xs
xsm
sm
md
lg

นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 11

เมขลาตื่นมา มองไปที่พื้นที่รามนอน เห็นหมอนกับผ้าห่มพับเก็บเรียบร้อย ก็แอบค้อน

“พอตื่นมาก็แจ้นไปหายายทะเลทรายเลยนะ เชอะ”
เสียงเปิดประตูเข้ามา เมขลาหันหลังให้กำลังเก็บที่นอน
“คุณมาก็ดีแล้ว วันนี้เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง”
เมขลาหันไปแล้วอึ้ง เมื่อเห็นว่ามีผู้ชายหน้าเหี้ยมเข้ามา เธอถอยหนี้
“คุณเป็นใคร เข้ามาทำไม รามไม่อยู่หรอกนะ”
ลูกน้องธิดายิ้มกระด้างก่อนตรงเข้าโปะยาสลบ เมขลาดิ้นสู้ แต่ไม่สำเร็จ เธอถูกอุ้มเอาตัวไปผ่านหน้าเย็นที่แอบดูอยู่ ไม่กล้าหือ เพราะกลัวธิดาเล่นงาน ขณะที่ธิดาที่มายืนดูผลงานมองพอใจ

ปองธรรมทรุดตัวลงนั่ง ที่โต๊ะจีนในห้องอาหารมิดชิดหรูหรา มีเทวัญนั่งข้างๆ ขณะที่ลูกค้าของปองธรรมนั่งอยู่ด้วยหลายคน ส่วนรามยืนอยู่ด้านหลัง
“ผมเห็นว่าพวกคุณไม่ได้เจอเทวัญ ลูกชายผมตั้งนาน เลยกลัวจะจำเขาไม่ได้”
ปองธรรมบอกทุกคน เทวัญยกมือไหว้
“ส่วนนั่นราม คนสนิทคนใหม่ของผม ต่อไปเขาจะติดต่อกับพวกคุณแทนแสง”
ทุกคนมอง รามยกมือไหว้ และเมื่อเห็นว่าทุกคนหันไปคุยกัน รามขยับมือถือในมือ ให้อยู่ในตำแหน่งที่จะบันทึกภาพทุกคนได้
ครู่หนึ่ง รามเข้าไปในห้องน้ำ รีบกดมือถือส่งภาพคลิปที่ถ่ายได้ให้ยงยุทธที่ปปส.ส แล้วโทรถาม...
“ว่าไงดาบ พวกนี้เป็นพ่อค้าใบชาจริงๆ อย่างที่พ่อเสือบอกหรือเป็นใครกันแน่”
ยงยุทธตรวจสอบ กับภาพเครือข่ายยาเสพติดภาคเหนือ แล้วตอบกลับไป
“ไม่มีรูปคนพวกนี้ ในแฟ้มข้อมูลของเราเลยครับ”
“ไหงเป็นอย่างนั้นไปได้ ก็พ่อเสือบอกผมเองแท้ๆ ว่าวันนี้จะพามาเจอเพื่อนร่วมวงการคนสำคัญ”
รามหงุดหงิด
“พ่อเสือคงไม่ได้โกหก แต่เป็นเพื่อนจากวงการค้าใบชา เพราะถึงรายได้หลักของพ่อเสือจะมาจากการค้าเนื้อแต่ก็ใช้การค้าใบชาบังหน้ามาตลอด เพิ่งมาเปลี่ยนเป็นเครื่องเซรามิกเมื่อไม่นานนี่เอง ผู้กองก็รู้”
“งั้นก็เสียเวลาชะมัด ไอ้ผมก็นึกว่าจะได้เห็นหน้าหมดยกแก๊ง เวลาตามตัวมาสอบพยานจะได้ไม่ผิดตัว”
รามชะงัก เห็นประตูห้องน้ำเปิดเข้ามาพอดี
“แค่นี้นะดาบ”
รามรีบปิดมือถือ ทำทีไปยืนที่โถ เทวัญมายืนข้างๆ
“คุณพ่อเรียกหานายแน่ะ”
“ครับ”รามรีบไป
เสียงสัญญาณข้อความเข้าดังขึ้น รามหยิบมองแล้วอึ้ง เพราะเย็นส่งข้อความมาว่า...
“เมียเอ็งโดนพาตัวออกไปจากไร่แล้ว”
รามตกใจรีบกดมือถือหาเย็น
“รับสิวะ พี่เย็น รับสิ”
เทวัญเดินไปล้างมือ นิ่วหน้ามอง
“มีอะไร เกิดอะไรขึ้น”
“พี่เย็นส่งข้อความมาบอกว่าเมขลาหายไป ผมเลยกำลังโทรกลับไปเช็คว่าจริงไหม”
รามพยายามโทรหาเย็นใหม่ แต่เย็นนั้นพอส่งข้อความเสร็จก็รีบปิดเครื่อง
“ขอโทษนะไอ้ราม ข้าช่วยเอ็งได้เท่านี้แหละ ที่เหลือก็แล้วแต่บุญแต่กรรมก็แล้วกัน”
เย็นรีบหลบไปอย่างเครียดๆ กลัวธิดาจับได้ ทางด้านรามหงุดหงิด โทรยังไงก็ไม่ติด
“ทำไมไม่รับสายวะ...”
เทวัญออกความเห็น
“พอเถอะ โทรไปก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องแบบนี้พี่เย็นคงไม่กล้าล้อเล่นหรอก นายรีบไปหาตัวคุณเมให้เจอเถอะ ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว”
“แต่พ่อเลี้ยง...”
“ไม่เป็นไร ฉันจัดการเอง”
รามพยักหน้า จะไปแล้วชะงัก
“ขอบคุณมาก คุณเทวัญ”
เทวัญพยัหน้ารับ...


ลูกน้องสองคนช่วยกันลากเมขลาที่ถูกมัดมือ มัดเท้าไว้ลงจากรถ สองคนช่วยยกหัว ยกขาไปที่หนองน้ำเพื่อจะถ่วงน้ำ
ขณะเดียวกัน รามขับรถตามหาเมขลาในไร่ รามพยายามคิดๆ
“คิดๆสิวะ ไอ้พวกนี้มันชอบเอาคนไปฆ่าที่ไหน”
แล้วรามก็คิดถึงหนองน้ำท้ายไร่ ที่พ่อเลี้ยงสั่งให้เขาเอาคนงานไปฆ่าได้...
“หรือจะเป็นที่นั่น”
รามรีบเหยียบคันเร่ง พุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ลูกน้องปองธรรมขับรถออกไป เมื่อโยนเมขลาลงไปในน้ำ อีกด้านหนึ่ง รามขับรถพุ่งเข้ามาจอด วิ่งไปที่หนองน้ำ กวาดตามองหาเมขลาแต่ไม่เห็นเมขลาแล้ว


ในน้ำ...เมขลารู้สึกตัว พยายามจะพุ่งขึ้นผิวน้ำ แต่ขยับไม่ได้เพราะโดนมัดมือมัดขาไว้ เธอหมดแรง หมดอากาศหายใจ ค่อยๆจมดิ่งลงเรื่อยๆ แล้วเธอก็เห็นภาพลวงตา...
ผู้หญิงในชุดขาวหน้าตาสวยงาม เหมือนนางฟ้ายื่นมือมาหาเมขลา ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“แม่ นั่นแม่เมใช่มั้ยจ๊ะ แม่มารับเมไปอยู่ด้วยแล้ว แม่อย่าทิ้งเมไปไหนอีกนะ”
แม่ในจินตนาการของเมขลา หายวับไปเมขลาตะโกนก้อง
“แม่”
ทันใด รามที่เห็นฟองอากาศลอยขึ้นมา เพราะเมขลาดิ้นที่ใต้น้ำรีบโดดลงไปช่วย เขาลากตัวเธอขึ้นมาจากน้ำอย่างเร็ว
รามประคองเมขลาให้นอนรามบนพื้น รามพยายามตบหน้าให้ฟื้น
“คุณเม คุณเม ตื่นสิ ลืมตาขึ้นมา”
รามมองที่ท้องเมขลา อย่างเป็นห่วงลูก รีบฝายปอดให้
“คุณจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาดนะ นึกถึงลูกไว้ ลูกของคุณลูกของเรา ฟื้นขึ้นมาสิเมขลา”
เมขลายังนิ่งเงียบไม่ไหวติง
“ผมอุตส่าห์งมคุณขึ้นมา ผมไม่ยอมให้คุณตายง่ายๆแบบนี้หรอก คุณต้องลุกขึ้นมาขอบคุณผมก่อน”
รามรีบกดมือถือหาก้องภพ เพื่อขอความช่วยเหลือ
“รับสายสิครับท่าน ช่วยรับสายผมด้วย”

ที่บ้านกำนันตาล...ของฝากจากก้องภพกระเด็นออกมานอกบ้าน ชิ้นสุดท้ายเป็นกล่องของขวัญหล่นตรงปลายเท้าก้องภพพอดี
ก้องภพหลุบตาต่ำมองแล้วเงยหน้าไปทางคนปาออกมา ตาลยืนหน้าประตู หน้าบึ้งตึง
“ฉันเคยบอกคุณแล้วไง อย่าซื้อของอะไรมาให้ฉันอีก”
“ผมก็แค่อยากให้ของคุณในวันสำคัญของเราเหมือนที่ผมเคย” ก้องภพหยิบกล่องของขวัญใส่มือตาลอีก “ทำให้คุณทุกปี คุณรับไว้เถอะ ผมจะไม่อยู่ให้เกะกะลูกตาคุณหรอก”
ก้องภพผละไป ตาลบีบของแน่น
“วันครบรอบแต่งงานของเรา มันเป็นวันที่ฉันอยากลืมที่สุด เอามันไปให้พ้นบ้านฉัน เอาไป”
ตาลปาออกไป แต่ก้องภพหันกลับมาฟังตาลพูดพอดี กล่องของขวัญโดนหน้าผากก้องภพเต็มๆ
มีเลือดไหลออกมาเป็นทางยาว ตาลตกใจ

รามไม่สามารถติดต่อก้องภพได้ มองมือถือหมดหวัง นั่งแปะที่พื้น
“ฉันช่วยชีวิตคนมาตั้งมากมาย แต่กลับช่วยเมียกับลูกตัวเองไม่ได้ แกมันไร้น้ำยาจริงๆไอ้ราม”
ขณะเดียวกันนั้น เมขลาฝันเห็นภาพตัวเอง ขณะที่อยู่ที่สระว่ายน้ำ ในช่วงเวลาที่สอบเป็นแอร์โฮสเตส ในฝันนั้น เธออยู่ในชุดว่ายน้ำ ยืนริมขอบสระเตรียมทดสอบ มีกรรมการจับเวลาการทดสอบ
“ฉันจะต้องผ่านการทดสอบเพื่อเป็นแอร์โฮสเตสให้ได้”
เมขลากระโจนลงสระ ว่ายน้ำไปด้วยท่วงท่าอันสวยงาม....
ที่ริมหนองน้ำ...เมขลายังนอนหลับตา ยกมือว่ายน้ำท่าฟรีสไตล์ แถมยกขาตีน้ำกลางอากาศ
“ฉันจะต้องทำให้ได้ ฉันอยากเป็นนางฟ้า ฉันอยากเป็นนางฟ้า”
รามสะดุ้งโหยงหันขวับมา เห็นเมขลาแหวกมือไปมากลางอากาศ รามงุนงงทั้งดีใจ ทั้งโกรธคิดว่าเมขลาบ้าไปแล้ว เขาโวยวายใส่เมขลากลบเกลื่อนความดีใจ
“ยัยประสาท เล่นเอาตกอกตกใจหมด ฉันเกือบจะบ้าตาย แต่เธอยังมีอารมณ์ทำบ้าบออะไรเนี่ย รีบลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
รามดึงแขนเมขลาขึ้น แต่เธอยังว่ายน้ำไม่หยุด
“ใกล้แล้ว 40 เมตร 50 เมตร 60 เมตร”
รามเขย่าเมขลา
“จะว่ายไปไหนนัก เธอรอดตายแล้ว ลืมตาขึ้นมาดูสิ เมๆ”
เมขลายังเพ้อไม่หยุด รามห่วงเมขลามากอยากให้เมขลารู้สึกตัว
“ขอโทษนะผมจำเป็นต้องทำให้คุณรู้สึกตัว”
รามตบหน้าเมขลาแรงๆซ้ายขวา เทวัญขับรถเข้ามาเห็นพอดี คิดว่ารามจะทำร้ายเมขลาวิ่งเข้าไปผลักรามกระเด็น แล้วดึงเมขลาไว้ในอ้อมแขน ขณะที่เธอคอพับนิ่งไปเหมือนเดิม
“คุณจะทำอะไร ผมเคยคิดว่าคุณเป็นสามีที่ไม่เอาไหน แต่ไม่คิดเลยว่าคุณจะเลือดเย็น คิดทำร้ายเมียตัวเองได้ลงคอ”
รามหมั่นไส้เทวัญ แต่ก็ดีแล้วที่เข้าใจผิด จึงพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว
“ช่วยไม่ได้เขาอยากแส่หาเรื่องเอง”
เทวัญเลือดขึ้นหน้าตวาดใส่
“ถึงแม้จะรู้ว่าในท้องเขามีลูกนายอยู่งั้นหรือ”
รามแกล้งยิ้มยียวน
“จะแน่ใจได้ยังไงว่าเด็กในท้องคือลูกผม หรือลูก…คนอื่น”
เทวัญรู้ว่ารามหมายถึงตัวเอง เทวัญลุกยืนกระชากคอเสื้อรามง้างมือจะชกหน้า แต่ได้ยินเสียงเมขลาไอออกมา จึงรีบก้มลงประคอง
“คุณเม”
รามจะถลาไปหาเมขลาเหมือนกัน แต่ไม่ทัน จึงตัดใจปล่อยเธอไว้
“ถ้าคุณอยากได้ผู้หญิงคนนี้นักก็เอาไปเลย เอาไปให้พ้นจากที่นี่แล้วอย่าปล่อยให้ยัยนี่กลับมาขวางหูขวางตาผมอีก”
รามไปขึ้นรถ ได้แต่นั่งมองเทวัญอุ้มเมขลาขึ้นรถไป

ปองธรรมกลับเข้ามาที่บ้าน ธิดามองหลังปองธรรมไม่เห็นรามมาด้วย
“รามไม่ได้กลับมาพร้อมคุณพ่อหรือคะ”
“มันหายหัวไปตอนไหนไม่รู้เหมือนกัน สงสัยคงไปช่วยเมียมันมั้ง“
“แต่ลูกน้องคุณพ่อ กลับมารายงานว่าโยนนังหน้าด้านนั่นลงน้ำไปแล้วนี่คะ ป่านนี้มันคงกลายเป็นซากศพ ให้ปลารุมทึ้งไปเรียบร้อย”
“ใครคิดเป็นเสี้ยนหนามของลูก พ่อจะคอยถอนเสี้ยนทิ้งให้เอง”
ธิดาหันขวับไปทางเย็นที่ยืนอยู่
“แกก็เหมือนกันระวังตัวให้ดี อย่าคิดปากสว่างล่ะ ไม่งั้นฉันจะตัดลิ้นแกทิ้ง”
เย็นรีบปิดปาก รามเดินเข้ามาพอดี ธิดางอนรามเพราะอยากให้รามตามง้อ เธอเดินผ่านเย็นกระแทกส้นสูงใส่เท้าเย็นเต็มๆเป็นการประชดราม
เย็นร้องลั่นกระโดดเหยงๆ ธิดาตั้งใจพูดให้รามได้ยิน
“จำไว้ อย่าแม้แต่จะคิดทำอะไรให้ฉันไม่พอใจ”
ธิดาเมินใส่รามสะบัดหน้าออกไป ปองธรรมหันมาเตือนราม
“ฉันไม่สนใจว่าแกจะเคยมีเมียมีลูกมาสักกี่คน แต่ถ้าแกคิดจะจีบลูกสาวฉัน แกต้องมีธิดาแค่คนเดียว”
“คนที่ผมรักมีเพียงคุณเทเรซ่าเท่านั้น ถ้าผิดไปจากที่ผมพูดพ่อเลี้ยงเอาชีวิตผมไปได้เลย”
รามบอกหนักแน่น ปองธรรมหัวเราะชอบใจตบบ่าราม
“ลูกสาวหัวดื้อคนนี้ มันง้อไม่ยากหรอก พยายามเข้า”
ปองธรรมเดินผ่านเย็น เกิดอาการหมั่นไส้
“เห็นหน้าแกแล้วมันอารมณ์เสีย”
ปองธรรมเตะที่ข้อพับตรงหัวเข่าเย็นอีกดอก เย็นร้องลั่นกระโดดเหยงๆอีกรอบ
“อะไรๆก็มาลงที่ข้าทุกที”
รามมองไปข้างนอกที่ธิดาเดินไป

ธิดายืนหน้าง้ำ พอเห็นรามเดินเข้ามา ธิดาคว้ากระถางต้นไม้เล็กๆปาใส่รามทันที รามรับไว้ทัน ธิดายกอีกใบจะปาซ้ำ
“ถ้าผมตายไป คุณเป็นหม้ายขันหมากผมไม่รู้ด้วยนะ”
“คิดว่าฉันแคร์หรือ ไปตามห่วงใยเมียกับลูกนายให้พอใจเลยไป”
ธิดาปาใส่ รามกระโดดหลบทัน
“นายยังตัดเมียนายไม่ขาดล่ะสิ ถึงยังตามไปช่วยมันอีก”
รามแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าธิดาจะฆ่าเมขลา
“ช่วย เขาเป็นอะไรผมถึงจะต้องไปช่วย ที่ผมไม่ได้กลับมาพร้อมพ่อเลี้ยง เพราะผมเห็นคนที่เหมือนไอ้ธนูป่วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น ก็เลยตามไปดูเพราะห่วงความปลอดภัยของพ่อคุณแต่ไม่คิดว่าพอกลับมาก็เจอคุณงอนเอา งอนเอา”
ธิดาได้ทีโกหก
“ก็เมียนายหนีกลับกรุงเทพฯไปแล้ว ฉันก็คิดว่านายตามมันไปนะสิ”
รามกุมมือธิดาทั้งสองมือ
“ผู้หญิงคนนั้นไปก็ดีแล้ว ผมจะตามไปทำไม เราหยุดทะเลาะกันเรื่องเขาเสียทีเถอะ ต่อไปนี้จะมีแต่เรื่องของเราเท่านั้น”
ธิดาสุดแสนจะปลื้มใจ โผเข้าซบอกรามรามกอดธิดา แต่ใจกลับคิดถึงเมขลา

เทวัญพาเมขลามารักษาที่โรงพยาบาลท้องถิ่งใกล้ๆ เมื่อเธอฟื้นขึ้นมา ก็ขยับจะลงจากเตียง เทวัญดึงไว้
“ผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น คุณต้องอยู่รอให้หมอตรวจก่อน”
“ฉันอยากรู้ว่าใครคิดจะฆ่าฉัน โลกนี้มันไม่มีกฎหมายหรือไง ถึงคิดจะฆ่าแกงใครยังไงก็ได้ ฉันคนหนึ่งที่ไม่มีวันยอมหรอก”
“คุณไม่มีทางไปทำอะไรเขาได้ เชื่อผมสิ ถอยออกมาเถอะ”
เมขลาเขย่าแขนเทวัญ
“คุณพูดเหมือนรู้ว่าใครคิดฆ่าฉัน คุณเป็นคนช่วยฉัน คุณต้องเห็นคนทำร้ายฉันสิ”
เทวัญไม่กล้าบอกว่าเป็นราม ได้แต่อ้ำอึ้ง
“หรือว่า...เป็นเขา รามใช่มั้ย”
เทวัญยังนิ่งไม่ตอบ เลยยิ่งทำให้เมขลามั่นใจ เมขลาถอยเซถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความสะเทือนใจ
“ลืมเขาไปเถอะ ผมจะอยู่กับคุณเอง ผมจะคอยดูแลคุณเอง”
เมขลาจะไปให้ได้ แต่เทวัญคว้าแขนเมขลาไว้หน้าตาจริงจังมาก
“คุณจะกลับไปหาเขาอีกทำไม เอาชีวิตไปทิ้งเพื่อคนแบบนี้ มันคุ้มกันแล้วหรือ“
เมขลาจ้องหน้าเทวัญ ก่อนพูดเสียงราบเรียบ
“คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันจะกลับกรุงเทพฯค่ะ”
เทวัญชะงักไป

ในห้องคนไข้...ทรงวาดยังนอนนิ่งสนิทเป็นเจ้าหญิงนิทรา ทันใดประตูเปิด ลูกน้องของจักร ซึ่งเป็นผู้ชายร่างเล็ก ได้ปลอมตัวเป็นนางพยาบาล เข็นรถเข็นอุปกรณ์วัดความดันเข้ามาที่เตียง เพื่อจะฆ่าทรงวาด
ขณะเดียวกันที่ด้านนอก เมขลาเดินตรงมาที่ทรงวาดปาก พูดมือถือกับโรสไปด้วย
“โรสแกช่วยจัดเสื้อผ้าให้ฉันสักสามสี่ชุดนะ เดี๋ยวคุณเทวัญจะแวะไปเอาที่บ้านแก”
โรสที่นอนเล่นอยู่ กระเด้งนั่งบนโซฟาตาโต
“นี่แกก้าวหน้า ถึงขนาดย้ายเข้าไปอยู่กับเขาได้แล้วหรือ ว้าว!แกรีบมัดหัวมัดหางจับเขาแต่งงานเร็วๆนะยะ ผู้ชายหล่อๆรวยๆอย่างเขาหาไม่ได้ง่ายๆ ที่สำคัญแกก็อย่าลืมว่าเพื่อนคนไหนที่แสนดีกับแก ให้ข้าวแกกิน ให้บ้านแกอยู่ด้วยนะเม”
เมขลาหยุดเดิน อารมณ์ขึ้น
“จะบ้าหรือฉันจะมานอนเฝ้าคุณทรงวาดที่โรงพยาบาล ไม่ได้จะย้ายไปอยู่กับเขา แกนี่ถนัดคิดแต่เรื่องเจริญๆทั้งนั้น”


หน้าตึกโรงพยาบาล...เทวัญกำลังจะเดินออกมา เห็นลูกน้องสองคนยืนกินไอติมกันอยู่ก็โวยใส่
“นายสองคนต้องอยู่กับคุณทรงวาดไม่ใช่หรือ ฉันเคยกำชับไว้แล้วนี่ว่าอย่าปล่อยให้ท่านอยู่คนเดียว”
ลูกน้องพากันตกใจรีบโยนไอติมทิ้ง
“คือคุณพยาบาลไม่ให้ผมเข้าไป บอกว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณทรงวาด เราสองคนก็เลยออกมายืดเส้นยืดสายกันข้างนอก”
“พยาบาลคนนี้ไม่รู้ว่าเป็นหญิงแท้หรือชายเทียม เสียงบีบๆแปร่งหูพิกล แต่ผมสนใจตรงอกภูเขาไฟมากกว่า อิๆๆ”
ลูกน้องตบหัวลูกน้องอีกคนที่พูดมากไป เทวัญชักเป็นห่วงทรงวาด รีบย้อนกลับเข้าไปอย่างเร่งรีบ


ในห้อง...พยาบาลปลอมชูเข็มขึ้นฉีดยาออกมาหน่อยหนึ่ง แล้วจ่อปลายเข็มที่แขนทรงวาด กำลังกดปลายเข็มเข้าเนื้อทรงวาด แต่ยังไม่ทันได้ทำสำเร็จ เสียงเคาะประตูดังขึ้น จึงรีบชักเข็มกลับ เงอะงะมองซ้ายขวาหาที่ซ่อน แล้วรีบพุ่งไปที่หน้าต่าง ปีนออกระเบียงไป
เมขลาเปิดประตูเข้ามา เห็นแต่ทรงวาด
“อ้าว ไม่มีใครเฝ้าคุณแม่หรือนี่”
เมขลาตรงมาที่เตียง จับแขนทรงวาด
“หนูกลับมาแล้วนะคะคุณแม่ แต่ว่าหนูตามคุณรามกลับมาไม่สำเร็จ หนูขอโทษนะคะ”
ริมระเบียง พยาบาลปลอมยืนเบี่ยงๆหลบๆไม่ให้เมขลาเห็น ชักมีดออกมาตั้งใจจัดการเมขลา ขณะเดียวกัน เมขลา กำลังเทน้ำจากกาน้ำร้อนใส่อ่างพลาสติกใบเล็ก
“เดี๋ยวเมเช็ดตัวให้นะคะคุณแม่ คุณแม่จะได้สบายตัวขึ้น”
เห็นมดในอ่างพลาสติกรีบยกดู
“ตายแล้ว มดเต็มไปหมดเลย ดูสิ ที่อื่นมีตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่ไปอยู่...จะว่าไปฉันก็เหมือนพวกแก อยู่ดีไม่ว่าดีชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยน คนเลวพรรณนั้น ยังไปยุ่งกับเขาอยู่ได้”
เมขลาหันไปที่หน้าต่าง ยกอ่างขึ้นบังหน้าตัวเอง ทำให้มองไม่เห็นว่าพยาบาลปลอมกำลังจะโผล่มา
“ขอให้เป็นสุขๆเป็นสุขเถอะนะ อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย สาธุ”
พยาบาลปลอมตั้งท่ายกมีดขึ้น โผล่มาที่หน้าต่างตรงหน้า เมขลาสาดน้ำร้อนโครม! โดนพยาบาลปลอมเต็มๆ
พยาบาลปลอมร้องจ๊ากแล้วหล่นจากระเบียงไปทันที เมขลาได้ยินเสียงร้อง รีบมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ไม่เห็นอะไรพยายามชะเง้อมองหา
“ได้ยินเหมือนเสียงคนร้องเลย เอ๊ะ หรือเราจะหูฝาดไป”
มีมือคนมาจับบ่า เมขลาตกใจร้องกรี๊ด หันขวับไปด้านหลัง พบว่าเป็นเทวัญก็ถอนใจเฮือก

เทวัญสำรวจมองทรงวาดที่ข้างเตียง แล้วหันมาทางเมขลา
“พยาบาลที่เข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่อยู่แล้วหรือครับ”
“ตอนฉันเข้ามาก็ไม่มีนี่คะ เขาอาจจะออกไปแล้วก็ได้ มีอะไรหรือเปล่า แล้วทำไมคุณย้อนกลับมาอีกละคะ”
“อ๋อ ผมกลัวว่าคนของผมมันจะละเลยหน้าที่ เลยเข้ามาดูหน่อย”
เมขลาซึ้งใจ
“ฉันกลับมาแล้วคงไม่ต้องรบกวนพวกเขาแล้วละคะ ขอบคุณคุณจริงๆที่คอยเป็นธุระให้กับฉันทุกเรื่องเลย จนฉันไม่รู้จะตอบแทนน้ำใจคุณยังไงดี”
“แค่คุณยิ้มให้ผม ทุกครั้งที่เจอหน้ากันก็พอ คุณทำได้มั้ยล่ะ”
เมขลายิ้มกว้างแทนคำตอบ เทวัญยิ้มตอบอย่างสุขหัวใจ

จักรรายงานเรื่องที่ไปพบกับปองธรรมมา ให้เรืองฤทธิ์ฟัง...
“ผมเสนอเงื่อนไขการลงทุนกับปองธรรมไปเรียบร้อย ดูท่าทางเขาจะสนใจไม่น้อย แต่ขอเวลาคิดดูก่อน พวกที่คิดว่าตัวเองใหญ่โตคับฟ้าก็ท่าเยอะอย่างนี้แหละครับ”
“อย่าให้มันรู้ว่าฉันยืนอิงอยู่ข้างหลังแกก็พอ เพราะไอ้รามมันทำงานอยู่กับพวกมัน”
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เรืองฤทธิ์รีบรับ พอได้ยินปลายสายรายงานว่า ผลการฆ่าทรงวาดล้มเหลว เรืองฤทธิ์ตัดสายอย่างฉุนๆ
“นังแก่นี่ทำไมมันหนังเหนียวอย่างนี้วะ”
“ลูกน้องผมมันทำงานพลาดหรือครับ”
เรืองฤทธิ์โวยลั่น
“ทำไมแกไม่หาคนที่มันมีมันสมองกว่านี้หน่อย ให้ไปฆ่านังทรงวาด แต่ดันตกตึกลงมาขาเป๋ มันน่าจะคอหักตายไปซะเลย”
“คุณทรงวาดคงยังไม่ฟื้นขึ้นมาง่ายๆหรอกครับ เรายังมีเวลาครั้งนี้ฆ่าไม่ได้ ครั้งหน้าเราก็ส่งคนไปฆ่าซ้ำ”
“คิดหรือว่าจัดการมันได้ง่ายๆอีก นังเมมันกลับมาแล้ว”
จักรหน้าเสียพูดไม่ออก

ตาลทำแผลให้ก้องภพด้วยท่าทีเฉยเมย ก้องภพรวบรวมความกล้าพูด
“ผมรู้ ถ้าวันนั้นผมกลับมากินข้าวกับลูกตามสัญญา ลูกก็คงไม่ออกมาตามผม จนถูกไอ้พวกติดยามันแทงเอา ผม...โอ๊ย...”
ตาลปิดพลาสเตอร์แรงๆ ก่อนลุกยืน
“คุณจะมาตอกย้ำถึงมันอีกทำไม เพื่อต้องการให้ฉันอภัยให้คุณจะได้รู้สึกดีขึ้นไม่ต้องทนอยู่อย่างคนผิดอีกต่อไปใช่มั้ย”
ก้องภพลุกยืน
“ผมไม่เคยคิดให้คุณอภัยให้ เพราะใจผมมันตายไปพร้อมกับลูกตั้งแต่วันนั้นแล้ว แต่ที่ผมยังต้องอยู่เพราะผมห่วงคุณ”
ตาลอึ้งไป แต่ยังทำเป็นใจแข็ง
“ฉันจำได้ว่าคุณห่วงงานมากกว่าทุกสิ่ง”
“โธ่ ผมอายุปูนนี้แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปทำงานนักละจ๊ะ”
ก้องภพพูดจบ เสียงมือถือก้องภพบนโต๊ะดัง ตาลโมโหคว้าปืนยาวข้างตัวยิงใส่มือถือกระเด็นตกพื้น
ตาลพาดปืนบนไหล่
“คนอย่างกำนันตาลดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาท่านผู้บัญชาการใหญ่หรอก ถ้าฉันกลับมาจากทำงาน ยังเจอคุณอีกฉันจะยิงให้กระจุย”
ตาลออกไป ก้องภพรีบหยิบมือถือขึ้นมาดูพังไปเสียแล้ว


รามพยายามพูดใส่นาฬิกาติดต่อก้องภพ
“รามสูรเรียกเจ้าพสุธา รามสูรเรียกเจ้าพสุธา ตอบด้วย”
รามชะงักไป เมื่อเห็นแสงกับเย็นผ่านมาพอดีด้วยท่าทางรีบเร่ง รามรีบลดนาฬิกาลงไม่ให้แสงกับเย็นสงสัย
“พวกพี่จะไปไหนกัน”
“ไม่ใช่เรื่องของแก”
เย็นสะกิดแสง
“แต่พ่อเลี้ยงให้เรามาตามไอ้รามนะพี่”
แสงโมโหเย็น
“หุบปาก”
รามมองเย็น
“พ่อเลี้ยงมีงานใหม่ให้ผมทำหรือพี่เย็น”
เย็นรีบพยักหน้า แสงตัดบท...
“งานนี้ไม่เหมาะกับเด็กใหม่อย่างแก”
“งั้นคงเป็นงานสำคัญมาก”
“รู้แล้ว ก็ถอยไปซะ”แสงจะผลักอกราม
รามจับมือแสงไว้ จ้องหน้า
“แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของพ่อเลี้ยง แล้วผมจะไม่ไปได้ยังไง”
รามเดินนำไป เย็นรีบตาม แสงมองโมโห
“อย่านึกนะว่าฉันจะยอมแพ้แกง่ายๆ”

ธิดาแต่งตัวเซ็กซี่รัดรูปสีดำเดินออกมาจากห้องนอน หยุดดึงผ้าที่ไหล่ให้เลื่อนต่ำๆลงมา กะยั่วรามพอหันไปข้างประตูเจอแสง
“มายืนตรงนี้ทำไม ฉันไม่ได้เรียกใช้แกสักหน่อย”
“คุณเทเรซ่ารีบไปห้ามรามเถอะครับ ถ้ามัวชักช้าอยู่ เขาอาจออกจากไร่ไปแล้ว”
“รามจะไปไหนได้ยังไง ก็เขามีนัดดินเนอร์กับฉันคืนนี้นี่”
ธิดารีบวิ่งไปโดยไม่รอฟังคำตอบ แสงยิ้มพอใจ....
ด้านนอก... รามขับรถออกไปจากไร่ โดยเย็นนั่งข้างๆ ธิดาตามมาไม่ทัน หันไปตวาดแสง
“ทำไมแกไม่รีบบอกฉันให้เร็วกว่านี้ พ่อสั่งให้รามไปไหน”
“เสี่ยชิตมันคิดท้าทายอำนาจพ่อเลี้ยง ท่านก็เลยส่งรามไปเด็ดชีวิตมัน แต่ไอ้เสี่ยชิตมันร้ายกาจยิ่งกว่าอสรพิษ ถ้าคุณเทเรซ่าไม่ตามไปขวาง รามอาจกลับมาแต่วิญญาณก็ได้”
ธิดาผลักอกแสงเซไป
“แกอย่ามาแช่งแฟนฉันนะ รามมีฝีมือดีกว่าแกหลายร้อยเท่า พ่อฉันถึงไม่ยอมส่งแกไปไงล่ะ ฉันมั่นใจว่ารามต้องกลับมาพร้อมผลงานชิ้นโบว์แดง และถ้ารามทำงานนี้สำเร็จฉันจะขอพ่อแต่งงานกับเขา”
ธิดาเดินเชิดกลับเข้าบ้าน แสงเจ็บใจที่ธิดาไม่ตามไปขวางการทำงานของรามอย่างที่คิด


รามนั่งมองมือถืออยู่ภายในรถ อยากโทรไปหาเมขลาว่ากลับกรุงเทพฯอย่างปลอดภัยหรือยัง เย็นปรายตามองรู้ทันราม
“เอ็งอยากโทรหาใครวะ ว่าที่เมียใหม่ หรือเมียเก่า”
“พ่อเลี้ยงกำชับว่าอย่าให้คุณเทเรซ่ารู้ แล้วผมจะโทรไปทำไม”
“งั้นก็ชัดเลยว่า เอ็งอยากโทรหายัยตังเมนี่เอง”
รามฟอร์มจัด
“ผมห่วงลูกผม แค่อยากรู้ว่าลูกปลอดภัยดีหรือเปล่า”
“พูดก็พูดเถอะ เอ็งเชื่อหรือวะ ว่าเด็กเป็นลูกเอ็งจริง ข้ามาลองนั่งคิดดู ตอนเอ็งมาจี๋จ๋ากับคุณเทเรซ่า ยัยตังเมก็อี๋อ๋อกับคุณเทวัญเหมือนกันนะโว้ย นี่ข้า ไม่ได้เสี้ยมให้ผัวเมียทะเลาะกันนะ แค่พูดขึ้นมาเฉยๆ”

รามฟังที่เย็นพูดแล้ว คิดๆด้วยความรู้สึกสับสน

อ่านต่อหน้า 2





นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 11 (ต่อ)

เรืองฤทธิ์ไปเยี่ยมทรงวาดที่โรงพยาบาลในตอนเช้าวันต่อมา จับมือทรงวาดแกล้งตีหน้าเศร้า

“พี่วาดต้องสู้นะครับ อย่ายอมแพ้เด็ดขาด ผมจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาพี่ให้หาย ผมจะไม่ทิ้งพี่ ผม...”
เรืองแกล้งร้องไห้ออกมา จนเมขลาที่เฝ้าอยู่สงสาร
“ฮือๆๆ ทำไมคนที่นอนอยู่ตรงนี้ไม่เป็นผมแทน”
เมขลาแตะบ่าปลอบ
“คุณแม่คงไม่สบายใจ ถ้าได้ยินเสียงร้องไห้ของคุณอานะคะ”
เรืองฤทธิ์รีบปาดน้ำตา
“จริงของหนูเม อาต้องเข้มแข็งจะอ่อนแอให้พี่วาดเห็นไม่ได้ เพราะเจ้ารามก็ทิ้งแม่ไปคนหนึ่งแล้ว ขนาดหนูไปตามมัน มันยังไม่ยอมกลับมา อาผิดหวังในตัวหลานคนนี้จริงๆ”
เมขลาหน้าสลดลง
“เขาคงคิดว่าหนูโกหก แต่ถ้าเป็นคุณอาพูด เขาอาจจะเชื่อนะคะ”
เรืองฤทธิ์รีบโกหก
“อาโทรไปหลายหนแล้ว แต่มันไม่ยอมรับสาย”
ทันใด ทรงวาดหายใจแรงขึ้น จนหน้าอกกระเพื่อมคล้ายจะรู้สึกตัว เสียงที่เครื่องวัดชีพจรดังถี่ ชีพจรขยับเต้นแรง เมขลาดีใจ
“คุณแม่...คุณแม่รู้สึกตัวแล้วคะคุณอา”
เมขลารีบพุ่งไปกดสัญญาณเรียกหมอ ทั้งหมอและพยาบาลวิ่งเข้ามาทันที เรืองฤทธิ์ยืนตัวแข็งกลัวทรงวาดฟื้น พยาบาลดันเมชลากับเรืองฤทธิ์ออกไป
“ขอเชิญญาติออกไปรอข้างนอกก่อนนะคะ”
เรืองฤทธิ์เดินเลี่ยงออกมาจากห้องทรงวาด คุยมือถือกับจักรไปด้วย
“คราวนี้เราซวยแน่ นังแก่มันฟื้นขึ้นมาแล้ว แกรีบจองตั๋วไป สิงค์โปรให้ฉันด่วนที่สุด ส่วนแกรีบข้ามชายแดนหาที่ซุกหัวให้พ้นจากตำรวจไปก่อน แล้วค่อยติดต่อหากัน”
เรืองฤทธิ์หันขวับไปทางหน้าห้องทรงวาด เห็นเมขลายังยืนรออยู่ เรืองฤทิ์รีบเดินหนีไปอีกทาง ขณะเดียวกัน เทวัญหิ้วอาหารเดินเข้ามาแปลกใจที่เห็นเมขลายืนอยู่หน้าห้อง
“คุณเม...ทำไมออกมายืนตรงนี้ละครับ”
“คุณแม่รู้สึกตัวแล้วค่ะ คุณหมอกำลังตรวจอยู่”
เทวัญพลอยดีใจไปด้วย
“จริงหรือครับ ผมดีใจด้วยจริงๆ”
หมอกับพยาบาลเดินออกมา เมขลารีบเข้าไปถามอย่างร้อนใจ
“คุณแม่ฟื้นแล้วใช่มั้ยคะคุณหมอ”
เมขลาดีใจจนไม่ยอมรอฟังหมอ วิ่งเข้าห้องทันที เทวัญรับหน้าที่คุยกับหมอแทน


เรืองฤทธิ์กลับไปเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าอย่างรีบเร่ง เสียงมือถือดังเข้ามาเขาดูหน้าจอเป็นชื่อเมขลาก็ลังเล
“นังเม มันโทรมาทำไม หรือนังแก่บอกมันแล้ว”
เรืองฤทธิ์ตัดสินใจรับสายเพราะอยากรู้
“ฮัลโหล...หนูเมหรือจ๊ะ พอดีว่าอาเกิดปวดท้องกะทันหัน ก็เลยหลบมาเข้าห้องน้ำก่อน เออ พี่วาด...เป็น...เป็นยังไงบ้าง”
เรืองฤทธิ์หยุดฟังแล้วตกตะลึง ปล่อยมือถือหลุดมือเข่าอ่อนเซล้มนั่งแปะไปบนพื้น หอบหายใจแรงๆถี่ๆเหมือนช็อก จักรโผล่พรวดมาที่ประตู มองมือถือที่ตกอยู่รีบหยิบขึ้นมาเข้าไปหา
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณฤทธิ์ ตำรวจรู้แล้วหรือ งั้นเราต้องรีบหนีเดี๋ยวนี้...ไปครับ”
จักรดึงแขน เรืองฤทธิ์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น
“ฮาๆๆๆๆ...สวรรค์เข้าข้างเราแล้ว นังแก่มันยังไม่ฟื้น”
จักรโล่งอก เรืองฤทธิ์จับบ่าลูกน้องคู่ใจหน้าเหี้ยม
“เราต้องรีบลงมือก่อนมันจะฟื้นขึ้นมาจริงๆ ฉันจะล่อนังเมออกมาเอง”
“ครับ...คุณฤทธิ์ไม่ต้องห่วง” จักรยกมือถือขึ้น “ชีวิตมันจะต้องมีสภาพเหมือนมือถืออันนี้...ผมขอสาบาน”
จักรหักมือถือของเรืองฤทธิ์ออกเป็นสองท่อน เรืองฤทธิ์ตาเหลือกคว้ามือถือมาดู แล้วมองหน้าจักรแบบจะกินเลือดกินเนื้อ จักรหน้าเสียรู้ตัวว่าพลาดไป
“ผมๆ จะต้องรีบไปเตรียมแผนก่อนนะครับ”
จักรรีบชิ่งหนีออกจากห้อง เรืองฤทธิ์โยนมือถือทิ้งอ้าปากจะด่า แต่ไม่รู้จะด่ายังไงดี

เมขลานั่งมองทรงวาดอย่างซึมๆ ขณะที่เทวัญยืนมองอยู่…
“ทำยังไงฉันถึงจะช่วยคุณแม่ได้คะ”
“คุณชอบมองโลกในแง่ดีไม่ใช่หรือ ทำไมวันนี้ถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน” เทวัญปลอบ
“คงเพราะฉันเจอแต่เรื่องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกมั้งคะ”
“ถึงคุณหมอจะบอกว่าสมองคุณทรงวาดยังไม่รับรู้อะไร แต่ปฏิกิริยาตอบสนองที่แสดงออกมาวันนี้ ก็ยังพอมีความหวังไม่ใช่หรือครับ”
เมขลาคิดตาม มองหน้าทรงวาด
“หนูกลายเป็นคนท้อง่ายอย่างนี้ไปได้ยังไง คุณแม่ยังสู้ แต่หนูกลับ” เมขลาฮึด หันมาหาเทวัญ “ฉันจะต้องไม่หมดหวัง” เมขลาลุกยืน “ก่อนอื่นเราต้องกินให้อิ่ม...จะได้มีแรงสู้ เริ่มจากกาแฟสักแก้ว”
เทวัญยิ้ม
“ขนมปังทาแยมสักสองชิ้น”
“ไข่ลวก”
“ไส้กรอก”
“ฉันจัดการให้เอง”
เมขลาจะออกไป เกิดอาการหน้ามืดเพราะพักผ่อนน้อย เทวัญต้องรีบประคองให้นั่งที่โซฟา
“ผมว่า ไปให้หมอตรวจหน่อยดีมั้ย”
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก คงเพราะนอนน้อยไปหน่อย”
“แม่นอนน้อยจะส่งผลถึงลูกในท้องนะครับ อย่าลืมสิ ว่าคุณมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องดูแล”
เมขลาลืมไปว่าโกหกเรื่องท้องไว้
“ลูกในท้องหรือคะ” เมขลานึกออก “อ๋อ...เออ คือเรื่องนี้...”
“เท่าที่ผมรู้มา คนท้องต้องไปฝากท้องกับหมอด้วยไม่ใช่หรือแล้วคุณไปฝากหรือยัง”
เมขลาอ้ำอึ้ง เทวัญมองหน้า
“นี่คุณยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเลยหรือ ถ้างั้นผมพาคุณไปเอง”
เทวัญจะประคอง เมขลารีบจับมือของเขาไว้
“คุณเทวัญ ฟังฉันก่อนนะคะ คือฉันมีเรื่องอยากจะบอก เรื่องที่ฉันท้องน่ะ ความจริงแล้วฉันโก...”
เมขลายังพูดไม่ทันจบ เสียงมือถือของเทวัญดังขัดขึ้นเสียก่อน เขามองเห็นเป็นเบอร์ธิดาจึงขอตัวออกไปคุยนอกห้อง
“พี่เทพอยู่ไหนคะ” ธิดาถาม
“บอกพ่อด้วยพี่คงไม่กลับไปแล้ว พี่อยากมีชีวิตของพี่เอง น้องก็เหมือนกัน หยุดทำร้ายคนอื่นเสียที”
ธิดาไม่แคร์ว่าเทวัญจะรู้ว่าเธอฆ่าเมขลา
“น้องทำร้ายใคร อ๋อนังเมียเก่าของรามนะหรือ มันมาขวางทางรักของน้องเอง มันก็สมควรตายแล้ว สมน้ำหน้า”
“คิดหรือว่าคนที่เราแย่งมาได้เขาเป็นคนดี ลูกในอกเขายังไม่รัก แล้วเขาจะรักใครเป็น”
ธิดายิ่งโมโห
“พี่คิดว่าตัวเองดีซะเต็มประดาหรือไง ขนาดคุณพ่อ พี่ยังทิ้งไปได้ลงคอ แล้วพี่แตกต่างจากรามตรงไหน”
ธิดาตัดสาย หันไปหาปองธรรมที่นั่งหน้าเครียดที่โซฟา
“หนูโทรไปให้แล้วนะคะคุณพ่อ พี่เทพเขาบอกว่าอยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่อยากกลับมาหาคุณพ่ออีก”
ปองธรรมโกรธจัด
“ไอ้ลูกไม่รักดี ฉันไม่น่าให้มันเกิดมาเลย อยู่ไปก็รกโลก”
ลูกน้องคนหนึ่งพูดแทรกเพื่อประจบ
“ถึงตอนนี้ก็ยังไม่สายหรอกครับพ่อเลี้ยง เดี๋ยวพวกผมจะไปจัดการคุณเทวัญให้เอง พ่อเลี้ยงไม่ต้องห่วง...เฮ้ยพวกเราไป”
ลูกน้องพากันเดินออกไป ปองธรรมโมโห ตบโต๊ะเปรี้ยง
“เดี๋ยวก่อน” ปองธรรมกวักมือเรียก “มานี่”
ลูกน้องรีบเสนอหน้า
“พ่อเลี้ยงจะให้รางวัลพวกผมล่วงหน้าหรือครับ ผมขอ…”
ลูกน้องยังพูดไม่ทันจบ ปองธรรมสุดทนถีบเข้าให้
“ยังจะมาถามอีกไอ้หน้าโง่ ฉันแค่บ่นเฉยๆ โว้ย ไม่ได้ให้แกไปฆ่าลูกชายฉัน”
ลูกน้องจ๋อยไป
“ก็ผม...ได้ยินว่า...”
“ยังจะมาเถียงอีก” ปองธรรมหันไปสั่งลูกน้องคนอื่น “เอาไอ้นี่ไปยิงทิ้ง โง่แบบนี้ไม่ต้องมาทำงานให้ฉัน”
พวกลูกน้องที่เหลือรีบมาหิ้วปีกลูกน้องคนนั้นออกไป ปองธรรมคิดๆ ตวาดลั่น
“เดี๋ยวก่อน”
ทุกคนชะงักหน้าตื่นกลัวสุดๆ
“แล้วไปสืบดูด้วยว่าลูกชายฉันอยู่ไหน”
ปองธรรมบอกอย่างเครียดจัด ทางด้านเทวัญได้ไปนั่งซึมอยู่ในรถ นึกถึงคำพูดของธิดา
‘พี่คิดว่าตัวเองดีซะเต็มประดาหรือไง ขนาดคุณพ่อ พี่ยังทิ้งไปได้ลงคอ แล้วพี่แตกต่างจากรามตรงไหน’
เทวัญเจ็บปวด หลับตาพิงเบาะ


วันต่อมา...เย็นแต่งสูทหล่อเนี้ยบ ผมเรียบติดหัว หอบช่อดอกกุหลาบไปยืนหลบหลังเสาไฟฟ้าใกล้ๆกับร้านของโรส เย็นยื่นหน้ามองออกไปเห็นโรสยืนขายเครื่องสำอางอยู่ ทันใดนั้นเสียงมือถือดังขึ้น เย็นสะดุ้งโหยงรีบรับ
“มีอะไรวะไอ้ราม ข้ากำลังติดธุระอยู่ ก็เอ็งบอกว่า รอให้สายสืบมันส่งข่าวเรื่องเสี่ยชิตมาก่อน ถึงจะลงมือได้ วันนี้ข้าก็เลยออกมาบริหารเสน่ห์สักหน่อย ถ้าเอ็งเหงาก็ไปหากิ๊กเก่าซิวะ คุณเทเรซ่าไม่มีทางจับได้หรอก แค่นี้นะโว้ย”
ขณะเดียวกันนั้นเย็นเห็นหมากำลังดมดอกไม้ก็เลยตวาดลั่น
“ไปให้พ้น เรื่องของหมา คนไม่เกี่ยว”
“เรื่องของคน หมาไม่เกี่ยว” เสียงโรสดังขึ้น
“เอ้อใช่...ขอบใจ”
เย็นหันไปเจอหน้าโรส ก็สะดุ้งโหยง
“เฮอออ”
เย็นตกใจเขินจัดรีบเอาดอกไม้ซ่อนด้านหลังไว้ก่อน โรสจ้องหน้า
“นายมาแอบดูฉันทำไม หรือเป็นไอ้พวกไถเงินค่าที่”
เย็นเหงื่อแตกพลั่ก สติไม่อยู่กับตัว
“ใช่จ๊ะ...เฮ้ย ไม่ใช่”
โรสมองๆจำได้
“ฉันจำนายได้แล้ว แก...แก นี่เอง ไอ้คนที่แย่งแหวนฉันวันนั้น แก...ไอ้หน้าส้วม ยังจะมีหน้ากลับมาอีกหรือ”
เย็นหน้าตื่น โดยไม่รู้ว่าหมากำลังกัดทึ้งดอกไม้ของเขาที่อยู่ด้านหลัง
“คือๆว่า ข้า...เอ้ย ผม...ผมตั้งใจจะๆๆมาๆๆขอขมาคุณผู้หญิง”
“ขอขมาด้วยปาก ฉันไม่รับนะยะ”
“นี่ครับ...คือความจริงใจจากผม”
เย็นยื่นดอกไม้ให้ โรสตาเหลือกเห็นแต่ก้านโกร๋นๆไม่เหลือสักดอกอารมณ์ขึ้นนึกว่าเย็นแกล้ง
“ไอ้หน้าส้วม นี่แกหลอกด่าฉันหรือ แกเห็นฉันเหมือนดอกไม้ที่ร่วงโรย แห้งเหี่ยวไม่มีใครเอาเหมือนดอกไม้นี่ใช่มั้ย”
เย็นโมโหหมาตะโกนด่า
“ไอ้หมาบ้า”
“นายด่าฉันว่าหมาหรือ อย่าอยู่เลย”
ทันใดนั้นโรสคว้าเข่งขยะข้างเสา ครอบหัวเย็นทันทีแล้วไล่ทุบ เย็นวิ่งหนีอย่างไม่รู้ทิศทาง หกล้มหกลุก

รามเข้ามาในห้างสรรพสินค้า ตรงไปที่แผนกเสื้อผ้าเด็กแล้วยืนมองก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปอย่างเงอะงะเลือกเสื้อผ้าไม่ถูก พนักงานเข้ามาถาม
“น้องอายุเท่าไหร่คะ ดิฉันจะได้ช่วยแนะนำถูก”
รามอึกอักๆ
“เออ ผมก็ไม่...ไม่ค่อยรู้ว่ากี่เดือนแล้ว”
“ถ้างั้นก็ยังอายุไม่ถึงขวบสิคะ”
รามรีบนับนิ้วมือเขินๆ
“เดี๋ยวขอผมคิดก่อนนะครับ”
“อ๋อ...ยังไม่คลอด คุณพ่อจะซื้อเตรียมไว้ก่อนใช่มั้ยคะ”
รามยิ้มกว้าง
“ใช่ครับ”
“ทราบหรือยังคะว่าน้องเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”
รามอึ้งไปอีกเขาไม่รู้อะไรสักอย่าง
“ผม...ผมคงต้องไปถามเขาก่อน เอ้ย...ไม่ใช่ เอางี้ดีกว่า ขอแบบทั้งสองเพศเลย แล้วก็เอามันทุกช่วงอายุด้วยก็ดี”
“งั้นเชิญทางเสื้อผ้าเด็กอ่อนเลยค่ะ”
พนักงานเดินนำไป
“ยัยตังเม ทำไมไม่บอกอะไรเราสักอย่าง ท้องกี่เดือนก็ไม่บอกจะให้เราต้องไปงอนง้อคอยถามหรือไงนะ ไม่มีทางหรอก” รามบ่นอย่างหงุดหงิด

รามขับรถเข้าบ้านมาจอดหน้าบ้าน แล้วนั่งอยู่ในรถ ยกกระโปรงเด็กผู้หญิงน่ารักๆประมาณ 1 ขวบขึ้นมากางดู แล้วเผลอยิ้มออกมา
“ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงก็น่ารักดีเหมือนกันนะ” รามส่ายหัว “ไม่ดีๆ เกิดนิสัยเสีย ไล่จับผู้ชายเหมือนยัยตังเม ฉันคงอกแตกตาย” เขาหยิบกางเกงเด็กผู้ชายขึ้นมา “เป็นเด็กผู้ชายดีกว่าจะได้เป็นตำรวจจับผู้ร้ายเหมือนพ่อ”
รามรีบคว้าถุงหลายถุงเดินไปที่รั้ว ตรงไปที่กริ่งประตู รามเอื้อมมือไปจะกด แต่ชะงักเปลี่ยนใจ รามวางถุงเสื้อผ้าเด็กกองไว้หน้าประตูเล็ก แล้วหันกลับจ๊ะเอ๋กับป้าแจ่ม
“คุณราม!”
“คุณรามจริงๆด้วย คุณหายไปไหนมาตั้งนานสองนานรู้มั้ยคะว่าคุณท่าน...คุณท่าน” ป้าแจ่มร้องไห้โฮ “ ฮือๆๆๆ”
รามตกใจ
“แม่ผมเป็นอะไรครับป้า”

เรืองฤทธิ์เรียกเมขลาไปพบที่บริษัท เขายื่นเช็คใบหนึ่งให้เธอ เมขลารับมางงๆเงยหน้ามองเขา
“คุณอาให้เมทำไมคะ”
“อย่าคิดว่ามันเป็นเงินค่าจ้างอะไรเลยนะ หนูเองเหมือนคนในครอบครัวของอา คิดเสียว่าอาดูแลหนูแทนพี่วาดก็แล้วกัน”
เมขลาเกรงใจยื่นเช็คคืน
“หนูคงรับไม่ได้หรอกค่ะ”
“แต่ตอนนี้หนูเองก็ยังไม่มีงานทำไม่ใช่หรือ แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปกินไปใช้”
“หนูยังพอเหลือเงินเก็บอยู่บ้าง คุณอาไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ”
เมขลายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“หนูต้องขอตัวกลับแล้วละคะ ไม่อยากทิ้งคุณแม่ไว้คนเดียว”
เมขลาจะลุกไป เรืองฤทธิ์รีบรั้งไว้
“เดี๋ยวๆก่อนสิหนูเม คือ...หนูช่วยพิมพ์เอกสารให้อาหน่อยได้มั้ย พอดีว่าเลขาของอาเกิดไม่สบายกะทันหัน แล้วงานนี้มันก็สำคัญมาก อาต้องรีบใช้ภายในวันนี้ด้วย”
เมขลารับมาอย่างเต็มใจ
“ได้ค่ะ เอกสารไม่กี่หน้าคงไม่เสียเวลามาก ใช้คอมที่โต๊ะคุณเลขาใช่มั้ยคะ”
“ใช่ๆจ๊ะ หน้าห้องอานั่นแหละ ขอบใจมากๆนะ”
เมขลายิ้มให้แล้วเดินออกไป เรืองฤทธิ์ยิ้มพอใจที่เป็นไปตามแผนกักตัวเมขลาไว้เพื่อเปิดทางให้จักรฆ่าทรงวาด

จักรเข้ามาในห้องพักไข้ ค่อยๆเอื้อมมือไปแตะหน้ากากออกซิเจนของทรงวาด
“อยู่ต่อไปก็เหมือนผีตายซาก ฉันจะช่วยส่งวิญญาณให้แกเอง”
จักรดึงหน้ากากออกซิเจนออกจากปากทรงวาด จอวัดชีพจร ตกอย่างรวดเร็ว จักรยิ้มเหี้ยมเกรียมทรงวาดไม่รอดแน่ ทันใดนั้นมี เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา จักรหนีไม่ทันรีบเอาหน้ากากออกซิเจนปิดปากทรงวาดเหมือนเดิม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับรามที่เปิดประตูเข้ามาเห็นจักรยืนข้างเตียง
“สวัสดีครับคุณราม”
รามมองอย่างสงสัย
“คุณมาทำอะไรอยู่ที่นี่ ผมนึกว่าคุณจะเป็นเงาตามตัวอาผมเสียอีก”
“คือว่าคุณฤทธิ์ท่านสั่งให้ผมมาช่วยเฝ้าคุณทรงวาด สลับกับคุณเม...เออ ถ้าคุณรามมาแล้ว ผมขอกลับไปทำงานต่อนะครับ”
จักรเดินออกไป รามไม่ทันได้สงสัยเพราะมัวห่วงแม่รีบเข้าไปใกล้ๆ
“ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่าแม่จะป่วยจริงๆ”
รามทั้งเสียใจและโกรธตัวเอง

เมขลากดเช็คยอดเงินที่ตู้ ATM เห็นยอดเงินเมมีเงินสามหมื่น ก็งุนงง
“จำได้ว่าเบิกเงินครั้งสุดท้าย เงินเราเหลือแค่หมื่นเดียวนี่นาแล้วทำไมมันเพิ่มขึ้นมาเป็นสามหมื่น เอ๊ะ... หรือเราจำผิด ไม่นะ เราไม่มีเงินเหลือเยอะขนาดนี้หรอก หรือว่าจะเป็นคุณ เทวัญแอบโอนเงินให้เรา”
เมขลาครุ่นคิดอย่างสงสัยและแปลกใจ โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว เงินจำนวนนี้ รามเป็นคนโอนให้เธอเพราะเขาอยากรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้กับลูก
เมขลากลับมาที่ห้องทรงวาด เธอเดินเข้าห้องมาพร้อมหิ้วถุงใส่ดอกไม้มาด้วย หันไปพูดกับทรงวาด
“หนูซื้อดอกไม้มาให้คุณแม่ด้วยค่ะ คุณแม่จะได้สดชื่น เดี๋ยวหนูเอาแจกันไปล้างก่อนนะคะ”
เมขลาวางดอกไม้ แล้วถือแจกันตรงไปที่หน้าห้องน้ำจะเปิดแต่เปิดไม่ได้
“ประตูติดอะไรทำไมเปิดไม่ออก”
รามนั่งสบายอารมณ์อยู่บนโถชักโครก ถึงกับสะดุ้ง ตัวเองก็ยังทำธุระไม่เสร็จ เมขลาวางแจกันที่พื้น แล้วเอาตัวกระแทกประตูจนเปิด เมขลาเสียหลักเซเข้าไปโผกอดรามที่นั่งอยู่บนโถชักโครก หน้าชนหน้า รามเองก็ตกใจอ้าปากค้าง ต่างคนต่างมองหน้ากันแบบคาดไม่ถึง เมขลก้มมองเขา รามก้มมองตัวเอง แล้วร้องลั่นพร้อมกัน
“อ๊ายย ไอ้ทุเรศ ไอ้อุบาทว์ ไอ้บ้ากาม ไอ้โรคจิต”
เมขลาปิดตาตัวเองวิ่งหนีออกมาแทบไม่ทันแล้วพนมมือ
“คุณพระคุณเจ้า พุทธโธๆๆ สิ่งที่เห็นล้วนไม่เที่ยงเป็นแค่ภาพลวงตา”
ครู่หนึ่งรามเดินออกมาโวยวายใส่
“ไม่เห็นหรือไงว่าคนกำลังทำธุระอยู่ คนอะไรไร้มารยาท”
เมขลาหายตกใจแล้ว ยังจำได้ดีว่ารามคิดฆ่าตัวเอง เลยตีหน้าบูดบึ้งเดินไปหยิบแจกันจะเข้าห้องน้ำ รามตาไปถาม
“แม่ผมเป็นอย่างนี้ได้ยังไง เขาเป็นอะไร ตั้งแต่เมื่อไหร่”
เมขลาไม่ตอบเข้าห้องน้ำปิดประตูใส่โครม รามเดินไปมองแม่อย่างห่วงใย เมขลาออกมาจากห้องน้ำยืนจัดดอกไม้ใส่แจกัน รามจะเดินเข้าไปหาแต่ลังเลๆ แต่สุดท้ายตัดสินใจเดินเข้าไปหา
“คือ เรื่องที่แม่ผมป่วย ผมอยากจะขอบ...”
รามจะพูดว่าขอบใจแต่เมขลาไม่ยอมมองหน้า เขาเลยพูดไม่ออก
“ผมอยากจะรู้ว่าแม่ผมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง แล้วเขานอนไม่รับรู้อะไรมานานแค่ไหนแล้ว”
เมขลาเฉยไม่สนใจเหมือนรามเป็นอากาศธาตุ รามชักฉุน
“นี่คุณหูหนวกหรือเป็นใบ้กันแน่ ไม่ได้ยินที่ผมถามหรือ”
เมขลาเงยหน้ามองอย่างเย็นชา
“ทีเวลาฉันพูดคุณเคยฟังหรือเปล่า ฉันอุตส่าห์ดั้นด้นไปบอกข่าว คุณก็ปิดหูปิดตาไม่อยากรับรู้ แล้วตอนนี้จะมาถามฉันทำไม”
รามรีบแก้เกี้ยว
“ก็คงกลัวตกนรกมั้ง”
“ฉันนึกว่าคุณเพิ่งขึ้นมาจากขุมนรกเสียอีก ถึงคิดฆ่าคนได้”
รามอึ้งพูดไม่ออก เมขลาถือแจกันจะยกไป รามรู้ว่าเธอโกรธอยู่เลยไม่ถือสาที่โดนด่ารีบเข้าไปช่วย
“ผมช่วย”
เธอผลักเขาอย่างแรง
“ไม่ต้อง อย่าเข้ามาใกล้ฉัน ฉันขยะแขยงคุณ”
รามซึ่งจับแจกันไว้แล้ว พอโดนผลักเลยกระชากแจกันหลุด หล่นแตกบนขาตัวเอง
“โอ๊ยย”
ปากแจกันทิ่มใส่หัวแม่โป้งจนเขากระโดดเหยงๆ น้ำนองเต็มพื้น
“โอ๊ยๆๆ นิ้วผม”
เมขลาตกใจลืมความโกรธ
“นิ้วขาดหรือ”
เมขลาจะเข้ามาหา รามร้องเสียงหลง
“ระวังอย่าเข้ามามันลื่น เฮ้ยๆๆ”
เท้ารามลื่นพรวดหงายท้องลงไปนอนกองที่พื้นเสียเอง เมขลาตกใจอ้าปากค้าง

รามเดินกระเผลกออกมาจากห้องทำแผล ทำแผลที่นิ้วเสร็จแล้ว เมขลานั่งรออยู่พอเห็นเขาเดินออกมา ก็รีบลุกเดินหนีเพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าเป็นห่วง รามแกล้งอ้อนยืนตัวงอเพื่อให้เธอช่วย
“อู๊ยย”
เธอยังเดินต่อไป เขารีบลากเท้าตามไป
“ดีนะที่นิ้วไม่ขาด แต่หมอเตือนว่าอย่าเดินเอง ต้องหาคนช่วยพยุงไม่งั้นแผลจะอักเสบ เน่าเฟะ จนต้องตัดนิ้วทิ้ง”
เมขลายังเดินเฉยอยู่แต่ใจชักเป็นห่ว รามอ้อนต่อ
“โอ๊ยเจ็บก็เจ็บ ถ้าหาคนมีน้ำใจไม่ได้ คลานเอาก็ได้วะเรา”
รามแกล้งจะทำอย่างที่พูดจริงๆ เมขลาหันกลับมามอง รีบเข้าไปประคองอย่างเสียไม่ได้
“จะบ้าหรือ ไม่อายคนเขาหรือยังไง”
เมขลาประคองให้เดิน รามแอบอมยิ้ม
“ฉันไม่พิศวาสจะช่วยคุณหรอกนะ แต่ฉันเป็นต้นเหตุทำให้คุณคุณเจ็บ ฉันก็ควรรับผิดชอบ...คนอย่างฉันไม่ใช่คนใจดำอำมหิตเหมือนใครบางคน”
“อย่าเจ้าคิดเจ้าแค้นนักเลยน่า ความจริงเราก็น่าจะหายกันแล้ว เพราะตอนอยู่ในห้อง ถ้าผมไม่ร้องห้ามคุณไว้ คนที่ลื่นหกล้มคงเป็นคุณไม่ใช่ผม”
เมขลายิ่งโกรธที่เขาพูดเอาแต่ได้
“คุณมันพูดเอาแต่ได้ อย่างคุณนะหรือห่วงคนอื่นเป็น”
“ผมไม่ได้ห่วงคุณ แต่ผมห่วงลูกในท้องคุณต่างหาก”
เมขลาสะอึก รู้สึกเจ็บปวดหัวใจพูดออกมาเสียงเครือ
“ถ้างั้นคุณก็ไม่จำ เป็นต้องมากังวลเรื่องเด็กในท้องฉันหรอกเพราะว่า ฉันไม่ได้...”
เมขลาจะบอกว่าไม่ท้อง ทันใดนั้นลมในท้องขึ้นมาจนเธอพะอืดพะอมอยากอาเจียน รีบปิดปากกลั้นไว้ทัน แต่รามกลับคิดว่าเธอแพ้ท้อง
“คุณจะอาเจียนหรือ แพ้ท้องใช่มั้ย มา...ผมจะพาคุณไปห้องน้ำ”
รามประคองให้เดิน เมขลาโบกมือพยายามจะบอกว่าไม่ใช่ไม่ได้แพ้ท้องแต่พูดไม่ได้เพราะถ้าเอามือออกจากปากมีหวังอาเจียนพุ่งออกมา ขณะที่รามมัวแต่ประคองไปห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดจนลืมว่าตัวเองเจ็บขา
หลังออกมาจากห้องน้ำ รามประคองเมขลามาที่ห้องทรงวาด เมขลาทรุดนั่งลงบนโซฟาในใจครุ่นคิดว่าจะบอกเขายังไงดีว่าไม่ได้ท้อง รามเข้ามายื่นกระดาษทิชชูให้ เมขลาเฉยไม่รับ เขาเลยกระชากมือยัดกระดาษใส่มือ แล้วหันไปคว้ากระเป๋าเมขลาบนโต๊ะขึ้นมาค้นๆ
“นายจะทำอะไร มาค้นกระเป๋าฉันทำไม เอาคืนมานะ”
“อยู่ไหน”
“อะไรอยู่ไหน”
“ก็ยาแก้แพ้ท้อง ยาบำรุงครรภ์ หรือยาอะไรก็ได้ที่คนท้องเขาต้องกินกันนะ มันอยู่ไหน ผมจะเอาให้คุณกิน”
เมขลาอึกๆอักๆพยายามเรียงคำพูด
“ฉัน...คือ...ที่ฉันอาเจียนเนี่ย เพราะฉันแค่กินข้าวไม่ตรงเวลา กินบ้างไม่กินบ้าง ลืมบ้าง มันก็เลยเกิดกรดในกระเพาะ แล้วก็ทำให้...”
เมขลาพูดไม่ทันจบจะบอกว่าอาเจียนออกมา เขาจับบ่าเธออย่างแรงตาเหลือกถลน
“ว่าไงนะ คุณหมายความว่า...คุณ...”
เมขลาพยักหน้าเป็นไงเป็นกัน
“ใช่ ฉันไม่ได้ท้...”
เมขลายังพูดไม่จบ รามโมโหสวนออกมาคนละเรื่อง
“คุณจะฆ่าลูกผมหรือไง คนท้องมันต้องกินดีๆ กินเยอะๆ ไม่ใช่มัวแต่อดมื้อกินมื้อ กินบ้างไม่กินบ้าง มีสมองคิดหรือเปล่า”
เมขลาอึ้งไปเลยเขาดันคิดไปอีกเรื่อง รามดึงทิชชูจากมือ
“แล้วดูทำเข้าสิ จะเป็นแม่คนอยู่แล้ว ยังทำตัวซกมก ล้างปากล้างหน้าก็ไม่สะอาด อายเขาไหมเนี่ย”
รามเช็ดเศษอาหารที่มุมปากให้แรงๆ ความจริงอยากทำให้อ่อนโยนแต่เขิน เมขลาทั้งโกรธทั้งสับสนไปหมด ที่เขาเคยจะฆ่าลูกตัวเองด้วยแต่มาทำเป็นพูดดีเป็นห่วงเป็นใยเสียเต็มประดา เมขลาอาละวาดปัดมือตีเขาเหมือนคนบ้า
“เอามือสกปรกของคุณออกไป ไม่ต้องมาเสแสร้งทำดีกับฉัน ถ้าคุณห่วงฉันจริง ห่วงลูกจริง คุณก็คงไม่คิดจะฆ่าฉัน แล้วตอนนี้มาทำดีด้วยเพื่ออะไร เพื่ออะไร ฉันเกลียดคุณ”
เมขลาตีไม่หยุด รามปล่อยให้ตี เมขลาตีจนหมดแรงร้องไห้ออกมาเอง เป็นครั้งแรกที่ รามเห็นน้ำตาของเธอ รามมองอย่างสงสารเลยคิดจะบอกความจริง ว่าเขาไม่ได้คิดฆ่าเธอ
“ความจริงแล้วผมไม่ได้คิดจะฆ่...”
รามยังพูดไม่จบประโยค เทวัญเดินเข้ามาคิดว่ารามทำร้ายเมขลาอีก
“แก...ทำอะไรคุณเม”
เทวัญเข้าไปชกหน้าเขาทันที รามยกหมัดง้างไว้ตามสัญชาตญาณจะชกสวน แต่เมถลาเข้าขวางบังเทวัญไว้
“อย่านะ”
รามถึงกับอึ้งเจ็บปวดใจ แต่ก็รู้สึกว่าดีแล้วที่เมขลาจะมีเทวัญคอยดูแล แต่เขาก็แกล้งพูดกวนๆ
“เดี๋ยวนี้คุณมีลูกเจ้าพ่อคอยตามคุ้มครองแล้วหรือ” รามจับปากตัวเอง “ผมไม่เข้าใจเลย คุณก็เป็นถึงลูกมาเฟียใหญ่หาผู้หญิงที่มันดูดีมีสกุลกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือ”
“คุณ! หุบปากได้แล้ว” เมขลาตวาด
เทวัญฉุนดึงเมขลออก แล้วยืนเผชิญหน้ากับราม
“ฉันยอมรับว่าเทียบความหยาบคายกับนายไม่ได้ แต่ถ้านายยังพูดจาดูถูกคุณเมอีก ฉันก็พร้อมจะเจอกับนายตัวต่อตัวอย่างลูกผู้ชาย”
“ผมคงไม่กล้าอาจเอื้อมขึ้นไปเทียบรุ่นกับคุณหรอกครับคุณ เทวัญ...คุณอยากได้อะไรก็เอาไปเถอะ เจ้าตัวเขาคงดีใจจนเนื้อเต้น เพระคราวนี้คงตามจับผู้ชายรวยๆสมใจสักที”
เมขลาทนฟังไม่ได้ จับแขนเทวัญโชว์ราม
“เขาไม่ใช่แค่คนรวย แต่เป็นคนดีที่สุดที่ฉันเคยเจอมา ไปเถอะค่ะ อย่าไปแลกกับคนพวกนี้เลยมันไม่คุ้ม”
เมขลาดึงแขนเทวัญให้ออกจากห้องไปด้วยกัน รามเดินไปหาทรงวาด สายตาอ่อนโยนลง ยิ้มขื่นขม
“เขาสองคนเหมาะสมกันแล้ว แม่เห็นด้วยกับผมใช่มั้ยครับ”

เทวัญพาเมขลามาคุยกันที่ร้านกาแฟในโรงพยาบาล
“ผมอยากให้คุณระวังตัว พยายามอย่าเข้าใกล้เขาอีก หรือไม่คุณก็รีบโทรหาผม ผมจะได้มาอยู่เป็นเพื่อน”
“ความจริง เขาไม่ได้ทำอะไรฉันหรอกค่ะ ฉันเองต่างหากที่...”
เทวัญคิดว่าเมขลาแก้ตัวแทนราม
“คุณอย่าพยายามปกป้องเขาอีกเลย”
“แต่ที่คุณเห็นน่ะ มัน...”
“ผมเข้าใจว่าคุณอยู่ในฐานะที่ทำตัวลำบาก ผมเองก็ผิดที่ใช้ความรุนแรงก่อน ต่อไปผมจะควบคุมอารมณ์ให้ดีกว่านี้”
เมขลากลัวเทวัญหน้าแตกเลยพูดไม่ออก เทวัญนึกบางอย่างได้
“เกือบลืมไป ผมมีอะไรจะให้คุณ”
เทวัญบอกให้เมขลาเดินตามไปที่รถ เมื่อมาถึง เขาเปิดรถหยิบถุงกระดาษออกมายื่นให้ เมขลารับมาหยิบชุดคลุมท้องออกจากถุง
“นี่มัน...ชุดคลุมท้องนี่คะ”
เทวัญยิ้มเขินๆ
“ความจริงผมซื้อไว้หลายวันแล้วแต่ไม่กล้าให้คุณ เกรงว่าจะละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของคุณเกินไป”
เมขลาอึดอัดรำพึงในใจอยากบอกความจริง
‘ฉันจะพูดกับคุณยังไงดี ถ้าบอกไปเลยตอนนี้ว่าไม่ได้ท้อง คุณก็จะหน้าแตก และคงอายฉันมาก’
เทวัญส่งเงินให้เมขลาปึกหนึ่ง
“คุณเก็บไว้นะ เอาไว้ซื้อของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น”
เมขลานึกถึงเงินที่โอนเข้ามาในบัญชี
“คนที่โอนเงินเข้าบัญชีฉันก็คือคุณนี่เอง คุณไม่น่าทำอย่างนี้เลย ฉันจะรีบไปเบิกเงินคืนคุณนะคะ”
เมขลาจะไป เทวัญดึงไว้อย่างงงๆ
“เงินโอนอะไรหรือครับ ผมไม่เคยโอน”
เมขลายิ่งอึ้งงงใหญ่ว่าใครโอนให้
“เออ...หรือคะ อ๋อฉันคงเข้าใจผิดไป อาจเป็นรุจเพื่อนฉันก็ได้”
เทวัญยัดเงินใส่มือ
“เขาทำถูกแล้ว เพื่อนมีไว้ช่วยกันจริงมั้ย”
เมขลามองเงินแล้วยัดคืนใส่มือเขา
“ไม่ใช่เพราะฉันรังเกียจการช่วยเหลือจากเพื่อนนะคะ แต่ฉันไม่อยากงอมืองอเท้ารับเงินฟรีๆจากคุณ ฉันละอายใจค่ะ”
เทวัญเข้าใจพยักหน้าบีบมือของเธอ...ขณะเดียวกันนั้นรามเดินมาหยุดยืนที่รถของเขาแล้วเห็นคนทั้งคู่ รามยืนฟัง
“ก็ได้ครับ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ คุณต้องบอกผมเป็นคนแรกนะ” เทวัญบอก...
เมขลายิ้ม ยกมืออีกข้างวางบนมือเทวัญ
“คนที่ฉันไว้ใจที่สุดก็คือคุณ มีอะไรฉันจะบอกคุณก่อนค่ะ”
ทั้งสองคนมองตาส่งยิ้มให้กัน เทวัญมองเมขลาอย่างเปี่ยมไปด้วยความรัก ส่วนเมขลามองเขาด้วยความซาบซึ้งใจ รามรู้สึกเจ็บปวดใจ รีบเข้าไปนั่งในรถแต่ยังคงมองภาพเทวัญกับเมขลาจับมือกันไม่ปล่อย

ทันใดนั้นมือถือของเขาดังขึ้น รามหยิบขึ้นมาดูชื่อ เห็นเป็นก้องภพโทรมา

อ่านต่อหน้า 3





นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 11 (ต่อ)

ก้องภพโทรตามรามให้มาหาที่สำนักงาน ปปส. เมื่อพบหน้ากันรามถามก้องภพขึ้นอย่างแปลกใจ

“ท่านหายไปไหนมาครับ ผมติดต่อท่านไม่ได้เลย”
ก้องภพตีหน้าขรึมกลบเกลื่อน
“ฉันติดราชการลับ” ก้องภพรีบเปลี่ยนเรื่องยื่นเอกสารให้ “เอ้านี่...รีบเซ็นซะ”
รามงงๆ รับเอกสารที่ก้องภพยื่นให้มาดู
“ฉันมาลองคิดดูแล้ว เพื่อลูกและครอบครัวของนาย ฉันจะเซ็นอนุมัติให้นายพักงานสักระยะหนึ่ง เคลียร์เรื่องส่วนตัวจบเมื่อไหร่ ค่อยว่ากันอีกที”
รามคว้ามาฉีกทิ้งต่อหน้าพูดเสียงจริงจัง
“ราม รัตนมณี ตายไปนานแล้ว ที่ยืนอยู่ต่อหน้าท่านคือ รามสูร สายลับแห่งหน่วยบัญชาการปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ไม่หลงเหลือชีวิตส่วนตัวใดๆที่จะกระทบกับงานอย่างแน่นอน...ครับท่าน”
ยงยุทธรีบช่วยราม ยื่นหน้ากากให้ก้องภพดู
“ผมทำหน้ากากหนังสำหรับปลอมตัวให้ผู้กองเสร็จแล้วครับ”
รามรีบบอก
“ถ้าคราวนี้เราจับพวกเสี่ยชิตได้ ก็จะเค้นข้อมูลเพื่อสาวไปถึงเครือข่ายทั้งหมดของพ่อเลี้ยงได้ง่ายขึ้น ขอให้ผมเดินหน้าต่อเถอะครับท่าน”
ก้องภพยังนิ่งอยู่ไม่ยอมตอบ สักครู่จึงหยิบหน้ากากจากมือยงยุทธโยนให้ รามรับไว้ทันตะเบ็งเสียง
“ขอบคุณครับท่าน ที่ให้โอกาสผม”

เช้าวันใหม่...รามอยู่ในห้องนอนเย็นเช็คปืน บรรจุกระสุนอย่างแคล่วคล่อง แล้วหันไปเล็งทางประตู เย็นเปิดประตูเข้ามาพอดีร้องจ๊ากรีบเอากระเป๋าบังหน้า
“ข้าไม่ใช่เป้าทดสอบนะโว้ย”
รามลดปืนลง
“เงินล่ะพี่”
เย็นส่งกระเป๋าให้
“เงิน 10 ล้านครบทุกบาททุกสตางค์”
รามเปิดดูเห็นเงินเต็มกระเป๋า
“ไอ้เสี่ยชิตมันจะยอมออกมาซื้อขายกับเราเองหรือวะ อย่าลืม ไอ้ธนูมันจำหน้าเราได้” เย็นแย้งอย่างหวาดๆ
รามยื่นหน้ากากหนังให้เย็น
“เราก็ใช้ตัวช่วยสิไม่เห็นจะยาก”
เย็นตื่นเต้นเอามาทาบหน้าตัวเอง
“เอ็งไปเอาของเล่นนี่มาจากไหนวะ เหมือนหนังคนเป็นบ้า”
“ผมมีเพื่อนเป็นช่างทำหน้ากากในกองถ่าย แต่พี่อย่าไปพูดเรื่องนี้กับใครเด็ดขาดเพราะมันแอบทำให้ผมฟรี ถ้าหัวหน้ามันรู้ โดนไล่ออกแหงๆ”
เย็นมองกระจก ดันทาบผิดกลับหัวกลับหางเอาส่วนตาไปไว้ด้านปากแทน
“ข้ารู้แล้วน่า...เฮ้ยๆ ทำไมมองไม่เห็นอะไรเลยวะเนี่ย มืดตึ๊ดตื๋อ”
รามส่ายหน้า จับให้หน้ากากเข้าที่

บริเวณโกดังเก็บสินค้าท่าเรือคลองเตย เสี่ยชิต ธนู และลูกน้องเดินเข้ามาหยุดยืนมองด้านหลังของรามกับเย็น สักครู่ทั้งสองก็หันมาหา เสี่ยชิตหน้าตาของคนทั้งคู่เปลี่ยนไปเป็นชาวต่างชาติ เสี่ยพยักหน้าให้ ธนูเปิดให้ดูยาเสพติดในกระเป๋า รามพยักหน้าให้ เย็นเปิดกระเป๋าเงิน ทันใดนั้นเสียงปืนยิงขึ้นฟ้าดังเปรี้ยงๆๆๆ พร้อมกับเสียงตำรวจตะโกนมา
“ทุกคนหยุด ยกมือขึ้น”
ภาคภูมินำกำลังตำรวจกรูเข้ามา ทั้งหมดพากันแตกกระเจิงยิงเข้าใส่ ตำรวจยิงสวน รามหลบชุลมุน แล้วยกนาฬิกาพูด
“รามสูรเรียกเจ้าพสุธา นี่มันอะไรกันครับ ตำรวจพวกนี้มาจากไหน ผมยังไม่ทันให้สัญญาณบุกเลย”
ราม ถอยเข้ามาหลบที่ซอกคอนเทนเนอร์ แล้วถอดหน้ากากออก ขณะเดียวกันนั้นเสียงเย็นดังขึ้นใกล้ๆ
“โอ๊ยไอ้หน้ากากบ้า ทำไมมันคันอย่างนี้วะ”
รามหันไปมองเย็นที่พยายามถอดหน้ากาก
“พี่เย็นปลอดภัยนะ”
“ข้าจะตายเพราะหน้ากากเอ็งนี่แหละ โอ๊ยช่วยข้าถอดหน่อยซิวะ มันติดอะไรของมันเนี่ย”
รามช่วยดึง เสี่ยชิตกับธนูวิ่งหนีผ่านมาพอดี ชะงักมอง เห็นรามกับเย็นงงๆว่ามันเป็นใคร ธนูตกใจจำรามกับเย็นได้
“ไอ้สองคนนี่มันเป็นลูกน้องพ่อเลี้ยงปองธรรม มันมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ”
เสี่ยชิตโกรธจี๊ดขึ้นมา
“ไอ้พ่อเลี้ยงชาติชั่วนี่เองที่มันแจ้งตำรวจ ตายเสียเถอะ”
เสี่ยชิตจะยิงใส่เย็นก่อน รามไวมากยกกล่องปาใส่เสี่ยชิตจนล้มไปพร้อมกับธนู รามรีบผลักกระเป๋าเงินให้เย็น
“พี่หนีไปก่อน ผมจะคอยยิงสกัดให้ ไปเลยพี่ เร็ว”
รามผลักเย็นไปข้างหน้า เย็นรีบวิ่งไป เสี่ยชิตเล็งปืนใส่
“ตายเสียเถอะเอ็ง”
เสียงปืนดังขึ้น
“เปรี้ยง”
เสี่ยชิตยังไม่ทันยิง โดนภาคภูมิที่วิ่งเข้ามายิงใส่ที่ท้องล้มลงทันที ธนูยิงใส่ แต่ภาคภูมิไวกว่ายิงใส่หน้าผากธนูตายคาที่ รามรีบหนีไป ภาคภูมิไล่ตาม
รามวิ่งมาถึงท่าเรือ โดนกระสุนยิงใส่พื้นดักหน้าหลายนัด ทำให้เขาต้องถอยหลังหลบแทบไม่ทัน ภาคภูมิเดินออกมาดักหน้าเล็งปืนใส่
“แกนี่เอง ได้เจอกันจะจะจนได้ โยนปืนลงพื้นแล้วยกมือขึ้น”
“ไม่เอาน่าผู้กอง ผมแค่มาเดินเล่นแถวนี้ไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย แล้วผู้กองจะมาจับผมเรื่องอะไร”
“อย่ามาตีฝีปากกับฉัน สวะอย่างพวกแกเจอฉันยัดใส่ตะรางมานักต่อนักแล้ว จะวางปืนเอง หรือจะให้ฉันช่วย”
ภาคภูมิเล็งปืนใส่
“โอเคๆ ยังไงผู้ร้ายมันก็ต้องยอมแพ้ตำรวจอยู่วันยังค่ำ”
รามค่อยๆวางปืนที่พื้น ขณะยืดตัวขึ้นก็เตะปืนให้ลอยสูงไปหาภาคภูมิทำให้ภาคภูมิเสียสมาธิหลบปืน รามตีลังกา เข้าหาแล้วเตะแขนภาคภูมิจนปืนหล่นกระเด็นไปอีกทาง ภาคภูมิปล่อยหมัดเตะต่อยใส่ รามหลบซ้ายหลบขวาไม่ยอมโต้ตอบ ง้างหมัดจะชกก็ค้างไว้ จนโดนภาคภูมิโน้มคอกระทุ้งหมัดใส่ท้องหลายทีทรุดกุมท้องบ่นโอดโอยเบาๆ
“ไอ้ผู้กองบ้าเอ๊ยจะเอากันให้ตายเลยหรือไง ทีเรายังใจดียั้งมือให้ แต่พี่แกดันอัดเอาอัดเอา”
รามเงยหน้าเจอภาคภูมิพุ่งหมัดเข้าหน้า รามไวกว่าจับข้อมือภาคภูมิแล้วทุ่มข้ามหัวไป ภาคภูมิลงไปนอนแอ้งแม้ง รามหันไปยกลังไม้เปล่ายกสูงขึ้นทำท่าจะทุ่มใส่ ภาคภูมิตกใจยกมือป้องหน้า รามทุ่มใส่ห่างจากตัวภาคภูมิ แล้ววิ่งหนีไป ภาคภูมิมองลังไม้ที่แตกงงๆ แล้วเห็นปืนที่หล่นอยู่รีบคว้า วิ่งไล่รามต่อไป
รามวิ่งหนีหันไปมองเห็น ภาคภูมิไล่ตามมาห่างพอสมควร ภาคภูมิเล็งปืนใส่
“หยุดเดี๋ยวนี้...อย่าคิดหนีอีก แกหนีไม่รอดแล้ว”
รามชะงักหยุดวิ่งหันกลับไปมอง เห็นภาคภูมิเตรียมยิง เขาจ้องปืนแล้วหันไปกะระยะห่างจุดที่ยืนกับริมท่าเรือ
“ถ้าแกก้าวไปอีกแค่ก้าวเดียว ฉันยิงแน่”
รามกับภาคภูมิมองหน้าวัดใจกัน
“อยากจับผมให้ได้ คงต้องใช้คันเบ็ดแล้วล่ะผู้กอง”
รามสับเท้าวิ่งเร็วมากตรงดิ่งไปที่ริมท่าเรือ ภาคภูมิตั้งท่าเตรียมยิง แต่รามกระโจนลงน้ำ พร้อมกับเสียงปืนจากปลายกระบอกปืนของภาคภูมิดังขึ้น ภาคภูมิวิ่งมาดูเห็นรามจมหายไปน้ำตรงจุดที่รามกระโดดเป็นสีเลือดแดงฉาน ภาคภูมิรีบติดต่อวิทยุตำรวจ
“ผมผู้กองภาคภูมิ ส่งนักประดาน้ำมาที่ท่าเรือคลองเตยด่วน”
ขณะเดียวกันนั้น ที่มุมหนึ่งแถวๆริมน้ำถังใบใหญ่ขยับเดินได้ สักครู่ เย็นโผล่หัวออกมาจากถังมองลงไปในน้ำที่รามจมหายไปแล้วร้องไห้สะอื้น
“โธ่ไอ้ราม ไม่น่าทิ้งข้าไปเลย เอ็งอยากกินอะไรก็บอกนะโว้ยข้าจะเผาบัตรเครดิตส่งไปให้ ฮือๆๆ”

ยงยุทธอยู่ในห้องทำงานที่ปปส. มองจอคอมพิเตอร์เห็นภาพตำรวจหิ้วปีกพวกผู้ร้ายขึ้นรถ ยงยุทธรีบรายงานก้องภพ
“ผมตรวจสอบแล้ว เป็นหน่วยของผู้กองภาคภูมิ ไม่ใช่หน่วยของเราที่ซุ่มรอคำสั่งอยู่ด้านนอก”
ก้องภพเป็นห่วงราม
“เจอตัวรามมั้ย”
“สัญญาณจากอุปกรณ์สื่อสารเงียบสนิทเลยครับท่าน”
ก้องภพเครียด

ที่ไร่ชา...ปองธรรมตกใจเดินเข้าหาแสง
“เสี่ยชิตมันโดนจับหรือ แล้วมันซัดทอดมาถึงเราหรือเปล่า”
“มันถูกยิงสาหัส เป็นตายเท่ากัน ส่วนไอ้ธนูโดนเป่าหัวดับคาที่ แก๊งไอ้เสี่ยชิตคงสูญพันธุ์คราวนี้เพราะถูกจับไม่มีเหลือ”
“แล้วรามล่ะ”
“ไอ้เย็นบอกว่า รามถูกยิงตกน้ำตอนนี้ยังไม่พบศพ”
ธิดาที่เข้ามาได้ยินพอดีกรี๊ดลั่น
“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ”
ปองธรรมเห็นธิดายืนหน้าประตูกำลังช็อกยืนโงนเงนเป็นลม ปองธรรมรีบถลาเข้าประคอง


เย็นวันนั้น...รุจแนบหน้ากับแก้มของกิ๊กฝรั่ง ถ่ายรูปกันด้วยมือถือโดยยืนหันหลังให้แม่น้ำเจ้าพระยา
“Say cheese 1-2-3” รุจโพสอีกท่าแบบแต๋วแตก “One more shot”
ทันใดนั้นมือรามโผล่ขึ้นมาจับข้อเท้ารุจ
“ยูจับมือไอสิดาร์ลิ่ง ไม่ใช่ไปจับขาไอ มันหยิวนะ”
ฝรั่งงงๆ
“โน...มือไออยู่นี่”
ฝรั่งชูมือให้ดูทั้งสองมือ รุจตกใจก้มมองเห็นมือคนจับขาก็แต๋วแตกร้องกรี๊ดๆพยายามสะบัดขาร้องโวยวาย
“อ๊ายย...ผีพราย คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกช้างด้วย”
เวลานั้น...รุจยังไม่เห็นว่าเป็นราม


เช้าวันใหม่...ปองธรรมกับธิดากลับมาบ้านที่กรุงเทพฯ ธิดาไล่ยิงเย็นล้มลุกคลุกคลาน
“โอ๊ยย ผมกลัวแล้วครับ คุณหนู”
“แกบังอาจหนีเอาตัวรอด ทิ้งให้แฟนฉันถูกยิง แกต้องเอาชีวิตแกมาชดใช้”
เย็นร้องไห้
“ฮือๆ แต่ตำรวจไม่พบศพรามนะครับคุณเทเรซ่า รามอาจยังไม่ตายก็ได้”
“รามอาจไม่ตาย แต่แกตาย”
ธิดายิงอีก เย็นกระโดดหลบ แสงวิ่งมา ปองธรรมตามมาด้วย แสงร้องห้าม
“คุณหนูอย่าครับ”
“ถอยไป อยากตายอีกคนเหรอ” ธิดาตวาด
ปองธรรมเข้าห้าม
“ไม่เอาน่า เทเรซ่า ฆ่าไอ้เย็นก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา”
“ใช่ครับ...บางทีคุณหนูอาจจะห่วงนายรามมากไป มันอาจจะกำลังเล่นละครให้คุณหนูดูก็ได้” แสงแนะ
ปองธรรมมองแสงอย่างไม่เข้าใจ
“แกหมายความว่ายังไง”
“ผมสงสัยว่าอาจมีเกลือเป็นหนอน ไม่งั้นข่าวมันจะรั่วไปถึงหูตำรวจได้ยังไง”
ธิดาหันขวับเล็งปืนใส่แสง
“ไอ้เย็นมันก็บอกแล้วว่ารามช่วยให้มันหนี ยอมเอาตัวเองเสี่ยงตายเพื่อปกป้องเงินของคุณพ่อ แล้วแกยังจะหน้าด้านมาใส่ร้ายเขาอีกหรือ อยากตายใช่มั้ย”
ปองธรรมยกมือปรามลูกสาว
“พอแล้วเทเรซ่า แสงมันก็แค่สงสัย”
“แต่ลูกแน่ใจว่ารามต้องไม่ทรยศเรา” ธิดาหันไปตวาดเย็น “มานี่ แกมากับฉัน”
ธิดาดึงหูเย็นไป
“เทเรซ่า ลูกจะไปไหนน่ะ” ปองธรรมหันไปสั่งลูกน้อง “รีบตามไปสิ”
แสงกับลูกน้องรีบตามไป

เมขลาอยู่ที่โรงพยาบาล คุยโทรศัพท์กับรุจตกใจจนทำมือถือหล่นจากมือ เทวัญเข้ามาเห็นพอดีรีบเก็บให้
“มีปัญหาอะไรหรือครับ ทำไมคุณหน้าซีดขนาดนี้ หรือว่าคุณแพ้ท้อง ผมจะไปตามหมอให้”
เมขลารีบดึงไว้ โกหกทันที
“ไม่ใช่นะคะ ฉัน...คือ โรสน่ะค่ะเขาโทรมาหา ขอให้ฉันไปช่วยส่งเครื่องสำอางให้ลูกค้า ฉันห่วงคุณแม่ก็เลยไม่รู้จะทำยังไงดี”
“ให้ผมไปเองดีกว่า คนท้องคนไส้เดินมากๆมันจะไม่ดี”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำไหว ฝากคุณดูแลคุณแม่ด้วยนะคะ เสร็จธุระแล้วฉันจะรีบกลับมา ขอบคุณค่ะ”
เมขลารีบรวบรัดแล้วเดินออกไปทันที เทวัญได้แต่อ้าปากค้างรั้งไว้ไม่ทัน


รุจอยู่ในห้องของเขาที่คอนโด เดินไปเดินมาด้วยท่าทางประสาทจะกิน
“ทำไมมาช้านักฮึยัยเม แกนะแกหาเรื่องปวดกบาลมาให้ฉันไม่เว้นว่าง ฉันหน้าเหี่ยวก่อนวัยก็เพราะแกนั่นแหละ”
ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตู รุจรีบเปิด เมขลาเดินเข้ามา
“แกเรียกฉันมาทำไม”
“ก็ให้มาดูใจพ่อยอดขมองอิ่มของแกนะสิถามได้ ดีนะที่คอนโดฉันอยู่ใกล้คลองเตยเลยไปเก็บซากมาได้ มาเร็วเข้า”
รุจจะรีบดึงเมขลาไปดูราม แต่เธอยั้งตัวไว้
“ทำไมไม่โทรบอกตำรวจมาโทรหาฉันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา”
“ก็ฉันกำลังตกใจ คิดอะไรไม่ออกก็นึกถึงหน้าแกได้คนเดียว ตกลงฉันผิดใช่มั้ยเนี่ยที่ยุ่งเรื่องสามีชาวบ้าน”
เมขลาลังเล ก่อนตัดสินใจเข้าไปมองรามที่นอนอยู่บนเตียงรุจ แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเลือดออกที่น่อง มีเสื้อของรุจพันโปะๆไว้ห้ามเลือด ท่าทางของเขาอาการหนัก เมขลาลืมตัวโวยวาย
“ทำไมไม่รีบพาไปส่งโรงพยาบาล จะรอให้เลือดไหลหมดตัวก่อนหรือ”
“แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบขัดใจผู้ชาย เขาสั่งห้ามพาไปโรงพยาบาลฉันก็ต้องเชื่อ แต่เดี๋ยวก่อน” รุจจ้องหน้าเมขลา “ไหนแกไม่สนใจเขาไง แล้วมาโวยวายใส่ฉันทำไม เริ่มกลัวว่าเขาจะตายแล้วล่ะสิ”
เมขลารีบแก้ตัว
“ฉันไม่ได้กลัว ฉันกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้ว แต่แกเป็นคนพาเขามาก็ต้องเป็นคนพาเขาไปหาหมอ ส่วนฉันจะกลับ”
เมขลาจะไป รุจรีบโวย
“เฮ้ย...เรื่องอะไรมาโยนให้กันง่ายๆอย่างนี้ล่ะ เขาเป็นผัวแกนะไม่ใช่ผัวฉัน แกต่างหากที่ต้องรับผิดชอบ” รุจทำเป็นไม่แคร์ “ฉันต้องรีบกลับไปที่ศูนย์ลูกเรือ ได้เวลาบรี้ฟงานพอดี”
รุจออกไปเลย เมขลาอึ้งเงอะงะทำอะไรไม่ถูก
“เดี๋ยวสิแก แกหนีไปเฉยๆอย่างนี้ไม่ได้นะ รุจๆ ถ้าแกไม่กลับมา ฉันจะแช่งให้แกมีแฟนเป็นชะนีไปทุกภพทุกชาติ...ไอ้ชำรุด”
โวยแล้ว เมขลาหันไปมองรามอย่างเป็นห่วงและกังวล

เมขลาตัดสิน โทรไปโรงพยาบาลเพื่อเรียกรถพยาบาลมารับเขา
“ช่วยส่งรถพยาบาลมาด่วนที่สุดเลยนะคะ คนเจ็บอยู่ที่คอนโด...”
เมขลายังไม่ทันบอกรายละเอียด รามพยุงตัวจากเตียงปัดมือถือเมขลาหล่นจากมือกระเด็นไปหัวเตียง เมขลาหันขวับมาทางเขาทันที
“อย่าโทรบอกใครเด็ดขาด” รามพูดสียงแหบแห้ง
เมขลาไม่พอใจ
“แต่แผลคุณไม่ใช่น้อยๆเลยนะ”
ราม ปากซีดเผือดเสียงอ่อนแรง
“ผมจัดการตัวเองได้ แผลแค่นี้ไม่ตายหรอกน่า”
เมขลาทั้งห่วงทั้งโกรธ
“เลิกอวดเก่งเสียทีเพราะมันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกว่าคุณเป็นฮีโร่แม้แต่น้อย ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องส่งคุณไปหาหมอ”
“ก็บอกว่า อย่ายุ่ง...ไป...ออกไป”
รามหน้ามืดล้มลงบนเตียง เมขลาตกใจ
“คุณราม”

เมขลามาปรึกษาพยาบาลที่โรงพยาบาลที่ทรงวาดรักษาตัวอยู่ โดยบอกว่าเพื่อนโดนมีดบาด พยาบาลส่งกระดาษให้
“ดิฉันจดชื่อยาให้แล้วนะคะ ใช้แค่ยาล้างแผลเพื่อฆ่าเชื้อโรคก็พอ”
“แต่ถ้าเขาเลือดไหลไม่หยุดก็แย่สิคะ ฉันอยากได้ยาห้ามเลือดแล้วก็ยากินแก้อักเสบด้วย เออ...แล้วก็ยาชาแบบทาภายนอก ถ้าซื้อที่ร้านขายยาจะมีมั้ยคะ”
พยาบาลมองอย่างสงสัย
“เพื่อนคุณแค่โดนมีดบาดไม่ใช่หรือ”
เมขลารีบหัวเราะกลบเกลื่อน
“ฉันก็แค่ถามเผื่อไว้เป็นความรู้”
“เพราะไอ้เพื่อนคนนี้มันเรื่องมาก จะให้มันกินยาอะไรก็ต้องถามโน่นนั่นนี่ซะละเอียดยิบ” เมขลาลดเสียงลงกลัวคนได้ยิน “เออ...คุณพยาบาลพอจะมีเวลาช่วยสอนฉันเย็บแผลหน่อยได้มั้ยคะ”
พยาบาลจับต้นแขนปลอบใจ
“ดิฉันเข้าใจว่าคุณกำลังวิตกกังวลเรื่องคุณแม่ แต่คุณต้องคุมสติไว้อย่าคิดฟุ้งซ่าน ดิฉันจะขอให้คุณหมอจัดยาคลายเครียดแบบอ่อนๆให้คุณก็แล้วกันนะคะ”
พยาบาลเดินไป เมขลายืนนิ่งค้าง



เรืองฤทธิ์เดินตรงดิ่งมาทางห้องทรงวาด หมอกับพยาบาลวิ่งกรูกันเข้าไป โดยมีเทวัญยืนรออยู่ด้านนอก
“พี่วาดเป็นอะไร อาการทรุดลงอีกหรือ แล้วนี่หนูเมหายไปไหน” เรืองฤทธิ์ถามเทวัญ
ขณะเดียวกัน เมขลาวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“คุณเทวัญ...คุณอา ออกมาข้างนอกทำไม มีอะไรกันหรือคะ”
เทวัญหันไปบอกเมขลา
“คุณทรงวาดอาการดีขึ้นแล้วครับ คุณหมอกำลังตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียดอยู่”
เมขลาจับมือเทวัญพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ
“จริงหรือคะ งั้นก็แสดงว่าคุณแม่ใกล้จะฟื้นแล้วใช่มั้ยคะ”
เทวัญพยักหน้าให้กำลังใจ เรืองฤทธิ์ผงะถอยหลัง

หมอดึงหน้ากากออกซิเจน ออกจากปากทรงวาด พร้อมหันมาอธิบายกับเรืองฤทธิ์
“คนป่วยสามารถหายใจได้เองแล้ว อาการทางสมองก็ตอบรับเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก”
เรืองฤทธิ์หน้าเสีย
“แล้วพี่สาวผมจะมีโอกาสฟื้นมั้ยครับหมอ”
“มีความเป็นไปได้สูงมากครับ ถ้าได้รับการรักษาต่อเนื่อง”
หมอออกไปพร้อมพยาบาล เรืองฤทธิ์มองไปทางเมขลา ที่ยืนจับมือทรงวาดอยู่อย่างกังวล
“คุณแม่ได้ยินที่คุณหมอพูดใช่มั้ยคะ คุณแม่ต้องรีบตื่นขึ้นมาให้ได้นะคะ เราทุกคนรวมทั้ง...” เมขลาไม่กล้าพูดชื่อ “รอคุณแม่อยู่ค่ะ”
เรืองฤทธิ์หวาดหวั่น เทวัญสังเกตเห็นอาการ
“ทำไมคุณเรืองฤทธิ์หน้าซีดอย่างนั้นละครับ ไม่สบายหรือเปล่า”
เรืองสะฤทธิ์ดุ้งรีบปรับสีหน้าให้ปกติเต็มที่
“ไม่นี่ผมสบายดี พี่วาดกำลังจะหาย ผมดีใจจนไม่รู้จะพูดยังไงถูก” เรืองฤทธิ์แกล้งแตะๆหัวตา ทำเป็นเสียงสั่น “... เกิดมาจนป่านนี้ก็เพิ่งจะรู้ว่าคนเราเวลาดีใจจนน้ำตาไหล มันเป็นอย่างนี้นี่เอง”
เมขลารีบส่งทิชชู่ให้
“หนูเข้าใจความรู้สึกคุณอาค่ะ”
เรืองฤทธิ์พยักหน้าเช็ดน้ำตาใหญ่ เทวัญมองอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ

เทวัญเดินมาส่งเมขลาที่หน้าตึกของโรงพยาบาล
“บ้านที่ไปส่งเครื่องสำอางเปลี่ยวหรือ แล้วทำไมโรสเขายังให้คุณไปอีก เขาไม่รู้หรือว่าคุณกำลังท้อง ผมจะโทรบอกเขาเองถ้าเขาจะให้คุณไปไหน ผมขอไปแทน”
เทวัญจะกดมือถือ เมขลารีบจับไว้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไปได้”
เทวัญไม่ยอม
“แต่ผมห่วงคุณกับลูก ผมรู้ผมไม่มีสิทธิ์เป็นพ่อของเขา แต่ถ้าคุณอนุญาตผมก็ยินดีและเต็มใจ ต่อไปนี้ผมจะไม่ให้คุณทำอะไรเพียงลำพังอีก”
เทวัญจะโทรหาโรส เมขลาดึงมือถือไปแล้วพูดอย่างรัวๆ
“คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณกำลังก้าวล้ำเส้น ตั้งแต่เล็กจนโตฉันก็ทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาโดยตลอด คุณอย่ากังวลกับฉันนักเลย มันทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเอง ฉันไปละคะ นัดกับโรสไว้ แล้วฉันจะรีบกลับมา”
เมขลาทำถุงกระดาษหล่นลงพื้น เทวัญเห็นมีดอันเล็กๆหลุดจากถุงก็ก้มหยิบดู เมขลารีบเข้าไปดึงมีดจากมือเทวัญ
“คุณเอามีดแบบนี้ไปทำอะไร”
เมขลาชะงักรีบนึกคำแก้ตัว แล้วจ่อมีดไปที่คอของเขา เทวัญยืนตัวแข็งกลัวมีดบาด เมขลาแกล้งหัวเราะ
“แสดงว่ามีดนี้ใช้ป้องกันตัวได้ผล ขนาดคุณยังไม่กล้าขยับเลย”
เมขลารีบไปเพื่อไม่ให้เขารั้งไว้ได้ทัน เทวัญยืนนิ่งรู้สึกน้อยใจกับคำพูดของเมขลาเมื่อครู่
เมื่อแยกจากเทวัญแล้ว เมขลารีบไปที่ร้านขายยา มีป้ายติดที่ประตูเหล็กว่า “ปิดวันอาทิตย์” เมขลาโมโห
“ร้านนี้ก็ปิดวันอาทิตย์อีกแล้ว คิดว่าคนป่วยหยุดป่วยวันอาทิตย์ได้หรือไงนะ ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ”
เมขลาทุบๆประตู
“ช่วยเปิดหน่อยได้มั้ยคะ ฉันต้องการซื้อยา เพื่อนฉันกำลังจะตายอยู่แล้ว”

ธิดาให้เย็นนำมาที่ท่าเรือคลองเตย ตรงที่รามถูกยิงตกน้ำ ธิดาถีบก้นเย็นลงน้ำดังตูม
“งมหารามให้เจอนะ ไม่งั้นแกไม่ต้องโผล่หัวขึ้นมา” ธิดาหันไปชี้ลูกน้อง “พวกแกด้วยลงไปให้หมด ยืนเซ่ออยู่ทำไมเล่า”
ทั้งหมดลังเลๆแล้วโดด แสงยิ้มเยาะ
“ขนาดตำรวจยังถอยทัพกลับไป แสดงว่าไอ้รามมันคงไม่รอดแล้วละครับ ป่านนี้ศพมันคงถูกกระแสน้ำพัดไปไกลแล้ว”
ธิดาเดินเข้าไปเตะหน้าแข้ง แสงร้องลั่น
“ถ้าแกปากเสียแช่งแฟนฉันอีก แกนั่นแหละจะกลายเป็นศพอยู่ก้นแม่น้ำนี่ แล้วฉันขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายอย่าให้ฉันได้ยินแกเรียกรามว่า ไอ้ อีก”
ธิดาหันไปเดินหาราม ตะโกนเรียกไปทั่ว
“รามๆๆ”
แสงยิ้มสะใจ แอบด่า
“อีโง่เอ๊ย น้ำลึกขนาดนี้คิดหรือว่ามันจะรอด”

เมขลากระหืดกระหอบเปิดประตูห้องรุจเข้ามาพร้อมถุงยา ถุงอาหารหลายใบ
“โง่จริงๆเลยเรา มัวไปเสียเวลาหาร้านยาข้างนอกอยู่ได้ ไปซื้อในห้างก็มี มันน่าเขกหัวตัวเองนัก”
เมขลาตรงไปที่เตียง เตรียมเครื่องมือ สูดลมหายใจ
“แค่ผ่ากระสุนออก มันคงไม่ยากอะไรนักหนา”
เมขลาจัดแจงตัดขากางเกงของรามที่หลับอยู่ เอาผ้ารอง เอามีดจุ่มน้ำยาฆ่าเชื้อ จรดปลายมีดลงที่แผล ทันใดนั้น มือรามจับหมับที่ข้อมือ
“จะทำอะไร...คิดจะฆ่าผมเหรอ” รามพูดเสียงแผ่ว
เมขลาแกล้งเหี้ยมขู่
“ใช่...คุณเคยคิดจะฆ่าฉัน วันนี้โอกาสล้างแค้นของฉันมาถึงแล้ว”
“ตามสบาย อยากจะจิ้มผมตรงไหนก็ได้ ถึงยังไงผมก็ไม่มีแรงจะสู้คุณอยู่แล้ว เอาเลยปักมาที่หน้าอกเลยก็ได้”
รามดึงข้อมือไปจิ้มที่หน้าอกแบบไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง เมขลาดึงกลับ เอามีดไปจ่อที่แผลกะผ่ากระสุน
“ไม่...ฉันอยากจิ้มมันตรงนี้มีอะไรมั้ย คุณเตรียมตัวไปเฝ้ายมบาลได้เลย”
“อย่าบอกนะว่าคุณจะผ่ากระสุนออกให้ผม”
“ถ้ากลัวก็หลับตาซะ”
รามขัดไม่ไหว ยอมให้เมขลายกตัวนั่งพิงเตียง เขาขบฟันแน่นอดทนกับอาการเจ็บแผล พยายามพูดออกมา
“คุณทำไม่ได้หรอก ไปซะเถอะ”
เมขลาจ้องหน้าแล้วตวาดไม่ยอมรามแล้ว
“หยุดออกคำสั่งกับฉันสักที ต่อไปนี้คุณต้องฟังฉันอย่างเดียว”
“ไม่ว่าคุณจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรก็ตาม จะเพื่อคุณแม่ หรือเพื่อยัยทะเลทราย ฉันก็จะช่วยคุณให้ถึงที่สุด”
“ทำไม” รามจับมือเมขลาไว้ “ตอบมาซิ ช่วยผมทำไม”
“ก็เพราะ นายเป็นพ่อของลูกในท้องฉัน ฉันไม่อยากให้ลูกเป็นกำพร้า...ชัดมั้ย”
รามอ่อนลง
“ส่งมีดมา...ผมจัดการเอง”
เมขลามองๆ
“แล้วคุณทำได้เหรอ”
“เดนตายอย่างผม...ฆ่าคนยังทำมาแล้ว ผ่ากระสุนแค่นี้เรื่องจ้อย”
เมขลาอึ้งๆ ส่งมีดให้
“คุณหันไปทางอื่นก่อน แล้วอย่าหันมามอง จนกว่าผมจะเอากระสุนออกมาได้”
รามหยิบผ้ามากัดไว้ เมขลาลุกยืนหันหลังให้ รามกดมีดลงที่ขาลงมือผ่าหน้าตาเจ็บปวด กัดผ้าแน่น เมขลาหลับตาเพื่อข่มใจตัวเองให้อดทนและลุ้นไปกับเขา สักครู่เสียงรามคีบกระสุนออก ใส่ภาชนะ เสียงดัง เมขลาลืมตา
เมขลาใช้ผ้าพันแผลหลายชั้นกดห้ามเลือดให้ รามครวญครางกัดฟันแน่นเพราะเจ็บแผลมาก แต่ยังมีสติสั่ง
“ฉีดยาแก้ปวดให้ผม”
เมขลาหยิบเข็มออกมา รามยื่นแขนให้
“กดหาเส้นเลือดตรงข้อพับแล้วฉีดเข้าไป”
เมขลาทำตาม แต่หาเส้นเลือดไม่เจอ
“ฉันหาไม่เจอ มองไม่เห็นเลย”
“ไม่ต้องกลัวหรอก อย่างมากผมก็แค่ตาย” รามประชด
“พูดเรื่องตายอยู่ได้ คนขี้ขลาด” เมขลาดีใจหาเส้นเจอ “เห็นแล้ว”
เมขลากลั้นหายใจตัดสินใจฉีดลงไป
“คราวนี้คุณก็กดแผลไว้แน่นๆรอจนเลือดหยุดไหล แล้วค่อยล้างแผลให้ผม หรือจะปล่อยให้แผลมันเน่าก็ได้ตามใจคุณ”
เมขลาหันไปกดแผล พอมองไปอีกที รามก็คอพับร้องครวญครางเจ็บปวด
“ราม...คุณราม คุณอดทนไว้นะ คุณจะตายไม่ได้ อย่าลืมว่าคุณต้องอยู่ดูหน้าลูกของเราก่อน จริงสิฉันลืมบอกคุณไป แม่คุณอาการดีขึ้นแล้วนะ คุณต้องสู้ คุณได้ยินที่ฉันพูดมั้ย”

รามผงกหัวพยักหน้ารับรู้ก่อนสลบไป

อ่านต่อตอนที่ 12




กำลังโหลดความคิดเห็น