วันต่อมามีชาวบ้านมามุงดูรถสการที่จอดอยู่ริมถนน ต่างซุบซิบพูดคุยกันด้วยความสงสัยที่เห็นมีคนนอนนิ่งอยู่ในรถไม่ไหวติง
สักพักตำรวจจราจรเข้ามาเคาะกระจก สการค่อยๆสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา ลดกระจกให้ตำรวจจราจร
“มาจอดรถนอนทำไมแถวนี้คุณ รู้มั้ยว่ามันเกะกะขวางทางจราจร”
สการหน้างงๆหันไปมองเห็นว่ามีคนมุงรถตัวเองเต็มไปหมด ตำรวจสงสัย
“ท่าทางไม่น่าไว้ใจ เล่นยามาด้วยรึเปล่า ลงมาจากรถมาให้ค้นตัวสิ”
สการยังทำหน้างงๆ
“บอกให้ลงมา!”
สการเปิดประตูก้าวลงจากรถ พวกชาวบ้านพากันตกใจยกมือขึ้นปิดตาปี๋ ตำรวจจราจรตกใจรีบชักปืนออกมา
“ยกมือขึ้นแล้วเก็บอาวุธของแกเดี๋ยวนี้ ไอ้โรคจิต”
สการตกใจ
“อาวุธ ?...อาวุธอะไร”
“ก็นั่นไง ชี้เด่อยู่นั่น”
สการก้มมองต่ำที่เป้าตัวเองแล้วตกใจ เพราะตัวเองอยู่ในสภาพนุ่งกางเกงบ็อกเซอร์โล่งๆลมโชย
“เฮ้ย !!”
ชายหนุ่มรีบเอามือปิดเป้าสุดฤทธิ์
ณ สวนบุฑริก… ชิโลนั่งหัวเราะชอบใจคิกๆคักๆ แต่อุ้มสมหน้าเซ็งไม่ขำด้วย
“เอาน่าอุ้มสม เจ้าเลิกกังวลได้แล้ว เราสัญญาว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะเข้าไป ยุ่งกับชีวิตมนุษย์”
อุ้มสมถอนใจ
“ให้มันแน่เถอะว่าครั้งสุดท้ายจริงๆ”
“แน่สิ เป็นนางฟ้าจะโกหกได้ยังไง”
“งั้นก็ดีที่เจ้ารับปาก บอกตรงๆเรารู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดียังไงก็ไม่รู้ นึกถึงคำขู่ของ เทพบิดาเจ้า แล้วใจคอมันเต้นตุบๆ”
“เจ้าก็กังวลมากไป เอางี้ดีกว่า เราพาเจ้าไปเที่ยวเล่นที่หิมพานต์ดีมั้ย เผื่อจะสบายใจ”
ทันใดเสียงเทพบิดาดังขึ้น
“แค่ที่โลกมนุษย์ยังสนุกไม่พออีกเหรอชโลธร”
“ยังหรอกค่ะท่านพ่อ หิมพานต์มีเรื่องน่าสนุกกว่าเยอะ”
ชิโลเผลอลืมตัวนึกได้ว่าเป็นเสียงของท่านพ่อก็หน้าเสีย ยิ่งเห็นหน้าอุ้มสมเหลือแค่สองนิ้วก็ยิ่งเหวอ
“อะ...อะ..อุ้มสม...บอกเราทีว่า...เมื่อกี้นี้เราแค่หูแว่ว”
อุ้มสมไม่กล้าตอบได้แต่ส่ายหน้าว่าไม่ได้หูแว่ว ชิโลค่อยๆหันไปหาเทพบิดาที่ปั้นหน้าโกรธ รัศมีเทพเปล่งประกายจนเป็นสีแดงเข้ม ไฟลุกโชนอยู่ข้างหลัง
“ท่าน...ท่าน...พ่อ...”
ชิโลหน้าจ๋อย ซีดเผือด รัศมีรอบกายหม่นหมองลงไปทันที
หลายวันผ่านไป...สการยืนครุ่นคิดถึงหญิงสาวที่เขาตามจับแต่คว้าน้ำเหลว ในงานแต่งานดรัณ เขายืนเหม่อ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ตรีชฎาก็เปิดประตูเข้ามา
“ขออนุญาตค่ะผู้กอง”
สการหน้าตึง
“ผมตามคุณตั้งนานแล้วทำไมช้านัก ผมรอฟังความคืบหน้าของคดีอยู่นะ”
“ขอโทษค่ะ ผู้กองอยากได้ความคืบหน้าคดีไหนคะ คดีที่ผู้กองถูกมอมยาแล้ว..เอ่อ..เอ่อ...ถูกทิ้งไว้ในรถตัวเอง”
“คุณตรีชฎา !! ผมบอกแล้วไงว่าคดีนั้นไม่ต้องตามต่อ ผมไม่ได้เสียหายอะไร”
“แล้วผู้กองไม่อายเหรอคะ”
“ผมบอกว่าพอได้แล้ว รีบเอาความคืบหน้าคดีผู้หญิงที่ผมสั่งให้ตามมารายงานผมเดี๋ยวนี้”
สการสั่งเสียงเฉียบก่อนจะไปนั่งที่เก้าอี้
“ค่ะผู้กอง ดิฉันได้เทปหลักฐานจากกล้องวีดิโอในงานแต่งงานของผู้กองดรัณมาแล้ว แต่ว่า..คือ...”
“มีอะไรอีกล่ะ”
“ดิฉันไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ผู้กองควรจะดูเองดีกว่าค่ะ”
สการมองหน้าตรีชฎาอย่างสงสัย
ภาพในจอทีวีช่วงแรกๆ เป็นภาพบรรยากาศทั่วไปในงานแต่งงาน ที่ถ่ายจากกล้องวีดิโอของช่างภาพในงาน เห็นตั้งแต่สิริสุดาเดินเข้าพิธี จนถึงช่วงที่ประตูโบสถ์เปิดออกและชิโลก้าวเข้ามา
สการตั้งใจดูแต่พบว่าภาพในจอทีวีมีแสงสว่างจ้าแวบขึ้นมา จากนั้นเทปที่เหลือก็มีแต่ความว่างเปล่า
ภาพมาปรากฏอีกทีก็ตอนที่ในโบสถ์มีแต่ความวุ่นวายหลังจากที่ชิโลหนีออกจากโบสถ์ และสการวิ่งไล่ตามออกไป ทำเอาสการถึงกับงง
“ดิฉันดูเสร็จก็งงเหมือนอย่างที่ผู้กองกำลังงอยู่นี่แหละค่ะ ภาพที่ถ่ายในงานทั้งหมดไม่มีส่วนไหนเลยที่หายไป เว้นก็แต่ช่วงที่ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวขึ้น ดิฉันลองให้ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานตรวจเช็คอย่างละเอียดก็ไม่พบอะไรผิดปกติ”
“หมายความว่าภาพที่ถูกบันทึกมาเป็นอย่างนี้ตั้งแต่วันนั้น”
“ค่ะ ดิฉันลองให้กรอภาพดูช้าๆตรงมุมที่พอจะเห็นหน้าเธอบ้าง แต่ก็ไม่เห็นอยู่ดีเพราะมีแสงสว่างจ้ามากเกินกว่าที่ภาพจะจับได้”
สการยิ่งแปลกใจ นึกถึงเหตุการณ์ที่ไล่ตามหญิงสาวคนนั้น แล้วเธอก็หายตัวไปหลังจากที่มีแสงสว่างจ้า
“เหมือนกับตอนที่ผมวิ่งไล่ตามเธอไป น่าแปลกมาก มันไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เธอจะทำได้ยังไง”
“ได้สิคะผู้กอง ถ้าผู้หญิงที่เรากำลังตามตัวไม่ใช่คน...แต่เป็น..เป็นผี”
สการเหล่
“ตลกไปแล้วคุณตรีชฎา กลางวันแสกๆจะมีผีสางนางไม้ได้ยังไง ส่งเจ้าหน้าที่ไปเช็ครายชื่อแขกในงานทั้งหมด ดูว่ามีใครที่ถ่ายภาพติดผู้หญิงคนนั้นมาได้ ผมต้องการภาพเธอไว้ตามตัว จะได้รู้กันซะทีว่าเธอเป็นใคร”
ตรีชฎารับคำสั่งแล้วออกไป สการเครียดทันที กับสิ่งที่เขาเผชิญ
ชิโลกับอุ้มสมหน้าจ๋อยเหลือสองนิ้ว คอตกหน้าซีด เสียงอ่อย...
“ท่าน...ท่านพ่อรู้เรื่องได้ยังไงคะ”
เทพบิดามองไม่พอใจ
“พ่อรู้ทุกเรื่องนั่นแหละชโลธร เพราะพ่อรู้ว่ามีลูกสาวที่ไม่เหมือนเทพองค์อื่น พ่อถึงต้องคอยจับตาดูเจ้าเป็นพิเศษ”
ชิโลพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“เห็นมั้ยอุ้มสม ท่านพ่อยังชมเราเลยว่าเราแตกต่างจากเทพองค์อื่น”
เทพบิดาเสียงดัง
“ชโลธร !! หยุดเห็นทุกเรื่องเป็นเรื่องสนุกซะที”
เสียงเทพบิดาดังก้องจนสวรรค์แทบจะสั่นสะเทือน ชิโลหน้าเสีย อุ้มสมกลืนน้ำลายเอื๊อกตกใจรีบหลบหลังชิโล
“ครั้งนี้เจ้าเล่นสนุกจนเกินไปแล้ว อาจหาญถึงขนาดลงไปเปลี่ยนชะตากรรมของมนุษย์”
“ลูก...เอ่อ...ลูก...ลูกแค่อยากช่วย...”
“แบบนี้เหรอคือการช่วยเหลือ ลำพังแค่เจ้าไปเปลี่ยนชะตากรรมของคนหนึ่งคน มันก็มีความยุ่งยากเป็นผลตามมาอยู่แล้ว แต่นี่เจ้าเปลี่ยนแปลงถึงสองคนพร้อมๆกัน มันจะไม่ยิ่งยุ่งเหยิงเหรอไง เคยคิดบ้างมั้ยชโลธร”
อุ้มสมพยายามช่วย...
“ชิโล...เอ้ย...รัศมิชโลธรคงไม่ตั้งใจหรอกครับท่านเทพ”
“เจ้าก็เหมือนกันอุ้มสม เราเคยสั่งแล้วใช่มั้ยว่าให้คอยดูแลชโลธรให้ดี นี่อะไร แทนที่จะช่วยห้ามกลับไปเล่นสนุกด้วยกัน”
ทั้งอุ้มสมกับชิโลพากันหน้าเสีย พร้อมใจกันคุกเข่ายอมรับผิด
“พ่อปล่อยเจ้ามามากเกินไปแล้ว...รัศมิชโลธร ความผิดครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เห็นทีพ่อจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป”
ชิโลตกใจ
“ท่านพ่อจะกักบริเวณลูกอีกเหรอคะ”
“พ่อบอกเจ้าแล้วไงว่าถ้าเจ้าทำผิดอีกครั้ง เจ้าจะไม่ได้รับโทษแค่กักบริเวณ คราวนี้พ่อจะเนรเทศเจ้าลงไปโลกมนุษย์ !!”
ชิโลกับอุ้มสมถึงกับอึ้งตะลึงมองหน้ากันอย่างตกใจ
มณีแดนสรวง ตอนที่ 1 (ต่อ)
ในสวนบุณฑริกเวลานั้น...ชิโลแสร้างทำหน้าตายแกล้งตกใจ
“กลายเป็นอสูรหน้าบากเลยเหรอคะท่านพ่อ โห...แย่จังเลยนะคะ ใครกันนะที่กล้าทำกับ อสูรอย่างอสุเรศได้ ฝีมือต้องไม่ใช่ธรรมดาเลยทีเดียว”
“เจ้าไม่รู้เลยเหรอ”
“ลูกจะรู้ได้ยังไงล่ะคะท่านพ่อ ลูกกับอุ้มสมอยู่ที่สวนบุฑริกนี่ไม่ได้ออกไปไหนเลย”
เทพบิดาหรี่ตามองลูกสาวตัวเองที่ทำเนียนสุดฤทธิ์
“อุ้มสม!!”
อุ้มสมตกใจงกๆเงิ่นๆ
“เอ่อ...คะ...ครับท่านเทพ”
อุ้มสมดูมีอาการเหงื่อแตกพลั่กๆ ขืนปล่อยๆไว้พิรุธต้องออกมาจนโดนจับได้แน่ ชิโลรีบบอก
“อุ้มสมกับลูกมารอดูดอกปาริกชาติบาน เราก็เลยไม่รู้เรื่องข้างนอกเลยค่ะท่านพ่อ”
ชิโลหันไปจิกตาหน้ามองอุ้มสมให้รีบตอบ
“คะ...ครับท่านเทพ พวกเราได้ยินว่าดอกปาริกชาติใกล้จะบานแล้ว ก็เลยรีบมารอชม”
พรรณรายมองน้องสาวอย่างสงสัย
“แต่ก็อีกนานกว่าที่ดอกปาริกชาติจะบานนี่ชโลธร”
“แหมพี่พรรณรายก็...น้องมาจับจองที่ไว้ก่อน ถึงเวลาที่ดอกปาริกชาติส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ดาวดึงค์เมื่อไหร่จะได้ไม่ต้องมาแย่งที่กับเทพองค์อื่นไง เนอะอุ้มสมเนอะ”
อุ้มสมพยักหน้ารับหงึกๆ ชิโลทำเป็นยิ้มซื่อไร้เดียงสาสุดฤทธิ์ พรรณรายหันไปบอกเทพบิดา
“ท่านพ่อคะ จะว่าไป ถ้าชโลธรเป็นฝ่ายทำร้ายอสุเรศอย่างที่ท่านพ่อสงสัย บิดาของ อสุเรศก็ต้องไม่พอใจมาก คงไม่นิ่งเฉยอย่างนี้หรอกค่ะ”
เทพบิดานิ่งไปครู่
“ที่พ่อสงสัยเจ้า เพราะเจ้าไม่เหมือนเทพนารีองค์ไหนบนดาวดึงส์เลย ความซุกซน ของเจ้าทำให้พ่อต้องระแวงทุกเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อพวกเราเหล่าเทพ”
ชิโลรีบอ้อน
“ลูกไม่ได้เป็นเทพที่ชอบสร้างปัญหานะคะ ท่านพ่อน่าจะภูมิใจด้วยซ้ำไปที่ลูกเป็นเทพที่ชอบ คิดนอกกรอบ ขนาดมนุษย์โลกยังรู้จักพัฒนาตัวเองจนจะไปดาวอังคารได้อยู่แล้ว เทวดาก็ ไม่ควรจะนิ่งเฉยจนตามมนุษย์ไม่ทัน”
เทพบิดาโกรธ
“ชโลธร !!”
พรรณรายรีบปรามน้อง
“เอ่อ...ท่านพ่อคะ ลูกสัญญาว่าจะช่วยดูแลน้องให้ดี ไม่ให้ก่อเรื่องซุกซนอีก”
พรรณรายไม่อยากให้น้องถูกดุ จึงหันไปปรายตามองให้เงียบไปก่อน เทพบิดาประกาศเสียงเข้ม
“จำไว้นะชโลธร ถ้าเจ้าก่อเรื่องเดือดร้อนขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ ครั้งนี้จะไม่ใช่แค่กักบริเวณ เหมือนที่ผ่านมาแน่”
เทพบิดากำชับจริงจังก่อนจะเดินหายวับไป ชิโลแอบหันมามองหน้ากับอุ้มสมแล้วแอบเป่าปาก ก่อนจะหันมายิ้ม แห้งๆกับรัศมิพรรณราย...แหะๆๆ
ชิโลเดินตามพี่สาวที่พยายามตักเตือนน้องสาวเต็มที่
“ครั้งนี้ท่านพ่อไม่ขู่น้องอย่างเดียวนะชโลธร น้องควรจะต้องหยุดซุกซน เลิกทำเรื่องวุ่นวาย”
“น้องก็รับปากแล้วไงคะพี่พรรณราย” ชิโลบอกอย่างเบื่อๆ
“ถ้าโกหกก็ผิดศีลข้อสี่ เป็นเทวดานางฟ้าอย่างน้อยต้องรักษาศีลให้ครบทั้งห้าข้อ”
ชิโลชะงักหน้าเจื่อน
“เรื่องนั้นน้องทราบค่ะ เครื่องประดับหรือดอกไม้ใดก็หาค่าเท่ากับ ประดับด้วยศีลไม่”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ไว้ใจน้องได้แล้ว”
“ค่ะพี่พรรณราย”
“งั้นก็รีบไปเถอะ ได้เวลาที่ต้องไปเรียนวิชาพรหมลิขิตแล้วไม่ใช่เหรอ”
อุ้มสมนึกขึ้นได้
“แย่แล้ว ลืมซะสนิทเลย...ขืนตกวิชานี้มีหวังได้ซ้ำชั้นอีกแน่ รีบไปกันเถอะ ชิโล”
ปีกของอุ้มสมค่อยๆงอกออกมาแล้วกระพือบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ชิโลหันมามองพี่สาวยิ้มให้นิดนึงก่อนจะขยับปีกบินตาม อุ้มสมไป พรรณรายมองส่งน้องแล้วส่ายหน้า
“ชิโล ?..นั่นมันชื่อแบบมนุษย์นี่ สงสัยต้องห้ามเด็ดขาด ไม่ให้หนีไปเที่ยวเล่นบนโลกมนุษย์ อีก”
ในห้องเรียนวิชาพรหมลิขิต เป็นห้องโล่งๆขาวโพลน พระกามเทพถือสมุดปกหนังเดินทองเล่มใหญ่ อยู่หน้า กลุ่มเทวดานางฟ้าที่กำลังเข้าเรียนวิชาพรหมลิขิต ระหว่างนั้นชิโลกับอุ้มสมรีบวิ่งเข้ามา
พระกามเทพหรี่ตามองทั้งคู่ด้วยหางตาเชิงตำหนิ ชิโลกับอุ้มสมรีบเดินตัวลีบเข้าไปหลบหลังเทวดานางฟ้าองค์อื่น
“วันนี้เราจะมาทบทวนเรื่องพรหมลิขิตของมนุษย์กันอีกครั้ง”
พระกามเทพเอาสมุดพรหมลิขิตขึ้นมาวางที่แท่นแล้วค่อยๆเปิดสมุดออก แสงสว่างเจิดจ้าออกมาจากหนังสือ
รายชื่อของมนุษย์ลอยออกมานับร้อยนับพันนับหมื่นล่องลอยอยู่รอบๆตัวเทวดานางฟ้าทุกองค์ แต่ละชื่อจะมีเส้น สายโยงใยเชื่อมหาคนนั้นคนนี้เหมือนใยแมงมุม พันกันให้วุ่นไปหมด
“อุ้มสม...บอกอาจารย์มาสิว่าเส้นสีเขียวที่เชื่อมโยงรายชื่อมนุษย์ที่ลอยอยู่ตรงหน้าเจ้าหมาย ถึงอะไร”
อุ้มสมชะงัก
“เอ่อ...เอ่อ...” อุ้มสมเหล่มองชิโลที่มุบมิบช่วย “อ๋อ...เส้นสีเขียวที่เกิดขึ้นระหว่างมนุษย์ สองคนนั้นคือการทำบุญร่วมกันมา เป็นคู่แท้ที่จะได้ร่วมหอลงโรงกันครับพระอาจารย์”
อุ้มสมตอบได้ถูก แอบเป่าปากโล่งอก พระกามเทพเลยหันมาถามชิโล
“แล้วเส้นสีแดงที่เชื่อมโยงรายชื่อเหล่านั้นล่ะรัศมิชโลธร”
“เส้นสีแดงที่เชื่อมเข้าหากันแปลได้ว่ามนุษย์คู่นั้นไม่ใช่เนื้อคู่กัน แต่เป็นคู่เวรคู่กรรมที่ทำ กรรมกันมาแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้เลยต้องกลับมาพบกันอีกครั้ง”
“ดีมาก”
ชิโลได้รับคำชมเลยยืดอกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่สายตาจับจ้องไปที่สมุดปกหนังอย่างสนใจดูคิดอะไรสนุกๆไว้อีก
หลังจากหมดชั่วโมงเรียน ในห้องเรียนไม่มีใครอยู่แล้ว ชิโลแอบย่องเข้ามาอย่างเงียบๆ อุ้มสมตามมาด้วย พลางบ่น
“ชิโล...อย่าทำอย่างนี้เลย ถ้าพระอาจารย์รู้เข้ามีหวังโดนปรับตกวิชาพรหมลิขิตแน่”
“ชู่ว์..เบาๆสิอุ้มสม ถ้าเจ้าเสียงดัง รับรองว่าพระอาจารย์มาเห็นแน่”
ชิโลบอกอุ้มสมแล้วรีบเดินไปที่แท่นวางสมุดปกหนัง ชิโลจะเปิด อุ้มสมร้องห้าม...
“อย่านะชิโล...อย่าเปิด”
อุ้มสมห้ามไม่ทันชิโลเปิดสมุดพรหมลิขิตออก รายชื่อของมนุษย์ล่องลอยออกมาเหมือนตอนเข้าวิชาเรียน
“รีบปิดสมุดเถอะชิโล เลิกหาเรื่องใส่ตัวเองซะที”
“ใครว่าเราหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเอง เรากำลังทำหน้าที่ช่วยเหลือมนุษย์อยู่ต่างหาก”
ชิโลมองรายชื่อที่ล่องรอยอยู่รอบตัว อย่างสนใจเหมือนหาอะไรสักอย่าง
“อยู่นี่เอง”
ชิโลหยุดที่ชื่อมนุษย์สองชื่อที่มีเส้นสีแดงเชื่อมโยงเข้าหากัน อุ้มสมมองอย่างสงสัย
“มนุษย์คู่นี้ถูกเชื่อมด้วยเส้นสีแดง แสดงว่าพวกเขาไม่ใช่เนื้อคู่กัน มาสิอุ้มสมเราจะให้เจ้าดู อะไร...”
อุ้มสมลังเล
“มาเถอะน่า”
อุ้มสมเข้ามาใกล้ชิโลใช้นิ้วจิ้มที่ชื่อทั้งสองชื่อซึ่งก็คือชื่อของ “ดรัณ” และ “สิริสุดา” อุ้มสมมองอย่างแปลกใจรีบถาม
“มนุษย์คู่นี้จะลงเอยด้วยการแต่งงานกันเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเห็นชีวิตพวกเขาตอนที่กำลังเรียนอยู่ เลยปล่อยไว้ไม่ได้ เพราะคนที่ไม่ได้เกิด มาเป็นคู่แท้ของกันและกัน ถ้าขืนปล่อยให้เขาแต่งงานกันไป ไม่นานก็ต้องหย่ากัน”
“แต่ชีวิตของเขาสองคนถูกลิขิตมาไว้แบบนั้นนะ”
“มันก็ใช่ แต่เราเป็นเทพนะอุ้มสม ในเมื่อเรามีโอกาสได้เห็นว่าชีวิตของมนุษย์จะลงเอยใน ทางที่ไม่ดี ทำไมเราถึงยังได้เมินเฉยไม่ยอมช่วยเขา”
“เพราะเราไม่ได้มีหน้าที่แบบนั้นไง”
“ทำเรื่องดีๆไม่จำเป็นต้องเกี่ยงให้เป็นหน้าที่คนอื่นหรอก ยังไงฉันก็ต้องไปช่วยพวกเขา”
“ช่วย !! เจ้าจะช่วยเขายังไง”
“ระหว่างที่เราคุยกันอยู่ เวลาที่โลกมนุษย์เดินหน้าไปเรื่อยๆ ตอนนี้พวกเขาคงกำลังจะเข้าพิธี แต่งงานกัน นางฟ้าแสนดีอย่างชิโล ต้องไปยับยั้งไม่ให้พวกเขาแต่งงานกัน”
ชิโลปิดสมุดแล้วยิ้มแบบร้ายบริสุทธิ์ ผิดกับอุ้มสมที่กลืนน้ำลายเอื๊อก แววมาแล้วว่าต้องเดือดร้อนแน่
ท่ามกลางทุ่งหญ้าและฝูงแกะ สวยงาม… สการขับรถมาตามถนนลูกรัง เสียงเพลง เล่นของสูง ของ Big Ass ดังออกมาจากเครื่องเล่น CD ก่อนเสียงจะขาดๆหายๆเหมือนถูกคลื่นรบกวน สการแปลกใจที่เพลงถูกคลื่นรบกวน แถมอยู่ๆบนท้องฟ้าก็มีแสงบางอย่างพุ่งพาดผ่าน ทำให้สการต้องแหงนหน้ามองอย่างสงสัย ก่อนนะหันมาตกใจ ร้องเสียงหลงเพราะเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีขาวยืนขวางถนน
“เฮ้ยยย !”
ชิโลที่กำลังยืนงงๆ หันมาเห็นรถกำลังพุ่งมาที่ตัวเองก็ตกใจร้องเสียงหลงเหมือนกัน
“ว้ายยย!”
สการกระทืบเบรคแล้วรีบหักพวงมาลัยหลบ รถพุ่งออกจากถนนไปนิ่งสนิทที่พงหญ้าข้างทาง
ชายหนุ่มหัวกระแทกพวงมาลัยจนเจ็บ แต่ก็รีบลงจากรถมาต่อว่าหญิงสาวคนนั้นทันที
“มายืนขวางถนนแบบนี้ อยากตายเหรอไงคุณ”
สการต่อว่าไปแล้วก็ต้องแปลกใจเพราะรอบๆตัวไม่มีแม้แต่เงาคน มีแต่ฝูงแกะ อยู่ข้างทางที่ส่งเสียงร้อง…แบะๆๆๆ
อุ้มสมลากชิโลเข้ามาที่สวนสวยๆในบริเวณรีสอร์ท พลางบ่น
“เกือบเป็นเรื่องแล้วมั้ยชิโล ถ้ามนุษย์คนนั้นเกิดรถคว่ำตายขึ้นมา บาปกรรมตกมาถึงเจ้าแน่”
“เราตั้งใจให้เกิดอุบัติเหตุที่ไหนล่ะ นึกว่าจะโผล่มาวันแต่งงานพอดี”
“ก็เพราะเจ้าใจร้อนพูดปุ๊บก็มาปั๊บไง เราว่าเลิกเถอะ อย่าไปยุ่งกับชีวิตของมนุษย์เลย กลับ สวรรค์ดีกว่า”
ชิโลรีบห้าม
“เดี๋ยว…ไหนๆก็มาแล้ว เราจะไม่นั่งดูมนุษย์ทำผิดพลาดหรอก เราต้องช่วยเขา จะได้เป็นบุญไง…นะอุ้มสม…นะ”
อุ้มสมนิ่งไปครู่
“ก็ได้….แต่เราต้องมีข้อตกลงกัน งานนี้เราต้องปะปนกับพวกมนุษย์ เพราะฉะนั้นเจ้าห้ามใช้เวทย์มนต์เด็ดขาด เพราะถ้าถูกมนุษย์จับได้ว่าเราเป็นเทวดา…”
ชิโลตัดบททันที
“เรารู้น่าว่าต้องเดือดร้อน…บ่นเป็นนกแก้วนกขุนทองไปได้ เจ้าอยู่เฉยๆแล้วกัน เราจะจัดการทุกอย่างเอง”
ชิโลว่าอุ้มสมแล้วก็หายตัวไปทันที ไม่สนใจอุ้มสมที่พยายามร้องเรียก
บริเวณริมสระว่ายน้ำของรีสอร์ท เพื่อนฝูงของดรัณจัดปาร์ตี้สละโสดเล็กๆให้ สการดื่มอยู่กับดรัณที่มุมหนึ่ง เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังด้วย
“ฉันว่าถ้าแกไม่ตาฝาด ก็คงเป็นผีสางนางไม้ หรือไม่ก็เทวดาอารักษ์แถวนี้ๆ”
“แต่ฉันมั่นใจว่าเป็นคนแน่” สการยืนยัน
“คนอะไรวะ โดนรถชนจังๆแล้วหายตัวไปได้ พอๆๆ นี่เป็นคืนปาร์ตี้สละโสดของฉัน สนุก กันดีกว่า เห็นไอ้ต่อมันว่ามีเซอร์ไพรซ์จัดหนักทิ้งทวนให้ด้วย”
ดรัณยิ้มแบบดูมีลับลมคมนัยหมายถึงสาวๆแน่นอน แต่สการดึงคอเสื้อเพื่อนก่อนจะไปลุยปาร์ตี้ต่อ
“เดี๋ยว…อย่าให้สนุกเกินเหตุมากไปนักนะไอ้ดรัณ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันกับผู้การเข้าใจแก คิดเหรอว่าแกจะได้แต่งงานกับคุณสิ”
ดรัณนิ่งไปแล้วถอนใจ
“ขอบใจว่ะไอ้แซม ฉันรู้ว่าการที่ฉันมาตีสนิทกับคุณสิ คือแผนการเข้าหาข้อมูลของนายทองทิว แต่ฉันมันผิดเองที่ห้ามใจมาหลงรักคุณสิไม่ได้”
“จะว่าแกคนเดียวก็ไม่ได้ ฉันกับผู้การก็ไม่คิดว่าคุณสิจะมาหลงรักแกจริงๆจังๆ จนยอมแต่ง งานกับตำรวจกิ๊กก๊อกอย่างแก”
“แต่ฉันรับปากกับท่านผู้การไว้แล้วว่า จะไม่ทำให้เรื่องงานเสีย”
“งั้นแกก็อย่าประมาท ระวังตัวไว้บ้าง นายทองทิวไม่ใช่คนโง่ ยกลูกสาวให้ตำรวจคงต้องมี แผนการบางอย่าง”
ดรัณพยักหน้ารับ
“ขอบใจที่เตือนว่ะ งั้น...คืนนี้แกไปนอนห้องฉัน ส่วนฉันจะได้ไประวังตัวที่อื่น” ดรัณยื่นกุญแจห้องให้ “ฉันไปทิ้งทวนสละโสดนะ”
ดรัณตบบ่าสการแล้วรีบแจ้น ลั้ลลาออกไปแจมกับพวกเพื่อนๆที่กำลังเฮกัน สการส่ายหน้าถอนใจ
ชิโลกับอุ้มสมปรากฏตัวขึ้นที่หน้าห้องพักรีสอร์ท ในชุดหนังแบบ แองเจลีน่า โจลี่ ในหนังทูมไรเดอร์ แต่เป็นสีขาว สวมแว่นดำ หน้าตาจริงจัง อุ้มสมรีบเข้ามารั้งแขน
“นี่เจ้าจะเอาจริงเหรอ แผนลักพาตัวเจ้าบ่าวเนี่ย”
“แล้วเจ้าคิดว่าถ้าเราไปบอกความจริง กับคนที่กำลังจะแต่งงานกันให้เลิกแต่งเพราะเขาไม่ใช่ เนื้อคู่กัน เจ้าคิดว่าเขาจะเชื่อมั้ย”
อุ้มสมส่ายหน้า
“นั่นไง เพราะฉะนั้นถ้าเจ้าบ่าวจอมเจ้าชู้หายตัวไปก่อนวันแต่งงาน ทิ้งให้เจ้าสาวต้องรอเก้อรับรองว่าคนคู่ นี้ต้องเลิกกันแน่นอน”
ชิโลยิ้มภูมิใจ กับความคิดตัวเองแล้วจะเข้าไปปฏิบัติการ
“เดี๋ยว เจ้าอย่าลืมนะว่า…”
“รู้น่า…ว่าห้ามใช้เวทย์มนต์”
ชิโลพูดไปก็ชูนิ้วขึ้นแล้วหมุนวน 3 ครั้ง มีแสงสว่างเรืองรองรอบๆตัว
“เราเสกให้ตัวเราไม่มีเวทย์มนต์ชั่วคราว เจ้าจะได้สบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าเรื่องจะแดงไปถึงสวรรค์”
อุ้มสมพยักหน้า
“งั้นเจ้าก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน”
“นี่เรา…ชิโลนะ เราเอาอยู่”
ชิโลอวดตัวเองสุดฤทธิ์
ชิโลค่อยๆเปิดประตูห้องพักเข้าไป ไฟในห้องสลัวๆ เธอย่องเงียบระมัดระวัง ชะโงกหน้าไปที่เตียง เห็นเป้าหมาย นอนคลุมโปงอยู่บนเตียง ชิโลยิ้มร้ายหยิบสเปรย์พริกไทยขึ้นมาแล้วเปิดผ้าห่มทันที
ใต้ผ้าห่มมีแต่หมอนข้างที่ซุกเอาไว้ให้เหมือนมีคนนอนอยู่ ชิโลยืนงง ทันใดนั้นไฟในห้องก็สว่างโร่ สการยกปืนส่องหลัง
“หยุดอยู่กับที่ อย่าขยับ ไม่งั้น…ฉันยิงจริงๆ”
ชิโลไม่กลัว ไม่สนใจหันหน้ามาอย่างหงุดหงิด ชิโลหันหน้ามาให้สการเห็นชัดๆ ว่าเป็นหญิงสาว ที่สวยเกินหน้ามนุษย์ สการถึงกับตัวแข็งอึ้งตะลึงในความงาม
“นี่เจ้าเป็นใคร มาอยู่ในนี้ได้ยังไง แล้วเจ้าบ่าวไปไหน”
“เธอต่างหากที่ต้องตอบฉันมา เธอเป็นใคร เข้ามาทำร้ายไอ้ดรัณทำไม”
“หยุดนะ…เจ้าไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับเรา ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เสียเวลาจริงๆ”
ชิโลไม่สนใจ จะเดินออกไปเพราะตัวเองเป็นนางฟ้าเลยไม่กลัว
“ฉันบอกให้หยุด !”
สการขยับปืนขู่เอาจริง ชิโลยิ่งไม่พอใจหันมาแว๊ดใส่ทันที
“ได้ ในเมื่อเจ้าอยากลองดีกับเรา เราก็ต้องสั่งสอนเจ้าให้รู้จักว่าใครเป็นใคร”
ชิโลชี้นิ้วจะใช้เวทย์มนต์กับสการ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สการจ้องชิโลเขม็งเอาเรื่องสุดฤทธิ์ หญิงสาวกลืนน้ำลายเอื๊อก
“ชิ...ชิโล...แย่แล้ว”
ชิโลถูกสการจับมัดตัวติดกับเก้าอี้มีผ้าปิดปากไม่ให้ส่งเสียง
“อ่วยอ้วย…อ่วยอ้วยย”
ชิโลพยายามร้อง
“หยุด…”
ชิโลไม่หยุด
“ฉันบอกให้เงียบ…”
ชิโลไม่เงียบ
“ฉันบอกว่าให้เงียบ !“
สการตบโต๊ะเอาจริง ชิโลหน้าเสีย
“เอ้าอะอุ๊ดไออ๊าย เอ้าอำอ๊ายอางอ๊า เอ้าอ้องอกอะอ๊ก”
ชิโลพยายามจะบอกว่า...เจ้ามนุษย์ใจร้าย เจ้าทำร้ายนางฟ้า เจ้าต้องตกนรก แต่สการฟังไม่รู้เรื่อง
“ฉันฟังเธอไม่รู้เรื่องหรอกว่าเธอพยายามด่าฉันว่าอะไร แต่ถ้าเธอไม่หยุดโวยวาย แล้วรีบ สารภาพ ความจริงมาว่าเธอเป็นใคร แล้วใครใช้เธอมา ฉันจัดชุดใหญ่ให้หนักกว่านี้แน่”
สการขยับเข้าไปใกล้จ้องหน้าชนิดจมูกเกือบชนจมูก ชิโลพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“ดี….อย่าคิดตุกติกล่ะ”
สการแกะผ้าปิดปากออก ชิโลทำตาปริบๆให้ดูน่าสงสารแล้วพูดออกมาเบาๆ
“ฉันเป็นนางฟ้า ฉันมาเพื่อยุติการแต่งงานของดรัณกับสิริสุดา”
สการไม่ค่อยได้ยิน
“ว่าไงนะ พูดออกมาดังๆ”
“ฉันตะโกนจนเสียงแหบแล้ว”
สการขยับยื่นหูเข้าไปฟังใกล้ๆ ชิโลทำเหมือนจะพูดแต่กลับกัดหูสการทันที สการร้องจ๊าก
“โอ๊ย !! หูฉัน…หูๆๆๆๆ อู้ยยยย ยัยตัวแสบ หูเกือบหลุดเลย”
สการจ้องหน้าเอาจริงแล้วทีนี้
สการจับชิโลคว่ำหน้าลงกับเตียงไม่ให้เงยหัวขึ้นมาได้ ชิโลโวยลั่น
“เจ้ามนุษย์ใจร้าย ใจโฉด เจ้าต้องตกนรกหมกไหม้ ไม่ได้ผุดได้เกิด”
“หุบปาก...นายทองทิวจ้างเธอมาจัดการกับไอ้ดรัณใช่มั้ย”
“เรารอดออกไปได้เมื่อไหร่ เจ้าโดนสั่งสอนแน่”
“อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วฉันจะใจอ่อนนะ ติดคุกยาวแน่ยัยตัวแสบ”
สการจับชิโลขึ้นมาแล้วจะลากตัวออกไป ระหว่างนั้นชิโลตัดสินใจกระทืบเท้าสการ และดิ้นจนหลุด แล้วรีบวิ่งหนีไปอีกห้อง สการรีบวิ่งตามเข้าไป แต่กลับโดน ชิโลที่ยืนหลบอยู่หลังประตู เอาแจกันทุ่มใส่หัวทันที...เพล้ง !!
สการตัวแข็ง หันมามองชิโลตาขวางแล้วร่วงผล่อยหมดสติ ชิโลถอนใจยาวโล่งอก แต่ผิดสังเกต ที่เห็นสการนิ่งไป
“ตายรึเปล่า…ไม่นะ…เราไม่ตั้งใจ เราแค่ต้องป้องกันตัวเฉยๆ”
ชิโลเข้าไปเขย่าตัวสการที่แน่นิ่งไม่ไหวติง ชิโลยิ่งหน้าเสีย
“ชิโลแย่แล้ว…ถ้าเราทำให้มนุษย์ตาย ก็เท่ากับเราทำบาปมหันต์ ไม่ !! เราปล่อยให้เจ้าตาย ไม่ได้เด็ดขาด หรือว่าเราต้องช่วยชีวิตอย่างที่มนุษย์เขาทำกัน”
ชิโลมองสการแล้วจะช่วยผายปอดให้ หน้าของชิโลใกล้ชิดกับหน้าของสการจนจมูกชนกัน ชิโลกลั้นใจ จะประกบ ปากช่วยผายปอดให้ แต่ทันใดนั้นสการกลับลืมตาขึ้นมา…ชิโลอึ้งเพราะหน้าชิดกันมาก สองคนสบตากัน ตึงตังไปมา สการกัดจมูกชิโลเป็นการเอาคืน
“อ๊ายยยย”
ชิโลร้องเสียงลั่น อุ้มสมรีบผลักประตูเข้ามาทันที
“ชิโล...เกิดอะไรขึ้น”
ชิโลเอามือกุมจมูกเจ็บมาก
“ช่วยเราด้วยอุ้มสม เราถูกมนุษย์ทำร้าย…อู้ยยยย…จมูกเรา”
“ห๊า…เจ้าโดนมนุษย์กัดจมูกเหรอ”
อุ้มสมหัวเราะเยาะชิโล ระหว่างนั้นสการชักปืนออกมาขู่ทั้งคู่
“มีพรรคพวกมาด้วยเหรอ หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ชูมือขึ้น”
อุ้มสมหันไปมอง
“หมอนี่เป็นใคร”
ชิโลส่ายหน้า
“ใครก็ไม่รู้ แต่นิสัยเสีย…ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง จัดการสั่งสอนเลย”
“ฉันบอกบอกให้ยกมือขึ้น…เร็ว !!”
สการตะคอกสั่งเสียงดังและเอาจริง อุ้มสมหันมามองสการแล้วชูมือขึ้นก่อนจะโบกวนเหนือหัว 3 ครั้ง ทันใดนั้น สการก็สะดุ้งเฮือกก่อนจะร่วงผล่อยลงไปกองกับพื้นอย่างง่ายๆทันที
ชิโลกับอุ้มสมช่วยกันพาขึ้นมานอนบนเตียง ชิโลมองอย่างสมเพช
“สมน้ำหน้า เล่นกับใครไม่เล่น คิดเล่นของสูง มันน่าเสกให้เป็นหมูเป็น หมาซะให้เข็ด”
ชิโลชูนิ้วจะใช้เวทย์มนต์ แต่อุ้มสมรีบห้าม
“เดี๋ยว…กลับมาใช้เวทมนต์ได้ปุ๊บก็จะเอาใหญ่เลยนะ มนุษย์คนนี้ไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย”
“แต่เขาทำร้ายเรา”
“เขาเป็นตำรวจนะ”
“งั้นก็เป็นเจ้าที่ผิด ที่ไม่ยอมเข้ามาช่วยเรา”
“อ้าว…ก็เจ้าบอกเอาอยู่ๆ เราจะไปรู้ได้ยังไงว่าเจ้าจะ…โดนมนุษย์กัดจมูก”
อุ้มสมหัวเราะขำ ชิโลโกรธแก้มป่องงอนๆ
“เอาล่ะ…เจ้าไม่ต้องห่วง เราใช้เวทย์มนต์ลบความจำมนุษย์คนนี้ไปหมดแล้ว เขาจะจำ อะไร เกี่ยวกับเจ้าไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนแผนการล้มเลิกการแต่งงาน เราว่าเจ้า คงต้องใช้แผนสำรองแทนแล้วล่ะ”
ชิโลหันมากอดอก หางตามองสการอย่างหงุดหงิดอารมณ์ไม่ดี
จบตอนที่ 1
โปรดติดตาม "มณีแดนสรวง" ตอนที่ 2 พรุ่งนี้
มณีแดนสรวง ตอนที่ 2
สการตื่นขึ้นมาตอนเช้า รู้สึกตัวมึนๆ ตึงๆหัว ดรัณเคาะประตูเรียกดัง สการเดินไปเปิดให้ ดรัณเห็นสภาพสการ แล้วตกใจ
“เฮ้ย…อะไรของแกวะเนี่ย เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวภาษาอะไรวะ งานจะเริ่มอยู่แล้ว ยังไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก”
สการมองดรัณอย่างงงๆ
“เอ้า…นี่ยังมาทำหน้าหมางงอีก…เฮ้ย…”
ดรัณดีดนิ้วใส่หน้าหลายๆที
“เฮ้ยๆๆ เป็นอะไรไปวะ ไอ้แซม เมื่อคืนแกแอบกินเหล้า พาหญิงมาใช่มั้ย”
สการรีบปัดมือ
“เปล่าเว้ย…ฉันแค่…”
สการนิ่งไปพยายามนึก แต่นึกอะไรไม่ออก
“ไม่รู้ว่ะ ทำไมฉันจำ อะไรไม่ได้เลย”
ดรัณงง
“อะไรของแกวะไอ้แซม เออๆๆ ช่างมันเถอะ แกรีบไปแต่งตัวเดี๋ยวนี้เลย อย่ามาทำให้ฉัน ต้องเสียฤกษ์ดีมีเมียสิ้นปี”
ดรัณดันสการให้รีบไปแต่งตัว โดยที่สการยังรู้สึกมึนๆงงๆจำอะไรไม่ได้สักอย่าง
สิริสุดา เจ้าสาวของดรัณ พนมมือกราบที่หน้าอกทองทิวผู้เป็นพ่อที่สะอื้นฮักๆ แล้วกอดลูกสาวร้องไห้โฮเสียงดัง ขัดกับบุคลิก เจ้าพ่อมาดเข้มผู้เหี้ยมโหด
“คุณป๋า.. อย่าร้องไห้สิคะ สิมาลาคุณป๋าเพื่อเข้าพิธีแต่งงานนะคะ ไม่ได้จะลาไปตาย”
ทองทิวยังสะอื้น
“ก็...ก็คุณป๋าใจหายนี่ลูก คุณป๋าเลี้ยงลูกสาวคนนี้มาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย จนเดี๋ยวนี้หะ...”
“คุณป๋าคะ !!”
“นั่นแหละลูก...ต่อไปนี้ลูกต้องไปทำหน้าที่ดูแลคนอื่น คุณป๋าก็เลย...”
“น้อยใจ กลัวว่าสิจะไม่มาดูแลคุณป๋าใช่มั้ย”
ทองทิวพยักหน้า”
“คุณป๋าคะ...ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ สิรักคุณป๋ายังไงสิก็ยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง แตกต่าง แค่มีคนที่สิต้องดูแลเพิ่มเป็นสองคนแค่นั้นเอง”
“จริงนะลูก”
“ค่ะคุณป๋า สิต้องขอบคุณคุณป๋ามากๆที่ยอมให้สิแต่งงานกับดรัณ ทั้งๆที่ตอนนั้นคุณป๋า...”
ทองทิวเสียงเข้มตีหน้าโหดผิดกับเมื่อกี้เป็นคนละคน
“เกือบจะฆ่ามันน่ะเหรอ !!“
สิริสุดามีสีหน้าตกใจเมื่อนึกถึงภาพเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
เหตุการณ์ในวันนั้น...ทองทิวเห็นจะๆคาตา ตอนที่เปิดประตูห้องนอนลูกสาวมาแล้วเจอสิริสุดากึ่งเปลือยอยู่ บนเตียงเดียวกับดรัณที่นุ่งกางเกงบอกเซอร์ตัวเดียว
“แกเป็นใคร กล้าดียังไงมาแอ้มลูกสาวฉันถึงในบ้านฉัน”
สิริสุดาร้องบอก
“คุณป๋าคะ...ใจเย็นๆก่อนค่ะ...ให้สิอธิบายก่อน”
ทองทิวโกรธจัดกำหมัดแน่น ควันแทบออกหูขบกรามจนเส้นเลือดปูด
“คุณป๋าโกรธจนหูอื้อ พูดอะไรตอนนี้ก็ไม่ได้ยินแล้ว รีบหนีตายก่อนเถอะค่ะรัณ”
“แกตาย !”
ดรัณเห็นทองทิวเอาจริงถึงกับกลืนน้ำลายเอื๊อก
ดรัณหอบเสื้อผ้านุ่งกางเกง ล้มลุกคลุกคลานหนีเอาชีวิตรอดจากการไล่ยิงของทองทิว ที่กระหน่ำยิงใส่ไม่ยั้ง แต่ไม่โดนสักนัดจนต้องไปหลบห่ากระสุนอยู่หลังรถตัวเองที่จอดอยู่หน้าบ้าน
สิริสุดาวิ่งตามออกมาทั้งๆที่ยังมีผ้าห่มพันตัวเปลือยไหล่ ร้องห้ามไม่หยุด
“คุณป๋า..อย่าค่ะ อย่าฆ่าเขา...อย่า...”
“ถอยไปยัยสิ...มันกล้ามาปู้ยี้ปู้ยำกล่องดวงใจของพณป๋าถึงในบ้าน คุณป๋าไม่เอามันไว้แน่”
“แต่ถ้าคุณป๋าฆ่าเขาตาย คุณป๋าติดคุกหัวโตแน่ เพราะเขาเป็นตำรวจ”
ทองทิวชะงัก
“ว่ายังไงนะยัยสิ มันเป็นตำรวจเหรอ”
“ค่ะ...นอกจากเป็นตำรวจแล้ว เขายังเป็น...เป็น...ว่าที่สามีของสิด้วย”
ทองทิวอึ้งไปอย่างตกใจรุนแรงสุดๆ
ปัจจุบัน...ทองทิวเดินออกมาอีกบริเวณของสถานที่จัดงาน สาโรจน์ลูกน้องคนสนิทเดินมาประกบ
“นายครับ แขกมากันครบแล้ว ฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นพวกตำรวจทั้งหมด”
ทองทิวพยักหน้ารับรู้
“ที่ฉันยอมให้ลูกสาวสุดที่รักของฉันแต่งงานกับพวกมัน เพราะชีวิตนี้ฉันไม่เคยขัดใจลูกสาวฉันเลยแม้แต่เรื่องเดียว”
“แต่จะไม่เสี่ยงเกินไปเหรอครับที่นายจะมีเขยเป็นตำรวจ”
ทองทิวชักสีหน้าโหดเหี้ยม แล้วหันไปใช้มือบีบต้นคอสาโรจน์อย่างแรงและโน้มมาพูดใส่หน้า
“ยังไงลูกสาวฉันมันก็ต้องมีผัวเข้าสักวัน ในเมื่อใส่กุญแจล็อคห้ามไม่ได้ มันก็ต้องเสี่ยงเลี้ยง ศัตรูไว้ใกล้ตัวจะได้รู้ตัวล่วงหน้า ว่ามันจะแว้งกัดเมื่อไหร่ไง”
ทองทิวตะคอกใส่หน้าลูกน้องให้จำแล้วผลักสาโรจน์จนเซ ก่อนจะหันมาปั้นหน้าฉีกยิ้มแบบผู้ใหญ่ใจดี ให้กับแขกในงานที่ กำลังทยอยเข้ามาร่วมพิธี
ในห้องแต่งตัวเจ้าสาว...สิริสุดาได้เอิงเอยเพื่อนเจ้าสาวคนสนิทที่แต่งตัวสวยงามไม่แพ้เจ้าสาว ช่วยเอาผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวมา สวมให้ และดูความเรียบร้อยขั้นสุดท้าย
“ตื่นเต้นเหรอแก” เอิงเอยถาม
สิริสุดาพยักหน้ารับ
“เสียดายความโสดเหรอ”
“บ้าสิยัยเอย ฉันกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายที่ฉันรักนะ”
“ก็เห็นแกหวงความโสดมาได้ตั้งนาน พอจะยอมเข้าหน่อยกลับไวยิ่งกว่าไฟไหม้ฟางอีก”
สิริสุดาอมยิ้มน่ารักสีหน้าดีใจสุดๆ
“เพราะฉันกับดรัณเกิดมาเป็นเนื้อคู่ที่พรหมลิขิตกันไว้ไง”
“แหวะ...เน่าอ่ะแก แกยังไม่รู้จักเขาดี คบกันแค่ไม่เท่าไหร่ก็รีบแต่ง เกิดคิดผิดขึ้นมา ถอยหลังไม่ได้แล้วนะ”
สิริสุดาเชิดหน้ามั่นใจหยิบช่อดอกบูเกต์มาจากมือเอิงเอย
“คนอย่างฉันไม่เคยคิดผิด”
สิริสุดาหันมามองตัวเองในกระจกด้วยสีหน้ามั่นใจสุดฤทธิ์
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างสวยงามหรูหราและดูมีมนต์ขลังในบริเวณรีสอร์ท ดรัณยืนตื่นเต้นอยู่ที่หน้าแท่นพิธี มีสการเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวยืนอยู่ข้างๆ ใกล้ๆกันมีเอิงเอยเป็นเพื่อนเจ้าสาว
“ทำไมคุณสิยังไม่ออกมาอีกครับคุณเอย” ดรัณร้อนใจ
“เดี๋ยวสิคะ ใจร้อนกันทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเลย ยังไงวันนี้เพื่อนฉันก็ต้องแต่งงานกับคุณแน่” เอิงเอยบอก
ดรัณยิ้มรับอย่างตื่นเต้นดีใจ ระหว่างนั้นเสียงดนตรีบรรเลงเริ่มเข้าสู่พิธีแต่งงานดังขึ้น
แขกผู้มีเกียรติในงานทยอยกันลุกขึ้น ต้อนรับการเข้ามาของเจ้าสาว หนึ่งในนั้นและนั่งอยู่แถวหน้าๆคือผู้การดำเกิง
สิริสุดาในชุดเจ้าสาวสวยงามอลังการ ควงแขนทองทิวที่ทำหน้าที่พ่อเดินมาส่ง ดรัณมองเจ้าสาวตัวเองอย่างตื่นเต้นดีใจ ไม่ต่างจากสิริสุดาที่ยิ้มผ่านผ้าลูกไม้ที่ปิดใบหน้า
ทองทิวพาสิริสุดาเดินผ่านผู้การดำเกิง ทั้งคู่ชำเลืองหางตามองกันนิดนึง ต่างฝ่ายต่างมีชั้นเชิงที่รู้ไส้รู้พุงกันดี
เสียงดนตรีหยุดเป็นจังหวะพอดีกับที่ทองทิวพาลูกสาวมาส่งที่หน้าแท่นพิธี
“จากนี้ไปหน้าที่ของพ่อก็หมดแล้ว พ่อคงต้องฝากลูกไว้กับเจ้าบ่าวของลูก”
ทองทิวพูดไปก็มีอาการน้ำตาซึมจะร้องไห้ออกมา
“ขอบคุณค่ะพ่อ แต่..กลั้นไว้นะคะคุณพ่อ อย่าร้องไห้ออกมา สิอายแขกค่ะ”
ทองทิวพยักหน้ารับแล้วกลั้นสะอื้นสุดฤทธิ์ ดรัณบอกอย่างให้ความมั่นใจ
“ไม่ต้องห่วงครับคุณพ่อ ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณสิให้มีความสุขเหมือนกับที่อยู่กับคุณพ่อ”
ทองทิวนิ่งไป แววตาเปลี่ยนเป็นดุดันจริงจังยิ้มแบบร้ายลึก
“ก็ลองแกทำไม่ได้อย่างที่พูดสิ แกจะได้รู้จักฉันดีขึ้นแน่”
ทองทิวจงใจขู่ดรัณอย่างเนียนๆ แล้วส่งมือสิริสุดาให้ดรัณก่อนจะเดินไปนั่งประจำที่ตัวเอง ดรัณพาสิริสุดาเข้าไปยืนต่อหน้าบาทหลวง
“พร้อมกันแล้วนะ ถ้าอย่างนั้นพ่อจะได้เริ่มพิธี”
ยังไม่ทันที่บาทหลวงจะเริ่ม สการได้กลิ่นหอมที่หอมอย่างแปลกประหลาดมาแตะจมูก ดรัณเห็นท่าทางแปลกๆของเพื่อน พูดเบาๆ
“ไอ้แซม..เป็นอะไรของแกวะ”
“แกไม่ได้กลิ่นเหรอ กลิ่นอะไรก็ไม่รู้ หอมแปลกๆ”
“แกนี่สงสัยจะเพี้ยน จะมาได้กลิ่นอะไรตอนนี้ ฉันกำลังจะแต่งงานนะเว้ย”
ดรัณกับสการซุบซิบงุบงิบกันเสียงดังขึ้น บาทหลวงต้องกระแอมดึงให้กลับมาสนใจพิธี สการหน้านิ่วคิ้วขมวดสงสัยกลิ่นที่คุ้นเคย
ชิโลในชุดเดรสสั้นสีขาว เดินผ่านทุ่งสวยๆ มีแกะรายล้อม มีฉากลูกโป่งหลากสีและซุ้ม ดอกไม้สวยงามเป็นฉากหลัง เธอเดินมาอย่างเท่ห์ ผมปลิวสยาย สีหน้ามุ่งมั่น...
ขณะที่ในงาน บาทหลวงถามสิริสุดา
“นางสาวสิริสุดา เจ้ายินดีจะรับ ร้อยตำรวจเอกดรัณเป็นสามีของเจ้าไปตลอดชีวิตหรือไม่”
สิริสุดายิ้มแย้ม
“รับค่ะ”
บาทหลวงหันไปถามดรัณ
“ร้อยตำรวจเอกดรัณ เจ้ายินดีจะรับนางสาวสิริสุดาเป็นภรรยาของเจ้าไปตลอดชีวิตหรือไม่”
“รับครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ผู้ใดมีความประสงค์จะคัดค้านการที่หญิงและชายทั้งสอง นางสาวสิริสุดา และร้อยตำรวจเอกดรัณ จะแต่งงานร่วมชีวิตเป็นสามีภรรยากันหรือไม่”
ทุกคนเงียบกริบ บาทหลวงกำลังจะกล่าวต่อ ทันใดนั้น ชิโลก็ปรากฏตัวขึ้น
“ฉันค่ะ !! ฉันขอคัดค้านการแต่งงานครั้งนี้ค่ะ !!”
เสียงของชิโลดังกึกก้องไปทั่ว สายตาทุกคู่หันไปมองที่ชิโลหญิงสาวสวยหุ่นดีสีหน้าเอาจริงเอาจังเป็นตาเดียว
บาทหลวงตกใจ
“วะ...วะ...ว่าไงนะลูก”
“ฉันขอคัดค้านการแต่งงานงานครั้งนี้ เพราะคุณดรัณเป็น...เอ่อ...เป็น เขาเรียก ว่าอะไรนะ ที่มนุษย์ผู้ชายกับมนุษย์ผู้หญิงมักจะลักลอบแอบไปทำกันลับๆน่ะค่ะ”
แขกในงานต่างเหวอ บางคนที่สูงอายุถึงกับตบออกรีบควักยาดมออกมาสูดปื้ดดด สิริสุดา เอิงเอย และทองทิวถึงกับอึ้ง หันขวับไปมองที่ดรัณเป็นตาเดียว
“เฮ้ย!!!”
แม้แต่สการเองก็ตกใจไม่น้อยจ้องหน้าเพื่อนอย่างสงสัย ชิโลนึกออกแล้วเชิดหน้ามั่นใจสุดฤทธิ์
“ฉันนึกออกแล้ว ฉันกับดรัณเราเป็นกิ๊กกัน เพราะฉะนั้น เขาจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด ฉันขอคัดค้าน แต่งไม่ได้ ฉันไม่ยอม!”
ดรัณยิ่งเหวออกว่าเดิม
“เฮ้ยยย ใครวะเนี่ย”
สิริสุดาตาเขียวปั๊ด
“ดรัณ!”
บาทหลวงกล่าวทันที
“เอ่อ...ถ้าเหตุการณ์เป็นแบบนี้ พ่อเห็นจะประกอบพิธีให้ต่อไม่ได้แล้ว ยังไงเจ้าบ่าวเจ้าสาว กับแม่หนูคนนั้น ไปเคลียร์กันให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า หลวงพ่อไม่อยากทำบาป”
บาทหลวงรีบเก็บของออกจากแท่นพิธี ดรัณรีบร้องห้าม
“อ้าว..เดี๋ยวสิครับหลวงพ่อ ผมไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้น”
ดรัณจะตามหลวงพ่อให้กลับมาทำพิธีต่อ แต่สิริสุดาตะคอกเสียงดังมาก
“ดรัณ !”
“สิ...ผมไม่รู้เรื่อง ผมไม่รู้จักเขา ถามไอ้แซมดูก็ได้ ผมไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้เลย”
สการหน้าเหวอ
“อ้าวเฮ้ย...มาโยนให้ฉันได้ไงวะ ก็เขาบอกว่าเป็นกิ๊กแก”
“ก็ฉันไม่รู้จักเขาจริงๆนี่หว่า”
“หยุด !! ถ้านังนั่นไม่ใช่กิ๊กคุณ แล้วมันจะกล้าโผล่มาแบบนี้เหรอ”
สิริสุดาโกรธมากเอาช่อดอกไม้ในมือตีดรัณไม่ยั้ง
“ใจเย็นๆสิ ผมไม่รู้จักเขาจริงๆนะ ไอ้แซม ช่วยด้วยสิวะเพื่อน”
“จะ...จะให้ฉันช่วยแกยังไงวะ” สการงงหนัก
“ไม่รู้เว้ย...จะทำอะไรก็ทำ ไม่งั้นคุณสิฆ่าฉันตายแน่”
สการหันไปมองที่ชิโลแล้วรีบตรงดิ่งเข้าไปหา ชิโลตกใจรีบถอยแล้ววิ่งหนีออกไปทันที
“หยุดนะ..อย่าหนี”
สการรีบวิ่งตามชิโลออกไป ดรัณตะโกนบอก
“เอาตัวกลับมาให้ได้นะไอ้แซม”
สิริสุดาเสียงสยองสุดฤทธิ์
“เอาตัวกลับมาให้ได้งั้นเหรอ”
ดรัณสะดุ้ง
“ชะอุ๋ย...ผม..ผมหมายถึงเอาตัวกลับมาอธิบายไงจ้ะสิ”
สิริสุดาตีหน้ายักษ์กำหมัดแน่น เอิงเอยรีบเข้าไปปราม
“ใจเย็นแก...นี่มันงานแต่งนะ”
“ไม่ตง ไม่แต่งมันแล้ว...ไอ้ผู้ชายชั่ว!”
สิริสุดาง้างหมัดแล้วทิ่มเข้าไปที่เบ้าตาของดรัณเต็มๆ จนดรัณหน้าหงาย สิริสุดาชกแล้วก็ปล่อยโฮเสียงดังลั่นวิ่ง ออกไป เอิงเอยเป็นห่วงเพื่อนรีบตามไปดู
“สิ !”
ดรัณยืนงงหัวหมุนหน้ามึนดาวระยิบ ทองทิวหน้าขึงขังมองกำหมัดแน่นมองดรัณอย่างอาฆาตแล้วรีบตามลูกสาวไป
สการวิ่งไล่ตามหลังชิโลที่พยายามวิ่งหนี ท่ามกลางลูกโป่งหลากสีและซุ้มดอกไม้
“หยุดเดี๋ยวนี้...บอกให้หยุด”
“เจ้ามนุษย์จอมตื้อ ชอบยุ่งกับเราซะจริง”
ชิโลรีบวิ่งหนีไม่ยอมหยุด สการก็ยิ่งเร่งฝีเท้าวิ่งไล่ตาม หญิงสาววิ่งแล้วหันกลับมามองทำให้ไม่ทันระวังเสาไฟตรงหน้า หันมาอีกทีก็เลยพุ่งเข้าใส่เต็มๆ
“ว๊ายยย !!!“
โป๊ก !!!...ชิโลหัวโขกเข้ากับเสาไฟฟ้าจังๆ
“อู้ยยยย...เจ็บ ไม่น่าปลอมเป็นมนุษย์เล้ยยย”
ชิโลมัวแต่ร้องเจ็บทำให้สการวิ่งไล่มาเกือบจะทัน
“ชิโลแย่แล้ว”
ชิโลวิ่งหน้าตั้งหนีต่อ หนีอ้อมอาคารรีสอร์ทมาหยุดเหนื่อย สการโผล่มาดักยืนขวางทาง ชิโลตกใจเหวอ รีบวิ่งย้อน เธอวิ่งหนีวนเป็นวงกลม สการโผล่มาดักทางได้ทุกที สุดท้ายชิโลวิ่งจนเหนื่อย ถอยหลังหันมาอีกที เจอสการมาขวางตรงหน้าจังๆ ชิโลเบรคไม่อยู่
“ว๊ายยยย !!”
โครม !! สการกับชิโลล้มลงไปด้วยกัน ปากสการกับชิโลจุ๊บกันอย่าง...ชิโลตาค้างตกใจก่อนจะได้สติ รีบผลักสการออกจากตัว สการนอนตัวแข็งทื่อไม่ขยับไหวติง
“เจ้ามนุษย์บ้า ดีนะที่เวทมนต์เรากลับมาใช้การได้ทัน…อี๋ สกปรก”
ชิโลรีบเช็ดปากเป็นการใหญ่ก่อนจะหางตามองสการ
“หมดหน้าที่ของเราแล้ว บุญของเจ้าหมดแค่นี้แหละ ชาตินี้ไม่มีวันที่เจ้าจะได้เห็นนางฟ้า ตัวเป็นๆอีก…เชอะ”
ชิโลหันไปเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะเกิดแสงเรืองรองรอบตัวก่อนที่จะพุ่งตัวขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ครู่ต่อมา สการที่ตัวแข็งทื่ออยู่ พอเวทย์มนต์คลายตัวก็รู้สึกตัวขึ้นมายืนมึนๆงงๆ เงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า เห็นแสง สว่างพาดผ่านเป็นรุ้งสวยงามอยู่บนท้องฟ้า ส่วนหญิงสาวที่ตามหาก็หายตัวไป
“หายไปไหน...เป็นไปได้ไงวะเนี่ย”
สการเหมือนจะได้ยินเสียงแว่วดังมาไกลๆ เป็นเสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาว ด้วยความสนุกสนาน
สการรีบหันกลับมามองรอบตัว คิดว่าหญิงสาวคนนั้นอาจจะแอบอยู่แถวนี้ๆ แล้วหัวเราะเยาะแกล้ง แต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆ ของหญิงสาวสวยนั่นอีกเลย
ชิโลเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่สุขใจสุดๆ อยู่ภายในสวนบุณฑริก ที่แดนสวรรค์
“เป็นนางฟ้ามาตั้งหลายร้อยปี ไม่เคยสนุกอะไรแบบนี้มาก่อน อุ้มสม เจ้าได้เห็นหน้าตำรวจนั่นมั้ย”
ชิโลนึกแล้วอมยิ้มสะใจ แต่อุ้มสมกลับเดินตามหน้าเครียดแกมประชด
“คนไหนล่ะ งานที่เจ้าลงไปป่วนเขา มีตำรวจทั้งงานเดินกันให้ควั่กไปหมด”
“ก็คนที่คิดจะไล่ตามจับเราไง เป็นมนุษย์เดินดินธรรมดาแต่คิดจะไล่จับนางฟ้า...ชิ”
“แต่ถ้าไม่ได้เราช่วยเจ้าไว้ เจ้าก็คงโดนมนุษย์ธรรมดาอย่างเขาจับได้”
ชิโลชะงัก
“อุ้มสม!”
“ก็เราไม่เห็นด้วยจริงๆนี่ชิโล เจ้าอาจจะมองว่านี่เป็นเรื่องสนุก แต่เจ้าได้คิดถึงผลที่จะ ตามมาหลังจากที่เจ้าทำลงไปรึเปล่า”
ชิโลสะอึกไป แต่ก็ยังยืดอกมั่นใจเข้าข้างความคิดตัวเอง
“คิดสิ...ไม่ว่าจะทำอะไร เราคิดก่อนเสมอแหละ”
“งั้นเจ้าก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้กองดรัณ...เจ้าไม่สงสารเขาเหรอ”
ชิโลนิ่งไปอย่างเครียดๆ
สิริสุดาหน้าตาโกรธสุดๆเดินออกมาจากบ้าน ดรัณพยายามตามง้อ
“ฟังผมก่อนได้มั้ยสิ ผมไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นจริงๆ สาบานให้ผมตายตอนนี้เดี๋ยวนี้เลยก็ได้”
สิริสุดาเดินเชิดไม่สนใจ ดรัณรีบอ้อมไปยืนดักขวางทางหน้าตาจริงจังอ้อนวอน หญิงสาวนิ่งไปครู่ก่อนจะมองดรัณด้วยดวงตาแดงก่ำ น้ำตาเอ่อเสียใจ ดรัณเห็นนิ่งเลยเข้าไปกุมมือเธอขึ้นมา
“ทั้งๆที่มีอุปสรรคมาขวางตั้งมาก แต่เราก็ฝ่าฝันจนได้แต่งงานกัน เพราะเราทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ ครั้งนี้ผมก็อยากขอให้คุณตัดสินผม ด้วยการฟังเสียงหัวใจอีกครั้ง”
สิริสุดานิ่งน้ำตาเอ่อ
“รัณคะ....”
“สิ”
ดรัณนึกว่าสิริสุดาจะเข้าใจเขาแล้ว แต่สิริสุดากลับเงื้อมือแล้วตบหน้าเขาอย่างแรง....เพี๊ยะ !! เอิงเอยเข้ามาเห็นพอดีถึงกับตกใจ
“สิได้ยินเสียงหัวใจมันบอกว่า...เราไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว”
สิริสุดาน้ำตาไหลอาบสองแก้ม แล้วเดินผ่านเขาไปที่เอิงเอย
“ยัยสิ ฉันว่าคุยกันดีๆก่อนมั้ยแก”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับผู้ชายคนนั้นอีก”
“แต่...”
“แกไม่ต้องเซ้าซี้ พาฉันไปที่ไหนก็ได้ที่ๆฉันไม่ต้องรับรู้ว่ามีเขาอยู่ร่วมโลกกับฉัน”
สิริสุดาเชิดหน้าตั้งออกไป เอิงเอยยอมทำตามใจเพื่อนรีบตามไปดูแล
“สิ...สิ...ผมไม่เคยนอกใจคุณ คุณต้องเชื่อผมนะสิ....สิ”
ดรัณจะรีบตามไปง้อ แต่กลับถูกรวบตัวเอาไว้จากสาโรจน์และลูกน้อง
“ปล่อยฉัน...พวกแกไม่เกี่ยว อย่ามายุ่ง!!”
ทองทิวก้าวมายืนตรงหน้า ดรัณชะงัก
“แกทำให้แก้วตาดวงใจของฉันต้องเสียน้ำตา คิดเหรอว่าฉันจะปล่อยแกไปง่ายๆ”
ดรัณเห็นหน้าตาที่เอาเรื่อง และรอยยิ้มอันน่ากลัวของทองทิวแล้วอึ้ง ทองทิวพยักหน้าให้สาโรจน์กับลูกน้อง พวกมันเอาถุงผ้าสีดำมาคลุมหัวแล้วชกท้องดรัณจนสลบ
ในผับ...เสียงเพลงดังอย่างครึกครื้น แต่สิริสุดากลับเอาแต่นั่งดื่มสีหน้าไม่ยินดียินร้าย มีเอิงเอยกับแก้วไวน์เป็นเพื่อนปลอบใจ
สการก้าวเข้ามาในผับกวาดสายตามองหาสิริสุดาจนเจอ แต่พอเดินเข้ามากลับถูกสิริสุดาเชิดใส่
“ยัยเอย ไหนแกบอกฉันว่าแกจะพามาที่ๆไม่มีใครมากวนฉันไง”
“คุณสการเขาเป็นตำรวจนะแก ฉันพาไปไหน เขาก็ตามจนรู้หมดนั่นแหละ”
สการพูดเครียดๆ
“คุณสิ ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”
“ถ้าเขาส่งคุณมาให้ช่วยพูดแทนล่ะก็ ฉันว่าเสียเวลาคุณเปล่าๆค่ะผู้กอง”
“ไอ้รัณไม่ได้ส่งผมมา แต่ผมกำลังตามหามันอยู่ต่างหาก ตอนนี้มันหายตัวไป ผมคิดว่าคุณน่าจะเป็นคนเดียวที่รู้ว่ามันหายหัวไปไหน”
สิริสุดาชะงักหันมามองหน้าสการมีความสงสัยนิดๆ
สิริสุดาเดินเชิดหน้าไม่สนใจออกมาจากผับพร้อมกับเอิงเอย สการตามออกมา สิริสุดาบอกอย่างไม่แยแส
“เขาจะหายหัวไปไหน ฉันไม่รู้หรอกค่ะผู้กอง”
“แต่ปกติไอ้รัณไม่เคยหายตัวไปแบบนี้ ผมหามันจนทั่วก็ไม่ได้ข่าว รู้แต่ว่าครั้งสุดท้ายที่ผมติดต่อไอ้รัณได้ มันไปหาคุณที่บ้าน”
“ใช่ เขาพยายามไปง้อฉัน แต่มันไม่มีประโยชน์ ฉันบอกเขาไปแล้ว ว่าเราต่างคนต่างไป เพราะฉะนั้นเพื่อนรักคุณจะไปลงนรกขุมไหน มันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน”
“แต่มันต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับไอ้รัณแน่ ไม่อย่างนั้นมันต้องติดต่อผมกลับมาแล้ว”
เอิงเอยออกความเห็น
“คุณมองโลกในแง่ร้ายไปรึเปล่าคะผู้กอง บางทีเพื่อนคุณอาจจะกำลังนั่งหัวเราะสะใจอยู่กับนังผู้หญิง ที่มาทำลายงานแต่งงานของเพื่อนฉันอยู่ก็ได้”
ระหว่างนั้นพนักงานรับรถขับรถสปอร์ตของสิริสุดาเข้ามาให้ สิริสุดาหันมาบอก
“ผู้กองคะ ไว้ถ้าคุณตามเจอเพื่อนเมื่อไหร่ บอกฉันด้วยนะ ฉันจะได้ตามไปยิงเขากับนังนั่นด้วยมือฉันเอง”
สิริสุดาพูดประชดแล้วเดินไปขึ้นรถ เอิงเอยตามไปทำหน้าที่คนขับรถให้ สการรีบเกาะกระจกถาม
“คุณสิ คุณก็รู้ว่าไอ้รัณมันรักคุณมาก ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมา คุณจะไม่เสียใจเลยเหรอ”
สิริสุดามองสการแล้วนิ่งไป
“ไปได้แล้วยัยเอย”
เอิงเอยขับรถออกไป สีหน้าสิริสุดาเหมือนไม่สนใจใยดี สการรู้สึกหนักใจและเป็นห่วงดรัณมาก
ภายในโกดังดรัณถูกจับมัดติดอยู่กับเก้าอี้ สาโรจน์ซ้อมดรัณเหมือนกับซ้อมกระสอบทรายทั้งๆที่ดรัณยังถูกคลุม หน้าด้วยถุงผ้าสีดำ ทองทิวเดินเข้ามา
“พอก่อน”
สาโรจน์หยุดซ้อมดรัณตามที่สั่ง ทองทิวเข้าไปดึงถุงผ้าออกจากหัว เห็นสภาพหน้าตายับเยิน ปากแตกเลือดกบ ตาปูดบวมจนปิดเบ้าตาไปข้าง
“เอากระจกมา”
ลูกน้องคนนึงเอากระจกมาให้ ทองทิวจิกหัวดรัณขึ้นส่องกับกระจก
“ดูหน้าตัวเองให้ชัดๆผู้กอง...ผมอยากรู้นักว่าถ้าพวกผู้หญิงของผู้กองมาเห็นสภาพนี้เข้า พวกมันจะมากรี๊ดกร๊าดอยู่อีกรึเปล่า”
ดรัณส่ายหน้าพูดอย่างลำบาก
“ผม...ผม...ผม...”
ทองทิวฟังอย่างลำบากเลยก้มตัวเงี่ยหูฟังใกล้ๆ
“พูดชัดๆ ดังๆ ให้สมกับเป็นตำรวจหน่อย”
“ผม...ผมไม่เคย...คิดนอกใจ...สิ”
ทองทิวฟังแล้วชักสีหน้าฉุนจัด กระชากหัวดรัณขึ้นมาอย่างแรงจนดรัณร้องเจ็บ
“ไอ้สารเลว !! แกกับผู้หญิงของแกพากันมาฉีกหน้าลูกสาวฉันถึงในงานแต่ง ที่ฉันยัง ปล่อยให้แกมีลมหายใจอยู่ ก็ถือว่าฉันเป็นพ่อพระมากแล้ว”
ทองทิวฉุนจัดผลักดรัณจนล้มพร้อมกับเก้าอี้ที่มัดติด แล้วหันไปกระชากปืนจากเอวลูกน้องมาจ่อ
“น้ำตาของลูกสาวฉัน แลกกับชีวิตแกยังไม่คุ้มเลย”
ทองทิวจะยิงแต่สาโรจน์รีบเข้ามาขัด
“อย่าเลยครับนาย ผมรู้ว่านายอยากแก้แค้นให้คุณสิ แต่ยังไงมันก็เป็นตำรวจ ถ้าเกิด อะไรขึ้นมา เราจะเสียหายนะครับ”
ทองทิวนิ่งไปคำเตือนของสาโรจน์ทำให้ฉุกคิดและเย็นลง ทองทิวยัดปืนให้สาโรจน์แล้วเข้าไปยืนมองดรัณ
“ครั้งนี้แกอาจจะโชคดี เพราะบุญที่แกเคยทำเอาไว้ แต่เมื่อไหร่ที่บุญของแกหมด ฉันนี่แหละที่จะเป็นคนจัดการกับแกคนแรกไอ้ดรัณ....อัดมันอีกจนกว่า ฉันจะพอใจ”
ทองทิวเดินออกไป สาโรจน์กับพวกลูกน้องเข้าไปหิ้วดรัณขึ้นแล้วเริ่มรุมซ้อมต่อ
วันใหม่...รถตู้คันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดบริเวณตึกร้าง ประตูรถตู้เปิดออก ดรัณถูกพวกลูกน้องของทองทิวหิ้วปีกลงมา ในสภาพยับเยิน สาโรจน์พยักหน้าให้พวกลูกน้องทิ้งดรัณเอาไว้แล้วพากันออกไป
ดรัณฟุบหน้าอยู่กับพื้นนิ่งไม่ไหวติง สภาพดูน่าเวทนาเพราะหน้าตาบวมปูด เจ็บช้ำไปทั้งตัว
สวนบุณฑริก...ชิโลพยายามแข็งใจตอบอุ้มสม...
“เราห้ามใจอ่อนเด็ดขาดนะอุ้มสม”
“แต่ผู้กองดรัณเขา...”
“ฉันรู้ว่าเขาต้องเจ็บ แต่เราตกลงกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่างานนี้ไม่มีคำว่าปราณี เพราะสิ่ง ที่เราทำเป็นการช่วยทั้งผู้กองดรัณและสิริสุดา ไม่ได้เป็นการทำร้ายเขาสักหน่อย”
อุ้มสมแอบบ่น
“ใครว่าตกลงกัน พูดเองเออเองทุกอย่าง”
“อุ้มสม !! เดี๋ยวเราก็สาปให้เป็นนกแก้วไปตลอดเลย”
“ก็ได้...ไหนๆก็โดนฉุดให้ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เราก็แค่อดสงสารผู้กองดรัณไม่ได้แค่นั้น”
ชิโลกังวล แต่พยายามบอกตัวเอง
“ต้องใจแข็งไว้ ในเมื่อเขาไม่ใช่คู่แท้กัน แต่งไปก็ต้องหย่าอยู่ดี แตกหักซะตั้งแต่วันนี้ จะได้ไม่เสียเวลา แล้วเจ้าก็ไม่ต้องห่วงว่าผู้กองดรัณจะเป็นอะไรไป เพราะเขามีมิตรแท้ ที่ช่วยดูแลเขาอยู่”
“มิตรแท้”
“ก็หมอนั่นไง มนุษย์เดินดินธรรมดาที่กล้าไล่จับนางฟ้าอย่างเรา”
ชิโลคิดถึงสการแล้วแค้นไม่หาย
มณีแดนสรวง ตอนที่ 2
สการขับรถเข้ามาจอดเอี๊ยดตรงบริเวณที่ดรัณถูกนำมาทิ้งไว้ สการรีบวิ่งมาที่กลุ่มชาวบ้านที่ยืนมุงดูดรัณ
“หลบหน่อยครับ....ขอทางหน่อย นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
พวกชาวบ้านแหวกทางเปิดทางออก สการรีบเข้าไปพบเพื่อนนอนอยู่ในสภาพบอบช้ำน่าเวทนา
“ไอ้รัณ !! ฝีมือใครวะ ใครทำกับแกแบบนี้”
ดรัณเสียงแผ่วเบา
“นาย...นาย...ทองทิว”
สการได้ยินชื่อก็เจ็บใจ ดรัณแทบไม่มีเรียวแรงแม้แต่จะเดินเอง สการต้องประครองเพื่อนแล้วพาไปที่รถ
“อดทนไว้นะเพื่อน ฉันจะรีบพาแกไปหาหมอเดี๋ยวนี้”
สิริสุดายืนเหม่ออยู่ในบ้าน คิดถึงคำพูดของสการ
‘คุณสิ คุณก็รู้ว่าไอ้รัณมันรักคุณมาก ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมา คุณจะไม่เสียใจเลยเหรอ’
สิริสุดาเริ่มกังวลและเป็นห่วงถึงจะปากแข็งใส่ แต่ลึกๆ ก็ยังมีความรักต่อดรัณอยู่ ระหว่างนั้นทองทิวกลับเข้ามา
“ป๋าคะ”
“อ้าว...ยังไม่นอนอีกเหรอสิ”
สิริสุดามีสีหน้าเศร้า ทองทิวสงสารลูกสาวเข้าไปลูบหัวอย่างเอ็นดู
“ป๋ารู้ว่าลูกยังเสียใจ แต่ทำไมไม่คิดว่านี่เป็นโชคดีของลูกที่ได้รู้ความจริง ก่อนที่จะต้องตัดสินใจผิดไปตลอดชีวิต”
“แต่รัณเขายืนยันว่าเขาไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้น”
“ถ้าไม่มีอะไรกัน แล้วผู้หญิงคนนั้นจะกล้ามาประกาศตัวในงานแต่งได้ยังไง”
“ผู้กองแซมเพื่อนสนิทของดรัณก็ยืนยันนะคะป๋า เขายังบอกสิว่ารัณหายตัวไปอีก”
“เพื่อนสนิทกันก็ต้องช่วยกันเป็นธรรมดา มันก็แค่วิธีเรียกร้องความสนใจของพวก เจ้าชู้ ถ้าลูกหลงเชื่อก็ต้องเสียใจน้ำตาเช็ดหัวเข่าอีก”
“ค่ะป๋า”
สิริสุดากราบที่อกทองทิวที่โอบกอดลูกสาวเอาไว้
“ป๋าว่าไปนอนพักกันเถอะ วันนี้ป๋าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
ทองทิวโอบไหล่พาลูกสาวเดินเข้าไป
หลายวันต่อมา
ดรัณอยู่ในสภาพพักฟื้นนอนนิ่งอยู่บนเตียง รอยฟกช้ำเริ่มจางลงไปบ้างแต่ยังถูกเข้าเฝือกที่แขนอยู่
สการยืนมองอย่างเป็นห่วง ผู้การดำเกิงเข้ามาตบบ่าสการ
“ผมคุยกับหมอแล้ว คงต้องให้อยู่ดูอาการที่โรงพยาบาลอีกสักสองสามวัน จากนั้นผมจะ ให้เขาพักฟื้นจนกว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
สการขบกรามแน่นเจ็บใจ
“ผมจะเอาเรื่องพวกมัน ไอ้รัณจะต้องไม่เจ็บตัวฟรี”
สการจะออกไปแต่เสียงดรัณดังขึ้น
“อย่า....อย่านะไอ้แซม”
สการชะงักหันไปเห็นเพื่อนรู้สึกตัวแล้วและพยายามห้าม
“ไอ้รัณ... พวกมันรู้ว่าแกเป็นตำรวจ แต่ก็ยังกล้าลากแกไปซ้อมจนปางตาย ฉันไม่มีทาง ปล่อยให้พวกมันเย้ยกฎหมายจนไร้ความศักดิ์สิทธิ์หรอก”
ดรัณเตือน
“แต่ถ้าแกทำอะไรบุ่มบ่ามตอนนี้ แผนที่เราเตรียมการมาตลอดก็ต้องจบเห่ไปด้วย”
ผู้การดำเกิงเห็นด้วย
“ผมเองก็เจ็บใจไม่แพ้คุณหรอกผู้กอง แต่ถ้าบุกไปเล่นงานตอนนี้ อย่างมากก็ได้แค่ข้อหา กักขังหน่วงเหนี่ยวทำร้ายร่างกาย ทั้งๆที่คนอย่างมันมีโทษที่ต้องชดใช้มากกว่านั้นเยอะ”
สการเจ็บใจ
“บ้าชะมัด !! เพราะผู้หญิงคนนั้นคนเดียว แผนทุกอย่างเลยต้องมาพังไม่เป็นท่า”
“ยังหรอกไอ้แซม แผนการมันก็แค่สะดุดไปแค่นั้น เพราะฉันยังเชื่อว่าระหว่างฉันกับคุณสิ เรายังกลับมาคืนดีกันได้”
“แต่เท่าที่ฉันคุยกับเขา ฉันว่าเขาไม่สนใจเลยว่าแกจะเป็นตายร้ายดียังไง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแกโดนพ่อเขาลากไปซ้อม”
“แต่ฉันก็ยังเชื่อว่าเรารักกัน ถ้าฉันพิสูจน์ได้ว่าไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นจริงๆ คุณสิต้องยกโทษให้” ดรัณหันไปที่ผู้การดำรง “แล้วผมจะกลับไปทำตามแผนการเดิมของเราให้ได้ครับผู้การ”
ผู้การดำเกิงนิ่งคิดไปอย่างตัดสินใจ
“ถ้าตอนนี้ยังไม่มีแผนการที่ดีกว่า ก็คงต้องเดินตามเกมเดิม”
“งั้นฉันจะช่วยตามยัยตัวแสบนั่นมาให้ได้ ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินทั้ง ประเทศ ฉันก็จะตามให้เจอ” สการบอกอย่างมุ่งมั่น
สวนบุณฑริก...ชิโลไม่พอใจที่สการพูด ปรี๊ดขึ้นทันที
“อุ้มสม !!..เจ้าได้ยินมั้ย”
“ได้ยินอะไร”
“ก็ที่หมอนั่น นายตำรวจเพื่อนผู้กองดรัณกำลังพูดถึงเราไง”
“นี่เจ้ากำลังจับตาดูเขาอยู่เหรอ”
ชิโลอึ้งๆไป รีบแก้ตัว
“ก็เรารู้สึกว่าหมอนั่นอยากท้าทายนางฟ้าอย่างเรานี่ หึ..เป็นมนุษย์ธรรมดาแต่คิดอยาก เล่นงานนางฟ้า เห็นทีคงต้องสั่งสอนให้รู้ว่าอะไรควรไม่ควรแล้ว”
อุ้มสมตกใจ
“ชิโล..เจ้าอย่าบอกนะว่า...”
อุ้มสมยังไม่ทันพูดจบ ชิโลหันมายิ้มแบบร้ายน่ารักๆก่อนจะหายวับไป อุ้มสมหน้าเครียดทันที
สการกำลังเดินออกจากกองปราบโดย ตรีชฎาตำรวจหญิงผู้ช่วยของเขาตามออกมาส่ง
“ผมต้องการหลักฐานและข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้น คุณช่วยรวบรวมมาให้ผมด้วย”
ตรีชฎายิ้มรับ
“ได้ค่ะผู้กอง ว่าแต่จะเอาแบบล้วงลึกขนาดไหนดีคะ”
“มากที่สุดเท่าที่คุณจะหามาให้ผมได้นั่นแหละ”
“งั้นก็ได้เลยค่ะ ดิฉันจะควัก จะล้วง จะค้นมาให้ รับรองว่าผู้กองต้องได้ตัวผู้หญิงคนนั้น มาแน่ ว่าแต่หน้าตาเธอเป็นยังไง แล้วดิฉันต้องเริ่มจากไหนดีคะ”
สการชะงักอึ้งหันมามองอย่างอ่อนใจ
“คุณตรีชฎา!!”
“เห็นผู้กองเครียด ดิฉันก็เลยล้อเล่นขำๆค่ะ ผู้กองไม่ต้องห่วงนะคะ ดิฉันจะเริ่มจากไปดู ภาพวีดิโอในวันงานแต่งค่ะ”
ตรีชฎาเปิดประตูให้แล้วยิ้มส่ง สการเข้าไปนั่งในรถแต่ยังไม่ทันจะสตาร์ทรถ สการก็รู้สึกได้กลิ่นหอม
“กลิ่นอะไร หอมจัง คุณใส่น้ำหอมด้วยเหรอคุณตรีชฎา”
“ค่ะ...แหม...ผู้กองนี่จมูกไวนะคะ ชาแนลนัมเบอร์ไฟว์ค่ะ”
“เหรอ...แต่ผมจำได้ว่าชาแนลไม่ได้กลิ่นแบบนี้นี่ กลิ่นมันหอมแบบคุ้นๆ”
สการแปลกใจสงสัยแต่นึกไม่ออก เขาไม่รู้เลยว่าที่เบาะข้างคนขับชิโลนั่งอมยิ้มร้ายบริสุทธิ์อยู่ตรงนั้น
ภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง สการนั่งอยู่ที่มุมเงียบๆในสวน คิ้วขมวดพยายามเพ่งสมาธิใช้ความคิด ก่อนจะลงมือขีดๆเขียนๆ วาดอะไรบางอย่างลงไปในแผ่นกระดาษวาดรูปตรงหน้า
ในกระดาษแผ่นนั้น สการพยายามวาดรูปหญิงสาวที่เห็นในงานแต่งงาน แต่วาดออกมาแล้วหน้าตาดูไม่ใช่เลย สการไม่พอใจขีดลบฆ่าทิ้งแล้วขึ้นยกระดาษแผ่นใหม่
ชิโลก้าวเข้ามาในชุดพนักงานเสิร์ฟร้านกาแฟ ใส่แว่นกรอบหนาใหญ่ๆปลอมตัวสุดฤทธิ์ ไม่ให้เขาจำได้
“เติมกาแฟมั้ยคะ”
สการเงียบ ชิโลชะโงกหน้ามามอง
“วาดรูปใครอยู่เหรอคะ”
สการเงียบอีก
“นั่งเป็นแบบให้มั้ยคะ”
สการรำคาญ
“กาแฟผมยังไม่ไม่หมด ถ้าอยากได้จะเรียกเอง”
ชิโลหางตามองหมั่นไส้ถอยไปบ่นไป
“หยิ่งจองหองเหลือเกินนะเจ้ามนุษย์ เราคือชิโล...นางฟ้าแสนสวยแห่งดาวดึงส์ แต่เจ้ามาวาดหน้าเรา ทุเรศลูกตาแบบนี้...ดูถูกกันชัดๆ เห็นทีต้องสั่งสอน”
ชิโลยิ้มร้ายแล้วชูนิ้วขึ้นหมุนเป็นวง 3 ครั้ง ทุกอย่างรอบๆตัวชิโลหยุดนิ่งชะงักค้าง อย่างหยุดเวลาเอาไว้ แล้วเข้าไปเปลี่ยนกาแฟในแก้วสการเทแบบร้อนจี๋ควันฉุยใส่ แล้วจับสการหันหน้าไปทางหญิงสาวสวยอึ๋มที่ กำลังเดินมา จัดการเปลี่ยนภาพวาดใหม่ เมื่อจัดการทุกอย่างแล้วก็ถอยมาตั้งหลักห่างๆ ดีดนิ้วให้ทุกอย่าง กลับมาเหมือนเดิม
สการยกแก้วกาแฟมาดื่ม โดนลวกปากพองร้องเสียงหลง
“โอ้ย....ร้อนๆๆๆ”
สการเป่ากาแฟพรวดรดเป้ากางเกง รีบลุกมาปัดเป้าไปมา ระหว่างนั้นหญิงสาวสวยอึ๋ม เดินมาเห็นภาพวาดบนหน้ากระดาษก็ตกใจ เพราะเป็นภาพเธอที่ถูกวาดให้โป๊เปลือยโชว์เต้า เข้าข่ายลามกอนาจาร
“ไอ้บ้า...ไอ้โรคจิต !!”
สการโดนหญิงสาวตบหน้า เอากระเป๋าฟาดซ้ำทำเอาสการหงายหลังตกเก้าอี้ งงๆงวยๆ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องบ้าแบบนี้ได้ยังไง ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักใหล้ๆ หันขวับไปเห็นพนักงานเสิร์ฟเมื่อกี้นี้ยืนขำอยู่ สการจิกตามองสุดฤทธิ์
ชิโลเดินเข้ามาอีกมุมหนึ่งของร้าน สการตามมาเรียกไว้
“เดี๋ยว…หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ เธอทำได้ยังไง”
ชิโลแกล้งงง
“ฉันทำอะไรเหรอ”
“ก็ไอ้ที่แกล้งฉันเมื่อกี้นี้”
“อ๋อ…โรคจิตเมื่อกี้นี้น่ะเหรอ”
“นั่นไง ฝีมือเธอจริงๆ”
สการเห็นหน้าชัดๆแล้วสงสัย
“เดี๋ยว…ฉันว่าหน้าเธอมันคุ้นๆ”
สการมองหน้าแล้วยังได้กลิ่นหอมๆอีก พยายามหันไปสุดกลิ่น
“กลิ่นหอมนี่ก็ด้วย…หรือว่าเธอ…”
สการหันมาที่ชิโลแต่ไม่เห็นตัว เพราะเธอแว้บมายืนข้างหลัง
“ฉันเป็นใครเหรอ เจ้ามนุษย์”
สการหันหลังขวับ
“ฉันจำเธอได้แล้ว…เธอยัยตัวแสบ กิ๊กไอ้ดรัณ เธอเสร็จฉันแน่”
สการปรี่เข้าไปจะคว้าตัว แต่ชิโลชูนิ้วขึ้นวน ทุกอย่างค้างเติ่งเพราะถูกหยุดเวลา
“เอาอีกแล้วนะเจ้ามนุษย์…ชอบเล่นของสูงนักใช่มั้ย หึ !! เจ้าได้เจอของเสียวแทนแน่”
สการตัวแข็งทื่อในท่าเดิมที่จะคว้าตัวชิโล แต่คราวนี้มาโผล่ยืนกลางถนน รู้สึกตัวอีกทีแสงไฟรถก็ กำลังพุ่งเข้าใส่ เสียงบีบแตรดังลั่น
“เฮ้ยยยย”
สการรีบกระโดดรถหวุดหวิดจะโดนรถชนเข้าให้ ส่วนชิโลก็ยืนขำอยู่ใกล้ๆ สการหันขวับ
“เธอเป็นใคร...ทำแบบนี้ได้ยังไง”
ชิโลเชิดหน้าไม่สนใจแล้วเดินออกไป สการเจ็บใจรีบลุกแล้วกระโจนเข้าใส่ ล้มทับตัวชิโลบนพื้น สบตากันนิ่งไปครู่
“เสร็จฉันล่ะ...คราวนี้ฉันจับเธอได้แล้ว”
“ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะเจ้ามนุษย์”
ชิโลรีบผลักสการจนกระเด็น แล้วปั้นหน้าตึงโกรธมาก
“เจ้าล่วงเกินเรามากไปแล้ว...เห็นทีเราต้องสั่งสอนชนิดให้เข็ดไปอีกนาน”
ชิโลชูนิ้วขึ้นหมุนวนแล้วชี้ออกไป สการชะงักกระตุกหนึ่งครั้งแล้วร่วงหมดสติ
กลางดึก...สการรู้สึกตัวมึนๆงงๆ อยู่ในรถตัวเองที่จอดอยู่ข้างทาง
“โอ้ย…ปวดหัวชมัด…นี่เรามาอยู่ตรงนี้ได้ไงวะเนี่ย”
สการมองไปรอบๆแล้วมึนๆ งงๆ ชิโลนั่งอยู่เบาะข้างๆหัวเราะชอบใจ แต่คราวนี้ชิโลไม่ปรากฏตัวให้เห็น
สการเอามือเคาะหัวตัวเองพยายามเรียกสติให้กลับมา แล้วสตาร์ทรถเพื่อขับไปต่อ เขาขับรถไปตามถนนเปลี่ยวๆ แต่กลิ่นหอมยังติดจมูกไม่จางหาย
“ทำไมยังได้กลิ่นอยู่อีก...หรือว่ากลิ่นจากเราเอง”
สการทำจมูกฟุดฟิดพยายามหาที่มา ดมเสื้อตัวเอง ดมจักกะแร้ตัวเองด้วย ชิโลเบ้ปาก
“อี๊..แหวะ..มนุษย์เดินดินกิเลศหนาอย่างเจ้า ไม่ได้มีกายทิพย์จะได้มีกลิ่นหอม อย่างเรานี่”
ชิโลนั่งหมั่นไส้สการอยู่ที่เบาะข้างคนขับ โดยที่สการไม่รู้ว่ามีนางฟ้าแสนซนนั่งมาด้วย หญิงสาวมองสการแล้วอมยิ้มคิดหาเรื่องแกล้งขึ้นมาได้ เธอแกล้งเปิดปุ่มเครื่องเสียงฉับพลันนั้นเสียงเพลงจากวิทยุก็ ดังขึ้นมาดื้อๆ แถมยังเป็นดนตรีบรรเลงเพลงไทยเดิมอีก
สการชะงักตกใจรีบปิดวิทยุ แต่ปิดยังไงก็ปิดไม่ได้
“เฮ้ย...อะไรวะเนี่ย ทำไมปิดไม่ได้”
สการรีบจอดรถเข้าข้างทาง ดับเครื่อง ดึงกุญแจรถออก วิทยุดับ เสียงเพลงเงียบ สการนึกว่าไม่มีอะไรแล้ว แต่อยู่ๆวิทยุก็ติดขึ้นมาอีก ดนตรีไทยเดิมดังกว่าเดิม ชายหนุ่มเหวอตกใจรีบเปิดประตูออกจากรถ กุญแจรถยังกำอยู่ในมือ แต่รถกลับติดเครื่องเอง ไฟกระพริบทำงาน เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม ชิโลมายืนอยู่ข้างๆสการที่ยืนงงตกใจมาก
“จำไว้นะเจ้ามนุษย์เดินดิน อย่าได้คิดลองดีกับเราอีก วาสนาของเจ้าดีที่สุดก็แค่ได้กลิ่นจากกายทิพย์เราเท่านั้น”
ชิโลยิ้มร้ายก่อนจะมองไปที่รถของสการ ทันใดนั้นไฟหน้าสว่างจ้าใส่หน้าสการ ล้อรถหมุนฟรีเหมือนพุ่งเข้าหา
สการยกมือขึ้นกันแสงแล้วถอย รถพุ่งเข้าหาเขาทันที
“ไม่ !!!”
สการร้องลั่น
วันต่อมามีชาวบ้านมามุงดูรถสการที่จอดอยู่ริมถนน ต่างซุบซิบพูดคุยกันด้วยความสงสัยที่เห็นมีคนนอนนิ่งอยู่ในรถไม่ไหวติง
สักพักตำรวจจราจรเข้ามาเคาะกระจก สการค่อยๆสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา ลดกระจกให้ตำรวจจราจร
“มาจอดรถนอนทำไมแถวนี้คุณ รู้มั้ยว่ามันเกะกะขวางทางจราจร”
สการหน้างงๆหันไปมองเห็นว่ามีคนมุงรถตัวเองเต็มไปหมด ตำรวจสงสัย
“ท่าทางไม่น่าไว้ใจ เล่นยามาด้วยรึเปล่า ลงมาจากรถมาให้ค้นตัวสิ”
สการยังทำหน้างงๆ
“บอกให้ลงมา!”
สการเปิดประตูก้าวลงจากรถ พวกชาวบ้านพากันตกใจยกมือขึ้นปิดตาปี๋ ตำรวจจราจรตกใจรีบชักปืนออกมา
“ยกมือขึ้นแล้วเก็บอาวุธของแกเดี๋ยวนี้ ไอ้โรคจิต”
สการตกใจ
“อาวุธ ?...อาวุธอะไร”
“ก็นั่นไง ชี้เด่อยู่นั่น”
สการก้มมองต่ำที่เป้าตัวเองแล้วตกใจ เพราะตัวเองอยู่ในสภาพนุ่งกางเกงบ็อกเซอร์โล่งๆลมโชย
“เฮ้ย !!”
ชายหนุ่มรีบเอามือปิดเป้าสุดฤทธิ์
ณ สวนบุฑริก… ชิโลนั่งหัวเราะชอบใจคิกๆคักๆ แต่อุ้มสมหน้าเซ็งไม่ขำด้วย
“เอาน่าอุ้มสม เจ้าเลิกกังวลได้แล้ว เราสัญญาว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะเข้าไป ยุ่งกับชีวิตมนุษย์”
อุ้มสมถอนใจ
“ให้มันแน่เถอะว่าครั้งสุดท้ายจริงๆ”
“แน่สิ เป็นนางฟ้าจะโกหกได้ยังไง”
“งั้นก็ดีที่เจ้ารับปาก บอกตรงๆเรารู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดียังไงก็ไม่รู้ นึกถึงคำขู่ของ เทพบิดาเจ้า แล้วใจคอมันเต้นตุบๆ”
“เจ้าก็กังวลมากไป เอางี้ดีกว่า เราพาเจ้าไปเที่ยวเล่นที่หิมพานต์ดีมั้ย เผื่อจะสบายใจ”
ทันใดเสียงเทพบิดาดังขึ้น
“แค่ที่โลกมนุษย์ยังสนุกไม่พออีกเหรอชโลธร”
“ยังหรอกค่ะท่านพ่อ หิมพานต์มีเรื่องน่าสนุกกว่าเยอะ”
ชิโลเผลอลืมตัวนึกได้ว่าเป็นเสียงของท่านพ่อก็หน้าเสีย ยิ่งเห็นหน้าอุ้มสมเหลือแค่สองนิ้วก็ยิ่งเหวอ
“อะ...อะ..อุ้มสม...บอกเราทีว่า...เมื่อกี้นี้เราแค่หูแว่ว”
อุ้มสมไม่กล้าตอบได้แต่ส่ายหน้าว่าไม่ได้หูแว่ว ชิโลค่อยๆหันไปหาเทพบิดาที่ปั้นหน้าโกรธ รัศมีเทพเปล่งประกายจนเป็นสีแดงเข้ม ไฟลุกโชนอยู่ข้างหลัง
“ท่าน...ท่าน...พ่อ...”
ชิโลหน้าจ๋อย ซีดเผือด รัศมีรอบกายหม่นหมองลงไปทันที
หลายวันผ่านไป...สการยืนครุ่นคิดถึงหญิงสาวที่เขาตามจับแต่คว้าน้ำเหลว ในงานแต่งานดรัณ เขายืนเหม่อ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ตรีชฎาก็เปิดประตูเข้ามา
“ขออนุญาตค่ะผู้กอง”
สการหน้าตึง
“ผมตามคุณตั้งนานแล้วทำไมช้านัก ผมรอฟังความคืบหน้าของคดีอยู่นะ”
“ขอโทษค่ะ ผู้กองอยากได้ความคืบหน้าคดีไหนคะ คดีที่ผู้กองถูกมอมยาแล้ว..เอ่อ..เอ่อ...ถูกทิ้งไว้ในรถตัวเอง”
“คุณตรีชฎา !! ผมบอกแล้วไงว่าคดีนั้นไม่ต้องตามต่อ ผมไม่ได้เสียหายอะไร”
“แล้วผู้กองไม่อายเหรอคะ”
“ผมบอกว่าพอได้แล้ว รีบเอาความคืบหน้าคดีผู้หญิงที่ผมสั่งให้ตามมารายงานผมเดี๋ยวนี้”
สการสั่งเสียงเฉียบก่อนจะไปนั่งที่เก้าอี้
“ค่ะผู้กอง ดิฉันได้เทปหลักฐานจากกล้องวีดิโอในงานแต่งงานของผู้กองดรัณมาแล้ว แต่ว่า..คือ...”
“มีอะไรอีกล่ะ”
“ดิฉันไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ผู้กองควรจะดูเองดีกว่าค่ะ”
สการมองหน้าตรีชฎาอย่างสงสัย
ภาพในจอทีวีช่วงแรกๆ เป็นภาพบรรยากาศทั่วไปในงานแต่งงาน ที่ถ่ายจากกล้องวีดิโอของช่างภาพในงาน เห็นตั้งแต่สิริสุดาเดินเข้าพิธี จนถึงช่วงที่ประตูโบสถ์เปิดออกและชิโลก้าวเข้ามา
สการตั้งใจดูแต่พบว่าภาพในจอทีวีมีแสงสว่างจ้าแวบขึ้นมา จากนั้นเทปที่เหลือก็มีแต่ความว่างเปล่า
ภาพมาปรากฏอีกทีก็ตอนที่ในโบสถ์มีแต่ความวุ่นวายหลังจากที่ชิโลหนีออกจากโบสถ์ และสการวิ่งไล่ตามออกไป ทำเอาสการถึงกับงง
“ดิฉันดูเสร็จก็งงเหมือนอย่างที่ผู้กองกำลังงอยู่นี่แหละค่ะ ภาพที่ถ่ายในงานทั้งหมดไม่มีส่วนไหนเลยที่หายไป เว้นก็แต่ช่วงที่ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวขึ้น ดิฉันลองให้ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานตรวจเช็คอย่างละเอียดก็ไม่พบอะไรผิดปกติ”
“หมายความว่าภาพที่ถูกบันทึกมาเป็นอย่างนี้ตั้งแต่วันนั้น”
“ค่ะ ดิฉันลองให้กรอภาพดูช้าๆตรงมุมที่พอจะเห็นหน้าเธอบ้าง แต่ก็ไม่เห็นอยู่ดีเพราะมีแสงสว่างจ้ามากเกินกว่าที่ภาพจะจับได้”
สการยิ่งแปลกใจ นึกถึงเหตุการณ์ที่ไล่ตามหญิงสาวคนนั้น แล้วเธอก็หายตัวไปหลังจากที่มีแสงสว่างจ้า
“เหมือนกับตอนที่ผมวิ่งไล่ตามเธอไป น่าแปลกมาก มันไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เธอจะทำได้ยังไง”
“ได้สิคะผู้กอง ถ้าผู้หญิงที่เรากำลังตามตัวไม่ใช่คน...แต่เป็น..เป็นผี”
สการเหล่
“ตลกไปแล้วคุณตรีชฎา กลางวันแสกๆจะมีผีสางนางไม้ได้ยังไง ส่งเจ้าหน้าที่ไปเช็ครายชื่อแขกในงานทั้งหมด ดูว่ามีใครที่ถ่ายภาพติดผู้หญิงคนนั้นมาได้ ผมต้องการภาพเธอไว้ตามตัว จะได้รู้กันซะทีว่าเธอเป็นใคร”
ตรีชฎารับคำสั่งแล้วออกไป สการเครียดทันที กับสิ่งที่เขาเผชิญ
ชิโลกับอุ้มสมหน้าจ๋อยเหลือสองนิ้ว คอตกหน้าซีด เสียงอ่อย...
“ท่าน...ท่านพ่อรู้เรื่องได้ยังไงคะ”
เทพบิดามองไม่พอใจ
“พ่อรู้ทุกเรื่องนั่นแหละชโลธร เพราะพ่อรู้ว่ามีลูกสาวที่ไม่เหมือนเทพองค์อื่น พ่อถึงต้องคอยจับตาดูเจ้าเป็นพิเศษ”
ชิโลพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“เห็นมั้ยอุ้มสม ท่านพ่อยังชมเราเลยว่าเราแตกต่างจากเทพองค์อื่น”
เทพบิดาเสียงดัง
“ชโลธร !! หยุดเห็นทุกเรื่องเป็นเรื่องสนุกซะที”
เสียงเทพบิดาดังก้องจนสวรรค์แทบจะสั่นสะเทือน ชิโลหน้าเสีย อุ้มสมกลืนน้ำลายเอื๊อกตกใจรีบหลบหลังชิโล
“ครั้งนี้เจ้าเล่นสนุกจนเกินไปแล้ว อาจหาญถึงขนาดลงไปเปลี่ยนชะตากรรมของมนุษย์”
“ลูก...เอ่อ...ลูก...ลูกแค่อยากช่วย...”
“แบบนี้เหรอคือการช่วยเหลือ ลำพังแค่เจ้าไปเปลี่ยนชะตากรรมของคนหนึ่งคน มันก็มีความยุ่งยากเป็นผลตามมาอยู่แล้ว แต่นี่เจ้าเปลี่ยนแปลงถึงสองคนพร้อมๆกัน มันจะไม่ยิ่งยุ่งเหยิงเหรอไง เคยคิดบ้างมั้ยชโลธร”
อุ้มสมพยายามช่วย...
“ชิโล...เอ้ย...รัศมิชโลธรคงไม่ตั้งใจหรอกครับท่านเทพ”
“เจ้าก็เหมือนกันอุ้มสม เราเคยสั่งแล้วใช่มั้ยว่าให้คอยดูแลชโลธรให้ดี นี่อะไร แทนที่จะช่วยห้ามกลับไปเล่นสนุกด้วยกัน”
ทั้งอุ้มสมกับชิโลพากันหน้าเสีย พร้อมใจกันคุกเข่ายอมรับผิด
“พ่อปล่อยเจ้ามามากเกินไปแล้ว...รัศมิชโลธร ความผิดครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เห็นทีพ่อจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป”
ชิโลตกใจ
“ท่านพ่อจะกักบริเวณลูกอีกเหรอคะ”
“พ่อบอกเจ้าแล้วไงว่าถ้าเจ้าทำผิดอีกครั้ง เจ้าจะไม่ได้รับโทษแค่กักบริเวณ คราวนี้พ่อจะเนรเทศเจ้าลงไปโลกมนุษย์ !!”
ชิโลกับอุ้มสมถึงกับอึ้งตะลึงมองหน้ากันอย่างตกใจ
โปรดติดตาม "มณีแดนสรวง" ตอนต่อไป