xs
xsm
sm
md
lg

ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 ฉันรักเธอนะ  ตอนที่ 4 

ค่ำคืนนั้น...นับดาวเปิดประตูเข้ามาในห้องตอนกลางคืน เธอก็ต้องสะดุ้งตกใจ เพราะมีผู้หญิงนั่งหันหลังอยู่บนเตียงของเธอ

“เธอเป็นใครน่ะ มาทำอะไรในห้องฉัน”
ผู้หญิงยังนั่งหันหลังตอบ เสียงดูเย็นยะเยือกสยดสยอง
“จำฉันไม่ได้จริงๆเหรอ...นับดาววววววว”
ยูกิค่อยๆ หันหน้ามา สภาพดูหน้าซีด เบ้าตาคล้ำ น่ากลัวเหมือนผี นับดาวเห็นก็ตกใจ
“ยูกิ”
“ช่วยฉันด้วย ฉันหนาว ฉันหิว”
เลือดค่อยๆ ไหลออกมาจากปากยูกิ
“ช่วยด้วย”
นับดาวหน้าเสีย...
“ฉันไม่รู้จะช่วยเธอยังไง เธออยู่ที่ไหนฉันก็ไม่รู้”
“ถ้างั้นก็ช่วยคืนตำแหน่งซุปเปอร์สตาร์มาให้ฉัน เธอต่างหากต้องมาติดอยู่ที่นี่”
“ไม่เอานะ ไม่เอา”
“เอาคืนมา เอาคืนมา”
นับดาวหลอนเสียงยูกิ พยายามอุดหูข้างซ้ายของเธอ ไม่อยากได้ยิน และแล้วเธอก็สะดุ้งตื่นบนเตียงนอนของตัวเอง เหงื่อแตกเต็มไปหมด ยังตกใจไม่หาย
“แค่ฝันไปนับดาว แค่ฝัน”
นับดาวค่อยรู้สึกแปลกๆที่เท้าใต้ผ้าห่ม เธอค่อยๆเปิดมันออก ก็เห็นผมคนสยายอยู่ นับดาวกรี๊ดเด้งตัวลุกขึ้นยืน แต่ผมก็ยังอยู่ตรงนั้น เธอค่อยๆรวบรวมความกล้ามาเปิดมันออก ปรากฎว่าเป็นวิกผมจากกระเป๋ายูกิเธอเคยเอาออกมาลองเล่นนั่นเอง นับดาวโล่งใจ มองนิตยสารเอเชี่ยนฮิตหน้าปกยูกิบนโต๊ะ
“เธอคงไม่เป็นอะไรใช่มั้ยยูกิ ขอให้เธอสบายดี ฉันจะพยายามหาทางช่วยเธอ”
นับดาวค่อนข้างหนักใจ

บ่ายวันนั้น นับดาวโพสท่าถ่ายแบบอยู่กลางสยาม แต่เธอก็ยังโพสท่าไม่เก่ง เก้ๆ กังๆอยู่ แต่แฟนคลับรอบด้าน กรี๊ดตลอดเวลาไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนเป็นท่าไหน เธอมีความสุข เวลาพักเธอซับเหงื่อก็โบกมือให้กับแฟนคลับตลอด
ถ่ายด้านนอกเสร็จแล้ว นับดาวเดินดูของร้านโน้นร้านนี้ ตากล้องก็สแนปไว้ตลอด ช่างแต่งหน้าทำผมก็รอสแตนบายคอยซับเหงื่อ คอยเติมหน้า เป็นไทกับองอาจดูมอนิเตอร์ภาพถ่าย ยิ้มพอใจ
หลังจากถ่ายเสร็จ นับดาวกับเป็นไท พากันมานั่งพักในห้องที่ทีมงานเตรียมไว้ให้ นับดาวกำลังนั่งกินขนมอย่างเพลิดเพลิน
“เป็นไงครับ เหนื่อยมั้ย” เป็นไทเป็นห่วง
“ก็ดีค่ะ ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย งานสบาย รายได้ดี”
“พูดเป็นเล่นน่ะครับ ไม่เคยทำได้ไง”
นับดาวนึกได้
“หมายถึง ไม่เคยทำที่ประเทศไทยน่ะค่ะ”
“แฟนคลับคุณนี่เยอะจริงๆ”
“นั่นสิ เยอะกว่าคนทั้งชีวิตฉันรวมกันตั้งหลายเท่า”
เป็นไทหัวเราะ
“ช่างเปรียบเทียบนะครับ”
เป็นไทหันไปเห็นนับดาว ปากเลอะอาหารที่เธอกิน นับดาวไม่รู้ตัว
“นั่นจะเอาไปฝากใครเหรอครับ”
นับดาวงงๆ ไม่รู้ว่าเป็นไทหมายความว่าไง
“อะไร ใครฝากคะ”
“ก็ขนมไง”
เป็นไทหยิบผ้าเช็ดหน้าตนเองออกจากกระเป๋า เอื้อมไปเช็ดให้ นับดาวอายเพราะไม่เคยมีใครทำอะไรแบบนี้ให้มาก่อน เป็นไทเช็ดให้อย่างทะนุถนอม แต่นับดาวก็ทนความเขินของตัวเองไม่ไหว หันหลบเป็นไท เอาลิ้นตวัดอาหารที่เลอะปากอยู่เกลี้ยง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจัดการเองได้”
เป็นไทยิ้ม เอ็นดู แล้วองอาจก็เปิดประตูเข้ามาขัดจังหวะ
“ขอโทษที่รบกวนเวลาพักนะครับคุณไท คุณยูกิ คือพอดีมีสื่อมาขอสัมภาษณ์”
“สื่อเนี่ยนะ เราไม่ได้เชิญมาวันนี้ไม่ใช่เหรอ” เป็นไทหันไปถาม
“ก็ใช่ครับ”
“งั้นบอกไป ว่าไม่ให้สัมภาษณ์”
“แต่สื่อที่ว่าเบอร์ใหญ่มากนะครับ ถ้าไม่ให้ ผมเกรงว่าจะมีปัญหาภายหลัง”
“ใคร”
สังวรณ์เดินแทรกองอาจเข้ามายืนในห้อง ตามด้วยวราพรรณที่ตามติดมาช่วย
“สวัสดีครับ คุณไอ ยูกิ”
เป็นไทเห็นสังวรณ์ก็ทำหน้าเซ็ง ส่วนนับดาวก็ตกใจที่เพื่อน เธอพยายามก้มหน้าหลบ ไม่ให้วราพรรณเห็นหน้าเธอชัดนัก

เป็นไทกับสังวรณ์ออกมาคุยกันด้านนอก
“คุณจะมาเข้ากองขอสัมภาษณ์ โดยไม่แจ้งทางเราทราบล่วงหน้าได้ยังไง
“ก็คิวใหญ่ ถ่ายโปสเตอร์ขนาดนี้ ผมมีสัญชาตญาณของนักข่าวที่ดี จะพลาดได้ยังไง จริงๆแล้วถ้าคุณอยากจะทำพีอาร์ ก็น่าจะเชิญนักข่าวมาวันนี้”
“ผมมีแผนการพีอาร์ที่วางไว้แล้ว ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ”
“ข่าวคอนเสิร์ตครั้งนี้มันเงียบๆนะ คุณว่ามั้ย ไม่รู้เป็นเพราะว่าคนจัดงานมันทำไม่เป็นรึเปล่า เพราะถ้าเป็นผม มันคงกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ไปแล้ว”
“แต่ยังไง ผมก็เป็นคนประมูลคอนเสิร์ตครั้งนี้ได้อยู่ดี ไม่ใช่คุณ เราอย่าพูดถึงสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นจะดีกว่า”
สังวรณ์ไม่พอใจ
“ยังไงผมก็มาแล้ว คุณจะกล้าไล่ผมกลับรึไง คุณก็รู้ว่าผมถือสื่ออยู่เท่าไหร่ ไหนจะนิตยสารหลายหัว หนังสือพิมพ์อีก รายการบันเทิงทางทีวีอีก นั่นถือว่าคุณปิดช่องทางการขายของตัวเองเลยนะ”
เป็นไทคิดหนัก
“ผมไม่รู้ไอยูกิจะให้สัมภาษณ์รึเปล่า เพราะเราไม่ได้แจ้งล่วงหน้าว่าจะมีสื่อเข้ามา”
“เรื่องนั้นคงพูดไม่ยากหรอกมั้ง ระดับคุณน่าจะแก้ปัญหาได้ ถ้าอยากจะแก้”
เป็นไทกับสังวรณ์มองอย่างไว้เชิงกัน

นับดาวกับวราพรรณนั่งอยู่ในห้องด้วยกันสองคน นับดาวพยายามจะหลบไม่ให้เห็นหน้าชัด วราพรรณก็พยายามจะมองผูกมิตรกับนับดาวที่เธอคิดว่าเป็นยูกิ นับดาวหันหน้าหลบๆ
“มาถ่ายโปสเตอร์กันตั้งแต่เช้าเลยรึเปล่าคะคุณไอยูกิ”
“ค่ะ”
นับดาวรีบหยิบลิปสติกมาทำเป็นทาปาก เพื่อไม่ให้วราพรรณเห็นหน้าเธอชัด นับดาวฝนปากไป โดยไม่มีกระจก”
“นี่เดี๋ยวต้องไปถ่ายต่ออีกรึเปล่าคะ”
“ค่ะ”
“ลืมแนะนำไป ฉันชื่อนุ้ยนะคะ จะมาทำข่าวคุณไอ ยูกิวันนี้”
“ค่ะ”
“คุณไอ ยูกิตัวจริงนี่สวยมากเลยนะคะ ฉันไม่เคยเห็นใครสวยแบบคุณมาก่อนเลย”
“เหรอคะ”
นับดาวมองเพื่อนค้อนๆ ที่มองข้ามเธอไป
“ขอถ่ายรูปคุณไอ ยูกิหน่อยได้มั้ยคะ จะเอาไปให้เพื่อนดู”
“เขาเคยเห็นแล้วมั้งคะ”
“ไม่เหมือนกันค่ะ อันนี้เห็นตัวจริง”
“ก็ได้ค่ะ”
ก่อนนับดาวจะลุกออกมาจะถ่ายรูปกับวราพรรณ เธอหยิบแว่นดำกับหมวกปีกกว้างมาสวมอำพรางหน้าด้วย แต่พอวราพรรณเห็นเธอก็ต้องตกใจ เพราะปากเธอแดงแปร๊ดมาก แถมเลอะขอบปากมาด้านนอกด้วย
“อุย...”
“ทำไมเหรอคะ”
“เทรนด์แต่งหน้าเดี๋ยวนี้ สไตล์มันแปลกๆนะคะ”
“แบบนี้แหละค่ะ กำลังมา”
นับดาวกับวราพรรณถ่ายรูปคู่กัน ภาพออกมาดูตลกมากกว่า
“เสร็จแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“ตามสบายค่ะ”
นับดาวเดินออกไป วราพรรณดูรูปที่ถ่ายคู่กัน
“ติ๊งต๊องรึเปล่าวะเนี่ย”
วราพรรณดูรูป แล้วส่ายหน้า

สังวรณ์มายืนรออยู่ด้านนอก ด้วยความไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“ไอ้เป็นไท ฉันจะทำทุกอย่างให้คอนเสิร์ตครั้งนี้ล้มไม่เป็นท่า คอยดู”
สังวรณ์กำลังยืนบ่นพึมพำ ซีซีก็ผ่านมาเห็นสังวรณ์พอดี เธอจำได้ว่าเป็นนักข่าวใหญ่ รีบปรี่เข้ามาหาทันที”
“สวัสดีค่ะคุณสังวรณ์ จำฉันได้รึเปล่าคะ”
สังวรณ์ไม่ชอบใจที่ถูกเรียกอย่างนั้น
“กรุณาเรียกผมใหม่ด้วยครับ ผมชื่อ ซี ซังวอน”
“ค่ะคุณซี ซังวอน ชื่อเท่ อินเทรนด์มากๆเลย ฉันซีซีไงคะ”
“อ๋อ ซีซี ว่าไง”
“ไม่เจอกันนานเลยนะคะ ตั้งแต่ฉันมาถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสารเอเชี่ยนฮิตให้กับคุณ”
“นั่นก็สองปีได้แล้วมั้งครับ”
“นั่นซิคะ ว่าไปก็ไม่ได้ขึ้นปกเอเชี่ยนฮิตมาตั้งนานแล้ว”
“คุณก็รู้ ว่าเอเชี่ยนฮิตจะขึ้นแต่คนที่เป็นกระแสเท่านั้น”
“แต่ฉันสร้างกระแสเก่งนะคะ”
“เอาไว้มีกระแสเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกันก็แล้วกัน”
ซีซีหมั่นไส้ แต่เก็บอาการไว้
“แล้วนี่มีข่าวใหญ่อะไรแถวนี้เหรอคะ คุณซี ซังวอนเลยต้องมาเอง”
“เค้าถ่ายโปสเตอร์คอนเสิร์ตของไ..”
สังวรณ์ยังพูดไม่ทันจบ วราพรรณก็เข้ามาแทรกซะก่อน
“เจ้านายค่ะ ข้างในฉันเซ็ตไฟไว้พร้อมแล้ว สำหรับทำสกู๊ปทีวี ส่วนนิตยสารเจ้านายจะสัมภาษณ์เองใช่มั้ยคะ”
“ใช่ ฉันสัมภาษณ์เองทั้งคู่นั่นแหละ อย่าลืมเซ็ตกล้องให้ตัวนึงจับมาที่ฉันตลอดด้วยนะ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“สัมภาษณ์ใครนะคะ”
สังวรณ์กำลังจะหันไปตอบ แต่นับดาวที่ใส่หมวกปีกกว้าง ใส่แว่นดำ ปากแดงแจ๊ดเลอะไปทั่ว ก็เดินผ่านมา ซีซีและสังวรณ์มองตาม
“ยายนี่ท่าจะบ้า” ซีซีวิจารณ์
“นั่นใครน่ะ นุ้ย” สังวรณ์หันมาถาม
“ก็...”
เป็นไทเดินออกมาเรียกทั้งหมดเข้าไปข้างในพอดี
“ตกลงว่าสัมภาษณ์ได้ เข้าไปข้างในกันได้เลย แต่ขอเวลาศิลปินไปเข้าห้องน้ำนิดนึง”
“ไป”
สังวรณ์และวราพรรณเดินเข้าไปข้างใน ทิ้งซีซีไว้อย่างไม่มีใครสนใจ ซีซีไม่พอใจ
“เล่นตัวกันไปเถอะ ถ้าฉันกลับมาดังเมื่อไหร่ ขี้คร้านจะมาขอถ่ายขึ้นทุกปก...ว่าแต่ยายคนเมื่อกี้นี่มันใคร หน้าตาคุ้นๆ”
ซีซีสงสัยแต่ก็ไม่มีใครอยู่ตอบ เธอจึงเดินไปเลย

นับดาวนั่งอยู่หน้ากล้องโดยมีองอาจนั่งอยู่ข้างๆ เป็นคนสัมภาษณ์ วราพรรณเป็นคนควบคุมกล้องตัวหนึ่ง และมีตากล้องอีกคนคุมกล้องอีกตัว เป็นไทกับองอาจยืนดูอยู่หลังกล้อง เมื่อทุกอย่างพร้อม สังวรณ์เริ่มรายการ
“บันเทิงทาวน์ทูไนท์ ช่วงนี้ก็กลับมาพบกับผมอีกแล้วนะครับ ซี ซังวอน รับหน้าที่ดูแลการสัมภาษณ์ที่พิเศษที่สุด ของศิลปินที่กำลังฮอตที่สุดที่กำลังจะมาจัดแสดงคอนเสิร์ตที่เมืองไทยตอนนี้ ใช่แล้วครับ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ ยูกิ”
นับดาวตื่นเต้นกับกล้อง
“สวัสดีค่ะ ดีใจจังเลยได้ออกทีวีอีกแล้ว”
“แหม ขี้เล่นจังเลยนะครับคุณไอ ยูกิ”
“เรียกยูกิจังก็ได้ค่ะ”
เป็นไทกับองอาจที่ยืนอยู่หลังกล้อง ซุบซิบกัน
“คนอะไรวะ สัมภาษณ์คนอื่นแต่ต้องมีกล้องเดี่ยว จับหน้าตัวเองไว้ตลอด”
เป็นไทพยักหน้า
“แล้วคุณเคยดูรายการเค้ามั้ย พอตัดออกมา หน้าศิลปินได้ออกกล้องน้อยกว่าคนสัมภาษณ์อีก ...เกิดมาคุย จริงๆ”
องอาจกับเป็นไท แอบนินทาสังวรณ์กันสนุก

เมื่อการถ่ายรายการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีมงานเก็บอุปกรณ์กัน เป็นไทกับสังวรณ์รี่มาหายูกิ
“ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน เดี๋ยวเย็นนี้ไปทานข้าวด้วยกันหน่อยนะครับ”
สังวรณ์ขัด
“เจอแต่คนหน้าเดิมๆ ซ้ำๆ ผมว่าไปทานข้าวกับผมดีกว่า”
นับดาวมองทั้งคู่แบบงงๆ ได้แต่ยิ้มๆ
“แต่เรามีนัดกัน คุยเรื่องคอนเซ็ปต์คอนเสิร์ตกันนี่ครับยูกิ”
“เรื่องงานคุยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เรื่องได้ออกสื่อ ออกสัมภาษณ์ทีวีของไทยน่ะ โอกาสมันมีไม่เยอะหรอกครับ”
“แต่ยูกิ คุณคงไม่ค่อยรู้จักคนไทยดี มันจะมีคนบางประเภทที่เอางานมาอ้าง แล้วก็รวบหัวรวบหางคนดังๆ มันมีอยู่เยอะนะครับ”
“คุณเป็นไทคงไม่ได้หมายถึง...ตัวเองหรอกใช่มั้ยครับ”
“คุณสังวรณ์”
“อะไรครับคุณเป็นไท”
ขณะที่สองคนกำลังเถียงกันอยู่นั้น ก็มีเซอร์ไพร์สใหญ่มาจากญี่ปุ่น เพราะไคคุงเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมลิลลี่สีขาวดอกไม่โปรดของยูกิ
“เซอร์ไพร์ส”
ทุกคนงงว่าไคคุงเป็นใคร
“คุณเป็นใคร เข้ามาในนี้ได้ไง”
“สองคนยังไม่เคลียร์เลย มาจากไหนอีกเนี่ย” สังวรณ์แอบบ่น
“พวกคุณคนไทย คงไม่รู้จักผม ผมให้เกียรติยูกิเป็นคนตอบดีกว่า ว่าผมเป็นใคร” พูดอย่างวางกล้าม
นับดาวหน้าเหวอ งงๆไม่รู้จัก ทุกคนมองหน้าเธอ คาดหวังคำตอบ นับดาวทำน่ารักๆ พูดความหมายกลางๆ
“เอ่อ...ใครน๊า”
ทุกคนไม่ได้คำตอบ ไคคุงถึงกับเก้อ
“ยูกิจังอาจลำบากใจที่จะตอบ ผมตอบเองก็ได้ ผม ไคคุง นักธุรกิจชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น แฟนของยูกิจัง”
เป็นไท สังวรณ์ นับดาว ตะลึงพูดออกมาพร้อมกัน
“แฟน”
นับดาวบ่นกับตัวเอง
“เรื่องใหญ่ละทีนี้”
นับดาวพยายามทำเนียนจะแอบออกไป แต่ไคคุงก็เรียกเธอไว้
“ยูกิจัง ผมคิดถึงคุณแทบแย่เลยรู้มั้ย เราไปดินเนอร์กันให้สมความคิดถึงเถอะ”
“เอ่อ...งั้นฉันว่า เราก็ไปด้วยกันหมดนี่แหละ จะได้ไม่อึดอัด นะ”
นับดาวมองทุกคน ชวนให้ไป เพราะไม่อยากอยู่กับไคคุงตามลำพัง

ค่ำนั้น...ทั้งหมดมาที่ร้านอาหาร สามหนุ่มนั่งล้อมนับดาว ต่างแย่งกันตักอาหารให้ ต่างคนต่างมองกันอย่าง ไม่ถูกชะตา
“นี่ครับยูกิ ต้มยำกุ้งน้ำข้นที่ยูกิชอบ”
เป็นไทป้อน ต้มยำกุ้งให้ นับดาว ไคคุงไม่ยอมตักอาหารบ้าง
“นี่ดีกว่า ยากิโซบะทะเล ของโปรดยูกิ”
ไคคุงป้อนบ้าง สังวรณ์ยอมไม่ได้ ตักบ้าง
“ลองนี่นะครับ กิมจิสูตรต้นตำรับ”
สังวรณ์ป้อน นับดาวมองทุกคนยิ้มๆ อาหารพูนในแก้มเคี้ยวแทบไม่ทัน เธอพยายามอธิบาย
“พอก่อนมั้ยคะ นี่เคี้ยวจนเมื่อยกรามแล้ว”
นับดาวเคี้ยวอาหารเต็มปาก ไคคุงมองหน้าเป็นไทอย่างไม่พอใจ
“นั่นไง ยูกิไม่มีสมาธิจะทานข้าว ก็เพราะพวกคุณนั่นแหละ”
“เหรอ...ตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลยว่างั้น ให้กินยากิโซบะกับข้าวงี้ รสนิยมประหลาด” เป็นไทเถียง
สังวรณ์เข้าข้างเป็นไททันที
“ใช่...ใครเค้ากินข้าวกับบะหมี่ล่ะ ไม่ให้กินข้าวกับข้าวไปเลยล่ะ”
ไคคุงไม่ยอม
“คุณล่ะดีตายล่ะ ตักแต่อาหารไทยให้ยูกิ จะบอกให้ว่ายูกิน่ะเค้ากินเผ็ดได้ที่ไหนล่ะ ใช่มั้ยยูกิ”
นับดาวกำลังกินส้มตำปูปลาร้ารสจัดอย่างเมามัน ไม่สนใจใคร นับดาวเห็นทุกคนมอง ได้แต่ยิ้มเขินๆให้ ขณะที่ทุกคนเถียงกัน เธอก็กินไม่สนใจใครต่อ ไคคุงมองๆแล้วพูดตามน้ำ
“ถึงเดี๋ยวนี้จะทานเผ็ดเก่งขึ้นก็ตาม”
เป็นไทมองหน้า
“ผมว่าคุณไม่รู้จักยูกิจริงๆมากกว่า ถามจริงคบมากี่ปี”
สังวรณ์เข้าข้างเป็นไทอีก
“ใช่...นักธุรกิจงานรัดตัว จะมีเวลาอะไรมาจดจำรายละเอียดเล็กๆของแฟน”
“หกปี ผมคบกับยูกิมาหกปี และรู้รายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ คุณล่ะรู้จักเธอมานานแค่ไหนกัน”
เป็นไทหน้าเจื่อน เถียงไม่ออก สังวรณ์รีบเปลี่ยนไปเข้าข้างไคคุงทันที
“คนคบกันมานาน ก็ย่อมรู้อกรู้ใจเป็นธรรมดา...ว่ามั้ยครับ”
เป็นไทกับไคคุงหันมองหน้าสังวรณ์ขวับ เพราะอยู่ๆก็เปลี่ยนข้าง
“นี่ตกลงคุณอยู่ข้างไหนกันแน่เนี่ย” เป็นไทถามเสียงเข้ม
สังวรณ์ยิ้มแหยๆ
“แหะ แหะ คนจริง เค้าต้องถือหางคนได้เปรียบอยู่แล้ว”
นับดาวหันไปสั่งบ๋อย
“เอาแบบนี้กลับบ้านด้วยชุดนึง”
ชายหนุ่มทั้งสามคนหันขวับกลับไปมองนับดาวเป็นตาเดียว
“ก็มันอร่อยนี่ แหะ แหะ”
นับดาวตอบทุกคนอย่างเขินๆ

ทั้งหมดเดินออกมาที่หน้าร้าน นับดาวถือถุงที่ห่อกลับบ้านมาด้วย เธอตกใจเมื่อพบว่าโทรศัพท์หาย
“อุ๊ย...โทรศัพท์...”
สังวร์ยื่นโทรศัพท์มือถือของนับดาวคืนให้
“นี่ครับ เบอร์ที่โทรออกล่าสุดเป็นเบอร์ผมนะครับ”
สังวรณ์ชูมือถือตัวเองให้นับดาวดู ว่าเขาได้เมมเบอร์เธอไว้ในเครื่องแล้ว
“ถ้าอยากโทรหาผมเมื่อไหร่ โทรได้ทุกเมื่อ”
นับดาวงงๆ ไม่ได้อยากได้
“ค่ะ”
ไคคุงเห็นโทรศัพท์มือถือที่เปลี่ยนไปก็แปลกใจ
“อ้าวยูกิ ไม่ใช้โทรศัพท์ที่ผมซื้อให้แล้วเหรอ”
นับดาวสะดุ้งนิดๆแล้วแก้ตัวไป
“อ๋อ...คือ...มาใช้เมืองไทยแล้วมันเปลือง ก็เลยซื้อโทรศัพท์แบบถูกๆใช้ที่นี่น่ะ”
“ถึงว่าสิ รุ่นนี้มันตกรุ่นไปตั้งนานแล้ว งั้นเดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ”
สังวรณ์นึกได้มองนับดาว
“เอาละสิ...เอาละสิ เวลาแบบนี้ คุณยูกิจะเลือกกลับกับใครนะ...กลับกับผมรับรองปลอดภัย ส่งให้ถึงที่”
ไคคุงมองสังวรณ์อย่างดูถูก
“คนเป็นแฟนกัน ยูกิเค้าก็ต้องกลับกับผมอยู่แล้ว”
“ฉันขอกลับกับคุณไทนะคะ”
เป็นไทงงๆ ที่ตัวเองเป็นคนถูกเลือก
“พอดีว่า ฉันมีงานต้องคุยกันต่อน่ะค่ะ ยังคุยไม่จบเลย”
ไคคุงไม่พอใจ
“แต่ผมมาจากญี่ปุ่น เพื่อยูกิเลยนะ”
นับดาวยิ้มให้
“เดี๋ยวเราค่อยคุยกันวันหลังละกันนะคะ พอดีว่าวันนี้มีงานจริงๆ ขอโทษด้วย”
ไคคุงจ๋อยไป
“ยูกิ”
สังวรณ์ เบ้หน้าหยามๆ
“ชิ นึกว่าแน่”
ไคคุงกับสังวรณ์จ้องหน้ากันเขม็ง เป็นไทรีบบอกนับดาว
“ผมว่าเรารีบไปจากตรงนี้ดีกว่า ที่เขาจะเริ่มตีกันดีกว่านะครับ”
เป็นไทกับนับดาวเดินแยกตัวออกไป ทิ้งให้สองคนจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร

ไคคุงเข้ารถปิดประตูอย่างหงุดหงิด
“เป็นอะไรของเธอนะยูกิ คุณไม่เคยทำกับผมแบบนี้นี่”
ไคคุงหงุดหงิดมาก ขณะเดียวกันนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขากดรับสาย
“ฮัลโหล”
แพรวไพลินนั่งรอเป็นไทที่ล็อบบี้คอนโด คุยโทรศัพท์กับไคคุงไปด้วย
“เป็นไงบ้างคะคุณไคคุง ได้เจอแฟนตัวเองรึเปล่า”
“เจอ”
“ตอนนี้คงได้ไปทานข้าว สวีทหวานด้วยกันแล้วสินะคะ”
“ทานแล้ว แต่...”
“งั้นก็ดีเลย แฟนคุณจะได้ไม่มาติดแจกับแฟนของฉัน”
“ยูกิไม่ใช่คนแบบนั้น”
“จะแบบไหนฉันไม่สน ตอนนี้ฉันทำธุรกิจกับคุณ ให้โอกาสคุณได้มาอยู่เมืองไทย ก็ช่วยทำตัวให้เป็นประโยชน์ ให้สมกับที่ฉันลงทุนลงไปก็แล้วกัน”
“จริงๆคุณไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ ยูกิไม่ใช่คนที่จะแย่งของของใครอยู่แล้ว”
“ปกป้องมันอยู่ได้ มันดีนักก็ดูแลมันให้ดีก็แล้วกัน อย่าให้เดือดร้อนมาถึงฉันแล้วนี่ย้ายไปพักกับยูกิรึยัง”
“ผมยังไม่รู้เลยว่ายูกิพักที่ไหน”
“แล้วมัวทำอะไรอยู่”
“เราแยกกันแล้ว เขาไปคุยงานกับเป็นไท”
“แล้วปล่อยให้เค้าไปคุยกันได้ยังไงเล่า นี่ยังไม่เข้าใจใช่มั้ยเนี่ยว่าฉันลงทุนทำธุรกิจกับคุณเป็นร้อยล้านเพื่ออะไร โอ๊ย...”
แพรวไพลินหงุดหงิดที่อะไรไม่เป็นดังใจ เธอกดวางสาย
“จะคอยอยู่ตรงนี้ ไม่กลับมาก็ให้มันรู้กันไปสิพี่ไท”

นับดาวกับเป็นไทเดินเล่นกันอยู่บนสะพานพุทธด้วยกัน
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมเนี่ย” นับดาวงงๆ
“ก็คุณเคยบอกว่าชอบที่นี่”
“ฉันเนี่ยนะ” นับดาวบ่นคนเดียว “เดินมาตั้งแต่เด็ก ตากแดดเปรี้ยงๆ จะมีอารมณ์สุนทรีย์มั้ยเนี่ย”
“ว่าอะไรนะครับ”
“เปล่าค่ะ ฉันว่ามันก็สุนทรีย์ดี”
“คุณมากับผมแบบนี้ แฟนคุณจะไม่ว่าเหรอ”
“ไม่รู้สิ ฉันไม่รู้เค้ากับฉันคบกันยังไง ฉันยังไม่เคยหาข้อมูลเรื่องนี้เลย”
“หืม...”
“คือฉันหมายถึงว่า ฉันอยากหาข้อมูลเรื่องงานของเรามากกว่า”
“ถ่ายโปสเตอร์ออกมาวันนี้ชอบมั้ยละครับ”
“ชอบสิ ชอบมากเลย ฉันดูโดดเด่นกว่าใครเลยเนอะ ว่ามั้ย ใครๆก็มองเป็นตาเดียวเลย”
“เวลาปกติ ใครก็มองคุณเป็นตาเดียวอยู่แล้ว”
“ไม่จริงหรอก ลองถ้าฉันไม่ได้เป็นไอ ยูกิ ซุปเปอร์สตาร์แบบนี้สิ จะมีใครสนใจฉันบ้าง แม้แต่คุณก็เถอะ”
ทันใดนั้นมีคนเดินสวนไป ชนนับดาวเซถลาจะล้มเป็นไทประคองไว้ได้ทันทั้งคู่สบตากัน นับดาวอายหน้าแดงผละออกจากเขากระเป๋าร่วงกระจัดกระจาย เป็นไทหันไปว่าเด็กวัยรุ่นที่ชน
“แย่จริง เด็กสมัยนี้ ขอโทษสักคำก็ไม่มี”
ของที่ร่วงอยู่มีบัตรประชาชนนับดาวหงายหน้าหราอยู่ด้วย เป็นไทก้มลงมาจะช่วยเก็บ นับดาวหันไปเห็นบัตรประชาชนรีบหยิบมันเขวี้ยงลงน้ำทันที โดยไม่ได้สังเกตว่า กุญแจบ้านเธอกระเด็นไปอีกทาง
“นั่นอะไรน่ะครับ”
“บัตรเครดิต มันปลิวลงไปน่ะค่ะ น่าเสียดายจัง”
“จริงเหรอครับ” เป็นไทชะโงกดูด้านล่างสะพาน “สูงขนาดนี้ ผมคงช่วยอะไรไม่ได้ นอกจาก...”
เป็นไทหยิบกระเป๋าตังค์ตัวเองขึ้นมา แล้วหยิบบัตรเครดิตของตัวเองโยนทิ้งลงไปหนึ่งใบ
“เฮ้ย...ทำอะไร”
“ก็บัตรคุณหาย ผมช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากทำหายเป็นเพื่อน”
“บ้ารึเปล่าเนี่ย” นับดาวมองตามลงไป บ่นคนเดียว “เสียดาย ฉันยังไม่เคยขอบัตรเครดิต ผ่านเลย ไม่ใช้ก็น่าจะมาแบ่งกัน”
“ว่าไงนะครับ”
“หายไปได้บ้างก็ดีค่ะ ฉันมีบัตรเครดิตหลายใบมาก เบื่อจะใช้”

นับดาวโล่งอกถอนหายใจออกมา ที่เอาตัวรอดไปได้อีกครั้ง

อ่านต่อหน้า 2



 ฉันรักเธอนะ  ตอนที่ 4 (ต่อ) 

เป็นไทมาส่งนับดาวที่บ้าน มองสภาพบ้านโทรมๆ เป็นไทอดจะแปลกใจไม่ได้

“ที่พักที่คุณอยู่นี่ มันสบายจริงเหรอครับ”
“ก็อยู่มาจนชินแล้วล่ะค่ะ”
นับดาวหากุญแจบ้านในกระเป๋า ไม่เจอ พยายามหา
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“กุญแจบ้านน่ะค่ะ มันหาย...” นับดาวนึกได้ “สงสัยร่วงที่สะพานแน่ๆเลย”
“อ้าว แล้วทีนี้ทำไงละครับ เคาะประตูให้เจ้าของโฮมสเตย์มาเปิดเอามั้ย”
“ไม่มีใครอยู่หรอกค่ะ”
“งั้นคืนนี้ไปพักที่ห้องผมก่อนมั้ยครับ”
“ฮึ๊”
นับดาวมองอย่างสงสัย
“อย่าคิดไปไกลครับ ห้องผมมีห้องสำหรับรับรองแขกด้วย”
“ไม่เอาหรอกค่ะ เกรงใจ”
“พูดยังกับคุณมีที่ไปงั้นแหละ”
นับดาวปฏิเสธไม่ออก

แพรวไพลินนั่งสัปหงกอยู่ที่ล็อบบี้ เป็นไทกับนับดาวเดินผ่านเธอไปโดยไม่ได้สังเกต แพรวไพลินก็ไม่เห็นเป็นไทกับนับดาวเหมือนกัน พอเป็นไทกับนับดาวขึ้นลิฟท์ไป แพรวไพลินก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
“พี่ไทนะพี่ไท ดึกป่านนี้แล้วมัวไปทำอะไรที่ไหนเนี่ย”
แพรวไพลินนั่งบ่นอยู่ที่ล็อบบี้ เริ่มงอแงเพราะความง่วง

เป็นไทกับนับดาวอยู่ในห้อง นับดาวเกร็งๆเพราะไม่เคยอยู่กับผู้ชายสองต่อสองมาก่อน เธอคิดในใจ
‘ตายแล้ว ฉันอยู่กับผู้ชาย สองต่อสอง จะทำยังไงดีเนี่ย’
“เดี๋ยวเชิญตามสบายเลยนะครับ ถ้าอยากอาบน้ำ ห้องน้ำอยู่ทางนี้” เป็นไทบอก
นับดาวคิดในใจ
‘นั่นไง อยู่ก็พูดเรื่องอาบน้ำ แปลว่าคิดภาพฉันแก้ผ้าอยู่แน่ๆเลย’
เป็นไทส่งเสื้อผ้าให้
“เสื้อผ้า ถ้ายูกิอยากเปลี่ยน ใช้ของผมไปก่อนก็ได้”
นับดาวคิดในใจอย่างหวาดๆ
‘นั่นไง เริ่มพูดถึงการแลกเปลี่ยนเสื้อผ้า ความใกล้ชิดแนบเนื้อ’
เป็นไทแปลกใจ
“นี่ยูกิจังคิดอะไรอยู่เหรอครับ ทำไมมองผมแปลกๆ”
นับดาวคิดในใจ
‘เอาแล้วไง รู้ด้วยว่าฉันคิดเรื่องแบบนั้น’
นับคาวยังนิ่ง เป็นไทเรียก
“ยูกิจังครับ”
นับดาวรู้สึกตัว
“อูย...เปล่าค่ะ ไม่ได้คิดอะไรเลย บริสุทธิ์ใจมากๆ”
นับดาวมองเป็นไทอย่างไม่ไว้ใจ เป็นไทไม่คิดอะไร

แพรวไพลินยังคงรอเป็นไทอยู่ที่ล็อบบี้
“ไม่มาซักทีเลยพี่ไท ปวดฉี่จะแย่อยู่แล้วนะ”
แพรวไพลินหยิบกุญแจห้องเป็นไทที่เธอแอบเก็บไว้ขึ้นมาดู
“ขอเข้าไปฉี่หน่อยละกันนะพี่ไท คงไม่กลับมาตอนนี้มั้ง”
แพรวไพลินเดินไปขึ้นลิฟท์

เป็นไทนั่งดูทีวีอยู่ ขณะที่นับดาวเดินเอาคลำๆ ออกมาจากห้องน้ำ
“คุณ...คุณ ช่วยฉันที”
เป็นไทหันมาดู
“ว่าไงครับ”
“ฉันทำคอนแทคเลนส์หล่น อยู่ไหนไม่รู้ ฉันมองไม่เห็น”
“หล่นที่ไหน”
“ในห้องน้ำ ช่วยฉันหาหน่อยได้มั้ย”
“แล้วนี่คุณเป็นอะไร”
“ฉันมองไม่ชัด ไม่คุ้นทาง”
เป็นไทหัวเราะ
“สายตาสั้นเท่าไหร่เนี่ย” เป็นไทเอาหน้าเข้ามาใกล้ “แค่นี้เห็นชัดมั้ย”
“ไม่ชัด”
เป็นไทเอาหน้าเข้าไปใกล้อีก
“ชัดยัง”
“ก็เห็นเค้าลางๆแล้วล่ะ”
เป็นไทเอาหน้าเข้าไปใกล้มาก
“แบบนี้ชัดยัง”
“ชัดแล้ว ระยะเนี้ยแหละแจ่ม”
แพรวไพลินเปิดประตูเข้ามาพอดี ก็ต้องตกใจที่เห็นภาพนั้น เหมือนนับดาวกับเป็นไทจูบกันอยู่ เป็นไทตกใจที่แพรวไพรินเข้ามา
“พี่ไททำอะไร”
นับดาวยังไม่รู้ เพราะหูไม่ดี...เป็นไทลากแพรวไพลินเข้ามาคุยในห้องน้ำเพื่อเป็นส่วนตัว เขาเห็นคอนแทคเลนส์หล่นอยู่ที่พื้น จะก้มเก็บ
“บอกมา มันขึ้นมาอยู่บนห้องนี้ได้ยังไง”
“แล้วแพรวล่ะ...ยังแอบเก็บกุญแจห้องพี่ไว้อีกเหรอ”
“ถ้าแพรวไม่เก็บไว้ แพรวก็คงไม่เห็นภาพทุเรศๆแบบนี้”
“มันไม่มีอะไร เขาแค่ไม่มีกุญแจเข้าที่พัก”
เป็นไทพะวงกับคอนแทคเลนส์ ที่ร่วงกับพื้นใกล้เท้าแพรวไพลิน สุดท้ายแพรวไพลินก็กระทืบเท้าเหยียดด้วยความโมโห
“มารยาละสิ เกลียดนักคนแบบนี้”
แพรวไพลินเท้าขยี้คอนแทคเลนกับพื้น เป็นไทเห็นแต่ไม่ทันแล้ว

นับดาวเดินคลำๆทางตามมาที่ห้องน้ำ
“คอนแทคเลนส์ฉัน ตกลงเจอมั้ย”
เสียงเป็นไทตะโกนบอกมา
“เจอ...เต็มๆเลย”
นับดาวดีใจ เข้าใจว่าคอนแทคเลนส์ยังใช้ได้ โผล่พรวดเข้ามาในห้องน้ำ
“ตกลงเจอแล้วเหรอ ดีจัง”
แพรวไพลินหมั่นไส้
“ใช่ เจอเต็มตาเลยน่ะสิ”
นับดาวมองไม่เห็น
“นั่นใครน่ะ”
“ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าใคร ฉันไม่ไหวกับเธอแล้วนะ”
แพรวไพลินวิ่งรี่เข้ามาตบนับดาวหน้าหัน แต่ด้วยความที่นับดาวมองไม่เห็น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับเธอ
“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นน่ะ ความรู้สึกเหมือนขี่มอเตอร์ไซค์ตอนฝนตก”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำงง ต้องโดนอีกซักที”
แพรวไพลินตบนับดาวอีกข้างหน้าหัน นับดาวเอามือลูกแก้ม
“มันวูบๆ มันวาบๆ หน้าชาๆ คืออะไรกันนะ”
“งั้นมันต้องโดนอีกซักที”
แพรวไพลินกำลังจะเงื้อมมือตบอีก แต่เป็นไทมาห้ามไว้
“พอแล้วแพรว กลับบ้านได้แล้ว”
“พี่ไทไล่แพรวกลับ ทั้งที่แพรวเป็นแฟน แล้วยายนี่มัน...”
“มันไม่มีอะไรอย่างที่แพรวคิดทั้งนั้น แล้วแพรวก็ไม่ควรจะใช้ความรุนแรงกับใคร โดยที่ยังไม่รู้เหตุผลอะไรเลย”
“ทำไมแพรวจะตบมันไม่ได้ พี่ไทเป็นของแพรว”
นับดาวเดาได้ทันที
“เดี๋ยวนะ ตบ...ตกลงเมื่อกี้ฉันโดนตบเหรอ ใช่จริงๆด้วย ฉันโดนตบ คุณมีสิทธิ์อะไรมาตบฉัน”
นับดาวตบคืนกระหน่ำเต็มที่ ตบซ้ายขวาชุลมุนวุ่นวาย เป็นไทรีบบอก
“ยูกิพอได้แล้ว”
นับดาวตบไม่หยุด
“ฉันไม่พอ เรื่องอะไร ก็เค้ามาตบฉันก่อน”
“พอเถอะผมขอร้อง”
“ไม่”
“คุณกำลังตบผมอยู่ ไม่ใช่แพรว”
นับดาวคร่อมอยู่บนเป็นไทที่หน้าตาสะบักสะบอม เธอชะงัก เป็นไทเจ็บ
“ผมเอง”
“อ้าว...เหรอ แล้วนี่คนไปไหนกันหมดละเนี่ย”
นับดาวค่อยๆลุกจากเป็นไทขึ้นยืนชี้หน้าแพรวไพลิน แต่ก็ผิดทางอีก
“คราวนี้ฉันฝากไว้ก่อน”
แพรวไพลินกับเป็นไทพูดพร้อมกัน
“ทางนี้”
นับดาวหันตามเสียง
“อย่าคิดว่าจะทำร้ายใครก็ทำได้ง่ายๆนะ”
เป็นไทเข้าห้าม
“พอกันเถอะ ผมขอร้อง”
“ก็ให้มันขอโทษแพรวสิที่มายุ่งกับพี่ไท”
“คนที่เขาควรจะขอโทษเป็นพี่ ไม่ใช่แพรว ดูสภาพพี่สิ”
เป็นไทเลือดกำเดาออกจมูก
“ไม่รู้ล่ะ ถ้ามันอยู่ที่นี่ แพรวก็จะอยู่ที่นี่ด้วย”
“ตามใจ”
เป็นไทไม่พอใจ แต่ก็ยังเจ็บหน้า เดินออกไป
“ไม่ถามฉันซักคำเลยเหรอว่าเต็มใจรึเปล่า”
แพรวไพลินนั่งอยู่ต่อหน้านับดาว
“แกไม่วันแย่งพี่ไทไปจากฉันได้หรอก ยายเพี้ยน”
แพรวไพลินนั่งเฝ้านับดาว

ยูกินั่งเขียนจดหมาย ขอความช่วยเหลือด้วยดินสอที่เธอพอหาได้ บนเศษกระดาษที่พอมีในห้องเสียงเปิด
ล็อคประตูดังขึ้น เธอรีบซ่อนของต่างๆทันที ยามาดะเดินเข้ามา
“ดึกแล้วทำไมยังไม่นอนอีก เพิ่งฟื้นจากไข้แท้ๆ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกน่า ฉันดูแลตัวเองได้”
“ถ้าดูแลได้ คงไม่โดนจับมาแบบนี้หรอก”
“คุณเป็นใครกันแน่”
“เอาตัวเองให้รอดก่อนจะมาใส่ใจเรื่องของผมจะดีกว่า”
“นี่...ไหนๆที่นี่ก็เป็นเกาะส่วนตัว ฉันคงหนีไปไหนไม่ได้ ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันออกไปเดินเล่นทะเลบ้างล่ะ”
“ไว้ฉันจะคิดดู นี่มันดึกแล้ว”
“คุณจะคิดจริงๆนะ”
“ถ้าเธอไม่หลอกฉันเพื่อวางแผนจะหนี...”
“คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ฉันไม่โง่ทำอะไรซ้ำๆหรอกน่า”
ยามาดะหน้าเข้มแล้วเดินออกไปล็อคประตู ยูกิเก็บจดหมายขอความช่วยเหลือใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ

นับดาวนอนเอามือก่ายหน้าผาก คิดเรื่องยูกิ
‘ฉันจะอดทนเป็นเธอให้ถึงที่สุด เพราะฉันรับเงินของเธอมาแล้ว ฉันต้องรับผิดชอบ ไม่ว่ามันจะลำบากแค่ไหนก็ตาม’
แพรวไพลินนอนกอดนับดาวเป็นหมอนข้างหลับสนิท นับดาวประชด
“ถ้าแกจะนอนขนาดนี้ ลุกขึ้นมาสิงฉันเลยดีกว่ามะ”
นับดาวเซ็งที่ต้องนอนกับแพรวไพลินที่ประชิดตัวขนาดนี้ แพรวไพลินหลับไม่รู้เรื่อง

เช้าวันใหม่...ยูกิเดินเล่นอยู่ริมทะเลอย่างสดใสขึ้น ยามาดะเดินตามประกบเธออยู่ห่างๆ แต่เขาก็ดูยินดีที่เห็นเธอมีความสุข ยูกิทำเดินเล่น เก็บโน่นเก็บนี่มาดู ยามาดะไว้ใจ ยูกิเห็นขวดแก้วจมอยู่กับผืนทราย เธอแอบดูยามาดะเห็นเขาไม่ทันสังเกตจึงเก็บขวดแก้วนั้นขึ้นมายัดจดหมายขอความช่วยเหลือลงไป เอาเศษผ้าอุดจุกให้แน่น ไม่ให้อากาศเข้าแล้วโยนมันลงทะเลไป ยามาดะไม่ได้สังเกต เธอมองขวดแก้วที่ลอยตามกระแสคลื่นออกไปอย่างมีความหวัง
“นี่เป็นทางเดียวที่เธอพอจะทำได้แล้วล่ะยูกิ ที่เหลือก็คือโชคชะตา รู้ว่าแทบจะไม่มีหวัง แต่เธอก็ยังหวังกับมันขวดแก้วที่ไม่รู้ว่าจะมีใครสนใจมั้ยแล้วมันจะลอยไปที่แห่งไหนของมหาสมุทร”

ไคคุงเดินถือกระเป๋านักธุรกิจ คุยโทรศัพท์อยู่ในโรงแรม
“ออกเดินเรือไปก่อนเลย ออกไปเท่าที่เรือเรามี ตอนนี้ผมกำลังหาเรือมาเสริม แล้วหาแรงงานคนมาเพิ่มอยู่... เช็คให้ดีว่าพวกเรือประมงใหญ่ๆ ถ้าเขาเอากับเราด้วยเขาจะเรียกเท่าไหร่...เช็คเลย ธุรกิจอาหารทะเลเราเน้นสด เราช้าไม่ได้...นี่ผมกำลังจะเข้าไปดู...ใช่ ใช่ แล้วเจอกัน”
ไคคุงเดินออกจากโรงแรมอย่างเร่งรีบ

ไคคุงเดินคุยธุรกิจกับผู้จัดการแพปลามาที่ท่าเรือ ปลาถูกเทลงจากอวน ไหลกองกับพื้น
“ผมเคยมาเรียนที่เมืองไทย แต่ไม่เคยมาจับตลาดเมืองไทยเลย พอดีมีคนจ้างให้มาทำ ผมเลยสนใจ”
ไคคุงเดินผ่านอวนที่กองตามพื้น มีเศษขวดแก้วติดเต็มไปหมด เขาก้มไปเก็บหยิบขึ้นดู ก่อนจะหันไปถามผู้จัดการ
“เศษแก้วเยอะแบบนี้ เป็นเรื่องปกติมั้ยครับ”
“ปกติครับ”
“นี่แปลว่าทะเลไทย ยังไม่มีคนเข้มงวดเรื่องการทิ้งขยะละสิ หรือไม่ก็มีคนส่งจดหมายข้ามน้ำข้ามทะเลหากันเยอะแยะไปหมด”
ผู้จัดการหัวเราะ
“คงจะเป็นอย่างแรกซะมากกว่าครับ”
ไคคุงโยนขวดแก้วทิ้งลงถังขยะ ไม่ได้สนใจ

ขณะเดียวกันนั้น ..ขวดแก้วของยูกิลอยอยู่กลางทะเล แล้วติดอวนขึ้นไป

เช้าวันใหม่ นับดาวออกจากห้องเป็นไทมา เธอเดินคลำๆทางมาเหมือนคนตาบอด ชนคนโน้นทีคนนี้ที คนต่างต้องคอยเดินหลบเธอ
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ฉันมองไม่เห็นทาง”
นับดาวมายืนที่ริมถนนบ่นอุบ
“ให้ฉันต้องอยู่กับยายขี้ระแวงแพรวไพลินต่อไป มีหวังฉันต้องบ้าตายแน่ๆ ยอมมืดแปดด้าน โบกแท็กซี่กลับบ้านเองดีกว่า”
นับดาวโบกรถริมถนน รถกระบะด้านหลังปิดทึบคันหนึ่งจอดหน้าเธอ คนขับเปิดกระจกถาม
“ตกลงเธอคืออีกคนที่จะติดรถไปด้วยใช่มั้ย”
นับดาวงงๆ
“ว่าไงนะพี่”
“จะไปก็รีบๆขึ้นมาเลย เร็ว...เดี๋ยวไปไม่ทัน”
นับดาวคลำเปิดประตูรถ นั่งข้างคนขับ นึกว่าเป็นแท็กซี่
“ไปวังหลังเลยลูกพี่”
“วังหลังอะไรของเอ็ง คันนี้ไประยองเว้ย”
“ว่าไงนะพี่ พอดีหูข้างนี้” เธอชี้หูข้างขวา “หนูไม่ได้ยิน”
“จะไประยองเว้ย” คนขับพูดเสียงดัง
นับดาวพยักหน้า
“ก็ได้ ปากคลองก็ปากคลอง กลัวส่งรถไม่ทันละสิ”
คนขับส่ายหน้าระอา

รถกระบะขับออกถนนต่างจังหวัด...คนขับขับมาตามทางจะถึงท่าเรือแล้ว นับดาวหลับอ้าปากหวอไม่รู้เรื่อง รถเข้ามาจอดที่ท่าเรือประมง คนงานชายต่างด้าวลงจากรถกะบะมาเรียงเป็นแถว ไคคุงเดินเช็คหน่วยก้านทีละคน
“เคยออกเรือกันมาแล้วใช่มั้ย”
คนงานต่างด้าวพยักหน้า
“ก็ดี...ส่งลูกเรือไปแต่ละลำให้เขาคัดดูอีกที”
คนงานพากันทยอยเดินไป นับดาวงัวเงียเปิดประตูลงมาจากรถ
“จอดรถทำไมเนี่ย ถึงรึยังปากคลองน่ะ”
ไคคุงหันไปตามเสียง เขาก็ต้องตกใจที่เห็นนับดาว เขาคิดว่ายูกิทำเซอร์ไพร์ส
“ยูกิจัง คุณมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย”
นับดาวมองไม่เห็น
“ห๊ะ...ใครอีก”
“คุณตั้งใจจะทำเซอร์ไพร์สผมใช่มั้ย” ไคคุงเข้ากอดนับดาว “คุณน่ารักมากเลย ผมล่ะแอบน้อยใจคุณอยู่เชียว ที่เมื่อวานคุณดูเหมือนไม่ดีใจที่เห็นผม”
นับดาวงงๆ
“ห๊ะ...เดี๋ยวนะ คุณ...ใคร”
“ไม่ต้องเรียกคุณไค อะไรหรอก ก็เรียกพี่ว่าไคคุงเหมือนเดิมน่ะดีแล้ว”
“ไคคุง...” นับดาวพยายามเพ่งสายตามองเขาใกล้ๆ “อะ อ๋อ แฟน...มาได้ไงวะ”
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า ท่าทางแปลกๆ”
“คืองี้นะคะ จะเป็นพระคุณอย่างมาก ถ้าคุณหาแว่นหรือคอนแทคเลนส์ให้ฉันเพราะฉันมองไม่เห็นว่าอะไรเป็นอะไรเลย”
ไคคุงแปลกใจ
“คุณสายตาสั้นตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะยูกิ”
นับดาวนึกได้
“เออ นั่นสิ ฉันไม่เคยบอกคุณว่าสายตาสั้นเหรอ ฉันนี่แย่จริงๆ”
“แต่ตอนนั้นที่เราไปเรียนยิงปืนด้วยกัน คุณยังเล็งได้แม่นกว่าผมอีก”
“โอย...บอกว่าสั้นก็สั้น จะเซ้าซี้ทำไมเนี่ย”
ไคคุงงงๆไม่เข้าใจว่านับดาวสายตาสั้นเมื่อไหร่

ยามาดะเปิดประตูเข้ามาในห้องยูกิ
“ผมจะไปซื้อของใช้จำเป็นที่ฝั่ง คุณจะเอาอะไรมั้ย”
“ฉันไปด้วยได้มั้ย”
“คุณคิดว่าคุณมาเที่ยวพักผ่อนอยู่รึไง”
“งั้นก็ไม่เอา”
“อยู่บนเกาะคนเดียว อย่าคิดทำอะไรตุกติกล่ะ แล้วก็อย่าคิดจะว่ายน้ำหนีล่ะ เพราะรอบเกาะนี้เป็นแนวร่องน้ำลึก คุณได้ไปนอนตายใต้ทะเลแทนที่นี่แน่”
“ไม่ต้องขู่ฉันหรอก ถ้าฉันอยากตาย ฉันเลือกเองว่าจะใช้วิธีไหน”
ยูกิค้อนๆ ยามาดะเดินออกไป

ยามาดะขึ้นสปีดโบ๊ต ขับออกไป ยูกิแอบมอง ก่อนจะรีบวิ่งออกมาด้านนอก หาของที่ใช้ติดต่อสื่อสารทันที เธอค้นหาทุกซอกทุกมุม จนในที่สุดเธอก็เจอโทรศัพท์มือถือของเธอ ยูกิดีใจมากรีบเปิดเครื่องทันทีอย่างตื่นเต้นที่เธออาจจะรอดกลับไปได้ แต่ปรากฏว่าไม่มีคลื่นโทรศัพท์เลย
“มันจะไม่มีคลื่นเลยรึไงเล่า”
ยูกิวิ่งออกไปจากตัวบ้านเพื่อหาคลื่นโทรศัพท์ เธอวิ่งหาคลื่นจนสุดท้ายมันก็มีขึ้นมาขีดนึงก็ดีใจมาก ยูกิพยายามจะกดหาเป็นไท แต่พอจะกดแบตก็ดับไปซะยังงั้น เธอเขย่าๆ เคาะๆ แต่หน้าจอก็มืดเหมือนเดิม
“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ”
ยูกิน้ำตาไหล เพราะไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตตัวเอง...ยูกิกลับมาที่บ้านพักเธอค้นหาที่ชาร์ตแบตหมดทุกซอกทุกมุม ทุกลิ้นชัก แต่ก็ไม่มีเลย ยูกิท้อใจ

เป็นไทขับรถมาจอดหน้าบ้านรจนา เขาถือดอกไม้ลงมาด้วย แต่พอไปดูที่ประตูบ้านปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ ประตูยังล็อคอยู่ ดูนาฬิกาแล้วตัดสินใจนั่งรอ เขานั่งมองดอกไม้แล้วก็อมยิ้มอยู่คนเดียว แต่เพราะรอนานเกิน เป็นไทสัปหงกนั่งรอนับดาวอยู่ที่หน้าบ้าน ช่อดอกไม้ร่วงจากหน้าตักทำให้เขาสะดุ้งตื่นดีใจ นึกว่านับดาวมาจแต่ก็ไม่ใช่ ยังไม่มีใครกลับมา เป็นไทมองดอกไม้ มองลูกกุญแจบ้านอย่างหงอยๆ

ไคคุงพานับดาวมาที่ร้านแว่นตาในตลาดแถวๆท่าเรือ นับดาวใส่คอนแทคเลนส์อันใหม่เรียบร้อยแล้วยืนอยู่หน้ากระจกกระพริบตาถี่ๆ ไคคุงเข้ามาถาม
“ชัดมั้ย”
นับดาวยิ้มพอใจ
“แหล่มเลย”
ไคคุงมองหน้าแล้วพูดภาษาญี่ปุ่น
“ยูกิพูดไทเก่งขึ้นนะ”
“ห๊ะ ว่าไงนะ”
“มัวแต่พูดไทย จนลืมภาษาญี่ปุ่นไปรึเปล่า”
นับดาวยิ้มแหยๆ
“แหะ แหะ พูดญี่ปุ่นเป็นชุดเชียว”
ไคคุงยังคงพูดภาษาญี่ปุ่น
“คุณคิดถึงผมบ้างมั้ย”
“แหะ แหะ เรามาพูดไทยกันดีกว่ามั้ย”
ไคคุงไม่สนพูดภาษาญี่ปุ่นต่อ
“ตอบมาก่อน”
นับดาวมองหน้าไคคุง พยายามตีความ
“เอ่อ คือ...ใช่ ตกลงนะ ดีเลย แบบนั้นแหละ”
ไคคุงดีใจยังพูดภาษาญี่ปุ่น
“หมายความว่า คิดถึงใช่มั้ย”
นับดาวมองเขา พยายามตีความ ตอบมั่วๆไป
“ถูกต้อง ถูกใจมาก เราน่าจะทำแบบนี้กันบ่อยๆ อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่น่า”
ไคคุงงง ก่อนจะพูดภาษาไทยกับเธอ
“ตกลงว่าคุณตอบว่าคิดถึงใช่มั้ย ผมไม่ค่อยเข้าใจ”
“เออ ใช่ คิดถึง คิดถึง หึ หึ”
“ดีใจจัง เพราะผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”
นับดาวถอนหายใจที่รอดตัวมาได้
“ต่อไปนี้คุยกันแต่ภาษาไทยดีกว่านะ คือฉันอยากฝึกให้คล่องน่ะ”
ไคคุงยิ้มรับ โดยที่ไม่รู้ว่านับดาวเครียดแทบตาย

นับดาวกับไคคุงเดินมาบริเวณท่าจอดเรือ ชาวประมงกำลังเคลียร์เศษต่างๆที่ติดแห เพื่อเตรียมออกเรือเวลากลางคืน นับดาวเดินดูไปทั่วๆ
“ฉันไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้มานานมากแล้ว ครั้งสุดท้ายที่มาเที่ยวทะเลมันเมื่อไหร่น๊า”
“คงเป็นตอนมัธยมต้นละมั้ง ที่คุณมาเที่ยวทะเลที่ไทยกับที่บ้าน จนคุณรักเมืองไทยเลย”
นับดาวครุ่นคิดในใจ
‘ชิ ทำเป็นรู้ดี ถ้ารักแฟนจริงก็น่าจะดูออกนะว่าฉันน่ะไม่ใช่แฟนคุณซะหน่อย’
ไคคุงยิ้ม
“คุณจำได้มั้ย ตอนที่เราเจอกันตอนม.ต้นน่ะ”
นับดาว มองหน้ารำพึงในใจ
‘นั่นไง มันเริ่มย้อนความหลังละ’
นับดาวหันไปบอกเขา
“ฉันว่าเราไปดูตรงโน้น ดีกว่า”
นับดาวเดินนำไป ทำไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด และเวลานั้นเองที่เธอเดินสวนกับยามาดะที่เธอเองก็
ไม่รู้จัก ยามาดะเดินผ่านนับดาวกับไคคุงไปโดยไม่ทันสังเกต แต่เขาก็เพิ่งมารู้สึกคุ้นๆเมื่อเดินผ่านไปแล้ว เขาหันหลังกลับไปมอง แต่ก็ไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้น ยามาดะเดินต่อไป นับดาวกับไคคุงเพิ่งลุกขึ้นมาจากการที่นับดาวก้มลงไปคุยกับชาวประมงแถวนั้น ที่ปลดขยะออกจากแห เธอเก็บขวดแก้วใบหนึ่งขึ้นมาได้ มันคือขวดใบเดียวกับที่ยูกิใส่จดหมายลอยทะเลมา
“ลุง ขวดนี้ใช้รึเปล่า ขอได้มั้ย”
“เอาไปเหอะ ขยะทั้งนั้น”
นับดาวเก็บขวดมาดูเห็นจดหมายข้างใน
“นี่ข้างในมีจดหมายด้วย”
ไคคุงมองอย่างไม่เข้าใจ
“จะเอาเศษขยะไปทำไม”
“ก็มันสวยดี เอาไปทำแจกันยังได้”
“ซื้อเอาไม่ง่ายกว่าเหรอ เดี๋ยวผมซื้อให้”
“ของดีๆแบบนี้ น่าเสียดายจะตาย”
ทั้งสองเดินเคียวคู่กันไป ไคคุงมองนับดาวอย่างเอ็นดู

เย็นนั้น...ไคคุงขับรถไปโดยมีนับดาวนั่งอยู่ข้างๆ ขวดแก้วของยูกิถูกใส่ไว้ในกระเป๋านับดาว ไม่มีใครเปิดอ่าน ไคคุงเปิดเพลงของยูกิ
“เสียงคุณเพราะมาก”
“ใช่...เสียงยูกิเพราะมากจริงๆ”
นับดาวมองออกไปนอกหน้าต่าง ฟังเพลงยูกิก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา เธอบ่นคนเดียวเบาๆ
“ฉันจะทำได้ดีเหมือนที่เธอทำมั้ยนะยูกิ”
ไคคุงแปลกใจ
“ว่าไงนะ”
“นี่คุณ ยูกิเขา...เอ่อ ฉันหมายถึงว่า คุณว่าฉันจะมีศัตรูที่ไหนรึเปล่า”
“หืม”
“คือมีคนรักมากๆ ก็คงต้องมีคนเกลียดเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ คุณว่าใครเกลียดฉันบ้าง”
“เกลียดคุณน่ะเหรอ ก็ไม่เห็นเคยมีนะ คุณก็เป็นมิตรกับทุกคน”
“ฉันคงไม่ดีขนาดนั้นมั้ง มันต้องมีซักคนเกลียดมั่งแหละน่า คนที่เกลียดขนาดว่าอยากจะกำจัดให้พ้นๆทางน่ะ”
ไคคุงครุ่นคิด
“อืม ถ้าให้ผมเดา ก็คงเป็นพวกนักร้องหรือนักแสดงที่โดนคุณแย่งงานไปหมดละมั้ง”
นับดาวคิดตาม
“คนที่ฉันแย่งงานไปหมดเหรอ ใครนะ”
“คุณมักจะกังวลเรื่องพวกนี้เสมอเลย จำได้มั้ยตอนมัธยมที่มีคนเขียนด่าคุณบนกระดาน”
นับดาวหันไปบ่นคนเดียว
“อีกละ เอาเรื่องอดีตมาพูดอีกละ หึ กลัวฉันจะรู้เรื่องด้วยมั้งเนี่ย”
“ตอนนั้นนั้นคุณร้องไห้แล้วก็กลุ้มใจมากเลย แล้วหลังจากนั้นมันเป็นไงต่อนะ”
นับดาวพอเห็นว่าไคคุงโยนเรื่องอดีตมา เธอไม่รู้จะตอบยังไง เธอแกล้งหลับทันที ไคคุงหันไปเห็นมองอย่างเอ็นดู

ค่ำนั้น ยามาดะกลับเข้ามาถึงบ้าน ซื้อของมาเต็มไปหมด
“ผมซื้อของมาสำหรับทำของโปรดให้คุณด้วย”
ยามาดะเดินเข้ามาในบ้าน เห็นข้าวของถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย เขารีบวิ่งไปที่ห้องยูกิทันที เขาเปิดประตูห้องเข้ามาในห้องเห็นยูกิยังอยู่ก็โล่งใจ แต่ก็ต้องถอนใจเมื่อเห็นว่าเธอนอนร้องไห้อยู่บนเตียง
“คิดจะทำอะไรน่ะ ผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าคิดหนี”
“สภาพฉันตอนนี้เหมือนคนกำลังหนีอยู่รึไง”
“คุณคิดว่าผมจะปล่อยให้คุณทำแบบนั้นได้ง่ายๆรึไง”
“ฉันก็แค่พยายามเอาตัวรอด แล้วก็ทำไม่ได้ด้วย”
“ผมไม่เคยทำร้ายคุณ ไม่เคยแตะต้องตัวคุณ ถ้าเป็นคนอื่นคุณไม่เหลือชิ้นดีแล้ว คุณยังคิดจะหนีอีกเหรอ”
“แต่คุณก็จับฉันไว้ คุณทำแบบนี้ทำไม”
ยามาดะนิ่ง
“ผมจะไม่ไว้ใจคุณอีกแล้ว”
ยามาดะโมโหปิดประตู ล็อคกลอนห้องยูกิปล่อยเธอไว้คนเดียว เขาเดินออกจากห้องด้วยความเสียใจ เตะข้าวของที่ซื้อมากระจัดกระจาย แล้วหยิบขวดสาเกขึ้นมาดื่ม
“แกมันไอ้โง่ ปล่อยให้เขาหลอกได้ไม่หยุดหย่อน เขาไม่มีวันรักแกหรอกไอ้ซื่อบื้อ”
ยามาดะกระดกสาเกอักๆๆ

ไคคุงมาส่งนับดาวที่หน้าบ้าน
“นี่คุณพักอยู่ที่นี่เหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“ทำไมอยู่โฮมสเตย์ แทนที่จะอยู่โรงแรมล่ะ”
“อยากอยู่แบบไทยๆมากกว่าน่ะค่ะ”
เป็นไทเดินออกมาเห็นนับดาวกับไคคุง เขาหลบวูบ มองสองคนอย่างจ๋อยๆ
“ให้ผมเข้าไปเป็นเพื่อนมั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณกลับเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“จะไม่ชวนเข้าไปกินกาแฟซักแก้วเหรอ”
“บ้านฉันไม่มีกาแฟหรอกค่ะ...ขับรถดีๆนะคะ”
ไคคุงไม่ค่อยพอใจนัก
“ไล่เลย”
นับดาวลงจากรถโบกมือลา ไคคุงมองๆ
“ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ”
นับดาวส่ายหน้า ไคคุงเดินเข้ามาจะหอม นับดาวเฉไฉทำเป็นขี้เล่นหลบ ไคคุงหอมหน้าผาก นับดาวกลืนน้ำลายจั๊กกะจี้ แต่เป็นไทมองดูอยู่ระยะห่างด้วยความเหงาใจเขาเห็นแต่ด้านหลังของเธอ นับดาวยิ้มแล้วเดินเข้าบ้านไป ไคคุงขับรถออกไป เป็นไทยังคงหลบอยู่ในเงามืด
นับดาวเดินมาถึงหน้าบ้าน เธอหากุญแจในกระเป๋าแล้วก็นึกได้
“เฮ้ย...กุญแจหายไปแล้วนี่หว่า”
นับดาเซ็งมาก แต่แล้วเท้าเธอเดินไปเตะของบางอย่างบนพื้นเป็นซองสีขาว ถูกเทปแปะอยู่ เธอแกะมันขึ้นมาเปิดดู ข้างในมีกุญแจอยู่หนึ่งดอกกับจดหมายหนึ่งฉบับ เธอเปิดอ่าน ข้อความในจดหมาย
“ผมมารอคุณที่บ้านทั้งวัน ไม่เห็นคุณกลับมา ผมให้ช่างมาทำกุญแจให้แล้วนะ”
นับดาวพับกระดาษจดหมาย ปิดแต่แล้วก็เปิดกระดาษจดหมายมาอ่านอีกครั้ง ทันใดนั้นเสียงเป็นไทดังขึ้น
“แต่ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้เข้าไปยุ่มย่ามข้างใน ต้องขอโทษด้วยเรื่องแพรวไพลินที่อาจจะทำให้คุณรำคาญใจ”
นับดาวเอานิ้วแคะหูตัวเองที่ได้ยินเสียงเป็นไท แต่พอเธอหันกลับไป ก็เห็นเป็นไทยืนอยู่
“แต่ผมว่าคุณคงสบายใจขึ้นแล้ว หลังจากได้ไปเที่ยวกับแฟนคุณมาทั้งวัน”
นับดาวตกใจ
“คุณ...”
“ผมแค่มาดูแลให้คุณ สะดวกสบายตลอดเวลาของคอนเสิร์ตเท่านั้น”
นับดาวอึกอัก
“ฉัน...เอ่อ ไคคุง เขา”
เป็นไทยิ้มสุภาพ
“ไม่ต้องอธิบายหรอกครับ...อันยาสุมินาไซ”
นับดาวงงๆ
“หือ...”
“สำเนียงผมคงสู้คนญี่ปุ่นไม่ได้.... เป็นไทยิ้มต้อยต่ำ “อันที่จริง ผมคงสู้คนญี่ปุ่นไม่ได้ซักอย่าง ราตรีสวัสดิ์...อันยาสุมินาไซ”
นับดาวพยักหน้าหงึกๆ
“อือ อือ...อันยา”
เป็นไทเดินจากไปแล้ว นับดาวมองดูกุญแจดอกนั้นอย่างรู้สึกดีกับเขา เธอไขมันแล้วเข้าไปในบ้าน

นับดาวนอนอยู่บนเตียงมองกุญแจของเป็นไท เธอเห็นช่อดอกไม้วางไว้กลางบ้าน
“หนอยแน่ะ ดูแลระหว่างคอนเสิร์ต จะจีบฉันล่ะสิ”
นับดาวนึกถึงเหตุการณ์ที่เป็นไทเอาหน้าเข้ามาใกล้เธอตอนที่เธอมองไม่เห็น นึกถึงที่เขาเช็ดปากให้เธอตอนที่เธอกินข้าวเลอะเทอะ แต่แล้วเธอก็ต้องเรียกสติคืนกลับมา มองดูตัวเองในกระจก
“เขาทำให้ยูกิต่างหาก ไม่ได้ทำให้เธอซักหน่อยนับดาว อย่าเคลิ้มเชียว”

นับดาวพยายามข่มตานอนโดยไม่คิดถึงเป็นไทอีก

อ่านต่อหน้า 3



 ฉันรักเธอนะ  ตอนที่ 4 (ต่อ) 

ตอนสายของวันถัดมา...นับดาวแต่งตัวอยู่บ้านใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นลายดอก ผมก็ติดกิ๊บเชยๆตัวใหญ่ๆ ม้วนโรล มาร์สหน้าขาวฟังเพลงจากไอพ็อดของยูกิ เธอฮัมเพลงยูกิอย่างไม่เป็นภาษาไปด้วย หนังสือนิตยสารสัมภาษณ์ยูกิถูกเปิดไว้ หน้าที่มีลายเซ็นยูกิบนรูปภาพของเธอ
 
นับดาวหัดเซ็นลายเซ็นยูกิให้คล่องมือ วราพรรณเดินเข้ามาในบ้าน
“เฮ้ย ทำอะไรอยู่วะ”
นับดาวตกใจสะดุ้ง รีบปัดกระดาษที่เซ็นลายเซ็นทิ้งไป
“มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง”
“แกหูหนวกเองต่างหาก”
“เออ ลืมไป”
“อะไร...อะไร เดี๋ยวพอกหน้าบำรุงผิวด้วยเหรอ”
“ฉันก็อยากสวยบ้าง ไม่ได้รึไง”
“เออ อยากทำอะไรก็ทำไป”
วราพรรณเห็นนับดาวฟังไอพ็อด ก็แซวๆ
“เฮ้ย นี่เดี๋ยวนี้ไอพ็อดเขาผลิตเครื่องช่วยฟังด้วยเหรอวะ”
นับดาวรับมุขที่เพื่อนประชด
“เออ ได้ยินชัดเลย”
วราพรรณหัวเราะ
“นี่แกไปขโมยไอพ็อดใครมา”
“นี่ ฉันไม่ได้ขี้ขโมยนะเว้ย แค่ยืมมา”
“แกมีเพื่อนคนอื่นที่เขาจะให้ยืมไอพ็อดด้วยเหรอ”
“นี่แกอย่ามาดูถูกฉันนะเว้ย ฉันไม่ธรรมดานะ”

นับดาวกับวราพรรณ คุยกันต่อ
“ว่าแต่ตกงานน่ะ หางานหาการทำรึยังเนี่ย”
“ได้แล้ว”
“จริงดิ งานไรวะ”
“แต่เป็นแค่งานชั่วคราวน่ะ เขายังหาคนมาทำไม่ได้ ฉันก็เลยทำไปก่อน”
“เป็นตัวแถมว่างั้นเถอะ”
“นี่แกจะพูดอะไรให้ฉันสบายใจไม่ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย”
“นี่มาทำงานแทนฉันมั้ย ฉันชักเบื่อการเป็นนักข่าวแล้วว่ะ”
นับดาวนึกได้
“เออนี่ แกเป็นนักข่าว พอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับยูกิมั่งมั้ย”
“เมื่อวานฉันเพิ่งไปสัมภาษณ์เอง”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น อยากฟังเรื่องที่แบบว่า มั่นใจว่าคนเกิน 1 ล้านคนเกลียดยูกิ อะไรแบบนี้น่ะ แกว่าใครบ้างวะที่จะเกลียดยูกิแบบ เกลียดมากขนาดเอาไปขัง”
“ถ้าป็นฉัน ฉันก็จะเดาว่า ยายซีซีละมั้ง”
“ซีซี ทำไมล่ะ”
“ก็ยายนั่นน่ะ พอไอยูกิขึ้นมา หล่อนก็เงียบหายไปเลย พรีเซ็นต์เตอร์โฆษณาก็เปลี่ยนมาเป็นยูกิกันหมด”
นับดาวคิดตาม
“เหรอ...ถ้างั้นก็น่าจะเป็นไปได้นะ”
“ถามทำไม”
“เห็นช่วงนี้อะไรๆก็ยูกิ ฉันเลยถามบ้างอะไรบ้าง”
“เออ ตามสบาย แต่ฉันว่าพักหลังแกแปลกๆไปนะ”
นับดาวหลบตา
“แปลกอะไร...ไม่มี...ปกติมาก”
วราพรรณยังมองนับดาวอย่างสงสัย ขณะเดียวกันนั้นมีเสียงรถมาหน้าบ้าน
“เอ๊ะใครมานะ ฉันว่าฉันไปดูก่อนดีกว่า”
นับดาวชิ่งหาเรื่องออกไปหน้าบ้านทันที

เป็นไทขับรถเข้ามาจอด นับดาวตกใจเพราะวราพรรณอยู่ในบ้านด้วย
“งานเข้าแล้วไง ไอ้นุ้ยเจอเข้าจับได้แน่ๆ”
เป็นไทลงจากรถมา นับดาวรีบวิ่งเข้าไปหาลากขึ้นรถทั้งที่ตัวเองก็ใส่ชุดอยู่บ้าน เสื้อยืดกางเกงขาสั้นลายดอก ม้วนโรล
“มาพอดีเลยค่ะ รีบไปกันเถอะ เร็วเข้า”
เป็นไทงงๆ ที่เห็นนับดาวรีบร้อนมากแต่เขาก็ขึ้นรถตามคำสั่ง เสียงวราพรรณดังไล่หลังมา
“ตกลงใครมาวะ”
นับดาวรีบพาเป็นไทขึ้นรถแล้วขับออกไปเลย วราพรรณเดินออกมาไม่เจอใครก็งงๆ
“อ้าวไอ้นับดาว หายหัวไปไหนแล้วเนี่ย”

รถเป็นไทวิ่งห่างจากบ้านมา นับดาวหันหลังมองถอนหายใจโล่งอก
“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ”
เป็นไทไม่เข้าใจ
“เกือบอะไรครับ”
“เปล่าค่ะ”
“ผมเอาสคริปเพลงมาปรึกษา ว่าคุณอยากแก้อะไรมั่ง เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า”
“เอ่อ...ฉันแค่อยากออกไปพักผ่อนซักวัน”
“ด้วยชุดนี้น่ะเหรอครับ”
เป็นไทมองสภาพนับดาวแล้วก็หัวเราะ นับดาวมองตัวเองแล้วสมเพช แต่ก็ทำกลบเกลื่อน
“ทำไมคะ แต่งตัวแบบนี้เที่ยวไม่ได้รึไง”
เป็นไทอมยิ้ม
“ได้สิครับ”
เป็นไทขับรถต่อไป นับดาวรู้สึกอายตัวเองเหมือนกัน

ยามาดะ หยิบรูปยูกิจากกล่องเหล็กขึ้นมาดู อยู่มุมหนึ่งของชายหาด
“รอผมหน่อยนะ ยูกิ ผมจะรีบสร้างฐานะเพื่อคุณ”
ทันใดนั้นเสียงยูกิดังเข้ามา
“ยามาดะ อยู่ที่ไหน”
ยามาดะรีบเก็บรูปลงกล่องเหล็ก แล้วใส่กุญแจล็อก ยูกิเข้ามาพอดีทักขึ้น
“ทำอะไรอยู่”
ยามาดะ หันกลับไปหา
“ไม่ต้องยุ่งสักเรื่องจะได้ไหม”
ยูกิแปลกใจ
“ถามแค่นี้ทำไมต้องกวนด้วย นายซ่อนอะไรไว้ในหีบเหรอ”
ยามาะดะรีบอุ้มหีบขึ้นมา
“มันไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“ยิ่งพูดอย่างนี้ยิ่งอยากรู้เลย”
ยูกิจะคว้าหีบ ยามาดะรีบดึงหลบ แล้ววิ่งหนีไปเลย
“นายมีความลับอะไร ฉันต้องรู้ให้ได้”
ยูกิวิ่งตามออกไป...ยามาดะถือหีบเหล็ก วิ่งหนี ยูกิมาวิ่งไล่ตะโกนลั่น
“อย่าหนีนะ”
ยามาดะวิ่งไม่เหลียวหลัง แล้วทำ กุญแจหีบหล่นลง ยูกิที่วิ่งตามหลังมามองเห็นเก็บขึ้นมาถือ ก่อนจะตะโกนไป
“ฉันเก็บได้แล้ว”
ยามาดะชะงักหันไปเห็นยูกิ ชูลูกกุญแจทำหน้ายิ้มกวนเป็นต่ออยู่
“กุญแจ...”
ยามาดะหน้าเหวอ แล้วรีบวิ่งกลับไปหายูกิ จะคว้ากุญแจ
“เอาคืนมา”
ยูกิเหวี่ยงมือหนี ไม่ยอมคืนให้
“นายบอกมาก่อนสิ นายซ่อนอะไรไว้”
“เรื่องส่วนตัว”
“งั้นกุญแจนี่เป็นสมบัติส่วนตัวของฉันเหมือนกัน”
“จะมากไปแล้วนะ”
“ถ้านายอยากได้คืน ก็ต้องเอากล่องใบนั้นมาแลก”
“ไม่มีทาง”
ยามาดะทิ้งกล่องเหล็กลง แล้วพุ่งเข้าไปหา ยูกิเบี่ยงหลบ แต่ก็โดนเขาใช้วิชาการต่อสู้ จับมือจนปล่อยกุญแจร่วงมาใส่มือเขา ยูกิร้องลั่น ยามาดะยิ้มกระหยิ่ม
“พูดดีๆ ไม่รู้เรื่อง ต้องให้ใช้กำลัง”
ยามาดะหันจะเดินไป ยูกิหมั่นไส้ยื่นขาออกไปขัดขา ยามาดะทำเป็นสะดุดจะล้ม แล้วเหวี่ยงมือออกไป เหมือนเหวี่ยงกุญแจไปในทะเล แท้จริงแล้วลูกกุญแจยังอยู่ในมือเขา
“โอ้ย...เฮ้ย”
ยูกิอึ้งนึกว่าลูกกุญแจตะทะเล ยามาดะทำเป็นซีเรียสจริงจังหันมาเล่นงานยูกิ
“เพราะเธอคนเดียวเลย เห็นไหมกุญแจตกน้ำไปแล้ว”
“เปล่านะ...ฉัน”
“อย่ามาแก้ตัว...เธอรู้มั้ย กุญแจดอกนั้นสำคัญกับฉันมากแค่ไหน”
ยูกิรู้สึกผิดกังวล
“ฉัน...ฉันจะหาคืนให้นายเอง”
ยามาดะชี้ไปที่ทะเล
“ในทะเลเนี้ยนะ อย่าพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้หน่อยเลย”
“เป็นไปได้สิ ถ้าเราตั้งใจจริง มันต้องหาเจอ”
“แค่นี้เธอก็ป่วนมากพอแล้วนะ ยูกิ เลิกยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉันเสียที”
ยามาดะทำหน้าบึ้ง แล้วหันเดินไปหยิบกล่องเหล็กเดินหนีไป ยูกิมองตามแล้วตะโกนอย่างมุ่งมั่น
“อย่ามาดูถูกฉันนะ ฉันจะหากุญแจมาคืนนายให้ได้”

ยามาดะเดินมาวางกล่องเหล็กลงบนโต๊ะที่หน้าบ้าน พยายามสงบสติอารมณ์
“เฮอะ ทำมาเป็นพูดจาดูดีให้ความหวัง เหมือนเมื่อก่อนเปี๊ยบเลย”
ยามาดะล้วงกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“เธอจะหาเจอได้ยังไง ในเมื่อกุญแจมันอยู่กับฉัน”
ยามาดะ โยนกุญแจขึ้นไป แล้วคว้ากลางอากาศ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป

เป็นไทพานับดาวมาเดินสยาม เขาแอบอมยิ้มที่เห็นเธอแต่งตัวตลก คนในสยามก็หันมองซุบซิบกัน นับดาวหน้าเสียพึมพำคนเดียว
“เห็นฉันแต่งตัวแบบนี้ยังพามาเดินสยาม นายนี่มันร้ายนัก”
“บ่นอะไรครับยูกิ”
นับดาวยิ้มฝืนๆ
“แหล่งแฟชั่น เหมาะกับฉันดีค่ะ”
“ผมว่าคุณน่ะนำเทรนด์สุดในที่นี่แล้วละครับ ดูสิ ไม่มีใครแต่งตัวสู้คุณได้ซักคน”
นับดาวมองไปรอบข้าง แต่ก็ไม่กล้าสบสายตาผู้คนมากนัก ผู้คนที่ผ่านมาต่างซุบซิบกัน
“นั่นยูกิป่าววะแก”
“แต่งตัวแบบนี้ ฉันว่าถ่ายรายการอะไรแน่เลยว่ะ”
“ไม่ก็ถ่ายแบบนิตยสารเด็กแนวนะ ฉันว่า”
“ตัวจริงน่ารักเนอะ”
“เข้าไปขอลายเซ็นกันเหอะ”
วัยรุ่นกรูเข้ามาขอลายเซ็น พร้อมกับถ่ายรูปด้วย บางคนก็ชมว่าตัวจริงน่ารักมากเลย บางคนชมว่าแต่งตัวแนวมาก นับดาวยิ้มรับทุกคำชม ชอบใจ ทั้งที่งงๆว่ามันกลายเป็นดีไปได้ยังไง เป็นไทยืนมองอย่างเอ็นดู นับดาวหันไปถามวัยรุ่นอย่างแปลกใจ
“แต่งตัวแบบนี้ก็ว่าดีเหรอ”
วัยรุ่นพร้อมใจกันตอบ
“น่ารักมากเลยค่ะ”
นับดาวเอานิ้วทำแคะขี้มูก
“แล้วแบบนี้ล่ะ”
วัยรุ่นพร้อมใจกันตอบอีก
“เป็นกันเองมาก”
นับดาวเอานิ้วที่เพิ่งแคะขี้มูกทำท่าจะป้ายเหล่าแฟนคลับทั้งหลาย
“แล้วแบบนี้ล่ะ”
วัยรุ่นต่างยื่นหน้า ยื่นตา ชูไม้ชูมือจะให้เปื้อนขี้มูกยูกิให้ได้
“ป้ายหน้าหนูเลยค่ะ”
“ยูกิขยี้มาที่หัวหนู หนูขอร้อง”
“หนูขอเป็นที่ระลึกไปฝากแม่ด้วยค่ะ”
ทุกคนต่างแย่งกันใหญ่ นับดาวยิ่งงงว่าเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง

นับดาวกับเป็นไทนั่งทานอาหารด้วยกันอยู่ในร้านอาหาร นับดาวดูสคริปผ่านๆไม่ค่อยรู้เรื่อง
“คุณว่ายูกิทำบุญด้วยอะไรมา ไม่ว่าจะทำอะไรน่าเกลียดแค่ไหน ทุกคนก็เห็นว่าดีไปหมด”
“อ้าว...คุณก็น่าจะรู้ตัวดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”
“ฉันก็ถามไปงั้น กลัวบุญเก่าหมด จะได้รีบทำเพิ่ม”
“ผมว่าคุณคงทำบุญมาเยอะน่าดู”
“การเป็นดารานี่มันรู้สึกดีจังเลยเนอะ มีคนมาสนใจ จะพูดจะทำอะไรแค่ขยับตัวนิดเดียวก็ได้ดั่งใจแล้ว ไม่ต้องคอยตะโกน หรือเต้นแร้งเต้นกาให้คนหันมามอง”
“แต่นั่นมันก็ต้องแลกด้วยความเป็นส่วนตัวเหมือนกันนะครับ”
“ไม่เห็นต้องแลกเลย ฉันไม่ต้องการความเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว”
“จริงเหรอ”
“ฉันส่วนตัวมาทั้งชีวิตแล้ว เบื่อส่วนตัวจะแย่”
เป็นไทหัวเราะ
“คุณยูกินี่มุกเยอะดีนะครับ”
นับดาวงงๆว่าสิ่งที่เธอพูดมันตลกตรงไหน ขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกันก็มีเด็กมาขายดอกไม้ นับดาวเหมาทั้งหมด ให้เขา เป็นไทเขินทำตัวไม่ถูก
“ให้ผมทำไมครับ”
“จะได้หายกันไง วันก่อนคุณก็เอาไปให้ที่บ้านฉันไม่ใช่เหรอ”
“แหม แต่ก็ไม่ต้องให้อะไรแบบนี้ก็ได้”
“คุณไม่รู้อะไร ฉันแทบจะนึกไม่ออกว่ายิ้ม หัวเราะตอนไหนบ้าง คุณทำให้ฉันรู้สึกมีค่าขึ้น”
เป็นไทงงๆ
“หือม์”
นับดาวเขิน พยายามกลบเกลื่อน
“นี่ที่ฉันปล่อยไปยังแค่มุกพื้นๆนะคะ คุณไทยังไม่เจอชุดใหญ่”
เป็นไทหัวเราะ
“คุณนี่น่ารักจริงๆ”
นับดาวเขินกับสายตาของเป็นไทที่มองมาที่เธอ

ยูกิเดินเอามือควานหากุญแจในทะเล ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยง เธอปาดเหงื่อ อย่างเหนื่อยล้า
“อ๊อย ไม่ไหวแล้ว”
เธอทำท่าจะเดินขึ้นฝั่งแล้วชะงัก พูดกับตัวเอง
“ไม่ได้ ฉันต้องหากุญแจให้เจอ สัญญาต้องเป็นสัญญา”
ยูกิกลับไปงมหา กุญแจต่อทั้งๆที่เหนื่อยล้ามาก ยามาดะเดินออกมาหน้าบ้านพร้อมตะโกนเรียก
“ยูกิ บ่ายมากแล้วนะ ทำไมยังไม่ไปเก็บผ้าอีก”
ยามาดะเหลียวหา ไม่มีเสียงตอบรับ
“ยูกิ...ยูกิ” ยามาดะฉุกคิดขึ้นมา “อย่าบอกนะว่า ยังอยู่ที่ทะเล”
ยามาดะอึ้ง แล้วรีบวิ่งออกไป...ยามาดะวิ่งมาที่ชายทะเล คิดว่าจะเจอยูกิแต่ปรากฏว่าทะเลว่างเปล่า...ไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้น เขาถอนหายใจเฮือก
“ฉันว่าแล้ว...เธอจะหาได้สักกี่น้ำ”
ยามาดะหันกำลังจะเดินกลับ ทันใดนั้นเสียงยูกิดังเข้ามา
“กุญแจ แกอยู่ที่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ยามาดะชะงักแล้วหันกลับไปมองที่ทะเลเห็นยูกิที่เหงื่อโทรมเดินลุยน้ำออกมาจากเหลี่ยมโขดหิน ยามาดะตะลึง นึกไม่ถึง
“ยูกิ!”
ยูกิหันมาเห็นยามาดะ แล้วยกมือโบก ยิ้มให้
“ใจเย็นๆนะ ฉันต้องหาเจอ!”
ยูกิก้มลงไป งมหากุญแจต่อ ยามาดะมองภาพตรงหน้า ด้วยความอึ้ง นึกไม่ถึงว่าเธอจะมุ่งมั่นมากขนาดนี้
แล้วเขาก็ทนไม่ไหว รีบวิ่งลงไปที่ทะเล วิ่งลุยน้ำเข้ามาที่ยูกิ ร้องตะโกนลั่น
“หยุดเดี๋ยวนี้”
ยูกิหันมามองงงๆ
“เอ๊ะ...นายจะมาห้ามทำไม”
“เธอไม่มีทางหาเจอหรอก”
“เจอสิ ฉันเชื่อว่าฉันต้องหาเจอ”
ยูกิมองอย่างมุ่งมั่น จนยามาดะละอายใจ เธอหันไปจะงมต่อ เขาล้วงหยิบกุญแจออกมาชูขึ้น ยูกิได้ยินเสียงลูกกุญแจกระทบกันดังกริ๊งๆ เธอเอะใจหันกลับมามองอีกครั้ง แล้วอึ้งไป
“กุญแจอยู่กับฉัน”
ยูกิงงๆ
“นายแกล้งฉันเหรอ”
“เธอจะมาใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ แบบนี้ทำไม ยูกิ...ทำไมเธอต้องจริงจังกับเรื่องของฉันด้วย”
ยูกิมองจริงใจ
“เพราะฉัน ไม่เคยเห็นของๆนายเป็นเรื่องเล็กน้อยนะสิ...อะไรที่นายคิดว่าสำคัญ มันก็เป็นของสำคัญของฉันด้วย”
ยามาดะอึ้ง ยูกิยิ้มให้อย่างโล่งใจ
“เฮ้อ...หมดห่วงเสียที”
ยูกิลุยน้ำจะเดินผ่านเขาออกไป ยามาดะดึงเธอเข้ามากอดแน่นไว้ในอ้อมอก โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ยูกิตาโตนึกไม่ถึง ยามาดะค่อยกระซิบออกมาเบาๆ อย่างซึ้งใจ
“ขอบใจนะ”
ยูกิอึ้งเหวอ แต่ก็มีความสุข

ค่ำนั้น...นับดาวนั่งเหม่อ ยิ้มคนเดียวคิดถึงเป็นไท วราพรรณเดินเข้ามาในห้องตบหัวเพื่อนให้พ้นจากภวังค์
“หายไปไหนมาทั้งวันห๊ะแก”
นับดาวหันมอง
“อ้าว แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็เหมือนที่แกหายไปเมื่อกลางวันไง”
“เฮ้ยแก...แกเคยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงทั้งที่ไม่ได้แต่งตัวสวยๆรึเปล่าวะ”
“เพ้ออะไรอีกล่ะ”
“ก็แบบ...เป็นเหมือนนางซิน ที่ซ่อมซ่ออยู่ในห้องครัว แต่งตัวสกปรก แต่ก็มีเจ้าชายเดินเข้ามาหา โดยที่เขาไม่สนว่าแกมอมแมม อะไรแบบนี้”
“หืม น้ำเน่าว่ะ อ่านนิยายเล่มไหนมาอีกล่ะ”
“ทำไมคิดว่าฉันอ่านนิยายว่ะ มันอาจจะเป็นเรื่องจริงที่เกิดกับฉันก็ได้นะเว้ย”
“ไม่มีอ่ะ คนอย่างแกก็มีแต่เพ้อ เพ้อ เพ้อ เท่านั้นแหละ”
วราพรรณเดินออกไปจากห้อง นับดาวยังเหม่อ ยิ้มคนเดียวต่อ

สายๆของวันใหม่...นับดาวพารจนานั่งรถเข็นมาตามทางเดินในโรงพยาบาล
“ได้กลับบ้านซักทีนะย่านะ”
รจนาพยักหน้า แล้วขยุกขยิกปากกาเขียนลงในกระดาษ ว่า เอาเงินที่ไหนมาผ่าตัด
นับดาวอ่านแล้วไม่รู้จะตอบยังไง
“คือ...หนูได้งานแล้วน่ะ หนูเลยขอเบิกเงินล่วงหน้าเขามาใช้ก่อน แล้วค่อยทำงานใช้เขาอีกที ย่าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกน่า”
รจนาเขียนในกระดาษอีก ถามว่า งานอะไร
“ก็เป็นงานรับจ้างทั่วไปแหละ แต่เจ้านายเขาใจดี”
พอพูดถึงเป็นไทเธอก็เขินๆ แต่ไม่ขาดคำ เป็นไทก็โผล่มาจากไหนไม่รู้
“อ้าวคุณ มาทำอะไรที่นี่เหรอ”
นับดาวตกใจ หันกลับมาตั้งสติ
“สงสัยฉันจะเพ้อมากไป จนเริ่มเห็นภาพหลอน”
เป็นไทสะกิด
“ยูกิจัง...”
นับดาวเอามือจับมือเป็นไทที่สัมผัสไหล่เธอ แล้วเอาเล็บจิก เป็นไทร้องลั่น
“คุณทำอะไรน่ะ”
“ฉันไม่ได้ฝันนี่”
“ก็ไม่ได้ฝันน่ะสิ”
นับดาวทำตัวไม่ถูก พยายามจะเอาย่าไปซ่อน แต่ก็ไม่ทัน เป็นไทมองรจนาคุ้นๆหน้า
“เอ...นี่ใครน่ะครับ ผมคุ้นหน้าจังเลย”
นับดาวอึกอักหาทางแก้
“คือ...เอ่อ คือ ฉันพาเจ้าของโฮมสเตย์ที่ฉันอยู่ด้วยมาหาหมอน่ะ”
รจนามองหน้าหลานสาวงอนๆ
“เป็นอะไรเหรอครับ”
“ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แล้วคุณมาทำอะไรครับ”
“อ๋อ ผมมาเช็คหูผมน่ะครับ มันมีคนโรคจิตเคยตบหูผม ทำเอาเดินเซเลย”
นับดาวนึกถึงตอนที่ตัวเองใส่หมวกกันน็อคไปตบเป็นไทก็หน้าเสียยิ้มแหยๆ
“อูย แหะ แหะ”

นับดาวกับเป็นไทประคองรจนามาถึงโซฟาหน้าทีวี พอนั่งได้ รจนาก็สะบัด ทำไม่สนใจ
“งอนอะไรเนี่ย”
รจนาสะบัดไม่ให้แตะตัว
“แนะ พอถึงที่แล้วเล่นตัวใหญ่เลยนะ”
เป็นไทมองยิ้มๆ
“คนแก่ก็แบบนี้แหละครับ อารมณ์แปรปรวน”
รจนาได้ยินเป็นไทพูดหันมองขวับ เป็นไทไม่รู้ตัวยังพูดต่อ
“แกนี่น่าสงสารนะครับ แก่ป่านนี้กลับไม่มีลูกหลานมาคอยเลี้ยงดู ถึงว่าแกถึงเปิดบ้านเป็นโฮมเสตย์ จะได้ๆทั้งเพื่อน และได้เงินด้วย”
นับดาว เหลือบตามองย่าเกรงๆ
“แหะแหะ”
เป็นไทหันไปถามนับดาว
“แกเป็นใบ้มานานรึยังครับเนี่ย”
รจนาตาโตเมื่อได้ยินอย่างนั้น เป็นไทยังพูดต่อ
“อาภัพนะครับ เกิดมาเป็นใบ้ ลูกหลานยังทิ้งอีก ดีแล้วละครับ การที่คุณได้มาอยู่ที่นี่ก็ถือว่าทำบุญกับแกไปด้วย”
รจนาหน้าตาโกรธเมื่อได้ยิน นับดาวหันไปเห็นก็หวาดๆ
“ฉันว่าเราคุยกันเรื่องอื่นดีกว่าค่ะ”
นับดาวลากเป็นไทไปอีกมุม โดยลืมไปว่ามุมนั้นมีกรอบรูปของเธอในชุดนักเรียนไทย ถ่ายกับรจนาอยู่
“นั่นรูปอะไรครับ”
เป็นไทจะเอื้อมมาหยิบ นับดาวตกใจ หันไปเห็นรูป ขว้างทิ้งลงถังขยะไปเลย
“ไม่มีอะไรค่ะ ไม่ต้องไปสนใจ แหะ แหะ”
นับดาวพาเป็นไทมายืนอีกมุมหนึ่ง ก็มีใบกรอกสมัครงานที่ติดรูปถ่ายของเธอแลบออกมาจากลิ้นชัก เห็นรูปหรา
“นั่นอะไรน่ะครับ ระวังยับนะ”
นับดาวหันไปเห็นรีบยัดมันลงไปในลิ้นชักให้ลึกๆ รจนามองสิ่งที่นับดาวทำอย่างเสียใจ นับดาวรีบตัดบท
“ฉันว่าถ้าจะคุยธุระอะไร ไปคุยกันที่อื่นดีกว่านะคะ ที่นี่ฉันอยากให้ป้าแกได้พักผ่อน”
“ก็ดีเหมือนกันครับ อยู่ในนี้แล้วรู้สึกหดหู่ บอกไม่ถูก”
นับดาวพาเป็นไทออกไป รจนามองตามน้อยใจ

ค่ำนั้น...เป็นไทกับนับดาวมาทานอาหารด้วยกัน
“วันนี้ไม่แต่งตัวเป็นสก็อยแล้วเหรอครับ”
“แหม อย่าล้อสิ...เออ ฉันลืมขอบคุณคุณเรื่องกุญแจเลย ไม่งั้นฉันคงเข้าบ้านไม่ได้แน่”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องเล็ก ผมก็ต้องขอโทษแทนแพรวไพลินวันก่อนด้วย ที่อาจจะทำให้คุณลำบากใจ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ แฟนก็ต้องหวงแฟนเป็นธรรมดา” นับดาวพูดเชิงน้อยใจ
เป็นไทถอนใจหนักใจ
“คุณเป็นคนนอก ไม่เข้าใจหรอกครับ ผมว่าเราอย่าพูดถึงคนอื่นกันเลยดีกว่า”
“ถ้าไม่อยากพูดถึงก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็ไม่อยากเหมือนกัน”
“ตอนนี้ผมจัดการเรื่องห้องซ้อมไว้ให้แล้วนะครับ ตั้งแต่พรุ่งนี้ยูกิไปซ้อมร้องซ้อมเต้นได้เลย”
นับดาวกลุ้มๆกังวล
“เอาแล้วเหรอ”
“ทำไมละครับ”
“ฉันได้ข่าวมาว่า บัตรขายเกลี้ยงเป็นหมื่นใบจริงมั้ยคะ”
“ใช่ครับ หมดตั้งแต่ยี่สิบนาทีแรก”
นับดาวกลืนน้ำลายเอื๊อก
“เราคงไม่คิดจะเปลี่ยนใจมาจัดคอนเสิร์ตเล็กๆน่ารักๆก็พอกันหรอกมั้งคะ”
“ทำไมครับ ประหม่าเหรอ”
นับดาวถอนหายใจ
“คอนเสิร์ตใหญ่ๆคุณก็เคยผ่านมาแล้ว ครั้งนี้มันก็เหมือนกันนั่นแหละ” เป็นไทจับมือนับดาว “ไม่ต้องกังวลไปนะครับ ยังไงผมก็เป็นกำลังใจให้”
นับดาวเขินที่เขาจับมือเธอ แต่โรแมนติกได้ไม่ทันไร เธอก็เห็นซีซีเดินมาจากอีกมุมหนึ่งของร้าน กำลังจะออกไป นับดาวหน้าตื่นตาโต
“ซีซี”
นับดาวนึกถึงคำที่วราพรรณบอก ว่าซีซีอาจเป็นศัตรูกับยูกิ เพราะยูกิแย่งงานเธอไป เป็นไทเห็นนับดาวนิ่งไปก็มองอย่างสงสัย
“มีอะไรเหรอครับ”
“คือฉันมีธุระต้องไปทำนิดหน่อย คงต้องขอตัวก่อนนะคะ”
นับดาวลุกจากโต๊ะพรวดพราดรีบเดินตามซีซีไป

นับดาวแอบเดินตามซีซีมายังลานจอดรถ ซีซีกำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ นับดาวรีบแอบฟัง
“มีโฆษณาติดต่อเข้ามาแล้วตัวนึงเหรอ...เห็นมั้ยฉันบอกแล้วว่าในที่สุดก็ต้องมี...ห๊า โฆษณาน้ำมันเครื่องเนี่ยนะ จะบ้ารึเปล่า ฉันไม่รับหรอก...ไม่รับไง...ฉันจะรอโฆษณาที่ถอนจากยูกิเท่านั้น มีตั้งห้าหกตัว มันต้องถอนซักตัวแหละน่าหายหัวไปนานๆแบบนี้...ก็บอกว่าไม่โฆษณาน้ำมันเครื่อง”
ซีซีกดวางสายอย่างหงุดหงิด นับดาวที่แอบฟังอยู่ครุ่นคิด
“มีโอกาสเป็นไปได้แฮะ”
ซีซีกดโทรศัพท์โทรออก นับดาวแอบฟัง
“เป็นไงบ้าง...อะไร เรื่องแค่นี้ยังจัดการไม่เสร็จอีกเหรอ นี่จะให้ฉันไปลงมือเองเลยใช่มั้ย...แล้วนี่ขังมันไว้รึเปล่า...ก็บอกแล้วไงว่าให้ขังไว้ดีๆ อยากให้มันหนีไปตายรึไง...ไม่รู้ล่ะ ฉันกำลังจะไปที่นั่น ถ้าฉันไปถึงแล้วยังจัดการไม่เรียบร้อยอีกละก็ น่าดู”
นับดาวที่แอบฟังอยู่สงสัยมาก
“จัดการ ขังไว้...ใช่แน่ๆ ยูกิแน่ๆ”
ซีซีขึ้นรถขับออกไป นับดาววิ่งตามรถมาริมถนน...นับดาวโบกแท็กซี่
“ตามรถคันนั้นไปเลยค่ะ”
นับดาวตื่นเต้น ร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก...แท็กซี่ขับตามรถซีซีไปอย่างซอกแซก นับดาวชะเง้อ คอยลุ้น
“โน่นๆลูกพี่ ไปทางโน้นแล้ว ทางโน้นลูกพี่”
แท็กซี่ก็ขับตามไปติดๆ...สักคนรู่ ซีซีจอดรถข้างถนน เธอเดินลงจากรถ นับดาวก็ลงจากแท็กซี่สะกดรอยตามไป ซีซีเดินเข้าไปในร้าน pet shop นับดาวแหงนมองป้ายร้านด้วยแววตามุ่งมั่น
“เธอถูกขังอยู่ที่นี่เองสินะยูกิ มันดูถูกเธอมากที่เอาเธอไปขังรวมกับหมา ฉันจะช่วยเธอออกมาเอง”

นับดาวเดินเข้าไปอาดๆ ราวกับทหารจะไปรบ
 
อ่านต่อหน้า 4



 ฉันรักเธอนะ  ตอนที่ 4 (ต่อ) 

ค่ำนั้น...นับดาวแอบตามหลืบชั้นต่างๆของอาหารสัตว์ แอบฟังซีซีคุยกับเจ้าของร้าน

“ตกลงเป็นยังไง”
“จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“แค่นี้ ก็ต้องให้ฉันโทรมาเร่ง”
เจ้าของร้านหันไปบอกเด็กในร้าน
“คุณซีซีมาแล้ว พาออกมาหน่อยเร็ว”
นับดาวแอบมองอย่างใจจดใจจ่อ พึมพำเบาๆ
“ถ้าเธอออกมาเมื่อไหร่ ฉันจะรีบเข้าชาร์ท แล้วก็พาเธอหนีออกไปให้เร็วที่สุดเลยยูกิ”
เสียงทุกอย่างเงียบ สักครู่มีเสียงฝีเท้าหลังประตูดังกึกก้อง มันเข้ามาใกล้เรื่อยๆนับดาวลุ้น รอจังหวะ แล้วเงาที่หลังประตูก็โผล่มายืน นับดาวเตรียมออกสตาร์ท ประตูเปิดออกมา นับดาววิ่งออกตัวเต็มแรง แต่ก็ต้องเบรคแทบไม่ทัน ชนข้าวของระเนระนาด แต่เธอก็เข้าไปหลบทันพอดี เมื่อเห็นว่าสิ่งที่พามาไม่ใช่ยูกิ แต่เป็นหมาตัวหนึ่ง เสียงโครมครามทำเอาทุกคนในร้านหันไปมองแต่ไม่เห็นใคร นับดาวส่งเสียงกลบเกลื่อน
“เมี้ยว”
เจ้าของร้านมองๆ
“สงสัยเจ้าธงชัย แมวที่ร้านน่ะค่ะ”
ซีซีเข้าไปอุ้มหมา
“ไงลูก อาบน้ำแล้วตัวหอมฟุ้งเลยนะ...แล้วนี่ตกลงได้ขังกรงแยกรึเปล่า ไม่ใช่ว่าเอาหมาฉันไปติดหมัดติดเห็บใครมาหรอกนะ”
“พิเศษสำหรับคุณเลยค่ะ”
“ก็ดี” ซีซีหันไปพูดกับหมา “กลับบ้านกันนะลูกนะ ไปกันเถอะ”
ซีซีอุ้มหมาเดินออกจากร้านไป นับดาวได้แต่มองตามเซ็งๆ

นับดาวเดินเซ็งๆเข้ามาในห้อง รจนากำลังฟังเพลงตัวเองจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงของเธออยู่ แต่พอเธอเห็นหลานสาวเข้ามา เธอก็ทำไม่สนใจ
“ย่ากินยาครบรึยัง”
รจนาลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ
“ย่างอนอะไรเนี่ย”
รจนาเขียนใส่สมุดว่า
“ฉันไม่ใช่ย่าเธอไม่ใช่เหรอ”
นับดาว ถอนใจ
“โธ่...นึกว่าเรื่องอะไร หนูก็พูดไปงั้นแหละ ตามน้ำไป”
รจนาเขียนใส่สมุดอีก
“เด็กขี้โกหก”
นับดาวอ่านแล้วมองหน้าย่าเศร้าๆ
“ใช่...หนูมันขี้โกหกจริงแหละ”
นับดาวเดินเศร้าๆออกไปจากห้อง รจนาอดห่วงหลานสาวตัวเองไม่ได้

นับดาวเข้ามาในห้องอย่างเซ็งๆ
“ยูกิ...เธอกลับมาทวงตำแหน่งเธอไปซักทีสิ ฉันไม่อยากหลอกตัวเองจนเชื่อว่าฉันคือเธอจริงๆในวันหนึ่ง”
นับดาวทิ้งตัวนั่งบนเตียง เธอไปนั่งทับเอาขวดแก้วที่เธอได้จากชาวประมงจึงหยิบมันขึ้นมาส่องดูจดหมายที่พับไว้ข้างใน แล้วก็เปิดเศษผ้าที่อุดจุกออก แล้วพยายามเอาจดหมายออกมา เธอค่อยๆเอานิ้วคีบจดหมายออกจากขวดโหล
ช่วงเวลานั้น ยูกิหลับตาสวดภาวนาขอพร
“ขอให้จดหมายที่ฉันส่ง ได้ไปถึงมือคนใจดีซักคน แล้วให้เขาส่งคนมาช่วยฉันด้วยเถิด ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว”
ยูกิลืมตาขึ้นมา แววตาของเธอไม่เคยคลายความหวังเลย

นับดาวค่อยๆเปิดอ่านจดหมายฉบับนั้นอย่างตั้งใจ พอจดหมายถูกคลี่ออกเธอก็ต้องตาโต ตกใจถึงขนาดเอามือปิดปากตัวเอง
“มันจะเป็นไปได้ยังไง...จดหมายนี่ จดหมาย...”
แต่จากความตื่นเต้นก็ต้องเหี่ยวลงทันที เพราะจดหมายนั่นจริงๆเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น เธออ่านไม่ออก
“แบบนี้ ใครจะไปอ่านออกวะ นี่ลอยมาจากประเทศจีนมั้งเนี่ย มาไกลน่าดู”
นับดาววางจดหมายไว้บนโต๊ะ ไม่สนใจ มาสนใจขวดแทน
“ไปซื้อดอกไม้มาใส่ไว้ง้อย่าดีกว่า”
จดหมายถูกวางบนโต๊ะอย่างนั้น เธอหันไปทำอย่างอื่นแทน

ยามาดะเปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นยูกิกำลังขอพรอยู่
“ขอพรจากดวงดาวให้มีคนมาช่วยรึไง ไม่เลื่อนลอยไปหน่อยเหรอ”
“ฉันทำในสิ่งที่ฉันทำได้”
“ก็ดี...ดีกว่านอนร้องไห้ ส่งเสียงน่ารำคาญ”
“ฉันร้องไห้ก็ดีกว่าคุณที่เมาหัวราน้ำแล้วก็มาระรานคนอื่น”
“ผมระรานใคร”
“ก็เมื่อคืนคุณเข้ามาโวยวายเล่าเรื่องอะไรสมัยเรียน เรื่องยากูซ่าอะไรก็ไม่รู้”
ยามาดะตกใจ
“ผมเล่าให้คุณฟังหมดแล้ว”
“ก็ใช่น่ะสิ เรื่องตัดนิ้วอะไรนั่นด้วย”
“ห๊ะ ผมกล้าพูดความลับของผมออกไปแบบนั้นเลยเหรอ” ยามาดะทำตัวไม่ถูก “ไม่จริงหรอก ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ไม่เชื่อก็ลองถามมาสิ”
ยามาดะมองหน้าแล้วถาม
“โรงเรียน”
“ถูกไล่ออก”
“งาน”
“ลูกเรือประมง ก่อนไปเป็นยากูซ่า แล้วถูกตัดนิ้ว”
“ไม่จริง...คุณรู้เรื่องผมหมดแล้ว...ไม่”
ยามาดะทำตัวไม่ถูกรีบวิ่งออกไปหน้าห้อง ยูกิงง
“นั่นเขาเป็นอะไรของเขาน่ะ”
ยามาดะวิ่งออกมานอกห้อง ยังทำใจไม่ได้
“ความลับที่เก็บไว้มาเกือบสิบปี วันนี้เธอรู้แล้ว แล้วจะทำยังไงต่อไป ไม่...”
อาการทำใจไม่ได้ของยามาดะนั้น สุดแสนจะเพี้ยน

ซีซีหยิบเอเชี่ยนฮิตหน้าปกยูกิขึ้นมา เธอฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ แล้วก็เอาน้ำมันเครื่องราด
“โฆษณาน้ำมันเครื่องเหรอ...นี่ไงน้ำมันเครื่อง ขนาดแกหายตัวไปตั้งนานขนาดนี้ งานก็ยังไม่เข้ามาถึงฉันอีก นี่มันอะไรกัน จะต้องให้ฉันตามไปฆ่าแกถึงที่เลยรึไง จะบอกให้ ฉันจะไม่ยอมโฆษณาน้ำมันเครื่องนี่หรอก”
ซีซีโกรธมาก

สายๆของวันใหม่ กองถ่ายโฆษณาถ่ายทำกันอยู่ริมถนน ในฉาก ซีซีเห็นเพื่อนรถมอเตอร์ไซค์ดับจึงเดินเข้ามาถาม แต่เธอหน้าตาเบื่อมาก ไม่อยากเล่น
“รถเป็นอะไรน่ะ”
“สตาร์ทไม่ติดน่ะสิ”
“ทำไมไม่ใช้น้ำมันเครื่องดีๆล่ะ ลองนี่ซิ” ซีซีหยิบน้ำมันเครื่องขึ้นมา “น้ำมันเครื่องซีโฟร์ เครื่องใหม่กิ๊ก สตาร์ทติดง่าย”
ทันใดนั้นผู้กำกับก็ตะโกนขึ้น
“คัท...ดีมาก”
ซีซีงงหันไปมองผู้กำกับตกใจว่าดีมากได้ไง เธอเล่นซังกะตายอย่างกับอะไร
“ดีมาก มันเอาทีมงานที่ไหนมาทำงานเนี่ย เล่นเบื่อโลกแบบนั้นน่ะนะดีมาก...โอ๊ย นี่ฉันตกต่ำขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย”
ซีซีเซ็งสุดๆ

องอาจกับเป็นไท พานับดาวมาที่ห้องซ้อมเต้น องอาจแนะนำให้รู้จักกับทีมงานต่างๆ
“นี่เป็นห้องที่จะซ้อมเต้นไปตลอดจนกว่าจะขึ้นคอนเสิร์ตจริงนะครับ แล้วนี่ก็ทีมแดนเซอร์จากญี่ปุ่น ที่ทางสังกัดส่งมา คุณคงรู้จักกันอยู่แล้ว”
นับดาวอึ้งๆ
“รู้จักอยู่แล้วด้วย”
เธอหันไปโบกมือให้เป็นพิธี แดนเซอร์ทักทายกันมาพร้อมเพรียง
“ไฮ ยูกิ”
นับดาวรีบทำเนียนทักทายตอบ
“ไฮ”
องอาจยิ้มให้
“ด้วยทีมงานมืออาชีพ ผมคิดว่าคุณคงไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่”
“มืออาชีพด้วย หึหึ” นับดาวบ่นกันตัวเอง “ซวยแล้วเรา นับแปดยังไม่ค่อยจะลงจังหวะเลย”
เป็นไทมองนับดาวแล้วถามขึ้น
“ปกติในทุกๆคอนเสิร์ต คุณชอบคิดท่าเต้นใหม่ๆด้วยไม่ใช่เหรอ คราวนี้ได้คิดอะไรไว้บ้างรึยังครับ”
นับดาวอึ้งอีก
“ท่าเต้น ฉันคิดเองด้วย”
“ผมชอบท่าเต้นหลายๆท่าของคุณมากเลย แม้จะไม่ได้เน้นทักษะแต่ก็แสดงความเป็นตัวเองได้ดีมาก”
“หึ หึ ฉันคงทำไปตามความรู้สึกมั้งคะ”
เสียงเพลงของยูกิถูกเปิดโดยแดนเซอร์ พวกเขาคึกคักเข้าตามจังหวะ นับดาวกลับเป็นคนเดียวที่งงๆ องอาจผายมือให้
“เชิญเลยครับยูกิจัง โชว์เท้าไฟเลย”
เป็นไทมองหน้าองอาจ
“หืม โชว์เท้าไฟ นี่คุณพูดถึงยูกิหรือคุณตู้ ดิเรก กันแน่”
พอพูดถึงตู้ ดิเรก องอาจก็ร้องเพลง พร้อมเต้นท่าพี่ตู้ทันที
“สาวบางโพนั้นโก้จริงๆ ตะแลปแตปแตปแตปๆๆ”
“พอแล้ว ไม่อายเขาเหรอนั่น”
องอาจหันไปเห็นทุกคนจ้องเขาด้วยแววตาสมเพช
“แหม เห็นใจกันหน่อย พอเห็นฟลอร์แล้วเสต็ปมันออก แหะ แหะ”
องอาจได้แต่ทำหน้าจ๋อยๆ นับดาวหาทางออกให้ตัวเอง
“เดี๋ยวฉันขอตัวไปด้านหลังก่อนนะคะ”
นับดาวหน้านิ่งเดินออกไป

นับดาวมองซ้ายมองขวา ไม่เห็นใคร เธอก็ปล่อยอารมณ์ที่อดกลั้นแทบไม่ไหวออกมา
“ใครจะไปอดใจได้กับเพลงนั้น ร้องและเต้นมาตั้งแต่เด็กเลยนะนั่น” นับดาวร้องและเต้นไปด้วย “สาวบางโพนั้นโก้จริงๆ ยิ้มมีเสน่ห์ เก๋เกินมองข้ามถามใครดูได้ สวยไปทุกสิ่ง รูปทรงสง่า หน้าตางามยิ่งหญิงใดมาเปรียบ เทียบสาวบางโพ...”
เป็นไทเปิดประตูเข้ามาด้านหลัง ตกใจเห็นนับดาวกำลังเต้นท่าก๊อยๆของเธออย่างเมามัน เขายืนหัวเราะ นับดาวหันไปเห็น สะดุ้ง
“เฮ้ย...”
“นี่คุณเต้นท่าอะไรของคุณน่ะ”
นับดาวทำเก็ก
“ฉันก็คิดท่าเต้นใหม่ไปตามความรู้สึกไง”
เป็นไทหัวเราะ
“ตอนนี้คุณอยากซ้อนมอเตอร์ไซค์หรือว่ายังไง ท่าถึงได้ออกมาสก็อยแบบนี้”
“นี่อย่ามาว่าท่าเต้นฉันนะ”
“ผมไม่ได้ว่าซักหน่อย ผมว่ามันน่ารักดี”
เป็นไทยิ้มๆ นับดาวได้แต่เขิน ทำอะไรไม่ถูก เธอจึงเดินหนีเขาไป

ในห้องซ้อมเต้น เสียงเพลงของยูกิดังลั่น เหล่าแดนเซอร์เต้นกันพร้อมเพรียงอยู่ในห้องซ้อม นับดาวพยายามจะเต้นให้ทันเขา แต่ก็ดูเก้ๆกังๆ เธอนับยังไม่ถูกจังหวะ ดูไม่เข้ากับใครเลย เป็นไทยืนดูเป็นกำลังใจ
เวลาผ่านไปจนเย็น ทุกคนกลับกันหมดแล้วแต่นับดาวยังพยายามฝึกเสต็ปต่างๆของเธอคนเดียว แต่ก็ทำไม่ได้ซักที เธอโมโหตัวเอง ฟาดผ้าขนหนูซับเหงื่อลงกับพื้น เธอมองกระจกเงาที่สะท้อนในห้องซ้อมเต้น พยายามจะหันมาร้องเพลงของยูกิแทน แต่คำก็กลับผิดๆถูกๆ มั่วไป มั่วมา ไม่ได้ดั่งใจ
“โอ๊ย...ทำไมมันยากแบบนี้”
นับดาวทิ้งตัวลงนอนกับพื้น สงบจิตสงบใจตัวเอง
“วันนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่าการจะเป็นซุปเปอร์สตาร์มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การพยายามเป็นคนอื่นนี่สิ ยากกว่าเป็นไหนๆเลย”
นับดาวนอนถอนหายใจ ท้อเหม่อมองทอดอารมณ์อยู่อย่างนั้น

ยูกิฮัมเพลงภาษาญี่ปุ่นของเธอ พร้อมหันซ้าย หันขวาตามเสต็ปเบาๆ ยามาดะเปิดประตูเข้ามา เอาอาหารมาวางให้ เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเธอ
“ข้าวเย็น”
ยามาดะก้มหน้างุด ยูกิสงสัย
“เป็นอะไรน่ะ”
“ไม่มีอะไร”
“แต่คุณกำลังหลบหน้าฉัน”
“เปล่า”
“คุณอายฉันเหรอ”
“เปล่า”
“งั้นก็หันมามองหน้าแล้วตอบฉันมาว่าเป็นอะไร”
“นี่ผมเป็นคนจับคุณมานะ ไม่ใช่คุณจับผม จะได้มาเที่ยวซักไซ้แบบนี้”
ยามาดะหันไปจ้องหน้าของเธอ
“คุณเหมือนคนนึงที่ฉันเคยรู้จักจริงๆด้วย แต่นึกไม่ออกซักทีว่าใคร”
ยามาดะรีบหลบหน้าและเดินออกไปข้างนอกทันที ยูกิเรียกไว้
“เดี๋ยวสิ ฉันอยากเห็นหน้าคุณใกล้ๆ ฉันจะได้นึกออก”
ยามาดะไม่ฟัง เดินออกไปด้านนอก ยูกิได้แต่คั่งค้างความสงสัย
ยามาดะออกมานอกห้องด้วยหัวใจเต้นแรง เขานึกย้อนไปถึงตอนเรียนมัธยมที่เขาส่งจดหมายรัก
ให้เธอ แล้วก็แอบดูอยู่หน้าห้อง ยามาดะหยิบรูปรวมเพื่อนๆในห้องสมัยม.ต้นขึ้นมาดูอีกครั้ง เขามองไปที่รูปยูกิเพียงคนเดียว

ค่ำนั้น...สังวรณ์อยู่ในห้องทำงานนั่งอ่านข่าวใน หนังสือพิมพ์ วราพรรณเดินเอาสกู๊ปเข้ามาส่ง สังวรณ์ดูสกู๊ป
“นี่สกู๊ปอะไรเนี่ย”
“ทางน้ำมันเครื่องซีโฟร์เขาจ่ายเงินให้เราโปรโมทค่ะ”
“ยายซีซีขายน้ำมันเครื่องแล้วเหรอเนี่ย” สังวรณ์วางหนังสือพิมพ์ลง “ทำไมมีแต่ข่าวดาราปลายแถวทั้งนั้น ไม่มีสกู๊ปดาราดังๆบ้างรึไง”
“ช่วงนี้ไม่มีกระแสอะไรเลยค่ะ”
“ยูกิไง เรามียูกิอยู่ ทำไมไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ล่ะ”
“แต่ทางอิสสยาม ไม่ได้ส่งข่าวพีอาร์อะไรมาเลยค่ะ”
“สร้างขึ้นมาเองสิ จับประเด็นฉาวขึ้นมาชูเลย เจ้าเราเจ้าเดียว มีรึจะไม่ดัง”
วราพรรณอึ้งไป
“จะดีเหรอค่ะ”
“ยิ่งกว่าดีซะอีก เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจัดการเอง”
สังวรณ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรหายูกิ เขาเลือกเบอร์ที่เมมไว้ในคอนแทค แต่พอจะกดโทรออกเขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าแบตแดงแจ๋ง
“เอ้า...ให้มันได้ยังงี้สิ แบตดันจะมาหมดตอนนี้อีก...เดี๋ยวผมขอยืมโทรศัพท์คุณหน่อยสิ”
วราพรรณยื่นมือถือให้
“นี่ค่ะ”
“คุณออกไปก่อน ผมขอคุยเป็นการส่วนตัว”
“ได้ค่ะ”
พอวราพรรณออกไปข้างนอก สังวรณ์ดูเบอร์ยูกิจากในเครื่องตัวเองแล้วกดโทรออก เขายังไม่ทันสังเกตว่าพอโทรออกไปมันเป็นชื่อที่เมมไว้ว่านับดาวในเครื่องของวราพรรณ สังวรณ์ถือสายรอ

เสียงโทรศัพท์มือถือนับดาวดังขึ้น เป็นชื่อวราพรรณโทรมา นับดาวกดรับอย่างเป็นกันเอง
“ว่าไงแก”
สังวรณ์ งง เมื่อได้ยินเสียงที่รับ
“นั่นใคร”
“คุณนั่นแหละใคร นี่เบอร์เพื่อนฉัน”
สังวรณ์ณ์รีบวางโทรศัพท์มองชื่อที่ขึ้นว่า นับดาว งงๆ เขาดูเบอร์ยูกิใหม่แล้วกดไปอีกทีก็ไปติดที่นับดาวอีก
“ฮัลโหล”
“นั่นใคร ทำไมใช้เบอร์นี้”
“ฉันต้องถามคุณ ว่าคุณทำไมใช้เบอร์เพื่อนฉัน”
สังวรณ์งง รีบวางโทรศัพท์
“นี่มันอะไรกันวะ วันนั้นเราก็ missed call เบอร์ยูกิแล้วก็เมมไว้นี่หว่า มันไปผิดพลาดตรงไหนวะเนี่ย”
สังวรณ์งงๆ

สายๆของวันใหม่...เป็นไทแต่งตัวอยู่หน้ากระจก เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถที่โต๊ะข้างหัวเตียง เขาเหลือบตามอง ดอกไม้ที่นับดาวซื้อให้ซึ่งโรยๆเฉาๆ ที่ใส่อยู่ในถังสังกะสี แบบเท่ๆ แนวๆเก๋กู้ดดูดี วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียง เป็นไทชะงักคิดถึงยูกิขึ้นมา เขานึกถึงอดีตเมื่อตอนที่นับดาวเอาดอกไม้ทั้งหมดให้ เขาเขินทำตัวไม่ถูก
“ให้ผมทำไมครับ”
“จะได้หายกันไง วันก่อนคุณก็เอาไปให้ที่บ้านฉันไม่ใช่เหรอ”
เป็นไทเขิน
“แหม แต่ก็ไม่ต้องให้อะไรแบบนี้ก็ได้”
“คุณไม่รู้อะไร ฉันแทบจะนึกไม่ออกว่ายิ้ม หัวเราะตอนไหนบ้าง คุณทำให้ฉันรู้สึกมีค่าขึ้น”
เป็นไทอมยิ้มอย่างมีความสุขแล้ว ก้มหน้าลงไปดมดอกไม้ที่ถังอย่างลืมตัว ทันใดนั้นเสียงแพรวไพลินดังขึ้น
“พี่ไท”
เป็นไทตกใจ หันไปมองตามเสียง ภาพในความคิดผุดเข้ามาในสมองเขาเห็นแพรวไพลิน อยู่ในชุดนางแมวยั่วสวาท ถือ แส้ หน้าโหดจิกเหี้ยมแต่ก็สวยเซ็ก
“พี่นอกใจแพรว!”
แพรวไพลินในชุดนางแมว ฟาดแส้ ป๊าบๆ ใส่ เป็นไทหน้าเหวอ ร้องลั่น หวาดกลัววิ่งหนี แพรวไพลินฟาดแส้ออกไปแส้พุ่งเข้าไปมัดตัวเขา เธอกระตุกแส้ ดึงเขากลับเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า แพรวไพลินตะปบนิ้วไล้ที่ใบหน้าและหน้าอกเขาอย่างน่ากลัวแต่เซ็กซี่ เหมือนจะขย้ำเขา
“ช่างกล้านะ...พี่เป็นไท”
“พี่ยังไม่ได้ทำอะไร เลยนะ แพรว”
“พี่นึกว่าแพรวโง่เหรอ ดอกไม้เน่าๆอย่างนั้น พี่จะเก็บไว้อีกทำไมอีกถ้าไม่ใช่ยายยูกิปลาดิบค้างปีมันให้พี่ไว้”
“แพรว รู้ได้ยังไง...แพรวฉลาดมาก”
“หึหึ...ถึงชีวิตจริงจะไม่มีเรื่องย่อให้อ่านอย่างละครหลังข่าวแต่สัญชาตญาณหญิงของแพรวมันบอกว่า พี่กำลังสวมเขาให้แพรว”
แพรวไพลินจี้เล็บแหลมจิกอกเป็นไท
“อ๊อย แพรว...พี่แค่เป็นลูกหนี้นะ ยังไม่ได้เป็นสามี...”
“นั่นแหละ ไอ้ลูกหนี้หลายใจ...ไปลงนรกเสียเถอะ”
แพรวไพลินอ้าปากเห็นเขี้ยวแหลม แล้วก้มลงไปกัดคอ เป็นไท ร้องลั่น ช็อกสุดๆ...เป็นไทนอนกลิ้งบนโซฟา จับคอตัวเองบิดไปบิดมา หลับหูหลับตาร้องลั่น
“อ๊อย ช่วยด้วย”
แพรวไพลินกับองอาจ เดินเข้าห้องมามองอาการของเป็นไทอยู่สักพักแล้ว ทั้งสองมองงงๆ แพรวไพลิน จึงถามอย่างแปลกใจ
“พี่ไท พี่เป็นบ้าอะไรอ่ะ”
เป็นไทยังไม่รู้สึกตัวยังร้องอยู่
“ปล่อยฉัน อย่า...”
แพรวไพลินชักฉุนตะโกนลั่น
“ถ้าพี่ยังไม่เลิกบ้า แพรวจะเก็บดอกเบี้ยเป็นจูบปาก หนึ่งจ๊วบ”
เป็นไทชะงักหายเป็นปลิดทิ้ง
“อย่าเล่นทีเผลอนะ แพรว พี่ไม่ยอมเสียจูบเพื่อใช้หนี้เด็ดขาด”
องอาจปิดปากหัวเราะ
“อิ อิ อิ...หายบ้าเลยเจ้านาย”
เป็นไทมองจิก
“ไอ้องอาจ!”
องอาจรีบชิ่ง
“คุณแพรวซื้อโจ๊กจักรพรรดิมาฝากคุณไทแน่ะครับ ผมไปจัดให้นะครับ”
องอาจรีบเดินออกไป แพรวไพลินเห็นดอกไม้เหี่ยวที่อยู่ในถัง
“ต๊ายตาย ดอกไม้เหี่ยวๆ เฉาๆ ยังจะเก็บไว้อีก”
เป็นไท หน้าตื่นขึ้นมากลัวว่า เธอจะเอาเรื่องเหมือนในความคิด เป็นไทรีบวิ่งเข้าไปขวางดักหน้า แพรวไพลิน
“อย่านะ แพรว มันไม่ใช่อย่างที่แพรวคิดนะ”
แพรวไพลินจ้องอย่างจะเอาเรื่อง หึงหวงยูกิ
“ทำไมจะไม่ใช่ ก็แพรวเห็นอยู่ตำตา พี่ไทนึกว่า แพรวโง่หรือไงคะ”
เป็นไทพึมพำกับตัวเองคิดว่า เธอรู้เรื่องยูกิให้ดอกไม้แล้วจะเป็นเหมือนที่ตัวเองนึกไว้ เขาพึมพำเบาๆ
“เอาวะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด...” เป็นไทหันไปหาแพรวไพลิน “พี่ยอมรับผิดทุกอย่างแพรวจะด่าจะว่าพี่เป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้ยังไงก็ได้ แต่อย่าไปว่า...”
เป็นไทกำลังจะบอกชื่อ ยูกิ แต่แพรวไพลินสวนขึ้นมาก่อน
“เด็กขายดอกไม้พวกนั้นใช่มั้ยคะ นี่คงสงสารมันจนซื้อเหมาหมดเลยล่ะสิ”
เป็นไทอึ้งที่แพรวไพลินไม่รู้
“เด็กขายดอกไม้”
“ก็ใช่สิคะ พี่ไทน่ะขี้สงสาร ใจอ่อนกับไอ้พวกเด็กเหลือขอนี่ตลอดๆ ทีกับแพรวไม่เห็นจะใจอ่อนเสียที ฮึย พูดแล้วเซ็ง อารมณ์เสีย แพรวไปสปาให้ปลาตอดเท้าแก้เครียดดีกว่า” แพรวไพลินจะเดินออกไปแล้วหันมา “อ่อ...เดี๋ยวกลางวันเจอกันนะคะ แล้วอย่าลืมกินโจ๊กที่แพรวซื้อมาให้ด้วยล่ะ” เธอส่งจูบให้ “จุ๊บๆ นะคะที่รัก”
แพรวไพลินเดินออกไป เป็นไทถอนใจโล่งอกยิ้มออกมาได้
“ค่อยยังชั่ว ยายแพรวไม่ได้คิดมากอย่างที่เราคิด...”
เป็นไทเหลือบตาไปมองที่ดอกไม้อีกครั้ง แล้วหยิบดอกหนึ่งขึ้นมาดู มองยิ้มๆ ครุ่นคิดในใจ
‘นับวันผมยิ่งรู้สึกดีๆกับคุณมากมาย...ดอกไม้อาจจะเหี่ยวเฉา แต่ดอกรักกำลังบานอยู่ในหัวใจผม นะ ยูกิจัง’

นับดาวมาถึงห้องซ้อมตั้งแต่ยังไม่มีใครมา เธอพยายามจะหัดเต้นตามสเต็ปให้ได้ แต่ก็ไม่ได้ซักที เธอหัดจนเสียหลักจะล้ม แต่แล้วอยู่ๆก็มีคนมาประคองเธอไว้ คือเป็นไทนั่นเอง ทั้งคู่ล้มลงไปทับกัน การกระแทกทำให้ทั้งสองปากชนกันพอดี นับดาวตกใจ ทั้งสองต่างสบตากัน
“หักโหมแบบนี้เดี๋ยวก็บาดเจ็บเข้าจนได้หรอก”
นับดาวตั้งสติได้รีบลุกออกจากเขาทันที
“ฉันไม่เป็นไร”
เป็นไทเห็นเธอหน้าแดง
“เขินเหรอ”
“เปล่า ไม่ได้เขินซะหน่อย”
ทันใดนั้นเลือดกำเดาค่อยๆไหลออกจากจมูกข้างหนึ่งของเธอ เป็นไทเห็นก็หัวเราะ นับดาวรีบปาดมันทิ้ง
“คิดเรื่องลามกอยู่ใช่มั้ยล่ะ” เป็นไทพูดล้อๆ
“ไม่ได้คิด” นับดาวเถียง
“ผมขอโทษ ผมแค่แซวเล่น คุณไม่ต้องเขินหรอกน่า มันแค่อุบัติเหตุ”
“ก็บอกว่าไม่ได้เขินไง”
“โอเคครับ ผมเชื่อ...แต่ผมต้องขอบคุณคุณนะ ผมจะจำวันนี้ไปจนวันตายเลย”
นับดาวด่าทันที
“ไอ้บ้า”
นับดาวพยายามกลั้นความอายของตนไว้ อยู่ๆสังวรณ์ก็โผล่มา
“สวัสดีครับยูกิจัง” สังวรณ์เห็นจมูกนับดาวมีเลือด “อุ๊ยนั่น ยูกิจังเป็นอะไรครับ”
สังวรณ์ปรี่เอาผ้าเช็ดหน้าตน มาซับเลือดให้ทันที
“ตายแล้ว สงสัยจะซ้อมหนักเกินไปนะครับเนี่ย ได้ตรวจสุขภาพประจำปีบ้างรึยัง”
นับดาวมองเป็นไทอย่างเกรงใจที่สังวรณ์มาทำให้เธอแบบนี้
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
“นี่คุณมาทำอะไรที่นี่” เป็นไทถามเสียงแข็ง
สังวรณ์ยิ้มกวนๆ
“เอ๊า ผมก็จะมาทำงานของผม”
“งานอะไร”
“ก็ทำข่าวไง”
“แต่นี่มันห้องซ้อมส่วนตัว คิวคอนเสิร์ตเป็นความลับ”
“ก็ใครว่าผมจะมาดูซ้อม ผมจะชวนยูกิจังไปทานข้าว หาประเด็นเขียนสกู๊ปต่างหาก”
เป็นไทมองหยัน
“ขยันทำงานจริงเลยนะ”
“ก็เหมือนคุณนั่นแหละ”

เป็นไทกับสังวรณ์มองหน้ากันแบบเชือดเฉือน
อ่านต่อตอนที่ 5


กำลังโหลดความคิดเห็น