใส่โซว์ แต่โซว์หลบทัน “ไอ้บ้า!! ชั้นไม่ได้ขโมยกล้องของนาย วันนั้นชั้นเป็นคนจับโจรให้นายต่างหาก ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ ชั้นไม่น่ามายุ่งกับนายเลยจริงๆ โธ่เว๊ย!”
“นึกว่าหงุดหงิดเป็นคนเดียวรึไง ชั้นเองก็ไม่น่ารับนายเข้ามาทำงานเลย นี่แหละน้าผู้หญิงเรื่องมากวุ่นวาย คิดเล็กคิดน้อย เฮ้ย! งั้นเวลาที่นายอาบน้ำให้ชั้น” โซว์หน้าแดงซ่าน “นายก็เห็นของชั้นหมดแล้วสิ”
ขิงอายเหมือนกันแต่ทำเป็นด่า “คิดว่าอยากดูตายล่ะ ทุเรศ”
“ของแบบนี้จะไปรู้ได้ยังไง เธออาจจะหลงเสน่ห์ในความหล่อของชั้นก็ได้”
“แหวะ พูดกับนายแล้วอารมณ์เสีย ถ้าถึงพรุ่งนี้เช้าเมื่อไหร่ นายไปของนาย ชั้นจะไปของชั้น เราต่างคนต่างไป ไม่ต้องยุ่งกันอีก!”
ขิงกับโซว์สะบัดหน้าใส่กันด้วยความโมโห

เวลาผ่านไป ฝนยังคงตกไม่หยุด โซว์นอนหลับอยู่ในกระต๊อบ ทันใดนั้นฝนก็สาดมาตรงที่เขานอนพอดี โซว์สะดุ้งตื่นแล้วเดินหนีจนเดินไปเหยียบขิงที่นอนอยู่บนพื้น
ขิงสะดุ้งตื่นแล้วร้องลั่น “โอ๊ย!!”
โซว์สะดุดล้มจนเกือบทับตัวขิง ขิงรีบหลบ โซว์หน้าคะมำลงพื้นจนเป็นรอยแดง ขิงหัวเราะ
“สมน้ำหน้า” ขิงนึกขึ้นได้ “เฮ้ยๆๆ นายมาฝั่งนี้ทำไม กลับไปฝั่งของนายเลยไป”
ขิงผลักโซว์ออก แต่โซว์ไม่ยอมไป
“ตรงนั้นฝนมันสาด ชั้นนอนไม่ได้” โซว์บอก
“เรื่องของนาย ไม่ใช่เรื่องของชั้น ออกไปเลย” ขิงไล่
“ไม่ไป”
ขิงกำหมัด “อยากโดนอีกหมัดรึไง”
โซว์มองอย่างกลัวๆ
ฟ้าร้องเปรี้ยง!! ขิงตกใจกระโดดมาเกาะแขนโซว์แน่น
“ว๊าย!!”
ขิงนึกขึ้นได้ เธอหันไปเห็นโซว์ยิ้มจึงรีบผละออกห่างแล้วกลับไปฝั่งตัวเอง โซว์ยิ้มขำๆ แล้วเดินไปนั่งบนพื้นที่เปียกซึ่งเหลือที่นั่งแค่นิดเดียว ขิงมองด้วยความสงสารจึงโยนผ้าไปให้โซว์ โซว์ผงะมองไปที่ขิงก็เห็นเธอล้มตัวลงนอนไปแล้ว โซว์เอาผ้าที่ขิงโยนให้เช็ดน้ำบนพื้นจนแห้งก่อนจะล้มตัวลงนอน ขิงกับโซว์ต่างนอนหันหลังให้กัน

เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงนกร้องดังระงม ขิงลืมตาตื่นขึ้นแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นว่าตัวเองนอนติดกับโซว์ ขิงแทบช็อคแล้วจะลุกขึ้น แต่โซว์กลับเอามือมากอดขิงแน่นเพราะเขานึกว่าเป็นหมอนข้าง ขิงถึงกับหน้าแดง
“บ้าเอ๊ย!!” ขิงว่า
ขิงค่อยๆเอามือโซว์ออกจากตัว แต่โซว์กลับยกขามาพาดตัวเธออีก ขิงชะงักเพราะหัวเสียสุดๆ ขิงค่อยๆจับขาโซว์ออกจากตัวอีก ทันใดนั้นโซว์ก็ตื่นขึ้นมาเห็น
“ทำไร?!!” โซว์ถาม ขิงตกใจมองหน้าโซว์ “คิดจะปล้ำชั้นเหรอ!”
ขิงรีบลุกขึ้นยืนทำหน้าเบ้
“หลงตัวเอง แหวะ ทุเรศ”
ขิงเดินออกไปด้วยความเขิน โซว์ยิ้มแล้วส่ายหัวก่อนจะบิดขี้เกียจ

ขิงเดินออกมาตามทาง โดยมีโซว์เดินตามมา ขิงหันขวับไปมองอย่างไม่พอใจ
“นายเดินตามชั้นมาทำไม” ขิงถาม
“มองดูสิว่ามันมีทางอื่นให้ชั้นเดินมั้ย คนอะไร หลงตัวเอง” โซว์ว่ากลับ
ขิงหัวเสียที่ถูกย้อน โซว์เร่งฝีเท้าเดินแซงขิงไป ขิงไม่พอใจพยายามเดินแซงโซว์ แต่โซว์ไม่ยอม ต่างคนต่างเดินแข่งกันจนมาถึงถนนใหญ่ โซว์มาถึงก่อนจึงหันไปมองขิงที่หยุดเดินเพราะเหนื่อย ขิงไม่พอใจ
“ชั้นจะโบกรถกลับกรุงเทพ นายจะกลับด้วยมั้ย” โซว์ถาม
“ไม่ ชั้นบอกแล้วไงว่าเราต่างคนต่างไป ชั้นจะกลับบ้านที่เพชรบุรี” ขิงย้ำ
ทันใดนั้นก็มีรถกะบะแล่นมา ขิงรีบโบกรถ รถกระบะจอดเทียบ
“ชั้นจะไปจังหวัดเพชรบุรี พี่ผ่านรึเปล่าจ๊ะ” ขิงถาม
คนขับตอบเป็นสำเนียงใต้ “ผ่านสิน้อง พี่กำลังจะไปประจวบ”
ขิงยิ้มแล้วกระโดดขึ้นท้ายรถกะบะก่อนจะหันไปมองโซว์
“ไปก่อนนะ หวังว่าเราคงไม่ต้องเจอกันอีก”
ขิงแลบลิ้นให้โซว์ แล้วรถก็แล่นออกไป โซว์มองตามขิงแล้วรู้สึกใจหวิวๆขึ้นมาเพราะไม่รู้จะไปทางไหนดี

ลัดลดากำลังนั่งทำสปาเท้าอยู่ในร้านสปาหรู เธอโกรธจัดจนขยำหนังสือพิพม์แล้วขว้างลงบนพื้นด้วยความโมโห
“หนอย !! นังอ้วน นี่แกกล้าจัดปาร์ตี้เชิญเจ้าชาย แต่ไม่เชิญชั้นงั้นเหรอ นี่แกคิดจะแย่งเจ้าชายกับชั้นใช่มั้ย ได้ อยากเปิดศึกใช่มั้ย ...เดี๋ยวจัดให้ !”
ลัดลดาลุกออกไปจากที่ทำสปา หนังสือพิมพ์ที่กองอยู่บนพื้นมีรูปติ๊งโหน่งและเจ้าชายกำลังดีดเปียโนและร้องเพลงคู่กันปรากฏอยู่

ที่บ้านติ๊งโหน่ง ติ๊งโหน่งเอาสูทของปีเตอร์มากอดและสูดดมด้วยความชื่นใจๆ แล้วเธอก็รู้สึกว่ามือไปโดนเอสดีการ์ดในกระเป๋า ติ๊งโหน่งหยิบออกมาดูก็เห็นเป็นเอสดีการ์ดจึงไม่ได้สนใจ ติ๊งโหน่งวางมันไว้บนโต๊ะก่อนจะเอาสูทไปใส่ให้ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ ติ๊งโหน่งนั่งมองตุ๊กตาหมีแล้วทำตาปริบๆ เสมือนว่าตุ๊กตาหมีคือเจ้าชาย ติ๊งโหน่งนอนบนตัวตุ๊กตาหมี
“เจ้าชายรู้มั้ยเพคะว่าหม่อมชั้นมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้อยู่กับเจ้าชาย” ติ๊งโหน่งพลิกตัวกลับมาเอามือเท้าคางทำท่าคิกขุ “เจ้าชายคือชายในฝันของหม่อมชั้นเลยนะเพคะ” ติ๊งโหน่งนิ่งฟังทำเหมือนหมีพูดได้ “อะไรนะคะ เจ้าชายอยากจูบหม่อมชั้น” ติ๊งโหน่งลุกขึ้นมานั่งเขิน “บ้า แต่ก็ได้ค่ะ ติ๊งยอมเพื่อเจ้าชาย”
ติ๊งโหน่งกระชากหัวตุ๊กตาหมีมาจูบอย่างดูดดื่ม ทันใดนั้นคนใช้ก็เปิดประตูเข้ามาเห็น คนใช้ถึงกับตกใจ
“ว๊าย!!”
ติ๊งโหน่งตกใจรีบโยนหมีทิ้ง “จะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตู”
“ดิชั้นเคาะแล้วค่ะ แต่คุณหนูไม่ตอบ ดิชั้นเลยเปิดประตูเข้ามา” คนใช้บอก
“มีอะไร” ติ๊งโหน่งถาม
“คุณลัดลดามา”
พอได้ยินชื่อลัดลดาติ๊งโหน่งก็ตาลุกวาว เธอรีบเขวี้ยงตุ๊กตาทิ้งแล้วลงไปเอาเรื่องทันที

ติ๊งโหน่งเดินลงมาเห็นลัดลดากำลังยืนมองเปียโนที่ปีเตอร์เคยดีดด้วยสายตาอิจฉาสุดๆ ติ๊งโหน่งเห็นก็รีบเดินเข้าไปหาก่อนจะวางนิ้วลงไปบนเปียโน
“เปียโนนี่เหมือนอนุสรณ์ความรักของเรากับเจ้าชาย..อุ๊ย..ตายแล้ว” ติ๊งโหน่งทำเป็นเพิ่งเห็นลัดลดา “นึกว่าใคร เพื่อนดาด้านี่เอง แหม...มายืนเป็นซิลิโคนเคลื่อนที่ในนี้ได้ไงเนี่ย สมศรี สมใจ ...ใครก็ได้ช่วยเอาไม้กวาดมากวาดออกไปหน่อยซิ”
“นี่นังม้าแกลบ ชั้นจะไม่อ้อมค้อม เลิกยุ่งกับเจ้าชายของชั้น!!” ลัลดาสั่ง
“ต๊าย เพื่อนดาด้า ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็จะแย่งผู้ชายกันเลยเหรอ”
“พวกสัตว์สี่เท้าเอาแต่วิ่งและไร้สมองอย่างเธอ มันต้องพูดตรงถึงจะเข้าใจ”
“นี่เธอกล้ามาถึงบ้านชั้น แล้วมาสั่งให้ชั้นเลิกยุ่งกับผู้ชายในฝันของชั้นงั้นเหรอ กล้า!”
“ขอบใจ”
“หน้าด้าน!”
ลัดลดาลืมตัว “ขอบคุณ” แล้วลัลดาก็นึกได้ “นังอ้วน!!! แกด่าชั้นเหรอ”
“เออ จำใส่กะโหลกหนาๆของหล่อนเอาไว้ด้วยนะว่าเจ้าชายต้องเป็นของชั้น!”
“เจ้าชายช่างน่าสงสารเหลือเกินที่ต้องเจอกับผู้หญิงไม่เต็มบาทอย่างเธอ” ลัลดาว่า
“ก็ยังดีกว่าผู้หญิงเกินบาทที่อุดมไปด้วยซิลิโคลนทั้งตัวอย่างเธอหรอก”
“บอกมาจะเลิกยุ่งกับเจ้าชายหรือไม่เลิก”
“ไม่มีทาง”
ลัดลดากรีดร้อง “กรี๊ด !!”
ติ๊งโหน่งยกมือขึ้นทำท่าจะตบ “อย่ามากรี๊ดในบ้านชั้นนะ เดี๋ยวตบให้จมูกเบี้ยวเลย”
ลัดลดาตกใจรีบเอามือปิดจมูกตัวเอง ติ๊งโหน่งยกมือตั้งท่าจะวิ่งเข้าไปตบ ลัดลดาวิ่งหนี
“อย่าเข้ามานะนังม้าแกลบ”
ลัดลดาวิ่งหนี ติ๊งโหน่งวิ่งไล่วุ่นวายไปทั่วบ้าน พัชรีเดินเข้ามาเห็นสองสาวกำลังวิ่งไล่ตีกัน
“ต๊าย อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลย พัชรีจากสตาร์นิวส์ เจาะข่าวลึก เจาะข่าวดัง สตาร์นิวส์ มาแล้วค่ะ”
ลัดลดาและติ๊งโหน่งหยุดไล่ตบกันทันทีก่อนจะหันมามองพัชรีด้วยความตกใจ

ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 3 (ต่อ)
ติ๊งโหน่งและลัดลดานั่งเคียงข้างกัน ทั้งสองป้อนน้ำ ป้อนขนมให้กันด้วยท่าทางสนิทสนมสุดๆ
“คือพวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่อนุบาลแล้วค่ะ แล้วก็ชอบวิ่งไล่จับแบบนี้บ่อยๆ ใช่มั้ย นั่งม้าแกลบ..เอ๊ย เพื่อนติ๊ง”
“ใช่ค่ะ นอกจากจะตบ เอ๊ย..เล่นกันบ่อยๆ เรายังชอบอะไรเหมือนๆกันด้วย เลยต้องแย่งอะไรต่อมิอะไรกันบ่อยๆ ใช่มั้ย นังลดา ..เอ๊ย เพื่อนดาด้า”
ลัดลดาและติ๊งโหน่งแอบมองค้อนกันก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้พัชรี
“แหม.. น่าอิจฉาความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจริงๆนะคะ พัชต้องขอโทษที่มากะทันหัน” พัชรีบอก
“ไม่เป็นไรค่ะ ติ๊งเข้าใจว่าตอนนี้ติ๊งกำลังดัง ใครๆก็ต้องการตัวว่าที่เจ้าสาวของเจ้าชายแห่งนิวแลนด์ทั้งนั้น”
พูดเสร็จติ๊งโหน่งก็มองเย้ยลัดลดา ลัดลดาโมโห
ลัดลดาทำเป็นพูดปราม “เรื่องนั้นอย่าเพิ่งพูดไปเลยจ๊ะเพื่อนติ๊ง เกิดเพื่อนติ๊งพลาดเหมือนผู้ชายคนที่แล้ว จะหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ เพราะจริงๆเจ้าชายเค้ามีคนที่หมายตาไว้แล้ว”
พัชรีทำเป็นอยากรู้ “ใครเหรอคะคุณลัดลดา”
ลัดลดายืด “ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้แหละค่ะ”
“งั้นพัชรีคงต้องขอสัมภาษณ์ทั้งสองคนแล้วล่ะค่ะ”
ติ๊งโหน่งกับลัดลดาพูดพร้อมกัน “ได้เลยค่ะ ไม่มีปัญหา”
ติ๊งโหน่งและลัดลดาพูดเสร็จก็มองค้อนใส่กันก่อนจะหันมายิ้มเฟคๆกับพัชรี พัชรียิ้มที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

ติ๊งโหน่งและลัดลดากำลังโพสท่าให้พัชรีถ่ายรูป ทั้งสองพยายามทำท่าเซ็กซี่ยั่วยวนสุดๆ
พัชรีแกล้งชม “คุณติ๊ง คุณลดา โพสท่าได้ดีมากจนนางแบบมืออาชีพยังอายเลยนะคะ”
ติ๊งโหน่งและลัดลดาได้ทีจึงโพสท่าไม่หยุด ทั้งสองทำปากเจ่อ จิกตา บิดเอว แข่งกัน ลัดลดาได้โอกาสขัดขาติ๊งโหน่งจนหงายหลังล้มโครม
พัชรีตกใจ “ว๊าย!! คุณติ๊งเป็นยังไงบ้างคะ”
พัชรีรีบเข้าไปช่วยพยุงติ๊งโหน่งขึ้นมา ติ๊งโหน่งรู้สึกเจ็บบั้นเอว
“ติ๊งไม่เป็นอะไรค่ะ ติ๊งไหว ติ๊งขอไปเปลี่ยนชุดอีกชุดก่อนนะคะ ยังมีชุดอีกเพียบที่ติ๊ง อยากใส่ให้คุณพัชถ่ายรูป”
“ลดาเองก็ขอเปลี่ยนเหมือนกัน นี่โทรสั่งให้เด็กขนมาสองคันรถแล้ว รับรองว่าเริ่ดไม่แพ้ใครบางคนแน่”
“ค่ะค่ะ ได้ค่ะ เปลี่ยนชุดกันตามสบายนะคะ พัชรีรอได้”
ติ๊งโหน่งและลัดลดาเดินเบียดกันออกไป พัชรีเบ้หน้า
“สวยตายล่ะ โอ๊ย !! สงสัยคืนนี้นอนไม่หลับแน่” พัชรีมองไปรอบๆห้อง “แล้วไอ้เอสดีการ์ดมันอยู่ไหนน้า”
พัชรีพยายามมองหาไปรอบๆ เพื่อหาเอสดีการ์ด ขณะกำลังมองหาเธอหันไปก็เห็นติ๊งโหน่งกำลังมองเธออยู่ พัชรีสะดุ้ง
“หาอะไรอยู่เหรอ” ติ๊งโหน่งถาม
“ปละ เปล่าค่า ...พัชรีแค่จะมองหารูปแฟนของคุณติ๊งโหน่งน่ะค่ะ”
ติ๊งโหน่งอายม้วน “แหม..ทำเป็นไม่รู้ ว่าแฟนของติ๊งโหน่งก็เจ้าชายแห่งนิวแลนด์ไง” ติ๊งโหน่งโชว์ชุด “เป็นไงชุดสวยพอมั้ย”
“ก็สวยหรอกค่ะ แต่เมื่อกี้พัชได้ยินว่าคุณลดาจะใส่ชุดจากปารีสเลยนะคะ” พัชรียุ
ติ๊งโหน่งตกใจ “ห๊ะ! ไม่ได้แล้ว ติ๊งต้องหาชุดอื่น”
ติ๊งโหน่งรีบเดินออกไป พัชรีถอนหายใจโล่งอกก่อนจะหันไปหาต่อ สักัพกพัชรีก็เห็นเอสดีการ์ดวางอยู่บนโต๊ะ พัชรีตื่นเต้นดีใจรีบเก็บใส่กระเป๋าแล้วเดินออกไปทันที ติ๊งโหน่งออกมาจากห้องน้ำในชุดเกาะอก
“แท่นแท่นแท๊นนนนนน ชุดนี้เป็นไงบ้าง” ติ๊งโหน่งถามแต่พัชรีหายไปแล้ว “อ้าว?? ไปไหนแล้วล่ะ”
ติ๊งโหน่งเกาหัวด้วยความงง

พัชรีรีบเอาเอสดีการ์ดเสียบเข้าไปในโน๊ตบุ๊คด้วยสีหน้าลุ้นระทึก เธอกดเปิดแต่ไม่เห็นมีภาพอะไร
พัชรีงง “ไม่เห็นมีภาพอะไรเลย”
พัชรีสงสัย

รถกระบะจอดอยู่ที่ปั๊มแห่งหนึ่ง คนขับเอาไก่ย่างกับข้าวเหนียวให้ขิง
“ขอบคุณจ๊ะ” ขิงรับมา
“ไม่เป็นไร เห็นหน้าน้องพี่ก็รู้แล้วว่าหิว พี่ไปห้องน้ำเดี๋ยวนะ ฝากรถด้วย”
“ได้จ๊ะ”
คนขับเดินออกไป ขิงกินไก่ย่างด้วยความหิวแล้วก็รู้สึกกังวลเพราะนึกถึงโซว์ขึ้นมา
“ป่านนี้นายโซ่จะเรียกรถได้เหรอยังนะ แล้วจะหิวมั้ย มันจะรอดตายกลับไปถึงกรุงเทพรึเปล่า”
ขิงเริ่มกังวลเพราะเป็นห่วงโซว์มากขึ้น

โซว์พยายามโบกรถที่ข้างทางแต่ไม่มีรถคันไหนยอมจอด โซว์เริ่มถอดใจ
“เฮ้อ โบกรถมาเกือบชั่วโมงแล้ว ไม่มีใครจอดเลย”
ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าโซว์ โซว์หันไปมองก็เห็นขิงกระโดดลงมาจากหลังรถกะบะ โซว์ถึงกับผงะ
“ชั้นว่าแล้วว่านายต้องยังไม่ได้ไปไหน” ขิงบอก
“จะกลับมาเยาะเย้ยรึไง” โซว์ถาม
“นี่..หัดมองชั้นในแง่ดีบ้างได้มั้ย ขึ้นรถ”
“ไปไหน?”
“ถามมากจริง ไปเพชรบุรีบ้านชั้น”
“แต่ชั้นจะกลับกรุงเทพ”
“จะกลับไปให้พวกมันยิงตายเหรอไง” ขิงถาม โซว์ผงะ “นายคิดว่าพวกมันจะโง่ปล่อยเราไปเหรอ ป่านนี้พวกมันคงดักรอเราอยู่ที่กรุงเทพแล้ว” โซว์คิดตาม “ไปอยู่บ้านชั้นก่อน ชั้นรับรองความปลอดภัย แล้วค่อยคิดหาทางว่าจะทำไงต่อไป”
โซว์มองขิงด้วยสีหน้าครุ่นคิด

เสียงดนตรีไทยดังขึ้น ณ โรงลิเก การแสดงถึงฉากที่พระเอกกับผู้ร้ายกำลังฟันดาบต่อสู้กันเพื่อแย่งรุ้ง ซึ่งเป็นนางเอกลิเก
“เสด็จพี่ระวังเพคะ เสด็จพี่ โอ้ว อู้ว” รุ้งร้องออกมา
โจรฟันไปโดนแขนเสด็จพี่ จนเสด็จพี่ล้มลง
“อ๊ายยย!! เสด็จพี่ หนีเร็วเพคะ” รุ้งบอก
รุ้งพาเสด็จพี่วิ่งหนีเข้าไปหลังฉากก่อนจะโผล่ออกมาอีกด้าน แล้วเดินมานั่งที่ตั่งตรงกลางเวที คนดูลิเกมีไม่ถึงห้าคน ทั้งหมดนั่งดูกันด้วยความเบื่อและเซ็ง
“เสด็จพี่ เสด็จพี่อย่าเป็นอะไรไปนะเพคะ ถ้าเสด็จพี่เป็นอะไร แล้วน้องจะอยู่ยังไง” รุ้งแสดงเต็มที่
คนดูตะโกนขึ้นมา “ก็กลับไปอยู่กับผัวที่บ้านไง เฮอะๆๆ”
รุ้งค้อนเพราะไม่พอใจ คนดูหันไปเม้าท์กันเอง “เซ็งว่ะ ซ้ำซาก เล่นแบบนี้ทุกวัน น่าเบื่อ เออนี่ ตอนนี้ที่ห้างฯ มีลดกระหน่ำซัมเมอร์เซล....”
รุ้งยังคงเล่นต่อไป เธอแสดงท่าทางร้องไห้ฟูมฟาย
“เสด็จพี่เพคะ เสด็จพี่อย่าทิ้งน้องไปนะเพคะ เพราะถ้าเสด็จพี่ทิ้งน้องไป น้องคงต้องถูกพวกชาวเมือง” รุ้งเดินมาพูดแถวๆ คนดู “ตาต่ำมันดูถูก เสด็จพี่ลองคิดดูขนาดมีของสูงๆให้พวกมันดู พวกมันยังไม่ยอมดู แถมยังไม่จ่ายตังค์อีกต่างหาก”
คนดูรู้ว่ารุ้งหลอกด่าจึงหันไปด่ารุ้งกลับ
“แกด่าชั้นเหรอนังรุ้ง”
รุ้งเท้าเอวเพราะสุดจะทน “ก็เออสิวะ หรือว่าไม่จริง พวกแกไม่เคยจ่ายเงินซักกะบาท แถมยังมาด่าลิเกคณะชั้นอีก”
“ก็พวกแกเล่นไม่ดีเองนี่หว่า แล้วเรื่องไรพวกชั้นจะจ่ายเงิน”
รุ้งสุดทนจึงถลกกระโปรงขึ้นมา “ถ้าลิเกไม่ดี ก็ไปกลับไปดูวีซีดีที่บ้านกันสิวะ ไปเลย ไป!”
คนดูทนไม่ไหวจึงหันไปหาพวก
“เฮ้ยพวกเรา!! พังโรงลิเกมันเลย”
คนดูคนอื่นเฮเอาด้วย ทั้งหมดคว้าอะไรได้ก็ปาไปที่รุ้ง รุ้งลนลานรีบหนีขึ้นไปนั่งบนตั่ง ยายขมเดินหน้าเสียออกมารีบยกมือไหว้ทุกคน
“ทุกคนใจเย็นๆกันก่อนจ๊ะ หยุดก่อน หยุดก่อน ชั้นต้องขอโทษแทนนังรุ้งมันด้วย มันไม่ได้ตั้งใจจะว่าใครหรอกนะจ๊ะ”
“ไม่ได้ตั้งใจอะไรล่ะยาย ใครๆก็ได้ยินว่ามันด่าชั้น” คนดูคนหนึ่งบอก คนดูคนอื่นเออออ “คณะลิเกของยายจะเจ๊งก็เพราะนังนี่แหละ พวกเรากลับเว๊ย ไม่ดงไม่ดูมันแล้ว”
ยายขมถึงกับเหวอ “อ้าว เดี๋ยวก่อนสิ อย่าเพิ่งกลับเลย จะรีบไปไหน กลับมาก่อน”
ไม่มีใครสนใจ ทุกคนพาเดินออกไปจนหมด ยายขมหันมามองรุ้งด้วยความโมโหสุดๆ รุ้งหน้าเสีย
“เพราะเอ็งคนเดียวเลยนังรุ้ง เอ็งด่าคนดูได้ยังไง”
“ก็พวกมันมาด่าชั้นก่อน” รุ้งแก้ตัว
“เค้าจะด่าเอ็งยังไง เอ็งก็ไม่มีสิทธิ์ไปด่าเค้า พวกเค้าเป็นผู้มีพระคุณกับเรา แล้วแบบนี้ใครจะมาดูลิเกของข้า”
“ไม่มีใครมาดู ก็ปิดมันไปเถอะยาย เดี๋ยวนี้ไม่มีใครเค้าดูลิเกกันแล้ว”
ยายขมปรี๊ดแตก “นังรุ้ง!!”
ยายขมดึงไม้เกาหลังที่เหน็บเอวออกมาเงื้อจะฟาดรุ้ง รุ้งวิ่งหนี ไปหลบหลังคนที่เล่นเป็นพระเอกกับโจรจนวุ่นวายไปหมด
“ว๊าย ว๊าย”
รุ้งวิ่งหลบไปหลบมาจนยายขมเวียนหัวคล้ายลมจะจับ พระเอกลิเกกับโจรทนไม่ไหว
“หยุดได้แล้ว!! เล่นไล่จับกันเป็นเด็กๆไปได้” คนเป็นโจรว่า
ยายขมกับรุ้งหอบเหนื่อยและยังพูดไม่ออก
“แล้ววันนี้ยายจะมีค่าตัวจ่ายให้พวกชั้นรึเปล่า” พระเอกลิเกถาม
“จะมีได้ยังไง ไม่เห็นเหรอว่าไม่มีคนดูแล้ว” ยายขมบอก
“ยายติดค่าตัวพวกชั้นมาสองอาทิตย์แล้วนะ” โจรว่า
“ก็มันไม่มีนี่หว่า พวกเอ็งจะให้ข้าทำยังไง”
“งั้นพวกเราขอลาออก” พระเอกลิเกบอก ยายขมตกใจ พระเอกลิเกหันไปพูดกับนักดนตรี “ขนของกลับเว๊ย”
พวกนักดนตรี พระเอกลิเก และโจรเดินออกไป ยายขมหน้าเหวอ
“อ้าวเฮ้ย ไปกันหมดแบบนี้ แล้วข้าจะทำยังไง”
ไม่มีใครสนใจยายขม ยายขมหันไปมองรุ้งที่มองมาแบบเยาะเย้ย

ยายขมเดินอย่างหัวเสียเข้ามาด้านหลังเวที โดยมีรุ้งตามมาติดๆ
“คราวนี้ยายจะเชื่อชั้นได้เหรอยัง ไม่มีคนดู ไม่มีนักดนตรี แม้แต่พระเอกก็ไม่มี แล้วมันจะเล่นลิเกได้ยังไง้งงง โละขายเลหลังไปเถอะยาย แล้วเอาเงินที่ได้มาเปิดผับ โชว์ไคโยตี้ ยายรู้จักมะ ไคโยตี้ ถ้าไม่รู้จักเดี๋ยวชั้นจะเต้นให้ดู”
รุ้งเต้นยั่วยวนและทำท่าเซ็กซี่พร้อมกับให้จังหวะเอง ยายขมทนไม่ไหวเอาไม้เกาหลังเขกหัวรุ้งอย่างแรง
“โอ๊ย!”
“น้ำหน้าอย่างเอ็ง เป็นได้แค่เต้นจ้ำบ๊ะ เอ็งอย่าเอามาเทียบกับลิเกซึ่งเป็นของสูง” ยายชมว่า รุ้งมองยายอย่างไม่พอใจ ยายขมกลุ้ม “ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเดี๋ยวนี้คนมันถึงไม่ดูลิเกกันแล้ว เฮ้อ”
ยายขมหน้าเครียดเพราะกลุ้มใจสุดๆ

ยายขมกับรุ้งเดินกลับมาด้วยกัน รุ้งแบกถุงกระสอบใส่ชุดลิเกกลับมาด้วย พอมาถึงบ้านเขาก็โยนลงพื้นเพราะหนัก ยายขมโมโห
“นังรุ้ง!! วางดีดีสิ ของดีดีได้พังกันหมด”
รุ้งหันมาวีน “เมื่อไหร่ยายจะเลิกบ่นซักทีห๊ะ บ่นโน่นบ่นนี่มาตลอดทางไม่เมื่อยปากบ้างรึไง”
“ไม่เมื่อยเว๊ย ถ้าข้าไม่ได้บ่นสิ ข้าต้องอกแตกตาย”
รุ้งทำปากขมุบขมิบด่ายายขม
“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เอ็งต้องตื่นตีสี่ขึ้นมาเตรียมทำขนมกับข้า”
“ทำขนมอะไรยาย?”
“ในเมื่อข้าไม่ได้ทำลิเกแล้ว ข้าก็จะทำขนมขายแทนน่ะสิ และเอ็งก็ต้องมาช่วยข้าด้วย”
“โอ๊ย ไม่เอาหรอกยาย ตื่นเช้าขนาดนั้นใครจะไปตื่นไหว แล้วอีกอย่างชั้นไม่ชอบทำขนม ควันมันจะทำให้หน้าชั้นมันเยิ้ม หน้าสวยๆอย่างชั้นยังต้องใช้ทำมาหากิน เชิญยายทำขนมไปคนเดียวเถอะ เพราะชั้นจะเข้ากรุงเทพไปสมัครโครงการเดอะมุ่งฝันสู่ดาว ปี 28 “ รุ้งทำหน้าตาเพ้อฝัน “ชั้นจะไปเป็นนักร้อง”
ยายขมหมั่นไส้ “ถ้าเอ็งไม่คิดจะช่วยข้า เอ็งก็เก็บกระเป๋าไสหัวออกไปจากบ้านข้าเลยไป!!”
รุ้งตกใจ “ยายไล่ชั้นเหรอ!!”
“เออ”
“ชั้นไปก็ได้ ไม่อยากอยู่บ้านเส็งเคร็งหลังนี้หรอก”
รุ้งเดินจ้ำเข้าไป ยายขมด่าไล่หลัง
“ไปเลย คนเนรคุณ!! “
ยายขมหอบเหนื่อยเพราะด่ามากไป เธอทิ้งตัวนั่งลงที่พื้นแล้วก็สะดุ้งโหยง ทันใดนั้นเสียงตุ๊กก็ดังขึ้น
“โอ๊ย!!”
ยายขมก้มมองก็เห็นตุ๊กนอนอยู่ที่พื้น
ตุ๊กลุกขึ้นมานั่งยิ้มแหยๆ “ชั้นเองจ๊ะแม่”

ยายขมมองตุ๊กด้วยความสงสัย
“เอ็งกลับมาทำไม”
“อ้าวแม่ เห็นชั้นกลับมาแทนที่จะถามสารทุกข์สุกดิบ ถามแบบนี้เหมือนไม่อยากให้ชั้นกลับมาอย่างนั้นแหละ” ตุ๊กตัดพ้อ
“ก็ใช่น่ะสิ” ยายขมบอก ตุ๊กแทบสะอึก “กลับมาเอ็งก็ทำข้าเดือดร้อน ต้องจัดที่จัดทางให้เอ็งนอน ต้องหาข้าวหาปลาให้เอ็งกิน” ยายขมว่า ตุ๊กจ๋อย “หรือว่าที่กลับมาเนี่ย เพราะไปมีเรื่องกับใครเค้าไว้”
“คนที่ไปมีเรื่อง ไม่ใช่ชั้นหรอกแม่ แต่เป็นหลานสุดที่รักของแม่ต่างหาก” ตุ๊กบอก
“ทำไม นังขิงมันทำอะไร” ยายขมนึกแล้วก็ตกใจเอง “หรือว่านังขิงมันท้อง” ตุ๊กพยายามจะอธิบายแต่ยายขมไม่ฟัง “ข้าบอกเอ็งแล้วใช่มั้ยว่าให้ดูแลแลหลานดีดี แล้วเป็นไง ถูกเจาะไข่แดงจนได้ ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร ทำอะไร บ้านช่องอยู่ไหน แล้วมันได้กันตอนไหน ได้กันได้ยังไง”
ตุ๊กเหวอที่ยายขมยิงเป็นชุด

ขิงกับโซว์ลงจากรถกะบะ
ขิงพูดกับคนขับ “ขอบใจมากนะพี่”
รถกะบะแล่นออกไป ขิงหันมาทางโซว์ที่ดูตื่นตาตื่นใจกับสภาพบ้านเมืองที่เขาได้เห็น
“เอ้า มัวแต่มองอะไรอยู่นั่นแหละ ไปได้แล้ว”
โซว์หันมาพยักหน้าแล้วเดินไปกับขิง
แก้วกับยอด สองคู่หูแถวนั้นกำลังดูดไอติมกันอยู่ แก้วเห็นขิงก็ถึงกับตาค้าง
“นั่นมันน้องขิงนี่หว่า”
“จริงด้วยพี่ แล้วไอ้ผู้ชายที่เดินตามต้อยๆนั่นใคร” ยอดสงสัย
“จะไปรู้ได้ยังไงวะ”
“หน้าตาเหมือนพระเอกเกาหลีเลยนะพี่ หล่อกว่าพี่แก้วอีก”
แก้วหันมาจะเอาเรื่อง
“ชั้นล้อเล่นจ๊ะ” ยอดนึกขึ้นได้ “เฮ้ย หรือว่าไอ้หมอนั่นจะเป็นผัวน้องขิงของพี่แก้วจ๊ะ”
แก้วมองตามไปก็เห็นโซว์กับขิงขึ้นรถสองแถว แก้วมีสีหน้าไม่พอใจและอยากรู้ว่าโซว์เป็นใคร

ยายขมตบโต๊ะเสียงดังปัง ตุ๊กสะดุ้งโหยง
“บอกข้ามาซักทีสิว่าผัวนังขิงมันเป็นใคร?”
ตุ๊กอึกอัก “อ่า...”
ตุ๊กยังไม่ทันพูดอะไร รุ้งก็หอบกระเป๋าเดินทางพร้อมทั้งหิ้วถุงพะรุงพะรังเดินออกมา ตุ๊กหันไปเห็น
“รุ้ง หิ้วกระเป๋าจะไปไหน” ตุ๊กถาม
“ถามแม่พี่ดูเอาเองก็แล้วกัน ชั้นไปล่ะ ลาก่อนนะยาย หวังว่าชาตินี้เราคงไม่ต้องเจอกันอีก” รุ้งบอก
“เออ รีบไปเร็วๆเลย ถ้าไม่อยากถูกข้าแพ่นกบาลแตก” ยายขมไล่
รุ้งรีบเดินก้นบิดออกไปด้วยความกลัว ยายขมหันมาหรี่ตามองตุ๊ก
“เอ็งจะบอกข้ามาได้เหรอยัง”
“คือ...ขิงมันไม่ได้ท้อง แล้วมันก็ไม่ได้มีผัว” ตุ๊กบอก
“อ้าว?? แล้วทำไมไม่รีบบอก ปล่อยให้ข้าพูดบ้าบออยู่คนเดียวตั้งนาน”
“ก็ว่าจะบอก แต่แม่ไม่ฟังชั้นเลยนี่”
ยายขมถอนหายใจด้วยความโล่งอก

รถสองแถวแล่นมาจอดตรงหน้ารุ้งที่ยืนรออยู่ รุ้งเปิดประตูเข้ามานั่งข้างคนขับ เธอเอาของวางไว้เต็มหน้าตักจนบังหน้าตัวเอง โซว์กับขิงเดินลงมาจากด้านหลังรถสองแถว ทั้งสองยืนหน้าบ้าน รถสองแถวแล่นออกไป
โซว์เห็นบ้านแล้วก็ชอบทันทีเพราะเป็นบ้านไม้แบบไทยๆ “เนี่ยเหรอบ้านยายเธอ”
“อือ”
ขิงเดินเข้าไป โซว์เดินตาม

ตุ๊กกำลังจะเล่าเรื่องขิงให้ยายขมฟัง
“คืออย่างนี้นะแม่..ไอ้ขิง..”
เสียงขิงดังขึ้น
“ยายจ๋า”
ยายขมกับตุ๊กหันไปเห็นขิงยืนยิ้มแฉ่ง ยายขมดีใจสุดๆ ขิงรีบโผเข้ามากอดยายทันที
“ขิงคิดถึงยายที่สุดเลย”
ขิงหอมแก้มยายทั้งซ้ายและขวา
ยายขมดีใจมาก “ยายก็คิดถึงเอ็ง”
ยายขมยิ้ม แล้วก็เพิ่งสังเกตเห็นโซว์ที่ยืนอยู่ข้างหลังขิง โซว์ยิ้มให้ยาย ยายหุบยิ้มแล้วผละจากขิงก่อนจะหันไปทางตุ๊ก
“ไหนเอ็งบอกขิงมันไม่มีผัวไง แล้วที่ยืนอยู่นี่ล่ะ”
ตุ๊กเคลิ้ม “ก็ผัวมันไงแม่” ยายขมตาเหลือก ตุ๊กนึกขึ้นมาได้จึงรีบบอก “เฮ้ยไม่ใช่..”
ยายขมไม่ฟังเสียง เธอหันไปด่าใส่โซว์ทันที
“ผู้ชายเฮงซวย นี่เอ็งกล้าเจาะไข่แดงหลานข้าเหรอวะ”
โซว์งง “เจาะไข่แดง?”
ขิงกับตุ๊กพยายามจะอธิบาย
“ยายจ๋า ฟังขิงก่อน”
“ไม่ฟังเว๊ย” ยายขิงถามโซว์ “เอ็งสองคนนอนด้วยกันมานานเท่าไหร่แล้ว”
“ครั้งเดียวครับคุณยาย..เมื่อคืนนี้เอง” โซว์ตอบ
ขิงร้อง “เฮ้ย!” แล้วอยากจะตบหัวตัวเอง ตุ๊กหันขวับไปมองขิงอย่างอึ้งๆ ขิงส่ายหัวบอกไม่ใช่ แต่ยายขมเดือดสุดๆ เธอเงื้อหมัดชกหน้าโซว์อย่างแรง โซว์ตาเหล่แล้วก็หงายลงไปสลบเหมือด ขิงกับตุ๊กตกใจ
“เฮ้ย!”
ยายขมปัดจมูดท่านักเลงสุดๆ

ยายขมฟังเรื่องราวทั้งหมดจากขิงและตุ๊กก็รู้สึกโล่งใจ
“แล้วทำไมไม่เล่าให้ยายฟังตั้งแต่ทีแรกว่ามันเป็นนักท่องเที่ยว”
“ก็ยายฟังที่ไหนล่ะ มาถึงก็ใส่ไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ ขิงหาโอกาสบอกไม่ได้เลย”
“แม่ชกมันแรงขนาดนี้ มันจะตายมั้ยเนี่ย ถ้ามันตายขึ้นมา ปัญหาระดับประเทศเลยนะแม่” ตุ๊กบอก
“มันไม่ตายหรอกน่า” ยายขมว่า
ยายขมหันไปมองโซว์ด้วยความกังวล สักพัก ยายขม ขิง และตุ๊กก็เดินเข้าไปล้อมวงโซว์ที่นอนสลบอยู่บนพื้น ยายขมตบหน้าโซว์เบาๆ
“นี่..นี่..ตื่นได้แล้ว นี่....”
“แม่..ตบแรงขนาดนี้ เดี๋ยวมันได้ตายจริงๆหรอก ชั้นปลุกเอง” ตุ๊กบอก
ตุ๊กถอดถุงเท้าออก ขิงกับยายขมทำหน้าเหม็นและรีบปิดจมูก ตุ๊กคีบถุงเท้าตัวเองส่วนอีกมือปิดจมูกตัวเองแล้วเอาไปไว้ตรงจมูกโซว์ ไม่นานโซว์ก็ลืมตาโพลงตื่นขึ้นมา พร้อมทั้งหันไปอ้วก ตุ๊กตกใจ ยายขมกับขิงหันไปมองตุ๊ก ตุ๊กยิ้มแหยๆ
“ไม่นึกว่ามันจะได้ผลเกินคาดขนาดนี้” ตุ๊กบอก

ยายขมจ้องโซว์อย่างกินเลือดกินเนื้อ โซว์หน้าซีดและงงๆ
“เอ็งชื่ออะไร ทำงานที่ไหน อยู่ประเทศอะไร พ่อแม่เป็นใคร แล้วมาเมืองไทยทำไม” ยายขมถามเป็นชุด
“โอ้โฮยายจ๋า ถามเป็นชุด เค้าตอบไม่ทันหรอก เอาทีล่ะข้อนะยาย” ขิงบอก
“ก็ได้ บอกชื่อเอ็งมา”
“ผมชื่อโซ่ครับ” โซว์บอก
“คนประเทศไหนชื่อโซ่” ยายขมถามต่อ
“เค้ามาจากประเทศนิวแลนด์จ๊ะยาย” ขิงตอบแทน
“ห๊ะ!! ประเทศอะไรนะ”
“นิวแลนด์ครับ ประเทศผมเป็นประเทศเล็กๆ เล็กกว่าประเทศไทยเยอะมาก ไม่ค่อยมีคนรู้จักหรอกครับ”
“แล้วเอ็งมาที่นี่ทำไม”
“ผมกับขิงเรา...” โซว์จะพูดว่าหนี แต่ขิงรีบพูดไม่อยากให้ยายรู้ความจริง “เที่ยวจ๊ะยาย เค้าอยากเรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้าน ชั้นก็เลยชวนเค้ามาเที่ยวบ้านเรา แบบโฮมสเตย์ไงยาย ทำบ้านให้เป็นโรงแรม” ขิงกระซิบยาย “ได้เงินเยอะด้วยนะ”
ยายขมนิ่งคิด พอได้ยินว่าเงินเยอะก็หันไปมองโซว์
“ข้าให้เอ็งอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่เอ็งห้ามเข้าใกล้หลานสาวข้าเด็ดขาด เพราะขิงมันยังซิงๆอยู่” ยายขมบอก ขิงแทบสะอึก ส่วนตุ๊กอมยิ้ม “เข้าใจมั้ย”
โซว์ทำหน้างง “ซิงๆแปลว่าอะไรเหรอครับ”
“ซิงๆก็แปลว่าบริสุทธิ์ไงล่ะ” ตุ๊กชิงบอก
ขิงอาย “น้าตุ๊ก!”
โซว์หันไปมองขิงแล้วอมยิ้ม ยายขมมองโซว์อย่างไม่ค่อยถูกชะตา

ตุ๊กเดินออกมากับขิงและโซว์
“ทำไมแกไม่บอกความจริงยายเค้าไป ว่าที่แกกับมันต้องมาอยู่ที่นี่เป็นเพราะอะไร” ตุ๊กถาม
“ขืนขิงบอก ยายได้ไล่โซ่ออกไปจากบ้านนี้แน่ๆ” ขิงว่า
“แต่ทำแบบนี้เท่ากับว่าเราโกหกยาย ถ้ายายเธอมาจับได้ทีหลัง ยายเค้าจะไม่โกรธพวกเราเหรอ” โซว์ถาม
“ก็คงจะโกรธ” ขิงตอบ
โซว์กับตุ๊กร้องพร้อมกัน“อ้าว”
“แต่รอให้ถึงตอนนั้นก่อน แล้วค่อยคิดหาทางกันอีกที ตอนนี้เอาตัวให้รอดก่อนดีกว่า แล้วก็อย่ามีใครหลุดปากเผลอไปบอกยายเข้าล่ะ”
ตุ๊กกับโซว์มองหน้ากันอย่างใจคอไม่ค่อยดี

พัชรียื่นเอสดีการ์ดให้ปีเตอร์ที่รออยู่ที่โรงแรม ปีเตอร์ดีใจมากจะดึงเอสดีการ์ดมาจากมือพัชรี แต่พัชรียังยื้อไว้
“ในนี้เป็นรูปอะไรเหรอเพคะ ทำไมเจ้าชายดูทรงดีพระทัยมากๆที่ได้มันคืนมา”
ปีเตอร์ตีมือพัชรีดังเพี๊ยะ!! พัชรีปล่อยมือจากเอสดีการ์ด ปีเตอร์รีบเก็บ
“รูปถ่ายเล่น ขอบใจนะ เธอกลับไปได้แล้ว” ปีเตอร์บอก
“วันนี้หม่อมชั้นว่าง ให้หม่อมชั้นอยู่เป็นเพื่อนเจ้าชายก่อนก็ได้นะคะ”
“วันนี้เราอยากอยู่คนเดียว ไปสิไป ชิ้วชิ้ว”
พัชรีไม่พอใจแต่จำต้องยิ้มแล้วหันหลังเดินออกไป ปีเตอร์รีบวิ่งขึ้นไปบนห้อง พัชรีหันมามองตามปีเตอร์ที่ขึ้นห้องไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด

ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 3 (ต่อ)
ปีเตอร์เปิดดูเอสดีการ์ดจากโน๊ตบุ๊คแต่ก็ไม่เห็นภาพอะไรเลย
“ไม่เห็นมีอะไรเลย”
พัชรีแอบดูอยู่ตรงหน้าประตูห้อง เธอพยายามส่องดูว่าปีเตอร์ดูอะไร ปีเตอร์พยายามเปิดเอสดีการ์ด แต่ทำยังไงก็เปิดไม่ได้ พัชรีแอบย่องเข้ามาในห้อง ปีเตอร์ลุกขึ้น พัชรีตกใจรีบกระโดดขึ้นเตียงแล้วเอาผ้าห่มคลุมโปง
ปีเตอร์หันมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด “ทำไมมันไม่มีอะไรเลย หรือว่าหยิบแผ่นผิด” ปีเตอร์มองเอสดีการ์ดในมือที่ถอดออกมาแล้ว “แต่มันก็แผ่นเดียวกับที่เราได้มาตั้งแต่ต้น”
ปีเตอร์นั่งลงบนเตียงแล้วพยายามคิด เขาเกือบนั่งโดนพัชรี พัชรีที่อยู่ใต้ผ้าห่มพยายามกระดึบๆๆหนี ปีเตอร์คิดแล้วหันมาเห็นผ้าห่มเคลื่อนไหวก็เอะใจจึงเปิดผ้าห่มออกมา พัชรียังไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่คลานหนี ปีเตอร์กอดอก
“พัชรี!”
พัชรีเผลอตอบ “เพคะ”
พัชรีนึกได้หันมาเห็นปีเตอร์ยืนอยู่ก็ตกใจจนตกเตียง พัชรีรีบลุกขึ้นมา
“จ๊ะเอ๋!!” พัชรีทำเป็นเล่น ปีเตอร์หน้าเครียด “ไม่จ๊ะเอ๋ด้วยเหรอเพคะ”

ปีเตอร์ลากพัชรีมาตรงห้องรับแขก
“หม่อมชั้นขอโทษเพคะ เจ้าชายอย่าทรงลงโทษหม่อมชั้นเลย”
ปีเตอร์จับไหล่พัชรีทั้งสองข้างก่อนจะจ้องหน้าใกล้ๆ
“บอกชั้นมาพัชรีว่าเธอเป็นใครกันแน่!!”
“ก็เป็นพัชรียังไงล่ะเพคะ”
ปีเตอร์ตะโกนใส่หน้า “ชั้น-ไม่-เชื่อ” พัชรีสะดุ้ง “หรือว่า” ปีเตอร์ตกใจ “เธอเป็นนักข่าว เป็นพวกปาปารัซซี่ใช่มั้ย”
พัชรีหน้าซีดรีบแก้ตัว “อย่าทรงเดาต่อไปอีกเลย จริงๆแล้วหม่อมชั้นเป็น..” ปีเตอร์ลุ้น พัชรีตอบ “เป็น..เป็นแฟนคลับของเจ้าชายค่ะ”
ปีเตอร์อึ้งแล้วปล่อยตัวพัชรี พัชรีแกล้งคุกเข่าเกาะขาปีเตอร์พร้อมร้องไห้
“หม่อมชั้นหลงรักเจ้าชายมานานแล้ว ถึงแม้หม่อมชั้นจะไม่เคยเห็นหน้าเจ้าชาย แต่ภารกิจที่เจ้าชายทรงทำเพื่อประเทศชาติทำให้หม่อมชั้นประทับใจ ตรึงตาตรึงใจไม่รู้ลืม พอหม่อมชั้นรู้ว่าเจ้าชายจะเสด็จมาประเทศไทย หม่อมชั้นจึงหาทางใกล้ชิด ชิดใกล้ อยากถวายตัวเป็นข้ารองบาทรับใช้เจ้าชายทุกอย่าง”
ปีเตอร์รู้สึกดีจึงยืดสุดๆ
“เอาล่ะ เราจะให้อภัยเธอ” ปีเตอร์บอก พัชรีดีใจ “ในฐานะที่เธอจงรักภักดีกับเรา ถ้าอย่างนั้นเธอช่วยเอา” ปีเตอร์ยื่นเอสดีการ์ดให้ “ไปกู้ข้อมูลให้เราที”
“ได้เพคะ”
พัชรีรับเอสดีการ์ดมาแล้วยิ้มร้าย

ขิงเดินเข้ามาในครัวก็เห็นยายขมกำลังทำกับข้าวจนกลิ่นฉุนไปทั้งครัว ขิงจามเสียงดัง
“ยายทำอะไร?” ขิงเข้ามาเห็นอาหารที่ยายทำ “ผัดกะเพรา ต้มยำ ผัดพริกขิง ยำวุ้นเส้น น้ำพริก โอ้โฮอาหารแซบๆทั้งนั้น นายโซ่กินไม่ได้แน่ๆเลยยาย”
“ไหนบอกอยากเรียนรู้วิถีชาวบ้านไง มันก็ต้องกินแบบชาวบ้านๆ”
“ชั้นว่าเค้าจะท้องเสียเอาน่ะสิ ยายทำไข่เจียวให้หน่อยนะ”
“ไม่ ถ้าคิดจะอยู่บ้านนี้ มันก็ต้องกินได้ เอ็งไปเก็บผักหลังบ้านไป จะได้เอามาจิ้มกินกับน้ำพริก”
ขิงไม่กล้าเซ้าซี้ต่อ เธอเดินออกไปด้วยความกังวลเพราะเป็นห่วงโซว์

โซว์กับตุ๊กออกมาเห็นอาหารวางอยู่เต็มพื้น โซว์อึ้งๆงงๆ ตุ๊กนั่งลงที่พื้นกับขิงและยายขม โซว์มองด้วยความแปลกใจ
“ไม่มีเก้าอี้เหรอครับ” โซว์ถาม
“คนไทยเค้านั่งกินกันที่พื้น ถ้านั่งกินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน!!” ยายขมว่า
ขิงลุกเดินไปหาโซว์แล้วกระซิบ “รีบนั่งเถอะ”
ขิงดึงโซว์มานั่งที่พื้น ทุกคนผลัดกันตักข้าวใส่จาน โซว์นั่งไม่สบาย เขาเห็นทุกคนกินข้าวกัน โซว์มองงงๆ เพราะเห็นมีแต่ช้อน เขาจึงหันไปกระซิบถามขิง
“แล้วส้อมล่ะ”
ขิงยังไม่ทันตอบ ยายขมได้ยินก็ชิงถามออกมา
“มีแต่ช้อน ไม่มีส้อม กินได้มั้ย”
“เอ่อ ได้ครับ” โซว์บอก
“รู้มั้ยว่าคนสมัยก่อน เค้าใช้มือกินข้าว” ยายขมทำให้ดู “อย่างนี้”
“มันไม่สกปรกเหรอครับยาย” โซว์ถาม
“ถ้ามันสกปรก ข้าคงตายไปนานแล้ว ไม่มานั่งด่าเอ็งตรงนี้หรอก อยู่ที่นี่อย่าเรื่องมาก รีบๆกินซะ อย่ามานั่งเอ้อระเหย ละเลียดกิน ที่นี่เวลาเป็นเงินเป็นทอง”
โซว์ไม่กล้าพูดอะไรต่อ เขารีบกินข้าวแล้วก็รู้สึกว่าเผ็ดมาก โซว์มองหาแก้วน้ำแต่ไม่เห็น
“น้ำ..น้ำ....”
ตุ๊กจะหันไปรินน้ำให้โซว์ แต่ยายขมเอาไม้เกาหลังตีมือ ตุ๊กถึงกับสะดุ้ง
“กินข้าวให้เสร็จแล้วค่อยกินน้ำ” ยายขมบอก
โซว์ไม่กล้า เขารีบตักน้ำแกงกินแต่ก็เผ็ดอีก โซว์หน้าแดงเหงื่อแตกพลั่ก ขิงมองโซว์ด้วยความสงสาร แต่ยายขมไม่สนใจ

โซว์ดื่มน้ำจนหมดแก้วแล้วจึงมีสีหน้าดีขึ้น
“เล่นจนหมดขวดเลยนะเอ็ง” ตุ๊กว่า
โซว์ยิ้มๆ ขิงกำลังจะเก็บจานให้โซว์แต่ยายขมเอาไม้เกาหลังตีมือดังเพียะ ขิงสะดุ้ง
“โอ๊ย ยายตีชั้นทำไม”
“ไปเก็บจานให้มันทำไม มันกินได้มันก็ต้องเก็บจานไปล้างเองได้ ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้ ก็ไปตายซะ” ยายขมว่า
โซว์ ขิง และตุ๊กเงียบเพราะไม่กล้าเถียง โซว์เอาจานคืนมาจากมือขิงแล้วหน้าแหยๆด้วยความกลัว

ขิงกับโซว์ช่วยกันเอาจานออกมาวางในกะละมัง
“ชั้นล้างเอง” โซว์บอก
“นายล้างจานเป็นด้วยเหรอ”
โซว์ยิ้มแหยๆ “ไม่เป็น เค้าล้างกันยังไงเหรอ”
ขิงยิ้ม เธอสอนโซว์ล้างจานด้วยการหยิบฟองน้ำกับน้ำยาล้างจานขึ้นมา
“นี่คือน้ำยาล้างจาน นายบีบน้ำยาลงในฟองน้ำแบบนี้ แล้วก็ถูไปบนจาน” ขิงหยิบจานขึ้นมาสาธิตให้ดู “ถูให้คราบอาหารมันหมด แล้วก็ล้างจานในน้ำเปล่า เอาขึ้นมาดูอีกทีว่าจานหายมันแล้วเหรอยัง แล้วนายก็เอาจานมาตากไว้ตรงนี้ เข้าใจ๊?”
“ง่ายๆแค่นี้ ทำได้อยู่แล้ว สบาย เธอเข้าไปเถอะ เดี๋ยวจะถูกยายดุเอา”
ขิงพยักหน้าเดินเข้าไปแล้วก็หันมามองโซว์อีกที เธอเห็นโซว์นั่งลงบนเก้าอี้ไม้เตี้ยๆ ด้วยท่าทางตั้งใจ ขิงยิ้มอย่างรู้สึกดีก่อนจะเดินเข้าไป โซว์เอาน้ำยาล้างจานบีบจนเต็มฟองน้ำแล้วหยิบจานขึ้นมาถูๆๆๆจนเกิดฟองเต็มไปหมด
“ง่ายนิดเดียว” โซว์บอก
โซว์หยิบจานขึ้นมาถูๆๆๆ แล้วก็วางๆๆกองไว้ข้างๆจนสูง โซว์ปาดเหงื่อ หยิบกองจานทั้งหมดจะใส่กะละมังล้างน้ำสะอาดแต่เพราะมือลื่น เขาจึงทำจานทั้งกองหล่นแตกดังเพล้ง!! โซว์หน้าเสีย ขิง ยายขม ตุ๊กรีบวิ่งออกมา ทุกคนตกใจ ยายขมตรงปรี่เข้ามาหาโซว์ที่ยืนหน้าซีด
“ขอโทษครับยาย” โซว์บอก
“บรรลัยหมดแล้ว!!” ยายขมว่า
“ผมจะซื้อมาคืนให้นะครับ”
“ไม่ต้อง! จานพวกนี้มันตกทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษของข้า มันหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เก็บกวาดให้เรียบร้อย แล้วต่อไปนี้เอ็งไม่ต้องล้างจานอีก!!”
ยายขมไม่พอใจมาก เธอเดินจ้ำเข้าไปในบ้าน โซว์จ๋อย ขิงกับตุ๊กมองโซว์ด้วยความเห็นใจก่อนจะเข้ามาปลอบใจ
“อย่าไปถือสายายแกเลยนะ แกก็เป็นแบบนี้ ปากร้ายแต่ใจดี” ตุ๊กบอก
โซว์ยิ้มเศร้าๆ แต่มีสีหน้ากลัดกลุ้ม

แก้วกำลังดูรูปขิงในมือด้วยสีหน้าแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก ก่อนจะวางรูปขิงไว้บนโต๊ะ
พี่....เอารักมาฝาก....เป็นความรักจาก...ชายคนหนึ่งส่งถึงทรามวัย ขอฝากหัวใจเอาไว้ ในห้องหอหัวใจของเจ้าที่เขาบูชา” แก้วร้องเพลง
ยอดโผล่หน้ามาข้างๆ “พี่เอารักมาส่ง จากชายซื่อตรงคงคำมั่นไม่ผันวาจา”
แก้วหลับตาพริ้มจับมือยอด “รักกกกกว่าน้ำดินและฟ้า หญิงทั่วทั้งโลกา ไม่ปรารถนาใครเกินรักหนักอกจนเก็บเอาไว้ไม่ไหวต้องบอกให้รู้ความนัย ข่มใจกับความเก้อเขิน ฟังนะเจ้า เขารักนงเยาว์เหลือเกิน จะกินจะนอนจะเดิน ก็ยังคิดถึงร่ำไป”
แก้วหันไปทางยอด ยอดหันมาทางแก้ว หน้าทั้งสองใกล้กันมาก แก้วลืมตาขึ้นมาเห็นยอดก็ตกใจรีบผละออก
“ฟ้าจะผ่าตายแล้วมั้ยล่ะ มาทำไม?” แก้วว่า
“มาบอกข่าวร้ายน่ะสิพี่แก้ว”
“ข่าวร้ายอะไรของเอ็ง”
“ผู้ชายที่พี่เห็นมากับน้องขิง ตอนนี้มันพักอยู่ที่บ้านยายขม ท่าทางมันกับน้องขิงคงจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันแน่ๆเลยพี่แก้ว”
แก้วฟังแล้วก็ลมหึงออกหูหน้าแดงด้วยความแค้น

ตุ๊กพาโซว์เดินเข้ามาในห้องนอนเก่าของตัวเองภายในบ้านยายขม ตุ๊กผายมือโชว์ด้วยความภูมิใจ
"แท่น..แท๊น..นี่คือห้องบรรทมของข้า"
"อะไรคือห้องบรรทม ไม่เห็นเข้าใจ" โซว์บอก
"เอ้า ก็ห้องนอนไง....สงสัยนายจะต้องเรียนภาษาไทยอีกเยอะแล้วมั้งไอ้โซ่"
โซว์มองอึ้งๆ เพราะห้องนอนของตุ๊กไม่ต่างจากห้องเก็บของเนื่องจากมีข้าวของเกี่ยวกับลิเกวางอยู่เต็มไปหมด โซว์เดินไปปาดนิ้วลงบนพื้นก็เห็นขี้ฝุ่นเต็มไปหมด
"นี่น่ะนะห้องนอน มันห้องเก็บของมากกว่ามั้ง"
ขิงพายายขมที่เดินโวยวายเข้ามา
"นอนได้ก็นอน นอนไม่ได้ก็ไม่ต้องนอน"
ขิงรีบช่วย "นอนซิจ๊ะยาย" ขิงหันไปขยิบตาให้โซว์เออออด้วย "ลำบากกว่านี้ก็เคยนอนแล้ว"
โซว์รีบบอก "นอนน่ะนอนได้ แต่จะให้นอนที่ไหนล่ะ เตียงก็ไม่มี"
ยายขมพูดเสียงดัง "ก็แหกตาดูเอาเองซิว่ามีตรงไหนให้นอน"
โซว์มองไปรอบๆ เห็นมีแต่พื้น "อย่าบอกนะว่า พื้น ...”
"ก็เออซิวะ หรือเอ็งไม่เคยนอนพื้นวะไอ้หัวแดง" ยายขมยิ้มเยาะ "ถ้าไม่เคยเอ็งก็ต้องเคยแล้วล่ะว่ะ ถ้าเอ็งไม่พอใจก็เชิญกลับไปได้ ข้าไม่ง้อเว๊ย"
"จ๊ะๆ พื้นก็ได้ ไม่เป็นไร" โซว์ยอม
"เออก็ดี อย่ามีปัญหามากข้าไม่ชอบ โน่น มุ้งอยู่โน้น กางซะ"
"กางอะไรนะยาย" โซว์ถาม
"กางมุ้ง เอาไว้สำหรับกันยุ่งกัดไง ถ้านายไม่กางรับรองคืนนี้นอนยุงหามแน่" ยายขมว่า
โซว์เอามุ้งมาดูอย่างงงๆ "แล้วจะกางยังไงล่ะ"
"เอามา เดี๋ยวข้ากางให้" ตุ๊กอาสา
"ไม่ต้องให้มันกางเอง เอ็งสองคนออกไปได้แล้ว ไปซิ"
ขิงกับตุ๊กรีบเดินตามยายขมออกจากห้องไป โซว์ยืนมองมุ้งอย่างหมดปัญญา
"แล้วจะกางยังไงละเนี่ย ...เฮ่อ ..”

ขิงและตุ๊กช่วยกันนวดแขนนวดขาให้ยายขมเพราะพยายามจะเอาใจ
"ทำไมยายโหดกับนายโซ่จัง" ขิงถาม
"นั่นซิ สงสารมันออก มันยิ่งทำอะไรไม่ค่อยเป็นอยู่ด้วย" ตุ๊กเสริม
"ทำไม่เป็นก็ต้องหัดทำซิวะ พวกเอ็งสองคนก็ไม่ต้องไปรับใช้มันมาก แค่นี้พวกฝรั่งก็ชอบเห็นคนไทยเป็นทาสมันอยู่แล้ว"
"เกลียดฝรั่งไม่หายเลยนะแม่" ตุ๊กว่า
"เออซิวะ ..ก็เพราะไอ้พวกต่างชาติพวกนี้ไม่ใช่เหรอ ที่ทำให้คนไทยแทบจะไม่เป็นชาติ ที่ลิเกข้าไม่มีคนดู ก็เพราะมัวแต่ไปบ้าดูซีร่ง ซีรี่ส์อะไรก็ไม่รู้"
"แต่ก็เพราะคนพวกนี้นะจ๊ะ ที่ทำให้ชั้นหาเงินส่งมาให้ยายได้ ..ว่าแต่ตอนนี้หนี้มันหมดลงไปบ้างรึยัง" ขิงถาม
"ยัง" ยายขมตอบ
ตุ๊กโวย "อะไรกันอ่ะแม่ เงินส่งมาให้ตั้งเยอะตั้งแยะ มันหายไปหมด แม่นี่ใช้ไม่ได้ สอนไม่รู้จักจำ ว่าถ้าได้เงินมา ก็ต้องอดต้องออม ไม่ใช่เอาไปใช้สุรุ่ยสุร่าย"
ยายขมเคลิ้ม "ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ"
"ไม่ต้องแก้ตัว เดี๋ยวปั๊ด...”
ยายขมตบหัวตุ๊กดังผัวะ! "เดี๋ยวปั๊ดอะไร หนอยยย ข้าเป็นแม่เอ็งนะ ไม่ใช่ลูก เดี๊ยะเหอะ!”
ตุ๊กยิ้มแหยๆ "แฮ่ๆๆ ฉันล้อเล่น ขำขำ"
"แต่ข้าไม่ขำเว๊ย!”
"แล้วตกลงเงินที่ฉันส่งมาให้ มันหายไปไหนจ๊ะยาย อย่าบอกนะว่ายายไปค้ำประกันคนอื่นอีกแล้ว" ขิงถาม
ยายขมหน้าแหย "ก็ข้า ...”
โซว์เสียงดังขึ้นมา "โอ๊ย...ช่วยด้วย !!!”
ตุ๊ก ขิง และยายขมมองหน้ากันด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบลุกแล้ววิ่งออกไปดูทันที

ตุ๊ก ขิง และยายขมวิ่งเข้ามาในห้อง ทั้งสามเห็นโซว์นอนกลิ้งอยู่บนพื้นโดยมีมุ้งพันตัวรอบเหมือนมัมมี่เพราะแกะไม่รอด โซว์พยายามดิ้นเอาตัวออกมาแต่ก็ทำไม่ได้
"ช่วยด้วย เอาชั้นออกไปที"
ตุ๊กเกาหัว "พันขนาดนี้จะเอาออกยังไงวะเนี่ย ...เฮ่อ ให้ตายซิคนเรา"
ขิงเป็นห่วง "เอาไงดีจ๊ะยาย"
"ก็ช่วยกันตัดออกซิ ข้าไม่อยากจะมีผีมัมมี่อยู่ในบ้านนะเว้ย" ยายขมว่า
ขิงและตุ๊กรีบไปหากรรไกรมาช่วยกันตัดๆๆๆ จนโซว์ออกมาจากมุ้งได้ ขิงกับตุ๊กถึงกับหอบไปตามๆ กัน
"มาอยู่บ้านข้าไม่กี่ชั่วโมง สร้างความฉิบหายวายป่วงไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ๆ เงินก็ไม่มีแถมยังเจอพวกล้างพวกผลาญอีก ทำไมถึงได้ซวยอย่างนี้" ยายขมบ่น
โซว์ยกมือไหว้ "ชั้นขอโทษจ๊ะยาย แล้วชั้นจะซื้อมาใช้คืนยายทีหลังนะ"
"นายมีเงินเหรอ" ขิงถาม
"ไม่มี" โซว์ตอบ
"งั้นก็ไต้องมาพูดเลย แล้วก็จำไว้นะ ถ้าอะไรทำไม่ได้ก็ถาม จะได้ไม่เดือดร้อน แล้วทีนี้จะนอนยังไงละเนี่ย มุ้งก็ไม่มีแล้ว" ขิงถาม
"ไอ้ตุ๊ก แกเอามุ้งแกให้ไอ้หน้าวอกมัน" ยายขมสั่ง
"เอ้า แล้วชั้นล่ะ จะเอาที่ไหนนอน ผิวชั้นมันเซ้นซีทีฟนะแม่ มันโดนยุงโดนแมลงกัดไม่ได้"
ยายขมยกขา "แหมเซ้นซีทีฟ เดี๋ยวข้าจะถีบให้"
ตุ๊กรีบจับขายายขมเอาไว้
"ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้น่าแม่" ตุ๊กเกาเท้าให้ยายขม "ใจเย็นๆนะแม่นะ"
ยายขมบ้าจี้ "ฮ่าๆๆๆ ตุ๊ก หยุดนะเว๊ย หยุด ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ"
ตุ๊กได้ทีรีบเกาเท้ายายขมไม่หยุด ยายขมทนไม่ไหวจึงเอาเล็บข่วนหน้าตุ๊ก
"อ๊ากกกก อ๊าก แม่อ่ะ หน้าชั้นหมดหล่อแล้ว"
ยายขมเดินปึงปังออกไป ขิงรีบเดินตาม ตุ๊กหันไปค้อนโซว์ด้วยความโกรธ
"เพราะเอ็งคนเดียว ทำข้าซวยไปด้วย"
โซว์พูดไม่ออก ตุ๊กจะเดินออกไป แต่เขากลับสะดุดมุ้งจนล้มหน้าคว่ำกระแทกพื้น โซว์หลับตาปี๋
"อ๊าก อ๊าก...ฮือๆๆ" ตุ๊กร้องลั่น

โซว์และตุ๊กในชุดนุ่งผ้าขาวม้าเดินมาที่ตุ่มหลังบ้าน
"เดี๋ยวเราจะอาบน้ำกันที่นี่ ..นี่เค้าเรียกว่าตุ่มเอาไว้เก็บน้ำ" ตุ๊กอธิบาย
"อ๋อ ตุ่มใส่น้ำ"
ตุ๊กหันไปเตรียมขัน สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน และแชมพู
"คนไทยเราใช้ตุ่มเอาไว้เก็บน้ำ เอาไว้ใช้หลายอย่าง ทั้งอาบน้ำ ทำอาหาร ล้างจาน โอ๊ย สารพัด เค้าเรียกว่าเป็นตุ่มสารพัดประโยชน์ ..อาบน้ำไหนๆไม่เย็นสบายเท่าอาบน้ำตุ่มแล้ว"
ตุ๊กเตรียมของเสร็จก็หันหลังกลับมาจะเอาของยื่นให้โซว์ แต่พบว่าโซว์ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
"เอ้า !! ไปไหนของมันวะ เมื่อกี้ก็พูดอยู่ดีๆ"
โซว์โผล่หัวขึ้นมาจากตุ่ม
"ชั้นอยู่นี่"
"จ๊ะเอ๋!" ตุ๊กนึกขึ้นได้ "ไอ้บ้า แกลงไปในตุ่มทำไมวะ"
"เอ้า..ก็อาบน้ำไง ..ก็ตุ่มไว้อาบน้ำ เหมือนอ่างน้ำ ดีนะเนี่ย สบ๊าย..สบาย น้ำก็เย็นชื่นใจ"
"สบายแกแต่ซวยชั้น ...รีบออกมาก่อน เวรเอ๊ย ขี้ไคลเต็มตุ่มหมดแล้ว โธ่ๆๆๆ เดี๋ยวแม่มาเห็นแกซวยแน่"
"ทำไมต้องซวย ชั้นทำอะไรผิดอีกล่ะ"
"ผิดซิ ผิดมากเลย ตุ่มน่ะเค้าเอาไว้เก็บน้ำ เวลาจะใช้ก็ค่อยตักเอาทีละขัน" ตุ๊กโชว์ขันให้ดู "นี่ไงขัน รู้จักมั้ยเนี่ย"
"ฮ่าๆๆๆ" โซว์ชูขันขึ้นมา "น่ะเหรอ"
"อะไรของเอ็งวะ"
"ก็ขำ..ฮ่าๆๆๆ" โซว์ชูขันขึ้นมา "ขึ้นไงล่ะ"
"ฮ่าๆๆๆ เออ ขำ.." ตุ๊กเอาขันตีหัวโซว์ "ขัน! ตกลงเอ็งนี่มันเก่งหรืออ่อนภาษาไทยกันแน่วะ"
"เอาตัวลงแช่ในน้ำแบบนี้ มันก็สบายดีนะ ไม่เชื่อลองดูสิ" โซว์ก้าวออกมาจากตุ่ม "ลองดูสิน้า เชื่อชั้น"
โซว์ดันตัวตุ๊กให้ลงไป ตุ๊กตัดสินใจลงไปแช่ในตุ่มแล้วก็รู้สึกดี
"เออ รู้สึกดีจริงๆด้วย เย็นสบ๊ายสบาย"
"เห็นมั้ยชั้นบอกแล้ว"
โซว์ชะงักเพราะเห็นยายขมเดินมาทางข้างหลังตุ๊ก โซว์พยายามจะเตือนตุ๊ก
"เออ น้าตุ๊ก...ชั้นว่าขึ้นมาได้แล้ว"
"อะไรวะ ทีเอ็งยังแช่อยู่ได้ตั้งนานสองนาน ก็ให้ข้าแช่นานๆหน่อยสิวะ รอไม่ได้เหรอไงห๊ะ" ตุ๊กว่า โซว์พยายามจะบอก "ยังจะมาเร่ง ข้าไม่ออกเว๊ย คนกำลังลัลล้า มีความสุข ไอ้นี่!! ไปไป..ไปรอตรงโน้นเลยไป"
ยายขมถามด้วยเสียงเอาเรื่อง "แน่ใจว่าจะไม่ออก !!”
ตุ๊กหน้าซีด โซว์ยิ้มแหย
"นี่แหละที่ชั้นจะบอก" โซว์พูด
ตุ๊กหันไปเห็นยายขมยืนเท้าสะเอวมองมาด้วยท่าทางโกรธจัด โดยที่ขิงส่ายหน้าด้วยความระอาอยู่ใกล้ๆ
โซว์รีบแก้ตัวแทนตุ๊ก "ยาย ยายอย่าด่าน้าตุ๊กเลยนะ น้าตุ๊กไม่ได้ตั้งใจ ชั้นเป็นคนให้น้าตุ๊กลงไปแช่ในตุ่มเอง" ยายขมนิ่ง โซว์ดีใจหันไปทางตุ๊ก "เห็นมั้ยน้า ยายไม่เห็นด่าเลย"
"เออ อย่างกูไม่ด่าหรอก แต่กูจะฆ่ามึง" ยายขมเสียงดุ
โซว์ตกใจรีบก้าวออกมาเกือบไม่ทัน อารามรีบร้อนผ้าขาวม้าของโซว์หล่น ทุกคนมองด้วยความตกใจ
ขิงตกใจ "อ๊าย !!!!”
ยายขมรีบเดินไปปิดตาขิง แต่ตาตัวเองกลับเบิกโต โซว์รีบเอาผ้าขาวม้าขึ้นก่อนจะมองทุกคนอย่างอายๆ

ขิงนั่งตาโตและทำตาปริบๆ เธอยังรู้สึกเขินๆ ส่วนโซว์ได้แต่นั่งก้มหน้าเพราะอาย
"แกไอ้หน้าวอก ด่ายังไม่ทันขาดคำ แกก็ทำระยำตำบอนอีก ไปเลยนะ คืนนี้แกต้องไปตักน้ำมาใส่ตุ่มให้เต็มตามเดิม ไม่เต็มไม่ต้องนอน" ยายขมสั่ง
"ยายจ๋า นี่มันดึกแล้วนะ" ขิงบอก
"ดึกก็ต้องไป ไม่งั้นพรุ่งนี้พวกเราจะเอาอะไรใช้"
"งั้นชั้นไปช่วย" ตุ๊กอาสา
"พวกแกสองคนไม่ต้องไปคิดช่วยมันเลยนะ ให้มันไปตักเองหรือไม่ก็ออกไปจากบ้านนี้ เลือกเอาจะเอาอย่างไหน"
โซว์มองหน้ายายขมจ๋อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบกระป๋องน้ำแล้วเดินออกไป ตุ๊กกับขิงมองตามด้วยความสงสาร

โซว์พยายามตักน้ำจากบ่อหลังบ้านไปใส่ตุ่ม เขาตักไปทำน้ำหกเรี่ยราดเต็มพื้นไป พอเดินมาถึงตุ่มโซว์ยกถังจะเทแต่ก็แทบจะไม่เหลือน้ำในถัง โซว์ได้แต่ถอนใจ เขารู้สึกเหนื่อยแต่ก็กลับไปทำโดยไม่บ่น ขิงกับตุ๊กแอบดูด้วยความสงสาร
"กลับกันเหอะ เดี๋ยวแม่เห็นพาลลงมาด่าพวกเราอีก" ตุ๊กบอกหลานสาว
"ตักแบบนี้อีกกี่ปีถึงจะเต็มก็ไม่รู้ น้า..เราไปช่วยเค้าเหอะ"
"ไม่ช่วยเว๊ย เพราะมันเกือบทำข้าซวยไปด้วย แล้วอีกอย่างข้าก็ง่วงแล้ว"
ขิงบ่น "ทีหลอกเอาเงินเค้ามาตั้งเยอะยังทำได้ แค่ช่วยเค้าแค่นี้ทำเป็นคนไม่มีน้ำใจ ใจร้าย ใจดำ ใจทราม ใจหมา"
"บรู้ววววว เฮ้ย ข้าเป็นน้าเอ็งนะเว๊ย ด่าอยู่ได้"
"ถ้าน้าไม่ช่วยชั้นไปช่วยเองก็ได้"
"ทำไมเอ็งต้องดูแลมันขนาดนี้ด้วยวะ ไอ้ขิง"
"อ้าว ก็ถ้าไม่ดูแล เกิดมันตายไป หรือเบี้ยวไม่จ่ายเงิน ชั้นก็ชวดเงินห้าหมื่นน่ะซิ"
"เออ จริงด้วย"
ตุ๊กพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะรีบเข้าไปช่วยโซว์

ยายขมยืนมองขิงและตุ๊กที่กำลังช่วยโซว์ตักน้ำอยู่ที่หน้าต่าง ยายขมส่ายหน้าอย่างเอือม ๆ
"แค่นี้ก็ต้องไปช่วยมันด้วย ไม่ไหวจริงๆ"
ยายขมเดินกลับมานั่งบนเสื่อ เธอมองชุดลิเกที่แขวนเรียงรายอยู่ในห้อง ยายขมค่อยๆเอามือไปลูบชุดลิเกเหล่านั้นด้วยความหวงแหนก่อนจะน้ำตาไหลออกมา
"นี่จะต้องเลิกเล่นแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย"
ยายขมรีบเช็ดน้ำตาเพราะไม่อยากให้ใครเห็นว่าตัวเองไม่เข้มแข็ง ยายขมพยายามทำเข้มแข็ง
"ไม่ได้เว้ย !!! จะตัดอะไรก็ต้องตัดให้ขาด ไม่อย่างนั้นเสียชื่อยายขมหมด"
ยายขมทำเป็นเก่งก่อนจะหยิบชุดลิเกเหล่านั้นเก็บลงกล่องทันที

ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 3 (ต่อ)
เมืองเพชรบุรียามเช้า พระหลายรูปออกเดินบิณฑบาต ผู้คนมากมายรอตักบาตร ตลาดยามเช้าคลาคล่ำไปด้วยพ่อค้าแม่ขาย คนถีบสามล้อ ร้านขายโอยั๊วกับปาท่องโก๋
ขิงเอาอาหารเช้าออกมาวางในวงกินข้าวก่อนจะชะเง้อมองไปที่ห้องที่โซว์นอน เธอยังไม่เห็นโซว์ออกมา ยายขมที่นั่งเหล่อยู่รีบเอาไม้เกาหลังเขกหัวขิง
"เป็นสาวเป็นนาง รู้จักสำรวมกิริยาไว้มั่ง กินข้าวได้แล้ว..”
"ยายไม่รอนายโซ่เค้าหน่อยเหรอ" ขิงถาม
"รอทำไม"
"งั้นเดี๋ยวชั้นไปปลุกก็ได้" ตุ๊กบอก
ตุ๊กจะลุกเดินออกไป ยายขมรีบเอาไม้เกาหลังตีเข้าที่ตาตุ่มของตุ๊กจนเขาร้องโอดโอย
"ห้ามใครไปเรียกมันทั้งนั้น ถ้ามันตื่นมากินข้าวเองไม่ได้ ก็ไม่ต้องกิน ใครคิดจะไปปลุกโดนแน่ !”
ยายขมหยิบไม้เกาหลังขึ้นมาขู่ไว้ ตุ๊กกับขิงไม่กล้า ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกดังโวยวายมาจากข้างนอก
"ยู้ฮู มีใครอยู่มั๊ย??”
ยายขม ตุ๊ก และขิงมองหน้ากันด้วยความตกใจ

ขิง ตุ๊ก และยายขมเดินออกมาจากบ้านก็เห็นเก่ง แก้ว และยอดยืนอยู่หน้าบ้าน ทันทีที่แก้วเห็นขิงเขาก็ดีใจรีบเข้าไปหา
"นึกว่าน้องขิงของพี่จะหลงแสงสีไม่กลับมาบ้านนอกซะแล้ว"
"ถ้ากลับมาแล้วต้องมาเจอคนอย่างนาย ก็ไม่อยากกลับมานักหรอก" ขิงว่า
แก้วเชยคางขิง "ปากร้ายเหมือนเดิมนะจ๊ะน้องขิง"
ตุ๊กรีบเอามือแก้วออก
"นี่ทำอะไรเกรงใจหัวหงอกหัวดำกันมั่ง อย่าถือว่าเป็นลูกกำนันแล้วมาทำเบ่ง ข่มเหงคนอื่นนะ" ตุ๊กว่า
"ไอ้แก้ว! เสียมารยาท จะทำอะไรก็รักษาหน้าพ่อบ้างเว้ย" เก่ง กำนันประจำหมู่บ้านบอก
"จ๋าจ๊ะพ่อ" แก้วเข้าไปบีบนวดเก่ง
"แล้วนี่พวกเอ็งมาทำไมตั้งแต่ไก่โห่วะ มารยาทน่ะมีกันมั้ย" ยายขมถาม
"แหมพี่ขมจ๋า...พูดจากันดีดีก็ได้นี่จ๊ะ" เก่งย้อน
ยายขมเงื้อไม้เกาหลังจะตีหัว "เพื่อนเล่นเอ็งเหรอ?”
"ชะอุ้ย!!" เก่งรีบจับแขนยายขม "เย็นไว้จ๊ะ เย็นไว้ ฉันกำนันเก่งลูกยัยปลิกกับตาเหม่ง" เก่งร้องลิเก แก้วกับยอดปรบมือให้จังหวะ "หลานปู่คงกับย่าชื่น พี่นายก้อง น้องนางก้อย"
"เวยยยย!! พอแล้ว มีอะไรก็พูดมา" ยายขมตัดบท
"ชั้นเห็นลูกชายกับหลานสาวยายกลับมาแล้ว ก็เลยว่าจะมาทวงดอกยายหน่อย" เก่งบอก
ยายขมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ "ดอกอะไรของแกวะ"
"ดอกจำปี" แก้วพูด
"ไม่มี" ตุ๊กรับ
"ดอกจำปา" ยอดต่อ
"ไม่มา" ตุ๊กรับ
"แล้วดอกเบี้ยล่ะ" เก่งถาม
"เอาไปดาวน์รถหมดแว๊ว" ตุ๊กบอก
"เฮ!!!!” ยอดรับ
ทั้งหมดสะดุ้ง
"ตุ๊กมันพูดเล่น ดอกเบี้ยข้าไม่มีหรอก" ยายขมบอก
"ยายจะมามั่วๆแบบนี้ไม่ได้นะ มันนานแล้วที่ยายไม่ได้จ่ายหนี้ ชั้นว่ายายน่าจะใช้ชั้นมาบ้างนะ" เก่งบอก
"ก็คนมันไม่มีจะให้เอาที่ไหนมาคืนวะ อย่าหน้าเลือดไปหน่อยเลย" ยายขมว่า
"ก็ไม่อยากจะหน้าเลือดนะ แต่ถ้ายายหน้าหนาไม่ยอมคืนเงินชั้นละก็ เห็นทีจะต้องยึดที่นากันบ้างแล้วล่ะ"
ยายขมโมโหจึงเอาไม้เกาหลังเขกหัวเก่ง แก้ว และยอดอย่างแรง เก่ง แก้วกับยอดร้องลั่น
"ฉันเป็นกำนันนะยาย ยายมาตีหัวฉันได้ยังไง!" เก่งโมโห
"ต่อให้เป็นนายกฯ ถ้าข้าไม่พอใจ ข้าก็จะตีตีตี"
ยายขมไล่ตีเก่ง แก้ว และยอด ทั้งสามคนวิ่งหนีกันอย่างวุ่นวาย

โซว์นอนอยู่ในห้อง เขาได้ยินเสียงคนทะเลาะกันก็ตกใจตื่น ที่ด้านนอกตัวบ้าน เก่งจับไม้เกาหลังในมือยายขมแล้วก็ยื้อแย่งกันไปมา ยายขมดีดมะกอกใส่เก่งจนเขาต้องปล่อยมือ
"ถ้าพวกเอ็งอยากจะมายึดที่นาข้าก็มาเลย แต่ต้องข้ามศพข้าไปก่อนนะเว้ยไอ้กำนันหน้าเลือด"
"ยายคิดว่าผมไม่กล้างั้นเหรอ อย่าลืมนะยายว่าผมมีสิทธิ์ทำทุกอย่าง เพราะผมมีสัญญาเงินกู้" เก่งขู่
โซว์ลุกขึ้นยืนมองยายขิงกำลังทะเลาะกับกำนันเก่ง
"สัญญาเงินกู้หน้าเลือด ดอกเบี้ยบานอย่างกับดอกเห็ด ใครจะมีปัญญาใช้คืนวะ" ยายขมว่า
"ถ้ายายใช้คืนไม่ได้ พ่อผมก็ต้องยึด" แก้วบอก
"ก็ลองมายึดซิวะ !!”
ยายขมทำท่าทางจะไปเอาเรื่องกำนัน ขิงกับตุ๊กต้องช่วยกันจับไว้ โซว์เห็นท่าว่าจะมีเรื่องก็รีบออกไปดู

โซว์เดินออกมาจากบ้าน แก้วกับยอดถอยผงะเพราะไม่อยากมีเรื่องกับยายขม
"พวกเรามายึดแน่ ยายเตรียมตัวไว้เถอะ" เก่งขู่
ยายขมเท้าสะเอวพูด
"เออ ...แล้วข้าจะคอย"
เก่ง แก้วกับยอดโกรธมากที่ทำอะไรไม่ได้ ทั้งสามรีบกลับไป แก้วพยายามมองโซว์ที่เดินออกมา เขาเห็นโซว์อยู่ในชุดนอนก็ไม่พอใจ แก้วปราดเข้าไปกระชากเสื้อโซว์จะเอาเรื่องทันที เก่งกับยอดตกใจ
"ไอ้หัวแดง แกกล้าเจาะไข่แดงน้องขิงของข้าเหรอ"
ขิงได้ยินก็โมโหจึงหันไปเอาไม้เกาหลังของยายขมมาตีหัวแก้วไม่ยั้ง
แก้วเจ็บ "โอ๊ย ๆๆๆๆ น้องขิงอย่าทำพี่แก้ว"
"กลับไปเลยนะ แล้วอย่ามาพูดจาพล่อยๆแบบนี้อีก" ขิงไล่
"น้องขิง...ไม่ได้เป็นผัวเมียกับไอ้หัวแดงนี่เหรอ" แก้วถาม
"จะเป็นได้ยังไง เค้าเป็นเพื่อนชั้น" ขิงบอก
"เป็นเพื่อน ..ถ้าไม่ใช่ผัว น้องขิงของพี่ก็ยังไม่ได้ ถูกเจาะ"
"ไอ้บ้า !!!" ขิงจะเอาไม้ตีหัวอีก "อยากกลับ หรืออยากตาย"
"ถ้าอยากตายแล้วเกิดใหม่มาคู่กับน้องขิงจะได้มั้ยจ๊ะ"
"ไอ้แก้ว" ขิงโมโห
ขิงทำท่าเอาจริง แก้วตกใจกลัวจึงรีบวิ่งมาหลบหลังเก่งทันที ทำให้ขิงที่กำลังจะตีแก้วด้วยไม้เกาหลังทำไม้จิ้มเข้าไปในตาขวาของเก่งเต็มๆ
"จ๊ากกก!!” เก่งร้องลั่น
ขิงตกใจรีบเอาไม้เกาหลังยัดใส่มือยายขมที่ยืนเหวอ
"อ้าวเฮ้ย!! โยนขี้กันเห็นๆ" ยายขมว่า
เก่งเจ็บจนแค้น
"ครั้งหน้านอกจากฉันจะมาเอาดอกจากยายแล้ว ฉันจะมาเบิกค่ารักษาพยาบาลด้วย กลับเว้ย!!”
เก่ง แก้ว และยอดเดินออกไป ยายขมตะโกนไล่หลัง
"มาไม่กลัว กลัวไม่มาเว้ย!”
ตุ๊กกลัวจึงรีบพาโซว์หลบ
"ผู้หญิงบ้านนี้นี่ ทำไมมันดุอย่างนี้วะ รีบเผ่นเถอะว่ะ" ตุ๊กบอกโซว์
โซว์เดินเข้าไปหายายขม "ยายเป็นหนี้พวกนั้นเท่าไหร่เหรอครับ ผมจะช่วยใช้ให้"
ยายขมเอาไม้ตีหัวโซว์ "ช่วยงั้นเหรอ นอนตะวันส่ายโด่ ตื่นสายจะไปช่วยอะไรใครได้ห๊า...”
โซว์รีบหลบ "โอ๊ย ยาย ผมเจ็บ .....นะ โอ๊ย"
โซว์วิ่งหลบไม้เกาหลังยายขม ตุ๊กได้แต่มองแล้วส่ายหน้า
"อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องแต่เช้าเลยนะ ไอ้โซ่ ...เฮ่อ ...!!”

โซว์จับหัวตัวเองเพราะเจ็บหัว ขิงมองแล้วส่ายหน้าก่อนจะตักข้าวยื่นให้โซว์
"เหลือแค่นี้แหละ ยายบอกให้เอาไปให้หมากินให้หมดแล้ว"
โซว์หยิบข้าวขึ้นมากินด้วยท่าทางหิวมาก
"ทำไมยายคุณต้องมาดุอะไรกับผมนักหนา ผมอุตส่าห์หวังดีอยากช่วย"
"นายจำไว้เลยนะ ผู้ใหญ่ยังไงเค้าก็ไม่อยากให้เด็กอย่างพวกเราไปยุ่งเรื่องเงินของเค้า ถ้านายอยากจะช่วย ก็ไม่ควรไปพูดโพล่งอย่างนั้น มันน่าเกลียด" ขิงบอก
โซว์รู้สึกผิด "อ๋อ ..”
"แล้วนายก็จำไว้ด้วยนะ ว่ามาอยู่บ้านนี้ มันก็มีกฎ"
โซว์หน้าเสีย "กฎอะไรอีกล่ะ"
"ห้ามตื่นช้ากว่าหกโมงเช้า ตื่นแล้วก็ต้องลงมาช่วยขนน้ำไปไว้ในห้องน้ำ แล้วก็ต้องรีบไปช่วยยายทำอาหารสำหรับตักบาตร แล้วต้องช่วยยายขนไปไว้หน้าบ้าน รอจนยายตักบาตรแล้ว ก็ต้องเข้าไปช่วยทำอาหารเช้า ตั้งโต๊ะ แล้วต้องรอให้ยายอนุญาตก่อนถึงจะกินข้าวได้ แล้วระหว่างกินข้าวก็ห้ามคุย"
"โอ๊ย !! ทำไมกฎมันเยอะอย่างนั้น นี่ยังไม่จบอาหารเช้าเลยมีกฎตั้งกี่ข้อแล้วเนี่ย ไว้เธอค่อยๆสอนชั้นทีละนิดๆแล้วกัน ชั้นสัญญานะว่าจะพยายามปรับตัวไม่ให้ยายเธอต้องเดือดร้อน"
โซว์มองหน้าขิงแล้วยิ้มอย่างจริงใจ ขิงเห็นรอยยิ้มโซว์ก็ถึงกับเขินจนต้องเดินผละออกไปทันที โซว์มองขิงอย่างงงๆ เพราะไม่เข้าใจว่าเธอเป็นอะไร

แก้วนั่งหงุดหงิดอยู่หน้าบ้าน
"น้องขิงนะน้องขิง ทำไมต้องเข้าข้างมันขนาดนั้นด้วย รู้มั้ยว่ามันทำให้พี่แก้วต้องเจ็บ"
ยอดตบหน้าแก้วดังผัวะ!!!
"ยอด!! ตบหน้าข้าทำไมวะ" แก้วงง
"ยุงจ๊ะพี่ยอด จะว่าไปนายหน้าวอกมันก็หล่อขนาดนั้น เทียบกับพี่แล้ว ผู้หญิงที่ไหนก็ต้องเข้าข้างมัน จมูกโด่ง ตาโต ปากบาง ผิวขาว เห็นแล้วสยิวกิ้ว" ยอดเผลอทำท่าสาว
"ยอด!!ตกลงเอ็งเป็นกะเทยหรือว่าผู้ชายห๊ะ" แก้วถาม
"กะเทยฮ้า"
แก้วกับยอดร้องออกมาพร้อมกัน"เยยยย!!!”
"พี่แก้วอ่ะ ชั้นแค่เคลิ้มไปนิดเดียว แต่มันหน้าตาดีจริงๆนะเพ่"
"นี่แกหาว่าข้าหล่อสู้มันไม่ได้เหรอ"
ยอดตอบทันที "จ๊ะ"
"ยอด!”
"ยอดจะบอกว่าพี่แก้วหล่อสู้มันได้อยู่แล้ว แต่จะว่าไปถ้าเปรียบหน้าไอ้หัวแดงนั่นเป็นฟ้าสูง หน้าพี่ก็เป็นดินต่ำเท่านั้นเอง"
ยอดหัวเราะชอบใจ แก้วโมโหถีบยอดจนกระเด็น ยอดจุกและหัวเราะไม่ออก แก้วยืนขึ้นมองไปทางยอดด้วยความโมโห
"จำไว้นะไอ้แก้ว หมู่บ้านนี้จะมีผู้ชายหน้าตาดีได้คนเดียวเท่านั้นก็คือข้า ...ส่วนคนอื่น...”
แก้วเด็ดใบไม้ที่อยู่ใกล้มือขึ้นมาขยำจนแหลกก่อนจะหัวเราะด้วยความสะใจ

ปีเตอร์ยื่นเอสดีการ์ดให้พนักงาน พนักงานรับมาพิจารณาดู
"พอจะซ่อมได้มั้ย" พัชรีถาม
"ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ" ปีเตอร์ตอบ
"พัชรีถามพนักงาน ไม่ได้ถามเจ้า..เออ คุณนะคะ ตอบทำไม?”
"ลืมตัวน่ะ" ปีเตอร์บอก
"มันต้องลองดูก่อนน่ะพี่ว่าซ่อมได้ป่าว" พนักงานพูด
ปีเตอร์พูดอย่างเอาเรื่อง "แค่ลองไม่ได้ นายต้องทำให้สำเร็จ เข้าใจมั้ย"
พนักงานมองปีเตอร์ด้วยความกลัวสุด ๆ พัชรีรีบเข้าไปห้าม
"ใจเย็นเพคะ เจ้าชาย เอ๊ย คุณ...แล้วมันต้องใช้เวลานานมั้ย" พัชรีถาม
"ก็คงซัก 2-3 ชั่วโมงมั้งครับ"
"งั้นเดี๋ยวพัชรีมาเอาให้นะเพคะ"
ปีเตอร์หวงขึ้นมาทันที "ไม่ได้เราจะมาเอาเอง"
พัชรีทำเป็นงอน "อ๋อ รู้แล้วว่าเจ้าชายไม่ไว้ใจพัชรีนี่เอง ตามใจเพคะ อยากมารับเองก็ได้ แต่มาเองนะเพคะ พัชรีไม่ขอยุ่งอีกแล้ว"
พัชรีทำท่างอนจะเดินออกไป ปีเตอร์รีบเข้าไปห้าม
"โธ่ งอนได้งอนดี ...เอาเถอะอยากมารับก็มารับ แต่เธอต้องสัญญาว่าจะไม่พยายามอยากรู้ว่าข้างในมีอะไร"
"ไม่มีปัญหาเพคะ พัชรีไม่อยากรู้อยากเห็นอะไรทั้งนั้น"
พัชรีตาโตเพราะอยากรู้อยากเห็นสุดๆ

ขิงกำลังขูดมะพร้าวโดยใช้กระต่ายขูดมะพร้าวอยู่ในครัว ยายขมกำลังเจียนใบตองสำหรับห่อขนม ในขณะที่ตุ๊กกำลังใช้ไม้พายคนหม้อกะทิ โซว์เดินเข้ามาในบ้าน เขาทำจมูกฟุดฟิดๆ ก่อนจะเดินไปเปิดลังถึงที่มีขนมตาลอยู่เต็มออกดู
โซว์สูดกลิ่น "หอมจังเลย กลิ่นหอมลอยฟุ้งไปทั่วบ้านเลย ทำอะไรกันเหรอ"
ยายขมตอบเสียงห้วนๆ "ก็ทำขนมน่ะซิ ตาไม่มีดูรึไง"
โซว์เดินเข้าไปหายายขมก่อนจะหยิบใบตองขึ้นมา "ให้ชั้นช่วยนะ"
ยายขมตีมือโซว์แล้วเอาใบตองคืนมา "ไม่ต้อง สกปรก"
โซว์หน้าจ๋อยไป ขิงแอบมองด้วยความสงสาร
"เอาอย่างนี้แล้วกันนะจ๊ะยาย ให้นายโซ่เค้ามาช่วยโขลกถั่วแล้วกันนะจ๊ะ พวกงานที่ต้องใช้แรงงานน่ะ ให้เค้าช่วยทำเถอะ จะได้เสร็จเร็วๆ"
ยายขมมองโซว์ที่ยังนั่งหน้าจ๋อย "เอ้า แล้วจะมานั่งบื้ออยู่ทำไมล่ะ รีบไปทำซิ เวลายิ่งเป็นเงินเป็นทองอยู่"
โซว์ดีใจรีบเดินไปนั่งข้างๆ ขิง ขิงช่วยเอาครกออกมาให้ก่อนจะเอาถั่วตักมาให้โซว์ตำ โซว์ลองหยิบสากตำ แต่ก็ตำไม่เป็นถั่วจึงกระเด็นออกมา ขิงต้องช่วยเก็บกลับมาให้ใหม่ โซว์ตำถั่วไม่คล่อง ยายขมแอบเหล่มองขิงและโซว์อย่างไม่ค่อยพอใจ
ยายขมพูดเสียงเขียว "นี่ถามจริงเหอะวะไอ้หน้าวอก แกคิดว่าแกเป็นเจ้าชายมาจากเมืองไหนวะ ถึงได้ทำตัวไม่ติดดินกะอีแค่ตำถั่วในครกก็ตำไม่ได้"
"เอาล่ะไหนๆยายก็รู้แล้ว ชั้นจะบอกยายก็ได้ว่า ชั้นน่ะเป็นเจ้าชายมากจาก ...” โซว์กำลังจะบอกแต่ตุ๊กแทรกขึ้น
"โดนหลอกด่าแล้วยังไม่รู้ตัวอีกไอ้โซ่"
โซว์ยืนยัน "แต่ชั้นเป็นเจ้าชายจริงๆนะ"
ยายขมหัวเราะ "เออก็ดีนะ แหม..พอดีข้าขาดเจ้าชายอยู่พอดีเลย เอ๋..จะให้เป็นเจ้าชายอินทรชิต หรือเจ้าชายฟ้าลั่นป่านแดงดีหว่า ข้าจะได้พาขึ้นโรงลิเกข้าซะเลย" ยายขมหัวเราะเยาะ
โซว์สนใจ "ลิเก ?? ลิเกที่ยายว่ามันคืออะไรเหรอ"
"ไม่ต้องมาถามหรอก พูดไปจนเหงือกแห้ง พวกหัวแดงอย่างแกไม่เข้าใจหรอก"
"แต่ว่าชั้น ..”
"เอ๊ะ ยังจะมาเซ้าซี้อีก ไปไกลๆเลยเห็นผมสีทองของแกแล้วมันแสบตา นังขิง เอาไอ้โซ่ไปไกลๆข้าเลยไป๊"
ยายขมรีบหันหลังหนีโซว์ด้วยความรำคาญ โซว์มองยายจ๋อยๆ เพราะไม่เข้าใจว่าทำอะไรผิด ขิงเห็นสถานการณ์ไม่ดีจึงรีบพาโซว์ออกไปจากห้อง ยายขมแอบหันมามองโซว์แบบค้อนๆ เพราะหมั่นไส้
"เชอะ !! ทำเป็นจะมาอยากรู้เรื่องลิเก ไม่ต้องมาเอาใจซะให้ยาก"
ยายขมหันกลับไปตัดใบตองอย่างโกรธๆ ตุ๊กได้แต่ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจเพราะสงสารโซว์

โซว์เดินถือครกตำถั่วออกมาอย่างจ๋อยๆ ขิงมองโซว์แบบทั้งสงสารทั้งเห็นใจ
"ท่าทางยายเธอเค้าไม่ชอบขี้หน้าชั้นเอามากๆเลยนะ" โซว์ตัดพ้อ
"ยายเค้าไม่ค่อยชอบพวกต่างชาติน่ะ นายอย่าไปถือสายายเค้าเลยนะ"
"จะไปถือสาได้ไง ชั้นต้องพึ่งพายายของเธอนะ" โซว์คิด "แต่ชั้นอยากรู้ว่าไอ้ที่ยายเธอพูดเมื่อกี้ ..ลิ..ลิ อะไรนะ มันเป็นยังไง"
"อ๋อ ลิเกน่ะเหรอ มันก็คือโชว์อย่างนึงน่ะ ที่แสดงบนเวที มีทั้งร้อง ทั้งรำ"
โซว์พยายามคิด "ชั้นเคยดูโขนกับรำไทย มันคล้ายๆแบบนั้นรึเปล่า"
"อือ...ก็คล้ายๆ แต่ลิเกจะดูง่ายกว่า เรื่องที่เล่นก็เป็นเรื่องเป็นราวตลกขบขันมากกว่า แบบว่าดูปุ๊บก็เข้าใจปั๊บ"
"แล้วชั้นจะได้มีโอกาสดูบ้างมั้ย"
"คงยาก เพราะตอนนี้ยายเค้าเลิกคณะลิเกไปแล้ว"
"อ้าว !! ทำไมล่ะ"
ชิงหน้าเศร้า "ก็เพราะไม่มีคนดูน่ะซิ แล้วยายชั้นก็หมดตัวเพราะลิเก ที่ชั้นต้องหาเงินทำงานงกๆอย่างนี้ก็เพราะอยากหาเงินมาใช้หนี้ให้ยาย"
โซว์จ๋อย "พวกเธอลำบากกันมากอยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องมารับภาระดูแลชั้นอีก ชั้นขอโทษนะ ..ที่เคยคิดว่าเธอทำทุกอย่างก็เพื่อเงิน"
"ช่างมันเถอะ ยังไงเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่"
ขิงเอากะทิที่เย็นแล้วไปเทใส่หม้อเต้าส่วน โซว์อยากตอบแทนบุญคุณจึงรีบเข้าไปช่วย
"ให้ชั้นช่วยนะ อย่างน้อยก็ขอให้ได้ตอบแทนบุญคุณเธอบ้าง"
"นายแน่ใจนะว่าทำได้" ขิงถาม
"ไม่มีปัญหา"
"งั้นก็ได้ ..เดี๋ยวนายเอากะทิใส่ลงไปในหม้อ 3 ทัพพีพอนะ อย่าใส่มากกว่านั้น แล้วค่อยๆ ใส่นะ อย่าเท เข้าใจมั้ย"
"เข้าใจ"
"งั้นเดี๋ยวชั้นไปดูขนมตรงนู้นก่อน"
ขิงยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน
โซว์จับทัพพีแล้วตั้งท่ากำลังจะเทกะทิลงไปแต่ก็ตกใจจนหน้าเสีย
"แล้ว ทัพพีมันคืออะไรล่ะ"
โซว์งงและไม่รู้จะทำยังไง เขามองซ้ายมองขวาแต่ขิงก็ไม่อยู่แล้ว โซว์ตัดสินใจยกกะทิเทลงใส่หม้อทั้งหม้อ ก่อนจะไปตักมาอีกหม้อแล้วเท
ยายขมเดินเข้ามาเห็นก็ตกใจร้องโวยวาย
"เฮ้ย...นั่นเอ็งจะทำอะไรวะ ไอ้หน้าวอก..........”
โซว์หันมามองยายขมด้วยความตกใจ

หม้อเต้าส่วนมีกะทิอยู่เต็มหม้อ ยายขมยืนเท้าสะเอวมองโซว์ด้วยหน้าตาเอาเรื่องสุดๆ โซว์หน้าจ๋อย ขิงและตุ๊กก็พูดอะไรไม่ออก
"เค็มขนาดนี้ ใครที่ไหนมันจะไปกินได้ เอ็งดูนะ พวกเอ็งดู มันทำขนมที่ข้าอุตส่าห์กวนมาทั้งวันพังหมดแล้ว"
"ก็ไหนว่านายเข้าใจแล้วไง ทำไมเหรอใส่ไปแค่ 3 ทัพพี่มันยากตรงไหน" ขิงถาม
"ยากซิก็ชั้นไม่รู้นี่ว่าทัพพี่นึงมันเท่าไหร่" โซว์บอก
ขิงอึ้ง เธอจะอ้าปากด่าแต่ก็ด่าไม่ออก ยายขมเองก็พูดไม่ออกมีแต่ตุ๊กที่หัวเราะชอบใจ
"มั้ยล่ะ จะไปโทษไอ้โซ่มันก็ไม่ได้ ก็เอ็งอยากสั่งไม่ดีเองนี่นังขิง"
"เอ้า ไปๆมาๆกลายเป็นความผิดชั้นอีก" ขิงหันมาเอาเรื่องโซว์ "เพราะนายคนเดียว"
"พอหยุด ไม่ต้องทะเลาะกันเลย จนจนไม่มีอะไรจะกินแล้วยังจะทะเลาะกันอีก" ยายขมมองขนมด้วยความเสียดาย "ดูซิหม้อนี้ขายได้ตั้งหลายบาท"
โซว์เดินเข้าไปขอโทษ "ยายชั้นขอโทษนะยาย"
"เอ็งไม่ต้องมาพูดอะไรทั้งนั้นไอ้หัวแดง เอ็งไปไกลๆหน้าข้าเลยนะ ก่อนที่ข้าจะยกหม้อเต้าส่วนขว้างหน้าแก ....หนอย มาอยู่บ้านข้า ให้ข้าเลี้ยงดู เงินทองก็ไม่ได้จ่ายซักบาท แล้วยังจะมีหน้ามาทำขนมข้าป่นปี้ขาดทุนย่อยยับอีก ไอ้ตัวซวย !!”
โซว์ได้ฟังยายขมด่าถึงกับอึ้งเพราะรู้สึกผิดมากๆ
"เอาล่ะ งั้นชั้นจะไม่อยู่ให้ทุกคนเดือดร้อนอีก ชั้นจะไปจากที่นี่" โซว์พูดเสียงอ่อย
ยายขม ขิง และตุ๊กได้ฟังก็ตกใจ ตุ๊กรีบเข้าไปหาโซว์
"โธ่ แค่นี้ก็ทำเป็นน้อยใจ แม่เค้าด่าไปอย่างนั้นแหละ"
"นายไปไหนไม่ได้หรอกเงินทองก็ไม่มีซักบาท" ขิงเสริม
"ไม่เป็นไรหรอก ชั้นจะลองไปรับจ้างหางานทำแถวนี้"
"แต่ว่า" ขิงจะค้าน
ยายขมพูดโดยไม่มองหน้า "ถ้ามันอยากไปก็ให้มันไป ไม่ต้องไปง้อ"
โซว์เดินเข้ามาไหว้เพื่อขอโทษยายขมอีกครั้ง
"ชั้นขอโทษกับสิ่งที่ชั้นทำ และขอบคุณสำหรับน้ำใจที่ยายช่วยเหลือ"
โซว์ไหว้เสร็จก็เดินออกไปจากบ้าน ยายขมมองตามด้วยความใจหายแต่ก็ยังฝืนทำปั้นปึ่ง ขิงและตุ๊กเห็นเรื่องบานปลายจึงรีบวิ่งตามโซว์
"เดี๋ยวก่อนซิ ไอ้โซ่ รอเดี๋ยวซิ" .ตุ๊กเรียก
ยายขมมองตามทุกคนอย่างหมั่นไส้สุดๆ
"เชอะ !! ตัวก็ใหญ่เบอเร่อเบอร่า แค่นี้ก็ทำเป็นใจน้อย"

ตุ๊กและขิงวิ่งมาดักหน้าโซว์เอาไว้เพราะไม่ยอมให้โซว์ไป
"จะไปสนใจแม่แกทำไม แกก็พูดไปอย่างนั้นแหละ แกอารมณ์ไม่ดีแกก็โวยวายไปเรื่อย" ตุ๊กบอก
"นายโซ่ นายโกรธยายชั้นรึเปล่า" ขิงถาม
"ไม่หรอก ชั้นไม่โกรธยายเลยจริงๆนะ ชั้นเข้าใจสิ่งที่ยายพูดทั้งหมด ขนมนั่นน่ะมีไว้ขาย แล้วก็มีราคามากสำหรับยาย แล้วมันก็จะเป็นรายได้ที่เอามาเลี้ยงพวกเราทุกคน ชั้นฝากบอกยายด้วยแล้วกันว่าชั้นจะชดใช้ค่าเสียหายให้ยายทั้งหมด" โซว์บอก
ขิงได้ฟังโซว์พูดก็ไม่พอใจ
"อ๋อ ลืมไปว่านายมันคนรวย ก็เลยชอบแก้ปัญหาด้วยเงิน งั้นก่อนไปนานก็คืนเงินที่ติดชั้นมาก่อนซิ"
"ชั้นคืนให้แน่ ทุกบาททุกสตางค์เลยไม่ต้องห่วง" โซว์บอก
"ไอ้โซ่ อย่าพูดอย่างนั้นซิวะ อยู่กันขนาดนี้เรื่องเงินมันไม่สำคัญแล้ว" ตุ๊กพูด
"ไม่ต้องไปพูดกับเค้าหรอกน้า เค้าไม่มีวันเข้าใจอะไรหรอก นายอยากไปไหนก็เชิญ"
พูดจบขิงก็สะบัดหน้าเดินไป โซว์มองตามอย่างงงๆ
"ทำไมขิงเค้าต้องโกรธชั้นด้วย ชั้นทำอะไรผิดไปอีกเหรอ"
"นายนี่นะ มันซื้อบื้อไม่เข้าใจหัวอกผู้หญิงทั้งแก่ ทั้งสาวเล๊ย ให้ตายซิ ไอ้โซ่เอ๊ย ..” ตุ๊กว่า
โซว์ถอนหายใจ "งั้นชั้นลาล่ะ"
โซว์ตัดสินใจเดินออกไป ตุ๊กมองตามด้วยความเป็นห่วง

พนักงานในร้านหยิบรูปที่อัดออกมาให้พัชรี
"เอสดีการ์ดมันเสียหายมากน่ะครับ ตอนนี้เรากู้รูปที่อยู่ในนั้นได้แค่รูปเดียว"
พัชรีมองซ้ายมองขวาก่อนจะเอารูปออกมาจากถุงแล้วดู
รูปนั้นเป็นรูปคนยืนหันข้างในที่มืดและกำลังยิงปืนแต่มองไม่เห็นหน้า ส่วนคนถูกยิงเป็นเงาลางๆ มีแต่เพียงมือที่ถือปืนเท่านั้นที่ยกสูง ที่มือนั้นมีแหวนสีเขียวมรกดเม็ดใหญ่ดูโดดเด่นอยู่ด้วย พัชรีมองรูปนั้นอย่างงงๆ
"นี่มันรูปอะไร ดูพิลึกๆ"
พัชรีจ่ายเงินก่อนจะเดินดูรูปแล้วเดินออกจากร้านไป

พัชรีเดินพิจารณารูปออกมาจากร้าน ก่อนจะมาเจอปีเตอร์ยืนยิ้มรออยู่ พัชรีเห็นเข้าก็ตกใจ
พัชรีลนลาน "อุ๊ย แม่หายยายหล่น คนปีนกระได ....." พัชรีพยายามตั้งสติ "จะ..เจ้าชายเสด็จมาได้ยังไงเพคะ"
"ชั้นไม่ได้พิการนี่ถึงจะเดินมาไม่ได้ ว่าแต่เธอเถอะ" ปีเตอร์พูดเสียงดัง "แอบดูรูปของชั้นทำไม"
พัชรีตกใจ "ว๊ายๆๆ เจ้าชาย ทำไมต้องตะโกนใส่พัชรีด้วยเพคะ พัชรีไม่ได้หูหนวกซักหน่อย"
ปีเตอร์ตะโกน "ก็อยากจะรู้ว่าเธอแอบดูรูปของชั้นทำไม"
พัชรีโวยกลับ "ใครว่าอยากรู้ รูปมันหลุดออกมาจากซองเองต่างหากเล่า" พัชรียื่นซองรูปให้ปีเตอร์ "เอาไปเลยไป" พัชรีทำงอนแล้วเดินออกไป
ปีเตอร์หยิบรูปมาดูแล้วก็งง "นี่มันรูปอะไรเหรอเนี่ย"
พัชรีหันมามองอย่างงอนๆ "จะไปรู้เหรอดูเอาเองซิ เชอะ"
ปีเตอร์รีบวิ่งตามไป "โธ่ พัชรี อย่าเพิ่งงอนซิ จะไปไหน มาช่วยชั้นดูก่อนซิ พัชรี"

โปรดติดตามตอนต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น