xs
xsm
sm
md
lg

สามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


3 หนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 8

สุพรรณิการ์คุยไป ดื่มกันไปกับอรุณศรี ที่ร้านเหล้าสาดสุรา หวานนารี ของสุพรรณิการ์นั่นเอง

“ไอ้ปรานต์นี่มันขี้กั๊กจริงๆ ที่มันบอกคุณกริชว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแก เพราะมันต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ ทุเรศ แต่คุณกริชเค้าก็แมนเนอะ ยังออกปากให้แกชวนมันไปด้วย”
อรุณศรีฟังแล้วก็กลุ้มใจอยู่ลึกๆ
“เค้าชวนครอบครัวของทุกคน แกเลิกคิดว่าเค้าชอบฉันได้แล้ว ฉันไม่อยากเป็นตัวตลกไปกว่านี้ แค่ปรานต์ไปพูดแบบนั้นฉันก็เซ็งจะแย่”
“ถามตรงๆ แกกับไอ้ปรานต์มีปัญหากันหรือเปล่า ฉันเห็นมันจิกแกผิดปกติ แล้วแกก็มานอนกับฉันบ่อยจนผิดสังเกต...มีอะไรหรือเปล่า”
อรุณศรีคิดอยู่สักคู่ ก่อนตัดสินใจบอกความจริงกับสุพรรณิการ์
“ปรานต์เค้า..ยืมเงินฉัน” อรุณศรีว่า
สุพรรณิการ์ตาโต ย้ำคำพูดของอรุณศรี
“ยืมเงิน”
อรุณศรีพยักหน้ารับแทนคำตอบ
“ไอ้ผู้ชายสิ้นคิด ยืมเงินแฟนใช้ โธ่เอ๊ย ไหนคุยนักคุยหนาว่าขายเครื่องเสียงรถได้คอมมิชชั่นดี เจอหน้าฉันทีไร อวดรวยใส่ตลอด เชอะ! มันจะเอาเท่าไหร่” สุพรรณิการ์อยากรู้ตัวเลข
“สี่แสน”
“ตั้งเกือบครึ่งล้าน มันจะเอาไปทำอะไร ดาวน์บ้านหรือไง”
“เห็นบอกว่าจะเอาไปลงทุน”
“ลงทุน แล้วไม่มีทุน ก็ไม่ต้องไปลงมันสิ ประสาทหรือเปล่า เงินตัวเองก็ไม่มีแล้วยังจะกล้าลงทุนอีก แล้วแกจะให้มันป่ะเนี่ย”
“ฉันมีเงินสดอยู่ประมาณแสนสองแสน แล้วก็ทองที่แม่เคยให้ไว้ ถ้าขายตอนนี้น่าจะได้เป็นแสน”
สุพรรณิการ์ทุบโต๊ะ ลูกค้าร้านเหล้าหันขวับมามองโต๊ะสุพรรณิการ์
“แฟนนะแอ๊ว แค่แฟน! คู่หมั้นก็ไม่ถึง ผัวก็ไม่ใช่ แกจะเอาอะไรมารับประกันว่ามันจะคืน เพื่อนกันถ้าอยากคบนานๆเค้ายังไม่ให้ยืมเงินกันเลย และเงินตั้งเป็นแสนกว่าแกจะหามาได้ไม่มันง่ายนะเว้ย ส่วนทองก็สมบัติแม่แกทิ้งไว้ให้ก่อนตาย แกจะเอาไปขายทำไม” สุพรรณิการ์ร่ายยาวด้วยความหวังดี
อรุณศรีฟังแล้วยิ่งเครียดหนัก
“แอ๊ว..ฉันรู้ว่าแกไม่ใช่คนโง่ แกคิดเองได้ แต่แกเป็นคนใจอ่อน ขี้สงสาร เพราะฉะนั้น..ใจแข็งไว้นะเพื่อน”
อรุณศรีฟังแล้วก็คิด
สุพรรณิการ์เห็นแล้วก็สงสาร..เลยเอ่ยปากออกไป
“เอางี้..แกไปบอกไอ้ปรานต์ ถ้ามันเดือดร้อนจริงๆ ให้มันมายืมฉัน แค่สี่แสนจิ๊บๆ อยากรู้เหมือนกัน ฉันกล้าให้ มันจะกล้ามายืมหรือเปล่า” สุพรรณิการ์คิดอยากจะวัดใจคน
อรุณศรีฟังแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้า

ปรานต์ส่งซองเงินให้เสี่ยนิว
“ผมเอามาให้แสนนึงก่อนนะ อีกสี่แสนขอเวลาอีกหน่อย”
เสี่ยนิวเสี่ยรับซองเงินจากปรานต์ แล้วเอ่ยถามว่า
“คุณมีปัญหาเรื่องเงินอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีๆ” ปรานต์รีบบอก “จริงๆถ้าก่อนหน้านี้สี่แสนสบายมาก แต่พอดีช่วงนี้ซื้อกองทุนทองเยอะไปหน่อย ขายก็ไม่ได้ เลยสะดุดนิดหน่อย” ปรานต์บอก
ปรานต์ทำเป็นโม้ไปอย่างนั้นเอง ทั้งที่ในใจเครียดมากกับเรื่องนี้
“ไม่มีก็ดี เพราะคุณเป็นทั้งหุ้นส่วน เป็นทั้งผู้จัดการร้าน ถ้าเกิดมีปัญหาเรื่องเงิน หุ้นส่วนคนอื่นอาจจะไม่ไว้ใจ ไงคุณก็รีบๆเคลียร์อีกสี่แสนมาแล้วกัน ผมไม่อยากมีปัญหา”
“ได้ๆ อีกไม่กี่วัน เดี๋ยวจัดให้หมดเลย”

ปรานต์เดินออกมาจากห้องทำงานด้วยความหงุดหงิด กำลังจะกดโทร.หาอรุณศรี
“แอ๊วนะแอ๊ว โยกโย้จริงๆ ถามเรื่องเงินทีไรก็ไม่ตอบ ตกลงมีหรือไม่มีเนี่ย”
จังหวะนั้นปรานต์เดินเลี้ยวออกมาจากมุมตึกแล้วก็ชนเข้ากับ เจ๊เกียว สาวใหญ่ใจนักเลง หุ่นเร้าใจ ต่าง
คนต่างตกใจร้องออกมาพร้อมๆ กัน
"เฮ้ย" / "ว้าย" 
มือถือรุ่นใหม่ราคาแพงของเจ๊เกียวตกลงกับพื้น
“โทรศัพท์ของฉัน เจ๊งมั้ยเนี่ย”
ปรานต์หน้าเสียนิดๆ แล้วก็รีบเดินมาพูดอย่างสุภาพ
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่เดินไม่ระวัง”
เจ๊เกียวหันขวับตั้งใจจะด่า แต่ทันทีที่เห็นหน้าปรานต์ ความหล่อ ล่ำ ความขาวทะลุทะลวงเข้าไปในสมองส่วนใน เสียงอ่อนลงทันที
“รู้ตัวก็ดีแล้ว คราวหน้า..คราวหลังจะได้เดินระวังๆ” เจ๊เกียวยิ้มหวาน
“ครับ” ปรานต์ทำท่าจะเดินไป
“นี่.. เราน่ะ ทำงานที่นี่เหรอ”
ปรานต์ยิ้มรับ พอจะดูออก แล้วก็ทำสุภาพใส่เจ๊เกียวต่อ
“ผมเป็นผู้จัดการที่นี่ครับ”
“ดีเลย พี่ชื่อเกียว ทำคิวรถตู้อยู่อนุสาวรีย์ชัย พอดีจะเอารถตู้มาติดเครื่องเสียง โทษฐานที่เดินชน ต้องดูแลพี่อย่างดีด้วยนะจ้ะ”
ปรานต์บยิ้มรับทันที
“ด้วยความยินดีครับ ผมชื่อปรานต์นะครับ ผมจะดูแลพี่เกียว อย่างใกล้ชิด ที่สุดเลยครับ”
“ดีจ้ะ..พี่ชอบคนเอาใจ ดูแลดีๆ พี่จะได้ไม่ไปไหน หมายถึงว่า..จะได้ไม่ไปทำร้านอื่นไงจ้ะ”
เจ๊เกียวยิ้มพอใจ ปรานต์ยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ พอน่ารัก สองคนส่งความต้องการผ่านทางสายตาเชื่อมต่อกัน
อย่างรวดเร็ว


ธีธัชคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องพักด้วยความเคร่งเครียด
“คุณเบญลี่....คือว่าผมมีธุระต้องติดต่อกับคุณลุงหมอของกริช พ่อของลำเภาน่ะครับ คุณเบญลี่ทราบมั๊ยครับว่าท่านทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลอะไร”
เบญลี่แจ้งว่า พ่อของลำเภาไปดูงานต่างประเทศ
“งั้นคุณป้าหมอ แม่ของลำเภาก็ได้ครับ ผมขอชื่อ นามสกุล โรงพยาบาล แล้วก็แผนกเลยนะครับ พอดีมีเรื่องด่วนมากๆ ต้องปรึกษา”
ธีธัชฟังแล้วก็รีบกุลีกุจอวิ่งไปหากระดาษมาจดรายละเอียดที่ต้องการ
“ขอบคุณครับคุณเบญลี่สุดสวย เลิฟนะ คิส คิส “
ธีธัชทำหน้าทะเล้นแล้วก็วางสายไป ก่อนจะหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาดู ด้วยความพอใจ

ชั่วโมงต่อมา ธีธัชหยุดยืนแล้วมองไปที่โรงพยาบาลอย่างมั่นใจ
“แกก็วางตัวเป็นพี่ชายไปซะ ถ้าแกทำอะไรเภา พ่อแม่เค้าเอาแกตายแน่” เสียงกริชชัยก้องอยู่ในสมอง ธีธัชยิ้มมั่นใจ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในโรงพยาบาลประหนึ่งผู้มีชัย
ธัธัชมองกระดาษในมือด้วยแววตาที่แสนจะมั่นใจในความสำเร็จครั้งนี้ ธีธัชยืนอยู่ที่หน้าบอร์ดที่ติดชื่อแพทย์ และนำชื่อที่จดไว้มาเทียบ
“ทันตแพทย์หญิงจามรี โอสถชัยเลิศ”
ธีธัชมองไปที่รูปจามรีที่ติดอยู่ หน้าตาเคร่งขรึม จริงจัง น่าเกรงขาม แม้จะมีความรู้สึกหวั่นๆ อยู่บ้าง แต่ใจยังฮึดสู้
“ฉันพูดเธอไม่ฟัง... เล่นของสูงเลยแล้วกัน”

ธีธัชเดินมุ่งไปแผนกทันตกรรม ขณะกำลังเดินผ่านโรงอาหาร มีบางสิ่งทำให้ธีธัชต้องหยุด และถอยหลังกลับเพ่งมองเข้าไปในร้านอาหารแห่งนั้น ธีธัชเห็น จามรี นั่งกินอาหารอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งหันหลังอยู่
ธีธัชยิ้มอย่างพอใจ ขยับเสื้อให้เรียบร้อย ก้าวขาเตรียมเดินเข้าไปหาจามรี ทันใดนั้นหญิงสาวที่นั่งหันหลังให้ก็ลุกขึ้น พร้อมกับหันหน้ามาพอดี ที่แท้เธอคือ...ลำเภา นั่นเอง 
ธีธัชก็ต้องชะงักทันที
“ยัยหนูตะเภา”
ลำเภารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเรียกแว่วๆ จึงหันขวับมาที่ธีธัช ไวเท่าความคิดธีธัชหลบวูบที่หลังเสา ตัวลีบเล็กเท่าที่จะทำได้ ลำเภาเขม่นตามองด้วยความแปลกใจและเอะใจ จนจามรีแปลกใจถามขึ้นมา
“เภามีอะไรเหรอลูก”
“ยังไม่แน่ใจค่ะ แต่คิดว่า..น่าจะมี”
ลำเภาหลิ่วตามองด้วยความไม่วางใจ
ธีธัชยืนตัวลีบอยู่หลังเสา พร้อมกับคิดหาทางออก
“ฤกษ์ไม่ดี กลับก่อนดีกว่า”

ธีธัชมองซ้ายแลขวา บังเอิญเห็นมีรถเข็นเก็บจานผ่านมา ธีธัชกะระยะปลอดภัยแล้วก็พุ่งไปหลบหลัง
รถเก็บจานทันที แล้วก็เดินตามรถไป จนถึงเสาอีกต้นก็พุ่งไปอยู่หลังเสา แล้วไปวิ่งหลบหลังชายอ้วนที่เดินผ่านมาพอดี จากนั้นก็พุ่งมาหลบที่เสาอีกต้น แล้วก็หมุนตัวกลับมาจะพุ่งหลบเข้าที่เสาอีกต้น ขณะกำลังเพลิดเพลินกับคิวบู๊ส่วนตัวที่อุตส่าห์ออกแบบซะเก๋ไก๋ ทันใดนั้นธีธัชก็ต้องชะงักกึกอย่างแรงจนแทบจะเบรกไม่ทัน

เพราะลำเภายืนหน้านิ่งอยู่ตรงหน้า ตัวเป็นๆ 
“สนุกมั้ย” ลำเภามองธีธัชแล้วก็พูดเสียงนิ่งๆ
ธีธัชทำเป็นขำกลบเกลื่อน
“ฮ่าๆ สนุกอะไร ไม่เข้าใจ แล้ว...นี่เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ย“
“มาหาแม่”
ธีธัชทำเป็นตกใจ
“แม่เธอทำงานที่นี่เหรอ ไม่เห็นรู้เลยนะเนี่ย โห...บังเอิญจริงๆ ฉันมาหาหมอน่ะ พอดีหมอไม่อยู่ ก็ว่าจะกลับแหละ”
“โกหกเหนื่อยเมื่อไหร่ก็บอกนะ จะได้พูดความจริงกันสักที”
“ฉันมาหาหมอจริงๆ” ธีธัชย้ำ
“พี่เบญลี่โทร.บอกความจริงฉันหมดแล้ว”
ธีธัชสะอึกโดยฉับพลัน ไร้ข้อแก้ตัว ลำเภามองหน้านิ่ง. ธีธัชอ้าปากแต่พูดไม่ออก
“จะมาหาแม่ฉันทำไม หรือว่าจะมา สู่ขอ”
“สู่ขอ! สู่ขออะไรของเธอ”
“สู่ขอแต่งงานไง มาหาญาติผู้ใหญ่ของแฟน ก็ต้องมาเพราะเหตุผลนี้แหละ”
“เพ้อ! ใครเค้าอยากจะแต่งงานกับเธอ”
“แหม...ไม่ต้องอายหรอกน่า...กะจะเซอร์ไพรส์ สู่ขอลับหลังฉันหล่ะสิ ไม่ต้องหรอกต่อหน้านี่แหละ ไป คุณแม่ว่างพอดี”
ลำเภาลากแขนธีธัชเข้าไปหาจามรี ธีธัชรั้งตัวด้วยการเกาะเสาแน่นไม่ยอมไป
“ไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่แต่งงาน”
“ไปเถอะน่า...ไม่ต้องอายหรอก คุณแม่รออยู่”
“ไม่เอา นี่ปล่อยฉันนะยัยหนูตะเภา”
ธีธัชสะบัดแขน
“ฉันไม่ได้มาสู่ขอเธอ และฉันก็ไม่คิดแต่งงานไม่ว่าจะเป็นกับเธอ หรือกับใครทั้งนั้น ฝันไปเถอะ”
ธีธัชพูดจบก็รีบหันหลังเดินออกไปเลย ลำเภาตะโกนไล่หลัง
“ไม่อยากแต่งแล้วมาหาแม่ฉันทำไม ถ้าคราวหน้ามาอีก เตรียมตัดชุดเจ้าบ่าวไว้ได้เลย”
ธีธัชส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิด ลำเภากอดอก แล้วก็ยิ้มด้วยความสะใจ
“ท่าทางจะกลัวจริงๆ รีบกลับไปเลย” ลำเภาพึมพำ

จามรีมองหาลำเภาด้วยความเป็นห่วงหลังจากที่ขออนุญาตเพื่อออกไปทำธุระ
“เภามีอะไรหรือเปล่าลูก“
“เพื่อนน่ะค่ะ..เจอกันโดยบังเอิญ แต่กลับไปแล้วค่ะ สงสัยจะมีธุระสำคัญ”
จามรีพยักหน้ารับทราบแล้วก็กินข้าวกันต่อ ลำเภาอมยิ้ม สบายใจที่แก้เกมได้ทัน

เนตรนภัส นั่งหน้าง้ำอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกภายในบ้านวัชระ เห็นได้ชัดว่าแวว แม่ของวัชระพูดคุยกับเนตรนภัสด้วยความเกรงใจ
“ดื่มน้ำหน่อยนะหนูแหนม..ใจจะได้เย็นๆ”
เนตรนภัสเสียงแข็ง
“แหนมเย็นไม่ลงแล้วค่ะคุณแม่ วัชหายไปไหนของเค้า แหนมโทร.ไปก็ไม่ติด ตามหาตัวก็ไม่เจอ”
“เอ่อ..วัชเค้าคงงานยุ่...“ แววยังพูดไม่จบ
“งานยุ่งอะไรกันคะ แหนมไปรอที่ทำงานก็ไม่เห็นแม้แต่เงา แหนมนัดร้านทำแหวนแต่งงาน นัดโรงแรม นัดดีไซเนอร์ตัดชุดแต่งงาน นัดทุกอย่างไว้แล้ว แต่วัชเค้าหายตัวไปแบบนี้ แหนมก็เสียชื่อแย่สิคะ”
“แม่เข้าใจจ้ะ...แต่แม่เองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน แม่ขอโทษแทนลูกชายก็แล้วกัน”

ครั้นเมื่อเนตรนภัสเห็นหน้าแววซีดๆ เสียงอ่อยๆ ของแวว ก็เริ่มจะมีสติ
“แหนมก็ต้อง..ขอโทษ” เนตรนภัสยกมือไหว้
“คุณแม่ด้วยนะคะ ที่โวยวาย แต่แหนมทนไม่ไหวจริงๆ วัชทำตัวเหมือนคนไม่มีความรับผิดชอบ เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำเล่นๆแบบนี้ แหนมยอมเหนื่อยเตรียมทุกอย่าง วัชแค่มาตามนัด เค้ายังทำไม่ได้ แหนมไม่เข้าใจจริงๆว่าวัชเค้าเป็นอะไร”
เนตรนภัสระบายความคับข้องใจออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
แววได้แต่มองเนตรนภัสด้วยความเห็นใจเพราะอยู่ในอาการน้ำท่วมปาก
“เอาเป็นว่า ถ้าคุณแม่เจอวัชก็บอกให้เค้ารีบมาหาแหนมแล้วกันนะคะ แหนมขอตัวกลับก่อนนะคะ” เนตรนภัสพูดตัดบทและยกมือไหว้ลากลับ “สวัสดีค่ะ”
แววรับไหว้ “จ้ะ..สวัสดีจ้ะ”
เนตรนภัสหยิบกระเป๋าและเดินออกไปแล้ว แต่แววยังนั่งอยู่ที่เดิมมองตามด้วยความหนักใจ

คนร้ายโดนวัชระล็อคตัวแล้วลากออกมาจากที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นร้านเกมที่มีการค้ายาเสพติดแฝง ในที่เกิดเหตุเวลานั้นมีไทยมุงอยู่กลุ่มหนึ่ง สภาพของวัชระดูมอมแมมเล็กน้อย
“หมวดพาไปสอบปากคำเพิ่มเติม” วัชระส่งตัวคนร้ายให้กับตำรวจอีกคน
“ครับผู้กอง”
ผู้หมวดคุมคนร้ายไปที่รถ ไทยมุงยังคงเกาะติดกับสถานการณ์ นอกจากนี้ยังมีนักข่าวถ่ายทำข่าวอยู่ วัชระไม่สนใจจะเอาหน้าเอาตาไปออกโทรทัศน์ จึงเดินแยกไปที่มุมหนึ่ง ซึ่งรถมอเตอร์ไซค์จอดแอบหลบมุมอยู่ มีผ้าใบคลุมทับอยู่ไม่ให้เป็นจุดเด่น วัชระเก็บผ้าใบใส่กระเป๋าที่ติดมากับรถ และหยิบโทรศัพท์มือถือมาดู วัชระขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ

แววคุยโทรศัทพ์คุยกับวัชระ น้ำเสียงบ่งบอกถึงความหนักใจ
“ที่จริงก็ไม่มีเรื่องคอขาดบาดตายอะไรหรอกลูก แม่แค่จะบอกว่าแหนมเค้ามาที่บ้าน”
ทันทีที่ได้ยินชื่อ เนตรนภัส หน้าของวัชระก็เปลี่ยนแสดงความเบื่อหน่ายขึ้นมาในทันที
“เค้าท่าทางเป็นทุกข์มาก” เสียงแววบอกผ่านทางโทรศัพท์
“แม่ว่าวัชน่าจะไปหาแหนมเค้าหน่อยท่าทางเค้าจะร้อนใจเรื่องงานแต่งงานมาก”
วัชระตอบเสียงเหนื่อยๆ
“แหนมเค้าก็ร้อนใจ ใจร้อน กับทุกเรื่องอยู่แล้วครับแม่ แต่แม่ไม่ได้บอกเบอร์นี้กับแหนมใช่มั๊ยครับ”
แววตอบด้วยความหนักใจ
“ไม่ได้บอก และแม่ก็ไม่ชอบโกหกอะไรแบบนี้ ถ้าวัชยังไม่รีบจัดการให้เรียบร้อย ถ้าเค้ามาอีกที แม่จะให้เบอร์นี้ไปเลย”
“เอาเป็นว่าถ้าผมพร้อมเมื่อไหร่จะไปหาเค้าก็แล้วกัน .. แค่นี้ก่อนนะแม่ ผมต้องไปสอบปากคำคนร้ายต่อ” วัชระพูดตัดบท
วัชระวางสายไปด้วยความเครียด
“ไปเฝ้าที่ทำงาน ไปคอนโดไอ้กริช แล้วนี่ไปบ้านอีก..แหนมจะไปตามจิกที่ไหนอีกมั้ยเนี่ย” วัชระบ่นด้วยความเหนื่อยหน่าย

หน้าบริษัทเอ็มกรุ๊ปตอนบ่ายๆ พนักงานเดินไปมาบางตา ร่างของเนตรนภัสเดินด้วยอารมณ์ไม่สู้ดี พอเข้ามาในตึก ก็เดินมุ่งพุ่งตรงไปที่ห้องทำงานกริชชัยทันที
อรุณศรีกำลังคุยกับเบญลี่อยู่ที่โต๊ะทำงานเบญลี่
“นี่เป็นรูปแบบเกมที่จะเล่นในงาน แล้วนี่ราคาค่าตัวของนักดนตรี นี่เป็นแบบเวทีที่ทางโรงแรมเสนอมา ฝากพี่เบญลี่นำเสนอคุณกริชด้วยนะคะ”
เบญลี่รับเอกสารมา แล้วก็รีบถามด้วยความอยากรู้
“วันก่อนคุณกริชเรียกแอ๊วคุยหลังประชุม..เรื่องอะไรเหรอ ถ้าเป็นความลับก็ไม่เป็นไป บอกพี่ได้ พี่เก็บความลับเก่ง”
“ไม่ลับหรอกค่ะ คุณกริช อนุญาตให้แอ๊วชวนแฟนไปงานวันเสาร์อาทิตย์นี้ด้วยน่ะค่ะ”
เบญลี่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“คุณกริชอนุญาตให้แอ๊วพาแฟนไปเนี่ยนะ”
“ใช่ค่ะ”

ทันใดนั้นเองเนตรนภัสก็เดินเข้ามาอย่างมั่นใจ ความสวยเซ็กซี่แผ่รัศมีออกมาอย่างแรงจนคนรอบข้างสัมผัสได้ เนตรนภัสเดินมาหยุดตรงหน้าเบญลี่กับอรุณศรีและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง
“ฉันมาหาคุณกริช คุณกริชอยู่หรือเปล่า”
เบญลี่กับอรุณศรีประหลาดใจ อรุณศรีแอบ คิดว่า ผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นแฟนกริชชัย
“ฉันถามว่าคุณกริชอยู่หรือเปล่า” เนตรนภัสเสียงดังขึ้น
“อยู่ค่ะๆ ไม่ทราบว่านัดไว้หรือเปล่าคะ“ เบญลี่บอก
“ไม่ได้นัด ไปบอกคุณกริชว่าฉัน... เนตรนภัสมาขอพบ”

ประตูห้องทำงานถูกเปิดออก เบญลี่เดินนำเนตรนภัสเข้ามา
“คุณกริช เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
กริชชัยพยักหน้าให้เบญลี่ออกไป เบญลี่จำใจต้องออกไปตามคำสั่ง ทั้งที่อยากอยู่ด้วยใจจะขาด เมื่อประตูห้องปิดลง เนตรนภัสก็เปิดฉากทันที
“ตอนนี้วัชอยู่ไหน ไม่ต้องมาช่วยปิดบังกันเลยนะ”
“ผมไม่ได้ปิดบัง แต่ผมไม่รู้จริงๆ แหนมก็รู้ว่าไอ้วัชมันเป็นพวกรักอิสระ ไม่ชอบให้คนไปบังคับ”
คำอธิบายของกริชชัย กลายเป็นการสาดน้ำมันเข้ากองเพลิง
“คุณกริชจะบอกว่าแหนมไปบังคับวัชใช่มั้ยคะ ผู้ชายก็เป็นแบบนี้ ชอบเข้าข้างกันเอง ผู้หญิงเป็นฝ่ายผิดตลอด”
กริชชัยยังไม่ทันจะพูดต่อ
“ไม่รู้หล่ะ ฝากคุณกริชบอกวัชด้วยว่าแหนมไม่ยอมให้เค้าหนีหน้าแบบนี้ แหนมจะต้องตามหาเค้าให้เจอ ถ้าเค้าไม่รีบติดต่อกลับมา เจอดีแน่”
เนตรนภัสพูดจบก็สะบัดหน้าเดินออกไปด้วยความหงุดหงิดอย่างแรง กริชชัยเดินตามไปด้วยความหวังดี
“แหนม..แหนม..ผมว่าคุณใจเย็นก่อนดีกว่า” กริชชัยเตือน
กริชชัยเดินตามออกมาติดๆ กัน ร้องเรียก
“แหนม เหนม แหนม”
เสียงกริชชัยไล่ตามหลัง ทว่าเนตรนภัสไม่สนใจ เดินออกไปด้วยความหงุดหงิด
กริชชัยได้แต่ส่ายหน้า ครั้นจะหันหลังจะกลับเข้าห้องทำงาน ก็พบว่า อรุณศรียืนมองอยู่กับเบญลี่
อรุณศรีพยายามไม่สบตา ทำเป็นอ่านเอกสาร เบญลี่ก็ทำเป็นจัดเอกสารโน่นนี่ ทำยุ่งๆ
กริชชัยมองอรุณศรีแล้วก็รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้เข้าใจผิด กริชชัยโพล่งขึ้นมาลอยๆ
“เนตรนภัสเค้าเป็นแฟนวัชระ เค้ามาตามหาวัช..ไม่ได้เกี่ยวกับผม”
อรุณศรีชะงักพลางคิดในใจว่า แล้วมาบอกฉันทำไม อรุณศรียังคงจัดเอกสารต่อ ทำเป็นไม่สนใจและไม่ได้เงยหน้ามามองกริชชัย เบญลี่เห็นอรุณศรีไม่รับคำ ก็เลยต้องรับไว้เอง
“ค่ะๆ รับทราบค่ะ”
กริชชัยพยักหน้าให้เบญลี่... และแอบปรายตามองมาทางอรุณศรีก่อนจะเดินเข้าห้องไป
กริชชัยเดินเข้ามาในห้องทำงานแล้วก็เอามือลูบหน้าด้วยความเครียด
“ไอ้วัชนะ ไอ้วัช ฉันเกือบซวยไปด้วยแล้ว”

กริชชัยส่ายหน้าด้วยความเซ็ง
อ่านต่อหน้า 2







สามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 8 (ต่อ)
 
ที่โต๊ะทำงานของเบญลี่ ซึ่งอยู่หน้าห้องทำงานของกริชชัย เบญลี่รีบหันขวับมาทางอรุณศรี พร้อมกับจีบปากจีบคอ

“พี่ว่าคุณกริชพูดแบบนี้ เพราะอยากจะบอกแอ๊วแน่ๆเลย ไม่ได้อยากจะบอกพี่หรอก”
“แอ๊วว่า..คุณกริชต้องการจะบอกเราทั้งสองคน ไม่ใช่แค่คนใดคนหนึ่งหรอกค่ะ .. พี่เบญลี่น่ะ คิดมาก แอ๊วไปทำงานต่อนะคะ”
อรุณศรียิ้มแล้วก็หันหลัง แววตาจากที่ยิ้มเหมือนไม่คิดก็นิ่งลง..แอบคิดนิดๆ หรือว่าจะใช่?

วัชระขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาในคอนโดของกริชชัย พอเลยป้อมยามมานิดหน่อยก็ตัดสินใจเบรกรถแล้วก็เลี้ยวกลับมาที่ป้อมยาม และคุยกับรปภ.
“วันนี้มีผู้หญิงมาที่ห้อง 11-12-13 บ้างหรือเปล่า”
วันนี้ยังไม่มีครับ แต่เมื่อวานมา 1 ท่าน แล้วก็ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้กับผมบอกว่า ถ้าคุณมาให้โทร.บอกเธอด้วยครับ”
“แล้วโทร.บอกหรือยัง”
“ยังครับ”
“ไม่ต้องโทร”
วัชระพูดจบก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปด้วยความเซ็ง

สุพรรณิการ์นอนหลับอย่างอิ่มอกอิ่มใจ จนนาฬิกาปลุกดัง สุพรรณิการ์เอื้อมมือไปปิด พร้อมกับดูเวลา
ประมาณหกโมงเย็น
“นอนหลับสนิทดีจริงๆ เอ๊ะ..ทำไมวันนี้เงียบๆ สงสัยนายหน้าหนวดจะไม่ได้มา”
สุพรรณิการ์แปลกใจ และนึกถึงเหตุการณ์ที่เห็นเนตรนภัสมากดออดที่ห้องของกริชชัยและเพื่อนๆ

หัวค่ำวันเดียวกัน สุพรรณิการ์เดินเข้ามาในร้านสาดสุราฯ เห็นกรกนกกำลังจัดของอยู่ที่เคาน์เตอร์
“ทำไมวันนี้คุณกรมาเข้างานเร็วจังคะ”
กรกนกหันมายิ้มรับ
“พอดี... ธีเค้านัดเพื่อนไว้ที่นี่น่ะค่ะ ก็เลยออกมาพร้อมกัน” สุพรรณิการ์พยักหน้ารับ
“ธีนั่งอยู่ตรงโน้นน่ะค่ะ” กรกนกบอก
สุพรรณิการ์หันไปที่ระเบียงร้านด้านนอกตามที่กรกนกบอก

ธีธัชนั่งคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังยืนโวยวายอยู่ในอาการฉุนเฉียว และในจังหวะที่ผู้หญิงหันหน้ามา สุพรรณิการ์ถึงได้เห็นว่าเป็นเนตรนภัส สุพรรณิการ์ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“แหนม...”
“คุณฝ้ายรู้จักคุณแหนมด้วยเหรอคะ” กรนกถาม
“เอ่อ..ไม่รู้จักค่ะ แค่เคยเห็นหน้าแว๊บๆ แบบไม่ตั้งใจ แล้ว..นี่เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ดูเหมือนเค้าอารมณ์ไม่ค่อยดี”
“สงสัยจะเป็นเรื่องคุณวัชน่ะค่ะ”
สุพรรณิการ์หูผึ่งขึ้นทันที
“นายหน้าหนวด เอ่อ..นายวัชระเค้าไปทำอะไรไว้เหรอคะ”

เนตรนภัสโวยใส่ธีธัช
“วัชทำให้แหนมโกรธมาก ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้ นัดไว้แล้วก็ไม่มา ขอโทษสักคำก็ไม่มี แถมยังหนีหน้า ปิดมือถือ หายหัวไปไหนก็ไม่รู้”
ธีธัชสะดุ้งนิดๆแทนเพื่อน
สุพรรณิการ์ถามกรกนกด้วยความอยากรู้
“อ้าว..แล้วทำไมนายวัชระต้องหนีด้วย หนีอะไร”
กรกนกลังเลครู่หนึ่ง เพราะไม่แน่ใจว่าจะพูดดีเรื่องส่วนตัวของวัชระมั้ย
“เอ่อ..คือ คุณวัชกับคุณแหนมวางแผนจะแต่งงานกันเร็วๆนี้ แต่พอเริ่มเตรียมงาน คุณวัชก็หายตัวไปซะเฉยๆ ติดต่อก็ไม่ได้ คุณแหนมก็เลยโกรธ”
สุพรรณิการ์ยังมองเห็นว่า เนตรนภัสโวยวายอยู่
“ไม่ใช่แค่โกรธ แต่แหนมเสียใจ... ธีลองคิดดู คนเรากำลังจะแต่งงานกัน มีคู่ไหนบ้างที่เค้าหายตัวไป ปล่อยให้ผู้หญิงกระตือรือร้นวิ่งวุ่นทำโน่นทำนี่อยู่คนเดียว วัชเห็นแก่ตัว”
“วัชมันอาจจะมีเหตุผลส่วนตัวของมันก็ได้”
“เหตุผลเห็นแก่ตัวมากกว่า ทั้งคุณกริชและธีต้องช่วยแหนม ลากตัววัชกลับมา จะวิ่งหนีปัญหาแบบนี้ไม่ได้” เนตรนภัสสวนขึ้นทันที
คำพูดของเนตรนภัสเหมือนเป็นการออกคำสั่ง ธีธัชสะดุ้งเฮือก
สุพรรณิการ์มองเนตรนภัสที่โวยวายอยู่ แววตาครุ่นคิด กรกนกเล่าต่อ
“คุณวัชไม่ได้หนีปัญหานะคะ เห็นธีบอกว่ายังไม่พร้อมสู้ปัญหามากกว่า แต่กรว่า..หนีปัญหากับไม่พร้อมสู้ปัญหาก็มันความหมายเดียวกัน แค่ประดิษฐ์คำให้ดูดีขึ้นมาหน่อย”
“ถ้าปัญหามาแรงแบบนี้..สู้ยังไงก็แพ้”
สุพรรณิการ์พูดด้วยความเห็นใจ เนตรนภัสหันมาหยิบกระเป๋าเตรียมจะไป
“แหนมไปแล้วนะ นัดเพื่อนๆ วัชที่เตรียมตำรวจไว้”
“นี่แหนมตระเวนประจานไอ้วัชมันกับเพื่อนทุกคนเลยเหรอ”
“แหนมไม่ได้ประจาน แต่แหนมขอความร่วมมือ แหนมเป็นฝ่ายเสียหาย วัชจะต้องชดใช้”
เนตรนภัสเดินออกไปเลย ธีธัชถอนหายใจเบาๆแทนเพื่อน

หลังเนตรนภัสกลับไป กรกนกเดินมาหาธีธัชที่ระเบียง สุพรรณิการ์เดินตามมาห่างๆ แต่แอบยืนแอบฟังอยู่ข้างหลังอย่างสนใจ
“คุณแหนมว่ายังไงบ้าง”
“ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้วัชมันถึงเครียด”
“ก่อนหน้านี้ไอ้วัชมันคงจะยอมมานาน แหนมคงจะกดมันมาตลอด พอไอ้วัชมันลุกขึ้นมาแข็งข้อใส่ก็เลยไม่ชิน ขนาดผมกับไอ้กริชช่วยกันพูด ไอ้วัชมันยังไม่ยอมไปเจอแหนมเลย เมื่อก่อนมันไม่เคยเป็นแบบนี้ แสดงว่ามันคงจะเครียดมากๆ”
ธีธัชพูดด้วยความสงสารและเป็นห่วง กรกนกนั่งข้างๆ ฟังอย่างเข้าใจ สุพรรณิการ์ฟังแล้วก็ครุ่นคิด และแอบเห็นใจวัชระขึ้นมาอีกนิดหน่อย

หลังจากปิดร้านสาดสุรา สุพรรณิการ์กลับคอนโดฯเหมือนทุกครั้ง พอรถเข้ามายังลานจอดรถ สุพรรณิการ์เห็นสภาพรถอันบอบช้ำของวัชระจอดนิ่งอยู่ที่ อีกทั้งยังมีรถกะบะโรงงานน้ำปลาของเธอจอดขวางไว้ สุพรรณิการ์เดินมามองรถวัชระ ด้วยแววตาที่แอบสงสารและเห็นใจ สุพรรณิการ์หันมามองดูรถตัวเองแล้วก็นิ่งคิด

คืนเดียวกัน ที่บ้านสวน ลำเภาเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“คุณวัชจะมานอนที่นี่”
กริชชัยคุยกับลำเภาในบริเวณบ้าน ด้านหลังเห็นวัชระนั่งเซ็งอยู่ที่ระเบียง
“แค่สองสามวัน พอดีมันหาที่หลบภัย..ภัยผู้หญิง”
“โห..แล้วนี่จะมีผู้หญิงมาตามจิกตบตีที่นี่หรือเปล่า เภาไม่เอาด้วยนะ เภาอยู่สงบๆ ไม่อยากเดือดร้อน”
“เอาน่า..พี่จะพยายามไม่ให้มีปัญหา”
ลำเภาส่ายหน้า
แล้วทำไมคุณกริชพาเพื่อนมาที่นี่”
“ก็มันกำลังเซ็งชีวิต ไม่มีที่ไป”
“ตกลงคุณวัชเค้ามีปัญหาอะไรเหรอ ดูยิ่งใหญ่มากเลยนะเนี่ย”
“มันโดนผู้หญิงเร่งแต่งงาน แต่มันยังไม่อยากแต่ง”
“ต๊าย...ชั่ว” ลำเภาหลุดปากตามนิสัย 
กริชชัยสะดุ้งเฮือก
“แรงไปนะ”
“จริงนี่ คุณกริชไม่น่าไปให้ความร่วมมือ เอาแต่ช่วยเพื่อนซี้ระวังจะซี้เพราะเพื่อน” ลำเภาเตือน
“เอาน่า..แค่ไม่กี่วัน พอมันดีขึ้นมันก็กลับบ้านแล้ว”
ลำเภากับกริชชัยยืนมองวัชระที่นั่งเซ็ง หมดอาลัยตายอยาก
“คุณกริชแน่ใจเหรอว่ามันจะดีขึ้น”
กริชชัยมองไปที่วัชระแล้วคิดเพราะในใจลึกๆ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

ที่ระเบียงบ้านลำเภา วัชระนั่งคิดเรื่อยเปื่อยด้วยความเซ็ง เหนื่อย หน่าย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูรูปเก่าๆ รูปของเนตรนภัสตอนสดใส ร่าเริง ยิ้มแย้ม แต่ละภาพถูกเปิดเรื่อยๆ จนมาถึงภาพสุดท้าย วัชระถอนหายใจ
“แหนมเปลี่ยนไป หรือ ผมไม่เคยรู้จักแหมกันแน่”

เช้าวันต่อมา หน้าบริษัท M Group รถยนต์ของปรานต์เข้ามาจอดเทียบ อรุณศรีกำลังจะลงจากรถ ปรานต์จับมือไว้
“แอ๊ว..เรื่องนั้นน่ะ ว่ายังไงบ้างจ้ะ” ปรานต์ยิ้มอย่างมีหวัง
“แอ๊วมีเงินไม่ถึงจริงๆ แต่ฝ้ายบอกว่าถ้าปรานต์เดือดร้อนจริงๆ เค้าจะให้ยืม”
ปรานต์ผงะ
“นี่แอ๊วเล่าเรื่องนี้ให้ยัยนั่นฟังด้วยเหรอ”
“ก็แอ๊วกลุ้มใจ เงินไม่ใช่น้อยๆ แอ๊วก็ต้องปรึกษาคนอื่นบ้าง”
“เราคบกันมาตั้งกี่ปีแล้ว ทำไมแอ๊วไม่ไว้ใจผม”
อรุณศรีนั่งเงียบ ปรานต์หงุดหงิดใส่ทันที
“ไม่ต้องเลยนะ ไม่ต้องพูดเรื่องยืมเงินคนอื่นเลย ผมไม่ทำ ถ้าแอ๊วอยากทำก็ยืมมาให้แล้วกัน ฝ้ายเค้าก็เป็นเพื่อนแอ๊ว ไหนๆสนิทกัน แอ๊วยืมเองน่าจะง่ายกว่า นะจ้ะคนดี”
อรุณศรีอึ้งไป ได้แต่พยักหน้า แล้วก็หันไปเปิดประตูจะลงจากรถ
ก่อนที่อรุณศรีจะลงจากรถและปิดประตูลง
“อ้อ..แอ๊ว เสาร์อาทิตย์นี้ผมไม่อยู่กรุงเทพฯนะ มีงานไปดูรถให้ลูกค้าที่ต่างจังหวัด” ปรานต์พูดขึ้น
อรุณศรีหันมาพยักหน้ารับรู้ ปรานต์มองตามอรุณศรี จนแน่ใจว่าอยู่ในระยะปลอดภัย ก็หยิบมือถือมากดข้อความ “เสาร์นี้เจอกันครับ” จากนั้นก็ส่งข้อความนี้ไปยังเครื่องเกียว

เช้าวันเดียวกัน วัชระนอนหลับสนิทอยู่ภายในห้องที่บ้านลำเภา เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น วัชระไม่ได้ยิน
เสียงโทรศัพท์ยังคงดังอยู่ จนเป็นต่อ พอใจเริ่มหงุดหงิด และทนไม่ไหว วิ่งไปที่ประตูหน้าห้องวัชระเอาขาตะกุยจนประตูเปิดออก
วัชระยังคงนอนนิ่งยังไม่รู้สึกตัว เป็นต่อ พอใจ วิ่งเข้าไปเลียมือ เลียใบหน้า จนวัชระรู้สึกตัวตื่นด้วยความตกใจ ลุกพรวดเช็ดหน้าเช็ดตาด้วยความตกใจ
“เฮ้ย อะไรกันเนี่ย เข้ามาได้ยังไง เข้ามาทำไม แกสองตัวจะทำอะไรฉัน”
เป็นต่อส่ายหน้า พอใจก้มหน้าละอายใจ เสียงโทรศัพท์บ้านยังดังอยู่ วัชระเริ่มรู้สึกตัว

วัชระเดินงัวเงียออกมารับโทรศัพท์บ้าน โดยมีเป็นต่อ กับพอใจเดินต้วมเตี้ยมๆ ตามมา
“สวัสดีครับ”
“ทำไมรับช้านักวะไอ้วัช” เสียงกริชชัยดังมาตามสาย
“ไอ้กริช ฉันไม่ได้ยิน หลับอยู่ แล้วนี่..แกกับเภาออกไปกันหมดแล้วเหรอ”
“เภาออกไปทำงาน ฉันมาดูคอนโด แล้วฉันก็มีข่าวดีจะบอกแก”
“ข่าวดีอะไรวะ”
วัชระถามด้วยความแปลกใจ

วัชระแวะมาที่คอนโดฯในตอนกลางวัน รถวัชระยังคงจอดอยู่ที่เดิม แต่ไม่มีรถกะบะแล้ว วัชระยืนมองด้วยความแปลกใจ
“ยัยคุณหนูโรงน้ำปลาเลื่อนรถออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย เมื่อวานยังเห็นอยู่เลย”
วัชระมองด้วยความแปลกใจ รถสปอร์ตของสุพรรณิการ์จอดอยู่ วัชระหันไปมองที่บนคอนโดฯ

วัชระเดินเข้ามาและกดออดที่หน้าห้องสุพรรณิการ์บนคอนโดฯ สุพรรณิการ์นอนหลับด้วยความเพลียไม่รู้เรื่องวัชระกดอีกครั้ง สุพรรณิการ์ดึงหมอนมาปิดหู
“ไม่มีใครอยู่...เลิกกดได้แล้ว”
สุพรรณิการ์นอนต่อ วัชระยืนท้าวเอวอยู่หน้าห้อง..
“ไม่ยอมตื่น ขี้เซาจริงๆ”
วัชระเริ่มคิดวางแผนปลุกสุพรรณิการ์ด้วยความเจ้าเล่ห์

อุปกรณ์เจาะกำแพงอยู่ในมือวัชระ วัชระจัดการเจาะทันที สุพรรณิการ์สะดุ้งตื่นทันที
“เอ้ย!! เจาะอีกแล้ว”
สุพรรณิการณ์ลุกขึ้นนั่งด้วยความหงุดหงิด เสียงเจาะกำแพงยังคงดังต่อเนื่อง
“นายหน้าหนวด”
วัชระกำลังเอาโคมไฟมาติดที่กำแพงอย่างมีความสุข ทันใดนั้นเสียงออดก็ดังขึ้น วัชระอมยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก อย่างพอใจ และมีความสุข
“ยอมตื่นแล้วเหรอ”

ประตูห้องกริชชัยเปิดออก เห็นสุพรรณิการ์ยืนหน้าบอกบุญไม่รับ ผมเผ้ายุ่งเหยิงอยู่หน้าห้อง สองคนมองหน้ากัน ต่างคนต่างมีฟอร์ม
“ไง” วัชระพูดลอยๆ
“ไงอะไร”
“ก็ไง .. คิดอะไรทำไมถึงเลื่อนรถให้ผม”
“อ๋อ..นี่ที่คุณเจาะกำแพงเนี่ย เพราะต้องการจะเรียกให้ฉันมาด่าคุณ แล้วจะถามคำถามเนี่ยนะ”
“ฉลาดมาก” วัชระชี้หน้า
“แน่นอน” สุพรรณิการ์รับหน้าตาเฉย
“ไง..บอกได้หรือยังทำไมถึงเลื่อนรถให้ผม”
สุพรรณิการ์เอามือมากอดอก พลางหลิ่วตาแล้วก็ตอบกวนๆ
“ก็สมเพช เวทนา ไม่อยากจะหาเรื่อง”
วัชระเลิกคิ้ว
“สมเพชเวทนาอะไร”
สุพรรณิการ์ปรายตาอย่างผูมีชัย
“กำลังเป็นอะไรอยู่ ก็สมเพชเรื่องนั้นแหละ”
วัชระมองหน้าสุพรรรณิการ์อย่างงงๆ  จนฝ่ายสุพรรณิการ์ต้องตัดบท
“เอาเป็นว่าฉันเบื่อ ก็เลยเลิก แค่นั้นแหละ ฉันจะไปนอนแล้ว ถ้าจะเจาะต่อก็ตามเชิญตามสบาย ฉันซื้อที่อุดหูมาแล้ว”
สุพรรณิการ์กำลังหันหลังเพื่อจะเดินกลับเข้าห้อง
“เดี๋ยว”
“อะไรอีกล่ะ”
“ที่ผมขับรถเฉี่ยวคุณ คุณต้องการค่าเสียหายเท่าไหร่ “
“คุณกริชเค้าจ่ายมาแล้ว และฉันก็เอาไปทำบุญหมดแล้วด้วย”
“งั้นผมจะไปจ่ายคืนไอ้กริชมันเอง”
สุพรรณิการ์เลิกคิ้วแปลกใจ
“ก็แสดงความรับผิดชอบ แล้วก็ตอบแทนที่เลื่อนรถให้” วัชระพูดพลางยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยโดยไม่รู้ว่า เข้าใจผิด สุพรรณิการ์ชะงักกับรอยยิ้มของวัชระ
วัชระพูดจบก็ปิดประตูกลับเข้าห้องไป ปล่อยให้สุพรรณิการ์ยืนครุ่นคิดอยู่ที่เดิมด้วยความแปลกใจ
“นายหน้าหนวดเวลาไม่อมทุกข์ก็น่ารักดีเหมือนกันแฮะ เฮ้ย..คิดไรเนี่ย”
สุพรรณิการ์พึมพำกับตัวเองแล้ว ส่ายหน้าเดินกลับเข้าห้องไป
ณ เวลานี้ ที่บริเวณคอนโดของกริชชัย มีร่องรอยของความสัมพันธ์เล็กๆ ระหว่างวัชระกับสุพรรณิการ์แอบงอกงามขึ้นโดยไม่มีใครรู้ตัว


อรุณศรีนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ครุ่นคิดเรื่องปรานต์ขอยืมเงินด้วยความกลุ้มใจ
“ถ้าเรายืมเอง..ฝ้ายต้องไม่ให้แน่ๆ” อรุณศรีพูดเบาๆ กับตัวเอง
จังหวะนั้น กริชชัยเดินเข้ามาในแผนกพอดี และแอบเห็นอรุณศรีนั่งหน้าเครียด ถอนหายใจ ในใจอยากรู้ด้วยความเป็นห่วง

อรุณศรีคิดแล้วก็หยิบใบสมัครเงินกู้บุคคลมาดู แล้วก็คิดถึงคำสนทนาของพนักงานบริษัทเงินกู้ด่วนเมื่อหลายวันก่อน
“ถ้าน้องต้องการเงินกู้แบบด่วนจี๋ มีที่นี่ที่เดียวนะครับ ไม่ต้องมีหลักประกัน ไม่ต้องมีคนค้ำ มีแค่ใบรับรองเงินเดือนอย่างเดียวทำได้เลย น้องทำงานที่นี่หรือเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นพี่ให้สิบเท่าของเงินเดือน เงินเดือนสองหมื่นเอาไปเลยสองแสน แค่เอาสลิปเงินเดือนมาให้พี่ เซ็นเอกสารอีก 5 นาที เงินโอนเข้าแบงค์ทันที เร็ว ง่าย สบาย น้องสนใจมั้ยครับ”

“มีปัญหาเรื่องเงินเหรอ” เสียงของกริชชัยปลุกอรุณศรีให้ตื่นขึ้นจากภวังค์
อรุณศรีสะดุ้งนิดๆ เห็นกริชชัยยืนอยู่ ตกใจรีบเก็บใบปลิวเงินด่วนนั้นทันที
“ปละ..เปล่าค่ะ”
“เปล่า แล้วดูใบสมัครเงินกู้ส่วนบุคคลทำไม”
อรุณศรีไม่ตอบ ก้มหน้ามองไปทางอื่น
“รู้ใช่มั้ยว่าเงินกู้พวกนี้ ระบบเค้าเป็นยังไง คิดดอกเบี้ยเท่าไหร่”
“ก็พอทราบค่ะ”
อรุณศรีไม่กล้าสบตากริชชัยจนเขารู้สึกได้ จึงพูดดักคอ
“ปกติคุณคุยกับผมไม่เคยหลบตา แต่ครั้งนี้ไม่ปกติ”
อรุณศรีสะอึก
“เอาเป็นว่า ถ้าคุณไม่อยากบอกผม ไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณต้องการกู้เงิน ขอให้มาคุยกับผมก่อนจะไปคุยกับบริษัทพวกนั้นได้หรือเปล่า”
อรุณศรีอึ้งไป พูดไม่ออกและยังไม่กล้าสบตากริชชัย
กริชชัยรอฟังคำตอบ
“ได้หรือเปล่า” กริชชัยย้ำ
อรุณศรีเงยขึ้นมามองหน้า สองคนสบตากัน กริชชัยมองด้วยแววตานิ่ง แต่แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วง จน
อรุณศรีหลุดปากออกไปโดยไม่รู้ตัว
“ได้ค่ะ”
กริชชัยพยักหน้ารับ และเดินกลับออกไป ด้วยท่าทางนิ่งๆ ขรึมๆ เหมือนเดิม
 
อรุณศรียังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม แต่เริ่มมีความรู้สึกดีๆ กับกริชชัยเกิดขึ้นในใจแบบไม่รู้ตัว

จบตอนที่ 8
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป พรุ่งนี้ (19 ธ.ค. 2554)






กำลังโหลดความคิดเห็น