xs
xsm
sm
md
lg

มารยาริษยา ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มารยาริษยา ตอนที่ 1

เย็นวันนั้น หากใครผ่านไปแล้วมองที่บริเวณผนังด้านหน้าอาคารหลังใหญ่ย่านกลางใจกรุงเทพฯ จะเห็นบิลบอร์ดโฆษณาของแบรนด์แฟชั่นหรูหรา ระดับ Hi-end ต่างๆ ทั้งยี่ห้อของไทยและแบรนด์ระดับโลกเด่นหราสะดุดตา

ขณะที่ด้านหน้างานเห็นบิลบอร์ดงาน Bangkok Fashion Week 2012 ทอดสายตามองไปตรงกลางเห็นเป็นเวทีแคทวอล์คขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าน
ผู้คนในวงการแฟชั่น เซเลบริตี้ ไฮโซ ดารา และบรรดาแฟชั่นนิสต้า ต่างพร้อมใจแต่งตัวจัดจ้านมาประชันกัน ไฮโซบางคนอุ้มสุนัขตัวเล็กๆ มาด้วย ช่างภาพมากถ่ายรูปเซเลบที่มาร่วมงาน บรรยากาศแสนคึกคัก
อุ้มพิธีกรช่องทีวี Run way chanel นางสวมใส่ชุดแนว avant garde ราวกับองค์เลดี้ กาก้า ลง อุ้มประดิษฐ์ท่าที่คิดมาดีแล้วโพสให้ช่างภาพถ่ายอยู่บริเวณแบ็คดร็อปโลโก้งาน ครู่หนึ่งนางก็หันมาพูดกับกล้อง ของช่างภาพที่มาด้วยกัน ท่าทางเว่อร์มาก...อันเป็นเอกลักษณ์
“ไม่ต้องตกใจนะคะ ไม่ใช่นางแบบหน้าใหม่ อุ้มแค่ทำตัวให้กลมกลืนกับบรรยากาศงาน Bangkok Fashion Week 2012 น่ะค่ะ งานนี้ถือได้ว่ารวบรวมบุคคลชั้นแนวหน้าของวงการแฟชั่นเลยนะคะ ตามอุ้มมาค่ะว่ามีใครบ้าง”

ภาพความชุลมุนหลังเวทีของคนแฟชั่นทุกชีวิตที่เกี่ยวข้องกับงานนี้ ค่อยๆ เผยออกมา
นางแบบรุ่นใหม่วัยใส 18-19 ปี กำลังนั่งให้ช่างกำลังแต่งหน้าให้อยู่หลายคน ที่โต๊ะแต่งตัว ที่มีเครื่องสำอางวางเรียงเป็นตับ
ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม หลายคนสาละวนแต่งหน้า ทำผม ให้นางแบบกันอยู่อีกหลายคน นางแบบแต่ละคนล้วนมีอายุไม่เกิน 19
ทีมงานคอสตูมที่ดูแลเสื้อผ้า แต่ละคอลเล็คชั่น แต่ละแบรนด์ เข็นราวเสื้อผ้าวุ่นวาย แข่งกับเวลาที่กระชั้นเข้ามาทุกขณะ

ด้านหน้างานอุ้มกำลังเก็บภาพบรรยากาศงาน จังหวะนั้นอุ้มหันไปเห็น หนึ่ง กะเทยขาใหญ่เจ้าแม่ออร์แกไนเซอร์แฟชั่นโชว์ เดินผ่านมา อุ้มรีบเดินแถไปหา
“อยู่นี่เองค่ะพี่หนึ่งผู้ที่ก่อให้เกิดงานนี้ขึ้นมา พี่หนึ่งขา...ปีนี้มีแบรนด์ไหนมาร่วมงานบ้างคะ”

“แบรนด์ไทยก็มี Nagara , Kai Boutique , Disaya , Issue , Jaspal, Greyhound , Flynow แล้วปีนี้ได้รับความสนใจจากเสื้อผ้าhi-endระดับโลกมากมายมาร่วมงานด้วยนะคะ ทั้ง Vivienne Westwood , Issey Miyake , Comme des garcons” หนึ่งจ๊ะจ๋า
อุ้มตื่นตาตื่นใจ “แบรนด์เยอะขนาดนี้ ต้องใช้นางแบบหมดวงการเลยรึเปล่าคะเนี่ย”
“รวมนางแบบที่เดินก็เกือบพันคนน่ะค่ะ” อุ้มกรี๊ดอย่างตื่นเต้น หนึ่งร่ายชื่อนางแบบอย่างคุ้นปาก “ทั้งสิ นุช หลิน เอเลี่ยน แล้วที่ขาดไม่ได้ก็คือนางแบบอันดับหนึ่งตลอดการของวงการแฟชั่นเรา ….เพียงดาว!”
“อันนี้อุ้มก็รู้แล้วละค่ะงานใหญ่ขนาดนี้ ถ้าขาดแฟชั่นไอคอน สัญลักษณ์แห่งวงการนางแบบอย่างพี่ดาวไป คงไม่ได้ แต่ที่อุ้มอยากรู้คือพี่ดาวเค้าเดินแบบให้แบรนด์ไหนบ้างน่ะสิคะ” อุ้มใส่จริตทำเสียงกระแดะสุดฤทธิ์ “อยากรู้ๆ?”
“จุ๊ๆๆ บอกไม่ได้ แต่นางแบบอันดับหนึ่งอย่างเพียงดาว ชุดต้องไม่ธรรมดาแน่” หนึ่งยิ้มเป็นปริศนา

เวลาเดียวกันที่ด้านหลังเวที
บุ๋มดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ที่จะเปิดงาน กำลังเดินตรวจ หน้าผม ที่ช่างหน้า ช่างผมกำลังแต่งให้นางแบบอยู่อย่างรีบเร่ง บุ๋มเดินมาหาอู๋ที่กำลังแต่งหน้าให้เพียงดาว ซึ่งเวลานั้นเพียงดาวนั่งหันหลังอยู่ อุ๋มเดินมา มองแล้วบอกอู๋
“ตาอย่าเข้มมากนะ ขอกรีดตาคมๆ เน้นปากแดง คอเลคชั่นนี้ของพี่ พี่อยากได้นางแบบออกมาสไตล์ dita von teese
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะพี่บุ๋ม จะแบบดีต้าหรือแบบคูโบต้า อู๋ก็เนรมิตให้ได้หมด โดยเฉพาะหน้าดาวเนี่ย อู๋แต่งมาตั้งสิบกว่าปีแล้ว หลับตายังแต่งได้เลยค่ะ” อู๋กะเทยยักษ์ ผิวหมึก หันมาหาเพียงดาว “ใช่ไหมจ๊ะดาว?”
เพียงดาวนั่งอยู่ท่าทางเป็นกังวล ดูออกว่าอารมณ์ไม่ดี เพียงดาวถามบุ๋ม
“ชุดของดาวยังไม่มาอีกเหรอคะพี่บุ๋ม”
“รอนิดนึงจ้ะ เสื้อผ้าเซทนี้ของดาวต้องใช้ผ้าจากอิตาลี เลยเอามาให้ลองไม่ทัน แต่ดาวไม่ต้องห่วงนะ ดาวเดินแบบให้พี่ตั้งหลายครั้ง ไซส์ดาวพี่ก็มีอยู่แล้ว”
“แต่ช่วงนี้ดาวน้ำหนักลด ถ้ามันผิดพลาดอะไรขึ้นมาล่ะคะ”
“พี่ว่าดาวลดลงไม่มากหรอก เนี่ยพี่มองยังไม่ต่างกันเลย” บุ๋มบอก
เพียงดาวนางแบบสาวมั่นและเป๊ะไม่ได้คำตอบว่าชุดจะมาเมื่อไหร่ ก็ยิ่งอารมณ์เสีย
“แล้วถ้ามันไม่พอดี ใครจะรับผิดชอบคะ?”
บุ๋มยังไม่ทันพูดอะไร ป้ากบช่างแต่งหน้าขาเมาท์ลากกระเป๋าเครื่องสำอางเข้ามาได้ยินพอดี

“พี่บุ๋มขา ก็ต้องเข้าใจหน่อยสิคะ คนอายุสามสิบแล้วอะไรๆ มันก็ต้องเหี่ยวต้องยานเป็นธรรมดา”
เพียงดาวหันขวับมองป้ากบสีหน้าไม่พอใจ
อู๋กัดเจ็บ “กบ มาก็สายยังมาแวะกัดคนอื่นได้อีกนะ คนอื่นเค้าแต่งหน้ากันจะเสร็จแล้ว หล่อนยังไม่ได้รองพื้นให้เด็กเลย”
“แหม...ก็นางแบบคนอื่นเพิ่งจะสิบแปดสิบเก้า ไม่ต้องโบกรองพื้นหนาเหมือนคนอายุสามสิบหรอก” กบยังแขวะเพียงดาวไม่เลิกรา
“เธอว่าชั้นเหรอ?” เพียงดาวถามเสียงขุ่น
ป้ากบชะงัก “ก็ในนี้มีนางแบบคนไหนอายุสามสิบบ้างล่ะ” แกล้งหันชี้นางแบบคนอื่นๆ “นี่สิบเก้า นี่สิบแปด นี่ยี่สิบ ไหนๆๆ ใครสามสิบยกมือสิ?”
อู๋แดกดัน “อายุไม่เกี่ยวหรอกนะกบ มันอยู่ที่ความรับผิดชอบ ดาวเค้าทำงานดี มีความรับผิดชอบถึงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ไม่เหมือนช่างแต่งหน้าบางคน แก่จะตายยังมาสาย ไม่มีความรับผิดชอบ ท่าทางจะอยู่ไม่นาน”
ป้ากบหันขวับ ชักสีหน้า “หล่อนว่าชั้นเหรอนังอู๋?”
อู๋กัดด้วยคำพูดป้ากบนั่นแหละ “แล้วในนี้มีใครมาสายบ้างล่ะ ไหนๆๆ ใครมาสายยกมือขึ้นสิคะ”
“พอเถอะค่ะพี่อู๋ อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือเลย” เพียงดาวว่าแล้วดึงอู๋ออกไป
ป้ากบหน้าตึง พึมพำอย่างแค้นจัด “นังดาว นางแบบใกล้หมดอายุ ใครพิมเสน ใครเกลือกันแน่ เก็บเกลือไว้ดองหน้าตัวเองไม่ให้เหี่ยวเถอะ!”
โทรศัพท์อู๋ดังขึ้น อู๋กดรับเสียงระรื่น
“ฮัลโหล คุณบ.ก. แห่งโมเดลแม๊กกาซีน เสด็จมาถึงแล้วเหรอคะ?”
บรรยากาศที่หน้างานผู้คน ตลอดจนแขกเหรื่อยังหนาแน่น แต้วสวมเดรสสวยออกงาน ถือโทรศัพท์คุยสาย บรรดาคนที่เดินผ่านแต้วต่างยกมือทักทาย แต้วยิ้มรับ
“ถึงแล้ว... นี่ ดาวได้ลองชุดหรือยัง?”
“ยังเลย หน้าหงิกเป็นมะเหงกอยู่เนี่ย” อู๋บอก
แต้วตกใจ “จริงเหรอ นี่งานใกล้เริ่มแล้วนะ”
อู๋เหล่มองเพียงดาว เม้าท์ต่อ “เออสิ แล้วตอนนี้เจ้าแม่แห่งความสมบูรณ์แบบอย่างยัยดาว ใกล้จะระเบิดแล้วด้วย”
เพียงดาวหน้าตึงท่าทางหงุดหงิด บอกบุ๋มเสียงขุ่นเขียว “พี่บุ๋มคะ ถ้าภายในหนึ่งนาทีชุดไม่มา ดาวไม่เดิน”
ทุกคนอึ้ง บุ๋มวุ่นวายถามไก่ฝ่ายคอสตูม “ไก่รีบโทรตามชุดสิ เร็ว!”

เวลาต่อมาแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่ตีนสะพานลอยด้านตรงข้ามงานแฟชั่นวีค หญิงสาวคนหนึ่งก้าวลงจากแท็กซี่ในชุดเดรสเรียบร้อย ดูดี แต่ไม่หรูหรา มีสไตล์เท่าบรรดาเซเลบในงาน
หญิงสาวก้าวเท้าขึ้นบนสะพานลอยอย่างเร่งรีบ ที่แท้เป็นดีนี่ที่กำลังไปงาน
ด้านหลังดีนี่พระอาทิตย์ที่กำลังจะตกฉายแสงงดงาม ดีนี่เข้ามาที่งาน ยืนละล้าละลังเหมือนรอใครบางคนอยู่
เสียงคนที่ดีนี่รอเรียก “ดีนี่!!”
เอกวิ่งเข้ามาหาดีนี่ ดีนี่เห็นเอกแล้วดีใจ ไหว้เอก
“สวัสดีค่ะเอกป้าเอก...”
“มานานหรือยังลูก”
“ไม่นานค่ะ”
เอกพูดหน้าสลด “ดีนี่ แต่วันนี้สงสัยเราคงมาเสียเที่ยวแล้วล่ะ เพื่อนป้าที่ว่าจะให้หาบัตรให้น่ะ เค้าไม่รับโทรศัพท์ สงสัยงานจะยุ่ง โทษทีนะลูก”
ดีนี่มีสีหน้าผิดหวัง “....ไม่เป็นไรค่ะ แค่ดีนี่ได้มาดูงานใหญ่ขนาดนี้ก็คุ้มแล้วค่ะ”

ดีนี่กวาดสายตามองบรรยากาศงานที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ผู้คนแต่งตัวสวยงาม ด้วยความตื่นตา

งานใกล้เริ่มเต็มทีแล้ว บรรดาแขกรับเชิญ และแขกรับชวนที่มาชมแฟชั่นนั่งประจำที่กันเรียบร้อย ที่นั่งฟร้อนท์โรว์ แถวหน้า เห็นแต้วนั่งอยู่

และที่ด้านนอก ดีนี่กับเอก ยืนอยู่ไกลออกไปจากเวที ดีนี่รอดูแฟชั่นจากด้านนอก ท่าทางตื่นเต้น
ครู่หนึ่ง ไฟในงานเฟดลง บนเวทีเห็นจอขึ้น VTR แนะนำห้องเสื้อ “B. U. M. Collection 2012”
แขกเหรื่อปรบมือเกรียวกราว เมื่อVTR จบไฟเฟดมืดลงอีกครั้ง
หลังเวทีตรงทางออกแคทวอล์ค เพียงดาวสวมใส่เดรสเข้ารูป ยืนรออยู่กับนางแบบรุ่นน้องหลายคน บุ๋มยืนอยู่ด้วย
เพียงดาวหันมาหาบุ๋ม “ชุดดาวหลวมค่ะพี่บุ๋ม”
บุ๋มรู้ว่าจริง แต่ทำอะไรไม่ได้แล้ว “ไม่เป็นไรหรอกดาว นิดหน่อยเอง ดาวเดินได้ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก” ทีมงานแบ็คสเตจให้คิว บุ๋มบอก “ไปเลยดาว!”
เพียงดาวเดินนำนางแบบอื่นๆ ออกไป ด้านหน้า ไฟฟอลโล่จับจ้องที่เพียงดาว ที่ยืนโพสงามสง่า คนดูปรบมือชื่นชมเกรียวกราว เพียงดาวออกเดินกรีดกราย ไฟสว่าง
แต้วมองดูชุดเพียงดาวแล้วกดโทรศัพท์ออกหาอู๋ทันที “แก..ชั้นว่าชุดมันหลวมนะ”
อู๋ยืนมองจอมอนิเตอร์อยู่ที่หลังเวที “ชั้นก็ว่างั้นแหละ”
แฟชั่นโชว์ดำเนินต่อเนื่อง นางแบบเปลี่ยนชุดหลายชุด หลายแบรนด์ ออกมาเดิน เพียงดาวเฉิดฉายอยู่ในชุดจัมพ์สูท
ดีนี่ปรบมือมองเพียงดาวอย่างชื่นชม นัยตาเป็นประกาย ความฝันในใจพลุ่งพล่าน

เพียงดาวทำให้ดีนี่ตกอยู่ในภวังค์หลุดลอยเข้าไปในความฝัน บนเวทีเวลานั้นกลายเป็นดีนี่ที่ยืนโพสงามสง่าอยู่แทนเพียงดาว ผู้คนปรบมือกราวใหญ่ ดีนี่ก้าวเดินบนแคทวอล์คอย่างมั่นใจ ท่ามกลางเสียงปรบมือของทุกคน
เสียงเรียกของเอกดึงดีนี่กลับสู่โลกความจริง
“ดีนี่”
ดีนี่รู้สึกตัว
“เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” เอกถาม
“เปล่าค่ะ” ดีนี่จดจ้องมองเพียงดาวตาเป็นประกาย “คุณเพียงดาวตัวจริงเค้าสวย สง่ามากๆ เลยค่ะป้า”

เพียงดาวเข้าหลังเวทีไป แล้วเดินมาหาบุ๋มที่รออยู่ตรงทางออกแคทวอล์ค
“พี่บุ๋มคะ ดาวว่า....”
บุ๋มรู้ตัวรีบตัดบท “ไม่มีอะไรหรอกดาว ชุดฟินาเล่ย์แล้ว ไปเปลี่ยนเถอะ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวพี่รับผิดชอบ”
เพียงดาวรีบไปเปลี่ยนชุด

ไฟบนเวทีดับลง ฟอลโล่ค่อยๆ จับมาที่เพียงดาวในชุดเกาะอกราตรียาวปักขนนกหรูหรา เพียงดาวยืนอยู่บนฉากสูง คนดูปรบมือฮือฮา นักข่าวถ่ายรูปกันรัว
หนึ่งอยู่ในงาน มองเพียงดาวแล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
ดีนี่มองเพียงดาวตื่นตะลึงภาพเพียงดาวช่างดูยิ่งใหญ่งดงามสะกดใจดีนี่
ครู่หนึ่งเพียงดาวค่อยๆ โรยตัวลงมาบนพื้นเวทีด้วยสลิงอย่างงามสง่าราวนางพญา
เพียงดาวออกเดินแล้วหยุดโพสหมุนตัว ทันใดนั้นเกาะอกที่หลวมอยู่ก็หลุดลงมา
ทุกคนต่างตกตะลึง แสงแฟลชวูบวาบถี่ยิบ หนึ่งกับแต้วตกใจหน้าซีดรู้ว่าดาวจะต้องเอาเรื่องแน่
เช่นเดียวกับอู๋ที่ดูมอนิเตอร์ช็อคตาค้าง ป้ากบยิ้มสะใจ
เพียงดาวชะงักไปเพียงนิด ก่อนตั้งสติได้ ดึงเกาะอกขึ้น เดินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นยิ่งทำให้ผู้คนบับถือสปิริตสมกับเป็นซูเปอร์โมเดลปรบมือชื่นชมเพียงดาวไม่ขาดตอน
ดีนี่อึ้งปรบมือชื่นชมเพียงดาว
เพียงดาวเดินไปโพสก่อนจะเข้าเวที บุ๋มดีไซเนอร์วิ่งออกมาโค้ง เพียงดาวแอบส่งสายตาเป็นเชิงตำหนิ บุ๋มแอบหนักใจ
บุ๋มเดินนำเพียงดาวที่ทั้งอายทั้งโกรธเข้ามา อู๋รีบวิ่งไปหา ป้ากบยืนสอดรู้สอดเห็นอยู่ใกล้ๆ
“ดาวบอกพี่แล้วว่าชุดมันไม่พอดี ถ้าพี่ให้ดาวลองชุดก่อนคงไม่เป็นอย่างนี้”
บุ๋มพูดไม่ออก
“ดาวทำงานไม่เคยขาดไม่เคยสาย ไม่เคยทำให้ใครต้องเสียงาน แล้วทำไมทุกคนไม่รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดี ทำให้ดาวต้องเสียไปด้วย”
“ดาว..พี่ก็ไม่อยากให้มันเกิดเรื่องหรอก พี่เองก็เสียเหมือนกันนะดาว” บุ๋มยังแถต่อ
“ยังไงพี่ก็เสียไม่เท่าดาวหรอกค่ะ คนที่ขายหน้าอยู่บนเวทีคือดาว”
ป้ากบพูดลอยๆ “ขายหน้าหรือขายนมกันแน่”
เพียวดาวกับอู๋หันขวับ
“ไม่ใช่ว่าตั้งใจทำหลุดเองเหรอ คงรู้ตัวว่าแก่แล้วสู้เด็กสาวๆ มันไม่ได้เลยลงทุนเปลื้องผ้าเพื่อสร้างกระแส”
“ชั้นไม่เคยคิดจะสร้างกระแสอย่างนี้ คนที่คิดได้อย่างนี้ ใจเสื่อม!” เพียงดาวด่า
“เสี่อมเหมือนสังขารคนบางคนน่ะแหละ ความผิดพลาดคนอื่นน่ะ ด่าฉอดๆ สังขารตัวเองเสื่อมไม่เคยพูดถึง เหี่ยวจนเกาะอกมันเกาะไม่อยู่น่ะสิ”
เพียงดาวประกาศ “ถ้าพูดอีกทีฉันจะไม่ทนแล้ว!”
“โอ๊ย โกรธหรือเพคะองค์หญิง แต่บ่าวก็พูดจริงนะคะ เดี๋ยวนี้มีแต่เด็กๆ 18 19 กันทั้งนั้น สักวันนึงนางแบบอายุ 30 กว่าๆ ก็ต้องโดนสอย เอ๊ะ หรือว่าอีกไม่นานขั้วมันก็แก่ แล้วก็เน่าลงมาจากต้นเอง”
กบหัวเราะอย่างสะใจ
อู๋สุดจะทนตวาดใส่ “หุบปากเดี๋ยวนี้นังกบ!” กบยังลอยหน้าลอยตา อู๋บอกหน้าเสียงจริงจัง “จะเอาใช่ไหม”
คราวนี้กบชะงักรู้ว่าอู๋เอาจริง
หนึ่งปราดเข้ามาหาเพียงดาว “ดาว”
“พี่หนึ่งคะ ถ้ามีรูปดาวหลุดไป ดาวไม่ยอมนะคะ”
“โอเค พี่เข้าใจ เดี๋ยวพี่จะคุยกับทางนักข่าวให้ ดาวใจเย็นๆ ก่อนนะ ยังไงพี่ก็ขอโทษด้วยนะดาว”
“ยังไม่หมดค่ะ ต่อไปถ้าจะให้ดาวเดินให้พี่บุ๋ม ดาวขอคิดดูก่อน”
เพียงดาวมองด้วยสายตาตำหนิบุ๋ม บุ๋มเจื่อนๆ พยักหน้า เพียงดาวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
กบรีบปรี่ไปหาบุ๋ม “ดูนังดาวสิคะ ทั้งวีนทั้งเหวี่ยงอย่างนี้ ทำไมถึงทนกันอยู่ได้”
“ทำยังไงได้ เขาเป็นเบอร์หนึ่งของวงการนี่” บุ๋มคราง

คืนนั้นอู๋นั่งที่เก้าอี้ทรงสูงบริเวณเคาน์เตอร์ ในบ้านเพียงดาว ซึ่งเจ้าของบ้านกับแต้วช่วยกันทำอาหารอยู่
“ดาวไม่เข้าใจ นี่ชื่อเสียงของแบรนด์เค้าเองแท้ๆ ทำไมให้ดาวออกไปเดินทั้งๆ ที่ไม่ได้ลองชุดได้” เพียงดาวบ่น
“ดาวใจเย็นๆ นะ พี่จะพูดให้อีกทางนึง รับรองจะไม่มีรูปดาวหลุดแน่ๆ”
“มันไม่ใช่หลุดหรือไม่หลุดพี่ แต่มันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ เวลาดาวทำงานดาวให้ทุกคนเต็มร้อย แต่ทำไมทุกคนไม่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด มันจะได้ไม่เกิดเรื่องผิดพลาดอย่างนี้”
อู๋แทรกขึ้น “มีพรายกระซิบมาบอกชั้นนะดาว ว่าหลังเราออกจากงาน นังกบมันเม้าท์ดาวใหญ่เลย มันอยากจะยุแยงให้คนอื่นเกลียดเธอ ไฟแค้นของกะเทยนี่นะร้อนกว่าไฟนรกอีก มันคงโกรธน่ะที่เมื่อก่อนมันปั้นเด็กกี่คนๆ ก็สู้เธอไม่ได้”
“ช่างเค้าเถอะ ยังไงเค้าก็อยู่แค่นั้น ทำอะไรดาวไม่ได้อยู่ดี”
สามคนช่วยกันยกจานกับข้าวมาวางที่โต๊ะกินข้าว
“เออ ส้มเค้าท้องแล้วนะ เธอถ่ายแบบครั้งแรกของโมเดลคู่กับส้มไม่ใช่เหรอเผลอแป๊บๆ มีลูกมีผัวกันหมดแล้ว” อู๋ว่า
แต้วท้วง “แป๊บที่ไหน ชั้นจำได้ว่าเล่มนั้นชั้นเพิ่งเลื่อนเป็นผู้ช่วย บก. 12 ปีแล้วนะ”
อู๋ใส่จริตร้องโวยวาย “นี่ชั้นแก่ขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ไม่เอาๆ ชั้นกลัวความแก่”
เพียงดาวกำลังวางจานอยู่ ชะงัก แต้วสะกิดอู๋ อู๋นึกได้รีบแถ
“อุ๊ยดาว อย่างเธอยังไกลจากคำว่าแก่ โปรเฟสชั่นนอลอย่างเธออยู่ได้อีกนาน”
“ไม่รู้สิคะพี่ นางแบบรุ่นใหม่ก็เกิดขึ้นทุกวัน ถ้าเลือกได้ ดาวก็อยากทำงานที่ดาวรักให้นานที่สุดน่ะค่ะ”
“ดาวรักและทุ่มเทกับงานแบบนี้ ดาวต้องอยู่ขึ้นปกโมเดลของพี่อีกนานแหละ”

งานเลี้ยงปาร์ตี้ประสาเพื่อนเลิกแล้ว เพียงดาวออกมายืนส่งแต้วกับอู๋ขึ้นรถ
“บ๊าย บายไปแล้วนะ แล้วเจอกัน”
อู๋บอกลา เดินออกไปพร้อมแต้ว
เพียงดาวรู้สึกเหงาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว มองบ้านหลังใหญ่ที่มีเธออาศัยอยู่คนเดียว ยิ่งรู้สึกสะท้อนใจ

ครู่ต่อมาเพียงดาวก็พาตัวเองมานั่งอยู่ที่นอกระเบียง กิริยาเหงาและเดียวดาย เพียงลำพัง

อ่านต่อหน้า 2 พรุ่งนี้

มารยาริษยา ตอนที่ 1 (ต่อ)

ตอนสายของอีกวันหนึ่ง ทีมงานกองถ่ายโฆษณา เตรียมงานกันอยู่ มีนักแสดงนั่งแต่งหน้าอยู่ โดยมีป้ากบแต่งหน้าให้ เอกเดินเข้ามา มองซ้ายมองขวา เห็นป้ากบนั่งอยู่รีบดิ่งเข้าไปหา

“กบ” เอกร้องทัก จริตเยอะประสาเกย์
ป้ากบหันมานึกได้ “อ้าว นังเอก โทษทีนะยะเมื่อวานไม่รับสาย ยู้งยุ่ง...นี่ ไหน บอกจะไปกับกองถ่ายที่ไต้หวันไม่ใช่เหรอ?”
“ก็กำลังจะไปวันนี้แหละจ้า แต่แวะมาหาหล่อนก่อน”
ป้ากบฉงน แปลกใจว่าเอกแวะมาหาทำไม
“นี่กบ เม้าท์ให้ฟังหน่อยสิ เมื่อคืนที่งานแฟชั่นวีคน่ะ ดาวเค้าทำเกาะอกหลุดกลางเวทีขนาดนั้น ทำไมไม่เห็นมีรูปหลุดเลยล่ะ”
ป้ากบของขึ้น “ก็คงให้ยัยแต้วอุดปากนักข่าวน่ะสิ มันยังขู่พี่หนึ่งด้วยนะ ว่าถ้ามีรูปหลุดออกมามันจะฟ้อง ดูมัน” หันไปหาเด็กที่แต่งหน้าให้อยู่ “ทั้งวีนทั้งเหวี่ยงแบบนี้อย่าเอาไปเป็นเยี่ยงอย่างนะ” แล้วหันไปหยิบเครื่องสำอาง “นังดาวก็นะ ไม่รู้จะดันทุรังอยู่ในวงการไปถึงไหน อายุก็ตั้งสามสิบ เกษียณไปได้แล้ว รุ่นเดียวกันก็มีลูกมีผัวไปหมดแล้ว เมื่อไหร่จะมีเด็กใหม่ๆ มาแทนที่มันซะที”
ช่างแต่งหน้าขาเม้าท์พูดไปแต่งหน้าไป
“จะรอทำไมล่ะกบ เธอก็ปั้นเองสิ เธอก็เคยปั้นเด็กมาแล้วนี่ อย่างนิคกับแต๊กก็ฝีมือเธอปั้น” เอกฉอเลาะ
ป้ากบรู้ทัน “ที่มาหาชั้น จะเอาเด็กมาฝากใช่ไหม
เอกทำทีเป็นเขินที่โดนจับได้ “แต่เด็กคนนี้เป็นหลานชั้นเอง น่ารัก เรียบร้อย ไม่เนรคุณเหมือนเด็กที่แกปั้นหรอก” เสียงมือถือดังพอดิบพอดี เอกรับสาย “ฮัลโหล มาถึงหน้าสตูแล้วเหรอลูก เข้ามาเลย” กดวางสายแล้วว่าตาเป็นประกาย “รับรองว่าเด็กคนนี้แกต้องชอบ”

ดีนี่ยืนมองสตูดิโอด้วยความตื่นตาตื่นใจ ดีนี่ก้าวเข้าไปในสตู
ป้ากบกับเอกนั่งอยู่ เอกชะเง้อมองหา หันไปเจอดีนี่
“ดีนี่ทางนี้จ้า”
ดีนี่เดินเข้ามา
ดีนี่ไหว้เอก “สวัสดีค่ะป้าเอก” เอกพยักหน้าไปทางกบเป็นเชิงบอกให้ไหว้
ดีนี่ไหว้ป้ากบ “สวัสดีค่ะป้ากบ”
เอกแนะนำเป็นทางการ “นี่ดีนี่ เค้าเป็นญาติห่างๆ ของชั้น เพิ่งกลับจากอเมริกา เค้าอยากเป็นนางแบบ” ป้ากบมองดีนี่ “เด็กมันซื่อ นิสัยดี ว่าง่าย ใช้ง่าย ขยัน ฉันเอาหัวเป็นประกันรับรองหล่อนไม่ผิดหวัง ....นะกบนะ พ่อแม่ดีนี่ก็เสียหมดแล้ว ไม่มีใคร น่าสงส๊าร น่าสงสาร หล่อนช่วยเอาไปปั้นหน่อยเถอะ นึกว่าเอาบุญนะ”
มือถือเอกดังขึ้น เอกกดรับ
“ฮัลโหล ค่า ไปแล้วค่า”วางสายทันควัน “ทีมงานโทร.ตามแล้ว เดี๋ยวฉันตกเครื่อง” พูดกับดีนี่ “ป้าไปนะจ๊ะ” เอกยังหันมาฝากฝังกับป้ากบ
“ฉันฝากด้วยนะกบ เด็กมันน่าสงสาร แล้วก็เป็นเด็กดีจริงๆ”
ดีนี่ไหว้เอกอย่างนอบน้อม เอกออกไปเร็วรี่
ป้ากบบอก “นั่งรอก่อนนะ ขอป้าทำงานก่อน”
ดีนี่พยักหน้า “ค่ะ”
ป้ากบหันแต่งหน้า ดีนี่ไปนั่งรอ มองป้ากบที่กำลังแต่งหน้า แล้วมองผ่านกระจกห้องแต่งตัวเข้าไปที่กองถ่ายที่กำลังเซ็ตฉากถ่ายทำ เห็นตากล้องกำลังถ่ายแบบนางแบบโฆษณาอยู่ ดีนี่มองอย่างตื่นตาตื่นใจ
ความฝันที่จะเข้าวงการแฟชั่นพวยพุ่งในใจ แทบล้นทะลักออกมานอกอก

ป้ากบแต่งหน้าเสร็จ เก็บกระเป๋าเครื่องสำอาง แล้วเดินมาหาดีนี่ที่นั่งรออยู่
“ชื่ออะไรนะเรา?”
“ดีนี่ค่ะ”
“เพิ่งกลับมาจากอเมริกาเหรอจ๊ะ แล้วอยู่ที่โน่นทำอะไร”
“ก็เสิร์ฟอาหาร ล้างจานค่ะ”
“แล้วกลับมาทำไมจ๊ะ”
“คือร้านอาหารที่นั่นปิด แล้วดีนี่ก็ไม่อยากทำงานร้านอาหารอีกแล้วค่ะ ดีนี่อยากเป็นนางแบบ”

ป้ากบบอก “ไหนยืนสิ” มองสำรวจหน้าตาและหน่วยก้าน เห็นว่าดีนี่ก็หุ่นดี “หน้าก็เก๋ รูปร่างก็ใช้ได้” ดีนี่เขินๆ ที่ถูกชม “เดี๋ยวป้าจะลองฝากคนอื่นให้แล้วกัน”
ดีนี่จ๋อย รู้สึกผิดหวัง
“คือนี่หนู ป้าพูดตรงๆ นะ ป้าไม่อยากรับผิดชอบใครอีกแล้ว ป้าเจ็บมาเยอะ ก่อนดังให้ทำอะไรก็ทำ ไหว้ป้าประหลกๆ พอคนรู้จักหน่อยก็แอบรับงานเอง หาว่าป้ากินเปอร์เซ็นต์เยอะ มันไม่คิดบ้างว่าก่อนดัง ป้าต้องวิ่งเต้นหางานให้เหนื่อยขนาดไหน”
ดีนี่ยิ้มบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะป้ากบ”
ดีนี่ไหว้ป้ากบแล้วเดินคอตก เลี่ยงออกไป โปรดิวเซอร์ถือซองเงินค่าตัวมาให้ป้ากบ
“นี่ค่ะป้ากบ อันนี้รวมของเดือนที่แล้วด้วยนะคะป้า”
“ขอบใจจ้ะ”
โปรดิวเซอร์ออกไป ผู้ช่วยก็เข้ามา “ป้ากบซับหน้าหน่อยครับ”
ป้ากบรีบวิ่งออกไป ดีนี่มองซองเงินที่อยู่ในกระเป๋าป้ากบแล้วนิ่งคิด

งานถ่ายโฆษณาเสร็จแล้ว โปรดิวเซอร์เดินมาส่งป้ากบที่รถ
“อย่าลืมมาเม้าท์เรื่องดาวต่อนะคะ เจอกันค่ะป้า”
ป้ากบเปิดกระเป๋าจะหยิบกุญแจรถ แล้วไม่เจอซองเงิน ป้ากบโวยลั่น
“ว๊ายๆๆๆๆ!”
โปรดิวเซอร์งง “มีอะไรในกระเป๋าเหรอคะป้า?”
“ไม่มีน่ะสิถึงร้อง ซองเงินที่เธอให้มาหายไปไหนไม่รู้”
โปรดิวเซอร์ตกใจตาค้าง “เดี๋ยวหนูวิ่งเข้าไปหาในสตูให้”
โปรดิวเซอร์วิ่งตาเหลือกเข้าไปในสตู ป้ากบค้นในกระเป๋าต่อ
ระหว่างนั้นดีนี่รีบวิ่งสวนออกมา
“ป้ากบคะ ซองเงินของป้ารึเปล่าคะ ดีนี่เห็นมันตกอยู่”
ป้ากบรีบรับซองเงินมาเปิดนับ
“อยู่ครบ เกือบอดตายแล้วไหมล่ะอีตุ๊ด!” เงยหน้าถามดีนี่ “นี่หนูเจอแล้วเก็บมาคืนป้าเหรอ”
“ค่ะ”
ป้ากบตื้นตัน ซาบซึ้งใจ “ตายแล้ว ขอบใจมากนะลูก ป้าตกใจหมดเลย กำลังจะไปจ่ายค่าคอนโดพอดี ถ้าหายไปแย่แน่เลย หนูนี่เป็นคนดีอย่างที่นังเอกคุยไว้จริงๆ”

“ขอบคุณค่ะ”

สองคนอยู่ด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง บนโต๊ะมีอาหารวางเต็มโต๊ะ ดีนี่มองอาหารท่าทางเกรงใจ
“ความจริงป้าไม่ต้องเลี้ยงดีนี่ก็ได้นะคะ เรื่องแค่นี้เอง” ดีนี่ว่า
ป้ากบยิ้มเยื้อน “แค่นี้ที่ไหนหนู เงินตั้งห้าหมื่น เป็นคนอื่นมันเชิดหนีไปแล้ว”
“ของคนอื่นดีนี่ไม่มีวันเอามาเป็นของตัวเองหรอกค่ะ ดีนี่รู้ว่ามันไม่ดี แม่สอนไว้”
ป้ากบซึ้งใหญ่ “โถๆๆ คนอย่างหนูหายากจริงๆ นะ แล้วนี่เสร็จจากนี่จะไปไหนต่อล่ะจ๊ะ ป้าจะไปส่ง”
“ก็คงไปขอแคสต์ตามโมเดลลิ่งที่ป้าเอกทิ้งเบอร์ไว้ให้น่ะค่ะ ถ้าได้งานอะไรก็คงต้องเอา เพราะเงินเก็บจากอเมริกาใกล้หมดแล้ว”
ป้ากบสะท้อนใจมองดีนี่ที่น่าสงสารแล้วใจอ่อน “ไม่ต้องไปแคสต์ที่ไหนแล้วล่ะ”
“ทำไมละคะ?” ดีนี่ตะลึง นึกได้ “นี่หมายความว่า....” ป้ากบยิ้มพยักหน้า ดีนี่ดีใจรีบยกมือไหว้ปลกๆ “ขอบคุณค่ะป้ากบ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ”
“แต่บอกไว้ก่อนนะว่าอยู่กับป้าต้องเชื่อฟังป้า งานหนักก็ห้ามบ่น ทนไหวไหม”
ดีนี่ดีใจจนน้ำตาไหลหริน ยิ้มทั้งน้ำตา “ไหวค่ะ ดีนี่จะเชื่อฟังป้ากบทุกอย่าง”
ป้ากบมองด้วยความเอ็นดูดีนี่พูดสัพยอก“อ่ะๆ จะร้องไห้จะยิ้มเลือกเอาสักอย่าง นี่ ว่าแต่เราไม่ใช่ดังแล้วเนรคุณชั้นอีกคนนะ”
“ไม่หรอกค่ะ ดีนี่จะทำอย่างนั้นได้ยังไง แม่สอนไว้ว่าคนที่ไม่สำนึกบุญคุณคน ไม่เจริญหรอกค่ะ”

ป้ากบท่าทางพอใจดีนี่มากๆ

อ่านต่อ เวลา 17.00 น.

บรรยากาศเช้าวันนี้ในออฟฟิศโมเดลแมกกาซีนไม่ต่างจากวันทำงานวันอื่นๆ พนักงานกองบรรณาธิการแต่ละส่วนต่างทำงานของตัวเองไป แหนม ฝ่ายโฆษณา กะปลาหวานเลขากองฯเดินมาเม้าท์มอยเรื่องเพียงดาว ที่โต๊ะทำงานของคิว ฝ่ายศิลปกรรม ขณะที่คิวนั่งจัดเลย์เอาท์อยู่หน้าคอมพ์

“กล้าวีนกระทั่งดีไซเนอร์ ถ้าไม่ใช่นางแบบอันดับหนึ่งจริงทำไม่ได้นะ” แหนมเปิดประเด็น
“จะโทษคุณดาวก็ไม่ได้นะ ก็รู้อยู่ ทำงานกับคุณดาวต้องเป๊ะทุกอย่าง ต้องตรงเวลาเป๊ะ เสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะ รายละเอียดทุกอย่างเป๊ะ ถ้าใครไม่เป๊ะ ก็ต้องเละตุ้มเป๊ะ” ปลาหวานว่า
“งานออกมาเป๊ะ แต่คนร่วมงานปั่นป่วนกันหมด ใครๆ ก็อึดอัดกันทั้งนั้น แหละ อย่าหาว่าชั้นเม้าท์เรื่องส่วนตัวเค้าเลยนะ ก็เพราะนิสัยอย่างนี้ถึงไม่มีแฟนสักที อีกหน่อยก็ต้องไปอยู่หมู่บ้านคานทองนิเวศน์”

“พี่ก็คงอยู่หลังข้างๆเค้าแหละครับ” คิวเหน็บเอา แหนมเลยเซ็ง “พี่แหนมเมาท์เก่งอย่างนี้น่าจะลาออกไปเป็นผู้สื่อข่าวนะครับ ไม่น่าจะมาทำงานฝ่ายขายเลย”
“แหม ก็เรื่องคุณดาวมันน่าเมาท์นี่ยะ” แหนมบอก
“อยากได้ข่าวเมาท์อะไรอีก ก็ลงไปหาเค้าสิครับ คุณดาวเค้าถ่ายแบบอยู่สตูข้างล่าง”
แหนมเซ็งจัด “คิว! ถ้าชั้นกล้าไปหาคุณดาว ชั้นจะมาเม้าท์กับพวกแกไหม”
คิวกับปลาหวานเซ็งพอกัน “โว้วว!”
โทรศัพท์ปลาหวานดัง ปลาหวานดูหน้าจอแล้วชู่ว์ปาก
“ชู่ว์!” กดรับ “ค่ะคุณแต้ว ไม่ได้มาเมาท์ค่ะ ปลาหวานรอน้ำเดือดอยู่ค่ะ จริงค่ะ เดี๋ยวน้ำเดือดแล้วจะรีบเอากาแฟลงไปให้เลยค่ะ”

ในห้องแต่งตัวของสตูดิโอโมเดล ทีมงานเตรียมงานแข่งเวลา ฝ่ายคอสตูมเตรียมเสื้อผ้าอยู่
อู๋แต่งหน้าให้เพียงดาว ในชุดธรรมดาอยู่ แต้ววางโทรศัพท์แล้วหันมากำกับอยู่ทำหน้าที่สไตลิสต์ส่วนตัวอีก
“อู๋ คราวนี้เบามือหน่อยนะ ชั้นอยากให้ดาวออกมาดูใสๆ แบบธรรมชาติๆ”
“อยากได้ธรรมชาติ ไม่ต้องห่วง ดูชั้นซะก่อน” อู๋ลุกขึ้นโพสท่าสวย “ชั้นน่ะสวยแบบธรรมชาติ”
เพียงดาวกัด “ธรรมชาติลงโทษรึเปล่าคะ”
อู๋แกล้งงอน “เดี๊ยะ! เดี๋ยวเขียนหน้าให้เป็นแมวเลย”
เพียงดาวเล่นด้วยทำท่าแมวขู่ “เมี๊ยว”
แต้วอู๋และเพียงดาวหัวเราะขำๆ กัน
“นี่พี่พงษ์ช่างภาพมารึถึงยังคะ” เพียงดาวถาม
แต้วหน้าตื่น “ตายแล้ว พี่ลืมบอกดาว”
เพียงดาวฉงน “มีอะไรเหรอคะ?”
“ถ้าพี่บอกแล้ว สัญญาก่อนนะว่าดาวจะไม่โมโห”
“ค่ะ”
“คือ..ลูกคุณพงษ์เค้าไม่สบาย วันนี้เลยมาถ่ายไม่ได้ พี่ก็เลยให้ช่างภาพใหม่มาถ่ายดาว”
เพียงดาวของขึ้น “ได้ยังไงคะพี่!”
อู๋เหน็บ “ไหนสัญญาแล้วไงว่าจะไม่โมโห”
แต้วเสริม “ถึงเค้าจะเป็นเด็กใหม่ แต่พี่ดูพอร์ทเค้าแล้วเค้าเก่งมาก จบมาจากอเมริกาด้วยนะ”
“จบจากไหนไม่รู้ค่ะ แต่ถ้าถ่ายดาวออกมาไม่ดี ดาวไม่ยอมนะคะ” เพียงดาวหน้าคว่ำ

เวลาเดียวกันบนถนนสายหนึ่ง โอมใส่หมวกกันน็อคขี่มอเตอร์ไซค์Ducatiอยู่บนถนนมาดอย่างเท่
ในห้องแต่งตัวสตูดิโอ เพียงดาวแต่งตัวเตรียมถ่ายแบบเรียบร้อยแล้ว
อู๋จัดเครื่องสำอางที่จะถ่ายเซ็ทต่อไปอยู่ เพียงดาวเริ่มหงุดหงิดหยิบแขนอู๋มาดูเวลา นาฬิกาอู๋ เห็นเวลา 9 โมงครึ่ง
“มีอะไรเหรอดาว”
เพียงดาวส่ายหน้าไม่ตอบ อู๋เดินไปหยิบน้ำดื่มกิน
ปลาหวานถือแฟ้มเดินผ่านมา
“ปลาหวาน นัดไว้เก้าโมงไม่ใช่เหรอ ทำไมช่างภาพใหม่ยังไม่มาอีก” เพียงดาวถาม
“มาแล้วค่ะ เห็นจอดรถอยู่ด้านนอกค่ะ”
เพียงดาวรีบเดินออกไปหน้าสตูดิโอทันที

เพียงดาวเดินออกมาจากสตู เห็นโอมกำลังจอดรถมอเตอร์ไซค์สะพายกระเป๋ากล้องมาดเท่ โอมถอดหมวกกันน็อคแล้วหันมา เพียงดาวชะงักไปนิดหนึ่ง เพราะไม่คิดว่าโอมจะหล่อขนาดนี้
“คุณควรจะให้ความสำคัญกับเวลานะ จบจากอเมริกา เค้าไม่สอนให้คุณตรงต่อเวลาเหรอ?” เพียงดาวใส่ทันที
“ผมก็มาตามเวลานัดนี่ครับ” โอมบอก
“นัดเก้าโมง นี่มันเก้าโมงครึ่งแล้วนะ อย่างนี้ไม่เรียกว่าสายเหรอ แบบนี้ไม่มืออาชีพเลยนะ ชั้นขอแนะนำให้อย่างนึง ถ้าอยากประสบความสำเร็จในวงการนี้ กฎข้อแรกก็คือการตรงต่อเวลา”
โอมถามต่อ “ข้อสองล่ะครับ”
เพียงดาวประหลาดใจที่โอมกล้าต่อปากต่อคำ
“นี่!!”
อู๋ กะแต้ววิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“ดาวมีอะไร?” แต้วถาม
“ก็ช่างภาพพี่น่ะสิคะ มาสายให้คนอื่นรอขนาดนี้ มันไม่เคารพเวลาคนอื่นค่ะ”
“ดาว ใจเย็นๆ”
“เย็นไม่ได้แล้วค่ะพี่แต้ว มาใหม่แบบนี้แล้วยังให้ทีมงานเค้ามารอ ใช้ได้ที่ไหน” เพียงดาววึดวือต่อ
“ดาว นี่ยังไม่เก้าโมงเลยนะ” แต้วท้วง
“ไม่จริงค่ะ นี่ไงคะ” เพียงดาวจับข้อมืออู๋ขึ้นมาดูนาฬิกา
อู๋รีบบอก “นาฬิกาชั้นเสีย”
ดาวหน้าแตกดังเพล้ง
แต้วพยายามกลั้นขำ กระซิบอู๋ “แล้วแกใส่มาทำไม”
“ก็มันเข้ากับชุดนี้” อู๋กระซิบกลับ
“ทำไมพี่ไม่บอกดาวก่อน”
โอมยิ้ม เพียงดาวยิ่งอายพยายามปั้นหน้าดุ
“มาถึงก็รีบไปเตรียมงานสิคะ จะได้รีบทำงานสักที”
อู๋กะแต้วแอบขำที่เพียงดาวหน้าแตก เพียงดาวรีบเดินออกไป โอมมองตามยิ้มๆ

เวลาผ่านไป แฟชั่นเซ็ทที่ถ่ายวันนี้ เป็นการถ่ายแบบในสตูโมเดล เพียงดาวโพสท่าถ่ายแบบอยู่ ผ่านไปหลายเซ็ท โอมถ่ายภาพมาจนถึงเซ็ทสุดท้ายแล้ว
“เซ็ทสุดท้ายผมอยากให้คุณดาวทำอารมณ์แบบเซอร์ไพร์สน่ะครับ”
เพียงดาวทำท่าเซอร์ไพร้ส์ โอมถ่ายสองครั้ง แต่ท่าไม่ถูกใจโอมนัก
“ผมอยากได้เซอรไพร้ส์กว่านี้น่ะครับ”
“ชั้นก็เซอร์ไพร์สมาหลายแบบแล้ว ชั้นทำดีที่สุดแล้ว”
โอมเห็นเพียงดาวท่าทางเริ่มเครียด “งั้นคุณดาวพักก่อนก็ได้ครับ”
ขณะที่เพียงดาวจะเดินมาพัก โอมเอ่ยขึ้น “คุณดาวครับ ผมชอบคุณนะครับ”
เพียงดาวตกใจทำหน้าประหลาดใจ โอมกดถ่ายรูปทันที เพียงดาวรู้ว่าโอมจงใจทำให้เหวอ เพียงดาวอายจนหน้าชา
“เซอร์ไพร้ส์ครับ”
“เข้าใจเล่นนะ แกล้งพูดทำให้ชั้นตกใจจริงๆ”
“ผมไม่ได้แกล้งครับ ผมชอบจริงๆ”
เพียงดาวทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่เคยเจอผู้ชายอย่างโอมมาก่อน เลยเสเดินไปหาแต้ว กะอู๋
โอมมองตามยิ้มๆ

ในสตูที่ถ่ายแบบนั้น แต้ว อู๋ ดาว และโอมดูรูปกันอยู่ในโน๊ตบุ๊ค โอมเลื่อนรูปแฟชั่นให้ดู
แต้ว กับอู๋พึงพอใจ เพียงดาวเห็นว่าโอมถ่ายสวยจริงๆ แต่พยายามไม่แสดงอาการ
“รูปนี้ก็สวย รูปนี้ก็ดี” แต้วชี้รูปหนึ่ง
โอมเลื่อนไปถึงรูปที่เพียงดาวหน้าเหวอ อู๋กรี๊ด
“ต๊ายดาว รูปนี้หน้าเธอท่าทางเซอร์ไพร์สจริงๆ ด้วย ตอนถ่ายคิดอะไรอยู่”
เจออู๋แซวเพียงดาวชะงักมองโอม โอมยิ้มให้ เพียงดาวแกล้งทำหน้าดุ
“เป็นไงบ้างดาว โอเคไหม จะให้ถ่ายซ่อมไหม” แต้วถาม
“ก็โอเคค่ะ ไม่ต้องแล้วล่ะค่ะ”
“พี่บอกแล้วไงว่าโอมเค้าเก่ง”
เพียงดาวชอบรูปแฟชั่นแต่ปากแข็งตีหน้าขรึม “ก็แค่ผ่านค่ะ”

“ขอบคุณครับ” โอมแอบยิ้ม

ติดตามอ่านตอนต่อไป

มารยาริษยา ตอนที่ 1 (ต่อ)

ผู้คนในแวดวงแฟชั่นที่แวะเวียนมาที่ออฟฟิศโมเดลแมกกาซีน จะเห็นถึงความโอ่อ่า และการตกแต่งที่ทันสมัย บริเวณชั้น 1 ยังเป็นสตูดิโอขนาดใหญ่พร้อมอุปกรณ์และฉากครบครัน

สองข้างผนังบริเวณทางเดินเข้า ติดรูปถ่ายปกนิตยสารโมเดลเล่มที่วางแผงแล้ว เป็นภาพปกนางแบบแถวหน้าของวงการที่เคยถ่ายรูปให้นิตยสารโมเดลทั้งสิ้น และมีรูปเพียงดาวติดอยู่จำนวนมาก

เวลานั้นป้ากบหิ้วสตรอเบอรี่เดินเข้ามาตรงทางเดินเข้าออฟฟิศโมเดล ดีนี่เดินตามมา
“อย่าลืมนะ คุณแต้วเค้าเป็นบก.โมเดลแมกกาซีน หนังสือที่มีอิทธิพลที่สุดในวงการ ถ้าเราทำให้เค้ารัก ให้เค้าเมตตาเราได้ มีอะไรเค้าจะได้เรียกใช้
ดีนี่มองรูปนางแบบอย่างตื่นตาตื่นใจ แล้วหยุดมองที่รูปเพียงดาวที่ขึ้นปกโมเดล สวย สง่ามาก เด่นจากคนอื่นๆ ป้ากบยืนข้างๆ
“สักวันป้าจะทำให้รูปหนูได้ขึ้นไปอยู่แทนที่รูปนังดาว”
“ป้าพูดอะไรคะ ดีนี่ไม่ได้คิดขนาดนั้น”
จังหวะนั้นทีมงานคนหนึ่งถืออุปกรณ์เดินผ่านมา โอมเดินออกมาด้วย ดีนี่ไม่ทันระวังจะชนกับทีมงานที่ขนของ ทันใดนั้นโอมเข้ามาดึงดีนี่หลบได้
“ระวังครับ”
ดีนี่หันมาเจอโอมแล้วอึ้งในความหล่อ
“ขอบคุณค่ะ”
โอมเดินออกไป ดีนี่มองตาม ป้ากบชะแง้แลตาม
“หล่อๆๆๆ” ปลาหวานเดินผ่านมา ป้ากบถาม “อ้าวปลาหวาน ผู้ชายเมื่อกี๊ใคร ไม่เคย
เห็นหน้าเลย”
“ช่างภาพใหม่น่ะค่ะ เพิ่งมาจากอเมริกา เก่งมากเลยนะคะ”
“Import ซะด้วย หล่อเน๊าะดีนี่” ป้ากบดี๊ด๊า
ดีนี่ยิ้มซื่อใสไร้เดียงสา ทอดสายตามองตามโอม

เวลาต่อมา แต้ว อู๋ยืนอยู่ในห้องแต่งตัวสตูดิโอโมเดล ป้ากบพาดีนี่ปรี่เข้าไปหาแต้วพูดทักทายเสียงอ่อนเสียงหวาน
“สวัสดีค่ะคุณแต้ว” แต่ทำเสียงแข็งตอนทักอู๋ “สวัสดีจ้ะอู๋ นี่คุณแต้วไปทำอะไรมาคะดูดีขึ้น น่าจะลงปกเองบ้างนะคะ พอดีกบมีงานแถวนี้น่ะค่ะ ก็เลยแวะมาเซย์ฮัล โหลน่ะค่ะ นี่เด็กกบ น้องดีนี่ค่ะ”
แท้จริงป้ากบแวะเอาของ...เด็กปั้นคนใหม่มาแนะนำบอกอนิตยสารแฟชั่นผู้ทรงอิทธิพลนั่นเอง
ดีนี่ไหว้ แต้วกะอู๋ท่าทางนอบน้อม
เพียงดาวเปลี่ยนชุดเดินออกมาพอดี ดีนี่รีบเข้าไปไหว้เพียงดาว มองด้วยสายตาชื่นชม ตื่นตาตื่นใจ
“สวัสดีค่ะพี่ดาว ดีนี่ชอบพี่ดาวมากเลยนะคะ พี่ดาวตัวจริงสวยมากเลยค่ะ”
เพียงดาวคอแข็ง พูดสีหน้านิ่งๆ “ขอบใจ
ป้ากบดึงดีนี่มา
“ดีนี่ต้องไหว้เค้าซะนะ อยากรู้เกี่ยวกับวงการนางแบบก็ถามพี่ดาวเค้าได้ ดาวเค้าอยู่วงการนี้มานาน นานมาก ตอนดาวเข้าวงการ หนูยังผูกคอซองอยู่เลยมั้ง”
อู๋ขี้เกียจฟังคำจิกกัดของกะเทยขาเม้าท์ “ขอโทษนะกบ ตกลงหล่อนมีธุระอะไรเนี่ยหรือตามมาด่าชาวบ้าน”
“ด่าอะไร ชั้นก็แค่สอนเด็กให้มีมารยาท เผื่อดังขึ้นไปจะได้ไม่ไร้มารยาทเหมือนคนบางคน” ป้ากบไม่จบ
“คนไหนล่ะ? ใช่คนนี้รึเปล่า?”
เพียงดาวยื่นกระจกให้ ป้ากบหยิบมาพลิกดูด้านหลังงงๆ แล้วจึงเห็นตัวเองในกระจกเงา ป้ากบกรี๊ด
“ว่าชั้นเหรอดาว!!”
เพียงดาวไม่สนใจ แต้วกลัวมีเรื่องรีบปราม
“ขอบใจนะจ๊ะป้ากบที่แวะมาทักทายกัน”
ป้ากบยังโกรธแค้นเพียงดาวไม่หาย “งั้นกบไม่กวนคุณแต้วแล้วกัน เพียงแต่ถ้าวันไหนรู้สึกเบื่อนางแบบยุคจูราสสิคที่อยู่มาจนเหนียงยานเมื่อไหร่ ก็เรียกใช้เด็กกบได้นะคะ”
ดาวเหลียวขวับ “เธอว่าใคร!”
“อย่าร้อนตัวสิ ชั้นยังไม่ได้เอ่ยชื่อเธอซะหน่อย ชั้นไม่ได้พูดสักคำว่าเพียงดาวเหนียงยาน เพียงดาวตกยุค เพียงดาวไม่มีคนสนใจ”
เพียงดาวเดินก้าวเข้ามาใกล้ป้ากบ ถามเสียงเย็น “แล้วอะไรอีก?”
“อยู่มาตั้งนาน เธอน่าจะยอมรับสัจธรรมได้แล้วไม่ มีใครอยู่ค้ำฟ้าหร๊อก
“พูดอีกคำชั้นไม่ทนแล้วนะ”
ป้ากบกลัวเหมือนกัน แต่ถ้าไม่พูดจะเสียหน้า “สักวันนึงก็ต้องหมดยุคของเธอ!” เพียงดาวโกรธจัดแต่ยังนิ่ง ป้ากบพึมพำยิ้มเยาะ “ไม่แน่จริงนี่หว่า”
ขาดคำเพียงดาวหยิบน้ำสาดหน้าป้ากบ
ช่างแต่งหน้าขาเม้าท์กรี๊ดแตก “นังดาวมฤตยู!”
ป้ากบจะเข้าไปหาเพียงดาว แต่ถูกเพียงดาวผลักจนเซถลาไปชนดีนี่ ทำให้ดีนี่ล้มไปกระแทกโต๊ะ
ทุกคนตกใจ
ป้ากบรีบเข้าไปประคองดีนี่ “ดีนี่!” เหลียวขวับมาเอาเรื่องเพียงดาว “นี่นังดาว!”
ดีนี่รีบห้าม “พอเถอะค่ะป้ากบ ดีนี่ไม่เป็นไร” ไหว้เพียงดาว “ดีนี่ขอโทษแทนป้ากบด้วยนะคะพี่ดาว ขอโทษนะคะป้าอู๋ คุณแต้ว” พูดกับป้ากบ “ไปกันเถอะค่ะป้ากบ”
“ฝากบอกป้ากบของเธอด้วยนะ แทนที่เค้าจะเสียเวลามาหาเรื่องชั้น เอาเวลาไปหาทางทำให้เธอเข้าวงการได้จะดีกว่า” เพียงดาวบอกเสียงแข็ง
“ขอบคุณค่ะพี่ดาว ที่อุตส่าห์แนะนำดีนี่ ถ้าดีนี่ได้เป็นนางแบบ ดีนี่จะไม่ลืมวันนี้เลยค่ะ”
ดีนี่ยิ้มเยื้อนไหว้ขอบคุณเพียงดาว

ไม่นานหลังจากนั้น ป้ากบพยุงดีนี่เข้ามาในห้องพักที่คอนโดดีนี่ บนโต๊ะที่มุมโซฟามีนิตยสารแฟชั่นที่เพียงดาวขึ้นปกวางเด่นหราอยู่
“นั่งก่อนนะลูก ยาอยู่ตรงไหน เดี๋ยวป้าไปหยิบให้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่งดีนี่”
ป้ากบแค้นใจเพียงดาวขึ้นมาอีก “ป้าพาหนูไปให้นังดาวมันรังแกแท้ๆ”
“แล้วป้ากบเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ?” ดีนี่ห่วงใย ใส่ใจ แสนดีนัก
ป้ากบแค้นคั่ง “เจ็บที่ใจเนี่ย ยิ่งคิดยิ่งแค้นนังดาว!”
“ป้าขา อย่าไปโกรธพี่ดาวเลยนะคะ พี่ดาวเค้าไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ”
ป้ากบหมั่นไส้ “แม่ชะนีโลกสวย มันน่ะตั้งใจลูก พอมันเห็นหนูเป็นเด็กใหม่ๆ หน้าใสๆ มันก็คงร้อนรน กลัวเด็กใหม่จะเข้ามาแทนที่มัน มันกลัวจะตกบัลลังก์”
“ดีนี่ไม่ได้อยากจะแทนที่ใครนะคะ ดีนี่แค่อยากทำงาน”
“หนูไม่อยาก แต่ป้าอยาก ด้วยเกียรติของกะเทย วันนึงป้าจะสอยให้มันลงจากบัลลังก์” ป้ากบประกาศกร้าว
“ทำไมล่ะคะ?” ดีนี่แอ๊บใสซื่อ
“ก็ดาวมันอยู่มานาน ใครก็โค่นมันไม่ได้ ดูสิขนาดทั้งวีนทั้งเหวี่ยง ป้าจะปั้นหนูให้ยิ่งใหญ่ เบียดนังดาวมันตกบัลลังก์ไปเลย คอยดูสิ!”
น้ำเสียงป้ากบแน่วแน่ และท่าทางหล่อนมุ่งมั่นมาก
ดีนี่มองจ้องรูปเพียงดาวบนปกนิตยสาร

เย็นนั้นแม่อ้อยหันหลังเช็ดข้าวของอยู่ โอมย่องเข้ามากอดประจบ อ้อนแม่
“ว่าไงครับที่รัก”
แม่อ้อยหันมาหยิกแก้ม โอมยิ้มกว้าง เลยถูกแม่หยิกแก้มแรงขึ้น
โอมร้อง “โอ๊ย”
“เล่นอย่างนี้ ถึงไม่มีใครมาจีบแม่สักที” โอมขำๆ แม่อ้อยถาม “ไปทำงานวันแรก เป็นไงบ้างลูก”
โอมยังไม่ทันตอบ อามน้องชายวัยรุ่นก็วิ่งลงมาจากบนบ้าน ท่าทีร้อนรน
“พี่โอม ถ่ายแบบวันแรกเป็นยังไงบ้าง แล้วเวลานางแบบเปลี่ยนเสื้อผ้า เค้าเปลี่ยนยังไง โป๊รึเปล่า”
โอมส่ายหน้าระอาใจ พร้อมกับที่มีผ้าขี้ริ้วถูกปามาโดนหัวอามจังๆ ฝีมือฝ้าย เพื่อนผู้หญิงมาดทอม ที่คบกันมาตั้งแต่เด็ก และเป็นเพื่อนแม่อีกด้วย
“ไอ้ลามก” ฝ้ายด่า
อามหันไปเห็นฝ้ายเดินลงมาจากบนบ้าน อามหันไปหาแม่อ้อย ฟ้อง
“แม่ ดูไอ้ฝ้ายสิ เอาผ้าขี้ริ้วสกปรกมาปาใส่”
แม่เขกหัวอามดังป๊อก “ฝ้ายมันก็พูดถูก แกลามก”
“ตกลงฝ้ายมันลูกเพื่อนแม่หรือลูกแม่เนี่ย ทำไมไม่เข้าข้างอาม” อามงอน
โอมเขกหัวอามอีกที “แกก็เอาอย่างฝ้ายบ้างสิ เค้าขยันทั้งเรียน ทั้งทำงาน ปิดเทอมก็ไปทำงานพิเศษ”
อามโดนรุม ออกอาการเซ็งๆ
“ปิดเทอมนี้อามไปทำงานกับฝ้ายค่ะ” ฝ้ายบอก
“หื๊อ!” อามไม่รับ
“ไม่งั้นชั้นไม่ติวหนังสือให้แกแล้วนะ ตกก็อย่ามาร้องไห้ล่ะ” ฝ้ายขู่
“นังทอมใจร้าย หน้าตาก็ไม่ดี ใจก็ร้ายอีก”
ทั้งแม่ ทั้งโอมตบกบาลอามอีก อามเซ็งเป็ด ฝ้ายขำกิ๊ก ชอบใจ

โอมนั่งดูรูปเพียงดาวในกล้องยิ้มๆ อามโผล่หน้ามาดูด้วย
“เพียงดาวนี่ ตัวจริงเค้าสวยแบบในรูปไหมพี่”
“สวยแต่ดุ”
โอมบอกพลางมองรูปเพียงดาว คิดถึงท่าทีเพียงดาวแล้วแอบยิ้ม

เวลาเดียวกันเพียงดาวนั่งกินกาแฟอยู่ในบ้านแล้วนึกถึงเรื่องโอม คำพูดโอมติดอยู่ในหูไม่คลาย
“คุณดาวครับ ผมชอบคุณนะครับ”
เพียงดาวตกใจทำหน้าประหลาดใจ โอมกดถ่ายรูปทันที เพียงดาวรู้ว่าโอมจงใจทำให้เหวอ ดาวหน้าชา
“เซอร์ไพร์สครับ”

เพียงดาวพยายามสลัดเรื่องโอมออกจากหัว พึมพำคนเดียว “บ้า!!”

โปรดติดตามตอนต่อไป

ป้ากบพาดีนี่ในฐานะลูกสาวคนใหม่ตระเวนออกโรดโชว์ในวันต่อมา ช่วงเช้าสองคนอยู่ที่สำนักงานหนังสือบันเทิง

“ดีนี่ไหว้สิจ๊ะนี่พี่เล็ก เจ้าของหนังสือ Wow star” ป้ากบแนะนำ
ดีนี่ไหว้อ่อนช้อย
ไม่นานหลังจากนั้น ดีนี่กับป้ากบก็พากันมาอยู่ที่กองถ่ายแฟชั่นนิตยสารเล่มหนึ่ง ป้ากบยืนอยู่กับเงาะ
“นี่พี่เงาะ สไตลิสต์ของแฟชั่นโพส” ดีนี่ไหว้สวยยิ้มงาม
เวลาต่อที่งานอีเว้นท์แห้งหนึ่ง เห็นมีดาราแต่งตัวสวยงาม ดีนี่แต่งตัวธรรมดาอยู่ข้างป้ากบ ยืนอยู่กับต่าย
“ดีนี่ไหว้สิจ๊ะ พี่ต่ายผู้จัดการของ Runway Chane”l
ดีนี่ไหว้ “สวัสดีค่ะ”
ป้ากบยิ้มแย้ม “ฝากดีนี่ด้วยนะคะ”
ต่ายพิจารณารูปร่างหน้าตาดีนี่ “เด็กคนนี้หน้าสวยแปลก ใช้ได้เลยกบ”
ดีนี่ยิ้ม “ขอบคุณค่ะ”
ป้ากบแอบยิ้มชอบใจ

เช้านั้นสมใจคนรับใช้ของเพียงดาวกำลังทำงานบ้านปัดกวาดเช่นฝุ่นอยู่ ส่วนเพียงดาวอยู่ในชุดเตรียมออกกำลังกาย เดินลงมาจากบนบ้าน
จังหวะนั้นป้านุชแม่บ้านซึ่งมีท่าทางกังวลใจ ขณะเข้ามาหาเพียงดาว
“คุณดาวคะ วันนี้ป้าขอลากลับก่อนได้ไหม”
“ดาวบอกแล้วไง ว่าวันนี้เพื่อนดาวจะมา ป้านุชต้องทำอาหารเลี้ยง แล้วป้านุชก็รับปากดาวแล้วด้วย” เพียงดาวเสียงแข็ง
“ขอโทษค่ะคุณดาว แต่ลูกป้าไม่สบายน่ะค่ะ ป้าขอโทษจริงๆ”
เพียงดาวยกมือไม่ต้องพูด ป้านุชชะงักคิดว่าเพียงดาวโมโห
เพียงดาวเดินไปหยิบกระเป๋าตังค์หยิบเงินแล้วยื่นให้ป้านุช
“งั้นป้าก็รีบพาลูกไปหาหมอเถอะ”
ป้านุชไหว้ขอบคุณเพียงดาวอย่างซึ้งใจ โลกภายนอก...คนภายนอกไม่รู้จักมุมแสนดีนี้ของเพียงดาวเท่าไหร่ นอกจากคนรอบตัวและคนใกล้ชิดไม่กี่คนในชีวิต
“เสียดายไม่มีลูก” สมใจแขวะ แต่พูดลอยๆ เพียงดาวปรายตามองดุ “แต่ก็ยังมีงานทำ”
สมใจหันไปทำงานต่อ

ระหว่างนั้นแต้วกะอู๋ถือแฟ้ม ถือกระเป๋าใส่ชุดออกกำลังกายเข้ามา
“กะเทยสวยกับบก.แก่มาถึงแล้ว”
อู๋บอกพลางเดินจิกปลายเท้าวาดลีลานางแบบเดินเข้ามา แต้วหมั้นไส้เอากระเป๋าตีอู๋
ป้านุชไหว้แต้ว และอู๋แล้วออกไป
“มาถึงแล้ว แต่สงสัยต้องอดข้าวเช้าแล้วค่ะ วันนี้ไม่มีคนช่วยทำ” เพียงดาว
แต้วยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกดาว เดี๋ยวพี่โชว์ฝีมือเอง”

เพียงดาวกับอู๋กำลังเล่นโยคะอยู่ที่สนามหน้าบ้าน อีกครู่หนึ่งสมใจกับแต้วก็ช่วยกันยกน้ำผลไม้มาให้
“ดาว พี่แวะไปคุยคอนเซ็ปต์งานพี่แคทมาแล้วนะ ยังไงพี่ก็ต้องขอบใจดาวด้วยที่ยอมเดินแบบให้พี่แคทเค้า พี่ก็เอาชุดพี่แคทมาถ่ายแฟชั่นตั้งหลายครั้ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่แต้วขอมา ดาวต้องเคลียร์คิวให้อยู่แล้ว”
“มันทวงบุญคุณเธอน่ะแต้ว” อู๋กัด
เพียงดาวหันไปแกล้งชนอู๋ที่กำลังทำท่ายกขาอยู่ อู๋ล้ม ทุกคนขำๆ
“เดี๋ยวดาวลองดูคอนเซ็ปต์งานพรุ่งนี้ดูนะ ว่าจะมีอะไรแก้ไขไหม พี่จะได้บอกพี่แคทให้เนิ่นๆ” แต้วว่า
อู๋เล่าเพราะรู้มาแล้ว “คอนเซปต์งานนี้เค้าเป็นสีสันคัลเลอร์ฟลูนะ แล้วก็ต้องใส่คอนแทคเลนส์สีๆ ตามชุดด้วย”
เพียงดาวพยักหน้ารับรู้
“อย่างแกไม่รู้จะได้ใส่สีอะไรนะ แต่ชั้นอยากให้แกใส่สีชมพู โลกจะได้เป็นสีชมพูแบบคนมีความรัก” อู๋แซว
เป็นคำพูดแซวที่ทำเอาเพียงดาวชะงัก หยุดเล่นโยคะ หน้าเครียดขึ้นทันที เพียงดาวเดินไปกินน้ำ
“ทำไมคนเค้าถึงอยากมีความรักกันนัก ตอนดาวมีไม่เห็นมีความสุขเลย” เพียงดาวว่า
“ดาว เมื่อไหร่ดาวจะลืมเรื่องนั้นสักที ดาวแค่พลาดไปเจอคนผิดนะ” แต้วสงสาร
“ใช่ ผู้ชายมันไม่ได้เลวเหมือนกันทุกคนหรอกนะดาว คนดีๆ ก็ยังมีอยู่” อู๋เสริม
“จะดีจะเลวดาวก็ไม่สนแล้วล่ะค่ะ ดาวตาสว่างแล้ว ดาวจะไม่ยอมเอาความสุข ความทุกข์ เอาชีวิตของตัวเองไปผูกพันกับคนอื่นอีก”เพียงดาวบอกท่าทีจริงจัง
“แต่ชั้นอยากให้แกมีความสุขอย่างอื่นด้วย ไม่ใช่เอาแต่ทุ่มกับงานๆๆๆ”
“ก็งานไม่เคยทรยศดาวนี่คะ ทุ่มแค่ไหนก็ให้กลับมาแค่นั้น...ไม่เหมือนคน...” เพียงดาวปลี่ยนเรื่องทันที “ตกลงดาวเดินคู่กับมิ้งค์ใช่ไหมคะ”
อู๋กับแต้วสงสารเพียงดาวนัก สองเพื่อนรักต่างดูออกมาเพียงดาวยังเข็ดขยาดกับความรักอยู่
“จะสนใจทำไม เธอจะเดินคู่กับใคร ก็โดนรัศมีเธอกลบหมดนั่นแหล่ะ แม่นางแบบบ้างาน” อู๋บอกเชิดๆ

ตอนสายวันต่อมา ที่หน้างานเดินแบบห้องเสื้อ Alert เห็นเวทีจัดงานเดินแบบ นางแบบกำลังซ้อมบล็อกอยู่ เพียงดาวอยู่ในกลุ่ม มีนางแบบรุ่นน้องซ้อมอยู่ด้วย
แคทดูซ้อมอยู่ ป้าอู๋นั่งอยู่หน้าเวทีเล่นเกมส์ไปด้วย ดูไปด้วย
ป้ากบพาดีนี่เดินเข้ามา
ป้ากบดึงดีนี่ไว้ “นี่ดีนี่ พี่แคทเนี่ยนะเค้าเป็นเจ้าของห้องเสื้อ Alert เป็นดีไซเนอร์ที่คนในวงการจับตามองมาก หนูต้องนอบน้อมเค้านะ เค้ามีอะไรเค้าจะได้เรียกใช้...” นึกได้บางอย่าง “แต่ปกติเรื่องนี้ป้าไม่ต้องบอกเน๊อะ หนูนอบน้อมทุกคนอยู่แล้ว”
ป้ากบพาดีนี่ไปหาแคท สองคนไหว้แคท
ป้ากบฉอเลาะทันที “สวัสดีค่ะพี่แคท งานเริดนะคะ คอลเล็กชั่นนี่ ต้องขายดีเหมือนคอลเล็กชั่นก่อนแน่ๆ” หัวเราะคิกคัก “อุ๊ยลืมไป นี่เด็กกบค่ะ ชื่อดีนี่ ดีนี่เพิ่งกลับมาจากอเมริกานะคะ น่ารัก นิสัยดี หน้ากำลังอินเทรนด์ กบขอพาน้องมาดูงานหน่อยนะคะ รับรองจะไม่ให้วุ่น”
อู๋มาเป็นเพื่อนเพียงดาวในฐานะผู้จัดการส่วนตัวและมาแต่งหน้าแฟชั่นโชว์จ๊อบนี้ด้วย รู้สึกคันปากทนไม่ได้ รีบแจ้นมาหา
“เด็กน่ะไม่วุ่นหรอก ตัวหล่อนจะวุ่นเองรึเปล่า”
กบฉุนชักสีหน้ามองอู๋แค้นๆ อู๋เดินเลี่ยงออกไป
“ตามสบายเลยจ้ะกบ” แคทขอตัว พลางมองสำรวจดีนี่ “สวยนะเนี่ย หน่วยก้านใช้ได้เลย น่าจะเจอกันเร็วกว่านี้ เผื่อจะได้เดินงานนี้เลย”
ดีนี่ยิ้มปลื้ม “ขอบคุณมากค่ะพี่แคท”
“พี่ขอตัวนะจ๊ะ ต้องไปคุมบล็อกต่อ”
แคทเดินไปที่เวที

เวลาผ่านไป
ดีนี่เดินไปยืนมองนางแบบที่ยืนบล็อกคิวอยู่หน้าเวทีอย่างตื่นตาตื่นใจ เห็นซ้อมเดินอยู่ด้วย ดีนี่ยิ้มให้เพียงดาว แต่เพียงดาวไม่ได้สนใจดีนี่
แคทเอ่ยขึ้น “โอเคจ้า เดี๋ยวพักแป๊บนึงแล้วซ้อมอีกรอบ ก็ไปแต่งหน้าทำผมได้เลย
เพียงดาวเดินมาหาอู๋ ดีนี่เข้าไปไหว้
“สวัสดีค่ะ เรื่องวันนั้นพี่ดาวไม่โกรธดีนี่ใช่ไหมคะ”
“ชั้นทำเธอล้ม ทำไมชั้นต้องโกรธเธอ” เพียงดาวบอกเสียงแข็ง
“ถ้ามีอะไรพี่ดาวสอนดีนี่ด้วยนะคะ พี่ดาวเป็นไอดอลดีนี่ ดีนี่อยากเป็นแบบพี่ดาว ได้สักครึ่งนึงของพี่ดาวก็ยังดีค่ะ”
“ขอบใจนะ ชั้นก็จะแนะนำเลยแล้วกัน อยู่ในวงการนี้ต้องมีฝีมือด้วย แค่ประจบปากหวานไปไม่รอดหรอก”
“ขอบคุณค่ะ”
ป้ากบฟังอยู่ “ดีนี่ ฟังพี่ดาวเค้าเอาไว้นะจ๊ะ แต่หนูก็ต้องรู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี อะไรดีก็ทำตาม อะไรเลวก็อย่าไปเอาอย่าง”
อู๋รีบแล่นเข้ามา “แต่บางคนไม่ต้องแยกแยะนะเพราะมีแต่ความชั่ว ใช่ไหมกบ”
ป้ากบแค้นจัด
“ชั้นขอแนะนำอีกอย่างนะ เลือกคบคนหน่อยนะ ถ้าอยู่กับคนที่เอาแต่สร้างศัตรู คงอีกนานกว่าจะได้เข้าวงการ”
เพียงดาวด่ากระทบ ป้ากบรู้ตัวอ้าปากจะด่า
ดีนี่รีบดึงแขนป้ากบไว้ “อย่าเลยค่ะป้ากบ” ไหว้ดาว “ขอบคุณนะคะพี่ดาวที่สอนดีนี่”
เพียงดาวกะอู๋เดินไปแล้ว ป้ากบแค้นๆเต้นเร่าๆ
“นี่ทุกคนแต่งหน้า ทำผมเสร็จก็อย่าลืมใส่คอนแทคเลนส์ด้วยนะ พี่เตรียมไว้ในห้องแต่งตัวให้แล้ว”
ป้ากบได้ยินที่แคทบอกนางแบบ แล้วคิดบางอย่างได้ ประกาศกร้าว
“นังดาวมันดูถูกหนู ป้าไม่ยอมหรอก ป้าจะทำให้หนูได้เดินแบบวันนี้แหละ”
ดีนี่งงๆ

ป้ากบลากแขนดีนี่เข้ามาห้องแต่งตัวหลังเวทีงานเดินแบบ เห็นคอนแทคเลนส์วางเรียงรายอยู่ ดีนี่ยืนท่าทางกลัวๆ
“ป้าจะทำอะไรคะ?”
“ป้าก็จะทำให้หนูได้เดินแบบงานนี้ไง” ดีนี่งงหนัก “ไม่มีใครเค้าให้นางแบบตาแดงเดินหรอก ป้าก็จะเอาโทนเนอร์หยอดใส่คอนแทคเลนส์สักคนนึง ถ้าเค้าหาใครเดินไม่ได้ก็ต้องเป็นหนู” ป้ากบบอกแผน
“ไม่เอานะคะป้ากบ มันบาปนะคะ ดีนี่กลัว”
“เชื่อป้าเถอะ”
ป้ากบหยิบคอนแทคเลนส์ขึ้นมา เทน้ำตาเทียมทิ้ง แต่แล้วเพราะรีบเลยพลาดทำคอนแทคเลนส์ร่วง
“ตายแล้ว คอนแทคเลนส์หล่นไปไหนเนี่ย (กับดีนี่) ดีนี่อย่าเพิ่งขยับนะ”
ป้ากบก้มลงมองหาคอนแทคเลนส์
เสียงทีมงานคนหนึ่งดังขึ้นมา “ใครกินข้าวเสร็จก่อน ก็ไปแต่งหน้าได้เลย”
สองคนผวา โดยเฉพาะดีนี่ดูตกใจมากๆ “ทำยังไงดีคะป้า ดีนี่กลัว”
ที่ประตูมีเสียงกึกกักๆ อยู่พักหนึ่ง ประตูเปิดออก มิ้งค์ เฟย์ ฟาง นางแบบวัยใส อายุ 18-19 เดินผ่านมา และมีทีมงานตามเข้ามา ไม่เห็นใครในห้อง ทุกคนแยกย้ายไปทำกิจกรรม

แต่หากใครมองไปที่ราวแขวนเสื้อผ้า จะเห็นขาป้ากบ ดีนี่โผล่มานิดหนึ่ง

โปรดติดตามตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น