ลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 13
ค่ำคืนนั้นชิงชัยนั่งกินเหล้าจนเริ่มเมากึ่มๆ ที่เคาเตอร์บาร์ในร้านคาราโอเกะกึ่งผับแห่งนั้น แก๊งก๊วนของบุรีและฟ้าใสเดินเข้ามา บริกรเห็นรีบกุลีกุจอพินอบพิเทา จัดหาโต๊ะให้
ฟ้าใสแต่งตัวสวยเริด เจิดสุดๆ ดูเป็นเด็กของขาใหญ่มากๆ ทีแรก ชิงชัยไม่ได้สนใจ ก้มหน้าก้มตากระดกเหล้าฮวบๆ ระบายความเครียด
สักพัก มีเสียงฟ้าใสร้องคาราโอเกะดังมา เป็นเพลงของมาช่าๆ และพยายามจะทำอารมณ์เลียนแบบมาช่าๆ แต่เพี้ยนไปเพี้ยนมา
ทางด้านกลุ่มก๊วนของบุรี ซึ่งมีเฮียปุ่น เฮียจุ้ย รวมอยู่ด้วย กลับไม่ใส่ใจในตัวฟ้าใสเลยสักนิด สุมหัววางแผนชั่วร้าย ถกเถียงกันไปมาหน้าตาซีเรียส
เสียงร้องของฟ้าใสค่อนข้างแยงหู จนชิงชัยต้องหันมามองดู ฟ้าใสร้องแบบจัดเต็มสุดๆ
ชิงชัยทำหน้ารำคาญ ลุกขึ้นมา แล้วคว้าแก้ว เขวี้ยงไปใส่ทางนั้นสุดแรง พร้อมกับตะโกนลั่น
“หนวกหูเว้ย!! เงียบ!”
แก้วลอยไปตกเฉียดฟ้าใสที่กระโดดหลบทัน ฟ้าใสร้องกรี๊ด พวกบุรีลุกฮือ มองหา
“ใครวะๆ” บุรีโกรธจัด
ชิงชัยก้าวเข้ามา อย่างไม่เกรงกลัว
“ผมเองคร้าบ..มีอะไรมั้ย..ก็เด็กพวกพี่มันเสียงรบกวนรูหูผมเหลือเกินนี่คร้าบ”
ก๊วนบุรี มองหน้ากันและกันไปมา แล้วต่างชะงัก
“อ๊าว..นึกว่าใคร ลูกชายมาดามพิณ กับป๋านพชัยผู้ล่วงลับนั่นเอง” บุรีเยาะอยู่ในที
“อ้าว..ไม่ต้องมาออกชื่อพ่อแม่อั๊วะเลย ไอ้บุรี น้องชายนายหัวบัญชา..ไอ้พวกตระกูลอันธพาล”
“ไอ้เด็กไม่รู้ที่ต่ำที่สูง มึงอยากตายตามพ่อไปใช่ไหม”
บุรีพุ่งเข้าใส่ แต่พวกเพื่อนๆ ดึงไว้ทัน
“ไม่เอาน่าๆๆ” เฮียปุ่นห้าม
“ใจเย็นๆๆ” เฮียจุ้ยปลอบ
ชิงชัยชี้หน้าด่ากราด “มึงสารภาพออกมาแล้วใช่ไหม ว่าพวกมึงฆ่าพ่อกู ไอ้พวกนรก เวรกรรมจะต้องสนองพวกมึงอย่างแสนสาหัส มึงส่งลูกชายคนโตไอ้ฟ้ากระจ่างไปจีบเทเรซ่าทำไม หา..พวกมึงต้องการอะไร ไอ้ฟ้ากระจ่างมันคงนึกว่าแน่มากสินะ มันกล้าบุกเจาะกล่องดวงใจกูเนี่ย ใช่แผนการร้ายของพวกแกใช่มั้ยวะ คอยดูๆๆ กูไม่ยอม”
บุรีฟังข้อมูล แล้วงงงุน คิด แล้วทำท่าฮึดฮัดอีก แต่เพื่อนๆ ยังจับไว้แน่น ฟ้าใสได้ฟัง ถึงกับตกตะลึง
ชิงชัยพูดจบ ก็หันเดินเซ แซดๆ พวกบริกรเห็นรีบมาประคอง พาออกไป กลัวมีเรื่อง
ช่วงหัวค่ำของวันต่อมาบริเวณไซด์งานเขื่อนริมถนน งานเสร็จลุล่วงตามแผน คนงานบางกลุ่มกำลังเก็บงาน เคลียร์วัสดุ
ส่วนในออฟฟิศ ดวงยิหวากำลังนับเงินค่าแรงที่โต๊ะทำงาน แบ่งใส่ซองเป็นซองๆ โดยมีพนักงานหญิงอีกคนเป็นผู้ช่วยกำลังคุยมือถืออยู่
ดวงยิหวาก้มหน้าก้มตา ตั้งใจนับเงินอย่างคร่ำเคร่ง เพื่อไม่ให้ผิดพลาด ระหว่างนั้นมีเงามืดของใครคนหนึ่ง มาทาบบังแสงตรงหน้า ดวงยิหวาสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมอง เห็นเกียรติบดินทร์ที่หน้าตาลดระดับความเยินลงไปบ้าง ยืนอยู่
“คุณดิน”
เกียรติบดินทร์โอดครวญขึ้นมาทันที
“ดวงใจดำมาก เรานอนเจ็บอยู่ตั้งหลายวัน แต่เธอไม่มาดูแลเราเลย แค่โทรศัพท์ซักครั้งก็ยังไม่มี”
ดวงยิหวาเหลือบตาไปมองที่พนักงานอีกคน เป็นเชิงบอกว่าให้เกียรติบดินทร์เกรงใจคนอื่นบ้าง
“ดวงทำงานอยู่นะคะ คุณดิน..ยุ่งมากด้วย เรากำลังจะปิดไซด์งานนี้”
“โอเคๆ..เราไม่กวนเธอละ เราจะรอจนเธอเสร็จงาน..จะได้ไปดินเนอร์กัน โอเค้?”
ดวงยิหวามองหน้าอย่างอ่อนใจ
เกียรติบดินทร์ทำหน้าจริงจัง ท้าทาย แล้วไปนั่งที่เก้าอี้โซฟาอีกด้าน หยิบหนังสือพิมพ์ แถวนั้นมาเปิดๆ อ่าน แล้วส่งยิ้มมาให้
ดวงยิหวาอึ้งไป
เย็นวันนั้นบุรีขับรถที่มีฟ้าใสนั่งคู่ เข้ามาในบริเวณบ้านบัญชา
ฟ้าใสมองอย่างตื่นตาตื่นใจ “ว้าว…”
บุรีขับมาจอดในมุมใต้ร่มเงาไม้
“นั่งรออยู่ในรถนะ หรือไม่ก็ลงไปเดินเล่นอยู่แถวๆ นี้ อย่าขึ้นไปบนตึกเด็ดขาด”
“ทำไมล่ะค่ะ”
“ชั้นขี้เกียจตอบคำถามลูกสาว..มันคงไม่ชอบหรอก ถ้าเห็นพ่อพาหญิงอื่นมาเปิดตัวกะผู้คน..ถึงพ่อกะแม่จะหย่ากันไปหลายปีแล้วก็เถอะ ชั้นไปไม่นาน ..ก็มาเสนอหน้าให้นายหัวเห็นซะหน่อย..ตามที่เธอแนะนำไงล่ะจ๊ะ คนสวย..คนเก่ง” บุรีจับแก้มฟ้าใสบีบเหมือนจับแก้มเด็กๆ อย่างรักเอ็นดูเหลือเกิน
ฟ้าใสยิ้มหวานให้ “โชคดีนะค้า”
“จ้า..แต๊งกิ้ว”
บุรีรีบไป ฟ้าใสมองตาม โบกมือบ๊ายบาย
บัญชาทำหน้าแปลกใจสุดขีด ที่บุรีโผล่มา
“นายหัว..ดูดีขึ้นนะครับ..วันนี้”
“นายก็เหมือนกัน เป็นไงล่ะ คงสบายใจขึ้นบ้างแล้วสินะ พักงานไปตั้งนานสองนาน”
“แหม..ผมจะสบายได้ไงครับ วันๆ ก็ห่วงแต่นายหัวนี่แหละ”
“เหรอ..”
“ผมมี..เรื่องสำคัญ ที่ต้องเรียนให้ทราบ” บุรีเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง
บุรีปรายตามองดารากานต์ ที่นั่งเตรียมยาให้นายหัวบัญชาอยู่มุมหนึ่ง และนายน้อมที่บีบขานายหัวอยู่
“ทำไม มีอะไรเป็นความลับทางธุรกิจเหรอ” ดารากานต์รู้สึกตัว
“ก็..ทำนองนั้นแหละครับ ขอโทษด้วยนะฮะ นายหญิง”
ดารากานต์ลุกขึ้น “ไม่เป็นไร ชั้นก็ไม่ชอบฟังเรื่องงานของพวกคุณนักหรอก มีแต่เรื่องหนักๆ ได้ยินแล้วเครียดจะแย่” เปิดประตูออกไป
ส่วนนายน้อมยังคงนวดไปเรื่อยๆ ไม่ยอมขยับ
“นายน้อม” บุรีเตือน
“คือผม...” นายน้อมยังไม่ยอมลุก
“นายน้อม” บัญชาเสียงชักขุ่น
“ครับผม..นายหัว” นายน้อมเดินออกไป
“ว่ามา..แต่อย่าพูดเรื่องงานระบบไฟฟ้าที่อาคารนั่นอีก เพราะมันกำลังจะเสร็จอยู่ในวันสองวันนี้แล้ว” บัญชาบอก
“บริษัทของมาดามพิณกับปีเตอร์ โจว เตรียมการจะยื่นซองประกวดราคาถนนสายเลียบหาดสายนั้นแล้วนะครับ และผม..ก็เตรียมรายละเอียดมาให้พวกเรา..ยื่นซองแข่งกะพวกมันแล้ว” บุรีโอ้อวดผลงานใหม่
“บุรี..น้องรัก..แกเยี่ยมยอดมาก” บัญชาชม
“เรื่องที่สอง..ฟ้ากระจ่าง..จีบเทเรซ่า ลูกสาวปีเตอร์..ไปหากันถึงบ้านแล้ว พี่รู้หรือเปล่า พี่ชายที่รักของผม”
บัญชา งง ผงะ “อะไรนะ”
เกียรติบดินทร์ขับรถพาดวงยิหวาเลี้ยวเข้ามาในบริเวณบ้าน
“พาชั้นมาที่บ้านคุณทำไม ไหนว่าจะไปทานข้าวเย็น” ดวงยิหวางง
“ก็มาทานข้าวเย็นที่บ้านผมไง”
ดวงยิหวาอึ้งๆ เกียรติบดินทร์จอดรถเทียบหน้าบันไดตึก รีบลงมาเปิดประตูให้
ดวงยิหวาไม่ยอมลง “ทำไม”
“ก็จะไปกินตามข้างทางให้โดนจิ๊กโก๋รุมอัดทำไมล่ะ”
“ให้ดวงเลี้ยงก็ได้นะ..คุณดิน..เราไปกินร้านดีๆ กันก็ได้ ร้านดีๆ ที่เหมาะกับคุณ”
“ก็กินที่นี่ ที่บ้าน กินกับครอบครัวชั้นนี่ไง เป็นสถานที่ที่เหมาะกับเรามากๆ”
“ไม่” ดวงยิหวาย้ำ
“ทำไมถึงไม่..ดวงกลัวอะไรเหรอ”
“ดวงไม่ได้กลัว แต่นั่งกินข้าวต่อหน้านายหัวนายหญิง..ผู้หลักผู้ใหญ่ มันสนุกนักเหรอ” ดวงยิหวาอ้าง
“พ่อแม่ชั้นก็ชอบเธอจะตาย ไม่เห็นจะเป็นอะไร”
“คุณดิน..ขอร้องล่ะ ..ไปข้างนอกกันนะคะ”
“เธอไม่อยากให้ไอ้จ้างเห็น..ว่าฉันพาเธอมาเปิดตัว..กินข้าวเย็นกะพ่อแม่ ในฐานะ..แฟน..ใช่ไหม”
“ถ้าคุณพูดไม่รู้เรื่อง..ดวงไปเองก็ได้” ดวงยิหวาเปิดประตูรถ แล้วเดินพรวด ออกไป
“ดวงยิหวา” เกียรติบดินทร์รีบตาม
หลังเสาต้นหนึ่งใกล้ๆ นั้น ฟ้าใสเดินออกมา หน้าตาอยากรู้สุดชีวิต
ดวงยิหวาเดินจ้ำอ้าวออกมาบริเวณถนนหน้าบ้าน ด้วยหน้าตาเคืองจัด มีเกียรติบดินทร์ตามมา
“ดวงยิหวา เธอคิดยังไงกับไอ้เด็กศาลเจ้า เธอรักมันใช่ไหม”
ดวงยิหวาหันกลับมาอย่างอารมณ์เสีย “ดวงจะไม่คุยเรื่องเหลวไหลไร้สาระกับคุณ”
เกียรติบดินทร์คาดคั้นต่อ “ทำไมเธอต้องเลี่ยงที่จะตอบด้วย ถ้าไม่ เธอก็น่าจะตอบว่าไม่..ที่เธอไม่ยอมตอบ ก็เพราะสิ่งที่ชั้นสงสัย มันคือความจริง
ทั้งคู่ไม่รู้ว่าที่อีกมุมหนึ่ง ฟ้าใสค่อยๆ ย่อง วิ่งมาแอบตามสุมทุมพุ่มไม้
“คุณไม่มีสิทธิ์มาถามดวงอย่างนี้” ดวงยิหวาบอก
“ชั้นไม่มีสิทธิ์งั้นเหรอ”
“ใช่..” ดวงยิหวาพูดแทบเป็นตะโกน
“ทำไมจะไม่มี ชั้นมาก่อน ชั้นรักเธอก่อน”
“หยุด..พอที รักๆๆๆ รักบ้าๆ บอๆ อะไรเป็นแบบนี้ คุณนิสัยเด็กไม่ยอมเลิกแบบนี้ คุณรักใครไม่เป็นหรอก คุณดิน คุณก็แค่สนองความต้องการของตัวเองคนเดียวไปวันๆ อยากได้อะไร ก็จะเอาให้ได้ คุณแข่งกับคุณจ้างทุกเรื่อง แล้วเรื่องดวงก็เป็นแค่เรื่องนึง..ที่คุณต้องชนะเค้าให้ได้ มันก็แค่นั้นเอง”
“อ้อ งั้นเหรอ ชั้นเด็ก..ชั้นรักไม่เป็น แล้วไอ้จ้างล่ะ มันคงโตพอแล้วสินะ โตแค่ไหน แล้วชำนาญเรื่องรักขนาดไหน ยังไง..ไหนบอกมาซิ”
“คุณดิน..อยากรู้ใช่ไหม อยากรู้จริงๆ ใช่ไหม พี่ชายคุณ..ก็ห่วยแตกพอๆ กะคุณน่ะแหละ ฝากไปบอกเค้าด้วยละกัน ว่าคุณสองคนมันไม่ได้เรื่องเลย แล้วชั้นก็ไม่มีวันชอบใครในระหว่างสองคนนี้ด้วย ชั้นไม่รักคุณ ชั้นไม่รักคุณจ้าง ในโลกนี้ไม่ได้มีแค่คุณสองคนที่เป็นผู้ชายอยู่ในโลก แล้วสมมุติว่ามีแค่คุณสองคน..ชั้นก็ขอไปเป็นทอมซะยังจะดีกว่า รู้เอาไว้ด้วย ทุเรศ”
ระบายจบดวงยิหวาหันกลับ แล้ววิ่งจากไปยังกับวิ่งร้อยเมตร ฟ้าใสตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็นได้ฟัง
พอดี กับที่รถของนายเด่นขับเข้ามา
“พ่อ พ่อจ๋า พ่อๆๆๆ” ดวงยิหวาวิ่งไปโบก ขวาง “พ่อ”
นายเด่นเบรกรถเอี๊ยด ตาเหลือก “เย้ย..ยัยดวง”
ดวงยิหวากระชากประตูเปิดออก “พ่อ..พาดวงกลับบ้านเดี๋ยวนี้”
“ดวงมาทำอะไรที่นี่”
“คุณดินหลอกดวงมา”
“เค้าทำอะไรดวง” นายเด่นซัก
นายเด่นมองไปเบื้องหน้า เห็นเกียรติบดินทร์กำลังก้าวยาวๆตรงมา
ดวงยิหวาปรี๊ด “อ๊าย..พ่ออย่าเพิ่งถามอะไรได้ไหม ดวงจะไปๆๆๆ จากที่นี่เดี๋ยวนี้”
เกียรติบดินทร์ตามมาจนทัน “นายเด่น..ดวง”
“ไปเร็วๆ เลย..พ่อ” ดวงยิหวาบอกพ่อ
นายเด่นเข้าเกียร์ถอย กดปื้ด ถอยยาวและเร็ว ดวงยิหวาลุ้นสุดๆ
เกียรติบดินทร์ชะงัก ยืนเหวอ มองตามไป อย่างแค้นเคือง
นายเด่นขับรถมาพลาง หันมองลูก ตกใจ ตื่นเต้น ดวงยิหวาร้องไห้ฮือๆๆ
“คุณดินเค้าๆๆ..เอ่อ...”
“เปล่าค่ะ เค้าไม่ได้ลวนลามอะไรดวง มือยังไม่ได้จับเลยด้วย”
“แล้ว...”
“ดวงทำตามที่พ่อบอกไง พยายามพาตัวออกมาให้ไกลจากผู้ชายสองคนพี่น้องนี่ให้มากที่สุด ไม่ไปทำให้พี่น้องเค้าแตกกัน แล้วดวงก็หวังว่ามันจะได้ผลด้วย”
ดวงยิหวาเช็ดน้ำหูน้ำตาป้อยๆ นายเด่นอึ้งไป
เวลาต่อมาเกียรติบดินทร์เดินมึนๆ วนไปวนมา อย่างสับสน ขยี้หัวตัวเอง ไปไม่เป็น หัวหมุน แล้วนิ่งชะงักกึก เห็นฟ้าใสยืนอยู่ตรงหน้า
เกียรติบดินทร์มึนตึ้บไม่รู้จัก “ใคร”
ฟ้าใสยิ้มแห้งๆ แบบเกรงๆ “สวัสดีค่ะ คุณดิน”
เกียรติบดินทร์ถามอย่างงๆ “คุณ..มาหาใคร”
“เราเคยเจอกันตามงานนะคะ แต่คุณดินคงจำฟ้าใสไม่ได้หรอก” ฟ้าใสทวนความ
“ฟ้าใส??”
“ค่ะ ฟ้าใสมากับคุณบุรี”
“อ้อ..เด็กอาบุรี..อาบุรีมาเหรอ” เกียรติบดินทร์ตาโต แล้วทำท่าจะรีบเดินไปที่ตึกใหญ่หาบุรี
ฟ้าใสวิ่งตามติด “คุณบุรีมาคุยธุระสำคัญกับนายหัวน่ะค่ะ..คุณดิน..ทะเลาะกะแฟน..เหรอคะ”
เกียรติบดินทร์ชะงักกึก หันมา เหวี่ยงทันที “นี่!! อย่ามาตีสนิทกับผม..ผมไม่ชอบ”
ฟ้าใสผงะ หน้าซีด เกียรติบดินทร์รีบเดินต่อไปอย่างไว
ฟ้าใสอดใจไม่ไหว ตะโกนตามหลังไป “คุณดินน่ารักจังค่ะ ฟ้าใสชอบคุณม้ากมาก”
เกียรติบดินทร์ได้ยิน ชะงักนิดหนึ่ง ทำหน้าอี๋อย่างรังเกียจ เดินต่ออีกสองก้าว แล้วอดไม่ได้ ที่จะหันมามอง ฟ้าใสยิ้มให้ ทำหน้าแบ๊วสุดๆ
เกียรติบดินทร์มองหัวจรดเท้า แล้วรีบหันกลับ เดินหนีอย่างเร็ว
ฟ้าใสยืนตัวแข็งนิดนึง แล้วกลับหลุดขำคิกคักออกมา
เช้าวันนั้น ปีเตอร์ยืนดูภาพถ่ายเก่า ของปู่ ที่ซีดจาง อยู่ภายใน ใกล้ๆ ป้ายบรรพบุรุษตระกูลจิว ปีเตอร์ยืนเพ่งมองภาพนั้น นิ่งงัน หน้าตาซึมเซา
เทเรซ่าจูงน้องหมากลับมาจากการพาไปเดินฉี่ตอนเช้า
“ไง บองบอง สบายแล้วล่ะสิ มา ไปล้างหน้าล้างตากันก่อนนะ”
เทเรซ่ามองผ่านไป เห็นพ่อยืนนิ่งอยู่ จึงปล่อยหมา แล้วเดินเข้าไปหาพ่อ
“แดดดี้ยังติดใจเรื่องอากงของแดดดี้ไม่หายหรือคะ”
“มันเป็นความบังเอิญที่น่าอัศจรรย์มาก..จริงหรือไม่จริงล่ะ ลูก” ปีเตอร์เอ่ยขึ้น
“จริงค่ะ..น่าอัศจรรย์มาก คงเป็นเพราะแบบนี้หรือเปล่า ที่ทำให้..เรารู้สึกเหมือนกับว่า...”
ปีเตอร์พูดต่อประโยคนั้น “เราคุ้นเคยกับเค้ามาก..เหมือนรู้จักกันมานานมากแล้ว”
“ใช่ค่ะ”
“แต่เค้ากลับเป็นลูกชายของนายหัวที่เลวร้ายคนนั้น”
“ตลกที่สุดเลย พระเจ้าทำเรื่องที่น่าขำมาก”
“พ่อเค้าเลวกับเรา..แต่เค้ากลับมาทำดีกับเรา..ดีมากๆ ด้วย” ปีเตอร์รู้สึกสับสน
“แต่คุณจ้างเค้าจริงใจนะคะ”
ปีเตอร์อึ้งๆ เพราะตัวเองก็รู้สึกเช่นนั้น
เทเรซ่าเข้ามาจับแขนพ่อเขย่า “จริงๆ นะคะ แดดดี้ เทเรซ่ารู้..ว่าเค้าจริงใจกับเรา”
“แดดดี้กำลังคิดว่า..เค้าดีเกินไปด้วยซ้ำ”
“Too good to be true ดีเกินกว่าจะเชื่อว่ามีจริงหรือคะ”
ปีเตอร์ไม่ตอบคำถามลูกสาว
เวลาเดียวกัน ฟ้ากระจ่างอยู่ในชุดพร้อมลุยงาน วิ่งเร็วๆ ลงมาจากบันได ทรายทองเห็นเข้าก็วิ่งตามมา
“พี่จ้างๆ จะรีบไปไหน”
“ไปไซด์งานจ้า..วันนี้ งานระบบไฟฟ้าของพี่จะเสร็จแล้ว พี่ต้องไปลงมือเองซะบ้าง”
“นายหัวบอกว่า..ให้พี่จ้างไปหาหน่อยค่ะ”
“ใครคือหน่อย ทำไมนายหัวให้พี่ไปหาหน่อย..ทำไมไม่ให้พี่ไปหานายหัว” ฟ้ากระจ่างล้อ
ทรายทองค้อนให้ แล้วเข้ามาหยิกๆ
“โห..เล่นมุกแต่เช้าเลยนะคะ เร็วค่า..นายหัวท่าทางเครียดๆ ด้วย บอกไว้ก่อนนะคะ”
“อ่าจิงดิ” ฟ้ากระรีบวิ่งกลับขึ้นไป
ทรายทองมองตาม หัวเราะคิกคัก
“นั่งลง วันนี้..ขอพูดเรื่องส่วนตัวหน่อย” บัญชาหันมามองนายน้อม
นายน้อมสบตาฟ้ากระจ่าง แล้ววางมือจากสิ่งที่กำลังเตรียมชุดน้ำและยา เดินก้มหน้างุดๆ ออกไป
ฟ้ากระจ่างอึ้งๆ รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง บัญชาถามขึ้น
“เรา..ไปชอบพอกับลูกสาวของมิสเตอร์ปีเตอร์เหรอ”
ฟ้ากระจ่างนิ่งไปสักพัก คิดทบทวนก่อนตอบ “ก็..เป็นเพื่อนกันครับ”
“นานแล้วเหรอ”
“ก็..ไม่นานครับ”
“ไปบ้านเขามาแล้วเหรอ”
“ถ้า..นายหัวเห็นว่า..ไม่สมควร”
“ชั้นไม่ได้ว่าอะไร..แค่อยากรู้..ว่าจริงเท็จแค่ไหน”
“จริงครับ”
“แล้ว..ชอบกันมากเหรอ” บัญชารุกเร้า
ฟ้ากระจ่างอึ้งไป “ก็..ยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”
“คุณปีเตอร์..เค้ายินดีต้อนรับเราดีหรือ” บัญชาถาม
ฟ้ากระจ่างยิ้ม “ดีมากเลยครับ”
“อ้อ” บัญชานิ่งไปนาน “ดี!..คุณปีเตอร์เค้าก็ควรจะชอบเธออยู่หรอก..” หัวเราะเบาๆ
ฟ้ากระจ่างอดสงสัยไม่ได้ “ทำไมล่ะครับ”
บัญชาไม่ตอบ เอาแต่หัวเราะชอบใจเป็นการใหญ่
“ก็เธอเป็นคนดีไง ใครๆก็ชอบเธอกันหมดเลย ไม่ใช่เหรอ แล้วนายปีเตอร์คนนี้จะเป็นข้อยกเว้นไปได้เหรอ” หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ
ฟ้ากระจ่างมองบัญชาแบบมึนๆ
บัญชาหัวเราะขึ้นมาอีกอย่างพอใจ “ดีแล้ว จ้าง..ไม่ว่าเธอจะชอบยัยหมวยฝรั่งคนนี้..จริงหรือเล่นก็ตาม เธอเดินหน้าของเธอไปให้เต็มที่เลย ชั้นสนับสนุน”
ฟ้ากระจ่างยิ่งงงหนัก
“อ้าว..ก็ไม่ดีหรอกเหรอ..เอาคู่แข่งทางธุรกิจมาเป็นมิตร ด้วยการผูกสัมพันธ์ทางใจกัน.. สมัยก่อนพวกเจ้าเมืองจีนเค้าก็ส่งพระราชธิดา ไปแต่งงานกับพระราชาเมืองที่รบๆ กันอยู่นั่นแหละ เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี ลดความขัดแย้ง..ไม่ต้องกลัวว่าชั้นจะขัดขวางความรักของเธอให้มีอุปสรรคเป็นโรมิโอกับจูเลียตหรอกน่า ชั้นมันอ่านแต่เรื่องจีน ไม่อ่านเรื่องฝรั่ง..รับรอง ว่าต้องแฮ็ปปี้เอนดิ้ง..นายดินมันไม่เอาไหน ไปเจอใครก็ท้าตีท้าต่อยกะเค้าไปทั่ว มันต้องอย่างนายตะหาก..ไปที่ไหน..ก็ทำให้คนชอบไปหมด..ดี..ทำให้ปีเตอร์มันชอบนายมากๆ เข้าไว้นะ สองตระกูลเรา..จะได้เลิกหมางใจกันซะที”
ฟ้ากระจ่างฟังแล้วทั้งอึ้ง ทั้งแปลกใจ รู้สึกทะแม่งๆ แอบงง!
อ่านต่อหน้า 2 เวลา 17.00 น.
ลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 13(ต่อ)
เวลาต่อมา บุรีนัดลูกสาวมาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง และเวลานี้ทรายทองยืนกินสมูตตี้สีสดใส มีผลไม้ประดับ แต่หน้าตางอแงบอกบุญไม่รับเหมือนเด็กๆ
“พ่อ...” ทรายทองค้อนลมแล้ง “จะใช้ทรายทำอะไรอีกล่ะคะ บอกไว้ก่อนนะ ถ้าจะให้ทรายทำไม่ดี..หรือจะให้ทรายทรยศกะพี่จ้าง..ทรายไม่ยอมเด็ดขาด”
บุรีแอบทำหน้าแค้น แล้วเปลี่ยนเป็นแกล้งหัวเราะ “บ้า!..ใครจะไปใช้ให้ลูกทำไม่ดีล่ะ..แหม พูดจาแบบนี้มันส่อความไม่ไว้วางใจในตัวพ่อบังเกิดเกล้านะ”
ฟ้าใสมาแอบฟังอยู่หลังเสาที่มุมหนึ่ง
“ก็พ่อชอบถือหางพี่ดินหนิ ทั้งๆ ที่พี่ดินงี่เง่าจะตาย”
“เออน่าๆๆ พ่อก็แค่สงสัย..ว่า..วันนี้ พวกไอ้จ้างมันจะทำงานไฟฟ้าที่อาคารส่วนราชการนั่นเสร็จเรียบร้อยแน่เร้อ” บุรีแกล้งพูดสบประมาท
“ก็ต้องเสร็จสิ เพราะพี่จ้างเค้าเก่ง..ทำไม พ่อนึกว่า เค้าจะทำไม่สำเร็จงั้นเหรอ”
“ก็..ไม่รู้สิ นึกว่ามันจะกระจอก”
“พี่จ้างเค้าดีจริงๆนะพ่อ..แล้วก็เก่งจริงด้วย พ่อควรจะเปลี่ยนข้างมาถือหางพี่จ้างมากกว่านะ หนูขอแนะนำด้วยความหวังดีว่าถ้าพ่ออยากจะใหญ่ในบริษัทนี้..พ่อควรสนับสนุนให้หนูแต่งงานกะพี่จ้าง..มันถึงจะถูก” ทรายทองสบโอกาสรีบพูดเข้าตัวเองทันที
“เอาอย่างนั้นเลยเหรอ”
“ทรายพูดจริงๆ นะคะ”
“ก็ด๊าย..ถ้าอย่างนั้น..เย็นนี้ ถ้ามันทำงานทำอะไรเสร็จ ลูกก็ต้องเอนเทอเทนมันให้ดีๆสิ เลี้ยงฉลองให้มันสนุกสนานมากๆ เอาอกเอาใจมันให้เต็มที่ ให้สมกับความเก่งความดีของมัน เฝ้ามันไว้ให้จงดี อย่าให้มันหนีไปหาสาวอื่นซะล่ะ”
“จริงอ้ะ นี่พ่อประชดรึป่าวเนี่ย” ทรายทองไม่ค่อยเชื่อใจ
“อ้าว..ก็ลูกชอบเค้าไม่ใช่เหรอ พ่อก็แค่แนะแนวทางให้ลูกสมหวังไงล่ะ หึๆๆๆ” บุรีหัวเราะ
ฟ้าใสแอบฟังอยู่ ทำหน้าขัดเคืองใจ
คล้อยหลังทรายทองที่กลับบ้านไป ไม่นานหลังจากนั้น เฮียปุ่น กับเฮียจุ้ย กำลังพยักหน้าเรียกเมื่อเห็นบุรีเดินเข้ามาในร้านกาแฟที่นัดกันไว้พร้อมกับฟ้าใส
“หนูไปเดินเล่น ซื้อเสื้อซื้อผ้าอะไรก่อนไป” บุรีบอก
“แหม..จะคุยความลับทางธุรกิจอะไรกันเหรอคะ” ฟ้าใสแซว
“เออน่า..อ่ะๆ..เอาตังค์ไป..” บุรีส่งเงินสดให้ 3 พัน
ฟ้าใสค้อนนิดๆ แต่ก็รับมา แล้วเดินแยกไป
บุรีเดินเข้าไปหาเพื่อน
“มันปิดจ๊อบวันนี้แน่ แต่ไม่รู้ว่าจะดึกแค่ไหน” บุรีเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไร เรารอได้” เฮียปุ่นว่า
“นายบุรีเอง..ก็ควรไปให้ไกล จะพาอีหนูไปไหนก็ไป ออกตัวแรงๆ เลย ว่านายบุรีไม่อยู่ในจังหวัดวันนี้ อย่าให้มีใครมาเชื่อมโยงตัวนายบุรีได้” เฮียจุ้ยแนะ
“แล้วขอให้เรารู้กันแค่นี้ อย่าไปบอกใครอีกล่ะ แม้แต่หลานนายบุรีคนเล็ก..ไอ้เจ้าเกียรติบดินทร์..ก็ไม่ต้องไปบอกมัน เดี๋ยวมันทำเสียเรื่องหมด”
ถูกเฮียปุ่นพูดกำชับหนักแน่น บุรี ชักสีหน้า ประมาณว่ารู้แล้วน่า ไม่โง่หรอก
เช้าวันต่อมามือถือดวงยิหวาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ดวงยิหวายืนเอาแป้งเด็กผัดหน้าอยู่ที่กระจก แล้วหวีผมต่อ พรืดๆๆ ไม่เหลียวมอง เกียรติบดินทร์ถือหูรอ สักพักโทรศัพท์ตัดไป อีกฝ่ายไม่รับ เกียรติบดินทร์ทำหน้าฉุนขาด
เวลาเดียวกันนายเด่นมานั่งรออยู่ในบ้านบัญชา แล้วมองอย่างลุ้นๆ บัญชายื่นมือให้นายน้อม ที่เตรียมตลับหมึกสำหรับพิมพ์นิ้วมือมารองรับ นายน้อมช่วยจับมือให้บัญชากดนิ้วโป้งลงที่ตลับหมึก แล้วบัญชาก็เอามือมากดลงที่เช็คสี่ห้าใบ
“ฉันคงไม่มีปัญญาที่จะจับปากกา..เซ็นต์ชื่อตัวเองอีกแล้ว” บัญชาปรารภ
นายน้อมสบตากับนายเด่น ต่างก็รู้หดหู่ เข้าใจ และเห็นใจนายหัว
“ค่าแรงทีมงานของจ้าง..จ่ายให้เค้าวันนี้เลยนะ” บัญชากำชับ
“ครับผม” นายเด่นจัดเช็คเหล่านั้นใส่ซอง
“พาฉันไปห้องน้ำที น้อม”
“ครับผม”
จังหวะหนึ่งบัญชามองจ้อง 2 คนสนิท “ถ้าชีวิตชั้นขาดพวกแก..ชั้นคงตายไปนานแล้ว”
“ไม่หรอกครับ..ทุกคน..ก็พร้อมรับใช้นายหัวทั้งนั้นครับ ทุกคนเลย” นายน้อมบอก
บัญชาหัวเราะออกมาเบาๆ
“ก็จริง..อย่างไอ้จ้างเป็นต้น..มันสั่งง่ายใช้คล่องที่สุดแล้ว ไป..น้อม”
นายน้อมเข็นบัญชาไป
นายเด่นถอนหายใจ เอี้ยวตัวจะหันเดินออกไป แล้วต้องสะดุ้ง เมื่อเห็นเกียรติบดินทร์ยืนดักอยู่
“คุณดิน”
เกียรติบดินทร์มองหน้า ถามขึ้น “ดวงเค้าบอกนายเด่นว่าไง”
“ครับ..เรื่องอะไรครับ”
“ไม่ต้องมาแอ๊บน่า..บอกมาเลยตรงๆ เรื่องเมื่อวันก่อนน่ะ ดวงเค้าฟ้องนายเด่นว่าไง ตัวเค้าเองแหละ ที่ทำตัวเยอะแยะมากมายเกินเหตุ ทำยังกะชั้นเป็นผู้ร้ายโรคจิตจะไล่ปล้ำเค้ารึไง” เกียรติบดินทร์ฉุนอยู่
“เอ่อ...”
“เค้าไม่ยอมรับโทรศัพท์ผม มันหมายความว่าไง” เกียรติบดินทร์ว่า
“คือ..ผมก็ไม่ทราบครับ ผมออกมาทำงานแต่เช้า ส่วนเค้า..ต้องไปเคลียร์บัญชีคนงานต่อ ตื่นมา ยังไม่ได้คุยกันเลยครับ”
“นายเด่นก็บอกให้เค้ารับโทรศัพท์ผมหน่อยสิ”
“คุณดินครับ..เรื่องส่วนตัวของลูก..ผมคง..ไปสั่งอะไรเค้าไม่ได้”
“อะไรกัน เป็นพ่อ..ก็ต้องสั่งลูกได้ทุกเรื่องสิ”
“ดวงยิหวาโตแล้วนะครับ..เค้าคิดเอง รับผิดชอบเรื่องของตัวเองมานานแล้ว คนเรา..โตๆกันแล้ว ต้องให้เกียรติกันครับ ต้องใช้สมอง ใช้เหตุผล..ถ้าเราไม่ให้เกียรติคนอื่น คนอื่นก็จะไม่ให้เกียรติเรานะครับ คุณดิน” ท้ายประโยคแดกดันคู่สนทนาไปเต็มๆ
เกียรติบดินทร์แค้น พูดไม่ออก นายเด่นเดินออก
เวลาต่อมารถสปอร์ตคันงามของฟ้ากระจ่างแล่นมาตามถนน ฟ้ากระจ่างมีหน้าตาเคร่งขรึม ข้างถนนๆ มีรถเข็นขายพวกของเล่นเด็กผ่านไป ในนั้นมีพวกกระปุกออมสินสีสด ปืนพลาสติก ตลอดจนของเล่นพลาสติกหม้อข้าวหม้อแกงราคาถูก และยังมีราวแขวนหน้ากากการ์ตูนต่างๆ ยอดมนุษย์ ไอ้มดแดง โดราเอม่อน โดราเอมี่
ฟ้ากระจ่างชะงัก อดหันไปมองไม่ได้ ยิ่งเห็นหน้ากากโดราเอม่อน โดราเอมี่ที่วางเด่นอยู่ ถึงกับมองต่อทางกระจกมองหลัง คนขายเข็นรถต่อไป แล้วจู่ๆ ก็มีรถคันหรูถอยมาจอดชิดดักไว้ คนขายมอง งงๆ
ฟ้ากระจ่างเปิดประตูรถลงมา แล้วมองดู หยิบหน้ากากโดราเอม่อนมาดู “อันนี้เท่าไหร่ครับ”
คนขายมองหน้า ยิ้มแต้
ครู่ต่อมาฟ้ากระจ่างกำลังจอดรถที่หน้าอาคารราชการแห่งนั้น มีรถนายเด่นจอดอยู่แล้ว ฟ้ากระจ่างมองรถนายเด่น ด้วยสีหน้าดีใจ
“รถนายเด่น...ดวงอาจจะมาไหม วันนี้”
ข้างๆ ที่นั่ง มีห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ ข้างในเป็นหน้ากากโดราเอม่อน โดราเอมี่อยู่ จ้างตัดสินใจ หยิบมา แล้วเปิดรถลงไป
อาจารย์สมบัติเดินลงมาพอดี
ฟ้ากระจ่างไหว้ทักทาย “อาจารย์..เป็นไงมั่งครับ”
“จ้าง..งานพวกเราเสร็จแล้วนะเหลือแต่เก็บงานเท่านั้น”
พวกเพื่อนๆ ชาวศาลเจ้า สมหมาย ปักเป้า และหมีใหญ่ ซึ่งตามมาสมทบ และอยู่ในเหตุการณ์ตะลุมบอนเกียรติบดินทร์คืนนั้น โผล่มา ยิ้มอย่างดีใจ และรีบเข้ามาทักทาย ถามเรื่องน้องชายจอมกร่าง
“จ้าง น้องชายนายเป็นไง” สมหมายถาม
“ลื้อโดนพ่อบุญธรรมด่ารึป่าวว้า” ปักเป้าเป็นห่วง
“โทษจริงๆว่ะ..ไม่รู้นี่ ว่าเป็นน้องนาย”
“ไม่มีอะไรๆ ไม่เป็นไรหรอก ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”
“มาดูผลงานพวกเราก่อนดีกว่า จ้าง ว่าเป็นไง ชอบใจไหม มาๆๆๆ”
อาจารย์สมบัติรีบเดินนำฟ้ากระจ่างไป เพื่อนๆ ตามกันมา
ไม่นานหลังจากนั้น นายเด่นเดินตรวจดูงานโดยรวมอยู่
“โอเคเลย..งานเป็นระบบระเบียบเรียบร้อยดีมาก ครับ อาจารย์”
ฟ้ากระจ่างเดินถือห่อหน้ากากเข้ามา ใบยิ้มร่าเริงสุดชีวิต
“คุณจ้าง”
ฟ้ากระจ่างไหว้ทักทาย “นายเด่นมานานแล้วหรือครับ..ดวงล่ะครับ”
“ผมเพิ่งมาถึงเดี๋ยวนี้เอง..ส่วนดวง..ไปเคลียร์งานที่ไซด์โน้น ช่วงนี้ต้องเคลียร์ของออกแล้ว”
“อ้าว..แล้ว..ไม่มาเคลียร์ไซด์นี่บ้างหรือครับ”
“ดวงมัน..คง..ไม่มีเวลามาแล้วล่ะครับ” นายเด่นพูดพยายามไม่ให้ผิดสังเกต
ฟ้ากระจ่างอึ้ง สีหน้าขรึมไป พวกกลุ่มอาจารย์และเพื่อนๆ หันมาสบตา ฟ้ากระจ่างฝืนยิ้มให้
หมีใหญ่มองๆ แล้วรีบสอดขึ้นมา “จ้าง..เรามาเช็คไฟห้องทำงานทีละห้องก่อนไหม”
“เอาสิ..ไหนเอาแปลนมาดูก่อนซิ จะได้ค่อยๆไล่ไปตามนัมเบอร์ของมัน”
“นี่..อ่ะ” สมหมายเอาแฟ้มมาส่งให้
ฟ้ากระจ่างรับแฟ้มมา เลยต้องวางห่อกระดาษนั้นไว้ที่มุมหนึ่ง เพื่อเปิดพลิกแฟ้มอ่าน
“เริ่มจากปีกนั้นเลยไหม..จ้าง” ปักเป้าว่า
“ไปดิๆ”
ฟ้ากระจ่างรีบไปกับพวกเพื่อนๆ จนลืมห่อกระดาษหน้ากากนั้นทิ้งเอาไว้
เวลาเดียวกันโทรศัพท์บัญชาดังขึ้น ดารากานต์กำลังยืนจัดดอกไม้อยู่ในห้องบัญชา บัญชานอนเอนๆ ดูข่าวทีวีอยู่บนเตียง
ดารากานต์รีบวางมือ เดินมา เอาโทรศัพท์ให้นายหัว บัญชามองเห็นเป็นสายจากบุรี ก็ขมวดคิ้ว “อะไรอีกล่ะเนี่ย...” ถอนหายใจ แล้วจึงกดรับ “ว่าไง บุรี”
“นายเด่นอยู่ที่ไซด์งานไหนครับ วันนี้” บุรีถาม
“ที่อาคารส่วนราชการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดมั้ง ช่วยจ้างเค้าปิดจ๊อบระบบไฟฟ้า ทำไม”
“มีงานเข้าสิครับ แล้วงานนี้ผมไปทำไม่ได้ด้วย ต้องนายเด่นเท่านั้น”
“นี่ มีอะไรก็รีบบอกมาตรงๆ บุรี เข้าเรื่องเลย”
ดารากานต์ได้ยิน เหลือบตามอง อย่างแปลกใจ
“ไอ้ปีเตอร์กะนังมาดามพิณมันกำลังปั้นราคา..ยื่นซอง..รับเหมาก่อสร้างถนนสายเลียบฝั่งทะเลที่ตำบลหนองหญ้าปล้อง โดยมีไอ้นายกอบต. กับไอ้กำนัน ร่วมด้วยช่วยกัน”
บัญชาอึ้งไปนิด เหลือบมองดารากานต์ “อ้อ...” เอามือปิดโทรศัพท์ หันมาพูดกับดารากานต์ “คุณช่วยออกไปตามนายน้อมมาให้ผมหน่อยซิ”
“ได้ค่ะ” ดารากานต์รีบไป
บัญชามองจนดารากานต์ออกไปแล้ว จึงหันมาคุยต่อ
“ตกลงไอ้ปีเตอร์มันซื้อใจกำนันกับนายกอบต.ได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้วเหรอ แกแน่ใจเหรอ บุรี”
“ไอ้เบ็ดเสร็จ..คงไม่เบ็ดเสร็จ ไม่มีใครที่เงินซื้อไม่ได้หรอกครับ นายหัว ไอ้ปีเตอร์มันให้เท่าไหร่ เราก็ให้มากกว่า..ก็เท่านั้นเอง”
“แล้วต้องเป็นวันนี้ด้วยเหรอ” บัญชาถาม
“ผมสืบมาได้ ว่าวันนี้กำนันอยู่บ้าน พักผ่อน ไม่ไปไหน ถ้านายเด่นจะเผอิญโผล่ไปเยี่ยม..ก็คงจะเนียนดี..เท่านั้นแหละครับ...”
บัญชาถึงกับอึ้งไป
โดยไม่รู้ว่าบุรีหันมาพยักหน้าว่าสำเร็จกะเฮียปุ่นและเฮียจุ้ย ทั้งสองทำมือว่าโอเค โดยเอานิ้วชี้ชนกะนิ้วโป้งเป็นวงโอ แล้วชู 3 นิ้วที่เหลือเป็นตัวK
ด้านนายเด่นกำลังยืนดูพวกเด็กช่างรุ่นน้องฟ้ากระจ่างเช็คไฟตามปลั๊กที่เสาตามระเบียงทางเดินอาคาร พอดี เสียงมือถือดังขึ้น เด่นรีบกดรับ
“นายหัวครับ”
“เด่นไปบ้านกำนันหนองหญ้าปล้องเดี๋ยวนี้เลย” บัญชาสั่ง
“อะไรนะครับ” นายเด่นงง
“พวกปีเตอร์มันเริ่มเดินเรื่องเตรียมประกวดราคาทำถนนเส้นนั้นแล้วนะ ฉันอยากให้นายรีบ..ไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์ส่วนตัวของนาย ชั้น..กับกำนันเค้าหน่อย”
“คือ..ตอนนี้ผมกำลังช่วยคุณจ้างเก็บงานที่...”
นายเด่นอธิบาย บัญชารีบตัดบท
“ไม่จำเป็นมั้ง ให้จ้างเค้าดูเองก็ได้ ออกจะมีครูบาอาจารย์มาคุมงานให้ วันนี้กำนันมันอยู่บ้าน..น่าจะเป็นจังหวะเหมาะที่นายควรจะฉวยโอกาสซะ หรือไม่ก็ตามไอ้ดวงมันมาช่วยจ้างก็ได้นี่นา..ไป..ซื้ออะไรที่เค้าชอบกินไปให้เค้าหน่อยก็ดี..กำนันน่ะ..พวกหูฉลาม เป๋าฮื้ออะไรทำนองนั้น..ไปให้ทันมื้อกลางวันนี่ได้เลยก็ดีนะ”
นายเด่นอึ้งนิดๆ “ครับ นายหัว”
ดารากานต์ออกอาการดีใจมากมาย หลังฟังไอเดียจากทรายทอง
“เลี้ยงฉลองให้จ้างเหรอ..จริงด้วย น้องทราย..น้องทรายเก่งมาก..ฉลาดมาก..เก่งจริงๆ..ขอบใจหลานมาก..ที่มีไอเดียที่น่ารักแบบนี้”
“ก็นี่เป็นงานแรกของพี่จ้างนี่คะ แล้วคนที่มาช่วยงาน ก็เป็นอาจารย์กับรุ่นน้อง..ทุกคนตั้งใจทำงานกันมาก..ถ้าเราจัดปาร์ตี้ให้วันนี้ หลังจากเสร็จงาน ทุกคนก็คงแฮปปี้”
“จองที่ที่สวนอาหารไหมคะ เอาที่ที่มีคาราโอเกะ หรือวงดนตรีที่มีนักร้องสาวสวย พวกผู้ชายพวกนั้นคงดีใจ ถ้าได้มีโอกาสเมากันให้ปลิ้น” ป้าบัวแนะ
“อะไรกัน ป้าบัว..เค้าทำงานให้บริษัทเรานะ เราก็น่าจะตอบแทนเค้าแบบกันเองๆ สิ ชั้นว่า..เราจัดที่บ้านนี่ดีกว่า แล้วชั้นว่าคนพวกนี้ไม่ใช่พวกสำมะเลเทเมาหรอก..เราก็แค่สั่งของอร่อยๆ มากินกันแบบสบายๆ แค่นั้นเอง” ดารากานบอก
“ทรายจัดให้เองนะคะ นายหญิง ทรายรับผิดชอบปาร์ตี้เอง..เค้ามีกันกี่คนก็ไม่รู้..เดี๋ยวทรายปรึกษาพี่จ้างดีกว่า” ทรายทองหยิบโทรศัพท์มือถือมากดโทร.ออก
สีหน้าป้าบัวไม่ชอบใจนัก
ฟ้ากระจ่างกำลังเช็คไฟบนอาคารชั้น 2 แล้วไม่ติด “เฮ้ย..ไม่ติดว่ะ”
หมีใหญ่ขยับงานตัวเองแล้วร้องบอก “ดวงนี้ก็ไม่ติด”
“หลอดไฟโอเคป่าว” ฟ้ากระจ่างถาม
“โอเค แต่ไม่มีกระแสไฟมาตรงนี้” หมีใหญ่บอก
“ตรงนี้ก็ไม่มีว่ะจ้าง ปีกโน้นโอเคจ้าง แต่ปีกนี้..มีปัญหาทั้งแถบเลย” สมหมายว่า
“ไล่ดูซิ ว่าปัญหามันเริ่มมาจากจุดไหน” ฟ้ากระจ่างสั่งการ
ทุกคนมองไปด้านหลังฟ้ากระจ่าง ทำหน้าชอบกล ฟ้ากระจ่างสงสัย หันไป เห็นดารากานต์ ทรายทองยืนอยู่ พวกเพื่อนๆ พากันไหว้ดารากานต์
“แม่..น้องทราย..มีอะไรครับ”
ทรายทองร่าเริงเข้ามา “พี่จ้าง..เดี๋ยวเย็นนี้ เสร็จงานแล้ว เชิญทีมงานพี่จ้างทุกคน..มากินเลี้ยงที่บ้านนะคะ”
ดารากานต์มองทุกคนใบหน้ายิ้มๆ “เชิญทุกคนเลยนะจ๊ะ”
“เอ่อ..ไม่เป็นไรหรอกครับ..แม่.. ผมยังไม่แน่ใจเลย ว่าจะเสร็จกี่โมง” ฟ้ากระจ่างบอก
“เสร็จกี่โมงก็ไม่มีปัญหานี่คะ เดี๋ยวทรายจะเตรียมทุกอย่างไว้รอ พี่เสร็จกันเมื่อไหร่ก็มา”
“พี่ไปกินกันเองแถวๆนี้ดีกว่า ทรายอย่าลำบากเลยนะจ๊ะ”
“ทรายไม่ได้ลำบากอะไรนี่คะ ทั้งหมดนี้ เป็นความคิดของนายหญิงนะคะ”
“แม่อยากจัดปาร์ตี้ให้จ้างนะลูก..อย่าดื้อซิจ๊ะ พวกอาจารย์ กับน้องๆของลูกอุตส่าห์มาตั้งไกล มาช่วยจ้าง..แม่อยากจะตอบแทนจ้ะ พวกเราไม่ลำบากหรอก จ้างมีกันกี่คนล่ะจ๊ะ”
“แต่ว่า..มันจะดีเหรอครับ” ฟ้ากระจ่างกังวล
“ไม่รู้ล่ะ จ้างอย่าเกรงใจแม่สิลูก..บอกมา มีกันกี่คน”
ปักเป้าเดินออกมาจากอีกในห้องหนึ่ง “เฮ้ยจ้าง.. พวกปลั๊กอะไร พัดลม แอร์เออร์อะไร ในห้องทำงานก็ไม่ติดหมดเลย อ้าว” หันมาเห็นดารากานต์ รีบยกมือไหว้
“เอ้อ แม่ครับ..แม่กลับไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวยังไง แล้วบ่ายๆ ผมโทร.หาแม่..ดีไหมครับ”
ดารากานต์ตัดบท “แม่ต้องเตรียมงานแล้วนะจ้าง แม่ไม่รอแล้ว เดี๋ยวแม่ถามนายเด่นก็ได้ เป็นอันว่า เลิกงานแล้ว พากันมากินเลี้ยงที่บ้านเรานะลูก ไป..ยัยทราย”
“พี่จ้างต้องไปนะ อย่าเบี้ยวล่ะ”
ทั้งดารากานต์กับทรายทอง พากันออกไป
ฟ้ากระจ่างยืนงงอยู่ แล้วนึกได้หันมาทางปักเป้า “อะไรนะ แล้วตอนติดเสร็จไม่เคยลองเปิดอะไรดูเลยเหรอวะ ว่ามันไม่มีกระแสไฟฟ้าเลยอะ”
“เมื่อวานยังติดอยู่เลยนะเว้ย ทุกอย่างเลย..ไม่เชื่อถามอาจารย์ดูได้” ปักเป้าว่า
“เออๆ แล้วทำไมวันนี้มันเกิดบอดไปได้ล่ะ หรือว่ามีหนูมากินสายไฟตรงไหนวะ”
ฟ้ากระจ่างออกอาการเซ็งๆ แล้วเดินไปดู
ส่วนเกียรติบดินทร์แต่งตัวอย่างหล่อ เหมือนจะออกไปข้างนอก ถือกุญแจรถ เดินลงมา แล้วชะงัก
มองไปที่สนามหญ้าหน้าบ้าน เห็นนายน้อมกำลังคุมคนงาน จัดบริเวณ มีการเตรียมไฟโคมแต่งสวน ผ้าปูโต๊ะ โต๊ะ เก้าอี้ โต๊ะยาวต่อๆ สำหรับวางบุฟเฟ่ต์ และลังน้ำแข็ง ประดามี
เกียรติบดินทร์งงๆ เดินเข้าไปดู นายน้อมหันมาเห็นหน้าเกียรติบดินทร์ อึ้ง ซีด ทำสีหน้าและคิดในใจว่า...ซวยแระๆ
“ทำอะไรกัน นายน้อม”
“เอ่อ..คือ จัดโต๊ะครับ”
“นั่นสิ เห็นแล้ว ว่าจัดโต๊ะ ไม่ได้สงสัยว่าพวกแกกำลังไถนาหรอก..แต่จัดทำไม ใครจะมีเลี้ยงฉลองอะไรไม่ทราบ”
นายน้อมอึ้งๆ พยายามเลี่ยง “ก็..นายหญิงสั่งให้จัดอะครับ ก็คง..มีเลี้ยงอาหารค่ำกันนิดๆ หน่อยๆ ไม่ถึงกับเป็นการเลี้ยงฉลองอะไรหรอกครับ”
เกียรติบดินทร์มองหน้านายน้อม แล้วสักพัก เริ่มตงิดๆ ในใจ
“แม่สั่งให้จัดเหรอ..แม่ชั้นเนี่ยนะ ร้อยวันพันปีเคยมีเฮฮาปาร์ตี้กะใครที่ไหน..เพื่อนฝูงสมาคมอะไรก็ไม่เคยเห็นมี..” ชะงักไปนิด “อ๋อ ชั้นรู้แล้ว..ต้องเป็นอะไรที่เกี่ยวกะไอ้..โอเค เข้าใจ..” หัวเราะแค่นๆ “ดี..ดีมาก..อะไรที่มันไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านนี้ ก็จะเกิดขึ้นแล้ว คงสนุกกันใหญ่ล่ะ หึๆ”
เกียรติบดินทร์เดินผ่านไปยังโรงรถ นายน้อมมองตาม รู้สึกใจคอไม่ดี
เวลานั้น รถตู้เยินๆ คันหนึ่งแล่นมาตามซอยทางมาบ้านบัญชา กู๋เหลียงเป็นคนขับ สารภีนอนหลับอยู่อาม่าสาลี่ดูแผนที่บอกทาง
“เลี้ยวซ้ายข้างหน้า แล้วเลี้ยวขวา”
“เอาให้แน่นา อาม่าสาลี่..ขับวนมาไม่รู้กี่รอบแล้วนะ” กู๋เหลียงบอกเซ็งๆ
“แน่รึไม่แน่ก็ไม่รู้..ก็ลองดู ถ้าหลงก็เอาใหม่” อาม่าสาลี่บอก
“น่าจะใช่แล้วล่ะ อาเหลียง..เราหลงมาสามซอยแล้ว..ซอยนี้..น่าจะถูกแล้วน่า” นักบวชตงว่า
“อะไรวะ..ไม่เห็นจะมีหลักการอะไรเลย สรุปว่า มั่วไปเรื่อยๆ ว่างั้น” กู๋เหลียงโวยวาย
“ก็โทร.ไปถามอาจ้างทีเดียวก็เรียบร้อยไปแล้ว มาๆๆ อั๊วะโทร.เอง” อาหึ่งสรุปให้
“ไม่ได้ๆๆ นะ ถามอาจ้างไม่ได้ ถ้าอาจ้างรู้ มันก็ไม่ซะไพ้อ่าสิ” อาม่ารีบร้องห้าม
สารภีสะดุ้งตื่นมาร้องอย่างดีใจ “เย้ๆๆ อาจ้างๆๆ ซะไพ้ไหม อาจ้างซะไพ้ไหม” สารภีมองไปรอบๆ “อ้าว..ไหนล่ะ อาจ้าง โหวว ยังไม่ถึงอีกเหรอ ทำไมมันถึงไกลอย่างเนี้ยล่ะ หิวแล้วอ่า เอาข้าวเหนียวกับจิ๊นทอดของอั๊วะมาสิ”
อาหึ่งส่งกระติ๊บมาให้ “อ้าว..เอาไป นังสารภี ลื้อนี่มันนิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นรับประทานจริงๆ ว่ะ”
“นี่ๆๆ ตรงนี้เลี้ยวขวา..ถูกแล้วๆๆ นั่นไง บ้านข้างหน้านั่นไง ใช่แน่ๆ บ้านที่ใหญ่ที่สุด..อย่างที่ตำรวจที่สี่แยกบอกเปี๊ยบ” นักบวชตงมั่นใจ
อาเหลียงถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบขับไป กดคันเร่งเพิ่มความเร็ว
รถตู้แล่นมาถึงประตูเข้าบริเวณบ้านบัญชา พอดีกับรถสปอร์ตคันงามของเกียรติบดินทร์พุ่งพรวดออกมา จ๊ะเอ๋กันเต็มๆ ต่างคนต่างเบรกเอี๊ยด ตัวโก่ง
ชาวศาลเจ้าในรถตู้หัวคะมำแล้วผงกเงยแหงนหลังแบบคอแทบเคล็ดกันไปหมด ของกินสารภีหลุดมือหล่นพื้น ร้องอุทานตกใจลั่นรถ
“ตาเถนๆๆๆหกๆๆๆ”
เกียรติบดินทร์ตั้งสติได้ ดับเครื่องรถทันที ตาแทบลุก เปิดประตูรถก้าวอาดๆ ออกไป กู๋เหลียงมอง โมโหไม่แพ้กัน
“จะรีบไปนรกเหรอลุง กลัวไม่แก่ตายหรือไง หา?” เกียรติบดินทร์ไม่ยอมไว้หน้า
“อ้าวๆๆ..พูดยังงี้ก็สวยสิ” กู๋เหลียงเปิดลงตามมา
“เฮ้ย ไอ้เหลียง ระวัง คนเดี๋ยวนี้แค่ปาดรถกัน มันก็ยิงหัวกันแล้วนะเว้ย” นักบวชตงตะโกนบอก
“ไม่กลัวเว้ย” กู่เหลียงเดินอาดๆ มาเผชิญหน้าเกียรติบดินทร์ “ขอโทษนะ ไอ้น้องชาย พี่มันรีบไปหน่อย พอดี จะไปเยี่ยมเพื่อนสนิท เค้าใหญ่มากเลย แถวนี้ น้องพอจะบอกได้ไหม ว่านี่ใช่บ้านเพื่อนพี่หรือเปล่า”
เกียรติบดินทร์อึ้งไป นิ่วหน้า ขมวดคิ้ว “บ้านนี้..เนี่ยนะ” ชี้ไปที่ตึกบ้านตัวเอง “พวก..คุณ?..มาหาเจ้าของบ้านนี้เนี่ยนะ”
“ช่าย..ไงล่ะ อึ้งไปเลยล่ะสิ พวกอั๊วะ..เป็นเพื่อนของนายหัวบัญชา และคุณนายดารากานต์” กู๋เหลียงพูดอย่างภูมิใจ
เกียรติบดินทร์มองหัวจรดเท้า แล้วเหลือบไปเห็นตราสติ๊กเก้อร์ศาลเจ้าแปะหราที่กระจกรถ เกียรติบดินทร์ มองเข้าไปใกล้ๆ สติ๊กเก้อร์ตราศาลเจ้า แล้วยิ้มบางๆ คิดแผนร้ายบางอย่างขึ้นมา
“นายหัวบัญชา..คุณนายดารากานต์เหรอ..นี่คง..มาจากต่างจังหวัดกันล่ะสินะ หึๆๆ..ผิดทางแล้ว..ลุง”
นักบวชตงได้ยิน รีบโผล่หน้าออกมา “ผิดทางหรือคุณ..ไม่ผิดนะ ตำรวจจราจรบอกทางพวกเรา..ว่าบ้านนายหัวบัญชา...”
“บ้านนายหัวบัญชาไม่ใช่ฝั่งนี้ครับ พวกคุณคงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ คุณต้องกลับออกไปถนนใหญ่ใหม่ แล้วกลับรถไป แล้วเลี้ยวที่ซอยฝั่งตรงข้าม ซอยที่ติดกับสะพานข้ามคลองตะหาก”
“ไม่ใช่นะ ตำรวจไม่เห็นบอกว่ามีสะพานอะไรเลย” อาม่าสาลี่แย้งเกียรติบดินทร์
“มีสิครับ..ตำรวจคงมั่วมากกว่า บ้านนายหัวอยู่ฝั่งโน้น ไม่ใช่ที่นี่..นี่บ้านผมครับ..พวกคุณไม่เชื่อผมได้ไง ผมเจ้าของบ้านนะฮะ”
พวกชาวศาลเจ้าในรถตู้มองหน้ากัน เลิ่กลั่ก
“เอ้า..ว่าไงครับ..ถอยรถไปเลย..กลับรถออกไปได้แล้วครับ เชิญ…”
กู๋เหลียงอึ้งๆ แล้วเดินเกาหัวมาขึ้นรถ
“หลงอีกแล้ว จะรอดไหมเนี่ย อย่าสะพ้งสะไพ้มันเลยมั้ย โทร.หาใครซะคนเถอะน่า” อาหึ่งบ่นอุบ
“โทร.หาอาจ้างๆ เอามาให้ช้านพูดเอง..ช้านจะหลอกถามมันเอง ไม่บอกมันหรอก ว่าเราจะมาหา บอกแค่ว่า ถามเล่นสนุกๆ เฉยๆ เอาไหมๆ” สารภีส่งเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย
กู๋เหลียงเซ็ง ถอยรถ แล้วตีวงกลับรถ
“ไอ้พวกนี้เอง..ที่แม่เราจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับ..พวกศาลเจ้าญาติไอ้จ้าง..ฮ่ะๆๆ สม”
เกียรติบดินทร์แอบยิ้มขำ ด้วยความสะใจ
อ่านต่อหน้า 3
ลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 13(ต่อ)
ที่บริเวณไซด์งานก่อสร้างอาคารราชการ ขณะนั้น ฟ้ากระจ่างยืนเท้าสะเอว มองแผงเบรกเก้อร์ พลางใช้ความคิด
“เช็คดูทุกจุด ทุกรอยต่อแล้วว่ะจ้าง ไม่มีตรงไหนบอดเลยนะ” สมหมายเอ่ยขึ้น
ฟ้ากระจ่างดึงเบรกเก้ออันหนึ่งบนแผง ขึ้นลงๆ อยู่หลายที
“ปัญหาอาจอยู่ที่ตัวเบรกเก้อร์อันนี้นะ มันฟรีๆยังไงไม่รู้” ฟ้ากระจ่างรู้สึกผิดสังเกต
“งั้นตัดไฟทั้งหมดก่อนเลย แล้วรีบเปลี่ยนเลย” อาจารย์สมบัติบอก
“ครับจารย์..” สมหมายรับคำ
ทันใด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฟ้ากระจ่างดูเบอร์ แล้วทำหน้างง ไม่อยากเชื่อ
“หา..” รีบกดรับ “ป๊า”
อาหึ่ง พูดมือถือ รถตู้จอดให้ทุกคนพักผ่อน กินน้ำ กินขนมกันที่ร้านเพิงริมทาง
“อาจ้าง..นี่ๆๆ บ้านลื้ออยู่ตรงไหนอะ บ้านพ่อแม่ลื้อน่ะ อั๊วะหลงจนหมดแรงแล้ว”
“อะไรนะ ป๊า ป๊าเป็นอะไรหรือเปล่าครับ..สบายดีหรือเปล่าครับ”
“สบายดี แต่ไปบ้านลื้อไม่ถูก..บ้านที่ลื้ออยู่น่ะ ตกลง ข้ามสะพานแล้ว เลี้ยวเข้าซอยซ้าย หรือซอยขวากันแน่”
ฟ้ากระจ่างถอนใจ “ป๊าครับ คือ..ตอนนี้อั๊วะยุ่งอยู่ ทำงานอยู่..คุยเล่นตลกๆ ไม่ได้นะครับ เดี๋ยวอีกแป๊บ..ผมโทร.กลับนะป๊านะ..นะครับๆๆ ขอโทษนะครับ” ฟ้ากระจ่างกดวางสาย เก็บมือถือ แล้วเข้ามาดูงานต่อ “เอามานี่..เดี๋ยวพี่ทำเอง..” แย่งเครื่องมือไปทำ ท่าทางเครียดๆ
อาหึ่งอึ้ง มึน เก็บมือถือ
“อะไร อาหึ่ง..จ้างเค้าไม่บอกเหรอ” อาม่าสาลี่ถาม
“มันบอกว่า..มันยุ่ง ทำงานอยู่ คุยเล่นตลกๆไม่ได้” อาหึ่งบอก
“หนอย..อาจ้าง.. ลืมตัวเหมือนวัวลืมตีน ไอ้ลูกสารภี” สารภีหงุดหงิด
“ทรพีมั้ง” กู๋เหลียงว่า
“จ้างมันอาจติดงาน ทำธุระอะไรอยู่มั้ง” นักบวชตงบอก
“ทำธุระยุ่ง..จนถึงขนาดไม่มีเวลาบอกทางไปบ้านตัวเองให้ป๊าที่เลี้ยงมันมาซักคำนึงเลยเหรอ” กู๋เหลียงบ่น
“นี่เรานั่งรถกันมา 3 วัน 3 คืน เพื่อมาเจอไอ้ลูกเนรคุณแบบเนี้ยเหรอ”
คำพูดสารภีทำเอาทุกคนอึ้งๆ
เวลาเดียวกันบุรีเดินนำฟ้าใสที่ถือถุงช้อปปิ้งมาเต็มมือ เดินมาที่รถ สักพัก ฟ้าใสทำเข่าอ่อน ทรุดตัวลง เป็นลม ปล่อยถุงร่วง บุรีตกใจ รีบเข้าไปประคอง
“ฟ้าใสๆ เป็นอะไร”
“โอย..คุณขา..สงสัย หนูความดันต่ำอีกแล้วค่ะ”
“ไปหาหมอมั้ย”
“ไม่เป็นไรคะ แค่..นอนพักผ่อนซักวันสองวัน..เดี๋ยวก็หาย”
“อ้าว..ก็ว่าจะพาไปเที่ยวหาดใหญ่กันหน่อย..จะไปไหวมั้ยเนี่ย”
“คงไม่ไหวหรอกค่ะ..นั่งรถนานๆ..เดี๋ยวจะยิ่งแย่”
“ชั้นนัดเพื่อนที่นั่นไว้แล้วน่ะสิ ชั้นต้องไปปรากฏตัวที่นั่น ให้ทุกคนเห็นเป็นพยาน..ว่าชั้นไม่ได้อยู่ที่นี่คืนนี้ด้วยสิ”
“ทำไมคะ” ฟ้าใสแปลกใจ
“ไม่ต้องถามได้ไหม..แล้วแบบนี้..จะเอาไงล่ะ” น้ำเสียงบุรีชักหงุดหงิด
“คุณไปคนเดียวได้ไหมคะ ช่วยไปส่งหนูที่ห้องก็พอ”
“เอางั้นเหรอ”
“ค่ะ..เดี๋ยวหนูกินยา แล้วนอน..คุณก็ไปตามสบายเถอะค่ะ..ซื้อขนมมาฝากหนูบ้าง..หนูก็ดีใจแล้ว”ฟ้าใสยิ้มอ้อนๆ
บุรีหยิกแก้ม อย่างรักใคร่และเอ็นดู
ไฟบริเวณตัวอาคาร ตรงจุดที่ไฟไม่ติด ตอนนี้ติดกันหมดสว่างทั่วทั้งบริเวณ ไฟดาวน์ไลท์ ไฟตามระเบียง ไฟโคม ไฟหลอดฟลูออเรซเซนท์ ทุกคนทำงานอย่างขันแข็ง ใช้ไขควงเช็คไฟ เช็คปลั๊ก ก็โชว์ว่ามีไฟ แว้บๆๆ
พัดลมเพดานติด หมุนติ้วๆ เสียงแอร์สตาร์ทเครื่องดัง หึ่งๆ ทุกคนแปะมือกันอย่างโล่งใจ
“ดีแล้วๆ แต่ครูว่า..การเช็คแค่รอบเดียว..ยังไม่พอ” อาจารย์สมบัติบอก
“ใช่..อะไรที่ดูว่าเรียบร้อยตอนนี้ อีกสักพัก มันอาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาอีกก็ได้” อาจารย์อีกคนว่า
“ถูกต้อง ก่อนที่ผมจะเซ็นต์รับงาน..ผมขอให้พวกเราเช็คแบบเดินตามแปลนไปทีละจุดอย่างละเอียดอีกรอบ อาจารย์ครับ เรามาแบ่งสายกันตรวจงานกัน ดีไหมครับ”
“เอาสิ” อาจารย์สมบัติว่า
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ของดังขึ้น ฟ้ากระจ่างชะงัก ดูโทรศัพท์แล้วจำใจรับ
“ครับผม”
บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกใหญ่บ้านบัญชา คนงานกลุ่มหนึ่งกำลังจัดโต๊ะที่ปูผ้าแล้ว อีกคนจัดวางจานชาม ช้อนส้อม แก้วน้ำ พวกน้ำดื่ม น้ำอัดลม ที่มุมหนึ่งของโต๊ะอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ ทรายทองกำลังจัดแจกันดอกไม้ที่อีกมุม ในขณะที่ดารากานต์พูดโทรศัพท์กับฟ้ากระจ่าง
“จ้าง..จะเสร็จหรือยังลูก..ตกลงไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างราบรื่นดี ใช่ไหมจ๊ะ”
“อ๋อ ครับ..ทุกอย่างราบรื่นครับ เดี๋ยวก็เสร็จแล้วครับ”
“งั้นเสร็จแล้ว พาทุกๆคนมาที่นี่เลยนะจ๊ะ ซัก..6 โมงเย็น ลูกว่า..จะมาถึงไหม หรืออยากมาค่ำกว่านั้นจ๊ะ คือ..แม่จะได้สั่งเค้าให้อุ่นอาหารให้ถูกเวลาน่ะจ้ะ”
“ครับๆๆ..ได้ครับ แค่นี้นะครับแม่..ผมกำลังรีบครับ”
“จ้า..” ดารากานต์วางสาย หน้าตายิ้มแย้ม “เริ่ม 6 โมงนะ ทรายทอง”
“ค่า..ได้เลยค่ะ ทรายพร้อมอยู่แล้ว”
ฟ้าใสโยนถุงที่ช้อปปิ้งไปกองสุมอยู่ตรงมุมห้อง แล้วเดินไปส่องกระจก พูดกับกระจก
“เย็นนี้ ลูกสาวเฮียบุรีจะเอนเทอร์เทนอาจ้างที่ไหนยังไงกันแน่..เชอะ..อย่าหวังเลย ว่าแกจะมารวบตึงอาจ้างของชั้น..นังทรายทอง”
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“อะไรเนี่ย ไอ้แก่..ยังไม่ทันไร โทร.มาจิกแล้วเหรอ..จะเช็คชั้นรึไง”
ฟ้าใสนึกว่าเป็นสายจากบุรี พอเดินไปเปิดกระเป๋า หยิบโทรศัพท์มา ดูแล้ว ผงะ
“หา..เย้ย..อาม่า..โทมาทำไม เป็นอะไรไปหรือเปล่าเนี่ย(รีบกดรับ ตื่นตระหนก ห่วงใย)อาม่าๆๆ..อาม่าเป็นอะไร..มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นเหรอ
แก๊งชาวศาลเจ้า นั่งพักผ่อน กินดื่มกัน ในขณะที่อาม่าสาลี่พูดมือถืออยู่กับฟ้าใส
“นี่ๆ อาเสี้ยวท้อ เวลานี้ อาม่ากะพวกศาลเจ้าทุกคนเลยนะ มาหาอาจ้างกันนะ แต่พวกเราไปบ้านพ่อบุญธรรมของมันไม่ถูก..แล้วตัวอาจ้างมันก็เปลี่ยนไปมากเลย..มันทำเป็นงานยุ่ง ไม่ยอมคุยกับพวกเรา กะอาหึ่งมันก็ไม่คุย..ลื้อรู้จักบานมันใช่ม้ายย”
ฟ้าใสฟังแล้วแทบช็อค “อะไรนะ..อาม่าว่า..อาม่าอยู่ไหนนะ”
“ก็อยู่ถนนทางไปบ้านนายหัวอะไรนั่นล่ะ อาเหลียงขับวนไปวนมาหลายรอบแล้ว หาไม่เจอ”
“หา..อากู๋เหลียงก็มา อาหึ่งก็มา มากันหมดเลยเหรอ”
“ช่ายยย..อาสารภีก็มา”
“อ๊าย..อยากจะบ้าตาย..มาทำไม จะมาเพื่ออะไร อาม่า..อาจ้างเค้างานยุ่งมากๆจริงๆ เค้าไม่ใช่คนเดิมแล้วนะ เค้าเป็นคุณชายใหญ่ของบ้านมหาเศรษฐีนะ พวกอาม่าจะมาประจานให้เค้าอับอายทำไม”
“อะไรนะ..อาเสี้ยวท้อ..พวกอั๊วะเนี่ยเหรอ จะทำให้อาจ้างอับอาย”
“แหม..อาม่า..อาม่าต้องเข้าใจนะ ว่าคนเรา..เวลาเป็นคนใหม่แล้ว ก็ไม่ค่อยอยากจะให้ใครมาคอยจิกเตือนหรอก..ว่าอดีต..เราเคยเป็นใคร กระจอกงอกง่อยอนาถาขนาดไหน มันบาดใจ เวลาต้องเจอกะคนเก่าๆ ที่เคยรู้กำพืดเรา..เราก็จะเศร้า หดหู่มาก..ไม่รู้เหรอ”
“อ้อ..มันเป็นแบบนี้เองเหรอ แล้วลื้อล่ะ..ฟ้าใส..ลื้ออยู่ที่ไหน มาหาอั๊วหน่อยสิ”
ฟ้าใสโกหกทันที “โอ๊ย..อาม่า..อั๊วะ..อั๊วะไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว..ตอนนี้อั๊วะอยู่..อยู่กรุงเทพฯโน่น..เอางี้ พวกม่าก็เที่ยวกันให้สนุกดิ ไปทะเลไปไหว้เจ้าอะไรก็ได้ แล้วก็กลับๆไปซะ อย่าไปยุ่งกะอาจ้างมันเลย นะๆๆ แค่นี้นะม่า..บ๊ายบาย..” รีบวางสาย แล้วสีหน้าหม่นลง
อาม่าสาลี่กดวางสาย สีหน้าเศร้า รู้สึกหดหู่ขึ้นมา ในที่สุดก็น้ำตาไหล ชาวคณะเข้ามารุมล้อม ถามกันใหญ่ ว่าเป็นอะไร เสียงเซ็งแซ่
ด้านดวงยิหวาซึ่งแต่งตัวเหมือนแมสเซนเจ้อร์ สะพายกระเป๋าเป้หนักอึ้ง ซึ่งในนั้นเป็นเงินสดล้วนๆ เดินออกมาจากแบ๊งค์ มองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง แล้วเดินมาที่ลานจอด ซึ่งมีมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ ดวงยิหวายืนสวมหมวกกันน็อค
ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่ง มากระชากกระเป๋าเป้จากข้างหลังไปอย่างแรง
“หยุด ส่งเงินมา..นี่คือการปล้น ขัดขืน ตาย”
ดวงยิหวามีปฏิกิริยาเร็วมาก ศอกไปก่อน แล้วหมุนตัว ควักปืนออกมา จ่อหน้าชายนั้นทันที
“เฮ้ย!” / “โอ๊ย!” ทั้งคู่ร้องขึ้นพร้อมกัน
แล้วพอเผชิญกัน ต่างคนต่างชะงัก ดวงยิหวาตกใจ ที่เห็นเป็นเกียรติบดินทร์
เกียรติบดินทร์ทึ่ง ตกใจ นึกไม่ถึงว่าดวงยิหวาจะเตรียมพร้อมและมีฝีมือด้านศิลปะป้องกันตัวอีกด้วย
“คุณดิน..เล่นอะไรบ้าๆเนี่ย” รีบเก็บปืน มองไปรอบๆ กลัวคนอื่นเห็น
แต่โชคดี ไม่มีใครแถวนั้นมองมาเลย
“ว้าวๆๆ..เธอนี่มันไม่ใช่ย่อยๆนะ ยังกะจีจ้า ญาณิน”
“คุณดิน..ดวงกำลังทำงาน”
“รู้..ชั้นรู้ตารางเวลาของเธอ ว่าตอนนี้..ต้องวิ่งไปแบ๊งค์นั้นแบ๊งค์นี้ เคลียร์บัญชีบริษัท เคลียร์เช็ค เบิกเงินสดไปจ่ายค่านั่นค่านี่ ชั้นถึงตามมาถูกไง”
“คุณไม่ยอมเข้าใจที่ดวงพูดไป ดวงพูดหมดแล้ว จบแล้ว..ไม่มีอะไรอีกแล้ว”
“ชั้นเข้าใจ แล้วตอนนี้ชั้นก็ยิ่งซึ้ง..ว่าทำไมนายหัวถึงไว้วางใจเธอกับพ่อนัก นอกจากเธอจะซื่อสัตย์แล้ว ยังมีพิษสงพอตัว..ที่ใครจะมาทำอะไรเธอไม่ได้ง่ายๆ เก่งมาก..ดวง”
“ขอบคุณค่ะ ที่ชม..ถ้าเข้าใจกันแล้ว..ขออนุญาตดวงไปทำงานก่อนนะคะ”
“แล้วเธอจะแว้นไป..เป็นแมสเซนเจ้อร์เองแบบนี้เหรอ”
“ก็ต้องการความคล่องตัวนี่คะ ต้องไปหลายที่ วันนี้วันจ่ายเงิน”
“ให้ฉันพาเธอไปไหมล่ะ ขี่มอ’ไซค์ร้อนนะ เดี๋ยวตัวดำแย่”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดวงชินแล้ว”
เกียรติบดินทร์พูดเสียงจริงจัง ท่าทีขรึมๆ “ดวง..เธอจะไม่ยอมเป็น..แม้แต่เพื่อนกับชั้นเลยเหรอ ชั้นสัญญา..ว่าจะเป็นเพื่อนที่ดี ไม่ทำตัวเด็กๆใส่ใครอีกแล้ว..สาบานก็ได้ เอ้า”
ดวงยิหวามองจ้องหน้า สังเกตว่าจะมาไม้ไหน เกียรติบดินทร์มองตอบ หน้าซื่อ
ฟ้ากระจ่างกำลังส่องไฟฉายตรวจดู โดยเอาหัวยื่นไปในฝ้าเพดานห้องที่เจาะเป็นที่เดินสายไฟจำนวนหนึ่ง ปักอีกด้านของตึก อาจารย์สมบัติ กำลังเช็คหลอดไฟฮอลาเจ้นที่ติดเรียงตรงห้องทำงานห้องนึง
ส่วนที่ด้านนอกอาคาร อาจารย์อีกคนกำลังตรวจดูสายที่เดินมาจากหม้อแปลง
ทันใดนั้นมี เสียงมือถือดังขึ้น อาจารย์สมบัติละงานในมือ กดรับสาย “ฮัลโหล..สมบัติพูดครับ”
นักบวชตงเป็นคนโทร.เข้ามา จากเพิงริมถนน
“อาจารย์สมบัติ นี่ผม อาจารย์ตงนะครับ”
“อาจารย์ตง..สวัสดีครับ..สบายดีหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ ไม่สบายเลยล่ะครับ เวลานี้เรามาหาอาจ้างกัน แต่หลงทาง อยู่บนถนนสายที่ไปบ้านพ่อบุญธรรมของเค้าแหละครับ เราพยายามโทร.หาจ้างแล้ว แต่จ้างดูเหมือนจะกำลังยุ่งมาก..ผมไม่ทราบว่า..อาจารย์ทราบหรือเปล่าว่าจ้างอยู่ไหน กำลังทำอะไร แล้วจ้างเขายุ่งขนาดไหน ถึงไม่ยอมพูดจาอะไรกับพ่อแม่..ผมหมายถึง อาหึ่ง กับสารภี ถ้าพวกเรารบกวน ทำให้เขาวุ่นวาย พวกเราควรจะกลับไปหรือเปล่าครับ”
สมาชิกศาลเจ้า รุมล้อม อยู่นอาการลุ้นๆ
“เอ่อ..อาจารย์ตงครับ..ผมว่า..คงมีการเข้าใจอะไรกันผิดแล้วล่ะครับ”
สีหน้าอาจารย์สมบัติ ดูกังวลมากๆ
ชาวศาลเจ้านั่งมองหน้ากันอยู่ริมถนนสายนั้น
“จริงพวกเราไม่ต้องง้อมันก็ได้ เราเที่ยวกัน กินกันให้สนุก แล้วก็กลับ” กู๋เหลียงปรารภ
“สนุกเร้อ..ใครจะสนุกได้ลงคอ ในเมื่อโดนลูกในไส้มันดูหมิ่นเอาขนาดนี้” อาหึ่งบ่นอุบ
“ลูกในไส้เหรอ ไอ้หึ่ง ในไส้ติ่ง ไส้เล็ก หรือไส้ใหญ่วะ หา” อาม่าสาลี่แขวะ
“ลูกในไส้กรอกอ่ะดิ เอ๊ย..นึกได้แล้ว อยากกินไส้กรอกๆๆๆ ไปหาไส้กรอกอิสานกินเหอะ” สารภีว่า
“อินี่..มาใต้ทั้งที จะมากินไส้กรอกอิสาน เค้าต้องกินไตปลาเว้ย” อาหึ่งโว
“ยังไงๆ ตอนนี้ต้องหาที่นอนก่อนอื่น เมื่อยเหลือเกิน อยากนอนพัก เอนหลัง อาบน้ำอาบท่าเต็มที หลังขดหลังแข็งมาในรถ 2 คืน ไม่ไหวละ”
ระหว่างนั้น มีเสียงรถยนต์วิ่งเข้ามาจอด ทุกคนหันไปมอง เห็นฟ้ากระจ่างเดินลงมา หน้าตาวิตก
“อาจ้าง” ทุกคนประสานเสียง
ฟ้ากระจ่างเดินพนมมือท่วมหัวเข้ามา “อาจารย์ครับ กู๋ ป๊า แม่ อาม่า..ผมขอโทษ..” เข้าไปไหว้เป็นรายตัว
ทุกคนมองจ้าง อึ้งๆ และชื่นชม
“ลื้อ..ขาวขึ้นนะ
อาม่าสาลี่แย้งสารภีขึ้น “ขาวอะไร ดำน่ะไม่ว่า แต่มีสง่าราศีขึ้น นี่..เวลาลื้อแต่งตัวดีๆ..ลื้อดูเป็นผู้ดี เป็นลูกอาเสี่ย ..ไม่ๆๆ แบบนี้ มันยังกะลูกผู้ว่าฯลูกสส.รัฐมนตรีซะด้วยซ้ำ”
กู๋เหลียงมองแบบงอนๆ “มิน่าล่ะ มันกลายเป็นคุณชายไปแล้วไง ถึงไม่มีเวลา..แม้แต่จะโทหาพวกเรา”
อาหึ่งรู้สึกตื้นตัน น้ำตาไหล บ่นออกมาอย่างน้อยใจ “เถ้าแก่ร้านสมาร์ทเทเล่อร์ที่ตลาด ยังไม่คู่ควรที่จะเป็นป๊าลื้อเลย แล้วคนอย่างอั๊วะ..จะไปหวังอะไรอีก”
“ป๊า” ฟ้ากระจ่างเข้าไปกอดปลอบใจอาหึ่ง “ไม่เอาน่า..ป๊าก็รู้ ว่าคนอย่างอั๊วะ..จะเอาอะไรมาใส่ อยู่ที่ไหน ทำอะไรมันก็อาจ้างคนเดิม..ล้างจานเก่งเหมือนเดิม”
ทุกคนหัวเราะ
สารภีเดินเข้ามา “กอดมั่งๆๆ”
“ไม่ต้องๆๆ นังสารภี ลื้อเป็นผู้หญิงนะ”
“อ้าว..ไอ้นี่ ผู้หญิงกอดลูกไม่ได้รึไงวะ” สารภีโต้
“อ้าๆๆ ไม่ต้องแย่งกัน อาจ้าง..ยังไงล่ะ ได้ยินว่า..งานยุ่งมากหรือไง” นักบวชตงถาม
สีหน้าแววตาของฟ้ากระจ่างดูออกว่าไม่สบายใจ
“อาจารย์ครับ..ป๊าครับ ..ตอนที่..ผมพูดโทร.กะป๊า..ป๊าพูดเหมือนกับว่า..พูดเล่น..สนุกๆ..ผมไม่ทราบว่าทุกคนเดินทางมาถึงที่นี่จริงๆ ด้วย”
“ทุกคนอยากพบเธอ ทุกคนคิดถึง เป็นห่วงเธอมาก” นักบวชตงบอก
ฟ้ากระจ่างอยากจะร้องไห้ รู้สึกตื้นตันใจ
“คือ ตอนนี้ผมกำลังทำงานอยู่ งานสำคัญมากจริงๆ..เดี๋ยวผมมาพาทุกคนไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อน..ผมไปเปิดห้องไว้แล้ว ทุกคนไปล้างหน้าล้างตา อาบน้ำ นอนเล่นพักผ่อนกันก่อน แล้วค่ำๆ ผมเลิกงานแล้วจะไปรับทุกคนไปรับกินกัน ..นะครับ”
ฟ้ากระจ่างยิ้ม น้ำเสียงอ้อนวอนบรรดาผู้มีพระคุณ
รถมอเตอร์ไซค์ที่ดวงยิหวาขี่เข้ามาในชุดที่ดูราวกับแมสเซนเจอร์ และเหมือนผู้ชาย ขับมาจอดหน้าบริษัทที่มีพวกรถ เครื่องมือก่อสร้าง จอดอยู่เต็ม รถสปอร์ตคันงามของเกียรติบดินทร์ขับประกบ มาจอดเคียง ดวงยิหวาถอดหมวกกันน็อก ถอดแว่น เดินมาหาเกียรติบดินทร์ที่รถ เกียรติบดินทร์รีบเปิดลงมาหา ยิ้มแต้
“ชั้นมาเป็นบอดี้การ์ดให้เธอไง..ก็ในเป้น่ะ มีทั้งเช็ค มีทั้งเงินสดเยอะแยะ..ชั้นเป็นห่วง มันก็เงินของพ่อชั้นทั้งนั้น..ชั้นตามดูแลเธอ มันผิดเหรอ” เกียรติบดินทร์พูดกวนๆ ยั่วๆ
“คุณก็เห็นแล้ว ว่าดวงทำงานจริงๆ..ดวงต้องไปวางเช็คอีกหลายแห่งนะคะ ไม่ใช่ขับรถเล่นสนุกๆ”
“ชั้นก็มาทำหน้าที่คุ้มครองเธอจริงๆ..ไม่ใช่ขับรถเล่นสนุกๆ”
ดวงยิหวาทำหน้าระอาใจ ถอนใจ แล้วขี้เกียจเถียง หันเดินไป ตรงเข้าไปในประตูตึก
เกียรติบดินทร์มองตาม หน้าตาต้องการเอาชนะ คิดในใจว่าตื๊อครองโลก
ฟ้ากระจ่างขับรถเข้ามาจอด เปิดลงมา ยืนมึนๆอยู่ อาจารย์ทั้งสองเดินลงมารับ
“ไง..เรียบร้อยไหม” อาจารย์สมบัติถาม
““เรียบร้อยครับ” ฟ้ากระจ่างดูนาฬิกาพลาง ”เราน่าจะเสร็จซัก5-6โมงนะครับ อีกตั้ง2ชั่วโมง..แล้วเราพาพวกที่บ้านไปกินข้าวกันนะครับ”
“แล้วเสร็จงาน เธอต้องมีธุระอะไรกับ..คุณแม่ที่จะจัดเลี้ยงให้..ด้วยไม่ใช่เหรอ”
“นั่นน่ะสิครับ” ฟ้ากระจ่างยิ่งอึ้งหนัก
“เดี๋ยวนะ..เดี๋ยวๆๆ..เธอบอกว่า..คุณแม่เธอจะจัดเลี้ยงให้พวกเราที่บ้าน..แล้ว..น้องชายเธอคนนั้น..กับไอ้พวกนี้..ถ้าพวกเค้าเจอกัน มันจะดีเหรอ” อาจารย์ถามอย่างเป็นห่วง
“คือแม่ไม่ทราบเรื่องที่วันนั้นพวกเรามีเรื่องกันหรอกนะครับ..แม่ก็คง..หวังดี..แล้วถ้าเราไม่ไป..แม่ก็คง..เสียใจนะครับ”
ฟ้ากระจ่างอึ้งคิดหาวิธีแก้ปัญหาสุดชีวิต
ดวงยิหวาเดินลงมาจากตึกหลังนั้น แล้วมองไปทางรถเกียรติบดินทร์ที่นั่งเปิดแอร์เย็นฉ่ำ เปิดเพลงฟังดังลั่น รออยู่ตรงนั้น ดวงยิหวาถอนหายใจอย่างระอา ทันใดนั้น โทรศัพท์ดวงยิหวาดังขึ้น ดวงยิหวาหยิบขึ้นมา เป็นรูปหน้าจ้าง ดวงยิหวาแอบดีใจนิดๆ
“พี่จ้าง..” ดีใจจนเนื้อเต้น แต่พอกดรับ ดวงยิหวาแกล้งแอ๊บเสียงเย็นชา “ค่ะ..คุณฟ้ากระจ่าง..มีอะไรให้รับใช้คะ”
“เอ่อ..ดวง..ตกลง..วันนี้ดวงจะไม่มาที่นี่เหรอ”
“อ๋อ..ไม่มาค่ะ ดวงไม่ว่าง” ทำเสียงสะบัดๆ
“เหรอ..แล้ว..ดวงจะเลิกงานกี่โมง”
“ก็..คงค่ำๆ ค่ะ 6 โมง..1 ทุ่ม”
“คือ..งี้นะดวง..พี่..มีเรื่องต้องรบกวนดวง..คือ..เดี๋ยวพอเลิกงานแล้ว..นายหญิงจะจัดงานเลี้ยงที่บ้าน..ให้พี่กับพวกอาจารย์กับ..รุ่นน้องของพี่”
ดวงยิหวานึกว่าฟ้ากระจ่างจะชวนตัวเอง “เหรอคะ ก็ดีนี่คะ”
“คือ..พี่..ต้องขอให้ดวงช่วยนิดนึงนะครับ..คือ..คุณดินน่ะครับ..เค้าคงมีปัญหาแน่ๆ เลย ถ้าพี่พาพวกนั้นไปที่บ้าน แต่พี่จะไม่พาไป..เดี๋ยวนายหญิงก็จะเสียใจอีก..พี่ไม่อยากขัดใจท่าน..ถ้าดวงจะช่วยชวนคุณดินไปนอกบ้าน..ไปทานข้าวอะไรกันซักแป๊บ..จะได้ไหมครับ..พี่ว่า พวกอาจารย์กับเด็กๆ มันก็คงไม่อยู่นานหรอก..เกรงใจนายหัว..คงไม่กล้ากินอะไรยืดเยื้อ”
ดวงยิหวาแค้นใจนัก “แค่นี้ใช่ไหมคะ..คุณฟ้ากระจ่าง นี่เป็นส่วนนึงของงานในหน้าที่ของดิฉันด้วย ใช่ไหมคะ เข้าใจค่ะ รับทราบ มันเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ดิฉันเข้าใจดี เพราะถ้าไม่มีเรื่องสำคัญขนาดนี้ คุณคงไม่โทมาสั่งดิฉันหรอก แค่นี้นะ” กดปิดโทรศัพท์ แค้น จนน้ำตาจะไหล
ฟ้ากระจ่างอึ้ง หน้าซีด มองโทรศัพท์ทั้งเศร้าทั้งเซ็ง
ดวงยิหวายืนแค้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงสูดลมหายใจลึกๆ ตัดสินใจทำบางประชดฟ้ากระจ่าง รีบเดินตรงไปที่รถเกียรติบดินทร์
-เกียรติบดินทร์เห็นดวงยิหวาเดินดุ่มๆมา รีบกดกระจกลงต่ำ รอ
“คุณดิน..คุณว่างตลอดเย็นถึงค่ำเลย ใช่ไหมคะ คุณไม่มีอะไรทำ..ใช่ไหมคะ”
“ใช่”
“ที่ดวงพูดอะไรไปไม่ดีกะคุณ.. คุณช่วยลืมๆไปซะให้หมดเลยนะคะ แล้วเดี๋ยวคุณตามดวงไปจ่ายค่าของอีก2-3ที่..แล้วเราไปพักผ่อนกันดีกว่า..ดวงชักเหนื่อยๆ”
เกียรติบดินทร์ถามงงๆ “พักผ่อน..ได้สิ ดวงอยากไปไหนล่ะ”
“มันก็ควรจะเป็นที่ที่โรแมนติกหน่อยสิคะ..” ดวงยิหวายิ้มแบบเจ็บๆ
เกียรติบดินทร์มองหน้า รู้สึกแปลกใจนิดๆ
อาคารทั้งหลังเปิดไฟสว่างสวยงาม ท่ามกลางความมืดของเวลาย่ำค่ำ ฟ้ากระจ่าง อาจารย์ทั้งสองคน และเพื่อนๆ ยืนดูผลงานกันหน้าอาคาร หน้าตาแต่ละคน ปลื้มใจในผลงาน สักพักฟ้ากระจ่างหันมาแล้วยิ้มอย่างโล่งใจ
“สวยมากครับ..ต้องขอบคุณอาจารย์สมบัติ อาจารย์พิทักษ์นะครับ ที่อุตส่าห์มาช่วยผม..ขอบใจน้องๆทุกคนนะ พวกเราเยี่ยมมาก”
“ยินดีมากเลย จ้าง” อาจารย์สมบัติว่า
“สนุกดี หวังว่างานของพวกเราจะเป็นที่พอใจกับทุกคนนะ” อาจารย์อีกคนบอก
“นายเด่นไม่อยู่..เลยไม่ได้ดูเลย เสียดาย”
“เสียดายดวงด้วย..ทำไมไม่มาเยี่ยมกันบ้างเลยเนอะ” สมหมายว่า
ฟ้ากระจ่างอึ้งไปนิดๆ สีหน้าเจื่อนลง
คลื่นซัดหาดทรายระลอกแล้วระลอกเล่า อย่างไม่รู้เหนื่อย โคมกระดาษที่ห้อยตามต้นไม้ริมทะเลขับบรรยากาศให้บริเวณนั้นยิ่งสวยงาม
บริกรยกน้ำมะพร้าวทั้งลูก มาเสิร์ฟให้ตรงหน้าดวงยิหวา บนโต๊ะมีจานสลัด และของว่างกินเล่น
ดวงยิหวานั่งเล่นเทียนบนโต๊ะ ดวงตาหลุบต่ำ สีหน้าเศร้าหมอง
“ดวงอยู่ในช่วงฮอร์โมนผันผวนเหรอ” เกียรติบดินทร์เอ่ยขึ้น
ดวงยิหวาเงยหน้าขึ้นมามอง ขมวดคิ้ว “อะไรนะ?”
“ก็ดวงทำตัวผีเข้าผีออก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย”
“ก็ดวงเป็นคนบ้า คุณดินไม่รู้เหรอ”
“ดวงคิดอะไร..มีเรื่องไม่สบายใจเหรอครับ” เกียรติบดินทร์ถาม
“ดวงไม่มีความคิด..ไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้นแหละ อะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ ไม่เคยสะดุ้งสะเทือนหรอก”
เกียรติบดินทร์จ้องหน้า จับสังเกต “ดวง..ดวงต้องฝืนใจมากเหรอ ที่มากับผม”
“คุณดินแคร์ด้วยเหรอ” ดวงยิหวาถามขึ้น
“แคร์สิ เพราะ..ผมดีใจมาก มีความสุขมาก..ที่ได้อยู่ใกล้ๆ ดวง ถ้าดวงคิดว่ามันเป็นเรื่องทุกข์ทรมาน ผมก็จะเสียใจมาก”
ดวงยิหวามองหน้า รู้สึกเศร้า “คุณดิน..พูดจาน่าสงสารเกินไปแล้ว”
เกียรติบดินทร์จับมือดวงยืหวามากอบกุม “ผมน่าสงสารจริงๆ นะดวง..ผมเป็นคนที่..ไม่มีใครรัก ไม่มีเพื่อน..ว่างงาน..ไม่มีคนสนใจ ไม่มีตัวตน..ผมไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าผมอยากทำอะไร..อยากเป็นอะไร..ผมมันไม่มีค่าอะไรเลย ถ้าไม่มีดวง..ผมก็ไม่มีอะไรเลย..ดวงเข้าใจที่ผมพูดไหม”
ดวงยิหวาอึ้ง สบตาเกียรติบดินทร์ พลอยรู้สึกเศร้าไปด้วย เกิดความสงสาร และเห็นใจจริงๆ
บรรยากาศภายนอกอาคารหลังนั้น ที่มืดทะมึน ปิดไฟหมดทั่วบริเวณ ฟ้ากระจ่างขับรถคันงาม มีอาจารย์ทั้งสองคนนั่งมาด้วยกัน กำลังขับเลี้ยวนำออกมา รถกระบะ ที่พวกเพื่อนๆ จ้างนั่งกัน เลี้ยวตามมาไม่ห่างกันนัก
รปภ.ที่ยืนประจำป้อมยามตรงประตูใหญ่ด้านหน้ารอจนทั้งหมดออกไป แล้วปิดประตูรั้ว
เวลานั้น ที่อีกฝั่งถนน เฮียจุ้ย กับเฮียปุ่น นั่งแอบซุ่มดูอยู่ในรถกระบะสีเข้ม
เฮียจุ้ยยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา “6 โมงครึ่ง มืดยังกะซัก 2 ทุ่ม”
ส่วนเฮียปุ่นเปิดกะเป๋าเป้คว้าอุปกรณ์ออกมา “เราต้องอ้อมไปข้างหลัง..ตรงกำแพงหลัง..มันมืดดี”
“จอดรถทิ้งไว้ตรงนี้เลยเหรอ” เฮียจุ้ยสงสัย
“ใช่” เฮียปุ่นบอก
ทั้งสองรีบลงจากรถ วิ่งลัดเลาะ ก้มตัว อ้อมผ่านป้อมยามไป ในขณะที่ยามเดินผ่านไปตรวจอีกทาง
เฮียปุ่นกับเฮียจุ้ยวิ่งเลียบกำแพงจากด้านหน้า มุ่งสู่ด้านหลัง
ไม่นานนัก บริเวณกำแพงด้านหลัง มีเงาของคนสองคนโผล่อยู่ในความมืด ต่างรีบปีนอย่างว่องไว กระโดดตามกันไป
“แจ๋ว ยามปลอดดีมาก” เฮียจุ้ยบอก
ทั้งสองคนอาศัยเงาของพุ่มไม้ ต้นไม้ วิ่งอ้อมไปที่ตึกด้านหลัง
“อย่าให้มีร่องรอยนะเว้ย” เฮียปุ่นควักถุงมือออกมา
“รับรอง..ไอ้ลูกชายคนโตนายหัวเสร็จแน่..ตำรวจจะเห็นว่า..ทั้งหมด มันเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากการอ่อนประสบการณ์ของพวกมันเอง” เฮียจุ้ยมั่นอกมั่นใจ
เฮียปุ่นทำทีเป็นส่ายหัว “สงสารนายหัว แต่ก็ช่วยไม่ได้ อยากเห็นคนอื่นดีกว่าเรา ก็ต้องเจอแบบนี้”
ว่าแล้วเฮียปุ่นควักกุญแจผีมา เลือกๆๆหาอันที่ใช่ แล้วไขประตูตึกด้านหลัง แล้วรีบย่องนำเข้าไป เฮียจุ้ยรีบตาม มองซ้ายขวา แล้วปิดประตูลงเหมือนเดิม ทุกอย่างเงียบกริบ
ยามเดินผ่านมาแล้วเอาไฟฉายเที่ยวส่องดู เมื่อไม่เห็นอะไรผิดปกติ จึงเดินผ่านประตูตึกด้านหลังนั้นไป
อ่านต่อตอนที่ 14