xs
xsm
sm
md
lg

ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ต้มยำลำซิ่งตอนที่ 5

รุ้งระวียืนอยู่ด้านนอก ขณะที่ทูนอินทร์ อินทร และเมธหันหลังให้ เธอมองเข้ามา แต่ไม่เดินเข้ามา พูดกับคมหน้าประตูแล้วแยกไป

“อ้าว ไม่เข้ามาล่ะ” อิทธิหันไปถามเมื่อคมเดินเข้ามา
“คุณรุ้งบอกว่าไม่มีอะไร อยากพูดกับนายเรื่องคอนเสิร์ตน่ะครับ หลังซ้อมเต้นค่อยคุยก็ได้” คมอธิบาย
“โอเค”
อิทธิพยักหน้ารับรู้ คมเดินออก
“เลยไม่ได้แนะนำให้พวกคุณรู้จักเลย”
“ไม่เป็นไรครับ ยังไงเราก็จะต้องรู้จักกันอยู่แล้ว สำหรับสาวๆ สวยๆอย่างคุณรุ้ง ผมรอได้” ทูนอินทร์พูดอย่างมีมาด
อิทธิมองทูนอินทร์ที่ทำเก๊ก อย่างไม่สบอารมณ์นัก

รุ้งระวีกลับไปซ้อมเต้น ขณะที่หน้าห้องจวงใจ จุ๊บแจงมองๆอยู่ ทั้งสองมีพลาสเตอร์ปิดที่หน้าและจมูก ใบหน้ายังช้ำ มะปรางออกมาจากห้องพอดี จวงใจและจุ๊บแจงยึดแขนไว้
“พี่ปล่อยนะ”
“แกบอกมาก่อน ทำไมคุณอิทธิถึงกล่อมมันกลับมาทำงานต่อได้ ได้ข่าวว่าทีแรกมันจะลาออกไม่ใช่เหรอ” จวงใจถาม
“หนูไม่ทราบค่ะ”
“แกต้องรู้ เพราะแกอยู่ในเหตุการณ์” จุ๊บแจงพยายามซัก
“ปรางไม่ได้รู้ทุกเรื่องหรอกนะคะ ปล่อย”
มะปรางสะบัดหลุด แล้วแยกไปทันที สวนเข้ากับอาชาและขวัญข้าว ที่เพิ่งเข้ามา ถือถุงส้มตำและอาหารอีสานมาถุงใหญ่ อาชามองเข้าไปในห้องเต้น
“มีอะไรกันเหรอ ว้าย หน้าตาแกสองคนไปโดนอะไรมา” ขวัญข้าวมองอย่างตกใจ
“เรื่องยาวค่ะเจ๊ แล้วจะเล่าให้ฟังทีหลัง”
อาชามองรุ้งระวีไม่เลิก
“นี่ คอนเสิร์ตน่ะมันรวมดาวพวกเรานะ นังฝรั่งมันร้องแค่สองเพลง แต่มันซ้อมกันอลังการขนาดนี้เลยเหรอ”
“คุณอิทธิทุ่มให้มันเต็มที่ เห็นว่าชุดหางเครื่องสั่งตัดใหม่หมด“ จุ๊บแจงบอกด้วยน้ำเสียงริษยาเต็มที่
“ทุเรศที่สุด ถ้ายังเชียร์นังนี่นอกหน้าแบบนี้ ฉันว่าพวกเราไปหาสังกัดอื่นอยู่กันเถอะ หมาหัวเน่าขึ้นมาทุกวันแล้ว ไป ไปกินส้มตำดีกว่า แก้เซ็ง”
ขวัญและอาชาแยกไป เดชเดินผ่านมาพอดี
“เดี๋ยว ไอ้เดช คุยกันหน่อย” จวงใจเรียกไว้
“มีอะไรเจ๊”
“เรื่องนังฝรั่ง ทำไมมันกลับมาทำงานกับคุณอิทธิ ตอนแรกมันจะลาออกไม่ใช่เหรอ”
“ความลับเจ้านาย พูดไม่ได้หรอก”
“แจง ง้างปากมันหน่อยซิ”
จุ๊บแจงจะเข้ามาง้างปากเดช ทันทีที่จวงใจสั่ง
“เฮ้ย จะทำอะไรผม”
“ง้างปากแกไง”
จวงใจเซ็ง
“แจง...ง้างปากมันที่ว่า หมายถึง ใช้….เงินน่ะ เงิน เงิน”
“อ๋อ”
จุ๊บแจงหยิบเงินออกแบงค์พัน เดชส่ายหน้า จุ๊บแจงหยิบอีกสองพัน
“พอไหม”
“ก็...พอพูดได้บ้าง ทางนี้ดีกว่าเจ๊”
เดชพาสองสาวแว่บออกไปทันที

ทูนอินทร์และอินทรออกมาจากห้องน้ำด้วยกัน
“เป็นไงครับ ข้อเสนอ” อินทรถามความเห็น
“ก็ดี”
“ได้กำกับรุ้ง ทำฟรีก็รับทำอยู่แล้วใช่มะ”
“เออ”
ทั้งสองจะเดินผ่านห้องครัว แล้วหยุดชะงัก เพราะมะปรางกำลังเดินออกมาพอดี ทั้งทูนอินทร์และอินทรตั้งรับเต็มที่ แต่มะปรางที่ถือขวดน้ำเย็น ไม่ทันหันมามอง เพราะขวัญข้าวเรียกไว้เสียก่อน ทูนอินทร์และอินทรแอบหลบ
“เดี๋ยวยายมะปราง” เสียงขวัญข้าวดังขึ้น
มะปรางหันไปมองในห้อง
“คะ”
ขวัญข้าวที่กำลังเอาถุงส้มตำ ลาบ น้ำตก และข้าวเหนียวของตัวเองออกมาจากถุง เห็นมีถุงอาหารถุงใหญ่วางไว้บนโต๊ะ อาชากำลังรื้อดู
“ลาบส้มตำของใครเนี่ย เหมือนของฉันเลย” ขวัญข้าวถาม
“ของพี่หอยค่ะ ซื้อให้พี่รุ้งทาน”
“ฝรั่งดอยไหนนะ กินของอีสานได้ขนาดนี้”
“ฝรั่งขี้จุ๊น่ะซี้” อาชาประชด
มะปรางไม่โต้ตอบ ออกจากห้องไป ทูนอินทร์และอินทรมาแอบดูที่หน้าห้อง ขณะที่อาชาคิดอะไรได้บางอย่าง
“เดี๋ยว เจ๊ รู้แล้วว่าจะจัดการกับนังฝรั่งมันยังไง”
อาชาเดินไปเปิดถุงอาหาร ชูถุงขึ้น ติดป้ายไว้ว่า “ของรุ้ง”
“นี่....ส้มตำปูปลาร้า...ของรุ้ง””
“แกจะทำอะไร” ขวัญข้าวสงสัย
“ทำให้มันทวารเปิดไงเจ๊”
“ขี้แตกใช่ไหม ฮ่ะ ฮ่ะ แกจะเพิ่มพริกกับปลาร้าดิบลงไปเหรอ”
“ใครบอก รสชาติเท่าเดิมนี่แหละ แต่นี่…ผงวิเศษ”
อาชาหยิบขวดเล็กออกมาจากกางเกง แล้วโรยลงในถุงส้มตำ
“อะไรน่ะ”
“ยาระบายอ่อนๆ แต่ถ้าใส่เยอะๆ ก็จะกลายเป็นยาระบายหนักๆ แถมถ้าโดนพริกเข้าไปเยอะๆด้วยนะ เขาเรียกยาระเบิดถ้ำ”
“ฮิฮิ ประเภทหูรูดไม่ทำงานเลยใช่ไหม ดีๆ นี่...ก็โรยมันทุกถุงเลยซี บ่อเกรอะมันจะได้แตกกันทุกคน”
“จัดห้าย”
ทั้งสองช่วยกันเปิดถุงโรยเมามัน
ทูนอินทร์และ อินทรมองอยู่ตะลึง
“เรียบร้อย ล้างมือก่อน” ขวัญข้าวบอก
“ขอให้แซ่บ ขอให้แซ่บ”
ทั้งสองหัวเราะแล้วแยกเข้าห้องน้ำไป ทูนอินทร์และอินทรเข้ามาในห้องทันที
“จัดการ”
ทูนอินทร์บอก ทั้งสองช่วยกันยกถุงอาหารที่ถูกโรยผง ไปวางแทนถุงของขวัญข้าว และยกของขวัญกลับมาวางที่มุมเดิมของรุ้งระวี จากนั้นก็รีบออกจากห้อง จังหวะที่อาชาออกมาพอดี
“เอ๊ะ อะไรแว้บๆ”
ขวัญข้าวตามออกมา
“มีไรเหรอ”
“เหมือนเห็นหลังผู้ชายแว้บๆ วิ่งออกไป”
“ทั้งปีละแก เห็นผู้ชายข้างหลังทุกครั้งละ มีอะไรกะหลังผู้ชายยะ”
อาชาค้อน ทำเอียงอาย

มุมหนึ่งของบริษัท จวงใจและจุ๊บแจง ฟังเรื่องที่เดชเล่า ทูนอินทร์และอินทรเดินออกมาพอดี จึงหลบมุมแอบฟัง
“แม่นังรุ้งงั้นเหรอ มันตามหาแม่มันอยู่” จวงใจพยายามเก็บข้อมูล
“ใช่....เจ๊ห้ามไปบอกใครนะ หรือถ้าบอก ก็ต้องไม่พาดพิงมาถึงผม”
“ไม่บอกอยู่แล้ว” จวงใจรีบสัญญา
“ผมกับพี่คม ต้องออกไปหาคนที่หน้าละม้ายๆน่ะ แล้วเอามาถ่ายรูปหลอกมันว่าคนนี้น่าจะเป็นแม่มัน มันถึงยอมกลับมา”
“อย่างนี้นี่เอง แจง ถ้าอย่างนั้นรูปที่บ้านนังรุ้ง ต้องเป็นรูปแม่มันแน่ๆเลย”
“รูปไหนพี่จวง”
“อ้าว จำไม่ได้เหรอ”
“ความจำแจงไม่ดี พี่ก็รู้”
จวงใจระอาใจ หยิบมือถือออกมา แล้วกดดูภาพถ่ายแม่รุ้งระวีที่หัวเตียง
“นี่รูปนี้ จำได้รึยัง”
“เบลอๆ”
“แกดูซิ แม่นังรุ้งใช่รูปนี้รึเปล่า”
“นี่ละ รูปนี้แหละ”เดชยืนยัน
“ได้เรื่อง ขอบใจนายเดช ไปได้แล้ว”
“ไม่ทิปอีกสักร้อยสองร้อย”
“อย่ามาหัวหมอ ไป”
เดชหัวเราะแหะๆก่อนจะแยกไป
“เอาไงดี” จุ๊บแจงถาม
“ไม่ยากแล้วละ มันมีจุดอ่อนเรื่องแม่มัน เราต้องเอามาใช้เป็นจุดแข็งของเราให้ได้”
“เยี่ยม แต่ไม่รู้เรื่องน่ะ จุดอ่อน จุดแข็ง จะทำไรเหรอพี่”
“แจง หัวสมองมีไว้คิดนะ ไม่ใช่ไว้ให้ผมขึ้น”
“หมอบอกว่าแจงกินผงชูรสเยอะ สมองเลยฝ่อ”
จวงใจถอนใจ
“งั้นไปกินต่อ ในส้มตำมีเยอะเลย”
จวงใจและจุ๊บแจง เดินเลี้ยวมาทางทูนอินทร์และอินทร เจอเข้ากับสองหนุ่ม จุ๊บแจงมองทูนอินทร์ตะลึงไปในความหล่อ
“อุ๊ย”
“พวกคุณมาพบใครคะ” จวงใจถาม
ทูนอินทร์ทำเสียงไม่ให้เหมือนตอนเป็นพี่เก้ง พี่กวาง
“ผมมาประชุมกับคุณ อิทธิน่ะครับ”
“ประชุมเรื่องอะไรเหรอคะ”
“พวกเราเป็นทีมงานผลิตรายการ นี่พี่ชายผม พี่ทูน เป็นผู้กำกับมิวสิค” อินทรแนะนำ
จวงใจยิ้มทันที
“เหรอคะ สวัสดีค่ะ แหม...ตอนแรกนึกว่าศิลปินคนใหม่”
“นั่นซีคะ ใครจะไปนึกว่าผู้กำกับจะหล่อขนาดนี้”
ทูนอินทร์ทำเขินอาย
“ขอบคุณครับ”
ขณะเดียวกัน รุ้งระวีเดินมากับมะปราง และจี่หอย ทางด้านหลังทูนอินทร์และอินทร
“หล่อทั้งพี่ ทั้งน้องเลยนะเนี่ย” จวงใจแซว
อินทรทำเขินอายเหมือนกัน
“ขอบคุณครับ”
รุ้งระวีมองมาทางทูนอินทร์อย่างคุ้นตา
“ไปรุ้ง กินข้าวเที่ยงก่อนแล้วค่อยอาบน้ำนะ” จี่หอยชวน
“ค่ะ”
ทูนอินทร์และอินทรสะดุ้ง ไม่กล้าหันไป ส่วนจวงใจและจุ๊บแจงมองมาที่รุ้งระวี แล้วเชิ่ดใส่ ทั้งสามคนเดินมาถึงทางแยก เลี้ยวไปอีกทาง
“แต่เอ เราเคยรู้จักกันที่ไหนมาก่อนไหม มันคุ้นๆนะ” จวงใจจ้องหน้าทั้งสองหนุ่ม
“ไม่นะครับป้า” ทูนอินทร์รีบบอก
จวงใจเจื่อนไปทันที
“ลาละครับป้า”
ทูนอินทร์และอินทรไหว้ลา แล้วแยกไป
“แจง พี่แก่จนเป็นป้าแล้วเหรอ” จวงใจหันขวับไปถามจุ๊บแจง
“พอได้ค่ะ”
จวงใจค้อนจุ๊บแจงที่ยังทำหน้าปลื้มทูนอินทร์

ที่ห้องอาหารกลุ่มรุ้งระวี กับกลุ่มจุ๊บแจงนั่งทานอาหารอีสานกันคนละมุม ทั้งสี่มองมาทางกลุ่มรุ้งระวีแล้วหัวเราะกัน
“มันหัวเราะอะไรเราน่ะ” จี่หอยสงสัย
“ไม่ทราบค่ะ” มะปรางตอบ
ขวัญข้าวแกล้งถามเสียงดัง
“น้องรุ้งคะ ไม่ทราบว่าเป็นฝรั่งที่มีแหล่งกำเนิดแถวไหนคะ ถึงได้ทานลาบส้มตำ ได้ราวกับคนพื้นที่ร้อยเอ็ดของแท้”
“ก็คงเกิดแถวนั้นมังคะ” รุ้งระวีพูดด้วยอย่างเบื่อๆที่ถูกหาเรื่อง
“อุ๊ย พูดเหมือนไม่รู้ถิ่นกำเนิด พวกไร้ราก” จวงใจกัด
“แหม...อย่าไปว่าน้องเขา น้องเขาก็ทานเผ็ดอ่อนๆเท่านั้นแหละ จะได้แกล้งให้ดูเป็นไทย”อาชาแกล้งพูด
“ฉันไม่ได้แกล้ง ฉันคือคนไทย เผ็ดกว่านี้ฉันก็ทานได้” รุ้งระวีโต้ทันที
ทั้งสี่หันมาทำเสียงล้อเลียนรุ้งระวี
“ไม่มีใครเขาเชื่อ ถ้าเธอไม่พิสูจน์” จุ๊บแจงรีบยุ
“นี่ กินของพวกแกไปเถอะ แล้วหยุดยุ่งกับพวกเราได้แล้ว” จี่หอยรำคาญ
“พิสูจน์ก็ได้”
รุ้งระวีโมโห เทพริกป่นลงในจานส้มตำจนแดงไปทั้งจาน
“พี่รุ้ง จะไหวเหรอคะ” มะปรางเป็นห่วง
“สบายอยู่แล้ว”
รุ้งระวีจิ้มส้มตำทานหน้าตาเฉย อาชากระซิบ
“ยิ่งเผ็ดยิ่งได้ผล”
“เก่งนี่” จุ๊บแจงแกล้งชม เพราะรู้เข้าใจว่าในจานส้มตำมียาระบาย
“ระวังนะ ทำเก่งกินเผ็ดแบบนี้ ท้องไส้มันจะปั่นป่วน และเกิดอาการที่เรียกว่า ท่อทวารแตก ฮ่ะฮ่ะ” อาชาพูดไปหัวเราะไป
ขวัญข้าว จวงใจ จุ๊บแจง หัวเราะพร้อมกัน
“ถ้ำทองระเบิด” ขวัญข้าวเสริม
ทั้งสี่หัวเราะดังกว่าเดิม แล้วทันใดเสียง ปู้ด ดังลั่น ทุกคนเงียบเสียง
“เสียงอะไรน่ะ เสียงอะไร” อาชาถาม
ทุกคนปิดจมูกทันที
“ต๊าย...มาพร้อมกลิ่น ใครตด” จี่หอยตกใจ
“ก็ต้องพวกแกนั่นแหละ ของมันออกฤทธิ์แล้วละซี้” อาชาสะใจ
“ทางฉันไม่มีใครตด กลิ่นมาจากพวกแกนั่นแหละ” จี่หอยโต้
“ไม่ใช่พวกฉันแน่นอน”
ขาดคำอาชา เสียงปู้ดอีกที อาชาสะดุ้ง กุมก้นตัวเอง
“นังม้า เสียงมันมาจากแกจริงๆนะ” ขวัญข้าวเบ้หน้า
“อ้าว ไม่ได้มาจากพวกมันหรอกเหรอ”
“เปล่า”
เสียงป้าดชัดเจนดังขึ้น อาชาสะดุ้งทั้งตัว
“โอ๊ย กินไม่ลงแล้ว นังม้า นังอุบาว์ท” จี่หอยวีน
“แกรีบไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนี้เลย” ขวัญข้าวไล่อาชา
“เดี๋ยว ต้องค่อยๆเดิน เดี๋ยวหลุดชิ้นส่วน”
ขวัญข้าวเข้าประคอง แล้วเสียงปู้ด ดังขึ้นอีก
“ตดออกมาอีกทำไม”
“ฉันเปล่านะ ฉันขมิบแล้ว”
“อ้าว”
ปู้ด! ขวัญข้าวตดออกมา แล้วร้องลั่น
“ว้าย ของฉันเหรอ”
“นังขวัญ ของแกแน่ๆ ลมเข้าหน้าฉันเลย อ้วก” จวงใจโวย
“เฮ้ย....งั้น ฉันเข้าห้องน้ำก่อน”
“ไม่ได้ฉันเข้าก่อน”
ทั้งสองแย่งกันเข้าห้องน้ำ หายเข้าไปทั้งคู่
“เหม็นมาก ทานไม่ลงแล้วค่ะ” มะปรางส่ายหน้า
“ไปเถอะ ให้พวกมันดมกลิ่นกันเอง”
จี่หอย รุ้งระวี มะปรางแยกไป
“ทำไมพวกมันไม่เป็นอะไรละคะ พี่จวง” จุ๊บแจงงง
“นั่นซี แล้วทำไมพวกเราขี้แตกเสียเองล่ะ”
“หรือว่า ที่พวกเรากิน”
ทั้งสองหันมามองอาหารบนโต๊ะ แล้วร้องกรี๊ดขึ้นพร้อมกัน
“เรากินยาถ่ายนังม้าเหรอ”
“ไม่จริงนะพี่”
ทันใดเสียงปู้ดดังขึ้น จุ๊บแจงกุมก้น
“อุ๊ย”
“ยายแจง อย่าบอกนะแกด้วย”
“มาเร็วมาแรงค่ะ หนูเข้าห้องน้ำก่อน”
“ตายแล้ว นี่มันอะไรกัน”
จวงใจสะดุ้งเฮือก หุบขา ขาสั่น
“อุ๊ย มาไม่ให้สุ้มให้เสียง แจง รอพี่ด้วย พี่ไม่ทันแล้ว ใครก็ได้ซื้อผ้าอ้อมเด็กให้หน่อย ว้าย มาอีกแล้ว”
จวงใจโผเผ วิ่งหนีบขาออกจากห้อง

รุ้งระวีเซ็งกับกลุ่มจุ๊บแจงที่หาเรื่องอยู่ตลอดเวลา จึงเดินออกมาสงบสติอารมณ์ที่มุมสวนหย่อมนอกบริษัท มือถือของรุ้งระวีดังขึ้น เธอกดรับเมื่อเห็นเบอร์แปลกๆ
“ฮัลโหล ใครคะ”
ทูนอินทร์ หลบอยู่ข้างรถที่ลานจอด ซึ่งมองเห็นรุ้งระวียืนอยู่ ขณะที่เมธและอินทรรออยู่ในรถแล้ว
“ผมเองนะ”
“นายเคน” รุ้งระวีจำเสียงได้
“ครับ....ลาบส้มตำอร่อยไหมครับ”
“เอ๊ะ รู้ได้ยังไงว่าฉันทานลาบส้มตำ”
“ผมมีตาทิพย์น่ะ เห็นคุณหมดเลยทั้งตัว”
รุ้งระวีมองไปรอบๆ
“เห็นอะไร อย่ามาทะลึ่งนะ”
“ดีแล้วละครับ ที่คุณทานลาบส้มตำที่ไม่ได้วางยาลงไปน่ะ”
“หา....ฉันโดนวางยาเหรอ”
“แม่นแล้วครับ ดีนะ ที่ผมมีคาถาวิเศษ ช่วยให้อาการท้องร่วงฉับพลันไปเกิดกับพวกนั้นแทน”
“นี่นายเคน บอกฉันมานะ นายอยู่ที่ไหน หลบอยู่ที่ออฟฟิซนี่ใช่ไหม”
“ไม่บอก อิอิ ผมไปละ”
“เดี๋ยว นายเคน”
ทูนอินทร์กระโดดขึ้นรถ
“แก นี่มันช่างแกล้งเขาจริงๆนะ”เมธขำๆ
อินทรขับรถออกทันที
รุ้งระวีมองไปรอบๆสวน จี่หอย มะปรางออกมาพอดี
“พี่หอย ปราง เห็นนายเคนไหม”
“เคนไหน นายแฟนคลับน่ะเหรอ มาที่นี่เหรอ” จี่หอยสงสัย
“ค่ะ อยู่ที่นี่แน่ๆ”
เสียงรถแล่น รุ้งระวีวิ่งไปที่ลานจอดรถ พยายามจะวิ่งตามรถแต่ไม่ทัน จี่หอยและมะปรางตามมา
“มีอะไรคะพี่” มะปรางงง
“นายเคนอยู่ที่นี่ น่าจะรถคันนั้นละ”
“หา....แล้วมาทำไม” จี่หอยตาโต
“ไม่ทราบค่ะ แต่เขามาช่วยเราอีกแล้ว”
“ช่วยอะไรเราคะ”
“ช่วยให้เราไม่โดนวางยาจากนังพวกนั้นน่ะซี ลาบส้มตำที่ทานกันเมื่อกี้น่ะ”
จี่หอย กับมะปรางร้องออกมาพร้อมกัน
“หา…วางยา”

ค่ำคืนนั้น...แสงหล้าเดินโซเซถือขวดเหล้า ผ่านร้านข้าวต้ม ที่เจ๊เล้ง และโส่ยผู้ช่วยกำลังเปิดร้าน ใกล้ๆกันบรรดาร้านก๋วยเตี๋ยวจัดร้านกันขมักเขม้น
“เมาอีกแล้ว นังแก่เอ๊ย” เจ๊เล้งเห็นแล้วส่ายหน้าอย่างระอา
“ทำไม ข้าเมา แล้วมันหนักกบาลเอ็งเหรอ อีซิ่ม” แสงหล้าโวยวาย
“พูดอย่างนี้เดี๋ยวสวย เดี๋ยวสวย”
“สวยซีวะ เมื่อก่อนข้าสวยจะตาย ทั้งสวยทั้งเสียงดี แขกในบาร์น่ะ ทิปข้าเป็นพัน”
“ทิปให้เต้นจ้ำบ๊ะเหรอ” โส่ยเยาะ
ทุกคนพากันหัวเราะขำๆ
“ให้ข้าร้องเพลงให้ฟังโว้ย เสียงข้าน่ะ เขาเรียกว่าเสียงนกคีรีบูน”
“ต่างจากนกแสกไหมวะ”
แม่ค้าแกล้งแซว
“นี่ ไปว่ามันไม่ได้นะ เคยได้ยินมันร้องในกองขยะน่ะ เฮ้ย มันร้องเพราะเหมือนนักร้องอาชีพเลยนะโว้ย”
“จริงอ๊ะ ถ้างั้น ลองให้ดูหน่อยเด๊ะ ถ้าเพราะจริง เดี๋ยวให้กินข้าวต้มฟรี” เจ๊เล้งยื่นข้อเสนอ
“ได้ เอาเหล้ามาแบนด้วยก็ดีๆ”
“ชักจะมากไปแล้ว” โส่ยเริ่มรำคาญ
“พวกเอ็งฟังนะ เพลงนี้ข้าร้องกล่อมลูกข้าให้นอน ลูกสาวข้า”
แสงหล้ายืนอยู่กลางกลุ่มแม่ค้า แล้วเริ่มร้องเพลง เสียงนั้นสั่นรัวเล็กน้อย แต่แล้วเมื่อร้องท่อนแรกเสียงที่วอร์มนั้น ก็กลายเป็นเสียงอันทรงพลัง และไพเราะ รวมทั้งการเอื้อน และเล่นลูกคอเนื้องเพลงที่พูดถึงลูกอันกินใจ ทำให้กลุ่มแม่ค้านิ่งฟังตะลึงกันไป แสงหล้าร้องท่อนแยก แล้วโหนเสียงได้ไพเราะ แต่แล้วท่อนต่อไป ก็เริ่มแหบแห้ง และไอโขลก จนร้องต่อไม่ได้
“อ้าว....ล่มเสียแล้ว”
แสงหล้าเซไปนั่งที่แผงตลาด ไอและหอบตัวโยน
“ไง จะให้ข้าวต้มมันกินไหม” แม่ค้าหันไปถามเจ๊เล๊ง
“เออ มันร้องเพราะว่ะ ให้ข้าวต้มมันชามนึง เอาบุญ”
แสงหล้าในเวลานั้น น้ำตาไหลพราก คิดถึงแต่ลูกสาว

สองวันต่อมา...บนเวทีคอนเสิร์ต ท่ามกลางแฟนเพลงมากมาย ขวัญข้าวออกมาร้องเพลง พร้อมกับหางเครื่องมากมาย เพลงลีลาเร้าใจ เธอเต้นอย่างเซ็กซี่ยั่วยวน
ขณะเดียวกันที่ห้องแต่งตัวด้านหลัง จวงใจ จุ๊บแจงและอาชากำลังแต่งหน้าแต่งตัวกันมุมหนึ่ง ส่วนรุ้งระวี จี่หอยและมะปราง ช่วยแต่งหน้าทำผมอยู่อีกมุม แยกห่างจากกัน ทั้งสามชำเลืองมองมาทางรุ้งระวีอย่างหมั่นไส้
“มันได้นั่งที่กระจกตัวใหญ่สุดเลยนะ” อาชาบ่น
“ที่ที่แจงเคยนั่ง คุณอิทธิจัดให้มัน” จุ๊บแจงไม่พอใจเช่นกัน
อิทธิเดินเข้ามาเพื่อดูความเรียบร้อย เดินตรงไปหารุ้งระวีทันที
“เป็นยังไงบ้างรุ้ง”
“ตื่นเต้นค่ะ”
“ออกคอนเสิร์ตครั้งแรกก็อย่างนี้แหละ ทำใจให้สบายนะ”
อิทธิจับไหล่รุ้งระวีบีบ แจงมองอย่างรังเกียจเต็มที
“งานนี้ ผมเรียกทีมงานเบื้องหลังมาถ่ายทำรุ้งด้วยนะ”
“เบื้องหลัง”
“ใช่....เป็นทีมที่จะผลิตมิวสิควิดีโอให้เราไงล่ะ เตรียมงานกันอยู่ข้างนอก”
“ค่ะ”
อิทธิกันไปมองรอบๆ
“ทุกคนฟังนะ งานนี้เป็นคอนเสิร์ทครั้งแรกของรุ้ง ช่วยกันหน่อยแล้ววันนี้มีถ่ายทอดสดด้วย ระวังอย่าให้ผิดคิว”
จุ๊บแจงกระแทก
“ค่ะ พวกเราไม่ผิดคิวอยู่แล้ว กลัวแต่คนไม่เจนเวทีนั่นแหละ จะพาเสียกันทั้งคณะ”
รุ้งระวีอึ้งไป ทุกคนเงียบ บรรยากาศอึดอัด
“แจง ดูแลตัวเองดีกว่าก่อนจะว่าคนอื่น เพราะคนที่ผิดคิวตลอด คือเธอ”
จุ๊บแจง กัดฟันด้วยความโกรธ จี่หอย มะปรางยิ้มสะใจ ขณะที่อิทธิเดินออกไป จวงใจประชดเสียงดัง
“แจงเอ๊ย.....แกต้องทำใจว่ะ นี่ขนาดมันยังไม่ได้เสียตัวเป็นเมียน้อย มันยังอภิสิทธิ์ได้ขนาดนี้”
“ไม่แน่หรอกค่ะพี่ มันอาจจะเสียตัวไปแล้วก็ได้ แต่มาทำลอยหน้าว่ายังบริสุทธิ์อยู่”
รุ้งระวีหันขวับมาทางกลุ่ม จะเอาเรื่อง
“ไม่ต้องรุ้ง วันนี้วันคอนเสิร์ตของเรา อย่าไปยุ่งกับมันให้เสียสมาธิ” จี่หอยเตือน
อาชาแกล้งแหย่ต่อ...
“เอ....หลอกทุกเรื่องเลยเนอะ ทั้งเรื่องไม่ใช่แหม่มแอลเอจริง ทั้งเรื่องเสียตัวแล้ว
แต่มาทำตาใส ว่ายังบริสุทธิ์ อย่างนี้เขาเรียกนังสะตอตัวแม่ เลยนะ”
“แหลระดับชาติ” จวงใจเสริม
จุ๊บแจง จวงใจ อาชา หัวเราะกันลั่น แล้วทันใดถาดโรลม้วนผมถูกเหวี่ยงมากลางวง โรลม้วนกระจาย ทั้งสามร้องกรีด
“นังฝรั่ง กล้าดียังไง มาโยนของใส่พวกฉัน” อาชาโวย
“ให้หุบปากไง ถ้าพวกแกยังว่ากระทบฉันอีก ฉันจะไม่ทนอีกแล้ว แล้วถ้าฉันลุกขึ้นสู้ หมาหมู่อย่างพวกแกจะหนาว”
“เก่ง กล้า นังชะนี เคยโดนก้ามปูตบไหม นี่...เห็นกล้ามไหม เป็นมัดๆ ผู้ชายยังหนีกระเจิงมาแล้ว” อาชายกกล้ามโชว์
รุ้งระวีจะเดินเข้าหาอาชา จี่หอยรั้งไว้ อาชาพร้อมสู้
“รุ้ง พอเถอะ”
“อย่าห้ามค่ะ สุดจะทนแล้ว”
รุ้งระวียิ้มหวานเดินเข้าหาอาชา แล้วมาลูบที่กล้ามแขน อาชาสะดุ้ง
“อย่ามาแตะกล้ามฉันนะ”
“ขอแตะหน่อยเถอะ แหม กล้ามใหญ่จัง เสียดายไม่น่าเป็นเก้ง กวางเลย หล่อออกอย่างนี้ ขอเป็นแฟนหน่อยได้ไหมตัวเอง”
“ยี้ ขยะแขยง อย่ามายุ่งกับฉันนะนังฝรั่งวิปริต”
รุ้งระวีโอบรอบคออาชา
“เก้งหล่อๆอย่างพี่อาชา ที่จริงยังไม่รู้ตัวเองหรอกว่าชอบเพศไหนกันแน่ บางทีพี่อาจจะรู้สึกสปาร์คกับสาวสวยอย่างรุ้งก็ได้”
อาชาผลักรุ้งระวีไปอย่างแรง
“แก แกดูถูก หยามเกียรติเก้งอย่างฉัน ขอตบหน่อยเถอะ”
อาชาเงื้อมือจะตบ รุ้งระวีชกสวนกลับไปทันทีเข้าเต็มหน้า อาชาหงายผลึ่งไปทางจวงใจและจุ๊บแจง ทั้งสองช่วยรับอาชาไว้
“นังแจง ทำไมห้องมันมืดๆ”
“พี่คงใกล้สิ้นสติ มันชกพี่”
อาชาคลำจมูก เลือดไหลออกมา
“กรี๊ดดดด...อาชาโดนชก อย่าอยู่เลยมึง”
อาชาทะยานจะเข้าชกรุ้งระวี พุ่งหมัดเข้าหา รุ้งระวีหลบทัน แล้วหมุนตัวเตะอาชากระเด็นไปโดนกล่องเครื่องสำอางล้มกระจาย จวงใจและจุ๊บแจงตะลึง
“รุ้ง เป็นวิชามวยด้วยเหรอ” จี่หอยถาม
“เคยฝึกมาค่ะ จำไว้นะ ถ้ารังแกฉันอีก จะโดนเหมือนนังตุ๊ดเตี้ยตัวนี้”
รุ้งระวีหันหลังจะออกจากห้อง จุ๊บแจงและจวงใจพยักหน้าให้กัน กระโดดเข้าสกรัมรุ้งระวี
“พี่รุ้งระวัง” มะปรางร้องเตือน
รุ้งระวีเซไปที่หน้ากระจก จวงจับรุ้งระวียึดแขนไพล่หลังไว้ แล้วกระชากหันมาทางจุ๊บแจง
“แจง ตบมัน”
จุ๊บแจงตบหน้ารุ้งระวีสองฉาดอย่างแรง เครื่องประดับกระเด็นกราวกับพื้น จี่หอยเข้ามาจิกผมจวงใจจนหน้าหงายจนต้องปล่อยแขนรุ้งระวี
“ขอตบหนังแก่หนังยานหน่อยเถอะ”
จี่หอยตบจวงใจกระเด็นไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ข้าวของกระจาย หอยตามไปจิกผมอีก
รุ้งระวีจับมือของจุ๊บแจงไว้ได้ แล้วตบด้วยหลังมือ จุ๊บแจงล้มไปที่พื้น
อาชาลุกขึ้นมาได้ เห็นจี่หอยกำลังสู้กับจวงใจ จึงเข้าล็อคคอ จี่หอยมองกล้ามแขนอาชา
“ต๊าย ชอบมาก กล้ามใหญ่ๆแบบนี้”
จี่หอยกัดที่กล้ามแขน อาชาร้องโหยหวน ทางด้านจวงใจเข้าไปช่วยจุ๊บแจงจิกผมรุ้งระวีจนหน้าหงาย
“วันนี้ฉันจะกระชากหนังหน้าแกออกมา “
มะปรางเข้ามาด้านหลัง แล้วเข้ายึดแขนจวงใจไว้
“จัดการเลยค่ะ พี่รุ้ง”
“ขอบใจมากปราง ฉันรอบทนี้มานานแล้ว นังแก่ ขอคืนแบบรวบยอดเลยนะ”
รุ้งระวีตบจวงใจหน้าหันซ้ายขวา จวงใจกรี๊ด จุ๊บแจงเข้าข้างหลังรุ้งระวีแล้วจิกผม ขณะเดียวกัน อิทธิวิ่งเข้ามาพร้อมทูนอินทร์ และอินทร
ทูนอินทร์ถือกล้องแบกบ่า กำลังถ่ายเข้ามาด้วย ทั้งทูนอินทร์และอินทรใส่หน้ากากกันเชื้อโรคบังหน้า มีคมและเดชตามเข้ามาด้วย
ภาพจากกล้องที่ทูนอินทร์ถืออยู่ รุ้งระวีกำลังถูกแจงจิกผมหน้าหงาย จวงใจหันไปตบหน้ามะปราง อาชากับจี่หอยปล้ำกันอยู่ที่พื้น เป็นที่ชุลมุน
“เฮ้ย...หยุด หยุด”
อิทธิ คม และเดชเข้ามาแยกทั้งสองกลุ่มจากกัน รุ้งระวียังดิ้น อยากจะเข้าไปตบจั๊บแจงและจวนใจอีกฉาด ทูนอินทร์กระโดดเข้าไปถ่ายหน้าของรุ้งระวี
“ปล่อยฉัน เอ๊ะ...แล้วมาถ่ายอะไรฉันตอนนี้”
รุ้งระวีกระชากกล้องจากมือของทูนอินทร์ แล้วชกโครมเข้าเต็มหน้า ทูนอินทร์กระเด็นไปนั่งแอ้งแม้งที่เก้าอี้ กล้องจะหลุดมือ อินทรรีบเข้ามาช่วยรับกล้องไว้ได้
“พอ พอ ทุกคนหยุด” อิทธิสั่ง
อิทธิ มองกวาดไปทั้งห้อง ข้าวของกระจายเกลื่อน ชุดของ จุ๊บแจง ฉีกขาด อาชาหน้าบวม
“กำลังจะออกเวทีแท้ๆ ยังจะทะเลาะกันอีก ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลยเหรอ หอย จวง ดูแลกันยังไง”
“ไม่ทราบค่ะ แต่ทางนั้นหาเรื่องเราก่อน ทางเราก็สุดจะทนแล้ว” จี่หอยมองจวงใจอย่างโมโห
“ไม่จริง ทางแกนั่นแหละหาเรื่องเราก่อน” จวงใจโต้
จุ๊บแจงร้องไห้โฮ วิ่งเข้ามากอด อิทธิ
“คุณอิท มันทำร้ายแจง มันตบแจง ฮือ”
อิทธิรำคาญ ดันร่างจุ๊บแจงถอยออก
“ว่าไงรุ้ง”
“ไม่ปฏิเสธว่าฉันชกพวกมันก่อน เริ่มจากนังตุ๊ดเตี้ยนั่น กวนประสาทดีนัก จากนั้นนังสองตัวนี่ก็เข้ารุมฉัน ฉันก็เลยต้องแสดงให้เห็นว่า อย่ามาเล่นกับคนที่เรียนแม่ไม้มวยไทยอย่าง....ฉัน”
ทูนอินทร์และอินทรมองหน้ากันอย่างทึ่ง อิทธิยิ้มพอใจ
“เอาละ จบเรื่องเท่านี้ แต่งตัวใหม่ คิวต่อไปคืออาชา กับแจง”
“คุณอิท จะให้เราออกไปร้องอีกเหรอครับ จมูกอาชาเบี้ยวแล้วเนี่ย” อาชาบ่น
“แจงออกไปร้องไม่ได้แล้วค่ะ หน้าบวมแบบนี้” จุ๊บแจงอ้อน
“ถ้าไม่ร้อง ก็กลับบ้านไป งานนี้ขวัญข้าว กับรุ้งร้องกันสองคนดีไหม”
“ไม่ดีครับ ร้องก็ร้อง หอย พารุ้งไปแต่งอีกห้อง”
“ค่ะ”
จี่หอยพารุ้งระวีออกไป อิทธิ มะปราง ทูนอินทร์และอินทรตาม ขณะที่คมและเดชหัวเราะขำๆ
“หน้าบวมไม่จืดเลยเจ๊จวง”
“อย่ามายุ่งนะ ไปไหนก็ไป”
คมและเดชออกจาก ขณะที่จวงใจ จุ๊บแจง อาชา มองหน้ากัน แล้วร้องไห้โฮออกมาพร้อมกัน

ขวัญข้าวทั้งร้องทั้งเต้นอย่างสนุกสนาน จังหวะที่ช่วงดนตรีบรรเลง เธอรีบเดินเข้ามากระซิบกับทีมงาน
“ต่ออีกสองเพลงเหรอ ทำไมล่ะ นังม้ากับนังแจงต้องออกมาแล้วนี่”
“มีปัญหานิดหน่อยพี่”
“เสียงจะไม่มีอยู่แล้วนะ”
ขวัญข้าวบ่น แล้วยิ้มแย้มออกไปหน้าเวที
“ขอขอบคุณแรงใจและพวงมาลัยจากพ่อแม่พี่น้องนะคะ ขวัญมีอีกสองเพลงที่จะมอบให้มิตรรักแฟนเพลงของขวัญ รับชมรับฟังค่ะ”

เพลงจังหวะสนุกสนานถูกบรรเลงต่อ ขวัญข้าวเต้นด้วยท่าทางสุดเซ็กซี่ เรียกเสียงเชียร์ดังลั่น

อ่านต่อหน้า 2





ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 5 (ต่อ) 

รุ้งระวีนั่งลงหน้ากระจก ภายในห้องแต่งตัวเล็ก จี่หอยและมะปรางช่วยซ่อมแซมหน้า และรอยช้ำ ขณะเดียวกันทูนอินทร์ยังคงถ่ายภาพเบื้องหลังรุ้งระวี โดยมีอินทรเป็นผู้ช่วย อิทธิมองๆอย่างเป็นห่วง

“ไหวไหมรุ้ง”
“ไหวซีคะ ได้เอาคืนเสียบ้าง สบายใจมาก”
“ค่ะ สะใจ อีพวกนักร้องสวะ ใจแคบ เห็นใครดังกว่าเป็นไม่ได้” จี่หอยสะใจเช่นกัน
“พี่หอย มีกล้องถ่ายอยู่นะคะ” มะปรางเตือน
“ว้าย อย่าเพิ่งถ่ายได้ไหมคะ”
จี่หอยรีบห้าม อิทธิโบกมือบอกว่าไม่เป็นไร
“ไม่เป็นไรถ่ายไปเถอะ...ไม่ยักรู้ว่ารุ้งเคยเรียนแม่ไม้มวยไทยมาก่อน”
“ค่ะ”
“ท่าทางจะหมัดหนักนะ ไง ผู้กำกับ โดนเข้าไปหนึ่งหมัด”
ทูนอินทร์ที่ยังใส่หน้ากากปิดครึ่งหน้าอยู่ พูดผ่านหน้ากาก
“ยืนยันครับว่าหมัดหนักจริงๆ จมูกผมบวมเลย”
รุ้งระวี มะปราง จี่หอย มองทั้งทูนอินทร์และอินทร อย่างคุ้นหน้าคุ้นเสียง
“เสียงคุ้นมากเลยนะพี่หอย”
“นั่นซี”
“ผู้กำกับอะไรคะ”
รุ้งระวีหันไปถาม อิทธิแนะนำ
“ผู้กำกับมิวสิคไง ที่จะมาร่วมงานกับเรา คุณทูนอินทร์ และนี่น้องชายเขา อินทร”
ทูนอินทร์ กับอินทรทักทายพร้อมกัน
“สวัสดีครับ”
“ไม่เปิดหน้าให้ดูหน่อยเหรอคะ เสียงคุ้นหูจัง” รุ้งระวีถาม
“อยากดูรอยช้ำ ที่ชกผมเมื่อกี้ใช่ไหมครับ ได้ครับ”
ทูนอินทร์และอินทรเปิดหน้าออกพร้อมกัน รุ้งระวี จี่หอย มะปราง ตะลึง
“นาย...นายเคน...นายธีรเดช”
ทูนอินทร์และอินทร รีบหลิ่วตาและส่ายหน้าให้ทั้งสาม
“อ้าว รู้จักกันเหรอ” อิทธิแปลกใจ
รุ้งระวีรีบเปลี่ยนท่าที
“ไม่รู้ค่ะ นึกว่าดาราพระเอกคนนั้น”
“ใช่....ตอนแรกนึกว่าเคน” จี่หอยบอกบ้าง
“หน้าตาละม้ายกันนะคะ” มะปรางรีบเสริม
อิทธิมองหน้าทูนอินทร์และอินทร
“เหมือนตรงไหน ดูยังไงก็ไม่เหมือน”
ฝ่ายเวทีชะโงกหน้าเข้ามาในห้อง
“นายครับ อีกยี่สิบนาทีนะครับ ขอรุ้งพร้อมนะครับ”
“ได้ เอ้า ทำความรู้จักกันไปก่อน ผมจะไปดูงานข้างนอก”
“เชิญครับ”ทูนอินทร์ยิ้มให้
อิทธิออกไป ทูนอินทร์ และอินทรยิ้มร่า รุ้งระวีสั่งทันที
“มะปราง ปิดประตู ล็อกเลย”
มะปรางล็อกประตู รุ้งระวีลุกขึ้น
“บอกความจริงมา นายเป็นใครกันแน่”
“อ๊ะ อ๊ะ อย่าชกผมอีกนะ คราวนี้ผมสู้นะ”
รุ้งระวีกระชากคอเสื้อทูนอินทร์
“นายเป็นใคร”
ทูนอินทร์แนะนำตัว
“ผม นายทูนอินทร์ อินสรวงครับ”
“ผม อินทร อินสรวง น้องพี่ทูนครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
รุ้งระวี จี่หอย มะปราง มองหน้ากันอย่างไม่อยากเชื่อนัก
“ไม่ใช่ว่าอีกสองวัน มาบอกพวกฉันว่านายมีชื่ออื่นอีกนะ” รุ้งระวีถาม
“อาชีพอื่นด้วย” มะปรางเสริม
“นี่ชื่อจริง เสียงจริง อาชีพจริงของผมครับ” ทูนอินทร์รีบบอก
“แล้วพวกพี่ เข้ามาทำงานกับคุณอิทธิได้ยังไง” มะปรางสงสัย
“นั่นซี เป็นผู้กำกับมิวสิคจริงรึเปล่า”
“จริงครับ วันที่คุณรุ้งนัดเจอนายอิทธิที่ร้านอาหาร นายอิทธิบังเอิญมาเจอพี่เมธ ก็เลยชวนมาทำมิวสิคให้คุณรุ้ง” อินทรเล่า
“จะเชื่อดีไหมเนี่ย”
“ไม่เชื่อ ก็ลองถามคุณอิทธิดูก็แล้วกัน”
“ถ้าทุกอย่างเป็นความจริง นายก็เป็นทั้งผู้กำกับมิวสิค เป็นทั้งนักร้องนักแต่งเพลงแถมยังอีกอาชีพ” รุ้งระวีจ้องหน้า
“ครับ”
“นักปลอมแปลงตัวเอง เป็นอาชีพโน้นอาชีพนี้”
“ใช่...เป็นทั้งภารโรงสนามบิน นักข่าวชายแท้” มะปรางพูดต่อ
“นักข่าวกะเทย” จี่หอยเสริม
“นายมีวัตถุประสงค์อะไร มาตามฉันแบบนี้” รุ้งระวีถามเสียงเข้ม
“บอกดีไหมวะ” ทูนอินทร์หันไปถามอินทร
“บอกไปเถอะพี่”
ทูนอินทร์มองรุ้งระวีด้วยอาการเขิน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่รุ้งระวีมองมาอย่างดุๆ
“ผมอยากได้คุณน่ะ”
“ว้าย!”
รุ้งระวี่ จี่หอย มะปรางร้องออกมาพร้อมกัน
“พี่..พูดให้จบความ” อินทรีบบอก
“เออ หมายถึง ผมอยากได้คุณ มาเป็นนักร้องในสังกัดผมน่ะนี่คุณ...ทีหลังอย่ามองจ้องผมแบบนั้นซี”
“ทำไม ฉันจ้องแล้วเป็นอะไร”
“ไม่รู้ คุณจ้องมากๆ ผมก็จะ...ขวย”
“อะไร ขวย”
“ขวยเขิน...ประหม่า...ใจเต้น แล้วก็....พูดจาลามกใส่คุณโดยไม่รู้ตัว”
“โรคจิตชัดๆเลย”
“นี่ มองหน้าฉันซิ” จี่หอยสั่ง
ทูนอินทร์มองหน้าจี่หอย
“อยากพูดจาลามกใส่ฉันบ้างไหม”
“ไม่เลยครับ ไม่มีอารมณ์เลย”
“แสดงว่าไม่ได้โรคจิตจริงน่ะรุ้ง เพราะเขาเป็นกับรุ้งคนเดียว”
รุ้งระวีมองทูนอินทร์อย่างไม่วางใจ ขณะที่เจ้าตัวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ส่วนอินทรหันไปยิ้มกับมะปราง ปรางเชิ่ดใส่ อินทรเลยเจื่อนไป

ขวัญข้าวเต้นจนเหนื่อยกระทั่งเพลงจบลง จึงประกาศต่อ
“และลำดับต่อไป เชิญพบหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆค่ะ น้องม้าอาชา อาชาไนย”
อาชาออกมาในชุดใหม่ หน้ามีพลาสเตอร์บางใสแปะไว้ แต่ยังบวมช้ำ คนดูปรบมือ
“ไงคะน้องม้า หน้าไปโดนอะไรมา” ขวัญเข้าแปลกใจ
“แฟนคลับจูบนะครับ”
“จูบหรือกระทืบคะ รอยเท้าไม่ใช่เหรอ”
“โธ่ พี่ขวัญครับ นี่ปากคนเหรอ วันหลังไปทำบุญปล่อยของดำออกจากตัวบ้างนะ”
“ปล่อยอะไรดีล่ะ”
“ทั้งตัวเลยไง มีตรงไหนขาวบ้างล่ะ เหงือกยังดำเลย เอาละ ออกมาร้องพอแล้ว กลับเข้าคอกไปเถอะ”
“มันไล่แล้ว ไปก็ได้... ขอเชิญรับชมรับฟัง อาชา อาชาไนยค่ะ”
ขวัญข้าวกลับไป เพลงขึ้น อาชาเต้นเข้าจังหวะ สาวๆกรี๊ด วิ่งกรูมาให้พวงมาลัย อาชาไหว้รับพวง แล้วร้องต่อ มีจังหวะเต้นท่าเซ็กซี่ สาวๆพากันกรี๊ดดด
เมื่อเพลงจบ อาชาถอดพวงมาลัยเต็มคอ ส่งให้ทีมงาน แล้วแดนซ์กระจายกับหนุ่มหางเครื่อง ได้จังหวะถอดเสื้อตัวนอกออกพร้อมกัน เหลือเสื้อกล้าม สาวกรี๊ดถล่ม อาชามีท่าเบ่งกล้ามโชว์เข้ากับเพลง เพลงจบท่อน อาชาโค้งคำนับคนดู
“รักนะ อาชารักทุกคนเลย”
คนดูกรี๊ดดด
“อาชามีน้องสาวสวยอีกคน ที่เขาอยากมาบอกความลับให้แฟนๆเพลง เชิญพบกับ จุ๊บแจง แตงร่มใบครับ”
จุ๊บแจงออกมาร้องเพลง อาชากลับเข้าหลังเวที

ภาพจากกล้องของทูนอินทร์ เห็นอาชาเข้ามา มองเห็นรุ้งระวี แล้วเชิดใส่
“โอ๊ย....เบื่อ เห็นหน้าอีพวกตัวซวยแล้ว อยากจะอ้วก อ้าว เด็กๆหายไปไหนหมด ช่วยถอดชุดให้หน่อยเซ่ ต้องให้ฉันถอดเองเหรอ”
อาชากลับไปที่ห้องแต่งตัว ทีมงานวิ่งตามไป รุ้งระวีหันไปบอกทูนอินทร์
“คุณ เลิกถ่ายเถอะ เก็บภาพพอแล้วไม่ใช่เหรอ”
ทูนอินทร์เลิกถ่าย
“ครับ”
“มะปราง เข้าไปดูข้างในกันก่อน เดี๋ยวอีพวกป่วนมันทำยุ่งอีก” จี่หอยสั่งมะปราง
“ค่ะ”
“ฝากรุ้งด้วยนะคุณทูน”
“ครับ”
จี่หอยและมะปรางแยกไป ทูนอินทร์มองรุ้งระวีที่มือสั่นเล็กน้อย
“กลัวเหรอ”
“นิดหน่อย ไม่เคยขึ้นร้องที่มีคนเยอะขนาดนี้ อีกอย่าง วันนี้มีถ่ายทอดสดด้วย ไม่รู้จะพลาดบนเวทีรึเปล่า”
“มานี่ซีครับ”
ทูนอินทร์จับมือรุ้งระวีให้ลุกขึ้น แล้วพามาที่หลืบเวที จุ๊บแจงกำลังร้องและเต้น คนดูสนุกสนานไปตามจังหวะเพลง
“จำได้ไหม วันที่เราเจอกันวันแรก”
“นักร้องลงตุ่ม”
“นั่นละครับ ที่ผมลงไปร้องเพลงในตุ่ม เพราะผมกลัวน่ะ”
“กลัวอะไรคะ”
“กลัว....เอ้อ...ถูกกัดขาด”
“กัดอะไรขาด”
“ไม่มีอะไรครับ อย่าไปสนเลย เอาเป็นว่าผมกลัวที่จะออกมาร้องเพลงต่อหน้าผู้คน แต่แล้ววันนั้นคุณ ก็ช่วยให้ผมออกมาร้องกลางตลาดจนได้ คุณทำให้ผมกล้า”
“เพราะอะไร”
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ตอนแรกที่ผมร้องน่ะ ผมไม่คิดอะไรเลย ไม่มอง อะไรทั้งนั้น ผมคิดแต่เพลงกับ....”
“คะ”
“คุณ...ผมรู้ว่าผมร้องเพลงนั้น เพื่อให้คุณฟังคนเดียว เห็นแต่คุณที่มาเต้นเป็นกำลังใจอยู่ตรงหน้าผม”
“มันช่วยให้คุณหายกลัวเหรอคะ”
“ครับ....คราวนี้ ถ้าคุณกลัว ก็ลองทำอย่างที่ผมแนะนำ”
“ให้นึกเพลง และหน้าคุณ”
“ครับ นึกถึงหน้าหล่อๆของผม อิอิ พูดเล่นน่ะ นึกถึงใครก็ได้ที่คุณอยากร้องเพลงนั้นให้ อาการกลัวของเรา มันจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง”
“ขอบคุณค่ะที่แนะนำ”
ทีมงานเดินเข้ามา...
“คุณรุ้งครับ พร้อมแล้วนะครับ”
“ค่ะ”
ทูนอินทร์ยิ้มอบอุ่นให้รุ้งระวี
“โชคดีครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
รุ้งระวีก้าวออกไป โดยมีกลุ่มหางเครื่องกางปีกบังคนดูไว้ ทูนอินทร์มองตามอย่างให้กำลังใจ


จุ๊บแจงร้องจบเพลง คนดูปรบมือ กลุ่มหางเครื่องกางปีกเพื่อให้รุ้งระวีเดินออกมากลางเวที โดยที่คนดูมองไม่เห็น จุ๊บแจง เหลือบไปมองรุ้งระวีทางด้านหลัง

“ขอบคุณค่ะและสำหรับบทเพลงต่อไป เรามาฟังฝรั่งร้องเพลงไทยกันหน่อยนะคะ ดูว่าจะเพี้ยน หรือไม่เพี้ยน”
รุ้งระวีที่ยืนอยู่หลังกลุ่มหางเครื่อง นิ่งงัน บอกตัวเองว่า
‘ไม่คิด ไม่คิดอะไรทั้งนั้น คิดถึงแต่เพลง เพลงที่จะร้อง’
ด้านหลังเวที จี่หอยมองอย่างไม่สบายใจ
“นี่มันไม่ใช่ตามสคริปต์นี่คุณ อิทธิ”
อิทธิหน้าเครียด
บนเวที...จุ๊บแจงยิ้มละมัย
“จุ๊บแจง พูดเล่นน่ะค่ะ นักร้องคนนี้เขาร้องไม่เพี้ยนหรอกค่ะ แต่อย่างอื่นเขาจะเพี้ยนรึเปล่าไม่รู้”
กลุ่มจวงใจที่ดูอยู่สะใจ ขณะที่อิทธิไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าพูดมากกว่านี้อีก ไปลากตัวมันเข้ามาเลย”
“ขึ้นเพลงเลยดีกว่าครับคุณอิท” ทูนอินทร์แนะนำ
อิทธิสั่งทีมงาน
“เพลงขึ้นเลย”
ทีมงานสั่งการทางวิทยุทันที
บนเวที...จุ๊บแจงจะพูดต่อ แต่เพลงขึ้นกลบเสียง เธอจึงสะบัดจะกลับเข้าเวที แต่แล้วตัดสินใจ
ผลุบไปด้านหลังกลุ่มหางเครื่อง ที่ยังบังรุ้งระวีอยู่
“ขอให้โชคดีนะ นังสารเลว”
จุ๊บแจงชกเข้าที่ท้องรุ้งระวีเข้าเต็มแรง รุ้งระวีตัวงอ จุ๊บแจงเหยียบลงไปบนเท้าของเธออีกครั้ง
รุ้งระวีทรุดลงไปนั่งกับพื้น จุ๊บแจงสะใจ
“ร้องให้เพราะนะ เพลงที่แกขโมยฉันไปน่ะ”
จุ๊บแจงเดินเข้าไปด้านหลังหน้าระรื่น อิทธิมองอย่างแค้นๆ แล้วอย่างที่ไม่มีใครคาด อิทธิตบหน้า จุ๊บแจงอย่างแรงจนเซไป จวงใจรีบเข้าไปประคอง
“ไป๊ ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า”
จุ๊บแจงร้องไห้โฮวิ่งหนีไป จวงใจรีบตาม อาชา ขวัญข้าวหน้าซีด ขณะที่ทูนอินทร์หันไปมองรุ้งระวีอย่างเป็นห่วง ถ่ายรุ้งระวีต่อ ภาพในกล้อง รุ้งระวียังก้มนิ่ง
กลุ่มหางเครื่องลังเลยังไม่กล้าเปิดตัวรุ้งระวี เพราะเธอยังนั่งคุกเข่าอยู่เพราะความเจ็บ รุ้งระวีน้ำตาร่วงเผาะ
“เรียกรุ้งกลับมาเลยดีกว่า งดการแสดงไปเลย” อิทธิสั่ง
“อย่าเพิ่งครับ”
ทูนอินทร์รีบบอกเมื่อเห็นรุ้งระวีค่อยๆยืนขึ้น เช็ดน้ำตา กลุ่มหางเครื่องพยักหน้ากัน แหวกเปิดร่างรุ้งระวี ที่ยืนโดดเด่นอยู่กลางเวที คนดูปรบมือ
รุ้งระวีก้าวออกมาเบื้องหน้า เท้ากะเผลกเล็กน้อย แต่เธอก็เริ่มร้องเพลง “ฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ”หางเครื่องเต้นอย่างเมามัน รุ้งระวีขยับร่าง เต้นตามไม่ได้ แต่พยายามร้องให้สนุกที่สุด
อิทธิ ทูนอินทร์ โล่งอก
“รุ้งมันทำได้ค่ะ รุ้งมันทำได้” จี่หอยร้องบอกอย่างดีใจ
“พี่รุ้งเท้าเจ็บนะคะ” มะปรางสังเกต
“แต่ร้องสนุกขนาดนี้ไม่เป็นไรแล้วละ”
จี่หอยมองไปทางอาชา กับขวัญข้าวที่มองอย่างหมั่นไส้เต็มทีด้วยความสะใจ
ทูนอินทร์มองรุ้งระวีอย่างทึ่งในความสามารถ เธอเป็นดาวจรัสแสงอยู่กลางเวที คนดูสนุกสนาน

ที่ตลาดโคราช...ร้านข้าวต้มเจ๊เล้ง กำลังขายดี เช่นเดียวกับร้านก๋วยเตี๋ยวข้างๆ ทีวีเปิดช่องถ่ายทอดสด คอนเสิร์ตของบริษัทอิทธิ เสียงร้องเพลงของรุ้งระวีดังไปทั่วตลาด
แสงหล้าที่นอนกอดขวดเหล้าอยู่มุมทิ้งขยะ ค่อยๆขยับร่างขึ้นมาฟัง
“รุ้ง รุ้งลูกแม่”
แสงหล้าโผเผเดินไปที่ร้าน ตรงไปที่ทีวี จ้องเขม็งไปที่รุ้งระวี
โส่ยกำลังเสิร์ฟข้าวต้มชนโครมเข้ากับแสงหล้า ชามข้าวต้มตกพื้น
“ปัทโธ่ อีนี่ มายืนเกะกะ”
“ไล่มันไปเลย”
เจ๊เล้งสั่ง โส่ยผลักร่างแสงหล้าเซไป
“ให้ข้าดูลูกสาวข้าก่อน ไหว้ละ”
“ยังเพ้อไม่เลิกนะ นังแก่ เปลี่ยนช่องเลยไหมเจ๊”
“นี่ นี่ เงิน ข้าสั่งข้าวต้มของเอ็งกินก็ได้ ยี่สิบบาทนะ เอามาชามนึงแล้วขอข้าดูช่องนี้แหละ”
“เอาไงเจ๊”
เจ๊เล๊งมองค้น
“แหม....มีเงินกะเขาด้วยนะ เอ้า มันมีเงินจ่ายก็จะให้มันกินไป”
“ขอบใจจ๊ะ”
แสงยกมือไหว้ท่วมหัว จ้องดูรุ้งระวีทั้งเต้นทั้งร้อง แล้วยิ้มออกมา
“ลูกแม่เก่งเหลือเกิน”

รุ้งระวีร้องเพลง พยายามเต้นท่าง่ายๆ ไม่ต้องขยับเท้ามาก ทูนอินทร์ถ่ายเบื้องหลังอยู่หน้าเวที อินทรคอยเป็นผู้ช่วย
“คนชอบกันใหญ่เลยพี่” อินทรมองอย่างชื่นชม
“ฉันว่ารุ้งดังแน่ เฮ้อ....เสียดาย”
“เสียดายอะไรครับ”
“ยิ่งรุ้งดัง ความฝันของฉันก็หมดกัน รุ้งคงมาร้องเพลงให้ฉันอีกไม่ได้แล้ว”
ทูนอินทร์ถอนใจกับตัวเอง รุ้งระวีร้องจนจบเพลง โพสต์ท่าสวยงาม คนดูปรบมือเกรียวกราว จี่หอยและมะปรางที่อยู่ด้านข้างเวที กอดกันอย่างดีใจ
“รุ้งทำสำเร็จแล้ว คนดูปรบมือกันใหญ่เลย”
“พี่รุ้งเก่งมากๆเลยค่ะ”
อิทธิมองไปที่รุ้งระวี แล้วยิ้มปลื้ม

อีกด้านหนึ่งกลุ่มจุ๊บแจงโผล่หน้ามาดู มองรุ้งระวีอย่างริษยา รุ้งระวีออกไปรับพวงมาลัยที่แฟนเพลงมาคล้องให้ จนเธอต้องนั่งพับเพียบหน้าเวที
“เกลียดมัน เกลียดคนดูด้วย ทำไมคนปรบมือให้มันขนาดนี้” จุ๊บแจงหงุดหงิด
“ให้พวงมาลัยมากกว่าพวกเราอีก” ขวัญข้าวเสริม
“อยากไปถีบมันให้ตกเวทีให้รู้แล้วรู้รอด”
“อย่านะอีม้า นังแจงโดนตบหน้าบวมไปแล้ว แกถีบมันคุณอิทธิ เขาฆ่าแกแน่”
จวงใจมองอย่างอาฆาต รุ้งระวีที่ลุกขึ้น ทีมงานเข้าไปช่วยรับพวงมาลัย
“ขอบคุณแฟนเพลงทุกคน ขอบคุณที่ต้อนรับรุ้งระวีอย่างอบอุ่น ในคอนเสิร์ตครั้งแรกของรุ้งคืนนี้”
รุ้งระวีกวาดตามองไปทั่วๆ
“ก่อนที่รุ้งจะร้องเพลงต่อไป รุ้งขอร้องเพลงนี้ ให้กับคนที่รุ้งรักมากที่สุด แต่เราไม่มีโอกาสจะได้อยู่ด้วยกัน”

แสงหล้านิ่งงัน จ้องไปที่จอทีวี ขณะที่โส่ยเอาข้าวต้มมาเสิร์ฟ รุ้งระวีในทีวีมองมา ราวกับสบตาอยู่กับแสงหล้า
“รุ้งร้องเพลงนี้ ตอนยังเด็กเหลือเกิน เขาร้องกล่อมให้หนูนอน ทุกครั้งที่ร้อง รุ้งจะนอนหลับฝันดีทุกครั้ง...แม่คะ นี่คือเพลงที่แม่ร้องกล่อมหนูไงคะ”
แสงหล้าน้ำตาไหลพราก
“รุ้ง”
รุ้งระวีเริ่มร้องเพลง โดยไม่มีเสียงดนตรีใดๆ
“ลูกแม่....ยังจำเพลงของแม่ได้”
รุ้งระวีร้องเพลงด้วยอารมณ์ล้วนๆ ทั้งการเอื้อน และลูกคอ เหมือนที่แม่สอนทุกอย่าง เจ๊เล้ง โส่ย และแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวต่างหยุดกิจกรรม มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“เจ๊ ที่เพลงที่ยายแก่มันร้องวันนั้นนี่”
“เออ ว่ะ”
ทั้งหมดฟังรุ้งระวีร้องจากทีวี เมื่อเธอร้องถึงท่อนแยก แสงหล้าร้องตาม ด้วยน้ำตาที่ไหลพราก ทุกคนฟังตะลึง แสงคล้าร้องคลอไปกับลูกอย่างไพเราะ แต่แล้วรุ้งระวีในจอทีวีก็หยุดร้อง แสงหล้าหยุดตาม
รุ้งระวีร้องไม่ออกเพราะก้อนสะอื้น นิ่งงันไป เช่นเดียวกับคนดู ทูนอินทร์เป็นคนนำปรบมือ อินทรปรบตาม แล้วคนดูทั้งหมู่ก็ปรบมือพร้อมกัน
รุ้งระวีมองหน้าทูนอินทร์ ที่อยู่ด้านล่าง เขาพยักหน้าให้ว่าเธอทำได้ดีมาก เธอยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
จบตอนที่ 5
อ่านต่อ ตอนที่ 6 





ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 5 (ต่อ)

รุ้งระวียิ้มแล้วไหว้คนดู หลังจากเสียงปรบมือซาลง

“ขอบคุณค่ะ ไม่ว่าแม่จะอยู่ที่ไหน รุ้งคิดถึงแม่ทุกวันคืน แม่ขารุ้งเป็นนักร้องอย่างที่ แม่อยากให้รุ้งเป็นแล้ว รุ้งจะทำให้แม่ภูมิใจในตัวรุ้งที่สุด”
แสงหล้ามองโทรทัศน์แล้วสะอื้น
“แม่รู้ลูก แม่รู้แล้ว”
ในจอทีวี เพลง“ผู้บ่าวข้าวจี่”ขึ้น รุ้งระวีเริ่มเต้นเท่าที่พอเต้นได้ แสงหล้าเช็ดน้ำตา แล้วยิ้มออกมา
โส่ยมองอย่างสงสัย
“เจ๊ หรือว่ามันเป็นแม่นังนักร้องนี่จริงๆ มันร้องเพลงเดียวกันเลยนะ”
“อุ๊ย...เพลงกล่องเด็กแบบนี้ใครๆ ก็ร้องได้ทั้งนั้น เปลี่ยนช่องเถอะมันจะได้เลิกดู แล้วไล่มันไปซะ”
โส่ยเดินมาหาแสงหล้า ที่ยังไม่ได้แตะต้องข้าวต้ม โส่ยกดรีโมทเปลี่ยนช่องเป็นละครทันที
“เฮ่ย ข้ากำลังดูลูกสาวข้าอยู่”
“แต่ข้าไม่อยากดูนังฝรั่งลูกสาวเอ็ง ข้าจะดูละครโว้ย”
“ข้าซื้อข้าวต้มเอ็งกินแล้วนะ เอ็งต้องเปิดให้ข้าดูซีวะ เอารีโมทมา”
แสงหล้าแย่งรีโมท โส่ยกระโดดหลบ แล้วคว้าชามข้าวต้มที่ยังไม่ได้กิน โปะลงบนหัว แสงหล้าชะงักไป เจ๊เล้ง แม่ค้าอื่น และลูกค้าที่นั่งกินอยู่หัวเราะ
“ไป...ออกไปจากร้านข้าได้แล้ว เอ๊ะ ยังไม่ไปอีก...งั้นต้องอย่างนี้”
เจ๊เล้งยกถังน้ำสาดโครม เข้าเต็มร่างแสงหล้าที่ล้มไปกับพื้น เงยหน้าขึ้นมองทุกคนที่ยังหัวเราะไม่เลิก
“ถือว่าช่วยเอ็งล้างคราบสกปรกไงวะ นังโส่ย ลากมันออกไป”
โส่ยเข้าจิกผม แสงหล้ากรีดร้อง โส่ยเหวี่ยงร่างของแสงหล้า ลงไปนอนจมกับฟุตปาธข้างถนนแสงค่อยๆโงนเงนลุกขึ้น ท่ามกลางเสียงหัวเราะนั้น แสงหล้าร้องเพลงกล่อมลูกออกมาอีกครั้งปนเสียงสะอื้น แต่เสียงแหบแห้งอยู่ในลำคอ ค่อยๆเดินจากกลุ่มคนใจร้ายทั้งกลุ่มออกไป
“ว่า...ขวัญเอย ขวัญมา อย่าร้องไห้ งอแงผีบ้านผีเรือนปกปักดูแล ลูกแม่หลับให้สบายแม่จิเอาเดือนตากได้ เอาร่มไม้ตามชายคา แม่ธรณี พระแม่คงคา โหบกอดวิญญาเจ้ามาจนใหญ่”
แสงหล้า เดินร้องปนสะอื้นหายไปในความมืด

รุ้งระวีร้อง“ผู้บ่าวข้าวจี่”จนจบเพลง โพสต์ท่าพร้อมหางเครื่อง จบเพลงอย่างงดงาม คนดูปรบมือเกรียว อินทรถ่ายภาพต่อเนื่อง ทูนอินทร์มองคนดูโดยรอบ เห็นว่าชื่นชมรุ้งระวีกันถ้วนหน้า ขณะที่เธอกลับเข้าหลังเวที

รุ้งระวีกลับเข้ามาด้วยอาการเท้ากะเผลก อิทธิเข้ามาประคอง พร้อมจี่หอยและมะปราง พามานั่งแล้วพากันดูที่เท้า
“รุ้ง รุ้งคือดาราของประชาชนแล้วนะ” อิทธิบอกสีหน้ายิ้มแย้ม
“เหรอคะคุณอิท” รุ้งระวีตื่นเต้น
“คนรักรุ้งกันทั้งคอนเสิร์ตเลย”
“ตายแล้ว รุ้ง มันเหยียบจนเป็นแผลเลยเนี่ย” จี่หอยโวยวาย
“ไปทำแผลก่อนเถอะค่ะ“ มะปรางบอก
อิทธิช่วยประคองรุ้งระวี ทูนอินทร์เข้ามาพอดี เห็นรุ้งระวีกอดอิทธิไว้แน่น ขณะที่อิทธิโอบร่างเธอไว้ จนเธอซบกับไหล่ของเขา ทูนอินทร์หลบเข้ามุม เมื่ออิทธิประคองรุ้งระวีผ่านไปที่ทางออก อินทรเข้ามาหา
“พี่ทูน จะให้ถ่ายเบื้องหลังรุ้งต่อไหม”
“รอถ่ายตอนนักข่าวสัมภาษณ์ดีกว่า ตอนนี้คงเป็นเวลาส่วนตัวของเขา”
ทูนอินทร์เจื่อนๆไป

ในห้องแต่งตัว รุ้งระวีให้สัมภาษณ์นักข่าวที่เข้ามาเต็มห้อง ทูนอินทร์แบกกล้องถ่ายเก็บภาพเบื้องหลังเอง โดยอินทรช่วยอยู่ข้างๆ
“ที่ร้องเพลงกล่อมเด็ก เพราะคิดถึงแม่ใช่ไหมคะ” นักข่าวสัมภาษณ์
“ใช่ค่ะ จำได้ว่าแม่เคยร้องเพลงกล่อมรุ้งนอนตั้งแต่เด็กๆ”
“เอ แต่ที่รุ้งให้สัมภาษณ์ว่าจากเมืองไทย ไปตั้งแต่ห้าขวบ ยังจำเพลงของแม่ได้หรือคะ”
รุ้งระวีอึกอักไปเล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจตอบ
“จำได้ค่ะ ไม่เคยลืมเลย”
“ตกลงคุณแม่ยังมีชีวิตอยู่รึเปล่าคะ”
รุ้งระวีเหลือบมองไปทางอิทธิ เขาพยักหน้าให้พูดได้
“เท่าที่รุ้งทราบ แม่ไม่เคยติดต่อรุ้งอีกเลย รุ้งเข้าใจว่าท่านคงจากไปแล้ว แต่ตอนนี้รุ้งไม่แน่ใจแล้วค่ะ ท่านอาจยังอยู่ก็ได้ ถ้าท่านยังอยู่ รุ้งจะตามหาท่านให้เจอ พี่ๆนักข่าวช่วยรุ้งด้วยนะคะ”
รุ้งระวีไหว้ นักข่าวพึมพำกันด้วยความสงสาร
“ขอสัมภาษณ์ทั้งกลุ่มเลยครับ”
นักข่าวเชิญกลุ่มขวัญเข้ามารวมกับรุ้งระวี ทุกคนจ้องมาที่รุ้งระวีด้วยอาการไม่เป็นมิตร แต่เมื่อหันมามองทางนักข่าว ทุกคนยิ้มแย้ม ขวัญข้าวกับจุ๊บแจงเข้ามากอดรุ้งระวี
“พี่ขวัญดีใจกับน้องรุ้งจริงๆนะคะ เราดังแล้วนะลูก” ขวัญข้าวแสดงความเป็นมิตรเต็มที่
“เป็นกำลังใจให้เรื่องคุณแม่นะคะรุ้ง” จุ๊บแจงรีบเอาใจ
“เมื่อกี้เหมือนมีอะไรกันบนเวทีรึเปล่าคะ เห็นน้องรุ้งทรุดลงไปนั่งที่พื้น ตอนที่น้องแจงเข้าไปหา”
นักข่าวถาม จุ๊บแจงยิ้มประหารใส่รุ้งระวี
“อ๋อ รุ้งบอกพี่แจงว่ามันปวดมวนในท้องนิดหน่อย พี่แจงบอกว่าคงเครียด ให้ลงนั่งสักพักเดี๋ยวจะหาย” รุ้งระวีตอบอย่างไม่อยากจะตกเป็นข่าว
“แล้วหายไหมคะ”
“หายค่ะ หายเป็นปลิดทิ้งเลย”
นักข่าวหัวเราะออกมา อาชารีบเสริม
“ลองจำไปใช้บ้างนะครับ พวกเราใช้กันประจำ พอปวดท้องก็ลงนั่งยองๆ สักพักลมเดินสะดวก”
“เอ๊ะ อันนั้นแกทำในห้องส้วมไม่ใช่เหรอ เสียงดังปู้ดๆ”ขวัญข้าวกัด
ทุกคนหัวเราะเฮ จุ๊บแจงและรุ้งระวีมองหน้ากัน สายตาเชือดเฉือน

ทูนอินทร์กำลังเก็บข้าวของใส่รถเตรียมตัวกลับ หลังจากงานคอนเสิร์ตเลิกแล้ว ผู้คนกำลังทยอยออกจากงาน รุ้งระวีมีผ้าพันแผลที่เท้าเดินมาเบื้องหลัง
“คุณทูน”
ทูนอินทร์หันมา
“เป็นยังไงบ้างครับ ยังไม่กลับอีกเหรอ”
“กำลังจะกลับแล้วค่ะ แต่ยังกลับไม่ได้ ถ้าไม่ได้ขอบคุณคุณก่อน”
“ขอบคุณผมเรื่อง”
“ที่แนะนำวิธีเอาชนะความกลัวได้น่ะซีคะ ที่คุณให้ฉันนึกถึงหน้าคนที่เราจะร้องเพลงให้ รู้ไหมฉันนึกถึงใคร”
“ผม”
รุ้งระวีหัวเราะ
“หมายถึงเพลงกล่อมเด็กน่ะค่ะ”
“ถึงแม่เหรอครับ”
“ค่ะ แค่คิดถึงแม่เท่านั้นแหละ ฉันก็ร้องออกมาได้เหมือนไม่ได้อยู่ในคอนเสิร์ตเลย”
“งั้นซี ได้อารมณ์ดีเหลือเกิน บางคนที่ได้ฟังร้องไห้ตามไปด้วยเลยนะ”
“เหรอคะ”
“เอ....แล้วเพลงฝากจิ้มแจ่ว กับผู้บ่าวข้าวจี่ ละครับ คุณนึกถึงใคร”
“เพลงแรกนึกถึงพี่น้องที่แอลเอค่ะ ส่วนเพลงที่สอง ทายซีคะว่านึกถึงใคร”
“ก็ต้องผมอยู่แล้ว”
“อย่าเข้าข้างตัวเองนักซีคะ”
“แล้วนึกถึงใครละครับ”
“ฉันนึกถึงนายนักข่าวแต๋ว นายนักร้องลงตุ่ม นายภารโรงที่สนามบิน”
“อ้าว แล้วนายทูนอินทร์ ผู้กำกับมิวสิคคนนี้ล่ะ”
“ไม่นึกเลยสักนิด”
“น้อยใจจะแย่แล้ว”
“ก็คุณมันหลายบุคลิกเหลือเกินนี่ แล้วที่เป็นนายทูนอยู่นี่ ฉันก็ยังไม่ รู้จักคุณดีพอ”
“ถ้าคุณรู้จักดี คุณจะหลงรักเขาเลยละ”
“แหม...แย่หน่อยนะคะ ฉันไม่ค่อยชอบผู้ชายหลงตัวเอง กลับละ พรุ่งนี้เราจะเจอกันไหม”
“แน่นอนครับ ผมต้องไปตามเก็บเบื้องหลังคุณอยู่แล้ว”
รุ้งระวียิ้มให้ก่อนแยกไป ทูนอินทร์มองตามตาเคลิ้ม

หลังงานเลิก อิทธิให้คมกับเดช ลากตัวจุ๊บแจง กับจวงใจไปที่บ้านด้วย โดยเขาเข้าไปคุยกับจุ๊บแจงในห้องทำงาน ส่วนจวงใจรออยู่ที่โถงนอก คมและเดชยืนรออยู่ด้วย
“จะเอายังไงกับฉัน” อิทธิถามอย่างไม่พอใจ
“ไม่เอายังไงหรอกค่ะ แจงแค่ทวงสิทธิ์ความเป็นเมียของแจงคืนเท่านั้น”
“แล้วไปเล่นงานรุ้งงั้นเหรอ บนเวทีเลยนะ กล้ามาก”
“ทำยิ่งกว่านี้แจงก็ทำได้”
“แล้วนึกเหรอ ว่าคนอย่างฉันจะลงโทษขั้นเด็ดขาดเธอไม่ได้”
“จะทำอะไรแจง แจงเป็นเมียคุณนะ”
อิทธิกระชากจุ๊บแจงขึ้นมา เธอกรี๊ดลั่น
“ไม่ต้องมาอ้างเรื่องเป็นเมีย เธอน่ะมันตกอันดับไปแล้ว”
อิทธิลากจุ๊บแจงออกไปที่โถงด้านนอก แล้วเหวี่ยงเธอลงกับพื้น จวงใจเข้าประคองขณะที่จุ๊บแจงร้องโฮ
“คุณอิทธิ คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับแจงแบบนี้นะ” จวงใจไม่พอใจ
“ทำไม ฉันให้โอกาสครั้งสุดท้าย ถ้าแกล้งรุ้งอีก ฉันจะเฉดหัวออกไปทั้งสองคน...ไป๊....ไปได้แล้ว”
จวงใจประคองจุ๊บแจงลุกขึ้น
“ได้ค่ะ จวงพาแจงไปอยู่ค่ายไหนก็ได้ทั้งนั้น แต่ระวังนะคะว่าข่าวอื้อฉาว นังรุ้งมันจะไปกับเราสองคนด้วย”
“ข่าวอะไร”
“ก็ข่าวเรื่องแม่นังรุ้งไง คุณหลอกมันใช่ไหม เอารูปใครก็ไม่รู้มาอ้างว่าเป็นแม่มันเรารู้นะ”
“อีจวง แกรู้ได้ยังไง”
อิทธิตวาด เดชกลืนน้ำลายเอื๊อก พยายามไม่แสดงพิรุธ
“พวกแกบอกมันเหรอ” อิทธิตวาดถาม
“เปล่าครับ นาย หรือเอ็งวะไอ้เดช”
คมหันไปมองหน้า เดชรีบปฏิเสธ
“ฉันไม่รู้เรื่องพี่”
อิทธิหันไปชี้หน้าจวงใจ
“ถ้าแกพูดเรื่องนี้ออกไป แกตาย อีจวง”
จวงใจยิ้มหยัน
“ไปแจง ไม่ต้องร้องไห้ ไม่ต้องไปเสียใจกับคนที่ไม่เห็นค่าของเรา”
จวงใจพาจุ๊บแจงออก อิทธิหันมาตวาด
“หาให้ได้ว่าอีจวงมันรู้เรื่องนี้จากใคร”
“ครับนาย”
คมกับเดชรับปาก

วันรุ่งขึ้น รุ้งระวีเข้ามาในบริษัทพร้อมมะปรางและจี่หอย ทูนอินทร์ กับอินทรมารออยู่แล้วที่โถงรับแขก
“คุณทูน คุณทร สวัสดีค่ะ วันนี้มาประชุมเหรอคะ” จี่หอยเดินเข้าไปคุยด้วย
“ครับ...เตรียมงานถ่ายมิวสิคน่ะ” ทูนอินทร์ตอบ
“เราเตรียมโลเกชันมาแล้วครับ อยากดูไหม” อินทรถาม
“อยากค่ะ”
จี่หอยและมะปรางลงนั่งร่วม อินทรหยิบกล้องส่งให้ทั้งคู่ดู
ทูนอินทร์เดินมาหารุ้งระวี
“คุณ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“เรื่องอะไรคะ”
“คืออย่างนี้”
ทูนอินทร์กระซิบข้างหู
“เข้าใจไหม”
“ไม่เข้าใจค่ะ ไม่ได้ยินด้วย”
“ทำไม หูหนวกเหรอ”
“ฉันใส่หูฟังอยู่น่ะ ถอดก่อน”
รุ้งถอดหูฟังด้านที่ทูนอินทร์กระซิบออก ทูนอินทร์กระซิบข้างหูอีกที เธอพยักหน้าอย่างสนใจ
“ให้ฉันไปพักที่ไร่คุณ แล้ว...แน่ใจนะว่าคุณจะบริการฉันเต็มที่”
“รับรอง จัดให้เต็มพิกัด”
“งั้นก็โอเค”
“รุ้ง มาดูเร็ว สวยมาก” จี่หอยกวักมือเรียก
“อะไรเหรอ“
“โลเกชันที่เราจะไปถ่ายค่ะ สวยจริงๆ” มะปรางเสริม
รุ้งระวีลงนั่งดู แล้วเงยหน้ามายิ้มอย่างบอกให้รู้ว่าชอบมาก

อิทธินั่งดูรูปในกล้องของทูนอินทร์ เห็นเป็นภาพไร่อินสรวงสวยงาม เขาเลื่อนภาพดูไปเรื่อยๆ เห็นทัศนียภาพของไร่ ทั้งบึงน้ำ เขา และธรรมชาติงดงาม
“สวยครับ สวยมาก” อิทธิชม
จี่หอยและรุ้งระวีรับกล้องมาดูต่อ ชื่นชมในความงาม
“ไร่ของคุณจริงๆเหรอ” อิทธิหันไปถาม
“ของปู่ย่าตาทวดผมน่ะ ตกทอดมาที่ผมกับน้องชาย” ทูนอินทร์บอกอย่างภูมิใจ
“ดูแลรักษาอย่างดีเลยนะ แล้วถ้าคุณเต็มใจให้เราไปถ่ายมิวสิคแบบนี้ คุณคิดค่าเช่าเท่าไหร่”
“ฟรีครับ”
“ผมถ่ายสองวันนะ”
“กี่วันผมก็ให้ถ่ายฟรีครับ”
“เพราะอะไร”
“แหม ได้ต้อนรับคุณรุ้งทันที ถือเป็นเกียรติกับไร่ผมแล้วครับ”
อิทธิสะกิดนิดๆ กับคำพูดทูนอินทร์
“ตกลงไหมครับ ของฟรีไม่ได้มีบ่อยๆนะ”
“ยิ่งกว่าตกลงอีก ขอบใจมาก”
อิทธิส่งมือมาเช็คแฮนด์กับทูนอินทร์ รุ้งระวีรีบบอก
“คุณอิทคะ สวยแบบนี้ขอรุ้งไปพักสักสองวันได้ไหมคะ”
“ไปพักที่นี่เหรอ ไม่รบกวนคุณทูนเขาเหรอ” อิทธิบอกอย่างไม่ค่อยอยากให้ไป
“บ้านผมใหญ่โตครับ มีแม่บ้านด้วย ไม่รบกวนเลย”
“นะคะ ตอนนี้รุ้งเหนื่อยมาก อยากพักสักหน่อย” รุ้งระวีพยายามอ้อน
จี่หอยรีบเสริม
“หอยก็เหนื่อย หอยก็อยากพักนะคะ หอยกับมะปรางจะดูแลรุ้งเอง คุณอิทไม่ต้องห่วง”
อิทธิมองรุ้งระวีและมองมาทางทูนอินทร์ อย่างไม่วางใจนัก แต่ก็ตัดสินใจยอมตามใจ

จวงใจกับเดช แอบคุยกันที่มุมหนึ่งของบริษัท
“มันเรื่องอะไรเจ๊ไปบอกคุณอิทเรื่องแม่ยายรุ้ง ผมเกือบโดนพี่คมเล่นแล้วนะ” เดชโวย
“ฉันไม่ได้พาดพิงถึงแกนี่”
“แต่เขาก็สงสัยผมได้ เจ๊ห้ามพูดเรื่องแม่ยายรุ้งอีกนะ”
“ก็ได้ ฉันจะไม่พูดอีก แต่แลกกัน แกมีข่าวคราวอะไรเพิ่มเติม แกต้องมาบอกฉันทุกเม็ด อย่างตอนนี้ มิวสิคตัวใหม่ของนังรุ้ง มันจะไปถ่ายที่ไหน”
“รู้แล้วก็เหยียบไว้นะเจ๊”
เดชกระซิบ จวงหน้าเครียดขึ้นมาทันที

จุ๊บแจง ขวัญข้าว และอาชาซ้อมเต้นในห้องซ้อมกับครูสอน จวงใจเดินเข้ามาหน้าหงิก แล้วตวาดใส่
“ครู”
“ว้าย” ครูสอนสะดุ้งอย่างตกใจ
“เลิกสอนก่อน อารมณ์ไม่ดี”
“ค่ะ ค่ะ”
“อะไรเจ๊ ธาตุเคลื่อนเหรอ” อาชาหันมามอง
“ใช่ ไฟธาตุใกล้จะแตกแล้ว รู้ไหม มิวสิคนังฝรั่งมันได้ไปถ่ายที่ไหน”
“แอลเอเหรอ” ขวัญข้าวถาม
“ไร่อินสรวง “
“ที่เขาว่าสวยๆน่ะนะ” จุ๊บแจงสนใจทันที
“แล้วรู้ไหมเจ้าของไร่คือใคร”
“ใคร” ขวัญข้าวอยากรู้มาก
“ก็นายทูนอินทร์ ผู้กำกับมิวสิคของนังฝรั่งนั่นไง”
“ตายจริง เห็นแต่งตัวเหมือนพวกกุลี ไม่นึกเลยนะว่ารวย” อาชาตื่นเต้น
“คนรวยเขาก็อย่างนี้แหละ ผิดกับที่มาจากกุลีของแท้นะ แต่งรวยแค่ไหนก็เหมือนกุลี” ขวัญข่าวมองอาชาทั้งตัว
“เจ๊ขวัญ....ด่ายายแจงมันทำไม” อาชาพยายามเบี่ยงให้พ้นตัว
“ด่าแกอีม้า” ขวัญข้าวตวาดกลับ
จวงใจถอนใจเฮือก
“มันได้แต่ของดี ประเคนไปให้มันทั้งหมดเลย แล้วพวกเราล่ะ อยู่กันอย่างหมาหัวเน่าเนี่ยนะ”
อาชา ขวัญช่วยกันเสริม ขณะที่จุ๊บแจงนึกสนใจทูนอินทร์ขึ้นมา

ทูนอินทร์เดินออกมากับรุ้งระวี หลังจากอิทธิตอบตกลง
“มีแผนอะไรรึเปล่า ที่จะให้ฉันไปพักไร่คุณ” รุ้งระวีสงสัย
“เยอะแยะเลย”
“ว่ามา”
“ผมจะลักพาตัวคุณไปอยู่ในไร่ ให้คุณอดมื้อกินมื้อ แล้วทุกวันก็ต้องร้องเพลงให้ผมฟัง ถ้าร้องไม่เพราะ ผมจะจับคุณลอกคราบ”
“อุ๊ย...ลอกคราบอะไรฉัน”
“ลอกคราบการร้องเพลงของคุณเสียใหม่ยังไงล่ะ สำเนียงของคุณบางอย่างมันยังไม่ใช่เสียงลูกทุ่งของแท้”
“ยังไงเหรอคะ”
“มันยังติดฝรั่งนิดๆ”
“ไม่ยักรู้แฮะ”
ทั้งสองตรงไปที่ห้องอาหาร จุ๊บแจงโผล่ออกมามองพร้อมกับจวงใจ
“อุ๊ย...ถ้ารู้ว่ารวยขนาดนี้ แจงจีบไปนานแล้วละ”
“จีบตอนนี้ก็ยังไม่สายนี่นา ไปตัดหน้ามันเลยแจง”
ทูนอินทร์และรุ้งระวีเลี้ยวไปทางห้องอาหาร จุ๊บแจงและจวงใจรีบตาม

จุ๊บแจงและจวงใจมาถึงหน้าห้องอาหาร
“เข้าไปจัดการเลยแจง” จวงใจสั่ง
แจงนวยนาดเข้าไป แล้วกอดแขนอินทร ที่กำลังยืนคุยกับมะปราง จี่หอยกำลังเตรียมอาหารอยู่
“คุณทูนขาไม่ยักรู้ว่าเจ้าของไร่อินสรวง แหม...ขอแจงแวะไปเที่ยวบ้างได้ไหมคะ”
ขณะเดียวกันที่หน้าห้อง ทูนอินทร์และรุ้งระวีเดินตรงมา
“อ้าว คุณทูนอยู่นี่ แล้วข้างในล่ะ”
จวงใจเข้าไปในห้อง เห็นว่าจุ๊บแจงกำลังกอดแขนอินทร ถามอย่างออดอ้อน
“ได้ไหมคะคุณทูน”
“อยากไปเที่ยวก็ไปซีครับ” อินทรตอบงงๆ
“ขอบคุณค่ะคุณทูน” จุ๊บแจงพูดกับมะปราง “นี่...นังฝรั่งคุณทูนเขาเอ่ยปากชวนฉันแล้วนะ”
มะปรางหัวเราะ
“พี่แจงคะ นี่มะปรางค่ะ ไม่ใช่ฝรั่ง แล้วนั่น คุณอินทรค่ะ”
“หา...”
จุ๊บแจงเขม้นมอง ทั้งหรี่และขยี้ตาตัวเอง
“คุณแจง มองไม่เห็นหรอกเหรอ” อินทรถามอย่างแปลกใจ
“ไม่ได้ใส่คอนแท็คส์ค่ะ”
“ฮ่ะฮ่ะ ยายแจง แก” จี่หอยสะใจ
อินทร มะปรางหัวเราะตาม
“หัวเราะอะไรกันครับ” ทูนอินทร์ที่เดินเข้ามาถามอย่างแปลกใจ
“ยายแจงอยากไปเที่ยวไร่อินสรวงค่ะ แต่มาทำฉอเลาะกับคุณทร เพราะความที่ตามัว ฉอเลาะผิดคน เรียกคุณทรว่าคุณทูน ฮ่ะฮ่ะ” จี่หอยหัวเราะสะใจมาก
“เห็นมะปรางเป็นพี่รุ้งอีกต่างหากนะคะ”
“ทำไมไม่ใส่แว่นยายแจง” จวงใจหงุดหงิด
“ซ้อมเต้นอยู่ จะไปใส่ได้ไงล่ะพี่” จุ๊บแจงหน้าแหย
“กลับเลยยายแจง หน้าแตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว”
จวงใจดึงจุ๊บแจงออกไป จุ๊บแจงรีบจับมือรุ้งระวีที่มองงงๆ
“แจงยังอยากไปอยู่นะคะคุณทูนขา”
“ว้าย นั่นมือนังฝรั่ง”
จวงใจตีมือจุ๊บแจงพาออกไป ทุกคนในห้องพากันหัวเราะ รุ้งระวีหันมามองหน้าทูนอินทร์
“ใครๆก็อยากไปไร่อินสรวงกันทั้งนั้น อยากไปเห็นกับตาแล้วซีว่าสวยขนาดไหน”
ทูนอินทร์ยิ้มให้รุ้งระวี

วันต่อมา ขณะที่นั่งอยู่บนรถ ผ่านถนนเส้นสวยงามเพื่อเข้าไปที่ไร่อินสรวง รุ้งระวีเปิดหน้าต่างรับลมเต็มที่ ขณะที่จี่หอยทำหน้าที่ขับรถ มะปรางนั่งด้านหลัง ทั้งสามคนมีสีหน้าแช่มชื่น
ณ บ้านอินสรวง อินทรวิ่งมากลางโถง หนาน คูน และแม่บ้านแป๋ว กับจุ๊ กำลังกินของเช้ากันอยู่
“เร็วพี่ คุณรุ้งเข้าไร่มาแล้ว”
“ทำไมมาเร็วนักวะ ไหนว่าจะมาสายๆ” หนานถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน เขามาถึงแล้ว” อินทรบอก
หนานและคูนคว้ากลอง และแคนวิ่งตามอินทรไปหน้าบ้าน สวนกับส้มป่อย
“ไปไหนกันน้า”
“คุณรุ้งมาแล้วโว้ย” คูนบอก
“ตายแล้ว ส้มยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย หน้าก็ยังไม่ได้แต่ง คุณรุ้งต้องผิดหวังในตัวส้มแน่ๆ เลย”
บอกอย่างนั้น แต่ส้มป่อยวิ่งตามไป

ที่หน้าบ้าน ทุกคนมารอรับรุ้งระวีอย่างพร้อมเพรียง แป๋วและจุ๊เตรียมช่อดอกไม้มาด้วย ขณะที่ ส้มป่อยยืนบิดขาด้วยอาการปวดฉี่ รถกำลังแล่นตรงมา
“นั่นไง มาแล้ว” อินทรบอก
“อูยยย จะได้เจอตัวจริงแล้ว อูยย...”
“ส้ม แกเป็นอะไรวะ” หนานหันไปถามถาม
“หนูไม่มั่นใจ ขอหนูไปเปลี่ยนชุดก่อน แล้วตอนนี้หนูปวดฉี่จะราดแล้วด้วย”
ส้มป่อยวิ่งกลับขึ้นเรือน
รถมาจอดเทียบ รุ้งระวี มะปรางลงจากรถ หนาน คูน บรรเลงเพลงทันทีเป็นเพลงฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ จี่หอยตามลงมา แป๋ว กับจุ๊ มอบช่อดอกไม้งามๆให้ทั้งสาม จี่หอยนึกสนุกเต้นตามไปด้วย
“ไร่อินสรวงขอต้อนรับครับ” อินทรบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“น่ารักจังค่ะ ขอบคุณมาก”
“ต้อนรับกันขนาดนี้เชียว อายจัง” จี่หอยฉีกยิ้มกว้าง
“สวัสดีค่ะ พี่หนาน พี่คูน” รุ้งระวีทักทาย
“จำพวกเราได้นะครับคุณรุ้ง” หนานตื่นเต้น
“ใครจะไปลืมเพลงรักน้องต้องลงตุ่ม ของพวกพี่ละคะ”
“ตอนนี้เราก็ร้องฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ ของคุณรุ้งได้หมดทั้งบ้านแล้วครับ”คูนรีบบอก
“อย่างนี้ก็ต้องจำท่าเต้นได้ด้วยซีคะ อย่างเนี้ย หอยคิดเองนะคะ” จี่หอยเต้นให้ดู
“จำได้แต่ของคุณรุ้ง อันนี้มีแต่มันเปลว จำไม่ได้ครับ” หนานบอกขำๆ
จี่หอยหยุดเต้นทันที
“เชิญบนเรือนเลยครับ” อินทรผายมือเชิญชวน

อินทรพาทุกคนผ่านโถงกลางบ้าน ที่ตกแต่งอย่างดี รุ้งระวี มะปราง จี่หอยเดินมองตัวบ้านอย่างชื่นชม แป๋ว กับจุ๊ช่วยเข็นกระเป๋าของทั้งสามเข้าไปไว้ที่ห้องพักที่จัดเตรียมไว้
“บรรเจิดสุดๆ น่ามาถ่ายหนัง แล้วพวกเรารับบทเจ้านางกันนะ” จี่หอยเสนอไอเดีย
“กว้างขวางดีจังเลย กลัวเดินหลง” มะปรางชื่นชอบมา
“ถ้าจับมือผมไว้ คงไม่หลงหรอกครับ” อินทรรีบบอก
รุ้งระวี จี่หอย ส่งเสียงแซวอินทรและมะปรางที่หน้าแดง อายม้วน

หน้าเรือน ส้มป่อยแต่งตัวใหม่ แต่งหน้าสวยวิ่งกลับมา เจอแต่หนานและคูน
“น้า คุณรุ้งล่ะ”
“ขึ้นเรือนไปแล้ว แต่งอะไรของเอ็งวะ นังส้ม”
“เกาหลี ผสมไทย ผสมแอลเอ ผสมโลลิต้า”
ส้มป่อยรีบวิ่งขึ้นเรือนไป
“เฮ้ย สวยกว่าวันที่เราเจอที่ตลาดอีกว่ะ” หนานหันมาบอกคูน
“นังส้มป่อยเหรอ”
“ไม่ใช่ หมายถึงคุณรุ้งโว้ย”
“เออว่ะ แสดงว่ารัศมีดารากำลังจับ” คูนเห็นด้วย
“จับตรงไหนวะ”
“คิดเอาเอง” คูนบอกกวนๆ แล้วเดินหนี

แป๋วและจุ๊ ช่วยกันรูดม่านให้เห็นเทอร์เรซกว้างของห้องพัก สามสาวส่งเสียงซี๊ดซ้าด กับทัศนียภาพที่เห็น ทั้งไร่ และภูเขา
“อะไรกันเนี่ย อย่างกะภาพวาด” รุ้งระวีตื่นเต้นมาก
“วิวสวยสุดๆ” มะปรางเห็นด้วย
“เดี๋ยวเราไปวิ่งขึ้นเนิน แล้วร้องเพลงแบบหนังแขกกันเถอะ” จี่หอยชวน
“พี่ทูนจัดให้พวกคุณ อยู่ห้องนี้โดยเฉพาะเลยครับ” อินทรบอกอย่างภูมิใจเสนอ
“แล้วคุณทูนอยู่ไหนละคะ”
“สงสัยจะทำงานอยู่ครับ พี่ทูนยังไม่รู้เลยว่าพวกคุณมาถึงแล้ว เพราะตอนแรกบอกว่าจะมาบ่าย”
“เรารีบมาน่ะ เพราะอยากมาสูดอากาศยามเช้าที่นี่”
“ตามสบายนะครับ มีอะไรก็บอกป้าแป๋ว กับยายจุ๊ได้ครับ”
“ขอบคุณค่ะ” มะปรางยิ้มให้

อ่านต่อตอนที่ 6  




กำลังโหลดความคิดเห็น