หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 8
ปราบกับนับดาวมานั่งรออยู่ที่รอเรียก พยาบาลคนหนึ่งเดินมาหา
“ขอโทษนะคะ วันนี้คุณหมอติดประชุมด่วนน่ะค่ะ”
“อ้าว เหรอครับ แล้วไง…”
“ไว้มาวันหลังใหม่นะคะ”
พยาบาล ทำหน้าไม่ดีใส่ก่อนเดินไป ปราบงง ๆ นับดาวยังทำเอ๋อๆอยู่ พยาบาลเดินกลับไปที่เคาเตอร์ มองไปทางปราบกับนับดาวแล้วซุบซิบกับพยาบาลอีกคน
“นี่ไง ยัยนับดาวที่จะให้โรงพยาบาลเราเสียชื่อ”
“อย่าไปโทษเขาเลย ต้องโทษคุณหมอหรือไม่ก็ไอ้คนที่เอาเรื่องไปบอกหนังสือพิมพ์”
พยาบาลทั้งสองก้มลงมองหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น มีรูปเบลอๆอาคารโรงพยาบาล
“ตอนนี้โรงพยาบาลชื่อดังของเรา เขาลือกันให้แซ่ดว่ารักษาคนไข้ผิดพลาดอีกแล้ว ล่าสุดแค่คนไข้หัวโนแต่คุณหมอทำให้ขาดอ๊อกซิเจนเลี้ยงสมอง ทำให้ความจำเสื่อม ระวังๆไว้ด้วยนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”
พยาบาลทั้งสองถอนใจ
ค่ำนั้น...ปราบนั่งอยู่ตรงระเบียงตามลำพัง มองไปที่ไร่ของเขา น้อยหน่าเดินออกมาหา
“พ่อคะ”
“น้อยหน่า ยังไม่นอนอีกเหรอลูก”
“หน่านอนไม่หลับค่ะ”
“เป็นอะไรไปล่ะเรา”
“เรื่องพี่ดาวน่ะค่ะ”
ปราบมองน้อยหน่าที่ทำหน้าสำนึกผิด
“หน่ารู้เรื่องหมอที่สามารถรักษาพี่ดาวได้ที่เยอรมันแล้ว”
“รู้ได้ไง ใครบอก”
“ป้ายวงเขาได้ยินที่พ่อคุยกับน้าอะซ่าอะค่ะ...พ่อคะ เราไม่มีเงินใช่ไหมคะ”
“ก็ทำนองนั้น”
“ที่พี่ดาวเป็นแบบนี้ก็เพราะหน่า...หน่าจะ...”
น้อยหน่าพูดไม่ออก ปราบหันมาจ้องหน้าลูกสาว
“หน่าคิดจะทำอะไร”
“ถ้า...หน่าจะ...ลาออกมาช่วยพ่อทำงาน หน่ารู้คะว่าหน่าคงหาเงินได้ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าให้หน่า
อยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลยแล้วให้พ่อต้องเดือดร้อนแทน หน่าก็ทนไม่ได้หรอกค่ะ”
“ถ้าลูกลาออกล่ะก็ พ่อเดือดร้อนกว่าแน่ๆ...ขอบใจมากนะหน่า พ่อดีใจที่หน่าไม่เพิกเฉยกับปัญหานี้ แต่ยังไงก็ตามหน่าเป็นลูกพ่อ นี่เป็นความรับผิดชอบของพ่อ”
ปราบกอดลูกสาวไว้
“พ่อจัดการเอง”
นับดาวอยู่ในห้องนอนโทรหาอลิสา ระหว่างโทรก็มีความรู้สึกผิดกับไม่ผิดสลับกันไปมา แต่ก็ตัดใจเดินหน้าต่อไป
“เป็นไปตามแผนค่ะน้าอะซ่า...ค่ะ พรุ่งนี้น้ามากดดันเรื่องเวลาด้วยนะคะ น้าหาเหตุผลเองละกัน ดาวคิดอะไรไม่ออกแล้ว ดาวรู้แต่ว่าดาวอยากให้มันจบลงซะที...ช่วยดาวด้วยนะคะ”
นับดาววางสาย หลับตาลง พยายามข่มใจ
วันใหม่...ปราบนั่งดูๆหนังสือหวยอยู่ ปกป้องเดินมาเจอ ถึงกับผงะ
“อย่าบอกนะว่าจะหาเงินทางนี้”
“ป้ายวงเขาหวังดีน่ะครับเลยเอามาให้ผมดูเล่นๆ”
“แต่แกจะเล่นจริงๆ”
ปราบขำส่ายหน้า โยนหนังสือทิ้ง
“ไม่หรอกครับอา ผมดูแล้วไม่เห็นมีหลักการอะไรเลย”
“ดีแล้ว จะเล่นหวย หรือเล่นบอล เล่นหุ้น อะไรก็ไม่สนับสนุน ตอนนี้เราเดือดร้อนเกินกว่าจะไปเสี่ยงกับการพนัน”
“แต่ผมยังคิดวิธีหาเงินมากๆขนาดนั้นจากไหน ไม่ได้เลยครับอา”
ทันใดนั้นมือถือปราบดังขึ้น เขาเห็นชื่อคนโทรเข้าแล้วแปลกใจก่อนจะกดรับสาย
“สวัสดีครับ...ครับ...เรื่องอะไรครับ...ครับ”
ปราบวางสายแปลกใจ
“ใครโทรมาเหรอ”
“เสี่ยไฝครับ...เขาบอกเขารู้ว่าเราร้อนเงิน เขาพร้อมจะช่วย ให้ผมไปหาเขา”
“อืม...ก็ไปสิ ดูซิว่ามันจะมาไม้ไหน เดี๋ยวอาไปเอาปืนก่อนนะ” ปกป้องรีบไปหยิบปืนทันที
ปราบไปหาเสี่ยไฝที่บ้าน เสี่ยไฝพูดถึงสิ่งที่รู้มาทันที
“ผมได้ยินมาจากผู้จัดการแบงค์ว่าคุณกำลังเดือดร้อน อยากได้เงิน”
“ในจังหวัดนี้ ไม่มีอะไรรอดหูรอดตาเสี่ยไปได้เลยนะ”
ปราบประชด เสี่ยไฝผัวเราะเบาๆ
“คุณอยากได้เท่าไหร่เหรอ”
“ยี่สิบล้าน”
“เอาไปทำอะไร”
“เรื่องของผม”
“ผมให้ยืมเอาไหม แต่ผมอยากรู้เหตุผล”
ปราบนิ่งคิดครู่หนึ่ง
“เอาไปรักษาคนที่ไร่ผม เขาป่วยหนัก ต้องส่งไปรักษาตัวเมืองนอก”
“ผมไม่ให้ยืม”
ปราบอึ้ง
“ผมให้เลย มากกว่ายี่สิบล้านด้วย แต่มีข้อแม้...สนใจไหม”
“ข้อแม้อะไรครับ”
“คุณต้องมาเป็นลูกเขยผม”
ปราบตะลึงงัน
“ผมรู้ว่าลูกสาวผมชอบคุณ ถ้าลูกผมเป็นผู้ชายและคุณเป็นผู้หญิง เรื่องคงง่ายกว่านี้ แต่ในเมื่อ
มันเป็นแบบนี้ ผมก็ขอเสนอซื้อตัวคุณตรงไปตรงมาเลยละกัน แค่ขอให้คุณเป็นสามีที่ดี ทำให้ลูกสาวผมมีความสุข แต่ถ้าวันไหนเขาเบื่อคุณ คุณต้องหย่า ส่วนเงินที่ให้วันนี้ผมก็จะไม่เอาคืน...เฮ้อ ตอนผมหนุ่มๆ ไม่เห็นมีใครมาพูดกับผมอย่างงี้เลย คุณนี่น่าอิจฉามากเลยนะ”
ปราบลุกขึ้น ทำท่าจะกลับ
“ถ้ายี่สิบล้านน้อยไป ก็เพิ่มได้ สำหรับคนอย่างคุณ ผมพร้อมจะสู้ราคา”
“ถึงคุณให้ทุกบาทที่คุณมีผมก็ไม่ตกลง ผมมาขอยืมเงินครับ ไม่ได้มาขายตัว...ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา”
ปราบจะเดินออกไป
“เดี๋ยว...หมอ คุณทำผมเสียหน้าอีกแล้วนะ”
“แล้วเสี่ยจะฆ่าผมเหรอ”
“ใช่...เหมือนเรื่องที่ดินของคุณนั่นแหละ ผมขอซื้อคุณไม่ขาย ผมไม่ว่า แต่ถ้าคุณขายคนอื่น คุณตาย”
ปราบหัวเราะ
“แปลว่าถ้าผมไปแต่งงานกับคนอื่น คุณจะฆ่าผมเหรอ”
“ใช่...ผมจะฆ่าคุณ อย่าหาว่าผมไม่มีเหตุผลนะ ผมเคยเตือนคุณแล้ว”
“คุณเคยเตือนผมให้เลิกยุ่งกับคุณเพชรสี ไม่งั้นจะเดือดร้อน”
“แล้วไงตอนนี้รู้สึกเดือดร้อนรึยังล่ะ”
ปราบพูดไม่ออก ได้แต่เดินออกไป
ปราบเดินมาที่รถ ปกป้องรออยู่ในรถ ในมือมีปืนลูกซองวางอยู่บนตัก ปราบเดินมาขึ้นรถ
“ปลอดภัยดี”
“ครับ”
ปกป้องเก็บปืน
“เขาจะให้เงินผม โดยมีเงื่อนไขบ้าๆบอๆมาด้วย แต่ผมไม่เอา คุยไปคุยมากลายเป็นขู่ผมห้ามแต่งงานซะอีก...เฮ้อ อะไรก็ไม่รู้”
“ก็กะอยู่แล้ว”
“สงสัยผมต้องขายที่แล้วล่ะครับอา”
ปราบสตาร์เครื่อง ขับออกไป
ปราบนั่งนิ่งอยู่ในมือเขามีนามบัตรใบหนึ่ง นับดาวนั่งสายตาเหม่อลอย ชายหนุ่มหันมาทางหญิงสาว
“คุณดาว คุณจำอะไรได้มั่งหรือยังครับ”
นับดาวส่ายหน้า อลิสาเดินเข้ามา
“สวัสดีครับ”
อลิสาถอนใจ
“สวัสดีค่ะคุณปราบ...น้ามีเรื่องสำคัญมาบอกค่ะ”
“เรื่องอะไรครับ”
“เราต้องรีบส่งดาวไปเยอรมันแล้วล่ะค่ะ หมอคนที่ว่าเขากำลังจะปิดคลินิกแล้วย้ายไปสอนหนังสือที่อเมริกา”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมรู้แล้วว่าผมจะหาเงินมาให้ยังไง”
“คุณปราบจะทำยังไงคะ”
“ผมจะขายที่ดินส่วนของอานิ่งน่ะครับ”
อสิสาทำตกใจแต่แววตาดีใจ
“แต่ว่า...”
“ผมตัดสินใจแล้วครับ”
“ขอบคุณคุณปราบมากนะคะ”
“ไม่ต้องขอบคุณครับ นี่เป็นเรื่องที่ผมต้องทำอยู่แล้ว ไม่นานมานี้เคยมีคนมาขอซื้อที่ผมเขาทิ้งนามบัตรให้ผมไว้”
ปราบหยิบนามบัตรมา ลังเลว่าจะโทรออกดีมั้ย นับดาวแอบลุ้น ปราบดันวางมือถือ
“อาจจะมีปาฏิหาริย์...”
ปราบยังพูดไม่จบ นับดาวก็กุมศีรษะ
“โอย ปวดหัว โอย ปวดหัวจังเลย โอย”
ปราบตกใจ
“คุณดาว เป็นอะไร”
“อยู่ๆก็ปวดหัวค่ะ หัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆอยู่แล้ว...อูย”
นับดาวค่อยๆสงบลง
“ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ จู่ๆก็ปวดจี๊ดขึ้นมา ไม่รู้จะปวดอีกทีเมื่อไหร่ เมื่อคืนก็เป็นแบบนี้ทีนึงแล้ว มันทรมานจริงๆ”
อลิสามองมาที่ชายหนุ่ม ปราบตัดใจ หยิบมือถือขึ้นมา กำลังจะกดโทรออกแต่มือถือเขาดังซะก่อน ปราบกดรับสาย
“สวัสดีครับ...ครับ...ผมเป็นพยานให้ได้ครับ…ครับ...เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณคุณหมอมากครับ”
ปราบวางสาย ถอนใจเฮือก อลิสาสงสัย
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
“หมอที่รักษาคุณดาวโทรมาน่ะครับ...เขาถูกตั้งกรรมการสอบสวนมีคนส่งบัตรสนเท่ห์ปรักปรำว่าเขาเลินเล่อในการรักษา ทำให้สมองคุณดาวขาดออกซิเจนจนทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง กรรมการอาจจะขอเชิญคุณดาวไปสอบปากคำ แต่หมอโทรมาบอกว่าไม่ต้องไปก็ได้ เพราะอาจจะทำให้คุณดาวเครียดจนอาการแย่ลง”
อลิสากังวลใจ
“เอ่อ...แล้วหมอเขาจะเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
ปราบถอนใจอย่างหนักใจ
“ก็ถ้าถูกตัดสินว่าผิด อาจโดนไล่ออก แล้วอาจถูกยึดใบประกอบโรคศิลป์”
อลิสามองมาทางนับดาวที่ยังคงแกล้งทำสายตาเหม่อลอย แต่มือกำแน่น เล็บจิกเข้าไปในมือ
“เอ่อ เขาจะประชุมกันเมื่อไหร่เหรอคะ”
“กำลังจะเริ่มครับ”
“งั้น...คุณปราบรีบโทรไปหาคนซื้อที่ก่อนดีไหมคะ”
ปราบงง
“มันเกี่ยวอะไรกันเหรอครับ”
“ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ แหะๆ แต่น้าใจร้อน กลัวมีคนไข้คนอื่นตัดหน้าไปหาหมอที่เยอรมันซะก่อน”
ปราบพยักหน้าเข้าใจ กดโทรออก อลิสาลุ้น นับดาวกำหมัดแน่น
“ครับ ขอสายคุณวัลลภครับ...เหรอครับ เมื่อไหร่ครับ...ขอบคุณครับ”
อลิสาร้อนใจ
“ว่าไงคะ”
“เขาเพิ่งไปต่างประเทศเมื่อเช้านี้เอง อีก 4 วันถึงจะกลับ”
อลิสาเงียบไป มองไปที่หลานสาว นับดาวมองเหม่อ แต่ลูกตาไหววิบๆ ปรายตามองไปข้างๆ บนโต๊ะมีขวดยาที่หมอให้มาวางไว้
ในห้องประชุมของโรงพยาบาล ผู้บริหาร 2 คน หน้าตาเครียด นั่งเป็นกรรมการสอบสวน หมอที่รักษานับดาวนั่งอยู่ข้างหน้าทั้งสอง ผู้บริหารคนหนึ่งยื่นหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นตรงหน้าหมอ
“คุณอ่านแล้วใช่ไหม”
หมอยื่นหนังสือกลับไป
“อ่านแล้วครับ”
“ที่ผ่านมา โรงพยาบาลของเรามีมาตรฐานการรักษาคนไข้ให้ดีที่สุด...คุณก็ทำงานที่นี่มานาน
ทำไมคุณถึงปล่อยให้มีความผิดพลาดร้ายแรงขนาดนี้ได้”
“ผมขอยืนยันว่าผมไม่ได้เลินเล่อ ไม่ได้รักษาผิดพลาด”
“แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนไข้ คุณจะอธิบายว่ายังไง”
หมอเงียบ สีหน้าเคร่งเครียด ผู้บริหารอีกคนไม่พอใจ
“คุณอธิบายไม่ได้ แล้วเราจะไปอธิบายให้ญาติเขาฟังว่ายังไง”
นับดาวหลับตาลง น้ำตาไหลออกมา แล้วลุกพรวดขึ้น อลิสาตกใจ
“ดาว...”
อลิสามองนับดาว รู้ว่านับดาวคิดอะไร เธอส่งสายตาห้ามหลานสาว นับดาวนั่งลง ปราบมองทั้งสองคน อลิสาพยายามเตือนนับดาวอ้อมๆ
“ดาวจ๋า ดาวยังจำน้าไม่ได้ใช่ไหม ลองนึกถึงคุณตาคุณยายสิจ๊ะ ว่าท่านรักดาวแค่ไหน นึกถึงบ้านที่สวยงามของเราไว้นะจ๊ะ บ้านของคุณตาคุณยายน่ะ”
ดวงตานับดาวสับสน
ผู้บริหารทั้งสองกำลังอัดหมอที่รักษานับดาวอยู่
“คุณเป็นคนรักษาเขา คุณนั่นแหละต้องรับผิดชอบ”
หมอไม่พอใจ
“แทนที่พวกคุณจะปล่อยให้ผมทุ่มเทหาวิธีรักษาเขา พวกคุณกลับมากดดันผมแบบนี้ เพราะพวกคุณต้องการแค่แพะ แล้วก็ชิ่งหนีไป คุณบอกผมเป็นคนรับชอบเหรอ คุณให้เวลาผมรับผิดชอบ รึยัง”
ผู้บริหารจ้องหน้าแล้วพูดน้ำเสียงเด็ดขาด
“นานเกินไปแล้ว คุณต้องลาออก”
หมอไม่ยอม
“ถ้าผมยอมรับผิด...เท่ากับผมหันหลังให้อาชีพนี้ ผมจะไม่สามารถรักษาใครได้อีก”
ผู้บริหารยังคงยืนยันเสียงแข็ง
“ยังไงคุณก็ต้องลาออก ถ้าไม่งั้น เราจะไล่คุณออก”
ผู้บริหารอีกคนเสริม
“นั่นจะแย่กว่าอีกนะ”
หมอเงียบไป
“ก็ได้...ผมขอ...”
ทันใดนั้นประตูเปิดผลัวะ นับดาวบุกเข้ามา พยาบาลตามเข้ามา
“บอกว่าเข้าไม่ได้ไงคะ”
ปราบกับอลิสาตามมาด้วย
“คุณดาว นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
นับดาวหอบแฮ่ก ไหว้หมอที่รักษาเธอ
“ขอโทษค่ะ...” นับดาวหันไปบอกกับผู้บริหาร “ฉันหายแล้ว”
ผู้บริหารมองนับดาว
“คุณเป็นใคร”
“ฉันชื่อนับดาว เป็นคนไข้ที่คุณหมอรักษาแล้วกลายเป็นความจำเสื่อมไงคะ”
ผู้บริหารทั้งสองมองนับดาวด้วยความสงสัย นับดาวไม่เหมือนคนความจำเสื่อม หมอเองก็งง
“คุณหายได้ยังไง”
“คือ...ดาวไม่ได้ความจำเสื่อมหรอกค่ะ ดาวแกล้งทำน่ะค่ะ”
อลิสาปิดหน้าคอตกไม่อยากได้ยิน ผู้บริหารมึนตึ้บ ขณะที่ปราบกับหมออึ้งและตะลึง ปราบคิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“อย่าบอกนะว่าคุณทำเพื่อจะบีบให้ผมขายที่น่ะ”
“คุณทายถูก แต่อุบัติเหตุน่ะของจริง...ส่วนความจำเสื่อมน่ะฉันเล่นตามน้ำไปงั้นแหละ”
“ตามน้ำเหรอ...คุณโกหกชัดๆ”
ปราบชี้หน้าโกรธจนหน้าเขียว รีบเดินออกไปนอกห้อง นับดาวไหว้หมอ
“ดาวขอโทษหมออีกครั้งนะคะ ยกโทษให้ดาวด้วยนะคะ”
หมอถอนหายใจอย่างหนัก
“เอาเหอะ”
นับดาวหัวเราะแหะๆให้ผู้บริหารทั้งสอง ผู้บริหารทั้งสองอึ้งไป ก่อนจะปั้นยิ้มหันมาหาหมอ
“งั้น...การสอบสวนครั้งนี้ก็...”
ผู้บริหารอีกคนยิ้มออกมา
“ลืมๆไปเถอะนะครับ นึกซะว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น”
หมอปรายตามองผู้บริหารทั้งสอง ผู้บริหารทั้งสองวางหน้าไม่ถูก
ปราบเดินออกมาที่ล็อบบี้โรงพยาบาล ปกป้องกำลังจีบนางพยาบาลอยู่ตรงเคาน์เตอร์รีบเดินมาหา
“เฮ้ย เป็นไงบ้าง” ปกป้องแปลกใจเห็นปราบโกธรหน้าแดง “เกิดอะไรขึ้น”
“ยัยนับดาวหลอกเราซะสนิทเลย แกล้งความจำเสื่อมให้เราขายที่เพื่อจะเอาเงินให้เขา”
“โอ้โห...ยัยสิบแปดมงกุฎ”
“รีบกลับเถอะครับ ผมไม่อยากเห็นหน้ายัยนั่น ผมกลัวห้ามตัวเองไม่อยู่บีบคอยัยนั่นตายคา
มือซะก่อน”
ปกป้องเห็นหน้าปราบแล้วเข้าใจ หน้าตาของเขาตอนนี้น่ากลัวมาก
“เออๆๆ กลับไปก่อนก็ดี”
ปราบกับปกป้องเดินออกไป เกือบชนนักข่าวคนหนึ่งที่สะพายกระเป๋ากล้อง เพิ่งรับยาเดินออกมาจากเคาน์เตอร์ นักข่าวหลบทัน มองตามปราบกับปกป้องโกธรๆ
“จะรีบไปไหนของเขา”
นักข่าวเดินมานั่ง หยิบยาออกมาดูว่าต้องกินอะไรยังไง สักพักนับดาวกับอลิสาก็เดินออกมาจากด้านใน นักข่าวหันไปเจอโดยบังเอิญ
“นับดาวว้าวแซ่บ มาทำอะไรที่นี่วะ โชคดีจัง บ.ก.ให้ราคาดีแน่ๆ”
นักข่าวเปิดกระเป๋ากล้อง หยิบกล้องออกอย่างมืออาชีพ ยกถ่ายแบบไม่ต้องมองวิวไฟนเดอร์ โดยนับดาวกับอลิสาไม่ทันรู้ตัวเลยว่าถูกถ่ายรูป...นับดาวกับอลิสาออกไปนอกโรงพยาบาล นักข่าวรีบตามออกไป แต่ไม่เห็นนับดาวกับอลิสาแล้ว
ปราบหน้าบึ้งตึงเดินตรงไปที่ห้องเล็กๆห้องหนึ่งในบริเวณไร่ เจิดเดินอยู่แถวนั้นพอดี
“หวัดดีครับเจ้านาย วันนี้ลมเย็นดีนะครับ สงสัยหน้าหนาวจะมาเร็วกว่าทุกปีนะครับ หรือนาย
ว่าไง”
ปราบไม่ตอบ เดินเข้าไปในห้อง ออกมาพร้อมขวานในมือ เจิดเห็นแล้วหน้าถอดสี
“อุ๊ยตายละ...อย่างงี้แปลว่าพายุฝนตั้งเค้านี่หว่า อยู่ใกล้อาจโดนเตะได้”
เจิดรีบเดินเลี่ยงออกไป
อ่านต่อหน้า 2
หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ปราบเปลือยท่อนบน เอาฟืนมาตั้ง เงื้อขวานแล้วเหวี่ยงโครม สับฟืนแตกเป็นเสี่ยง เขาหยิบฟืนท่อนใหม่มาตั้ง เหวี่ยงขวานสับอีกโครม หยิบฟืนท่อนใหม่มาตั้ง เหวี่ยงขวานสับอีกโครม แล้วก็หยิบผืนท่อนใหม่มาตั้ง เหวี่ยงขวานสับอีกโครม
เวลาผ่านไปฟืนถูกผ่าไปหลายสิบท่อน ปราบเริ่มหอบ หยิบฟืนมาตั้ง กำลังจะเหวี่ยงขวาน เห็นอะไรที่หางตา จึงมองไป เห็นนับดาวช่วยคนงานขนหญ้าลงจากรถที่คอกวัว ปราบหันกลับมา พยายามไม่สนใจ แล้วแล้วก็เปลี่ยนใจ เดินถือขวานไปหา
นับดาวกำลังช่วยคนงานขนหญ้าอยู่ รู้สึกมีใครจ้องเธอ พอหันมาก็เจอปราบที่กำลังมองหน้าเธออยู่ด้วยความไม่ไว้ใจ เขาวางขวานลงแล้วเดินไปดูหญ้าที่เพิ่งเอาลงจากรถ จับมาขยี้ดมๆดู นับดาวงงๆ
“ทำอะไร”
“คุณจะวางยาในหญ้าฆ่าวัวเหรอ”
นับดาวฉุนกึก
“คิดได้ไง ทุเรศมาก”
“อ๋อ จริงสิ ขอโทษที่สบประมาท ถ้าเป็นแผนที่คุณวาง มันคงไม่ใช่แค่ ทุเรศ สินะ แต่มันต้องเข้า
ขั้นอุบาทว์แล้วก็วิปริตด้วย ถึงจะสมเป็นผลงานของคุณนับดาวใช่ไหมครับ”
นับดาวอึ้งไป
“ใช่ รู้ตัวไว้ก็ดี”
นับดาวหันไปขนหญ้าต่อ
“ถามจริงๆเหอะ มีแผนอะไรกันแน่ จู่ๆก็มาทำงานแบบนี้”
“ก็ฉันเป็นคนงานในไร่คุณ ตอนนี้ฉันหายป่วยแล้ว ฉันก็กลับมาทำงานต่อน่ะสิ”
“คิดว่าทำแบบนี้แล้วผมจะเห็นใจยกโทษให้เหรอไง”
“ยกโทษ ไม่จำเป็น ฉันไม่คิดจะขอโทษคุณอยู่แล้ว”
ปราบได้ยินแล้วปรี๊ด เดินเข้ามาหาประชิดตัว จ้องหน้า นับดาวมองหาทางหนีทีไล่
“จะทำอะไรนะ อย่าเข้ามานะ”
ปราบจ้องหน้า นับดาวยิ้ม ในมือเธอมีขวานของปราบ ยกขึ้นมาขู่
“ถอยออกไปซะ”
ปราบหัวเราะ กระชากทีเดียว ขวานหลุดจากมือเธอไปอยู่ในมือเขา
“แค่ถือก็ยังจะไม่ไหว ทำมาขู่ผม”
ปราบโยนขวานทิ้งไป ขยับเข้ามาใกล้เข้าไปอีก ทำจมูกฟุดฟิด
“ใช้ได้ ไม่มีกลิ่นน้ำหอม ไม่มีกลิ่นสบู่”
“ก็อยู่ในฟาร์ม ก็ไม่ได้ใช้แล้ว...คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าสัตว์ไม่ชอบ”
“ต้องทดสอบดูก่อน...งานใหม่ของคุณ...จมูกมันไวมาก”
“ทะ ทำอะไร”
“ให้อาหารหมู”
“ไม่เอา”
นับดาวจะวิ่งหนี ปราบคว้าไว้ทัน อุ้มพาดบ่า นับดาวดิ้น ทุบหลัง ปราบไม่สนใจแบกต่อไป พวกคนงานมองแล้วหัวเราะชอบใจ
เจิดกำลังตักอาหารใส่ในราง หมูตะลุยกินกันเสียงดังลั่น ปราบอุ้มนับดาวเดินมา
“เจิดออกมา มีคนอื่นมาทำแทนแล้ว”
“ว้าว คุณนับดาวได้ลองงานใหม่อีกแล้ว ดีใจด้วยนะครับ”
เจิดเดินออกมา นับดาวหันมามองพวกหมู
“ไม่เอา”
ปราบไม่สนใจ เหวี่ยงนับดาวลง แล้วผลักเข้าไปในเล้าหมู พื้นในเล้าลื่นปื้ด นับดาวล้มแผละ
“นี่คือหน้าที่ใหม่ของคุณ ให้อาหารหมูซะ”
นับดาวตะเกียกตะกาย ลุกไปอีกฝั่งของเล้า
“ไม่เอา มันสกปรก”
“อาหารอยู่ในถัง ตักใส่รางมันซะ”
นับดาวดื้อเงียบ มองหน้าปราบ
“ถ้าไม่ทำหรือทำไม่ได้ ก็ลาออกไปซะ”
นับดาวจ้องหน้าเขาอย่างโกรธจัด หมูเจ้ากรรมเดินมาดมเท้าเธอ นับดาวร้องวี้ด กระโดดหนี
ปราบหัวเราะ
“เร็วๆ มันโมโหแล้วนะ”
นับดาววิ่งหนีหมู รีบตักอาหารโยนลงพื้นไปไกลๆ
“อยู่นู่นไง ไปกินไป ชิ้วๆ”
ปราบกับเจิดเห็นท่านับดาวแล้วหัวเราะ นับดาวโมโห ตักอาหารหมูเหวี่ยงใส่โดนปราบ ปราบโกรธจัด
“นี่มันของกิน เอามาเล่นอย่างงี้ได้ไง”
“ทำไมจะไม่ได้”
ปราบเดินเข้าไปในเล้า เจิดหวาดๆ
“ซวยแล้วคุณนับดาว ไม่น่าทำแบบนี้เลย”
“ไอ้เจิด บอกยัยเด็กใหม่นี่ซิ ถ้าเอาของกินมาโยนทิ้งต้องโดนทำโทษยังไง”
“ต้องเอาหัวจุ่มถังอาหารครับ”
“ได้ยินแล้วใช่มั้ย”
“ไม่ ให้ตายฉันก็ไม่มีวัน...ว้าย”
ปราบเข้ามาจับหัวนับดาว
“นี่เป็นกฎของที่นี่ ใช้กับพนักงานทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น”
ปราบกดหัวนับดาวลงถังอาหารหมู นับดาวร้องว้ายแล้วต้องรีบหุบปากเมื่อหน้าจมอาหาร ปราบถอยออกมา นับดาวเงยหน้าขึ้น ปาดอาหารหมูออกไป ถุยอาหารหมูที่อยู่ในปากออกมา ปราบหันไปสั่งเจิด
“เจิด ดูด้วย ให้เค้าตักอาหารให้เสร็จเรียบร้อย ถ้าเขาไม่ทำไปบอกฉัน”
“ครับผม”
ปราบเดินออกมา ปรายตากลับไปมองนับดาวที่ยอมตักอาหารหมู
“ดูซิว่าจะทนไปได้ซักกี่น้ำ”
ค่ำนั้น ปราบอาบน้ำ ล้างอาหารหมูที่เปรอะเปื้อนเนื้อตัวออกท่าทางสบายใจที่จัดการกับนับดาวได้ เขาแต่งตัวเสร็จ หัวยังเปียกๆอยู่ เดินออกมาจากห้องเอะใจ ที่เห็นบ้านปิดไฟมืด ไม่มีใคร
“หายไปไหนกันหมดเนี่ย”
ปราบกำลังจะไปเปิดไฟ น้อยหน่าเดินออกมา ถือเค้กปักเทียนออกมา ตามมาด้วย ตะวันวาด ป้ายวง ร้องเพลงแฮ้ปปี้เบิร์ธเดย์ออกมาด้วย น้อยหน่ากับพวกร้องเพลงจบ ยื่นเค้กให้ ปราบยิ้มอย่างมีความสุข เป่าเทียน แต่เทียนไม่ดับ เขาเป่าอีก แต่เทียนก็ไม่ดับ พวกน้อยหน่าหัวเราะคิกคัก ปราบรู้ตัวว่าโดนอำ เอานิ้วบี้ไส้เทียนจนดับ นิ้วเปื้อนครีมหน้าเค้กนิดหน่อย ปราบเอาไปป้ายหน้าน้อยหน่า
“นี่แน่ะ”
น้อยหน่าร้องว้าย รีบวางเค้กลงบนโต๊ะ แล้วไปเช็ดครีมออก ปราบหัวเราะ ปกป้องเดินไปเปิดไฟให้ ปราบเดินมากอดลูกสาวจุ๊บที่หน้าผาก
“ขอบใจมากนะลูก”
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่หน่าไม่ใช่คนคิดหรอกค่ะ”
ปราบหันไปทางปกป้อง
“อาเหรอครับ”
“เปล่า ทุกปีที่ผ่านมาอาเคยทำอะไรแบบนี้ให้แกไหมล่ะ ไม่ใช่ฝีมืออาหรอก”
ปราบมองไปที่ป้ายวง
“ป้าเหรอครับ”
“อุ๊ย ป้าเคยรู้วันเกิดคุณก็จริงแต่เอาไปซื้อหวยแล้วไม่ถูก ป้าเลยลืมไปตั้งนานแล้วค่ะ”
ปราบมองไปที่ตะวันวาด
“เธอเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ”
นับดาวเดินเข้ามา ปราบหยุดมองแว่บหนึ่ง แล้วมองไปทางอื่น
“ฉันเองแหละ”
ปราบอึ้ง ซึ้งแต่ยังโกรธอยู่ แต่แล้วปรากฏว่าความโกรธยังมีมากกว่า
“ผมไม่ได้ถาม ถ้าผมจะถามอะไรคุณซักอย่างล่ะก็ อยากถามว่าเมื่อไหร่จะไปจากที่นี่ซักที”
“วันนี้ฉันไม่อยากต่อปากต่อคำให้คุณอารมณ์เสีย เดี๋ยวงานจะกร่อยซะ ดูจากที่คุณทำกับฉัน
วันนี้ คุณคงโกรธฉันมาก ฉันไม่อยู่ก็ได้”
นับดาวเดินออกไป น้อยหน่าหน้าเสีย
“พ่อ...พ่ออย่าทำอย่างนี้สิคะ พี่ดาวเค้าเป็นคนต้นคิดเรื่องงานวันเกิดนี่นะคะ”
ปราบมองลูกสาว
“แล้วหน่าไม่โกรธเขาเหรอ เขาหลอกหน่าด้วยนะ”
“ก็หน่าเป็นคนทำให้พี่เค้าหกล้มหัวฟาดพื้น ถือว่าหายกันค่ะ”
ปราบหันไปทางป้ายวง
“อุ๊ย ป้าไม่โกรธหรอกค่ะ ป้าชอบ ขำๆดีค่ะ”
ปราบหันไปทางปกป้อง
“ไม่ต้องมองอาเลย แกก็รู้ว่าอาจะจีบน้าเขา จะทะเลาะกับหลานเขาไปทำไม”
ปราบเงียบไป หน้ายังเครียดอยู่ ปกป้องตบบ่าหลานชาย
“แมนๆหน่อยไอ้หลานชาย นับตั้งแต่วันที่แกยื่นข้อตกลงนั่นให้เขา แกกับเขาก็อยู่ในเกมแล้ว”
“อาจะบอกว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของเกมเหรอครับ”
“จะเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง ในฐานะคนดู เป็นเกมบุกที่สวยมาก แกเกือบโดนน็อคแล้วนะถ้าเขาไม่ใจอ่อนกลัวหมอโดนไล่ออกซะก่อน”
ปราบถอนใจ
“อาพูดถูก...บางทีไอ้ที่โกรธเนี่ย ผมอาจจะไม่ได้โกรธเขาก็ได้...”
ปราบมองออกไปที่ประตู
นับดาวนั่งอยู่นอกบ้านคนเดียว เงยหน้ามองท้องฟ้าที่คืนนี้เดือนมืดฟ้าใส เห็นดาวเต็มฟ้า ปราบเดินมา กระแอมเบาๆ หญิงสาวหันไปมองเห็นสีหน้าของชายหนุ่มดูดีขึ้นเยอะก็ส่งยิ้มให้
“หายโกรธฉันแล้วใช่มั้ย”
“อาป้องพูดถูก ผมโกรธคุณไม่ได้”
“อยากโกรธก็โกรธไปเถอะ ฉันก็รู้สึกตัวเองเล้วเลวที่ทำแบบนั้น”
“ผมโกรธตัวเองมากกว่าที่หลงกลคุณอีกครั้ง”
นับดาวหัวเราะ ไม่พูดอะไรอีก
“ขอบคุณสำหรับงานวันเกิด ผมไม่มีงานวันเกิดมานานจนจำไม่ได้แล้ว คุณรู้ได้ไงว่าผมเกิดวันนี้”
“ฉันรู้จากในไดอารี่พ่อฉัน เขาเคยมางานวันเกิดหนึ่งขวบของคุณด้วย...ขอบคุณที่เอาไดอารี่ให้
อ่าน ฉันเพิ่งรู้ว่าทำไมฉันชื่อนับดาว”
“ทำไมล่ะครับ”
“พอแม่ฉันท้อง แม่ชอบออกมานั่งเล่นดูดาว พ่อก็ชวนลูกในท้องคุย แต่พ่อคงชวนคุยไม่เก่ง พอหมดมุขก็จะสอนฉันนับดาวบนท้องฟ้า...นับไปเรื่อยๆ...แม่ฉันเลยตั้งชื่อฉันว่านับดาว”
“ท้องฟ้าในเมืองน่ะไม่มีดาวให้นับเท่าไหร่หรอก คนเมืองคงไม่ตั้งชื่อลูกว่านับดาว ผมว่าพ่อแม่คุณท่านตั้งชื่อคุณได้เพราะและมีความหมายมาก”
“นั่นสินะ ท้องฟ้าตอนนั้นกับตอนนี้คงไม่ต่างกันมาก พวกท่านคงนั่งดูดาวแบบเดียวกับเราตอนนี้อยู่ที่ใดที่หนึ่ง”
ทั้งสองนั่งมองดาวกันเงียบๆ ปราบแอบละสายตามามองนับดาว
วันใหม่...นับดาวคุยกับอลิสาที่ร้านกาแฟ
“โชคดีนะเนี่ยที่นายปราบเขายังให้เธออยู่ต่อ...แต่ว่า น้าเป็นห่วงเธอจริงๆ ถ้าวันไหนเขาโมโหจนทนไม่ไหว บีบคอเธอตายขึ้นมาล่ะก็ จบกัน”
“เขาไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกค่ะ น้าอะซ่าก็คิดมากไปได้”
“จะไปรู้ได้ไง ไม่งั้นเขาจะมีคำว่าโมโหจนหน้ามืดเหรอ”
“น้าวางใจเถอะ ถึงเขาจะอยู่กับวัวกับหมู แต่เขามีความเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าผู้ชายใส่สูทอีกหลายคนเลยล่ะค่ะ...ที่พูดเนี่ย หมายถึงคุณปกป้อง อาเขาด้วยนะคะ”
“แล้วมาบอกน้าทำไม”
อลิสาหน้าแดงนิดหนึ่ง รีบกลับเข้าเรื่อง
“แต่ยังไงก็เถอะ รีบปิดงานเร็วๆก็ดี ชักช้าคุณชนะชัยอาจจะเสร็จยัยเอมี่ก็ได้นะ”
“หนูวางแผนใหม่ไว้แล้วคะ...คราวนี้เอากันแบบโหดๆเลย”
อลิสาแปลกใจสงสัย
“แผนอะไรเหรอ”
“น้าอะซ่ารู้เรื่องไข้หวัดนกกำลังระบาดใช่มั้ยคะ”
“ก็เห็นๆในข่าวอยู่เหมือนกัน”
“แต่โรงเลี้ยงไก่ของไร่ปรีดาน่ะมิดชิดมาก แถมลุงดึกยังให้สูตรอาหารพิเศษป้องกันโรคมาอีกไก่ในไร่ก็เลยรอด...แต่ถ้า เราทำให้ไก่ในไร่ติดเชื้อหวัดนกได้ล่ะก็...”
“เอ่อ...ค่ายารักษาหวัดให้ไก่มันแพงมากใช่มั้ย”
นับดาวนิ่งไปนิดก่อนจะพูดขึ้น
“ต้องฆ่าค่ะ ฆ่าทั้งฟาร์ม”
อลิสาหน้าเหวอไปเลย นับดาวมุ่งมั่น
“ทีนี้นายปราบเดือดร้อนเรื่องเงินแน่ๆ ไม่มีแบงค์ไหนให้เขากู้แล้ว สุดท้ายเขาก็ต้องขายที่”
“แต่คราวนี้ทำไมมัน...โหดจัง”
“ก็นั่นน่ะสิคะ”
นับดาวถอนใจเบาๆ
โปรดติดตามตอนต่อไป
หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ชนะชัยนั่งจิบกาแฟอยู่ในบ้าน อ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจไปด้วย ชัชฎาเดินเข้ามา
ถือนิตยสารบางๆมาด้วยเล่มหนึ่ง
“อ้าว คุณแม่ ลืมของเหรอครับ”
“พอดีฉันแวะที่ธนาคาร เห็นคนอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ เลยไปซื้อกลับมาให้แกอ่าน”
ชัชฎาโยนหนังสือลงตรงหน้า ชนะชัยรับมาดู เห็นหน้าปกเป็นรูปนับดาวที่โรงพยาบาล พร้อมพาดหัว
“แฉนับดาวหลบสังคมไปทำแท้ง”
ชนะชัยนั่งอึ้งอยู่ครู่ใหญ่ มองรูปอย่างละเอียด ก่อนจะพลิกอ่านเนื้อใน
“นางหายหน้าหายตาไปนาน ปล่อยข่าวว่าไปนั่งทำสมาธิยุบหนอพองหนอ แต่ความจริงแอบตุ๊บหนอป่องหนอ จนเด็กในท้องมันอ้วนโย้ออกมาเกินกว่าสะเตย์รัดหน้าท้องจะรัดไหว นางเลยไปทำแท้งเถื่อน จนร่างกายบอบช้ำ อู่พังยับเยิน ต้องเข้าโรงพยาบาลนอนซดน้ำเกลืออยู่เป็นเดือน ...”
ชนะชัยโยนหนังสือทิ้ง
“ไร้สาระมาก แม่เอาหนังสือแบบนี้มาให้ผมอ่านทำไมครับ”
“แกยังอ่านไม่จบ”
ชัชฎาหยิบมาอ่านต่อ
“ส่วนคำถามที่ว่าใครเป็นพ่อ งานนี้มีผู้ต้องสงสัยหลายคน เบอร์หนึ่งก็นักธุรกิจหนุ่มชื่อย่อ ช.ช้าง ที่นางคบอยู่ เบอร์สองก็พระเอกลูกครึ่งกำลังมาแรง เบอร์สามก็นักกีฬาโกอินเตอร์ชื่อดัง ถ้าหลุดจากสามคนนี้ก็แสดงว่านางมั่วซะจนกอง บ.ก.อัพเดทข้อมูลไม่ทันแล้ว”
ชัชฎาโยนหนังสือลงถังขยะ
“คนอย่างงี้ฉันไม่เอามาเป็นลูกสะใภ้หรอกนะ”
“แม่พูดยังกับว่านี่มันเรื่องจริง”
“ฉันไม่ได้บอกว่าจริง แต่แกนึกบ้างไหมว่าใครต่อใคร เขาจะมองฉันยังไง มีสะใภ้ฉาวโฉ่แบบนี้น่ะ”
“งั้นแม่สบายใจได้ ไอ้พวกนี้มันก็ตีข่าวหากินไปวันๆ คุณดาวฟ้องหมิ่นประมาทเมื่อไหร่ พวกมันก็ยอมไกล่เกลี่ย ลงประกาศขอโทษเองแหละครับ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นฉันรับได้...แต่แน่ใจนะว่านับดาวจะกล้าฟ้องน่ะ”
“แม่หมายความว่ายังไงครับ พูดแบบนี้เท่ากับไม่ให้เกียรตินับดาวแล้วก็ผมด้วย”
“แกป้องกันทุกครั้งรึเปล่า”
“ผมไม่เคยมีอะไรเกินเลยกับเขา”
ชัชฏาหน้าตื่น
“ตายแล้วลูกชายฉัน...งั้นยิ่งแย่ใหญ่ แปลว่าเขาอาจจะท้องกับคนอื่น”
“ทันทีที่ผมเจอคุณดาว ผมจะให้เขาฟ้องหนังสือเฮงซวยนั่น คุณแม่จะได้สบายใจ โอเคมั้ยครับ”
“ถ้าไม่ฟ้อง ฉันจะถือว่าข่าวนี้เป็นจริง และแกก็ต้องเลิกคบยัยนับดาวด้วย”
“ได้เลยครับ ผมมั่นใจ”
ชนะชัยบอกอย่างมุ่งมั่น
เอมี่คุยกับโจโจ้อยู่ในร้านอาหาร เอมี่ถามอย่างสงสัย
“แปลว่าที่แกเจอน่ะใช่แน่ๆ”
“แต่ยัยนับดาวเขาไม่ใช่หญิงโง่นะ ไม่น่าจะปล่อยให้ไอ้ตัวหางยาวมาจ๊ะเอ๋กับเม็ดไข่สุกตรงจุดนัดพบได้เลย”
“มันเกี่ยวกับโง่หรือฉลาดหรอก มันเป็นเรื่องกฎธรรมชาติย่ะ”
“แปลว่าแกเชื่อว่าเขาท้อง”
“เก้าสิบเปอร์เซ็นต์...แล้วที่ไปนุ่งขาวห่มขาวก็เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ลูกที่โดนทำแท้งไง”
โจโจ้เห็นด้วย
“เออ จริงด้วย”
“งั้นฉันซื้อผ้าซับน้ำนมเป็นของขวัญให้ยัยนับดาวดีกว่า”
“บ้า เด็กในท้องยังไม่กี่เดือน ร่างกายยังไม่ผลิตน้ำนมหรอกย่ะ”
“อ้าว ฉันไม่รู้ไม่ได้เหรอ ไม่เคยท้องนะยะ ซื้อไอ้นี่ให้น่ะดีแล้ว ฮิๆ มันจะได้คิดถึงลูกที่มันทำแท้ง”
“ใจร้ายที่สุด”
“ถ้าเป็นฉันมันก็ทำแบบนี้เหมือนกันแหละ ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้มันพลาดท่าล่ะ...ไปเถอะ รีบไป
ซื้อกันเถอะ เอาแบบกล่องใหญ่ๆเลย เวลาถ่ายรูปจะได้เห็นชัดๆ”
“เดี๋ยวก่อน ถ้าเขาไม่ได้ท้องแล้วก็ไม่ได้ทำแท้งล่ะ เธออาจจะหน้าแหกชนิดที่นับดาวเค้าอาจจะบอกให้เธอเอากลับไปซับเลือดที่หน้าแทนได้นะ”
เอมี่ชะงัก
“เออ นั่นสินะ จะว่าไปไอ้หนังสือหัวนี้ก็มั่วส่งเดชมาหลายครั้งแล้ว ฉันยังเคยโดนเลย...เราต้องหาทางรู้ความจริงให้ได้ เราไปที่นั่นกันอีกครั้งนะโจโจ้ จะได้มั่นใจว่าคนที่เธอเห็นคือยัยนับดาว งั้นเราต้องเริ่มสืบจากการแสดงในงานคืนนั้น ว่าตอนที่เธอเห็นนับดาวน่ะ ยัยนั่นอยู่กับทีมแสดงของใคร”
เอมี่บอกอย่างมุ่งมั่น ว่าจะต้องสืบเรื่องนี้ให้ได้
นับดาวตาโต อ้าปากหวอ พูดไม่ออก เมื่อเห็นปกหนังสือซุบซิบที่อลิสานำมาให้
“อะไรของมันเนี่ย อุตส่าห์หนีมาอยู่นี่แล้วนะยังตามมาราวีกันอีก”
“แต่ยังโชคดีอย่างนึงนะ ไอ้หนังสือหัวนี้น่ะมันขายดีที่กรุงเทพ แต่พอออกต่างจังหวัดมันขายไม่ค่อยออก เมื่อกี้น้าลองแวะที่ตลาดดู มีไม่กี่ร้านที่มีขาย น้าเลยเหมามาหมดแล้ว”
“พลาดจนได้ ไอ้ปาปารัสซี่พวกนี้มันเป็นเห็บหมัดแฝงตัวอยู่ทุกที่เลยหรือไงนะ”
“น้ากลัวอยู่อย่างหนึ่งนะสิ ไม่รู้คุณชนะชัยเห็นรึยัง”
“รู้แน่ๆค่ะ ช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง”
“แล้วจะทำยังไงล่ะ”
นับดาวนิ่งคิด
“ต้องรีบสยบข่าวลือให้เร็วที่สุด ไม่งั้นยัยเอมี่แล้วก็พวกกองทัพปาปารัสซี่จะแห่มาที่นี่แน่ๆ แล้วพวกนั้นก็จะสาวไปถึงเรื่องที่เราถังแตกได้แน่นอน”
“หรือจะฟ้องมันเลยมั้ย”
“ถ้าฟ้องตอนนี้สื่ออื่นๆกระโดดเข้ามาร่วมวงทำข่าวแน่ แต่ถ้าเราเงียบไว้ เจ้าอื่นจะรอดูท่าทีหรือไม่ก็กำลังสืบว่าจริงรึเปล่า ก่อนหน้าจะรู้แน่ชัดคงยังไม่มีใครกล้าเล่นข่าวนี้...น้าอะซ่าติดต่อพี่ฟู่ด่วนเลยค่ะ”
“จะให้ฟู่เขาทำอะไรให้”
“ดาวอยากรู้ตารางงานของยัยเอมี่ ถ้าจะแก้ข่าวให้ดัง เราต้องอาศัยยัยเอมี่เป็นตัวช่วย”
อลิสารีบทำตามแผนของนับดาวทันที
ที่โรงเรียน...นักเรียนคนหนึ่งใช้คอมเข้าเว็บ แล้วก็พูดเสียงดัง
“น้อยหน่า คนนี้ที่อยู่ที่ไร่เธอรึเปล่า พี่นับดาวน่ะ”
น้อยหน่าเดินมาดู เห็นรูปนับดาวถูกถ่ายที่โรงพยาบาล
“ในนี้เขาบอกหลบมาทำแท้งน่ะ”
“วุ้ย อย่าไปเชื่อหนังสือพวกนี้มากนักเลย มีแต่ข่าวโกหก”
“แปลว่าเขาไม่ได้ทำแท้งจริงๆน่ะเหรอ”
“เอาหัวเป็นประกัน เขาเข้าโรงพยาบาลเพราะหกล้มหัวโน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”
“ถ้าน้อยหน่ายืนยันขนาดนั้น เราก็เชื่อน้อยหน่า”
นักเรียนคนนั้นปิดเพจ นักเรียนคนอื่นๆพยักหน้าเชื่อน้อยหน่า แยกไปที่อื่น แองจี้ที่ยืนดูอยู่ แอบยิ้มทันที
แองจี้เอารูปที่พริ้นต์ออกมาจากหน้าเว็บให้เพชรสีดู
“เป็นไงคะคุณเพชรสี ได้โอกาสแก้แค้นมันแล้วใช่มั้ยคะ”
“แกเอามาให้ฉันดูทำไมเนี่ย”
“อ้าว...ก็...”
“แกเป็นญาติฉันนะ อย่าโง่ให้มันมากนัก แกนึกเหรอว่านี่เป็นเรื่องจริง ที่ผ่านมายัยนี่เหมือนคนท้องเหรอไง แล้วอีกอย่างต่อให้จริงก็เถอะ แล้วไง เขาท้องแล้วมาทำแท้งมันก็น่าสงสารพออยู่แล้ว แกจะทำอะไรเขาถึงฉันจะเคยอัดมัน นั่นก็เพราะมันมาซ่ากับฉันก่อน ฉันก็เล่นมันตรงๆ...แกน่ะหัดเห็นใจเพศแม่ เพศเดียวกับแกมั่ง”
เพชรสีขยุ้มกระดาษเป็นก้อน ปาใส่หน้า แองจี้จ๋อยไป
นักสืบเอกชนคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรม เอมี่เดินออกมา มองซ้ายมองขวา นักสืบลุกขึ้นยืน ยิ้มให้ เอมี่เดินมาหา
“สวัสดีครับคุณเอมี่”
“สวัสดีค่ะ คุณวรพัฒน์ใช่มั้ยคะ”
นักสืบพยักหน้าแทนคำตอบ ทั้งสองนั่งลงคุยกัน
“เข้าเรื่องเลยละกันนะคะคุณนักสืบ ฉันไม่มีเวลา เดี๋ยวต้องรีบไปทำงาน เรื่องที่จะให้สืบก็คือคนคนนี้ค่ะ”
เอมี่เปิดโทรศัพท์ยื่นรูปนับดาวให้นักสืบดู
“นับดาว”
“ใช่ค่ะ จู่ๆเขาก็หายหน้าไปจากวงสังคม ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าเขาหลบไปอยู่ที่แห่งหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่า
ไปทำอะไร มีข่าวลือว่าเขาหลบไปทำแท้ง ฉันต้องการให้คุณสืบว่าเขาทำแท้งจริงรึเปล่า ถ้าไม่จริงเขาไปทำอะไรที่นั่น”
นักสืบพยักหน้า
“ไม่มีปัญหาครับ”
“หลังจากที่คนลือว่าทำแท้ง เขาอาจจะหนีไปอยู่ที่อื่น ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณสืบมาให้รู้ด้วยว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
นักสืบพยักหน้า ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป
เอมี่อยู่ด้านหลังเวที งานอีเว้นต์ คุยกับผู้จัดงานอยู่
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะคุณเอมี่ขา งานนี้เราจะเปิดตัวอาหารสุนัข แต่อาหารสุนัขของเราน่ะมีระดับแล้วราคาแพง เราก็เลยจะตอกย้ำภาพตรงนี้ให้ชัดเจนว่าของเราตลาดบน มีแต่สุนัขคนรวยเท่านั้นถึงจะกินได้”
“ก็เลยจะให้เอมี่เป็นแขกรับเชิญทดลองสินค้า เอ๊ย...ให้หมาของเอมี่ทดลองใช่มั้ยคะ เข้าใจแล้วค่ะ แต่เอมี่ไม่ได้เลี้ยงหมานะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เรามีสุนัขให้ยืม...แล้วก็คุณเอมี่ขา อันนี้ต้องขอนะคะ ห้ามเรียกหมา หรือน้องหมานะคะ เรียกว่าสุนัขเท่านั้น หมาเอาไว้เรียกสัตว์เลี้ยงของคนจน ตัวที่กินอาหารของบริษัทเราได้ ต้องเรียกสุนัขเท่านั้นค่ะ อันนี้ซีเรียสนะคะ”
เอมี่พยักหน้า
“เข้าใจค่ะ”
งานอีเว้นต์เป็นงานเล็กๆ แขกไม่กี่คน เน้นสื่อที่เชิญมาทำข่าวประชาสัมพันธ์มากกว่า พิธีกรกำลังดำเนินรายการอยู่บนเวที
“เอาล่ะค่ะ หลังจากที่ดิฉันและทีมงานได้แจกแจงคุณสมบัติของอาหารสุนัข แมทธิวส์ไปแล้ว ทีนี้ ลองมาฟังความคิดเห็นของผู้ที่ใช้จริงดีกว่าค่ะ ขอเชิญคุณเอมี่ค่ะ”
เอมี่อุ้มหมาออกมาตัวหนึ่ง เข้ามายืนข้างพิธีกร ช่างภาพถ่ายรูปกัน
“สวัสดีค่ะพี่เอมี่แสนหวาน”
“สวัสดีค่ะน้องตุ๊กตา”
“เป็นไงบ้างคะ ได้ข่าวว่าพี่เอมี่ก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้อาหารสุนัขแมทธิว ใช่มั้ยคะ”
“ถูกต้องแล้วค่ะ น้องตุ๊กตา คือพี่เนี่ยเป็นคนของประชาชน ก็จะมีสื่อทั้งทีวีนิตยสารมาสัมภาษณ์
พี่ที่บ้านบ่อยมาก เจ้าป๊อกแป๊ก ของพี่ตัวนี้ก็พลอยต้องออกสื่อไปด้วย พี่เลยต้องดูแลเขาอย่างดี เรื่องอาหารเนี่ยเรื่องใหญ่เลยนะคะ พี่ลองใช้มาหลายยี่ห้อไม่ถูกใจเลย จนกระทั่งมาเจอ ยี่ห้อแมทธิวนี่แหละค่ะ”
จู่ๆเจ้าป๊อกแป๊กก็เห่าเอมี่โฮ่งๆๆ เอมี่หน้าเสีย แต่พยายามฝืนยิ้ม
“จุ๊ๆเด็กดี”
ป๊อกแป๊กทั้งเห่าทั้งดิ้น ข้างๆเวที ผู้จัดงานยืนอยู่หันไปถามเจ้าของหมา
“เอ๊ะ ทำไมอยู่ดีๆหมาคุณเป็นอย่างงี้ล่ะ”
“อุ๊ยสงสัยแพ้น้ำหอมแน่ๆเลยค่ะ ลืมบอกไปว่าอย่าใส่น้ำหอมกลิ่นแรงๆ ป๊อกแป๊กมันเกลียด”
เจ้าป๊อกแป๊กดิ้น เอมี่พยายามล็อกเอาไว้ ป๊อกแป๊กหันมาแง่งใส่ เอมี่ร้องว้าย โยนป๊อกแป๊กหล่นพื้นตุ้บ
“ไอ้หมาบ้า กล้ากัดฉันเหรอ”
อ่านต่อหน้า 3
หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 8 (ต่อ)
คนจัดงานมองเอมี่ตาเขียว เอมี่ไม่สนใจ หันไปหยิบชามพลาสติกใส่อาหารหมาที่เป็นของพรีเมี่ยมวางโชว์อยู่ใกล้ๆ เขวี้ยงใส่ป๊อกแป๊กเต็มเหนี่ยว ดีที่ไม่โดน ชามพลาสติกกระดอน พวกนักข่าวหลบกันวุ่น เจ้าป๊อกแป๊กตกใจ ร้องเป๋งๆวิ่งหายไป เจ้าของก็ตกใจ วิ่งออกมา
“ป๊อกแป๊ก ป๊อกแป๊ก ใครก็ได้ช่วยจับทีค่ะ”
เจ้าของกับนักข่าววิ่งตามป๊อกแป๊กไป มีคนกวักมือเรียก ป๊อกแป๊กวิ่งไปหาให้คนคนนั้นอุ้มทันที เป็นนับดาวนั่นเอง นับดาวใส่แจ็กเก็ตอุ้มป๊อกแป๊ก ลูบอย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรนะจ๊ะ เด็กดีของพี่”
พอนักข่าวเห็นว่าเป็นนับดาวก็ถ่ายรูปกันไฟแลบ นับดาวรีบเอามือปิดตาหมา
“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ”
นับดาวเดินมาหาเอมี่ ที่ยังยืนนิ่งอยู่บนเวที
“หวัดดีเพื่อนเอมี่ อ้ะ เอาสุนัขมาคืนให้จ้ะ”
เจ้าของรีบรับไปแทน
“หมาไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมน่ะค่ะ”
เอมี่หันไปบอกนับดาว
“ขอบใจจ้ะนับดาวเพื่อนรัก เอาไว้คุยกันทีหลังนะ ฉันทำงานอยู่”
“จ๊ะ ก็ว่าจะแค่แวะมาทักทายน่ะจ้ะ”
นับดาวหันมายิ้มให้นักข่าว เอมี่รีบทำงานต่อ
“พี่ๆคะ เอมี่ยังเล่าเรื่องอาหารแมทธิวไม่เสร็จเลยนะคะ”
นักข่าวไม่สนใจเอมี่ หันไปสนใจนับดาว
“คุณนับดาวคะ จริงหรือเปล่าคะเรื่องที่คุณไปทำแท้งน่ะค่ะ”
“ไม่จริงหรอกค่ะ”
เอมี่อดไม่ได้
“มีอะไรมาพิสูจน์มั้ยจ๊ะ”
“ถ้าไปทำแท้งจนยับเยินแบบที่ลงข่าว คงไม่มีหน้าท้องเนียนๆแบบนี้เหลือให้เห็นหรอกค่ะ”
นับดาวพูดจบก็รูดซิบแจ็กเก็ตลง ใต้เสื้อแจ็กเก็ตเธอสวมเสื้อยืดเอวลอย เห็นหน้าท้องเนียน
“แล้วทำแบบนี้ก็คงไม่ได้”
นับดาวกระโดดสลับขาเตะ ยกขาสูงเฉียดหน้าเอมี่ไปนิดเดียว พิธีกรรีบพูดแทรก
“เอ่อ พี่นับดาว ขอโทษเถอะค่ะ คืองานนี้...แบบว่าไม่ใช่งานแถลงข่าวของพี่นะคะ”
“อุ๊ยตาย จริงของคุณน้อง พี่ขอโทษด้วยละกันนะคะ งั้นเดี๋ยวพี่คืนพื้นที่ให้ แล้วจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ด้วยถือเป็นการขอโทษละกัน”
นับดาวหันไปหยิบอาหารหมาที่ตั้งโชว์มาป่นๆในมือ แล้วทาใส่เอมี่ตรงแก้ม คอ แขน แล้วก็โรยใส่ศีรษะ เอมี่ร้องวี้ด
“ยัยดาว แกทำอะไรของแก”
นับดาวส่งยิ้มให้
“เอมี่จ๊ะ คราวหลังถ้าจะรับงานแบบนี้อย่าใส่น้ำหอมกลิ่นแรงมานะคะ ขนาดดาวยังว่าเหม็นเลย สุนัขคงยิ่งเหม็นเข้าไปใหญ่ ฉันช่วยกลบกลิ่นให้เธอแล้ว อ้ะ ลองดู”
นับดาวรับป๊อกแป๊กมาจากเจ้าของ ยื่นให้ เอมี่รับมา คราวนี้ป๊อกแป๊กยอมอยู่นิ่งๆ นับดาวผายมือไปที่เอมี่กับพิธีกร แล้วถอยออกมา เอมี่ฝืนยิ้มให้นักข่าว
“พอดีวันนี้เอมี่ใส่น้ำหอมยี่ห้อใหม่น่ะค่ะ ป๊อกแป๊กเลยไม่ค่อยคุ้น ทุกทีอยู่ที่บ้านไม่มีปัญหาอะไร
เลยนะคะ”
พิธีกรดำเนินรายการต่อทันที
“พี่เอมี่ช่วยเล่าให้ฟังต่อนะคะ ว่าประทับใจอะไรในอาหารสุนัขแมทธิวบ้างคะ”
หลังจากเล่นงานเอมี่แล้ว นับดาวมากินข้าวกับชนะชัยและชัชฎาในร้านอาหาร
“ดาวต้องขอโทษคุณจ๊อบ และกราบขอโทษคุณแม่ด้วย ที่เป็นต้นเหตุทำให้มีข่าวลือบ้าๆแถมไป
ลากคุณจ๊อบเข้ามาแปดเปื้อนไปด้วย”
ชัชฎาหน้าเข้ม
“เรื่องนี้น่ะ ฉันไม่ถามก็คงไม่ได้... ถามตรงๆเลยว่ามันจริงรึเปล่า”
“ไม่จริงค่ะ...ดาวไปแก้ข่าวมาแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้มะรืนนี้คุณแม่ก็คงเห็นข่าว ส่วนหนังสือฉบับนั้นน้าอะซ่าโทรไปหา บ.ก.แล้ว เขาบอกเขาจะลงขอโทษให้ทุกสื่อ”
ชัชฎาแปลกใจ
“ทำไมมันง่ายจัง”
“ก็รู้ตัวไงคะว่าเต้าข่าว ถ้าไม่แก้ข่าวให้ ดาวก็คงต้องฟ้อง เขาคงไม่อยากมีคดีเพิ่มหรอกค่ะ แค่ที่มีอยู่นี่ก็ต้องไปศาลกันวันเว้นวันอยู่แล้ว”
ชัชฎายิ้มอ่อนโยน
“ถ้าเป็นไปตามที่หนูดาวพูด หนูดาวคงไม่ปฏิเสธนะถ้าฉันจะขอให้หนูไปโรงพยาบาลกับฉัน”
นับดาวชะงัก
“ไปทำไมเหรอคะ”
“ไปตรวจฮอร์โมนน่ะจ้ะ”
นับดาวอึ้ง ชนะชัยหน้าเสีย
“แม่ทำอย่างนี้เกินไปแล้วนะครับ” ชนะชัยรีบพูดกับนับดาว “คุณดาวครับ ผมอยากให้คุณดาวรู้ว่าผมไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน และคุณดาวก็ไม่ต้องไปกับแม่ผมด้วย”
ชัชฎาเสียงแข็งใส่ลูกชายทันที
“จ๊อบ...ของแบบนี้น่ะ...”
ชนะชัยรีบแทรก
“พอได้แล้วครับ ผมอายจริงๆ ผมไม่น่าชวนแม่มาด้วยเลย...กลับเถอะครับคุณดาว”
นับดาวพยายามสะกดความโกรธไว้
“ดาวขอยืนยันด้วยศักดิ์ศรีของดาว ดาวไม่ได้ท้อง และไม่ได้ทำแท้ง ไม่เชื่อก็ตามใจค่ะ สวัสดีค่ะ”
นับดาวลุกเดินออกมา ชนะชัยรีบตาม
ชนะชัยมาส่งนับดาวที่นอกร้าน
“ผมขอโทษแทนคุณแม่ผมด้วย ท่านทำเกินไปจริงๆ”
“ถ้าท่านระแวงดาวขนาดนี้...”
“ช่วงนี้ท่านเครียดมาก ปกติท่านไม่ใช่คนแบบนี้หรอกครับ”
นับดาวนิ่งไปครู่หนึ่ง พยายามทำเป็นเรียกสติกลับมา
“ดาวเองก็ไม่ดีค่ะ เฮ้อ...ไปนั่งสมาธิมาแท้ๆ ถึงเวลากลับอารมณ์ร้อนเหมือนเดิม ความจริงดาวควรจะใจเย็นๆ แล้วค่อยๆอธิบายให้ท่านฟัง”
“คุณดาวพูดอย่างนี้แปลว่าคุณยกโทษให้แม่ผมแล้วใช่ไหมครับ”
“ค่ะ...คุณรีบกลับไปหาคุณแม่คุณเถอะค่ะ ดาวเชื่อว่าพอสื่อเลิกเล่นข่าวนี้ ท่านคงเข้าใจดาวมากขึ้น แล้วดาวค่อยมาหาท่านใหม่ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณคุณดาวมากครับ ที่เข้าใจแม่ผม”
“ส่วนเรื่องหุ้นน่ะ ดาวขอเวลาอีกนิด ดาวไม่มีเวลามาดูเรื่องบัญชีเลย ต้องรีบกลับไปถือศีลต่อ ไม่อยากให้มันขาดน่ะค่ะ เสียดาย ใจกำลังนิ่งๆอยู่แท้ๆ”
“เอาตามที่คุณดาวสบายใจแล้วกันครับ ความจริงถ้ามีเวลาก็อยากไปถือศีลนุ่งขาวห่มขาวเหมือนกัน...เอ หรือให้ผมไปถือศีลกับคุณดาวด้วยได้ไหมครับ”
“ถ้าคุณจ๊อบไป ดาวก็ว้าวุ่นใจแย่สิคะ คงไม่มีสมาธิหรอกค่ะ”
ชนะชัยยิ้มภูมิใจ
“ไปแป๊บเดียวคงไม่เป็นไรมั้งครับ อยากเห็นว่าเป็นยังไงบ้าง”
“เอางั้นก็ได้คะ ไว้ดาวจะโทรมาชวนแล้วกันนะคะ”
“งั้นผมจะรอนะครับ ผมไปแน่ๆครับ”
ชนะชัยยิ้มให้ นับดาวฝืนยิ้ม
ในคลินิกปราบสัตวแพทย์...ปราบกับแก้วมองสัตว์ที่อยู่ในกรงซึ่งมีผ้าคลุมอยู่อย่างลำบากใจ ตรงหน้าของทั้งสองคือเด็กผู้ชายคนหนึ่งมากับพ่อของเขา
“คุณหมอช่วยมันด้วยนะครับ ผมอยากเลี้ยงมันครับ มันน่ารักมากเลยครับ”
แก้วหันไปถามเด็กชายอย่างสงสัย
“หนูไปได้ลูกชะนีตัวนี้มาจากที่ไหนคะ”
“ซื้อมาจากตลาดเมื่อวันก่อนครับ”
“หนูรู้มั้ยคะ ว่าคนที่เขาเอาชะนีตัวนี้มาขายหนูน่ะ เขาต้องฆ่าพ่อฆ่าแม่มันให้ตายก่อน ถึงจะเอาลูกชะนีมาได้”
เด็กชายได้ยินสิ่งที่แก้วบอกก็ถึงกับอึ้ง สั่นหน้า ปราบหันไปหาพ่อเด็ก
“สิ่งที่คุณพ่อทำมันผิดกฎหมายนะ”
พ่อหน้าเหวอ
“เหรอครับ”
“ชะนีเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ห้ามซื้อขายห้ามเลี้ยง”
“เอ่อ...แล้วผมควรจะทำไงดีล่ะครับหมอ”
“คุณทิ้งให้ผมดูแลนี่แหละ พอแข็งแรงดีผมจะเอาไปให้เจ้าหน้าที่เขาจัดการต่อ อีกอย่างถ้าคุณเลี้ยงเองเดี๋ยวมันก็จะตาย อ้อ...แล้วไปแจ้งตำรวจให้ไปจับคนที่เอาลูกชะนีมาขายซะด้วย”
พ่อเด็กจ๋อยไปที่ถูกปราบดุ
“ครับๆ”
พ่อพาเด็กออกไป สวนกับตะวันวาดที่เดินเข้ามา ปราบหันไปสั่งแก้ว
“แก้ว ฝากดูไอ้ตัวน้อยนี่ด้วยนะ”
แก้วพยักหน้า ปราบเดินมาหาตะวันวาด
“ว่าไงตะวัน”
“คุณอากินข้าวเย็นหรือยังครับ”
“ยังเลย มีอะไรเหรอ”
“เอ่อ คุณแม่ผมน่ะครับ...เขาบอกมีธุระอยากคุยกับคุณอา”
ตะวันวาดดูมีพิรุธ แต่ปราบไม่ได้ใส่ใจอะไร
“ได้สิ”
“คุณแม่เลยให้ผมมานัดคุณอาน่ะครับ”
“เอาสิ จะให้อาไปเจอที่รีสอร์ตเลยมั้ยล่ะ”
ปราบถามอย่างกระตือรือร้น เพราะคิดว่าสุนทรีมีธุระ
ค่ำนั้น...ปราบเดินเข้าในร้านอาหาร เจอสุนทรีนั่งอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงเดินเข้ามานั่งด้วย
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ คงเบื่ออาหารที่รีสอร์ตสินะครับ ถึงได้นัดผมมาที่นี่”
สุนทรีชะงักไปนิดหนึ่ง
“แต่...คุณปราบนัดฉันไม่ใช่เหรอคะ ตะวันวาดบอกว่า...”
สุนทรีกับปราบมองกันแล้วยิ้มให้กันเขินๆทั้งคู่ เมื่อรู้ว่าเป็นแผนของตะวันวาด
“เอ้า ไหนๆเราก็มาแล้วงั้นเราก็หาอะไรทานกันเลยนะครับ”
“ขอโทษด้วยนะคะที่ลูกชายของฉันก่อเรื่องให้คุณปราบอีกแล้ว ท่าทางเขาคงกลัวแม่เหงา”
“ผิดกับยัยน้อยหน่าเลยครับ รายนั้นกันท่าพ่อตัวเองสุดชีวิต”
“แล้วอยู่คนเดียวอย่างนี้ คุณปราบรู้สึกเหงาบ้างหรือเปล่าคะ”
“ก็มีบ้างครับ โชคดีที่ตัวผมเองงานยุ่งมาก เลยไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้มากนักหรอกครับ”
“ยังคิดถึงคุณปรายฟ้าอยู่เหรอคะ”
ปราบเงียบไป
“ขอโทษนะคะ ถ้า...”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ...ที่ผมเงียบเพราะไม่รู้จะตอบยังไง ผมอยากเจอเขาอีก แต่เขาเป็นสาเหตุที่
ทำให้ผมอยู่คนเดียวมาจนวันนี้หรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ”
ปราบเงียบไป
ในอดีต...ปราบยังเป็นนักศึกษานั่งรอเรียกชื่อบริจาคเลือดอยู่ที่โรงพยาบาล ปรายฟ้าซึ่งเป็นนางพยาบาลเรียกชื่อเขา
“คุณปราบศึก”
ปราบลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะของปรายฟ้า
“ข้างไหนดีคะ”
“ข้างไหนก็ได้ครับ”
ปราบถลกแขนเสื้อ เงยหน้าแล้วก็ตะลึงเมื่อเห็นหน้าของหญิงสาว ปรายฟ้ายิ้มหวานให้ ปราบลงนั่งเก้ๆกังๆ
“บริจาคเลือดครั้งแรกเหรอคะ”
“ครับ”
“ฉันก็เพิ่งจะเจาะเลือดผู้บริจาคครั้งแรกเหมือนกัน”
ปราบหน้าตื่น
“หา”
ปรายฟ้ายิ้มขำๆ
“ล้อเล่นน่ะค่ะ ครั้งแรกน่ะครั้งแรกของที่โรงพยาบาลนี้ ฉันเพิ่งย้ายมาบรรจุน่ะค่ะ”
“ผมเรียนอยู่ที่นี่ครับ”
“อ้าว เป็นหมอเหรอคะ”
“สัตวแพทย์ครับ ผมชื่อปราบครับ”
“ฉันชื่อปรายฟ้าค่ะ”
ปรายฟ้าจิ้มเข็มลงในเส้นเลือด ปราบสะดุ้งเล็กน้อยทั้งสองยิ้มให้กัน
โปรดติดตามตอนต่อไป
หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ปราบนั่งอยู่ในรถที่จอดหน้าร้านอาหาร มองดูรูปถ่ายเก่าๆรูปคู่ของเขากับปรายฟ้าสมัยเป็นนักศึกษาที่เก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ ชายหนุ่มถอนใจเบาๆ เก็บกระเป๋า แล้วขับออกไป เจิดแอบอยู่กับสาวคาราโอเกะที่ห้องแถวริมถนน
“อู๊ย เกือบไปแล้ว ถ้ารู้ว่าหนีออกมาเที่ยวเกะล่ะก็ โดนเตะแน่ๆ ฮิๆ รอดตัวไป”
เจิดพาสาวเข้าไปนั่งในร้านนั้น สักครู่นักสืบที่เอมี่จ้างมา กำลังเดินเอารูปนับดาวถามลูกค้าทีละโต๊ะ จนมาถึงโต๊ะของเจิด
“ลูกพี่ครับ ขอรบกวนเวลานิดนึงนะครับ ลูกพี่เห็นคนในภาพนี้ไหมครับ”
เจิดดูแวบหนึ่ง
“คุณนับดาวนี่ ใช่มั้ย”
“ครับๆ ลูกพี่รู้จักด้วยเหรอครับ”
“รู้จักดีเลย สนิทกัน เขาเป็นคนงานที่ไร่ผมเอง”
นักสืบแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“อะไรนะ...คนงาน...ลูกพี่หมายความว่ายังไงครับ”
“ก็คนงานในไร่ ตักขี้วัว ให้ข้าวหมู อาบน้ำม้า”
“โอ้ว์”
“แล้วมีความลับด้วยนะ มีผมคนเดียวที่มองออก อยากรู้มั้ย”
“อยากสิครับ ผมชอบรู้เรื่องความลับมากๆเลยครับ”
“คุณนับดาวนี่เค้าปิ๊งเจ้านายผม”
เจิดเล่าอย่างสนุกสนาน
เอมี่มีหนังสือซุบซิบบันเทิงฉบับหนึ่ง มีรูปตอนนับดาวอุ้มหมาป๊อกแป๊กส่งให้เธอ เอมี่อ่านข่าว
“นับดาวว้าวแซ่บเจอข่าวแรง เลยต้องโผล่โชว์หน้าท้องเนียนกิ๊งบวกโชว์กระโดดเตะสูงสยบข่าวลือซะเหี้ยนเตียน แถมสวมบทนางเอก อุ้มน้องหมามาคืนเอมี่แบบทะนุถนอม หลังจากที่น้องหมาโดนเอมี่สำรอกด่าแถมเอาของเขวี้ยงใส่ งานนี้ต่อให้คนตาบอดก็ดูออกว่า ใครเป็นแม่มดใครเป็นนางฟ้าตัวจริง...”
เอมี่ขยุ้มหนังสือทั้งเล่มปาลงพื้น
“ไปเกิดใหม่ซะไป...เล่มก่อนแกยังด่ามันไปทำแท้งอยู่เลย ไอ้หนังสือสับปลับ”
ทันใดนั้น มือถือดังขึ้น เอมี่ดูเบอร์แล้วรับสาย
“หวัดดีค่ะคุณนักสืบ...ค่ะ รายงานมาได้เลยค่ะ...อะไรนะคะ...เหรอคะ...หา...”
เอมี่วางสายยิ้มกริ่ม
“ยัยนับดาวเนี่ยนะไปทำงานในไร่...ฉันล่ะไม่อยากเชื่อเลย”
สักพักมือถือก็ส่งสัญญาณมีข้อความเข้า เอมี่กดดู มีรูปนับดาวทำงานในไร่ปราบ เอมี่เห็นแล้วถึงกับตาโต
นักสืบปลอมเป็นคนงาน แอบถ่ายรูปนับดาวตอนทำงานในไร่ แล้วส่งเอ็มเอ็มเอสให้เอมี่ เขามองซ้ายมองขวา เห็นไม่มีใครสนใจก็แอบถ่ายต่อ จนนับดาวเดินลับไป นักสืบกำลังจะเก็บกล้อง ก็มีมือคนมาคว้าข้อมือเขา นักสืบหันมาเจอปราบ
“คุณเป็นใคร มาทำอะไรในไร่ผม”
นักสืบทำเสียงบ้านนอกๆ
“เอ่อ ผะ ผมเป็นคนงานมาใหม่น่ะครับ”
“อย่าเสียเวลาเลยน่ะ ผมจำคนงานในไร่ผมได้ทุกคน”
“ผมไม่รู้เรื่องจริงๆครับ”
ปกป้องเดินมา
“มีอะไรรึเปล่าปราบ”
“หมอนี่ปลอมเป็นคนงานในไร่เราครับ แอบถ่ายรูปอะไรซักอย่าง พอถามก็ไม่ยอมตอบ”
“ผม...ผมเป็นคนงานจริงๆครับ”
“งั้นอาเอง เมื่อก่อนตอนอาติดคุกที่เมืองนอก เวลาตำรวจจะซ้อมคนร้าย มันเลี่ยงกฎหมายด้วยการให้นักโทษทรมานแทน อาก็ไปช่วยมันอยู่บ่อยๆ ยังพอจำได้ว่าทำอะไรบ้าง”
ปกป้องพูดโหดๆ นักสืบมองหน้าปกป้องอึกอัก
ปกป้องกับปราบจับนักสืบมาที่คอกม้า แล้วถอดเสื้อผ้าเหลือแต่กางเกงบ็อกเซอร์มัดมือไพล่หลังกับเสา ขาโดนจับกางแยกออกกระดุกกระดิกไม่ได้ ปราบรื้อกระเป๋าตังค์ของนักสืบ เปิดดูรูปในโทรศัพท์มือถือ
“ไม่เจอบัตรหรือหลักฐานอะไร นอกจากรูปถ่ายคุณนับดาว”
“ตกลงแกไม่บอกใช่มั้ย ว่าแกเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่”
นักสืบยังปากแข็ง
“ผม...ผมเป็นคนงานจริงๆ ครับผมไม่คิดทำอะไรผิดๆเลยนะครับเจ้านาย”
ปกป้องเดินไปจูงเฉาก๊วยเดินถอยหลังเข้ามา นักสืบหน้าเหวอ
“จะ เจ้านายจะทำอะไรน่ะ”
“เดี๋ยวจะบอกให้ฟัง”
ปกป้องพาเฉาก๊วยเดินถอยหลังมาอยู่ใกล้ๆนักสืบ ปกป้องเดินมาอยู่แถวๆบั้นท้ายเฉาก๊วย เงื้อมือเหนือสะโพกเฉาก๊วย
“ฉันจะตบมือลงไปที่ก้นมันอย่างแรง แรงมาก แรงจนมันโกรธ และก็จะเตะฉัน แต่ว่าฉันไม่ได้ยืน
ที่ก้นมัน ดังนั้นที่มันจะเตะก็คือ...ป๋องแป๋งของแก”
นักสืบหน้าซีดเผือด จ้องที่เท้าเฉาก๊วย ปราบแกล้งทำเป็นทนดูไม่ได้ เบือนหน้าไปทางอื่น เฉาก๊วยสะบัดหน้า ร้องฮี้ ท่าทางหงุดหงิดอะไรไม่รู้ ปกป้องตะคอก
“จะบอกไม่บอก”
ปกป้องเงื้อมือ มองหน้า นักสืบเม้มปากแน่น ปกป้องฟาดมือลงตบสะโพกม้าเสียงดังเพียะม้าดีดดังพั่บตามมาด้วยเสียงนักสืบร้องลั่น โหยหวน
“อ๊ากก...โอยย”
นักสืบบิดตัวไปมา หน้าเขียวคล้ำ หายใจปะงาบๆ ปกป้องเงื้อมือขึ้นจะตีเฉาก๊วยอีกครั้ง นักสืบรีบบอก เสียงแหบเสียงแห้ง
“อย่า...อย่าครับ...ผมบอกแล้ว ผมชื่อวรพัฒน์ เป็นนักสืบอิสระครับ...คุณเอมี่เป็นคนจ้างผมให้มาสืบเรื่องคุณนับดาวครับ...”
ปราบขับรถมาจอดหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ริมถนนใหญ่ ปกป้องนั่งข้างปราบ นักสืบนั่งอยู่ด้านหลัง ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แต่หน้ายังซีดอยู่ ปราบพูดขึ้นเรียบๆ
“ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรเสียหาย กินยาที่ผมให้ซัก 3-4 วัน เดี๋ยวก็หายบวมแล้ว แต่เรื่องห้อเลือด
คงใช้เวลาหลายวันหน่อย”
ปกป้องจ้องหน้านักสืบอย่างเอาเรื่อง
“แล้วอย่าลืมว่าถ้าคุณไม่ถอนตัวจากงานนี้ หรือยังมีเล่ห์เหลี่ยมอะไร ผมจะเอารูปนู้ดของคุณประจานลงอินเตอร์เน็ต ให้คุณหมดอาชีพทำมาหากินเลย เข้าใจไหม”
นักสืบพยักหน้า ปราบเปิดล็อค นักสืบเดินกะย่องกะแย่งลงไปช้าๆ ปราบมองตามไปด้วยความสงสาร ปกป้องหันมาถามปราบ
“แล้วเอาไงต่อ แกจะบอกคุณนับดาวมั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น”
“อย่าเพิ่งบอกเลยครับอา รอดูสถานการณ์ก่อนดีกว่า”
ปราบขับรถออกมา
เอมี่ลงจากรถ อยู่ที่หน้าประตูร้านกาแฟ พยายามโทรหานักสืบ แต่ติดต่อไม่ได้
“เอ ทำไมติดต่อคุณวรพัฒน์ไม่ได้เลยนะ ไหนบอกจะส่งรูปชัดๆมาให้ แล้วหายเงียบไปเลย ไอ้รูปที่ส่งมามันก็ดันไม่ชัดซะอีก”
เอมี่ตัดสินใจเก็บมือถือ แล้วเดินเข้าไปในร้านกาแฟ พบชนะชัยที่นั่งรออยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะ คุณจ๊อบ”
“สวัสดีครับคุณเอมี่”
“คุณจ๊อบคงแปลกใจนะคะ จู่ๆเอมี่ก็นัดคุณมาแบบนี้”
“ครับ”
“แต่รับรองว่าเรื่องที่เอมี่จะบอกคุณเนี่ย ถ้าคุณได้รู้ คุณจะแปลกใจมากกว่าอีกค่ะ”
“เรื่องเกี่ยวกับอะไรเหรอครับ”
“เกี่ยวกับคุณนับดาวน่ะค่ะ”
“รู้สึกช่วงนี้คุณดาวจะมีข่าวลือเยอะจัง”
“อันนี้ไม่ใช่ข่าวลือค่ะ”
“แล้วเรื่องที่ว่านั่นมันเป็นยังไงเหรอครับ อย่าบอกนะครับว่าเรื่องทำแท้งอันนั้นข่าวเก่าแล้ว”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ”
เอมี่เงียบไปพักหนึ่ง
“คุณจ๊อบเคยดูละครแบบตบจูบตบจูบไหมคะ”
“เคยดูบ้างครับ ทำไมเหรอครับ”
“คือว่าตอนนี้เอมี่ได้ข่าวว่านับดาวหลงรักผู้ชายซาดิสม์คนหนึ่ง เป็นความรักแบบตบจูบตบจูบแบบนั้นเลยล่ะค่ะ”
ชนะชัยอึ้ง ก่อนจะหัวเราะ
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ คุณเอมี่เอาอะไรมาพูด”
“จริงนะคะคุณจ๊อบ นับดาวเขาหลงรักผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบจับหัวเขากดถังขี้หมูน่ะค่ะ”
ชนะชัยทำหน้าพิกล
นับดาวนั่งกินกาแฟคุยกับอลิสาอยู่ที่ร้านกาแฟ นับดาวทำตาขวายิบๆ อลิสามองอย่างสงสัย
“เป็นอะไร ผงเข้าตาเหรอ”
“ไม่รู้สิคะ จู่ๆตามันก็เขม่นๆยังไงไม่รู้”
“ข้างขวาซะด้วยสงสัยจะมีเรื่องร้ายๆ”
“โห ที่ผ่านมายังร้ายไม่พออีกเหรอคะน้าอะซ่า”
“ตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่มีแต่เรื่องยุ่งๆ น้าว่ากลับกรุงเทพกันเถอะนะ ส่วนเรื่องที่เรื่องทางน่ะ ไปปรึกษาทนายดีกว่าว่าจะทำยังไงได้บ้าง น้าว่าอาจจะดีกว่านะ”
“ดาวเคยคิดเรื่องขึ้นศาลมาแล้ว แต่กว่าศาลจะตัดสินเสร็จ มีลูกๆก็บวชพอดี บวกอุธรณ์ฎีกา ลูกได้เป็นเจ้าอาวาสเรียบร้อยแล้ว”
“แต่ถ้าเธอไม่ทำอะไรเลย มันก็นานเหมือนกัน เผลอๆนานกว่าฟ้องศาลด้วย”
“ดาวเข้าใจค่ะ...แต่ตอนนี้ดาวมีเรื่องอยากให้น้าอะซ่าช่วยทำน่ะค่ะ”
“เรื่องอะไร ว่ามาเลย”
“เรื่องไข้หวัดนกที่ว่าไงคะ”
อลิสาอึ้งไปครู่หนึ่ง
“อย่าบอกนะว่า...เธอจะให้อาลงมือ”
“ก็ดาวไม่กล้านี่คะ”
อลิสาอึ้งไป
“แต่ว่า...มันบาป...”
“บาปนิดหน่อยค่ะ เพราะถ้ามันไม่ติดเชื้อหวัด มันก็ต้องถูกคนกินอยู่ดี ถึงไม่ถูกคนกิน มันก็ต้องแก่ตายตามกฎอนิจจังวัฎสังขารา”
“แต่ว่า...”
อลิสาหนักใจ
นับดาวเดินเข้ามาในคอกม้า เจอปราบกำลังแปรงขนเฉาก๊วยอยู่
“นี่ที่ทำงานคุณนะ ไม่ใช่รีสอร์ตมาเที่ยวพักผ่อน”
นับดาวกำลังอารมณ์ดีๆ ชะงักทันที
“หมายความว่าไง”
“นึกอยากไปก็ไป นึกอยากจะมาก็มา แรกๆผมไม่อยากบ่นเพราะคุณอาจจะไม่คุ้น แต่นี่ก็ตั้ง
นานแล้ว หัดทำตัวตามระเบียบแบบพนักงานคนอื่นซะบ้าง”
“ฉันไม่ใช่พนักงานคนอื่น”
“กะอีแค่ทำท่าว้าวแซ่บบ้าๆบอๆแบบนั้นได้ ไม่ได้ทำให้คุณวิเศษกว่าพนักงานคนอื่นหรอกนะ ครั้งหน้าถ้าคุณขาดงานโดยไม่แจ้งอีก ผมจะลงโทษคุณตามระเบียบ”
“ทำอะไร เอาหัวจุ่มถังข้าวหมูอีกรึไง”
“ป่าว แต่ผมจะเอาเหม็นๆที่อาบเจ้าเฉาก๊วยนี่แหละราดคุณ”
นับดาวตกใจ
“อย่านะ ทุเรศที่สุด ผู้ชายพันธุ์ไหนเนี่ย ชอบรังแกผู้หญิง...ชอบใช้กำลังกับผู้หญิง ถ่อยสุดๆ”
“พูดอย่างนี้ว่าผมใช่มั้ย ได้”
ปราบวางแปรงลง หยิบถังน้ำที่มีน้ำสกปรกย่างสามขุมมาหานับดาว
“นี่เอาจริงเหรอ...อย่านะ...ทุเรศมาก อย่าเข้ามานะ”
ปราบทำท่าจะสาดน้ำ นับดาวหลับตาร้องวี้ดว้ายวิ่งหนีไป ในที่สุดปราบก็จับตัวเธอได้แล้วเอาน้ำสาดจนได้ นับดาวร้องกรี๊ดอยากจะขย้ำเขาเสียเต็มประดา ทันใดนั้นเสียงชนะชัยดังขึ้น
“คุณดาว”
นับดาวหันมาเจอชนะชัยและปกป้อง ปกป้องเป็นคนขับเอทีวีพาชนะชัยมาที่นี่ นับดาวหน้าเหวอ
“คุณจ๊อบ”
“คุณดาว...คุณชอบแบบนี้เหรอครับ”
“แบบไหนอะไรคะ”
“แบบชอบใช้ความรุนแรงน่ะสิ”
นับดาวที่ยังเปียกมะล่อกมะแล่กงง แต่ชนะชัยดูผิดหวังสุดๆ เดินกลับออกไปหาปกป้อง พูดอะไรบางอย่าง ปกป้องไม่ว่าอะไร ขับรถพาชนะชัยกลับออกไป นับดาวรีบวิ่งตามไป
“คุณจ๊อบ เดี๋ยวค่ะ คุณจ๊อบ”
ปราบเดินตามมา
“ใครเหรอ”
“เขาชื่อจ๊อบ เขาเป็นแฟนฉัน”
ปราบอึ้งไป
โปรดติดตามตอนต่อไป
หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ชนะชัยเดินตรงไปที่รถของเขาที่จอดอยู่ ขณะเดียวกันปราบก็ขับรถอีกคันมาส่งนับดาว หญิงสาวรีบลงจากรถมาหาชนะชัย
“เดี๋ยวค่ะ คุณจ๊อบ มันไม่ใช่อย่างที่คุณพูดนะ คนละเรื่องเลย”
ชนะชัยแววตาเจ็บปวด
“ไม่เป็นไรครับ ผมพอจะทำใจได้ คุณเอมี่เขาอธิบายให้ผมฟังหมดแล้ว”
นับดาวอึ้งงง
“เอมี่...เขาอธิบายอะไรให้คุณฟังคะ”
“คุณเป็นคุณหนู โตมาแบบอยากได้อะไรก็ได้ อยู่สูงกว่าทุกคน แต่จริงๆแล้วคุณไม่มั่นใจในตัวเอง ลึกๆแล้วคุณรู้สึกผิดและต้องการผู้นำ คุณชอบถูกทำโทษชอบถูกคนแกล้งแต่ที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าลงโทษคุณ จนกระทั่งคุณมาเจอเขา เขาชอบแกล้งคุณ ใช้ความรุนแรงกับคุณ คุณเลยหลงรักเขา”
นับดาวหน้าเหวอ
“โอ้โห แต่งเรื่องเป็นตุเป็นตะเลยนะยัยเอมี่ แล้วคุณจ๊อบก็เชื่อยัยนั่นอีก”
“เปล่า ผมไม่เชื่อ ผมเลยมาดูให้เห็นกับตาตัวเอง...ผมเห็นคุณโดนเขาสาดน้ำ แต่คุณกลับกรี๊ดกร๊าดถูกอกถูกใจ...ผมผิดหวังมากที่คุณชอบอะไรซาดิสต์ๆแบบนี้”
“นี่ ก่อนที่คุณจะปักใจเชื่ออะไรน่ะ ฟังดาวอธิบายก่อนได้มั้ยคะ”
ชนะชัยชะงัก
“คุณดาวจะอธิบายว่าไงเหรอครับ...เอาตั้งแต่เรื่องที่คุณดาวบอกมาบวชชีพราหมณ์ แล้วทำไม
คุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ รวมทั้งเรื่องที่คุณชอบซาดิสต์ด้วย”
“คืองี้ค่ะ...”
นับดาวทำเป็นสูดลมหายใจบ้างอะไรบ้าง ถ่วงเวลาแต่งเรื่องสดๆในสมอง
“ผู้ชายคนนั้นน่ะเขาชื่อปราบ...เขาเป็นเจ้าของไร่ที่นี่ เขาเป็นญาติดาวเอง แล้วเขาก็ อยากเข้าวงการ”
ชนะชัยงงๆ
“อยากเข้าวงการ”
นับดาวพยักหน้า
“อื้อ คือเขาทำไร่มาตลอดชีวิต แล้วเขาก็เบื่อ จู่ๆก็อยากเข้าวงการบันเทิง อยากเป็นดารา อยาก
เป็นพระเอกหนังเคาบอย...คุณก็ดูพวกเขาแต่งตัวสิ”
ชนะชัยดูปราบกับปกป้อง ปราบกับป้องยิ้มให้ ปกป้องเอานิ้วแตะขอบหมวกเท่ๆด้วย
“ครับ แล้วคุณดาวไปเกี่ยวอะไรกับพวกเขาด้วยล่ะครับ”
“จริงๆก็เป็นญาติแบบไม่สนิทน่ะค่ะ แต่พอเค้ารู้ว่าดาวมาบวชอยู่แถวนี้ เขาเลยไปตามตื๊อดาวที่วัด แถมยังรบกวนคนปฎิบัติธรรมคนอื่นด้วย ดาวน้ำท่วมปาก จะไล่ก็ไม่ได้ เลยต้องมาอยู่ที่นี่กับเขาพักหนึ่ง เพื่อช่วยหาทางพาเขาเข้าวงการ”
“คุณดาวทำแบบนี้ไม่ถูกนะครับ น่าจะพูดกับเขาตรงๆไปเลย ผมไปพูดให้ก็ได้”
“อย่าเลยค่ะ ดาวจะหาวิธีที่มันละมุนละม่อมหน่อย...เดี๋ยวดาวจะให้เพื่อนๆมาฟอร์มทีมถ่ายหนังให้พวกเขา ตอนนี้ก็ให้พวกเขาท่องบทซ้อมบทกันไปก่อน พอหนังเสร็จก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะค่ะ”
ชนะชัยมองพวกปราบ
“งั้นที่เขาสาดน้ำคุณดาวเมื่อกี้...”
“ซ้อมบทกันน่ะค่ะ”
ชนะชัยพยักหน้าเข้าใจ หันไปจ้องพวกปราบเขม็ง
“คนพวกนี้นิสัยแย่มาก มาทำกับคุณดาวของผมอย่างนี้ได้ยังไง ผมไปคุยกับพวกเขาหน่อยดีกว่า”
นับดาวรีบขัด
“เอ่อ...อย่าเพิ่งเลยดีกว่าค่ะ คุณจ๊อบใจเย็นๆแล้วไปรอในบ้านก่อนดีกว่าค่ะ ให้ดาวไปเตี๊ยม เอ๊ย ไปคุยกับคุณปราบก่อน จะได้ไม่มีอะไรรุนแรง เห็นใจดาวที่เป็นคนกลางด้วยนะคะ”
“ได้ครับ ผมจะไปรอข้างใน”
ชนะชัยเดินตรงไปที่บ้าน นับดาวรีบเดินไปหาปราบกับปกป้อง ดึงสองคนมาที่บริเวณลับตาคน ข้างบ้าน เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
“คุณสองคนช่วยฉันทีเถอะนะ ช่วยทำตามที่ฉันบอกทีเถอะ”
ปราบไม่พอใจ
“ทุเรศน่ะ ผมไม่ด่าคุณก็ดีแค่ไหนแล้วที่หาว่าผมกับอาเป็นพวกโรคจิตอยากเข้าวงการเนี่ย ยังมี
หน้ามาขอให้เล่นละครช่วยคุณอีกเหรอ ฝันไปเถอะ”
“ผมก็ไม่เอาด้วยคน...ถามหน่อยทำไมคุณดาวต้องโกหกเขาด้วย เป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ ก็บอกเขาไปตรงๆสิ คุณมาทำงานที่นี่เพื่อให้ไอ้ปราบขายที่ให้คุณ มันก็จบแล้ว”
“เรื่องมันยาวน่ะค่ะ...”
ปราบกับปกป้องมองหน้า นับดาวอึ้งไป
“เหนื่อยแล้วนะ”
ปราบชะงัก
“ว่าไงนะ”
นับดาวรีบแก้
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันบ่นกับตัวเองน่ะ...เล่าให้ฟังก็ได้ คืองี้ คุณชนะชัยน่ะเขาเป็นนักธุรกิจ เขาไม่
ชอบทำบุญ ถ้าเขารู้ว่าฉันมาที่นี่เพื่อจะเอาที่ดินไปขายแล้วเอาเงินไปทำบุญ เขาต้องโกรธฉันแน่ๆ ฉันเลยต้องหาเรื่องอื่นมาบังหน้าไว้...เข้าใจรึยัง”
“เข้าใจ แต่ไม่เกี่ยวกับผม ผมว่าผมไปเล่าความจริงให้เขาฟังดีกว่า เผื่อเขาจะได้ลากตัวคุณกลับ
กรุงเทพไปซะให้พ้นหูพ้นตาผมซะที
“คุณปราบ อย่านะ ฉันขอร้อง”
ปราบไม่สนใจ เดินไปจะเข้าบ้าน นับดาวรีบวิ่งไปขวาง
“ถ้าคุณไปเล่าความจริงให้เขาฟัง...ไก่คุณจะตายหมดเล้าแน่”
ปราบจ้องหน้า
“หมายความว่ายังไง”
“ฉันบังเอิญรู้ความลับมาเรื่องหนึ่งว่ามีคนไม่หวังดีกับไร่คุณ จะเอาเชื้อไข้หวัดนกมาแพร่...ถ้าอยากหยุดการก่อการร้ายครั้งนี้ คุณต้องทำตามที่ฉันบอก”
“นี่ จนมุมขนาดแต่งเรื่องโกหกกันหน้าด้านๆเลยเหรอ”
“คุณช่วยฉันเล่นละครไปก่อนนะ ถ้าที่ฉันพูดมาเป็นเรื่องจริง ก็ถือว่าเราแลกกัน แต่ถ้าพบว่าฉัน
โกหก คุณค่อยบอกความจริงให้คุณจ๊อบให้รู้ทีหลังก็ได้นี่”
ปราบเงียบไป ปกป้องเห็นดีด้วย
“ก็แฟร์ดีว่ะปราบ ถ้าไม่จริงเราไม่เสียหายอะไร แต่ถ้าจริงขึ้นมา เราเสียไก่ยกฟาร์มเลยนะ ไร่เรา
อาจถึงขั้นเจ๊งได้”
ปราบถอนใจเซ็งๆ
“ตกลง แล้วคุณจะบอกเรื่องที่ว่านั่นเมื่อไหร่”
“เดี๋ยวนี้...เพราะคนร้ายกำลังจะลงมือแล้ว”
นับดาวจอบกลับทันที
ปราบคุยกับชนะชัย โดยมีนับดาวอยู่ด้วย ชนะชัยต่อว่าทันที
“คุณรู้ตัวไหมครับว่าสิ่งที่คุณทำอยู่น่ะ เป็นการรบกวนคุณนับดาวมากเกินไป”
“ครับ ก็พอรู้ตัวอยู่บ้าง แต่ทำไงได้ คนมันอยากดัง”
“รู้ตัวแล้วยังทำ คุณไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจคนอื่นบ้างเลยเหรอไง”
“แล้วที่คุณเข้ามาในบ้านผม มาทำสั่งสอนผมเนี่ย คุณเกรงใจผมบ้างมั้ย ผมกับยัยดาวเป็นญาติกัน ไม่เกรงใจกันยังพอพูดได้ แต่คุณไม่ได้เป็นอะไรกับผม แล้วมาทำใหญ่อย่างงี้ ตอนออกจากบ้านผมนี่อยากบินออกไปใช่มั้ย”
“นี่คุณเป็นญาติคุณนับดาวจริงๆเหรอ ทำไมทำตัวอุบาทว์แบบนี้”
ปราบหัวเราะ
“คุณไม่ใช่ญาติเขาคุณไม่รู้หรอก ยัยนี่ตัวจริงอุบาทว์กักขฬะกว่าผมอีก อุบาทว์มากๆเลยจะบอกให้ คุณเป็นแฟนเขาได้ยังไงผมยังงงอยู่”
นับดาวที่นั่งข้างๆปราบ ตบหลังเขาอั่ก
“อย่ามาอำแฟนฉันอย่างงี้สิพี่ปราบก็...”
นับดาวแอบหยิกอีกที ปราบสะดุ้งโหยง
“ผมรู้เรื่องจากคุณดาวหมดแล้ว เมื่อไหร่ถ่ายหนังเสร็จ ผมขอให้คุณเลิกยุ่งกับคุณดาว ถ้าไม่งั้น
ล่ะก็...ผมจะใช้อิทธิพลที่ผมมีเล่นงานคุณ”
ปราบฉุนกึก
“จะเล่นงานผมเหรอ ถุย...เอ๊ย...ขอโทษ ไม่ต้องมาขู่ผมหรอก”
“ผมไม่ได้ขู่ ผมเตือน ผมรู้จักนักการเมืองใหญ่ๆหลายคน เล่นงานคุณน่ะไม่ยากหรอก...”
“ผมไม่กลัวคุณหรอกนะ แต่เอางั้นก็ได้ ถ่ายหนังเสร็จเมื่อไหร่ผมจะเลิกยุ่งกับยัยดาว ไง...พอใจรึ
ยัง”
“ดีมาก หวังว่าคุณจะทำตามที่พูด...” ชนะชัยหันไปหานับดาว “คุณดาว ผมไปก่อนนะครับ”
“ค่ะ เดี๋ยวดาวไปส่งค่ะ”
นับดาวเดินควงแขนชนะชัยออกไป ปราบมองตามไปเห็นภาพนี้แล้วรู้สึกบาดใจโดยไม่รู้สาเหตุ นับดาวยื่นหน้าเข้าไปพูดอะไรบางอย่าง ชนะชัยยิ้มกริ่มแล้วขึ้นรถขับรถออกไป นับดาวโบกมือบ๋ายบายให้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
อลิสาสวมหมวกไหมพรมปกปิดหน้าตา คาดหน้ากากอนามัย ย่องๆมาแอบซุ่มอยู่ข้างโรงเลี้ยงไก่ เธอสวมถุงมือ เธอถือถุงดำใบหนึ่ง มัดปากถุงมิดชิดก่อนจะเปิดปากถุงแง้มๆดู ข้างในมีซากไก่ตายเน่าอยู่ 3-4 ตัว อลิสาปิดปากถุง ย่องๆเข้าไป เห็นรอยแตกเล็กๆ เธอเอาไม้งัด แอบมองลอดเข้าไปในโรงเลี้ยงไก่เห็นไก่เต็มไปหมด
“ขอโทษนะจ๊ะ ไก่ทั้งหลาย...ยกโทษให้ฉันด้วยนะ”
อลิสาล้วงลงไป หยิบไก่เน่าขึ้นมา จะยัดใส่รู แต่ลังเลรีบเก็บซากไก่ลงถุงดำ
“ไม่ได้ ฉันทำไม่ได้”
อลิสานั่งทำใจอยู่ครู่หนึ่ง หยิบซากไก่ขึ้นมาอีก แต่พอมองไปเห็นไก่ในเล้าเธอก็ใจอ่อน เก็บซากไก่ลงถุง มัดปากถุงมิดชิด
“ขอโทษนะดาว น้าทำไม่ได้”
อลิสากำลังจะย่องออกมา ปกป้องเดินมาข้างหลังโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลย ปกป้องรอจังหวะแล้วพุ่งเข้าชาร์จชนเธอกระเด็น อลิสาจุกแอ้ก กองกับพื้น ปกป้องหยิบถุงมาเปิดดู แล้วรีบปิดปากถุงทันที ก่อนจะเดินเข้ามาหา
“ใครใช้แกมา บอกมาเดี๋ยวนี้จะบอกหรือไม่บอก”
ปกป้องยกเท้าจะกระทืบ อลิสารีบยกมือห้าม
“อย่าค่ะ”
ปกป้องชะงัก จำเสียงได้
“เสียงหวานๆ แบบนี้นี่...”
ปกป้องก้มลงดึงหมวกไอ้โม่งแล้วดึงหน้ากากอนามัยที่ใส่อีกชั้นออก อลิสาฝืนยิ้มให้
โปรดติดตามตอนต่อ
หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ปราบโกรธจัด จับแขนนับดาวกดกับผนังจ้องหน้าราวจะกินเลือดกินเนื้อ
“ใจคอคุณจะฆ่าไก่ผมล้างคอกเลยเหรอไง หา”
“ใช่”
ปราบชี้หน้านับดาว
“คุณ...คุณ...”
“แต่อย่าลืมนะว่าที่ไก่ของคุณยังปลอดภัยอยู่ ก็เพราะฉันเป็นคนบอกเรื่องนี้เอง”
“คุณยังมีหน้ามาอ้างบุญคุณอีกเหรอ คุณวางแผนเอง แล้วก็เอาเรื่องนี้มาต่อรองให้ผมช่วยคุณ
อีก เกิดมาผมไม่เจอคนที่ไหนหน้าด้านเท่านี้มาก่อนเลยจริงๆ”
“แน่นอน ฉายานับดาวว้าวแซ่บน่ะไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วยหรอกนะ”
“ยังจะภูมิใจได้อีก คุณมันเป็นคนสปีชีส์ไหนเนี่ย”
“โฮโมเซเปี้ยนเหมือนคุณนั่นแหละ”
ปราบมองหน้านับดาว แล้วกระชากกระเป๋าเธอมา เปิดออก หยิบมือถือออกมากดๆ
“ทำอะไรน่ะ”
“โทรหานายจ๊อบแจ๊บอะไรนั่น แล้วเล่าความจริงให้เขาฟัง”
นับดาวตกใจ
“คุณจะผิดสัญญารึไง”
“สัญญาเป็นโมฆะ ก็คุณเป็นคนลงมือคิดลงมือทำเอง”
“สัญญาจะโมฆะถ้าเรื่องที่ฉันพูดเป็นเรื่องโกหก แต่นี่ฉันไม่ได้โกหกมีคนไม่หวังดีกับไร่คุณ
จริงหรือเปล่าล่ะ”
“ไอ้คนๆนั้น มันก็คือคุณนั่นแหละ”
“เป็นใครไม่สำคัญ ว่าแต่มันจริงรึเปล่า ตอบฉันมาสิ”
ปราบกำหมัด ขบกรามแน่น
“จริง”
นับดาวยักคิ้ว ยิ้มอย่างผู้มีชัย
ปราบเปลือยท่อนบน กระหน่ำขวานผ่าฟืนเปรี้ยงๆๆๆระบายโทสะ สักครู่เขาก็หอบแฮ่ก หยิบฟืนมาตั้ง
“ยัยนับดาว...อย่างเธอมันต้องเจอแบบนี้...”
ปราบกระหน่ำฟาดขวานลงไป
ปกป้องกินข้าวกับอลิสาอยู่ในร้านอาหาร
“ผมเสียใจจริงๆ ผมไม่รู้จะขอโทษคุณยังไงดี”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ก็คุณไม่รู้นี่นาว่าเป็นฉัน แถมฉันยังทำตัวดูเหมือนคนร้ายอีกต่างหาก”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...”
“ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากด้วย แค่ฟกช้ำดำเขียวนิดหน่อยเอง อลิสาดูตามแขนตัวเอง แล้วเลิกชายเสื้อดูตรงท้องตัวเองมีรอยฟกช้ำนิดหน่อย ปกป้องเห็นท้องขาวจั๊วะของเธอก็จ้องซะตาถลน อลิสาเห็นแล้วกลัวรีบปิดเสื้อ แต่ปกป้องตาลุกวาว ลุกยืนขึ้นทันที
“ขาว...ผมทนไม่ไหวแล้ว”
ปกป้องพรวดมาหา อลิสาร้องว้าย ผงะถอย
“อย่านะคุณ นี่มันร้านอาหารนะ”
ปกป้องจับมืออลิสา ตบหน้าตัวเอง
“ผมทนไม่ได้ คุณต้องตบหน้าผมเป็นการลงโทษ แค่ให้ผมเลี้ยงข้าวน่ะไม่พอหรอกครับ เนื้อขาวๆของคุณต้องมาฟกช้ำดำเขียวก็เพราะความวู่วามของผม ตบผมเถอะครับ”
คนอื่นๆในร้านหันมามอง จนอลิสากระดากอาย
“พอเถอะค่ะ พอได้แล้วค่ะ”
“ไม่ได้ครับ คุณต้องตบผมให้สมกับความผิดของผม”
“ได้ค่ะ ตบแล้วกลับไปนั่งกินข้าวต่อนะคะ”
อลิสาเงื้อมือตบหน้าปกป้องฉาดใหญ่
“อูย”
“เป็นไงบ้างคะ ฉันตบหนักไปเหรอ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรู้สึกดีขึ้นแล้วครับ แหม...เล่นซะหูวิ้งเลย”
อลิสาหัวเราะ
ปกป้องกับอลิสาไปเที่ยวกัน ถ่ายรูปกัน ทั้งสองเลือกซื้อของจากร้านขายของที่ระลึก แล้วพากันไปนั่งกินกาแฟกัน อลิสาหน้าไม่ค่อยดี
“คุณอลิสาเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“ปวดท้องค่ะ อยากเข้าห้องน้ำ แต่ไว้ก่อนก็ได้ค่ะ...คุณปกป้องคะ”
“ครับ”
“คุณเรียกฉันว่าอะซ่าก็ได้นะคะ”
ปกป้องยิ้มกว้าง
“โอ้ว เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ งั้นคุณอะซ่าก็เรียกชื่อเล่นผมก็ได้ครับ”
“ชื่ออะไรคะ”
“ชื่อนี้แม้แต่ไอ้ปราบยังไม่รู้เลย เป็นชื่อที่พวกฝรั่งเรียกผมตอนอยู่อเมริกา ปกป้องมันเรียกยาก
มันเลยเรียกผมว่า เป๊บปี้”
อลิสายิ้มขำๆ
“ชื่อน่ารักจังค่ะ เป๊บปี้”
“เรียกอีกสิครับ ฟังแล้วชื่นใจ”
“เป๊บปี้”
ปกป้องส่งสายตาหวานเยิ้ม
“ครับ”
อลิสาหัวเราะ
“ฉันดีใจนะคะที่วันนี้เราได้รู้จักกันมากขึ้น”
“เช่นกันครับ ผมน่ะปลื้มใจเลยล่ะครับที่เราสนิทกันอย่างนี้ งั้นเราไปโรงแรมกันเถอะครับ”
อลิสาอึ้ง ปกป้องยิ้มยักคิ้วให้
“รับรองว่าเป็นส่วนตัวครับ ไม่พลุกพล่าน บรรยากาศดี ใกล้แค่นี้เอง แป๊บเดียวถึง เร็วสิครับ ผมก็อยากแล้วเหมือนกัน”
อลิสาโกธรมาก ตบหน้าปกป้อง
“ฉันเสียใจจริงๆ ที่ฉันดูคนผิด”
อลิสาเดินหนีไปทันที ปกป้องกุมหน้างงๆ
“อ้าว ก็เมื่อกี้คุณบอกอยากเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ ผมก็จะพาไปเข้าที่โรงแรมไง...คุณอะซ่า คุณ
อะซ่าครับ รอผมก่อน”
ปกป้องรีบตามอลิสาไป
เอมี่คุยกับชนะชัยอยู่ในร้านกาแฟที่กรุงเทพ
“ไม่มีความรักซาดิสม์อย่างที่คุณคิดหรอกครับคุณเอมี่ ทั้งหมดมันเป็นการซ้อมละครน่ะครับ”
เอมี่ชะงัก
“ซ้อมละคร...”
“ครับ พวกเขาเป็นญาติกัน แล้วนายปราบนั่นก็ตื๊อนับดาว อยากเข้าวงการอะไรทำนองนั้นน่ะครับ”
“เอ่อ...”
เอมี่สงสัยว่าจริงเหรอ แต่ไม่กล้าถามตรงๆ
“เดี๋ยวพอพวกเขาถ่ายหนังเสร็จคุณดาวก็คงกลับมาใช้ชีวิตตามเดิมน่ะครับ ตอนนี้คุณดาวเขาอยากช่วยญาติเขา จะไม่ช่วยก็ยังไงอยู่”
“เหรอคะ...แต่ว่าเท่าที่คุณเล่ามาเนี่ย ผู้ชายคนนั้นถึงเป็นญาติก็ญาติห่างๆ แถมยังอายุใกล้เคียงกับคุณดาว คุณจ๊อบไม่ห่วงบ้างเหรอคะ แบบว่า...”
“ไม่หรอกครับ ก่อนจะกลับคุณดาวเขามาแอบบอกผม...บอกว่านายปราบนั่นนะเป็นตุ๊ด”
“เหรอคะ งั้นก็ไม่มีอะไรต้องน่าห่วงสินะคะ”
เอมี่ยิ้มให้ชนะชัย แต่ใจยังแอบสงสัยไม่เชื่อ
จบตอนที่ 8
อ่านต่อตอนที่ 9 พรุ่งนี้