xs
xsm
sm
md
lg

ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลิขิตเสน่หาตอนที่ 7 

หลังจากลูกสาวที่หายตัวไปกลับคืนมาสู่อ้อมอก ณนนท์พยายามจะสรรหาสารพัดวิธีเพื่อทำให้ลูกสาวสุดที่รักอารมณ์ดีเป็นคนเดิม เพราะเห็นอาการไข่ตุ๋นที่เอาแต่นั่งกอดอกทำหน้าหงิกอยู่ในห้องตั้งแต่เช้า

ในที่สุดณนนท์ก็ปิ๊งไอเดีย โดยลงทุนแต่งหน้าแต่งตาเลียนแบบหมีแพนด้า สัตว์ตัวโปรดของไข่ตุ๋น
ณนนท์ค่อยๆ โผล่หัวเข้ามาในห้อง ก่อนจะค่อยๆ ย่องมาหาไข่ตุ๋น แล้วเต้นพร้อมกับร้องเพลงหมีแพนด้าของวงลูกทุ่งสุดฮิต
“หมีแพนด้า หมีแพนด้า ใครๆก็ว่าน่ารัก...หมีแพนด้าๆ...”
ณนนท์ออกลีลาทั้งร้องทั้งเต้นกระจายเพื่อเอาใจลูก
แต่ทว่านอกจากจะไม่ได้ผล ไข่ตุ๋นยังลุกขึ้น หันไปบอกพ่อแบบอารมณ์บ่จอยว่า
“พอ พอได้แล้ว พอๆ”
“ไข่ตุ๋นไม่ชอบเหรอลูก งั้นพ่อเปลี่ยนเพลงก็ได้นะ” ณนนท์พยายามอ้อนและเอาใจลูกสาวต่อไป
ดูเหมือนไข่ตุ๋นยังอยู่ในโหมดงอนพ่ออยู่
“ไม่เอา เพลงอะไรไข่ตุ๋นก็ไม่เอาทั้งนั้น พ่อกับแม่ไม่รักกัน ไม่รักไข่ตุ๋นแล้ว ไข่ตุ๋นจะไปอยู่กับหลินปิง ไม่อยู่กับพ่อแม่แล้ว”
แล้วไข่ตุ๋นก็วิ่งเตลิดออกจากห้องไป ณนนท์ร้องตามก็ไม่ยอมกลับมา
“ไข่ตุ๋น เดี๋ยวสิลูก ไข่ตุ๋นๆ”
ณนนท์ได้แต่ถอนใจยืนมองลูกวิ่งหนีลงชั้นล่างไป สุดยอด กับเท่งซึ่งพากันเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นเพราะยืนแอบดูอยู่ จึงเดินเข้ามาหาณนนท์
“ใจเย็นๆ เด็กๆงอนไม่นานหรอก ง้อหน่อยเดี๋ยวก็หาย” เท่งบอก
“เปลี่ยนเพลงง้อมั้ยพี่ ถ้าหมีแพนด้าไม่เวิร์ค ลองไก่ดูมั้ย”
ว่าพลางสุดยอดเดินไปกดเครื่องซีดีเล่นเพลงทันที เสียงเพลง ”น้องไก่” ดังขึ้น
พร้อมๆกับที่ สุดยอด โชว์ลีลาทั้งร้องและเต้นไปตามเพลงแบบจัดเต็ม
“เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา”
ณนนท์มองหน้าน้องชาย แล้วด่าทางสายตา ก่อนจะเดินเลี่ยงไปตามไข่ตุ๋น เท่งเดินเลี่ยงไปอีกทาง ปล่อยให้สุดยอดเต้นเพลงน้องไก่อยู่คนเดียว

เหตุการณ์ไม่แตกต่างไปจากบ้านของยี่หวานัก เวลานี้สมาชิกของบ้านทั้ง ยี่หวา ยาหยี วสันต์ และบุญเลื่อง กำลังรุมล้อมเอาอกเอาใจข้าวตู ที่กำลังเล่นรถบังคับวิทยุคันใหม่วิ่งไปวิ่งมาอยู่ในห้องโถงยามนี้ อย่างสนุกสนาน โดยมีพ่อแม่น้าและยาย ยืนเชียร์ยิ้มแย้มอยู่ใกล้ๆ
“เป็นไงข้าวตู ชอบมั้ยลูก พ่อเลือกอันที่เจ๋งที่สุดมาให้ลูกเลยนะ” วสันต์พูดอย่างยิ้มแย้ม
ข้าวตูยิ้มอย่างดีใจ
“ชอบครับคุณพ่อ ข้าวตูจะเก็บไว้ข้างๆ น้องบลายธ์เลยครับ
พอได้ฟังทั้งวสันต์ และยี่หวา ทำหน้าไม่ถูก รู้สึกทะแม่งๆ ที่ลูกชอบตุ๊กตาบลายธ์
ยี่หวาเลยปั้นหน้ายิ้มตัดบทขึ้นมา
“อ้ะ อย่าเพิ่งพูดเลยจ้ะ เรารีบไปเที่ยวเขาดินกันดีกว่าเร้ว เดี๋ยวแดดร้อนแล้วจะไม่สนุกนะ
“แล้วคุณพ่อคุณแม่เลิกทะเลาะกันแล้วเหรอครับ” ข้าวตูถามอย่างไร้เดียงสา
“ทะเลาะอะไรกันลูก” วสันต์รีบโอบบ่ายี่หวาไว้ “พ่อกับแม่รักกันจะตาย” ปิดจ๊อบหวานด้วยการหอมแก้มยี่หวา “นี่แน่ะ เห็นมั้ย”
ยี่หวารอจังหวะอยู่ก็รีบกอดวสันต์ ปั้นยิ้ม “พ่อกับแม่แค่เถียงกันเสียงดังเท่านั้นเอง เราไม่ได้ทะเลาะกันเลยนะลูก ข้าวตูเข้าใจผิดรู้มั้ย”
ข้าวตูยังไม่เชื่อหันไปมองบุญเลื่องถามขึ้น “จริงเหรอครับคุณยาย”
“จริงสิจ๊ะ เวลาผู้ใหญ่เค้าเถียงกัน ก็มักจะเสียงดังอย่างงี้แหละ แต่ไม่ได้โกรธกันจริงๆหรอก”บุญเลื่องรับไม้ต่อ ตามติดมาด้วยยาหยี
“อ้ะ ไปได้แล้ว นานๆคุณพ่อเราเค้าจะว่างทีมัวแต่ถามโน่นถามนี่ เดี๋ยวมีเวลาอยู่กับคุณพ่อน้อยลง น้าหยีไมรู้ด้วยนะ” ซึ่งได้ผล
“ครับน้าหยี ข้าวตูจะเที่ยวเผื่อน้าหยีกับคุณยายนะครับ”
ยี่หวา กับวสันต์เดินจูงมือข้าวตูคนละข้างออกจากบ้านไปอย่างมีความสุข โดยมียาหยี กับบุญเลื่องโบกมือบ๊ายบายส่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สร้างภาพสุดฤทธิ์
บุญเลื่องบ๊ายบาย ฉีกยิ้ม พูดเบาๆกับยาหยี “ยัยหยี แกว่าคราวนี้พี่เราเค้าจะเสียเท่าไหร่”
ยาหยีบ๊ายบาย ฉีกยิ้ม ตอบแม่เบาๆ “ลองมีรถบังคับด้วย งานนี้หลายหลักล่ะค่ะแม่”
บุญเลื่องฟังแล้วก็รีบดึงริมฝีปากลงมาเพื่อให้หยุดยิ้ม เพราะยิ้มนานเกินจนเหงือกแห้ง ปิดริมฝีปากแบบธรรมดาไม่ได้ ต้องใช้มือช่วย

คล้อยหลัง 3 คนพ่อแม่ลูกที่พากันออกไปเที่ยวได้ไม่นาน บุญเลื่องก็กลับเข้าครัว จัดเรียงทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองใส่กล่องพลาสติก กล่องใหญ่ 2 กล่อง ขณะที่ยาหยีเดินเข้ามาในครัว เปิดตู้เย็น รินน้ำขึ้นดื่ม

“ยัยหยี วันนี้มีอัดเทปกี่โมงล่ะลูก” บุญเลื่องพูดไปด้วย จัดเรียงขนมใส่กล่องไปด้วย
“บ่ายๆ น่ะค่ะแม่ มีอะไรเหรอคะ” ยาหยีตอบ
“แม่อยากจะฝากขนมไปที่จ.ส.100 แล้วก็ให้คนที่เค้าพาข้าวตูมาส่งหน่อยน่ะ ถ้าไม่ได้พวกเค้าช่วย ไม่รู้ป่านนี้ข้าวตูจะเป็นยังไงบ้าง”
“นั่นสิคะแม่ หยีไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

แล้วภาพเหตุการณ์วิบากกรรมของข้าวตูกับไข่ตุ๋น ก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของยาหยี
ดึกสงัดในคืนเกิดเหตุ ระหว่างนั้นข้าวตู กับไข่ตุ๋นนั่งอยู่ในรถซาเล้งเก็บขยะเก่าๆ คันหนึ่ง ข้าวตูกลัวร้องไห้จ้า ในขณะที่ไข่ตุ๋นก็กลัวไม่แพ้กัน แต่พยายามข่มใจไม่ร้องไห้ ในขณะที่คนเก็บขยะกำลังยืนคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ข้างๆรถ ที่แท้คนเก็บขยะหน้าตาน่ากลัวคนนี้ก็คือหมียักษ์ที่ทั้งคู่เข้าใจนั่นเอง!
“ตอนนี้อยู่กับเด็ก จะให้ทำไงต่อ” คนเก็บขยะพูดเสียงเครียดๆ พยักหน้ารับ
“ได้ ไม่มีปัญหา เสร็จงานแล้ว จะโทรกลับไปอีกที” คนเก็บกดวางสาย แล้วหันไปมองข้าวตู ไข่ตุ๋น
ข้าวตูเห็นคนเก็บขยะหน้าตาน่ากลัวจ้องหน้าตน ก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม
“แม่จ๋าช่วยด้วยแม่จ๋า”
คนเก็บขยะแสยะยิ้มเหี้ยม
ถีงนาทีนี้ไข่ตุ๋นกลัวสุดๆ จนทนต่อไปไม่ไหว ร้องไห้ลั่นทันที
“พ่อ พ่อ ช่วยไข่ตุ๋นด้วย”
หลังจากนั้นเด็กน้อยสองคนก็แข่งกันร้องไห้เสียงดังลั่น ในขณะที่คนเก็บขยะมองเด็กทั้งคู่ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม
เวลาต่อมาคนเก็บขยะก็ขี่รถซาเล้งแบบพ่วงกับรถมอเตอร์ไซค์พาข้าวตู มาส่งที่หน้าบ้านบุญเลื่อง
พอรถจอดสนิท คนเก็บขยะก็อุ้มข้าวตูก็ลงจากรถ
ข้าวตูไหว้คนเก็บขยะ “ขอบคุณครับคุณลุง” พร้อมกับหันไปบ๊ายบายไข่ตุ๋น “ไปก่อนนะไข่ตุ๋น”
“โชคดีนะข้าวตู” ไข่ตุ๋นบ๊ายบายตอบ
คนเก็บขยะกำชับก่อนจาก
“แล้วจำที่สัญญากับลุงได้มั้ย ต่อไปไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร ห้ามหนีออกจากบ้านอีกเข้าใจมั้ย”
“เข้าใจครับ”
“ดังๆ ไม่ได้ยิน” คนเก็บขยะดุเสียงดัง
ข้าวตูกลัว จนร้องไห้ต่อบเสียงดัง
“เข้าใจครับ ต่อไปผมจะไม่หนีออกจากบ้านอีกแล้วครับ”
“ไป รีบเข้าบ้านไปได้แล้ว”
ข้าวตูรีบเปิดประตูวิ่งเข้าบ้านไปทันที
คนเก็บขยะมองตามข้าวตู แล้วยิ้มอย่างมีเมตตา

บรรยากาศภายในสวนสัตว์วันนั้นผู้คนขวักไขว่ อยู่ตามสถานที่ที่ลูกหลายตัวเองอยากดู เอนิตาเดินเข้ามาหาณนนท์ ไข่ตุ๋น ที่กำลังยืนรอ
ไข่ตุ๋นรีบเข้าไปหาแม่ทันที “คุณแม่ ทำไมมาช้าจังล่ะคะ”
เอนิตายิ้มแย้ม “รถมันติดน่ะลูก นี่แม่ก็รีบที่สุดแล้วนะคะ” ว่าพลางดึงไข่ตุ๋นเข้ามากอด “เพราะแม่อยากเจอไข่ตุ๋นไงจ๊ะ”
ไข่ตุ๋นทำน้ำเสียงน้อยใจ “จริงเหรอคะ ไข่ตุ๋นนึกว่าแม่ไม่รักไข่ตุ๋นแล้วซะอีก”
“ไม่จิ๊ง เอาที่ไหนมาพูด แม่ที่ไหนจะไม่รักลูก ไม่มีหรอก”
ณนนท์ปั้นหน้ายิ้มยืนยันทันที “ใช่จ้ะ คุณแม่เค้าห่วงไข่ตุ๋นจะตาย เมื่อคืนพอพ่อโทรไปบอกว่าไข่ตุ๋นกลับมาแล้ว แม่เค้าดีใจใหญ่เลย จะมาหาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ แต่พ่อเห็นว่ามันดึกแล้ว ก็เลยนัดมาเจอที่นี่เลย”
“แล้วพ่อกับแม่ไม่โกรธกันแล้วเหรอคะ”
ณนนท์หันไปพูดกับไข่ตุ๋น “ถ้าพ่อแม่โกรธกัน จะพาหนูมาเที่ยวเหรอ เห็นมั้ย หนูอยากดูหมี พ่อกับแม่ก็รีบพามาเลย”
“ไข่ตุ๋นอยากดูหมีแพนด้าต่างหาก ไม่ใช่หมีแบบนี้ซะหน่อย” ไข่ตุ๋นงอนๆ
ในขณะที่ณนนท์กำลังจะตอบลูก เสียงยี่หวาก็ดังแทรกขึ้นมาก่อน
“ ก็แม่ยังไม่มีเวลานี่ลูก ดูหมีควายแทนไปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวแม่ว่างเมื่อไหร่ จะพาไปดูทั้งช่วงช่วง หลินฮุ่ย หลินปิง ให้ครบเลย”
ณนนท์ เอนิตา ไข่ตุ๋น หันไปมองตามเสียง ก็เห็นยี่หวา ข้าวตู และวสันต์ ซึ่งมองเห็นครอบครัวณนนท์พอดี
“ไข่ตุ๋น / ข้าวตู” เด็กน้อยทั้งสองคนทักทายกันอย่างดีใจ

ขณะที่ณนนท์ กับยี่หวามีอาการเก้อๆ ที่ได้เจอกันอีกแล้ว ส่วนวสันต์ กับเอนิตา ไม่ค่อยพอใจนักที่ต้องมาเจอกันในสถานที่แบบนี้
ทั้งสองครอบครัว พากันเดินเที่ยวสวนสัตว์ด้วยกัน แวะดูกรงสัตว์ กรงโน้นกรงนี้ดูเป็นภาพครอบครัวแสนสุข น่ารัก น่าอิจฉา
ไข่ตุ๋นขี่คอณนนท์ดูยีราฟ ยี่หวาก็อุ้มข้าวตูไปดูนก ในขณะที่วสันต์ กับเอนิตาต่างยืนทำหน้าเซ็งๆ แต่พอลูกๆ หันมาคุยด้วยก็รีบปั้นหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทันที

ช่วงเวลาหนึ่งยี่หวาจูงทั้งข้าวตู ไข่ตุ๋นไปดูงู เด็กๆ มีท่าทางหวาดกลัว พากันกอดยี่หวาไว้แน่น
ณนนท์เห็นเข้าเลยเอาเฟร้นฟรายมาคาบไว้ที่ปาก เหมือนมีเขี้ยวงูงอกออกมา แล้วแกล้งขู่เด็กๆ ข้าวตู ไข่ตุ๋นร้องลั่น วิ่งหนี วนไปรอบๆ ตัวยี่หวา ทั้งสี่ต่างคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใส
วสันต์ กับเอนิตา ต่างหันมาสบตากัน เมื่อมองภาพนั้น ไปๆ มาๆ ดูเหมือนว่าทั้งคู่ได้กลายเป็นส่วนเกินในชีวิต ณนนท์ ยี่หวา ข้าวตู และไข๋ตุ๋นมากเข้าไปทุกที

ขณะที่ณนนท์ ยี่หวา วสันต์ เอนิตา ข้าวตู ไข่ตุ๋น กำลังให้อาหารปลา ณนนท์ก็หันไปพูดคุยยิ้มแย้มกับเด็กๆ และยี่หวาเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
วสันต์ยิ่งเห็นว่าณนนท์กับยี่หวาและเด็กๆ สนิทกันยิ่งไม่พอใจ ปั้นหน้ายิ้มเอ่ยขึ้น
“ช่วงนี้เราเจอกันบ่อยจังเลยนะครับคุณณนนท์ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโลกกลม” ว่าพลางหันไปมองหน้ายี่หวา “หรือว่ามีอะไรดึงดูดใจไม่ทราบ”
เจอคำพูดเยาะแกมเย้ยแบบนี้ณนนท์ กับยี่หวา หน้าตึงทันทีด้วยความไม่พอใจ
“ดึงดูดรึเปล่าผมไม่ทราบ” ณนนท์พูดแค่นี้ก็หันไปมองหน้าเอนิตา “ผมทราบแต่ว่าคนประเภทเดียวกัน มักจะมีแรงจูงใจในการทำอะไรเหมือนๆ กัน
เอนิตาหน้าหงิกที่โดนด่ากระทบ แกล้งเดินเฉี่ยวตัวยี่หวาจนถุงขนมปังหก
แล้วแกล้งทำเป็นตกใจ “อุ๊ย ขอโทษค่ะคุณยี่หวา”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ยี่หวาบอกแล้วหันไปพูดกับเด็กๆ “อ้ะเด็กๆ ใครอยากกินไอติมตามมานี่เร้ว”
“หนูค่ะ ผมคร๊าบ”
ข้าวตู ไข่ตุ๋นรีบลุกขึ้น กุลีกุจอตามยี่หวาไปทันที
ณนนท์หันไปมองหน้าเอนิตาด้วยสายตาไม่พอใจ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วตามยี่หวาไปอีกคน
วสันต์มองตามณนนท์ ทั้งหึงทั้งหมั่นไส้ จึงหันไปพูดแขวะกับเอนิตาแทน
“นี่คุณ ดูแลสามีคุณดีๆ หน่อยสิ ปล่อยให้มาตามภรรยาผมต้อยๆอย่างงี้ได้ไง”
เอนิตาฟังแล้วไม่พอใจ
“แล้วทำไมไม่บอกภรรยาคุณเองล่ะว่าอย่ามาอ่อยสามีฉัน ของอย่างงี้ตบมือข้างเดียวจ้างให้มันก็ไม่ดังหรอก”
วสันต์ กับเอนิตาจ้องหน้ากันด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปมองตามคู่ของตน ด้วยสีหน้าบึ้งตึง

ทางด้านสุดยอด กับยาหยี และเพิร์ลลี่ อยู่ในกองถ่ายรายการ “เจ๋งสุดๆกับสุดยอด” ว่าน นัท กำลังสั่งงานทีมงานกันอย่างขะมักเขม้น ชม้อยคุมเชิงอยู่ด้วย ขณะที่เพิร์ลลี่กำลังนั่งอ่านบทอยู่ ขณะนั้นเอง ก็มีมือของใครคนหนึ่ง เอาน้ำสตรอเบอร์รี่ปั่นแก้วหนึ่ง มาวางลงต่อหน้า เพิร์ลลี่เงยหน้ามอง ปรากฏว่าเป็นสุดยอดนั่นเองที่เป็นคนเอาน้ำสตรอเบอร์รี่ปั่นมาให้
“น้ำสตรอเบอร์รี่ที่เพิร์ลลี่ชอบไงจ๊ะ เจ้านี้เจ้าประจำของเพิร์ลลี่เลยนะ” สุดยอดพูดยิ้มแย้ม
เพิร์ลลี่ทำหน้านิ่งๆ เพราะยังโกรธที่สุดยอดผิดนัดไม่ยอมรับโทรศัพท์
“ขอบคุณค่ะ แต่เพิร์ลลี่ไม่หิว”
สุดยอดพูดจ๋อยๆ “เพิร์ลลี่ยังโกรธที่พี่ผิดนัดเมื่อวานอยู่เหรอ”
เพิร์ลลี่ยังหน้านิ่งๆ เหมือนเดิม แต่ประชดทุกคำพูด
“ไม่หรอกค่ะ เพิร์ลลี่จะโกรธพี่ยอดได้ยังไง เราไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย”
“พี่ขอโทษ เมื่อวานนี้หลานพี่หาย พี่ต้องตามหาหลาน ก็เลยไปตามนัดไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่เชื่อ ถามยาหยีดูก็ได้ เพราะเค้ากับพี่ก็ช่วยกันหาหลานด้วยกัน”
ได้ฟังอย่างนั้นเพิร์ลลี่โกรธจนลืมตัว ตวาดแว๊ดทันที “นี่พี่ไปกับยัยนั่นมาเหรอ” ครั้นพอตั้งสติได้ ทำหน้านิ่งๆ เย็นชาต่อ
“เพิร์ลลี่เข้าใจค่ะ หลานหายทั้งคน มันก็ต้องสำคัญกว่าไปดูหนังกับเพิร์ลลี่อยู่แล้ว เพิร์ลลี่ขอตัวไปท่องสคริปต่อก่อนนะคะ”
เพิร์ลลี่เดินเลี่ยงไป สุดยอดได้แต่มองตามอย่างรู้สึกผิด

ชม้อยกำลังจีบปากจีบคอโทรหานักข่าวที่สนิทสนมให้ข่าวใหญ่ เรื่องยาหยีที่ไปตามหาหลานกับสุดยอด แต่บิดเรื่องให้ออกมาในเชิงพิศวาส โดยมีเพิร์ลลี่คอยลุ้นอยู่ใกล้ๆ ที่มุมหนึ่งในสตูดิโอ
“ ยิ่งกว่าคอนเฟิร์มอีกค่า ถ้าไม่เชื่อถามคนในกองดูก็ได้ หายกันไปมาทั้งคืน พอตอนเช้าก็แข้งขาอ่อนมาทำงาน แถมยังใส่ชุดเดียวกับเมื่อวานอีกนะคะ”
เพิร์ลลี่เชิดหน้ายิ้มอย่างพอใจ ที่ชม้อยเล่นงานยาหยีได้ถูกใจยิ่งนัก จึงชูนิ้วโป้งให้แม่ ชม้อยหันมาชูสองนิ้วสู้ๆ ให้ลูกสาว ก่อนจะเม้าท์แตกต่อ
“ค่ะ ได้ค่ะ ถ้ามีอะไรอัพเดทจะโทรไปบอกอีกนะคะ”
ชม้อยกดวางสาย แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่พอหันหลังกลับไป หัวใจก็แทบตกไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อเจอยาหยียืนจ้องหน้าด้วยสายตาเอาเรื่อง ในระยะประชิดตัว
ชม้อยสะดุ้งตกใจอุทานออกมา “ว๊าย แหกค่ะแหก แหกหมดแล้วค่ะ”
เพิร์ลลี่เองก็ตกใจเช่นกัน รีบเข้ามาบังตัวแม่ไว้ทันที
“นี่เธอจะทำอะไรแม่ฉันน่ะ”
ยาหยีพูดด้วยสีหน้าดุดันและเอาจริง
“ฉันไม่ทำอะไรหรอก ถ้าเธอกับแม่ไม่แทงข้างหลังฉันก่อน”
“แทงข้างหลังอะไร ฉันไม่รู้เรื่องซะหน่อย อย่ามามั่วนะ” เพิร์ลลี่รีบโวยวายกลบเกลื่อน
ยาหยีสวนกลับ “มั่วบ้านเธอสิ ฉันยืนฟังแม่เธอจีบปากจีบคอรายงานนักข่าวตั้งนาน จริงๆ ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งกับพวกเธอนักหรอก ถ้ามันไม่เกี่ยวกับฉัน” ยาหยีชี้ไปที่มือถือในมือชม้อย “รีบโทรไปแก้ข่าวเดี๋ยวนี้เลยนะ ก่อนที่ฉันจะเอาเรื่อง”
ชม้อย กับเพิร์ลลี่ ทำท่าอึกๆอักๆ เห็นยาหยีเอาจริงก็กลัวขึ้นมา ขณะนั้นเอง เพิร์ลลี่ก็เหลือบไปเห็นสุดยอดกำลังเดินคุยงานกับว่าน และนัท ผ่านมาพอดีจึงรีบตะโกนเรียก
“พี่ยอด พี่ยอดคะ ช่วยเพิร์ลลี่ด้วย”
สุดยอดได้ยินเสียงก็รีบเข้ามาทันที โดยมีว่าน นัทตามเข้าไปสมทบ
“มีอะไรกันครับ”

สุดยอดเดินมาถึงเพิร์ลลี่รีบเข้าไปหลบหลัง
“ก็ยาหยีน่ะสิคะ เค้าจะทำร้ายแม่กับเพิร์ลลี่ เพิร์ลลี่แค่ถามเค้าเรื่องที่หลานหายแค่นั้นเอง เค้าก็ปรี๊ดแตกขึ้นมาเลยอ้ะ” ชม้อยเห็นเป็นจังหวะเหมาะจึงรีบเสริม
“จริงจ้ะยอด แม่กับเพิร์ลลี่งงไปหมดแล้วเนี่ย ตกลงเราผิดอะไรกันแน่ คุณแม่ไม่เข้าใจเลย”
ยาหยีเห็นแม่ลูกแท็คทีมแหล ก็ถอนใจเซ็งๆ แกล้งพูดประชดขึ้น
“รางวัลดารานำหญิงสะตออวร์อด ปีนี้ได้แก่” เว้นวรรคแล้วทำเสียงดนตรีประกอบ “แทม แทม แทม แท่ม แท้ม แท๊มมมมมม...คุณเพิร์ลลี่กับคุณแม่ค่า”
“พอได้แล้วน่ะคุณ เพื่อนร่วมงานกัน ทำไมต้องมาหาเรื่องกันเองด้วย” สุดยอดปราม
“ก่อนจะมาว่าฉัน ถามแฟนคุณดูก่อนดีกว่า ว่าทำอะไรลงไป” ยาหยียิ้มเยาะ “อ้อ ใช้คำว่าแฟนไม่ได้สินะ เพราะคุณมันก็แค่ตัวเผื่อเลือกเท่านั้นเอง กระแสหมดก็จบ”
“ก็ดีกว่าพวกมองโลกในแง่ร้ายอย่างคุณก็แล้วกัน คนอย่างคุณเอะอะก็เห็นคนอื่นเค้าผิด เค้าไม่ดีไปหมดนั่นแหละ วันๆ ถึงต้องมาอยู่กับไอ้ของเหลือใช้พวกนี้เหมือนตัวคุณไง”
สุดยอดชะงัก พอรู้สึกตัวว่าพูดแรงเกินไป ยาหยีจ้องเขม็งไม่คิดว่าสุดยอดจะว่าตัวเองได้เจ็บปวดขนาดนั้น
“ไอ้ยอด กัดมั่วมากไปแล้วนะเอ็ง พอได้แล้ว” ว่านรีบแก้สถานการณ์
“คุณหยีอย่าไปถือมันเลยนะครับ ใจเย็นๆ ก่อนครับ” นัทมาช่วยกอบกู้
“ใช่ ถึงของพวกมันจะดูไร้ค่าแต่ทำมันดีๆมันก็มีค่าได้ ผิดกับตัวคุณที่ไม่ค่าอะไรเลย”
ยาหยีสะบัดหน้าเดินหนีไป ว่าน กับนัททำหน้าตาตื่น รีบตามไปทันที
“คุณหยี คณหยีคร้าบ รอก่อนคร้าบคุณหยี”
ขณะที่สุดยอดถือทิฐิ ไม่ยอมง้อยาหยีเด็ดขาด ส่วนเพิร์ลลี่ และชม้อย ยิ้มสะใจ เพราะแค่ลูกไม้ตื้นๆ ก็เขี่ยยาหยีไปได้อย่างง่ายดาย

เวลาเดียวกันนั้นที่สวนสัตว์ ณนนท์เดินจูงไข่ตุ๋นมากับเอนิตา ในขณะที่ยี่หวาอุ้มข้าวตูที่นอนหลับปุ๋ย พร้อมกับมองซ้ายมองขวาหาวสันต์ตลอดเวลา
“สามีคุณไปไหนกันเนี่ย ผมว่าโทรตามดีกว่ามั้ง”
ยี่หวามองหาวสันต์แต่ก็ไม่เจอ “ก็ดีค่ะ” ยี่หวาจะหยิบมือถือ แต่อุ้มข้าวตูอยู่ จึงหยิบไม่ค่อยถนัด
“มา ผมอุ้มข้าวตูเอง” ณนนท์เอ่ยขึ้นและจะเข้าไปช่วยอุ้ม แต่ทันใดนั้น วสันต์ก็เดินถือโอวัลตินเย็นโผล่เข้ามาหายี่หวาก่อน
“ยี่หวาจ๊ะ” วสันต์ทักยิ้มแย้ม
“นี่คุณหายไปไหนมา” ยี่หวาถามโกรธๆ
“ผมก็ไปซื้อน้ำให้คุณน่ะสิ เห็นคุณดูแลข้าวตูเหนื่อยทั้งวันแล้ว กลัวคุณจะหิวน้ำก็เลยไปหามาให้”ว่าพลางส่งแก้วโอวัลตินเย็นให้ยี่หวา แล้วเข้ามาอุ้มข้าวตู “เดี๋ยวผมดูลูกเอง คุณพักเหอะ”
ยี่หวาหน้าเจื่อนๆ ไม่ค่อยคุ้นที่วสันต์มาทำหวานใส่ ณนนท์ทำเบือนหน้าไปทางอื่น
เอนิตาสบโอกาส ยิ้มหวาน เข้ามากอดแขนณนนท์ “แหม คู่นี้เค้าน่ารักกันจังเลยนะคะนนท์ ดูสิคะ สมกับเป็นครอบครัวตัวอย่างเลย เมื่อไหร่เราจะเป็นอย่างเค้าบ้างคะเนี่ย”
ณนนท์มีท่าทีอึกๆอักๆ พูดอะไรไม่ออก
“โธ่ ครอบครัวคุณก็น่ารักออกจะตายไปครับ ผมเห็นแล้วยังอิจฉาเลย” วสันต์พูดเหล่ๆ ทางยี่หวา “นี่ถ้ามีใครคิดจะทำลายครอบครัวคุณ ผมว่าคนๆ นั้นคงใจบาปหยาบช้าเต็มทนล่ะครับ”
เอนิตายิ้มสะใจ ก่อนจะหันไปพูดกับณนนท์ “งั้นเรากลับกันดีกว่านะคะนนท์ ฉันอยากจะกลับไปนอนกอดลูกเต็มทนแล้ว”
ไข่ตุ๋นได้ฟังดีใจมาก “วันนี้คุณแม่จะนอนกับไข่ตุ๋นเหรอคะ เย้ ดีใจจังเลย”
ณนนท์เห็นลูกสาวดีใจ ก็พูดอะไรไม่ออก ยี่หวาเห็นครอบครัวณนนท์มีความสุขก็หน้าเสียไป ในขณะที่วสันต์ เอนิตา หันไปเหล่มองกัน แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ แผนสกัดดาวรุ่ง มุ่งทำลายความสัมพันธ์ สำเร็จงดงาม

เอนิตาทำตามที่รับปากลูกไว้ คืนนั้นเอนิตากำลังอ่านนิทานให้ไข่ตุ๋นฟัง
“หลังจากปราบพวกยักษ์ลงได้ โมโมทาโร่พร้อมด้วยลิง หมา และไก่ฟ้า ก็ได้นำทรัพย์สมบัติกลับมาคืน...” ครั้นหันไปมองลูก เห็นไข่ตุ๋นหลับสนิท เอนิตาปิดหนังสือนิทานด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“มันก็จบด้วยพระเอกชนะผู้ร้ายทุกเรื่อง ไม่รู้จะให้อ่านทำไม” ระหว่างนั้นเอง มือถือของเอนิตาก็ดังขึ้นเธอรีบกดรับทันที กลัวลูกตื่น พูดเบาๆ “ฮัลโหล” ยิ้มพรายทันทีที่รู้ว่ากิ๊กหนุ่มโทรมา “ว๊าย พีท...รอแป๊ปนะ” เอนิตาลุกจากเตียงรีบเปิดประตูออกจากห้องไปทันที
เอนิตาปิดประตูลงอย่างเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลัวไข่ตุ๋นตื่นอีกแล้วตนจะซวย
“คุยได้แล้วจ้ะ...ไปสิจ๊ะ พี่อยากเจอพีทจะแย่อยู่แล้ว” เอนิตาปั้นหน้าบึ้งตึง “อย่าพูดได้มั้ย พูดแล้ว’รมณ์เสีย ถ้าเมื่อวานไม่เกิดเรื่อง วันนี้พี่ก็ไม่ต้องแอ๊บแบ๊วไปสวนสัตว์บ้าบอคอแตกแบบนั้นหรอก” ดูเหมือนคำพูดปลายสายจะถูกใจ เอนิตาหัวเราะ ออดอ้อน “พูดจริงรึเปล่า...”
เอนิตาเดินคุยโทรศัพท์ลงบันไดไป ระหว่างนั้น ณนนท์ก็แง้มประตูห้องนอนของตัวเองออกดูพฤติกรรมของภรรยา ณนนท์ทั้งเศร้าใจและสงสารลูกสุดๆ ที่เอนิตาทำตัวไม่ดีแล้วยังหลอกลูกซ้ำซากอยู่ได้

เวลาเดียวกันนั้นภายในห้องนอนข้าวตู มือข้างหนึ่งของยี่หวากำลังห่มผ้าห่มให้ลูกชายที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง โดยมีวสันต์ยืนเซ็งอยู่ใกล้ๆ
“เสร็จเรื่องซะที ตกลงค่าตัวถ่ายโฆษณา คุณจะให้ผมหมดเลยใช่มั้ย”
ยี่หวาได้ฟังก็ไม่พอใจ “อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ได้มั้ย เดี๋ยวข้าวตูได้ยินเข้าก็เป็นเรื่องอีกหรอก”
พอห่มผ้าห่มให้ลูกเรียบร้อยยี่หวาเดินหน้าหงิกออกจากห้องไป วสันต์ยักไหล่ไม่แคร์ แล้วเดินตามออกมาเพื่อมาคุยกันเรื่องเดิมหน้าห้องข้าวตูต่อ
“ผมก็แค่อยากรู้ คนเรามันก็ต้องรอบคอบไว้ก่อน ผิดด้วยเหรอ”
“คนอย่างคุณทำอะไรก็เคยผิดหรอก ฉันขี้เกียจเถียงแล้ว คืนนี้คุณค้างที่นี่ละกันพรุ่งนี้ข้าวตูตื่นมาจะได้เจอพ่อ แล้วฉันถึงจะให้เงินคุณ”
“โอเค้” วสันต์ยิ้มพอใจ
ยี่หวาเดินกลับเข้าห้องนอนตัวเอง วสันต์แกล้งมั่วนิ่มตามเข้าไปแล้วปิดประตู สักครู่เดียว ประตูก็เปิดออกทันที พร้อมกับร่างของวสันต์ที่โดนยี่หวาถีบกระเด็นออกมาล้มจุกหน้าห้อง
“คุณทำอะไรของคุณน่ะ ผมเป็นผัวคุณนะ”
ยี่หวายิ้มนิดๆ “ฉันก็แค่ป้องกันตัวเอง ไม่ให้คุณเอาเชื้อโรคมาแพร่ใส่ฉันเท่านั้นแหละ แล้วก็จำไว้ด้วยล่ะ ว่าถ้าขืนทำเนียนแบบนี้อีก คราวหน้าโดนลูกตะกั่วแน่”
ยี่หวาปิดประตูกระแทกใส่หน้าวสันต์
วสันต์ยันตัวลุกขึ้น แต่พอหันหน้าไปก็ตกใจสะดุ้งเฮือก “เฮ้ย!!!”
เป็นภาพบุญเลื่องในชุดนอน บนศีรษะเต็มไปด้วยโรลม้วนผม มาสก์หน้าสีขาววอก ยืนจ้องหน้าวสันต์อยู่
“คุณแม่ ที่หลังอย่ามาเงียบๆ สิครับ ผมตกใจหมด นึกว่าผีบ้านผีเรือน”
บุญเลื่องตวาดแว๊ด “แกสิไอ้ผีบ้ากาม ฉันจะมาบอกให้แกไปนอนในรถโน่น อย่ามานอนที่โซฟาบ้านฉันล่ะ”
“อ้าว ไหงงั้นล่ะครับ”
“ก็ฉันขี้เกียจต้องเอาโซฟาไปซักล้างฆ่าเชื้อนี่ แกอยากได้เงินลูกสาวฉันไม่ใช่เหรอ ถ้าแค่นี้ทนไม่ได้ ก็ไม่ต้องเอา”
พูดจบบุญเลื่องสะบัดหน้า เดินกลับเข้าห้องของตนไป ปล่อยให้วสันต์มองตามด้วยความเคียดแค้น


เช้าวันใหม่ เท่งอยู่ในชุดเอลวิส และกำลังร้องเพลงราชาร็อคแอนด์โรลล์พร้อมกับเต้นท่าเอลวิสอยู่ โดยมีไข่ตุ๋นคอยเต้นตาม เลียนแบบปู่ทุกอย่าง ระหว่างนั้นณนนท์เดินหอบแฟ้มงาน และสะพายคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คลงมาจากชั้นบน พอเห็นพ่อกับลูกกำลังเต้นก็ยิ้มขำๆ
“ระวังๆหน่อยนะพ่อ เดี๋ยวกระดูกกระเดี้ยวเป็นอะไรไป ผมขี้เกียจพาส่งโรงบาล”
“พูดอย่างงี้กินน้ำพริกไม่ได้มาหลายรายแล้วโว๊ย รู้ป่าว ว่าสมัยโก๋หลังวังเค้าเรียกพ่อว่าอะไร เท่งคิกคาปู้”
“อะไรอ้ะคะปู่ คิกคาปู้” ไข่ตุ๋นสงสัย
“น้ำอัดลมสมัยปู่เค้ายังหนุ่มน่ะลูก ยี่ห้อนี้ ถ้าไม่แก่จริง ไม่มีใครรู้จักหรอก” ณนนท์อธิบายเย้าพ่อเล่น เท่งมองค้อนลูกชายคนโต
“คำก็แก่สองคำก็แก่ ไม่แก่บ้างก็แล้วไป”
ณนนท์พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“แล้วนี่พ่อนึกยังไงถึงลุกขึ้นมาแต่งชุดนี้ครับเนี่ย ครบรอบวันตายเอลวิสอีกแล้วเหรอ”
“ไม่ใช่ โรงเรียนลีลาศพ่อ เค้าจัดกิจกรรมการกุศล ช่วยเหลือคนแก่ที่ข้อเข่าเสื่อมน่ะ” เท่งขยับเสื้อผ้า เชิดๆ
“พ่อได้รับเลือกให้ไปร้องเพลงเพื่อเรี่ยไรเงินบริจาค ก็เลยแต่งตัวให้เข้าบรรยากาศหน่อย”
“เยี่ยมไปเลยค่ะปู่” ไข่ตุ๋นฟังแล้วตื่นเต้น
“อ้าว พ่อต้องร้องเพลง แล้วอย่างงี้จะดูแลไข่ตุ๋นไหวเหรอครับ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมฝากเจ้ายอดมันก็ได้”
“ช้าไปแล้ว มันออกไปตั้งแต่เช้าโน่น เห็นหน้ามันหงิกอารมณ์เสีย พ่อก็เลยไม่กล้าถามซะด้วยว่ามันไปไหน”
ณนนท์ลังเล พ่อก็ไม่ว่าง น้องก็ไม่อยู่ แล้วจะดูแลลูกยังไงดีหว่า

ภายในห้องประชุมที่บริษัทยิ่ง สุดยอด เพิร์ลลี่ ว่าน นัท และทีมงานกำลังสนใจกับลีลาเจ้านาย ที่กำลังกระตุกเชือกออก คลี่ม้วนกระดาษม้วนใหญ่แสดงกราฟเรตติ้งรายการที่พุ่งฉิวทะลุเพดาน พร้อมกับเสียงปรบมือของว่าน นัท และทีมงาน มีแต่สุดยอด และ เพิร์ลลี่ยืนมองอยู่เฉยๆ ยิ่งยิ้มหน้าบาน
“ก็อย่างที่เห็นนี่แหละ ตอนนี้เรตติ้งรายการเรากำลังดีวันดีคืน อีกไม่นาน รายการเราก็จะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของช่วงเวลาบ่ายสามถึงบ่ายสี่โมงวันเสาร์และอาทิตย์” ยิ่งหัวเราะชอบใจ ว่าน นัท และทีมงาน รีบปรบมือเชียร์สุดๆ
“แล้วที่พี่เรียกประชุมวันนี้ ก็เพราะมีข่าวดีจะบอก” ยิ่งบอก
เพิร์ลลี่ยิ้มแย้ม “จะขึ้นค่าตัวให้เราใช่มั้ยคะ”
“เอ่อ อันนั้นรอไว้ก่อนแล้วกันนะจ๊ะน้องเพิร์ลลี่ ข่าวดีของพี่น่ะเรื่องอื่นจ้ะ”
“คือว่าช่วงดีไอวายบายยาหยีกระแสแรงมากเลยครับ ช่องเค้าก็เลยจะให้เราทำรายการสดตอนเช้าวันเสาร์เพิ่มอีก ผมตั้งชื่อเอาไว้แล้ว ว่ารายการมอร์นิ่งคิสครับ” นัทพูดแทน
ยิ่งยิ้มแย้ม “งานนี้ให้น้องหยีโซโล่เดี่ยวเต็มๆ ไปเลย แล้วถ้าเรตติ้งพุ่งอีก จะได้ขอขยายเวลาเป็นซักชั่วโมง กำไรเละเทะ” พูดถึงตรงนี้ยิ่งนึกขึ้นมาได้ กวาดตามองหายาหยี “เออ ว่าแต่วันนี้น้องหยีทำไมไม่มาล่ะ” สุดยอด เพิร์ลลี่ ว่าน นัท หันไปมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าจะพูดบอกยังไงดี
“เอาไงไอ้ยอด เอ็งจะพูดหรือจะให้ข้าพูด”
สุดยอดตัดใจพูด “พี่ยิ่งครับ หยีเค้าคงมาประชุมกับเราไม่ได้หรอกครับ”
“ทำไมวะ”
“เค้าลาออกไปแล้วครับ ต่อไปนี้ เค้าคงไม่มาทำรายการกับเราอีกแล้วครับ”
“ลาออก!!!”
ยิ่งหงายหลัง เป็นลมสลบเหมือดไปทันที
เพิร์ลลี่ตกใจ กรี๊ดลั่นห้องประชุม “ว๊าย พี่ยิ่ง พี่ยิ่งตายแล้ว ช่วยด้วยๆ”
ทุกคนโกลาหล ช่วยกันปฐมพยาบาลยิ่งกันยกใหญ่ ในขณะที่ยิ่งตาเหลือกค้าง ชักแหงกๆ
 
ความฝันที่จะโกยเงินต้องมาพังทลาย สลายไปพร้อมกับการเดินจากไปของยาหยี

อ่านต่อหน้า 2








ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 7 (ต่อ)

หลังจากฟื้นขึ้นมา ยิ่งเดินหมดอาลัยตายอยาก เอายาดมเสียบจมูกทั้งสองข้าง โดยมีสุดยอดและ เพิร์ลลี่เดินตามอธิบายมาติดๆ

“ฟังผมก่อนสิพี่ งานนี้ผมไม่ผิดนะครับ แล้วที่จะให้ผมไปง้อ ไปขอโทษยัยนั่นน่ะผมทำไม่ได้
หรอกยัยยาหยีต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายมาขอโทษผมกับเพิร์ลลี่มากกว่า”
“ใครจะขอโทษใคร ฉันไม่สนหรอกโว๊ย ฉันสนอย่างเดียวคือไอ้รายการมอร์นิ่งคิสของฉันมันไม่มีพิธีกร แถมน้องหยีไม่อยู่แบบเนี้ย ไม่รู้รายการเจ๋งสุดๆ จะต้องเปลี่ยนชื่อเป็นเจ๊งสุดๆ รึเปล่า”
สุดยอดอีโก้ขึ้นทันควัน “เกินไปแล้วพี่ ผมเป็นพิธีกรรายการเจ๋งสุดๆ มาตั้งนาน ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย แค่ยัยยาหยีไม่อยู่คนเดียว จะเจ๊งก็ให้มันรู้ไปซิ”
“แกก็พูดได้สิ ไม่ใช่เงินแกนี่” สีหน้าของยิ่งระหว่างพูดเครียดหนักอย่างหนัก “อุตส่าห์ได้เวลาตอนเช้าเพิ่มทั้งที แล้วจะทำไงดีวะเนี่ย”
“ไม่เห็นจะยากเลยนี่คะพี่ยิ่ง ของแค่นี้เพิร์ลลี่ก็ทำได้”
ยิ่งได้ฟังก็มองหน้าเพิร์ลลี่แบบไม่ค่อยจะเชื่อน้ำยา “ถามจริง...”
เพิร์ลลี่ยักไหล่แล้วคุยโวข่มยาหยี
“กะอีแค่เอาไอ้โน่นไอ้นี่มาดัดแปลงเป็นของใช้หน้าตาแปลกๆ ง่ายจะตายไป เซิร์ชเอาทางเน็ตแล้วเอามาทำ ทำไมเพิร์ลลี่จะทำไม่ได้ล่ะคะ”
สุดยอดได้ทีอวยขึ้นทันที “ใช่พี่ เพิร์ลลี่เค้ามีหัวศิลปะนะ ดูการแต่งตัวก็รู้”
“แต่รายการมอร์นิ่งคิสมันเป็นรายการสดนะ น้องเพิร์ลลี่จะไหวเหรอ”
“เพิร์ลลี่เป็นดารานะคะ จะละครโทรทัศน์ หนังใหญ่ ละครเวที เพิร์ลลี่ผ่านมาหมดแล้ว แค่รายการสดไม่กี่นาที สบายมากค่ะ” เชิดใส่ “แต่ถ้าพี่ยิ่งไม่เชื่อก็คืนเวลาให้ช่องเค้าไปก็แล้วกันค่ะ”
ยิ่งอึกๆอักๆ จะคืนเวลาก็เสียดายเงิน คิดไม่ตกว่าจะเอาไงดี

เวลาเดียวกันนั้นที่ร้านมอร์ แดน ทรี ยาหยีเอาของที่กำลังประดิษฐ์กระแทกลงบนโต๊ะเสียงดังลั่นขณะที่วุ้นกำลังขายของให้ลูกค้าอยู่ และก้อยกำลังดูไพ่ทาโรต์ให้ลูกค้าอีกคนหนึ่งอยู่ ทุกคนหันมามองยาหยีเป็นตาเดียว สีหน้ายาหยีบอกบุญไม่รับ ลูกค้ารีบจ่ายเงินค่าของ กับค่าดูดวง แล้วออกจากร้านไปทันที วุ้นเดินมาหายาหยี
“เป็นอะไรของแกยะนังหยี จะกินลูกค้าเหรอ ดูซิ เค้าเผ่นหนีกันหมดแล้ว”
ยาหยีหงุดหงิดไม่หาย “ก็มันหงุดหงิดนี่ ทำอะไรก็ไม่ได้อย่างใจซักอย่าง” ว่าพลางหยิบของประดิษฐ์ขึ้นมาดู “ผิดแล้วผิดอีกอยู่นั่นแหละ ไม่ทงไม่ทำแล้ว” ยาหยีกระแทกของลงบนโต๊ะอีกที
“ก็ฉันบอกแกแล้ว ว่าให้ปรับความเข้าใจกับพี่ยอดเค้า แกก็ไม่เชื่อ” ก้อยดูนาฬิกาข้อมือ “เลยฤกษ์มาแล้วด้วย พูดไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว”
ยาหยีฟังแล้วของขึ้น “ไม่ทันก็ไม่ทันสิ ระหว่างฉันกับไอ้สุดยอดห่วยนั่น ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว เกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนปากมอมเท่าไอ้บ้านี่เลย”

ก้อยสะดุ้งเฮือก องค์ลงประทับร่าง ทำให้ก้อยมองเห็นภาพนิมิตรของอนาคตอย่างกะทันหัน
วุ้นพลอยตื่นเต้นไปด้วย “เป็นอะไรยะนังก้อย เห็นภาพอีกแล้วเหรอ คราวนี้เรื่องอะไร ใช่เรื่องลับเฉพาะดารารึเปล่า ฉันจะได้เอาไปเขียนข่าว”
“ลางร้าย ความพินาศล่มจมกำลังจะเกิดขึ้น” หันขวับไปชี้หน้ายาหยีทันที “แก นังหยี”
ยาหยี กับวุ้นสะดุ้งตกใจ
“ฉันเห็นสิ่งที่แกสร้างมากำลังจะพังทลายลง พรุ่งนี้เช้า ความล่มสลายจะมาเยือนแก”
ยาหยีหน้าเครียด ไม่รู้ว่าเกิดเหตุเภทภัยอะไรกันแน่

ข้าวตู กับไข่ตุ๋นกำลังดูการ์ตูนอยู่อย่างสนุกสนาน ที่บริษัทของณนนท์ โดยที่ณนนท์เอาแผ่นซีดีการ์ตูนมาเปิดในคอมพิวเตอร์ให้ลูกๆ ดู ณนนท์ ยี่หวากำลังยืนมองภาพนั้นด้วยความสบายใจ
ณนนท์ยิ้มๆ “นึกว่ามีผมคนเดียวซะแล้ว ที่เอาลูกมาเลี้ยงที่บริษัท”
“แม่ฉันก็ไปงานเดียวกับพ่อคุณนั่นแหละ ไม่งั้นก็ไม่ต้องเอาเด็กๆ มาหรอก”
ขณะนั้นภูมิชายก็เดินเข้ามาหายี่หวา ยิ้มทักทาย
“สวัสดีครับคุณยี่หวา พร้อมรึยังครับ” ยี่หวายิ้มรับเอ่ยขึ้น
“พร้อมแล้วค่ะ เอ่อ คุณภูมิคะ นี่คุณณนนท์เจ้าของบริษัทค่ะ” ยี่หวาหันไปพูดกับณนนท์ “นี่คุณภูมิชาย เป็นทนายความของคุณสุรพลลูกค้าของเราวันนี้ค่ะ แล้วก็เป็นคนแนะนำคุณกับฉันให้คุณสุรพลด้วย”
ณนนท์ยื่นมือไปเช็คแฮนด์กับภูมิชาย “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ขอบคุณมากนะครับที่ไว้ใจบริษัทของผม”
ภูมิชายยิ้มรับ “ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ” จังหวะนั้นภูมิชายส่งสายตากรุ้มกริ่มให้ยี่หวา “อะไรที่คุณยี่หวาไว้ใจ ผมก็ไว้ใจเหมือนกันครับ” ยี่หวามีอาการเขินเล็กๆ
ณนนท์มองเหล่ๆ ยี่หวา และชักรู้สึกหมั่นไส้ตะหงิดๆ ก่อนจะหันไปพูดกับไข่ตุ๋น
“ไข่ตุ๋นเล่นกันอยู่แถวนี้ก่อนนะ พ่อมีประชุมอยู่ห้องข้างๆ”
“แม่ก็อยู่กับคุณพ่อไข่ตุ๋นนะครับ” ยี่หวาบอกลูก
“ครับแม่”
“วันนี้ต้องสัญญากับพ่อ ห้ามทะเลาะกับข้าวตูอีก”
“ค่ะพ่อ ไข่ตุ๋นสัญญา”
“ผมก็สัญญาครับ”
“ดีมาก” ณนนท์ยิ้มอย่างพอใจ
ณนนท์ ยี่หวา และภูมิชายเดินออกไป ในขณะที่ข้าวตู ไข่ตุ๋นดูการ์ตูนต่ออย่างสนุกสนาน

ครู่ต่อมาในห้องประชุมณนนท์กำลังพรีเซ็นต์งานให้ลูกค้าฟังอยู่ โดยที่ยี่หวา ภูมิชาย ลูกค้า และพนักงานคนอื่นๆ กำลังฟังอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ
“คอนเซปต์ของงานคราวนี้คือกรีน ฟอร์ ไล้ฟท์ ครับ รอบๆ บริเวณงานเราจะเน้นดอกไม้ให้มาก
ที่สุด สมกับชื่อของธีมงาน” ณนนท์กดปุ่มคอมพิวเตอร์เพื่อฉายภาพบนจอโปรเจคเตอร์ให้ดู “ขอให้ทุกท่านดูตามภาพกราฟฟิกที่ผม...”
ทันใดนั้นเอง ณนนท์ก็ต้องชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นข้าวตู ไข่ตุ๋นกำลังช่วยกันเข็นเก้าอี้แบบมีล้อ โดยมีตุ๊กตาหมีแพนด้านั่งอยู่บนเก้าอี้ ทั้งคู่สมมุติเอาว่าเก้าอี้คือรถไฟ
ที่แท้ห้องประชุมของณนนท์เป็นกระจกที่ออกไปเห็นทุกอย่างข้างนอกได้!!!
ไข่ตุ๋นตะโกนลั่น “รถไฟมาแล้ว ทุกคนหลบหน่อย”
ข้าวตูตะโกนลั่น ปู๊นๆๆ เลี้ยวซ้ายเลยไข่ตุ๋น”
ณนนท์ และยี่หวา ออกอาการอายสุดขีด ทำหน้าเหยเก ไม่คิดว่าลูกๆ จะป่วนได้ใจขนาดนี้
ณนนท์ปั้นหน้ายิ้มทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จากภาพ จะเห็นได้ว่าดอกไม้ที่เอามาจัดในโซนนี้เป็นสีขาวทั้งหมด...”

ณนนท์เสียสมาธิเมื่อเห็นไข่ตุ๋นขึ้นไปยืนบนโต๊ะทำงาน โดยมีข้าวตูคอยเชียร์อยู่ใกล้ๆ
“หลบไป เราจะจัดการไอ้ปิศาจตั๊กแตนนี่เอง”
“ระวังตัวนะมาสก์ไรเดอร์ ไอ้ปิศาจนี่มันร้ายกาจมากเลย”
“ไม่ต้องกลัว เราจะถีบมันให้กระเด็นไปเลย” ไข่ตุ๋นถอยหลังตั้งหลัก ทำท่าจะกระโดดถีบลงจากโต๊ะ ร้องลั่นเรียกพลัง “ย๊ากกกก”
ณนนท์ตกใจมาก กลัวลูกเป็นอันตราย
“อย่า อย่าลูก อย่า”พร้อมกับรีบวิ่งหน้าตาตื่นออกนอกห้องไปทันที

ณนนท์ กับยี่หวา กำลังอบรมข้าวตู และไข่ตุ๋น ที่มุมหนึ่งในบริษัทณนนท์ โดยเด็กทั้งสองนั่งฟังตาแป๋ว
“นอกจากจะไม่ทะเลาะกันแล้ว ก็ต้องห้ามซนด้วยรู้มั้ยครับ เพราะตอนนี้พ่อกับคุณแม่ข้าวตูกำลังทำงานกันอยู่ เราต้องรู้จักเกรงใจลูกค้า เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจค่ะพ่อ”
“ข้าวตูก็เหมือนกันนะลูก ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรานะครับ จะเล่นอะไรตามใจชอบไม่ได้” ยี่หวาสอนลูก
“ครับคุณแม่ ข้าวตูจะนั่งเฉยๆ ไม่ซนอีกแล้วครับ”
ยี่หวายิ้มอย่างดีใจ “ดีมากจ้ะ ไหน ขอแม่หอมแก้มหน่อยซิ”
ยี่หวาหอมแก้มข้าวตูแล้วเดินไป ณนนท์เดินตาม

กลับเข้าห้องประชุมคราวนี้ยี่หวาเป็นฝ่ายที่กำลังอธิบายงานให้ทุกคนฟังอยู่
“เพราะงานที่เราจะจัดขึ้นต้องเชิญตัวแทนจากหลายประเทศ กิมมิกของดอกไม้ในงานดิฉันเลือกใช้
สีขาวค่ะ เพราะตามหลักพลังฮวงจุ้ยดอกไม้ของชาวจีนโบราณเชื่อว่าดอกไม้สีขาวให้พลังทางด้านคบหา สื่อสาร เรื่องดอกไม้ก็มีเท่านี้ค่ะ” ลูกค้ากับภูมิชายหันไปปรึกษากัน ต่างคนต่างโอ.เค.
“ผมไม่มีปัญหานะ ตอนนี้อยากทราบเรื่องค่าใช้จ่ายเท่านั้นเอง”
“ได้ค่ะ ดิฉันแจกแจงมาให้แล้ว” ยี่หวาหาแฟ้มเอกสารที่เขียนค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่หาไม่เจอ “สักครู่นะคะ” แล้วตั้งใจหาต่อ
ณนนท์เห็นจึงกระซิบถาม “ลืมเอามารึเปล่าคุณ”
“ไม่นะ ตอนมาถึงบริษัท ฉันยังเช็คดูอีกรอบเลย”
“ที่ใส่แฟ้มสีเขียวไว้ใช่มั้ยครับ ลืมอยู่ข้างนอกหรือเปล่า ผมยังเห็นเลย คุณยี่หวาลองหาดูดีๆ สิครับ”
ภูมิชายช่วยแก้สถานการณ์ ยี่หวาหาแฟ้ม ในขณะที่ณนนท์ก็ช่วยหาอีกแรง

ระหว่างนั้นไข่ตุ๋นกำลังถือนกกระดาษที่พับอย่างสวยงาม โดยมีข้าวตูนั่งมองด้วยความภาคภูมิใจอยู่ใกล้ๆ
เห็นไข่ตุ๋นออกอาการตื่นเต้น “โห ข้าวตูพับเก่งจังเลย” ข้าวตูภูมิใจมาก
“ก็เราช่วยน้าหยีพับบ่อยๆนี่ คุณยายยังชมเลยว่าเราพับเก่งกว่าน้าหยีอีก”
“แล้วข้าวตูพับเครื่องบินเป็นป่ะ”
“ของหมูๆ”
ข้าวตูหยิบแฟ้มเอกสารสีเขียว แล้วเปิดแฟ้มดึงกระดาษเอกสารข้างใน มาพับเครื่องบินให้ไข่ตุ๋น
“พับมาเยอะเลยนะ เราอยากได้เป็นฝูงบินรบเลย”
“ได้” ข้าวตูตั้งอกตั้งใจพับเต็มที่
ด้านยี่หวาเดินหาแฟ้มเอกสาร มองไปรอบๆ
“หายไปได้ไง”
แล้วยี่หวาเหลือบเห็นแฟ้มสีเขียวของตนวางอยู่บนพื้น ดีใจรีบเดินไปดู แต่พอหยิบขึ้นมากลับเป็นแฟ้มเปล่า ไม่มีเอกสารเหลือซักแผ่น ยี่หวาตกใจ “เฮ้ย!”
ขณะนั้นเอง ยี่หวาก็เห็นข้าวตูกับไข่ตุ๋น กำลังเปิดหน้าต่างร่อนเครื่องบินกระดาษออกไปนอกหน้าต่าง อย่างสนุกสนาน
“ฝูงบินรบไปถล่มมันเลย” แล้วทั้งคู่ก็เอาเครื่องบินกระดาษ 4-5 อันปาร่อนพร้อมๆ กัน
ข้าวตูปาร่อนเครื่องบินกระดาษดูบ้าง
“ของเราไกลกว่า เห็นป่าวๆ”
ยี่หวามองแล้วจึงฉุกคิดขึ้นได้ว่าเอกสารของตัวเอง
“เดี๋ยวลูก เดี๋ยวๆ”
ไวเท่าความคิดยี่หว่ารีบวิ่งไปห้ามเด็กๆ ทันทีทันที

ครู่ต่อมาภูมิชาย ลูกค้า และพนักงานคนอื่นได้รับเอกสารจากยี่หวา แต่ละแผ่นมีรอยพับ บางแผ่นก็ขาดต้องใช้สก็อตเทปปะไว้ บางแผ่นก็วาดรูปการ์ตูนเต็มไปหมดฯลฯ ทุกคนทำหน้าเหยเก ทุลักทุเลสุดๆ ณนนท์ กับยี่หวา พยายามปั้นยิ้มกลบเกลื่อน
“เอ่อ เรามาว่าเรื่องการพีอาร์ต่อแล้วกันนะครับ...”
ขณะนั้นเอง ทุกคนก็ได้ยินเสียงเคาะกระจกห้องประชุมดังขึ้น ทุกคนหันไปมองตาม เห็นไข่ตุ๋นกำลังชูป้ายกระดาษเขียนว่า “ปวดฉี่” อยู่ที่กระจก
ณนนท์หันมาปั้นยิ้มต่อ ทำไม่รู้ไม่ชี้ “ไม่มีอะไรครับ เรามาคุยงานกันต่อเถอะครับ...”
ขาดคำ ข้าวตูก็เคาะกระจกบ้าง ชูป้ายกระดาษเขียนว่า “หิว”
ยี่หวาปั้นหน้ายิ้ม “เด็กๆ ก็อย่างงี้ล่ะค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ ไม่มีอะไร”
ไข่ตุ๋น ข้าวตู เอาหน้าแนบกระจกทำหน้าตาน่าสงสาร แล้วใช้สองมือเคาะกระจก เรียกร้องความสนใจสุดๆ ณนนท์ กับยี่หวาหน้าเจื่อนไป ออกอาการ อึกๆ อักๆ ด้วยว่าไม่รู้จะทำไงดี

ในที่สุด...ณนนท์ก็กำลังเดินจูงไข่ตุ๋นออกมาจากห้องน้ำ ส่วนยี่หวาก็ต้องทำแซนด์วิชให้ข้าวตูทานอยู่บริเวณแพนทรี ของออฟฟิศณนนท์นั่งเอง ข้าวตูทานแซนด์วิชไป เล่นรถบังคับวิทยุที่พ่อซื้อให้อย่างมีความสุข
“คราวนี้จะมีอะไรอีกมั้ยลูก พ่อจะประชุมต่อแล้วนะ” ณนนท์พูดอย่างอ่อนใจ
"ไม่มีแล้วค่ะ ไข่ตุ๋นจะเป็นเด็กดี นั่งเฉยๆไม่ทำอะไรเลยค่ะ
“ข้าวตูก็จะนั่งเล่นอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหนเหมือนกันครับคุณแม่”
“ดีมากค่ะลูก ได้ยินอย่างงี้แม่อยากจะจุดพลุเชิดสิงโตฉลองเหลือเกินค่ะ
ภูมิชายเดินคุยกับลูกค้าเดินมาทางห้องน้ำ
“ห้องน้ำเหรอครับ เชิญเลยครับ”
ลูกค้าไม่ค่อยพอใจการพรีเซ้นต์วันนี้
“นี่ตกลง เราจะประชุมกันเสร็จวันนี้แน่นะคุณ ผมต้องไปฮ่องกงพรุ่งนี้เช้า”
“เสร็จแน่ครับ รับรองว่าไม่มีอะไรอีกแล้วครับ” ณนนท์จ๋อย ตอบไปอย่างเกรงใจลูกค้าสุดๆ ระหว่างที่ลูกค้าจะเดินเข้าห้องน้ำ ทันใดนั้น รถบังคับของข้าวตูก็วิ่งตัดหน้า จนลูกค้าสะดุดรถบังคับ ล้มลงเสียงดังตึง ยี่หวากับณนนท์ ทำหน้าหวาดเสียว เจ็บแทน เด็กๆ อ้าปากค้าง
ภูมิชายตกใจมากแต่ยังได้สติรีบเข้าไปดูอาการทันที
“คุณสุรพลครับ คุณสุรพล”
ณนนท์ ยี่หวา ยืนช็อก สถานการณ์ยิ่งดูเหมือนว่าจะบรรลัยกันเข้าไปใหญ่

ทางออกของณนนท์ยามนั้นคือกินยาพาราฯ แล้วดื่มน้ำตามจนหมดขวด เพราะปวดหัวกับความซนของเด็กๆ ไข่ตุ๋นยืนมองพ่อตาปริบๆ
“พ่อ ไม่สบายเหรอค่ะ”
“พ่อปวดหัวนิดหน่อยน่ะลูก เดี๋ยวก็หาย”
พอดีกับที่ยี่หวาเดินจูงข้าวตูเข้ามาหา ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ยี่หวาไม่สบายใจมากๆ
“คุณ ฉันขอโทษแทนลูกฉันด้วยนะ ทำให้คุณถูกด่าซะเละเลย”
“คุณก็โดนไม่ใช่น้อย ขาเค้าเดี้ยงซะขนาดนั้น ถูกด่าแค่นี้ก็บุญแล้ว”
ขณะนั้นภูมิชายก็เดินเข้ามาหายี่หวา
“คุณยี่หวาครับ ผมเคลียร์กับคุณสุรพลให้แล้วครับ เค้าบอกไม่เป็นไรเข้าใจได้ ว่าแต่บ่ายมากแล้ว
ผมชักหิว เดี๋ยวเราไปหาอะไรอร่อยๆทานกันนะครับ”
ยี่หวาหันไปถามณนนท์ “ไปด้วยกันมั้ยคุณ”
ณนนท์พอดูออก รู้ว่าภูมิชายไม่อยากให้ตนไป จึงออกอาการงอนๆ
“เชิญคุณกับคุณภูมิตามสบาย เดี๋ยวผมกับไข่ตุ๋นหาอะไรง่ายๆ แถวนี้กินเอง”
“งั้นฉันไปก่อนนะ ไปลูก” ข้าวตูไหว้ณนนท์ บ๊ายบายไข่ตุ๋น
ยี่หวาจูงลูกออกไปกับภูมิชาย จะออกไปสามคน
“เนื้อหอมจริงนะแม่คู๊น”
ณนนท์มองตามด้วยความหมั่นไส้

เวลาเดียวกันนั้น เท่งกำลังร้องเพลงโชว์ลีลาอยู่บนเวที ในชุดเอลวิส โดยมีคุณปู่ คุณย่าหลายคนกำลังจับคู่กันเต้นลีลาศการกุศล “สมทบทุน รักษาโรคข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ” ของโรงเรียนลีลาศ
ซึ่งใครจะขอเพลงก็ต้องบริจาคห้าสิบบาท หรือถ้าจะเต้นลีลาศก็บริจาคอีกห้าสิบบาท แล้วก็เข้าไปเลือกคู่เต้นตามที่จัดไว้ บรรยากาศคล้ายๆ กับรำวงตามต่างจังหวัดยังไงยังงั้น เพียงแต่เปลี่ยนมาเป็นลีลาศแทน
โดยวันนี้มีคนมาร่วมงานพอสมควร ทั้งที่เป็นนักเรียนของโรงเรียนและคนภายนอกที่อยากทำบุญ
“หากฉันมี สิบหน้า ดั่งทศกัณฐ์ สิบหน้านั้น จะมองเธอ...”
ขณะที่บุญเลื่องนั่งมองคนอื่นเข้ามาโค้งขอเต้นลีลาศ คู่แล้วคู่เล่า โดยที่ตนไม่มีใครมาขอเต้นซักคน จนออกอาการเซ็งสุดๆ ระหว่างนั้น เท่งก็ร้องเพลงจนจบ เรียกเสียงปรบมือดังลั่น
“ขอบคุณมากครับ ช่วงนี้ขอปล่อยให้น้องชายผมรับหน้าที่ไปก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวเจอกันครับ”
เท่งขอบคุณด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วเดินลงจากเวที โดยมีนักดนตรีหนุ่มคนอื่นขึ้นมาร้องเพลงแทน

พอลงจากเวทีเท่งเหลือบไปเห็นบุญเลื่องนั่งเซ็งอยู่คนเดียว จึงเดินเข้าไปหา
“ไงคุณ ไม่มีใครมาขอเต้นเหรอ” โดนบุญเลื่องทิ้งค้อนให้หนึ่ง
“ใครจะเหมือนคุณล่ะ มีคนขอเพลงไม่เคยว่าง
“ก็ธรรมดาล่ะคุณ คนมันเสียงดี ช่วยไม่ได้” เท่งหยิบเงินห้าสิบไปหยอดที่กล่องรับบริจาค แล้วเข้ามาโค้งบุญเลื่อง “คุณบุญเลื่องครับ จะให้เกียรติเต้นรำกับผมซักเพลงได้มั้ยครับ”
เบื้องแรกบุญเลื่องเชิ่ดใส่ ทั้งที่จริงๆ ก็ดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้เต้นซักที
“เห็นแก่คุณไม่มีคู่เต้นหรอกนะ ฉันจะยอมเต้นด้วยก็ได้”
บุญเลื่องจับมือเท่ง แล้วเดินไปเต้นรำที่กลางฟลอร์ คลอไปด้วยเสียงเพลง

กลับจากร้านดอกไม้มาถึงบ้านตอนหัวค่ำ ยาหยีกำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง เพื่อรอแม่กลับบ้าน ในขณะที่ยี่หวากำลังดูทีวีอยู่
ยาหยีใบหน้าบึ้งตึงเพราะห่วงแม่
“พี่ดูดิ ป่านนี้แล้วแม่ยังไม่กลับ ใจแตกใหญ่แล้วนะ”
“เพิ่งจะทุ่มเดียวเอง ทุกทีแม่เค้าก็ถึงราวๆนี้ไม่ใช่เหรอ เราอารมณ์เสียจนนั่งจับผิดแม่มากไปรึเปล่าเนี่ย ยัยหยี”
ยาหยีหน้าตาหงุดหงิด แต่ทันใดนั้นเอง ก็เห็นเพิร์ลลี่กำลังออกทีวีให้สัมภาษณ์นักข่าวข่าวบันเทิงอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ยังไงก็ขอฝากทุกคนด้วยนะคะ เพราะรายการนี้ เป็นรายการสดเกี่ยวกับ พวกดีไอวายน่ารักๆ นี่ล่ะค่ะ ให้กำลังใจเพิร์ลลี่ด้วยนะคะ” เพิร์ลลี่ชูสองนิ้วพลางบอกออกทีวี “สู้ตายค่ะ”
ยี่หวานึกไม่ถึง
“เฮ้ย ยัยเพิร์ลลี่จะทำดีไอวายเหมือนแกเลยหยี” ยี่หวาพูดพลางยิ้มขำๆ “เลียนแบบรึเปล่าเนี่ย”
ยาหยีได้ฟังก็หน้าเครียดขึ้นมาทันที รู้ว่างานนี้เพิร์ลลี่มาเสียบแทนตนแน่ๆ

บรรยากาศภายในสตูดิโอ เช้าวันนั้นวุ่นวายยกใหญ่ ทีมงานเร่งมือเตรียมความพร้อม เพราะเป็นรายการสดเลยวุ่นยกกำลังสอง ชม้อยกำลังคุยกับนักข่าวอยู่
“ยังไงก็ฝากน้องเพิร์ลลี่ด้วยนะคะ น้องเค้าเพิ่งเป็นพิธีกรเต็มตัวรายการแรก ช่วยๆ กันเชียร์หน่อยละกันค่ะ” พูดแค่นั้นชม้อยก็ลดโทนเสียงมาพูดเบาลง “แล้วเดี๋ยวถ้ามีข่าวอะไรเด็ดๆ คุณแม่จะโทรไปกระซิบอีกนะคะ”
นักข่าวดีอกดีใจ เตรียมทำข่าวเพิร์ลลี่เต็มที่ ขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของชม้อยก็ดังขึ้น
ชม้อยรีบเดินเลี่ยงมา รับโทรศัพท์
“ว่าไง เตรียมเอสเอ็มเอสไว้รึยัง” ชม้อยฟังปลายสายพูดแล้วยิ้มอย่างพอใจ
“ดีมากกระหน่ำส่งเข้ามาในรายการเลยนะ ค่าส่งเท่าไหร่ฉันออกเอง แล้วทวิตเตอร์ล่ะ...ต้องอย่างงั้น ชมเข้าไว้ จัดหนักๆ ให้เว็บล่มไปได้เลยยิ่งดี”
ระหว่างนั้นเพิร์ลลี่ เดินเข้าไปหลังโต๊ะสาธิต ที่วันนี้สาธิตทำเทียนหอมแบบเก๋ๆ มีเตาไฟฟ้าเคี่ยวเทียนหอมอยู่ด้วยในฉากด้วย สุดยอดเดินดูดกาแฟเย็นเข้ามาดู ให้กำลังใจเพิร์ลลี่เต็มที่
เพิร์ลลี่เห็นสุดยอดมาก็ส่งยิ้มให้ ก่อนจะหันไปมองกล้อง เตรียมตัว ว่านให้สัญญาณ
“ทุกคนพร้อมนะ 5 4 3 2…”
เพิร์ลลี่พร้อม ไหว้ ยิ้มแย้มทักทายผู้ชม

“สวัสดีค่ะคุณผู้ชม ขอต้อนรับเข้าสู่รายการ” เพิร์ลลี่ทำท่าสัญญลักรายการคือส่งจูบให้คนดู
“มอร์นิ่งคิส ค่า รายการดีไอวาย สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยหยุดนิ่งในไอเดีย วันนี้เพิร์ลลี่จะมาสาธิตวิธีทำเทียนหอมแบบง่ายๆกันนะคะ อุปกรณ์ก็มีตามนี้เลยค่ะ”
กล้องของทีมงานซูม-อินเข้าไปเห็นอุปกรณ์บนโต๊ะ มีถ้วยรูปทรงแปลกๆไว้ใส่เทียนหอม ตุ๊กตาตัวเล็กๆ ดอกไม้แห้ง เปลือกหอย กากเพชร ฯลฯ ไว้ประดับให้สวยงามขึ้น และหม้อต้มเทียนหอม
เพิร์ลลี่ยังพ฿ดต่ออย่างยิ้มแย้ม
“เริ่มกันเลยนะคะ เราก็แค่หยิบถ้วยขึ้นมา แล้วก็ใส่ของประดับประดา ตามใจชอบได้เลยค่ะ” เพิร์ลลี่หยิบของบนโต๊ะ ใส่มั่วไปหมด สุดยอด ว่าน นัท ตลอดจนทีมงาน เห็นเข้า ชักหน้าเสีย ดูท่าทางก็รู้แล้วว่าเพิร์ลลี่ทำอะไรไม่เป็นเลย เพิร์ลลี่ไม่รู้ตัวว่าสร้างความกังวลให้ทุกคนมากยังยิ้มแย้มพูดต่อ
“เสร็จแล้ว เราก็เอาเทียนหอมที่ต้มไว้ ใส่ลงไปได้เลยค่ะ...” ว่าพลางเพิร์ลลี่ใช้กระบวยตักเทียนหอมจนเต็ม แล้วเทพรวดลงถ้วยไปเลย จนเทียนหอมล้นออกมาใส่มือเพิร์ลลี่
เพิร์ลลี่ร้อนร้องขึ้น “ว๊ายร้อน” แล้วปล่อยถ้วยเทียนหอมหลุดมือตกพื้น
“ซวยแล้ว” นัทรีบอุดหูทันที กะว่าสเต็ปต่อไปเพิร์ลลี่ต้องกรี๊ดลั่นแน่
เพิร์ลลี่โดนเทียนร้อนๆ ตอนแรกก็เจ็บปวดอยู่ แต่ไปๆ มาๆ กลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด

แทนที่จะกรี๊ด แต่กลับร้องเสียงกระเส่าออกมาแทน
“โอ๊ย อุ๊ย อึ๊ยๆ”
ทุกคนภายในห้องส่ง สุดยอด ชม้อย ว่าน นัท เห็นสีหน้าได้อารมณ์ และเสียงกระเส่าของเพิร์ลลี่ ต่างช็อกจนปากอ้าตาค้าง โดยเฉพาะสุดยอดนั้นอึ้งกว่าใคร ใบ้กินจนกาแฟเย็นหกรดเสื้อโดยไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่ดูเพิร์ลลี่อย่างเดียว

เวลาเดียวกันนั้นบุญเลื่องดูรายการอยู่พอดีรีบกดรีโมทปิดทีวีแทบไม่ทัน เมื่อเห็นภาพสยิวกิ้ว เสียงครางกระเส่าประกอบของเพิร์ลลี่ โดยมียาหยียืนช็อกอยู่ใกล้ๆ
บุญเลื่องรับไม่ได้ “รายการบ้าอะไรเนี่ยลามกจกเปรต ทุเรศจริงๆเลย
“พัง พังหมดแล้ว ดีไอวายของฉัน” ยาหยีช็อก

เช่นเดียวกับเท่ง ซึ่งก็ดูรายการนั้นอยู่ และถึงกับพ่นน้ำออกจากปากทันที ที่เห็นลีลาครางของเพิร์ลลี่ในจอทีวี
“เรตฉอฉิ่งเอามาไว้ตอนเช้าแล้วเหรอวะเนี่ย” เท่งมีสีหน้าเครียด
“บ้าจริงๆ เลย เด็กๆ เห็นเข้าจะทำยังไง” ทว่าแทนที่จะปิดเท่งกลับหยิบรีโมทมาเร่งเสียงให้ดังขึ้นกว่าเดิมซะนี่
เท่งมีสีหน้าตื่นเต้น ลุ้นสุดๆ กลัวเด็กเห็น แต่ชอบใจเพราะเป็นรายการส่งเสริมคนแก่เต็มที่

ยิ่งนั่งชันเข่าอย่างหมดอาลัยตายอยาก อยู่ใต้โต๊ะทำงานเป็นนานสองนาน พร้อมกับๆ เสียงเพลง “พญาโศก” หรือ “ธรณีกรรแสง” ดังคลอมาสร้างบรรยากาศ จากฝีมือว่านและนัท สุดยอด ว่าน นัท เดินเข้าไปปลอบใจ
“ออกมาเถอะพี่ คนนะไม่ใช่แมว จะไปอยู่ใต้โต๊ะทำไม”
“คนอย่างข้า ยังมีหน้าออกไปพบใครอีกเหรอวะ” ยิ่งยังซึมสุดๆ
“เปลี่ยนเพลงหน่อยมั้ยพี่ เพลงนี้มันเศร้าไปป่ะ”
“เพลงนี้แหละดีแล้ว เหมาะกับชีวิตข้าตอนนี้ดี”
“พี่ยิ่งครับ เพิร์ลลี่เค้ายังเป็นมือใหม่ ถ้ายังไง ให้โอกาสเค้าแก้ตัว...”
ยิ่งพูดสวนขึ้น “ไอ้ว่าน อ่านเอสเอ็มเอสที่ส่งมาถึงข้าทีสิวะ”
ว่านหยิบมือถือของยิ่งมาเปิดอ่านเอสเอ็มเอสแบบไม่มีตกหล่นสักข้อความ
“ไอ้สมองไร้รอยหยัก ไปตายซะเถอะไป...
...หมดปัญญาหากินล่ะซี้ ถึงต้องทำรายการอุบาทว์แบบนี้ สิ้นคิด
...เสียแรงศรัทธา ฉันจะไม่ดูรายการแกอีกแล้ว
...ไอ้ขยะสด
...ไอ้ขี้หูเปียก
...ไอ้เห็บหมา...”
ว่านใส่อารมณ์สุดๆ จนยิ่งสุดจะทนฟังต่อไปไหว จึงรีบตัดบท
“พอไอ้ว่าน ข้าตายตั้งแต่ประโยคแรกแล้ว ที่เหลือ แค่ซ้ำให้ศพมันเละขึ้นเท่านั้นแหละ”
“พี่ยิ่งครับ...” สุดยอดสงสารจับใจ
แต่ถูกยิ่งพูดสวนขึ้น “แกไม่ต้องไปง้อน้องหยีหรอก งานนี้แกไม่ผิด จะไปง้อเค้าทำไม”
“โธ่พี่...”
“ไอ้นัท ถ้าข้าตายไป ฝากมู่ลี่กับโมจิด้วยนะเว๊ย”
“ได้พี่ ผมจะพามันไปอุนจิทุกเช้าแล้วก็ก่อนนอน แล้วก็จะพามันฉีดวัคซีนทุกปีด้วย พี่ตายตาหลับได้เลย” สุดยอดเครียดหนัก
เห็นใจผมบ้างเถอะพี่ เรื่องมันเลยเถิดมาขนาดนี้แล้ว ผมไม่รู้จะง้อเค้ายังไงจริงๆ”
“ใช่ เลยเถิดมาเยอะแล้ว เลยจนไม่เหลืออะไรแล้ว บ้าน รถ กิ๊ก ไม่เหลืออะไรเลย”
สุดยอดถอนใจหนักๆ กลุ้มสุดๆ ไม่รู้จะง้อยาหยียังไงดี

“ไข่ตุ๋นอยากเป็นประธานนักเรียนเหรอลูก!” ณนนท์ถามไข่ตุ๋นหลังฟังลูกสาวเล่าเรื่องราวให้ฟัง
“ค่ะพ่อ ฟูจิเค้าจะย้ายไปอยู่อเมริกา ครูปราณีเลยให้มีการเลือกตั้งประธานนักเรียนคนใหม่ ไข่ตุ๋นอยากเป็นค่ะ แต่...”
“แต่อะไรลูก”
“ข้าวตูเค้าก็อยากเป็นเหมือนกันค่ะ เพื่อนๆ บอกว่าไข่ตุ๋นเป็นผู้หญิง ไม่ควรเป็นประธาน สู้ข้าวตูไม่ได้” ไข่ตุ๋นมีสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมา “เพราะอย่างงี้แหละ ไข่ตุ๋นถึงไม่อยากเป็นผู้หญิง”
เท่งถึงกับตบเข่าฉาดอย่างสะใจ
“ผู้หญิงแล้วไงวะ ยุคนี้ชายหญิงเค้าเท่าเทียมกันแล้ว จะมากีดกันอย่างงี้ได้ไง”
ณนนท์เข้าข้างลูกสาวแบบสุดๆ “จริงพ่อ พูดอย่างงี้มันหมิ่นศักดิ์ศรีกันชัดๆ ผมไม่ยอมหรอก” พลางหันไปพูดกับไข่ตุ๋น “ไข่ตุ๋นไม่ต้องกลัวนะลูก เลือกตั้งประธานคราวนี้ พ่อจะทำทุกวิถีทางให้ลูกชนะข้าวตู แล้วเป็นประธานให้ได้”
สุดยอดยืนอยู่หน้าห้อง ได้ยินเรื่องทั้งหมด สุดยอดคิดใคร่ครวญ การเลือกตั้งประธานนักเรียนที่ข้าวตูกับไข่ตุ๋นเป็นคู่แข่งขันกัน “งั้นยัยยาหยีก็อาจ...เอาวะ”
ในที่สุดก็หาโอกาสเข้าหน้ายาหยีเจอจนได้

ภายในห้องนั่งเล่นที่บ้านบุญเลื่อง ยาหยี บุญเลื่อง ข้าวตู มองยี่หวาที่ดูเหมือนไม่พอใจเอามากๆ หลังลูกชายถ่ายทอดคำพูดเพื่อนๆ ที่โรงเรียนจบลง
“ข้าวตูน่ะเหรออ่อนแอ ใคร ใครพูดอย่างงี้”
“พวกเพื่อนๆ ครับ เพื่อนๆ บอกว่าข้าวตูอ่อนแอ ไม่เหมาะที่จะเป็นประธาน สู้ไข่ตุ๋นไม่ได้”
บุญเลื่องฟังแล้วขัด และไม่พอใจ “ดู๊ดู ไอ้เด็กพวกนี้ พูดอย่างงี้ได้ไง ข้าวตูไม่ได้อ่อนแอนะ ข้าวตูเป็นสุภาพบุรุษไม่ชอบใช้กำลังต่างหากล่ะลูก”
ยาหยีเองก็ไม่พอใจมาก “แล้วคนเป็นประธานนักเรียน ก็ไม่ได้วัดกันที่กำลังซักหน่อย ไม่ได้เอาไปต่อยมวยนี่”
“ไม่ได้แล้วล่ะค่ะแม่ หนูยอมให้ข้าวตูโดนดูถูกอย่างงี้ไม่ได้แล้วล่ะเลือกตั้งประธานคราวนี้ ยังไงหนูก็ต้องทำให้ข้าวตูชนะการเลือกตั้งให้ได้”
“ดี แม่เห็นด้วย”
ยาหยีแค้นสุดยอดเป็นทุนอยู่แล้ว “หยีเอาด้วยคนค่ะ พวกผู้ชายบ้านนั้นจะได้เลิกอวดเก่งกันซะที”
ว่าแล้ว ยี่หวา ยาหยี บุญเลื่อง ก็ยื่นมือออกมาจับกันไว้

เป็นการบอกว่า ทั้งสามแม่ลูก จะรวมพลังต่อสู้ เพื่อตำแหน่งประธานนักเรียนโรงเรียนอนุบาลของข้าวตูเต็มที่

จบตอนที่ 7

โปรดติดตามอ่านตอนที่ 8
วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554 







กำลังโหลดความคิดเห็น