xs
xsm
sm
md
lg

นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 1

พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่ห์คง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
...................................................................................
ท้องฟ้าที่ปกคลุมทั่วทั้งหมูบ้านไม้งามยามนั้นมืดครึ้ม ทั้งๆ ที่เป็นตอนกลางวันแท้ๆ เหตุเพราะพายุฝนที่ตกกระหน่ำแบบไม่ลืมหูลืมตามานานนับชั่วโมงแล้วนั่นเอง

ท่ามกลางเสียงฟ้าคะนองฝนกระหน่ำ ยินเสียงผู้ใหญ่ทอง ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านแห่งนี้ ตะโกนขึ้นสุดเสียง
“อย่า”
ในจังหวะเดียวกับที่ปืนไม้ตะพดของนายศรลั่นกระสุนออกมาพร้อมกับเปลวเพลิง ร่างของนวลเมียผู้ใหญ่ทองล้มตึงลงจมกองเลือดกับพื้น ต่อหน้าต่อตาผู้ใหญ่ทองซึ่งถูกแขวนโยงอยู่กับกิ่งไม้ใหญ่ สภาพถูกซ้อมจนยับเยิน
“นวล!! นวล!!” ผู้ใหญ่ทองตะโกนก้อง หัวใจสลาย มองภาพเมียรักนอนแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน
ศรกำลังบรรจุกระสุนนัดใหม่ลงปืนไม้ตะพดของตนอย่างใจเย็น
“โทษชั้นไม่ได้นะผู้ใหญ่ทอง ที่เมียของผู้ใหญ่ต้องตายก็เพราะผู้ใหญ่.. สะเออะมาขวางทางชั้น!” ศรเย้ย
“ไอ้ศร ไอ้คนหนักแผ่นดิน นรกจะต้องลงโทษเอ็ง” ผู้ใหญ่ทองระบดระบายอย่างแค้นคั่ง
ศรขยับไม้ตะพดในมือง้างนกอย่างเตรียมพร้อม
“เลิกโวยวาย…แล้วขอชีวิตแทนดีกว่ามั้งผู้ใหญ่” ศรเย้ยขึ้นอีก
“ไม่! ผู้ใหญ่ทองคนนี้เป็นข้าราชการ เป็นข้ารองเบื้องพระยุคลบาทคนอย่างข้า ไม่มีวันลดศักดิ์ศรีให้คนชั่วอย่างเอ็งไอ้ศร”
ศรยกปืนไม้เท้าเล็งมาที่ผู้ใหญ่ทอง ซึ่งนิ่งเฉยเหมือนเตรียมใจรับความตายโดยยินดี ก่อนจะกล่าวประโยคสุดท้าย
“สักวัน…ฟ้าดินจะต้องลงโทษเอ็ง”
ศรแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ก่อนจะกดปุ่มลั่นกระสุน!! ปัง
ศรีษะผู้ใหญ่ทองผงะหงายไปตามแรงถีบของกระสุนที่เจาะกลางแสกหน้า เลือดสาดกระเซ็นเปรอะต้นไม้ใหญ่ด้านหลังหยดลงเป็นทาง
สมุนทุกคนตะลึงอึ้งไปกับภาพสยดสยองตรงหน้า ระหว่างนั้นเองลูกน้องของศรคนหนึ่งที่ขึ้นไปค้นบนเรือนก็กลับลงมารายงาน
“พี่ศร นังเด็กรับใช้ มันพาลูกผู้ใหญ่ทองหนีไปแล้วพี่”
ศรมองออกไปเบื้องหน้าอย่างใช้ความคิด แว่วยินเสียงฟ้าร้องครืนครันเป็นระยะ

ฝนยังคงตกหนักอยู่อย่างนั้น เด็กผู้หญิงวัย 14-15 ปี สองคนซ่อนตัวอยู่ด้วยกันตรงบริเวณทางชันขึ้นภูเขา
เป็น ด.ญ.บัว ลูกสาวผู้ใหญ่ทองซึ่งหน้าตาดี ส่วน อีกคนนั้นคือ ด.ญ.แก้ว เป็นเด็กรับใช้หน้าตามอมแมมเหมือนผู้ชาย
แก้วจูงมือบัวหนีไปมาตามเส้นทางป่าเขาอย่างคล่องแคล่ว สักครู่หนึ่งพวกสมุนของศรก็ไล่ตามมาทัน
“เฮ้ย เจอตัวแล้วโว้ย” สมุนคนหนึ่งตะโกนขึ้น
แก้วหันกลับไปมองด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบฉุดมือบัวให้รีบหนีเร็วขึ้น

แก้วพาบัวหนีมาจนมุมที่ริมน้ำกว้างสายหนึ่งซึ่งทอดตัวไหลเรื่อยไปสู่น้ำตก
“แก้ว พวกมันตามมาแล้ว” บัวหันไปมองด้านหลัง
แก้วรีบบอก “คุณบัวหลบไปก่อน”
แก้วมองไปเห็นพวกสมุนของศรกรูเข้ามาล้อมกรอบเธอกับบัวเอาไว้ แก้วรีบกำหมัดกวาดเท้าเฉียงไปด้านหลัง ตั้งการ์ดมวยไทยเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้าใกล้บัว
สมุนคนหนึ่งทึ่ง “เฮ้ยนังเด็กนี่ เป็นมวยเว้ย”
“ตัวกระเปี๊ยกเดียว จะแน่ซักแค่ไหนวะ”
สมุนอีกคนเย้ย ตรงรี่เข้าไปเล่นงานแก้ว แต่แล้วก็ถูกแก้วใช้มวยไทยเล่นงานอย่างว่องไวจนน็อคคว่ำไปทันที สมุนคนอื่นพากันตกตะลึง
สมุนลูกพี่โมโหสั่งเข้ม “มัวยืนเซ่อทำไมวะ รุม”
จากนั้นสมุนทุกคนก็พยายามกลุ้มรุมแก้วแต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ ระหว่างนั้นศรก็ตามมาถึง เห็นเข้าก็ยิ่งโมโห
“นังเด็กบ้า”
ศรตวาด พร้อมกับยกไม้เท้าเล็งใส่แก้ว แก้วเห็นเข้าก็บ้าเลือดวิ่งรี่จะเข้าใส่
บัวตะโกนก้อง “แก้วอย่า”
แก้วไม่ฟัง โผนทะยานใส่ศร “ย๊ากกกก”
แก้วกระโจนเงื้อหมัดจะต่อยศร แต่ถูกยิงสวนจนร่างกระเด็นไปไหล ร่างของแก้วร่วงตกลงไปกับสายน้ำอันเชี่ยวกราก
“แก้ว!! แก้ว!!”
บัวตะโกนอย่างขวัญเสีย ตัดสินใจกระโดดน้ำตามไปเพื่อช่วยแก้ว ศรและพวกรีบกรูกันไปดู แต่ไม่เห็นวี่แววของทั้งคู่

ที่บ้านผู้ใหญ่ทองเวลานั้น เหลือเพียงซากศพของผู้ใหญ่ทองกับนวลเมียรักที่กองอยู่กับพื้นดิน อย่างน่าอนาถ สายฝนสาดซัดคราบเลือดของสองเมียผัวจนแดงฉานไปทั่วผืนดิน
ตรงมุมหนึ่งในบริเวณบ้าน ไม่ไกลจากร่างไร้วิญญาณสองคน มีหนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่งตกอยู่ที่พื้น ปะปนกับเครื่องเขียน ตำราเรียน และสมุดการบ้านของเด็กหญิงบัว เห็นภาพหน้าปกอย่างเด่นชัดว่าเป็นการ์ตูนไทยเรื่อง “อัศวินหน้ากากดำ” ซึ่งตัวเอกเป็นเจ้ายุคจักรๆ วงศ์ๆ สวมหน้ากาก ขี่ม้า มือถือดาบปราบปิศาจร้าย

บ้านไม้งามตกอยู่ภายใต้อิทธิพลเถื่อนของกำนันศรจากนั้นเป็นต้นมา แม้ผู้ใหญ่ทองผู้ซื่อสัตย์และชาวบ้านที่ลุกฮือขึ้นต่อต้าน ต่างจบชีวิตลงอย่างน่าสังเวช กระสุนปืนก็มีอำนาจเหนือกฎหมาย คนของกำนันศรพากันกดขี่ชาวบ้านตามอำเภอใจ

ท่ามกลางความมืดมนอนธกาลนั้น ผู้คนยังเฝ้ารอด้วยความหวังให้วีรชนผู้กล้า มากอบกู้สถานการณ์ และคืนความสุขสงบให้บ้านไม้งาม...

13ปีผ่านไป...

บนถนนดินลูกรังเวลานั้น รถบัสโดยสารเก่าๆคันหนึ่งกำลังแล่นจากตัวจังหวัดตรงไปยังหมู่บ้านไม้งาม บนรถมีผู้โดยสารนั่งมาเกือบเต็มคัน แถมยังมีข้าวของบรรทุกมาระเกะระกะ
ย้ง หนุ่มไทยเชื้อสายจีนหน้าตาตี๋จัดทำหน้าที่โชเฟ่อร์ และกำลังครวญเพลงลูกทุ่งตามเสียงวิทยุอย่างอารมณ์ดี
บนรถบัสคันนั้น ผู้กองธัมโม ชายหนุ่มรูปงาม ปกปิดใบหน้าที่แท้ด้วยการไว้หนวดเรียวเหนือริมฝีปาก และกำลังนั่งอ่านหนังสือธรรมะอยู่ที่เบาะไม่ไกลคนขับมากนัก นานๆครั้งจะเห็นเขายกนิ้วลูบปลายหนวดเท่ๆ ด้วยมาดนักสืบสมองเพชรเลยก็ทีเดียว
ถัดไปเป็น เก่ง สาวแอ๊บแมน สวมหมวกพลางโฉมหน้า กำลังนั่งเหม่ออยู่ริมหน้าต่างอย่างใช้ความคิด
และที่เบาะตรงท้ายรถ มีชายหน้าตาเหี้ยมสองคน ซึ่งเป็นกลุ่มโจร นั่งอยู่อย่างกระสับกระส่าย มันชะเง้อมองไปที่หนุ่มใหญ่ หัวหน้าโจร ซึ่งนั่งอยู่ใกล้คนขับเหมือนรอสัญญาณ สักครู่หนุ่มใหญ่ซึ่งที่แท้คือหัวหน้าโจรร้าย ก็เดินไปหาย้ง
“ไอ้น้องชาย เป็นโรคหัวใจรึเปล่า”
ย้งเหลือบตามามองแวบหนึ่งแล้วส่ายหน้า มือจับพวงมาลัย ขับรถต่อ “ฮือ ถามทำไมเหรอพี่”
จังหวะนั้นเองหัวหน้าโจรก็ล้วงปืนออกมา ประกาศก้อง “นี่คือการปล้น ห้ามจอดรถ ไม่งั้นตาย”
ย้งตกใจร้องลั่น “เฮ้ย ผ..ผมไม่รู้เรื่องนะพี่ ผมมาขับแทนเค้าเฉยๆ”
ผู้โดยสารพากันแตกตื่น อกสั่นขวัญแขวนไปตามๆ กัน รวมทั้งผู้กองธัมโมและเก่ง ทันใดนั้นเองชายหน้าเหี้ยมสองคนที่นั่งอยู่ที่เบาะหลังก็แสดงตัวทันที โดยมันคนหนึ่งชักมีดเล่มโตออกมาประกาศกร้าว
“ทุกคนอย่าโวยวาย ใครมีทรัพย์สินเท่าไหร่ ล้วงออกมาให้หมด”
โจรอีกคนขู่สำทับ “อย่าให้ต้องค้นนะโว้ย ถ้าเจอทีหลัง เจ็บตัวแน่!”
ผู้โดยสารหน้าตาตื่นตกใจ ผู้กองธัมโมกลอกตาไปมาใช้ความคิด ก่อนจะเลิกชายเสื้อดูปืนพกของตนที่ซ่อนอยู่แล้วปิดไว้อย่างเดิม
ขณะที่เก่งกวาดมองไปมาเพื่อประเมินสถานการณ์ หญิงสาวในคราบชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ด้านในเห็นลุงแก่ๆ ที่นั่งข้างๆ ติดกันตัวสั่นงันงก พร้อมกับรีบเอามือกุมกระเป๋าคาดเอวเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างมีค่าซ่อนไว้
“เฮ้ย รีบปลดทรัพย์เร็ว เดี๋ยวเราต้องลงที่จุดนัด” หัวหน้าโจรตะโกนเร่ง

โจร 2 คน รีบปฏิบัติตามคำสั่ง คนหนึ่งถือมีดเล่มโตคุมเชิง ส่วนอีกคนถือถุงคอยปลดทรัพย์ผู้โดยสาร ถ้าใครขัดขืนก็ถูกตบตีอย่างไม่ปรานีปราศัย จนมาถึงที่นั่งของเก่งกับลุงแก่ซึ่งกุมกระเป๋าแน่น
“ไอ้แก่ อย่าลีลาโว้ย มีเงินเท่าไหร่ส่งมา”
ลุงตกใจนั่งปากคอสั่นกอดกระเป๋าคาดเอวแน่น โจรร้ายลากตัวลุงให้ยืนขึ้น
“อยากตายเหรอวะไอ้แก่ ส่งกระเป๋ามา” มันตะคอกใส่
“อย่าเอาของลุงไปเลย ลุงเพิ่งไปกู้เค้ามา จะเอาไปจ่ายค่าที่ลุงขอเถอะ ลุงขอ” ลุงอ้อนวอนอย่างน่าเวทนา
โจรตะคอกใส่อีก “หุบปากไอ้แก่ เอากระเป๋ามานี่”
แล้วกระชากกระเป๋าไปเปิดดู พบว่ามีเงินจำนวนหนึ่ง มันกับเพื่อนแสยะยิ้มให้กันอย่างพอใจ
เวลานั้นผู้กองธัมโมกุมด้ามปืนแน่น เตรียมพร้อมทุกเมื่อ แต่จะโผล่แหลมออกไปช่วยเดี๋ยวนั้นก็ยังเกรงหัวหน้าโจร ที่ถือปืนคุมเชิงอยู่หน้ารถ ด้านเก่งนั่งนิ่งไม่ไหวติง
ย้งสงสารลุง “นี่ ลุงเค้าแก่แล้วนะพี่ชาย ปล่อยเค้าไปเถอะ”
ถูกหัวหน้าโจรตวาด “เอ็งขับรถไป ไม่ต้องสอด”
“ลุงไหว้ล่ะ ลุงกราบก็ได้ ลุงต้องเอาเงินไปจ่ายค่าที่ถ้าไม่มีเงิน ครอบครัวลุงอดตายแน่”
โจรใจโฉดตวาด “นั่งลงไอ้แก่”
ลุงไม่ยอม “เอามาเถอะ เอาเงินลุงคืนมา ลุงขอล่ะ ลุงขอจริงๆ”
“ฮึ่ย วุ่นวายนักใช่มั้ย อย่าอยู่เลยมึง”
โจรชั่ว เงื้อมีดขึ้นจะแทงลุง จังหวะนั้นผู้กองธัมโมก็เตรียมชักปืนออกมาช่วย แต่แล้วเก่งกลับลุกขึ้นมาตัดหน้า และซัดโจรชั่วรายนั้นจนล้มไป
“เฮ้ย” โจรที่ยืนคุมเชิงตะโกนขึ้น
เก่งไม่พูดพล่ามทำเพลง ลงมือเล่นงานโจรชั่ว และแย่งกระเป๋าคาดเอวคืนมาจากมัน หัวหน้าโจรที่คุมเชิงอยู่หน้ารถเห็นท่าไม่ดี จึงเล็งปืนใส่เก่ง
“ไอ้เวรเอ้ย เอ็งตาย”
มันกระหน่ำยิงใส่เก่งเปรี้ยง เก่งโหนตัวโดดผลุบไปนอกหน้าต่างรถ ก่อนจะปีนขึ้นไปบนหลังคาอย่างว่องไว
“มัวยืนเซ่อทำไมวะ รีบตามขึ้นไป” ลูกพี่ใหญ่ตะโกน
“บนหลังคาเนี่ยนะพี่” ลูกน้องอึ้งๆ
“เออ มันปีนได้ พวกเอ็งก็ต้องปีนได้”

โจรลูกน้องสองคนมองหน้ากันก่อนจะปีนหลังคารถตามเก่งขึ้นไปทันที

พอโจรชั่วทั้งสอง ปีนขึ้นมาถึงก็เจอเก่งยืนจังก้ารออยู่ก่อน

“ไอ้หนุ่ม เอ็งเป็นใครกันแน่วะ” 1 ใน 2 ถาม
เก่งไม่เสวนา แต่ตั้งการ์ดมวยรอมาดอย่างเท่ โจรอีกคนชักมีดของตัวเองออกมา เพื่อช่วยเพื่อนรุมเล่นงานเก่ง

เหตุการณ์ในในรถบัส หัวหน้าโจร กำลังวุ่นวายกับการเล็งปืนไปที่หลังคารถเพื่อหาจังหวะเล่นงานเก่ง ผู้กองธัมโมฉวยโอกาสนั้นยืนขึ้นแล้วชักปืนเล็งใส่มันด้านหลัง
“นี่ตำรวจ ทิ้งปืน”
หัวหน้าโจรยังทำนิ่ง พูดเย้ย “แหมคุณตำรวจ มาช้าไปหน่อยมั้ง”
“ชั้นไม่อยากให้ชาวบ้านต้องโดนลูกหลง”
“แล้วตอนนี้คิดว่าปลอดภัยเหร๊อคุณตำรวจ” มันลอยหน้ากวนบาทา
ธัมโมง้างนกปืน “จังหวะนี้ ชั้นไวกว่านายแน่”

หัวหน้าโจรร้าย กลอกตาอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเสี่ยงตายหันไปยิงสวนธัมโมก่อน เปรี้ยง
ธัมโมตั้งรับ รีบเอียงคอหลบกระสุน แล้วยิงตอบโต้โจรชั่วจนทะลุเข้าตรงท้องของมันอย่างจัง หัวหน้าโจร ถึงกับตาค้าง
“เอ็ง….ยิงโดนข้า”
หัวหน้าโจรทรุดลงคุกเข่ากับพื้นรถ แล้วฟุบไป ปรากฎว่า ย้ง โดนลูกหลงมีแผลถูกยิงเฉี่ยวที่ต้นแขน
“อ๊า ตูก็โดน”
ธัมโมสะดุ้งโหยง “เอ๊า”
ย้งมองแผลตาเหลือก “ฮือเลือด เลือดไหล เหออ ตูเป็นลม”
ย้งตาเหลือกสลบตกเก้าอี้คนขับไปดื้อๆ ซะงั้น
ลุงแก่ตกใจร้องลั่น “อ้าวเฮ้ย แล้วใครจะขับรถวะเนี่ย”
ธัมโมรีบกู้สถานการณ์ “ทุกคนไม่ต้องตกใจครับ ผมเป็นตำรวจ ผมจัดการได้”
จังหวะนั้นเองล้อรถที่อยู่ดีๆ ก็ระเบิดปุ ยางแตก ชาวบ้านยิ่งแตกตื่นไปกันใหญ่ โวยวายลั่นรถ “ยางแตกๆ”
“ทุกคนไม่ต้องตกใจ คุณตำรวจอยู่นี่แล้ว คุณตำรวจจัดการได้” พลางลุงหันมาถามธัมโมเมกชัวร์ “ใช่มั้ยคุณตำรวจ?”
ผู้กองธัมโมใจเสีย มองไปที่ถนนหน้ารถด้วยสายตาสิ้นหวัง รถบัสกำลังแล่นลงเนินสูง แถมยางแตกแบนแต๊ดแต๋
ธัมโมหลุดฟอร์มพระเอกด้วยความตกใจ “เย้ย”

ส่วนบนหลังคารถ เก่งกำลังสู้กับ 2 โจรชั่วอย่างดุเดือด ก่อนที่ทั้งหมดจะเสียหลัก เซไปเมื่อรถแล่นลงจากเนิน เก่งรีบเกี่ยวขากับตะแกรงใส่ของ ห้อยหัวลงไปหาคนขับ
“คนขับอยู่ที่ไหน”
ธัมโมรีบบอก “ชั้น…”
จู่ๆ จังหวะนั้นรถแล่นเสียหลักเซไป ใบหน้าธัมโมถลาไปจูบปากเก่งโดยบังเอิญ
เก่งตกใจ กระชากตัวออก โวยลั่น “เฮ้ย คุณจูบผมทำไมเนี่ย”
“ชั้นเปล่า ตะกี๊รถมัน...” ธัมโมพยายามอธิบาย
แต่รถดันเสียหลักเซอีก คราวนี้สองจังหวะ ธัมโมเลยเบิ้ลจูบแก้มเก่งซ้ายทีขวาที เก่งตะลึงหน้าแดงแจ๋
ธัมโมปฏิเสธพัลวัน กิริยาอึกอัก “ม..ม..ไม่ได้ตั้งใจนะ! จริงๆ”
เก่งฉุนปนเขิน “ช่างเหอะ คุณรีบหาทางหยุดรถ ส่วนพวกโจรผมจัดการเอง”
ทางด้านบนหลังคารถ สองโจรชั่วเห็นเก่งมัวแต่คุยกับธัมโมก็หันไปบอกกัน
“ตอนนี้แหละ ซัดมันเลย”

“อ๊าก...” โจรชั่วทั้งสอง แผดร้องพลางควงมีดตรงเข้าหาหมายจะเล่นงานเก่ง แต่ทว่าเก่งดีดตัวขึ้นหันขวับมาหา ก่อนจะกระชากสายเข็มขัดออกจากเอว แล้วตรงเข้าเล่นงานพวกมันอย่างว่องไว ชั่วพริบตาเก่งก็ใช้เข็มขัดเส้นนั้นผูกมือโจรทั้งสองไว้ด้วยกัน แล้วล่ามกับตะแกรงวางของบนหลังคารถ

ขณะเดียวกันธัมโมก็พยายามบังคับรถโดยสารให้จอดด้วยการผ่อนเกียร์ จังหวะนั้นจู่ๆ ย้งก็ได้สติลุกขึ้นมานั่ง
“เฮ้ยพี่ชาย ข้างหน้าเป็นเหวนะ รีบเบรคเร็ว”
“ยางมันแตก จะให้เบรกยังไง” ธัมโมบอก
“ก็เอาแบบรถแข่งสิพี่ ดริฟท์เลย” ไอ้ตี๋แห่งบ้านไม้งามว่า
“เอางั้นนะน้องชาย”
“ไม่ลองไม่รู้ล่ะพี่”
ธัมโมมองไปเห็นทางโค้งเบื้องหน้าเป็นหน้าผาจริงๆ ถ้าชะลอความเร็วไม่ได้มีหวังทะลุราวกั้นออกไปแน่
“เอาวะเป็นไงเป็นกัน”
ธัมโมตัดสินใจหักพวงมาลัยเพื่อให้ท้ายปัดจนเกิดการเสียดทานไปกับพื้นถนน เห็นผู้โดยสารบนรถเอนตกเก้าอี้เป็นแถวๆ เช่นเดียวกับบนหลังคาทั้งหนูเก่งและโจร2-3 ต่างเสียหลักจนหวิดพลัดตกหลังคารถ ก่อนที่ล้อรถจะหยุดนิ่งลงในที่สุด

จังหวะนั้นเก่งเสียหลักพลัดร่วงจากหลังคา แต่ตีลังกามาตั้งหลักได้ เท่โครตๆ ทุกคนทึ่ง ตะลึงตาค้าง

นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 1 (ต่อ)

ที่บ้านไม้งามเวลายามนั้น ชาวบ้านต่างยินเสียงเพลง “โปรดเถิดดวงใจ” ของ ทูล ทองใจ ดังเจื้อยแจ้วแว่วหวานไปทั่วหมู่บ้าน จากลำโพงเครื่องขยายเสียงที่ติดตั้งอยู่บนเสาเหล็กสูงตามจุดต่างๆ ในหมู่บ้าน อันเป็นเสียงตามสายมาจากบ้านของกำนันศร

โดยเครื่องกระจายเสียงพร้อมอุปกรณ์ถูกติดตั้งอยู่ภายในห้องรับแขกบ้านกำนันศร อย่างง่ายๆ มีไมโครโฟนวางอยู่หน้าวิทยุ
และในเวลานั้นกำนันศรกำลังรินชาร้อนๆ จิบดื่มอย่างสบายอารมณ์อยู่ที่ห้องรับแขก แต่แล้วสายตากำนันศรก็มองไปเห็นเบิ้ม สมุนคนหนึ่งลนลานเข้ามาในบริเวณบ้าน และบอกข่าวร้ายอะไรบางอย่างแก่ยอดกับพวกสมุน
ทุกคนพอทราบข่าวร้ายนั้น ทำให้ยอดมองมาที่ห้องของกำนันด้วยสีหน้ากังวล
กำนันศรวางถ้วยชาลงเหมือนรับรู้ว่าเกิดเรื่องบางอย่าง กำนันศรรีบปิดสวิทซ์เครื่องกระจายเสียงแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ร้องถาม
“มีอะไรวะไอ้ยอด”
“สายรายงานว่า คนของเราโดนจับครับกำนัน”
กำนันศรนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ

รถบัสจอดตรงถนนผ่านป่าเขา พวกชาวบ้านลงจากรถกันหมดแล้ว ขณะที่ธัมโมกำลังมัดพวกโจรล่ามติดกันเอาไว้เพื่อเตรียมเดินทาง ส่วนเก่งกำลังห้ามเลือดให้ย้งด้วยการผูกผ้าเช็ดหน้า ย้งโอดครวญสำออยตามนิสัยใจเสาะ
ธัมโมมัดโจรเสร็จ หันไปบอกชาวบ้าน “เอาล่ะ ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวผมจะเข้าหมู่บ้าน ไปตามคนมาช่วย”
“ผมนำทางให้เองพี่ชาย ผมรู้ทางลัด” ย้งอาสา
ลุงเป็นห่วง “ไปกันแค่สองคนจะไหวเหรอพ่อหนุ่ม พวกของไอ้โจรเนี่ยมันอาจดักอยู่ข้างหน้าก็ได้นะ”
“งั้นผมไปด้วย ผมจะรีบเข้าหมู่บ้าน” เก่งบอก
ธัมโมหันมามองหน้าเก่ง เพิ่งเห็นหน้ากันถนัดๆ ก็ตอนนี้

เวลาเดียวกันที่เส้นทางลัดป่าไปบ้านไม้งาม
พวกโจรสามคนโดนผูกล่ามโยงกันให้เดินเรียงแถว โดยมีธัมโมคอยปีกยกเดินตามหลัง ขณะที่หนูเก่งเดินกอดอกทิ้งระยะห่างจากคนอื่นเล็กน้อย
ย้งเห็นพวกโจรเดินพลางหันมามองหน้าเหมือนหาจังหวะหนี ก็รีบใช้ปืนที่ยึดมาจากพวกมันขู่ใส่
“เฮ้ย มองอะไรวะ อยากตายรึไง เดินไป”
พวกโจรรีบเดินไป ย้งหันมายักคิ้วอวดกับธัมโม
“นักเลงเหมือนกันนะเรา” ธัมโมอวย
ย้งได้ทีคุยฟุ้ง “แหม อยู่แล้วพี่ ที่บ้านไม้งามมีใครบ้างไม่รู้จักไอ้ย้งขาใหญ่ว่าแต่พี่เหอะ พี่เป็นตำรวจจริงๆ เหรอ”
ธัมโมชะงัก “ดูไม่เหมือนหรือไง”
ย้งรีบปะเหลาะ ใช้ลิ้นทำมาหารับประทานทันที “แหม ทั้งหล่อทั้งใจดีแบบนี้ ผมว่าพี่แกล้งหลอกพวกโจรมากกว่ามั้ง”
ธัมโมยิ้มรับไม่ปริปากเถียง ย้งยิ่งถูกชะตา
“เออจริงสิ แล้วพี่ชายชื่ออะไร มาจากที่ไหนเหรอพี่”
“ชั้นชื่อธัมโม มาจากกรุงเทพฯ”
เก่งได้ยินเหลียวมามองนิดหนึ่งเหมือนสนใจ ธัมโมยิ้มให้พลางถาม
“แล้วน้องชายคนเก่งล่ะ ชื่ออะไร”
เก่งคิดนิดหนึ่ง ตอบเชิดๆ “ชื่อเก่ง”
“มาจากไหนเหรอน้องชาย…?” ย้งถาม
เก่งกวน “มันเรื่องของผม พวกคุณไม่เกี่ยว”
ว่าแล้วเดินหนีห่างออกไป ทิ้งให้ย้งกับธัมโมหน้าเหวอ
“โอ้โห อัธยาศัยดี ท่าทางจะมีเพื่อนเยอะนะเนี่ย”
ธัมโมขำ “นั่นสิ”
ธัมโมมองตามหนูเก่งไป รู้สึกตะหงิดๆ ในใจว่าเด็กคนนี้มีอะไรแปลกๆ

ที่หน้าร้านกาแฟ เถ้าแก่ตงกำลังวุ่นวายอยู่กับการขายของ ขณะที่พวกลูกค้ากำลังนั่งเหล่ หมวยใหญ่ ลูกสาวเถ้าแก่ฮงที่นุ่งสั้นยืนเอ็กซ์แตกจัดของอยู่
ทรวดทรงองค์เอวของหมวยใหญ่ ทำให้หนุ่มน้อย หนุ่มกลาง หนุ่มใหญ่ ละเมอเพ้อฝันไปตามๆกัน หมวยใหญ่หันมายิ้มให้ลูกค้าเป็นหย่อมๆ ด้วยลีลาเอ็กซ์เสน่ห์ล้นทะลัก แม้ว่าเธอจะมีไฝเม็ดเขื่องบนใบหน้าก็ตาม หนุ่มๆ ไม่ถือสา
“เฮ้ย” เถ้าแก่ตงตะโกนอาการฮึดฮัด ลูกค้าสะดุ้งยกร้าน
“พวกลื้อเจี๊ยะเสร็จรึยัง เจี๊ยะเสร็จก็จ่ายเงินแล้วรีบไป ลูกสาวอั้วนะเว้ยไม่ใช่ปลากระป๋อง นั่งมองตาละห้อยอยู่ได้ ไอ้พวกชีกอ คอยดูนะอั้วจะฟ้องเมียพวกลื้อ”
ลูกค้าวงแตก บ้างเมินหน้าหนี บ้างจ่ายเงินแล้วเดินรีบไป เถ้าแก่ตงยังบ่นงึมงัมไม่หยุด

หมวยใหญ่ใจดีเอ่ยขึ้น “ป๊าอ่ะ ลูกค้าเค้าแค่มองเฉยๆ จะโกรธทำไมเนี่ย”
“มันไม่มองอย่างเดียวน่ะสิ มันจิ้นด้วยอ่ะ แค่เห็นตามันอั้วก็รู้”
หมวยใหญ่มองค้อนเถ้าแก่ตงเอือมๆ ก่อนจะชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นพวกชาวบ้านที่กำลังแตกตื่นเพราะ ย้ง ธัมโมและเก่งที่คุมพวกโจรเข้ามาในหมู่บ้าน
หมวยใหญ่ก็เห็น “ป๊า นั่นไอ้ย้งนี่”
“ไอ๋หยา อาย้ง มีเรื่องกะใครอีกแล้ววะ”
เถ้าแก่ตงกระวีกระวาดมาดูลูกชาย
“อาย้งๆ มีอะไรวะ ลื้อไปฟัดกะหมาที่ไหนมา ทำไมถึงเลือดออก”
“ใจเย็นป๊า วันนี้รถชั้นโดนปล้น แล้วก็ได้เพื่อนสองคนนี่ช่วยเอาไว้” ย้งบอก
หมวยใหญ่เพิ่งตามมาที่หน้าร้าน แล้วก็ตะลึงปิ๊งๆๆ ทันที เมื่อเห็นใครบางคน
ธัมโมรู้สึกเหมือนโดนมองอยู่หันมายิ้มให้หมวยใหญ่ แต่หมวยใหญ่กลับโบกมือให้หลบไป เพราะคนที่เธอหมายถึงก็คือหนูเก่งนั่นเอง

หมวยใหญ่ปลื้มปริ่ม “อ๊าย หน้าเด็ก เสป็กหมวยใหญ่”

เก่งซ่อนหน้าหลบตาหมวยใหญ่แบบอิหลักอิเหลื่อ ขณะที่ธัมโมยังสงสัยที่หมวยไม่แล ว่ากรูไม่หล่อตรงไหนวะ?

“ขอบใจพวกลื้อมากนะพ่อหนุ่ม พวกลื้อมีบุญคุณกับอั้วจริงๆ กำเสี่ยๆ เดี๋ยวอั้วเลี้ยงกอปี๊พวกลื้อละกันน่อ” เถ้าแก่ตงบอก
“เอาไว้ก่อนเถอะเถ้าแก่ ตอนนี้ผมต้องรีบไปที่โรงพัก…” ธัมโมว่ายังไม่ทันจบคำดี
ยอดส่งเสียงนำมาก่อน “พวกเอ็งไม่ต้องไป”
ทุกคนมองไปเห็นยอดเดินนำเบิ้มกับสมุนมาเป็นโขยง
เถ้าแก่ตงร้องลั่น “ไอ้หยา อายอดมาเลี้ยว”
ธัมโมถามย้ง “ใครคือไอ้ยอด”
ย้งพูดกับธัมโม “มือขวาของกำนันศร”
หนูเก่งได้ยินชื่อกำนันศรก็หูผึ่งมองไป เห็นยอด เบิ้มและสมุนเดินมาประจันหน้า
“กำนันจะสอบสวนคนร้ายเอง ส่งพวกมันมาให้ชั้น”
ยอดว่าแล้วก็บุ้ยหน้าให้เบิ้มเข้าไปคุมตัวพวกโจร จังหวะนั้นเองที่ธัมโมสังเกตเห็นพวกโจรยิ้มกริ่มให้ยอดเหมือนรู้จักกันมาก่อน ธัมโมจึงรีบขวางหน้าเบิ้ม
“มันเป็นหน้าที่ของตำรวจ”
“ชะช่าไอ้นี่ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ที่นี่บ้านไม้งามโว้ย กำนันศรมีอำนาจใหญ่สุด” ยอดขัดใจคุยอวดโอ้
“พี่ชาย เชื่อไอ้ยอดมันเถอะ อย่ามีเรื่องเลยพี่” ย้งบอก
เถ้าแก่ตงปราม “ไอ้หนุ่ม ลื้อเข้ามาเมืองตาหลิ่ว ต้องหัดหลิ่วตาตามสิวะ”
หมวยใหญ่กอดแขนเก่งหน้าตาเฉย “ว๊าย ผู้ชายจะต่อยกัน น่ากลั๊วน่ากลัว”
ธัมโมสบตากับยอดอย่างครุ่นคิด หนูเก่งเฝ้ามองเขาอย่างนึกสงสัยว่าผลจะออกมายังไง
“คนร้ายพวกนี้ ชั้นจะพาไปที่โรงพัก”
ยอดยัวะ “นี่เอ็งอยากตายใช่มั้ย ชื่อกำนันศรเอ็งไม่เคยได้ยินหรือไง”
“เคย แต่ไม่ใช่พ่อชั้น ชั้นไม่กลัว” ธัมโมตอบกวนๆ
ทุกคนพากันตะลึง เบิ้มเหลียวมองยอดพลางถาม
“เอาไงพี่ยอด”
ยอดบันดาลโทสะ “จัดการโว้ย!”
ขาดคำเบิ้มก็หันไปเหวี่ยงหมัดใส่ธัมโมทันที ธัมโมรีบย่อตัวหลบหมัด แล้วอัดกำปั้นซัดลำตัวเบิ้มติดๆ กันสองครั้ง ฟากเบิ้มพยายามตอบโต้ แต่ออกอาวุธพลาดหมด แถมโดนธัมโมสวนกลับอย่างว่องไว
“ไอ้เลว เอ็งตาย”
ยอดชักมีดพับแบบผีเสื้อบินออกมาควงขวับๆ เตรียมจ้วงใส่ ธัมโมถีบอกเบิ้มจนล้มลงไปกอง แล้วชักปืนหันมาเล็งสวนยอดแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
“ไอ้หนวด เอ็งไม่กล้ายิงหรอกวะ” ยอดปรามาส
ธัมโมง้างนกปืนมาดอย่างเท่ “อย่างมากก็ตายด้วยกัน”
ประชาชนรุมดูอย่างทึ่ง ยอดเริ่มใจไม่ดี
“นี่เอ็งเป็นใครกันแน่วะ”
“ให้กำนันศรไปเจอชั้นที่โรงพัก เดี๋ยวก็รู้เอง” ธัมโมว่า
ชาวบ้านไม้งามหันไปเม้าท์แตกกันเพราะเลื่อมใสในความกล้าของธัมโม เถ้าแก่ตง หมวยใหญ่ และย้งพากันมองอย่างชื่นชม ส่วนฝั่งของยอดรู้สึกเสียหน้า
มีเพียงเก่งที่มองธัมโมด้วยแววตานิ่งเฉย ยากจะคาดเดาว่าเธอรู้สึกเช่นไร

ที่โรงพักบ้านไม้งาม ตำรวจชั้นผู้น้อยเดินผ่านไปมา ธัมโมยืนกอดอกมองสำรวจสภาพโรงพักอย่างใช้ความคิด ก่อนจะเหลือบมามองเก่งที่นั่งจ้องเขาอยู่อย่างสังเกตสังกา
“ไหนบอกว่ามีธุระไง”
“มี แต่ผมอยากลุ้นก่อน ว่าคุณจะเอาตัวรอดยังไง”
ธัมโมยิ้ม “เป็นห่วงด้วยเหรอ”
“เฮอะ” เก่งแค่นหัวเราะอย่างหมั่นไส้ก่อนจะเมินหน้า
ด้าน ย้ง เถ้าแก่ตง และหมวยใหญ่ซึ่งนั่งรวมกันอยู่อีกมุมหนึ่ง
“อาย้ง ลื้อกลับบ้านเหอะ เชื่อป๊าสิ อย่าแจ้งความเลย” เถ้าแก่ตงดูเป็นกังวล
ย้งไม่ยอม “ได้ไงล่ะป๊า ชั้นถูกปล้นนะ ตามกฎหมายชั้นมีสิทธิ์แย้ง”
หมวยใหญ่ปราม “อาย้ง ถ้ากำนันศรอีออกโรงแบบนี้นะ” กระซิบน้องชายเบาๆ “แสดงว่าอีต้องมีเอี่ยว ลื้อไม่เสียวบ้างเหรอ ขวางทางเถื่อน นรกมาเยือนนะ”
ตี๋ย้งขาใหญ่แห่งบ้านไม้งามยืนกราน “ไม่รู้ล่ะ ผิดถูกต้องว่าตามเหตุผลสิ ถ้ากำนันศรทำอะไรก็ถูกกฏหมายไปหมด แล้วบ้านไม้งามจะมีตำรวจไว้ทำไม”

จ่าไชโยเดินเข้ามาทันได้ยินพอดี ส่งเสียงมาก่อน “มีไว้เฝ้าจอมปลวกมั้งไอ้ย้ง”

ทุกคนมองไปเห็นจ่าไชโยเดินขึ้นมาบนโรงพัก เหล่ไอ้ย้งทีหนึ่งและหันมามองธัมโม
 
“ไหน ใครเป็นคนจับโจร”
ย้งชี้ไปที่ธัมโมกับเก่ง
“แล้วใครที่มีเรื่องกับไอ้ยอด”
ธัมโมบอก “ผมเอง”
“คุณ! คุณตายแน่ รู้ตัวรึเปล่า” จ่าไชโยว่า
“กำนันศรไม่ใช่ตำรวจ เค้ามีสิทธิ์อะไรมาสอบผู้ต้องหา” ธัมโมถาม
“ตามกฏหมายเค้าไม่มี แต่ที่นี่คือบ้านไม้งาม มีแต่เทวดาเท่านั้น ที่กล้าขัดใจกำนันศร” จ่าไชโยอวดโอ้สรรคุณคับฟ้าของกำนันศร
เก่งสุดจะทน “นี่พวกคุณเป็นตำรวจนะ ไปกลัวคนอื่นทำไม”
หมู่โอฬารหันมาทางเก่ง “ตำรวจก็ตายเป็นเหมือนกันนะน้อง กำนันศรมีคนมีอาวุธมากกว่าตำรวจตั้งหลายเท่า”
จ่าไชโยเสริม “ใช่ แถมมีเงิน มีอำนาจล้นฟ้า ขนาดเจ้านายเก่าผมยังสู้ไม่ไหว”
ธัมโมถามอย่างสงสัย “แล้วเจ้านายคุณอยู่ที่ไหน”
จ่าไชโยสีหน้าสลดลง “สารวัตรขอย้าย ส่วนผู้กองเป็นไข้โป้งตายไปสองเดือนแล้ว ไอ้คนใหม่ยังไม่มา กรรมถึงได้มาตกที่ผมไง”

จังหวะนั้นยินเสียงแตรรถดังขึ้น หมู่โอฬารเดินไปดูที่หน้าต่างและพบว่ากำนันศรมากับไอ้ยอดและสมุนเป็นโขลง
“อุ๊ยจ่าครับ กำนันศรมาแล้วครับ พาคนมาเยอะเลย” หมู่โอฬารบอก
“ดีครับ” จ่าไชโยสะดุ้งโหยงเมื่อนึกขึ้นได้ “อร้าย กำนันศรมาเหรอครับ ซวยแล้วไง” รีบหันมาพูดกำชับธัมโม “เดี๋ยวคุณรออยู่นี่นะ ผมจัดการเองแล้วห้ามโผล่ออกไปเด็ดขาด”

ขบวนรถจี๊ป รถกระบะของกำนันจอมอิทธิพลแล่นมาจอดหน้าโรงพัก กำนันศรก้าวลงจากรถ อย่างองอาจ ก่อนจะเห็นไชโยกับโอฬารเดินลงจากโรงพักมาต้อนรับอย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับท่านกำนันที่เคารพ มีอะไรให้ตำรวจอย่างผมรับใช้เหรอครับ” จ่าไชโยยิ้มแย้ม
“ไม่ต้องมากความจ่าไชโย ไอ้นั่นอยู่ไหน” กำนันศรหมายถึงกลุ่มของธัมโม
จ่าไชโยงวยงง “ไอ้นั่น? อันไหน? เอ้ยคนไหนครับกำนัน”
หมู่โอฬารพูดประสาซื่อ “คงหมายถึงพวกคนร้ายน่ะจ่า กำนันเค้าจะพาไปสอบสวน”
“อ๋อ ได้ครับ เดี๋ยวผมจะไปเชิญมาให้”
พูดจบจ่าไชโยจะวิ่งกลับเข้าด้านในโรงพัก กำนันศรเรียกไว้ “เดี๋ยว”
จ่าไชโยตกใจจนตกบันได “อุ๊ย ครับๆ กำนัน”
“ไอ้พลเมืองดีที่จับคนร้ายน่ะ ลากมันมาด้วย ชั้นอยากเห็น” กำนันศรสั่งเข้ม
จ่าไชโยออกตัวแทน “เอ่อ เค้าเป็นแค่คนผ่านมาเท่านั้นเองครับกำนัน อย่าไปสนเลยครับ”
ยอดสามหาวสั่ง “จ่า ไปเรียกมันลงมา หรือจะให้พวกชั้นบุกขึ้นไป”
จ่าไชโยกับหมู่โอฬารได้แต่อึกอัก กำนันศรจึงบุ้ยใบ้หน้าสั่งการยอดเป็นนัยๆ
ยอดรับทราบ “เฮ้ย บุกเว้ยพวกเรา”
ทว่ายินเสียงธัมโมดังขึ้นมา “ไม่ต้อง”

ทุกคนมองไปทางเสียงเห็นธัมโมเดินนำหน้า ย้ง เถ้าแก่ตง และหมวยใหญ่ออกมาจากโรงพัก ในขณะที่เก่งตามมาที่ขอบประตูและยืนกอดอกเท่ๆ คอยดูสถานการณ์อย่างสนใจ
“ชั้นอยู่นี่” ธัมโมเอ่ยขึ้น
ตี๋ย้งสะกิดอย่างเป็นห่วงสวัสดิภาพ “พี่ชาย อย่าเสี่ยงเลยพี่ กำนันศรน่ะดุกว่าเสืออีกนะ”
จ่าไชโยบ่นเบาๆ “ตายละทีนี้ บอกให้อยู่ข้างใน ดันออกมาทำไมวะ”
หมู่โอฬารกระซิบ “คนมันถึงที่ตายอ่ะจ่า ยังไงก็ไม่รอด”
กำนันศรก้าวลงจากรถมาเผชิญหน้าธัมโม
“ไอ้หนุ่ม เอ็งกล้าดียังไงวะ ถึงเรียกยมบาลมาเจอหน้าเอ็งหนังเหนียวหรือไง” กำนันศรเยาะ
“ชั้นชื่อธัมโม ชั้นไม่ได้หนังเหนียว แต่ชั้นมาที่บ้านไม้งามแห่งนี้ในนามของผู้รักษากฎหมาย”
สีหน้าทุกคนแปลกใจ เมื่อธัมโมหยิบซองเอกสารซองหนึ่งส่งให้จ่าไชโยรับไปเปิดอ่าน
“ร้อยตำรวจเอกธัมโม พิทักษ์ธรรม” จ่าไชโยอ่านเสียงดังฟังชัดไปทั่วบริเวณ
หมู่โอฬารตะลึงมองจ้อง “ผู้กองคนใหม่”
ยอดรีบถามกำนันศรว่าสถานการณ์พลิกจะเอาไง “กำนันครับ”
กำนันศรแทรก “หุบปากไอ้ยอด” หันมาพูดกับธัมโมเหน็บดูในที “เปิดเกมดีมากผู้กอง เปิดได้สวย แต่เสียดายผิดกาละเทศะไปนิดนึง
ธัมโมกวนใส่ “ถ้างั้น….ผมควรทำยังไง”
“ไว้โอกาสหน้า ผมจะสั่งสอนให้” กำนันศรพูดนิ่มนิ่ง
“เชิญครับ วันไหน เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะเราต้องเจอกันอีกแน่”

การมาถึงของมือกฎหมายหน้าใหม่ไม่กลัวตาย กล้าเผชิญหน้ากับพญามัจจุราชแห่งบ้านไม้งาม ทำเอาทุกคนต่างลุ้นระทึก
เก่งเองก็มองด้วยความสนใจ แต่ขณะนั้นสายตาของหญิงสาวแอ๊บแมนก็พลันเหลือบไปเห็นชายขี้เมาคนหนึ่งยืนปะปนอยู่กับกลุ่มชาวบ้าน เก่งเขม้นมอง จำได้แม่นว่าเป็นครูเพิ่มครูของเธอในวัยเด็กนั่นเอง
ครูเพิ่มซึ่งปัจจุบันไม่ได้รับราชการอีกต่อไป เมื่อเห็นว่าไม่มีเรื่องราวบานปลาย ก็ยกเหล้าขึ้นจิบแล้วเดินกอดขวดจากไปเงียบๆ โดยไม่รู้เลยว่าเก่งได้มองตามอย่างไม่ละสายตา

เก่งเพ่งมองเห็นขาข้างหนึ่งของครูเพิ่มพิการ โดยไม่รู้ว่าถูกยิงโดยกำนันศรคนชั่วนั่นเอง

นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 1 (ต่อ)

สามพ่อลูก เถ้าแก่ตง ย้ง และหมวยใหญ่กำลังกลับบ้าน พากันเดินมาตามทางในหมู่บ้านไม้งาม อาการเถ้าแก่ตงนั้นยังสะใจไม่หาย กับเหตุการณ์ที่โรงพักเมื่อครู่นี้

“ฮ่าๆๆ สะใจจริงๆโว้ย ตั้งแต่เกิดมา อั๊วไม่เคยเห็นไอ้กำนันมันหน้าเจื่อนขนาดนี้มาก่อนเลย อาผู้กองคนใหม่อีหักเหลี่ยมแจ๋วจริงๆ”
ย้งก็ด้วย “นั่นสิป๊า ท่าทางตงฉินแบบนี้นะ รับรองกำนันศรต้องเจอดีแน่”
มีหมวยใหญ่เห็นต่างคนเดียว “โอ๊ย...มาใหม่ก็แบบนี้ทุกคนแหละไอ้ย้ง พออยู่นานๆ ไป ถ้าไม่กินใต้โต๊ะ ก็ลงไปนอนคุยกับปลวกในหลุม อย่างผู้กองคนก่อนนั่นไง”
เถ้าแก่ตงปรามลูกสาวดาวยั่ว “ฮ่ายย แต่อั๊วว่างานนี้ต้องมีพลิกล็อคแน่ ไอ้กำนันศรมัน…”
จังหวะนั้นย้งเหลือบตาเห็นอะไรเข้าบางอย่าง รีบยกมืออุดปากพ่อเอาไว้
เถ้าแก่ตงฮึดฮัด ดึงมือลูกชายออกพัลวัน
“เว้ย ถุยๆ ลื้ออุดปากทำไมวะไอ้ย้ง อั๊วจะด่าไอ้กำนันชั่ว”
ย้งเปลี่ยนท่าทีเป็นหลังตีน “กำนันไม่ชั่วนะป๊า กำนันศรเป็นคนดี” แล้วป้องปากพูดบอกพ่อเบาๆ “หมอวาสนายืนอยู่ตรงโน้น”
เถ้าแก่ตง กับหมวยใหญ่มองไปเห็นหมอวาสนายืนจูงจักรยานฝืนยิ้มให้อยู่ตรงหน้า
หมวยใหญ่แก้เก้อทักทายขึ้นก่อนใคร “เอ่อ..หมอ……มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ”
เถ้าแก่ตงบ่นอุบ “ซวยแล้วกู ปากหนอปาก”
วาสนาทำใจแล้ว ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องถามดื้อๆ “แขนไปโดนอะไรมาเหรอย้ง”
ย้งมองแผลที่โดนยิง นึกขึ้นได้ว่าโดนลูกหลงของผู้กองธัมโม

ที่สถานีอนามัยบ้านไม้งามในเวลาต่อมา ยินเสียงวาสนาพูดนำขึ้นก่อน “นี่ผู้กองคนใหม่เค้าไม่กลัวตายหรือไงนะ มาถึงก็บู๊ซะขนาดนี้”
วาสนาถามขณะกำลังเย็บแผลให้ย้ง
“ไม่เลยครับหมอ ขนาดกำนันศรพ่อคุณหมอยังต้องซูฮกเลยครับ”
วาสนาพยักหน้าหงึกหงักพลางก้มหน้าเย็บแผลที่ต้นแขนย้งอย่างตั้งใจ โดยไม่รู้เลยว่าขณะนั้นไอ้ย้งก็แอบสูดกลิ่นหอมๆ จากเรือนผมของเธอ” พลางลอบมองอย่างรักสุดหัวใจ
“แปลกนะ ชั้นไม่เคยเห็นพ่อยอมใครมาก่อนเลย สงสัยผู้กองคนใหม่คงมีของดีละมั้ง” วาสนาแซวขำๆ
ตี๋ย้งเคลิ้มอยู่ “นั่นสิครับ ของเค้าดีจริงๆ ขาวเนียน นิสัยดี น่ารัก”
วาสนางง “หือ! น่ารัก??”
ย้งรีบเปลี่ยนท่าที “อ๋อคือผู้กองเค้า น่าคบครับ ทั้งหล่อทั้งเก่ง”
วาสนาประชดส่ง “ผิดกับพ่อชั้นเลยสินะ น่ารังเกียจ แถมยังใจร้ายอีก”
ย้งสลด “คุณหมอคงไม่โกรธครอบครัวผมนะครับ ที่นินทาพ่อคุณหมอ”
สีหน้าวาสนาสลดลงอีก “ชั้นเข้าใจย้ง ไม่มีใครชอบพ่อชั้นหรอก เผลอๆ อาจมีคนที่อยากจะฆ่าพ่อชั้นด้วยซ้ำ”

เวลาเดียวกัน ที่ถนนเล็กๆ หน้าบ้านครูเพิ่ม เก่งมีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะเดินสะกดรอยตามครูเพิ่มกลับบ้าน เห็นครูเพิ่มเมาโซเซเข้าบ้านไป ตรงหน้าบ้านมีซากรถวางกองอยู่ และติดป้ายรับซ่อมและซื้อขายอะไหล่รถยนต์
เก่งมองสภาพความเป็นอยู่ของครูเพิ่ม แล้วนึกหดหู่ลึกๆในใจ เหตุการณ์ในอดีตโผล่เข้ามาในหัวหญิงสาวมาดแมน

ตอนกลางวันวันนั้นที่หน้าบ้านผู้ใหญ่ทอง ด.ญ.บัว ด.ญ.แก้ว ครูเพิ่ม
เด็กหญิงแก้วกำลังซ้อมชกต่อยอยู่กับกระสอบทราย โดยมีผู้ใหญ่ทองคอยกำกับดูแลอยู่ ขณะที่บัวกำลังนั่งทำการบ้านโดยมีครูเพิ่มคอยแนะนำ
“นี่ ยังทำการบ้านไม่เสร็จอีกเหรอบัว เดี๋ยวต้องซ้อมมวยต่อนะ” ผู้ใหญ่ทองหันมาหาลูกสาว เสียงดุ
“โหย ให้แก้วซ้อมไปคนเดียวเหอะพ่อ บัวต้องทำรายงาน”
“อย่าขี้เกียจนะบัว บ้านเรามันแดนเถื่อน ลูกต้องหัดฝึกวิชาต่อสู้เอาไว้ จะได้ป้องกันตัว”
เด็กหญิงบัวย่นหน้าทำเป็นหูทวนลม ครูเพิ่มได้โอกาสจึงเอ่ยสอนสั่ง
“ความรู้เป็นสิ่งสำคัญนะบัว แต่วิชาการต่อสู้ก็สำคัญไม่แพ้กันเหมือนคนเราจะอยู่รอดได้ ต้องฉลาดแล้วก็แข็งแรงด้วย”
แก้วชะงักหมัด ก่อนจะหันมา “เหมือนครูเพิ่มกับพ่อผู้ใหญ่ที่ช่วยกันพัฒนาหมู่บ้าน”
ผู้ใหญ่ทองยิ้ม “ใช่ อีกคนคิด อีกคนนึงทำ เพื่อรับใช้บ้านเกิด”
ครูเพิ่มยิ้มให้ผู้ใหญ่ทอง แก้วมองคนทั้งสองอย่างเลื่อมใส
ส่วนบัวเซ็งจัด “การบ้านเสร็จแล้ว บัวไปอ่านการ์ตูนนะ”
ว่าแล้วบัวก็คว้าการ์ตูนเรื่องโปรด “อัศวินหน้ากากดำ” ติดมือไป แก้วร้องตาม
  
“คุณบัว แก้วไปด้วย”

แก้วหรือเก่งในตอนนี้ ดึงตัวเองกลับมา มองเข้าไปในบ้านครูเพิ่ม เห็นว่ายังมีรูปของครูเพิ่มถ่ายกับผู้ใหญ่ทองแขวนอยู่ฝุ่นจับหนาเตอะ บรรยากาศภายในบ้านมืดมัว ครูเพิ่มซึ่งตอนนี้ไม่ได้เป็นครูแล้ว กำลังนั่งดื่มเหล้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก

ในระหว่างนั้นก็เห็นเงาหรือได้ยินเสียงคนเดินมาที่หน้าประตู
“นั่นใครวะ โผล่หัวออกมา” ครูเพิ่มตะโกนขึ้น
เก่งโผล่ออกมาที่ประตูพูดจาดูหมิ่น “เนี่ยเหรอครูเพิ่ม คนที่ผู้ใหญ่ทองเคยยกย่องนับถือ ตาแก่ขี้เมาชัดๆ”
ครูเพิ่มหรี่ตาเพ่งมอง “ชั้นว่า.. ตะกี๊ชั้นเห็นแกที่โรงพักใช่มั้ยไอ้หนุ่ม แกต้องการอะไร”
เก่งสวนคำออกมา “จำชั้นไม่ได้เหรอครู”
ครูเพิ่มจดสายตามองจ้องเก่งหัวจรดเท้า แล้วนึกระแวงว่าเก่งต้องไม่มาดีแน่ จึงตัดสินใจปาขวดเหล้าในมือใส่ทันที เก่งโยนกระเป๋าสัมภาระทิ้ง แล้วพลิกตัวเตะขวดจนแตกกระจาย ก่อนจะตั้งการ์ดมวย ด้วยลีลากวาดขาเฉียงไปด้านหลังอันเป็นเอกลักษณ์ จนบังเกิดเป็นรอยเสี้ยววงกลมที่พื้น
ครูเพิ่มมองรอยฝุ่นที่พื้น ก่อนจะเงยหน้ามองเก่งอีกครั้งอย่างตกตะลึง
เก่งบอก “ผู้ใหญ่ทองเป็นคนสอนมวยให้ชั้น ชั้นรู้ว่าครูต้องจำได้”
ครูเพิ่มอุทาน น้ำเสียงตื่นเต้น “แก้ว…นังแก้ว…นี่เอ็ง…เอ็งยังไม่ตาย”
เก่งยิ้มรับคำอย่างเท่ๆ
จังหวะนั้น เก่งหรือแก้ว ลูกสาวผู้ใหญ่ทอง ได้ยินเสียงของแก้วดังแว่วเข้ามาในหัว
“แก้ว แก้ว”

หญิงสาวในคราบชายหนุ่ม พาตัวเองกลับไปสู่เหตุการณ์เมื่อ 13 ปีก่อน
ตอนนั้นแก้วถูกยิงตกน้ำ แล้วบัวกระโดดตามไป
แก้วซึ่งจมอยู่ในน้ำถูกดึงขึ้นมาโดยฝีมือของบัว
“แก้ว แข็งใจไว้นะ เกาะชั้นไว้แน่นๆ”
น้ำกำลังพัดร่างของแก้วกับคุณบัวไปที่น้ำตก บัวเห็นกิ่งไม้กิ่งหนึ่งยื่นลงมาในน้ำก็คว้าไว้ แต่กิ่งไม้นั้นเปราะมากทำท่าจะหัก จังหวะนั้นแก้วเสียหลักหลุดจากบัว แต่ยังดีที่บัวคว้าข้อมือไว้ทัน
“อย่าปล่อยนะแก้ว อย่าปล่อย”
เบื้องหน้าเด็กหญิงทั้งสองเป็นน้ำตกไหลเชี่ยวกราก…พร้อมจะกลืนกินทุกชีวิตให้หายสาบสูญไปทุกเมื่อ
แก้วกัดฟันพยายามยึดมือบัวไว้ แต่แผลถูกยิงที่หัวไหล่ที่มีเลือดทะลักไม่หยุด ทอนกำลังลงไปเรื่อยๆ

แก้วไม่ไหวแล้ว “บัว แก้วไม่ไหวแล้ว”
บัวร้องเสียงหลง “ไม่นะแก้ว อย่าปล่อยมือนะ ห้ามปล่อยเด็ดขาด”
กิ่งไม้ซึ่งบัวยึดอยู่เริ่มหักเพราะทานน้ำหนักไม่ไหว แก้วเห็นท่าไม่ดีแน่จึงตัดสินใจ
“สัญญานะคุณบัว คุณบัวจะต้องไม่ตาย คุณบัวจะต้องแก้แค้นให้พ่อผู้ใหญ่ เราสองคนจะต้องกลับมาที่นี่ มาล้างแค้นพวกไอ้ศร” แก้วพูดรัวเร็ว รู้ว่าเหลือเวลาน้อยแล้ว
บัวตะโกนห้าม “อย่าทำอะไรบ้าๆนะแก้ว อย่าปล่อยมือชั้น”
เด็กหญิงแก้วยิ้มอย่างเด็ดเดี่ยว ก่อนจะดึงมือออก ปล่อยร่างตัวเองให้ถูกซัดไปที่น้ำตก
บัวตกใจ ร้องตะโกนก้อง “แก้ว! แก้ว”

เก่งดึงตัวเองกลับมา สองคนยังสนทนากันต่อเนื่อง
“เอ็งโชคดีมากนังแก้ว ที่รอดตายมาได้ แล้วเอ็งกลับมาที่นี่ทำไม มันเสี่ยงมากนะ”
เก่งบอกแน่งนิ่ง “ชั้นไม่กลัว ชั้นจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคุณบัว” เก่งเน้นทุกถ้อยคำ “ไอ้กำนันศร กับพวกของมัน จะต้องได้รับโทษ”
ครูเพิ่มตะลึงงัน อหังการ์แห่งนางสิงห์เปิดฉากขึ้น ณ วินาทีนั้นแล้ว
เก่งเหลียวมองไปที่กระเป๋าของตัวเองที่ถูกโยนทิ้งไปตอนแรก

เห็นปากกระเป๋าเปิดอ้า..เผยให้เห็นด้ามของพลองศอกอาวุธประจำกายที่โผล่แลบออกมาให้เห็น

เวลานั้นยอดกำลังรินชาส่งให้กำนันศรอย่างเอาใจ สองคนและเบิ้มอยู่ในห้องรับแขกบ้านกำนัน กำนันศรจิบชาท่าทีครุ่นคิด

“ไอ้ผู้กองหนวดมันกล้าดียังไง ถึงมาลูบคมเจ้าถิ่นอย่างกำนันผมว่าเราสั่งสอนมันดีมั้ยครับ” ยอดประจบ
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ไอ้ยอด งานด่วนของเอ็งคือจัดการกับไอ้สามโจรนั่น”
ยอดเหลียวมองหน้ากันกับเบิ้ม
“จะแหกคุกเหรอครับกำนัน” เบิ้มถาม
กำนันศรพยักหน้าแทนคำว่าใช่ “ก่อนที่ใครจะรู้ ว่าพวกมันเป็นคนของข้า”

ทางด้านจ่าไชโยกับหมู่โอฬาร ขับรถจี๊ปมาส่งผู้กองธัมโมที่หน้าบ้านพักประจำตำแหน่ง
“ถึงแล้วครับผู้กอง หลังนี้ล่ะครับ บ้านพักประจำตำแหน่งของผู้กอง” โอฬารบอก
“ส่วนของผมกับหมู่โอฬารอยู่ถัดไปข้างในครับ” ไชโยว่า
ธัมโมบุ้ยใบ้หน้าไปยังบ้านอีกหลัง ที่อีกทางหนึ่งอย่างสงสัย “แล้วหลังโน้นล่ะ”
“อ๋อ สถานีอนามัยครับ ตอนกลางคืนไม่มีคนอยู่ ยกเว้นแต่บางทีคุณหมอวาสนาเธอทะเลาะกับพ่อ ก็อาจจะแวะมาค้าง” ไชโยสาธยาย
พอพูดถึงหมอวาสนาโอฬารก็ยิ้มๆ “คุณหมอสวยมากนะครับผู้กอง”
ธัมโมบอกเสียงดุ “ชั้นมาทำงานไม่ได้มาจีบสาว”
โอฬารรีบแก้ต่างแก้ตัว “แหม ก็แค่หยอกเล่นครับ ผู้กองนี่ไม่มีอารมณ์ขันซะบ้างเลย”
“นั่นสิครับ คนเรามันต้องมียุกยิก หงิกงอกันบ้างตามประสา” ไชโยเผยสันดาน
ธัมโมมองลูกน้องทั้งสองสีหน้าขรึมๆ สักพัก แล้วเอ่ยขึ้น เสียงจริงจัง
“ชั้นเคยได้ยินว่า ข้าราชการในบ้านไม้งามถูกกำนันศรปั่นหัวซะจนขาดระเบียบวินัย ก็ไม่รู้นะว่าจริงรึเปล่าแต่จากนี้ไป ชั้นจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นอีกเด็ดขาดดังนั้น ห้ามมีอารมณ์ขันประเภทยุกยิก หงิกงอ” มองหน้าหมู่กะจ่า “รับทราบ”
ไชโยกับโอฬารประสานเสียง “ครับผม”
ธัมโมยิ้มพอใจ ขณะที่จ่าไชโยกับหมู่โอฬารแอบเหลือบมาสบตากันดูแคลนว่า...มันจะไหวเหรอวะ
ย้งปั่นจักรยานมาส่งวาสนาที่หน้าบ้าน ก่อนจะลงจากรถแล้วส่งจักรยานคืนให้
“ขอบใจนะย้งที่มาส่ง”
“ไม่เป็นไรครับคุณหมอ ตอบแทนที่คุณหมอทำแผลให้ผมไงครับ”
“งั้นก็หาเรื่องเจ็บตัวบ่อยๆ นะ จะได้มาส่งทุกวัน”
ย้งยิ้มยิงฟันเป็นแผง “ได้เลยครับ ถึงไม่หาก็เจออยู่แล้วครับ”
วาสนายิ้มขำ “ไปล่ะ พรุ่งนี้เจอกัน”
จากนั้นหมอวาสนาก็เข็นรถจักรยานเข้าบ้านไป ย้งมองตามตาเยิ้มยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ก่อนจะหันเดินกลับบ้าน แต่แล้วสักพักย้งก็ได้ยินเสียงรถแล่นมาจึงหันมองไป และได้เห็นยอดกับเบิ้มพร้อมลูกน้องอาวุธครบมือ กำลังนั่งรถมุ่งหน้าไปที่ใดที่หนึ่ง ยอดบีบแตรใส่ย้ง ตะโกนบอก
“มาเดินเกะกะอะไรแถวนี้โว้ย ไอ้ตี๋”
ย้งรำพึง “ไอ้ยอด มันจะพาลูกน้องไปถล่มใครอีกวะ” นิ่งคิด “หรือว่า…”

ส่วนทางด้านเก่งกำลังจัดเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า หญิงสาวหยิบพลองศอกแบบพับได้ออกมาวาง ใครเห็นอาจดูไม่ออกว่ามันคืออะไร? อาจแค่รู้สึกว่ารูปร่างมันประหลาดดีเท่านั้น เก่งหยิบหน้ากากสีแดงที่เย็บขึ้นเองออกมาดูอย่างเคร่งขรึม นึกถึงเรื่องราวตอนเด็กขึ้นมาอีก

เด็กหญิงบัวกับเด็กหญิงแก้วกำลังนอนอ่านการ์ตูนอยู่บนเสื่อด้วยกัน บัวนั้นนอนอ่าน ส่วนแก้วนั่งเกาะข้างๆ ในฐานะบ่าว
“หลังจากปราบพ่อมดร้ายลงได้ อัศวินหน้ากากดำ ก็ออกเดินทางร่อนเร่ต่อไป เพื่อกำราบคนพาล อภิบาลคนดี” บัวอ่านมาจนถึงตอนจบเรื่อง
“ว้า…จบแบบนี้ทุกตอนเลย” แก้วว่าขึ้นในอาการเซ็ง ขัดใจ
“เบื่อก็อย่าฟังสิ” บัวแซว
“อ้าว ก็มันสนุกนี่ โตขึ้นนะ แก้วอยากเป็นแบบอัศวินหน้ากากดำ” แก้วเริ่มเพ้อ “ออกพเนจรปกป้องชาวบ้าน คอยจัดการกับพวกคนไม่ดี”
“แหวะ อย่างเธอน่ะเหรอจะทำได้ยัยแก้ว ชั้นไม่เชื่อหรอก” บัวว่า

นึกถึงคำพูดประโยคนี้ เก่งหรือแก้วในวัยสาวกำลังนั่งมองหน้ากากในมือด้วยอารมณ์แค้น
“แก้วจะพิสูจน์ให้คุณบัวเห็น ว่าแก้วทำได้ แก้วจะจัดการกับพวกคนชั่วในบ้านไม้งาม จะกวาดล้างพวกมันให้สิ้นซาก!”

ก่อนจะก้มลงเอาใบหน้าทาบเข้ากับหน้ากากสีแดง แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองตัวเองในกระจกเงา แววตาใต้หน้ากากสีแดงคู่นั้นดูมุ่งมั่นและมาดหมายเอามากๆ

 
โปรดติดตาม "นางสิงห์สะบัดช่อ" ตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น