ขุนเดช ตอนที่ 18
ภายในโรงพัก สาลี่เอายาดมมายัดจมูกแล้วสูดเต็มปอด ส่วนบัวทองกับดาราช่วยทำแผลให้ชาวบ้านที่บาดเจ็บ เล็กน้อย
“โอ้ย...ค่อยยังชั่ว อีสาลี่เกือบจะหัวใจวายตาย”
“แหม...น่าเสียลาย”
อาฮวดบอก สาลี่หันขวับ
“เสียดายอะไรหา...คิดว่าไม่รู้เหรอไอ้ฮวด...” สาลี่หยิกหูอาฮวดทันที “หนอย...แอบแช่งให้ชั้นโดนลูกหลงแล้วแกจะได้ไปมีเมียน้อยใช่มั้ย”
“ปละ...เปล่า”
“อย่างแกอ้าปาก็เห็นลิ้นไก่แล้ว บอกมาเดี๋ยวนี้นะ อีนังคนไหนที่มาหว่านเสน่ห์ใส่แก”
“ไม่มี...ไม่มีจริงๆ อั้วรักอั้วหลงลื้อคนเดียวนะอาสาลี่ ต่อให้มันมาทำเสน่ห์ เล่นของใส่อั้ว อั้วก็ไม่มีวันหมดรักลื้อ”
“นี่...ชั้นว่าถ้าพวกน้าหายตกใจกลัวกันแล้วก็พากันกลับร้านไปเถอะ อยู่ที่นี่มีแต่จะเกะกะ ตำรวจเขาเปล่าๆ”
“ไปได้ยังไงล่ะบัวทอง พวกเรายังไม่ได้เห็นวีรบุรุษบาปมามอบตัวเลย”
“ไอ้หมอนั่นมันไม่มามอบตัวแล้ว…พวกเอ็งมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย” จ่าแท่นบอก
“ตกลงเขาไม่มามอบตัวแล้วเหรอจ๊ะลุง”
“เออ…ข้าเพิ่งได้รับแจ้งมาจากทางอนามัยว่าอาจารย์ประทีปปลอดภัยแล้ว แล้วอาจารย์ยังบอกอีกว่าตอนนี้วีรบุรุษบาปกำลังตามไปจัดการกับพวกที่กำลังทำลายโบราณสถาน”
สาลี่กับอาฮวดได้ยินก็ส่งเสียงเฮลั่นดีใจ
“ไชโย…ในที่สุดวีรบุรุษบาปก็ไม่มามอบตัวแล้ว มันต้องแบบนี้สิ หน้าที่จัดการไอ้พวกบาปหนาหนักแผ่นดิน มันต้องเป็นของวีรบุรุษบาปเท่านั้น”
พวกชาวบ้านพากันปรบมือดีใจ แต่สีหน้าบัวทองครุ่นคิดบางอย่าง ดาราหันไปมองบัวทองอย่างสงสัย
ดาราเดินออกมามองหาบัวทองที่หน้าโรงพัก
“บัวทอง...บัวทอง”
ดาราแปลกใจสงสัยที่ไม่เห็นบัวทองแล้ว ระหว่างนั้นยงยุทธขับรถจี๊ปกลับมา
“ทุกคนเป็นยังไงบ้างดารา”
“ปลอดภัยกันดีแล้วก็ทยอยกลับบ้านกันไปหมดแล้ว...เธอล่ะ รู้รึเปล่าว่าพวกนั้นเป็นใคร”
ยงยุทธมีสีหน้าเจ็บใจ
“ลูกน้องของไอ้ประดับ”
“แต่ประดับตายแล้วไม่ใช่เหรอ” ดาราถามอย่างแปลกใจ
“ไม่...ไอ้ประดับมันคงรอดตายเลยสั่งให้ลูกน้องมันมาประกาศศักดาเตือนให้พวกเรารู้ว่าอิทธิพลยังอยู่ในมือของมัน”
ยงยุทธมีสีหน้าเจ็บใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้
ที่โบราณสถาน ไอ้นะไอ้เนไล่ตามขุนเดชเข้ามาแต่ไม่เห็นตัว พวกมันกระชับปืนระวังตัวแต่มองไม่เห็นวีรบุรุษบาปที่ยืนอยู่บนสถูปเหนือหัวพวกมัน วีรบุรุษบาปกระโจนลงมาเล่นงานทำให้ปืนพวกมันหลุดจากมือ คราวนี้พวกมันมีอาวุธใหม่เป็นสนับมีดคมกริบ ผลัดกันเข้าไปเล่นงานทั้งจ้วงทั้งแทงจนวีรบุรุษบาปเจองานหินต้องชักดาบดำออกมาสู้กับพวกมัน
บัวทองมาที่โบราณสถาน พอมาถึงเธอรีบมองหาวีรบุรุษบาปแต่ระหว่างนั้นบัวทองเกิดชะงักเพราะเจอใครบางคนที่น่าตกใจ
“แก”
กำนันบุญก้าวเข้ามามองบัวทองด้วยสายตาร้ายกาจ
“เป็นสาวเป็นแส่ มาทำอะไรแถวนี้หึ…บัวทอง”
“ชั้นมาช่วยวีรบุรุษบาปจัดการพวกคนบาปอย่างแก”
“ฮ่าๆๆ…เอ็งนี่มันใจเด็ดซะจริง ข้าชอบ…แต่เสียดายที่ลูกชายข้ามันวาสนาน้อยชิงตายไปก่อน ไม่งั้นข้าคงได้เอ็งมาเป็นลูกสะใภ้”
“ไอ้สัมฤทธิ์มันตายเพราะทำกรรมชั่ว ส่วนกำนันถึงจะมีอิทธิพลคุ้มกะลาหัว แต่ก็หนีกรรมที่ทำไว้ไม่พ้นหรอก สักวันวีรบุรุษบาปจะตัดหัวกำนันไปปักให้แร้งกามันรุมทึ้ง เป็นเยี่ยงอย่างให้พวกใจบาปไม่กล้าเลียนแบบกำนันอีก”
“นังบัวทอง”
กำนันบุญโกรธปรี่เข้าไปจับตัวบัวทองแต่ถูกสะบัดแล้วตบหน้ากำนันบุญ...เพี๊ยะ! กำนันบุญหน้าหันแล้วหันมามองบัวทองอย่างเอาจริง
“เอ็งหาเรื่องใส่ตัวแล้วนังบัวทอง”
ขณะนั้นวีรบุรุษบาปกำลังต่อสู้กับไอ้นะไอ้เนที่ช่วยกันรุมด้วยสนับมีด พวกมันรุมจนเล่นงานวีรบุรุษบาปได้แผลเลยพากันหัวเราะชอบใจ
“เป็นไงเล่าไอ้วีรบุรุษบาป ที่ผ่านมาพวกข้ายอมออมมือให้เอ็งต่างหากล่ะเว้ย”
“จริงเหรอวะไอ้นะ…ข้าลุยใส่มันเต็มที่ทุกครั้งเลยนะเว้ย”
ไอ้เนบอกทำให้ไอ้นะชะงัก
“ไอ้เวรเอ้ย…ตอนนี้เรากำลังได้เปรียบ มันต้องตัดไม้ข่มนามกันหน่อยสิวะ”
“อ๋อ...” ไอ้เนหันมามองวีรบุรุษบาปอย่างผยอง “ไอ้วีรบุรุษบาป วันนี้เอ็งตายแน่”
ไอ้เนปรี่เข้าไปเล่นงานทันที วีรบุรุษบาปควงดาบดำตั้งรับแล้วเข้าไปต่อสู้อีกครั้ง แต่คราวนี้ไอ้เนประมาทถูกวีรบุรุษบาปตอบโต้กลับฟันแขนจนได้เลือด มันเลยรีบถอยแล้วให้ไอ้นะผสมโรงเข้ามาเล่นงาน
ไอ้นะโถมใส่อย่างบ้าคลั่งเพราะคิดว่าเอาอยู่แต่สุดท้ายก็เจอวีรบุรุษบาปเล่นงานจนเพลี่ยงพล้ำถูกถีบกระเด็นไปกองรวมกับไอ้เนอย่างหมดสภาพ วีรบุรุษบาปเลยควงเพลงดาบเดือดดับพร้อมจัดการ
“ดะ…ดาบ…ดาบเดือนดับ…เวรแล้วไง”
ไอ้นะรีบผลักไอ้เนให้ไปอยู่ข้างหน้าแทน วีรบุรุษบาปกำลังจะเข้ามาฟันแต่ทันใดนั้น
“หยุดนะเว้ยไอ้วีรบุรุษบาป”
วีรบุรุษบาปชะงักหันไปเห็นกำนันบุญเข้ามาพร้อมกับมีบัวทองเป็นตัวประกัน
“บัวทอง”
ที่อนามัย ดาราอยู่กับอาจารย์ประทีปที่ห้องพัก ส่วนคำปันกำลังเดินเข้ามาจึงได้ยินอาจารย์ประทีปคุยกับดารา
“ผมให้อาจารย์ดำรงพานักศึกษากลับไปที่บ้านพักแล้ว และอยากจะให้หยุดพักการเรียนการสอนไว้ก่อน แต่พวกนักศึกษาไม่ยอม ยังไงก็จะขออยู่ช่วยงานต่อ”
“ค่ะ ชั้นก็เคยบอกพวกเขาแล้วว่าการอยู่ที่นี่มีแต่เสี่ยงอันตราย แต่พวกเขาก็ยืนกรานที่จะอยู่ต่อเพราะอยากเป็นกำลังใจให้วีรบุรุษบาปสู้เพื่อรักษารากเหง้าของเราเอาไว้”
คำปันหยุดฟังด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ตอนที่พวกมันทำลายสมบัติของชาติต่อหน้าต่อตา หัวใจของผมเหมือนถูกควักออกมาจากอกทั้งเป็น ตอนนั้นผมคิดเพียงแต่ขอให้วีรบุรุษบาปอยู่ที่นั่นพวกมันจะได้เกรงกลัว”
“ค่ะอาจารย์ แม้จะรู้ว่ามันผิด…แต่ก็ทำให้ชั้นอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าถ้ากฏหมายยังตามไปจัดการพวกมันไม่ได้ บางทีพวกเราก็ยังจำเป็นที่ต้องพึ่งวีรบุรุษบาป”
คำปันได้ฟังแล้วก็ยิ่งหนักใจ
ขณะนั้นกำนันบุญคุมตัวบัวทองไว้เป็นตัวประกัน
“เห็นอย่างนี้แล้ว เอ็งคงไม่ต้องให้ข้าบอกนะว่าเอ็งต้องทำยังไง”
“ปล่อยบัวทองซะกำนันบุญ”
“เอ็งสั่งข้าเหรอ…นี่แสดงว่าเอ็งดูถูกหาว่าข้าไม่กล้าทำร้ายนังนี่ใช่มั้ย”
กำนันบุญยิ้มร้ายแล้วเอามือบิดแขนบัวทองแรงๆ จนบัวทองร้องเจ็บลั่น...โอ๊ย!
“บัวทอง...หยุดนะไอ้กำนันบุญ”
“หึๆๆ…เอ็งต่างหากที่ต้องหยุด วางดาบของเอ็งซะ ไม่งั้นข้าจะหักแขนสวยๆ ของมันให้มันพิการรำไม่ได้ไปตลอดชีวิต”
บัวทองเจ็บจนน้ำตาไหลพราก
“วี…วีรบุรุษบาป…ฮือๆ”
วีรบุรุษบาปจิกตามองกำนันบุญอย่างเจ็บใจก่อนจะยอมปักดาบดำลงพื้น
“มันยอมแล้วครับพ่อกำนัน ให้พวกเราไปฆ่ามันเลยมั้ย”
วีรบุรุษบาปตั้งท่าเชิงมวยเตรียมรับถ้าพวกมันบุกเข้ามา
“ยัง…ข้าอยากให้มันเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของมันให้ข้าเห็นซะก่อน เปิดหน้าแกออกมาได้แล้วไอ้วีรบุรุษบาป” วีรบุรุษบาปชะงักกำหมัดแน่นเจ็บใจ “ข้าพูดเสียงดังฟังชัดขนาดนี้แล้ว ถ้าเอ็งยังไม่ทำตามก็ดูข้าหักแขนนังบัวทองแล้วกัน”
กำนันบุญทำท่าจะหักแขนบัวทองจริงๆ
“หยุด”
วีรบุรุษบาปตัดสินใจเอามือจับผ้าขาวม้าที่พันหน้าอยู่พร้อมจะเปิดเผยโฉมหน้าให้กำนันบุญเห็นแต่บัวทองร้องห้าม
“อย่า…อย่านะวีรบุรุษบาป…จะให้พวกมันเห็นหน้าคุณไม่ได้”
วีรบุรุษบาปชะงัก
“บัวทอง”
“หุบปากเอ็งไปซะนังบัวทอง ข้ารู้ว่าเอ็งก็อยากเห็นหน้ามันเหมือนกัน...ใช่มั้ย” บัวทองนิ่งไปสบตากับวีรบุรุษบาป “ฮ่าๆๆ…ถ้ามันเปิดหน้าออกมาให้ข้ากับเอ็งเห็น ข้าจะยอมใจดีปล่อยเอ็งไป ให้เอ็งไปป่าวกระกาศว่าตัวจริงของวีรบุรุษบาปได้ถูกกำนันบุญฆ่าตายเหมือนหมาข้างถนน ฮ่าๆ”
“เปิดหน้าแกออกมาเลยไอ้วีรบุรุษบาป”
วีรบุรุษบาปกำลังตัดสินใจจะเปิดหน้า แต่บัวทองกลับตัดสินใจสำคัญ
“ไม่ ชั้นจะปกป้องคุณเอง...วีรบุรุษบาป”
บัวทองกระทุ้งศอกใส่กำนันบุญจนหลุดพันธนาการแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาวีรบุรุษบาป กำนันบุญเจ็บใจเล็งปืนไปที่ บัวทองทันที
“นังบัวทอง…แกตาย”
เปรี้ยง! เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว บัวทองสะดุ้งเฮือกก่อนจะถึงตัววีรบุรุษบาปไม่ถึงก้าว บัวทองล้มลงช้าๆ วีรบุรุษบาปรีบเข้าไปประคองบัวทองเอาไว้ในอ้อมกอด
“บัวทอง”
คำปันสะดุ้งตกใจเมื่อดาราเข้ามาแตะไหล่จากข้างหลัง
“ขอโทษด้วยค่ะน้าคำปัน ชั้นไม่ตั้งใจทำให้น้าตกใจ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะอาจารย์ น้าใจลอยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่น่ะจ้ะ”
“เรื่องวีรบุรุษบาปใช่มั้ยจ้ะน้า เขารับปากว่าจะมามอบตัว แต่มาเกิดเรื่องแบบนี้ เราคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นเขามามอบตัวอีก” คำปันน้ำตาซึมเสียใจปาดน้ำตาเพราะสงสารอนาคตของขุนเดช “ให้ชั้นไปส่งน้าที่บ้านมั้ยจ้ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะอาจารย์ ยังมีชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บนอนรักษาตัวเพราะฝีมือของพวกไอ้ประดับอยู่อีก พยาบาลที่นี่ก็ไม่ค่อยพอน้าจะอยู่ช่วยก่อน”
คำปันบอกดาราแล้วก็เดินเข้าไปข้างใน ดารามองตามอย่างเข้าใจ
บัวทองอยู่ในอ้อมกอดของวีรบุรุษบาปอาการไม่ดีเพราะถูกกำนันบุญยิง
“บัวทอง…บัวทอง”
“วี…วีรบุรุษบาป…ไม่…ไม่ต้องห่วงชั้นนะ…หน้า…หน้าที่ของคุณคือประหารคนบาป ชั้น…ชั้นจะเอาใจช่วยคุณตลอดไป”
บัวทองพูดได้แค่นั้นก็หมดสติมือตกลงข้างตัว
“บัวทอง”
วีรบุรุษบาปเงยหน้าจ้องกำนันบุญที่เล็งปืนมาตน สายตาของวีรบุรุษบาปกราดเกรี้ยวเอาเรื่อง
“ข้าบอกแล้วว่าข้าจะไว้ชีวิตมัน แต่มันหาเรื่องตายเอง”
“ถ้าคิดจะฆ่าชั้น…แกต้องยิงให้ตายในนัดเดียว เพราะถ้าชั้นมีลมหายใจอยู่ แกจะไม่มีโอกาสได้เหนี่ยวไกใส่ชั้นอีก…ไอ้กำนันบุญ”
“นัดนี้ข้าไม่พลาดแน่ไอ้วีรบุรุษบาป”
นิ้วกำนันบุญแตะไกปืนแล้วลั่นไกใส่ทันที...แชะ กำนันบุญแปลกใจที่ปืนยิงไม่ออกลองยิงอีกนัดปืนก็ขัดลำกล้องขึ้นมา
“ปืนเป็นอะไรน่ะพ่อกำนัน”
กำนันบุญมองปืนในมือแล้วมองไปที่ขุนเดชอย่างสงสัยและพอจะเดาออก ระหว่างนั้นไอ้นะได้ยินเสียง
“พ่อกำนัน สงสัยพวกตำรวจจะแห่มาที่นี่กันแล้ว”
“ครั้งนี้เอ็งโชคดีที่พกของดีติดตัวมา แต่คราวหน้าเจอกันอีกครั้งของดีอะไรของเอ็งก็ช่วยเอ็งไม่ได้แน่”
กำนันบุญบอกอย่างเจ็บใจแล้วเก็บปืนรีบออกไปกับพวกไอ้นะไอ้เน วีรบุรุษบาปต้องปล่อยพวกมันไปเพราะเป็นห่วงอาการบัวทอง
“อย่าตายนะ…บัวทองต้องอยู่กับพี่”
ที่อนามัย คำปันช่วยพยาบาลทำแผลให้กับชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บมา ระหว่างนั้นได้ยินเสียงเอะอะก็อดแปลกใจไม่ได้ จนดารารีบเข้ามาบอก
“น้าคำปันคะ”
“มีอะไรเหรอคะอาจารย์”
ดาราสีหน้าไม่ดีไม่รู้จะพูดยังไง
“คือว่า...บัวทอง...”
คำปันสงสัยใจคอไม่ดี มองผ่านดาราที่ยืนบังทางแล้วก็ตกใจเมื่อเห็นวีรบุรุษบาปอุ้มร่างของบัวทองเดินเข้ามา
“บัวทอง” คำปันรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยอาการตกใจ “บัวทอง…บัวทองลูกแม่…เกิดอะไรขึ้น บัวทองเป็นอะไร”
“บัวทองพยายามช่วยผม”
“บัวทอง”
“รีบพาเข้าไปเถอะ เราต้องรักษาชีวิตบัวทองเอาไว้ให้ได้”
วีรบุรุษบาปรีบอุ้มบัวทองพาเข้าไปในอนามัย คำปันรีบตามเข้าไปพร้อมกับดารา
ดาราเดินออกมาหาขุนเดชที่ยังเป็นวีรบุรุษบาปซึ่งยืนรออยู่และในมือก็กำบางอย่างเอาไว้
“หมอว่ายังไงบ้าง”
“บัวทองเสียเลือดมามาก หมอพยายามช่วยอยู่”
“บัวทองจะตายไม่ได้นะดารา”
“ชั้นเชื่อว่าบัวทองจะต้องรอด แต่เธอชั้นว่ารีบไปจากที่นี่ก่อนเถอะ ถ้ายงยุทธมาจะเป็นเรื่อง”
“ผมรอดจากกำนันบุญมาได้เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครองผม ผมฝากให้บัวทองด้วยนะ เธอจะได้ปลอดภัย”
ดารารับสร้อยคอพระร่วงนั่งเนื้อเหล็กดำมาแล้วพยักหน้ารับ
“ชั้นจะเอาเข้าไปให้บัวทอง เธอรีบไปได้แล้วล่ะ”
วีรบุรุษบาปจำเป็นต้องเดินจากไปอย่างเป็นห่วงบัวทอง
กำนันบุญกับไอ้นะไอ้เนพากันกลับมาที่บ้าน
“มันน่าเสียดายนะจ๊ะพ่อกำนัน อีกนิดเดียวไอ้วีรบุรุษบาปก็โดนเป่าหัวกระจุยแล้ว”
“ครั้งนี้ดวงมันยังไม่ถึงฆาต แต่ครั้งหน้ามันไม่รอดอาคมของข้าแน่ แต่ช่างเถอะยังไงวันนี้ข้าก็มีข่าวดีรออยู่ เอ็งไปตามผกามาหาข้า”
กำนันบุญยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์ แต่ไอ้นะไม่ทันจะเดินไปเบิ้มก็เข้ามาขวาง
“ถ้าจะถามหาผกาล่ะก็ มันไม่อยู่ให้กำนันเจอตัวแล้ว”
กำนันบุญชะงักสงสัย
“หมายความว่ายังไง”
เบิ้มไม่พูดอะไร ทันใดนั้นพวกลูกน้องของประดับก็ชักปืนออกมาจ่อหัวทั้งกำนันบุญและไอ้นะไอ้เน
“เฮ้ย…นี่พวกแกจะทำอะไรวะ”
ไอ้นะจะชักปืนสู้แต่เบิ้มเข้าไปใช้ด้ามปืนตบจนหน้าหัน
“อย่าแม้แต่จะคิด ไม่งั้นพวกเอ็งตายกันหมดนี่แน่”
“พวกเอ็งอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น” กำนันบุญสั่ง แล้วทำเป็นไม่รู้ “ถ้าเอ็งไม่มีเหตุผลที่เข้าท่ามาอธิบายให้ข้าฟังว่าเอ็งเอาปืนจ่อหัวข้าทำไม…เอ็งโดนข้าเล่นงานแน่ไอ้เบิ้ม”
“คนที่ต้องอธิบายกันยาวน่ะ ไม่ใช่ชั้นหรอก แต่เป็นกำนันต่างหาก”
เบิ้มเอาปืนจ่อกำนันบุญแล้วจี้บังคับให้เดินเข้าไปในบ้าน ไอ้นะไอ้เนจะตามแต่ถูกพวกลูกน้องประดับเอาปืนขู่ไว้ให้อยู่เฉยๆ
เบิ้มผลักกำนันบุญเข้ามาหาประดับที่นั่งรออยู่ในห้อง สภาพของประดับยังบาดเจ็บอยู่
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันคุณประดับ ผมไปทำงานให้คุณแต่คุณกลับให้ลูกน้องเอาปืนมาจ่อหัวผมเนี่ยนะ”
“นังผกามันอยู่ไหน”
“มันก็อยู่ดูแลคุณที่นี่ไม่ใช่เหรอ”
ประดับจ้องหน้ากำนันบุญอย่างไม่พอใจก่อนจะพยักหน้าให้เบิ้มจัดการเอาปืนทุบต้นคอกำนันบุญจนทรุด
“คุณประดับ ผมไปทำอะไรให้คุณ”
“อย่ามาทำตีหน้าเซ่อไปหน่อยเลยกำนัน ส่งนังผกามาฆ่าชั้นมันดูถูกกันเกินไปรึเปล่า”
“ผกาน่ะเหรอมาฆ่าคุณ ผมไม่รู้เรื่องนะคุณประดับ”
ประดับไม่ฟังพยักหน้าให้เบิ้มทุบกำนันบุญอีก
“พูดความจริงมาดีกว่ากำนัน เพราะถ้าชั้นพยักหน้าอีกครั้ง ไอ้เบิ้มมันจะระเบิดสมองกำนันให้กระจายแน่”
เบิ้มขึ้นไกปืนแล้วจ่อไปที่หัวกำนันบุญอย่างเอาจริง
“ผมพูดความจริงทุกอย่าง ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ผมไปทำงานตามที่คุณสั่ง ก่อนไปก็บอกผกาให้ดูแลคุณให้ดีแล้วผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าผกามันติดจะฆ่าคุณ”
“คำตอบของกำนันไม่ถูกใจชั้น…ชั้นให้โอกาสนับถึง 3 ...หนึ่ง…”
“คุณไม่ต้องให้โอกาสผมหรอกคุณประดับ ถ้าคุณคิดจะฆ่าผมก็จัดการเลย เพราะผมก็ยังยืนยันว่าคนอย่างผมไม่ใช้ผู้หญิงมาลอบกัดคุณแน่”
“สอง…”
“ผมไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องคิดหักหลังคุณ แก่ๆ อย่างผมจะอยู่ได้อีกกี่ปี สู้สนับสนุนให้คุณได้เป็นสัตตะโลหะบุรุษ แล้วใช้ชีวิตสุขสบายตอนแก่เพราะความเมตตาจากคุณ มันไม่ดีกว่าเหรอ” ประดับยังไม่นับสามนิ่งมองกำนันบุญ
“คุณต้องเชื่อผม แล้วผมจะช่วยคุณตามล่านังผกา จะไม่มีคำว่าปราณีให้มัน”
ประดับมีสีหน้าครุ่นคิดแล้วมองเบิ้มที่พร้อมจะลั่นไกใส่กำนันบุญ
“สั่งมาได้เลยครับนาย”
“เก็บปืนแกไปซะไอ้เบิ้ม”
“นาย”
“เก็บปืน” เบิ้มยอมทำตาม แล้วเข้าไปช่วยพยุงประดับให้เข้ามาใกล้ๆ กำนันบุญ “ครั้งนี้ชั้นจะยอมเชื่อกำนันดู…แต่ถ้าชั้นพบว่าที่กำนันพูดมาทั้งหมดเป็นแค่คำโกหกเพื่อเอาตัวรอดล่ะก็ กำนันได้ตายทรมานตอนแก่แน่…ไป”
กำนันบุญออกจากห้องไป ประดับมองตาม
กำนันบุญเข้ามาในห้องทำงานของตัวเองอย่างเจ็บใจโกรธแค้นทุบโต๊ะเสียงดัง
“โธ่เว้ย! นังผกา ข้าไม่น่าไว้ใจให้มันทำเรื่องสำคัญให้เลย”
“แต่พ่อกำนันก็ยังโชคดีนะครับ ที่กล่อมให้คุณประดับเข้าใจว่านังผกามันคิดหักหลังคนเดียว ไม่เกี่ยวกับพ่อกำนัน” ไอ้นะบอก
“แต่ถึงชั้นจะกล่อมประดับให้เชื่อได้ ก็ยังวางใจอะไรไม่ได้จนกว่าจะจัดการปิดปากนังผกาไม่ให้มันมาแว้งกัดชั้นได้อีก”
“ถ้าพี่ซ้อนรู้ ชั้นว่างานนี้พี่ซ้อนต้องอาสาจัดการให้พ่อกำนันแน่”
“ไอ้ซ้อนเหรอ”
กำนันบุญหรี่ตาคิดอะไรบางอย่างที่ดูน่ากลัว
คืนนั้นกำนันบุญนัดพบกับซ้อนในป่า
“ถ้าพี่กำนันไฟเขียวให้ชั้นไปจัดการกับนังอสรพิษนั่นล่ะก็ ชั้นจะรีบไปจัดการให้ รับรองว่ามันตายทรมานแน่”
“ขอบใจเอ็งมาก”
“ไม่ต้องขอบใจชั้นหรอก ชั้นเคารพพี่เหมือนพี่ชาย เรื่องเดือดร้อนของพี่ก็เหมือนของชั้น”
กำนันบุญเข้าไปตบบ่าซ้อน
“ข้าคิดไม่ผิดที่ข้าขอให้เอ็งมาช่วย ถึงเอ็งจะทำพลาดฆ่าไอ้ประดับไม่ตาย”
“ปกติชั้นเคยพลาดซะที่ไหนแต่ไอ้ประดับมันดวงแข็งจริงๆ พูดไปก็ยิ่งหงุดหงิด...ฮึ่ย”
“ใช่...นอกจากไอ้ประดับมันจะดวงแข็งไม่ถึงที่ตายแล้ว มันยังฉลาดเป็นกรด หูตามันยิ่งกว่าสัปปะรด สืบแป๊บเดียวมันก็คงรู้ว่ามือปืนที่ยิงมันเป็นใคร”
“เรื่องนั้นพี่กำนันไม่ต้องห่วง ชั้นก็หลบซ่อนตัวเก่ง มันตามไม่เจอชั้นหรอก”
กำนันบุญพยักหน้ารับ
“มันก็จริงของเอ็ง แต่ข้าก็ยังไม่หายกังวล”
“พี่กำนันกังวลอะไร”
กำนันบุญยิ้มร้ายๆ แล้วเดินเข้าไปชักมีดสั้นที่เหน็บเอวเข้าเสียบพุงไอ้ซ้อนทันที...ฉึก! ซ้อนสะดุ้งเฮือก
“สันดานเอ็งมันทำทุกอย่างเพื่อเงิน ข้าจะปล่อยให้เงินของไอ้ประดับมาทำให้เอ็งปากโป้งเรื่องข้าไม่ได้หรอกเว้ย”
กำนันบุญกระซวกแทงซ้ำเข้าไปอีกหลายครั้ง ซ้อนเลือดเต็มมือและยังกระอักออกปากอีก
“พี่...พี่กำนัน...”
ซ้อนล้มตายคาที่ กำนันบุญมองศพไอ้ซ้อนแล้วหันมาหน้าเหี้ยม
“ทีนี้ก็เหลือเธอคนเดียวแล้วผกา”
ผกาหนีออกมาจากป่าข้างทางเนื้อตัวสกปรกมอมแมมและยังอยู่ในอาการตื่นกลัว ระหว่างนั้นเห็นแสงไฟรถวิ่งตรงมาผการีบออกไปยืนโบกเรียก
“หยุด...หยุดรถให้ชั้นอาศัยไปด้วยที...หยุด”
ผกาพยายามโบกมือเรียกให้จอด แต่รถคันนั้นกลับขับส่ายไปมาเหมือนคนขับไม่มีสติประคองและไม่มีอาการ จะหยุด ผกาเห็นท่าไม่ดีจะวิ่งหนีแต่ไม่ทันรถพุ่งเข้ามาชนจนเธอล้มลงไปหมดสติ
รถจอดเอี๊ยดไอ้อ๊อดเด็กหนุ่มวัยไม่เกิน 18 ลงมาหน้าตากึ่มๆ เห็นคนถูกชนก็ตกใจ
“ซวยแล้วกู…ตายมั้ยวะเนี่ย..พี่อ่ำ…พี่อ่ำลงมาดูเร็ว”
ประตูข้างคนขับเปิดออกชายที่ชื่ออ่ำลงจากรถหน้าตาเมากึ่มเป็นชายวัยกลางคนนุ่มห่มจีวรแบบพระสงฆ์
“โธ่เว้ย...ข้าบอกเอ็งแล้วไงไอ้อ๊อด เหล้าข้าเอ็งห้ามแตะ”
“โธ่ จะให้ชั้นนั่งดูพี่กินเหล้าเฉยๆ ได้ไง ชั้นเห็นพี่ทั้งกินทั้งทิปนักร้องมาตั้งแต่ในเมืองแล้วนะ”
“เอ็งไม่ต้องย้อนข้า ดูสิว่ามันตายรึยัง”
อ๊อดเข้าไปเอามือแตะจมูกผกา
“ยังพี่”
“เอามันขึ้นรถพาไปที่กระท่อมก่อน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าแล้วจะซวย”
อ๊อดรีบเข้าไปช่วยประคองผกาพาไปขึ้นรถแล้วพากันออกไป
ที่อนามัย บัวทองนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงโดยมีคำปันนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงอย่างเป็นห่วง ระหว่างนั้นดาราเดินเข้ามา
“บัวทองเป็นยังไงบ้างคะน้าคำปัน”
“หมอว่าปลอดภัยแล้ว แต่คงต้องให้นอนพักดูอาการก่อน”
“น้าคำปันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กลับไปพักที่บ้านก่อนดีมั้ยคะ ทางนี้เดี๋ยวดาราจะดูแลให้”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์ แต่น้าไม่อยากทิ้งบัวทองไปไหน”
“ก็ได้ค่ะ เอ่อ…น้าคะ ก่อนที่วีรบุรุษบาปจะไปเขาฝากสร้อยเส้นนี้ให้บัวทอง เขาบอกว่าจะช่วยปกป้องคุ้มครองบัวทองได้”
คำปันมองพระร่วงนั่งเนื้อเหล็กดำในมืออาจารย์ดาราแล้วนิ่งไป ดาราเห็นอาการหนักใจของคำปันก็ตัดสินใจพูดความจริงให้เธอหายกังวล
“น้าคำปันคะ…ไม่ใช่น้าคนเดียวหรอกค่ะที่รู้ความจริงว่าวีรบุรุษบาปเป็นใคร”
“อาจารย์รู้ด้วยเหรอคะ”
ดารายังไม่ยอมพูดอะไรต่อแต่ได้เข้าไปสวมสร้อยพระร่วงนั่งให้บัวทองก่อนจะหันมาบอกคำปัน
“ดาราเคยพยายามขอร้องให้เขามอบตัวแล้วค่ะ แต่ไม่เคยสำเร็จเลยเพราะเขาย้ำอยู่ตลอดเวลาว่าทางเดียวที่จะหยุดวีรบุรุษบาปได้ก็คือ…ความตาย”
คำปันฟังดาราบอกแล้วตกใจ
ขุนเดชอยู่ในโบสถ์วัดเกาะน้อย คำปันเข้ามาถามขุนเดชด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“หมายความว่าวันนี้เธอโกหกน้าใช่มั้ยขุนเดช เธอไม่ได้คิดจะเดินเข้าคุก แต่เธอคิดจะไปสู้กับยงยุทธเพื่อให้เขาฆ่าเธอ” ขุนเดชนิ่ง คำปันเข้าไปเขย่าให้ตอบ “บอกน้ามาสิขุนเดช”
“ครับน้า โทษที่ผมได้รับแค่ติดคุกมันน้อยเกินไป ในเมื่อผมก็เหมือนพวกคนบาปที่ผมฆ่า เมื่อวันที่ผมต้องวางมือความตายเท่านั้นจึงเหมาะสมที่สุด”
“ขุนเดช”
“น้าเห็นแล้วว่าผมเป็นต้นเหตุให้บัวทองต้องถูกยิง กี่ครั้งแล้วที่ผมทำให้บัวทองเดือดร้อน แล้วยังพวกชาวบ้านอีก ผมไม่ใช่วีรบุรุษอย่างที่เขาสรรเสริญ แต่ผมคือคนบาป”
“งั้นน้ากับอาจารย์ดาราต้องนับวันรอดูเธอตายใช่มั้ย”
“ครับ…หนทางข้างหน้าของผมมีแต่ความตายเท่านั้น” คำปันอึ้งสะเทือนใจน้ำตาไหลร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบหมดแรงยืน ขุนเดชต้องเข้าไปช่วยประคอง “ผมขอโทษนะครับ ผมอยากจะกตัญญูตอบแทนบุญคุณน้า แต่ผมคงไม่มีโอกาส เพราะผมคงต้องตอบแทนบุญคุณกตัญญูต่อบรรพบุรุษก่อน”
ขุนเดชกอดน้าคำปันอย่างเสียใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2
ขุนเดช ตอนที่ 18 (ต่อ)
วันต่อมาที่กระท่อมกลางป่าของอ่ำ แท้จริงแล้วไอ้อ่ำก็คือพระปลอม อ่ำแต่งตัวแบบชาวบ้านทั่วไปนั่งมองผกาที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่ในกระท่อม สายตาของอ่ำโลมเลียไปทั่วตัวผกาเลียริมฝีปากอย่างหื่น
“นางฟ้านางสวรรค์ตกลงมาจากฟ้ารึเปล่าวะเนี่ย...ขาวถูกใจไอ้อ่ำซะจริง”
อ่ำลูบไล้แขนของผกาทำให้เธอรู้สึกตัวสะดุ้งตื่นตกใจ
“ถอยไปนะ...แกเป็นใคร...แล้วชั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ใจเย็นๆ จ้ะคนสวย ถามรัวเป็นชุดแบบนี้ตอบไม่ทันเลย”
ผกาเห็นสายตาที่อ่ำมองเธออย่างโลมเลียก็รีบเอามือปิดหน้าอกหน้าใจ
“แก…แกใช่มั้ยที่ขับรถชนชั้น”
“บอกว่าชั้นขับรถชนคนสวยเนี่ยไม่ถูกนะจ๊ะ คนสวยเองนั่นแหละที่อยู่ๆ ก็โผล่มาขวางทางรถชั้น ว่าแต่คนสวยหนีใครมาเหรอ”
“แกรู้ได้ยังไง” ผกาถามอย่างสงสัย
“โถๆๆ กลางค่ำกลางคืน เนื้อตัวมอมแมมมายืนโผล่กลางถนนแบบนี้ ใครก็เดาได้”
“ชั้นจะหนีใครมามันไม่เกี่ยวกับแก…ถอยไป”
ผกาจะลุกออกไปจากกระท่อมแต่เจ็บขาจะล้ม ร้องเจ็บ
“คนสวยยังบาดเจ็บอยู่นะจ๊ะ ชั้นว่าพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ให้หายดีก่อนดีกว่า”
ผกามองอ่ำอย่างไม่ค่อยไว้ใจระหว่างนั้นไอ้อ๊อดเข้ามาตาม
“พี่อ่ำ…ได้เวลาทำงานแล้ว”
“รู้แล้ว” อ่ำหันมาบอกผกา “อยู่ที่นี่เถอะนะจ๊ะคนสวย รับรองว่าปลอดภัยแน่นอน แต่ถ้าคนสวยยังรู้สึกไม่ปลอดภัยล่ะก็…” อ่ำยื่นมีดพกให้ “เก็บเอาไว้ป้องกันตัวนะจ๊ะ ชั้นขอตัวไปทำงานก่อนล่ะ”
อ่ำยิ้มหวานให้ผกาแล้วเดินตามไอ้อ๊อดไป ผกามองตามอย่างสงสัย
ทางด้านประดับ ประดับอาการดีขึ้นมาอีกระดับหนึ่งพอจะขยับตัวได้มากขึ้น
“รู้ตัวมันแล้วเหรอ”
“ครับนาย มันชื่อไอ้ซ้อน พนมเพลิง เป็นพวกมือปืนรับจ้าง”
“งั้นก็ลากคอมันมาให้ชั้น”
“ไม่ทันแล้วล่ะครับนาย ไอ้ซ้อนถูกเก็บตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
“ว่าไงนะ”
ประดับหันมาสีหน้าเจ็บใจ ระหว่างนั้นกำนันบุญเดินเข้ามา
“ชื่อเสียงของไอ้ซ้อนผมพอรู้จัก ฝีมือมันดีแต่ข้อเสียของมันอยู่ที่ผู้หญิง นังผกามันคงใช้เสน่ห์หว่านล้อมจนไอ้ซ้อนตายใจ จากนั้นก็ฆ่าปิดปาก”
“แล้วกำนันตามเจอตัวผการึยัง”
“ผมให้ลูกน้องออกตามแกะรอยแล้ว คิดว่าไม่นานหรอกครับ นังผกามันต้องชดใช้สิ่งที่ทำไว้กับคุณประดับแน่”
“อย่าให้ชั้นรอนานล่ะ…อ้อ...แล้วอีกอย่าง” ประดับหยิบโทรเลขยื่นให้กำนัน “อาจารย์ก้องเกียรติ โทรเลขมาบอกแล้วว่าโลหะวัตถุโบราณศักดิ์สิทธิ์ชิ้นต่อไปที่ต้องตามหาคืออะไร กำนันไปจัดการหามาให้ชั้นด้วย”
กำนันบุญรับโทรเลขจากประดับมาดูแล้วสนใจ
“ธรรมจักรสัมฤทธิ์”
ผกาสงสัยว่าอ่ำเป็นใครเลยแอบตามพวกมันมาจากกระท่อมจนถึงโบสถ์ร้างที่มีต้นไม้ขึ้นรกครึ้มดูวังเวงน่ากลัว แต่ที่หน้าโบสถ์กลับมีพวกชาวบ้านเกือบสิบคนมารุมล้อมพากันเข้าไปในโบสถ์
“ใจเย็นๆ ไม่ต้องแย่งกัน รับรองว่าพระอาจารย์จักรจะช่วยแก้กรรมให้ทุกคนได้แน่นอน”
อ๊อดออกมาบอกและเมื่อพวกชาวบ้านทยอยเข้าไปในโบสถ์จนหมดอ๊อดก็จัดการปิดประตูโบสถ์ ผกาตามมาแอบดูที่รอยแยกประตูอย่างอยากรู้อยากเห็น สิ่งที่เห็นทำให้ผกาถึงกับตกใจ
ภายในโบสถ์อ่ำนุ่มห่มจีวรเป็นพระสงฆ์ให้พวกชาวบ้านมากราบไหว้อย่างหลงเชื่อว่าเป็นพระจริงๆ
“เอาล่ะๆ อาตมารู้ว่าพวกโยมตั้งใจมาเพื่อขอให้ช่วยให้หมดทุกข์หมดโศก แต่ต้องทีละคนนะ...เอ้า…โยมคนนั้นก่อน ชื่ออะไร”
“อิชั้นชื่อศรีค่ะพระอาจารย์”
“ขยับเข้ามาใกล้ๆ พระอาจารย์จะได้ช่วยตรวจกรรมให้”
หญิงชาวบ้านขยับเข้าใกล้ ระหว่างนั้นไอ้อ๊อดก็อุ้มเอาธรรมจักรโบราณเนื้อสัมฤทธิ์โลหะวัตถุโบราณมาตั้งตรงหน้า
“เอามือแตะที่ธรรมจักรพร้อมๆ กับอาตมานะ แล้วก็ตั้งจิตอธิฐานขอให้เห็นกรรมที่ทำใน ชาตินี้ และเห็นภพภูมิที่จะไปเมื่อตายแล้ว”
หญิงชาวบ้านเอามือแตะที่ธรรมจักรพร้อมกับอ่ำทั้งคู่หลับตานิ่งเงียบไปครู่ ท่ามกลางพวกชาวบ้านที่พนมมือ ชะเง้อคออยากรู้อยากเห็น ครู่หนึ่งหญิงชาวบ้านก็ตกใจร้องกรี๊ดดดด ผงะออกมาอย่างตื่นตระหนก
“น่ากลัว...น่ากลัวเหลือเกินค่ะพระอาจารย์”
“อาตมาเห็นเหมือนที่โยมเห็นแล้ว โยมเคยเป็นแม่เล้าคุมซ่อง บังคับหญิงสาวค้าประเวณี เคยทำคุณไสยใส่ผู้ชาย เพื่อให้เขารักเขาหลง ภาพไฟอันร้อนลุ่มที่โยมเห็นก็คือภพภูมิที่โยมจะต้องเจอหลังจากที่โยมตาย”
“แต่อิชั้นไม่อยากตกนรกค่ะพระอาจารย์”
“งั้นก็ต้องทำบุญเยอะๆ” อ่ำพูดไปก็หันไปพยักหน้าให้ไอ้อ๊อดเอาขันทองมาวางตรงหน้า “อาตมาออกธุดงค์แก้กรรมให้ชาวบ้านเพราะจิตศรัทธาต่อพุทธศาสนา ถ้าโยมร่วมถวายปัจจัยเพื่อช่วยให้อาตมานำไปสร้างวิหารกรรมที่เคยทำจากร้ายจะกลายเป็นดี ยิ่งวิหารของอาตมาใหญ่โตมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยให้พวกโยมพ้นจากนรกขึ้นสู่สวรรค์…สาธุ”
หญิงชาวบ้านได้ฟังก็ไม่รอช้ารีบเอาเงินทองที่ติดตัวมาร่วมทำบุญใส่ขันทองคำ พวกชาวบ้านคนอื่นก็รีบหยิบ เงินทองสร้อยคอ แหวนและของมีค่ามาร่วมใส่ขันทำบุญ อ่ำกับไอ้อ๊อดพากันอมยิ้มชอบใจ
ผกาแอบดูอยู่หน้าโบสถ์ได้เห็นทุกอย่างก็อดแปลกใจไม่ได้ก่อนจะนึกออก
ก่อนหน้านี้อ่ำกับไอ้อ๊อดเคยเอาธรรมจักรสัมฤทธิ์ไปขายให้กำนันบุญแต่กำนันบุญไม่สนใจ
“ไอ้ของอย่างนี้ข้าไม่รับซื้อไว้หรอก เก็บไว้ก็รกบ้าน เอ็งเอากลับไปเถอะ”
“แต่ช่วยชั้นซื้อหน่อยเถอะจ้ะพ่อกำนัน ไปขุดกรุมาหวังจะเจอพระงามๆ อย่างที่พ่อกำนันชอบแต่ก็ไม่มีเลย เจอแต่ธรรมจักรสัมฤทธิ์อันนี้อันเดียว”
“ก็บอกว่าไม่เอาไง…หรือเอ็งอยากให้ข้าต้องกระทืบเอ็งก่อนเอ็งถึงจะยอมออกไปจาก บ้านข้า...หา ไอ้อ่ำ”
“แต่ธรรมจักรสัมฤทธิ์นี่ไม่ธรรมดาเลยนะจ๊ะ”
“รำคาญเว้ย…ไอ้นะ ไอ้เน…มาลากตัวมันออกไป”
ไอ้นะเข้ามาลากตัวอ่ำ ส่วนไอ้เนก็อุ้มธรรมจักรพาออกไปด้วยกัน ระหว่างนั้นผกาเดินเข้ามาสงสัย
“มีเรื่องอะไรเหรอจ๊ะพี่กำนัน”
“ไอ้พวกขุดกรุกิ๊กก๊อกเอาของไม่มีราคามาขายน่ะ”
ผกามองตามแต่ไม่ใส่ใจอะไรมากนัก
ที่บ้านกำนันบุญ ประดับหันมามองหน้ากำนันบุญ
“ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าธรรมจักสัมฤทธิ์ที่พวกมันเอามาขายจะเป็นโลหะโบราณศักดิ์สิทธิ์เลยไม่ได้สนใจ”
“งั้นกำนันก็ต้องรีบไปตามเอากลับมา ระหว่างที่ชั้นต้องกลับไปจัดการธุระที่กรุงเทพฯ”
“ได้ครับคุณประดับ”
“ไอ้เบิ้ม แกอยู่ที่นี่ คอยช่วยกำนัน ได้ธรรมจักรมาเมื่อไหร่รีบเอาไปให้ชั้นทันที”
ที่หน้าอนามัย ยงยุทธเดินเข้ามาพร้อมกับจ่าแท่นเจอพยาบาลที่หน้าทางเดิน
“บัวทองรู้สึกตัวแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ”
ยงยุทธขอบคุณพยาบาลแล้วจะเดินเข้าไปแต่หยุดแล้วหันมาที่จ่าแท่น
“ผมว่าผมเข้าไปคนเดียวดีกว่า จ่าอยู่เฝ้าข้างนอกนี่แหละ”
“แต่ผมช่วยคุยกับหลานผมได้นะครับหมวด”
“ถ้าบัวทองฟังจ่าจริงๆ ก็คงไม่หนีไปช่วยไอ้หมอนั่นจนได้รับบาดเจ็บหรอก”
“โธ่หมวด”
“รออยู่นี่แหละ”
ยงยุทธเดินต่อไป จ่าแท่นยืนหน้าเซ็ง
ขณะนั้นคำปันค่อยๆ ป้อนน้ำให้บัวทอง
“ค่อยๆ กินนะลูก”
คำปันดูแลบัวทองอย่างเป็นห่วง ระหว่างนั้นยงยุทธเดินเข้ามา
“ขอโทษที่เข้ามารบกวนนะครับ ได้ยินว่าบัวทองรู้สึกตัวแล้วเลยอยากจะมาเยี่ยม”
“เชิญค่ะผู้หมวด หมอว่าบัวทองปลอดภัยแล้วพักอีกสักวันสองวันก็คงจะให้กลับบ้านได้”
“ดีใจด้วยนะที่เธอปลอดภัย”
“ขอบคุณค่ะหมวด แต่บัวทองว่าหมวดคงไม่ได้ตั้งใจมาเยี่ยมบัวทองอย่างเดียวหรอก หมวดอยากจะมาถามบัวทองเรื่องวีรบุรุษบาปใช่มั้ยคะ”
ยงยุทธนิ่งไปครู่
“ไอ้หมอนั่นบอกชั้น บอกแม่เธอว่าจะมามอบตัว แต่มันกลับหายหัว”
“เขาอาจจะตั้งใจมามอบตัวจริงๆ แต่ในเมื่อพวกมันยังไม่ถูกกำจัดให้หมดไป เขาก็ไม่สามารถละทิ้งหน้าที่ของเขาได้”
ระหว่างนั้นยงยุทธหันไปเห็นสีหน้าคำปันดูเป็นกังวลจนผิดสังเกต
“น้าคำปันครับ”
“เอ่อ…คะหมวด”
“ไอ้หมอนั่นเคยบอกน้าคำปันว่าอยากจะวางมือ แล้วตอนที่มันพาบัวทองมาที่นี่น้าได้เจอมันรึเปล่าครับ”
“เอ่อ…เจอค่ะ”
“แล้วมันได้พูดอะไรกับน้ารึเปล่าครับ”
“เอ่อ…คือ…”
คำปันมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจเรื่องขุนเดชเป็นวีรบุรุษบาปจนดูมีพิรุธ
ดารากับขุนเดชกำลังเข้ามาเยี่ยมบัวทองแต่เห็นจ่าแท่นรออยู่ที่หน้าอนามัย
“อ้าว…ขุนเดช…อาจารย์ มาเยี่ยมบัวทองกันเหรอครับ”
“ค่ะ แล้วจ่าล่ะคะมายืนทำอะไรตรงนี้”
“รอผู้หมวดคุยกับบัวทองอยู่น่ะครับ”
“คุยอะไรกับบัวทองเหรอคะถึงต้องให้จ่ามารอข้างนอก”
“แหม...คือ…ที่จริงจะเรียกว่าคุยก็ไม่ถูกนัก เรียกว่าสอบปากคำเรื่องที่บัวทองถูกยิงมาจะดีกว่าครับ เอาเป็นว่าอาจารย์กับขุนเดชรออยู่แถวนี้ก่อน เดี๋ยวหมวดเสร็จธุระแล้วผมจะ ให้เข้าไป”
ดารากับขุนเดชหันมามองหน้ากันสีหน้าไม่ดี
ดารามาคุยกันขุนเดชอย่างเป็นกังวล
“น้าคำปันอยู่ข้างในกับยงยุทธ ถ้าบัวทองถูกสอบปากคำเรื่องเธอ น้าคำปันจะต้องบอกความจริงว่าเธอคือวีรบุรุษบาปแน่...ขุนเดช ชั้นว่าเธอรีบหนีไปเถอะ ชั้นจะช่วงถ่วงเวลาไว้ให้”
“ไม่…ผมไม่ไป”
“ทำไมล่ะขุนเดช”
“ผมได้พูดกับน้าคำปันไปหมดแล้วว่าหน้าที่ของผมคืออะไร ที่เหลือก็อยู่ที่น้าคำปันคนเดียวว่าจะเห็นด้วยกับผมรึเปล่า”
ดาราอึ้งไประหว่างนั้นยงยุทธเข้ามาพร้อมเรียกขุนเดชเสียงจริงจัง
“ขุนเดช” ยงยุทธเดินตรงเข้ามาทำเอาดาราใจเต้นไม่เป็นส่ำ “ชั้นมีเรื่องต้องคุยกับแก”
“ยงยุทธ…คือ..” ดาราจะพูดแต่ยงยุทธรีบห้าม
“เรื่องนี้ผมไม่อยากให้คุณมายุ่งด้วย”
“ได้”
ขุนเดชบอก ยงยุทธมองขุนเดชแล้วพากันเดินออกไปด้วยกัน ดาราใจเสียเป็นกังวล
ที่โบสถ์ร้างกลางป่า จีวรพระที่อ่ำใส่หลอกชาวบ้นถูกถอดกองอยู่ที่พื้น ส่วนอ่ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดชาวบ้านธรรมดานั่งนับเงินและของมีค่าในขันทองอย่างสบายอารมณ์
“เที่ยวนี้ได้เงินเยอะจริงๆ เลยเว้ย สงสัยต้องปักหลักอยู่ที่นี่ยาวแล้วมั้งไอ้อ่ำ ฮ่าๆๆ”
“ที่แท้แกมันก็ไอ้พวก 18 มงกุฏ”
ผกาเดินเข้ามา อ่ำชะงัก
“คนสวย มาป้วนเปี้ยนอะไรที่นี่ ชั้นบอกให้อยู่แต่ในกระท่อมไม่ใช่เหรอ”
“พฤติกรรมแกมันน่าสงสัยจนชั้นอดไม่ได้ที่ต้องแอบตามาดู ไม่งั้นชั้นคงไม่รู้หรอกว่าแกทำมาหากินอะไร”
“ชั้นไม่ใช่ 18 มงกุฎ ชั้นแค่ใช้ประโยชน์ปาฎฺหาริย์ของธรรมจักรสัมฤทธิ์นั่นหาประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง”
“ธรรมจักรสัมฤทธิ์เก่าๆ สนิมจับเขรอะแบบนั้นน่ะเหรอ แกอย่ามาโกหกชั้นหน่อยเลย”
“ชั้นพูดจริงนะคนสวย ธรรมจักรสนิมเขรอะนั่นทำให้เห็นกรรมและเห็นภพภูมิหลังความตายจริงๆ ถ้าไม่เชื่อคนสวยจะลองดูก็ได้ จะได้รู้ว่าคนสวยเคยทำกรรมอะไรไว้บ้าง และพอตายแล้วจะได้ลงนรกหรือขึ้นสวรรค์”
อ่ำท้ายทายผกาที่มีสีหน้าไม่แน่ใจเพราะยังไม่เชื่อ ระหว่างนั้นชาวบ้านคนหนึ่งถือมีดพร้าเข้ามาท่าทางเอาเรื่อง
“อย่างนี้นี่เอง นึกแล้วไม่ผิดว่าแกมันก็แค่ไอ้พวกลวงโลก”
“ฉิบหายแล้ว”
อ่ำตกใจวิ่งหนีชาวบ้านที่ปรี่เข้ามาเอามีดพร้าไล่ฟัน พอตั้งตัวได้ก็รีบไปคว้าปืนจ่อ
“อย่านะเว้ย พวกเอ็งยอมให้เงินข้าเอง ข้าไม่ได้บังคับซะหน่อย”
ชาวบ้านเจ็บใจหันไปคว้าตัวผกาแล้วเอามีดจ่อคอ
“งั้นข้าจะเอานังนี่แลกกับเงินที่เอ็งหลอกข้าไปไอ้มารศาสนา”
ชาวบ้านลากตัวผกาออกไปด้วยกัน
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
“เวรแล้วไง”
อ่ำรีบตามออกไป
ชาวบ้านพาตัวผกาออกมาหน้าโบสถ์โดยเอามีดจ่อคอไว้
“ปล่อยชั้นนะไอ้บ้า...ชั้นไม่ใช่พวกมัน...ชั้นไม่รู้จักไอ้โล้นนั่นด้วย”
“อยู่เฉยๆ พวกข้าสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะมัน ยังไงวันนี้ก็ต้องเอาคืน”
ชาวบ้านจะเล่นงานผกา แต่ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น...เปรี้ยง อ่ำตามออกมาจัดการยิงชาวบ้านจนล้มลงแต่ยังไม่ตาย อ่ำเลยตามเข้ามาเอาปืนจ่ออย่างโหดเหี้ยม
“จะเอาคืนเหรอ...ได้...แต่ไม่ใช่เงินนะ ลูกปืนนี่ต่างหาก”
เปรี้ยง ๆๆๆ อ่ำกระหน่ำยิงอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตาผกา แล้วมันก็เล็งปืนไปที่ผกาต่อ
“นี่...หันปืนไปนะ”
“ชั้นเก็บปืนแน่ ถ้าเธอรับปากว่าจะไม่เอาเรื่องของชั้นไปโพนทนาให้พวกชาวบ้านรู้...ว่าไง”
ผกายังไม่ทันจะตอบระหว่างนั้นไอ้อ๊อดรีบเข้ามา
“พี่อ่ำ...พี่อ่ำ...แย่แล้วพี่”
“อะไรของเอ็งวะ”
“ชั้นเพิ่งได้ข่าวมา ไอ้กำนันบุญมันส่งลูกน้องไปค้นบ้านเรากระจุยเลย พวกมันอยากได้ธรรมจักรสัมฤทธิ์ของเราน่ะพี่”
“ข้าเคยเอาไปขายมันแล้ว แต่มันบอกไม่อยากได้นี่หว่า แล้วทำไมอยู่ๆ มันถึงได้ กระเหี้ยนกระหือรืออยากได้ขึ้นมา”
“ชั้นว่าชั้นรู้นะ ว่าทำไมกำนันบุญถึงต้องการธรรมจักรสัมฤทธิ์ของแก”
ผกาบอก อ๊อดกับอ่ำมองหน้ากันอย่างงงๆ แต่สีหน้าของผกากลับยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม
ขุนเดชพายงยุทธมาที่กระท่อม พอมาถึงขุนเดชมองยงยุทธอย่างแปลกใจ
“แกสงสัยว่าน้าคำปันจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของวีรบุรุษบาป”
“ใช่…แต่น้าคำปันไม่ยอมพูดความจริงกับชั้น”
“ทำไมเขาถึงไม่พูด”
ยงยุทธนิ่งไปเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
คำปันตัดสินใจบอกยงยุทธเรื่องวีรบุรุษบาป
“วีรบุรุษบาปเขาบอกน้าว่าเขามีทางเลือกอยู่แค่ 2 ทาง ทางหนึ่งคือสู้กับพวกคนใจบาปจนตาย อีกทางคือต้องสู้กับหมวดจนตาย เพราะเขาจะไม่ยอมติดคุกเด็ดขาด”
“แต่มันจะตัดสินโทษตัวมันเองไม่ได้”
“ไม่มีใครไปเปลี่ยนความคิดเขาได้อีกแล้วค่ะหมวด”
“แม่จ๊ะ…แม่พูดเหมือนกับว่าแม่รู้จักเขา” บัวทองถามขึ้นมา คำปันนิ่งไป
“น้าคำปันรู้จักเขารึเปล่าครับ” ยงยุทธถาม แต่คำปันยังนิ่ง “น้าครับ ถ้าน้ารู้น้าก็ต้องช่วยเหลือราชการ”
“น้า…น้า…น้าไม่รู้”
คำปันตัดใจโกหกพร้อมกับน้ำตาไหลพรากอย่างเสียใจจนบัวทองตกใจ
“แม่”
“ผมไม่เชื่อ…ผมคิดว่าน้ารู้แต่น้ากำลังปกป้องมัน…บอกผมมาเถอะครับน้า วีรบุรุษบาปเป็นใคร”
“น้าไม่รู้ค่ะหมวด”
ยงยุทธพยายามเขย่าตัวคำปันถามจนบัวทองต้องร้องขอ
“พอเถอะค่ะหมวด…แม่ไม่รู้หรอกค่ะ…บัวทองขอร้อง”
ยงยุทธตัดใจหยุดเค้นถามด้วยความอึดอัดใจ
“ก็ได้ครับ ผมจะไม่ถามน้า เพราะผมพอจะรู้แล้วว่าคนที่น้าพยายามปกป้องคือใคร”
ยงยุทธหุนหันออกไปทันที
ยงยุทธชี้หน้าขุนเดช
“น้าคำปันเขาปกป้องแก เพราะเขารักแกเหมือนลูก”
“แกเลยคิดว่าชั้นคือวีรบุรุษบาป”
“แล้วมันใช่มั้ยล่ะไอ้ขุนเดช” ยงยุทธขึ้นเสียงดังพร้อมชกใส่หน้าขุนเดชอย่างแรงจนขุนเดชเซล้มเลือดกบปาก
“วันนี้ชั้นจะพิสูจน์ความจริงว่าแกคือวีรบุรุษบาป” ยงยุทธเข้าไปคว้าดาบดำของขุนเดชมาชักออกจากฝัก แต่ก็เป็นเพียงแค่ดาบดำหักเท่านั้น “ดาบดำที่แกใช้ฆ่าคนอยู่ไหน” ขุนเดชไม่พูดอะไรเอาแต่เงียบ ยงยุทธกระชากคอเสื้อมาชักอีกที
“ชั้นถามว่าแกซ่อนดาบดำไว้ที่ไหน”
“ถ้าชั้นเป็นวีรบุรุษบาปจริงอย่างที่แกสงสัย งั้นแกก็ฆ่าชั้นให้ตายไปเลยดีกว่า เพราะน้าฃคำปันก็บอกแล้วว่าวีรบุรุษบาปไม่ยอมติดคุกแต่จะยอมตายสถานเดียว”
“แก…ไอ้ขุนเดช”
ยงยุทธเจ็บใจเหวี่ยงขุนเดชกระเด็นแล้วบุกเข้าไปในกระท่อมขุนเดชทันที
ยงยุทธเข้ามารื้อค้นกระท่อมไปทั่ว เปิดตู้ออกมารื้อข้าวของ รื้อที่นอน รื้อทุกอย่างที่ขวางหน้าแต่ไม่พบอะไร ข้าวของกระจุยกระจาย
ยงยุทธออกมาที่หน้ากระท่อมค้นต่อที่เตาเผา ค้นที่กองฟืนและค้นอีกหลายจุดแต่ก็ไม่เจอเลยเดินกลับมาที่ขุนเดชซึ่งยังปากแตกเลือดซิบ ด้วยอารมณ์โกรธแค้น
“ถ้าวีรบุรุษบาปอยากให้ชั้นฆ่ามันให้ตายแทนโทษติดคุก และถ้าชั้นพิสูจน์ได้ว่า มันคือแก...”
ยงยุทธพูดได้แค่นั้นก้อนสะอื้นก็จุกคอพูดต่อไม่ได้
“แกจะฆ่ามันใช่มั้ย...” ขุนเดชถามขึ้นมา
“ใช่...ชั้นจะฆ่ามัน”
“ดี เพราะถ้าชั้นเป็นวีรบุรุษบาปจริง ชั้นก็คงดีใจมากที่ได้ตายด้วยน้ำมือแกมากกว่าน้ำมือโจร”
ยงยุทธกำหมัดแล้วเดินออกไปทิ้งขุนเดชยืนเลือดกบปาก
ขุนเดชเดินเซเจ็บจนจุกเข้ามาที่ริมลำธารแล้วกวักน้ำล้างหน้าล้างคราบเลือดที่ถูกยงยุทธชก ขุนเดชมองเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำก่อนจะล้วงมือลงไปหยิบดาบดำขึ้นมาจากใต้ผืนน้ำ ชักดาบดำของวีรบุรุษบาปออกมามองด้วยแววตามุ่งมั่น
“ชั้นจะรอวันที่ได้ตายด้วยน้ำมือของแก…ไอ้เพื่อนรัก”
อ่านต่อหน้าที่ 3
ขุนเดช ตอนที่ 18 (ต่อ)
ที่คฤหาสน์ของปราชญ์ คุณหญิงดื่มไวน์ตอนกลางวันแสกๆ หน้าเครียดจนหมอง ระหว่างนั้นปารมีเดินเข้ามา
“คุณแม่คะ”
“ยัยปา นี่แกดีขึ้นแล้วเหรอถึงได้ลงมาเนี่ย”
“ค่ะคุณแม่…ถ้าไม่ได้เพราะคุณแม่ช่วยหยุดไม่ให้ปากินยาของไอ้ประดับ ป่านนี้ปาคงนอนเน่าตายอยู่บนเตียงแน่”
“เห็นแกดีขึ้นแม่ก็สบายใจ”
คุณหญิงดึงปารมีเข้ามาโอบกอดปลอบใจ
“แม่คะ ไอ้ประดับมันแว้งกัดครอบครัวเราแบบนี้ เราจะปล่อยให้มันตักตวงผลประโยชน์จากเราไม่ได้อีกแล้ว เราต้องจัดการมันนะคะ”
คุณหญิงนิ่งไปหน้าเครียดพยายามปฏิเสธ
“เรื่องนั้นไว้แม่จะหาทางจัดการเอง”
“ทำไมต้องรอด้วยคะ” ปารมีถามอย่างสงสัย คุณหญิงหน้าเครียดไม่ทันตอบระหว่างนั้นคนใช้เข้ามา
“คุณหญิงคะ คุณประดับกลับมาแล้ว”
“ไอ้สารเลวโผล่หัวมาแล้วเหรอ ดี…ปาจะไปสั่งสอนมันเองค่ะคุณแม่”
“อย่านะยัยปา…แกอย่าไปยุ่งกับมัน”
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณแม่ มันทำร้ายปาเหมือนไม่ใช่คน ปามีวิธีจัดการมันแบบที่มันไม่ทันจะได้รู้ตัว คุณแม่รอดูปาจัดการมันเถอะ”
ปารมีรีบออกไป คุณหญิงหน้าเครียดเป็นห่วงลูก
ปารมีเดินออกมาเห็นประดับที่เพิ่งกลับเข้ามา ปารมีหันไปคว้ามีดปอกผลไม้ใกล้ๆ แล้วซ่อนไว้ข้าง หลังก่อนจะตีหน้าเศร้ารีบวิ่งไปหาประดับ
“พี่ประดับคะ…พี่ประดับ”
“คุณปา”
“ปาคิดถึงพี่ประดับจังเลย คิดถึงอ้อมกอดของพี่ที่สุด”
ปารมีเข้าไปกอดไปซบออเซาะสุดฤทธิ์
“คุณปาลุกจากเตียงมาได้ยังไง หายดีแล้วเหรอครับ”
“ปายังไม่หายดีหรอกค่ะ แต่ปาทนคิดถึงพี่ไม่ไหวแล้ว ปาอยากให้พี่พาปาออกไปจากที่นี่ ปาไม่อยากอยู่กับพ่อที่เป็นบ้า อยู่กับแม่ขี้เมาอีก”
“ผมบอกคุณปาแล้วไง เราจะยังไปไหนไม่ได้”
“รอๆๆๆ…พี่มีแต่ให้ปารออย่างเดียว ปารอจนเบื่อแล้วนะ ปาคิดถึงพี่ อยากให้พี่รู้ว่าปารักพี่ อยากกอดพี่ อยากจูบพี่ นะคะขอให้ปาได้ชื่นใจที่รักของปาให้หายคิดถึงหน่อย”
ปารมีเริ่มใช้เสน่ห์ยั่วยวนเข้าไปกอดรัดนัวเนียสุดฤทธิ์จนประดับเคลิ้มตามที่เธอตั้งใจ เธอจึงแอบเอามีดที่ซ่อนไว้ ออกมาหมายจะแทง แต่ประดับกลับจับข้อมือเธอไว้..หมับ
“คิดว่าไอ้ลูกไม้ตื้นๆ แค่นี้ของคุณปาจะทำอะไรผมได้เหรอ”
ประดับจับปารมีบิดมือจนมีดหลุด ปารมีร้องเจ็บ ประดับมองเธอหน้าเหี้ยม
ปารมีถูกประดับตบอย่างแรงจนกระเด็นเข้ามาในห้องล้มลงบนเตียง คุณหญิงที่อยู่ในห้องตกใจ
“หยุดนะประดับ อย่าทำลูกสาวชั้น”
ประดับหันขวับแล้วชี้หน้าคุณหญิง
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละคุณหญิง ถ้าเข้ามายุ่งล่ะก็ คุณหญิงรู้อยู่แล้วว่าต้องเจออะไร”
คุณหญิงชะงักหน้าเสีย ปารมียิ่งร้องขอความช่วยเหลือ
“คุณแม่…คุณแม่ช่วยปาด้วย”
คุณหญิงอ่ำๆ อึ้งๆ ไม่กล้า ประดับเลยยิ่งยิ้มเยาะอย่างได้ใจ
“ฉลาดดีมากคุณหญิง รู้จักรักษาหน้าตัวเองเอาไว้แบบนี้ เวลาออกไปไหนมาไหนจะได้ไม่ต้องหาปี๊บมาคลุมหัว”
“หมายความว่ายังไงคะคุณแม่ มันทำอะไรคุณแม่คะ คุณแม่ถึงต้องยอมฟังมัน”
คุณหญิงไม่ยอมพูดเอาแต่ก้มหน้าก้มตาหางตาไปมองที่ซองเอกสารบนโต๊ะเครื่องแป้ง ประดับยิ้มร้ายเดินไป หยิบซองเอกสารมา
“อย่านะประดับ ชั้นยอมเธอทุกอย่างแล้ว อย่าให้ลูกชั้นดู”
“แต่ลูกสาวคุณหญิงควรจะดูไว้ จะได้จำใส่กะโหลกว่าคุณหญิงที่สูงส่งเวลามั่วกับผู้ชายแล้วเป็นยังไง”
ประดับเอาภาพถ่ายจากในซองเอกสารโยนให้ปารมีดู ปารมีเห็นภาพนั้นแล้วก็ตกใจ
“คุณแม่”
คุณหญิงเบือนหน้าหลบ น้ำตาไหลอาบสองแก้มอย่างเจ็บใจ ในขณะที่ประดับหัวเราะอย่างสะใจ
ประดับเข้ามาในห้องเก็บสมบัติชื่นชมโลหะศักดิ์สิทธิ์โบราณ คุณหญิงตามมาด้วยสายตาโกรธแค้น
“ชั้นบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าให้ลูกสาวชั้นรู้”
“ช่วยไม่ได้ คุณหญิงเป็นแม่แต่กลับปล่อยให้ลูกสาวมาทำร้ายผัวตัวเอง แม่ยายแบบนี้ ผมไม่ปลื้ม”
“แก…ไอ้สารเลว”
คุณหญิงปรี่เข้าไปจะตบ แต่ประดับจับมือไว้แล้วบีบอย่างแรง
“จำไว้นะคุณหญิง อย่าได้คิดต่อกรกับผมอีก ไม่งั้นคราวหน้า คนที่จะต้องไปนอนให้ไอ้พวกนั้นมันปู้ยี้ปู้ยำจะเป็นคุณปา”
ประดับผลักคุณหญิงจนกระเด็นแล้วจ้องหน้าขู่
“คนอย่างแกอย่าหวังว่าจะได้ยิ่งใหญ่ แกเป็นได้ก็แค่ไอ้ผีเปรต ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด บาปกรรมที่แกทำจะตามจัดการแก”
“บาปกรรมน่ะเหรอ...หึๆๆ กลัวซะที่ไหน...ไป”
ประดับไล่ตะเพิดเสียงดัง คุณหญิงรีบออกไปอย่างเจ็บใจและทำอะไรไม่ได้
อีกด้านหนึ่งที่โรงพักยงยุทธกำลังถวายพวงมาลัยไหว้พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่ขุนเดชให้มาไว้บูชาที่ห้องทำงานบนโรงพัก ระหว่างนั้นจ่าแท่นเข้ามายืนดูยงยุทธสีหน้าค่อนข้างกระอักกระอ่วนใจ
“มาแล้วเหรอจ่า ตกลงเรื่องที่ผมให้ไปดูว่ายังไง พอมีช่องทางที่จะทำให้น้าคำปันบอกความจริงเรื่องวีรบุรุษบาปรึเปล่า”
จ่าแท่นไม่กล้าสบตายงยุทธ
“ผมพยายามแล้วครับหมวด...แต่ว่า...”
“จ่า ถึงน้าคำปันจะเป็นน้องสาวจ่า แต่ถ้าเขารู้ความจริงแล้วไม่ยอมบอกเรา เท่ากับเขาไม่ช่วยเหลือราชการนะ”
“โธ่หมวดครับ...ผมก็อยากทำหน้าที่ของผมนะครับ แต่ผมว่าถ้าจะไปถามอะไรคำปันตอนนี้ คงไม่เหมาะแล้วล่ะครับ”
“ทำไมล่ะจ่า”
คำปันตัดสินใสนุ่งขาวห่มขาวบวชชีพราหมณ์ปฏิบัติธรรมที่วัดเกาะน้อย ขุนเดชยืนมองคำปันที่ปฏิบัติธรรมสวดมนต์อยู่หน้าพระประธาน โดยมีบัวทองพนมมือสวดมนต์อยู่ใกล้ๆ
ดาราเดินเข้ามาหาขุนเดชพร้อมกับพูดขึ้นมา
“ที่น้าคำปันตัดสินใจมาอยู่วัดถือศีลปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด น้าเขาทำเพื่อเธอนะขุนเดช เขาอยากให้บุญกุศลที่เพียรทำช่วยแบ่งเบาบาปของเธอ”
“ผมเข้าใจ และก็ขออนุโมทนาด้วย แต่บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาปยังไงผมก็หยุดทำบาปไม่ได้จนกว่าพวกมันจะถูกตัดสินโทษจนหมด”
“ขุนเดช”
ขุนเดชบอกดาราแล้วเดินออกไป ดารามองตามอย่างเป็นห่วง
ขุนเดชมาที่ถ้ำศิลา เมื่อเข้ามาในถ้ำขุนเดชเดินเข้ามากราบพระศิลา พนมมือเพ่งมองพระศิลาที่ไร้เศียร ระหว่างนั้นบัวทองตามเข้ามา แต่ขุนเดชรู้
“ตามพี่มาทำไมเหรอบัวทอง”
“ชั้นมีของจะมาคืนพี่จ้ะ” บัวทองเอาสร้อยคอพระร่วงนั่งเนื้อเหล็กดำยื่นให้ขุนเดช “ตอนที่ชั้นยังไม่รู้สึกตัวอยู่อนามัย แม่บอกว่าพี่เอาสร้อยคอพระร่วงนั่งที่เคยปกป้องคุ้มครองลุงเดื่องมาให้ชั้นใส่เพื่อให้คุ้มครองชั้นให้พ้นจากอันตราย”
“บัวทองไม่ต้องเอามาคืนพี่หรอก เอาไว้บูชากับตัวนั่นแหละ”
“แต่นี่เป็นพระเครื่องของพ่อพี่”
“พ่อของพี่ได้มอบพระเครื่องนี้ให้น้าคำปันเพราะเป็นผู้หญิงที่พ่อรัก วันนี้พี่ก็ทำเหมือนพ่อ”
บัวทองชะงักมองหน้าขุนเดช
“พี่ขุนเดช”
ขุนเดชเข้าไปรับสร้อยคอจากมือบัวทองมาแล้วอ้อมไปสวมให้ที่คออย่างทะนุถนอม บัวทองถึงกับน้ำตาคลอเบ้า
“พี่อยากให้บัวทองรู้ไว้นะว่าทุกครั้งที่พี่เห็นบัวทองเจ็บพี่ยิ่งเจ็บกว่าหลายเท่า”
บัวทองร้องไห้น้ำตาไหลอาบสองแก้ม
“พี่ขุนเดช…ชั้น…ชั้น” บัวทองปล่อยโฮหันมาซบอกขุนเดชร้องไห้สะอื้นเสียใจ ขุนเดชนิ่งไปครู่ก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นมาจะโอบกอดบัวทอง แต่เธอกลับผละจากอกเขาซะก่อน “ชั้นขอโทษนะจ๊ะพี่…ชั้นรู้ว่าพี่เป็นห่วงชั้น และรู้ว่าพี่…รักชั้น…แต่ว่า…หัวใจ ของชั้นได้ให้วีรบุรุษบาปไปหมดแล้ว”
“ทั้งๆ ที่เขาผลักไส ทำให้บัวทองเสียใจ บัวทองก็ยังไม่เลิกรักเขาอีก”
“ไม่จ้ะพี่…ต่อให้เขาทำร้ายหัวใจของชั้นมากแค่ไหน แต่พอเกิดเรื่องกับเขา วินาทีนั้นชั้นไม่คิดอะไรอีกนอกจากขอให้เขาได้ทำหน้าที่ของเขาต่อ” ขุนเดชนิ่งงันไปมองบัวทองที่น้ำตาอาบแก้มอย่างเสียใจ “ยิ่งแม่ยกโทษให้เขาแล้วหันมาปฏิบัติธรรมเพื่อให้บุญกุศลช่วยรักษาชีวิตเขาไว้ ชั้นก็ยิ่งรักเขาหมดหัวใจ พี่ขุนเดชจะโกรธ จะเกลียดชั้นยังไงก็ได้ เพราะชั้นมันไม่รักดีที่พลีหัวใจให้โจร”
ขุนเดชนิ่งไม่ตอบเบือนหน้าไปทางอื่นไม่มองเธอ บัวทองเลยปาดน้ำตาแล้วเดินออกไปทิ้งขุนเดชให้ยืนหนักใจต่อหน้าพระศิลาไร้เศียร
อีกด้านหนึ่งที่บ้านกำนันบุญ กำนันบุญหันกลับมาหัวเสียใส่ลูกน้อง
“หมายความว่ายังไงที่พวกเอ็งหาตัวไอ้อ่ำไม่เจอ”
“ชั้นแทบจะค้นบ้านทุกหลังในหมู่บ้านที่มันอยู่แล้วจ้ะพ่อกำนัน แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าไอ้อ่ำ มันหายหัวไปไหน”
“แล้วเมียมันล่ะ” ไอ้นะกับไอ้เนนิ่งไปมองหน้ากันเลิ่กลัก “อย่าบอกนะว่าพวกเอ็งไม่ได้ไปสืบจากเมียมัน”
“เมียมันมีตั้งหลายคนจ้ะพ่อกำนัน…เอ่อ..แต่ว่าเดี๋ยวพวกเราจะรีบไปสืบจากทุกคนเลย”
“โธ่เว้ย ไอ้พวกโง่เอ้ย ไม่ต้องมาบอกข้า รีบไป”
แต่พวกลูกน้องยังไม่ทันจะออกไป เบิ้มก็เข้ามา
“พวกเอ็งไม่ต้องไปให้เสียเวลาหรอก ข้าไปสืบมาให้เรียบร้อยแล้ว ไอ้อ่ำไม่ได้อยู่กับบรรดาเมียๆ ของมัน แต่มันส่งเงินมาให้พวกเมียมันใช้อู้ฟู้ทุกเดือน”
“อย่างไอ้อ่ำเนี่ยนะจะไปทำมาหากินอะไรถึงส่งเงินให้เมียมันได้ทีละมากๆ”
“มันใช้ประโยชน์จากธรรมจักรสัมฤทธิ์ โลหะวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่เรากำลังตามหาอยู่ไงกำนัน”
กำนันบุญหรี่ตามองเบิ้มที่เอาเรื่องของไอ้อ่ำมาบอกอย่างสนใจ
ที่กระท่อมกลางป่า อ่ำมีสีหน้าหยิ่งผยองไม่หวั่นเกรงอยู่หน้ากระท่อม
“ถ้าไอ้กำนันบุญมันคิดจะมาแย่งธรรมจักรของข้าไปล่ะก็ ฝันไปเถอะ…ต่อให้มันเอาเงินมากองให้ข้า ข้าก็ไม่สน”
“แต่กำนันบุญมันมีลูกน้องเยอะแยะนะพี่ ชั้นว่ามันคงไม่มาขอซื้อจากพี่หรอก มันจะมาปล้นเอาล่ะไม่ว่า”
“หึ..ถ้าคิดจะสู้กับข้า ข้าก็ไม่กลัวหรอกเว้ย ข้ามั่นใจว่าฝีมือข้ารับมือพวกมันได้สบาย”
“ชั้นได้ยินมาเยอะแล้ว อวดเก่งแบบนี้ทุกคน พอถึงเวลาก็กลายเป็นผีเฝ้าป่าหมด”
อ่ำหันไปมองผกาอย่างไม่พอใจ
อ่ำกระชากแขนผกาพาเข้ามาในกระท่อมแล้วผลักเธอจนล้มลงไปหน้าธรรมจักรสัมฤทธิ์
“แกจะทำอะไรชั้นน่ะ…อย่าเข้ามานะ”
ผกาชักมีดพกที่อ่ำให้ไว้ออกมาขู่
“คิดจะใช้มีดนั่นจัดการชั้นเหรอ...มาเลย…ชั้นจะยืนเฉยๆ ให้คนสวยแทงเล่น”
“แก” ผกาปรี่เข้าไปจ้วงแทงแต่ถูกอ่ำจับมือมาบิดจนมีดหลุดจากมือส่วนผการ้องเจ็บ “โอ๊ย…ปล่อยชั้นนะ ชั้นเจ็บ”
“อยากให้ชั้นปล่อยเธอเหรอ เห็นทีจะยากนะคนสวย ชั้นให้ไอ้อ๊อดมันไปสืบเรื่องเธอมาแล้ว ตอนนี้เธอกำลังถูกกำนันบุญตามล่า ถ้าชั้นถูกไอ้กำนันบุญมันเล่นงานจนจวนตัวชั้นก็ยังมีเธอเป็นข้อแลกเปลี่ยน”
“คนอย่างกำนันบุญไม่เสียเวลาเจรจากับไอ้พวกสิบแปดมงกุฎอย่างแกหรอก”
อ่ำจับบิดแขนผกาอย่างแรง
“ชั้นเป็นนักบุญไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฏ เพราะชั้นช่วยให้พวกที่ชอบทำบาปแต่ไม่อยากตกนรกหลงคิดว่าตัวเองจะได้ขึ้นสวรรค์”
“แกอยากได้อะไรจากชั้น ชั้นจะให้ทุกอย่าง แต่อย่าส่งตัวชั้นให้กำนันเลย ชั้นขอร้องล่ะ”
“แน่ใจเหรอว่าแกจะให้ชั้นได้ทุกอย่าง”
“ชั้นรู้ว่าแกอยากได้อะไรจากชั้นมากที่สุด เชื่อชั้นเถอะว่าถ้าแกไม่ทำรุนแรงกับชั้น รับรองว่าแกจะต้องชอบใจแน่”
ผกาส่งสายตายั่วยวนใช้เสน่ห์หลอกล่อ อ่ำถึงกับนิ่งมองผกาหัวจรดเท้าด้วยสายตาโลมเลีย
ยงยุทธเดินออกมาจากวัดเกาะน้อยแล้วถอนใจ
“เป็นไงบ้างครับหมวด” จ่าแท่นเข้ามาถาม
“ผมคงไม่รบกวนน้าคำปันเขาแล้วล่ะจ่า”
“ผมขอโทษแทนน้องสาวผมด้วยนะครับหมวด”
“ช่างเถอะ ว่าแต่จ่าตามผมมามีเรื่องอะไร”
“มีชาวบ้านมาร้องเรียนให้เราไปตรวจสอบเรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับพวกต้มตุ๋นหลอกลวงครับหมวด”
“แปลกยังไงจ่า”
สิ่งที่จ่าแท่นบอกทำให้ยงยุทธต้องมาที่แคมป์โบราณคดีเพื่อปรึกษาเรื่องนี้กับดารา
“ธรรมจักรสัมฤทธิ์โบราณเหรอ”
“ใช่ มีชาวบ้านร้องเรียนมาว่ามีคนปลอมเป็นพระใช้ธรรมจักสัมฤทธิ์โบราณหลอกลวง ชาวบ้านว่าสามารถมองเห็นเวรกรรมแล้วให้ร่วมทำบุญเพื่อจะได้ไม่ต้องตกนรก”
“คือหมวดเขาสงสัยว่าไอ้พวกนี้จะเป็นพวกลักลอบขุดกรุด้วยครับ เพราะมีข้อมูลถูกส่งมาว่าธรรมจักรสัมฤทธิ์ที่พวกต้มตุ๋นมันใช้จะเป็นโบราณวัตถุที่ถูกขโมยมา” จ่าแท่นบอก
“ชาวบ้านที่มาร้องเรียนบอกว่ามีคนพยายามจะเปิดโปงพวกมันแต่ก็หายตัวไป คิดว่าน่าจะถูกเก็บไปแล้ว หนำซ้ำยังมีคนหลงเชื่อพวกมันมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย” ดาราฟังแล้วสีหน้าสงสัยครุ่นคิดบางอย่างจนยงยุทธอยากรู้ “มีอะไรเหรอดารา”
“ชั้นว่าถ้าเธออยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คนที่น่าจะให้คำตอบได้น่าจะเป็นขุนเดช”
ยงยุทธกับดารามาหาขุนเดชที่กระท่อม
“ถ้าเป็นอย่างที่เล่ามา ก็คงจะเป็นธรรมจักรสัมฤทธิ์ วงล้อแห่งกรรมและดวงตายมบาล ที่ผมเคยเล่าให้คุณฟัง”
ขุนเดชหันมาบอกดารา
“ชั้นจำได้..ตามตำนานว่ากันว่าในสมัยโบราณมีคณะฑูตสงฆ์มุ่งหน้าจาริกแสวงบุญ พร้อมนำธรรมจักรสัมฤทธิ์ไปเผยแพร่คำสอนของพระพุทธองค์ แต่ระหว่างทางถูกโจรฆ่าตายทั้งคณะ เพราะต้องการสัมฤทธิ์ไปหลอมทำอาวุธ”
“ใช่…แต่สิ่งอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเมื่อธรรมจักรสัมฤทธิ์ไม่หลอมละลายแม้จะอยู่ในกองเพลิง ถึง 7 วัน 7 คืน และเมื่อผู้ใดสัมผัสพร้อมจิตอธิษฐานผู้นั้นจะมองเห็นกรรม”
“ฟังดูแล้วน่าสนใจดีนะขุนเดช ถ้ามองเห็นกรรมล่วงหน้าจะได้เร่งทำบุญแล้วลดละกรรมจะได้ไม่ต้องตกนรก” จ่าแท่นบอก
“แต่ผมไม่เชื่อหรอกจ่าว่าการทำบุญแล้วจะล้างบาปได้ บุญก็ส่วนบุญบาปก็ส่วนบาป”
“ยงยุทธพูดถูก ไม่มีใครหนีคำว่ากงกรรมกงเกวียนพ้น และตำนานก็ไม่ได้หมดแค่นั้น เพราะการมองเห็นกรรมไม่ใช่เรื่องของมนุษย์ สุดท้ายโจรพวกนั้นแม้จะไม่ยังไม่ถึงที่ตาย แต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น”
“หมายความว่ายังไงน่ะขุนเดช”
“ลองให้อาจ่าเห็นภาพการลงโทษทรมานคนตกนรกต่อหน้าต่อตาทุกวัน อาจ่าคิดว่าจะทนดูได้มั้ยครับ”
จ่าแท่นฟังแล้วนึกตามก็สะดุ้งโหยงขนลุกขนพอง
“หูยยย…ไม่เอาหรอก สยองขวัญ”
ที่กระท่อมกลางป่าผกาลุกจากที่นอนสวมเสื้อผ้าจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทางหลังจากเสร็จกามกิจกับอ่ำเรียบร้อย แล้วหางตาผกามองอ่ำอย่างหยามเหยียด
“ชั้นไม่เข้าใจจริงๆ ว่าไอ้กำนันบุญมันไม่เสียดายรึไงถึงได้คิดตามฆ่า เธอถึงอกถึงใจพระเดชพระคุณแบบนี้ เป็นชั้นไม่ปล่อยให้หลุดมือไปให้ชายอื่นแน่”
อ่ำบอก ผกาแอบเบ้ปากแล้วตีหน้ายิ้ม
“เพราะไอ้กำนันมันโง่ไง”
“แต่ชั้นไม่โง่นะจ๊ะผกา ถ้าเธอรับปากว่าจะไม่คิดทรยศชั้น ชั้นจะช่วยปกป้องเธอจากไอ้กำนันเอง แล้วชั้นก็จะเลี้ยงดูเธออย่างดี”
ผกานิ่งคิดอยู่ครู่ก่อนจะหันมาเอามือลูบหน้าอ่ำอย่างยั่วยวน
“ชั้นรู้ว่าผู้ชายแข็งแกร่งอย่าง เธอช่วยดูแลชั้นได้ ชั้นถึงยอมไง”
“แน่นอน…ชั้นน่ะแข็งแกร่งที่สุดในสุโขทัยแล้ว มามะมาให้ชื่นใจต่อ”
“ไว้ก่อนเถอะ ชั้นเหนียวตัวไปหมดแล้ว ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ”
ผการีบเดินออกไปเพราะขยะแขยงอ่ำเต็มทน อ่ำอมยิ้มชอบใจได้ครู่ก็ได้ยินเสียงหวีดร้องโหยหวนเจ็บปวด ทรมานดังแว่วมาจากข้างนอก
“เสียงใครวะ”
ที่หน้ากระท่อม ไอ้อ๊อดที่แอบซุ่มดูอ่ำกับผกาอยู่นอกระท่อมเห็นผกาเดินออกมาก็รีบทำเป็นมองโน่นนี่นั่น
“นี่แกแอบดูชั้นเหรอ”
“ดู?..ดูอะไร...ปละ...เปล่านะ”
“โกหกก็ขอให้แกตาบอดเถอะ…เชอะ”
ผกาเดินออกไปทางน้ำตกไอ้อ๊อดมองตามแล้วเลียริมฝีปากระหว่างนั้นอ่ำเดินออกมา
“ไอ้อ๊อด”
“จ๊ะพี่อ่ำ”
“ข้าบอกให้เอ็งดูลาดเลาแถวนี้ให้ดีไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมข้าถึงได้ยินเสียงคนร้องโหวกเหวกอยู่แถวนี้”
“เสียงคนร้อง…จากไหนพี่ ชั้นไม่เห็นได้ยินอะไรเลย”
“เอ็งหูหนวกกเหรอไงวะ ข้ายังได้ยินอยู่เลยเนี่ย ร้องโหยหวนเหมือนถูกเชือดเนี่ย”
ไอ้อ๊อดพยายามเงี่ยหูฟังแต่ก็ยังไม่ได้ยินอะไร
“ชั้นไม่ได้ยินจริงๆ นะพี่ สงสัยพี่จะโดนคุณผกาปรนเปรอซะหนำใจจนหูฝาดได้ยินแต่ เสียงร้อง...โอ้ว…อ้า…อู้วววว์”
“ไอ้เวรเอ้ย…ล้อเลียนข้าเหรอวะ”
อ่ำถีบโครม แล้วหันไปคว้าอีดาบที่เหน็บข้างฝาเดินออกไป ไอ้อ๊อดเจ็บจนจุก
อ่ำถืออีดาบเดินเข้ามาตามเสียงร้องโหยหวนที่ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
“เฮ้ย…ใครวะ…ออกมานะเว้ย แหกปากร้องอยู่ได้ ข้าหนวกหู”
อ่ำพยายามมองหา แต่เสียงกรีดร้องเจ็บปวดก็ยิ่งดังเป็นเสียงร้องของชายหนุ่มหญิงสาว
“ช่วยด้วย…กลัวแล้ว…ไม่เอาแล้ว...ช่วยด้วย”
“พอแล้ว...ไม่เอาแล้ว...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
เสียงยิ่งดังจนอ่ำยิ่งโมโห
“โธ่เว้ย...ร้องเจ็บปวดอยู่นั่นแหละ ข้าเจอพวกเอ็งเมื่อไหร่ ข้าจะเอามีดเสียบให้หายทรมานเลย”
อ่ำหน้าตาเอาเรื่องรีบเดินตรงไปยังที่มาของเสียง แต่พอเดินเข้าไปได้ไม่เท่าไหร่อ่ำก็ต้องตกใจถึงกับผงะเมื่อเห็นภาพของวิญญาณบาปของชายหนุ่มหญิงสาว 5-6 คนถูกนักการยมบาลนุ่งโจงกระเบนสีแดงตัวดำหน้าตาถมึงถึงน่ากลัวใช้แหลกแหลมทิ่มแทงชายหนุ่มหญิงสาวที่กำลังปีนต้นไม้ บางส่วนก็ถูกเฆี่ยนตีด้วยแส้จนเลือดสาดไปทั้งตัวร้องโหยหวนทรมาน
อ่ำเห็นภาพตรงหน้าก็ตกใจถึงกับพูดไม่ออก เพราะมันคือการลงโทษวิญญาณบาปในนรก อ่ำรีบถอยหลังวิ่ง หนีแต่ก็ผงะเมื่อเจอนักการยมบาลมายืนขวางทางจ้องมันเขม็ง
“ดูไว้ซะไอ้คนบาป...เอ็งตายเมื่อไหร่...เอ็งก็จะโดนแบบนี้”
อ่ำร้องเหวอตกใจรีบวิ่งหนีหน้าตั้ง
สิ่งที่ขุนเดชเล่าทำให้จ่าแท่นยังขนลุกไม่หาย
“หมวดครับถ้าธรรมจักรสัมฤทธิ์แสดงปาฏิหาริย์ได้แบบนั้น ผมว่าปล่อยให้พวกมันเห็นความสยดสยองไปเถอะครับ รับรองเดี๋ยวมันก็ต้องเป็นบ้าตายไปเอง”
“ไม่ได้หรอกจ่า เรื่องนั้นเป็นแค่ตำนานเล่ากันมา เรายังพิสูจน์ไม่ได้ แต่ธรรมจักรสัมฤทธิ์ถือเป็นสมบติของชาติที่เราต้องตามกลับคืนมา”
“ครับหมวด”
“ขอบใจมากนะขุนเดชที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับธรรมจักรสัมฤทธิ์ ชั้นจะรีบไปตามกลับคืนมาก่อนที่...” ยงยุทธ มองหน้าขุนเดชเขม็ง “จะมีคนอื่นมาตัดหน้าชั้นไปอีก...ไปได้แล้วจ่า”
ยงยุทธเดินออกไป จ่าแท่นรีบตาม ดารามีสีหน้าเป็นกังวลรีบหันมาที่ขุนเดช
“ผมรู้แล้วล่ะว่าเขาหมายถึงวีรบุรุษบาป”
“งั้นปล่อยให้ยงยุทธเขาจัดการไปคนเดียวแล้วกัน”
“ไม่ได้หรอกดารา ผมมีลางสังหรณ์ว่าธรรมจักรสัมฤทธิ์จะเป็นโลหะวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่พวกไอ้กำนันบุญกำลังตามหาอยู่”
ดาราชะงักไปใจคอไม่ดีทันที
ผกามาอาบน้ำที่น้ำตก เธอแช่น้ำล้างเนื้อล้างตัวเป็นการใหญ่
“สกปรกโสโครกที่สุด อย่าหวังว่าชั้นยอมให้แกแตะเนื้อต้องตัวชั้นอีกเลยไอ้บ้า...ยี้” ผกาเอาสบู่มาถูตัวเป็นการใหญ่ ก่อนจะรู้สึกว่าสะอาดดีแล้วก็หันมาทำหน้าร้ายกาจ “หึ...อย่างแกมันก็แค่หมารับใช้ที่ชั้นจะใช้ให้กัดกับไอ้กำนันให้ตายไปด้วยกันนั่นแหละ”
ผกาหัวเราะร่าสะใจกับแผนการตัวเอง
ผกากลับมาที่กระท่อมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่หลังอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแต่ไม่เจอใครอยู่ในกระท่อม
“หายหัวไปไหนหมด”
ผกามองหาทั้งอ่ำกับไอ้อ๊อด แต่ไม่เห็นหัวพวกมันสักคนเหลือแต่ธรรมจักรสัมฤทธิ์ที่วางอยู่ ผกามองธรรมจักรสัมฤทธิ์ด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
“ธรรมจักรสัมฤทธิ์…ช่วยให้มองเห็นกรรมงั้นเหรอ” ผกาเดินเข้าไปใกล้มองธรรมจักรสัมฤทธิ์อย่างสนใจ “ถ้าเป็นจริงอย่างที่มันว่า ก็ขอดูหน่อยเถอะว่าชั้นจะได้ไปเสวยสุขที่สวรรค์ชั้นไหน”
ผกาตัดสินใจเอื้อมมือไปแตะที่ธรรมจักรแล้วหลับตาอธิษฐานจิต
ภาพที่ผกาเห็นเป็นภาพตัวเองตอนเป็นเด็กสาววัยประมาณ 15-16 เนื้อตัวมอมแมมเดินอิดโรยเพราะหิวข้าวมายืนมองแม่ค้าขายข้าวแกงรถเข็นด้วยสายตาน่าสงสาร
“อ้าวนังผกา…หิวข้าวเหรอ”
“จ้ะป้า”
“เฮ้อ…แม่เอ็งคงขลุกอยู่แต่ที่บ่อนล่ะสิ มา…หิวก็มากิน เดี๋ยวจะเป็นลมไปซะก่อน” แม่ค้าตักข้าวแกงราดข้าวให้ ผการับไปกินอย่างมูมมาม ข้าวเลอะเต็มปาก “ค่อยๆ กิน เดี๋ยวก็คิดคอตายหรอก แล้วเอ็งก็ไม่ต้องกลัวอดตายหรอก วันไหนไม่มีข้าวกินก็มาหาข้า เข้าใจมั้ย”
“จ้ะป้า”
ผการับคำแต่สายตากลับมองแต่ที่สร้อยคอทองคำเส้นเล็กๆ ของแม่ค้าอย่างสนใจ
คืนนั้นหลังจากพ่อค้าแม่ค้าเก็บข้าวของหมดแล้วเหลือแม่ค้าใจดีคนเดิมกำลังหาของอยู่ที่พื้น
“หายไปไหนนะ...เจ้าประคู้น ถ้าหายไปจริงๆ ก็ขอให้คนใจดีเก็บได้แล้วเอามาคืนด้วยเถอะ อิชั้นมีสมบัตติดตัวแค่ชิ้นเดียว” แม่ค้ามองหาต่อระหว่างนั้นเห็นผกามาด้อมๆ มองๆ เลยเรียกไว้ “นังผกา…เอ็งเป็นสาวเป็นแส่ตาดีๆ มาช่วยข้าหาสร้อยทองข้าหน่อยสิวะ ไม่รู้ข้าทำตกหายไปตอนไหน”
“เอ่อ...ชั้น...ชั้นไม่ว่างจ้ะป้า”
ผกาจะรีบไปแต่แม่ค้าเข้าไปคว้าแขนไว้
“เดี๋ยวสิวะ ช่วยข้าก่อน”
“ไม่...ชั้นไม่ช่วย”
ผกาพยายามแกะมือแม่ค้าแล้วสะบัดแต่ทำให้สร้อยทองที่กำไว้ในมือหลุดตกพื้น แม่ค้าเห็นเข้าก็ตกใจ ผการีบ เก็บทันที
“นังผกา…นั่น…นั่นมันสร้อยของข้า”
“ไม่ใช่…ชั้นเจอมันตกที่อื่น”
“ทำไมจะไม่ใช่ นั่นมันสร้อยของข้า ข้าจำได้ เอ็งคิดจะขโมยเหรอ”
“ชั้นเปล่าขโมยนะ”
“ข้าจะไปบอกตำรวจให้เขามาลากคอเอ็งเข้าคุก นังหัวขโมย”
แม่ค้าจะรีบไปบอกตำรวจ ผกาเห็นท่าไม่ดีรีบหันไปผลักรถเข็นขายของให้พุ่งใส่แม่ค้าทันที แม่ค้าถูกรถเข็นชนจนล้มลงไปกับพื้นเจ็บจนลุกไม่ขึ้น
“นังผกา…นี่เอ็งกล้าทำร้ายข้าเหรอ ข้าให้ข้าวเอ็งกินแต่เอ็งกลับมาอกตัญญูข้า ตายไปเอ็งต้องตกนรก”
“หุบปากไปเลยอีแก่ ชั้นไม่ให้แกไปเรียกตำรวจมาจับชั้นหรอก”
ผกาหันไปหยิบก้อนอิฐที่พื้นขึ้นมาชูเหนือหัว แม่ค้าเห็นเข้าก็ตกใจ
“อย่านะอีผกา..อย่า...อย่า!”
แม่ค้าร้องเสียงหลง ผกาใช้ก้อนอิฐทุบหัวแม่ค้าจนเลือดสาด
ผกาสะดุ้งโหยงผละออกมาจากธรรมจักรสัมฤทธิ์แล้วหน้าเสียเหงื่อแตกพลั่ก
“ไม่จริง..เป็นไปไม่ได้”
ผกามองธรรมจักรสัมฤทธิ์อย่างหวาดๆ ระหว่างนั้นผกาได้ยินเสียงคนอยู่ข้างนอกจึงสงสัย
อ่านต่อหน้าที่ 4
ขุนเดช ตอนที่ 18 (ต่อ)
ที่หน้ากระท่อม ไอ้นะ ไอ้เนพากำนันบุญเข้ามา
“ที่นี่น่ะเหรอที่พวกมันมากบดาน”
“จ้ะพ่อกำนัน ชั้นถามจากพวกชาวบ้านที่เคยโดนไอ้อ่ำมันปลอมเป็นพระแล้วใช้ธรรมจักรสัมฤทธิ์หลอกให้ทำบุญกับมัน มันต้องกบดานอยู่ที่นี่แน่”
“งั้นเราบุกเข้าไปจัดการมันเลย”
“เดี๋ยว…พวกเอ็งระวังตัวไว้ด้วย ไอ้อ่ำมันมีฝีมืออยู่พอตัว”
“จ้ะพ่อกำนัน”
ไอ้นะไอ้เนพร้อมลูกน้องพากันเข้าไปที่กระท่อม
ผกาผงะหน้าเสียเมื่อแอบเห็นกำนันบุญบุกมาถึงที่ ผกากลัวถูกฆ่าถอยออกมาหันรีหันขวางเอาไงดีก่อนจะ มองที่ธรรมจักรสัมฤทธิ์แล้วตัดสินใจ...ขณะนั้นไอ้นะกับไอ้เนพร้อมลูกน้องรีบพากันเข้ามาจ่อที่ประตู พวกมันพร้อมอาวุธส่งสัญญาณพังประตูเข้าไปพร้อมกัน แต่พบว่าในนั้นไม่มีใครอยู่นอกจากเสื้อผ้าของผกาที่กองทิ้งไว้
ไอ้นะไอ้เนออกมาหากำนันบุญที่หน้ากระท่อม
“ไม่มีใครอยู่ข้างในเลยจ้ะพ่อกำนัน”
“แล้วธรรมจักรสัมฤทธิ์ล่ะ”
“ไม่อยู่เหมือนกันจ้ะ แต่เราเจอนี่”
ไอ้นะเอาเสื้อผ้าของผกาให้กำนันบุญดู
“เสื้อผ้าของนังผกา? หึ…นังอสรพิษ ที่แท้ก็มาหลบอยู่กับไอ้พวกนี้เอง มันคงรู้ตัวว่ เรากำลังมา ตามล่าพวกมันให้เจอแล้วเอาธรรมจักรสัมฤทธิ์มาให้ได้ ส่วนนังผกาเอาตัวมันมาให้ข้า เพราะมันต้องตายด้วยน้ำมือข้าเอง”
กำนันบุญบอกหน้าเหี้ยม ขณะนั้นไอ้อ๊อดแอบดูอยู่ถึงกับหน้าถอดสีด้วยความตกใจ
อีกด้านหนึ่งยงยุทธเดินตามจ่าแท่นเข้ามาในป่า
“อีกไกลมั้ยจ่า”
“ไม่ไกลหรอกครับหมวด หมวดเหนื่อยแล้วเหรอครับ”
“เปล่า”
ยงยุทธหยุดเดินแล้วหางตาไปมองข้างหลังอย่างระแวงจนจ่าแท่นสงสัย
“มีอะไรผิดสังเกตเหรอครับหมวด”
“มีคนตามเรามาตลอดทาง”
จ่าแท่นตกใจจะชักปืนแต่ยงยุทธแตะมือไว้ไม่ต้อง
“ไม่ต้องหรอกจ่า…ผมรู้ว่าใคร”
“ใครครับหมวด”
“วีรบุรุษบาป”
“อ้าว…แบบนี้ก็วุ่นวายอีกแล้วสิครับ”
“ไม่หรอกจ่า…” ยงยุทธบอกแล้วหันไปตะโกนบอก “ชั้นรู้ว่าแกสะกดรอยตามชั้นมาตลอด ถ้าแกคิดจะมาตัดหน้าจัดการกับพวกโจรที่ชั้นกำลังตามจับอยู่ล่ะก็ แกเหนื่อยกว่าชั้นแน่” สิ้นคำพูด วีรบุรุษบาปก็ปรากฏตัวออกมาจากหลังต้นไม้จ้องเขม็งที่ยงยุทธ “หึ…ได้ยินมาว่า แกอยากให้ชั้นเป็นคนฆ่าแกแทนโทษติดคุก ถ้าตำนานของธรรมจักร สัมฤทธิ์ที่ชั้นได้ยินมาเป็นเรื่องจริง ชั้นก็อยากจะรู้ว่าแกจะถูกชั้นตัดสินด้วยโทษตายจากชั้นหรือจากพวกโจร”
“งั้นเราคงต้องแข่งกันไปให้ถึงก่อนแล้วล่ะผู้หมวด”
วีรบุรุษบาปรีบชิงออกไป ยงยุทธไม่รอช้ารีบวิ่งออกไปด้วยเช่นกัน เหลือจ่าแท่นยืนไม่ทันตั้งตัว
“อ้าวหมวด…รอผมด้วยสิครับ”
ในป่าขณะนั้นอ่ำถือดาบกวัดแกว่งไปมาด้วยอาการตื่นตระหนกตกใจ มองไปทางไหนก็เห็นแต่นักการยมบาลยืนจ้องเขม็งและเสียงโหยหวนของวิญญาณบาป
“ออกไป...อย่าเข้ามานะเว้ย…ออกไป…ออกไป”
อ่ำฟาดฟันไปมั่วจนเกือบโดนไอ้อ๊อดที่เข้ามาตาม
“พี่อ่ำ นี่ชั้นเอง”
“ไอ้อ๊อด”
“พี่เป็นอะไรของพี่เนี่ย ทำหน้าอย่างกับไปเจอผีมางั้นแหละ”
“ข้าไม่ได้เจอผี แต่ข้าเจอพวกวิญญาณบาปกำลังถูกทรมานต่อหน้าต่อข้า เหมือนกับข้าอยู่ในนรกยังไงอย่างนั้นเลย”
“ชั้นว่าพี่อย่ามาล้อชั้นเล่นอย่างนี้ดีกว่า”
“ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะเว้ย ข้าเห็นจริงๆ”
“ไหนล่ะ...พี่ชี้ให้ชั้นดูสิ”
อ่ำหันกลับไปมองแต่ไม่เจอแล้ว
“หายไปไหนแล้ววะ”
“เห็นมั้ย ชั้นว่าพี่ตาฝาดไปแล้ว ตอนนี้เราต้องรีบหนีก่อนแล้วล่ะพี่ พวกไอ้กำนันบุญมันตามมาเจอเราแล้ว”
“หา...พวกมันมาแล้วเหรอ”
“ใช่พี่ นังผกามันก็หนีเอาตัวรอดไปแล้ว แถมมันยังขโมยเอาธรรมจักรสัมฤทธิ์ไปด้วย”
“นังผกา”
ระหว่างนั้นเสียงปืนดังขึ้น...เปรี้ยง! ไอ้อ๊อดสะดุ้งเฮือกก้มมองหน้าอกตัวเองเลือดเต็มอก อ่ำหันไปมองจึงเห็นไอ้นะกับไอ้เนเป็นคนยิง
“มึงหนีไม่รอดหรอกไอ้อ่ำ”
อ่ำรีบฉวยโอกาสวิ่งหนีทันทีทิ้งศพไอ้อ๊อดให้นอนตายกลางป่า ไอ้นะไอ้เนรีบไล่ตาม
วีรบุรุษบาปมาถึงที่กระท่อมกลางป่าก่อนแต่ไม่เจอใคร พอจะออกมาก็เจอยงยุทธโผล่มาเล่นงาน สองคนวัดฝีมือเชิงมวยกันไปมาได้สองสามเพลงมวย เสียงปืนก็ดังเข้ามาทำให้ทั้งคู่หยุดสู้กัน ยงยุทธถีบยอดอกวีรบุรุษบาป กระเด็นทะลุฝาจากกระท่อมแล้วรีบชิงตัดหน้าไปก่อน
วีรบุรุษบาปลุกขึ้นมาจับหน้าอกที่โดนถีบมองตามยงยุทธอย่างเจ็บใจ
อ่ำวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเข้ามาหลบหลังต้นไม้อย่างเหนื่อยหอบ ระหว่างนั้นเสียงคนเดินเข้ามาข้างหลังทำให้มันระแวงหันขวับไปเจอยงยุทธยกปืนจ่อหน้า
“วางดาบแกซะ…เดี๋ยวนี้”
“ใจเย็นๆ สิครับคุณตำรวจ ผมไม่ใช่คนร้ายนะครับ”
“ชั้นรู้เรื่องแกจากชาวบ้านแล้วนายอ่ำ แกต้มตุ๋นหลอกลวงชาวบ้าน แล้วยังขโมยสมบัติของชาติมาอีก”
“โธ่เว้ย...ผมขโมยอะไรที่ไหนมาล่ะ หมวดก็เห็นทั้งตัวผมมีแค่ดาบเล่มเดียว”
“ชั้นบอกให้วางดาบ” อ่ำยอมปักดาบลงพื้นแล้วชูมือว่ายอม “ทีนี้แกก็บอกชั้นมาว่าแกเอาธรรมจักรสัมฤทธิ์ไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“ธรรมจักรสัมฤทธิ์อะไรกัน ผมไม่รู้เรื่อง อย่ากล่าวหาประชาชนแบบนี้สิหมวด”
“ทำหัวหมอเหรอ” ยงยุทธกระชากคอเสื้อมันเข้ามาจ้องเขม็ง “ถ้าชั้นลากคอแกไปให้พวกชาวบ้านเห็นว่าแกหลอกลวงอะไรเขาไว้ รับรองว่าแกได้ถูกรุมกระทืบตายแน่...จะเลือกแบบไหนเข้าคุกหรือถูกกระทืบตาย”
อ่ำหน้าเสีย
“ผม...ผมยอมแล้วหมวด”
“แกเอาสมบัติของชาติไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“ไม่ได้อยู่ที่ผม นังผกามันขโมยไปแล้ว”
“ผกา”
ยงยุทธยังไม่ทันหายสงสัยเสียงปืนดังขึ้นเปรี้ยงๆๆ จากพวกไอ้นะไอ้เนที่ไล่ตามเข้ามา อ่ำเห็นได้โอกาสเลยถีบ ยงยุทธแล้วรีบคว้าดาบวิ่งหนี ยงยุทธจะตามแต่ไอ้นะไอ้เนยังยิงใส่มาไม่ยั้งเลยต้องหลบหลังต้นไม้
ไอ้นะไอ้เนเห็นยงยุทธเงียบไปเลยพากันเข้าไปใกล้แต่ก็ถูกยงยุทธหลอกโผล่มาข้างหลังแล้วจัดการพวกมันด้วย มือเปล่าจนปืนหลุดจากมือ แล้วจึงเปิดฉากงัดเชิงมวยใส่กัน
อ่ำวิ่งหนีเอาตัวรอดมาอย่างเหนื่อยหอบ
“ขอบใจนะคุณตำรวจ รับมือพวกมันไปแล้วกัน ส่วนชั้นขอไปก่อนล่ะ” อ่ำกำลังจะเดินออกไปแต่ชะงักเพราะเจอวีรบุรุษบาปยืนขวางทาง “ใครอีกวะเนี่ย” วีรบุรุษบาปชักดาบดำออกจากฝักแล้วควงฟาดฟันอากาศ อ่ำเห็นดาบก็ตกใจนึกได้ “แก…หรือว่าแก..คือ…วีรบุรุษบาป”
“ข้า…วีรบุรุษบาป ทหารของพระร่วงเจ้า ขอตัดสินคนบาปด้วยความตาย”
วีรบุรุษบาปควงดาบปรี่เข้าใส่ อ่ำรีบยกดาบตัวเองขึ้นกันแล้วใช้ฟาดฟันต่อสู้กับวีรบุรุษบาปอย่างไม่ยอมแพ้
“ข้าไม่ใช่หมูในอวยให้แกจัดการง่ายๆ หรอกเว้ยไอ้วีรบุรุษบาป”
ขณะนั้นผกาอุ้มธรรมจักรสัมฤทธิ์หนีมาซ่อนตัวอยู่อีกด้านหนึ่งของป่า
“ไอ้บ้ากำนัน ชั้นไม่ยอมให้แกจับชั้นไปได้หรอก” ผกามองธรรมจักรสัมฤทธิ์แล้วสีหน้าครุ่นคิด “ให้ชั้นรอดออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ ชั้นจะเอาโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ประดับอยากได้ไปต่อรองกับมัน ถ้ามันอยากเป็นสัตตะโลหะบุรุษมันต้องยอมไว้ชีวิตชั้น แต่ถ้ามันไม่ยอมล่ะก็ ชั้นจะทำลายมันทิ้งซะ”
ผกายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ระหว่างนั้นเองเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมานก็ดังเข้ามา ผกาแปลกใจ
“ใครมาร้องโหยหวนอยู่แถวนี้”
“ช่วยด้วย...กลัวแล้ว...ช่วยด้วย...อ๊ากกกกกก”
“ไม่เอาแล้ว...กลัวแล้ว...เลิกแล้ว...ฮือๆๆๆๆ...กรี๊ดดดดดด”
เสียงกรีดร้องทำเอาผกาถึงกับขนลุกขนพอง รีบเดินตามเสียงไปดูแล้วก็ต้องตกใจถึงกับผงะเพราะภาพที่เห็นนั้นไม่ต่างจากที่อ่ำเห็น คือภาพนักการยมบาลกำลังทำการลงโทษทรมานวิญญาณบาปหญิงชายทั้งเอาเหล็กทิ่มแทง จับเอาน้ำมันร้อนๆ กรอกปาก เฆี่ยนตีจนเลือดอาบ
ผกาไม่เชื่อภาพตรงหน้าพยายามขยี้ตาสองสามครั้งทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม นักการยมบาลหันมาตาขวางใส่ผกา
“นรกกำลังรอเอ็งอยู่...อีวิญญาณบาป”
ผกาเหวอสุดฤทธิ์รีบถอยหนีแต่ต้องชะงักเมื่อถอยไปชนกับใครบางคน
“แก...ไม่...ไม่จริง...ไม่จริง เป็นไปไม่ได้”
ผกาอึ้งตกใจ เพราะคนที่ชนคือหญิงแม่ค้าที่ถูกผกาฆ่าตายเมื่อสมัยยังเป็นเด็กสาว แม่ค้าจ้องเขม็งมาที่ผกาอย่างน่ากลัว เลือดเต็มหน้า
ขุนเดชสู้กับอ่ำด้วยเชิงดาบฟาดฟันกันไปมา ฝีมือเชิงดาบของอ่ำรับมือวีรบุรุษบาปได้อยู่หลายเพลงดาบ แต่ถึงที่สุดแล้วก็สู้วีรบุรุษบาปไม่ได้โดนฟันที่แขน ที่ขาจนดาบหลุดมือหยิบมาสู้ต่อไม่ได้
“ยะ...ยอมแล้ว...ชั้นยอมแล้ว อย่าฆ่าชั้นเลย”
“โทษของเอ็งถูกตัดสินแล้ว กฏของทหารพระร่วงเจ้าไม่มีคำว่าอุทรณ์” ขุนเดชดวงเพลงดาบเดือนดับ
“ฟ้า...ดิน...เป็นพยาน...ดาบเดือนดับ”
ขุนเดชกำลังจะใช้ดาบเดือนดับตัดสินแต่ไอ้อ่ำร้องเสียงหลงหน้าซีดเผือดทำเอาขุนเดชชะงักสงสัย
“ไม่...อย่าเอาชั้นไป...ชั้นไม่ไป”
อ่ำถอยหนีด้วยอาการหวาดกลัวตัวสั่น เพราะที่เห็นยืนอยู่ตรงหน้าคือนักการยมบาลที่เข้ามายืนจ้องเขม็งรอเอาตัวอ่ำไปลงนรก
“ช่วยด้วย...ช่วยข้าด้วย...อยาให้พวกมันเอาตัวข้าไป...วีรบุรุษบาปเอ็งอยากได้อะไร ข้ายอมให้หมดทุกอย่างแต่อย่าให้พวกมันเอาตัวข้าไป ข้าไม่อยากตกนรก”
ขุนเดชแปลกใจมองไปทางที่อ่ำมองแต่ก็ไม่เห็นอะไร
“แกเห็นอะไร”
“นรก...นรกจะมาเอาตัวข้าไป...ข้าไม่ไป...ข้าไม่ไป”
“เอ็งเห็นนรกเหรอ นี่แสดงว่าเอ็งแตะต้องธรรมจักรสัมฤทธิ์ใช่มั้ย”
อ่ำพยักหน้ารับอย่างตื่นกลัว
“ช่วยข้าด้วย...ข้ากลัวนรก...ข้ากลัว”
“ข้าช่วยเอ็งไม่ได้หรอก...กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมตามสนอง เอ็งแตะต้องธรรมจักรสัมฤทธิ์เท่ากับเอ็งมีดวงตายมบาล เอ็งต้องเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น”
“แต่ข้าไม่อยากเห็น...ไม่เอา...ข้ากลัว...ข้าไม่อยากเห็น”
อ่ำรีบถอยหนีไปจนชนต้นไม้แล้วตัดสินใจชักมีดพกที่เหน็บเอวอยู่ขึ้นมา
“นรกทำอะไรข้าไม่ได้หรอกเว้ย ถ้าข้ามองไม่เห็นพวกเอ็ง ข้าก็ไม่ต้องกลัวพวกเอ็ง”
อ่ำชูมีดพกขึ้นมาแล้วตัดสินใจเด็ดเดี่ยว วีรบุรุษบาปมองอ่ำอย่างเวทนาพร้อมกับเสียงร้องเจ็บปวดของมันที่ดังลั่นไปทั่วป่า
“อ๊ากกกกกกกกกก” มีดในมืออ่ำตกพื้น ดวงตาของมันสองข้างถูกทิ่มแทงให้ตาบอดเลือดเต็มหน้า แต่มันยังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ข้ามองไม่เห็นนรกแล้ว...ฮ่าๆๆ...พวกเอ็งเอาตัวข้าไปไม่ได้อีกแล้ว...ฮ่าๆๆ”
“สรรพสิ่งล้วนต้องเป็นไปตามกรรม”
วีรบุรุษบาปควงดาบดำแล้วเก็บดาบคืนฝักก่อนจะเดินจากไป ขณะที่อ่ำถูกนักการยมบาลเข้ามาจิกหัวลากตัวไปตามพื้นอย่างโหดเหี้ยม
“ไม่...ข้าไม่ไป...ไม่...ไม่”
ขณะนั้นยงยุทธสู้มือเปล่ากับไอ้นะไอ้เนที่สองรุมหนึ่ง พวกมันถูกยงยุทธเล่นงานจนพลาดท่าเสียทีกระเด็นไปทางกำนันบุญที่เข้ามาเจอ
“พ่อกำนัน”
“พวกเอ็งนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ ไป...ไปตามหานังผกาแล้วเอาของที่ข้าต้องการมาให้ได้”
“จ้ะ”
ไอ้นะกับไอ้เนพร้อมลูกน้องรีบไป ยงยุทธจะตามแต่กำนันบุญก้าวมาขวาง
“ไม่เอาน่า ผมว่าหมวดไปเสียเวลาทำงานอย่างอื่นดีกว่า ปล่อยให้ทางนี้เป็นหน้าที่ผมเอง”
“กำนันเป็นข้าราชการ กินเงินภาษีของประชาชน ถามจริงๆ เถอะไม่เคยกระดากใจบ้างเหรอไง ถึงได้ทำแต่เรื่องชั่วๆ แบบนี้”
“หมวดอย่าเอาแต่กล่าวหาผมแบบนี้สิ...ถ้าผมมันเลวจริงๆ แล้วทำไมชาวบ้านถึงยังให้ผมเป็นกำนัน ทำไมเขาไม่ร้องเรียนผมล่ะ”
ยงยุทธขบกรามอย่างเจ็บใจ
“เขากลัวอิทธิพลกำนันไง”
“ไม่..เขาเรียกประชาธิปไตยต่างหากล่ะหมวด ถ้าหมวดยังไม่เข้าใจความหมายก็คงต้องกลับไปเรียนหนังสือใหม่แล้ว...ฮ่าๆๆๆ”
“ไอ้กำนัน”
ยงยุทธเจ็บใจปรี่เข้าไปเล่นงานด้วยเชิงมวย กำนันบุญยิ้มร้ายตั้งท่าเชิงมวยรอรับแล้วเปิดฉากสู้กันด้วยเชิงหมัด
อีกด้านหนึ่ง ผกาซึ่งหมดสติไปแล้วรู้สึกตัวขึ้นมาพบว่าตัวเองถูกจับมัดตัวติดอยู่กับต้นไม้
“ช่วยด้วย…ใครก็ได้ช่วยชั้นที…ช่วยด้วย”
ผการ้องเรียกแต่ไม่มีใครได้ยิน มีแต่แม่ค้าเลือดเต็มหน้าที่เดินเข้ามาพร้อมกับนักการยมบาล
“แก...อย่านะ…อย่าเข้ามา…ชั้นขอโทษ…ชั้นไม่ตั้งใจ…แล้วชั้นจะทำบุญไปให้”
หญิงแม่ค้ายังจ้องผกาเขม็งไม่พูดไม่จา ผกาพยายามดิ้นจากเชือกที่มัดแต่ก็ไม่หลุด หญิงแม่ค้าหยิบก้อนหินจากพื้นขึ้นมาแล้วปาใส่ ก้อนหินโดนหัวผกาจนหัวแตกเลือดอาบ
“โอ๊ย!...ชั้นเจ็บนะ...ปล่อยชั้นไปเถอะ...ชั้นพูดจริงๆ นะ อยากได้อะไรบอกชั้น ชั้นจะทำบุญไปให้”
หญิงแม่ค้าไม่สนใจกลับแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจเมื่อนักการยมบาลเอาชะลอมที่มีก้อนหินอยู่ข้างในมากมายมา ให้หญิงแม่ค้าเพื่อไว้สำหรับขว้างปาใส่ผกา ผกาอึ้งไปทันที
“อย่า...อย่านะ...อย่าทำกับชั้นแบบนี้ ชั้นไหว้ล่ะ อโหสิให้ชั้นเถอะ ชั้นไม่ตั้งใจทำกับป้าแบบนั้น...ชั้นจำเป็น สงสารชั้นเถอะ”
ผกาน้ำตาไหลอาบสองแก้มพยายามอ้อนวอนขอร้อง
“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง”
หญิงชราหยิบก้อนหินออกมาจากชะลอมสองกำมือแล้วปาใส่ผกาไม่หยุด ผกาถูกก้อนหินปาใส่ก้อนแล้วก้อนเล่าจนหน้าตาเต็มไปด้วยเลือดสยดสยอง
“ไม่...ไม่...ไม่”
ขณะนั้นพวกไอ้นะไอ้เนและลูกน้องกำนันบุญกำลังตามหาผกา
“เจอมั้ยวะ”
“ทางข้าไม่เจอเลย”
“อย่างนังผกามันไปไหนไม่ได้ไกลหรอก หาให้ทั่วอีกทีไม่งั้นเจอพ่อกำนันกระทืบแน่”
ทุกคนแยกย้ายกันออกไปค้นหาอีกครั้งแต่ระหว่างนั้นลูกน้องคนหนึ่งรีบเข้ามา
“จะ...เจอแล้ว”
“อยู่ไหน”
ลูกน้องสีหน้าไม่สู้ดีนักพร้อมกับชี้ทางไป ไอ้นะกับไอ้เนรีบไปตามที่มันชี้แล้วก็ต้องตกใจหน้าเหวอ เพราะภาพตรงหน้าคือผกาที่ถูกจับมัดติดกับต้นไม้แต่หน้าตาเละตุ้มเปะมีแต่เลือดเต็มหน้า เพราะถูกปาด้วยก้อนหินจนตาย แม้แต่ผู้ชายอย่างพวกไอ้เนยังต้องเบือนหน้าหนีเพราะทนดูไม่ได้
จบตอนที่ 18
ติดตามอ่านขุนเดชตอนต่อไป พรุ่งนี้